แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๐๐
๑๖. คำซ้อนขอ้ ใดความหมายกว้างข้ึนทุกคำ
๑. ข้าวปลา ลูกหลาน ปดั กวาด ๒. ขนมนมเนย พีน่ อ้ ง กกั ตนุ
๓. ป่ยู า่ ตายาย พ้องเพือ่ น ข่มเหง ๔. ถ้วยโถโอชาม บ้านเรือน เฟือ่ งฟู
๑๗. คำซ้อนข้อใดมีคำภาษาถิน่ ทุกคำ
๑. พบปะ ละทิง้ พัดวี ๒. ดแู ล ข่มเหง จัดสรร
๓. อ้วนพี จุบจิบ หา้ วหาญ ๔. เสือ่ สาด ทองคำ มดหมอ
๑๘. ข้อใดมีคำซ้ำ
๑. ฉันเหน็ เขาจะจะเลย ๒. เธอต้องนั่งเป็นที่ที่ไป
๓. เขาพดู ไปตา่ ง ๆ นานา ๔. เปน็ เป็นเป็น ตายเปน็ ตาย
๑๙. คำซ้ำในข้อใดเมื่อซ้ำคำแล้วจะเกิดความหมายใหม่
๑. ของวางขายข้างถนนสวย ๆ งาม ๆ ทั้งน้ัน
๒. จะทำอะไรทำเปน็ อยา่ ง ๆ ไป แบง่ เวลาให้ถูก
๓. นงั่ รถไฟหลับ ๆ ตื่น ๆ อ้าวถึงชุมพรแลว้ ดีจัง
๔. กระเบือ้ งโมเสกพืน้ ๆ พวกนีฉ้ นั ไมซ่ ื้อหรอกเสียดายเงิน
๒๐. ขอ้ ใดไม่ต้องใช้เป็นคำซ้ำได้
๑. พอย่างเข้าฤดูฝน ฝนกเ็ ริม่ ตกปรอย ๆ
๒. วนั นีน้ ำการ์ตูนทีอ่ า่ นแลว้ ไปขายได้กำไรมาเหนาะ ๆ
๓. คุณยายไม่กินหมากแต่หลานเคี้ยวหมากฝรง่ั หยับ ๆ
๔. ก๋วยเตี๋ยวจะอรอ่ ยต้องปรุง เหยาะ ๆ น้ำส้มอกี นิดอร่อยโดนใจ
๒๑. คำซ้ำในข้อใดต้องใช้เป็นคำซ้ำเสมอ
๑. ทำตวั บ้า ๆ บอ ๆ ใครจะเช่อื ถือ
๒. ดึก ๆ ดื่น ๆ ไมค่ วรออกมาเดินเลน่
๓. คนทำผดิ มักต้องอยูอ่ ยา่ งหลบ ๆ ซ่อน ๆ
๔. เหตกุ ารณเ์ กิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเช้านเี้ อง
๒๒. คำที่พิมพต์ ัวหนาข้อใดเปน็ คำซ้ำ
๑. สละสละสมร เสมอชอ่ื ไม้นา
๒. สายหยดุ หยดุ กลิน่ ฟงุ้ ยามสาย
๓. ยามคนื คนื ทกุ ข์ทิง้ กลางไพร
๔. รอนรอนอ่อนอัสดง พระสรุ ยิ งเยน็ ยอแสง
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๐๑
๒๓. ข้อใดเปน็ การซ้ำคำเพือ่ บอกความหมายเป็นเอกพจน์
๑. ทำไมเธอไมไ่ ปเทีย่ วกบั เพือ่ น ๆ เขาเลา่
๒. คณุ หมอชว่ ยตรวจสุขภาพเดก็ เปน็ คน ๆ ไป
๓. อะไรกันมเี สื้อผ้าเป็นตู้ ๆ แล้วยังจะตัดใหมอ่ ีกหรอื
๔. วิกฤติเศรษฐกิจโลกทำให้ประเทศไทยขาดดลุ การค้าเป็นล้าน ๆ บาท
๒๔. คำซ้ำในข้อใดบอกความหมายออ่ นลง
๑. เขามเี งินเป็นแสน ๆ ๒. เสื้อตัวไหน ๆ เขากใ็ ส่ไม่ได้
๓. เดิน ๆ อยู่เสียงโทรศัพทก์ ็ดงั ข้ึน ๔. ฉันออกจะโกรธ ๆ เขาอย่บู ้าง
๒๕. “เรอ่ื งพทุ ธประวตั ิเกีย่ วข้องอยูภ่ ายในตอนกลางคือมธั ยมประเทศไม่ค่อยเกี่ยวข้องกบั ตอนใต้ และ
ไม่มีทางที่จะเกี่ยว ข้องกับถิ่นประเทศเหนือภูเขาหิมาลัยขึ้นไป ฉะนั้นชื่อเมืองหรือความเป็นไปที่
เราคน้ หามาศกึ ษากนั ได้จงึ อย่แู ต่ในตอน กลางเป็นส่วนมากที่สดุ ”
ข้อความนไ้ี ม่ปรากฏรปู ลกั ษณข์ องคำแบบใด
๑. คำสมาส ๒. คำสนธิ
๓. คำซ้อนเสียง ๔. คำซ้อนความหมาย
๒๖. คำขวญั ทีย่ กมามที ้ังคำประสม ซ้อน และสมาส ยกเวน้ ข้อใด
๑. ละเว้นอบายมุข เพื่อความสขุ ของตนเอง
๒. อยา่ บอ่ นทำลายชาติ ด้วยการเปน็ ทาสยาเสพติด
๓. เพิ่มคุณภาพใหแ้ กช่ วี ิต สิง่ เสพติดตอ้ งห่างไกล
๔. หลงมวั เมาอบายมขุ ทำลายความสุขในครอบครัว
๒๗. “อุรารานรา้ วแยก ยลสยบ
เอนพระองคล์ งทบ ท่าวดิ้น
เหนอื คอคชซอนซบ สงั เวช
วายชีวาตมส์ ดุ สิน้ สู่ฟ้าเสวยสวรรค”์
โคลงบทนีไ้ ม่ปรากฏลกั ษณะใด
๑. คำสนธิ ๒. คำซ้อน
๓. คำสมาส ๔. คำประสม
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๐๒
๒๘. วรรคใดในบทเพลงน้ีที่มที ้ังคำประสม คำซ้อนและคำสมาสปรากฏอยู่
๑. เราจะทำอยา่ งซื่อตรง ขอแค่เธอจงไว้ใจและศรัทธา แผ่นดินจะดีในไมช่ ้า ขอคืนความสุขให้
เธอประชาชน
๒. วนั นีต้ ้องเหนด็ เหนอื่ ยกร็ ู้ จะขอสู้กบั อนั ตราย ชาติทหารไม่ยอมแพพ้ ่ายนีค่ อื คำสญั ญา
๓. วนั นีช้ าติเผชิญพาลภัย ไฟลุกโชนขนึ้ มาทกุ ครา ขอเป็นคนทีเ่ ดินเข้ามาไม่อาจใหส้ ายไป
๔. แผ่นดินจะดีในไมช่ ้า ความสุขจะคืนกลับมาประเทศไทย
๒๙. ขอ้ ใดเป็นคำสมาสแตเ่ ขียนไม่ถูกต้องตามหลกั ของการสมาส
๑. สาระสำคญั ๒. สาระสังเขป
๓. สาระบันเทิง ๔. สารประโยชน์
๓๐. คำในข้อใดเป็นคำสมาสด้วยวิธีการสนธิทุกคำ
๑. อรินทร์ นเรศวร บดินทร์ ๒. ชโยงการ คชยทุ ธ คเชนทร์
๓. ทิฆัมพร พชั รนิ ทร์ วิทยากร ๔. ไชยานุภาพ ขตั ติยมานะ กมลาสน์
๓๑. คำสมาสทกุ คำในข้อใดไม่มีการสนธิ
๑. อรรถรส จุลสาร รตั ตกิ าล ๒. อิทธิพล กรรมกร สงั หาร
๓. สังฆราช อคั คีภัย วิทยาลยั ๔. อบุ ัติเหตุ ปญั ญาชน สัมผสั
๓๒. ข้อใดเป็นคำสมาสด้วยวิธีสนธิทกุ คำ
๑. ราชานภุ าพ กิดาการ จตรุ งค์ ๒. ปรเมนทร์ อิสรภาพ ปถพินทร์
๓. เจดียสถาน รามินทร์ อเรนทร์ ๔. อดลุ ยานุภาพ กาญจนบุรี มหุตฤิ กษ์
๓๓. ขอ้ ใดเปน็ สมาสแบบสนธิทุกคำ
๑. เศวตฉัตร กมลาสน์ ศสั ตราวุธ ๒. ยทุ ธหัตถี ไชยานุภาพ เพโทบาย
๓. คชาภรณ์ ปถพินทร์ มาตยากร ๔. ราชอรินทร์ พิทยาจารย์ อดุลยานุภาพ
๓๔. คำสมาสข้อใดเกิดจากคำภาษาบาลี - สันสกฤตตามลำดบั ทกุ คำ
๑. พลวตั ร ปฐมนิเทศ บุคลิกภาพ ๒. บาทบงสุ์ เบญจเพส โพธิญาณ
๓. ประติมากรรม วรพกั ตร์ วายภุ กั ษ์ ๔. พลศึกษา ประสูติกาล ภาพยนตร์
๓๕. การประกอบคำขอ้ ใดเกิดจากคำไทยกับคำภาษาบาลีทุกคำ
๑. ผวิ พรรณ ซากศพ ซื่อสตั ย์ ๒. เช้ือชาติ ทุกขย์ าก คุณคา่
๓. กงจักร เนืองนิตย์ สิงสถิต ๔. โคตรเหงา้ ทรัพยส์ ิน ศูนย์กลาง
๓๖. ข้อใดเปน็ การสรา้ งคำจากคำภาษาตา่ งประเทศท้ังหมด
๑. ของสูง กินที่ ผลผลิต ๒. การทูต รักษาการ สารพิษ
๓. กินเจ โรงเรียน นำ้ เต้าหู้ ๔. หมอความ จ่ามงกฎุ กฎหมาย
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๐๓
๓๗. คำยมื ทีม่ าจากภาษาตา่ งประเทศข้อใดแตกต่างจากข้ออื่น
๑. เกมส์ เรดาร์ ชอลก์ ๒. มอเตอร์ไซค์ ฟรี แบงก์
๓. คปู อง บุฟเฟต์ ครัวซอง ๔. ไอศกรีม โควตา มิเตอร์
๓๘. “สองผจญอริราชด้วย โดยเสด็จ
คุณชอบตอบบำเหน็จ ท่านให้
ครบเครือ่ งอปุ โภคเสร็จ ทกุ สิง่ สรรพแฮ
เงินและทอง ทาสใช้ อีกท้ังทวยเชลย”
โคลงบทนีม้ ีคำยืมจากภาษาตา่ งประเทศกี่คำ
๑. ๘ คำ ๒. ๙ คำ
๓. ๑๐ คำ ๔. ๑๑ คำ
๓๙. ขอ้ ใดรับคำภาษาต่างประเทศหลากภาษามากที่สดุ
๑. น้องไปเล่นสเก็ตหน้าบ้าน หลบรถไปถูกสงั กะสบี าดต้องใสท่ ิงเจอร์
๒. ราชวงศส์ ุดท้ายของจนี มบี าทหลวงไปเผยแพรศ่ าสนาคริสตจ์ ำนวนมาก
๓. ร้านน้ำชาในญีป่ ุ่นสมยั กอ่ นมหี ญิงเกอิชาสวมกิโมโนคอยบริการพวกซามูไร
๔. คณุ ยายแกงเกี้ยมไฉข่ องโปรดให้หลาน ของหวานซ่าหริ่ม แต่ก่อนกินยกชามข้าวโอต๊ ไปให้
คณุ ตาก่อน
๔๐. “ภาษาไทยมีรูปตวั สะกดตรงตามมาตรา” ข้อใดมีภาษาต่างประเทศที่มลี ักษณะเหมอื นคำไทย
ดังคำกล่าวข้างตน้
๑. เปรียบเธอเพชรหยาดน้ำหน่งึ หวานปานนำ้ ผ้งึ เดือนหา้
๒. ให้โลกเราสวยพวกเรามาช่วยกนั รับรู้ด้วยกนั แลว้ ทำให้โลกนสี้ ดใส
๓. จงใครค่ รวญหวั ใจใครเล่าใครไหนกัน แสนรักม่นั ห่วงใยเธอมากกว่าฉนั
๔. เราจะทำตามสญั ญา ขอเวลาอีกไมน่ าน แล้วแผน่ ดินทีง่ ดงามจะคืนกลบั มา
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๐๔
การพดู ตอ่ ประชมุ ชน
๑. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถูกต้องเกีย่ วกับการพดู ตอ่ ประชุมชน
๑. ผพู้ ูดควรมคี ณุ ธรรม มีความปรารถนาดีและไม่ละเมิดสทิ ธิผอู้ ื่น
๒. การพูดต่อประชมุ ชนอาจใชค้ ำตลกคะนองเพือ่ สร้างความสนกุ สนานแก่ผฟู้ งั ได้
๓. ความรจู้ รงิ ในเรื่องทีพ่ ดู จะทำให้ผู้พูดมคี วามมน่ั ใจและพดู ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
๔. ในการพูดอาจมีการอ้างองิ หลักฐานขอ้ มลู จากการวิจัยของผู้อ่ืนหรอื ของตนเองกไ็ ด้
๒. ขอ้ ใดกล่าวผิด
๑. ผพู้ ดู ควรเลือ่ กเรือ่ งทีต่ นเองมีความรแู้ ละประสบการณ์
๒. การกล่าวคำสดดุ ีบุคคลสำคญั ของชาติเป็นการพูดเพือ่ จรรโลงใจ
๓. การวิเคราะห์ผู้ฟงั ควรพิจารณาเพศ วัย สถานภาพทางสงั คม อาชีพของกลุ่มผู้ฟงั
๔. การพูดโดยอาศยั ต้นร่างมักจะใช้ในโอกาสสำคญั เช่น การกล่าวเปิดประชมุ การกลา่ วปราศรัย
การกล่าวรายงาน
๓. การยึดหลักคุณธรรมในการพูดตอ่ ประชมุ ชนหมายถึงอะไร
๑. มีความรบั ผดิ ชอบในเรื่องทีพ่ ูด ๒. มีหลักการและเหตุผลประกอบการพดู
๓. มีการวิเคราะห์ผู้ฟงั กอ่ นพูดเสมอ ๔. มีการกลา่ วอ้างทีม่ าของขอ้ มูลที่นำมาพดู
๔. การพูดต่อประชุมชนข้อใดมีจุดมุ่งหมายต่างจากข้ออื่น
๑. นายกรฐั มนตรแี ถลงนโยบายในรฐั สภา
๒. พริตตีอ้ ธิบายสมรรถนะของรถยนตร์ ุน่ ใหมใ่ นงานมอเตอรโ์ ชว์
๓. ผสู้ มัครประธานตกึ นำเสนอนโยบายในหอประชมุ กอ่ นการเลือกต้ัง
๔. ประธานชมรมส่งิ แวดล้อมเชญิ ชวนให้นักเรียนแยกประเภทขยะกอ่ นทงิ้
๕. “แท้จริงแล้วความงดงามของอะไรก็ตามที่เปน็ ของเราในท้องถิน่ นั้นเป็นความงดงามที่แม้มนั ค่อย ๆ
ลบเลือนไปก็เป็นสิ่งที่มีค่า คนรุ่นพวกเราที่ยังมีโอกาสที่ยังเห็นความงดงามเหล่านั้นอยู่จำเป็น
อย่างยิ่งที่จะต้องตระหนักและต้องช่วยกันอนุรักษ์หรือดำรงรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้อยู่ยาวนานที่สุด
เท่าที่จะสามารถทำได้”
ข้อความข้างตน้ เป็นการพูดทีม่ จี ุดมุ่งหมายตามข้อใด
๑. การพดู เพื่อจรรโลงใจ ๒. การพูดเพื่อโน้มน้าวใจ
๓. การพดู เพื่อคน้ หาคำตอบ ๔. การพูดเพื่อใหค้ วามรหู้ รอื ข้อเทจ็ จริง
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๐๕
๖. ผบู้ ัญชาการตำรวจนครบาลชีแ้ จงรายละเอียดกรณีการลอบวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์
จดั เปน็ การพูดตอ่ ประชมุ ชนแบบใด
๑. การพดู เพื่อจรรโลงใจ ๒. การพดู เพื่อใหข้ ้อเท็จจริง
๓. การพดู เพือ่ โน้มน้าวใจ ๔. การพดู เพือ่ คน้ หาคำตอบ
๗. “ความขัดแย้งของคนในสังคมแยกเป็นความขัดแย้งแบบไม่เป็นปรปักษ์และความขัดแย้งแบบเป็น
ปรปักษ์ ความขัดแย้งแบบไม่เป็นปรปักษ์อาจคลี่คลายได้ด้วยการประนีประนอมตกลงกัน ส่วน
ความขดั แย้งแบบเปน็ ปรปักษอ์ าจนำไปสู่การทะเลาะวิวาท ทำร้าย ทำลายล้างหรอื รบพ่งุ กนั ”
ข้อความน้ีเปน็ การพดู เพื่อจุดม่งุ หมายใด
๑. โน้มนา้ วใจ ๒. จรรโลงใจ
๓. ค้นหาคำตอบ ๔. ให้ความรู้, ข้อเท็จจริง
๘. :- หนูอยากได้พอ่ ที่ดกี วา่ นี้ พ่อทีไ่ ม่เปน็ ใบ้ พ่อที่เหมือนคนอื่น พอ่ ทีไ่ ด้ยินในสิ่งที่หนอู ยากบอก
พอ่ ที่พดู ได้และเข้าใจหนู
:- บางทีอาจจะไม่มีพ่อทีด่ ที ี่สุด แต่มพี ่อทีร่ ักคุณมากทีส่ ุด...........ดูแลคนทีด่ แู ลคุณ
บทสนทนานีข้ ้อสรปุ ตอนท้ายผู้พดู มจี ุดมงุ่ หมายใด
๑. ให้ข้อเทจ็ จรงิ ๒. เพื่อโน้มนา้ วใจ
๓. เพื่อจรรโลงใจ ๔. เพื่อค้นหาคำตอบบางประการ
๙. หัวหน้างานกล่าวแก่ผู้ร่วมงานว่า “ช่วงนี้ผู้จัดการโรงงานมีเรื่องร้อนอาสน์ เพราะสินค้าถูกตีกลับ
หลายทา่ นคงงงว่าอะไรคือร้อนอาสน์ ร้อนอาสนม์ คี วามหมายว่ามีเร่อื งเดือดร้อนต้องรีบแก้ไข สำนวนนี้
มาจากอาสน์แท่นทีป่ ระทบั ของพระอินทร์ แท่นนปี้ กติออ่ นนุ่ม ถ้าเกิดแข็งกระด้างหรือร้อนเป็นไฟขึ้นมา
จะเป็นการบอกเหตุว่ามีเรื่องเดือดร้อนขึ้นในโลก พระอินทร์ต้องรีบลงไปแก้ไข ฉะนั้นพวกเราต้อง
ช่วยกนั และเป็นกำลังใจใหผ้ ู้จดั การฝ่าฟันวิกฤตการณค์ ร้ังนีไ้ ปให้จนได้”
ข้อความน้ีใชว้ ิธีการพดู ประเภทใด
๑. การพูดโดยฉับพลนั ๒. การพดู โดยอาศัยต้นรา่ ง
๓. การพดู โดยวิธีทอ่ งจำ ๔. การพูดโดยวิธีอา่ นจากรา่ ง
๑๐. การพดู ทีเ่ ป็นไปตามธรรมชาติและประสบผลสำเร็จมากทีส่ ุดควรนำเสนอด้วยวิธีการพดู ตามข้อใด
๑. การพดู ฉับพลนั ๒. การพดู โดยอาศัยต้นร่าง
๓. การพดู โดยวิธีการท่องจำ ๔. การพดู โดยวิธีอ่านจากร่าง
๑๑. การพดู ดำเนินรายการวิทยขุ องสถานวี ิทยุ “๑๐๔.๕ แฟตเรดิโอ โตๆ มันๆ”จดั เปน็ การพูดแบบใด
๑. การพูดโดยฉบั พลนั ๒. การพดู ดดยอาศัยต้นร่าง
๓. การพดู โดยวิธีการทอ่ งจำ ๔. การพดู โดยวิธีอา่ นจากร่าง
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๐๖
๑๒. “การพูดที่ผู้พูดทราบล่วงหน้า มีเวลาเตรียมต้นร่างที่จะพูด มีการศึกษาผู้ฟังและสภาพแวดล้อม
มีการซักซ้อม พูดจนแม่นยำ รวมทั้งมีการเตรียมอุปกรณ์ ตัวอย่าง เมื่อถึงเวลาพูดจริงผู้พูดอาจ
ดัดแปลงเน้ือหา ถ้อยคำ ลีลาให้เหมาะสมกับโอกาส สถานการณ์และผฟู้ งั ได้อีกด้วย”
จากข้อความจดั เปน็ การพูดต่อประชมุ ชนแบบใด
๑. การพดู โดยฉบั พลัน ๒. การพดู โดยท่องจำ
๓. การพดู โดยอาศัยรา่ ง ๔. การพูดโดยวิธีอ่านจากรา่ ง
๑๓. การพดู แบบฉับพลันควรคำนึงถึงเรือ่ งใดมากที่สดุ
๑. การวิเคราะห์เร่อื งทีจ่ ะพูด ๒. การวิเคราะห์ผู้ฟัง
๓. ความกะทดั รัดของเนอื้ หาที่จะพดู ๔. การเลือกใช้ถ้อยคำภาษา
๑๔. ข้อใดเปน็ การพดู ในโอกาสกึ่งทางการ
๑. การพดู เสวนา “พัฒนาผา้ โอทอปสู้ศกึ AEC”
๒. การกล่าวขอบคณุ แขกของค่บู า่ วสาวที่มาร่วมงงานมงคลสมรส
๓. การกลา่ วเปิดงานสมั มนา “ทำโชหว่ ยใหร้ วยอยา่ งยั่งยืนครงั้ ที่ ๒๓”
๔. การกลา่ วสรุปบรรยาย “เพราะชีวติ ในวัยเรียนใหป้ ระสบการณท์ ี่มากกว่าแคด่ ้านเดียว”
๑๕. คุณคมคิดไปพูดเรื่อง “ขับเคลื่อนอนาคตโลกด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์” ให้สมาชิกในที่ประชุม
สมาคมครูและผู้ปกครองโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาฟังผลปรากฏว่าไม่ประสบผลสำเร็จในการพูด
นักเรียนคิดว่านา่ จะเกิดจากสาเหตใุ ดมากที่สุด
๑. การใชภ้ าษา ๒. การวิเคราะหผ์ ู้ฟัง
๓. การรวบรวมเน้ือหา ๔. การกำหนดขอบเขตของเรือ่ ง
๑๖. การพดู ลักษณะใดจงู ใจใหผ้ ฟู้ งั ยอมรบั ได้ดที ี่สุด
๑. พดู แสดงเหตุผลและข้อเท็จจริง ๒. พดู ออ่ นน้อมถ่อมตน
๓. พดู ด้วยลีลาทีน่ า่ ฟัง น้ำเสียงสุภาพ ๔. แสดงขอ้ คิดเห็นที่แปลกและเแตกตา่ ง
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๐๗
มารยาทและคุณธรรมในการส่ือสาร
๑. ขอ้ ใดกล่าวไม่ถกู ต้อง
๑. คำทักทาย “สวสั ดี” ผเู้ ริ่มนำมาใช้คอื พระยาอนมุ านราชธน
๒. การส่อื สารในโรงเรยี นข้อเท็จจริงบางอย่างไมค่ วรนำไปเผยแพร่
๓. ภาษาที่ใชใ้ นการปลกู ฝังคุณธรรมมีปรากฏท้ังในวรรณคดี สุภาษิตและนทิ าน
๔. กระบวนการส่ือสารกบั ตนเองคล้ายกบั กระบวนการคิดแตก่ ารคิดนั้นไมม่ ีผรู้ บั สาร
๒. ขอ้ ใดเปน็ พฤติกรรมการสือ่ สารด้านในของมนษุ ย์
๑. ปองวิชญ์มีนำ้ ใจเมื่อเพื่อนขอยืมยางลบ รีบโยนไปให้เพือ่ นทนั ที
๒. ปองยศยอมให้เพือ่ นโกรธเพราะปฏิเสธไมอ่ ยมให้เพือ่ นลอกข้อสอบ
๓. ปองพลมีอธั ยาศยั ดีชอบตะโกนทักทายเพือ่ น ๆ จากช้ัน ๔ ลงมาด้านล่าง
๔. ปองศักดิ์ไมเ่ คยทำกิจกรรมใด ๆ ในขณะเรียนวิชาพทุ ธศาสนาบนหอประชุม
๓. ใครเขลาควรเอาเปรียบ และมุสาประดิษฐ์เรื่อง
ลวงล่อบ่ต้องเปลือง ธนะหากำไรงาม
จากบทประพันธ์แสดงถึงการขาดคณุ ธรรมในการส่อื สารข้อใดมากที่สุด
๑. ละเมดิ สิทธิผู้อน่ื ๒. ขาดความคิดสรา้ งสรรค์
๓. เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นทีต่ ้ัง ๔. ไมร่ ับผดิ ชอบในสิ่งที่ตนทำหรอื พดู
๔. ขอ้ ใดถือเปน็ การขาดมารยาทในการส่อื สารในสงั คมน้อยทีส่ ดุ
๑. สมทรงก้มหน้าทำบันทึกการอ่านในขณะที่ครูกำลงั สอน
๒. สมหญิงตะโกนเรียกเพือ่ นให้รบี ขึน้ มาเรียนเพราะครูผสู้ อนกำลังจะเชค็ ชื่อ
๓. สมหมายร้องเพลงสบายอารมณใ์ นขณะทีเ่ พือ่ นกำลังฟงั ประกาศอนิ เตอรค์ อม
๔. สมชายคยุ กับเพือ่ นเรื่องโครงงานฯ ในขณะที่พิธีกรกำลังกล่าวเรียนเชิญประธานเปิดงาน
๕. สำนวนข้อใดใช้ตำหนผิ ทู้ ี่ขาดมารยาทในการสือ่ สาร
๑. ปากวา่ ตาขยิบ ๒. ปากไมม่ หี รู ูด
๓. ปากหวานก้นเปรยี้ ว ๔. ปากปราศรยั ใจเชือดคอ
๖. หากผู้ส่งสารขาดคุณธรรมและมารยาทจะส่งผลตอ่ การส่อื สารประเภทใดมากทีส่ ดุ
๑. การสอ่ื สารมวลชน ๒. การส่อื สารสาธารณะ
๓. การสอ่ื สารกับตนเอง ๔. การสอ่ื สารระหวา่ งบุคคล
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๐๘
๗. “ชมรมภาษาไทยเชิญวิทยากรมาบรรยายให้ความรู้เรื่องการอ่านร้อยกรองภาษาไทยให้แก่นักเรียน
ในชมรมภาษาไทยและนักเรียนทีส่ นใจ” จัดเปน็ การสอ่ื สารประเภทใด
๑. การส่อื สารมวลชน ๒. การสอ่ื สารสาธารณะ
๓. การส่อื สารกบั ตนเอง ๔. การสอ่ื สารระหว่างบคุ คล
๘. การสอ่ื สารผา่ นกระดานสนทนาทางอนิ เทอรเ์ น็ต (Webboard) จดั เป็นการส่อื สารประเภทใด
๑. การส่อื สารมวลชน ๒. การส่อื สารกบั ตนเอง
๓. การส่อื สารสาธารณะ ๔. การสอ่ื สารระหวา่ งบคุ คล
๙. ข้อใดมีอทิ ธิพลมากที่สดุ ที่ทำให้กลมุ่ ชนต่าง ๆ เป็นกล่มุ ชนที่มคี ุณธรรม
๑. การไหว้ผีบรรพบุรษุ
๒. สภาพแวดล้อมของกลมุ่ ชน
๓. การถ่ายทอดด้วยการบอกเล่าถึงอดตี
๔. พฤติกรรมทีเ่ ปน็ แบบอยา่ งที่ดขี องคนในกลุม่ ชนน้ัน
๑๐. ๑) “เม่อื วันกอ่ นเจอคุณพ่อสอนลูกสาวตวั นอ้ ยใน ๗-๑๑ บอกวา่ อะไรที่หนูทำแลว้ มีความสขุ
ไม่เดือดร้อนคนอื่นกท็ ำ เถอะลูก พอลูกถือสเลอปี้หกพื้น พ่อก็บอกว่าไม่เป็นไรครับ คนเรา
ผดิ พลาดกนั ได้ แล้วกใ็ หล้ ูกขอโทษพนกั งาน ๗-๑๑ ....น่ารักมาก”
๒) “เม่อื วานนงั่ แทก็ ซีเ่ ห็นคุณพ่อมาสง่ ลูกชายหน้าโรงเรียนอนุบาล ลูกยกมอื ไว้ลาสวสั ดีครบั
หนา้ โรงเรียน.........น่ารกั มาก”
๓) “ต่อมารถติดมองไปเห็นคุณแม่เดินจูงมอื เด็กผหู้ ญิงตวั น้อยผมแกละสองขา้ ง ป้อนหมปู ิ้ง
ริมถนน ทำปากอ้าอา้ มแลว้ ลูกสาวกก็ ดั งบั แล้วเดินหยง่ ๆ ต่อ....น่ารกั มาก”
๔) “ก่อนลงรถมองไปเห็นรนุ่ นอ้ งโรงเรียนเตรียมฯ สีถ่ ึงห้าคนแต่งชดุ นกั เรียนเสือ้ ผา้ หน้าผม
เรียบร้อยมา๑...........นา่ รกั มาก”
เหตกุ ารณต์ อนใดทีผ่ ู้เล่าไมไ่ ด้แฝงเจตนาสอนมารยาท
๑. ตอน ๑ ๒. ตอน ๒
๓. ตอน ๓ ๔. ตอน ๔
๑๑. ภาษาใช้ปลกู ฝังคุณธรรม “ตำนาน” เน้นปลกู ฝงั คุณธรรมให้แก่มนุษย์ในข้อใด
๑. สอนให้เข้าใจชวี ิตและเห็นคณุ คา่ แหง่ ความดี
๒. สอนไม่ใหเ้ ช่อื และไมใ่ หป้ ล่อยตวั ตามคนอืน่
๓. สอนให้รจู้ ักใช้โอกาสใหเ้ หมาะสมและเปน็ ประโยชน์
๔. สอนเรื่องบคุ คลสำคัญและชีใ้ ห้เหน็ คุณธรรมของบคุ คลน้ัน ๆ
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๐๙
๑๒. การปลกู ฝงั คณุ ธรรมสำหรบั เดก็ วยั ประถมศึกษาควรเริ่มด้วยวิธีการข้อใดจะเหมาะสมที่สุด
๑. ฝกึ ร้องเพลงปลุกใจ ๒. เลา่ นทิ านอิสป ตำนานให้ฟงั
๓. ร้องเพลงสำหรับเดก็ ประกอบทา่ ทาง ๔. ยกพฤติกรรมตวั ละครในวรรณคดีให้ดตู ัวอย่าง
๑๓. การพูดในข้อใดสะท้อนความมีมารยาทในการไปเยี่ยมผู้ปว่ ย
๑. นอนให้นาน ๆ เลยนะไม่ต้องห่วงงานหรอก
๒. หมอบอกหรอื ยังว่าเป็นเนื้อรา้ ยหรือเน้ืองอกธรรมดา
๓. หนา้ ซีดไปหนอ่ ยนะ ทำไมหมอไมใ่ หเ้ ลือดเพิม่ เหรอ
๔. เป็นไงบ้างล่ะ พวกเราทุกคนเป็นหว่ งเธอนะ หายเรว็ ๆ นะ
๑๔. นักเรียนคิดว่าการทกั ทายในข้อใดเหมาะสมที่สุด
๑. “สวสั ดีคะ่ มาแตเ่ ช้าเชยี วนะคะวันน้”ี
๒. “เปน็ ไงบ้าง ไปเทีย่ วมาสนุกไหมจ๊ะ”
๓. “เปน็ ไง ข้อสอบนะ่ ทำได้หรอื ได้ทำ”
๔. “กลับมาแล้วหรอื คะคุณพี่ ดอู วบอิ่มเชียวนะไปมา ๒ เดือนเอง”
๑๕. แต่หากฤดีบอะภิรมย์ จะเฉลยฉะนั้นจกั
เป็นปดและลวงบรุ ุษะรกั ก็จะหลงละเลิงไป
คำกลา่ วของมัทนาแสดงให้เห็นวา่ นางมคี ุณธรรมในการส่ือสารข้อใดชัดเจนทีส่ ดุ
๑. มีสจั จะไมล่ ะเมิดสทิ ธิต่อกนั ๒. รกั เคารพ ปรารถนาดตี อ่ กนั
๓. รับผิดชอบในสิ่งทีต่ นทำหรอื พูด ๔. เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อสว่ นรวม
๑๖. ขอ้ ใดเป็นการส่อื สารที่ตา่ งบริบทจากข้ออืน่
๑. ยินแลว้ ข้าชืน่ จติ ดจุ ะหล่อนและให้กิน
น้ำทิพยท์ ีค่ วรจนิ ตะนะแท้นะนงคราญ
๒. กระหมอ่ มฉนั กเ็ คยทราบ สุภาษิตบุราณวา่
บุรษุ ยามสิเนหา ก็พูดได้ละหลายลิ้น
๓. มะทะนาชะเจ้าเล่ห์ ชิชิชา่ งจำนรรจา
ตะละคำอวุ าทา ฤ กระบิดกระบวนความ
๔. เออทำฉันใดดี นะจะให้พระทรงราชย์
อยตู่ อ่ ไม่ลีลาศ จระจาก ณ ที่น้ี
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๑๐
การถามและการตอบ
๑. ขอ้ ใดไมใ่ ช่คำถาม
๑. เทวะอันขา้ นีไ้ ซร้ มานอ่ี ย่างไร บ่ทราบสำนกึ สักนิด
๒. เหตุใดพระองคท์ รงธรรม์ จง่ึ ทำเช่นน้ันให้ข้าพระบาทต้องอาย
๓. ทีห่ ลอ่ นมิยินยอม มนะรกั สมคั รสมาน มีคูส่ ะมรมาน อภริ มย์ ฤ เปน็ ไฉน
๔. เพราะฉะนั้นจะให้นาง จุตสิ ู่ ณ แดนดน มะทะนาประสงค์ตน จะกำเนิด ณ รปู ใด
๒. ขอ้ ใดเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ
๑. เออหลอ่ นนมี้ าล้อเล่น อนั ตวั พีเ่ ป็น คนโงฤ่ ๅบ้าฉนั ใด?
๒. รักจริงมิจริงฤก็ไฉน อรไทบแ่ จ้งการ?
๓. พระกล่าวอา้ งพระจนั ทร์นี้ ชะรอยทีมชิ อบกล เพราะเหตุใดละหนา้ มน?
๔. นางมาแล้วไซร้ แต่วา่ ฉนั ใด จงึ ไม่พูดจา
๓. “แหวนน้ีท่านได้แต่ ใดมา
เจ้าพิภพโลกา ท่านให้
ทำชอบสิ่งใดนา วานบอก
เราแต่งโคลงถวายให้ ท่านให้รางวัล”
ลักษณะการถาม-ตอบข้างต้น สอดคล้องตามจดุ ประสงค์การถามและการตอบข้อใด
๑. ขอความคิดเหน็ -ให้ความคดิ เหน็ ๒. แสดงอธั ยาศยั ไมตรี-สนองอธั ยาศยั ไมตรี
๓. แสดงความสนใจ-สนองความสนใจ ๔. อยากทราบข้อเท็จจริง-ให้ได้ทราบข้อเทจ็ จริง
๔. วธิ ีต้ังคำถามข้อใดมีลักษณะต่างจากข้ออืน่
๑. ระบบการศกึ ษาในประเทศไทยควรปรับปรุงดา้ นใดบ้าง
๒. เราสามรถป้องกันเชอื้ โรคอีโบลา่ ดว้ ยวิธีการอยา่ งไรได้บ้าง
๓. มีแนวทางใดบ้างทีส่ ามารถใช้ในการแก้ปัญหาการมาสายของนกั เรียน
๔. นักเรียนเหน็ ด้วยหรอื ไมก่ บั การตดิ ตอ่ สื่อสารผา่ นโปรแกรมไลน์แทนการใช้โทรศัพท์
๕. การต้ังคำถามข้อใดมีจดุ ประสงค์แตกตา่ งจากข้ออืน่
๑. นักเรียนคิดว่าข้อดขี องการคดิ บวกคืออะไร
๒. ปิดเทอมน้ีนกั เรียนอยากไปเทีย่ วภูเขาหรอื ไปทะเล
๓. นกั เรียนจะทำอยา่ งไรเมือ่ เพือ่ นในกลมุ่ มคี วามคิดเห็นไมต่ รงกนั
๔. นกั เรียนชอบตวั ละครใดในเรือ่ งหลายชวี ิต อธิบายและยกตัวอยา่ งใหช้ ดั เจน
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๑๑
๖. คำถามขอ้ ใดเป็นการตงั้ คำถามเพือ่ ให้ตอบได้หลายทาง
๑. กล่มุ ประเทศอาเซียนมกี ี่ประเทศ
๒. การรวมกลุม่ ประเทศอาเซียนจะมีข้นึ ในปีใด
๓. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC คืออะไร
๔. AEC เปิดเสรี ๕ ด้าน ไทยได้เปรียบเสียเปรียบอะไรบ้าง
๗. ข้อใดเปน็ ลกั ษณะการถามเพื่อตรวจสอบความรู้
๑. ในช่วงเวลาวา่ งหลงั เลิกเรียนนกั เรียนควรปฏิบัติตนอย่างไร
๒. เป็นความจริงหรอื ไมท่ ี่เยาวชนไทยสมัยนีเ้ ป็นพวกวัตถนุ ิยม
๓. เหตใุ ดเราจงึ ตอ้ งช่วยกนั รกั ษากฎระเบียบของโรงเรียนอยา่ งเครง่ ครดั
๔. ทำอย่างไรจงึ จะทำให้สังคมไทยเกิดความสงบสุขได้ จงอธิบายให้ชัดเจน
๘. การถามประเภทใดเปน็ คำถามทีช่ ว่ ยให้ได้รบั ความรแู้ ละความคิดที่กว้างขวางยิง่ ขึ้น
๑. ถามขอ้ เท็จจริง ๒. ถามให้ตอบได้หลายทาง
๓. ถามเพือ่ การทดสอบ ๔. ถามโดยบอกที่มาของคำถาม
๙. “การที่ท่านจะลดเวลาเรียนให้โรงเรียนเลิกเรียนเร็วขึ้นนั้นกระผมใคร่ขอให้ท่านโปรดช่วยชี้แจงว่า
เรื่องมันเป็นอย่างไร” ลกั ษณะคำถามตรงกบั ข้อใด
๑. ถามขอ้ เท็จจริง ๒. ถามความคิดเหน็
๓. ถามเพือ่ การทดสอบ ๔. ถามให้ตอบหลายทาง
ดารณี : หลังสอบโอเนต็ พวกเราไปว่ายน้ำทีส่ ระวา่ ยน้ำในเกษตร ฯ กนั ไหม ที่นี่มีสระน้ำตั้งหลาย
ขนาดใหเ้ ลือก
นีรนุช : ก็อยากไปเหมอื นกนั แตเ่ รายังวา่ ยน้ำไมเ่ ป็นเลยตอนลงสระเธอต้องว่ายอยูใ่ กล้ ๆ เราด้วยนะ
ดารณี : .............................................................................
๑๐. คำตอบของดารณีขอ้ ใดทีท่ ำให้นีรนุชไม่พอใจ
๑. เธอลงสระลึก ๑.๒๐ เมตรกไ็ ด้ พวกเราทีว่ า่ ยน้ำไม่แขง็ ก็ลงสระนี้
๒. ถ้างั้นเราขอไปวา่ ยน้ำสกั ๑๐ นาทีก่อนแล้วคอ่ ยกลบั มาลงสระกบั เธอ
๓. กล้าหน่อยสิเธอ มีเดก็ เล็ก ๆ ลงเลน่ กันเยอะแยะ ไมเ่ ห็นจะน่ากลัวเลย
๔. ได้สิ แต่ทีน่ นั่ มสี ระให้เลือกหลายระดบั ความลกึ เธอไมต่ ้องกลวั หรอกนะ
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๑๒
๑๑. “กรุณาบอกดิฉันหน่อยได้ไหมคะว่าคุณมีวิธีการเลี้ยงลูกอย่างไรจึงมีมารยาทงามเช่นนี้ น่ารักจัง
เลยคะ่ ” การถามเชน่ นี้ เป็นการตงั้ คำถามด้วยวิธีใด
๑. ต้ังคำถามเพื่อทดสอบ
๒. ต้ังคำถามเพื่อได้รับคำตอบหลากหลาย
๓. ต้ังคำถามเพื่อให้ได้ข้อคิดเห็น
๔. ต้ังคำถามเพื่อแสดงความสภุ าพของผถู้ าม
๑๒. “มีความจำเป็นอยา่ งไรทีป่ ระเทศไทยต้องเข้าร่วมประชาคมอาเซียน” คำถามนีม้ ีจุดประสงค์
ในข้อใดเป็นสำคญั
๑. เพือ่ ทดสอบ ๒. เพือ่ ตรวจสอบความรู้
๓. เพือ่ ให้ได้ข้อเทจ็ จริง ๔. เพื่อให้ได้ความคิดเหน็ ที่หลากหลาย
๑๓. หลังจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้สัมภาษณ์เรื่องการจับผู้ต้องหาหนึ่งในผู้ร่วมกระบวนการ
วางระเบิดจบ นักข่าวถามท่านว่า “จับแพะหรือเปล่าคะท่าน” แสดงให้เห็นว่าผู้ถามขาดการคำนึง
ในการถามขอ้ ใด
๑. ภาษา ๒. บคุ คล
๓. มารยาท ๔. กาลเทศะ
๑๔. ทันใดนั้นเพื่อนก็กระตุกมือฉัน ฉันสะดุ้ง เงยหน้าขึ้น เพื่อนที่เคยสนิทคนนั้นน่ะเอง เขาเดินเฉียด
โต๊ะเราไป ฉันประ สานตากับเขาอย่างจัง แต่เขาทำหน้าเฉยเหมือนไม่เคยรู้จักฉนั มาก่อน และเดิน
เลยไปอย่างไม่แยแส ฉันรีบก้มหน้าซ่อน น้ำตาที่เอ่อขึ้นมาปริ่มขอบตา เสียงเพื่อนถามแจ้วๆ “เอ๊ะ
ทำไมเขาทำท่ายังกับไม่รู้จักเธอนะ ทำไมเธอไม่เรียกเขาล่ะ หรือ เธอโกรธกับเขาแล้ว นี่เธอได้ยิน
ฉนั พูดไหม ทำไมเงยี บไปล่ะ” ฉนั รู้สึกรำคาญจนทนไมไ่ หว คว้ากระเป๋าได้กล็ กุ จากโต๊ะ มาเสียเฉยๆ
จากสถานการณ์น้ผี ู้ถามไมไ่ ด้คำนงึ ถึงหลกั การถามข้อใด
๑. สาระ ๒. บคุ คล
๓. กาลเทศะ ๔. มารยาท
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๑๓
๑๕. ในการประชมุ ประจำปี ผบู้ ริหารตอ้ งการกระตุ้นใหพ้ นักงานทีความกระตอื รอื ร้นในการทำงาน
ผบู้ ริหาร : ใครที่คิดวา่ ตวั เองไร้ความสามารถและบกพรอ่ งในการทำงานขอใหย้ ืนข้ึนครับ
กฤษดา : ครบั !
ผบู้ ริหาร : ทำไมคณุ ถึงคิดวา่ คณุ เป็นคนไร้ความสามารถ? คุณกฤษดา
กฤษดา : ด้วยความเคารพครับทา่ น แต่ผมทนไม่ได้ครบั ทีเ่ ห็นท่านยนื อยคู่ นเดียว
บทสนทนานี้ไม่ถกู ต้องในเร่อื งใด
๑. สาระ ๒. ภาษา
๓. กาลเทศะ ๔. มารยาท
๑๖. ถาม : เหตุใดพระสารีบุตรจงึ บรรลุชา้ ทั้งทีม่ ปี ัญญามาก? ตรงกับสำนวนไทยเรียกวา่ “รู้มาก
ยากนาน”
ตอบ : “เป็นเพราะวา่ เวลาทีพ่ ระพทุ ธเจา้ สอนอะไรทา่ นคิดมากไป เหมอื นบางคนสอนอะไรไมค่ อ่ ย
ปฏิบัติตามจะคิดนอกครอู ยูเ่ รื่อย เดินกค็ ิด น่ังกค็ ิด กินก็คิด นอนก็ยงั คิด คนที่คิดมากกลับ
ออกไปกเ็ ครียดหนกั ”
จากบทสนทนาข้างตน้ เปน็ การตอบเพื่อจดุ ประสงคใ์ ด
๑. เพื่อแสดงความสนใจมักใช้ในขณะรว่ มสนทนา
๒. เพือ่ ใช้เปน็ กลวิธีการให้ความรู้หรอื ข้อคิดแก่บคุ คลอื่น
๓. เพื่อเปน็ การทดสอบว่าผู้ตอบมีความรหู้ รอื ไม่ เพียงใด
๔. เพือ่ ได้ทราบข้อเท็จจริง หรอื ความคิดเหน็ จากอีกฝ่ายหนึ่ง
๑๗. ขอ้ ใดไม่ใช่แนวทางการตอบคำถามทีด่ ี
๑. ถ้าไมแ่ น่ใจคำตอบควรบอกอย่างสุภาพตรงไปตรงมาวา่ ไมท่ ราบ
๒. บางครงั้ อาจมกี ารทวนคำถามบ้างเพื่อความเข้าใจทีต่ รงกันกบั ผถู้ าม
๓. การตอบคำถามที่ดีควรมกี ารเท้าความอยา่ งละเอียดเพื่อให้คำตอบชดั เจน
๔. การตอบคำถามอาจมกี ารแสดงเหตุผลสนับสนนุ หรอื เปรียบเทียบอุปมาอุปไมย
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๑๔
๑๘. วิธีตอบคำถามทีด่ ีคอื ต้องตอบใหต้ รงคำถาม แจม่ แจ้ง ครบถ้วน ข้อใดตอบได้ตรงคำถาม
๑. หากพี่จะกอดวธแุ ละจมุ - พิตะเจ้าจะว่าไร
ข้าบาทจะขดั ฤกม็ ิได้ ผพิ ระองค์จะทรงปอง
๒. วา่ แต่จะเตม็ ฤดิฤหาก ดนกุ อดและจูบน้อง
เตม็ ใจมิเต็มดนกุ ต็ ้อง ปฏิบตั ิระเบียบดี
๓. จรงิ ฤๅนะเจ้าสุมะทะนา วจะเจ้าแถลงความ
ข้าขอแถลงวะจะนะตาม สรุ ะเทวะโปรดปราน
๔. ที่หล่อนมิยินยอม มะนะรกั สมัครสมาน
มีคูส่ ะมรมาน อภริ มย์ฤเปน็ ไฉน
หมอ่ มฉัน บ มบี รุ ษุ ผู้ ประดิพนั ธะใดใด
เปน็ โสด บ มมี ะนะสะใฝ่ อภริ มย์ฤสมรส
๑๙. ถาม : คุณธรรมในการส่อื สารต่างกับมารยาทในการส่อื สารอยา่ งไร
ตอบ : คณุ ธรรมคอื ความดงี ามอนั มอี ยู่ในตัวบุคคล เกิดจากการปลูกฝังจากการทีเ่ คยได้เห็น ได้ยิน
และได้อา่ นการตอบคำถามขา้ งตน้ ถือว่าบกพร่องอยา่ งไร
๑. ตอบไมค่ รบถ้วน ๒. ตอบไมแ่ จ่มแจ้ง
๓. ตอบไม่ตรงคำถาม ๔. ตอบโดยไมแ่ สดงมารยาท
๒๐. ผจู้ ัดการ : ไม่ทราบว่าคณุ มพี ี่นอ้ งกี่คนครบั
พนักงาน : มี ๔ คนครบั
ผจู้ ดั การ : แล้วคุณเป็นลกู คนที่เทา่ ไรครับ
พนักงาน : ผมมีพ่ชี ายคนโต ๒ คน พี่หญิงคนโต ๑ คน ผมเปน็ ลกู คนแรกที่เกิดเป็นคนสุดท้องครบั
ผจู้ ดั การ : .........
จากบทสนทนาข้างตน้ แสดงให้เห็นข้อบกพรอ่ งของผู้ตอบอย่างไร
๑. ตอบไมค่ รบถ้วน ๒. ตอบไม่ตรงคำถาม
๓. ตอบไมแ่ จม่ แจ้ง ๔. ตอบไมส่ ภุ าพ ไมร่ ู้กาลเทศะ
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๑๕
ลิลิตตะเลงพา่ ย
๑. ลกั ษณะของลลิ ิตตะเลงพา่ ยแตกตา่ งจากประวตั ิศาสตรใ์ นข้อใด
๑. ใสร่ ายละเอียดในการเดินทัพ
๒. เน้นให้เห็นผลที่น่ากลวั ของสงคราม
๓. กล่าวถึงตัวละครได้ลึกซึง้ ประทบั ใจ
๔. เน้นอารมณแ์ ละพฤติกรรมตวั ละครมากกว่าความจริง
๒. ขอ้ ใดไม่ได้แฝงจุดประสงคใ์ นการแต่งลิลิตตะเลงพ่าย
๑. จอมสยามขามศกึ ไซ้ ไปม่ ี ๒. บญุ เจา้ จอมภพพื้น แผ่นสยาม
บานกมลเปรมปรีดิ์ ปราบเสี้ยน แสยงพระยศยินขาม ขาดแกล้ว
๓. พระเดชด่งั ราม ราฆพเขน่ เขญ็ เฮย ๔. ภูวไนยผายโอษฐ์อืน้ ชโยงการ
ออกอเรนทรร่ัวรู้ เรง่ รา้ วราญสมร แกเ่ ทพทุกถิ่นสถาน ฉช้ัน
๓. การแต่งลิลิตมักใช้คำประพนั ธ์ประเภทรา่ ยในตอนใด
๑. ชมความงามของสตรี ๒. พรรณนาอารมณ์ ความเศรา้ ความสุข
๓. การเดินทัพ การพักแรม หรอื การย้ายที่อยู่ ๔. บทไหว้ครูหรอื การดำเนินอยา่ งรวดเรว็ เร้าใจ
๔. เหตุการณใ์ ดเกิดก่อน
๑. ทันใดกลางคชเจา้ จลุ จกั ร ๒. ราชาชเยศอ้ืน โองการ
มลายชพิ ิตลาญทกั ทา่ วซ้ำ รงั สฤษฎพ์ ระสถปู สถาน ทีม่ ลา้ ง
๓. นฤบดีโถมถีบสู้ ศกึ ธาร ๔. เจา้ จอมสยามเสาวนยี ์ เนืองมนตรพี ้นโทษ
ฟอนฟาดสงุ สุมาร มอดมว้ ย โปรดให้เนาตำแหน่ง แห่งฐานันดรยศ
๕. “ธ” ในข้อใดหมายถึงตวั ละครที่แตกตา่ งจากพวก
๑. ธก็ประกาศเกณฑ์พล บอกยุบลบ่มิหึง ถึงเชยี งใหมต่ ระบดั
๒. ธใหเ้ จ้าเมืองมล่วน ถ้วนท้ังคชหมอควาญ จำทูลสารเสียรงค์
๓. แล้วธใหห้ าเมืองออก บอกทกุ แดนทกุ ด้าว บอกทุกท้าวทกุ เทศ
๔. ธกต็ รัสแกข่ ุนทพั ขนุ กอง ว่าซึ่งสองกษตั รยิ ์กล้า ออกมาถ้ารอรบั
๖. คำว่า “ธ” ในข้อใดหมายถึงบุคคลตา่ งกนั
๑. ธกเ็ อือ้ นสารเสาวพจน์ แด่เอารสยศเยศ องคอ์ ิศเรศอปุ ราช
๒. ฟงั สารราชเอารส ธกผ็ ะชดบญั ชา เจ้าอยุธยามบี ุตร ล้วนยงยุทธเ์ ชีย่ วชาญ
๓. เสร็จสง่ั ความโอรส ไท้ธประสาทพระพร แด่ภูธรเอารส
๔. บพิตรธเทียบทพั หลวง โดยกระทรวงพยหุ บาตร จักยาตราตรู่เชา้
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๑๖
๗. “เยียวพื้นภพแผ่นด้าว ตกไถง
ริพบิ ตั ิพนู ภัย เพิ่มพ้อง
สกู ันนครใจ ครอเคร่า กเู ฮย
กจู ักพลันคืนป้อง ปกหล้าแหลง่ สยาม”
คำวา่ “สู” ในบทประพนั ธห์ มายถึงใคร
๑. พระยาจักรี ๒. หม่นื ภักดีศวร
๓. พระเอกาทศรถ ๔. พระยาศรไี สยณรงค์
๘. จงเรียงลำดับเหตุการณต์ อ่ ไปนี้
๑. ธใหเ้ จ้าเมืองมล่วน ถ้วนท้ังคชหมอควาญ จำทลู สารเสียรงค์ องค์อุปราชเอารส
ขาดคอดชลาญชพี รีบเรว็ ยาตรอย่าหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎาการ
๒. วา่ นครรามินทร์ ผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราช เยียววิวาทชิงฉตั ร เพือ่ กษตั รยิ ์สองสู้
บร่ ้างรเู้ หตุผล ควรยาตรพลไปเยือน เตือนประยุทธ์เอาเปรียบ แมน้ ไปเ่ รียบเป็นที โจมจูย่ ีย่ำภพ
๓. ส่วนนเรนทรสมญา มหาอุปราชรามญั ธใหเ้ รง่ ผันพลผา้ ย ย้ายมาโดยทางเถือ่ น
ทัพหน้าเคลื่อนพลเดิน ลลุ ำกระเพิ่นบ่มิหงึ จึง่ พระยาจติ คอง ให้พลกรองเวฬู
ปูเป็นสะพานผ่านชล เรง่ เดินพลข้ามฝาก มากนิกรคั่งคาม
๔. ธก็อืน้ ออกพจน์ พระราชกฎประกาศ แกเ่ มอื งราชบุรี เกณฑโ์ ยธีห้าร้อย คะค้อยไปซุ่มซ่อน
ดูศึกผ่อนพลเดิน ผา่ นลำกระเพินโดยสะพาน เพ่งพลหาญเหน็ เสร็จ ให้ระเหจ็ เข้าหนั่
บั่นเรือกขาดเปน็ ทอ่ น คอ่ นพวนขาดเป็นทุ่น เถกิงกรานกรุน่ พลวกเผา
๑. ๑ ๒ ๓ ๔ ๒. ๒ ๓ ๔ ๑
๓. ๒ ๔ ๓ ๑ ๔. ๔ ๓ ๒ ๑
๙. คำทีข่ ีดเส้นใต้ขอ้ ใดไม่ได้หมายถึงพระนเรศวร
๑. ทันใดกลางคชเจา้ จลุ จกั ร
๒. ขนุ เสียมสามารถต้าน ขนุ ตะเลง
๓. ปางนนั้ นฤเบศเบือ้ ง บูรพา ภพแฮ
๔. เห็นประภาพเจ้าช้าง เชย่ี กว่าเชีย่ วเหลืออา้ ง เอิกอื้ออัศจรรย์ยิง่ นา
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๑๗
๑๐. “แถลงลกั ษณะปางบรรพ์ มาเทียบ ถวายแฮ
แนะที่ควรเสด็จค้า เศิกไซร้ไกลกรุง”
คำประพนั ธ์นีส้ อดคล้องกับกลยุทธใ์ นการรบที่พระเจ้านันทบเุ รงพระราชทานแกพ่ ระมหาอปุ ราชาข้อใด
๑. สงครามความเศิกซึง้ แสนกล ๒. จงแจ้งแห่งเหตุเบื้อง โบราณ
จงพ่ออย่ายินยล แต่ต้นื เป็นประโยชน์ยทุ ธการ กลา่ วไว้
๓. หน่งึ รพู้ ยุหเศกิ ไสร้ สบสถาน ๔. อย่าลองคะนองตน ตามชอบ
เจนจติ วิทยาการ กาจแกล้ว ทำนาการศกึ ลึกเลห่ ฟ์ ื้น ลอ่ เลี้ยวหลอกหลอน
๑๑. เหตกุ ารณใ์ นข้อใดต่อไปนีเ้ กิดข้ึนกับพระมหาอุปราชา
๑. บัดดลวลาหกช้ือ ชระอับ อยูแ่ ฮ ๒. นฤบดีโถมถีบสู้ ศกึ ธาร
แห่งทิศพายพั ยล เยือกฟ้า ฟอนฟาดสงุ สุมาร มอดมว้ ย
๓. พระศรีสารีริกบรมธาตุ ไขโอภาสโศภิต ๔. เกิดเปน็ หมอกมืดหอ้ ง เวหา
ชว่ งชวลิตพ่างผลส้ม เกลีย้ งกลกุกอ่ ง หนเฮยลมชือ่ เวรัมภา พดั คลุ้ม
๑๒. “ครน้ั พระบาทยินสาร ธก็บรรหารตระบัด
ตรัสปรึกษาหาเลศ เหตุแห่งเพโทบาย”
คำกล่าวน้ีแสดงให้เห็นถึงวธิ ีทำศกึ อย่างไร
๑. สมเด็จพระนเรศวรไมท่ รงวางพระทัยใครเลย
๒. สมเดจ็ พระนเรศวรมีเลห่ ์กลในการทำศึกกวา่ ผู้ใด
๓. สมเด็จพระนเรศวรทรงกล้าหาญ ไมก่ ลัวเกรง คิดอา่ นด้วยพระองคเ์ อง
๔. สมเด็จพระนเรศวรทรงรอบคอบในการศกึ และทรงรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ผอู้ ื่น
๑๓. “พระพลันเห็นเหตไุ ซร้ เสียวดวง แดเฮย
ถนัดดัง่ ภผู าหลวง ตกต้อง
กระหม่ากระเหมน่ ทรวง ส่ันซีด พกั ตร์นา
หนักหฤทัยท่านรอ้ ง เรียกให้โหรทาย”
เหตกุ ารณน์ ้ีเป็นผลมาจากข้อใด
๑. ณรงค์นเรศวร์ดา้ ว ดัสกร ๒. นฤบดีโถมถีบสู้ ศกึ ธาร
ใครจักอาจออกรอน รบสู้ ฟอนฟาดสุงสุมาร มอดมว้ ย
๓. หวนหอบหักฉัตรา คชขาดลงแฮ ๔. พระชนมช์ ราครัน ครองภพ พระเอย
แลธลุ ีกลดั กลุ้ม เกลือ่ นเพีย้ งจกั รผัน เกรงบพิตรจกั แพ้ เพลีย่ งพล้ำศกึ สยาม
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๑๘
๑๔. แผนการสู้ศึกของสมเด็จพระนเรศวรข้อใดตรงกบั สำนวน “ปิดประตูตีแมว”
๑. ภูธรสงั่ ให้เทียบโยธี ทัพแฮ ห้าหม่ืนหมายบญั ชเี รียกได้ เกณฑเ์ มอื งจตั วาตรี ไตรตรวจเอานา
ยี่สิบสามเมอื งได้ เตรียบต้ัง ต่อฉาน
๒. ฝา่ ยเราแตกยน่ ยับ จกั ส่งทัพไปทาน พอพลอยฉานสองซ้ำ ค้ำบอยู่บหยดุ ชอบถอยทรุด
อย่าร้ัง ให้ศกึ พลั้งเสียเชิง โดยละเลิงใจอาจ ยาตรตามติดผิดขบวน ควรเรายกออกโรม
โหมหักหาญราญรงค์ คงชำนะเศิกไสร้ ได้ดว้ ยง่ายด้วยงาม
๓. แล้วธกอ็ ืน้ ออกพจน์ พระราชกฎประกาศ แกเ่ มืองราชบุรี เกณฑ์โยธีห้าร้อย คะค้อยไปซุ่มซ่อน
ดูศึกผอ่ นพลเดิน ผ่านลำ กระเพินโดยสะพาน เพง่ พลหาญเหน็ เสรจ็ ให้ระเหจ็ เข้าหัน่ บัน่ เรือก
ขาดเป็นทอ่ น ค่อนพวนขาดเป็นทนุ่ เถกิงกรานกรุน่ พลวกเผา อย่าให้เขาจบั ได้
๔. ปวงไท้เทเวศทั้ง พรหมาน เชิญประชุมในสถานที่นี้ ชมชื่นคชรำบาญ ตูตอ่ กันแฮ
ใครเช่ยี วใครชาญ ชี้ชเยศอ้างอวยเฉลิม
๑๕. ข้อใดแสดงให้เห็นถึงความรอบคอบมองการณ์ไกลของพระนเรศวรเด่นชดั ที่สุด
๑. ตรัสปรึกษาหาเลศ แห่งเหตุเพโทบาย ถ้วนทกุ นายทกุ มูล ถ้วนทุกขุนหม่มู าตย์ คาดความคิด
ทั้งมวล ควรยศใดใครเหน็
๒. เกณฑ์โยธีห้าร้อย คะคอ่ ยไปซ่มุ ซ่อน ดูศึกผ่อนพลเดิน ผา่ นลำกระเพินโดยสะพาน
เพ่งพลหาญเหน็ เสร็จ เรว็ ระเห็จเข้า ห่นั บั่นเรือกขาดเปน็ ท่อน ค่อนพวนขาดเป็นท่นุ
เถกิงกรานกรนุ่ พลวกเผา
๓. ธใหเ้ ชญิ พระอัยการศกึ ปรึกษาโทษขนุ ทพั สรรพทั้งมวลหม่มู าตย.์ .ปวงมนตรีนายทพั
สรรพทกุ ตน ทกุ ตัวกลัวอเรนทร์ เหลอื ล้น พ้นยิง่ พระราชอาชญา ไปย่ าตราพลขนั ธ์
ทนั เสด็จด้าวรณรงค์
๔. เจ้าจอมสยามเสาวนีย์ เนืองมนตรพี ้นโทษ โปรดให้เนาตำแหนง่ แหง่ ฐานันดรยศ พระราช
กำหนด โดยดับทัพเจ้าพระยาพระคลัง รงั พลหา้ หม่นื เสรจ็ เหจ็ ไปโหมเวียงทวาย
หมายเจา้ พระยาจักรี พรักพิรยี เ์ ทียบทัดรดั ไปโรมตะนาวศรี ตีมริดเวียงชัย
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๑๙
๑๖. ข้อใดเปน็ สาเหตุทำให้ทพั หนา้ ของไทยต้องล่าถอยจากกองทัพพมา่ ที่สมรภูมิโคกเผาข้าว
๑. ต่างประชิดฟอนฟัน ต่างประชันฟอนฟาด ล้วนสามารถมือทัด ล้วนสามรรถมือทาน
๒. ยอยุทธ์ยงุ่ บ่มิแตก แยกยุทธแ์ ย้งบม่ ิพัง ทวยหน้าหลังตอ้ นผ้าย ทวยขวาซ้ายต้อนพล
เข้าผจญจูโ่ จม
๓. ผลาญกนั ลงเตม็ หลา้ ผร้ากนั ลงเต็มแหลง่ แบง่ กนั ตายลงครนั ปันกันตายลงมาก
ตากเตม็ ทง่ เต็มเถือ่ น
๔. บดั มอญม่านมาหลาย รายกันโอบกนั อ้อม ล้อมกระหนาบหนา้ หลัง ไทยประนงั นอ้ ยแง่
แผอ่ อกรบบมิรอด
๑๗. “เหตนุ ีผ้ วิ เช้าชวั่ ฉุกเขญ็
เกิดเมอ่ื ยามเย็นดี ดอกไท้
อยา่ ขนุ่ อย่าลำเคญ็ ใจเจบ็ พระเอย
พระจักลลุ าภได้ เผดจ็ เสีย้ นศึกสยาม”
ลักษณะการทำนายของโหร สะท้อนอปุ นิสัยของโหรตรงกับสำนวนใด
๑. กนั ไว้ดีกว่าแก้ ๒. รู้รกั ษาตวั รอดเปน็ ยอดดี
๓. น้ำขนุ่ ไว้ใน น้ำใสไว้นอก ๔. พูดไปสองไพเบีย้ นิ่งเสียตำลึงทอง
๑๘. ข้อใดคือคุณลกั ษณะของสมเดจ็ พระนเรศวรที่แตกตา่ งจากข้ออืน่
๑. จอมสยามขามศกึ ไซร้ ไปม่ ี ๒. จกั โรมอริรา- มญั เมื่อ นแี้ ฮ
บานกมลเปรมปรีดิ์ ปราบเสี้ยน รับทีถ่ ิน่ ฤๅสู้ นอกไซร้ไหนควร
๓. พระเปรมปราโมทย์ไซร้ ซึง่ บดินทร์ดาลได้ ๔. ไปเ่ กรงประภาพเท่าเผา้ พกั ตรท์ า่ นผ่องฤๅเศร้า
สดับเบอื้ งบอกรงค์ สู่เสี้ยนไปห่ นี หน้านา
๑๙. คำประพนั ธ์ข้อใดที่แสดงถึงคณุ ธรรมในตัวบุคคล
๑. ไต่ถามถึงทกุ ขถ์ ้อย ทวยชน ๒. สงครามพึ่งแผกแพ้ เสียที
ต่างสนองเสนอกล แก่ท้าว แตกเมือ่ ตน้ ปีไป ห่อนช้า
พระดคั คดีดล โดยเยีย่ ง ยกุ ติ์นา บร้างกระลับมี มาขวบ น้เี ลย
เยน็ อรุ ะฤๅร้าว ราษฎรร์ อ้ นห่อนมี มีกม็ ปี ีหน้า แนแ่ ท้กทู าย
๓. พระหว่ งแตศ่ ึกเสี้ยน อัสดง ๔. ดำเนนิ พจนพากย์พร้องพรรณนา
เกรงกระลับกอ่ รงค์ รวั่ หล้า องค์อัครอุปราชา ท่านแจ้ง
คือใครจกั คมุ คง ควรคู่ เข็ญแฮ กอบเกิดขัตตยิ มา นะนึก หาญเฮย
อาจประกนั กรุงถ้า ทพั ข้อยคืนถึง ขบั คชเข้ายทุ ธ์แย้ง ดว่ นด้วยโดยถวิล
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๒๐
๒๐. “พระหว่ งแต่ศกึ เสีย้ น อัสดง
เกรงกระลับก่อรงค์ รัว่ หล้า
คือใครจกั คุมคง ควรคู่ เข็ญแฮ
อาจประกนั กรุงถ้า ทพั ข้อยคืนถึง”
คำประพนั ธแ์ สดงถึงลกั ษณะใดของพระนเรศวร
๑. รอบคอบ ๒. กล้าหาญ
๓. เดด็ ขาด ๔. ห่วงหน้าพะวงหลัง
๒๑. “สูตริก็ตรงหมาย เหมอื นตริ ตูนา
ตรบิ ต่ ่างกนั ต้อง ต่อน้ำใจตู”
คำประพนั ธน์ ีส้ ัมพันธ์กับเหตุการณข์ อ้ ใด
๑. บิรา้ งกระลบั มี มาขวบ น้ีเลย ๒. แถลงลกั ษณะปางบรรพ์ มาเทียบ ถวายแฮ
มีก็มปี ีหน้า แน่แท้กูทาย แนะทีค่ วรเสด็จค้า เศิกไซร้ไกลกรงุ
๓. บรรหารให้จัดผู้ อาจอง ๔. ภวู ไนยผายโอษฐ์อืน้ ไชยงการ
เอาพระศรไี สยณรงค์ ฤทธิ์ห้าว แก่เทพทุกถิ่นสถาน ฉชั้น
๒๒. คำประพันธ์ข้อใดที่ผู้พูดไมไ่ ด้มีเจตนาให้ปฏิบตั ิตาม
๑. เชญิ งดอดอวยทณั ฑ์ ทวยโทษ น้ีนา เลยอยา่ ลาญชีพมล้าง หนึง่ ครั้งขอเผอื
๒. แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจจงอย่ายาตรยุทธนา เอาพตั ราสตรีสรวมอินทรีย์สร่างเคราะห์
๓. พระพี่พระผู้ผา่ น ภพอุต ดมเอย ไป่ชอบเชษฐย์ ืนหยุด รม่ ไม้ เชิญราชร่วมคชยทุ ธ
เผยอเกียรต์ิ ไว้แฮ
๔. จำเราดว่ นจูโ่ จม โหมหักเอาแตแ่ รก ตใี ห้แตกยน่ ย่อย
๒๓. “ชาวสยามคร้ามเศกิ สนิ้ ทั้งผอง
นายและไพรไ่ ปป่ อง รบร้า” คำประพันธน์ ี้เปน็ ผลมาจากข้อใด
๑. อพยพหลบหลีกมอง เอาเหตุ ๒. เขากข็ ยายครัวครอก ซอกไปซอ่ นไปซกุ
๓. ปวงปจั จามิตรมาก หลากทุกคราทกุ ครั้ง ๔. รู้วา่ ทบบมิทาน รู้วา่ ราญบมิรอด
๒๔. ขอ้ ใดสอนให้ใช้หลกั จิตวิทยาในการทำศกึ รบ
๑. เอาใจทหารหาญ เริงรื่น อยู่นา
๒. อย่าระคนปนใกล้ เกลือกกลั้วขลาดเขลา
๓. อย่าลองคะนองตน ตามชอบ ทำนา
๔. หน่งึ รพู้ ยุหเศกิ ไสร้ สบสถาน
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๒๑
๒๕. ข้อความใดไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กองทพั หน้าของไทยปะทะทพั พม่า
๑. ถับถึงโคกเผาเข้า พอยามเชา้ ยงั สาย หมายประมาณโมงครบ ประทบทัพรามญั
๒. ม้าไทยพะม้ามอญ ตา่ งเข้ารอนเข้าโรม ทวนแทงโถมทวนทัย หอกเข้ารบรอหอก
๓. ช้างศึกได้กลิ่นมัน หันหวั หกตกกระหมา่ บา่ กนั เลี่ยงกันหลบ ประทบประทะอลวน
๔. บดั มอญมา่ นมาหลาย รายกันโอบกนั อ้อม ล้อมกระหนาบหนา้ หลงั ไทยประนังนอ้ ยแง่
๒๖. “หมายละเลิงใจอาจ ประมาทประมาณหม่นิ หมนั้
เบาเรง่ เบาเชงิ ช้ัน ขนึ้ หนา้ มาสรลมสรลอนนา”
โคลงบทนีห้ มายถึงข้อใด
๑. ทัพหน้าของไทยขณะรน่ ถอย
๒. กองทพั ของมอญขณะทีอ่ ยูใ่ นสภาพได้เปรียบ
๓. ทัพหลวงของพระมาอปุ ราชที่ลอ้ มกองทัพไทย
๔. ทพั หนนุ ของสมเด็จพระนเรศวรทีบ่ ุกขึน้ ไปรบั ทพั มอญ
๒๗. ขอ้ ใดเป็นเหตุให้พระมหาอุปราชาตัดสินใจกระทำยทุ ธหัตถีกบั พระนเรศวร
๑. พระพพ่ี ระผู้ผ่าน ภพอุต-ดมเอย ๒. เชญิ ราชรว่ มคชยทุ ธ์ เผยอเกียรติ ไว้แฮ
ไปช่ อบเชษฐย์ ืนหยดุ ร่มไม้ สืบกวา่ สองเราไซร้ สดุ สิ้นฤๅมี
๓. ไว้เปน็ มหรสพซ้อง สขุ ศานติ์ ๔. สงครามกษัตรยิ ท์ รง ภพแผ่น สองฤๅ
สำหรบั ราชสำราญ เริม่ รง้ั สองราชรอนฤทธิร์ ้า เรือ่ งรู้สรเสรญิ
๒๘. คำกราบทูลของสมเดจ็ พระวันรตั ข้อใดเป็นเหตใุ ห้สมเดจ็ พระนเรศวรทรงเปลี่ยนโทษแมท่ พั นาย
กองท้ังหลาย
๑. ดูผดิ ไปร่ ักท้าว ไปเ่ กรง ๒. พระเดชหากแสดงเอง อำนาจ พระนา
แผกระบอบแต่เพรง ห่อนพ้อง เสนอทุกทวยธเรศก้อง เกียรติอ้างอัศจรรย์
๓. พระตรโี ลกนาถแผว้ เผดจ็ มาร ๔. ทกุ ทวยเทพคณา ชมุ ชว่ ย พระเอย
เฉกพระราชสมภาร พี่นอ้ ง แสดงพระเดโชชี้ ชเยศไว้ในสนาม
๒๙. “คชยานขตั ติเยศเบื้อง ออกถวลั ย์
โถมปะทะไปท่ ัน เหยียบย้ัง
สารทรงราชรามญั ลงลา่ ง แลนา
เสยส่ายท้ายทนั ตท์ ้ัง คู่ค้ำคางเขิน”
ข้อความทีพ่ ิมพ์ตวั หนาหมายถึงข้อใด
๑. สมิทธิมาตงค์, ศริ ิเมขล์ ๒. ปราบไตรจักร, พลายพัชเนียง
๓. ไชยานภุ าพ, พลายพัทธกอ ๔. พระนเรศวร, พระมหาอปุ ราชา
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๒๒
๓๐. ขอ้ ใดไมใ่ ช่เหตุผลที่สมเด็จพระนเรศวรทรงยกเลิกโทษประหารชีวติ แม่ทัพนายกอง
๑. คำนงึ นกึ บาปใกล้ วันบณั รสีไซร้ ๒. แตท่ ูลธุลีบท สนองบาท มานา
จวบเข้าควรงด หนอ่ ยนา เพรงพระอยั กาท้าว ตราบไท้พระเจ้าหลวง
๓. ไว้เพือ่ ผดงุ เดชเจ้า จอมปราณ ๔. ล่วงถึงบพิตรผู้ เถลิงถวัลย์ ราชย์ฤๅ
กอ่ เกิดราชรำบาญ ใหม่แม้ คือพทุ ธบรรษทั สรรพ์ สืบสร้าง
๓๑. สาเหตสุ ำคญั ที่ชยั ชนะของสมเด็จพระนเรศวรได้รับการยกย่องสดุดีคือขอ้ ใด
๑. เสดจ็ ไร้พริ ิยะราญ อรินาศ ลงนา ๒. พระฤทธิ์ดัง่ ฤทธิ์ราม รอนราพณ์ แลฤๅ
๓. พระดคั คดีดล โดยเยีย่ ง ยกุ ดิน์ า ๔. เสดจ็ แสดงวราฤทธิ์ รำรอ่ น ขอแฮ
๓๒. ข้อใดสะท้อนคา่ นิยมตา่ งจากข้ออื่น
๑. ณรงค์นเรศวรด์ ้าว ดัสกร ๒. เอ็นดภู ูธเรศเจ้า จอมถวัลย์
ใครจกั อาจออกรอน รบสู้ เปลีย่ วอุระราชรนั ทดแท้
๓. ลูกตายฤใครเก็บ ผฝี าก พระเอย ๔. พระคณุ ตวงเพียบพืน้ ภูวดล
ผจี ักเท้งที่โพล้ ทีเ่ พล้ใครเผา เตม็ ตรลอดแหลง่ บน บอ่ นใต้
๓๓. “พระบาทธใหน้ ิมนต์ ดลเรือนรัตนมาฬก ตกแตง่ อาสนล์ าดเจียม เตรียมเสร็จสงฆส์ ู่สถิต
บพิตรกรกรรพมุ ชุมบรรพ ชิตแชม่ ชื่น” เน้ือความนีส้ ะท้อนวฒั นธรรมข้อใดของไทย
๑. คา่ นยิ ม ๒. ประเพณี
๓. เทศกาล ๔. เอกลกั ษณ์
๓๔. “สมร” ในข้อใดมีความหมายต่างกนั
๑. ออกอเรนทร์รัว่ รู้ เรง่ รา้ วราญสมร - ตอ่ แกล้วในกลาง สมรนา
๒. เรียมจกั ร้างรสแคล้ว คลาดเคล้าคลาสมร - สละสละสมร เสมอช่อื ไม้นา
๓. มลกั เล็งเหล่าพารา ทวยเศกิ สมรแฮ - เสนอฤทธิ์สองราชสู้ ศกึ ช้างกลางสมร
๔. ตราบล่วงบ่วงภพพ้น เผด็จเสีย้ นเบียนสมร - หอบธมุ างคจ์ างจ้า จรสั ด้าวแดนสมร
๓๕. คำอธิบายศพั ท์ข้อใดความหมายไม่ถูกต้อง
๑. พอพลอยฉานสองซ้ำ = แตกซ้ำเป็นคร้ังทีส่ อง
๒. เขาจำหนา่ ยเหตุสนอง = เขาเข้ารว่ มในกองทพั
๓. บคงอาตม์ออกฤทธิ์ = ไมต่ ั้งตวั แสดงอำนาจ
๔. กันเอารุง่ ไว้หนา้ = เดินทพั ไปสว่างเอากลางทาง
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๒๓
๓๖. คำว่า “ฉัตร” ข้อใดมีความหมายตา่ งจากข้ออืน่
๑. เร็วเรง่ ฮือเข้าห้อม ล้อมกรงุ เทพทวารตั ิ ๒. ภูธรเมิลอมิตรไท้ ธำรง สารแฮ
ชิงเอาฉัตรตดั เขญ็ ครบสิบหกฉตั รทรง เทริดเกล้า
๓. บดั ธเหน็ ขุนกรี หนง่ึ ไสร้ ๔. อลงกตแก้วแกมกาญจน์เครื่องพุดตานตกแตง่
เถลิงฉตั รจัตุรพริ ีย์ เรียงคง่ั ขเู ฮ แขง่ สีทองทอเนตร ปักเศวตฉัตรฉานฉาย
๓๗. คำในข้อใดอา่ นไม่ถูกต้อง
๑. กะลายกระลับ อา่ นว่า กระ-ลาย-กระ-หลับ
๒. กระลบั กระลอก อ่านว่า กระ-หลบั -กระ-หลอก
๓. มหสุ สวมหนั ต์ อ่านวา่ มะ-หดุ -สวม-หนั
๔. สรลมสรลอน อ่านว่า สะ-ระ-หลม-สะ-ระ-หลอน
ใชค้ ำประพันธต์ อ่ ไปน้ี ตอบคำถามขอ้ ๓๘-๔๐
สลัดไดใดสลัดน้อง แหนงนอน ไพรฤๅ
เพราะเพื่อมาราญรอน เศิกไสร้
สละสละสมร เสมอช่อื ไม้นา
นึกระกำนามไม้ แม่นแม้นทรวงเรียม
สายหยดุ หยดุ กลิ่นฟุ้ง ยามสาย
สายบ่หยดุ เสนห่ ห์ าย ห่างเศรา้
กี่คืนกีว่ นั วาย วางเทวษ ราแม่
ถวิลทกุ ขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉนั ใด
๓๘. กลวิธีทางวรรณศลิ ป์ที่โดดเด่นทีส่ ุดในบทประพนั ธ์ข้างตน้ คืออะไร
๑. การซ้ำคำ ๒. การเลน่ คำ
๓. การซ้อนคำ ๔. การหลากคำ
๓๙. คำประพนั ธข์ ้างตน้ ให้รสวรรณคดีตรงตามข้อใด
๑. เสาวรจนี ๒. นารีปราโมทย์
๓. พิโรธวาทงั ๔. สัลลาปังคพิสยั
๔๐. คำประพนั ธ์ข้างตน้ ปรากฏชอ่ื ต้นไมก้ ี่ชนดิ
๑. ๔ ชนิด ๒. ๕ ชนิด
๓. ๖ ชนิด ๔. ๗ ชนิด
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๒๔
๔๑. คำประพนั ธ์ข้อใดไมม่ ีการใชโ้ ทโทษ
๑. แสงทองจ้าจบั เมฆ รังสีเฉกฉายฉนั ไกแ่ ก้วขันเจ้ือยแจว้ ดุเหว่าแหว้วเสียงใส
๒. ว่าอปุ ราชขนุ ทพั เรว็ รีบกลบั มาบอก แดออกญาผ่านเผา้ เจา้ นครกาญจนบรุ ิน
๓. ผลาญกันลงเต็มหล้า ผร้ากันลงเต็มแหล่ง แบ่งกนั ตายลงครัน ปนั กนั ตายลงมาก
๔. ธ กต็ รสั แกข่ นุ ทพั ขนุ กอง วา่ ซึ่งสองกษตั รยิ ก์ ล้า ออกมาถ้ารอรบั เปน็ พยหุ ทพั ใหญ่ยง
๔๒. “เหตนุ ี้ผวิ เช้าช่ัว ฉกุ เข็ญ
เกิดเม่อื ยามเยน็ ดี ดอกไท้
อยา่ ขนุ่ อย่าลำเค็ญ ใจเจ็บ พระเอย
พระจกั ลลุ าภได้ เผดจ็ เสยี้ นศึกสยาม”
โคลงบทนีไ้ ม่มลี กั ษณะใดปรากฏ
๑. เปน็ โคลงจัตวาทณั ฑี ๒. ใช้คำโทโทษ ๑ คำ
๓. ใช้คำตายแทนคำเอก ๔ คำ ๔. ใช้วรรณยุกตเ์ อก-โทสลับตำแหน่งกนั
๔๓. “อาจตอ่ อาจเข้ารุก อุกต่ออุกเข้าร้า กล้าตอ่ กล้าชิงบั่น กลนั่ ต่อกลนั่ ชิงรอน
ศรต่อศรยิงยืน ปืนต่อปืนยิงยนั กุฑัณฑต์ ่างตอบโต้ โลต่ ่อโลต่ ่อต้ัง”
คำประพันธ์นีเ้ ด่นทีส่ ุดในแง่ใด
๑. บรรยายเหตุการณ์ได้รวดเรว็ ๒. ใช้คำให้เกิดจนิ ตภาพทางเสียง
๓. ใช้คำทำให้คึกคกั ฮึกเหิม ๔. เล่นคำและเล่นสมั ผสั ทำให้มองเห็นภาพ
๔๔. ข้อใดปรากฏโวหารภาพพจน์ต่างจากข้ออื่น
๑. งามสองสรุ ยิ ราชล้ำ เลอพิศ ๒. แสงจันทรบ์ ่ส่องสมร หมดเทวษ
พ่างพชั รินทร์ไพจติ ร ศกึ สร้าง ถวิลบ่ลืมนวลหนา้ แม่แม้นนวลจันทร์
๓. แสนเศกิ ห่อนหาญราญ รอฤทธิ์ พระฤๅ ๔. เสร็จเสวยศวรรเยศอ้าง ไอศรู ย์ สรวงฤๅ
ดาลตระดกเดชลี้ ประลาตเหล้าแหล่งสถาน เย็นพระยศปนู เดือน เด่นฟ้า
๔๕. “สลัดไดใดสลดั น้อง แหนงนอน ไพรฤๅ
เพราะเพือ่ มาราญรอน เศิกไสร้
สละสละสมร เสมอช่อื ไม้นา
นึกระกำนามไม้ แมน่ แม้นทรวงเรียม”
คำประพันธด์ งั กลา่ วไม่ปรากฏลักษณะใด
๑. เล่นเสียง ๒. เลน่ คำซ้ำ
๓. เล่นสมั ผสั ๔. เลน่ คำพ้อง
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๒๕
บทละครพูดคำฉนั ท์ มทั นะพาธา
๑. ขอ้ ใดไม่ใช่เหตุผลทีก่ ล่าววา่ “มทั นะพาธาเปน็ หนงั สอื ที่แต่งได้โดยยาก”
๑. เพราะต้องคำนงึ ถึงรูปแบบของคำประพนั ธ์
๒. เพราะต้องดำเนนิ เรือ่ งให้เห็นความขัดแย้ง
๓. เพราะต้องสร้างตวั ละครใหม้ ีลกั ษณะนิสัยเด่นชดั สอดคล้องกบั เนือ้ เรื่อง
๔. เพราะเปน็ เรือ่ งที่มตี วั ละครและฉากสอดคล้องกับวัฒนธรรมภารตะโบราณ
๒. ขอ้ ใดไมใ่ ช่เหตผุ ลที่วรรณคดีสโมสรยกย่องเรือ่ ง “มทั นะพาธา” เป็นยอดบทละครพดู คำฉนั ท์
๑. เปน็ หนังสือแต่งดเี ดน่ ท้ังภาษาและตวั เรื่อง
๒. มีจุดประสงคช์ ีใ้ ห้เห้นโทษของความรกั
๓. ใช้คำฉันทเ์ ป็นบทละครพูดซึง่ แปลกและแตง่ ได้ยาก
๔. เปน็ เรือ่ งที่มตี วั ละครและฉากสอดคล้องกับวัฒนธรรมภารตะโบราณและเข้ากบั เนือ้ เรือ่ งได้ดี
๓. คำประพันธใ์ นข้อใดกล่าวไม่ตรงกับแกน่ เรือ่ ง “มทั นะพาธา”
๑. อ้าเจ้าลำเพาพกั ตร์ สิริลักษะณาวิไล ๒. ยินแลว้ ข้าชืน่ จติ ดุจะหล่อนและให้กิน
พี่จวนจะคลั่งไคล้ สติเพื่อพะวงอนงค์ น้ำทิพยท์ ีค่ วรจนิ - ตะนะแท้นะนงคราญ
๓. ยิง่ ยลวะนดิ า ละก็ยิ่งจะร้อนคล้าย ๔. ไม่เคยจะเช่อื ว่า รตนิ ั้นจะสปั ระดน
เพลิงรมุ ประชมุ ภาย ณ อรุ าบลาลด มาสู่ ณ ใจตน และจะต้องระทมระทวย
๔. ข้อใดเปน็ การแสดงทศั นคติเกีย่ วกับความรกั ของนางมทั นาได้ชดั เจนที่สุด
๑. ครานีส้ ิพบชาย วรรูปวิเศษวิศาล ๒. อยากใคร่สนองพระวรสนุ - ทรคณุ อเนกน้ัน
ใจวาบและหวามปาน ฤดินน้ั จะโลดจะลอย จนใจเพราะผดิ คติสธุ รรม์ สุจรติ ประติชญา
๓. ท้ังเคยเยาะเย้นหยัน นระผพู้ ะว้าพะวง ๔. คงทรงนึกอยู่วา่ ดนทุ รามและสิ้นดี
วา่ เขานะเขลาคง จะบพ้นระอิดระอา ราวนางโสเภณี บมิเขนิ มขิ วยใจ
๕. ข้อใดไมไ่ ด้หมายถึงนางมทั นา
๑. ยามนั่งกน็ ่ังเรียบ และระเบียบบเขินขวย
๒. เธอนั้นฤเจียมตวั กิริยาก็เรียบกร็ ้อย
๓. เสียงเจ้าสิเพรากวา่ ดุริยางคะดีดใน
๔. งามเกินมนุษยจ์ ริง กละหญิงนิมิตฝัน
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๒๖
๖. มทั นาเลือกเกิดเปน็ ดอกกุหลาบเพราะเหตใุ ด
๑. มหี นาม ๒. มสี ีสวย
๓. ระงบั โรค ๔. ส่งกลิ่นหอม
๗. ข้อใดสะท้อนความตรงไปตรงมาของนางมัทนามากทีส่ ดุ
๑. สุเทษณ์ จรงิ ฤๅนะเจ้าสนุ ะทะนา วจะเจ้าแถลงความ?
มทั นา ข้อขอแถลงวะจะนะตาม สรุ ะเทวะโปรดปราน
๒. สุเทษณ์ รักจริงมิจริง ฤ กไ็ ฉน อรไท บ่ แจ้งการ?
มัทนา รักจริงมิจริงก็สุระชาญ ชยะโปรดสถานใด
๓. สเุ ทษณ์ พีร่ ักและหวังวธจุ ะรัก และ บ ทอด บ ทิ้งไป
มัทนา พระรักสมคั ร ณ พระหทัย ฤ จะทอดจะทงิ้ เสีย?
๔. สุเทษณ์ เสียแรงสเุ ทษณน์ ะประดิพัทธ์ มะทะนา บ เปรมปรีด์ิ
มทั นา แมข้ ้า บ เปรมปริยะฉะนี้ ผจิ ะโปรดก็เสียแรง
๘. ข้อใดแสดงถึงคุณธรรมของผู้พูดมากทีส่ ุด
๑. อ้าองค์พระผสู้ ุระวิศษิ ฏ์ พระจะผดิ สะถานใด?
หม่อมฉันสิทรามเพราะ บ่ มไิ ด้ อนวุ ฒั น์พระบณั ฑรู
๒. หากว่าหม่อมฉันทราบ พระเสดจ็ ณน่าศาล
ปากคงไม่อาจหาญ เพราะก็ยอ่ มจะมีอาย
๓. ทวิบทจะตูร์บาท ฤ จะเปน็ อะไรไซร้
วธเุ ลือกจะตามใจ และจะสาปประดจุ สรร
๔. ผูกจติ ด้วยมนตร์ แล้วตามใจคน ฝา่ ยเดียวมิชอบ
เราใฝ่ละโบม ประโลมในปลอบ ให้นางนกึ ชอบ นึกรักจริงใจ
๙. คำพูดใดแสดงความเห็นแกต่ ัวของผู้พดู มากที่สดุ
๑. ก็และเจา้ มิเตม็ จิต จะสดบั ดนูชวน
ผวิ ะให้อนงคน์ วล ชนะหลอ่ นทะนงใจ
๒. ผวิ ะนางเผอิญชอบ มรุอ่นื ก็ข้าพลัน
จะทุรนทุรายศลั - ยะบอ่ ยากจะยินยล
๓. ถึงหลอ่ นจะมิรัก กจ็ ะขอกะโฉมศรี
ให้ยอมดนุมี ฤดิรักพะธูไป
๔. กสู าปมทั นานงคราญ ให้จตุ ผิ ่าน ไปจากสุราลยั เลิศ
ส่แู ดนมนษุ ย์และเกิด เป็นมาลีเลิศ อันเรียกกพุ ชะกะ
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๒๗
๑๐. คำพูดในข้อใดมีเหตุผลน้อยทีส่ ุด
๑. ผกู จติ ด้วยมนตร์ แล้วตามใจคน ฝ่ายเดียวมิชอบ
เราใฝ่ละโบม ประโลมใจปลอบ ให้นางนกึ ชอ นึกรกั จริงใจ
๒. อนั ชายประกาศวะระประทาน ประดิพทั ธะแด่หญิง
หญิงควรจะเปรมกะมะละยิ่ง ผวิ ะจิตตะตอบรัก
๓. อยากใครส่ นองพระวรสุน- ทรคณุ อเนกน้ัน
จนใจเพราะผดิ คติสธุ รรม์ สจุ รติ ประดิชญา
๔. เชน่ นนั้ ก็เชิญฟงั ดนกุ ลา่ วสิเนหะพจน์
เจ้างามประเสริฐหมด ก็มิควรฤดีจะดำ
๑๑. ขอ้ ใดไมใ่ ช่เหตผุ ลที่นางมทั นาปฏิเสธความรกั ของสเุ ทษณ์
๑. ฟงั ถ้อยดำรัสมะธรุ ะวอน ดนุนีผ้ เิ อออวย
จกั เปน็ มสุ าวะจะนะด้วย บมิตรงกะความจริง
๒. พระองคท์ รงเปน็ เทวา ธิบดีปรากฏ เกียรตยิ ศเกรียงไกร,
มีสาวสรุ างค์นางใน มากมวลแล้วไซร้ ในพระพิมานมณ,ี
๓. หมอ่ มฉนั นี้เป็นผถู้ ือ สจั จาหนง่ึ คอื ว่าแม้มิรักจรงิ ใจ,
ถึงแม้จะเป็นชายใด ขอสมพาสไซร้ กจ็ ะมยิ อมพร้อมจติ
๔. ตขู ้าพระบาทสิสจุ รติ บ มคิ ิดจะปดใคร
จงึ หวังและม่งุ มะนะสะใน วรเมตตะธรรมา
๑๒. ขอ้ ใดไมไ่ ด้เป็นความประสงค์ของสเุ ทษณ์
๑. ถึงหลอ่ นจะมิรกั กจ็ ะขอกะโฉมศรี ให้ยอมดนมุ ี
ฤดิรกั พะธูไป จนกว่าจะประจกั - ษะณจติ ตะหลอ่ นไซร้
๒. แต่ตอ้ งให้มีหนามไว้ ป้องกนั มิให้ เหล่าเดรจั ฉานผลาญยับ
๓. แตห่ ากนางมี ความรกั บุรษุ เม่อื ใด เมือ่ นนั้ แหละใหท้ รามวัย
คงรูปอยู่ไซร้ บคืนกลบั เปน็ บปุ ผา
๔. ฉะนั้นทา่ นครู คลายเวทมนตด์ ู อยา่ ช้าร่ำไร
หากเราโชคดี คร้ังนีค้ งได้ สิทธิส์ มดงั่ ใจ รีบคลายมนตรา
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๒๘
๑๓. ข้าขอแต่เพียงให้ มรทุ รงพระการญุ
ให้ข้าได้ทำคณุ และประโยชน์ บ่ อยหู่ มนั
ข้อใดไม่สอดคล้องกบั ข้อความทีข่ ีดเส้นใต้
๑. กินแล้วระงบั ตรี พิธะโทษะหายหมด ๒. เยน็ ในอรุ าพลัน และระงบั พยาธี
๓. ด้วยกลิ่นของข้าบาท ก็จะได้ประณตน้อม ๔. อีกทั้งเจริญกา- มะคณุ าภิรมย์นันท์
๑๔. อยากใครส่ นองพระวรสนุ - ทรคณุ อเนกนั้น
จนใจเพราะผดิ คติสธุ รรม์ สุจรติ ประตชิ ญา
จากคำประพนั ธ์ นางมทั นาเกรงว่าตนจะผดิ สญั ญากบั ใคร
๑. ท้าวชยั แสน ๒. สเุ ทษณ์
๓. นางมทั นาเอง ๔. พระฤๅษีกาละทรรศนิ
๑๕. ข้อใดคือบทสรุปเหตกุ ารณใ์ นภาคสวรรค์ของเรือ่ งมทั นะพาธา
๑. มายาวินคลายมนตร์สะกดมทั นา
๒. มทั นาปฏิเสธความรกั ของสุเทษณ์เทพบตุ ร
๓. สเุ ทษณส์ าปมัทนาให้กลายเป็นดอกกุหลาบ
๔. มทั นากลายเป็นกหุ ลาบอยูใ่ กล้อาศรมของฤๅษีกาละทรรศนิ
๑๖. “จะขอให้พระสาบาน ณ องคเ์ ทวะเทวัน
พระองคใ์ ดก็ไมม่ ่นั ฤดีเท่าพระจอมเกศ”
จากคำประพันธ์ “พระจอมเกศ” หมายถึงใคร
๑. ท้าวชัยแสน ๒. พระอนิ ทร์
๓. พระตรีมรู ติ ๔. พระฤาษีกาละทรรศนิ
๑๗. ขอ้ ใดสอดคล้องกบั สำนวน “ทีใ่ ดมีรัก ทีน่ ัน่ มีทกุ ข”์
๑. โอ้ว่าณครานี้ แหละฤดีจะฟน่ั เฟือน
ด้วยรักกระทำเชอื น ละฉะนีจ้ ะทำไฉน
๒. ไม่เคยจะเช่อื วา่ รตนิ ้ันจะสปั ระดน
มาสณู่ ใจตน และจะต้องระทมระทวย
๓. คราใดประสบเนตร ฤกเ็ ราละร้อนและหนาว
เธอไกลก็ดรู าว นภะไร้ตะวันและเดือน
๔. เหมอื นโฉมดะรุณี นะแหละยื่นสหุ ตั ถม์ า
ล้วงใจดนดุ ราห์ และกระลึงหทัยไว้
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๒๙
๑๘. คำทีข่ ีดเส้นใต้ขอ้ ใดอ่านออกเสียงตา่ งจากข้ออืน่
๑. เหมอื นพีม่ ไิ ด้คง วรชีวะชีวติ ิน-
๒. อกี ควรฉลองวรมหา กรุณาธิคณุ ครนั
๓. ธาดาธสร้างองค์ อรเพราพิสทุ ธิสรรพ์
๔. อา้ อรเอกองค์อุไร พี่จะบอกให้ เจ้าทราบคดีดงั จนิ ต์
๑๙. คำออกตวั ของนางมทั นาที่เขินอายชัยแสน ขอ้ ใดไม่ได้สะท้อนถึงการวางตัวทีไ่ ม่เหมาะสมของ
หญิงไทย
๑. อนั หญิงย่อมไม่อยาก จะกระทำประดุจขาย
ความรกั ให้แกช่ าย เพราะว่ะเกรงจะดแู คลน
๒. อันชือ่ ของหม่อมฉนั ฤที่สุดจะหวงแหน
เกลียดหญิงที่แปร๋แปร้น กละชวนบรุ ษุ ชม
๓. คงทรงนึกอยวู่ า่ ดนทุ รามและสิน้ ดี
ราวนางโสเภณี บมิเขนิ มขิ วยใจ
๔. แล้วคงทรงดูถูก ดนุนีแ้ ละยิ่งใหญ่
วา่ เป็นผู้หญิงไร้ คุณะธรรมะอนั ควร
๒๐. ขอ้ ใดสะท้อนค่านิยมที่เดน่ ชัดที่สุด ฤกค็ วรจะปรีดา
๑. อันว่าพระองค์กรุณะขอ้ ย กรณุ าธิคุณครัน
อีกควรฉลองวรมหา สุภาษิตบรุ าณว่า
๒. กระหมอ่ มฉันกเ็ คยทราบ กพ็ ดู ได้ละหลายลิ้น
บรุ ษุ ยามสิเนหา จะกระทำประดจุ ขาย
๓. อันหญิงย่อมไมอ่ ยาก เพราะวะ่ เกรงจะดแู คลน
ความรกั ให้แกช่ าย วจะลวงยพุ าและพา
๔. เคยวา่ บรุ ษุ กล่าว บมิช้าก็ทอดกท็ ิง้
ไปร่วมสิเนหา
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๓๐
๒๑. เรือ่ งมทั นะพาธา รชั กาลที่ ๖ ทรงพระราชนิพนธโ์ ดยใช้คำประพนั ธ์หลากชนิดเพือ่ ให้สอดคล้องกับ
บทบาทของตัวละคร เน้ือเร่ืองและลีลาภาษา ข้อใดเปน็ คำประพันธท์ ี่ใชเ้ น้นอารมณ์ให้มากขึ้น
๑. สุเทษณจ์ อ้ งดูนาง, แตน่ างยังคงตาลอยไม่จบั ตาอย,ู่ สุเทษณ์ออกฉงน, จ่งึ ลองพูดไปอีก
๒. แนะมายาวิน เหตุใดยพุ ิน จงึ เป็นเช่นนี้
ดูราวมะเมอ เผลอเผลอฤดี ประดุจไม่มี ชีวติ จติ ใจ
๓. ฉันใดมาได้แห่งนี้ หรอื ว่าได้มี ผใู้ ดไปอุ้มขา้ มา
ขอพระองค์จงเมตตา และงดโทษข้า ผบู้ กุ รุกถึงลานใน
๔. มะทะนาชะเจ้าเลห่ ์ ชิชิชา่ งจำนรรจา
ตะละคำอุวาทา ฤกระบิดกระบวนความ
๒๒. ฉนั ทใ์ นข้อใดมีคร-ุ ลหุ ตา่ งจากข้ออื่น
๑. ครานีส้ ิพบชาย วรรปู วิเศษวิศาล
ใจวาบและหวามปาน ฤดินนั้ จะโลดจะลอย
๒. ก็ทกุ ลิน้ จะรุมกลา่ ว แสดงรกั ฌโฉมฉาย
และทกุ ลิน้ จะเปรยปราย ประกาศถ้อยปฏิญญา
๓. กร็ สใดจะหวานแมน้ สุรสแห่งพระวาจา
กระแสซาบฌทรวงขา้ พระบาทปลืม้ บลืมรส
๔. ฉะน้ันเจ้าจะให้พี่ สบถโดยสุเทพใด
ก็หากทรงประทานให้ กระหมอ่ มฉันนะเลือกสรร
๒๓. บทประพันธข์ ้อใดไม่มกี ารฉีกคำระหวา่ งวรรค
๑. พิศไหน บ มที ราม วะธงุ ามสงา่ หมด
จนสดุ จะหาพจน์ สรเสริญเสมอใจ
๒. คร้ันเม่อื สดับศพั ทะสำเนยี งกเ็ ยือกเย็น
ราวดืม่ อุทกเพญ็ รสะรน่ื ระรวยใจ
๓. และรู้สกึ พระการณุ ยะภาพแหง่ พระทรงยศ
จะฝังใจ บ ได้ลด ฤ ลืมจน ณ วันมรณ์
๔. เสดจ็ สถิต ณ เขตอะรณั ยะนีไซร้
ว่าดะนุและน้องจะเคียงคระไล
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๓๑
๒๔. รปู เจา้ วิไลราว สรุ ะแสรง้ ประจิตประจกั ษ์
มิควรจะร้างรัก เพราะพะธูพิถีพิถัน
ข้อความข้างตน้ นี้ แต่งด้วยคำประพนั ธป์ ระเภทใด
๑. สาลนิ ีฉันท์ ๒. อินทรวิเชยี รฉนั ท์
๓. อินทวงส์ฉันท์ ๔. วสนั ตดิลกฉันท์
๒๕. ข้อใดใช้ภาษาทำให้เกิดภาพได้ชัดเจนมากทีส่ ุด
๑. กร็ สใดจะหวานแมน้ สุรสแหง่ พระวาจา
กระแสซาบณทรวงขา้ พระบาทปลืม้ บลืมรส
๒. เหมอื นโฉมดรณุ ี นะแหละยืน่ สหุ ัตถม์ า
ล้วงใจดนคุ รา่ ห์ และกระลึงหทัยไว้
๓. ครานีส้ ิพบชาย วรรูปวิเศษวิศาล
ใจวาบและหวามปาน ฤดินั้นจะโลดจะลอย
๔. ชีพอยูก่ เ็ หมอื นตาย เพราะมิวายระทวยระทม
ทกุ ขย์ ากและกรากกรม อรุ ะช้ำระกำทวี
๒๖. “ผิล้ินพจ่ี ะมีหลาย กท็ กุ ลนิ้ จะรมุ กลา่ ว แสดงรกั ณโฉมฉาย
และทกุ ลิน้ จะเปรยปราย ประกาศถ้อยปฏิญญา”
คำประพนั ธข์ ้างตน้ ตรงกับรสวรรณคดีในข้อใด
๑. เสาวรจนี ๒. นารีปราโมทย์
๓. พิโรธวาทัง ๔. สลั ลาปงั คพิสยั
๒๗. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะของการลอ้ รับคำกนั
๑. จรงิ ฤๅนะเจ้าสุมะทะนา วจะเจ้าแถลงความ?
ข้าข้อแถลงวะจะนะตาม สะรเุ ทวะโปรดปราน
๒. หากพี่จะกอดวธุและจมุ - พิตเจา้ จะว่าไร?
ข้าบาทจะขัด ฤ กม็ ิได้ ผพิ ระองค์จะทรงปอง
๓. ความรกั ละเห่ยี อรุ ะระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย
ความรกั ระทดอรุ ะละเห่ยี ฤ จะหายเพราะเคลียคลอ
๔. เออ! หลอ่ นน้ีมาล้อเลน่ ! อันตัวพี่เปน็ คนโง่ฤๅบ้าฉนั ใด?
หมอ่ มฉันเคารพเทพไท ทลู อย่างจริงใจ ก็บมิทรงเชือ่ เลย
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๓๒
๒๘. ขอ้ ใดมีรสวรรณคดีต่างจากข้ออืน่
๑. พอเหน็ วรพักตร์ วนิดาวะรางคี
บัดน้ันฤกม็ ี ฤติทว่ มสิเนหา
๒. คณานางสนมเปรียบ ประหนง่ึ กาและถ่อยที
วธยู อดฤดีพี่ ประหนง่ึ หงสส์ ุพรรณพรรณ
๓. อันพี่สิบุญแล้ว กเ็ ผอญิ ประสบสรุ ี
และรักสมคั รมี มนะมงุ่ ทะนถุ นอม
๔. ยามเดินบเขินขัด กละนจั จะน่าชม
กรายกรกเ็ ร้ารม- ยะประหนึง่ ระบำสวย
๒๙. ชยั เสน : กพ็ ีน่ ้ีสเิ คยชม วิหคหงส์สะเลอสรร
จะกลบั ชมอิกานั้น บได้แล้วนะแก้วตา
มัทนา : กระหม่อมฉันก็เคยทราบ สุภาษิตบรุ าณวา่
บุรษุ ยามสิเนหา กพ็ ูดได้ละหลายลิ้น
จากบทสนทนาข้างตน้ ปรากฏโวหารข้อใด
๑. อุปมา อปุ ลกั ษณ์ ๒. อุปลกั ษณ์ อธิพจน์
๓. สัญลกั ษณ์ อธิพจน์ ๔. สญั ลกั ษณ์ อปุ ลักษณ์
๓๐. “ยามเดินบเขินขดั กละนจั จะน่าชม
กรายกรก็เร้ารม- ยะประหนึง่ ระบำสวย
ยามนง่ั ก็นั่งเรียบ และระเบียบเขินขวย
แขนอ่อนฤเปรียบด้วย ธนกุ ่งกระชบั ไว้”
ฉันท์นีม้ ีลักษณะเดน่ ตามขอ้ ใด
๑. ใช้การเปรียบเทียบ ๒. ใช้โวหารอธิพจน์
๓. เลือกใช้คำรัดกุมมคี วามหมาย ๔. เลน่ สัมผสั สระ และสมั ผสั อักษร
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๓๓
สมเดจ็ พระปิยมหาราช ทรงรกั ษาเอกราชของชาติไว้ได้อยา่ งไร
๑. ขอ้ ใดไม่ใช่เจตนาของผู้แตง่ เร่อื ง “สมเด็จพระปิยะมหาราชทรงรักษาเอกราชของชาติไว้ได้อย่างไร”
๑. จงประชาราษฎรน์ อ้ ม คำนงึ ๒. ไปเ่ กินที่กล้าวเน้น เนือ้ ความ
จารพระคณุ พระตรงึ ตรกึ ไว้ ผมิ ิเพราะพระนาม นาถนี้
๓. บญุ สยามยามอมติ รรา้ ย รมุ มา ๔. ไทยยงยืนอยดู่ ้วย บารมี พระนอ
มีพระปิยมหา ราชเจ้า เกริกกิตติสทิ ธิ์ศรี ศักดิพ์ ร้อม
๒. ขอ้ ใดเปน็ แก่นของเรียงความเรอ่ื งสมเด็จพระปิยมหาราชทรงรกั ษาเอกราชของชาติไว้ได้อยา่ งไร
๑. ก้าวเดินโดดเดน่ เบอื้ ง บรู พา ๒. อา้ พระปรียะเจ้า จอมไผท ไทยเอย
คือประเทศไทยสา- มารถสู้ เพราะพระปรีชาไว ทิตแท้
๓. ไปเ่ กินที่กลา่ วเน้น เนือ้ ความ ๔. จงประชาราษฎรน์ อ้ ม คำนงึ
ผมิ ิเพราะพระนาม นาถนี้ จารพระคุณพระตรงึ ตรกึ ไว้
๓. ขอ้ ใดไมใ่ ช่สิง่ ที่นกั ประวตั ิศาสตรถ์ ือวา่ เป็นงานสำคญั ที่สุดที่ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการล่า
เมืองขึน้ ในสมยั รชั กาลที่ ๕
๑. การปรับปรุงการบริหารราชการแผน่ ดิน
๒. การปรับปรงุ ระเบียบการทหารเพือ่ เตรียมพร้อมตอ่ สู้
๓. การเปลีย่ นแปลงปรับปรุงสงั คมและเศรษฐกิจ
๔. การวางรากฐานระบบตุลาการให้สอดคล้องกับชาวตะวันตก
๔. ขอ้ ใดแสดงพระราชดำริอยา่ งมวี ิจารณญาณของสมเดจ็ พระปิยมหาราชที่ทำให้ประเทศสยาม
รอดพ้นจากภัยตา่ งประเทศ
๑. เอาข้างขนั ติโต้ ตา่ งเขน ๒. ยึดสนั ติกรรมเกณฑ์ กำหนด นึกแฮ
ถือหลักผ่อนหนักเบน เบี่ยงล้ี เชน่ ชนกนาถชี้ ชอ่ งไว้ในบรรพ์
๓. กระทบกระท่ังบ้าง บางที ๔. เสียน้อยรักษาธี รภาพ
สูญทรพั ยเ์ สียสิทธิ์ศรี ศกั ดิ์บ้าง ดีกว่าแข็งกร้าวสร้าง เรือ่ งร้ายกรายถึง
๕. ข้อใดแสดงถึงอัจฉริยภาพในการแก้ปญั หาอย่างย่งั ยืนของพระปิยมหาราช
๑. จงึ หลายประเทศท้ัง ใกล้ไกล ๒. หวงั ผลเพือ่ ผูกไม- ตรตี อ่
พระเสดจ็ เยือนไป หลากแคว้น เกลื่อนกลบจบเร่อื งแค้น ขนุ่ น้ำใจเคย
๓. เผยจติ เป็นมติ รท้ัง ถือกรรม ดเี นอ ๔. ผนั ภยั พิเทศภยั ผองผา่ น
กลเกราะกำบงั บำ- บัดร้าย พา่ ยพระพริ ิยะแพ้ พ่ายน้ำใจจง
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๓๔
๖. ขอ้ ใดไมใ่ ช่สาเหตุที่ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการตกเป็นเมืองขนึ้ ของชาตติ ะวนั ตก
๑. ไทยยงคงศกั ดิ์ดว้ ย ดวงดี เดน่ ฤๅ ๒. เสียน้อยรกั ษาธี- รภาพ
ฤๅปะเหมาะเคราะหป์ ี ศาจคุ้ม ดีกว่าแขง็ กร้าวสร้าง เรือ่ งร้ายกรายถึง
๓. เอาข้างขนั ตโิ ต้ ต่างเขน ๔. วจิ ัยวิจารณ์เมือง เนืองอยู่
ถือหลกั ผอ่ นหนกั เบน เบี่ยงล้ี หม่ันสอบเหตเุ ลศให้ แจม่ แจ้งแห่งการณ์
๗. คำกล่าวข้อใดไม่ถูกต้องจากเร่อื ง สมเดจ็ พระปิยมหาราชทรงรกั ษาเอกราชของชาติไว้ได้อยา่ งไร
๑. สติปัญญา และขันติเป็นคณุ สมบตั ิของผู้นำ
๒. กศุ โลบายในการปกครองประเทศไม่จำเป็นต้องใช้กำลงั ทหารเสมอไป
๓. การยอมเสียทรพั ย์ เสียอำนาจเพื่อรักษาความมน่ั คงของชาติดกี ว่าเสียท้ังหมด
๔. ยามคับขนั ควรขอความช่วยเหลอื จากประเทศเพือ่ นบ้านเปน็ สิ่งทีด่ ที ีส่ ุด
๘. ข้อใดสะท้อนความภูมิใจของผแู้ ต่งมากทีส่ ดุ
๑. ณ แดนผืนแผน่ พืน้ ภมู สิ ยาม ๒. ก้าวเดินโดดเด่นเบือ้ ง บรู พา
ไพสิฐอิสระคาม เขตนี้ คือประเทศไทยสา- มารถสู้
๓. ผ่านภัยพิบัติปรา- กฎเกียรติ ๔. มศี รมี ีศักด์สร้าง เสริมสรรพ์
นบั หลากร้อยปีรู้ เลื่องท้ังธาษตรี สืบชาติตราบแตบ่ รรพ์ บดั นี้
๙. ข้อใดแสดงถึงนำ้ เสียงของผู้แตง่ ทีม่ ตี ่อการลา่ อาณานิคมของชาติตะวันตก
๑. จงประชาราษฎรน์ อ้ ม คำนงึ ๒. หลายชาติพลาดพ่ายด้วย ภยั ไพ รัชเฮย
จารพระคุณพระตรงึ ตรกึ ไว้ ลทั ธิลา่ เมอื งไถย จติ แท้
๓. เหมอื นมา่ นขาดสติท้ัง ปัญญา ๔. มเี อกราชจรร- โลงอยู่ ยั้งแล
แคลนขาดสรรพศาสตรา วุธด้วย เป็นประหลาดเรื่องลี้ หลีกพ้นพิรชั ภยั
๑๐.คำประพนั ธใ์ นข้อใดไม่สามารถสร้างสนั ตสิ ุขในสังคมได้
๑. เอาขา้ งขันตโิ ต้ ต่างเขน ๒. ถือหลกั ผอ่ นหนักเบน เบีย่ งล้ี
๓. เผยจิตเป็นมติ รท้ัง ถือกรรม ดีเนอ ๔. วางกลอบุ ายใคร เข้ากบั ดกั แฮ
๑๑. “มอญมา่ นหาญหักเข้า รกุ รบ
ปรามาสขาดสตพิ บ พา่ ยพลั้ง
สญู สิ้นแผ่นดินจบ สิน้ เอก ราชนอ
คือเหยื่อเพือ่ เริ่มครง้ั ใหม่จอ้ งปองราญ”
คำทีข่ ีดเส้นใต้หมายถึงข้อใด
๑. ญวน ๒. เขมร
๓. สยาม ๔. มลายู
แบบฝึกหัดเสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๓๕
๑๒. “เพลิงตะวนั ตกลาม ลกุ ไหม้
กลบั ลดหมดเปลวความ โรจน์เร่า ร้อนแฮ”
ข้อใดไมใ่ ช่เหตทุ ี่ทำให้เกิดพผลตามคำประพันธข์ ้างตน้
๑. จงึ หลายประเทศท้ัง ใกล้ไกล ๒. ประมาณฐานะท้ัง ทั่วตน เองนอ
พระเสด็จเยือนไป หลากแคว้น ชาติศตั รูชาติชน เพื่อนผู้
๓. ยอมรบั คติผล เหตุที่ มแี ฮ ๔. วิจยั วิจารณ์เมือง เนืองอยู่
รู้รบั ความเจรญิ รู้ ผ่อนสั้นบรรเทา หมั่นสอบเหตุเลศให้ แจ่มแจ้งแห่งการณ์
๑๓. “วธิ ีพิทกั ษป์ ้อง ปกเมอื ง
ยามพิบัติภยั เคือง ขกุ ใกล้”
ข้อใดไม่สมั พันธก์ ับคำประพนั ธน์ ี้
๑. รู้รบั ความเจรญิ รู้ ผ่อนสั้นบรรเทา ๒. ประมาณฐานะท้ัง ท่ัวตน เองนอ
๓. พัดผ่อนเมฆร้ายเร้า ร่อยร้างจางลง ๔. ยึดสนั ติกรรมเกณฑ์ กำหนด นึกแฮ
๑๔. “จึงหลายประเทศท้ัง ใกล้ไกล
พระเสด็จเยือนไป หลากแคว้น”
เหตุใดพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชจงึ ตอ้ งกระทำตามบทประพันธด์ งั กล่าวข้างตน้
๑. เอาขา้ งขันตโิ ต้ ตา่ งเขน ๒. เผยจิตเป็นมติ รทั้ง ถือกรรม ดีเนอ
ถือหลักผ่อนหนกั เบน เบีย่ งลี้ กลเกราะกำบงั บำ บัดร้าย
๓. ตราบนามสยาม ยืนอยู่ ๔. ยอมรับคติผล เหตทุ ี่ มแี ฮ
ยอ่ มมหาภัยครั้ง ใหมจ่ อ้ งปองหมาย รู้รับความเจรญิ รู้ ผ่อนส้ันบรรเทา
๑๕. ข้อใดเป็นวิธีแก้ปญั หาขั้นพ้ืนฐานในการรกั ษาเอกราชของชาติที่สมเด็จพระปิยมหาราชทรงปฏิบัติ
๑. วิจัยวิจารณเ์ นือง เนืองอยู่ ๒. เอาข้างขนั ตโิ ต้ ต่างเขน
หมน่ั สอบเหตุเลศให้ แจ่มแจ้งแหง่ การณ์ ถือหลักผอ่ นหนกั เบน เบี่ยงลี้
๓. กระทบกระทง่ั บ้าง บางที ๔. จึงหลายประเทศทั้ง ใกล้ไกล
สูญทรัพยเ์ สียสิทธิ์ศรี ศกั ดิบ์ ้าง พระเสดจ็ เยือนไป หลากแคว้น
๑๖. ขอ้ ใดไม่ใช่พฤติกรรมของชาติตะวนั ตก
๑. เกลือ่ นกลบลบเรือ่ งแค้น ข่นุ น้ำใจเคย
๒. รุมกระหนาบหนกั ล้อม รอบกล้ำทำลาย
๓. คาดคิดพิชิตแพ้ว ผอ่ งสร้างวางกล
๔. ปองประทุษเทศได้ เดือดรอ้ นรอนแดน
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๓๖
๑๗. ขอ้ ใดไมใ่ ช่สาเหตุทีป่ ระเทศเพื่อนบ้านของไทยเสียเอกราชแกช่ าติตะวันตก
๑. ปรามาสขาดสตพิ บ พ่ายพลั้ง
๒. แคลนขาดสรรพศาสตรา- วุธด้วย
๓. มองหาที่พึง่ หัน หาห่าง หายแฮ
๔. ยังพลาดรฐั ประศา- สนศาสตร์
๑๘. คำประพันธข์ ้อใดใช้คำได้ไพเราะดีเดน่ มองเหน็ ภาพมากกวา่ ข้ออน่ื ๆ
๑. ก้าวเดนโดดเดน่ เบอื้ ง บูรพา
๒. ดบั มิดบั ยิ่งไหม้ มากเข้า เผาผลาญ
๓. เพลิงตะวนั ตกลาม ลกุ ไหม้
๔. ชชี้ ัดวัฒนธรรมชี้ ชัดแจง้ แหล่งเจริญ
๑๙. “ดา้ นใต้ภัยร้ายลา่ เมืองลาม รุกเฮย
ยึดมลายูคาม เขตแล้ว
มาดมงุ่ สยามหยาม เยี่ยงเหยือ่
คาดคิดพิชิตแผว้ ผ่องสร้างวางกล”
ข้อใดอธิบายถึงโคลงบทนี้ไม่ถูกต้อง
๑. ใช้คำตายแทนคำเอก ๓ คำ ๒. มีการใชค้ ำเอก-โท สลบั ตำแหน่งกัน
๓. มีการใชค้ ำสรอ้ ยเพือ่ ให้จบเนือ้ ความ ๔. ใช้การเปรียบเทียบแบบอปุ มาโวหาร
๒๐. สมเดจ็ พระปิยมหาราชทรงรักษาเอกราชของชาติไว้ได้ พระองคท์ รงยึดหลักธรรมในข้อใดเป็น
สำคัญ
๑. ขนั ติ ๒. สันติ
๓. มัชฌิมา ๔. อุเบกขา
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๓๗
ประวัติวรรณคดีสมยั อยุธยาตอนกลาง
๑. ข้อใดไม่ใช่รูปแบบของการประพันธท์ ีไ่ ด้รบั ความนยิ มในวรรณคดีสมัยอยุธยาตอนกลาง
๑. ฉันท์ ๒. โคลงสภุ าพ
๓. ร่ายสุภาพ ๔. กาพย์หอ่ โคลง
๒. วรรณคดีเลม่ ใดแต่งด้วยรปู แบบคำประพันธใ์ หม่ที่เกิดสมยั อยุธยาตอนกลาง
๑. จนิ ดามณี ๒. โคลงนริ าศนครสวรรค์
๓. กาพย์ห่อโคลงพระศรีมโหสถ ๔. คำฉนั ทด์ ษุ ฎีสงั เวยกล่อมช้าง
๓. กวีท่านใดแต่งแบบเรียนเล่มแรกของไทย
๑. พระศรีมโหสถ ๒. พระโหราธิบดี
๓. พระมหาราชครู ๔. สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช
๔. ข้อใดไม่จัดเปน็ วรรณคดีคำสอน
๑. โคลงราชสวสั ดิ์ ๒. โคลงพาลีสอนนอ้ ง
๓. โคลงทศรถสอนพระราม ๔. โคลงเบ็ดเตลด็ ของศรีปราชญ์
๕. วรรณคดีเรื่องใดไม่ได้มีเน้ือเรอ่ื งและจดุ มุ่งหมายในเชิงปลูกฝัง
๑. รามเกียรต์ิ ๒. มหาเวสสันดรชาดก
๓. มทั นะพาธา ๔. กฤษณาสอนน้องคำฉันท์
๖. วรรณคดีเรือ่ งอนิรทุ ธ์คำฉันท์ ศรปี ราชญ์แต่งข้นึ เพื่อประชันกบั วรรณคดีเรือ่ งใด
๑. เสือโคคำฉนั ท์ ๒. สมทุ รโฆษคำฉนั ท์
๓. พาลสี อนน้อง ๔. ทศรถสอนพระราม
๗. วรรณคดีเรือ่ งใดไม่ใช่ผลงานของกวีคนเดียวกัน
๑. โคลงอักษรสาม ๒. โคลงพาลีสอนนอ้ ง
๓. โคลงราชสวัสดิ์ ๔. โคลงทศรถสอนพระราม
๘. วรรณคดีเลม่ ใดแต่งเพื่อแสดงความสามารถในการแตง่ กลโคลง
๑. โคลงอักษรสาม ๒. โคลงราชสวัสดิ์
๓. โคลงเบด็ เตลด็ ของศรีปราชญ์ ๔. โคลงเฉลิมพระเกียรตสิ มเดจ็ พระนารายณ์
๙. หนังสือเลม่ ใดเปน็ ผลงานของศรีปราชญท์ ีแ่ ตง่ ข้ึนเพือ่ แข่งกับเรื่องสมุทรโฆษคำฉันท์
๑. อนิรทุ ธ์คำฉันท์ ๒. เสือโคคำฉนั ท์
๓. คำฉนั ท์ดษุ ฎีสงั เวยกลอ่ มช้าง ๔. พระราชพงศาวดารฉบบั หลวงประเสริฐฯ
แบบฝึกหดั เสริมการเรียนรู้ รายวชิ า ท ๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ๑๓๘
๑๐. “โคลงอักษรสามหม่”ู ซึง่ เป็นหนังสือตวั อย่างใชศ้ กึ ษาวิธีแตง่ กลบทของโคลงเปน็ ผลงาน
ของกวีท่านใด
๑. ขนุ เทพทวี ๒. ศรปี ราชญ์
๓. พระศรีมโหสถ ๔. พระโหราธิบดี
๑๑. ลกั ษณะเด่นของเสือโคคำฉนั ท์คือขอ้ ใด
๑. มีเค้าเรือ่ งมาจากปัญญาสชาดก
๒. แตง่ ด้วยคำประพนั ธ์ประเภทกาพย์และฉนั ท์
๓. เป็นวรรณคดีคำฉันทท์ ี่เน้ือเรอ่ื งสมบูรณเ์ รื่องแรก
๔. ผแู้ ต่งมีความรเู้ ชย่ี วชาญทางอักษรศาสตร์และไตรเพท
๑๒. “ถ้าบุคคลใดได้อา่ นหนงั สือน้แี ล้วกจ็ ะรู้แตกฉานในอกั ษรศาสตรไ์ ทยได้เหมอื นหน่ึงมี
แก้วสารพดั นึก” จากข้อความขา้ งตน้ หมายถึงวรรณคดีเรือ่ งใด
๑. จนิ ดามณี ๒. กาพย์หอ่ โคลงพระศรีมโหสถ
๓. โคลงอกั ษรสามหมู่ ๔. โคลงเบ็ดเตลด็ ของศรีปราชญ์
๑๓. วรรณคดีเลม่ ใดเป็นตำราในการแตง่ ฉนั ทท์ ีเ่ ลือกสรรถ้อยคำเพื่อแสดงภาพและรสของอารมณ์
อยา่ งละเอียดออ่ น
๑. อนิรทุ ธ์คำฉันท์ ๒. สมทุ รโฆษคำฉนั ท์
๓. เสือโคคำฉันท์ ๔. คำฉันท์ดษุ ฎีสงั เวยกลอ่ มช้าง
๑๔. วรรณคดีเรือ่ งใดมีทีม่ าจากปญั ญาสชาดก
๑. อนิรุทธ์คำฉันท์และโคลงราชสวัสดิ์ ๒. โคลงพาลีสอนนอ้ งและสมุทรโฆษคำฉันท์
๓. เสือโคคำฉันทแ์ ละสมทุ รโฆษคำฉนั ท์ ๔. โคลงทศรถสอนพระรามและเสือโคคำฉันท์
๑๕. โคลงพาลีสอนนอ้ ง คำว่า “น้อง” หมายถึงใคร และมีเน้ือหาสอนเรือ่ งอะไร
๑. องคต, หลกั การบ้านการเมอื ง ๒. องคต, หลกั การปฏิบัติตนเป็นข้าราชการ
๓. สคุ รีพ, หลักการบ้านการเมอื ง ๔. สคุ รีพ, หลกั การปฏิบตั ิตนเปน็ ข้าราชการ