The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน ม๑ เทอม ๑ ครูประฑีป ปี ๖๕

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by prateepbm, 2022-12-14 02:36:09

แผนการสอน ม๑ เทอม ๑ ครูประฑีป ปี ๖๕

แผนการสอน ม๑ เทอม ๑ ครูประฑีป ปี ๖๕

บนั ทึกหลังสอน

1. ผลการสอน

⬜ สอนไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ มจี ุดประสงค์ K P A

⬜ มีการบรู ณาการ คณุ ธรรม / การตา้ นการทุจรติ / หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

⬜ สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนือ่ งจาก ..........................................................................
.......................................................................................................................................................
2. ผลการเรียนของนกั เรยี น

⬜ จำนวนนักเรยี นทผ่ี ่านการประเมนิ .......................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ .................................

⬜ จำนวนนกั เรยี นที่ไมผ่ ่านการประเมนิ ...................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ .................................

⬜ อน่ื ๆ .............................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค

⬜ กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา

⬜ มีนักเรยี นทำใบงาน/ใบกิจกรรมไมท่ ันตามกำหนดเวลา

⬜ มีนกั เรยี นทไ่ี มส่ นใจเรียน

⬜ อน่ื ๆ .............................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

⬜ ควรนำแผนไปปรับปรงุ เรอื่ ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ แนวทางแก้ไขนักเรยี นทไ่ี มผ่ ่านการประเมนิ /ไมส่ นใจเรียน ........................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ ไมม่ ขี อ้ เสนอแนะ
ลงชื่อ ........................................... ผบู้ ันทึก
( .................................... )
ครผู สู้ อน

บนั ทึกหลงั การสอน ตามแผนการจัดการเรยี นรฉู้ บบั น้ี ไดร้ บั การพิจารณาจากหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้
และฝา่ ยวชิ าการ แลว้

ลงชอ่ื ........................................... ลงชื่อ ..................................................
(...............................................) ( ............................................ )
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รองผ้อู ำนวยการฝ่ายบรหิ ารงานวิชาการ

ลงชื่อ ...........................................................
( ................................................. )

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นเบญจมราชูทศิ จงั หวดั ปัตตานี

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 11 เร่อื ง ประวตั ิศาสตรศ์ ลิ ป์ไทย

รายวิชา ศิลปะพ้ืนฐาน รหสั วชิ า ศ 21101 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เรอ่ื ง ทัศนศลิ ปก์ บั ภมู ิปัญญาไทยและสากล เวลา 2 ชั่วโมง

มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรยี นรู้

ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์
วิพากษ์วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชม และ
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวนั

ศ 1.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างาน
ทัศนศิลป์ท่เี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ภมู ิปญั ญาไทยและสากล
ตวั ช้วี ดั

ศ 1.1 ม.1/1 บรรยายความแตกตา่ งและความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์และ
สิ่งแวดล้อมโดยใช้ ความรูเ้ รือ่ งทศั นธาตุ

ศ 1.2 ม.1/1 ระบุ และบรรยายเกีย่ วกับลักษณะ รูปแบบงานทศั นศลิ ปข์ องชาติและของ
ทอ้ งถน่ิ ตนเองจากอดตี จนถึงปจั จุบัน

ม.1/2 ระบุ และเปรยี บเทยี บงานทัศนศลิ ป์ของภาคตา่ ง ๆ ในประเทศไทย
ม.1/3 เปรยี บเทียบความแตกตา่ งของจดุ ประสงคใ์ นการสรา้ งสรรคง์ านทัศนศิลป์
ของวัฒนธรรมไทย และสากล
ม.2/1 ระบุและบรรยายเกีย่ วกับวฒั นธรรมตา่ ง ๆ ท่ีสะทอ้ นถงึ งานทัศนศลิ ป์ใน
ปัจจบุ ัน
ม.2/2 บรรยายถึงการเปลีย่ นแปลงของงานทัศนศิลป์ของไทยในแตล่ ะยุคสมัยโดย
เนน้ ถึงแนวคิดและเนือ้ หาของงาน
จดุ ประสงค์การเรียนรู้สูต่ ัวชวี้ ดั
1.อธิบายความเป็นมาของประวัติศาสตรศ์ ลิ ปไ์ ทย (K)
2.ใชท้ ักษะความรู้ความเขา้ ใจความเชื่อทางวฒั นธรรมทีม่ ีอิทธพิ ลต่อการสรา้ งงานศลิ ปะ (P)
3. ซาบซึ้ง เห็นคุณค่าศิลปะ วัฒนธรรมไทย มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ ท่ีสะท้อน
วฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น ภูมิปญั ญาไทย (A)
สาระสำคัญ
เข้าใจความเชื่อทางวัฒนธรรมในประวัติศาสตร์ท่ีมีอิทธิพลต่อการสร้างงานศิลปะ เปรียบเทียบงาน
ทัศนศลิ ปข์ องไทยและสากล ตลอดจนบรรยายงานศิลปข์ องแต่ละลัทธไิ ด้

สาระการเรียนรู้
ความรู้
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปไ์ ทย

ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด
การใหเ้ หตผุ ล การสรุปความรู้ การประเมนิ ค่า

คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน

ความเขา้ ใจทคี่ งทน (Enduring Understanding)
นกั เรียนสามารถสรุปได้วา่ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มั่งค่ังด้วยศิลปวัฒนธรรม ตั้งแต่ยุคกอ่ น

ประวัตศิ าสตร์ จงึ มีมรดกตกทอดทางศลิ ปวฒั นธรรมหลายยุคสมยั จนเกดิ เป็นประวัติศาสตรศ์ ลิ ปไ์ ทย
ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความรู้)

- แบบฝกึ ทบทวนที่ 5 เร่ือง โยงประวัติศาสตร์
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
ชัว่ โมงท่ี 1

ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรยี น
1. ครูสนทนากับนักเรียน และซักถามนักเรียนว่า คาบที่แล้วเรียนเร่ืองอะไรไปบ้าง เพื่อเป็นการ
เชอื่ มโยงเข้าสหู่ นว่ ยการเรียนรูใ้ นเน้ือหาใหม่
ข้ันสอน
2. ครูอธบิ ายประวตั ิศาสตร์ศิลปใ์ นแตล่ ะยคุ สมัยให้นักเรียนฟัง โดยมีสมัยของประวตั ิศาสตร์ศลิ ปไ์ ทย
ดงั น้ี
- ศลิ ปะสมยั บ้านเชยี ง
- ศิลปะสมัยทวารวดี
- ศิลปะสมยั ลพบุรี
- ศิลปะสมัยศรวี ิชยั
ขั้นสรปุ
ครสู รุปความรู้ทไ่ี ดเ้ รียนในคาบนี้
ชั่วโมงท่ี 2
ข้นั นำเขา้ สบู่ ทเรียน
1. ครทู ักทายนักเรียน และซักถามนักเรียนวา่ คาบทแี่ ลว้ เรียนเรอื่ งประวตั ิศาสตร์ศิลป์มากยี่ คุ สมยั แล้ว
ข้ันสอน
2. ครูอธิบายประวตั ศิ าสตร์ศิลปใ์ นแตล่ ะยุคสมยั ใหน้ กั เรียนฟัง ตอ่ จากคาบทีแ่ ล้ว โดยมีสมัยของ
ประวตั ิศาสตร์ศลิ ป์ไทย ดังน้ี
- ศิลปะสมัยเชียงแสน-ล้านนา

- ศิลปะสมยั สุโขทัย
- ศลิ ปะสมยั อยุธยา
3. ครอู ธิบายประวัตศิ าสตรใ์ นแต่ละสมยั โดยมสี ือ่ ประกอบภาพ เพอ่ื ให้เข้าใจมากย่ิงข้นึ
4. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกทบทวน เร่ือง โยงประวัติศาสตร์ เพ่ือเป็นการทำความเข้าใจใน
ประวัตศิ าสตรศ์ ิลปไ์ ทยของสมยั ต่าง ๆ
ขัน้ สรปุ
ครูเก็บรวบรวมแบบฝึกทบทวน และสรุปองค์ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ศิลป์ไทย และซักถามข้อสงสัย
กับนักเรยี นที่ยังไม่เข้าใจ พรอ้ มกับเพม่ิ เติมเนอ้ื หาให้นกั เรยี นเข้าใจมากข้นึ
ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน ทศั นศิลป์ 1 ของสำนักพิมพเ์ อมพันธ์.
2. ใบความรู้
3. ส่อื ภาพประกอบ
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
1. วิธกี ารวัดและประเมินผล

1.1 ตรวจแบบฝึกทบทวนท่ี 5 เรอ่ื ง โยงประวตั ศิ าสตร์
2. เครอ่ื งมอื

2.1 แบบฝกึ ทบทวนท่ี 5 เรื่อง โยงประวัติศาสตร์
3. เกณฑก์ ารประเมนิ

3.1 เกณฑก์ ารให้คะแนน
คะแนน 9 – 10 ระดบั ดีมาก
คะแนน 7 – 8 ระดับ ดี
คะแนน 5 – 6 ระดับ พอใช้
คะแนน 0 – 4 ระดบั ควรปรบั ปรุง

บันทึกหลังสอน

1. ผลการสอน

⬜ สอนไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ มีจดุ ประสงค์ K P A

⬜ มกี ารบรู ณาการ คณุ ธรรม / การตา้ นการทจุ รติ / หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

⬜ สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ เน่อื งจาก ..........................................................................
.......................................................................................................................................................
2. ผลการเรียนของนักเรยี น

⬜ จำนวนนักเรยี นทีผ่ า่ นการประเมนิ .......................... คน คิดเป็นร้อยละ .................................

⬜ จำนวนนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นการประเมนิ ...................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ .................................

⬜ อื่น ๆ .............................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค

⬜ กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกบั เวลา

⬜ มนี กั เรยี นทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา

⬜ มนี ักเรยี นท่ีไมส่ นใจเรียน

⬜ อน่ื ๆ .............................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข

⬜ ควรนำแผนไปปรบั ปรุง เรอื่ ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นทไ่ี มผ่ า่ นการประเมนิ /ไมส่ นใจเรยี น ........................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ ไมม่ ีข้อเสนอแนะ
ลงช่อื ........................................... ผู้บนั ทกึ
( .................................... )
ครผู ูส้ อน

บนั ทึกหลงั การสอน ตามแผนการจดั การเรียนรู้ฉบบั นี้ ไดร้ ับการพจิ ารณาจากหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
และฝา่ ยวชิ าการ แลว้

ลงชอ่ื ........................................... ลงช่ือ ..................................................
(...............................................) ( ............................................ )
หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ รองผอู้ ำนวยการฝ่ายบรหิ ารงานวิชาการ

ลงชอ่ื ...........................................................
( ................................................. )

ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นเบญจมราชทู ิศ จงั หวัดปตั ตานี

รายวิชา ศิลปะพน้ื ฐาน แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 12 เร่อื ง ศลิ ปนิ ไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 รหสั วิชา ศ 21101 เวลา 2 ชั่วโมง

เรื่อง ทศั นศลิ ปก์ บั ภมู ิปัญญาไทยและสากล

มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั
มาตรฐานการเรียนรู้

ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์
วิพากษ์วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ช่ืนชม และ
ประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจำวนั

ศ 1.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างาน
ทศั นศลิ ป์ทเ่ี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่ ภมู ิปญั ญาไทยและสากล
ตวั ช้ีวัด

ศ 1.1 ม.1/1 บรรยายความแตกตา่ งและความคล้ายคลงึ กันของงานทัศนศิลปแ์ ละส่ิงแวดลอ้ ม
โดยใช้ความรเู้ รือ่ งทศั นธาตุ

ศ 1.2 ม.1/1 ระบุ และบรรยายเก่ียวกบั ลกั ษณะ รปู แบบงานทศั นศลิ ปข์ องชาตแิ ละของ
ท้องถิน่ ตนเองจากอดตี จนถึงปจั จบุ ัน

ม.1/2 ระบุ และเปรียบเทยี บงานทศั นศิลป์ของภาคตา่ ง ๆ ในประเทศไทย
ม.1/3 เปรียบเทียบความแตกตา่ งของจุดประสงค์ในการสรา้ งสรรค์งานทัศนศิลปข์ อง
วัฒนธรรมไทย และสากล
ม.2/1 ระบุและบรรยายเกี่ยวกบั วฒั นธรรมต่าง ๆ ท่สี ะท้อนถึงงานทศั นศิลป์ในปจั จบุ นั
ม.2/2 บรรยายถึงการเปลี่ยนแปลงของงานทศั นศลิ ป์ของไทยในแตล่ ะยุคสมยั โดยเนน้
ถงึ แนวคิดและเนือ้ หาของงาน
จดุ ประสงค์การเรยี นร้สู ตู่ ัวชี้วัด
1. อธบิ ายประวัติและผลงานของศลิ ปนิ ไทยไทย (K)
2. ใช้ทักษะความรู้ ความเข้าใจในประวัติศาสตร์ของศิลปินไทยและสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ตาม
เทคนิควิธกี ารในสร้างงานของศลิ ปินไทย (P)
3. เหน็ คณุ คา่ และความสำคัญของประวัตแิ ละการสร้างสรรคง์ านศิลปะ ของศลิ ปินไทย (A)

สาระสำคัญ
เข้าใจความเชื่อทางวัฒนธรรมในประวัติศาสตร์ท่ีมีอิทธิพลต่อการสร้างงานศิลปะ เปรียบเทียบงาน

ทศั นศิลปข์ องไทยและสากล ตลอดจนบรรยายงานศิลปข์ องแต่ละลทั ธิได้

สาระการเรียนรู้
ความรู้
ศลิ ปนิ ไทย

ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ
การใหเ้ หตผุ ล การสรุปความรู้ การประเมินคา่

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
มวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

ความเข้าใจทค่ี งทน (Enduring Understanding)
นกั เรยี นสามารถสรุปไดว้ ่า รายนามแต่ละท่านของศลิ ปินไทย มีประวตั ิความเป็นมา พร้อมเทคนิคและ
ผลงานศลิ ปะที่ไดส้ ร้างสรรค์อย่างเข้าใจ
ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความรู้)
-
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ช่วั โมงที่ 1-2
ข้นั นำเขา้ สู่บทเรียน
1. ครูสนทนากับนักเรียน และซกั ถามนักเรียนดว้ ยคำถามดังนี้
- นักเรยี นรู้จักศิลปินไทยไหมและมีรายนามว่าอะไรบา้ ง เพอื่ เปน็ การเช่ือมโยงเข้าสู่เนอ้ื หาศิลปนิ ไทย
ขนั้ สอน
2. ครอู ธิบายประวตั ิศลิ ปินของแต่ละทา่ น โดยมีรายนามดงั นี้
- ขรวั อนิ โขง่
- เขียน ย้มิ ศิริ
- ถวลั ย์ ดัชนี
- ศาสตราจารยศ์ ิลป์ พรี ะศรี
- เฉลมิ นาคีรักษ์
- อารี สุทธพิ ันธ์ุ
3. ครูอธิบายเทคนิควิธีการสร้างสรรค์งานศิลปะของศิลปินแต่ละท่านโดยมีส่ือประกอบภาพ เพ่ือให้
เข้าใจมากย่งิ ข้ึน
4. ครูจดั กจิ กรรม เพือ่ เป็นการทบทวนความรู้ และความเข้าใจในศลิ ปนิ ไทย โดยการเลน่ เกมเป็นกลุ่ม
กลมุ่ ละ 5 คน
5. ครูแบง่ ศิลปินแต่ละท่านตามกลมุ่ นักเรียน
6. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกันระดมความคดิ และใช้ความเข้าใจ สรปุ องค์ความรูท้ ีเ่ กี่ยวกบั ศลิ ปินทแ่ี ต่ละกลุ่ม
ได้

ข้ันสรุป
นักเรยี นและครรู ่วมกนั บรรยายสรุปองค์ความรเู้ รื่องศิลปินไทย และครเู พิ่มเติมเน้อื หาให้นักเรยี นเขา้ ใจ

มากข้ึน
สือ่ การเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐาน ทัศนศิลป์ 1 ของสำนักพิมพ์เอมพนั ธ์.
2. ใบความรู้
3. สอื่ ภาพประกอบ
การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
1. วิธีการวดั และประเมินผล

-
2. เคร่อื งมือ

-
3. เกณฑ์การประเมนิ

-

บันทกึ หลังสอน

1. ผลการสอน

⬜ สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ มจี ดุ ประสงค์ K P A

⬜ มกี ารบรู ณาการ คณุ ธรรม / การต้านการทจุ รติ / หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

⬜ สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เน่อื งจาก ..........................................................................
.......................................................................................................................................................
2. ผลการเรียนของนักเรยี น

⬜ จำนวนนกั เรยี นทผ่ี ่านการประเมนิ .......................... คน คดิ เป็นร้อยละ .................................

⬜ จำนวนนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นการประเมิน ...................... คน คิดเปน็ รอ้ ยละ .................................

⬜ อนื่ ๆ .............................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค

⬜ กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา

⬜ มนี ักเรยี นทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ นั ตามกำหนดเวลา

⬜ มีนกั เรยี นที่ไมส่ นใจเรยี น

⬜ อนื่ ๆ .............................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข

⬜ ควรนำแผนไปปรบั ปรุง เรอ่ื ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ แนวทางแก้ไขนกั เรยี นทไี่ มผ่ ่านการประเมิน/ไมส่ นใจเรยี น ........................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ ไมม่ ขี อ้ เสนอแนะ
ลงช่ือ ........................................... ผู้บนั ทกึ
( .................................... )
ครูผู้สอน

บนั ทึกหลงั การสอน ตามแผนการจัดการเรยี นรูฉ้ บบั น้ี ไดร้ ับการพิจารณาจากหวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้
และฝา่ ยวชิ าการ แล้ว

ลงชอ่ื ........................................... ลงช่ือ ..................................................
(...............................................) ( ............................................ )
หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รองผู้อำนวยการฝา่ ยบรหิ ารงานวชิ าการ

ลงชื่อ ...........................................................
( ................................................. )

ผู้อำนวยการโรงเรยี นเบญจมราชูทิศ จังหวดั ปตั ตานี

ใบความรู้ เรือ่ ง ศิลปินไทย

เฉลิม นาคีรักษ์ ศลิ ปนิ อาวโุ สคนสำคญั ด้านจติ รกรรม
เฉลิม นาคีรักษ์ เกิดเม่ือวันที่ 21 กันยายน พุทธศักราช 2460 ที่อำเภอตระการพืชผล จังหวัด

อุบลราชธานี เป็นศิลปินอาวุโสคนสำคัญด้านจิตรกรรมซึ่งเป็นท่ียอมรับนับถือในวงการศิลปะและศิลปศึกษา
โดยทั่วไป มีผลงานดีเด่นท้ังในแบบศิลปะสมัยใหม่และศิลปะแบบประเพณีประยุกต์ ผลงานส่วนใหญ่เกี่ยวกับ
ชีวิตและประเพณีไทยมีความยึดมั่นและศรัทธาในศิลปะ ในด้านการถ่ายทอดวิชาความรู้ทางศิลปะน้ัน นาย
เฉลิม นาคีรักษ์ ได้เป็นอาจารย์สอนวิชาศิลปะที่ วิทยาลัยเพาะช่าง เป็นเวลา 37 ปี มีศิษย์เป็นจำนวนมากทั่ว
ประเทศ ได้รับราชการโดยตลอดมา จนได้รับแต่งต้ังเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยเพาะช่างและเป็นคณบดีคณะ
ศิลปกรรมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วิทยาเขตเพาะช่าง เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว ได้รับแต่งตั้ง
เป็นศาสตราจารย์พิเศษในสถาบันดังกล่าว นายเฉลิม นาคีรักษ์ ได้นำเอาผลงานศิลปะและวิชาการบริการแก่
สังคมตลอดเวลาอันยาวนาน เป็นผู้บุกเบิกศิลปะยุคปัจจุบันคนสำคัญคนหน่ึง นับเป็นศิลปินท่ีดำรงชีพและ
สร้างสรรค์ผลงาน ศลิ ปะอนั เป็นประโยชนต์ อ่ สว่ นรวมดว้ ยจรยิ วัตรท่ดี งี าม

ผลงาน

อา้ งองิ จาก : https://th.wikipedia.org/wiki

ศาสตราจารยศ์ ิลป์ พีระศรี
ศาสตราจารย์ ศลิ ป์ พรี ะศรี (15 กนั ยายน พ.ศ. 2435-14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505) เดิมชอ่ื คอรร์ าโด

เฟโรชี - Corrado Feroci ชาวอิตาลสี ญั ชาติไทย เป็นปชู นียบคุ คลคนหนงึ่ ของไทย โดยไดส้ ร้างคณุ ปู การในทาง
ศลิ ปะจนเป็นทรี่ ู้จักกวา้ งขวาง ทง้ั ยงั เป็นผู้ก่อต้ัง และครสู อนศลิ ปะในมหาวิทยาลัยศิลปากร จนเปน็ ที่รักใคร่
และนับถือท้ังในหม่ศู ิษยแ์ ละอาจารย์ และไดร้ ับการยกย่องเปน็ ปูชนยี บคุ คลของมหาวิทยาลัยแห่งน้ี มผี ลงานท่ี
โดดเด่นหลายอย่างในประเทศไทย ได้แก่ พระราชานสุ าวรยี ข์ องสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอย่หู วั ทส่ี วนลมุ พนิ ี
และ อนุสาวรยี ท์ ้าวสรุ นารี ได้รับการยกย่องว่าเปน็ บดิ าแห่งศลิ ปะร่วมสมยั ของไทย และเปน็ บิดาแหง่
มหาวทิ ยาลัยศิลปากร

ศาสตราจารยศ์ ลิ ป์ พีระศรี เป็นผ้กู ่อต้ังมหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร โดยอนสุ าวรียข์ องบคุ คลสำคญั ท่ีเราเห็น
ตามสถานท่ีต่างๆ หลายแหง่ นั้นเปน็ ฝีมอื ของท่าน เช่น

พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั พระบรมรปู สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ท่ีอนุสรณส์ ถานดอนเจดยี ์
รชั กาลที่ 6 ท่สี วนลมุ พินี จ.สุพรรณบรุ ี

อนุสาวรียช์ ยั สมร อนสุ าวรยี ป์ ระชาธปิ ไตย
ทมี่ า : หนังสือชีวิตและงานบคุ คลสำคญั ของไทย

อา้ งอิงจาก : http://www.dek-d.com

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 13 เรือ่ ง ประวตั ิศาสตรศ์ ลิ ปต์ ะวันตก

รายวิชา ศิลปะพืน้ ฐาน รหสั วชิ า ศ 21101 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรอื่ ง ทศั นศิลปก์ บั ภูมิปัญญาไทยและสากล เวลา 2 ชั่วโมง

___________________________________________________________________________

มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั

มาตรฐานการเรียนรู้

ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์

วิพากษ์วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชม และ

ประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั

ศ 1.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างาน

ทัศนศลิ ปท์ ี่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ ภมู ปิ ัญญาไทยและสากล

ตัวชวี้ ดั

ศ 1.1 ม.1/1 บรรยายความแตกตา่ งและความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศิลปแ์ ละสงิ่ แวดล้อม

โดยใช้ความรู้เรอ่ื งทัศนธาตุ

ศ 1.2 ม.1/1 ระบุ และบรรยายเกี่ยวกับลักษณะ รูปแบบงานทศั นศลิ ป์ของชาติและของ

ท้องถนิ่ ตนเองจากอดีตจนถึงปจั จบุ ัน

ม.1/2 ระบุ และเปรียบเทยี บงานทศั นศลิ ป์ของภาคต่าง ๆ ในประเทศไทย

ม.1/3 เปรียบเทยี บความแตกตา่ งของจุดประสงค์ในการสร้างสรรค์งานทศั นศิลปข์ อง

วฒั นธรรมไทย และสากล

ม.2/1 ระบุและบรรยายเกี่ยวกับวฒั นธรรมตา่ ง ๆ ท่สี ะทอ้ นถงึ งานทัศนศลิ ป์ในปัจจุบัน

ม.2/2 บรรยายถงึ การเปลย่ี นแปลงของงานทัศนศิลปข์ องไทยในแตล่ ะยุคสมยั โดยเนน้

ถึงแนวคิดและเนื้อหาของงาน

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้สตู่ ัวช้ีวดั

1. อธบิ ายประวตั คิ วามเปน็ มาและความสำคัญของศิลปะตะวนั ตกในแตล่ ะยุค (K)

2. ใช้ทักษะความรู้ ความเขา้ ใจในประวตั ิศาสตรศ์ ิลป์ตะวันตกและศลิ ปะในแต่ละยคุ ที่มีอทิ ธิพลต่อการ

สรา้ งงานศลิ ปะ (P)

3. เหน็ คุณคา่ และความสำคัญของงานศลิ ปะแต่ละยคุ และสามารถประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์งานได้

(A)

สาระสำคัญ

เข้าใจความเชื่อทางวัฒนธรรมในประวัติศาสตร์ท่ีมีอิทธิพลต่อการสร้างงานศิลปะ เปรียบเทียบงาน

ทัศนศลิ ปข์ องไทยและสากล ตลอดจนบรรยายงานศิลป์ของแตล่ ะลทั ธิได้

สาระการเรยี นรู้
ความรู้
ประวัติศาสตรศ์ ลิ ป์ตะวันตก

ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ
การใหเ้ หตุผล การสรปุ ความรู้ การประเมินคา่

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
มวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

ความเขา้ ใจที่คงทน (Enduring Understanding)
นักเรยี นสามารถสรปุ ได้ว่า การบันทึกประวตั ิศาสตร์ศิลป์ตะวันตกของแต่ละยุค สามารถเห็น

ได้จากประวัติผลงานทางศิลปะที่เกิดขึ้นหรือท่ีเหลืออยู่ของแต่ยุคจากการแสดงออกทางความคิดของมนุษย์ใน
ยุคน้ัน ซ่ึงแต่ละยุคมีการเปล่ียนแปลงไปตามปัจจัยต่างๆ ตามยุคสมัย และมีผลงานทางศิลปะท่ีเป็นการบันทึก
ประวัติศาสตรศ์ ิลป์ตะวันตกของแตล่ ะยุคศลิ ป์ได้
ชิน้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน ร่องรอยแสดงความรู้)

-
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
ชวั่ โมงท่ี 1-2

ขัน้ นำเขา้ สู่บทเรียน
1. ครูสนทนากับนักเรียน และซักถามนักเรียนว่า คาบท่ีแล้วเรียนเรื่องอะไรไปบ้าง เพื่อเป็นการ
เชือ่ มโยงเข้าสหู่ นว่ ยการเรียนรูใ้ นเนื้อหาประวัติศาสตรศ์ ลิ ปต์ ะวันตก
ขน้ั สอน
2. ครูอธิบายประวัตศิ าสตร์ศิลปต์ ะวันตกในแตล่ ะยคุ สมยั ให้นักเรยี นฟงั โดยมสี มยั ของประวตั ิศาสตร์
ศลิ ปต์ ะวันตกดังน้ี
- ศิลปะยคุ อียปิ ต์
- ศิลปะยุคกรกี
- ศิลปะยคุ โรมนั
- ศิลปะยคุ ไบแซนไทน์ ( Byzantine Art)
- ศลิ ปะยุคกอทิก ( Gothic Art)
- ศลิ ปะยุคเรอเนซองซ์ ( Renaissane Art)
3. ครูอธิบายประวัติศาสตรศ์ ิลปต์ ะวนั ตกในแต่ละสมัยโดยมสี ือ่ ประกอบภาพ เพอ่ื ให้เขา้ ใจมากย่งิ ขึ้น
4. ครูจัดกิจกรรมด้วยการเล่นเกม “จัดภาพให้ตรงยุค”ให้นักเรียนนำภาพท่ีมีให้เรียงตามยุคสมัยของ
ประวัติศาสตร์ศิลป์ตะวันตกให้ถูกต้อง เพื่อเป็นการทำความเข้าใจในประวัติศาสตร์ศิลป์ตะวันตกของยุคสมัย
ต่าง ๆ โดยแบ่งกล่มุ ๆละ 8 คน

ขัน้ สรปุ
ครสู รปุ บทเรียนร่วมกบั นักเรยี น และให้นกั เรียนสรุปวา่ ได้อะไรบา้ งจากการเรียนในคาบน้ี
สือ่ การเรียนรู้/แหลง่ การเรียนรู้
1. หนังสือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน ทศั นศิลป์ 1 ของสำนกั พิมพเ์ อมพนั ธ์.
2. ใบความรู้
3. ส่อื ภาพประกอบ
การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้
1. วิธีการวดั และประเมนิ ผล

-
2. เคร่ืองมือ

-
3. เกณฑก์ ารประเมิน

-

บนั ทกึ หลงั สอน

1. ผลการสอน

⬜ สอนไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ มีจดุ ประสงค์ K P A

⬜ มกี ารบรู ณาการ คณุ ธรรม / การตา้ นการทจุ รติ / หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

⬜ สอนไม่ได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ เน่อื งจาก ..........................................................................
.......................................................................................................................................................
2. ผลการเรียนของนักเรยี น

⬜ จำนวนนักเรยี นทีผ่ า่ นการประเมิน .......................... คน คิดเปน็ ร้อยละ .................................

⬜ จำนวนนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นการประเมนิ ...................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ .................................

⬜ อื่น ๆ .............................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค

⬜ กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไมเ่ หมาะสมกบั เวลา

⬜ มนี กั เรยี นทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทันตามกำหนดเวลา

⬜ มนี ักเรยี นท่ีไมส่ นใจเรียน

⬜ อน่ื ๆ .............................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข

⬜ ควรนำแผนไปปรบั ปรุง เรอื่ ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นทไ่ี มผ่ ่านการประเมนิ /ไมส่ นใจเรยี น ........................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ ไมม่ ีข้อเสนอแนะ
ลงช่อื ........................................... ผู้บนั ทึก
( .................................... )
ครูผู้สอน

บนั ทึกหลงั การสอน ตามแผนการจดั การเรียนรฉู้ บับน้ี ไดร้ ับการพจิ ารณาจากหวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
และฝา่ ยวชิ าการ แลว้

ลงชอ่ื ........................................... ลงช่ือ ..................................................
(...............................................) ( ............................................ )
หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ รองผอู้ ำนวยการฝา่ ยบรหิ ารงานวิชาการ

ลงชอ่ื ...........................................................
( ................................................. )

ผู้อำนวยการโรงเรยี นเบญจมราชทู ิศ จงั หวัดปัตตานี

รายวิชา ศลิ ปะพน้ื ฐาน แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 เรื่อง ลทั ธิทางศลิ ปะ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 รหสั วิชา ศ 21101 เวลา 2 ชั่วโมง

เรอ่ื ง ทศั นศิลป์กับภูมปิ ัญญาไทยและสากล

มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
มาตรฐานการเรียนรู้

ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทศั นศิลปต์ ามจินตนาการ และความคดิ สร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณ์
คณุ ค่างานทศั นศิลป์ ถา่ ยทอดความร้สู กึ ความคิดต่องานศลิ ปะอยา่ งอสิ ระ ช่นื ชม และประยกุ ตใ์ ชใ้ น
ชวี ิตประจำวนั

ศ 1.2 เข้าใจความสมั พันธร์ ะหว่างทศั นศิลป์ ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณคา่ งานทศั นศลิ ป์
ท่ีเป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น ภมู ปิ ัญญาไทยและสากล
ตวั ชว้ี ดั

ศ 1.1 ม.1/1 บรรยายความแตกต่างและความคลา้ ยคลงึ กันของงานทศั นศลิ ป์และส่ิงแวดล้อมโดยใช้
ความรู้เรอ่ื งทศั นธาตุ

ศ 1.2 ม.1/1 ระบุ และบรรยายเกยี่ วกับลกั ษณะ รูปแบบงานทัศนศิลป์ของชาติและของท้องถ่ิน
ตนเองจากอดตี จนถึงปัจจบุ ัน

ม.1/2 ระบุ และเปรยี บเทยี บงานทัศนศิลปข์ องภาคต่าง ๆ ในประเทศไทย
ม.1/3 เปรยี บเทียบความแตกตา่ งของจดุ ประสงคใ์ นการสรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ป์ของ

วฒั นธรรมไทยและสากล
ศ 1.2 ม.2/1 ระบุและบรรยายเกี่ยวกบั วัฒนธรรมต่าง ๆ ทส่ี ะท้อนถงึ งานทศั นศิลป์ในปัจจุบนั

ม.2/2 บรรยายถงึ การเปล่ยี นแปลงของงานทัศนศิลป์ของไทยในแต่ละยุคสมัยโดยเน้นถึง
แนวคดิ และเน้อื หาของงาน

จุดประสงคก์ ารเรยี นร้สู ู่ตวั ชี้วัด
1. ร้แู ละเข้าใจผลงาน ตลอดจนแนวคิดของศลิ ปินทสี่ รา้ งงานศิลปะของลัทธนิ ้ันๆ (K)
2. ใช้ทกั ษะจากการเรียนรู้เรื่องลัทธทิ างศลิ ปะมาสร้างสรรค์งานตามลัทธติ า่ งๆ ได้ (P)
3. เห็นคณุ ค่าของการสรา้ งสรรคง์ านศิลปะในแตล่ ะลัทธิ (A)

สาระสำคัญ
เข้าใจความเชื่อทางวัฒนธรรมในประวัตศิ าสตร์ท่ีมีอิทธพิ ลต่อการสรา้ งงานศลิ ปะ เปรียบเทยี บงาน

ทัศนศลิ ปข์ องไทยและสากล ตลอดจนบรรยายงานศลิ ป์ของแต่ละลัทธิได้
สาระการเรยี นรู้

ความรู้
ลทั ธิทางศลิ ปะ

ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด

การให้เหตุผล การสรปุ ความรู้ การปฏิบตั ิ
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

มีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
ความเข้าใจทคี่ งทน (Enduring Understanding)

นกั เรียนสามารถสรุปได้วา่ ผลงานทางศิลปะเกดิ จากการแสดงออกทางความคิดของมนุษย์
ซ่ึงเปล่ยี นแปลงไปตามปจั จยั ต่างๆ ตามยคุ สมัย และมีรปู แบบแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมีการ
พฒั นาอย่างตอ่ เนื่อง มีการรวมกลุ่มศิลปนิ ทม่ี ีความคดิ สอดคล้องกนั เข้าดว้ ยกัน และร่วมเสนอผลงานศลิ ปะ
เราเรียกวา่ ลทั ธิทางศิลปะ

ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความรู้)
- ใบงาน (Mind map) เรอื่ ง ลทั ธทิ างศิลปะ

การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
ช่ัวโมงที่ 1-2

ข้นั นำเขา้ สูบ่ ทเรยี น
1. ครเู กรนิ่ นำโดยการต้ังคำถามกบั นักเรียนว่า
- นกั เรยี นชอบงานศลิ ปะลัทธใิ ดบ้าง เพราะอะไร
ขน้ั สอน
2. ครูอธบิ ายเก่ียวกับลทั ธิตา่ งๆ เพ่อื ให้นกั เรียนเข้าใจ และสามารถทำงานกลุ่มได้ โดยอธิบายลทั ธิ
ต่างๆ ดังน้ี

- ลทั ธิเรยี ลลสิ ม์ หรอื สจั จนิยม
- ลัทธิดาดา
- ลทั ธิเซอร์เรยี ลลสิ ม์
- ลทั ธอิ มิ เพรสชั่นนิสม์
- ลัทธโิ ฟวิสต์
- ลัทธิคิวบสิ ม์
3. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 7-8 คน และใหต้ วั แทนกลุ่มออกมาหยบิ ฉลากลัทธิ และแจก
กระดาษ กลมุ่ ไหนไดล้ ัทธิอะไร ให้สมาชิกในกลุ่มทุกคนช่วยกนั สรปุ ลทั ธิ
4. สมาชกิ ในกลุม่ ช่วยกันสรุปลัทธิ พร้อมยกตัวอย่างภาพผลงานศลิ ปะลัทธินัน้ ๆ ประกอบ โดยสรุป
เปน็ แผนผัง (Mind map)
5. ครูใหต้ ัวแทนกลมุ่ 2-3 คนออกมานำเสนองานของกลุ่มตนเอง
ข้ันสรุป
นกั เรยี นและครรู ว่ มกันบรรยายสรุปการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของลทั ธติ ่างๆ ว่ามีความโดดเด่นและ
แตกตา่ งกันอย่างไร

สือ่ การเรยี นรู้/แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน ทัศนศิลป์ 1 ของสำนกั พิมพ์เอมพันธ์.
2. สื่อภาพประกอบ

การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
1. วธิ กี ารวดั และประเมินผล
1.1 ตรวจใบงาน (Mind map) เรอ่ื ง ลทั ธทิ างศลิ ปะ
2. เครื่องมือ
2.1 ใบงาน (Mind map) เรอื่ ง ลทั ธิทางศลิ ปะ
3. เกณฑ์การประเมนิ
3.1 เกณฑ์การให้คะแนน
คะแนน 9 – 10 ระดบั ดีมาก
คะแนน 7 – 8 ระดบั ดี
คะแนน 5 – 6 ระดบั พอใช้
คะแนน 0 – 4 ระดับ ควรปรับปรุง

บนั ทกึ หลงั สอน

1. ผลการสอน

⬜ สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ มจี ดุ ประสงค์ K P A

⬜ มีการบรู ณาการ คณุ ธรรม / การต้านการทจุ รติ / หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

⬜ สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนื่องจาก ..........................................................................
.......................................................................................................................................................
2. ผลการเรียนของนกั เรยี น

⬜ จำนวนนักเรยี นทผ่ี ่านการประเมนิ .......................... คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................................

⬜ จำนวนนกั เรยี นที่ไมผ่ ่านการประเมิน ...................... คน คิดเปน็ รอ้ ยละ .................................

⬜ อน่ื ๆ .............................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค

⬜ กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา

⬜ มีนักเรยี นทำใบงาน/ใบกิจกรรมไมท่ นั ตามกำหนดเวลา

⬜ มีนกั เรยี นที่ไมส่ นใจเรียน

⬜ อน่ื ๆ .............................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

⬜ ควรนำแผนไปปรับปรงุ เรอ่ื ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นทไี่ มผ่ ่านการประเมนิ /ไมส่ นใจเรยี น ........................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ ไมม่ ขี อ้ เสนอแนะ
ลงชื่อ ........................................... ผู้บนั ทกึ
( .................................... )
ครผู ู้สอน

บนั ทึกหลงั การสอน ตามแผนการจัดการเรยี นร้ฉู บบั น้ี ไดร้ ับการพจิ ารณาจากหัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้
และฝา่ ยวชิ าการ แลว้

ลงชอ่ื ........................................... ลงช่ือ ..................................................
(...............................................) ( ............................................ )
หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ รองผอู้ ำนวยการฝา่ ยบรหิ ารงานวชิ าการ

ลงชื่อ ...........................................................
( ................................................. )

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นเบญจมราชูทิศ จังหวัดปตั ตานี

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 15 เร่อื ง ศลิ ปะทอ้ งถนิ่ ประเพณี และวัฒนธรรมไทย

รายวิชา ศลิ ปะพนื้ ฐาน รหสั วชิ า ศ 21101 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 เร่อื ง การบรู ณาการงานทัศนศลิ ป์ เวลา 2 ชวั่ โมง

มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด
มาตรฐานการเรยี นรู้

ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์
คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ใน
ชวี ิตประจำวัน

ศ 1.2 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างานทศั นศิลป์
ท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น ภมู ิปญั ญาไทยและสากล
ตวั ชว้ี ดั

ศ 1.1 ม.1/1 บรรยายความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศิลป์และส่ิงแวดล้อมโดยใช้
ความรู้เรอ่ื งทศั นธาตุ

ศ 1.2 ม.1/1 ระบุ และบรรยายเกี่ยวกับลกั ษณะ รปู แบบงานทัศนศลิ ปข์ องชาติและของท้องถิน่
ตนเองจากอดีตจนถึงปจั จุบัน

ม.1/2 ระบุ และเปรยี บเทียบงานทศั นศลิ ปข์ องภาคต่าง ๆ ในประเทศไทย
ม.1/3 เปรียบเทยี บความแตกตา่ งของจดุ ประสงคใ์ นการสร้างสรรคง์ านทัศนศลิ ป์ของ

วัฒนธรรมไทยและสากล
ศ 1.2 ม.2/1 ระบุและบรรยายเกย่ี วกับวฒั นธรรมต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงงานทศั นศลิ ป์ในปัจจุบนั
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้สตู่ วั ช้ีวดั
1. รแู้ ละเขา้ ใจความหมายของประเพณี และศิลปวฒั นธรรมไทย (K)
2. ใช้ทักษะจากการเรยี นรู้เร่อื งศลิ ปะ ประเพณี และวฒั นธรรมไทยมาถ่ายทอดเป็นผลงานได้ (P)
3. เห็นความสำคัญของการอนรุ กั ษ์ศิลปวฒั นธรรมไทย (A)
สาระสำคัญ
เข้าใจการดำรงชีวติ และความเปน็ อยู่ของวัฒนธรรมต่างๆ ในแต่ละท้องถ่ิน มีการอนุรกั ษ์ สืบสานเพ่ือ
ดำรงไวเ้ พอื่ ส่งิ ทดี่ ีอันหมายถงึ ประเพณี วฒั นธรรมของกล่มุ นน้ั ๆ
สาระการเรียนรู้
ความรู้

ศิลปะทอ้ งถ่นิ ประเพณี และวฒั นธรรมไทย
ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ

การให้เหตผุ ล การสรุปความรู้ การแสดงความคดิ เห็น และเปรยี บเทยี บ

คุณลักษณะอันพึงประสงค์
มีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มัน่ ในการทำงาน

ความเข้าใจทีค่ งทน (Enduring Understanding)
นกั เรยี นสามารถสรุปไดว้ า่ การเรียนรู้ประวัติความเปน็ มาของท้องถน่ิ นน้ั มจี ุดเด่นทีแ่ ตกต่าง

กันของแต่ละท้องถิ่น ท่ีต้องช่วยกันรักษาและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามน้ันไว้ และเป็นการสร้างคุณค่า
ส่งเสริมภูมิปัญญาให้เกิดกับท้องถิ่นของตน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่ีควรศึกษาด้านศิลปกรรม อย่างงานจิตรกรรม
งานสถาปตั ยกรรม รวมไปถึงงานประติมากรรมก็ลว้ นมคี วามสำคญั เช่นกัน

ชิ้นงานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความรู้)
-

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงที่ 1

ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรียน
1. ครทู กั ทายนักเรียน พดู คุยกันเร่อื งท่วั ไป และให้เวลาผ่อนคลาย 5 นาที กอ่ นเข้าบทเรยี น
ขัน้ สอน
2. ครูบรรยายเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่น และถามนักเรียนว่าในท้องถิ่นของตนมีวัฒนธรรม
อะไรบ้างทีเ่ หน็ เด่นชดั
3. ครูอธิบายเนื้อหาโดยใช้สื่อภาพประกอบ ในส่วนของแหล่งที่ควรศึกษาด้านศิลปกรรม ซ่ึงมี งาน
จติ รกรรม งานสถาปตั ยกรรม และงานประติมากรรม ระหวา่ งน้นั นกั เรยี นก็จะดูเน้ือหาในใบความรู้
ขน้ั สรปุ
ครสู รปุ ให้นักเรยี นฟังอกี ครัง้ และเปิดโอกาสให้นกั เรียนถามข้อสงสยั

ชัว่ โมงที่ 2
ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครูทกั ทายนักเรยี น พดู คยุ กนั เร่อื งทั่วไป และใหเ้ วลาผ่อนคลาย 5 นาที กอ่ นเขา้ บทเรียน
ขั้นสอน
2. ครใู ห้นกั เรียนแบง่ กลุม่ เปน็ กลุ่มใหญ่ๆ 3 กลุ่ม และใหต้ วั แทนมาหยบิ หวั ขอ้ เพือ่ ออกมานำเสนอหน้า
ชัน้ เรียน โดยมีหัวข้อ งานจิตรกรรม งานสถาปัตยกรรม และงานประติมากรรม ให้นักเรียนศึกษางาน
ดา้ นศิลปกรรม และยกตัวอยา่ งประกอบ
ข้นั สรุป
ครสู รุปความรทู้ ่ไี ดใ้ นคาบน้ี พรอ้ มฝากเร่ืองความตรงตอ่ เวลาในการส่งงาน

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน ทศั นศิลป์ 1 ของสำนักพิมพ์เอมพนั ธ์.
2. ส่อื ภาพประกอบ

การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
1. วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล
-
2. เครอ่ื งมือ
-
3. เกณฑ์การประเมิน
-

บันทึกหลังสอน

1. ผลการสอน

⬜ สอนไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ มีจดุ ประสงค์ K P A

⬜ มกี ารบรู ณาการ คณุ ธรรม / การตา้ นการทุจรติ / หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง

⬜ สอนไม่ได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ เนื่องจาก ..........................................................................
.......................................................................................................................................................
2. ผลการเรียนของนักเรยี น

⬜ จำนวนนักเรยี นทีผ่ า่ นการประเมิน .......................... คน คิดเป็นร้อยละ .................................

⬜ จำนวนนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นการประเมิน ...................... คน คดิ เป็นร้อยละ .................................

⬜ อื่น ๆ .............................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค

⬜ กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา

⬜ มนี กั เรยี นทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ ันตามกำหนดเวลา

⬜ มนี ักเรยี นท่ีไมส่ นใจเรียน

⬜ อน่ื ๆ .............................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข

⬜ ควรนำแผนไปปรบั ปรุง เรอื่ ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นทไ่ี มผ่ า่ นการประเมนิ /ไมส่ นใจเรยี น ........................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ ไมม่ ีข้อเสนอแนะ
ลงช่อื ........................................... ผู้บนั ทึก
( .................................... )
ครูผสู้ อน

บนั ทึกหลงั การสอน ตามแผนการจดั การเรียนรู้ฉบบั น้ี ไดร้ บั การพจิ ารณาจากหวั หน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้
และฝา่ ยวชิ าการ แลว้

ลงชอ่ื ........................................... ลงช่ือ ..................................................
(...............................................) ( ............................................ )
หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ รองผู้อำนวยการฝ่ายบรหิ ารงานวิชาการ

ลงชอ่ื ...........................................................
( ................................................. )

ผู้อำนวยการโรงเรยี นเบญจมราชูทิศ จงั หวัดปัตตานี

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 16 เรือ่ ง ศิลปะท้องถ่ิน ประเพณี และวฒั นธรรมไทย (สรา้ งสรรคง์ าน)

รายวิชา ศลิ ปะพื้นฐาน รหสั วชิ า ศ 21101 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 เรื่อง การบูรณาการงานทศั นศิลป์ เวลา 4 ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั
มาตรฐานการเรียนรู้

ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์
คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ใน
ชวี ติ ประจำวัน

ศ 1.2 เขา้ ใจความสมั พันธ์ระหวา่ งทัศนศิลป์ ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างานทศั นศิลป์
ท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ภมู ิปญั ญาไทยและสากล
ตัวชี้วัด

ศ 1.1 ม.1/1 บรรยายความแตกต่างและความคล้ายคลึงกันของงานทัศนศลิ ป์และสิ่งแวดล้อมโดยใช้
ความรเู้ รือ่ งทศั นธาตุ

ศ 1.2 ม.1/1 ระบุ และบรรยายเกยี่ วกบั ลักษณะ รูปแบบงานทัศนศิลปข์ องชาติและของท้องถ่นิ
ตนเองจากอดตี จนถึงปัจจุบัน

ม.1/2 ระบุ และเปรียบเทียบงานทศั นศลิ ปข์ องภาคตา่ ง ๆ ในประเทศไทย
ม.1/3 เปรยี บเทยี บความแตกต่างของจุดประสงคใ์ นการสร้างสรรค์งานทศั นศลิ ป์ของ

วัฒนธรรมไทยและสากล
ศ 1.2 ม.2/1 ระบแุ ละบรรยายเกีย่ วกบั วฒั นธรรมต่าง ๆ ทีส่ ะทอ้ นถงึ งานทศั นศิลป์ในปัจจบุ นั
จดุ ประสงค์การเรียนรู้สูต่ ัวช้วี ัด
1. รู้และเขา้ ใจความหมายของประเพณี และศลิ ปวัฒนธรรมไทย (K)
2. ใช้ทักษะจากการเรยี นรู้เรือ่ งศิลปะ ประเพณี และวัฒนธรรมไทยมาถ่ายทอดเป็นผลงานได้ (P)
3. เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ศลิ ปวัฒนธรรมไทย (A)
สาระสำคญั
นักเรียนสามารถนำความเป็นท้องถ่ินในเร่ืองของวัฒนธรรม มาประยุกต์ใช้ในงานศิลปะ เพ่ือเป็นการ
สอ่ื ออกมาเปน็ ผลงานท่ีมีความเป็นทอ้ งถิ่นอย่างสวยงาม
สาระการเรยี นรู้
ความรู้

ศิลปะท้องถิน่ ประเพณี และวัฒนธรรมไทย
ทกั ษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด

การใหเ้ หตผุ ล การสรุปความรู้ การปฏบิ ัตงิ าน

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ ม่ันในการทำงาน

ความเข้าใจท่คี งทน (Enduring Understanding)
นักเรยี นสามารถสรปุ ได้ว่า การเรียนรู้ประวัติความเปน็ มาของท้องถน่ิ นั้น มีจุดเด่นท่ีแตกตา่ ง

กันของแต่ละท้องถ่ิน ท่ีต้องช่วยกันรักษาและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามนั้นไว้ และเป็นการสร้างคุณค่า
ส่งเสริมภูมิปัญญาให้เกิดกับท้องถิ่นของตน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งที่ควรศึกษาด้านศิลปกรรม อย่างงานจิตรกรรม
งานสถาปัตยกรรม รวมไปถึงงานประติมากรรมก็ล้วนมีความสำคัญเช่นกัน งานศิลปกรรมทั้ง 3 ด้านนั้น
สามารถท่จี ะนำความเป็นท้องถิน่ มาแสดงออกเปน็ ผลงานศิลปะทสี่ วยงามได้

ช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความรู้)
- แบบฝึกปฏบิ ตั กิ าร เรือ่ ง ลวดลายเรอื กอและ

การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชั่วโมงท่ี 1

ข้นั นำเข้าส่บู ทเรยี น
1. ครูทกั ทายนักเรียน พดู คยุ กันเรือ่ งทั่วไป และใหเ้ วลาผอ่ นคลาย 5 นาที กอ่ นเข้าบทเรียน
ขนั้ สอน
2. ครอู ธิบายเรอื่ งวัฒนธรรมในทอ้ งถน่ิ เพื่อทบทวนบทเรียนคาบท่ีแลว้
3. ครูยกตัวอย่างเรอื่ งของลวดลายเรอื กอและ บรรยายให้นกั เรียนฟงั พร้อมกับใชส้ ื่อภาพประกอบ
ขน้ั สรุป
ครูชี้แจงให้กับนักเรียนว่า คาบหน้าจะปฏิบัติกิจกรรมอะไรบ้าง และให้นักเรียนเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่
ตอ้ งใชม้ าด้วย เช่น สี แบบลวดลายเรือกอและที่ตนสนใจ เปน็ ตน้

ชั่วโมงที่ 2-4
ข้ันนำเขา้ สูบ่ ทเรียน
1. ครูทักทายนักเรียน พรอ้ มกบั เตรยี มความพร้อมนักเรยี นเพอื่ เร่ิมทำกจิ กรรม
ขน้ั สอน
2. ครูแจกกระดาษหนังไก่ขนาด A4 ให้กับนักเรียน จากน้ันก็ใหน้ ักเรียนเอาแบบลวดลายเรือกอและที่
หามานั้น วาดลงบนกระดาษ
3. นกั เรยี นลงสตี ามความชอบของตน โดยมีครูคอยอำนวยความสะดวก
ขนั้ สรุป
ครกู ำหนดวันส่งงาน

ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ การเรียนรู้
1. หนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน ทศั นศิลป์ 1 ของสำนักพมิ พ์เอมพันธ์.
2. ส่อื ภาพประกอบ

การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้
1. วธิ ีการวัดและประเมินผล
- ตรวจแบบฝึกปฏิบัติการ เรือ่ ง ลวดลายเรอื กอและ
2. เคร่อื งมือ
- แบบฝึกปฏิบตั กิ าร เรอ่ื ง ลวดลายเรอื กอและ
3. เกณฑ์การประเมนิ
3.1 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics)

การประเมนิ ใบงานน้ีใหผ้ สู้ อนพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)

เรื่อง ลวดลายเรอื กอและ

เกณฑ์การ ระดับคะแนน
ประเมิน
4 32 1
(10 คะแนน) (5-6 คะแนน)
(9 คะแนน) (7-8 คะแนน)

สร้างสรรคผ์ ลงาน สร้างสรรค์ผลงาน สรา้ งสรรค์ผลงาน สรา้ งสรรคผ์ ลงาน สร้างสรรค์ผลงาน

ทศั นศลิ ปโ์ ดยใชส้ ี ทศั นศลิ ปโ์ ดยใชส้ ีที่ ทศั นศลิ ป์โดยใชส้ ีท่ี ทัศนศิลป์โดยใชส้ ที ี่ ทัศนศิลปโ์ ดยใชส้ ีท่ี

ทีห่ ลากหลายและ หลากหลายและ หลากหลายและ หลากหลายและ ไมห่ ลากหลายและ

ลวดลายของเส้นที่ ลวดลายของเส้นที่ ลวดลายของเสน้ ที่ ลวดลายของเสน้ ท่ี ลวดลายของเสน้ ที่

ออ่ นชอ้ ย อ่อนช้อย อ่อนช้อย ตรงตาม อ่อนช้อย อ่อนช้อย

ตรงตามหลกั ของ ตรงตามหลักของ หลักของลวดลาย ตรงตามหลกั ของ ตรงตามหลกั ของ

ลวดลายเรอื กอ ลวดลายเรือกอและ เรอื กอและได้อยา่ ง ลวดลายเรอื กอและ ลวดลายเรือกอ

และ ได้อยา่ งเหมาะสม เหมาะสมสวยงาม ได้อย่างเหมาะสม และได้อยา่ ง

สวยงาม และ แต่ไมส่ ะอาด แตไ่ ม่สวยงามและไม่ เหมาะสม แต่ไม่

สะอาด สะอาด สวยงามและไม่

สะอาดสวยงาม

บนั ทึกหลงั สอน

1. ผลการสอน

⬜ สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ มจี ดุ ประสงค์ K P A

⬜ มีการบรู ณาการ คณุ ธรรม / การต้านการทจุ รติ / หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

⬜ สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนื่องจาก ..........................................................................
.......................................................................................................................................................
2. ผลการเรียนของนกั เรยี น

⬜ จำนวนนักเรยี นทผ่ี ่านการประเมนิ .......................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ .................................

⬜ จำนวนนกั เรยี นที่ไมผ่ ่านการประเมิน ...................... คน คดิ เป็นร้อยละ .................................

⬜ อน่ื ๆ .............................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค

⬜ กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา

⬜ มีนักเรยี นทำใบงาน/ใบกิจกรรมไมท่ นั ตามกำหนดเวลา

⬜ มีนกั เรยี นทไ่ี มส่ นใจเรียน

⬜ อน่ื ๆ .............................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

⬜ ควรนำแผนไปปรับปรงุ เรอื่ ง ......................................................................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ แนวทางแก้ไขนักเรยี นทไ่ี มผ่ ่านการประเมนิ /ไมส่ นใจเรียน ........................................................
.......................................................................................................................................................

⬜ ไมม่ ขี อ้ เสนอแนะ
ลงชื่อ ........................................... ผู้บนั ทกึ
( .................................... )
ครผู สู้ อน

บนั ทึกหลงั การสอน ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ฉบบั น้ี ไดร้ ับการพจิ ารณาจากหวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้
และฝา่ ยวชิ าการ แลว้

ลงชอ่ื ........................................... ลงช่ือ ..................................................
(...............................................) ( ............................................ )
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รองผอู้ ำนวยการฝ่ายบรหิ ารงานวิชาการ

ลงชื่อ ...........................................................
( ................................................. )

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี

ภาคผนวก

สอ่ื การเรยี นรู้

แบบฝึกทบทวนท่ี 1 เรอ่ื ง การสร้างสรรค์งานศิลปะ

คำชแ้ี จง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอ่ ไปน้ี เขียนใตร้ ปู ภาพให้ถูกต้องท่สี ุด

งานศิลปะแนวเหมอื นจริง งานศลิ ปะแนวรปู ทรงใหม่ หรอื ตดั ทอน

งานศิลปะแนวแสดงอารมณ์ งานศิลปะแนวจนิ ตนาการ

………………………………………………… ……………………………………………… ………………………………………………

……………………………………………… ………………………………………………… ……………………………………………

ช่อื …………………………………….สกลุ ………………………………..เลขท…่ี …………ชั้น…………………

ใบงานที่ 1 เรอ่ื งการวจิ ารณง์ านศิลปะ คะแนนเตม็ 10 คะแนน
คะแนนท่ีได้…………………….
คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นวจิ ารณ์ผลงานศิลปะแตล่ ะขน้ั จากรูปภาพที่กำหนดให้

“แม่กบั ลูก” ประหยัด พงษด์ ำ

ศลิ ปะภาพพิมพ์ เทคนิคแกะไม้ ขนาด 40X60 ซม.

1. ขั้นข้อมลู ภาพ

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ขัน้ พรรณนา/บรรยาย

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ขน้ั วิเคราะห์

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4. ขน้ั ตีความหมาย

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ช่ือ………………………………………….สกุล…………………………………..เลขท…ี่ …………ชนั้ ……………………

แบบฝึกทบทวนที่ 2 เร่อื งขอบขา่ ยของงานทศั นศิลป์

คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนเติมคำในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง และสมบูรณท์ ส่ี ุด

ทัศนศลิ ป์

จิตรกรรม ประติมากรรม

เทคนคิ พิเศษ ศลิ ปะภาพพมิ พ์
สถาปัตยกรรม

ชื่อ…………………..………………….สกลุ ……….…………………..เลขท…่ี …………ชั้น……………………

ใบงานที่ 2 เรอื่ ง จดุ เส้น สร้างสรรค์
คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนสรา้ งสรรค์ผลงานโดยใช้ทศั นธาตใุ นการสร้างสรรค์

ช่ือ……………………………………………………นามสกลุ ……………………………………ชั้น……../………

ใบงานที่ 3 เร่ือง การ์ตูนของฉัน

คะแนนเตม็ 10 คะแนน
คะแนนทไี่ ด้…………………….

ชอื่ …………………………………………………………………………..
เลขท.่ี ............................. ชนั้ ..........................................

ใบงานท่ี 3 เรอ่ื ง การ์ตูนของฉนั

คะแนนเตม็ 10 คะแนน
คะแนนท่ไี ด้…………………….

ชอื่ …………………………………………………………………………..
เลขท.ี่ ............................. ชน้ั ..........................................



แบบฝกึ ทบทวนท่ี 4 เร่อื ง ฝกึ วาดลายไทย

ช่ือ………………..........……………………….......เลขที่......................
ช้นั .....................

ใบความรู้ เรอื่ งประตมิ ากรรม

ประติมากรรมไทย หมายถึง ผลงานศิลปะท่ีแสดงออกโดยกรรมวิธี การปั้น การแกะสลัก การหล่อ
หรือการประกอบเข้าเป็นรูปทรง 3 มิติ วัสดุท่ีใช้ในการสร้างมักจะเป็น ดิน ปูน หิน อิฐ โลหะ ไม้ งาช้าง เขา
สตั ว์ กระดูก ฯลฯ
ประเภทของงานประติมากรรม

1. ประติมากรรมแบบนูนต่ำ ( Bas Relief ) เป็นรูปท่ีเป็นนูนขึ้นมาจากพ้ืนหรือมีพื้นหลัง รองรับ
มองเห็นได้ชัดเจนเพียงด้านเดียว คือด้านหน้า มีความสูงจากพ้ืนไม่ถึงคร่ึงหนึ่งของรูป จริง ได้แก่ รูปนูนแบบ
เหรียญ รูปนนู ทใ่ี ช้ประดับตกแต่งภาชนะ หรอื ประดับตกแต่งอาคารทาง สถาปัตยกรรม โบสถ์ วหิ ารต่างๆ พระ
เครือ่ งบางชนิด

2. ประติมากรรมแบบนูนสูง ( High Relief ) เป็นรูปต่าง ๆ ในลักษณะเช่นเดียวกับแบบ นนู ต่ำ แต่
มีความสูงจากพ้ืนตั้งแต่ครงึ่ หนึ่งของรูปจริงข้ึนไป ทำให้เห็นลวดลายที่ลึก ชัดเจน และ และเหมือนจริงมากกว่า
แบบนูนต่ำและใชง้ านแบบเดยี วกับแบบนนู ตำ่

3. ประติมากรรมแบบลอยตัว ( Round Relief ) เป็นรูปต่าง ๆ ท่ีมองเห็นได้รอบด้านหรือ ต้ังแต่ 4
ดา้ นขึ้นไป ได้แก่ ภาชนะต่าง ๆ รูปเคารพต่าง ๆ พระพุทธรูป เทวรปู รูปตามคตินิยม รูปบุคคลสำคัญ รูปสัตว์
ฯลฯ

คะแนนทีได.้ .................

ใบงานท่ี 6 เรอ่ื ง ภาพพิมพว์ ัสดุธรรมชาติ คะแนนเตม็ 10

คำชี้แจง ให้นกั เรียนสรา้ งสรรค์ผลงานศิลปะภาพพิมพ์ โดยใชแ้ มพ่ มิ พ์จากวัสดุจากธรรมชาติ

ช่อื ..........................................................................เลขท.่ี ...................ชน้ั ......................

ใบความรู้ เร่อื งประวัตศิ าสตรศ์ ิลปไ์ ทย

1. ศลิ ปะสมัยเชยี งแสนหรอื ลา้ นนาไทย
"เชียงแสน" ปัจจุบันเป็นชื่ออำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงราย นักโบราณคดีได้กำหนดแบบศิลปกรรม

ภาคเหนือขึ้น เรยี กว่า ศลิ ปะเชียงแสน อาณาจักรเชียงแสน หรือปัจจุบันนยิ มเรียกว่า อาณาจกั รล้านนาไทย ใน
ปจั จุบัน เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ และน่าน เป็นต้น อาณาจักรนี้มีความเจรญิ มีอารยธรรม
และวัฒนธรรมเป็นแบบหน่งึ โดยเฉพาะ

จิตรกรรมฝาผนังท่ีวัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน แสดงให้เห็นการแต่งกายของชาวเหนือ โดยเฉพาะผ้านุ่ง
ของผู้หญิง แสดงลวดลายของผ้าซ่ิน ซ่ึงเรียกว่า ลายน้ำไหล ยังมีใช้กันอยู่ทางภาคเหนือในปัจจุบัน นอกจากน้ี
จติ รกรรมทว่ี ิหารลายคำ วดั พระสิงห์ และทีอ่ ุโบสถ วดั บวกครกหลวง จังหวัดเชียงใหม่ ท่ีวิหารพระเจ้าล้านทอง
รอบศาลาการเปรยี ญ วัดพระธาตลุ ำปางหลวง จังหวดั ลำปาง ล้วนแสดงใหเ้ หน็ ถึงลักษณะลวดลายผ้าไหม และ
ผา้ ซ่ินที่ใชส้ บื ต่อกันเรอื่ ยมา

จติ รกรรมฝาผนงั ที่วดั ภูมินทร์ จ.น่าน
แสดงใหเ้ หน็ การแต่งกายของชาวเหนอื ท่ใี ชผ้ ้าและลวดลายแบบไทย
2. ศิลปะสมยั สโุ ขทัย
ศลิ ปะแบบสุโขทัยเป็นศลิ ปะท่ีเกดิ ขึ้นในพุทธศตวรรษท่ี 18-19 ในบริเวณลมุ่ แม่น้ำยม แม่น้ำนา่ น แถบ
จังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์ แพร่ พิษณุโลก และบริเวณลุ่มแม่น้ำปิง ทางตอนใต้ของจังหวัดกำแพงเพชร เป็น
ศิลปะท่ีเกิดจากความเช่ือและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ ผลงานสร้างสรรค์แบบสุโขทัย
ปรากฏในงานด้านสถาปัตยกรรม ประตมิ ากรรม และจิตรกรรม
สถาปัตยกรรม
มคี วามงามและมีลกั ษณะเดน่ เฉพาะ ได้รบั อิทธิพลมาจากท่ีอื่นบ้าง แต่กม็ ีการพฒั นาจนมี
ลักษณะเฉพาะของตนเอง สร้างขนึ้ เน่ืองในพระพทุ ธศาสนา โดยเฉพาะสถูป โดยสามารถแบง่ ตามที่มาของ
อทิ ธิพลได้ 3 แบบ คือ
- เจดยี ์ทรงดอกบวั ตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์เปน็ เจดยี ท์ รงสโุ ขทัยแท้
- เจดยี ท์ รงกลมแบบลงั กา
- เจดยี ์แบบศรีวิชยั ที่มีฐานและองค์ระฆงั สงู ทำเป็นสี่เหลยี่ ม

ประตมิ ากรรม
พระพทุ ธรูปสโุ ขทยั จัดเปน็ พระพุทธรปู ทส่ี วยงามทสี่ ุดในบรรดาศิลปกรรมไทยนยิ ม สรา้ ง 4 อิรยิ าบถ

คือ นง่ั นอน ยืน เดิน หรอื ท่ีเรยี กกนั วา่ ปางลลี าซงึ่ เปน็ พระพุทธรูปที่มลี ักษณะเฉพาะของสโุ ขทัยทีง่ ดงามทส่ี ุด
ส่วน ประติมากรรมทง่ี ดงามอกี ประเภทหนึง่ คือลวดลายปูนป้ันประดบั ตกแต่งอาคารและเทวรปู หล่อ มี
เอกลกั ษณ์เฉพาะตัวท่โี ดดเดน่ คือ พระเกศมรี ัศมเี ปน็ เปลว ขมวดพระเกศาเล็กน้อย พระพักตร์รปู ไข่ พระโขนง
โก่ง พระนาสิกง้มุ พระโอษฐ์ย้มิ เล็กนอ้ ย พระอังสะใหญ่ บน้ั พระองค์เล็ก เป็นต้น

ประติมากรรม จติ รกรรม

จติ รกรรม

ส่วนใหญ่ชำรุดมีแต่ภาพลายเสน้ ทห่ี ลงเหลอื คือ ภาพแกะสลกั ลายเสน้ บนเพดานในอุโมงคม์ ณฑปวดั

ศรชี ุมนอกเมืองสโุ ขทัย แกะสลักเป็นเรื่องราวชาดกตา่ งๆ โดยได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะลงั กา

3. ศลิ ปะสมยั อยธุ ยา

ศลิ ปะในยุคนี้มีการรับเอา ศิลปะสมัยอู่ทอง มาเป็นแมแ่ บบผสมผสานกบั ศลิ ปะสมัยสุโขทยั จงึ

กลายเปน็ ศลิ ปะสกุลช่างอยุธยา-อู่ทอง ซ่ึงก็คือ ศิลปะสมัยอยุธยายคุ ตน้ ทส่ี ามารถจำแนกออกเปน็ ๒ สาย

สกลุ ชา่ งคือ สกลุ ชา่ งสโุ ขทยั และ สกุลชา่ งอยธุ ยา อกี ทอดหนง่ึ โดย ศิลปะสกุลชา่ งสุโขทัย น้นั เปน็ ผลให้ศลิ ปะ

อยธุ ยายคุ ต้นมีพระพทุ ธลกั ษณะคล้ายพระพทุ ธรปู สมัยสโุ ขทัยยุคปลาย สถาปัตยกรรม แบ่งไดเ้ ป็น 3 ยคุ คือ

ศลิ ปะอยุธยาตอนต้น สมัยสมเดจ็ พระรามาธบิ ดีท่ี 1 ทรงสถาปนากรุงศรีอยธุ ยาเม่ือ พ.ศ 1893 จนถึง

สมยั ของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถใน พ.ศ.2031 ลกั ษณะสถาปัตยกรรมเปน็ แบบศิลปะลพบรุ ี กับศลิ ปะอู่

ทองนยิ มสรา้ งปรางค์เปน็ ประธานของวดั

ศลิ ปะอยธุ ยาตอนกลาง สมัยสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถเสด็จไปประทับท่ีเมืองพิษณุโลกใน พ. ศ.

2006 จนถึงสมยั สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ.2172 สถาปัตยกรรมได้รับอิทธผิ ลมาจากศิลปะสุโขทยั นิยม

เจดียท์ รงลงั กาแบบสโุ ขทัยแทน ปรางค์แบบเขมร เชน่ พระเจดีย์วัดใหญช่ ยั มงคล จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา
ศลิ ปะอยุธยาตอนปลาย สมยั สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. 2172 จนสนิ้ สมยั อยธุ ยาใน พ.ศ.

2310 เปน็ ช่วงเวลาทีศ่ ิลปะเขมรเขา้ มามีอิทธพิ ล เชน่ ปรางคป์ ระธานวดั ไชยวฒั นารามปราสาท พระนครหลวง
นอกจากน้นี ยิ มสร้างพระเจดยี ์ย่อมมุ ไม้สิบสองเปน็ ลกั ษณะเฉพาะของสถาปัตยกรรมอยธุ ยา
ประติมากรรม

ส่วนมากสร้างเน่ืองในพระพุทธศาสนาพระพทุ ธรปู หลอ่ ด้วยสำริด อาจทำด้วยวสั ดอุ ืน่ เช่นสกัดจาก
ศิลา ทำดว้ ยไม้ ปูนป้ัน ดนิ เผาและทองคำพระประธานในโบสถว์ หิ ารเปน็ พระปนู ปน้ั หรือสำริดขนาดใหญ่โต
จิตรกรรม

อยุธยา เหลืออย่นู ้อยมากส่วนใหญ่เปน็ เรอ่ื งพระพุทธศาสนา ตอนตน้ นยิ มเขยี นลงบนผนังคหู าปรางค์
และคูหาเจดยี ์ไม่มกี ารเขยี นบนผนงั โบสถ์ วิหาร วิธเี ขียนเป็นการเขียนบนปนู เปียก ปลาย พทุ ธศตวรรษท่ี 21
เป็นต้นมามีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนงั บนผนังโบสถ์และวหิ ารเร่ืองราวท่ีเขยี น มักเปน็ ภาพพุทธประวัติ
ชาดกเคร่ืองประดบั ของภาพจะเขียนอย่างวจิ ติ รบรรจงมาก เชน่ ฝาผนงั วัด พุทไธสวรรย์ จังหวัด
พระนครศรอี ยธุ ยา

แบบฝึกทบทวน เรอื่ ง โยงประวตั ิศาสตร์ศลิ ปไ์ ทย
คำชี้แจง ให้นักเรียนโยงเสน้ ตามยุคประวตั ิศาสตรศ์ ลิ ป์ไทยและรูปภาพให้ถูกต้อง

ศิลปะสมยั เชียงแสน-ลา้ นนา

ศิลปะสมยั สุโขทยั
-

ศิลปะสมยั ลพบุรี

ศิลปะสมยั ศรีวิชยั

ศิลปะสมยั บา้ นเชียง

ศิลปะสมยั ทวารวดี

ศิลปะสมยั อยธุ ยา
ชอ่ื ……………………………………นามสกุล…………………………….ม1/…..

ใบความรู้ เรื่อง ประวัตศิ าสตรศ์ ิลปต์ ะวันตก
ศิลปะไบแซนไทน์ (พ.ศ. 1040 - 1996)

คำว่า "ไบแซนไทน์ " เรียกตามช่ือจักรวรรดิไบแซนไทน์ ที่มีกรุงคอนสแตนติโนเปิลเป็นเมืองหลวง
(ปจั จบุ ันคือนครอสิ ตนั บูลในประเทศตุรกี) ลกั ษณะศิลปะไบแซนไทน์ มีลักษณะคาบเก่ียวกับศิลปะคริสเตียนอยู่
มาก และยงั มีสืบเน่อื งกนั ต่อมาเป็นเวลาอีกยาวนาน โดยมีลักษณะศิลปะแบบตะวันออกมาผสมผสานอยดู่ ว้ ย

สถาปตั ยกรรม สถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ อาคารในสมัยน้ันจะเป็นเร่ืองราวเกี่ยวกับผู้ถูกฆ่าเรื่อง
ศาสนา วิหาร พิธีเจิมน้ำมนต์ ผนังภายนอกอาคารจะถูกปล่อยไว้เรียบ ๆ ผนังภายในอาคารจะประดับด้วยเศษ
หินสีแวววาว เช่น เสารายแบบโรมัน เสาก่ออิฐ หลังคาทรงโค้ง แผนผังอาคารมี 2 แบบ คือ แบบชนิดตามยาว
และแบบชนดิ ศนู ย์กลาง ซึง่ มีรากฐานมาจากสถาปตั ยกรรมโรมนั

จติ รกรรม ทำบนฝาผนังและแผงไม้ ตลอดจนทำเป็นภาพประกอบเร่ืองในหนงั สือ เขียนด้วยสีฝุ่น สี
ขผ้ี ึ้งร้อน และสีปูนเปียกอย่างแห้ง แสดงรูปคนกำลังสวดมนต์ หนงั สอื ในสมัยแรกๆ ทำมาจากหนังสัตว์และเป็น
หนังสือม้วน ภาพประกอบเรื่องในหนังสือแสดงให้เห็นความเป็นธรรมชาติ โดยแก้ไขให้เป็นเชิงสัญลักษณ์
มากกวา่ จะเป็นธรรมชาตแิ ท้ ๆ ลักษณะของภาพเปน็ รปู แบนและเป็นการใช้สอี ย่างประหลาด ๆ

ประตมิ ากรรม ในยุคคริสเตียนถูกลดความสำคญั อันเน่ืองมากจากบทบัญญัติในพระคัมภีร์ เกี่ยวกับ
รูปเคารพบูชาประติมากรรมมักจำกัดอยู่กับงาน ขนาดเล็กๆ ได้แก่งานแกะสลักรูปคนบนโลงศพ ถ้วยและจาน
โลหะ งาแกะ สลกั งาช้าง โกศบรรจธุ าตศุ กั ด์สิ ทิ ธิ์

อา้ งอิงจาก : https://th.wikipedia.org/wiki

ศลิ ปะกอทิก (Gothic art)
ศิลปะกอทิก (Gothic art) เร่ิมต้นจากฝร่ังเศสปลายพุทธศตวรรษที่ 17 และมีอิทธิพลอยู่ประมาณ

350 ปีต่อเน่ืองมาจากศิลปะโรมาเนสก์ ศิลปะกอทิกนิยมกันมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 20 จึงเร่ิมวิวัฒนาการมา
เป็น ศลิ ปะสมัยฟื้นฟูศิลปวทิ ยา ศิลปะแขนงสำคัญของสมัยกอทิกคือ ประติมากรรม งานกระจกสี จิตรกรรมฝา
ผนัง ลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมมีผนังเปิดกว้าง มีส่วนสูงเด่นเป็นพิเศษและมีแบบท่ีออกมาเป็นลายเส้น
อนั ซบั ซอ้ น โครงสรา้ งหลังคาเป็นโคง้ แหลม ลักษณะต่างๆ เดูได้จากมหาวิหารในฝรงั่ เศส, เยอรมนี และ องั กฤษ
เช่นมหาวหิ ารแซ็ง-เดอนี (ฝร่งั เศส) และ มหาวิหารเอก็ ซีเตอร์ (องั กฤษ) เปน็ ตน้

: รูปปั้นประกอบสถาปัตยกรรม

จิตรกรรมสมัยกอทิกมีพ้ืนท่ีเขียนภาพบนฝาผนังน้อยลง เพราะสถาปัตยกรรมมีช่องเปิดมาก ดังน้ันจึง
มักเน้นไปท่ีการออกแบบกระจกสีบานหน้าต่าง สำหรับการเขียนภาพในหนังสือเขียน มักจะแสดงรูปคนท่ี
สะโอดสะอง ในชดุ เสื้อผ้าอาภรณท์ ่ีพลิ้ว และโค้งไหวอยา่ งออ่ นชอ้ ย
ศลิ ปะเรอเนซองส์ (พ.ศ.1940 - 2140)

คำว่า “เรอเนซองส์” หมายถึง การเกิดใหม่ หรือ “ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ” เป็นการระลึกถึง
ศิลปะกรีกและโรมันในอดีตซึ่งเคยรุ่งเรือง ศิลปะเรอนเนซองส์ มีความสนใจลักษณะภายนอกของมนุษย์และ
ธรรมชาติ กอ่ ให้เกดิ ความกระตอื รอื ร้นในการคน้ หาความรทู้ างวิทยาศาสตร์และวิทยาการแขนงตา่ งๆ

สถาปัตยกรรม ลักษณะอาคารมีประตูหนา้ ต่างเพิ่มมากข้ึน ประดับตกแต่งภายในด้วยภาพจิตรกรรม
และประติมากรรมอย่างหรูหรา สง่างาม งานสถาปัตยกรรมท่ีย่ิงใหญ่ในสมัยเรอเนซองส์ ได้แก่ มหาวิหารเซนต์
ปีเตอร์ (St. Peter) ในกรุงโรม เป็นศูนยก์ ลางของคริสต์ศาสนาโรมนั คาทอลิก

จิตรกรรมและประติมากรรม งานจิตรกรรมและประติมากรรมในสมัยเรอเนซองส์ ศิลปิน
สร้างสรรค์ในรูปความงามตามธรรมชาติ และความงามท่ีเป็นศิลปะแบบคลาสสิกที่เจริญสูงสุด ซ่ึงพัฒนาแบบ
ใหม่จากศิลปะกรีกและโรมัน ความสำคัญของศิลปะสมัยเรอเนซองส์ โดยเฉพาะเทคนิคการเขียนภาพ การใช้
องค์ประกอบทางศิลปะ (Composition) หลักกายวิภ าค (Anatomy) การเขียนภ าพ ทัศนียวิทยา
(Perspective Drawing)

ศิลปินที่สำคัญในสมัยเรอเนซองส์ ท่ีสร้างสรรค์งานจิตรกรรมและประติมากรรมไว้เป็นท่ีรู้จัก
กันทัว่ โลก ไดแ้ ก่

เลโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci) ผลงานท่ีมีช่ือเสียงของดาวินชี ได้แก่ ภาพอาหาร
มื้อสุดท้ายของพระเยซู (The last Supper) และภาพหญิงสาวผู้มีรอยย้ิมอันลึกลับ (mystic smile) ที่โด่งดัง
ไปท่วั โลก คือ ภาพโมนาลิซา (Mona Lisa)

Leonardo da Vinci. The Last Supper. c.1495-98. Leonardo da Vinci. Mona Lisa. c.1503-5. Oil on Panel. Louvre

Museum, Paris Tempera wall mural, Sta. Maria delle Grazie, Milan

ไมเคิล แองเจลโล (Michel Angelo) งานประตมิ ากรรมสลักหนิ ออ่ นที่มีชือ่ เสยี งและเป็นผลงานชน้ิ

เอก ได้แก่ รปู โมเสส (Moses) รูปเดวดิ (David) รูปพิเอตตา (Pietta)

ราฟาเอล (Raphael) ผลงานจิตรกรรมทีส่ ำคัญเปน็ จำนวนมากท่ีมีช่ือเสยี งและเปน็ ทร่ี ู้จักโดยท่ัวไป
ไดแ้ ก่ ภาพแม่พระอุม้ พระเยซู (Sistine Madonna) ภาพงานรน่ื เริงของทวยเทพ (The Triumph of Galatea)

ซานโดร บอตติเซลลี (Sandro Botticelli) ผลงานภาพ “กำเนิดวีนัส” แสดงท่าทางคล้ายรูป
วนี สั สลกั หนิ อ่อน

อา้ งองิ จาก : https://th.wikipedia.org/wiki

เครื่องมอื

คะแนนเตม็ 10 คะแนน

แบบทดสอบก่อนเรียน คะแนนท่ีได.้ ..................

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ความรู้ทัว่ ไปเกยี่ วกบั การเรียนการสอนศิลปะ

คาชี้แจง ให้นกั เรียนทาเครื่องหมาย X ทับตวั อกั ษรหน้าคาตอบทถี ูกท่ีสุดเพยี งข้อเดยี ว

1. ศิลปะ คอื ส่ิงท่ีมนุษยเ์ ลียนแบบจากธรรมชาติเป็นทศั นะของใคร

ก. กาลิเลโอ ข. อริสโตเติล

ค. จอห์น ดิวอี ง. อลั เบิร์ต ไอนส์ ไตน์

2. แนวทางการสร้างสรรคง์ านศิลปะมีก่ีแนวทาง

ก. 2 แนวทาง ข. 3 แนวทาง

ค. 4 แนวทาง ง. 5 แนวทาง

3. การสร้างสรรคง์ านศิลปะโดยเนน้ การแสดงออกถึงอารมณ์ และความรู้สึก เป็นการสร้างสรรคศ์ ิลปะแนว

ใด
ก. การสร้างสรรคง์ านศิลปะแนวเหมือนจริง ข. การสร้างสรรคง์ านศิลปะแนวรูปทรงใหม่

ค. การสร้างสรรคง์ านศิลปะแนวแสดงอารมณ์ ง. การสร้างสรรคง์ านศิลปะแนวจินตนาการ

4. ขอ้ ใดไม่ใช่การวิจารณ์งานศิลปะ

ก. การฝึกฝนตนเองให้เขา้ ใจงานศิลปะ ข. การประเมินคา่ ผลงานทางศิลปะ

ค. การชมผลงานศิลปะอยา่ งต้งั ใจ ง. การฝึกวจิ ารณ์อยา่ งมีเหตุผล

5. ข้นั ตอนหรือกระบวนการวจิ ารณ์งานศิลปะ เพื่อใหเ้ กิดความยตุ ิธรรม มีเหตุผล มีข้นั ตอนสาคญั ในการ

วิจารณ์ก่ีข้นั ตอน

ก. 3 ข้นั ตอน ข. 4 ข้นั ตอน

ค. 5 ข้นั ตอน ง. 6 ข้นั ตอน

6. สิ่งเร้าท่ีมาผลกั ดนั ใหม้ นุษยเ์ กิดอารมณ์ความรู้สึกที่สร้างงานศิลปะ เรียกวา่ อะไร

ก. แรงบนั ดาลใจ ข. ตน้ แบบ

ค. ตวั อยา่ ง ง. นาฏศิลป์

7. ข้นั ตอนการวิจารณ์ที่อธิบายส่ิงท่ีมองเห็นหรือสงั เกตเห็นภายในภาพ วา่ มีลกั ษณะอยา่ งไร ประกอบไปดว้ ย

อะไรบา้ ง จดั อยใู่ นข้นั ใดของการวจิ ารณ์

ก. ข้นั พรรณนา ข. ข้นั วเิ คราะห์

ค. ข้นั ตีความหมาย ง. ข้นั ประมาณคา่

8. จากรูปภาพที่กาหนดใหเ้ ป็นการสร้างสรรคง์ านศิลปะแนวทางใด

ก. การสร้างสรรคง์ านศิลปะแนวเหมือนจริง ข. การสร้างสรรคง์ านศิลปะแนวรูปทรงใหม่

ค. การสร้างสรรคง์ านศิลปะแนวแสดงอารมณ์ ง. การสร้างสรรคง์ านศิลปะแนวจินตนาการ

9. การวจิ ารณ์งานทศั นศิลป์ ควรคานึงถึงเรื่องใด

ก. พจิ ารณาอยา่ งมีเหตุผล ข. มีความคิดเห็นเหมือนกนั

ค. ใชค้ วามคดิ เห็นส่วนตวั เป็นหลกั ง. พจิ ารณาตามความชอบ

10.ข้นั ตีความหมาย คือ

ก. ข้นั ขอ้ มูลพ้นื ฐานเก่ียวกบั ผลงาน เช่น ชื่อภาพ ช่ือศิลปิ น เทคนิค ขนาดของภาพ การ

สร้างสรรคง์ าน

ข. ข้นั ตอนท่ีอธิบายสิ่งท่ีมอง หรือสงั เกตภายในภาพวา่ มีลกั ษณะอยา่ งไร ประกอบไปดว้ ย

อะไรบา้ ง

ค. ข้นั ตอนแปลงความหมายในภาพออกมาวา่ ผวู้ าดภาพตอ้ งการส่ือความหมาย

ง. ข้นั ตอนการประเมินวา่ ผลงานศิลปะช้นั น้นั มีความสวยงามในแงใดหรือควรปรังปรุง

อยา่ งไร


Click to View FlipBook Version