The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น
Khon Kaen Smart City Development

จัดพิมพ์โดย โครงการวางแผนกลยุทธ์ในการนำนโยบายการพัฒนาตามแนวทางเมืองอัจฉริยะไปสู่การปฏิบัติ: การถอดบทเรียน การประเมิน การตรวจสอบความตรงและการพัฒนาข้อเสนอแนะ

ศูนย์ปฏิบัติการและส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ (OPCSmartCity) วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by paporn, 2021-11-23 04:12:21

การพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น

การพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น
Khon Kaen Smart City Development

จัดพิมพ์โดย โครงการวางแผนกลยุทธ์ในการนำนโยบายการพัฒนาตามแนวทางเมืองอัจฉริยะไปสู่การปฏิบัติ: การถอดบทเรียน การประเมิน การตรวจสอบความตรงและการพัฒนาข้อเสนอแนะ

ศูนย์ปฏิบัติการและส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ (OPCSmartCity) วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น

Keywords: การพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น,Khon Kaen Smart City Development,เมืองอัจฉริยะ,เมืองอัจฉริยะขอนแก่น,Smart City

ประเดน็ การพัฒนา กล่มุ โครงการหลกั กล่มุ โครงการยอ่ ย วตั ถุประสงค์
โครงการพฒั นาจังหวดั เป็น 8. โครงการพฒั นาระบบขอ้ มลู ผปู้ ว่ ยเพอ่ื สนับสนนุ การ 8. เพอื่ สรา้ งชมุ ชนปลอดภยั ปราศจากยาฆา่
การส่งเสริมและพัฒนาศกั ยภาพ ศนู ยก์ ลางการบรกิ ารด้าน ให้บรกิ ารแบบไรร้ อยตอ่ จงั หวัดขอนแก่น (Seamless แมลง เพือ่ สิง่ แวดลอ้ มท่ดี ี
ดา้ นการเปน็ เมืองอจั ฉรยิ ะ สุขภาพ (Medical Hub) Service data support)
โครงการเพมิ่ ศักยภาพดา้ น
(Smart City)และเมอื งแห่งการ การท่องเทย่ี วของจังหวดั 9. โครงการระบบ X-Road สำหรบั แลกเปล่ียนข้อมูล
ประชุมสมั มนา(Meetings, ขอนแกน่ เพอ่ื ยกระดับสู่ สุขภาพมุ่งสคู่ วามเปน็ เมอื งอจั ฉริยะ
Incentive Travel, เมืองท่องเที่ยวหลัก 10. โครงการชมุ ชนปลอดภยั ปราศจากยาฆา่ แมลง เพือ่
สง่ เสริมสิ่งแวดล้อมให้ดอี ยา่ งยง่ั ยนื
Conventions, Exhibitions : 1. รถพยาบาลอจั ฉรยิ ะ (Smart Ambulance) 1. เพอ่ื สง่ เสรมิ ศักยภาพของจงั หวดั ในการเปน็
MICE City)

2. สร้างเทคโนโลยีอจั ฉรยิ ะเพือ่ สง่ เสรมิ ความรอบรดู้ ้าน เมอื งอัจฉริยะ (Smart City)
สขุ ภาพแกป่ ระชาชน (Smart Health Literacy) 2. สร้างการรบั รู้ และความเขา้ ใจ ในการเปน็
3. ระบบเทคโนโลยีฉลาดเพอื่ สังคมสูงวัยสขุ ภาพดแี บบ เมืองอัจฉริยะ (Smart City)
ย่ังยืน 3. เพ่ือส่งเสรมิ และพฒั นาการนำนวัตกรรม
4. ศนู ย์การแพทย์ชน้ั เลิศ โรงพยาบาลศรนี ครนิ ทร์ และเทคโนโลยี มาใช้ในการพฒั นาจงั หวดั
5. ระบบฆา่ เชื้ออัตโนมัตเิ พือ่ เสรมิ สร้างสขุ ภาวะและ 4. เพอื่ พฒั นาสูก่ ารเป็นเมอื งนา่ อยู่อยา่ งยัง่ ยนื
ยกระดับคณุ ภาพชวี ิตของคนในสงั คม
6. การพัฒนาศนู ย์การเรียนรเู้ พื่อสร้างความรอบรดู้ ้าน
สุขภาพของประชาชน ระดับภูมภิ าค
1. การพัฒนาศักยภาพดา้ นการคมนาคมขนสง่ และลิจิ 1. เพม่ิ ศกั ยภาพดา้ นการทอ่ งเทีย่ วของจังหวดั
สติกส์ เพือ่ เพ่มิ ศกั ยภาพการทอ่ งเทยี่ ว ขอนแกน่ เพอ่ื ยกระดบั สูเ่ มอื งท่องเทย่ี วหลัก
2. การพฒั นาแหลง่ ท่องเทยี่ ว 2. เพือ่ พฒั นานาบุคลากรและการบริการดา้ น
3. พัฒนาบุคลากรสำหรบั อุตสาหกรรม MICE ดา้ นการ การทอ่ งเทีย่ วในจังหวดั ขอนแก่น
ท่องเท่ียวและบรกิ าร 3. เพอื่ พัฒนาระบบสารสนเทศเพอ่ื การวาง
4. การประชาสมั พันธ์และการจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ การ แผนการท่องเทย่ี วของจังหวดั ขอนแก่น
ทอ่ งเทย่ี ว Khon Kaen MICE CITY 4. เพื่อเป็นการกระตุ้น ดึงดูดนกั ทอ่ งเท่ียวให้
เดินทางมาท่องเทีย่ วจงั หวัดขอนแกน่ เพ่มิ มากข้นึ
5. เพื่อพฒั นาศักยภาพแหล่งท่องเท่ยี ว
หนา้ 4-52 ปรบั ปรงุ โดยคณะวจิ ยั จาก สำนกั งานจังหวัดขอนแกน่ (2563)

หนา้ 4-52

โควดิ กับโคครีเอชัน่ เพอ่ื ฟ้นื ฟูเศรษฐกจิ และคุณภาพชีวิตของชาวขอนแกน่ (COVID 19 and Co-creation
for Khon Kaen City Revitalization)

นับต้งั แตช่ ว่ งกลางปี พ.ศ.2563 เปน็ ต้นมา เร่ิมมีการพดู ถงึ ผลกระทบจากการแพรร่ ะบาดของโควิด 19 ที่มี
ตอ่ อตั ราการเตบิ โตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยทีต่ ิดลบมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งนำมาสู่ข้อเสนอแนะในการฟื้นฟู
เศรษฐกิจและมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนและระบบเศรษฐกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างดีที่สุดภาย ใต้
สถานการณ์แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องทั่วโลกในปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการเกิดขึ้นของแบบแผนการดำเนินชีวิต
และการขบั เคลื่อนเศรษฐกจิ วถิ ใี หม่ของทงั้ ภาครฐั เอกชน และประชาชนทวั่ ไป

อย่างไรก็ตาม การจะฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยให้สามารถกลับคืนมาสู่สภาพปกติหรือเจริญเติบโต
อย่างรวดเร็วหลงั จากชว่ งวิกฤติโควิดเริม่ ผ่อนคลายลงนั้น เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพราะถือว่าผลกระทบจาก
แพร่ระบาดในครั้งนี้มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษทำให้เศรษฐกิจตกต่ำหนักกว่าวิกฤติการณ์ต้มยำ
กุ้ง ในปี พ.ศ.2540 ด้วยซ้ำไป เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนทั่วโลก
ดังนั้น การที่ประเทศไทยจะสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาสมบูรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เงื่อนไขที่
สำคญั อยา่ งมากก็คือการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพ่ือเข้ามาทำงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมร่วมกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบูรณาการความร่วมมือในระดับพื้นที่หรือท้องถิ่นที่มีความคล่องตัวและมีกลไกที่สามารถ
จดั การหรอื ฟ้ืนฟูจดุ ทเ่ี ป็นปัญหาทางเศรษฐกจิ และสงั คมในระดบั พน้ื ที่ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพจากระดบั ฐานราก

ดังเช่นกรณีการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมอื งตามแนวทางขอนแกน่ โมเดล ทั้งในช่วงก่อนหนา้ ทีจ่ ะเกิดการแพร่
ระบาดของไวรัสโคโรนา รวมถึงแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนในช่วงหลังวิกฤติโควิด 19
ได้มีแนวทางในการทำงานที่วางอยู่บนฐานของความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเมืองในมิติต่าง ๆ ร่วมกันมาโดยตลอด
ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันพัฒนากิจกรรมหรือ
โครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเมืองขอนแก่น ดังเช่น กรณีของการฟื้นฟูย่านเมืองเก่าที่ได้รับ
ผลกระทบจากความก้าวหน้าของระบบอุตสาหกรรมและความเป็นสมัยใหม่ทีเกิดขึ้นภายในเมือง ซ้ำเติมกับการ
แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในปัจจุบัน “ย่านเมืองเก่า” ดังกล่าว จึงได้กลายมาเป็นหมุดหมายชิ้นสำคัญของการ
ฟื้นฟคู ณุ ค่าทางสังคมและมลู คา่ ทางเศรษฐกจิ (business and social values) ใหก้ ับประชาชนหรือผปู้ ระกอบการ
ในพน้ื ท่ีดังกลา่ วซ่ึงได้รบั ผลกระทบมาอย่างยาวนานได้กลายมาเปน็ แลนด์มาร์คสำคัญของการท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์
มากยงิ่ ขนึ้ จนเกิดเป็นโครงการพฒั นา “ย่านเมอื งเกา่ ศรจี ันทร์สรา้ งสรรค”์ ขน้ึ

“ยา่ นเมอื งเก่า ศรีจนั ทร์สรา้ งสรรค์” เกดิ ขึน้ ภายใตค้ วามร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม
ภายใต้การนำของบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ซึ่งได้ประสานความร่วมมือกับกลุ่มน้ำตาลมิตรผล ศูนย์
สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC เพื่อระดมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ทำงานกับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชา
สังคมในพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทศบาลนครขอนแก่น มูลนิธิชุมชนขอนแก่นทศวรรษหน้า สมาคมหอการค้า
สมาคมอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น และมหาวิทยาลัยขอนแก่นการหาแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกจิ
ย่านเมืองเก่าร่วมกัน โดยพื้นที่ย่านเมืองเก่าที่แต่เดิมเคยประสบกับปัญหาเศรษฐกิจซบเซาจะถูกทำการฟื้นฟูใหม่

หนา้ 4-53

ห น้า 4-53

อีกครั้งผ่านการบูรณาการแนวคิดการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบร่วมสมัย ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมดั้งเดิม
ของย่านเมืองเก่าในเขตตัวเมืองขอนแก่น เช่น การปรับปรงุ พื้นที่โดยรอบอาคารธนาคารแห่งประเทศไทยเดมิ การ
ออกแบบแผนที่ท่องเที่ยวในย่านศรีจันทร์สร้างสรรค์ การประกวดภาพถ่ายทางสถาปัตยกรรมย่านศรีจันทร์ การ
ประกวดออกแบบลานสร้างสรรค์ รวมไปถึงการพัฒนาปรับปรงุ ลานสร้างสรรค์ ตลาดบางลำพู และโครงการ “เช่า
ห้องแถว” ซ่งึ อยู่ในช่วงหาแนวคิดเพอื่ พัฒนาพน้ื ที่

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด 19 แนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมือง
ขอนแก่นนั้น จะเน้นให้ความสำคัญกับการบูรณาการความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์กิจการพัฒนาเมืองด้านต่าง ๆ
ร่วมกันมากยิ่งขึ้น (co-creation) เพื่อให้เป้าหมายของการพัฒนาเมืองขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะทั้ง 7
ด้าน ประสบความสำเรจ็ จากความร่วมมือของทุกภาคส่วนในพน้ื ที่จังหวัดขอนแกน่ เชน่ เดียวกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ยา่ นเมอื งเกา่ ซึง่ เปน็ อกี หนง่ึ มติ ขิ องการพฒั นาเมืองอัจฉรยิ ะตามแนวทางขอนแกน่ โมเดล

หนา้ 4-54



หน้า 4-54

บทท่ี 5
สรุป

หลังจากทคี่ ณะวิจยั ได้ทำการศกึ ษากระบวนการและกลไกขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะในพ้ืนท่ีศึกษา
แลว้ พบวา่ สามารถสงั เคราะห์กระบวนการอนั เป็นแผนทีน่ ำทาง (Smart City Roadmap) เพ่ือการพฒั นาและสร้าง
เมืองอัจฉริยะให้กับพื้นที่ต่าง ๆ สามารถนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริ บทของตนเองได้ ประกอบด้วย
ขั้นตอนหลัก ๆ 5 ขนั้ ตอน ดังนี้

แผนที่นำทางเพอื่ การพัฒนาและสร้างเมอื งอัจฉรยิ ะ
ข้ันศึกษาแนวทางการพฒั นาและความเปน็ ไปได้ในการสรา้ งเมอื งอัจฉรยิ ะ
ในขั้นตอนนี้ถือเป็นการดำเนินงานขั้นแรกที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ

เกี่ยวข้องกับการศึกษาวิจัยและประเมินศักยภาพ ขีดความสามารถ หรือสภาพปัญหาของเมืองด้านต่าง ๆ ในพื้นที่
ควรเข้ามามีบทบาทและรับผิดชอบโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและมหาวิทยาลัยใน
พื้นที่ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญทีท่ ำงานเกี่ยวข้องกบั การพัฒนาเมืองในด้านต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน เนื่องจากขั้นศึกษาแนว
ทางการพัฒนาและความเป็นไปได้ในการสร้างเมืองอัจฉริยะนี้ จำเป็นจะต้องใช้ความรู้หรือเทคนิคเฉพาะทางของ
สายอาชีพและสาขาวิชาต่าง ๆ นำมาปรับใช้เพื่อวิเคราะห์หรือประเมินศักยภาพ ความพร้อม สภาพปัญหา และ
บริบทแวดล้อมด้านต่าง ๆ ท่อี าจมีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเมืองอัจฉรยิ ะทงั้ 7 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น
ด้านการศึกษา ด้านพลเมือง ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการจัดการภาครัฐ ด้านการคมนาคมขนส่ง ด้านเศรษฐกิจ และ
ด้านการจดั การพลงั งานของเมอื งเป็นตน้

การสานเสวนา
ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้ประสบ
ความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมเช่นกัน เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่มุ่งเสริมสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างคนในพื้นที่
และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่จะได้รับผลกระทบต่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะร่วมกัน ตลอดจนยังเป็นกระบวนการที่มุ่ง
เปดิ โอกาสให้ประชาชนและภาคส่วนตา่ ง ๆ ท่มี อี ย่ใู นพ้ืนท่ีไดเ้ ข้ามาสะท้อนปัญหาและความต้องการร่วมกันต่อการ
พัฒนาเมอื งอัจฉริยะในด้านต่าง ๆ รวมไปถงึ ตดิ ตามตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใหท้ ำงานอย่างมี
ประสิทธิภาพอีกดว้ ย ซงึ่ ในกระบวนการสานเสวนานี้ บทบาทขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินในพน้ื ที่มีความสำคัญ
อย่างมาก เป็นเสมือนตัวกลางในการประสานความร่วมมือและความต้องการร่วมกันระหว่างคนในพื้นที่ต่อทิศ
ทางการพัฒนาเมือง ดังนั้น กระบวนการสานเสวนาในระดับพื้นที่ (area-based dialogue) จึงมีความจำเป็นที่
จะต้องจัดทำให้เกิดข้ึนในทุก ๆ เมอื งทต่ี ้องการจะพัฒนาหรือสร้างเมืองอจั ฉริยะของตนเอง เพราะก่อนที่จะพัฒนา
เมืองอัจฉริยะให้เกิดขึ้นได้ คนในเมืองต้องเกิดความเข้าใจร่วมกันก่อนว่าเป้าหมายการพัฒนาเมืองของทุก ๆ คนท่ี
จะเกิดขนึ้ อนาคตจะดำเนนิ ไปในทศิ ทางใดบ้าง
นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการสานเสวนาอีกหนึ่งด้านที่มีความสำคัญเช่นกัน นั่นก็คือ กระบวนการสาน
เสวนากับผู้มีอำนาจในการขับเคลื่อนนโยบาย (policy-driven dialogue) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป้าหมาย

หนา้ 5-1

ห น้า 5-1

ของการพัฒนาเมืองอัจฉรยิ ะมีโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งไมเ่ คยมหี น่วยงานหรือพ้ืนที่ใดริเร่มิ มาก่อน และเป็นเร่ืองใหม่
ในประเทศไทย จำเป็นอย่างมากทเี่ ครือข่ายของคณะทำงานการพฒั นาเมืองอัจฉรยิ ะจะต้องระดมความร่วมมือเพื่อ
สานเสวนาทำความเข้าใจและขับเคลื่อนเชิงนโยบายกับผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นโยบายหรือโครงการพัฒนา
เมอื งขนาดใหญส่ ามารถถกู ขบั เคลอื่ นนำไปสู่การปฏบิ ตั ิอย่างเปน็ รูปธรรมได้

การสร้างกลไกและฟันเฟืองหลักเพื่อใช้สำหรับขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะภายในพื้นท่ี
เปน็ หนงึ่ ฟนั เฟอื งท่มี ีความสำคญั อยา่ งมากในกระบวนการก่อรา่ งสรา้ งการเปล่ยี นผา่ นจากเมืองธรรมดาไปสู่การเป็น
เมืองอัจฉริยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะซึ่งเป็นหน่วยงานรูปแบบใหม่ขึ้นมาสำหรับขับเคลื่อน
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้านตา่ ง ๆ โดยเฉพาะ น่นั กค็ ือ “บริษัทพฒั นาเมอื ง” ซ่งึ ถือเปน็ อกี หนึง่ องค์กรรูปแบบใหม่
ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่มีบทบาทสำคัญในการหนุนเสริมการพัฒนาเมืองร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กร
ปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ภาคประชาสงั คม สถาบันการศึกษา และภาคสว่ นอนื่ ๆ ภายในพ้นื ที่ นอกจากน้ี การแสวงหา
ความร่วมมือ (collaboration) รว่ มกับภาคสว่ นตา่ ง ๆ ทอ่ี ยูใ่ นพนื้ ท่ีเพอื่ บูรณาการทรัพยากร (shared resources)
จากภาคส่วนต่าง ๆ สำหรับนำมาใช้ประโยชน์ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะร่วมกันก็ถือเป็นอีกหนึ่ง
ฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่จะต้องสร้างให้เกิดขึ้นภายในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน
สถาบนั การศกึ ษา ประชาสงั คม และองค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ เพราะภาคส่วนต่าง ๆ ทีม่ อี ยู่ในพืน้ ท่เี หล่าน้ีล้วนมี
ความเชี่ยวชาญในงานแต่ละด้านที่สามารถบูรณาการความร่วมมือให้เกิดประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนา
เมืองอัจฉริยะได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการขับเคลื่อนเพ่ือ
พัฒนาเมืองอัจฉริยะให้ประสบความสำเร็จก็คือ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ซึ่งนอกจากจะเป็นหน่วยงานที่มี
อำนาจหนา้ ที่หรือความรับผดิ ชอบโดยตรงต่อการพัฒนาเมืองอจั ฉรยิ ะในด้านต่าง ๆ แลว้ ยงั เป็นหนว่ ยงานท่ีใกล้ชิด
รู้สภาพปัญหาในพื้นที่ และมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับบริบทแวดล้อมในพื้นที่มากกว่าหน่วยงานอื่น ๆ ดังนั้น ความ
ตระหนักและความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จึงจำเป็นต้องถูกนำมาพิจารณาเป็นปัจจัย
หลกั สำหรับขบั เคล่ือนการพฒั นาเมอื งอจั ฉริยะหน่งึ ๆ อย่างหลกี เลีย่ งไมไ่ ด้

การสร้างแนวทางหรอื แผนงานสำหรับพัฒนาความเปน็ อจั ฉรยิ ะของเมืองในแตล่ ะดา้ น
อีกหนึ่งกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิด
ความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม คือ การนำนโยบายและแนวคิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ประชาชนทุกคน
ต้องการในเมืองร่วมกันมาออกแบบและจัดทำเป็นแผนงานที่ได้รับการอนุมัติและเห็นชอบอย่ างเป็นทางการ
โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในบริบทของการพัฒนาเมืองอัจฉรยิ ะทตี่ ้องทำงานเชือ่ มโยงกันระหวา่ งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน
ประชาสังคม และหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ที่มีอยู่ภายในเมือง เนื่องจากในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะหลาย ๆ
ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่เป็นโครงการขนาดใหญ่และไม่เคยมีเมืองไหนในประเทศ
ไทยทำมาก่อน จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบที่ราชการได้กำหนดและรองรับไว้ ดังนั้น การนำนโยบาย โครงการ และ
แนวคิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ไปบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา
ในระดับจงั หวัด หรือแผนแมบ่ ทการพฒั นาเมืองอัจฉรยิ ะในระดบั จังหวดั รวมถึงแผนพัฒนาท้องถ่ินของเทศบาล จึง

หนา้ 5-2



หน้า 5-2

มีความสำคัญอย่างมากที่จะส่งผลให้การขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะไป สู่การปฏิบัตินั้นสามารถ
ดำเนนิ ไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและไดร้ ับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานมากขึ้น นอกจากน้ีแลว้ จำเป็นอย่างย่ิง
ที่จะต้องมีการจัดตั้งคณะทำงานฝ่ายต่าง ๆ ครอบคลุมประเด็นการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั้ง 7 ด้านด้วย โดยควร
ประกอบดว้ ยคณะทำงานจากหลายภาคส่วนที่มคี วามเชย่ี วชาญและมีอำนาจหนา้ ทต่ี ามกฎหมายรองรับดว้ ย ซึง่ การ
แต่งตั้งคณะทำงานขบั เคลื่อนการพัฒนาเมอื งอัจฉริยะที่เหล่านี้ จะมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการแปลงนโยบายการ
พัฒนาเมืองอัจฉริยะไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญนอกจากการนำแนวคิ ด
นโยบายไปส่กู ารบรรจปุ ระเด็นการพฒั นาเมอื งอจั ฉรยิ ะด้านต่าง ๆ ไปบรรจไุ ว้ในแผนยุทธศาสตรจ์ ังหวัด แผนแม่บท
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะจังหวัด รวมถึงแผนพัฒนาท้องถิ่นแล้ว สิ่งสำคัญก็คือ โครงการต่าง ๆ เหล่านี้ ควรเป็น
โครงการที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเมืองให้เห็นได้ชัดอยา่ งเป็นรูปธรรมด้วย เพราะหากมีการพัฒนานโยบาย
และจัดทำแผนยุทธศาสตร์หรือแผนแม่บทการพัฒนาเมืองอัจฉริยะแล้ว แต่กลับไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงขนาน
ใหญ่ให้เมืองเติบโตได้อย่างเป็นรูปธรรม ก็อาจเรียกได้ว่ายังเป็นเมืองที่ไม่สมาร์ทมากพอหรือไม่ได้ต่างไปจากการ
พฒั นาเมอื งดว้ ยวิธีการแบบด้งั เดิมมากนกั

การนำแผนงานพัฒนาเมืองอจั ฉรยิ ะไปส่กู ารขับเคล่ือนอยา่ งจริงจงั โดยมีการจดั แบ่งระยะทำงาน
โดยหลังจากที่ได้มีการวางแผนการทำงาน ออกแบบและพัฒนาโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้านต่าง ๆ อย่าง
รอบคอบครอบคลุมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั้ง 7 ด้านแล้ว สิ่งสำคัญก็คือ การนำโครงการต่าง ๆ ที่ได้ออกแบบ
และพัฒนาขึ้นไปสู่การปฏิบัติเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นภายในเมืองของตนเองอย่างเป็นรูปธรรม โดย
คณะทำงานขับเคล่ือนการพฒั นาเมอื งอัจฉรยิ ะที่ไดแ้ ตง่ ตั้งไวใ้ นแต่ละดา้ น อยา่ งไรก็ตาม เน่อื งจากองค์ประกอบของ
การพฒั นาเมืองอจั ฉรยิ ะนน้ั ประกอบดว้ ย 7 มติ ิ ซง่ึ แต่ละมติ นิ ้นั มีลักษณะ เปา้ หมาย และรปู แบบในการดำเนินงาน
ทมี่ ีเงอ่ื นไขเวลาและขนาดการใช้ทรัพยากรในการลงทุนเพ่อื พฒั นาเมืองท่ีตา่ งกัน ดงั น้นั การพัฒนาเมอื งอจั ฉริยะใน
แตล่ ะดา้ นควรมีการจัดแบง่ ระยะการขับเคล่ือนให้สอดคล้องกับบรบิ ททางเศรษฐกิจและสังคมของเมืองกับลักษณะ
โครงการพัฒนาเมืองแต่ละโครงการด้วย เพื่อให้การนำแผนงานพัฒนาเมืองอัจฉริยะไปสู่การปฏิบัติเกิด
ความกา้ วหน้าท่ีเปน็ รูปธรรมอยา่ งต่อเน่ือง

อย่างไรกต็ าม สำหรับกระบวนการหรอื แผนที่นำทาง (roadmap) เพ่ือการสรา้ งและพฒั นาเมืองอัจฉริยะท่ี
คณะวิจัย ไดส้ ังเคราะห์ขนึ้ ผ่านบทเรยี นการศกึ ษาวจิ ยั ประสบการณ์และแนวทางการสร้างเมืองอจั ฉริยะของพ้ืนท่ีที่
ไดท้ ำการศึกษา ซง่ึ ได้นำเสนอไปแลว้ ข้างต้นท้ัง 5 กระบวนการหลักน้ัน สามารถสรปุ เป็นแผนภาพ (roadmap) ได้
ดงั รายละเอียดปรากฏในแผนภาพท่ี 5-1

แผนท่ีนำทาง (roadmap) ท่คี ณะวจิ ยั ได้พัฒนาขน้ึ ถูกสังเคราะหม์ าจากบริบทการพฒั นาเมืองอัจฉริยะใน
กรณีของขอนแก่นเป็นหลัก ซึ่งพบว่า จุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้กระบวนการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองประสบ
ความสำเร็จหรือได้รับแรงผลักดันจากทุกภาคส่วน คือ “การสร้างปรากฏการณ์ใหม่” ให้เกิดขึ้นภายในเมืองที่ผู้มี
ส่วนได้ส่วนเสียกับการพัฒนาเมืองได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดบทบาทและทิศทางการพัฒนาเมืองร่วมกัน
ตลอดจนเกิดความเข้าใจและความตระหนักที่ตรงกันต่อทิศทางการพัฒนาเมือง ในกรณีของขอนแก่น โครงการท่ี
ถือเป็นจุดเปลี่ยนและตัวกระตุ้นสำคัญให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการพัฒนาเมืองในพื้นที่ได้เกิดความ
ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง คือ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) และการพัฒนาระบบ

หนา้ 5-3



ห นา้ 5-3

คมนาคมขนส่งรปู แบบตา่ ง ๆ ซ่ึงโครงการเปล่าน้ีถือเปน็ ปรากฏการณ์ทางสังคมรูปแบบใหม่ ที่มอี ิทธิพลอย่างมาก
ไม่เพียงแต่สร้างการรับรู้และความตระหนักแก่ภาคประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สามารถ
เปลยี่ นแปลงเมืองท้ังในเชิงกายภาพ โครงสรา้ งพน้ื ฐาน แบบแผนการดำเนินชีวิต และท่ีสำคญั ยงั ส่งผลต่อการสร้าง
ระบบนิเวศเศรษฐกิจและสังคมรูปแบบใหม่ให้กับเมืองอันจะนำมาซึ่งโอกาสและความเติบโตทางเศรษฐกิจรูปแบบ
ต่าง ๆ ใหก้ บั เมอื งอกี ดว้ ย

แผนภาพท่ี 5-1 แผนท่นี ำทางเพื่อการสรา้ งและพฒั นาเมอื งอัจฉริยะ (smart city roadmap)
ที่มาภาพ: คณะวิจยั

อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญก็คือ ขอนแก่นโมเดลให้อะไรแก่ประเทศไทยบ้าง ? เพราะเวลาคนส่วนใหญ่
พูดถึงขอนแก่นโมเดล จะนึกถึงโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) หรือ การระดมทุนจากบริษัทในพื้นที่เพื่อ
นำมาใช้สำหรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมืองและแก้ปัญหาของเมืองด้านต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม “ขอนแก่น
โมเดล” เป็นมากกว่าการร่วมระดมทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพราะบทเรียนและประสบการณ์ของ
ขอนแก่นโมเดล นำมาสู่การพัฒนากลวิธีสำหรับพัฒนาเมืองรูปแบบใหม่ที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในเมืองอื่น ๆ
นอกจากท่ี “ขอนแกน่ ” อย่างไรกต็ าม ในภาพรวมแลว้ บทสังเคราะห์ท่ีได้จากการพฒั นาเมอื งอัจฉรยิ ะตามแนวทาง
ขอนแกน่ โมเดล ไดใ้ หบ้ ทเรียนโมเดลหรือกลวิธใี นการพัฒนาเมืองสำหรบั เมืองอ่ืน ๆ ไดน้ ำไปใชเ้ ป็นบทเรียนในการ
พฒั นาเมอื งตามบริบทและศักยภาพของตนเองอย่หู ลัก ๆ 5 โมเดล ได้แก่

โมเดลรูปแบบใหม่ด้านการพัฒนาท้องถิ่นในประเทศไทย ซึ่งรายละเอียดคณะวิจัยได้นำเสนอไว้ดังผล
การศกึ ษาทน่ี ำเสนอในบทท่ี 4 ซง่ึ สะท้อนใหเ้ ห็นถึงปจั จัยท่ีมีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาและบริหารจัดการ
ท้องถิ่นท่อี งค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นในประเทศไทยควรตระหนกั ถึงอยตู่ ลอดเวลา น่นั คือ กระบวนการระดมความ

หนา้ 5-4



หนา้ 5-4

ร่วมมือ (collaboration) จากทุกภาคส่วนที่มีอยู่ในพื้นที่ ให้เข้ามาทำงานเพื่อพัฒนาเมืองร่วมกันได้อย่างเต็มท่ี
โดยเฉพาะบทบาทขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ บรษิ ัทเอกชน มหาวทิ ยาลัย และภาคประชาสังคมในพ้ืนที่

โมเดลด้านการระดมทรัพยากรหรือระดมทุน ซึ่งนอกจากงบประมาณของภาครัฐที่มีอยู่อย่างจำกัดแล้ว
โครงสร้างงบประมาณเพื่อนำมาใช้พัฒนาเมอื งขอนแก่น ยังได้มาจากการระดมทุนร่วมกันระหว่างบริษัทเอกชนใน
ขอนแกน่ 20 บริษทั ซึ่งระดมทนุ ได้มากกว่า 200 ลา้ น รวมถึงการระดมทุนรว่ มกนั ของ 5 เทศบาลที่ระดมทุนได้ 5
ล้าน ปัจจุบันมีทุนสะสมกว่า 25 ล้านบาท สำหรับนำไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมืองหนุนเสริมกับ
งบประมาณในระบบราชการแผ่นดินของหน่วยงานภาครัฐทั้งหน่วยงานส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินทเ่ี กี่ยวข้อง

โมเดลด้านระบบบริหารจัดการเมือง (new urban management system) ซึ่งเป็นบทเรียนที่สำคญั
มากที่ขอนแก่นโมเดลได้ให้ไว้แก่ประเทศไทย เพราะ “บริษัทจำกดั ของเทศบาล” หรือบริษทั ขอนแกน่ ทรานซิท ซิส
เต็ม (KKTS) เป็นบริษัทจำกัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเมืองขอนแก่น 5 เทศบาลได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้นมาเป็น
แหง่ แรกของประเทศไทย ภายใตพ้ ระราชบัญญัตเิ ทศบาล พ.ศ.2496 ทำให้เกดิ รูปแบบการจดั การทอ้ งถ่นิ ด้วยแบบ
แผนและกลวธิ ีใหม่ ๆ เกดิ ขึน้ ในประเทศไทย นอกจากน้ี ขอนแก่นโมเดล ยังไดใ้ หก้ ำเนดิ องค์กรรปู แบบใหม่ข้นึ มาใน
ประเทศไทยด้วยนั่นก็คือ “บริษัทพัฒนาเมือง” หรือ “บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT)” ซึ่งเป็นต้นแบบให้กบั
อีก 22 จังหวัด ในการจัดต้ังบริษัทพัฒนาเมืองของตนเองข้ึนมาในแบบขอนแกน่ พฒั นาเมือง จนนำมาสูก่ ารเกดิ ขึน้
ของร่าง “พระราชบัญญัติสง่ เสริมการพัฒนาเมือง” ที่ได้บรรจุการจัดตั้งบริษัทพัฒนาเมืองขึ้นมาอย่างเป็นทางการ
ดว้ ย

โมเดลด้านการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งนอกเหนือจาก
กรุงเทพมหานครแล้ว จังหวัดขอนแก่นจะถือเป็นจังหวดั แรกทีไ่ ด้มกี ารพัฒนาระบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) สำหรบั
ใช้ในการเดินทางและยกระดับคุณภาพชีวิตและขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของเมือง ที่รับผิดชอบและบริหาร
จัดการโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งไม่เพียงแต่โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาเท่านั้น แต่การพัฒนาเมือง
แบบขอนแก่นโมเดล ยังไดม้ ีการพฒั นาโครงการ ขอนแก่นซติ บ้ี สั ให้บรกิ ารแกป่ ระชาชนภายในเมืองขอนแก่นอย่าง
คลอบคลุมอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีแผนงานที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเพิ่มเติมก็คือ การพัฒนารถไฟฟ้าแบบ
แชร์ใช้ ซึ่งโครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะเหล่านี้ ล้วนเกิดขึ้นมาภายใต้การทำงานร่วมกันระหว่าง
ภาคสว่ นต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนและผลักดันโครงการโดยเทศบาลในเขตเมือง
ดังนั้น ขอนแก่นโมเดล ได้ให้กลวิธีรูปแบบใหม่ในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน
พื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศไทยสามารถนำไปใช้เป็นบทเรยี นหรือแนวทางในการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าหรือระบบขนสง่
สาธารณะรปู แบบอื่น ๆ ในเมอื งของตนเองได้

โมเดลด้านการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งถือเป็นประเด็นที่มี
ความสำคัญอย่างมากต่อประเทศไทยที่มีความเหลื่อมล้ำและปัญหาความยากจนเรื้อรัง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งหลักคิดสำคัญของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตามแนวทางขอนแก่นโมเดลมองว่าเมื่อใดก็

หน้า 5-5



ห นา้ 5-5

ตามที่มีการพัฒนาหรือสร้างความเจริญด้านต่าง ๆ ให้กับเมืองเกิดขึ้น การพัฒนาเมืองดังกลา่ วไม่ควรทิง้ ใครไวข้ ้าง
หลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ไร้อำนาจทางเศรษฐกิจ และด้อยโอกาสทั้งในทางสังคม การศึกษา
และทางเศรษฐกิจ ซึ่งการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตามแนวทางขอนแก่นโมเดลตระหนักถึงความสำคัญเรื่องนี้มาโดย
ตลอด ดังนั้น ตามแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแกน่ จึงได้ใช้ความรูท้ างการเงินผนวกกับการบูรณาการกลวิธีแก้ไข
ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำดังกล่าวผ่านการใช้ตลาดทุนเป็นตัวช่วย ทำให้โครงการพัฒนาเมือง
ขอนแกน่ โมเดลดา้ นตา่ ง ๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงโครงการก่อสร้างรถไฟฟา้ รางเบา (LRT) มีความสำคัญอย่างมากและ
จำเป็นจะต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้โมเดลการแก้ปัญหาความยากจนในจังหวัดขอนแก่นประสบ
ความสำเร็จอย่างเปน็ รูปธรรม เพือ่ ทป่ี ระเทศไทยจะไดม้ ีทางออกในการแก้ไขปญั หาความยากจนเพ่ิมขึ้นมาอีกหน่ึง
วิธี ซึ่งได้เรียนรูจ้ ากแนวทางพัฒนาเมืองแบบขอนแก่นโมเดล และนำไปใช้กับเมืองอืน่ ๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อที่จะ
ทำให้คนยากจนในเมอื งต่าง ๆ “หายจน” และ “หมดความเหล่ือมลำ้ ”

อย่างไรก็ตาม ในการนำตัวแบบที่ได้จากการพัฒนาเมืองตามแนวคิดขอนแก่นอัจฉริยะไปใช้ ผู้เขียนมีการ
ประมวลข้อมูลจากผทู้ มี่ สี ว่ นได้ส่วนเสยี จากทกุ ภาคสว่ น เพอ่ื ใหเ้ ห็นวา่ สิ่งที่ควรนำและไม่ควรนำมีดงั ตอ่ ไปนี้

ขอ้ เสนอแนะตอ่ แนวปฏิบัติที่ควรดำเนินการและไมค่ วรดำเนนิ การ (Do and Don’t) ในการขับเคลือ่ นกจิ การ
การพัฒนาเมือง

แนวปฏบิ ัติทคี่ วรดำเนินการ (Do)
1) “ลดอัตตา หา real purpose” การพัฒนาเมืองตามแนวทางของพื้นที่จังหวัดขอนแก่นนั้น เกิดขึ้น
ผ่านการประสานความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่ (existing institution) ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ
นักธุรกิจภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคการเมือง ภาควิชาการ หรือประชาชนชาวบ้านทั่วไป ซึ่งโดยธรรมชาติ
ของสถาบันทีแ่ ตกต่างกันเหล่าน้ลี ้วนมีความเปน็ เอกลักษณ์ในเชิงตวั ตนการทำงานเป็นของตนเอง มีความคดิ เห็น มี
อัตตา การยึดถือหรือความเชื่อมั่นในตนเองค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ข้าราชการระดับสูงและผู้บริหาร
หรือนักธุรกิจภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม ภาคีเครือข่ายมีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองในจังหวัดขอนแก่น นักธุรกิจ
เอกชนท้องถิ่น นักการเมืองท้องถิ่น มหาวิทยาลัย และประชาชนได้ลดอัตตาของตนเอง โดยการมานั่งพูดคุย
แลกเปลี่ยนกันถึงประเด็นปัญหาและแนวทางการพัฒนาที่คนในท้องถิ่นต้องการ ผ่านกระบวนการสานเสวนาใน
ระดับพื้นท่ี (local dialoguing) ไมว่ ่าจะเปน็ ในระดบั สภาประชาชน หรือเวทีเสวนาในระดบั จังหวัด เปน็ ตน้ โดยที่
ภาคเี ครือข่ายที่เกี่ยวข้องตา่ งตระหนักต่อปญั หาและความตอ้ งการของคนในพ้ืนทเี่ ปน็ หลัก โดยละเลยท่ีจะยึดความ
มั่งมี ฐานะ และตำแหน่งหน้าที่ในองค์กรออกไป แล้วหันกลับมาแสวงหาความร่วมมือเพื่อพัฒนาบ้านเกิดของ
ตนเองโดยทป่ี ระชาชนทุกคนในพื้นทไ่ี ดป้ ระโยชน์จากการพัฒนาร่วมกนั
2) “เรียนรู้นำพา พัฒนาอย่างมีส่วนร่วม” การพัฒนาเมืองมีความสำคัญประการหนึ่งคือ การ
เปลย่ี นแปลงเมืองเป็นเสมือนการเปลยี่ นแปลงโครงสร้างพ้ืนฐานของประเทศ หลาย ๆ เมอื งในตา่ งประเทศใช้เมือง
เปน็ สนิ คา้ หรือเคร่อื งมือสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ รายได้ ให้กบั คนในประเทศ ดังนัน้ การพัฒนาเมืองเพ่ือแก้ไข
ปัญหาในด้านตา่ ง ๆ ตลอดจนการออกแบบทิศทางการพฒั นาเมืองอัจฉริยะในบริบทของประเทศไทยทีก่ ารพัฒนา
เมืองอัจฉริยะยังไม่สมบูรณ์มากนักและอยู่ในระยะแรกเริ่มของการขับเคลื่อนจึงจำเป็นต้องมีการศึกษา วิจัย
และเรียนรปู้ ระสบการณ์การพฒั นาเมืองจากต่างประเทศให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเดน็ ด้านการศึกษาความ

หน้า 5-6



หน้า 5-6

เป็นไปได้เชิงการพัฒนาก่อนเริ่มขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเมืองขนาดใหญ่อย่างจริงจัง ผลกระทบที่ไม่คาดหวัง
(unexpected impact) หรือแนวทางสร้างกระบวนการพัฒนาเมืองใหเ้ กิดขนึ้ อยา่ งเปน็ ธรรมชาติและย่ังยืนภายใน
เมอื ง ซงึ่ ในกรณีของประสบการณ์พฒั นาเมืองขอนแกน่ คณะผวู้ ิจยั ได้ถอดบทเรียนและประสบการณ์พัฒนามาเป็น
“คู่มือเพื่อการสร้างกระบวนการพัฒนาเมือง” ตามแนวทางของขอนแก่น เพื่อให้เมืองอื่น ๆ ทั่วประเทศไทยได้
นำไปใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ของตนเองด้วย นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนและผู้มีส่วน
ได้ส่วนเสียกับการพัฒนาเมือง (stakeholder) ยังถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้การพัฒนาเมืองประสบ
ความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนได้ ดังนั้น หากเมืองอื่น ๆ ที่ต้องการจะขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเมือง
อัจฉริยะทั้ง 7 ด้าน จึงจำเป็นต้องแสวงหาความร่วมมือในระดับพื้นท่ีก่อนเป็นอันดับแรก หากปราศจากการมีส่วน
รว่ มในระดับพนื้ ทีแ่ ลว้ กไ็ มอ่ าจทำให้การพฒั นาเมืองอัจฉริยะประสบความสำเร็จได้

3) “ขจัดความขดั แย้งด้วยการพูดคุย” การพัฒนาเมืองอจั ฉริยะครอบคลมุ ประเด็นการพฒั นาเมืองหลกั
ๆ 7 มิติ ซึ่งเกี่ยวโยงกับผู้มีอำนาจ ผู้ได้รับผลประโยชน์ และผู้เสียผลประโยชนท์ ี่จะได้รับผลกระทบต่อทิศทางการ
ขับเคลื่อนการพัฒนาเมือง อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งในการทำงานเพื่อพัฒนาเชิงพื้นที่เหล่านี้เป็นเรื่องธรรมชาติ
ซึ่งเกิดขึ้นหรือพบเห็นได้ทั่วไปในทุกพื้นที่สำหรับคนทำงาน แต่วิธีการจัดการกับปัญหาความขัดแย้งในระดับพ้ื นที่
แตกต่างกันไป บางพื้นที่เมื่อคณะทำงานพบเจอกับความขัดแยง้ ขั้นรุนแรงก็ยอมยกเลิกไม่ขับเคลื่อนการพัฒนาต่อ
บางพื้นที่จัดการกับปัญหาความขัดแย้งด้วยความรุนแรงหรือการเรียกร้องในสังคม ฯลฯ อย่างไรก็ตาม จาก
ประสบการณ์พัฒนาเมืองอัจฉริยะตามแนวทางของขอนแก่น ได้สะท้อนให้เห็นว่า “กระบวนการสานเสวนา
(dialoguing)” หรือการพูดคุยในระดับปัจเจก ชุมชน ท้องถิ่น และระดับจังหวัด ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็น
ทางการ เพื่อแสวงหาความต้องการที่ถูกต้องตรงกัน (common goal) ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ เป็น
เง่ือนไขสำคัญมากที่จะทำใหก้ ารพฒั นาเมืองอจั ฉริยะประสบความสำเร็จได้

4) “การแสวงหาความร่วมมือ (collaboration)” การบริหารในระดับองค์กรและการพัฒนาเมืองใน
ระดับพื้นที่ภายใต้บริบททางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในยุคปัจจุบัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความจาก
ภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ (smart city) ที่ต้องอาศัย
ความเชยี่ วชาญของหน่วยงานทีเ่ กย่ี วข้องโดยตรงมาเปน็ ส่วนหนึ่งในการขบั เคลื่อนการพัฒนาความเปน็ อัจฉรยะของ
เมืองด้านต่าง ๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม การแสวงหาความร่วมมือมีประโยชน์ในเชิงการบริหารระดั บเมืองด้วย
เน่อื งจากการแสวงหาความร่วมมือน้ี เกิดขึน้ ได้ในหลายรูปแบบ แต่ในกรณีของขอนแกน่ ความรว่ มมือเกิดข้ึนทั้งใน
ด้านความร่วมมือเชิงการบริหาร เช่น การจัดตั้งบริษัทพัฒนาเมือง บริษัทจำกัดร่วมกันของเทศบาล เป็นต้น และ
ความร่วมมือเชิงทรัพยากร เช่น การระดมทุนร่วมกันระหว่างภาคเอกชนในพื้นที่ และการระดมทุนร่วมกันของ
หน่วยงานภาครัฐเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาเมืองหรือเป็นงบประมาณอีกส่วนหนึ่งเพื่อนำไปใช้หนุนเสริมการ
ขบั เคลือ่ นเมอื งอจั ฉรยิ ะทอี่ ยภู่ ายใต้ขอ้ จำกดั ของระเบยี บราชการ เป็นต้น ดังนั้น การแสวงหาความร่วมมือ จึงไม่ใช่
การลงนามในบันทกึ ความร่วมมอื (MOU) แล้วกระบวนการสิน้ สุดเพียงเท่าน้ัน แต่ความร่วมมือที่แท้จริงจะเกิดขน้ึ
ไดต้ ้องอาศัยความไว้เนือ้ เชือ่ ใจระหว่างภาคีเครอื ขา่ ย กระท่ังสามารถระดมทรพั ยากรร่วมกนั เพือ่ นำไปใชข้ บั เคลื่อน
การทำงานให้บรรลเุ ป้าหมายทท่ี ุกคนปรารถนาร่วมกนั ได้

หน้า 5-7



ห นา้ 5-7

5) ความเสียสละของคนในพื้นท่ี ทำอย่างไรให้คนในพื้นที่มีความเสียสละ เป็นคำถามที่ยากพอสมควร
อย่างไรก็ตาม ในบริบทของเมืองขอนแก่น การพัฒนาเมืองเกิดขึ้นได้ผ่านความเสียสละของภาคีเครือข่ายที่เข้ามา
ทำงานร่วมกันซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว เป็นประชาชนท้องถิ่นที่เป็นคนบ้านเกิดท้ังสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ
ผู้นำคณะทำงาน แต่ผู้นำมคี วามเสยี สละฝา่ ยเดยี วไม่อาจทำให้การพัฒนาเมืองประสบความเรจ็ ได้ แต่ความเสียสละ
ต้องเกิดขึ้นในลักษณะจิตสำนึกร่วม (collectivism) ของคนที่อาศัยอยู่ในเมืองด้วยจึงจะเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยวิธกี าร
ของขอนแก่นใช้วิธีการสะท้อนวิกฤติและปัญหาที่มีอยู่ในพื้นทีใ่ ห้กับประชาชนไดต้ ระหนักร่วมกันอยู่ตลอด รวมถึง
ฉายภาพอนาคตว่าหากเมืองเกิดการเติบโตอย่างสมบูรณ์ “ขอนแก่นในฐานะบ้านเกิดของทกุ คน” จะเปลี่ยนแปลง
และเป็นประโยชน์ต่อตนเองและคนรุ่นลูกรุ่นหลานอย่างไรบ้าง ซึ่งความเสียสละผ่านจิตสำนึกรักบ้านเกิดนี้ เป็น
เสมือนเชื้อเพลิงอันทรงพลังที่จะทำให้กลไกการขับเคลื่อนในระดับสถาบันที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องออกแบบขึ้นมาถูก
ขับเคลือ่ นไปอย่างเป็นรปู ธรรมและย่ังยืน

แนวปฏิบัตทิ ีไ่ ม่ควรดำเนนิ การ (Don’t)
1) กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จได้ภายในวันเดียว : การพัฒนาเมืองเป็นเรื่องของการใช้เวลา การพัฒนา
เมือง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เมืองน่าอยู่ เมืองแห่งการเรียนรู้ เมืองสีเขียว หรือเมืองลักษณะอื่น ๆ
เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ สั่งสมประสบการณ์ และการพัฒนาอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อให้การ
ขับเคลื่อนกิจการพัฒนาเมืองดา้ นต่าง ๆ ของผูม้ สี ่วนเก่ียวข้องประสบความสำเรจ็ อย่างมีประสิทธภิ าพ มั่นคง และ
ยัง่ ยืน โดยเฉพาะอย่างย่ิงกระบวนการเรมิ่ แรกของการพัฒนาเมือง ทต่ี อ้ งมีการศึกษาความเป็นไปได้เชิงการพัฒนา
เมืองอย่างจริงจัง ละเอียด และรอบด้าน ตลอดจนในระหว่างการทำงานเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองก็ต้อง
เกี่ยวพันกับระเบียบราชการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และปัญหาต่าง ๆ มากมาย ดังนั้น การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการขนาดใหญ่ที่เป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทยหรือคนในพื้นท่ีเอง ยิ่งจำเป็นต้องให้
ความสำคัญต่อกระบวนการจัดการความยุ่งยากและความซับซ้อนทางการบริหารของบริบทประเทศไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม ในมิติของคนนอกที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกบั การพัฒนาเมอื งในพื้นที่จะไมท่ ำความเข้าใจในประเด็นนี้
ต้องการเพียงภาพสุดทา้ ยของการพฒั นาให้เกิดข้ึนเรว็ ท่สี ุด แตเ่ มืองทสี่ ร้างไดเ้ รว็ แตฐ่ านของกระบวนการไม่แข็งแรง
กับเมืองที่สร้างได้ช้าแต่ฐานมั่นคง พอสร้างเสร็จแล้วเติบโตอย่างรวดเร็ว ย่อมส่งผลกระทบและความเสี่ยงท่ี
แตกตา่ งกัน ดังนนั้ การพฒั นาเมืองอัจฉริยะไมค่ วรดำเนนิ การอยา่ งรบี ร้อน
2) ยิ่งเล็ก ยิ่งใหญ่ ตลอดระยะเวลาทีผ่ า่ นมานับตั้งแตม่ ีการจดั ตั้งบริษัทพัฒนาเมืองแห่งแรกของประเทศ
ไทยที่เมืองขอนแก่น ปรากฏว่ามีการขยายตัวของบริษัทพัฒนาเมืองอื่น ๆ อีกหลายแห่งทั่วประเทศไทยด้วย
เจตนารมณท์ ีม่ ุ่งหวังจะเข้าไปมสี ่วนร่วมในการขบั เคลื่อนการทำงานเพื่อพัฒนาบา้ นเกดิ ของคนท้องถ่ินในพืน้ ท่ีอ่ืน ๆ
ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งบริษัทพัฒนาเมือง เป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ ก้าวแรกเท่านั้น การระดมทุนจัดตั้ง
บริษัทพัฒนาเมืองของคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ควรคิดว่าตนเอง (ในฐานะผู้จัดตั้งบริษัทพัฒนาเมือง)
จะกลายเปน็ บคุ คลผทู้ รงคุณค่าหรือยงิ่ ใหญ่ไปกวา่ หน่วยงาน สถาบนั อื่นท่ีมีส่วนเก่ียวข้องกับการพัฒนาเมืองภายใน
พื้นที่ ดังนั้น บทบาทของคณะทำงานที่จัดตั้งบริษัทพัฒนาเมืองไม่ควรทำตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีบุญคุณต่อเมืองแหง่ นี้
แต่ควรทำตัวให้เล็กลงเพื่อที่บริษัทพัฒนาเมืองสามารถเชื่อมโยงการทำงานกับหน่วยงานร าชการหรือหน่วยงาน

หน้า 5-8



หนา้ 5-8

อื่น ๆ ท่ีมีอยใู่ นพ้ืนท่ไี ด้อยา่ งยิง่ ใหญ่ ทำตวั ให้เล็กเพ่อื โปรเจ็คการพัฒนาเมืองที่ย่ิงใหญ่ ระบบราชการไทยยิ่งถ่อมตน
คนย่งิ ชอบ

3) อย่าสร้างความขัดแย้ง การทำงานเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองเกี่ยวข้องกับคนหลายฝ่ายไม่ว่าจะ
เป็นหน่วยงานรฐั ภาคการเมือง ภาคประชาสงั คม หรือภาคเอกชน ซึ่งหากจะให้โครงการพัฒนาเมอื งอัจฉริยะดา้ น
ต่าง ๆ ประสบความสำเร็จได้ต้องหลีกเลี่ยงหรือควบคุมไม่ให้เกิดความขัดแย้งเลยในกระบวนการของการพัฒนา
เมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งกับหน่วยงานราชการระดับท้องถิ่นและหน่วยงานส่วนภูมิภาค ใ นฐานะผู้มี
อำนาจในการบริหารกิจการสาธารณะโดยตรงในระดับพืน้ ที่ เพราะจะทำใหเ้ กิดความยากลำบากทงั้ ในกระบวนการ
ขับเคลื่อนโครงการพัฒนนา รวมถึงการระดมความร่วมมือ ระดมทรัพยากรเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาพื้นทีด่ ้วย ซ่ึง
ความขัดแย้งกับหน่วยงานถือเปน็ ปัจจยั เส่ยี งท่ีมีอทิ ธิพลอย่างมากต่อความกา้ วหน้าและความสำเร็จของการพัฒนา
เมืองอจั ฉรยิ ะ

4) อย่าจา่ ยเงินใตโ้ ต๊ะ การทจุ รติ คอรัปชนั เพ่ือขบั เคล่ือนการพัฒนาเมืองเปน็ สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างย่ิง เพราะ
การจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับผู้มีอำนาจ จะเป็นเสมือนเครื่องสะท้อนให้ผู้มีอำนาจเห็นถึงความไร้ประสิทธิ ภาพในการ
ทำงานของคณะทำงานในพื้นที่ นอกจากนี้ การทุจริตคอรัปชันเพื่อผลักดันโครงการพัฒนาเมืองดา้ นต่าง ๆ ยังเป็น
เสมือนกระบวนการท่ีกดั กร่อนประสทิ ธภิ าพทางการบรหิ ารจัดการทรัพยากรของคณะทำงานดว้ ย และทเ่ี ลวร้ายไป
กวา่ นน้ั คือ การทุจรติ คอร์รัปชนั จะทำให้คณะทำงานในระดบั พนื้ ที่ไมส่ ามารถขับเคล่ือนกิจการพัฒนาเมืองด้านต่าง
ๆ ตามความต้องการที่แท้จริงของคนประชาชนในท้องถิ่นได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาที่เลวร้ายตามมาในหลายด้าน
และทีร่ นุ แรงที่สุดคือ หากมีการทุจรติ เป็นที่รับทราบของประชาชนในพืน้ ที่แลว้ ก็จะทำให้กระบวนการพัฒนาเมือง
ที่สร้างขึ้นมาหยุดชะงักและล้มเหลวในทันที เนื่องจากภาคีเครือข่ายและประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องหมดศรัทธา
และไม่เชื่อใจในการทำงานของคณะทำงานอีกต่อไป ดังนั้น ความไว้เนื้อเชื่อใจและการไม่ทุจริตเป็นสิ่งสำคัญ
อย่างมาก

ขอ้ เสนอแนะตอ่ การพัฒนาเมืองอัจฉริยะในประเทศไทย
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (smart city) ในภาพรวมแล้วมีอยู่ 2 กลวิธีหลัก ๆ ได้แก่ การพัฒนาเมือง

อัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวนำ (technology-centric approach) ซึ่งกลวิธีนี้ มุ่งเน้นไปที่ศักยภาพและ
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีรูปแบบต่าง ๆ อย่างสุดโต่ง มองว่าเทคโนโลยีจะเป็นเครื่องมือหลักที่จะก่อให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมได้ ส่วนกลวิธีที่สองคือ การพัฒนาเมือง
อัจฉริยะโดยใช้คนหรือสังคมเป็นตัวนำ (social-centric approach) ซึ่งกลวิธีนี้ มุ่งเน้นการวางรากฐานหรือสร้าง
ระบบนิเวศนวัตกรรมทางสังคมรูปแบบใหม่ที่เอื้อให้เกิดการบูรณาการระหว่างศักยภาพของทุนทางสังคมและ
เทคโนโลยี ให้สามารถทำงานและดำรงอยู่ควบคู่กันไปได้เพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะที่มีความสมดุล อันจะทำให้
โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้านต่าง ๆ ถูกขับเคลื่อนด้วยศักยภาพของคนในพื้นที่และเทคโนโ ลยี ที่จะทำให้
โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะมีความต่อเนื่องและยั่งยืน ในบริบทของประเทศไทยแล้ว การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ควรมุ่งเนน้ ไปท่กี ลวธิ แี บบท่ี 2 คอื การพัฒนาเมืองอัจฉรยิ ะโดยใช้คนหรือสังคมเปน็ ตวั นำ ท่มี งุ่ เนน้ บูรณาการทั้งทุน
ทางสังคมและเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะใน 7 ด้าน ดังเช่นกรณีของเมืองอัจฉริยะขอนแก่น ที่นิเวศ
นวัตกรรมทางสังคม ภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง และฐานสถาปัตยกรรมระดับเมืองก็เริ่มขับเคลื่อนโดยคนหรือ
สงั คมเปน็ ฟนั เฟืองหลกั โดยมเี ทคโนโลยเี ป็นปัจจัยหนุนเสริม

หน้า 5-9

ห น้า 5-9

การส่งเสรมิ และผลักดันให้เกิดองค์กรรูปแบบใหม่สำหรบั นำมาใชข้ ับเคลื่อนการพฒั นาเมืองอัจฉริยะในทุก
จังหวัดทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมและผลักดันให้ “บริษัทพัฒนาเมือง” ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็น
การรวมกลุ่มกันของภาคเอกชนท่ีมีความเชี่ยวชาญและมุมมองทีแ่ ตกต่างในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ ได้เข้ามามีบทบาท
ทำงานเพื่อหนุนเสริมทั้งในเชิงทรัพยากรและงานด้านการพัฒนาเมืองร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐภายในพื้นที่ให้
เกิดขึ้น เนื่องจากในปัจจุบัน มีบริษัทพัฒนาเมืองเกิดขึ้นจำนวน 22 แห่งในประเทศไทย และแบบแผนการ
ดำเนินงานของบริษัทพัฒนาเมืองแต่ละแห่งก็มีศักยภาพแตกต่างกันไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม องค์กรรูปแบบใหม่
เหล่านี้ มีความสำคัญต่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในประเทศไทย เพราะนอกจากจะเป็นการแบ่งเบาภาระด้าน
งบประมาณและทรัพยากรของภาครัฐแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ความตระหนักต่อปัญหาของเมือง
และการมสี ่วนรว่ มของประชาชนในการเข้ามาทำงานร่วมกันกบั ภาครัฐในมิติต่าง ๆ ด้วย

การระดมทุนรูปแบบใหมเ่ พื่อนำมาใช้ในการสร้างหรือพัฒนาเมอื ง เพราะในปัจจุบันรัฐบาลส่วนกลางต้อง
จัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้กับหน่วยงานภาครัฐใน 76 จังหวัด และหน่วยงานภาครัฐยังพึ่งพางบประมาณจาก
หลายส่วนกลางเป็นหลัก ส่งผลให้โครงการขนาดใหญ่หรือโครงการนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะก่อให้เกิดการพัฒนา
แก้ปัญหาสังคม หรือสร้างความเจริญเติบโตให้กับเมืองต่าง ๆ ไม่อาจประสบความสำเร็จได้ อันเนื่องมาจาก
ข้อจำกัดในเชิงงบประมาณ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีตัวแบบแนวทางการระดมทุนเพื่อการพัฒนาเมืองรูปแบบ
ใหม่ ๆ เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น กรณีของขอนแก่นโมเดล ไม่ว่าจะเป็นการระดมทุนแบบคร์าวดฟันดิ่ง
(crowdfunding) การระดมทุนร่วมกันระหว่างภาคเอกชน การระดมทุนร่วมกันระหว่างองค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ิน การระดมทุนของภาคประชาสังคมในพื้นที่ ส่งผลทำให้โครงการพัฒนาเมืองด้านต่าง ๆ ของขอนแก่นไม่
จำเป็นต้องพึ่งพิงงบประมาณจากหน่วยงานภาครัฐมากจนเกินไป ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหรอื
แก้ไขปัญหาของเมือง จึงควรตระหนักและให้ความสำคัญกับการระดมทุนรูปแบบใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากยุค
ดิจทิ ัลดสิ รปั ชั่น (digital disruption) และการแสวงหาความรว่ มมือกบั ภาคเี ครือข่ายใหม้ ากขน้ึ

การส่งเสรมิ และผลักดันให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินสามารถทำงานเพื่อพัฒนาเมืองด้านต่าง ๆ ได้อย่าง
อิสระและมีประสิทธิภาพ เพราะตามกฎหมายแล้วไม่ว่าจะเป็นพระราชบัญญัติเทศบาล พระราชบัญญัติองค์การ
บริหารส่วนตำบล พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
กรุงเทพมหานคร และพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมอื งพัทยา ล้วนให้อำนาจหน้าที่แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นให้สามารถคิดค้น หรือริเริ่มงานพัฒนา แก้ปัญหาเชิงพื้นที่ในมิติต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมคุณภาพชีวิต
ความเป็นอยทู่ ่ีดีใหก้ ับคนในท้องถ่ินได้อย่างเต็มรูปแบบ ดงั นั้น โครงการพฒั นาเมืองอจั ฉริยะขนาดใหญ่ที่มีลักษณะ
เป็นโครงการที่สามารถเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของเมือง ส่งเสริมเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนในพื้นท่ี
ซึ่งดำเนินการและรับผิดชอบโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานส่วนกลางได้
อย่างเต็มที่ เพื่อเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ริเริ่มงานพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้วย
ศกั ยภาพและทรพั ยากรของตนเองได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ

หนา้ 5-10



หน้า 5-10

เอกสารอ้างอิง

ภาษาไทย
กล่มุ งานยทุ ธศาสตร์และข้อมูล. (2562). การขับเคล่ือนการพฒั นาเมืองอจั ฉริยะขอนแกน่ . เมอื งขอนแก่น :

สำนกั งานจงั หวัดขอนแก่น.
ขอนแก่นลิงค์. (2563). ขอนแกน่ เปดิ ตวั รถสมารท์ พุ่มพวง สโู้ ควิด 19 คนขายปลอดโรค ประชาชนปลอดเชือ้ .

จาก: https://www.khonkaenlink.info/home/news/10343.html (สบื คน้ เม่ือ 2 กรกฎาคม 2563)
จังหวดั ขอนแก่น. (2562). รายงานผลการดำเนนิ การพฒั นาองค์กร ส่รู ะบบราชการ 4.0 จงั หวัดขอนแก่น (เอกสาร

ประกอบการสมัครรางวลั คณุ ภาพการบรหิ ารจัดการภาครฐั ตามเกณฑก์ ารประเมินสถานะของหนว่ ยงาน
ภาครฐั ในระบบการเป็นราชการ 4.0 ประจำปี พ.ศ.2562). เมอื งขอนแก่น: จังหวดั ขอนแกน่ .
เทศบาลนครขอนแกน่ . (12 กรกฏาคม 2563). พิธเี ปิดโครงการครวั กลางชุมชนคนขอนแก่นไม่ทง้ิ กนั . จาก
http://www.kkmuni.go.th/2017/article/news/4803/พิธีเปดิ โครงการครวั กลางชุมชนคนขอนแก่น
ไม่ท้งิ กัน (สบื ค้นเม่อื 12 กรกฏาคม 2563)
เทศบาลนครขอนแกน่ . (2562). เอกสารประเมนิ รางวลั พระปกเกลา้ ประจำปี 2562 (รอบสดุ ทา้ ย). เมอื งขอนแกน่ :
เทศบาลนครขอนแกน่ .
ธีระศกั ด์ิ ฑีฆายุพนั ธ์. (2551). สภาเมอื งเทศบาลนครขอนแกน่ .วารสารการบริหารท้องถ่ิน, 1(1), 26-60
บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมอื ง. (2562). ขอนแก่นโมเดล ช่วยแกป้ ัญหาเศรษฐกิจ แกจ้ น และลดความเหล่อื มล้ำ ได้
จริงหรือ? Available from: https://www.khonkaenthinktank.com/news_view.php?id=82 (21
พฤศจิกายน 2562)
บริษทั ขอนแกน่ พฒั นาเมอื ง. (2563). ขอนแก่น สมารท์ พุ่มพวง ตลาดเคลอื่ นท่สี ่งตรงถึงหนา้ บ้าน ลดเสี่ยง COVID-
19. จาก
https://khonkaenthinktank.com/news_view.php?id=83&fbclid=IwAR3ACzavBLGB0FeOFQiw
HWZM71Qk5mI9v5ZiyiAzV31cKpHqZSJWFwi70JU (สืบค้นเม่อื 2 กรกฎาคม 2563)
ศภุ วัฒนากร วงศ์ธนวสุ สุรเดช ทวแี สงสกลุ ไทย สรุ ิยานนท์ พลสิม และพีรสิทธ์ิ คำนวณศิลป์. (2562). ขอนแกน่
โมเดล. เมืองขอนแกน่ : สำนักพมิ พ์คลงั นานาวทิ ยา.

ห นา้ 6-1 หน้า 6-1

ศนู ย์วจิ ัยกสิกรไทย. (2563). หน้คี รัวเรือนปี 2563 อาจสงู เกนิ 80% ต่อจดี ีพี ตดิ ตามความสามารถในการชำระหนี้
ของครัวเรือนหลายกลุ่ม (กระแสทรรศน์ ฉบบั ที่ 3073). จาก
https://kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/financial/Pages/z3073.aspx (22 พฤษภาคม
2563)

สำนกั งานจังหวัดขอนแกน่ . (2563). แผนพฒั นาจังหวัดขอนแกน่ พ.ศ.2561– 2565 (ฉบับทบทวน). เมอื ง
ขอนแก่น: กลุ่มงานยทุ ธศาสตร์และข้อมลู เพ่ือการพฒั นาจงั หวัด สำนักงานจังหวัดขอนแก่น

สำนกั งานสง่ เสริมเศรษฐกจิ สร้างสรรค์. (2562). “ขอนแกน่ พัฒนาเมือง” เมื่อเมืองคือส่วนรว่ มของทุกฝา่ ย. จาก
https://hr.tcdc.or.th/en/Articles/Detail/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%
81%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8
%99%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87 (11
พฤศจิกายน 2562)

สถาบนั พฒั นาองค์กรชุมชน. (15 เมษายน 2563). เร่ืองดีดีทชี่ มุ ชน : พอช.ภาคอีสาน หารอื มูลนิธขิ อนแก่น
ทศวรรษหนา้ เคล่อื นงานส้ภู ยั โควดิ –19. จาก https://web.codi.or.th/thailand-getting-
better/20200415-13332/ (สืบค้นเม่ือ 16 มิถุนายน 2563)

สภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ. (2563). ภาวะเศรษฐกจิ ไทยไตรมาสหนึง่ ปี 2563 และแนวโนม้ ปี
2563. กองกลยุทธแ์ ละการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานสภาการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม
แหง่ ชาติ

องค์การยนู ิเซฟ ประเทศไทย. (2563). รายงานของยูเอ็น ช้ีผลกระทบจากวิกฤตโควดิ -19 สง่ ผลต่อเป้าหมายการ
พัฒนาทย่ี ั่งยืนของไทย. จาก https://www.unicef.org/thailand/th/press-releases/รายงานของยู
เอ็น-ชี้ผลกระทบจากวกิ ฤตโควดิ -19-สง่ ผลตอ่ เปา้ หมายการพฒั นาท่ีย่งั ยนื ของไทย (สบื ค้นเมื่อ 20
พฤษภาคม 2563)

อสี านบซิ . (12 กรกฏาคม 2563). เปดิ ‘ครวั กลางชมุ ชนคนขอนแก่นไมท่ ้งิ กนั ’แบ่งปัน ช่วยเหลือ แกป้ ัญหาปาก
ท้องสโู้ ควดิ -19. จาก https://www.esanbiz.com/30936 (สืบค้นเมื่อ 13 กรกฏาคม 2563)

BBC News. (30 มถิ นุ ายน 2020). โควดิ -19 : ธนาคารโลกแนะรฐั เรง่ สรา้ งงาน คาดเศรษฐกจิ ไทยต้องใช้เวลาฟืน้ ฟู
อย่างน้อย 2 ปี. จาก https://www.bbc.com/thai/thailand-53231447 (สบื ค้นเม่ือ 1 กรกฎาคม
2563)

หน้า 6-2
หนา้ 6-2

INN News. (2561). ขอนแก่นเมอื งอจั ฉรยิ ะรว่ มมอื พัฒนาอย่างยงั่ ยนื . จาก
https://www.innnews.co.th/features/all-in-thailand/news_179609/ (11 พฤศจิกายน 2562)

Thai PBS News. (10 มิถุนายน 2563). ธนาคารโลก ชี้ COVID-19 ทำเศรษฐกจิ โลกเสยี หายหนักรอบ 150 ปี.
จาก: https://news.thaipbs.or.th/content/293470 (สืบค้นเมื่อ 12 มถิ ุนายน 2563)

ภาษาอังกฤษ
Al-Hader, M., & Rodzi, A. (2009). The smart city infrastructure development & monitoring.

Theoretical and Empirical Researches in Urban Management, 4(2), 87-94.

Amsterdam Smart City. (2011). Smart Stories. Retrieved from:

https://issuu.com/amsterdamsmartcity/docs/smart_stories (October 19, 2019)

Amsterdam Economic Board. (2014). Working together towards a Smart City: Amsterdam Smart

City. Retrieved from: https://www.slideshare.net/AmsterdamEconomicBoard/together-on-
the-road-to-a-smart-city-40483980 (October 15, 2019)

Aranow, E. (2002). Enterprise Integration Strategies, Cutter Consortium 2002

Aytekin, E. (2020). Steps taken by countries in fighting COVID-19 pandemic. Retrieved from:

https://www.aa.com.tr/en/health/steps-taken-by-countries-in-fighting-covid-19-
pandemic/1812009 (May 20, 2020)

Bastidas, V., & Bezbradic, M., & Helfert, M. (2017). Cities as Enterprises: A comparison of Smart

City Frameworks based on Enterprise Architecture requirements. In Alba E., & Chicano F.,
& Luque G. (eds). Smart Cities. Smart-CT 2017. Lecture Notes in Computer Science, vol
10268. Springer International Publishing.

Belissent, J. (2011). The Core of a Smart City Must Be Smart Governance. Cambridge, MA:

Forrester Research, Inc.

Cane, S., & McCarthy, R. (2007). Measuring the Impact of Enterprise Architecture. Issues in

Information System, 8(2), 437-442

ห น้า 6-3 หน้า 6-3

Centre for Liveable Cities. (2018). Technology and the City: Technology for Smart Nation (Urban

System Studies). Singapore: Centre for Liveable Cities, Ministry of National Development
and the Ministry of the Environment and Water Resources. Retrieved from:
https://www.clc.gov.sg/docs/default-source/urban-systems-studies/uss-technology-and-
the-city.pdf (October 22, 2019)

Chourabi, H., & Nam, T., & Walker, S., & Gil-Garcia, J. R., & Mellouli, S., & Nahon, K., & Pardo, T. A.,

& Scholl, H. J. (2012). Understanding Smart Cities: An Integrative Framework. 45th Hawaii
International Conference on System Sciences. 2289-2297

Dameri, R., P. (2017). Smart City Implementation: Creating Economic and Public Value in

Innovative Urban Systems. Springer International Publishing AG.

Fietkiewicz, K., J., & Stock, W., G. (2015). How “Smart” are Japanese Cities? An Empirical

Investigation of Infrastructures and Governmental Programs in Tokyo, Yokohama, Osaka
and Kyoto. 2015 48th Hawaii International Conference on System Sciences.

FujisawaSST. (2018). Fujisawa Sustainable Smart Town’s Concept Book. Fujisawa: FujisawaSST

Publication. Retrieved from: https://fujisawasst.com/EN/pdf/FSST-ConceptBook.pdf
(October 22, 2019)

Giachetti G., & Marín B., & Serral E. (2018). The Simple Enterprise Architecture Framework: Giving

Alignment to IT Decisions. In: Woo C., & Lu J., Li Z., & Ling T., & Li G., & Lee M. (eds)
Advances in Conceptual Modeling. ER 2018. Lecture Notes in Computer Science, Vol
11158. Springer International Publishing.

Dominic M. Mezzanotte, D., M., & Dehlinger, J. (2012). Enterprise Architecture: A Framework

Based on Human Behavior Using the Theory of Structuration. Software Engineering
Research, Management and Applications, SCI 630, 65-79.

Ekstedt, M. (2004). Enterprise Architecture for IT Management: A CIO Decision Making

Perspective on the Electric Power Industry. Department of Industrial Information and
Control Systems. Stockholm: KTH, Royal Institute of Technology.

หนา้ 6-4
หน้า 6-4

Gammelgård, M., & Simonsson, M., & Lindström, A. (2007). An IT Management Assessment

Framework: Evaluating Enterprise Architecture Scenarios. Information Systems and e-
Business Management, 5(4),415-435.

Giachetti G., & Marín B., & Serral E. (2018). The Simple Enterprise Architecture Framework: Giving

Alignment to IT Decisions. In: Woo C., & Lu J., Li Z., & Ling T., & Li G., & Lee M. (eds)
Advances in Conceptual Modeling. ER 2018. Lecture Notes in Computer Science, Vol
11158. Springer International Publishing.

Gladden, M. (2017). Neuroprosthetic Supersystems Architecture: Considerations for Design and

Management of Neurocybenetically Augmented Organizations. Indiana: Synthypnion
Academy.

Haller, S. (2017). Amsterdam Smart City. The CPaaS.io City Workshop at TRONSHOW 2017.

Retrieved from: https://www.slideshare.net/StephanHaller/amsterdam-smart-city-
85214833 (October 15, 2019 )

Hirvonen, A. (2005). Enterprise Architecture Planning in Practice: The Perspectives of Information

and Communication Technology Service Provider and End-User. Faculty of Information
Technology. Jyväskylä, University of Jyväskylä.

Infocomm Media Development Authority. (2017). Implementing ITU-T International Standards to

Shape Smart Sustainable Cities: The Case of Singapore. Geneva: International
Telecommunication Union.

Infocomm Media Development Authority. (2018). Digital Economy Framework For Action.

Singapore: IMDA Publication. Retrived from: https://www.imda.gov.sg/-
/media/imda/files/sg-digital/sgd-framework-for-action.pdf?la=en (October 22, 2019)

Kakarontzas, G., & Anthopoulos, L., G., & Chatzakou, D., Vakali, A. (2014). A Conceptual Enterprise

Architecture Framework for Smart Cities – A Survey Based Approach. 11th International
Conference on E-Business (ICE-B) 2014, 47-54

ห น้า 6-5 หนา้ 6-5

Karimi, J. (1988). Strategic Planning for Information Systems: Requirements and Information
Engineering Methods. Journal of Management Information Systems, 4(4), 5-24.

Karnes, K.C. (2019). What Is Enterprise Architecture (EA)? Retrieved from:
https://clevertap.com/blog/enterprise-architecture/ (Oct 11, 2019)

Lange & Mendling. (2011). An Experts' Perspective on Enterprise Architecture Goals, Framework
Adoption and Benefit Assessment. 2011 IEEE 15th International Enterprise Distributed
Object Computing Conference Workshops.

McDonald, M., P. (2005). Architecting the Enterprise: An Approach for Achieving Performance,
Integration, Consistency and Flexibility. Faculty of Technology, Policy and Management.
Delft: Delft University of Technology.

Mora L., Bolici R. (2017) How to Become a Smart City: Learning from Amsterdam. In: Bisello A.,
Vettorato D., Stephens R., Elisei P. (eds) Smart and Sustainable Planning for Cities and
Regions. SSPCR 2015. Green Energy and Technology. Springer, Cham.

Mora L., Bolici, R. (2017). How to Become a Smart City: Learning from Amsterdam. In: Bisello A.,
Vettorato D., Stephens R., Elisei P. (eds) Smart and Sustainable Planning for Cities and
Regions. SSPCR 2015. Green Energy and Technology. Springer, Cham

Nightingale, D. J., & Rhodes, D. H. (2004). Enterprise Systems Architecting: Emerging Art and
Science within Engineering Systems. MIT Engineering Systems Symposium, March 2004.

Norris, P. (2001). Digital Divide: Civic Engagement, Information Poverty, and the Internet
Worldwide. New York: Cambridge University Press.

Pereira, C., M., & Sousa, P. (2005). Enterprise Architecture: Business and IT Alignment. New
Mexico: 2005 ACM Symposium on Applied Computing Proceeding.

Perks, C., & Beveridge, T. (2003). Guide to Enterprise IT Architecture. New York: Springer.

หน้า 6-6
หน้า 6-6

Pourzolfaghar, Z., & Bastidas, V., & Helfert, M. (2019). Standardization of enterprise architecture

development for smart cities. Journal of the Knowledge Economy,
https://doi.org/10.1007/s13132-019-00601-8

QS. (April 9, 2018). Singapore tops global smart city performance ranking in 2017: study.

Retrieved from: https://qswownews.com/global-smart-city-performance-
ranking/?utm_source=Sailthru&utm_medium=email&utm_campaign=Issue:%202018-04-
10%20Smart%20Cities%20Dive%20Newsletter%20%5Bissue:14820%5D&utm_term=Smart
%20Cities%20Dive (October 21, 2019)

Rohloff, M. (2005). Enterprise Architecture - Framework and Methodology for the Design of

Architectures in the Large. Association for Information Systems AIS Electronic Library
(AISeL), ECIS 2005 Proceedings. Paper 113. http://aisel.aisnet.org/ecis2005/113

Sanseverino, E., T., & Sanseverino, R., R., & Vaccaro, V., & Macaione, I., & Anello, E. (2017). Smart

Cites: Case Studies. In Sanseverino, E., T., & Sanseverino, R., R., & Vaccaro, V., (eds.).
Smart Cities Atlas: Western and Eastern Intelligent Communities. Springer International
Publishing.

Smart Nation Singapore. (2018). Pillars of Smart Nation. Retrieved from:

https://www.smartnation.sg/why-Smart-Nation/pillars-of-smart-nation (October 22, 2019)

Smart Nation Singapore. (2018c). Digital Government Blueprint. Singapore: SNG Publication.

Retrieved from: https://www.smartnation.sg/docs/default-source/default-document-
library/dgb_booklet_june2018.pdf (October 22, 2019)

Smart Nation and Digital Government Office. (2018a). Smart Nation: The Ways Forwards.

Singapore: SNDGO Publication. Retrieved from:
https://www.smartnation.sg/docs/default-source/default-document-library/smart-nation-
strategy_nov2018.pdf (October 22, 2019)

Smart Nation Singapore. (2019a). Smart Nation Progress. Retrieved from:

https://www.smartnation.sg/why-Smart-Nation/smart-nation-progress (October 22, 2019)

ห น้า 6-7 หน้า 6-7

Smart Nation Singapore. (2019b). Initiatives. Retrieved from:
https://www.smartnation.sg/what-is-smart-nation/initiatives (October 22, 2019)

The Business Times. (March 13, 2018). Singapore tops global smart city performance ranking in
2017: study. Retrieved from : https://www.businesstimes.com.sg/government-
economy/singapore-tops-global-smart-city-performance-ranking-in-2017-study (October
21, 2019)

TOGAF. (2011). The Open Group: Open Group Standard TOGAF Version 9.1. TOGAF Series, 9.1
TOGAF. (2018). The Open Group Standard The TOGAF® Standard, Version 9.2. The Open Group.

Retrieved from: https://firebrand.training/uk/pdf/learn/open-group/togaf-standard.pdf
(October 12, 2019)
World Bank. (2020). East Asia and the Pacific in the Time of COVID-19 – Regional Economic
Update, April 2020. Washington, DC.: World Bank Group.
Zachman, J., A. (1984). A framework for information systems architecture. IBM Systems Journal,
26, 276-292.
Zhou, C. (2020). Why are Western countries being hit harder than East Asian countries by
coronavirus? Retrieved from: https://www.abc.net.au/news/2020-04-24/coronavirus-
response-in-china-south-korea-italy-uk-us-singapore/12158504 (May 20, 2020)

หน้า 6-8
หนา้ 6-8

KHON KAEN การพฒั นาเมอื งอัจฉรย� ะขอนแกน Khon Kaen Smart City Development

Smart City

เมืองเมอือัจงฉอรัจิยฉะขรอิยนะขแอกน แกน

โดย โดย
สำนักสงำานนกั สงภาานนสโยภบานายโยกบาารยอกดุ ามรศอกึ ดุ ษมาศกึวษทิ ายาวศทิ ายสาตศราสวติจรยั  แวลิจะนยั วแลตั ะกนรวรตั มกแรหรงมชแาหตง ิ ช(สาตอิว(ชส.อ) วช.)

หนวยหบนรว หิ ยาบรรแลหิ ะาจรัดแลกะาจรดั ทกุนาดรา ทนุนกดาารนพกัฒารนพาัฒระดนบัารพะดืน้ บัทพ่ี (ื้นบทพ่ี ท(บ.)พท.)
สำนกั สงำานนักคงณานะกครณรมะกกรารรมสกงาเสรสริมงเวสทิ รยมิ าวศทิ ายสาตศราสวติจรยั  แวลิจะนยั วแลัตะกนรวรัตมกร(รสมกส(วส.ก)สว.)

กอกอาารจั รพัจพฉัฒฉฒั นรนราาเ�ยมเ�ยมอื ะอืงะง
ขขออนนแแกก น น

Khon Kaen Smart City Development

รองรศอางสศตารสาตจราารจยา รดยร.ดศรภุ. วศัฒภุ วนัฒากนรากวรงศวธ งนศวธ สนุวสุ
อาจอาารจยาสรุรยเสดรุชเดทชว�แทสวงแ� สสกงุลสไกทุลยไทย
อาจอาารจยาส รุรยย� สาุรนย� นาทนนพทล พสิมลสิม


Click to View FlipBook Version