และมหี นา้ ทสี่ ง่ เสริมการพัฒนาเมอื งอจั ฉริยะโดยเฉพาะ ได้แก่ สำนกั งานส่งเสริมเศรษฐกิจดจิ ทิ ัล (DEPA) สาขาภาค
อีสานตอนกลาง ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการให้คำแนะนำ สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ขอนแก่นนำร่องใน 3 ประเด็น ได้แก่ การพัฒนาระบบคมนาคมอัจฉริยะ (Smart Mobility) เศรษฐกิจอัจฉริยะ
(Smart Economy) และการใช้ชีวิตอย่างอัจฉริยะ(Smart Living) 4.) กลุ่มองค์กรที่จัดตั้งขึ้นมาโดยหน่วยงาน
ภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในขอนแก่นโดยเฉพาะ ได้แก่ ศูนย์ปฏิบัติการเมืองอัจฉรยิ ะ (Smart
City Operation Center: SCOPC) รวมถึงศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ (Operational Center for
Livable Smart City Development) โดยความรว่ มมือระหว่างวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น สาขาวิชาวิทยาการ
คอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 5.) กลุ่มสถาบันการศึกษาใน
พื้นที่จังหวัดขอนแก่นระดับมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลยั
เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่นซึ่งทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่นได้
เริ่มขับเคลือ่ นโครงการสำคัญ ๆ เช่น Smart Farm รวมถึง “ห้องทดลองระบบรางและต้นแบบตัวรถทำขนาดเท่า
ของจริง (Railway System Laboratory and Full-Size Prototype Project)” และหลักสูตรการเรียนการสอน
ระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมเครื่องกลระบบราง เพื่อรองรับการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเมืองขอนแก่นให้
กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ได้ดำเนินโครงการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมสำหรับ
ขับเคลื่อน Khon Kaen Smart City ในหลากหลายมิติ และเริ่มพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนแบบ
ประกาศนยี บัตร (non-degree) ดา้ นการพฒั นาและบรหิ ารจัดการเมืองอจั ฉรยิ ะ โดยวทิ ยาลัยการปกครองท้องถ่ิน
ร่วมกับสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ รวมทั้งยังได้พัฒนาระบบการเรียนรู้ภายใน
มหาวิทยาลัยขอนแก่นให้มีความเป็นอัจฉริยะในด้านต่าง ๆ ด้วย ทั้งอุปกรณ์การเรียนการสอน รูปแบบการสอน
ออนไลน์ โครงการ Smart Learning ต่าง ๆ
ขั้นสร้าง “แนวทางขับเคลื่อน” นโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นอย่างเป็นทางการและเปน็
รูปธรรม เป็นอีกหนึ่งกระบวนการตามแนวทางขอนแก่นโมเดล โดยขั้นนี้เป็นเสมือนการสร้าง “น้ำมันหล่อลื่น”
ขึ้นมา เพื่อนำไปใช้ให้ฟันเฟืองทั้ง 5 ชิ้นที่กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้านี้ สามารถขับเคลื่อนกลไกการแปลงนโยบาย
เมืองอัจฉริยะไปสู่การปฏิบัติได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ โดยกระบวนการในขั้นนี้ประกอบด้วย 3
กระบวนการหลกั ๆ ได้แก่ 1.) การนำวาระเปา้ หมายการพัฒนาเมอื งอัจฉริยะบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตรก์ ารพัฒนา
จังหวัดขอนแก่น 2.) การจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น (Khon Kaen Smart City 2029)
และ 3.) การจัดตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อขับเคลื่อนแผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น โดย
กระบวนการท้ัง 3 มติ นิ ้ี มีความสำคญั อย่างมากต่อการแปลงนโยบายไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ เพราะการนำวาระการพัฒนา
เมอื งอัจฉริยะไปบรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์การพฒั นาจังหวัด จะทำใหก้ ารประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
ภาครฐั ทเี่ ก่ียวข้องในพ้นื ท่ีไม่ว่าจะเป็นส่วนภูมภิ าคหรือองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน จะสามารถทำงานร่วมกันอย่าง
หน้า 3-40
หน้า 3-40
บูรณาการได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งในเชิงทรัพยากร แผนงาน และการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาตามแผน
ยุทธศาสตรจ์ งั หวัดในประเด็นตา่ ง ๆ
นอกจากนี้ แผนแม่บทการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การแปลงนโยบายเมือง
อัจฉริยะเกิดความก้าวหน้าอย่างเปน็ รูปธรรมในจังหวัดขอนแก่น เนื่องจากในแผนแม่บทดังกล่าว มีการกำหนดชดุ
โครงการ กิจกรรม และขั้นตอนการดำเนนิ ตามเปา้ หมายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ รวมถึงหน่วยงานที่รบั ผิดชอบใน
การขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั้ง 7 ด้าน ดังนั้นจึงทำให้การแปลงนโยบายตามแผนยุทธศาสตร์
จังหวัดไปเกิดการนำไปขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้การอำนวยการและการสนับสนุนจากคณะกรรมการ
ระดับจงั หวดั ทไ่ี ด้แต่งต้งั ขน้ึ มาเพอ่ื ขับเคล่ือนการพัฒนาเมืองอจั ฉรยิ ะขอนแก่นดว้ ย
จากกระบวนการขั้นตอนในการแปลงนโยบายพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นไปสู่การปฏิบัติ ตามแนวทาง
ของขอนแก่นโมเดล ดังที่ได้อธิบายรายละเอียดไว้ข้างต้น จะเห็นได้ว่า บทบาทการทำงานเพื่อพัฒนาเมืองร่วมกัน
ระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ (collaborative urban management) ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้การขับเคลื่อน
นโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะเกิดข้ึนอย่างเปน็ รปู ธรรมได้ โดยจะต้องอาศัยกระบวนการสานเสวนา (dialogue)
กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ ตลอดจนการสานเสวนากับผู้มีอำนาจในการขับเคลื่อน หากมีประเด็นที่เป็นความ
ท้าทายใหม่และจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากการผลักดันในเชิงนโยบาย นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างกลไก
ขบั เคลือ่ นท่ีประกอบด้วยฟนั เฟืองหลักซึ่งไม่ว่าจะเป็นองค์กรในรูปแบบใดก็ตาม กม็ ีความสำคัญเช่นเดียวกันต่อการ
แปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ เพราะหากขาดหนว่ ยงานหรือองค์กรทีร่ บั ผิดชอบอย่างจริงจังแลว้ กไ็ ม่อาจทำให้การ
ทำงานประสบความสำเร็จได้ และที่สำคัญไปกว่านั้น การพัฒนาเมืองอัจฉริยะจำเป็นต้องมีการจัดทำแผนการ
ทำงานอนั แสดงใหผ้ ู้มีสว่ นรบั ผดิ ชอบมองเหน็ ทิศทางหรือเป้าหมายการพฒั นาเมืองทชี่ ัดเจนเกิดขน้ึ ด้วย ดังเชน่ กรณี
ของขอนแก่นโมเดลท่ีได้นำเสนอไว้ในบทน้ี ซึ่งกระบวนการขั้นตอนแปลงนโยบายเมอื งอัจฉรยิ ะไปสู่การปฏบิ ัตติ าม
แนวทางของขอนแก่นโมเดลน้ัน สามารถศึกษาได้ดังรายละเอยี ดทีส่ รปุ ไว้ในแผนภาพท่ี 3-7
ระบบและกลไกทใี่ ชเ้ พ่อื ขับเคล่อื นการพฒั นาเมอื งอจั ฉริยะขอนแก่น (Khon Kaen Smart City)
หลังจากที่ได้นำเสนอกระบวนการของการขับเคลื่อนจังหวัดขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ (Khon
Kaen Smart City) ในภาพรวม ซึ่งประกอบไปด้วย 4 กระบวนหลัก ได้แก่ กระบวนการศึกษาแนวทางพัฒนาและ
ความเป็นไปไดใ้ นขน้ั ต้น กระบวนการสานเสวนาท้งั ในระดับพื้นทแ่ี ละในระดับนโยบาย กระบวนการสร้าง “กลไก”
สำหรับขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองขอนแก่น และกระบวนการสร้างกรอบแนวทางในขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การ
ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งกระบวนการทั้ง 4 ขั้นตอนนี้ เกิดขึ้นผ่านความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ใน
จังหวัดขอนแก่นที่ต้องการพัฒนาเมืองของตนเอง โดยมีจุดเริ่มต้นที่สำคัญคือ “การใช้ระบบขนส่งมวลชนนำการ
พัฒนา (Transit Oriented Development)” โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพยายามของภาคประชาสังคมในการ
ขับเคล่อื นโครงการก่อสรา้ งระบบรถไฟรางเบา (LRT) ในจังหวัดขอนแกน่ กระท่งั นำมาสู่แนวคดิ ในการพฒั นาเมือง
อัจฉริยะขอนแกน่ (Khon Kaen Smart City) ท่สี อดคล้องกบั บริบทการเปลยี่ นแปลงและแนวโน้มการพัฒนาเมือง
ของโลกในปจั จุบัน
ห นา้ 3-41 หน้า 3-41
กระบวนการขั้นตอนแปลงนโยบายขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะขอนแก่นไปสู่การปฎิบัติ (The Stages of
Building Khon Kaen Smart City)
แผนภาพที่ 3-7 กระบวนการขนั้ ตอนแปลงนโยบายเมอื งอจั ฉริยะขอนแกน่
ไปสู่การปฏิบตั ติ ามแนวทาง"ขอนแกน่ โมเดล"
ทมี่ าภาพ: คณะวจิ ยั
ดังนั้น การจะศึกษาระบบและกลไกที่นำไปใช้พัฒนาเมืองอัจฉริยะตามแนวทางของ “ขอนแก่นโมเดล”
จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกล่าวถึงระบบใหญ่ 2 ระบบที่จังหวัดขอนแก่นได้นำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมือง
อัจฉริยะมีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม นั่นคือ 1.) ระบบที่นำไปใช้ขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้า
รางเบา (LRT) ในจังหวัดขอนแก่น และ 2.) ระบบที่นำไปใช้เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาขอนแก่นให้กลายเป็นเมือง
อัจฉริยะ โดยระบบแรกเป็นสิ่งที่สร้างปรากฎการณ์ “ขอนแก่นโมเดล” ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยตามแนวคิดและ
วธิ ีการพัฒนาเมืองรูปแบบใหมท่ ี่หลายจังหวัดทั่วประเทศไทยได้นำไปใช้เปน็ ต้นแบบและบทเรียนในการพัฒนาเมือง
ของตนเอง มากกว่า 22 จังหวัด ส่วนระบบที่สองเปน็ ระบบทีเ่ กดิ ขึ้นมาเพือ่ ใหก้ ารพัฒนาเศรษฐกจิ สังคม คุณภาพ
ชีวิต สิ่งแวดล้อม การศึกษา และการพัฒนาเมืองในประเด็นต่าง ๆ ของจังหวัดขอนแก่นสอดคล้องกับทิศทางการ
เปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดขอนแก่นและของ
ประเทศไทยด้วย โดยระบบใหญท่ ั้ง 2 ระบบทนี่ ำมาใชเ้ พอื่ ขบั เคลื่อนการพฒั นาขอนแก่นให้กลายเปน็ เมอื งอัจฉริยะ
สามารถสรปุ ในภาพรวมได้
จากแผนภาพที่ 3-7 จะเห็นได้ว่าระบบใหญ่ในการขับเคลื่อนจังหวัดขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ
(Khon Kaen Smart City) ประกอบด้วย องค์ประกอบหรือกลไกย่อย ๆ 3 ส่วน ได้แก่ กลไกการส่งเสริมจากผู้มี
อำนาจที่เกี่ยวข้อง นั่นคือ คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานระดับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวโย งกับ
ประเด็นด้านกฎหมาย การออกใบอนุญาตให้ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองขอนแก่น ดัง
รายละเอียดในกรอบแรก (รฐั บาลกลาง) ซง่ึ หลกั ๆ แลว้ ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการจัดระบบ
การจราจรทางบก (คจร.) กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล
หนา้ 3-42
หน้า 3-42
ส่วนกลไกทสี่ องคือ กลไกการขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาเมอื งอจั ฉริยะขอนแก่นในมติ ติ ่าง ๆ ดงั ทีป่ รากฏ
ในกรอบทีส่ อง (โครงการรางเบา อปท.) และกรอบทส่ี าม (Smart City 2580) อนั ไดแ้ ก่ การจัดตั้งบรษิ ัทขอนแก่นท
รานซิท ซสี เตม็ (KKTS) ของ 5 เทศบาล โครงการกอ่ สรา้ งระบบรถไฟฟา้ รางเบา (LRT) การสง่ มอบท่ดี นิ เพ่ือพัฒนา
พื้นที่เชิงพาณิชย์ (TOD) การจัดตั้งกองทุนผู้มีรายได้น้อย การนำแผนพัฒนาขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ
บรรจใุ นแผนยทุ ธศาสตร์จงั หวัด การจัดตั้งคณะทำงานเพื่อขบั เคล่ือนการพัฒนาเมอื งอจั ฉรยิ ะ เป็นต้น
แผนภาพที่ 3-8 ระบบทีน่ ำมาใชข้ บั เคล่อื นการพฒั นาเมืองอจั ฉรยิ ะขอนแก่น หรือ “ขอนแกน่ โมเดล” ในภาพรวม
ทีม่ าภาพ: บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมอื ง (KKTT), 2562
และกลไกที่สามซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตามแนวทางของ
ขอนแกน่ โมเดล น่นั ก็คือ “การสรา้ งกระเป๋าเงนิ ของตัวเอง” โดยลดการพงึ่ พิงงบประมาณจากรัฐ ผ่านการระดมทุน
ในทุกรูปแบบ รวมถึงการใช้ตลาดทุนเข้ามาช่วย ดังรายละเอียดในกรอบที่สี่ (งบประมาณ) ซึ่งการนำกองทุนผู้มี
รายได้น้อยเขา้ ตลาดทุนจะทำให้บริษัทจำกดั ของ 5 เทศบาล (KKTS) มีมูลคา่ บริษัทสงู ถึง 100,000 ล้านบาท ซ่ึงจะ
ทำให้จังหวัดขอนแก่น นอกจากจะมีงบประมาณรองรับสำหรับนำไปใช้เพื่อพัฒนาจังหวัดตามแผนพัฒนาเมือง
ห นา้ 3-43 หน้า 3-43
อัจฉริยะขอนแก่นด้วยศักยภาพของตนเอง เพ่ิมเติมจากงบประมาณของภาครัฐที่ได้รับการอุดหนุนมาเป็นปกติอยู่
แล้ว ยังทำให้กองทุนผู้มีรายได้น้อยมีเงินเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้เพิ่มให้กับกลุ่มผู้มี
รายได้น้อย อันจะนำมาสู่การลดความเหลื่อมล้ำและแก้ปัญหาความยากจนภายในจังหวัดด้วย ดังรายละเ อียด
ปรากฏในกรอบสีเหลืองขา้ งต้น
อยา่ งไรก็ตาม จากระบบใหญ่ในภาพรวมข้างตน้ สามารถจำแนกระบบหรือกลไกย่อยทีจ่ งั หวัดขอนแก่นได้
นำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะใหเ้ กิดข้ึนอยา่ งเป็นรูปธรรมได้ 3 กลไก ได้แก่ กลไกการสานเสวนา
(dialogue mechanism) กลไกเชิงสถาบัน (institutional mechanism) กลไกการระดมทุน (financing
mechanism) โดยแตล่ ะประเดน็ มีรายละเอยี ดดังน้ี
กลไกการสานเสวนา (dialogue mechanism)
การสานเสวนาเพอื่ ขับเคลอื่ นการพัฒนาเมอื งอัจฉริยะตามแนวทางของขอนแก่นโมเดล มีความสำคญั อย่าง
มากทั้งในเชิงการพัฒนานโยบาย (policy initiatives) และการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ (policy
implementation) เพราะการสานเสวนา (dialogue) เป็นเสมือนกลไกที่ขับเคลื่อนให้นโยบายการพัฒนาเมือง
อัจฉริยะเกิดขึน้ และสามารถดำรงอยูไ่ ด้อยา่ งถกู ทิศถูกทางตอบสนองความต้องการรว่ มกันระหว่างคนในพ้ืนที่ โดย
กลไกการสานเสวนานี้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ โดยพิจารณาจากจุดมุ่งหมายของการสานเสวนาเป็นหลัก
ได้แก่ 1.) การสานเสวนาในระดบั พ้ืนที่เพ่ือสรา้ งความเข้าใจและพฒั นานโยบายทีป่ ระชาชนต้องการร่วมกนั (area-
based dialogue) และ 2.) การสานเสวนาเพอื่ ผลกั ดนั และขบั เคลื่อนนโยบายท่ไี ดจ้ ากการสานเสวนาในระดับพื้นที่
(policy-driven dialogue) โดยมรี ายละเอียดดงั้ นี้
การสานเสวนาระดับพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจและพัฒนานโยบายที่ประชาชนต้องการ (area-based
dialogue) ประกอบด้วยกลไกที่สำคัญ 2 ตัว คือ สภาเมืองขอนแก่น (Khon Kaen’s Citizen Council) และการ
จัดทำประชาพิจารณ์จังหวัดในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองด้านต่าง ๆ โดยกลไกหลัก ๆ ที่จังหวัด
ขอนแก่นใช้ในการสานเสวนาระดับพื้นที่ ก็คอื สภาเมอื งขอนแก่น (Khon Kaen’s Citizen Council) ซึ่งเร่ิมจัดทำ
มาต้งั แตป่ ี 2540 ภายใต้ความรบั ผดิ ชอบของเทศบาลนครขอนแกน่ ทเ่ี ล็งเห็นถึงความสำคญั ของการมีส่วนร่วมของ
ประชาชนและองค์กรจากทุกภาคส่วนในการพัฒนานโยบายและแผนการปฏิบัติงานเพื่อพัฒนาเมืองขอนแก่น
ร่วมกัน โดยการจัดประชุมสภาเมืองในยุคแรก ๆ จะเป็นลักษณะของการที่เทศบาลจัดเวทีนำเสนอผลการ
ดำเนนิ งานก่อนเป็นหลัก แลว้ เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น สะท้อนปญั หา หรือผลกระทบที่เกิดข้ึน
จากการดำเนินงานนั้น ๆ รวมถึงให้ข้อเสนอแนะในการทำงานกับเทศบาลด้วย โดยกระบวนการจัดประชุมสภา
เมืองในยุคเริ่มต้นดำเนินงานนี้ มีลักษณะเป็นการการสื่อสารทางเดียว (single-communication) จากเทศบาล
นครขอนแก่นมากกว่า ในระยะเวลาต่อมา ด้วยประสบการณ์ ความคุ้นชินของประชาชนต่อกระบวนการประชุม
สภาเมือง รวมถึงประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างพลเมือง องค์กรภาคประชาสังคม มีความ
เขม้ ข้นและประชาชนเข้าใจในกระบวนการมากขึน้ รวมถึงผบู้ ริหารท้องถน่ิ ได้กระต้นุ ใหภ้ าคประชาสังคมเล็งเห็นถึง
ความสำคัญในการประชุมสภาเมืองขอนแก่น (Khon Kaen’s Citizen Council) สง่ ผลใหก้ ระบวนการประชุมสภา
หนา้ 3-44
หนา้ 3-44
เมืองขอนแก่นถูกพัฒนาขึ้น โดยที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนานโยบาย ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจต่อแผนการ
ทำงานพัฒนาเมืองของเทศบาลนครขอนแก่นอย่างเข้มขน้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่มีผลกระทบสำคัญต่อการ
ดำเนนิ ชวี ิตของประชาชนและการขับเคล่ือนเศรษฐกิจภายในเมืองขอนแก่น เชน่ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา
(LRT) ขอนแก่น เป็นต้น จึงทำให้ การจัดประชุมสภาเมืองขอนแก่น (Khon Kaen’ Citizen Council) เป็นการ
สื่อสารแบบสองทางระหว่างประชาชน องค์กรภาคประชาสังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการพัฒนาเมืองกับ
เทศบาลนครขอนแก่นและหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ (interactive communication) ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
เฉกเช่น นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธ์ (2551: 50) นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวว่า “สภาเมืองขอนแก่นดำเนนิ
มาอย่างมพี ฒั นาการจากการเปน็ “สภาแห่งการเรียนรู้ ก้าวสู่ สภาแหง่ การตัดสนิ ใจ”” ร่วมกนั ของประชาชน
กระบวนการดำเนินงานหลัก ๆ ของการประชุมสภาเมืองขอนแกน่ ในภาพรวม ครอบคลุมประเดน็ การสาน
เสวนาหลัก 3 เรื่อง ได้แก่ 1.) นโยบายของผู้บริหาร 2.) ปัญหาและความต้องการของประชาชน และ 3.) ความ
ต้องการของหน่วยงานอื่น ๆ ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยประเด็นทั้ง 3 เรื่องนี้ จะถูกนำเข้ากระบวนการประชุม
เพอ่ื ระดมความคิดเหน็ รว่ มกัน วพิ ากษ์วจิ ารณ์ ให้ขอ้ เสนอแนะ และตดั สินใจร่วมกนั ระหว่างประชาชน ตวั แทนภาค
ประชาสังคม องค์กรชุมชน หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และองค์กรสาธารณะประโยชน์ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัด
ขอนแก่น เช่นเดียวกับกรณีของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น (Khon Kaean Smart City) ก็ได้มีการนำเข้าสู่
การประชุมสภาเมืองขอนแก่นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาระบบขนส่งมวลชน
อัจฉรยิ ะขอนแกน่ (smart mobility) โดยเฉพาะในการประชมุ สภาเมืองเพ่อื รับฟังความคิดเหน็ ของประชาชน ภาค
ส่วนต่าง ๆ และผ้มู ีส่วนได้ส่วนเสียทเี่ กี่ยวข้องกับการพฒั นาระบบขอนสง่ มลชนด้วยรถไฟรางเบา (LRT) คร้งั ที่ 1 ใน
ปี 2559 วันที่ 9 มิถุนายน 2559 โดยมีประชาชนที่เข้าร่วมให้การเห็นชอบมากกว่า 82% เพราะต้องการให้มี
โครงการดังกล่าวเกิดขึ้น ตลอดจนการประชุมรับฟังความคิดเห็นในครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559 ชาว
ขอนแก่นก็ยังคงความเห็นเดิม คือต้องการให้มีการขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้าระบบรางเกิดขึ้นในจังหวัดขอนแก่น
ดังรายละเอยี ดปรากฏในแผนภาพท่ี 3-9
แผนภาพท่ี 3-9 การระดมความเหน็ ของประชาชนต่อการก่อสรา้ งรถไฟฟา้ รางเบาขอนแกน่ (LRT) ครัง้ ท่ี 1
ห นา้ 3-45 หนา้ 3-45
แผนภาพที่ 3-10 การระดมความเห็นของประชาชนต่อการกอ่ สร้างรถไฟฟา้ รางเบาขอนแก่น (LRT) ครงั้ ท่ี 2
กลไกการเสวนาเพอื่ ผลกั ดนั และขับเคล่อื นนโยบาย
นอกเหนือจากกลไกการสานเสวนาในระดับพื้นที่ (area-based dialogue) เพื่อสร้างความเข้าใจ
และพฒั นานโยบายทีป่ ระชาชนหรือผู้มีสว่ นไดส้ ่วนเสียกับการพัฒนาเมืองต้องการแลว้ ในกลยุทธส์ ำหรับขับเคลื่อน
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น (Khon Kaen Smart City) ยังเนน้ ใหค้ วามสำคัญกับกลไกการสานเสวนากับผู้มี
อำนาจในการขับเคลื่อนเพื่อผลักดันให้นโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น เกิดความก้าวหน้าอย่างเป็น
รูปธรรมด้วย หรือเรียกวิธีการนี้ว่าเป็น “กลไกการสานเสวนาเพื่อผลักดันและขับเคลื่อนนโยบาย (policy-driven
dialogue)” เพราะ สำหรบั ทิศทางการพฒั นาเมืองอัจฉรยิ ะของขอนแกน่ แล้ว ประเด็นทีม่ ีความท้าทายและต้องใช้
พลังในการสานเสวนา (dialogue) อยา่ งมาก ท้ังในเชงิ พน้ื ที่และในเชิงนโยบาย คือ การขบั เคลือ่ นโครงการก่อสร้าง
ระบบรถไฟฟ้ารางเบาขอนแก่น (LRT) ซง่ึ ถือเปน็ หนึ่งในแผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนอจั ฉริยะ (smart mobility)
ตามแผนพัฒนาเมอื งอจั ฉริยะขอนแกน่ (Khon Kaen Smart City 2029) เพราะในต่างจงั หวดั หรอื ในภูมภิ าคอนื่ ๆ
ไม่เคยมีใครดำเนินการขับเคลื่อนในประเด็นดังกล่าว ตามแนวทางของ “ขอนแก่นโมเดล” มาก่อน ส่วนประเด็น
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการใช้ชีวิตอัจฉริยะ (smart living) ประชาชนอัจฉริยะ (smart
citizen) สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (smart environment) เศรษฐกิจอัจฉริยะ (smart economy) การจัดการภาครัฐ
อัจฉริยะ (smart governance) และการบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ (smart environment) เป็นเรื่องท่ี
จังหวัดขอนแกน่ ใช้กระบวนการสานเสวนาในระดับพื้นทเ่ี ป็นหลกั (area-based dialogue)
สำหรับกลไกการสานเสวนาเพือ่ ผลักดันและขับเคล่ือนนโยบายการพฒั นาเมอื งอัจฉริยะใหถ้ ูกนำไปปฏบิ ตั ิ
อย่างเป็นรูปธรรม (policy-driven dialogue) ตามแนวทางของขอนแก่นโมเดล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนา
ระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ (Khon Kaen’s smart mobility) นี้ ได้เริ่มก่อตัวขึ้นผ่าน “ข้อตระหนัก” สำคัญ
ร่วมกันระหว่างคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ เนื่องจากว่า แนวทางในการพัฒนา
หนา้ 3-46
หน้า 3-46
ระบบขนส่งมวลชนด้วยวิธีการจัดตั้งบริษัทจำกัดร่วมกันระหว่าง 5 เทศบาล ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.
2496 นี้ เกิดขึ้นเป็นที่แรกของประเทศไทยตามพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว จึงทำให้กลายเป็น “เรื่องใหม่”
สำหรับระบบราชการไทยที่แม้จะมีกฎหมายให้อำนาจและรองรับ แต่กระบวนการขั้นตอนรายละเอียดต่าง ๆ นั้น
ยังไม่มีต้นแบบหรือกรณีตัวอยา่ งที่ชัดเจน รวมทั้งการได้เรียนรู้การจัดบรกิ ารสาธารณะของบริษัทกรงุ เทพธนาคม1
ซ่ึงเปน็ บรษิ ัททีอ่ ยใู่ นการกำกับของกรุงเทพมหานคร ดงั นน้ั คณะทำงานของจังหวัดขอนแกน่ ท้ังภาครฐั เอกชน และ
ภาคประชาสังคม จึงได้เล็งเหน็ ว่าหากคณะทำงานขับเคล่ือนโครงการในระดับพื้นที่เพยี งอย่างเดยี วในลักษณะของ
การรอรับบริการหรือกระบวนการตามข้ันตอนของระบบราชการเพยี งอย่างเดียว (passive approach) โครงการนี้
อาจประสบกบั ความยากลำบากในหลายด้าน ดว้ ยเหตุนี้ คณะทำงานซงึ่ ประกอบด้วยหลายฝา่ ยท้ังภาครัฐและธุรกิจ
เอกชนในจังหวัดขอนแก่นจึงได้ระดมทรัพยากรและเครือข่ายที่มี (shared resources) เพื่อสร้างปรากฏการณ์
ขอนแก่นโมเดลที่สะท้อนความต้องการของประชาชนในพื้นท่ี ที่อยากจะพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะของ
ตนเองโดยใช้บทบาทความรบั ผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ เป็นตัวนำหลัก แล้วนำประเด็นเหล่าน้ีไปสาน
เสวนากับผมู้ ีอำนาจที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นผู้บรหิ ารระดับสงู ของจังหวัด กระทรวงตา่ ง ๆ รวมถงึ รองนายกรฐั มนตรี และ
คณะรัฐบาลด้วย กระทั่งนำมาสู่การจัดตั้งบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (Khon Kaen Transit System:
KKTS) ในปี 2560 ซึ่งเป็นบรษิ ทั ท่เี กิดจากการลงทนุ ร่วมกนั ระหวา่ ง 5 เทศบาล คือ เทศบาลนครขอนแกน่ เทศบาล
เมืองศิลา เทศบาลตำบลเมืองเก่า เทศบาลตำบลสำราญ และ เทศบาลตำบลท่าพระ ซึ่งเปลี่ยนวิธีคิดในการแปลง
นโยบายไปสู่การปฏิบัติจากแบบเดิมที่รอรับข้อมูลและการชี้แจงกระบวนงานตามระบบราชการเพียงอย่างเดียว
(passive approach) เปลยี่ นมาเป็นการเข้าถงึ กลุ่มผมู้ ีอำนาจในการตัดสินใจกระบวนงานหลักจากต้นทาง (active
approach) เป็นตน้
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการจัดตั้งบริษัทขอนแก่น ทรานซิท ซีสเต็ม (KKTS) ขึ้นในปี 2560 เพื่อขับเคลื่อน
ประเด็นการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ (Khon Kaen’s smart mobility) โดยตรง แต่กระบวนการสาน
เสวนาเพือ่ ผลกั ดันและขับเคลอ่ื นนโยบาย (policy-driven dialogue) ไดด้ ำเนินมาก่อนหน้านอี้ ย่แู ล้ว นับต้งั แตเ่ กิด
ความเคลื่อนไหวของชาวจังหวัดขอนแก่นที่ต้องการพัฒนาระบบขนส่งใช้ในการคมนาคมภายในเมืองของตนเอง
เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา โดยกลไกการสานเสวนาเพื่อผลักดันนโยบาย (policy-driven dialogue)
เริ่มเกิดขึ้นในปี 2558 โดยที่กลุ่มภาคธุรกิจเอกชนและคณะทำงานจาก 5 เทศบาลในจังหวัดขอนแก่น ได้เข้าพบ
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (ในขณะนั้น) ถึงแผนแม่บทการพัฒนาระบบ
ขนส่งมวลชนของจังหวัดขอนแก่น กระทั่งในปี 2559 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุมัติในหลักการ
และให้ศึกษาเพิ่มเติมในประเด็นการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ขอนแก่น และการจัดตั้ง
บริษัทจำกัดของ 5 เทศบาล มีการเข้าพบรองนายรัฐมนตรี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพ่ือขอคำแนะนำและการ
สนับสนุนผลักดันโครงการพัฒนาเมืองขอนแก่นอัจฉริยะในเฟส 1 ด้วย จนในปี 2560 นำมาสู่การจัดตั้งบริษัท
1 บรษิ ัทกรงุ เทพธนาคมเปน็ วสิ าหกจิ ของกรุงเทพมหานครมุง่ เน้นการดำเนินการเพอื่ สงั คมและสิง่ แวดลอ้ มเพอื่ รว่ มพัฒนากรุงเทพมหานคร
ห น้า 3-47 หน้า 3-47
ขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS) อย่างเป็นทางการ และมีการสานเสวนากับผู้มีอำนาจในการผลักดันและ
ขบั เคลื่อนนโยบาย (policy-driven dialogue) อย่บู อ่ ยครง้ั จนกระทั่งถงึ ปจั จบุ นั และคณะทำงานยงั มีแผนที่จะเข้า
พบเพื่อสานเสวนากับผู้มีอำนาจในการผลักดันนโยบายในอนาคตอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน เนื่องจากการขับเคลื่อน
ประเดน็ การพฒั นาระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) แมจ้ ะมคี วามกา้ วหน้าในระดบั หนึง่ แตก่ ็ยังมคี วามท้า
ทายในหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างย่ิงการขอใช้พ้ืนที่ศูนยว์ จิ ัยข้าว จังหวดั ขอนแกน่ อย่างไรก็ตาม สำหรับกลไก
การสานเสวนาเพื่อขับเคลื่อนการแปลงนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นไปสู่การปฏบิ ัติตามแนวทางของ
ขอนแก่นโมเดล สามารถศึกษาไดด้ งั รายละเอียดปรากฎในแผนภาพท่ี 4-10
แผนภาพที่ 3-11 กลไกการสานเสวนาเพือ่ ขับเคลอ่ื นนโยบายการพัฒนาเมอื งอัจฉรยิ ะ
ไปสูก่ ารปฏบิ ตั ใิ นจงั หวัดขอนแก่น
ทมี่ าภาพ: คณะวิจยั
กลไกเชงิ สถาบนั (institutional mechanism)
กลไกอีกหนึ่งตัวที่มีความสำคัญอย่างมากเช่นเดียวกันในการขับเคลื่อนเพื่อแปลงนโยบายพัฒนาเมือง
อัจฉริยะไปสู่การปฏิบัติ คือ กลไกเชิงสถาบัน (institutional mechanism) ซึ่งเป็นเสมือนกลไกชิ้นสำคัญในการ
แปลงนโยบายไปสกู่ ารปฏิบตั ิ (policy implementation) เพ่ือจดั การกบั ความทา้ ทายด้านต่าง ๆ ท่ีมีผลกระทบต่อ
การขับเคลื่อนนโยบาย (change manager) รวมถึงเป็นตัวกลางในการเชื่อมประสานระหว่างประชาชนและผู้มี
ส่วนเกยี่ วข้องทัง้ ภายในและภายนอกเมืองขอนแก่น (mediator) เพ่อื ใหอ้ งคก์ รจากภาคสว่ นต่าง ๆ สามารถทำงาน
รว่ มกันเพื่อขบั เคลื่อนการพัฒนาให้จงั หวัดขอนแก่นกลายเป็นเมืองอจั ฉริยะได้ โดยกลไกเชงิ สถาบัน (institutional
mechanism) ที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นนี้ สามารถจำแนกประเภทของสถาบันได้เป็น 5
ประเภท ที่เป็นเสมือนฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองในจังหวัดขอนแก่น ได้แก่ 1.) สถาบันความ
ร่วมมือเพื่อการพัฒนาเมืองขอนแก่นโดยเฉพาะ (collaborative-based institution for urban development)
2.) สถาบันภาคประชาสังคม (civil society) 3.) สถาบันการศึกษาในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น (educational
หน้า 3-48
หน้า 3-48
institution) 4.) องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ (local government) 5.) สำนักงานส่งเสรมิ เศรษฐกจิ ดิจทิ ัล (DEPA)
และ 6.) หนว่ ยงานราชการสว่ นภมู ภิ าคประจำจังหวดั ขอนแก่น (regional agencies) โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้
สถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเมืองโดยเฉพาะ (collaborative-based institution for urban
development) หน้าที่ความรับผิดชอบตอ่ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม หรือแก้ไขปัญหาสาธารณะในประเด็น
ต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้วถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานภาครัฐ (public sector) ที่จะต้องดำเนินการ
อย่างจริงจังเพื่อให้บริการ พัฒนา หรือแก้ไขปัญหาสาธารณะในด้านต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ภาครัฐไม่ได้
ทำงานในลักษณะดงั กล่าวอย่ฝู ่ายเดียวอีกต่อไป เพราะภายใต้ข้อจำกัดทีว่ า่ รฐั ไม่ได้มศี ักยภาพหรือเชี่ยวชาญไปทุก
ด้าน ดังนั้น บทบาทของภาคธุรกิจเอกชน หรือแม้กระทั่งองค์กรสาธารณะประโยชน์ และภาคประชาสังคมเอง จึง
ไดถ้ กู นำมาบูรณาการเพื่อขับเคล่ือนการทำงานร่วมกนั เกดิ เป็นองค์กรหรือสถาบันความร่วมมือเพ่ือการพัฒนาหรือ
ทำงานขับเคลือ่ นเฉพาะด้านตามเป้าหมายทีภ่ าคีเครือข่ายไดร้ ่วมกันกำหนดขึ้นมา ดังนั้น สถาบันความร่วมมือเพือ่
การพัฒนาเฉพาะด้าน หรือ องค์กรที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม
(collaborative-based institution) จึงเป็นองค์กรที่เปรียบเสมือน มือ ของภาครัฐอีกหนึ่งมือ ที่จะเข้ามาช่วย
บรรเทาภาระงานและทรัพยากรของรัฐ และช่วยเหลือรฐั ให้ทำงานเพื่อพัฒนาหรือแก้ไขปญั หาสาธารณะได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพมากข้นึ
เช่นเดียวกับกรณีการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตามแนวทางของขอนแก่นโมเดล ก็ได้เล็งเห็นและตระหนักต่อ
ข้อจำกัดในการทำงานของหน่วยงานราชการ ตลอดจนภาคธุรกิจเอกชนและภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัด
ขอนแก่น อีกทั้งยังได้ตระหนักตอ่ บทบาทความรับผดิ ชอบของตนเองในการที่จะเป็นส่วนหนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหาและ
พฒั นาเมอื งขอนแกน่ ให้เตบิ โตอย่างถูกทิศถูกทาง จึงได้รว่ มกนั จัดต้ังองคก์ รทีเ่ กิดจากความร่วมมือระหวา่ งภาคส่วน
ต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่นขึ้นมา เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยสามารถ
แบ่งได้เป็น 2 รปู แบบ ไดแ้ ก่ องค์กรทีเ่ กิดข้ึนจากความรว่ มมือระหว่างภาครฐั หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วน
กันเอง คือ บริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (Khon Kaen Transit System: KKTS) และองค์กรท่ี
เกิดขึ้นจากความร่วมมือของภาคธุรกิจเอกชน นั่นก็คือ คือ บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (Khon Kaen Think
Tank: KKTT) โดยหน่วยงานท้ังสองนี้ถือเป็นกลไกสำคัญที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพือ่ ขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ขอนแก่นโดยเฉพาะ ซ่ึงมพี นั ธกิจและเปา้ หมายในการทำงานทแ่ี ตกตา่ งกนั ไป มีรายละเอยี ดดงั ต่อไปนี้
บริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (Khon Kaen Transit System: KKTS) ก่อนที่จะกล่าวถึง
บริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด หรือที่รู้จักกันในชื่อ บริษัท KKTS เป็นบริษัทของ 5 เทศบาล อันได้แก่
เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลเมอื งศลิ า เทศบาลเมืองเกา่ เทศบาลตำบลทา่ พระ เทศบาลตำบลสำราญ มลี ักษณะ
ที่เรียกว่า “วิสาหกิจของเทศบาล” และมีความคล้ายคลึงกับคำว่า “สหการ” เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจและเห็นความ
แตกต่างระหว่าง “วิสาหกิจของเทศบาล” กบั “สหการ” ผูเ้ ขียนใครข่ ออธบิ ายคำวา่ สหการ อยา่ งคร่าว ๆ ตอ่ ไปน้ี
ห นา้ 3-49 หนา้ 3-49
สหการ หมายถึง องค์กรที่มีฐานะเป็นนติ บิ ุคคลที่เกิดข้ึนจากความรว่ มมือขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ
ตง้ั แต่ 2 แหง่ ข้นึ ไป ร่วมมอื กนั จดั ตง้ั ขึ้น เพ่อื วตั ถปุ ระสงค์ในการจัดทำบริการสาธารณะอย่างใดอยา่ งหน่ึง แต่การจะ
ดำเนินการได้ เช่นนี้ จะต้องมีการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) รองรับทั้งการจัดตั้งและการยกเลิก แต่ในกรณี
ของบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด ถือเป็น “วิสาหกิจของเทศบาล” เพราะได้รับการจัดตั้งตาม
พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 57 ที่ได้บัญญัติไว้ว่า เทศบาลอาจทำการร่วมกับบุคคลอื่น
โดยก่อตัง้ บรษิ ทั จำกัด หรอื ถือหุน้ ในบรษิ ัทจำกัดเมื่อ (1) บรษิ ัทจำกดั น้ันมีวตั ถุประสงคเ์ ฉพาะเพ่ือกจิ การค้าขายอัน
เปน็ สาธารณปู โภค (2) เทศบาลต้องถือหุ้นเปน็ มลู คา่ เกินกว่าร้อยละหา้ สิบของทนุ ทบี่ ริษัทนน้ั จดทะเบียนไว้ ในกรณี
ที่มีหลายเทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารสว่ นตำบลหรอื สุขาภิบาลถือหุ้นอยูใ่ นบริษัทเดยี วกนั
ให้นับหุ้นที่ถือนั้นรวมกัน และ (3) ได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งการให้อำนาจหน้าท่ี
เทศบาลว่า สามารถร่วมกับหน่วยงานอื่น องค์กรอื่น หรือบุคคลอืน่ ในการตั้งบริษัทได้ แต่ทั้งนี้ต้องได้รับการอนุมตั ิ
จากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งการขอจัดตั้งบริษัท KKTS ของเทศบาลทั้ง 5 แห่ง ได้รับการอนุมัติจาก
กระทรวงมหาดไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (ในขณะนั้น) พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ให้ความ
เหน็ ชอบ เมอ่ื วันท่ี 20 กุมภาพันธ์ 2560
อย่างไรก็ตามการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด ไม่ได้ เพราะมีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะที่จะให้
หน่วยงานรัฐ จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้โดยตรง ดังนั้น กรณีการจัดตั้งบริษัทของ 5 เทศบาล จึงต้องอิงการจด
ทะเบยี นจัดตัง้ บริษัทโดยอาศยั กฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ซง่ึ เปน็ กฎหมายด้านเอกชน (เรือง
ระวี จันทนาม สัมภาษณ์, 2560) เทศบาลทั้ง 5 แห่ง สามารถจดทะเบียนตั้งบริษัท KKTS ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 24
มีนาคม 2560 การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท จำกัด ใช้ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ซึ่งทาง 5 เทศบาล ได้รับการ
บริจาคจากหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น ซึ่งสัดส่วนของการลงทุน คือ เทศบาลนครขอนแก่น
รอ้ ยละ 80 อีก 4 เทศบาลลงทนุ ในสดั สว่ นที่เท่า ๆ กัน คือ ร้อยละ 5
บริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (KKTS) เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง 5 เทศบาลในเมือง
ขอนแกน่ ท่ีประสงคจ์ ัดต้งั บริษัทจำกัดขึ้นมา เพอ่ื ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของประชาชนและภาคธุรกจิ เอกชนใน
พนื้ ท่ที ่ตี อ้ งการให้มีการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) เพ่ืออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตและขับเคล่ือน
เศรษฐกิจท้องถิ่น ประกอบด้วย เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลเมืองศิลา เทศบาลเมืองเมืองเก่า เทศบาลตำบล
สำราญ และ เทศบาลตำบลท่าพระ ซึ่งบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (KKTS) ก่อตั้งอย่างเป็นทางการใน
เดอื นกุมภาพันธ์ ปี 2560 ภายใต้ทนุ จดทะเบยี นจัดต้ังบริษัท 5 ล้านบาท ณ ปี 2562 บริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิส
เต็ม จำกดั (KKTS) สามารถระดมทุนไดก้ ว่า 25 ล้านบาท เพ่ือนำมาใช้ในการดำเนนิ งานของบรษิ ัท
บริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (KKTS) ถือเป็นบริษัทจำกัด แห่งแรกของประเทศไทยที่เกิดข้ึน
ภายใต้พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 โดยวัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้งบริษัทนี้ ก็คือเพื่อให้บริษัท
ขอนแก่นทรานซิท ซีสเต็ม (KKTS) เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการและพัฒนาโครงการระบบขนส่งใน
จังหวัดขอนแก่น รวมถึงทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนระบบการขนส่งภายในจังหวัดขอนแก่นให้มีประสิทธิภาพ
เปน็ เลศิ ในระดับนานาชาติ เพ่อื ยกระดับคุณภาพชวี ติ ของประชาชนจังหวัดขอนแก่น ใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ ท่ีดีข้ึนโดยใช้
ระบบขนส่งนำการพัฒนา (Transit Oriented Development: TOD) และบรษิ ัทขอนแกน่ ทรานซิท ซสิ เต็ม จำกัด
หน้า 3-50
หนา้ 3-50
(KKTS) ยังเปน็ หน่งึ ในองคก์ รหลกั ท่ีจะขบั เคลอื่ นจังหวดั ขอนแก่นไปสู่การเป็นเมืองอจั ฉรยิ ะอยา่ งย่ังยนื ตามที่ระบุไว้
ในวิสัยทัศน์ขององค์กรด้วย โดยบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซีสเต็ม (KKTS) มีภารกิจหลัก ๆ อยู่ 3 ภารกิจ ได้แก่
1.) จัดทำ ดำเนินการ และบริหารโครงการระบบขนส่งในเมืองภูมิภาคจังหวัดขอนแก่น 2.) จัดทำ ดำเนินการ และ
บรหิ ารโครงการพัฒนาพนื้ ที่ท่ีเกยี่ วข้องและตอ่ เนื่องกับระบบขนส่ง ให้เกดิ รายได้เชงิ พาณิชย์ และ 3.) ควบคุม และ
กำกับดแู ลการดำเนนิ งานของคู่สัญญาผรู้ ับจ้างโครงสร้าง งานปฏบิ ัตกิ ารเดินรถ งานซอ่ มบำรุง งานบริการ และงาน
พัฒนาเชิงพาณิชย์ ให้เป็นไปตามข้อตกลงของสัญญา โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งในด้านความปลอดภัย สะดวก
และการตรงเวลา
อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการที่เป็นภารกิจหลักในการจัดตั้งบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS)
ขึ้นมาก็เพื่อให้เป็นผู้รับผิดชอบและบริหารจัดการโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) จังหวัดขอนแก่น
หลังจากทีห่ ัวหน้าคณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไดเ้ ห็นชอบและอนมุ ัติหลักการโครงการดังกลา่ ว ซง่ึ เรียกว่า
“โครงการขอนแก่น Smart City (ระยะที่ 1) การก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนรางเบาสายเหนือ-ใต้ (LRT) ต้นแบบ
ในเมืองภูมิภาคจงั หวดั ขอนแก่น” เมอื่ วนั ท่ี 18 มีนาคม 2559 โดยมีรายละเอียดในการเห็นชอบและอนุมตั ิหลักการ
ดังนี้ สถานทหี่ ลกั ในการดำเนนิ โครงการนี้ จะใช้พ้นื ท่เี กาะกลางถนนและไหล่ทางของถนนสายมิตรภาพ จากตำบล
สำราญ ถึงตำบลท่าพระ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ระยะทาง 26 กิโลเมตร และใช้พื้นที่ศูนย์วิจัยข้าว
จังหวัดขอนแก่นในปัจจุบัน เป็นสถานที่หลักในการดำเนินโครงการและศูนย์ซ่อมบำรุง (Depot) เนื่องจากมีความ
เหมาะสมและตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางของเส้นทางเดินรถ สะดวกต่อการซ่อมบำรุง การแก้ไขปัญหากรณีระบบ
รถไฟฟ้าขัดข้อง และสามารถรองรับโครงการพัฒนาเส้นทางเดินรถไฟอื่น ๆ ครบทั้ง 5 สายรอบเมืองในอนาคตได้
ในเวลาต่อมา กระทรวงคมนาคม โดย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ทำการศึกษา
ระบบขนส่งมวลชน ในปี 2559 โดยผลการศึกษาดังกล่าว ระบบโดยสารที่เหมาะสมกับบรบิ ทของจังหวัดขอนแกน่
คือ เป็นระบบรางเบา (LRT) มีระยะทาง 22.8 กิโลเมตร จำนวน 16 สถานี ตำแหน่งที่ตั้งศูนย์ควบคุมและจัดการ
เดินรถ ศูนย์ซ่อมบำรุงและบริการ (Depot) ตั้งอยู่บริเวณตำบลสำราญ และการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่ง
(Transit Oriented Development : TOD) 4 สถานี ต่อมาคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ได้
ประชุมพิจารณาโครงการ ฯ ดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 และมีมติเห็นชอบผลการศึกษาออกแบบ
รายละเอียดระบบขนส่งสาธารณะในเขตจังหวัดขอนแก่นและผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่ สนข. ได้ศึกษาไว้ และ
อนุญาตให้จังหวัดขอนแก่นเป็นผู้พัฒนาและบริหารจัดการโครงการ ฯ ตามแผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมือง
ขอนแก่นในผลการศึกษาดังกล่าว และคณะรฐั มนตรี ไดม้ มี ตริ ับทราบ มติ คจร. ดังกล่าวเมือ่ วนั ที่ 4 ธนั วาคม 2561
แต่เนื่องด้วยการเจริญเติบโตของจังหวัดขอนแก่นเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดดในตลอดระยะเวลาที่ สนข. ได้
ทำการศกึ ษาระหว่าง 2559 - ปจั จุบัน ทำให้แผนแมบ่ ททศ่ี ึกษาไวไ้ มส่ ามารถรองรับการเจริญเติบโตของเมืองได้
ห น้า 3-51 หนา้ 3-51
กระทั่งนำมาสู่ความจำเป็นในการศึกษาทบทวนความเหมาะสมด้านจราจร วิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน
และการลงทุนในเส้นทางนำร่องสายสีแดง (สำราญ-ท่าพระ) อีกครั้ง โดยแนวเส้นทาง โครงการ ฯ ยังคงยึดตาม
เส้นทางนำรอ่ งสายสแี ดง (สำราญ-ท่าพระ) ตามท่ี สนข. ได้ทำการศึกษาไว้ ส่วนทีป่ รับปรุงเพิ่มเติมจากผลการศึกษา
ของ สนข. ไดแ้ ก่ เสน้ ทางโครงการขยายเขา้ พนื้ ทม่ี หาวทิ ยาลัยขอนแกน่ และศูนย์วิจัยข้าวจังหวัดขอนแก่น เพ่มิ เส้น
ระยะทางโครงการตามแนวเสน้ ทางถนนของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (มติ รภาพ ช่วงสำราญ-ท่าพระ) ระหว่าง
กม. ที่ 325 + 079 ถึง กม. ที่ 345 + 654 อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ระยะทางรวม 26 กิโลเมตร
จำนวน 20 สถานี ยกระดบั 8 สถานี ระดับดิน 12 สถานี โดยปรบั ปรงุ ตำแหนง่ รูปแบบจำนวนของสถานี และการ
พัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีเชิงพาณิชย์ (Transit Oriented Development : TOD) ศูนย์ซ่อมบำรุง (Depot) และ
จุดจอดและจร (Park and Ride) มีการปรับปรุงตำแหน่ง ขนาด และการออกแบบด้านสถาปัตยกรรม ซึ่งผล
การศึกษาทบทวนฉบับใหม่นี้ บริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (KKTS) ได้จัดประชุมหารือกับผู้บริหารของ
บริษัทจนได้ข้อสรุปและเห็นชอบร่วมกัน และล่าสุดได้มีการจัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและภาค
ส่วนต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น ครั้งใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นประชาพิจารณ์ของจังหวัดตอ่ โครงการกอ่ สร้างและพัฒนา
ระบบขนส่งรถไฟฟ้ารางเบาเส้นทางนำร่องสายสีแดง (สำราญ-ท่าพระ) โดยงานประชาพิจารณ์ครั้งนี้ มีประชาชน
และผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมกว่า 1,027 คน ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ขอนแก่น (ไคซ์) เม่ือ
วนั ที่ 14 พฤศจกิ ายน 2562
ความคืบหน้าการดำเนินโครงการและแนวทางการดำเนินงานตามประเด็นที่ได้รับการอนุมัติจาก
หวั หนา้ คณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ (คสช.) ตามหนงั สือสานักเลขาธิการ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ คสช
(สลธ)/116 ลงวันท่ี 29 กมุ ภาพันธ์ 2559 มรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี
กระทรวงคมนาคม (คค.) และ/หรือ กระทรวงมหาดไทย(มท.) พิจารณา เร่งรัดดำเนินการจัดทำรายงาน
ผลการศึกษาความเปน็ ไปได้ของโครงการ (ฉบับใหม่) รายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดลอ้ ม (EIA)
สถานการณ์ปัจจุบัน: คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2561
ได้มีมติเห็นชอบผลการศึกษาออกแบบรายละเอียดระบบขนส่งสาธารณะในเขตจังหวัดขอนแก่นและผลกระทบ
สิ่งแวดล้อมตามที่ สนข. ได้ศึกษาไว้ และอนุญาตให้จังหวัดขอนแก่นเป็นผู้พัฒนาและบริหารจัดการโครงการตาม
แผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองขอนแก่นดังกล่าว เฉพาะในเส้นทางนำร่องสายสีแดง (สาราญ-ท่าพระ) ที่
สนข. ออกแบบรายละเอียดไว้แลว้ ภายใต้กฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำส่งั หรอื มติคณะรัฐมนตรีท่ี
เกี่ยวข้อง ต่อมา การประชุมคณะกรรมการสนับสนุนการดาเนินงานโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนรางเบา
สายเหนือ - ใต้ ต้นแบบในเมืองภูมิภาค จังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2562 มีมติมอบ
โครงการ ฯ ให้เทศบาลทั้ง 5 แห่ง เป็นผู้พัฒนาบรหิ ารจัดการและดาเนินโครงการ ฯ และในคราวประชุมโครงการ
กอ่ สรา้ งระบบขนสง่ สาธารณะในเขตจังหวดั ขอนแก่น ฯ คร้งั ท่ี 1/2562 เม่อื วันท่ี 11 กันยายน 2562 เทศบาลท้งั 5
มีมติเห็นชอบมอบให้ KKTS เป็นผู้พัฒนาบริหารจัดการและดำเนินโครงการ ฯ อีกทั้งเทศบาลทั้ง 5 มีหนังสือแจ้ง
หน้า 3-52
หน้า 3-52
การมอบหมายกิจการโครงการ ฯ ให้กับ KKTS ให้มีหน้าที่และสิทธิในการใชป้ ระโยชน์ที่ดินและสิทธิในการดำเนนิ
กจิ การหรอื กิจกรรมที่เก่ยี วขอ้ งในขอบเขตท่ีดนิ โครงการ ฯ ตลอดจนบรเิ วณท่ีเกีย่ วเน่ืองแต่เพยี งผ้เู ดยี ว
ต่อมา KKTS ได้ดำเนินการจัดรับฟังความคิดเห็นประชาชน ฯ รายงานทบทวนผลการศึกษาโครงการ
ก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะในเขตจังหวัดขอนแก่น เส้นทางนำร่องสายสีแดง (สาราญ-ท่าพระ) ตามระเบียบ
สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ท่ี
ผ่านมา ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ขอนแก่น (ไคซ์) กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ผู้มีส่วนได้เสียต่อ
โครงการ หนว่ ยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศกึ ษา องค์กรและสมาคม สื่อมวลชน รวมท้ังประชาชนท่ัวไป โดย
ผูเ้ ข้ารว่ มการรบั ฟังความคดิ เห็นประชาชนฯไมม่ ีขอ้ คัดคา้ นและเห็นชอบต่อการทบทวนผลการศึกษาดังกล่าว
แผนการดำเนินงานต่อไป สง่ รายงานทบทวนผลการศึกษาโครงการ ฯ นำเรยี น สนข.เลขานกุ ารท่ีประชุม
คจร. เพอื่ เสนอต่อ คจร. เพอ่ื พิจารณาตอ่ ไป
กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคมพิจารณาความเหมาะสมการขอใช้พื้นที่บริเวณเกาะกลางถนนมิตรภาพ
และ/หรือบริเวณไหล่ทางที่มิใช่ผิวจราจร เท่าที่เพียงพอ และจำเป็นต่อการสร้าง และดำเนินโครงการ ฯ ให้กับ
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเป็นผู้ใช้ประโยชน์ และได้รับสิทธปิ ระโยชนใ์ นการบริหารจัดการในการดำเนินงานตาม
วัตถปุ ระสงค์
สถานการณ์ปัจจุบัน: ตามที่จังหวัดขอนแก่นได้รายงานอธิบดีกรมทางหลวง ให้ทราบมติที่ประชุม คจร.
ครั้งที่ 2.2561 (รายละเอียดมติที่ประชุมตามข้อ 1) หนังสือจังหวัดขอนแก่น ด่วนที่สุด ที่ ขก 0017.2/30935 ลง
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 และได้รับหนังสือตอบกลับจากกรมทางหลวง ที่ คค 06143/12729 ลงวันที่ 17
ธันวาคม 2561 แจ้งวา่ ได้ตรวจสอบและพจิ ารณาแลว้ เห็นควรใหจ้ ังหวัดขอนแก่นดำเนินการยืน่ เร่ืองขออนุญาตกับ
แขวงทางหลวงท่ีรบั ผิดชอบในพนื้ ท่ตี ามระเบยี บของกรมทางหลวง
แผนการดำเนินงานต่อไป ตามที่ KKTS ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พัฒนาบริหารจัดการและดำเนิน
โครงการ ฯ รายละเอียดปรากฏในข้อ 1 แลว้ นน้ั การดำเนนิ งานขนั้ ตอนต่อไปก็คือ KKTS จะเข้าพบแขวงทางหลวง
ทรี่ บั ผิดชอบในพื้นท่ี เพื่อแสดงความพร้อมของการดำเนนิ โครงการ ฯ เจรจาแบบและแผนก่อสร้าง หลงั จากนั้นจะ
ดำเนนิ การย่ืนเร่ืองขออนุญาตตามระเบยี บของกรมทางหลวงต่อไป
กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาการขอใช้พื้นที่ซึ่งปัจจุบันเป็น
ที่ตั้งศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวจังหวัดขอนแก่น ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันเป็นผูใ้ ช้ประโยชน์และได้รับสทิ ธิ
การบรหิ ารจัดการ
ห น้า 3-53 หนา้ 3-53
สถานการณป์ ัจจุบัน: สำนกั งานธนารักษ์พ้ืนท่ีขอนแก่น ไดส้ ่งบนั ทกึ ข้อความ นำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัด
ขอนแก่น ความว่า คณะทำงานด้านการศึกษาแนวทางการขอใช้พื้นที่ ฯ ขอรายงานความก้าวหน้าผลการ
ดำเนินงานด้านศึกษาแนวทางการขอใช้พื้นที่ ฯ โดยมีการประชุมคณะทำงานด้านศึกษาแนวทางการขอใช้พื้นท่ี ฯ
เมื่อวันพุธที่ 3 เมษายน 2562 ซึ่งมติที่ประชุมเห็นชอบ พื้นที่บริเวณบ้านโคกสี อำเภอเมือง เป็นพื้นที่ทดแทน
ศูนย์วิจัยข้าว จังหวัดขอนแก่น และเห็นชอบรายการส่ิงก่อสร้างชดเชยและพืน้ ที่ใชส้ อยตามที่ศูนย์วจิ ัยข้าว จังหวดั
ขอนแก่นเสนอ เพื่อประสานกรมธนารักษ์และกรมการข้าวในการพิจารณาขอใช้พื้นที่บริเวณที่ตั้งศูนย์วิจัยข้าว
จังหวัดขอนแกน่ (เดมิ ) ใหก้ ับองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ เปน็ ผู้ใช้ประโยชน์และไดร้ บั สทิ ธิในการบริหารจัดการตาม
ข้อสั่งการของ คสช. (สำเนาบันทึกข้อความสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ขอนแก่น ส่วนจัดการที่ราชพัสดุ ที่ กค
0311.05/678 ลงวันที่ 11 เมษายน 2562) และจังหวัดขอนแก่นได้รายงานการขอใช้พื้นที่ศูนย์วิจัยข้าวและการ
จดั เตรยี มสง่ มอบพ้นื ทท่ี ดแทนให้กับศูนยว์ ิจยั ข้าวจังหวัดขอนแกน่ นำเรียนอธบิ ดีกรมการข้าว และรายงานใหอ้ ธิบดี
กรมธนารักษ์ทราบ และขอให้กรมธนารักษ์ร่วมกับกรมการข้าว ได้พิจารณาการขอใช้พื้นที่ดังกล่าวให้องค์กร
ปกครองสว่ นท้องถน่ิ ร่วมกนั ใชป้ ระโยชน์
ต่อมากรมธนารักษ์ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 ณ กรมธนารักษ์ ท่ี
ประชุมมีมติให้กรมธนารักษ์แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อทดแทนพื้นที่ศูนย์วิจัยข้าว จังหวัด
ขอนแก่น โดยมีอธิบดีกรมธนารักษ์เป็นประธาน คณะทำงาน ฯ นำโดยอธิบดีกรมธนารักษ์ ได้ลงสำรวจพื้นที่ท่ี
เหมาะสมเพอื่ ทดแทนพนื้ ทีศ่ ูนยว์ ิจัยข้าวเดมิ ทัง้ 3 แปลง ไดแ้ ก่ ท่ีดินสารณะประโยชนบ์ รเิ วณบ้านขาม ที่ดินบรเิ วณ
ตาบลโคกสี และที่ดินเอกชนบริเวณบ้านโต้น เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2562 และการประชุมคณะทำงาน ฯ ครั้งท่ี
1/2562 วันที่ 1 กันยายน 2562 ที่ประชุมมีมติเลือกบริเวณตำบลโคกสี เนื่องจากสภาพดินมีความเหมาะสม มี
แหล่งน้ำอยู่ในเขตพื้นที่รับน้ำชลประทาน ไม่เป็นพื้นที่น้ำท่วมขัง และไปตามความต้องการเดิมของกรมการข้าว
และเห็นชอบให้จัดทำบันทึกข้อตกลง 3 ฝ่าย ประกอบด้วย กรมธนารักษ์ กรมการข้าว และเทศบาลทั้ง 5 ภายใน
เดือนกันยายน 2562 เพื่อเทศบาลทั้ง 5 จะได้นำไปประกอบการเจรจาหรือตกลงการซ้ือที่ดินให้บรรลุวัตถุประสงค์
โครงการ ฯ ต่อไป ขณะนี้อยูร่ ะหว่างรอการพจิ ารณาลงนาม MOU ดงั กล่าวจากกรมการข้าว
ปัญหา/อุปสรรคการดำเนินงานตามข้อ 3: การพิจารณาการแลกเปลี่ยนที่ดินกับศูนย์วิจัยข้าว จังหวัด
ขอนแก่นได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 เมื่อหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้อนุมัติหลักการโครงการ
ปัจจุบันคณะกรรมการสนับสนุนโครงการ ฯ จังหวัดขอนแก่นได้ดำเนินการมากว่า 3 ปี จนได้ข้อยุติในการ
แลกเปลี่ยน อกี ทงั้ ทางกรมการขา้ วไดร้ ายงานหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกจิ คณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ ด่วนท่ีสุด ท่ี กษ
2605.4838 ลงวนั ที่ 13 ธนั วาคม 2560 เพื่อกรุณาทราบแล้ววา่ ไม่ขัดขอ้ งในหลักการแลกเปลี่ยนพ้นื ที่โดยขอสงวน
ทดี่ นิ ไว้ 20 ไร่ เพือ่ กิจการของกรมการข้าว แต่ยังไมไ่ ด้รับการพิจารณาลงนามในการแลกเปลย่ี น
หนา้ 3-54
หนา้ 3-54
แผนการดำเนนิ งานต่อไป ติดตามการพจิ ารณาบนั ทกึ ขอ้ ตกลงจากกรมการขา้ ว
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาการขออนมุ ัติใหเ้ ทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลเมอื งศลิ า เทศบาลตำบลเมือง
เก่า เทศบาลตำบลสำราญ และเทศบาลตำบลท่าพระ ร่วมกันจัดตั้งบริษัทจากัดขึ้นเพื่อดำเนินการโครงการ ฯ
บริหารจัดการและเก็บรายได้จากโครงการ ฯ ต่อไป และให้บริษัทจำกัดนี้ สามารถดำเนินการระดมทุนในตลาด
หลักทรัพย์ในลักษณะกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือในรูปแบบต่าง ๆ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรับรอง
หรือโดยการร่วมทุนกับภาคเอกชน เพื่อดำเนินการโครงการ ฯ เป็นการเฉพาะกิจ (เช่น การเข้าร่วมค้า หรือร่วม
ดำเนินธุรกิจ) หรือโดยแสวงหาเงินกู้ หรือเงินสนับสนุนในรูปแบบต่าง ๆ อันไม่ก่อให้เกิดภาระการค้าประกัน หรือ
ภาระทางการเงินของรัฐบาล
สถานการณ์ปัจจุบัน: ในส่วนรูปแบบการลงทุนในโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบรางเบาสาย
เหนือ-ใต้ ต้นแบบในเมืองภูมิภาคจังหวัดขอนแก่นนั้น จังหวัดขอนแก่น ให้จัดทำข้อสรุปลักษณะและหลักการของ
โครงการ ฯ เพื่อชี้แจง สคร. ให้ทราบและยืนยนั เจตนารมณ์ของโครงการ ฯ ไม่เข้าข่ายรูปแบบการรว่ มทุนระหว่าง
รฐั และเอกชน (Public-Private Partnership : PPP) ตามพระราชบญั ญตั ิการให้เอกชนร่วมลงทุนในกจิ การของรัฐ
พ.ศ.2556 และมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) และ สคร.ได้รับ
ทราบแนวทางดังกล่าวแล้ว ยืนยันความเห็นเดิมว่า KKTS เป็นรัฐวิสาหกิจตามที่ พ.ร.บ. การร่วมลงทุนฯ ปี
2562 กำหนด (หนังสือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่ กค 0820.2/5628 ลงวันที่ 16 ตุลาคม
2562)
ปญั หา/อปุ สรรคการดำเนนิ งาน การตคี วามสถานะของ KKTS ในแต่ละพระราชบัญญัตทิ ่ไี ม่ตรงกนั
แผนการดำเนินงานขั้นตอนต่อไป: ที่ประชุมคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ ฯ ครั้งที่ 1
ปีงบประมาณ 2562 มีมติให้จังหวัดขอนแก่น ส่งหนังสือหารอื ไปยังคณะกรรมการกฤษฎกี า เพื่อยืนยันสถานะของ
KKTS
ขออนุมัติหลักการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเจ้าของโครงการ ฯ ดังกล่าวข้างต้น เพื่อดำเนินการ
เก่ียวกบั การขอสทิ ธกิ ารดำเนนิ งานโครงการ ฯ รวมถึงสทิ ธิประโยชนจ์ ากการสง่ เสรมิ การลงทนุ ตาม พระราชบัญญัติ
สง่ เสริมการลงทนุ ฯ ให้กบั บริษทั ฯ หรือองค์กร
สถานการณ์ปัจจุบัน: จังหวัดขอนแก่นได้รายงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทราบรูปแบบ
การดำเนินโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบรางเบาสายเหนือ-ใต้ ต้นแบบในเมอื งภูมิภาคจังหวัดขอนแก่น
ไม่เข้าข่ายอยู่ภายใต้บังคับ พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 และไม่เข้าข่ายการให้
สัมปทานแก่เอกชนในการดาเนินโครงการ ฯ และ BOI แจ้งให้ KKTS ทราบว่าสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมการ
ห น้า 3-55 หน้า 3-55
ลงทุนได้โดยไม่ต้องดำเนินการขั้นตอนและหลักเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่ได้รับสัมปทานที่เอกชน
ดำเนนิ การ ตามประกาศคณะกรรมการสง่ เสรมิ การลงทนุ ที่ 2/2557 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557
แผนการดำเนินงานขั้นตอนต่อไป: KKTS ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พัฒนาบริหารจัดการและดำเนิน
โครงการ ฯ รายละเอียดปรากฏในข้อ 1 และหากขอใช้พื้นที่ศูนย์วิจยั ข้าว จังหวัดขอนแก่น และขอใช้พื้นที่บริเวณ
เกาะกลาง และ/หรือบริเวณไหล่ทาง ของถนนมิตรภาพได้แล้วนั้น การดำเนินงานขั้นตอนต่อไป KKTS ยื่นเรื่อง
ขอรบั การสง่ เสริมการลงทนุ หรือการระดมทนุ ทงั้ จากสถาบันการเงนิ ภายในประเทศและภายนอกประเทศต่อไป
บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (Khon Kaen Thiank Tank: KKTT) บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง หรือ
KKTT เป็นอกี หนงึ่ องคก์ รท่ีเกดิ ข้ึนจากความร่วมมือ (collaboration) ของภาคเอกชนในพื้นทจี่ ังหวดั ขอนแกน่ โดย
มีกลุ่มนักธุรกิจเอกชนท้องถิ่นชั้นนำเป็นตัวนำสำคัญ (private-led approach) ในการบริหารจัดการบริษัท
ขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) น้ี โดยก่อนทจ่ี ะมกี ารจดั ตั้งบริษัทขอนแก่นพฒั นาเมือง (KKTT) อยา่ งเป็นทางการใน
ปี พ.ศ.2556 ได้มีการเคลื่อนไหวของภาคธุรกิจเอกชนในเมืองขอนแก่นที่เกิดความตระหนักว่า จังหวัดขอนแก่นมี
การเติบโตและการลงทุนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ยังประสบกับปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ
คมนาคมขนสง่ และการพัฒนาพื้นทเี่ ชงิ พาณิชยข์ องเมืองให้มีความเหมาะสม ดว้ ยเหตนุ ี้ จงึ เกิดการรวมกลุ่มกันของ
นักธุรกิจชัน้ นำท้องถ่ินในเมืองขอนแกน่ ข้นึ เพื่อระดมทนุ สำหรบั นำมาใช้จดทะเบยี นจัดต้ังเป็นบริษัท กระท่ังในทีส่ ุด
เกิดการระดมทุนของกลุ่มนักธุรกิจรวมทั้งหมด 20 บริษัทในเมืองขอนแก่นสามารถระดมทุนจดทะเบียนจัดตั้ง
บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ได้จำนวน 200 ล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) ตลาด
จอมพล ขอนแก่น ภัตาคารบัวหลวง โตโยต้าขอนแก่น โรงสีข้าวชัยมงคล บริษัทขอนแก่นแหอวน ศูนย์การค้าแฟรี่
พลาซ่า ไทยพิพัฒน์ ฮาร์ดแวร์ วราสิริ ตลาดต้นตาลวราสิริ ห้างขายยาท่งจี่ตึ้ง โตโยต้า แก่นนคร บริษัทรวมทวี
ขอนแก่น พิมานกรุ๊ป บริษัททุนแหลมทองจำกัด โรงแรมราชาวดี บริษัท สยามนครขอนแก่น จำกัด รศ.ดร.รีวี
หาญเผชิญ ชมรมทนายความจังหวัดขอนแก่น (นายปิยบุตร พรหมลักขโณ) โรงแรมโฆษะ โดยเป้าหมายหลักของ
การจดั ต้ังบรษิ ทั ขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) มีเปา้ หมายเพื่อพฒั นาโครงสร้างพ้ืนฐานของจงั หวดั รวมถึงออกแบบ
และพัฒนานโยบายเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองและยกระดับขีดคว ามสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของ
จังหวัดขอนแก่นในรูปแบบต่าง ๆ หนุนเสริมการทำงานของภาครัฐ ซึ่งบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ยังมี
สว่ นสำคัญอย่างมากตอ่ การผลักดนั โครงการก่อสร้างระบบขนสง่ มวลชนรถไฟฟ้ารางเบาสายสแี ดง (LRT) ในจงั หวัด
ขอนแก่น ระบบขนส่งสาธารณะ Khon Kaen City Bus การก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ
ขอนแกน่ (ไคซ์) รวมถึงการพัฒนาระบบแอพพลิเคชัน่ เพ่ือให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่คนในเมืองด้านต่าง
ๆ เช่น การพัฒนาแอพ YUSAI (อยู่ไส ซึ่งเป็นภาษาอีสาน หมายถึง อยู่ที่ไหน) สำหรับใช้กับระบบขนส่งสองแถวที่
ให้บริการในจงั หวดั ขอนแกน่ ทั้ง 18 สาย เปน็ ต้น
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าบทบาทของบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนการ
พัฒนาเมืองขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะอย่างมาก ทั้งในเชิงนโยบายและการระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนา
เมืองร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐ (shared resources) ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นทั้งหน่วยงานส่วนภูมิภาค
หน้า 3-56
หน้า 3-56
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนพัฒนาเมืองที่นำไปใช้จดทะเบียน
จัดตั้งบริษัทสำหรับนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองขอนแก่นในมิติต่าง ๆ และที่สำคัญไปกว่านั้น บริษัท
ขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ยังได้ระดมทรัพยากรและเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา
และภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อมาขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองขอนแก่นร่วมกันให้ถูกทิศถูกทาง
ด้วย ได้แก่ กลุ่มธุรกิจท้องถิ่น 20 บริษัท กลุ่มแปดองค์กรเศรษฐกิจขอนแก่น มูลนิธิขอนแก่นทศวรรษหน้า กลุ่ม
24 องคก์ รจนี ขอนแกน่ จงั หวัดขอนแกน่ เทศบาลเมอื งศิลา เทศบาลตำบลทา่ พระ เทศบาลตำบลสำราญ เทศบาล
เมืองเมืองเก่า เทศบาลตำบลในเมือง องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น และมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ดงั รายละเอยี ดปรากฏในรูปภาพที่ 3-12
แผนภาพที่ 3-12 องค์กรเครือข่ายที่ทำงานร่วมกบั บริษัทขอนแกน่ พฒั นาเมือง (KKTT)
ทีม่ าภาพ: บรษิ ทั ขอนแกน่ พฒั นาเมอื ง
ห น้า 3-57 หนา้ 3-57
นอกจากนี้ บรษิ ทั ขอนแกน่ พัฒนาเมอื ง (KKTT) ยงั เปน็ อีกหนึง่ องค์กรที่มีส่วนสำคัญต่อการขับเคล่ือนเพ่ือ
พัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะขอนแก่น โดยนอกจากภารกิจ การระดมทรัพยากร และการผลักดันโครงการพัฒนา
เมืองทั้งของภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนเพื่อพัฒนาเมืองขอนแก่นในประเด็นต่าง ๆ แล้ว บริษัท
ขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ยังได้ทำหน้าที่เป็นคณะทำงานหลักเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (smart city) ของ
จังหวัดขอนแก่น ตามคำสั่งจังหวัดขอนแก่น ที่ 5645/2560 ด้วย โดยทำหน้าที่รับผิดชอบเป็นคณะทำงานหลัก
ระดับจังหวัดเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นในคณะทำงานทั้ง 7 ชุด โดยในส่วนบทบาทการ
ทำงานของบริษัทขอนแกน่ พัฒนาเมือง (KKTT) มีโครงการสำคัญ ๆ ท่ไี ด้ดำเนนิ การไปแลว้ และกำลังขับเคล่ือนอยู่
เช่น โครงการแทรมน้อยจากญี่ปุ่นสู่ขอนแก่น รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจศรีจันทร์
สร้างสรรค์ เป็นตน้
หอ้ งทดลองด้วยของจริง “ระบบราง”
ภายใต้แผนการขับเคล่ือนพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น ทน่ี ำโดยบริษทั ขอนแกน่ พัฒนาเมือง (KKTT) และ
ภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้ทำความร่วมมือกับบริษัท ฮิโรชิมา เดนเทะซึ โบกี้ (Hiroshima Dentetsu) กระทั่งนำมาสู่
การบรจิ าคแทรมน้อย หรือรถไฟแทรม (tramp) ของบรษิ ทั ฮิโรชมิ า เดนเทะซึ โบก้ี (Hiroshima Dentetsu) ผ่าน
เทศบาลนครฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่นให้กับเทศบาลนครขอนแก่น ในช่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา
สำหรับใช้ในโครงการพัฒนาทดลองระบบรางและต้นแบบรถแทรมขนาดเท่าของจริง ภายใต้ความร่วมมือของ
จังหวัดขอนแก่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลเมืองศิลา เทศบาลตำบลท่าพระ เทศบาลเมืองเมืองเก่า เทศบาลตำบลสำราญ
มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น มหาวิทยาลัยขอนแกน่ บริษัท ขอนแก่น ทรานซิท ซิสเต็ม จำกดั
(KKTS) และบริษัท ขอนแก่นพัฒนาเมือง (เคเคทีที) จำกัด โดยรถแทรมน้อยที่ได้รับบริจาคมานี้ ไม่ได้นำมาใช้ทำ
ระบบรางเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร แต่มีเป้าหมายเพื่อใช้รองรับการเรียนการสอน “หลักสูตรระบบราง” ของกลุ่ม
มหาวิทยาลัยในจังหวดั ขอนแก่น เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในระบบขนส่งทางราง สร้างความตระหนัก
ให้แก่ชาวขอนแกน่ ต่อการใช้ระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟรางเบา เป็นตน้
“กล่มุ ศรีจันทร์คลบั ” กบั พัฒนาย่านเมืองเก่า “ศรีจนั ทร์ สรา้ งสรรค”์
เกิดขึ้นมาภายใต้แผนขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ ตามแผนพัฒนาของ
จังหวัดขอนแก่นและเทศบาลนครขอนแก่น ร่วมกับองค์กรภาคประชาสงั คม เอกชน รวมถึงบริษทั ขอนแกน่ พัฒนา
เมืองด้วย ซึ่งได้ดำเนนิ การมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2559 โดยเริ่มทำการศึกษาวิจัยเชิงปฏิบตั กิ ารแบบมีสว่ นร่วม แบ่งเปน็
3 ระยะ ซึ่งได้นำผลจากการศึกษา ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 นำเสนอจัดทำเวทีสาธารณะ จำนวน 8 เวที มี
ผู้เข้าร่วมจากหลากหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มพนักงานและผู้ปฏิบัติงานในเทศบาลนครขอนแก่น กุล่มชุมชนและ
อาสาสมคั รเมืองขอนแก่น กลุ่มคนร่นุ ใหมแ่ ละผนู้ ำการเปล่ียนแปลง กลมุ่ ผปู้ ฏบิ ตั ิงานในภาครัฐและท้องถิน่ กลุ่มนัก
ธุรกิจเอกชน กลุ่มปัญจมิตร กลุ่มนักศึกษา เยาวชน กลุ่มนักวิชาการนักกฎหมาย สื่อมวลชน NGO กลุ่มผู้บริหาร
เมือง รวมจำนวน 773 คน ซึ่งได้ผลลัพธ์เป็น 43 นวัตกรรมการพัฒนาเมือง และได้นำเข้าเวทีคัดกรองและ
สังเคราะห์โดยผู้บริหารได้ผลลัพธ์ 4 โครงการนำร่อง นำเสนอต่อเวทีสภาเมือง (Khon Kaen’s Citizen Council)
เพื่อให้ประชาชนกว่า 573 คน ร่วมกันพิจารณา จากการประชุมสภาเมือง มีการลงฉันทามติเห็นชอบต่อโครงการ
หนา้ 3-58
หน้า 3-58
นำร่อง คือ “โครงการ สุขซูมื่อ คือขอนแก่น เมืองสร้างสรรค์” และได้อาสาสมัครอัจฉริยะ (อาสาสมาร์ท) มาร่วม
ขับเคลื่อนพัฒนาเมือง จำนวน 303 คน และจากการศึกษาวิจัย ฯ ในระยะที่ 3 ซึ่งมุ่งเน้นศึกษาการใช้พื้นท่ี
ธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (แห่งเดิม) และบริเวณที่อยู่อาศัยโดยรอบซึ่งรวมพื้นท่ี
ย่านศรีจันทร์ เกิดกิจกรรม ต่าง ๆ มากมาย เช่น การเดินฟังเมือง กิจกรรม โฮมบุญกินข้าว และกิจกรรมสัมมนา
เพื่อพัฒนาพื้นที่ย่านใจกลางเมือง จนนำไปสู่การรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาย่านสร้างสรรค์ ศรีจันทร์ โดยเฉพาะ เกิดเป็น
องค์กรภาคประชาสังคมใหม่อีกหนึ่งองค์กรเพื่อร่วมกันพัฒนาเมืองขอนแก่นขึ้นมา นั่นก็คือ “กลุ่มศรีจันทร์คลับ
(Srichan Club)” ที่มีเป้าหมายเพื่อทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจย่านเมืองเก่าใจกลางเมือง
ขอนแก่น หรือย่านศรจี นั ทร์ น่ันเอง โดยภาคีเครอื ขา่ ยท่ีทำงานใน “กลมุ่ ศรจี ันทร์คลับ” น้ี ประกอบด้วย 7 องค์กร
หลัก ได้แก่ เทศบาลนครขอนแก่น กรมธนารักษ์ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)
(Creative Economic Agency: CEA) มหาวิทยาลัยขอนแก่น กลุ่มสถาปนิก HD บริษัทมิตรผล และบริษัท
ขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) องค์กรต่าง ๆ เหล่านี้ ได้มีการร่วมมือกันขับเคลื่อนการพัฒนาย่านเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์ (creative economy) ในเขตเมืองขอนแก่น เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุลระหว่างย่านเมือง
ขอนแกน่ เก่ากบั ความเป็นสมัยใหมใ่ นปัจจุบัน
องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น (local government)
นอกเหนอื จากองค์ท่ีจัดตง้ั ขนึ้ มาภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมในพ้ืนที่
จงั หวัดขอนแก่น หน่วยงานอกี ประเภทหน่งึ ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาขอนแก่นให้กลายเป็นเมือง
อัจฉรยิ ะอีกหนง่ึ รูปแบบ ก็คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ในเมืองขอนแกน่ ซึ่งหลกั ๆ แลว้ ประกอบด้วย องค์การ
บริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลเมืองศิลา เทศบาลเมืองเมืองเก่า เทศบาลตำบล
สำราญ เทศบาลตำบลท่าพระ ซึ่งกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตเมืองขอนแก่นเหล่านี้ ถือเป็นกลุ่มผู้นำ
ท้องถิ่นที่บุกเบิกหรือริเริ่มขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเมืองผ่านการผลักดันการก่อสร้างระบบขนส่งรถไฟฟ้ารางเบา
(LRT) ในจังหวัดขอนแก่น และยังมีแผนพัฒนาท้องถิ่นที่บูรณาการกับแผนพัฒนาจังหวัดเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา
ท้องถิ่นของตนเองให้มีความอัจฉริยะในด้านต่าง ๆ ด้วย โดยสามารถจัดแบ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีส่วน
ผลกั ดนั การพัฒนาขอนแกน่ ให้กลายเปน็ เมอื งอจั ฉริยะได้เป็น 2 กลมุ่ คอื
กลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผลักดันระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ (Khon Kaen’s smart
mobility) หรือ กลุ่ม 5 เทศบาลในเขตเมือง ประกอบด้วย เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลเมืองศิลา เทศบาล
เมืองเมืองเก่า เทศบาลตำบลสำราญ เทศบาลตำบลท่าพระ ซึ่งอย่างที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วว่า บริษัท
ขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง 5
เทศบาลข้างต้น ภายใต้พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 ได้รับมอบหมายจากจังหวัดขอนแก่น ให้เป็น
ผู้รับผิดชอบและบริหารจัดการโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาสายสีแดงนำร่อง (สำราญ-ท่าพระ) โดยถือเป็น
บริษัทจำกัดของ 5 เทศบาล ที่มีพันธกิจหลักต่อการขบั เคล่ือนโครงการพัฒนาระบบขนสง่ มวลชนอัจฉริยะ (smart
mobility) ตามแผนพัฒนาเมืองขอนแก่นอัจฉริยะโดยตรง (Khon Kaen Smart City) ซึ่งกว่าทีเ่ ทศบาลทัง้ 5 แห่ง
ในเขตเมืองจะสามารถจัดตั้งบริษัทจำกัดนี้ขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ในจังหวัด
ห น้า 3-59 หน้า 3-59
ขอนแก่นได้นั้น มีความยากลำบากและความทา้ ทายเกดิ ข้ึนมากมาย เนื่องจากเป็นบริษัทแห่งแรกของประเทศไทย
ที่เกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นทางด้านกฎหมายและขอบเขตอำนาจหน้าที่ใน
การก่อสร้างระบบขนส่งรถไฟฟ้ารางเบาของเทศบาล อย่างไรก็ตาม ด้วยความพยายามและความร่วมไม้ร่วมมือ
ระหว่างเทศบาลทั้ง 5 แห่ง ที่ตั้งใจจะขับเคลือ่ นการพัฒนาระบบขนสง่ และพื้นที่เชงิ พาณิชย์ในเมืองขอนแกน่ อยา่ ง
จริงจัง จึงทำให้ในที่สุดเกิดการจัดตั้งบริษัทจำกัด (KKTS) นี้ขึ้นมา เพื่อรับผิดชอบงานพัฒนาระบบขนส่งมวลชน
อจั ฉริยะของเมอื งขอนแก่นโดยเฉพาะ นอกจากนี้ บริษทั ขอนแกน่ ทรานซทิ ซสิ เต็ม (KKTS) และเทศบาลทั้ง 5 แห่ง
นี้ ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะทำงานด้านการขับเคลื่อนการคมนาคมขนส่งสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ (smart
mobility) ระดับจังหวัด ตามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาเมืองอัจฉริยะของจังหวัดขอนแก่นด้วย (ขั้นตอนการ
จดั ตง้ั บรษิ ทั จำกดั ของเทศบาลดูในคู่มือการพัฒนาเมืองในภาคผนวก)
กลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผลักดันการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้ครอบคลุมทั้งจังหวัดขอนแก่น
(Smart Province) นั่นก็คือ องค์การบริหารส่วนจังหวดั ขอนแก่น โดยในช่วงเดอื นเมษายน พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา
องค์การบริหารส่วนจังหวดั ขอนแก่นร่วมกบั มูลนิธิชุมชนขอนแก่นทศวรรษหน้า ภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ วิชาการ
ภาคประชาสังคม องค์กรชุมชน ในจงั หวดั ขอนแกน่ ไดร้ ว่ มกันจัดประชุมใหญ่สมชั ชาจงั หวดั ทำการระดมความเห็น
จากภาคสว่ นต่าง ๆ ทกุ อำเภอในพืน้ ท่จี ังหวัดขอนแกน่ รวม 26 อำเภอ เพือ่ ร่วมกนั จดั ทำแผนยุทธศาสตร์ขอนแก่น
“จังหวัดอัจฉริยะ (Smart Province)” ขึ้น ภายใต้โครงการบูรณาการดา้ นการวางแผนพัฒนาท้องถิ่นระหว่างภาคี
เครือข่ายขององค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแกน่ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ภายในจังหวัดขอนแก่นได้ใช้
เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนและยุทธ์ศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่นของตนเองทุกตำบลในจังหวัดขอนแก่น ให้
สอดคล้องต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด ไม่ใช่
เพียงแตเ่ ฉพาะในเขตเมอื งขอนแกน่ เท่าน้ัน เพราะโครงการพฒั นาขอนแก่นสมาร์ทชิต้ี เฟส 1 ทีไ่ ดร้ ับความเหน็ ชอบ
จากนายกรัฐมนตรี ในปี 2559 อนุมัติหลักการโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะและการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชน
รถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ในช่วงแรกจนนำมาส่กู ารจดั ต้ังบริษทั ขอนแกน่ ทรานซิท ซิสเตม็ (KKTS) นน้ั เนน้ การพัฒนา
เมืองอัจฉริยะ (smart city) ในเขตเมืองขอนแก่นเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอในจังหวัดขอนแก่น
ด้วยเหตุนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นมองว่าแนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นเป็นแนวคิดที่มี
ประโยชน์ จึงเห็นควรน่าจะยกระดับขับเคลื่อนขอนแก่นสมาร์ทชิตี้ให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด จึงได้ผลักดันให้มีการ
จดั ทำยทุ ธศาสตร์ขอนแก่น “จงั หวัดอัจฉรยิ ะ (Smart Province)” ขนึ้ มาในปี 2562 สอดคล้องกบั ยุทธศาสตร์ชาติ
20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนแม่บทการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น และแผนพัฒนา
จังหวัดขอนแก่น ตามความต้องการของประชาชนในจังหวดั ขอนแก่นด้วย
สถาบนั ภาคประชาสังคม (civil society institution)
นอกเหนือจากศักยภาพและจิตวิญญาณของนักธุรกิจท้องถิ่นในขอนแก่นที่ตอ้ งการจะพัฒนาบ้านเกิดของ
ตนเองในมิติต่าง ๆ แล้ว จังหวัดขอนแก่น มีทรัพยากรชิ้นสำคัญอีกหนึ่งชิ้น นั่นก็คือ ความเข้มแข็งขององค์กรภาค
ประชาสังคมต่าง ๆ (civil society) ที่มีอยู่ภายในจังหวัด ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการขับเคลื่อนผลักดัน
นโยบายพัฒนาขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ ประกอบด้วยองค์กรหลัก ๆ 3 องค์กร ได้แก่ กลุ่มปัญจมิตร
หน้า 3-60
หนา้ 3-60
กลุ่มแปดองค์กรเศรษฐกิจ และมูลนิธิชุมชนขอนแก่นทศวรรษหน้า โดย กลุ่มปัญจมิตร ถือเป็นกลุ่มภาคประชา
สังคมกลุ่มแรกที่นำโดยกลุ่มพ่อค้า นักธุรกิจท้องถิ่นในเมืองขอนแก่นได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2545 เพื่อ
พัฒนาเมืองขอนแก่นในด้านต่าง ๆ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างหอการค้าจังหวัดขอนแก่น สภาอุตสาหกรรม
จังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น และสภาทนายความจังหวัดขอนแก่น มี
โครงการพัฒนาเมืองสำคัญ ๆ เช่น ถนนคนเดินขอนแก่น โครงการขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ เป็นต้น รวมถึงมี
การสาธารณประโยชน์อีกมากมาย อาทิ การจัดทำแผนแม่บท สร้างพิพิธภัณฑ์เมืองขอนแก่น การจัดหา
ทุนการศึกษาให้กับนักเรียนด้อยโอกาส โครงการ 999... วันขอนแก่นรักษ์โลก รักในหลวง (999...Khon Kaen
Green Day) เป็นต้น ส่วนกลุ่มแปดองค์กรเศรษฐกิจขอนแก่น เกิดขึ้นมาในช่วงปี พ.ศ. 2549 ประกอบด้วย
หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวขอนแก่น ชมรมธนาคารขอนแก่น ธนาคาร
แห่งประเทศไทย ศษิ ย์เกา่ เอ็มบเี อ คณะวทิ ยาการจัดการ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น และกล่มุ วิสาหกจิ ขนาดกลางและ
ขนาดย่อม ซึ่งมีการนำเอาภาควิชาการและกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว และการเงินเข้ามาทำงานพัฒนาเมืองขอนแก่น
รว่ มกนั
สำหรับมูลนิธิชุมชนขอนแก่นทศวรรษหน้า (Khon Kaen Community for the Future Foundation)
แม้จะเป็นองค์กรภาคประชาสังคมที่จัดตั้งมาในช่วงปี พ.ศ.2558 แต่ก็มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการระดม
ทรัพยากรและประสานเครือข่ายเพ่ือก่อให้เกดิ การทำงานร่วมกันของภาคสว่ นต่าง ๆ ภายในจังหวัดขอนแก่นอย่าง
บูรณาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำสมัชชาใหญ่จังหวัดของภาคพลเมือง รวมถึงการประสานความร่วมมือกับ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์ “ขอนแก่นจังหวัดอัจฉริยะ (smart province)” ร่วมกับ
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ในการขยายแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้ครอบคลุมทั้งจังหวัดขอนแก่น เป็น
ตน้ โดยได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งมูลจัดต้ังมลู นธิ ิชมุ ชนขอนแก่นทศวรรษหน้า (Khon Kaen Community for the
Future Foundation) อย่างเป็นทางการ ภายใต้เป้าหมายหลัก ๆ ก็เพื่อให้มูลนิธิ 1.) ทำหน้าที่ในการส่งเสริมและ
ประสานความร่วมมอื กบั ภาครฐั องค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ องค์กรเอกชน ภาคประชาสงั คม องค์กรพัฒนาเอกชน
และองค์กรชุมชน ในการพัฒนาจังหวัดขอนแก่นแบบมีส่วนร่วมอย่างบูรณาการ 2.) ดำเนินการส่งเสริมและ
สนบั สนุนหรือประสานให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และการขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาจังหวัดขอนแก่นแบบมีส่วนร่วม
อย่างบูรณาการ 3.) ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมด้านการศึกษาและ
วัฒนธรรม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4.) ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมใน
การดำเนนิ กิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ ทว่ั ไปหรอื รว่ มกับหน่วยงานหรือองค์กรการกุศลอน่ื ๆ รวมถึงการจัดทำ
ส่ือสาธารณะและสือ่ ชุมชน เปน็ ตน้
สถาบันการศึกษา (educational institution)
สถาบันการศึกษาภายในพื้นที่ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนพัฒนาเมืองขอนแก่นให้กลายเป็นเมือง
อจั ฉริยะ (Khon Kaen Smart City) หลัก ๆ แล้ว ประกอบด้วย 2 มหาวทิ ยาลยั ไดแ้ ก่ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ และ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ซึ่งถือเป็นสถาบันการศึกษาชั้นในในพื้นที่จังหวัด
ขอนแก่นที่ได้ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาความเป็นอัจฉริยะ (smartness) ของเมืองในด้านต่าง ๆ อย่างจริงจัง
ห นา้ 3-61 หน้า 3-61
โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่ีนอกจากจะเป็นหนง่ึ ในคณะทำงานพัฒนาเมืองอจั ฉริยะขอนแก่นระดับ
จังหวัดแล้ว ยังได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มีส่วนผลักดันให้แผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นเกิดความก้าวหน้า
อย่างเป็นรูปธรรมด้วย มีการจัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนา KKU Smart City ซึ่งได้มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่สามารถ
ตอบโจทย์การใชช้ วี ิตของประชาชนในจังหวดั ขอนแก่น ส่งเสรมิ การพัฒนาเศรษฐกจิ การใชช้ วี ิต และการท่องเท่ียว
ในเมืองขอนแก่น โดยรวบรวมแอพพลิเคชั่นอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไว้ในแอพ “แก่น” หรือ “KAN: Khon
Kaen Smart City Mobile Application for New Innovation หรือในตัวระบบที่ดาวน์โหลดด้วย iOs และ
Android จะใช้ช่ือว่า “KK Smart City” โดยมีความสามารถหลัก ๆ (features) ประกอบไปด้วย
1.) Smart Mobility มีระบบ Smart Parking หรือจุดจอดรถอัจฉริยะ ที่สามารถบอกสถานะได้
วา่ สถานท่จี อดรถทม่ี ีการวางระบบเซน็ เซอรจ์ ุดจอดนน้ั ว่างพร้อมจอดหรอื ไม่ นอกจากนี้ ยงั ไดร้ วมเอาแอพพลเิ คช่ัน
KKU Smart Transit และ Khon Kaen City Bus ซึง่ เปน็ ระบบขนส่งรถโดยสารสาธารณะในมหาวทิ ยาลัยขอนแก่น
และรถโดยสารสาธารณะรอบเมืองขอนแก่นมารวมไว้ในที่เดียวเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้ใช้ชีวิต
อย่างอจั ฉรยิ ะ (smart living) ด้วย
2.) ภายในแอพพลิเคชั่น KK Smart City ดังกล่าว ยังมีระบบ Smart Living ที่ประชาชน
สามารถเช็ค Drone และกล้อง CCTV ที่ติดตั้งไว้รอบเมืองขอนแก่นได้ตลอดเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจเช็คและเข้าถึงจุดเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wi-Fi) ที่มีอยู่ทั่วเมือง
ขอนแก่นได้ด้วย ตลอดจน ในแอพพลิเคชั่นดังกล่าวนี้ ยังมีระบบ “Emergency” ที่ประชาชนสามารถแจ้งเหตุ
ฉุกเฉิน หรือในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ประกอบด้วย การแจ้งเหตุอุบัติเหตุ
ฉุกเฉนิ แจง้ เหตเุ พลิงไหม้ แจง้ ตำรวจ และเรยี กรถพยาบาลฉุกเฉนิ ซง่ึ จะมรี ะบบการติดต่อกบั สถานีดับเพลงิ สถานี
ตำรวจ โรงพยาบาล และหน่วยงานท่เี ก่ยี วขอ้ งใกลเ้ คยี งโดยรวดเร็ว
3.) นอกเหนือจากสองประเด็นข้างต้นแล้ว ในแอพพลิเคชั่น KK Smart City ยังมีระบบ Smart
Environment ที่มีไว้สำหรับแจ้งเตือนระดับฝุ่นละอองขนสดเล็ก PM 2.5 และมลพิษทางอากาศได้อย่างทันท่วงที
แสดงจุดเสี่ยงและจุดปลอดภัยทั่วเมืองขอนแก่น รวมถึง Smart Solar Farm, Net Zero Energy Building, E-
Waste Smart Bin รักษ์โลกด้วยการจำแนกและจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยระบบ NB-IoT ตลอดจนมีระบบ
Smart Trash “ถังขยะอัจฉริยะ” ที่สามารถบอกสถานะความจุ ปริมาณที่บรรจุขยะ ณ ปัจจุบัน หรือแม้กระทั่ง
กลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ได้ นอกจากนี้ ยังมีระบบจุดเสี่ยงและแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมด้วยแอปพลิเคชัน “Water
Situation” ซึ่งสามารถบอกได้ว่าระดับน้ำในบ่อเก็บน้ำแต่ละแห่งของเมือง มีระดับน้ำมากน้อยเพียงใด ปริมาณ
น้ำฝน รวมถึงความเสย่ี งต่อการเกิดนำ้ ท่วมในพืน้ ทโี่ ดยรอบดว้ ย
4.) ภายในแอพพลิเคชั่น KK Smart City ที่พัฒนาขึ้นมายังมีระบบที่คลอบคลุมประเด็น Smart
Government ด้วย โดยมีระบบการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐภายในเมืองขอนแก่น ช่วยในการเปิดเผยข้อมูลและ
เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของรัฐ ประเพณีหรือกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในเมืองโดยสร้างฐานข้อมูลใหม่
ประยกุ ต์กับฐานขอ้ มูลเดิม (big data) นอกจากนี้ ยงั มรี ะบบ “Complaints” ทีป่ ระชาชนในพนื้ ที่จังหวัดขอนแก่น
หน้า 3-62
หน้า 3-62
สามารถรอ้ งเรียน ร้องทุกข์ ประเด็นปญั หาตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขึน้ ต่อหนว่ ยงานภาครฐั ในพน้ื ท่ีจงั หวัดขอนแก่นได้ โดยจะมี
ระบบให้เลือกชื่อหน่วยงานที่จะร้องเรียน ประเภทการร้องเรียน อัพโหลดภาพที่เกี่ยวข้อง หรือตำแหน่งบนแผนที่
เปน็ ต้น
อยา่ งไรก็ตาม นอกเหนือจากนวตั กรรมท่ีพัฒนาขนึ้ มาโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกบั หน่วยงานภาครัฐ
ในพื้นที่แล้ว โครงการใหญ่ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการผลักดันโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น (Khon
Kane Smart City) ที่นำโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ นั่นก็คือ การพัฒนา “Khon Kaen
Smart Health and Medical Hub” เพื่อผลักดันให้จังหวัดขอนแก่นกลายเป็นสถานที่ทดสอบและส่งเสริม
นวตั กรรมดจิ ทิ ัลสุขภาพ ภายใตช้ ื่อโครงการส่งเสริมสนับสนนุ การพัฒนาดิจิทัลและนวัตกรรม เพื่อบริการด้านการ
สุขภาพและการแพทย์ ขอนแก่นโมเดล “SMART LIVING LAB” (Smart Health and Medical Hub) โดย
เกดิ ข้นึ ภายใต้ความรว่ มมือหลัก ๆ ระหว่างมหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น นำโดยคณะแพทย์ศาสตร์ และสำนักงานส่งเสริม
เศรษฐกิจดิจทิ ลั (DEPA) กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม และหนว่ ยงานอ่ืน ๆ อกี 12 หน่วยงาน โดยได้มี
การพัฒาระบบ smart ambulance, health information exchange, และ preventative healthcare service
มาใช้ โดยบรู ณาการระบบ big data analysis และ Blockchain มาขับเคลอ่ื นการทำงาน โดยมีสำนกั งานส่งเสริม
เศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) มาช่วยดูแลระบบทางเทคนิคช่วยเหลือให้ด้วย โดยโครงการสำคัญ ๆ ที่ Khon Kaen
Smart Health and Medical Hub ทีได้ขับเคลื่อนไปแล้วตอนนี้ เช่น ระบบรถพยาบาลฉุกเฉินอัจฉริยะ (smart
ambulance) ที่นำเอา Teleconference, iOT, และ Robotic technology มาทำงานร่วมกัน เพื่อให้แพทย์ได้
วินิจฉัยและให้คำแนะนำการรักษาได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่ผู้ป่วยจะเดินทางมาถึงโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมี
โครงการให้รักษาสุขภาพเชิงป้องกันอย่างอัจฉริยะด้วย โดยใช้ชื่อว่า “MANEE Project” ที่นำเอาระบบเซ็นเซอร์
(sensor) มาบูรณาการร่วมกับเทคโนโลยีเพื่อป้องกัน เฝ้าระวัง และรักษาผู้ป่วยในชุมชน ประกอบด้วย การใช้
smart wristband, การใช้ระบบ food tracking camera, Salt Detector ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดระดับความเค็ม
และปริมาณแครอลี่ในอาหาร, Beacon XENTRACK, Smart Glucose Meter, Blood Pressure Monitor
เปน็ ต้น
นอกจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว ยังมีอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคล่ือนนโยบาย
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม นั่นก็คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
วิทยาเขตขอนแก่น ที่ได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนวิศวกรรมระบบรางขึ้นสอนในระดับปริญญาตรีเพ่ือ
พัฒนาแรงงานดา้ นระบบรางสำหรับไปทำงานในอตุ สาหกรรมการขนส่งระบบรางในประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้มี
การจัดตั้งศูนย์วิจัยพัฒนา ทดสอบ และถ่ายทอดเทคโนโลยีรถไฟฟ้าความเร็วสูงของประ เทศไทย (Railway
System Laboratory and Full-Size Tramp Prototype Project) ขึน้ โดยไดร้ ับบริจาครถไฟฟ้าจากบรษิ ัทรถไฟ
เมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ความร่วมมือที่ริเริ่มและผลักดันร่วมกันระหว่างจังหวัดขอนแก่น บริษัท
ขอนแก่นพัฒนาเมืองเอง และบริษัทขอนแก่นทรานซทิ ซิสเตม
ห นา้ 3-63 หน้า 3-63
สำนกั งานสง่ เสรมิ เศรษฐกิจดิจทิ ลั (DEPA) สาขาภาคอสี านตอนกลาง
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สาขาภาคอีสานตอนกลาง ที่ตั้งอยู่ ณ จังหวัดขอนแก่น ได้เข้า
มามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น (Khon Kaen Smart City) อย่างมาก
เช่นกัน เพราะนอกจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สาขาภาคอีสานตอนกลาง จะได้รับแต่งตั้งเป็น
คณะทำงานพฒั นาเมืองอัจฉริยะ (smart city) ของจังหวัดขอนแก่นแลว้ ยังไดเ้ ข้ามามีสว่ นช่วยเหลือและทำหน้าที่
เป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนและระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นอย่างจริงจังด้วย โดยใน
ระยะแรก สำนกั งานส่งเสรมิ เศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) น้ี ม่งุ เปา้ ส่งเสรมิ การพฒั นาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นใน 3 ด้าน
กอ่ น ได้แก่
การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งอัจฉริยะ (smart mobility) ผ่านการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน
การดำเนินงานของภาคส่วนต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น ภายใต้ความร่วมมือหลักระหว่างเทศบาล 5 เทศบาลใน
เมืองขอนแก่น จนมีการจัดตั้งบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS) โครงการสร้างรถโดยสารสาธารณะ Smart
Bus หรือ Khon Kaen City Bus เกิดขึ้นเป็นที่แรกในประเทศไทย ใช้เป็นต้นแบบให้กับเมืองอื่น ๆ ตลอดจน
โครงการพัฒนาระบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ขอนแก่นด้วย โดยบทบาทของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
(DEPA) สาขาภาคอีสานตอนกลาง เป็นผู้มีส่วนสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
เชิงเทคนิค ประสานความช่วยเหลือจากบริษัทเอกชนที่เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ มาให้การสนับสนุนขับเคลื่อนการ
พฒั นาระบบขนส่งอจั ฉริยะของเมืองขอนแกน่ และยงั ไดร้ บั การแต่งตั้งจากจังหวัดขอนแกน่ ให้เป็นคณะทำงานด้าน
การพฒั นาระบบคมนาคมขนส่งใหม้ คี วามเป็นอจั ฉริยะ (smart city) ตามคำส่ังแต่งต้ังของจังหวดั ขอนแกน่ ดว้ ย
สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอัจฉริยะ (smart economy) ภายใต้ความร่วมมือระหว่างจังหวัด
ขอนแก่น และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภาคอีสานตอนกลาง ได้ผลักดันให้มีการพัฒนาแพลตฟอรม์
ที่จะช่วยสนับสนุนและพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดขอนแก่น โดยมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการ
ติดต่อสื่อสารกับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สามารถจัดเก็บเป็น Big Data ของจังหวัดได้ โดยมี บริษัท บียอนด์
อสี าน เกตเวย์ จำกดั เป็นผ้รู บั ผิดชอบหลกั พฒั นา Open platform Digital information Gateway ใหก้ บั จังหวดั
ขอนแก่น และเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัด สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ กระทั่งนำมาสู่การ
พัฒนาเป็น แอพพลิเคชั่น “Beyond Khonkaen City” เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและอำนวย
นักท่องเที่ยว โดยโครงการ Digital information Open platform Gateway เป็นโครงการที่ใช้เพิ่มช่องทางใน
การเผยแพรข่ ่าวสาร ข้อมลู เนอ้ื หา ของจังหวัดขอนแกน่ ผา่ นแอพพลิเคช่นั Beyond Khonkaen City แบบบรู ณา
การ ซึ่งจังหวัดขอนแก่น และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัด
ขอนแก่นและนักท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกภาคส่วน
และกำลงั ทำขอ้ มูลที่มคี วาม Unique ในแตล่ ะพ้นื ท่ีใหม้ ากทส่ี ุดเพ่ือใหบ้ ริการแก่ประชาชนให้เขา้ ถึงข้อมูลเมืองหรือ
ข้อมูลท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนเมือง Smart City และ MICE City ตามแผนการพัฒนา
จังหวดั ขอนแกน่
หน้า 3-64
หนา้ 3-64
การพัฒนาคุณภาพชีวิตอัจฉริยะ (smart living) โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สาขา
ภาคอีสานตอนกลาง ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมือระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและ
ขับเคลื่อนโครงการท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตหรอื การใช้ชีวิตอยา่ งอจั ฉริยะ (smart living) จนเกิดการ
ทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อจัดทำ “KHON KAEN SMART LIVING LAB” ผลักดันให้ขอนแก่นกลายเป็น
เมือง Smart Health และ Medical Hub ของภูมิภาค โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สาขาภาค
อีสาน ได้ประสานความรว่ มมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจัดประชมุ ร่วมกนั ไมต่ ่ำกวา่ 20 ครั้ง เพ่ือ
สร้างความเขา้ ใจร่วมกนั ระหวา่ งคณะทำงานทเี่ กย่ี วข้องกบั การพัฒนาขอนแกน่ ให้กลายเปน็ เมือง Smart Health &
Medical Hub จนเกิดเป็นบันทึกความร่วมมือ (MOU) “Smart Living Lab” ว่าด้วยการขับเคลื่อนและพัฒนา
เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ภายใต้ชื่อโครงการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาดิจิทัลและนวัตกรรม เพื่อบริการด้าน
การสุขภาพและการแพทย์ ขอนแก่นโมเดล (Smart Health & Medical Hub) ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.
2561 ทีผ่ า่ นมา มี 12 หน่วยงานหลกั ทร่ี ว่ มขบั เคลือ่ นในประเดน็ น้ี ประกอบด้วย สำนกั งานส่งเสรมิ เศรษฐกิจดิจิทัล
จังหวัดขอนแก่น คณะแพทย์ศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะสาธารณะสุข
มหาวิทยาลัยขอนแก่น อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สำนักงาน
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 7 ขอนแก่น (สปสช.) โรงพยาบาลขอนแก่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
ขอนแก่น เทศบาลนครขอนแก่น สมาคมเฮลท์เทคประเทศไทย สมาคมการค้าซอฟต์แวร์และธุรกิจนวัตกรรมภาค
ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ชมรมขอนแกน่ เมกเกอร์คลบั
นอกจากน้ี สำนักงานสง่ เสริมเศรษฐกิจดจิ ิทลั (DEPA) สาขาภาคอีสานตอนกลาง ยงั ไดเ้ ป็นตัวกลางในการ
ถ่ายทอดผลงานของจังหวัดขอนแก่น ตามแนวคิดการพัฒนาเมืองให้เป็น Smart Health & Medical Hub เข้า
ประกวดเวทรี ะดบั เอเชยี แปซฟิ ิก จนได้รบั รางวลั ชนะเลิศ “สุดยอดเมอื งสมารท์ ซติ ้แี ห่งเอเชียแปซิฟกิ ” หรือ Smart
City Asia Pacific Awards 2018 (SCAPA 2018) หรือ สาขา Public Health and Social Services โดยมีผู้เข้า
ประกวดทัง้ ส้ิน 148 โครงการจากทว่ั โลก โดยแผนการดำเนินงานต่อไป สำนกั งานส่งเสริมเศรษฐกจิ ดจิ ิทัล (DEPA)
สาขาภาคอีสานตอนกลาง มีแผนจะจัดตั้งสถาบันทดสอบและบริการนวัตกรรมดิจิทัลครบวงจร หรือเรียกว่า
Digital Smart Living Lab ซึง่ จะทำใหจ้ งั หวัดขอนแก่นกลายเป็น ศูนยท์ ดสอบนวัตกรรมดิจิทลั สุขภาพแห่งแรกใน
ประเทศไทย เพื่อยกระดับการพัฒนาเมือง Smart City และเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็นมาตรฐานสากลพร้อมต่อการ
พฒั นาและยกระดบั ไดต้ ลอดเวลา
ณ ปจั จบุ ัน โครงการ Khon Kaen Smart Living Lab อยรู่ ะหว่างการวางแผนการจดั ทำ User Interface
แบบ One Stop Service ให้กับประชาชน ในการดูข้อมูลสุขภาพของตนเองผ่านระบบบดิจิทัลแบบเรียลไทม์
ร่วมกบั เทศบาล และ สำนกั งานสาธารณะสุขจังหวัดขอนแก่น (สสจ.) ในระยะแรกเพ่ือเริ่มต้นและเตรียมเชื่อมโยง
กับ health data exchange standards รวมถึง ยังมีแผนจดั ตั้งศูนย์สั่งการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ณ โรงพยาบาล
ศูนย์ขอนแก่น โดยบริษัท TELY 360 จำกัด อยู่ระหว่างยื่นขอมาตรการ Infra Fund จากทาง สำนักงานส่งเสริม
เศรษฐกจิ ดิจทิ ัล (DEPA) จำนวนเงนิ ประมาณ 5.6 ล้านบาท เพือ่ ดำเนินการตดิ ต้ัง AOC (Ambulance Operation
Center) หรอื ศนู ยส์ งั่ การทางการแพทยฉ์ กุ เฉนิ ดังกลา่ ว ปัจจบุ นั อยรู่ ะหวา่ งพิจารณา FA และรอทำสัญญา
ห น้า 3-65 หน้า 3-65
หนว่ ยงานราชการส่วนภูมภิ าคในจังหวดั ขอนแกน่
จังหวัดขอนแก่น ได้ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์การทำงาน ในเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา จาก
วิสัยทัศน์เดิม “ขอนแก่นเมืองน่าอยู่ ศูนย์กลางเชื่อมโยงการค้า การลงทุน และการบริการของกลุ่มประเทศ
อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง” เป็น “มหานครน่าอยู่ มุ่งสู่เมืองนวัตกรรม ศูนย์กลางเชื่อมโยงอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง” โดย
ประกาศใช้เป็นแผนพัฒนาจังหวัด พ.ศ.2561-2564 (ฉบับทบทวน พ.ศ.2562) ประกอบด้วยพันธกิจหลัก
3 พันธกิจ ได้แก่ 1.) พัฒนาให้เป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน สำหรับคนทุกกลุ่มในสังคม 2.) พัฒนาขีดความสามารถ
ทางการแข่งขันเพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของตลาดและเชื่อมโยงกับอนุ
ภมู ิภาคลุ่มน้ำโขง และ 3.) ส่งเสรมิ การพฒั นาด้านนวตั กรรม และเทคโนโลยี สู่การเปน็ Smart City และ MICE
City โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์หลักเพื่อขับเคลื่อนแผนงาน 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.) การยกระดับการพัฒนา
เศรษฐกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและเชื่อมโยงโอกาสจากประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 2.) การ
พัฒนาคุณภาพคนและสังคม 3.) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยัง่ ยืน
4.) การเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 5.) การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้าน
การเป็นเมอื งอัจฉริยะ (smart city) และเมอื งแหง่ การประชมุ สัมมนา (MICE city)
จะเห็นได้ว่า จังหวัดขอนแก่น ได้นำประเด็นด้านการพัฒนาขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ (Khon
Kaen Smart City) มาขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยได้นำไปบรรจุเป็น พันธกิจหลักในการทำงาน
ของจังหวัดขอนแก่น ด้านที่ 3 และยุทธศาสตร์ที่ 5 ดังรายละเอียดข้างต้น โดยจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดเดียว
ของประเทศไทยที่ได้จัดทำแผนแม่บทพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น (Khon Kaen Smart City 2029) และนำไป
บรรจุเป็นวาระยุทธศาสตร์สำคัญของจังหวัด (จังหวัดขอนแก่น, 2562) ตามแผนพัฒนาจังหวัด ที่ประกาศใช้เม่ือ
วนั ที่ 25 พฤษภาคม 2561 จงึ ทำให้จังหวัดขอนแก่นมแี นวทางที่ชดั เจนในการขบั เคลือ่ นขอนแกน่ ให้กลายเป็นเมือง
อัจฉริยะนับต้ังแต่ประกาศใช้แผน ฯ ไปจนถึงปี 2029 นอกจากน้ี จังหวัดขอนแกน่ ยังได้มีแผนนำระบบดิจิทลั มาใช้
ปรับเปลี่ยนการทำงาน คือ มีการพัฒนาระบบติดตามเรื่องร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและศูนย์ดำรงธรรม
ระดับอำเภอ มีการพัฒนา Stroke Application ขึ้นมาเพื่อให้บริการและช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยโรคหัวใจและโรค
หลอดเลือดสมองให้ถึงหมอเร็วที่สุด การพัฒนาระบบจัดการลำดับเข้าใช้บริการภาครัฐด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
(QR Q-ing) ในสำนักทะเบียนอำเภอ 8 แห่ง ได้แก่ อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอบ้านไผ่ อำเภอชุมแพ อำเภอพล
อำเภอภูเวียง อำเภอน้ำพอง อำเภอกระนวน อำเภอเขาสวนกวาง และยังมีการพัฒนาระบบให้บริการประชาชน
แบบไม่ตอ้ งลงจากรถ (Drive thru Service) ภายในศาลากลางจังหวัดขอนแก่นด้วย
นอกจากจังหวัดจะพัฒนาระบบการดำเนินงานภายในองค์กรของตนเอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการ
ขับเคลื่อนตามแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะแล้ว จังหวัดขอนแก่นยังได้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการพัฒนา
เมืองอัจฉริยะอย่างจริงจังในหลายแผนงาน เช่น จังหวัดขอนแก่นได้มอบหมายให้บุคลากรในจังหวัดเข้าร่วม
ขับเคลอ่ื นอตุ สาหกรรมรถไฟฟ้ารางเบามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น จัดตั้งศูนย์วิจัย
รถไฟฟ้ารางเบา หรือ (TRAM HOUSE) ต้นแบบของประเทศไทย ร่วมกับ สวทช. เพื่อพัฒนาให้เป็นต้นแบบของ
ขอนแก่นในการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเบาและพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้ารางเบาของประเทศไทย มีการ
หน้า 3-66
หนา้ 3-66
จัดทำแผนงาน Smart City ขอนแกน่ ไม่ทิ้งใครไว้ขา้ งหลงั เมอื งแห่งโอกาส 4.0 ทีจ่ บั ตอ้ งได้เพ่ือมงุ่ สู่ Global City
ในปี 2559 การก่อสร้างโรไฟฟ้าขยะ และ โครงการอาสา Smart พ.ศ.2559 โครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน
สาธารณะของเมือง ในปี พ.ศ.2560 ได้แก่ โครงการทางพิเศษทางด่วน 4 เส้นทางมอเตอร์เวย์ โคราช-ขอนแก่น-
หนองคาย และโครงการ Khon Kaen Smart City Bus รวมถึงโครงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ Smart City
Operation Center และการผลักดันให้เกิดการจัดตั้งบริษัทจำกัดของ 5 เทศบาลเพื่อจัดตั้งบริษัทขอนแก่นทราน
ซิท ซิสเต็ม (KKTS) และการพัฒนาพื้นที่พาณิชย์โดยรอบสถานี (TOD) ในเมืองขอนแก่น โครงการ Smart
Education การพฒั นาทา่ อากาศยานขอนแกน่ ให้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติ การผลักดนั ขอนแกน่ ใหเ้ ป็น “สังคม
ไร้เงินสด” การพัฒนาระบบบริหารจัดการประชุมของจังหวัดและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องด้วยแอพพลิเคชั่น “อี
แป๋ม (EPAM)” หรือ (Electronic Provincial Administration Meeting: EPAM) เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561
โครงการพัฒนาอุทธยานธรณีขอนแก่น (Khon Kaen Geopark) การก่อสร้างศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้า
นานาชาติ (KICE) โครงการรถไฟทางคู่-ความเร็วสูงยกระดับช่วงตัวเมือง รวมถึงแผนพัฒนาท่าเรือบก สถานีรถไฟ
โนนพะยอม ในปี 2566 เพือ่ ขับเคลื่อนการเปน็ ศนู ยก์ ลางโลจิสติกส์ของภมู ภิ าค โดยรายละเอยี ดของแตล่ ะโครงการ
ที่รเิ ริม่ และผลกั ดันโดยจงั หวดั ขอนแกน่ มีรายละเอียดละดงั ตารางท่ี 4-3
ตารางที่ 3-3 โครงการที่ขับเคล่อื นโดยจงั หวัดขอนแก่นทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับการพฒั นาเมอื งอัจฉรยิ ะขอนแก่น (Khon
Kaen Smart City)
ปี แผนงาน/โครงการ ผลที่คาดวา่ จะไดร้ บั
จังหวัดขอนแก่นได้รับเลือกเป็น MICE CITY แห่งที่ 5 ด้วยศักยภาพและจุดแข็งท่ี
เปน็ ปัจจัยเสรมิ ได้แก่ 1. เปน็ ศนู ย์กลางการคมนาคมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และเป็นยุทธศาสตร์ ระเบียง เศรษฐกิจภาคตะวันออก - ตะวันตก 2. เป็น
ศูนย์กลางการบริการทางการแพทย์และการศึกษา 3. เป็นศูนย์กลางการบริหาร
2557 MICE CITY ภาครัฐ 4. เป็นทต่ี ้งั ของสถานกงสลุ ใหญ่ จีน เวยี ดนาม และ สปป.ลาว 5. มีความ
เปน็ มิตร อธั ยาศยั ดตี ่อผูม้ าเยอื น 6.นโยบายของรัฐบาลในการสง่ เสริมอตุ สาหกรรม
ไมซ์จังหวัดขอนแก่น 7. มีการขยายตัวของการลงทุนขนาดใหญ่ในจังหวัด 8. การ
รวมตัวของประชาคมอาเซียน และการรวมกลมุ่ GMS
โครงการแก้ไขปัญหาขยะชุมชน (Zero West) บ้านหัวถนนเทศบาลตำบลพระลับ
องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมจังหวัดขอนแก่น จัดตั้งศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะ มีสามาชิก
2558 ขยะต้นทาง รวม 323 หลังคาเรือนทรี่ ว่ มโครงการ เรมิ่ ตน้ จากการคัดแยกขยะภายในครัวเรือน
เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ การผลิตปุ๋ยชีวภาพไว้ใช้ในครัวเรือนและแจกจ่ายให้คนใน
ชุมชน จากความร่วมมือร่วมใจของชุมชนบ้านหัวถนนได้รับรางวัลหมู่บ้านปลอด
ห น้า 3-67 หนา้ 3-67
ปี แผนงาน/โครงการ ผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ บั
ขยะต้นแบบรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ จากโครงการชุมชนปลอดขยะ เฉลิม
พระเกียรติ 88 พรรษา 88 ชมุ ชน ประจำปี 2558 ซ่งึ จดั โดยกรมสง่ เสริมคุณภาพ
สิ่งแวดลอ้ ม ทำให้วนั นีช้ ุมชนบ้านหวั ถนนกลายเปน็ หมบู่ ้านตน้ แบบระดับประเทศ
ทท่ี ุกชุมชนได้เข้ามาศึกษาเรยี นรูถ้ ึงกระบวนการและวิธีการดำเนินงานในดา้ น
2558 ต่าง ๆ ไม่เพยี งแคก่ ารจัดการขยะเท่านนั้ ยงั มีเร่ืองของการบรหิ ารจดั การชมุ ชนใน
ดา้ นอนื่ ๆ เช่น สุขภาพอนามัย พลังงาน และการดำเนนิ ชีวิตตามหลกั ปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียง
Smart City ไม่ทิง้ ใคร การพัฒนาเมือง/พื้นที่ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต
ไว้ขา้ งหลงั เมืองแห่ง ให้กับประชาชนทางด้านเศรษฐกจิ และสงั คม (Smart City)
2559 โอกาส 4.0 ทจี่ ับต้อง
ได้ เพ่ือม่งุ สู่ Global
City
เรื่องโครงการบริหารจัดการและกำจัดขยะมูลฝอยด้วยวิธีการแปรรูปขยะมูลฝอย
เป็นพลังงานไฟฟ้าของเทศบาลนครขอนแก่น โดยใช้เทคโนโลยีแบบเผาตรงระบบ
ปิดโดยจะนำพลังงานความร้อนไปผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเผาไหม้
ขยะประสิทธิภาพสูงประกอบด้วยระบบบำบัดภาวะทางอากาศที่มีประสิทธิภาพ
2559 โรงไฟฟ้าจากขยะ เป็นที่ยอมรับและใช้ในหลายประเทศสามารถเผาขยะได้ทุกชนิดพร้อม ๆ กัน เช่น
เศษไม้ กระดาษ พลาสติก ผ้าและเศษอาหารจากทั้งขยะเก่าและขยะใหม่รวมกัน
จากเทศบาลฯ ประมาณ 450 ถึง 600 ตันต่อวัน โดยสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้
6 เมกกะวัตต์ จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กฟภ. ประมาณ 4.5 เมกกะ
วัตต์ และ 1.5 เมกกะวัตต์ นำกลบั ไปใช้ภายในโรงงาน และมีการสรา้ งงานสเี ขียว
เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้พลเมือง อาสา Active Citizen ได้เข้ามาเปน็ ผู้ทีส่ รา้ ง
การเปลี่ยนแปลงโดยกระตุ้นให้ประชาชนได้ตระหนักว่าตนเองเป็นผู้มีบทบาท
สำคัญอย่างยิ่ง ต่อการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสังคม รวมทั้งสร้างจิตสำนึกที่ทำให้
2559 อาสา Smart ประชาชนรับรู้ถึงภารกิจหน้าที่ของตนที่มีต่อสังคม การยอมรับฟังผู้ที่มีความเห็น
ต่างอย่างให้เกียรติ นำไปสู่ความรัก ความสามัคคี และการมีส่วนร่วมในทุก
กระบวนการ ต้ังแตก่ ระบวนการการรบั รู้ รว่ มคิด ร่วมวางแผน รว่ มดำเนินการ
หนา้ 3-68
หนา้ 3-68
ปี แผนงาน/โครงการ ผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั
2559 ร่วมติดตามตรวจสอบ และร่วมรับผลกระทบ ซึ่งจะนำไปสู่สังคมที่สันติสุขและ
สมานฉนั ทอ์ ยา่ งย่ังยนื
ส่งเสริมและพัฒนาระบบทางหลวงที่อำนวยความสะดวกรวดเร็วในการขนส่ง
สามารถเชอ่ื มต่อการเดนิ ทางระหวา่ งภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ตอนกลาง
ตอนบนได้อย่างเป็นระบบ และจะเป็นโครงข่ายหลักสำหรับการคมนาคมขนส่ง
2560 โครงการทางพิเศษ ทางถนนของประเทศ ที่สามารถรองรับการเดินทางและการขนส่งสินค้าระหว่าง
ทางด่วน 4 เส้นทาง ประเทศ ตลอดจนการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับภูมิภาคอินโดจีน รวมถึงการลด
มอเตอรเ์ วย์ โคราช- ปัญหาการจราจรที่คับคั่ง บนทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ และช่วย
ขอนแกน่ -หนองคาย กระจายการพัฒนาจากกรุงเทพมหานครไปสู่ภูมิภาค สำหรับพื้นที่การดำเนินงาน
โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองนครราชสีมาไปขอนแก่น จากครอบคลุม
พ้ืนที่ดำเนินการ 3 จงั หวดั 16 อำเภอ 45 ตำบล
รถโดยสารสาธารณะอัจฉรยิ ะ Smart Bus ที่เชอ่ื มต่อระหว่างสถานีขนส่งผ้โู ดยสาร
ขอนแกน่ แห่งท่ี 1 และ 3 มสี ่ิงอำนวยความสะดวก ไดแ้ ก่ ระบบเคร่ืองปรับอากาศ
2560 Khon Kean City Free wifi และแอพพลิเคช่นั KK Transit ที่จะชว่ ยใหผ้ ู้โดยสารทราบตำแหน่งของ
Bus รถแต่ละสาย และคำนวณเวลาในการมาถึงผู้โดยสารได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งมี
ข้อมลู พนกั งานขับรถและขอ้ มลู ด้านอน่ื ๆอย่างครบครัน
TOD คือ การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีระบบขนส่งสาธารณะเมืองขอนแก่น ซึ่งจะ
2560 TOD ส่งผลให้เมืองน่าอยู่มีความสวยงาม เกิดการค้า การบริการ การจ้างงาน และ
นันทนาการ
เป็นศูนย์กลางในการทำงานทำหน้าที่ผลักดันติดตามและประสานงานโครงการ
Smart City และกิจกรรมในแผนงาน ขอนแก่น สมาซิตี้ รวมถึงประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้
2560 Operation Center และความเข้าใจ ตลอดจนขับเคลื่อนโครงการไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้สามารถ
พัฒนาขอนแกน่ ใหเ้ ปน็ สมาร์ทซิตไ้ี ด้อย่างยัง่ ยืน
5 เทศบาลจดทะเบยี น ตั้งบริษทั เพือ่ ร่วมกนั สรา้ งระบบรางเบาแรกของไทย ได้แก่
เทศบาลตำบลสำราญ เทศบาลเมืองศิลา เทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลตำบล
2560 บริษัทจำกดั ของ 5 เมืองเก่า และเทศตำบลท่าพระ รวมตัวจัดตั้งและจดทะเบียนบริษัทเพื่อเป็น
เทศบาล หน่วยงานกลางในการขับเคลื่อนโครงการระบบขนส่งมวลชนสาธารณะระบบราง
เบา จงั หวดั ขอนแกน่ ภายใต้ชอ่ื บรษิ ทั ขอนแกน่ ทรานซิทซิสเต็มจำกดั (KKTS)
ห น้า 3-69 หน้า 3-69
ปี แผนงาน/โครงการ ผลท่ีคาดวา่ จะได้รับ
การสรา้ งระบบการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง โดยจะ “เปล่ียนห้องเรียน
เป็นโลกกว้าง” ที่ไม่ใช่เพียงแต่การการศึกษาในตำราจากที่ครูสอนในห้องเรียน
หรือแค่สถานที่เรียนรู้ที่อยู่นอกห้องเรียนเท่านั้น ซึ่งเด็กทุกคนจะได้เรียนรู้ในสิ่งท่ี
มากกว่าในห้องเรียนซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์ในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน และ
2560 Smart Education ให้นักเรียนได้รู้สึกว่าโลกใบนี้ยังมีอะไรกว้างใหญอ่ ีกมากมายให้ได้ศกึ ษาการเรียนรู้
ผ่านอินเตอร์เน็ต จึงเป็นอีกทางเลือกได้นำมาใช้ในการเรียนการสอนนักเรียนและ
ได้นำระบบ IOT (Internet of Things) หรือ อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง มาประยุกต์ใช้
เพื่อพัฒนาศักยภาพเหล่านั้นซึ่งไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงเครือข่ายขององค์กรและที่ต้ัง
ทางภูมิศาสตร์
อาคาร ที่พักผู้โดยสารหลังใหม่พื้นที่ใช้สอย 28,000 ตารางเมตร ก่อสร้างอาคาร
จอดรถยนต์หลังใหม่ 7 ชั้น รับรองรถจำนวน 1,160 คัน หลังจากปรับปรุงแล้ว
ทา่ อากาศยาน เสร็จ จากรวมพื้นที่ใช้สอยอาคารผู้โดยสารหลังเดิม (16,500 ตร.ม.)กับหลังใหม่
2561 นานาชาติขอนแก่น (28,000 ตร.ม.) เป็น 44,500 ตาราง สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นจาก
ปัจจุบนั 2.8 ล้าน คนตอ่ ปี เป็น 5 ลา้ นคนตอ่ ปี ระยะเวลาการดำเนินการ 3 ปี จะ
ดำเนนิ การแล้วเสรจ็ ในปี 2564
2561 รถไฟรางเบาขอนแก่น ระบบขนส่งมวลชนรางเบา (Light Rail Transit : LRT) สายเหนือ-ใต้ ต้นแบบใน
LRT เมืองภูมิภาคจังหวัดขอนแก่นตลอดแนวถนนมิตรภาพระหว่างเทศบาลตำบล
สำราญ-เทศบาลตำบลทา่ พระความยาว 22.6 กิโลเมตร
ถนนคนเดินขอนแก่น สู่ตลาดไร้เงินสด (cashless society) โดยเพิ่มช่องทางการ
ชำระค่าสินค้าในตลาดถนนคนเดินด้วยระบบ QR code เพื่ออำนวยความสะดวก
2561 สังคมไรเ้ งินสด ให้กับประชาชนที่มาซื้อขายสินค้าในถนนคนเดินโดยไม่ต้องใช้เงินสด ประชาชน
สามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้หลายช่องทาง สะดวกในการชำระค่าสินค้า
โดยไมต่ ้องใชเ้ งนิ สด
2561 การบริหารจัดการการ จังหวัดขอนแก่นได้พัฒนาระบบแอพพลิเคชั่นระบบบริหารจัดการการประชุมของ
ประชมุ Electronic จงั หวดั ขอนแก่น (Electronic Provincial Administration Meeting: EPAM) ขน้ึ
ให้ส่วนราชการและหน่วยงานในจังหวัดใช้ประโยชน์ในการจัดการประชุม มอบ
Provincial
Administration นโยบายให้ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การปฏิบัติ
Meeting: EPAM ราชการของจังหวัดขอนแก่น และการปฏิบัติงานของบุคลากรในการใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศ เห็นการดำเนินงานภายใต้นโยบายการขับเคลื่อนจังหวัดขอนแก่นสู่
หนา้ 3-70
หน้า 3-70
ปี แผนงาน/โครงการ ผลที่คาดว่าจะไดร้ ับ
เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ให้เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังเป็นการประหยัด
งบประมาณแผ่นดินและสามารถลดระยะเวลาที่ใช้ในการประชุมในแต่ละเดือนได้
อีกด้วย
จังหวัดขอนแก่นมีการขับเคลื่อนอุทยานธรณีขอนแก่น สู่อุทยานธรณี
ระดับประเทศและระดับโลก โดยมอบหมายให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด
ขอนแก่น บูรณาการกับภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาร่วมดำเนินการอุทยานธรณี
อุทยานธรณขี อนแกน่ ขอนแกน่ ใหม้ ีความกา้ วหน้าอย่างเป็นรปู ธรรม และเตรยี มความพร้อมสำหรับการ
2561 Khon Kean ยื่นขอประเมินการเป็นอุทยานธรณีโลกจาก UNESCO ภายในปี พ.ศ.2562 ซึ่ง
Geopark ประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการเกิดการพัฒนาด้านการศึกษามีการพัฒนา
แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาทำให้ประชาชนในแต่ละพ้ืนที่ ได้รับประโยชน์จาก
การทอ่ งเท่ยี วอยา่ งทวั่ ถึงพฒั นาผลิตภณั ฑช์ ุมชนสร้างงานสร้างรายได้แก่ท้องถ่ิน
ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (Khon Kean International
Convention & Exhibition Center) หรืว่าไคซ์ (KICE) ให้บริการตามมาตรฐาน
Thailand MICE Venue Standard (TMVS) เป็นศูนย์กลางการจัดหางานทุก
2561 KICE ศนู ยป์ ระชุม รูปแบบ ทั้งยังสร้างรายได้ให้แก่สถานที่และคนท้องถิ่น ช่วยกระตุ้นเศรษกิจฐาน
นานาชาติ รากได้อีกทางหนึ่ง พร้อมหนุนและรองรับการขยายตัวของจังหวัดขอนแก่นและ
ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุ่งสู่การเป็นทหานครแห่งอาเซียน ภายในคอนเซปต์
Success for All
เส้นทางที่ 1 ช่วงโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางจิระ-ขอนแก่น ระยะ 187 กม.โดย
เป็นสถานีในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นยกระดับ 2 แห่ง คือ สถานีบ้านไผ่และสถานี
ขอนแกน่ มีความยาวทางยกระดับ 5.2 กิโลเมตร เส้นทางที่ 2 โครงการรถไฟทางคู่
2562 รถไฟทางค-ู่ ความเร็ว ขอนแก่น-หนองคายระยะทาง 166 กิโลเมตร เส้นทางที่ 3 โครงการรถไฟทางคู่
สูง ยกระดับช่วงตวั (สายใหม่) บ้านไผ่-นครพนม (ผ่านจังหวัดมหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-เข้าสู่นครพนม)
ระยะทาง 355 กิโลเมตร (สายใหม่) -นครสวรรค์-บ้านไผ่ระยะทาง 291 กิโลเมตร
เมือง
เป็นเส้นทางตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ของอนุภูมิภาคแม่น้ำ
โขง (GMS-EWEC)
2566 ทา่ เรือบกสถานีรถไฟ เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจีสติกส์ของภูมิภาคนักธุรกิจ และเป็น
(แผน) โนนพะยอม ผ้ปู ระกอบการมากระจายสนิ ค้า โดยใชจ้ งั หวัดขอนแก่นเป็นฐาน ทำให้มคี ลังสินค้า
เกดิ ขน้ึ มากมาย ภาคเอกชนเลือกลงทนุ ในจังหวัดขอนแก่น โดยเลง็ เห็นว่าในระยะ
ห น้า 3-71 หนา้ 3-71
ปี แผนงาน/โครงการ ผลทีค่ าดวา่ จะไดร้ ับ
ยาวจังหวัดขอนแก่นเป็นประตูสู่อีสาน หรือ GATEWAY เป็นประตูสู่กลุ่มประเทศ
อนุภูมภิ าคกลมุ่ แมน่ ้ำนำ้ โขง
ปรับปรงุ จาก จังหวัดขอนแก่น (2562) ใน “รายงานผลการพัฒนาดำเนนิ การ พัฒนาองคก์ ารสรู่ ะบบราชการ 4.0 จงั หวดั ขอนแกน่ ”
ประสบการณค์ วามร่วมมือกับต่างประเทศ
ความร่วมมือกับตา่ งประเทศท้ังองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน นอกจากหน่วนงานภาครฐั องค์กรปกครอง
สว่ นทอ้ งถิน่ ภาคประชาสงั คม ตลอดจนสถาบนั การศึกษาท่ีไดร้ ว่ มขบั เคล่อื นการพัฒนาเมืองขอนแกน่ ดังไดด้ ลา่ ว
มาแลว้ ข้างตน้ ยงั มหี น่วยงานทั้งภาครฐั และภาคเอกชนในต่างประเทศท่ีได้ให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้
ทั้งในลักษณะของการสนับสนุนเชงิ วชิ าการโดยป็นแหลง่ การศึกษาดูงานของ “นักพฒั นาเมอื งขอนแก่น” การเขา้
มาศึกษาดูงาน การขบั เคล่อื นการพฒั นาเมอื งขอนแก่น รวมถงึ การเสนอทีจ่ ะเปน็ คู่ความร่วมมือในการถ่ายทอด
เทคโนโลยีใหก้ บั จังหวดั ขอนแกน่ ความร่วมมือในหลายลักษณะน้ี มีดงั ต่อไปนี้
มูลนิธิ Konrad Adenauer มีพันธกิจในการประสานกับองค์กรภาครัฐ พรรคการเมือง องค์กรภาคสังคม
และนักวิชาการเพื่อสร้างเครือข่ายการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สร้างความมั่นคงให้กับการร่วม
พัฒนาตามเปา้ ประสงค์ของมูลนิธิ อันไดแ้ ก่ 1) สง่ เสรมิ โครงสร้างระบบรฐั สภา 2) สนับสนนุ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม
ทางการเมือง 3) เพิ่มบทบาทการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคประชาสังคม 4) สนับสนุนหลักนิติรัฐนิติธรรม
5) ส่งเสริมความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และ 6) สนับสนุนการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี ในช่วงเดือน
พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2559 Mr. Winzer ผู้แทนมูลนธิ ิ Konrad Adenauer ประจำประเทศไทยได้แนะให้องคก์ รความ
ร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมนี (GIZ) ได้นำผู้บริหารระดับสูงจากประเทศอัฟกานิสถาน จำนวน 30 คน
ศึกษาดูงานและอบรมเชิงปฎิบัติการเรื่อง การบริหารร่วมภาครัฐและเอกชน (Public–Private Dialogue: PPD)
รวมทั้งการสร้างความเข้าใจร่วมและเป้าหมายร่วมของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน จากกรณีการพัฒนาเมืองขอนแก่น
ระหว่างวันที่ 24-25 มกราคม พ.ศ. 2560 เนื้อหาสาระในการประชุมเชิงปฎิบัติการได้เน้นไปที่กระบวนการสร้าง
วิสัยทัศน์ร่วม การประสานความร่วมมือ รวมถึงปัจจัยหลักของความสำเร็จในการทำงานร่วมมือระหว่างรัฐ
และเอกชน ปรากฎดงั แผนภาพที่ 4-13
เทศบาลเมืองพอร์ตแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ทุกคนจากทุกภาคส่วนมีความเข้าใจร่วม อันจะ
นำไปสกู่ ารตดั สินใจรว่ มและมปี ระสบการณต์ รงจากการดูของจริง คอื เมืองท่ีไดร้ บั การยอมรับวา่ เปน็ เมืองอัจฉริยะ
ของโลก ในปี พ.ศ. 2560 บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง จึงได้ร่วมกับวิทยาลัยการปกครองท้องถ่ิน
มหาวิทยาลัยขอนแก่นจัดโปรแกรมทัศนศึกษาถอดบทเรียนสมาร์ทซิตี้ของเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ประเทศ
สหรัฐอเมริกา โดยมีการอบรมที่สหรัฐอเมริกาเป็นเวลาสามวนั และมีการดูงานการเปลี่ยนแปลงสถานที่การพัฒนา
สถานที่ การพัฒนาย่านโครงสร้างการบริหารของเทศบาลเมืองพอร์ตแลนด์เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนา
เมอื ง โดยมีตวั แทนจากมหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และตัวแทนของเทศบาลร่วมในโครงการ
นี้ด้วยค่าใช้จ่ายในการอบรมสัมมนาทั้งหมดบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด เป็นผู้สนับสนุน ในส่วนด้าน
เทคโนโลยี CEO ของบริษัท LoRa ประเทศอังกฤษได้มาเยี่ยมบริษทั ขอนแก่นพัฒนาเมืองเพื่อนำเสนอการสื่อสาร
หนา้ 3-72
หนา้ 3-72
โดยใช้คลื่นต่ำสำหรับ Smart City Depa ร่วมมือกับประเทศเกาหลีในโครงการ K City เพื่อช่วยศึกษาและ
ออกแบบระบบขนสง่ มวลชนและการเชือ่ มต่อในจงั หวดั ขอนแกน่ บริษทั หัวเหวย่ ประเทศจีนและไดท้ ำการเชิญผู้ว่า
ราชการจังหวัดขอนแก่นเพอื่ ไปดูงานที่ศูนย์ Smart City ท่ีประเทศจีนโดยมีมหาวิทยาลัยขอนแกน่ รว่ มเดนิ ทางด้วย
บรษิ ัทไชน่าเทเลคอมรว่ มประชมุ กบั SCOPC และ จงั หวัดขอนแกน่ เสนอรปู แบบสถาปัตยกรรม Smart ซติ ้ี รวมถึง
เทคโนโลยีไอโอทีเพื่อร่วมมือกับจังหวัดขอนแก่น และเอกอัครราชทูตสวีเดนและนอร์เวย์ มาที่จังหวัดขอนแก่น
สัมภาษณพ์ ดู คยุ กับรองคณบดีวิทยาลัยการปกครองท้องถ่ินเรื่องบทความท่ีได้ตีพิมพ์ แนวทางการพัฒนาเมืองแบบ
ที่ขอนแก่นได้ทำอยู่ที่ได้รับจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับต่างประเทศทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ทำให้ได้
เรียนรู้ว่า การพัฒนาเมืองตามแนวคิดเมืองอัจฉริยะต้องอาศัยการประสานความร่วมมือจากองค์กรภาครัฐ เอกชน
และวชิ าการในลกั ษณะทเ่ี รียกว่า Triple Helix model
แผนภาพที่ 3-13 กิจกรรมแลกเปลีย่ นเรยี นร้กู บั ผ้บู รหิ ารระดับสงู จากประเทศอฟั กานิสถาน
กลไกการระดมทุน (financing mechanism)
ปรากฏการณ์อยา่ งหน่ึงที่ทำให้การพฒั นาเมอื งอัจฉริยะขอนแกน่ หรอื “ขอนแกน่ โมเดล” มีความน่าสนใจ
ก็คือ กลไกการระดมทุน (financing) เพื่อนำไปใช้สำหรับการพัฒนาเมืองในมิติต่าง ๆ จากองค์กรหรือสถาบันที่
เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรความร่วมมือที่จัดตั้งขึ้นมาสำหรับการพัฒนาเมืองโดยเฉพาะ ได้แก่ บริษัท
ขอนแก่นทรานซิท ซิสเตม จำกัด (KKTS) และบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ที่ได้สร้างแนวคิดและ
นวัตกรรมการระดมทุนรูปแบบใหม่สำหรับนำไปใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น พัฒนาเมือง โดยศักยภาพขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคธุรกิจเอกชน เพื่อใช้สำหรับเป็นแหล่งเงินทุนในการนำไปพัฒนาเมืองหนุนเสริมกับ
งบประมาณของหน่วยงานภาครฐั ในพน้ื ที่
สำหรับโครงสร้างงบประมาณเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตามแนวทางของขอนแก่นโมเดล ใน
ภาพรวมแล้ว ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1.) งบประมาณแผ่นดินที่หน่วยงานภาครัฐได้รับการสนับสนุนตามปกติ
เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาเมืองหรือแก้ไขปัญหาสังคม ตลอดจนให้บริการสาธารณะภายในจังหวัดขอนแก่น
ตามปกติ (government budget) 2.) เงินลุงทุนจากภาคธุรกิจเอกชนหรือบริษัทต่าง ๆ ทั้งจากภายในและ
ภายนอกพื้นที่จังหวัดขอนแก่น รวมถึงต่างประเทศ ที่ได้นำเงินมาลงทุนประกอบกิจการ อุตสาหกรรม หรือขยาย
ธรุ กิจประเภทตา่ ง ๆ ในพน้ื ท่จี ังหวัดขอนแก่น (private investment) ซงึ่ นำมาสกู่ ารสร้างอาชีพ สรา้ งรายได้ สร้าง
ห นา้ 3-73 หนา้ 3-73
ความเจริญเติบโตตางเศรษฐกิจและโครสร้างพื้นฐานของเมืองด้านต่าง ๆ ด้วย ซึ่งโครงสร้างทางการเงินหรือ
งบประมาณทั้ง 2 ส่วน นี้ถือเป็นโครงสร้างทางการเงินที่พบเห็นได้เป็นปกติอยู่แล้ว เนื่องจากทุกเมืองล้วนมี
หน่วยงานภาครัฐที่นำงบประมาณมาใช้ในการพัฒนาเมืองหรือให้บริการสาธารณะ และมีเงินลงทุนจากภาคธุรกิจ
เอกชนเพือ่ ประกอบกิจการภายในพืน้ ที่
อย่างไรกต็ าม โครงสรา้ งทางการเงินหรืองบประมาณสว่ นที่ 3 ท่ีไมค่ อ่ ยพบเห็นไดม้ ากนักในประเทศไทย ก็
คือ เงินลงทุนจากภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ที่เกิดจากกระบวนการระดมทุนรว่ มกันเพื่อนำไปใช้
สำหรับการพัฒนาเมืองโดยเฉพาะ (shared resources) ซึ่งแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนที่หนึ่งเป็นการระดมทุน
ระหว่างกลุ่มนักธรุ กิจเอกชนท้องถ่ินในจังหวัดขอนแกน่ จำนวน 20 บริษัท ของบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (Khon
Kaen Think Tank: KKTT) สามารถระดมทุนได้กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งมีแผนการนำเงินไปลงทุนสำหรับนำไปใช้
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองขอนแก่นในมิติต่าง ๆ และส่วนที่สองคือ การระดมทุน
ร่วมกันระหว่างเทศบาลทั้ง 5 แห่งในเขตเมืองขอนแก่นเพื่อจัดตั้งบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (Khon
Kaen Transit System: KKTS) โดยในปีแรกของการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัด คือปี พ.ศ. 2560 สามารถ
ระดมทุนได้เพียง 5 ล้านบาท แต่ปัจจุบันในปี พ.ศ. 2563 มีทุนสำรองที่ได้จากการระดมทุนเพิ่มเติมรวมกว่า 25
ล้านบาท โดยโครงสร้างทางการเงินหรือแหล่งทุนทั้ง 3 ส่วน ที่เกิดขึ้นมา ตามแนวทาง “ขอนแก่นโมเดล” นี้
ปรากฎดงั รายละเอยี ดในแผนภาพที่ 4-12
แผนภาพที่ 3-14 โครงสรา้ งทางการเงนิ หรือแหล่งงบประมาณสำหรบั นำไปใช้
เพอื่ พฒั นาเมืองอัจฉรยิ ะขอนแก่นตามแนวทาง "ขอนแกน่ โมเดล"
ทม่ี าภาพ: คณะผวู้ ิจัย
โครงสรา้ งทางการเงินตามแนวทางขอนแกน่ โมเดลน้ี โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ การระดมเงินทุนร่วมกันระหวา่ ง 5
เทศบาล (KKTS) และบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) เกิดขึ้นมาได้เพราะสาเหตุหลัก ๆ คือ “ข้อจำกัด” ใน
ด้านงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ เพราะลำพังเพียงงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น มีสัดส่วนของงบที่สามารถนำใช้ในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ
ของเมืองอย่างจำกัด ดังนั้น การรอรับการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนกลางเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่อาจตอบ
สนองต่อความต้องการของคนในพื้นที่ที่ต้องการจัดการกับปัญหาการคมนาคมขนส่งและยกระดับการพัฒนา
หน้า 3-74
หนา้ 3-74
เศรษฐกิจหรือคุณภาพชีวิตของคนขอนแก่นได้ ดังนั้น ทั้งภาคเอกชนในพื้นที่และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน
จังหวัดขอนแก่น จึงได้รวมตัวกันระดมทุนเพื่อนำไปใช้เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาของเมืองตาม
ความต้องการของคนในพื้นที่และด้วยศักยภาพของคนในท้องถิ่นเอง จนนำมาสู่การจัดตั้งบริษัทขอนแก่นพัฒนา
เมอื ง (KKTT) และบรษิ ทั ขอนแกน่ ทรานซทิ ซิสเตม็ (KKTTS) ในทีส่ ุด
อย่างไรก็ตาม การระดมทุนร่วมกันระหว่างเทศบาลท้ัง 5 แห่ง เพื่อจัดตั้งบริษทั ขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม
(KKTS) นี้ ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่นำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาระบบ
ขนส่งระบบรางของเมืองขอนแก่นเท่านั้น แต่โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ตามแผนการดำเนินงาน
ร่วมกันระหว่าง 5 เทศบาล ยังมีเป้าหมายทีจ่ ะนำไปสูก่ ารแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำของชาว
จังหวัดขอนแก่นอย่างยั่งยืนด้วย เพราะตามแผนการดำเนินงานของบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS) นั้น
ภายหลังจากท่ไี ด้มกี ารกอ่ สรา้ งรถไฟฟา้ รางเบา (LRT) แลว้ เสรจ็ และเปดิ ให้บรกิ ารแกป่ ระชาชนในจงั หวัดขอนแก่น
บริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS) จะทำการจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นกองทุน
โครงสร้างพื้นฐานของบริษัท ซึ่งจะทำให้มูลค่าของบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS) เพิ่มสูงขึ้นกว่า
100,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่การจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อ
ระดมเงินทุนหรือซื้อขายหุ้นเพิ่มมูลค่ากำไรให้กับบริษัท แต่สิ่งที่ทำให้แนวทางการระดมทุนของขอนแก่นโมเดลมี
ความแตกต่างก็คือ กองทุนโครงสร้างพนื้ ฐานในตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าว บรษิ ทั ขอนแกน่ ทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS)
จะเปิดโอกาสใหป้ ระชาชนและผูม้ ีรายได้น้อยหรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในจังหวดั ขอนแก่น ได้มีสิทธ์ิในการซื้อ
หุ้นของกองทุนในราคาตั้งต้นของการจดทะเบียนจัดตั้ง (PAR) โดยเงินที่ประชาชนและผู้มีรายได้น้อยในจังหวัด
ขอนแก่นนำมาซื้อหุ้นลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของ บริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS) ดังกล่าวจะ
ถูกสะสมเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาหุ้นในกองทุนดังกล่าวคาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่าถึง 10 เท่าของเงิน
ลงทุน (upside gain) ดังนั้น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) จึงนอกจากจะเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดการ
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบขนส่งมวลชน และดึงดูดการลงทุนเพื่อสรา้ งความเติบโตในภาคเศรษฐกิจของเมือง
ขอนแก่นแล้ว ยังถูกใช้เป็น “เครื่องมือ” ในการแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับชาวจังหวัดขอนแก่นอีกด้วย
ตลอดจนยังให้สิทธิแก่ประชาชนชาวจังหวัดขอนแก่นในการเป็นเจ้าของเมือง หรือเจ้าของโครงการและกิจการ
พฒั นารถไฟฟา้ รางเบารว่ มกันด้วย
นอกจากนี้ การจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานในตลาดหลักทรัพย์ ของบริษัทขอนแก่น
ทรานซิท ซสิ เตม็ (KKTS) ดังกล่าว ยังจะทำใหบ้ รษิ ัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเตม็ (KKTS) รวมถงึ เทศบาลท้งั 5 แห่งท่ี
ถือหุ้นเป็นเจ้าของบริษัทนี้ร่วมกัน สามารถสร้างกำไรจากหุ้นหรือเงินลงทุนในกองทุนโครงสรา้ งพื้นฐานดังกล่าวได้
อย่างมหาศาล เนื่องจากความนา่ เชือ่ ถือ (credit) และความโปร่งใสของกองทนุ ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นและเงนิ ลงทุน
สะสมในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มพูนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดจะทำให้บริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม
(KKTS) และเทศบาลทั้ง 5 แห่ง มีเงินที่เป็นกำไรสำหรับนำไปใช้ลงทุนและเป็นงบประมาณในการดำเนินโครงการ
ห นา้ 3-75 หนา้ 3-75
พัฒนาหรือแก้ไขปัญหาของท้องถิ่นในด้านต่าง ๆ ต่อไปได้อย่างเต็มที่และอิสระ โดยไม่ต้องรอรับงบประมาณ
สนบั สนนุ จากส่วนกลาง หรือเป็นการลดภาระทางการคลงั ของรฐั บาลกลางไปในตัวด้วย หรือในอีกกรณีหน่งึ บริษัท
ขอนแกน่ ทรานซิท ซิสเตม็ (KKTS) อาจใช้ “ใบหุ้น” ของบริษทั เพอ่ื เป็นหลักประกันหรือนำไปใช้ลงทุนหรือใช้แทน
เงนิ งบประมาณ เพอ่ื นำไปใช้ดำเนนิ โครงการพัฒนาเมือง พฒั นาเศรษฐกิจทอ้ งถน่ิ ของตนเองในด้านต่าง ๆ ได้ต่ออีก
ด้วย
แผนภาพที่ 3-15 เสน้ ทางการเงนิ และการลงทุนของบรษิ ัทขอนแก่นทรานซทิ ซิสเต็ม (KKTS)
ท่มี าภาพ: คณะวจิ ยั
ปจั จัยแหง่ ความสำเรจ็ ของการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
ความต้องการให้จังหวัดขอนแก่นกลายเป็นเมืองอัจฉริยะ (Khon Kaen Smart City) ตามแนวทางของ
“ขอนแก่นโมเดล” ในความเป็นจริงนั้น ได้เกิดขึ้นมาก่อนที่จังหวัดขอนแก่นจะมีการกำหนดเป็นยุทธศาสตร์หรือ
เป้าหมายการพัฒนาจังหวัดอย่างเป็นทางการเริม่ แรก ในปี พ.ศ.2559 ผ่านฟันเฟืองขับเคลื่อนสำคัญก็คือ กลุ่มนัก
ธุรกิจท้องถิ่นและนายกเทศมนตรีทั้ง 5 แห่งในเขตเมืองขอนแก่น ที่พยายามสะท้อนปัญหาการจราจรภายในเมือง
และคุณภาพชีวติ ของประชาชนภายในเขตเมืองขอนแก่นดา้ นตา่ ง ๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการจัดการส่ิงแวดล้อมของ
เมืองและการพฒั นาพ้ืนท่ีพาณชิ ยห์ รือย่านเศรษฐกิจของเมืองขอนแกน่ มาตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2550 กระท่งั เกิดโครงการ
พัฒนาระบบขนส่ง Khon Kaen Smart Bus และโครงการก่อรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบ
ด้านการคมนาคมอจั ฉริยะ (smart mobility) ของการพฒั นาเมืองอัจฉริยะ (smart city) เป็นต้น ดงั น้นั จะเห็นได้
ว่าความต้องการของชาวขอนแก่นที่พยายามพัฒนาให้ขอนแก่นกลายเป็นเมืองอัจฉริยะนั้น เกิดขึ้นมาก่อนที่จะมี
นโยบายรองรับอย่างเป็นทางการที่ได้รับการบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดขอนแก่น ซึ่งสามารถสะท้อนให้เห็นได้
เป็นอย่างดีว่าจงั หวดั ขอนแก่นเอง มจี ดุ กำเนดิ ของนโยบายท่ีตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพ้ืนท่ีและ
หน้า 3-76
หนา้ 3-76
สอดรับกับสภาพปัญหาของเมืองได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีฐานรากการสนับสนุนนโยบายที่มั่นคงจากทั้งภาคประชา
สังคม ภาคเอกชน และภาควิชาการ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ต่อการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาขอนแก่นให้
กลายเป็นเมืองอัจฉริยะได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้การแปลงนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้านต่าง ๆ มี
ความกา้ วหน้าอย่างเปน็ รูปธรรม ดังที่เปน็ อยใู่ นปัจจุบัน
ในภาพรวมแล้ว ปัจจัยที่ “มผี ล” ต่อการแปลงนโยบายการพัฒนาเมืองอจั ฉริยะให้นำไปสู่การปฏิบัติอย่าง
เป็นรูปธรรมตามแนวทางขอนแก่นโมเดล ประกอบด้วย ปัจจัยที่เปน็ ฐานหลัก (grounded factors) และปัจจัย
สนับสนุนเชิงกระบวนการ (contributory factors) โดย ปัจจัยที่เป็นฐานหลัก (grounded push factors)
หมายถึง ปัจจัยที่เป็นฐานสนับสนุนสำคัญที่ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะหรือระบบงาน
อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องถูกนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนตามแนวทางของขอนแก่น ประกอบด้วย 1.) ภาวะ
ผู้นำตามแนวทางของขอนแก่นโมเดล (Khon Kaen’s leadership model) 2.) สำนึกรักบ้านเกิด (citizen’s
sense of Khon Kaen spirit) และ 3.) ความร่วมมอื แบบบรู ณาการ (integrated collaboration)
ส่วนปัจจัยสนับสนุนเชิงกระบวนการ (Procedural contributory factors) คือ ปัจจัยที่ขอนแก่นได้
นำไปใช้เพื่อขับเคลื่อนระบบงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ประกอบด้วย 1.) การสานเสวนา
(dialogue) 2.) การศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางการพัฒนาก่อนเริ่มดำเนินงาน (project’s feasibility
study) 3.) มีแผนการดำเนินงานสำหรับขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมชัดเจน (authorized
smart city plans) 4.) การระดมทรพั ยากรสำหรับนำไปใชข้ บั เคล่ือนนโยบาย (resource mobilization) 5.) แผน
เพิ่มพูนเงินทุน (financial and investment plans) 6.) ความโปร่งใสและประชาชนได้ประโยชน์จากการพัฒนา
เมอื ง (transparency and shared-benefits) ดงั รายละเอยี ดปรากฎในแผนภาพที่ 30
ภาวะผ้นู ำตามแนวทางของขอนแกน่ (Khon Kaen’s Leadership Model)
ถอื เป็นปัจจัยฐานราก (grounded factor) ทนี่ ำมาสู่การเกิดข้นึ ของนโยบายพัฒนาเมืองอจั ฉรยิ ะขอนแก่น
ในด้านต่าง ๆ เนื่องจากกลุ่มคณะทำงานที่ขับเคลื่อนด้านการพัฒนานโยบายขอนแก่นเมืองอัจฉริยะ (Khon Kaen
Smart City) นั้น เกิดขึ้นผ่านการรวมตัวกันระหว่างประชาชน ภาคประชาสังคม ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการรวมตัวกันของกลุ่มนักธุรกิจเอกชนในพื้นที่ ซึ่งได้ริเริ่มผลักดันโครงการพัฒนา
เมืองอัจฉริยะมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ผ่านความเคลื่อนไหวของการริเริ่มโครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนใน
จังหวัดขอนแก่น กระทั่งนำมาสู่ความพยายามในการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) เพื่อใช้สำหรับคมนาคม
ภายในจังหวดั ขอนแก่น ที่บริหารจัดการด้วยศักยภาพและความสามารถของชาวขอนแกน่ เอง อยา่ งไรกต็ าม ภาวะ
ผู้นำ (leadership) ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแค่กลุม่ ผู้บริหารท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน หรือผู้นำ (leader) ในตำแหน่ง
สูงสุดของหน่วยงานเท่านั้น แต่ภาคประชาสังคมในจังหวัดขอนแก่นยังมีภาวะความเป็นผู้นำค่อนข้างสูง ต่อการ
ขับเคลอ่ื นและผลักดนั ให้นโยบายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแกน่ เกิดข้ึนอยา่ เป็นรูปธรรมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
บทบาทของกลุ่มปัญจมิตร แปดองค์กรเศรษฐกิจขอนแก่น และกล่มุ มูลนธิ ิชุมชนขอนแกน่ ทศวรรษหน้าท่ีได้ร่วมกัน
ห น้า 3-77 หน้า 3-77
จดั ทำประชาพิจารณเ์ พื่อสะท้อนความต้องการของประชาชนภายใต้จังหวัดให้มีการขบั เคล่ือนนโยบายพัฒนาเมือง
อจั ฉรยิ ะอย่างจรงิ จังดว้ ย
แผนภาพที่ 3-16 ปัจจัยท่ีมีผลตอ่ การแปลงนโยบายเมอื งอัจฉริยะขอนแก่นไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ
ที่มาภาพ: คณะวจิ ัย
ภาวะความเป็นผู้นำเพื่อจัดการและพัฒนาเมือง (leadership for urban development) ตามแนวทาง
ของขอนแก่นโมเดลน้ี หลกั ๆ สามารถจำแนกไดเ้ ป็น 6 ด้าน ประกอบด้วย
1.) ความกล้าคิดกล้าทำ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ การผลักดนั โครงการก่อสรา้ งรถไฟฟา้ รางเบา (LRT) ซ่ึงถือเป็น
ปรากฏการณใ์ หม่ในประเทศไทยทต่ี ้องใช้ความทุ่มเทอย่างมากในการผลักดัน วางแผน และบริหารจัดการโครงการ
ดังกล่าว
2.) การมีความยืดหยุ่นในการทำงานสูง เนื่องจากการขับเคลื่อนนโยบายเมืองอัจฉริยะขอนแก่นไปสู่การ
ปฏิบัตินั้น มีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับการทำงานเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั้ง 7 ด้าน รวมถึงคณะทำงานท่ี
หน้า 3-78
หน้า 3-78
ขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นก็ประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึง
สถาบันการศึกษาภายในพื้นที่ ดังนั้น รูปแบบการทำงานจึงไม่ใช่การทำงานแบบระบบราชการอย่างสมบูรณ์ แต่มี
การบูรณาการเทคนคิ การจัดการใหม่ ๆ จากภาคเอกชนเข้ามารว่ มด้วย
3.) ทักษะในการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อย่างที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ว่า “ขอนแก่น
โมเดล” เกิดขึ้นได้ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง “ทุกภาคส่วน” ที่มีอยู่ในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน ภาค
ประชาสังคม หรือสถาบันการศึกษา อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่ทำให้ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ใน
จงั หวัดขอนแกน่ แตกต่างจากท่ีอื่นก็คือ การใช้ทรัพยากรรว่ มกัน (shared resource) ระหว่างเครอื ขา่ ยต่าง ๆ ด้วย
โดยเฉพาะอย่างยง่ิ การระดมทนุ เพ่ือนำมาพฒั นาเมืองขอนแก่นดา้ นตา่ ง ๆ
4.) การตระหนักและเขา้ ใจกับปัญหาในพ้ืนที่ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่นำมาสู่การเกดิ ข้ึนของโครงการ
พัฒนาเมืองอัจฉริยะหลาย ๆ โครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Smart Bus รถไฟฟ้า LRT โครงการพัฒนาย่าน
เศรษฐกิจศรีจันทร์ โครงการเมืองคาร์บอนต่ำ โครงการอาสาสมาร์ท เป็นต้น โครงการเหล่านี้ ล้วนพัฒนามาจาก
“ความตระหนัก” ของกลุ่มคนที่มีภาวะผู้นำซ่ึงทำงานในทอ้ งถิ่น ภาครัฐ หรือบริษัทเอกชนซึ่งเปน็ คนขอนแก่นโดย
กำเนดิ และอยากพฒั นาเมืองให้เติบโตมากข้ึน
5.) ความเสียสละ คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะไม่ได้รับ
ค่าตอบแทนใด ๆ แต่มีความตั้งใจท่ีจะเข้ามามีบทบาทหรือเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองให้มคี วาม
เจริญมากขึ้น โดยใช้ศกั ยภาพและทรพั ยากรทีต่ นเองมี เช่น ภาควิชาการก็ใช้องค์ความรู้ ภาคเอกชนก็ใชก้ ารระดม
ทุน ภาครัฐก็ใช้อำนาจสนับสนุนส่งเสริมและอำนวยความสะดวก เป็นต้น ด้วยภาวะความเป็นผู้นำ (leadership)
ของแต่ละภาคส่วนมาเกื้อหนุนและทำงานร่วมกันในลักษณะแบบนี้ จึงทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ขอนแก่นโมเดล
ออกมาในที่สดุ
6.) การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและความยากลำบาก แม้ว่าโครงการใหญ่ ๆ เช่น การผลักดันโครงการ
ก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ขอนแก่นจะมีปัญหาหรืออุปสรรคเกิดข้ึน ทำให้จำเป็นต้องขยายเวลาดำเนิน
โครงการออกไปจากเดิมในปี 2559 มาจนถึงปัจจุบัน เพราะประเด็นปัญหาด้านการขอใช้พื้นที่ศูนย์วิจัยข้าว
ขอนแก่น ของกรมการข้าว หรือประเด็นปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย รัฐเอื้อเอกชน หรือแม้แต่กระทั่งประเด็นปัญหา
ด้านการเมืองท้องถิ่น แต่คณะทำงานก็ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากที่เกิดขึ้น และขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเมือง
อย่างมงุ่ มนั่ เน่ืองจากเปน็ โครงการที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชาวจงั หวดั ขอนแก่นอย่างมหาศาลทั้งในปัจจุบันและ
ในอนาคต
สำนึกรกั บ้านเกิด (Sense of Khon Kaen Spirit)
ในภาพรวมแล้วคือ “ความตระหนัก” และ “ความรัก” ต่อจังหวัดขอนแก่น ในฐานะที่เป็นภูมิลำเนาของ
ตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักธุรกิจเอกชนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นที่เป็นชาวขอนแก่นโดยกำเนิด
เริ่มแรกเกิดความตระหนักต่อสภาพปัญหาภายในเมืองขอนแก่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการคมนาคมขนส่ง โดย
ห น้า 3-79 หนา้ 3-79
มองว่าในขณะที่อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดขอนแก่นมีการลุงทุนและเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่
เมืองยังประสบกับปัญหาหลายด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการสัญจรภายในเมือง รวมถึงระบบสาธารณะสุขของ
เมือง กระทั่งนำมาสู่การระดมทุนร่วมกันของภาคเอกชนเพื่อนำไปใช้สำหรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมือง
ร่วมกันด้านต่าง ๆ จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ด้วยเงินทุน 20 ล้านบาท เป็นต้น
เชน่ เดยี วกบั ภาคประชาสังคมอย่างมลู นธิ ิชุมชนขอนแก่นทศวรรษหน้า ทนี่ ำโดยกล่มุ นักวชิ าการและนักเคล่ือนไหว
ภาคประชาสังคมซึ่งเป็นคนขอนแก่นโดยกำเนิดได้ร่วมกันผลักดันให้เกิดโครงการ “ขอนแก่น จังหวัดอัจฉริยะ”
หรอื “smart province” เกิดข้นึ ให้ครอบคลุมทวั่ ทกุ ตำบล ทุกอำเภอทง้ั จังหวัดขอนแก่น หรือกรณีของ 5 เทศบาล
ในเขตเมืองขอนแก่นที่ได้ระดมทุน 5 ล้านจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS) สำหรับ
ขับเคลื่อนการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ให้คนในขอนแก่นโดยเฉพาะเป็นต้น ซึ่งในความ
เป็นจริงแล้ว ภาคธุรกิจเอกชนกว่า 20 บริษัท หรือ แม้กระทั่งภาคประชาสังคมในจังหวัดขอนแก่นเอง ไม่มีความ
จำเป็นที่จะต้องมาสละเวลาของตนเองเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะดังกล่าวเลยก็ย่อมได้ เนื่องจากทุก
ฝ่ายล้วนมีภาระหน้าที่รับผิดชอบของตนเองอยู่ และยังเป็นหน้าที่หลักของภาครัฐในพื้นที่ที่จะต้องจัดทำอยู่แล้ว
เช่นกัน แต่กลุ่มนักธุรกิจและภาคประชาสังคมซึ่งเป็นชาวขอนแก่นโดยไม่ได้คิดเช่นนั้น ความตระหนักต่อบทบาท
ของตนเองและสำนึกรักบา้ นเกิดเป็นอีกหนง่ึ ปัจจัยสำคัญท่ีทำให้คนกลุ่มนีซ้ ง่ึ เป็นคนรนุ่ ใหม่ หนั มาทำงานร่วมกันกับ
ภาครัฐในพนื้ ที่เพื่อพฒั นาจังหวดั ขอนแกน่ ให้เจริญเติบโตอย่างรอบด้าน ดังคำกลา่ วของนายกงั วาน เหล่าวิโรจนกุล
ผู้ร่วมกอ่ ต้งั บริษัท ขอนแกน่ พฒั นาเมือง (KKTT) ท่ีว่า
““ขอนแก่นโมเดล” เกิดจากความฐานรากของคำว่ารักบ้านเกิด และ leadership
และความร่วมมือทีเ่ รียกว่าสามเหลี่ยมภเู ขาเขย้ือนภูเขา... เป็นโครงสร้างทีค่ ่อย ๆ ร้อยเรียง และใช้เวลา”
(INN News, 8 กนั ยายน 2561)
“...เป้าหมายของเราก็คือการส่งมอบเมืองที่น่าอยู่ ที่เจริญเติบโต ให้กับลูกหลานคน
ขอนแก่นต่อไปในอนาคต แต่ก่อนทุกคนจะย้ายเข้าไปที่กรุงเทพ ฯ หรือไปที่ส่วนกลางกันหมด ใน
ตา่ งจังหวดั เองก็ไกลถิ่นฐาน แต่ถ้าเมอื งขอนแกน่ เรามสี ภาวะแวดล้อมท่ีดี มงี านท่ดี ี ทุกคนก็สามารถทำงาน
ที่จังหวัด ได้อยู่ใกล้บ้าน อยู่ใกล้ครอบครัว ปัญหาสังคมต่าง ๆ ก็จะน้อยลง ดังนั้นคนรุ่นหลงั จึงถือเป็นสว่ น
สำคัญในการพัฒนาเมืองให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น เราเพียงต้องการพัฒนาโครงสร้างของเมืองให้มีคุณภาพ เพื่อ
รองรับให้คนรุ่นหลังอย่แู ลว้ มีความสุข การจะเป็น“Smart City” ในความหมายของเรา เป้าหมายคือคำว่า
ความสุขทีถ่ ือวา่ เป็นเรื่องสำคญั เพราะฉะนั้นถ้าทุกคนต้องการมีความสุข ทุกคนก็สามารถเข้ามามีสว่ นร่วม
ในการทำความเข้าใจ เปิดใจ และรับฟังในสิ่งที่จะพัฒนาต่อไปร่วมกันได้” (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจ
สร้างสรรค์, 2562)
ความรว่ มมอื แบบบูรณาการ (Integrated Collaboration)
ปัจจัยที่สำคัญอย่างมาก หรือ เป็นเสมือนเงื่อนไขสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้การแปลงนโยบายเมือง
อัจฉริยะไปสู่การปฏิบัติเกิดความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม นั่นก็คือ “การทำงานร่วมกัน (collaboration)”
หนา้ 3-80
หนา้ 3-80
ระหว่างประชาชน ภาครัฐ เอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม หรือองค์กรชุมชนที่อยู่ภายในพื้นที่จังหวัด
ขอนแกน่ อยา่ งไรก็ตาม การทำงานร่วมกันระหวา่ งภาคส่วนต่าง ๆ (collaboration) ดจู ะเปน็ เรอ่ื งธรรมดา เพราะ
ทุกจังหวัดในประเทศไทยก็ล้วนได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อทำงานพัฒนาแก้ปัญหาสังคม
ร่วมกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้แนวทางการพัฒนาเมืองในจังหวัดขอนแก่นมีความโดดเด่นก็คือ ความร่วมมือในการ
ทำงานพัฒนาเมืองร่วมกัน (collaboration) ดังกล่าว ไม่ได้เป็นเพียงการมาร่วมประชุมหรือระดมความคิดเห็น
แล้วตา่ งฝ่ายตา่ งนำไปทำตามบทบาทและภารกจิ ของตนเอง แต่ “ขอนแกน่ โมเดล” ใช้ความรว่ มมือแบบบูรณาการ
(integrated collaboration) หมายถึงว่า ทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นทั้งภาคประชาสังคม ภาครัฐ
ภาคเอกชน สถาบันวิชาการ ได้มา “ร่วมกันคิด ร่วมทำ” และที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ “ร่วมกันลงขันเพื่อพัฒนาเมอื ง
(shared resources)” ซึ่งแนวทางการพัฒนาเมืองแบบมีส่วนร่วมโดยส่วนมากในประเทศไทย จะมีเพียง “ร่วมกนั
ร่วมกันทำ” ต่างฝ่ายต่างขับเคลื่อนโครงการของตนเอง แต่กรณีของขอนแก่น คือ ร่วมกันลงขัน หรือระดม
ทรัพยากรเพื่อนำมาใช้สำหรับพัฒนาเมืองร่วมกัน เช่น กรณีของบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ระดมทุน
ร่วมกันระหว่างภาคเอกชนได้ 20 ล้าน สำหรับนำไปใช้พัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐานด้านต่าง ๆ บริษัท
ขอนแก่นทรานซิท ซสิ เตม็ (KKTS) ระดมทุนจากเทศบาล 5 แห่งปแี รกระดมทุนได้ 5 ล้าน ปัจจบุ นั มเี งนิ ทนุ กว่า 25
ล้าน ที่ได้รับบริจาคจากประชาชนและภาคเอกชนในจังหวัดขอนแก่นที่ต้องการให้มีระบบรถไฟฟ้ารางเบาเกิดขึ้น
หรือกรณีของภาคประชาสังคม อย่างมูลนิธิชุมชนขอนแก่นทศวรรษหน้า ซึ่งระดมทุนจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ 2
แสนบาท เพือ่ นำไปใชส้ ำหรับทำงานขบั เคล่อื นการพัฒนาเมอื งด้านต่าง ๆ เป็นตน้
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่การระดมทุนหรือทรัพยากรร่วมกันเท่านั้น แต่การมีส่วนร่วมอย่างบูรณาการ
(integrated participation) ระหว่างประชาชนในพื้นที่ คนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้มีรายได้น้อย มีรายได้ประจำ
ล้วนมีสิทธิมีเสียงในการแสดงความคิดเห็นและ “เป็นเจ้าของเมือง” ร่วมกันกับทุกฝ่าย โดยใช้กลไก “สภาเมือง
ขอนแก่น (Citizen’s Council)” เปน็ พน้ื ทใี่ นการสะท้อนปัญหาและความต้องการ และทส่ี ำคัญท่ีสุดก็คือ การร่วม
ตัดสินหรือลงประชามติต่อโครงการพัฒนาเมืองด้านต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น นอกจากนี้ ยังมีการทำประชา
พิจารณ์ระดับจังหวัดครั้งใหญ่ที่จัดโดยบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS) เพื่อให้ประชาชนได้สะท้อนความ
ต้องการ เกิดความตระหนักร่วม และตัดสินใจร่วมกันต่อโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ขอนแก่น
รวมถึงยังมีการจัดสมัชชาใหญ่ทุกอำเภอทั่วจังหวัดขอนแก่น ที่เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิชุมชน
ขอนแก่นทศวรรษหน้า (ภาคประชาสังคม) กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ที่ได้จัดประชาพิจารณ์ระดม
ความคิดเห็นจากประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ่อค้า นักธุรกิจท้องถิ่น อำเภอ เพื่อระดมความคิดและ
ความร่วมมือ ในการสะท้อนปัญหาและความต้องการร่วมกันระหว่างคนในพื้นที่สำหรับพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้
ครอบคลุมทุกตำบล ทุกอำเภอ ท่ัวจังหวัดขอนแก่น เกิดเป็นยุทธศาสตร์ขอนแก่นจังหวัดอัจฉริยะ (smart
province) เป็นตน้
ท้ายที่สุดแล้ว ความร่วมมือแบบบูรณาการ (integrated collaboration) ระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ในการ
ระดมความคิดเห็น ระดมทรพั ยากร (shared resources) รว่ มกันเหลา่ น้ี ก่อให้เกิดความตระหนกั รว่ ม (collective
ห นา้ 3-81 หน้า 3-81
awareness) โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในหมูป่ ระชาชนที่อาศยั อยใู่ นจังหวัดขอนแก่นใหร้ บั ร้แู ละเกิดความเขา้ ใจร่วมกันว่า
เมืองกำลังจะพัฒนาไปในทิศทางใด และปัญหาในทอ้ งถิ่นของตนเองมีความจำเป็นเรง่ ด่วนที่จะต้องได้รบั การแก้ไข
มากน้อยเพียงใด และที่สำคัญมากที่สุดคือ “บทบาทของตนเอง” ในการเป็นเจ้าของเมืองและการเข้าไปเป็นส่วน
หนึ่งในการพัฒนาเมือง (sense of belonging) หรือเข้าไปเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาขอนแก่น (partner) มี
ความสำคัญมากน้อยเพียงใด ประชาชนชาวขอนแก่นจึงไม่ได้เป็นเพียงผู้รับบริการสาธารณะ (public ) แต่เป็นผู้
ร่วมใหบ้ รกิ ารสาธารณะไปในตัวดว้ ย (public servers)
การสานเสวนา (Dialogue) เพอ่ื สรา้ งวิสยั ทัศน์ร่วม
เป็นปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการพัฒนา
เมืองเป็นเงื่อนไขที่สำคัญอย่างมากที่มีผลต่อความสำเร็จหรอื ความก้าวหน้าของโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติ
ของการเสริมสร้างความเข้มแข็งภาคพลเมืองและประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น ในกรณีของขอนแก่น
ความก้าวหน้าโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากกระบวนการสานเสวนา (dialogue) ซึ่ง
แบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ การสานเสวนาระดับพื้นที่ (area-based dialogue) และการสานเสวนาเพ่ือ
ขับเคลื่อนนโยบาย (policy-driven dialogue) ดังที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วว่า การสานเสวนาในระดับพื้นท่ี
(area-based dialogue) ได้เอา “สภาเมืองขอนแก่น (Citizen’s Council)” มาใช้เป็นกลไกสำคัญในการสาน
เสวนา สื่อสาร ระดมความคิดเห็น สร้างการตัดสินใจร่วมกันระหว่างภาครัฐ ประชาชน องค์กรชุมชน และภาค
ประชาสังคม รวมถึงภาคธุรกิจเอกชนในพื้นที่ต่อโครงการ นโยบาย หรือทิศทางการพัฒนาเมืองขอนแก่นใน
ประเด็นต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีการจัดสมัชชาใหญ่ระดับจังหวัด และการทำประชาพิจารณ์จังหวัดอื่น ๆ อีก
มากมาย เพื่อสรา้ งความตระหนัก สรา้ งความเขา้ ใจ แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ สะท้อนปัญหาและความต้องการจาก
ประชาชนในฐานะเจ้าของพน้ื ทซ่ี ง่ึ ได้รบั ผลกระทบต่อการพัฒนาเมืองด้านตา่ ง ๆ รว่ มกนั
นอกจากนี้ ขอนแก่นโมเดล ยังได้ใช้วิธีการสานเสวนากับผู้มีอำนาจในการขับเคลื่อนนโยบาย (policy-
driven dialogue) ด้วย เนื่องจากว่า “ขอนแก่นโมเดล” เป็นปรากฏการณ์ที่ใช้ระบบการขนส่งมวลชนนำการ
พัฒนา (Transit-Oriented Development: TOD) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) โดย
ศักยภาพและการบรหิ ารจัดการขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ที่มีการจดั ตงั้ บรษิ ัทจำกดั แห่งแรกของประเทศไทย
ภายใต้พระราชบัญญัติเทศบาล 2496 ดังนั้น คณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองขอนแก่นโมเดลนี้ จึงใช้ความ
พยายามอย่างมาก ในการสานเสวนากับผู้มีอำนาจ โดยได้มีการเข้าพบเพื่อสานเสวนาและปรึกษาหารือแนว
ทางการดำเนินงานกับผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงบ่อยครั้ง เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี อธิบดีว่าการ
กระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาขอนแก่นตามแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น (Khon Kaen Smart
City 2029) เปน็ ตน้
การศึกษาก่อนลงมือทำ (Project’s Feasibility Study)
โครงการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้นโยบายการขับเคลื่อนขอนแก่นให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะ (Khon Kaen
Smart City) ล้วนถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างมีหลักการ ผ่านการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบ ความเป็นไปได้ และ
หนา้ 3-82
หน้า 3-82
แนวทางการพัฒนาที่เหมาะสม สอดคล้องกับบริบทการพัฒนาเมืองของขอนแก่น เพ่ือให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ขอนแก่นถูกขับเคลื่อนไปอย่างถูกทิศทาง มีหลักการสมเหตุผล และยั่งยืน นำโดยนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญใน
สาขาวชิ าตา่ ง ๆ ของมหาวทิ ยาลัยขอนแก่น และมหาวทิ ยาลยั ในจังหวัด เช่น กรณีของโครงการพฒั นาระบบขนส่ง
มวลชนสาธารณะในจังหวัดขอนแก่น ทั้งรถโดยสารสาธารณะ หรือระบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ได้ใช้เวลา
ทำการศึกษาวิเคราะห์ศกั ยภาพ ความเป็นไปได้ และความเหมาะสมของโครงการมาอยา่ งยาวนานกวา่ 15 ปี ตั้งแต่
ปี พ.ศ. 2547 ไม่ว่าจะเป็น โครงการศึกษาการจัดทำแผนแม่บทด้านการจราจรและขนส่งเมืองภูมิภาค: จังหวัด
ขอนแก่น หรือการศึกษาจัดทำแผนแม่บทและศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ และผลกระทบ
ทางสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นเพื่อก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองขอนแก่นในปี 2551 หรือ โครงการศึกษาระบบรถ
โดยสารด่วนพเิ ศษ (BRT) ในภูมภิ าคเพื่อการจราจรปลอดภัยอยา่ งย่งั ยนื กรณศี ึกษาจังหวดั ขอนแกน่ ปี 2554 หรือ
ปี 2560 ได้ทำการศึกษาออกแบบรายละเอียดระบบขนสง่ สาธารณะในจังหวัดขอนแกน่ และผลกระทบสิง่ แวดล้อม
เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้
และแนวทางพัฒนาที่เหมาะสมมาอย่างยาวนานมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 ได้นำเสนอต่อคณะทำงานและผู้มีอำนาจ
ตัดสินใจท่ีเก่ยี วข้อง และได้ทำการศกึ ษาเพ่มิ เตมิ ในหลายประเด็นกระทัง่ ถงึ ปี 2560 กไ็ ดม้ ีการศกึ ษาแนวทางพัฒนา
ที่เหมาะสมเพิ่มเติม เนื่องจากบริบททางเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดขอนแก่นเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่าง
รวดเร็วหรือในกรณีโครงการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในย่านเมืองเก่าในเขตเมืองขอนแก่น “ย่านศรีจันทร์
สรา้ งสรรค์” ซง่ึ ถือเป็นโครงการใหม่ขนาดใหญ่อีกหน่ึงโครงการตามแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น ที่เร่ิมนำมา
สู่การปฏิบัติอย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2562 แต่ได้มีการศึกษาวิเคราะห์ศักยภาพ ความเป็นไปได้ และแนวทางการ
พัฒนาที่เหมาะสมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 รวมถึงมีการจัดเวทีสาธารณะมากกว่า 8 ครั้ง เพื่อนำเสนอผลการศึกษา
และความเปน็ ไปไดใ้ นการพัฒนาพื้นท่เี ศรษฐกจิ ยา่ นเมืองเก่าในตัวเมืองขอนแก่น เป็นตน้
แผนงานการทำงานที่ชดั เจน (Authorized Plans)
ถอื เป็นปัจจยั เชงิ กระบวนการช้ินสำคัญที่ขาดไม่ได้เนื่องจากการขับเคล่ือนนโยบายพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้
เกดิ การนำไปปฏิบัติอย่างจรงิ จังนั้น จำเปน็ จะตอ้ งมกี ารพฒั นาแผนงานอย่างเป็นรปู ธรรมขน้ึ มาซ่ึงจะต้องได้รับการ
รับรองอย่างเป็นทางการ (authorized plans) ด้วยเพราะหน่วยงานภาครัฐซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญ
อย่างมากต่อการขับเคลื่อนเชิงนโยบายในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ
ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากมีแผนการทำงานมารองรับอย่างเป็นทางการจะถือเป็นตัวช่วย
สำคัญที่เอื้ออำนวยให้หน่วยงานราชการในพื้นที่ ตลอดจนบริษัทเอกชนเอง สามารถทำงานขับเคลื่อนนโยบายการ
พัฒนาเมืองอัจฉริยะไปสู่การปฏิบัติอย่างราบรื่นด้วย โดยในกรณีของจังหวัดขอนแก่น ได้มีการนำประเด็นการ
พัฒนาเมอื งอัจฉรยิ ะไปบรรจุ ไวใ้ นแผนยุทศาสตร์การพฒั นาจังหวดั ขอนแก่น ซง่ึ ถอื เป็นจงั หวดั แรกของประเทศไทย
ที่ได้นำเอาเรื่องการพัฒนาเมืองอัจฉริยะไปบรรจุไว้เป็นวาระสำคัญในแผนพัฒนาจังหวัด นอกจากนี้ ตามแนวทาง
ของขอนแก่นโมเดล ยังได้มีการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น (Khon Kaen Smart City
2029) ขึ้นด้วย โดยมีการออกแบบและพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่ครอบคลุมประเด็นการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั้ง 7
ห นา้ 3-83 หน้า 3-83
ดา้ น ไวใ้ นแผนแมบ่ ท ฯ ดังกลา่ ว นอกจากน้ี จังหวดั ขอนแก่นยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานสำหรับ
ทำหน้าที่ขับเคล่ือนการพัฒนาเมืองอจั ฉริยะระดับจงั หวัดในแต่ละด้านโดยเฉพาะด้วย ซึ่งได้มอบอำนาจหนา้ ที่และ
ความรับผิดชอบต่าง ๆ ให้กับคณะทำงานในแต่ละฝ่าย องค์กรเอกชน ประชาสังคม รวมถึงผู้เชี่ยวชาญฝ่ายต่าง ๆ
รับผิดชอบการทำงานเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะในแต่ละด้านของตนเองให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีผลทำให้ทิศ
ทางการพัฒนาเมืองอจั ฉริยะขอนแก่นมีความชดั เจนและถกู ขับเคล่ือนอยา่ งราบรืน่ โดยคณะทำงานฝ่ายตา่ ง ๆ
การระดมทรพั ยากรร่วมกนั (Resource Mobilization)
เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากที่ด้านหนึ่งที่จะต้องคำนึงถึง เพราะการทำงานทุกเรื่องจะขาด “ทรัพยากร
(resource)” ไม่ได้ ซึ่งระดมทรัพยากรที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่งบประมาณเพียงอย่างแต่เดียว แต่ยัง
หมายความรวมถึง ปัจจัยดา้ นบุคลากร เครอื ขา่ ย องค์ความรู้ และงบประมาณด้วย หรอื เปน็ ปจั จยั ทรพั ยากร “4ค”
ตามแนวทางระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาเมืองแบบขอนแก่นโมเดล ได้แก่ “คน เครือข่าย ความรู้ และคลัง
งบประมาณ” โดยการระดมคนเข้ามาทำงานเพื่อพัฒนาเมืองขอนแก่นในช่วงแรกเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของ
กลุ่มพ่อค้านักธุรกิจในพื้นท่ีซึง่ ได้เล็งเห็นถึงปญั หาของเมืองในขณะนัน้ ได้รวมตัวกันและพยายามระดมกลุ่มคนที่มี
ความเกี่ยวข้องหรือมีบทบาทและอำนาจในการพัฒนาเมืองมาร่วมด้วยช่วยกัน เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
จังหวัดขอนแก่น รวมถึงภาคประชาชน ซึ่งแต่ก่อนต่างฝ่ายต่างขับเคลื่อนงานของตนเอง ให้มาทำงานร่วมกัน
กลายเปน็ ขุนพลสำคัญ หรอื คณะทำงานหลักระดับจังหวดั เพ่ือขับเคลื่อนการพฒั นาเมืองอจั ฉริยะขอนแก่นในที่สุด
ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มคนหลายภาคส่วนมาทำงานเป็นคณะทำงานชุดเดียวกัน มองภาพและอนาคตของการพัฒนา
เมืองขอนแก่นด้วยมุมมองเดียวกนั นอกจากนี้ ทรัพยากรที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง คือ เครือข่าย (network) จากการให้
สัมภาษณ์ของอาจารย์สุรเดช ทวีแสงสกุลไชย รองคณบดีวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง
บริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) กล่าวว่า “เราไม่ได้ใช้แค่คนมาทำงานกับเราอย่างเดียว... สิ่งที่ทำให้ขอนแก่น
เป็นรูปเป็นร่างได้ ก็คือ เราเอาเครือข่ายที่คนของเรารู้จักมาทำงานด้วยกัน คณบดีมีเครือข่ายของคณบดี
นายกเทศมนตรีก็มเี ครือข่ายของท่าน จงั หวัดกม็ ีเครอื ขา่ ยของตวั เอง ส่วนพวกเรานักธุรกจิ ก็มเี ครอื ขา่ ยของพวกเรา
เอง ใครรู้จักใคร เรื่องไหนก็เอามาช่วยกันทำงาน พอยท์ของมันก็อยู่ตรงนี้...” (สัมภาษณ์เมื่อ 23 พฤศจิกายน
2562) ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการระดมเครือข่ายของบุคลากรที่มีอยู่เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการทำงานร่วมกันก็มี
สว่ นสำคญั ทที่ ำใหโ้ ครงการพฒั นาเมอื งขอนแกน่ เกดิ ความก้าวหน้าอย่างเปน็ รปู ธรรมดังท่เี ป็นอยู่ในปัจจบุ ัน
สำหรับมิติด้านองค์ความรู้ ก็เป็นทรัพยากรที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งในการพัฒนาเมืองตามแนวทางของ
ขอนแกน่ ดังท่ไี ดน้ ำเสนอไปก่อนหน้าน้ีวา่ ขอนแกน่ เร่ิมต้นการพัฒนาเมืองมาแบบไร้ทิศทางในช่วงยุคแรกของการ
พฒั นาเมอื งที่นำโดยกลุ่มพ่อคา้ ในพื้นท่ี กระทั่งมีการนำเอาภาควิชาการมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทงั้ ในและต่างประเทศ
เข้ามาทำงานพัฒนาเมืองร่วมกับคณะทำงานทั้งในภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม จนนำมาสู่การศึกษา
วิเคราะห์แนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับบรบิ ทของเมอื งขอนแก่น เกิดเป็นโครงการพัฒนาเมืองอัจฉรยิ ะในดา้ น
ต่าง ๆ ดงั ทีเ่ ป็นอยูใ่ นปัจจุบัน
หนา้ 3-84
หน้า 3-84
สว่ นองค์ประกอบดา้ นคลงั งบประมาณ เป็นปจั จยั สำคัญอย่างมากท่ีทำให้การพฒั นาเมืองตามแนวทางของ
ขอนแกน่ โดดเดน่ กว่าจงั หวัดอ่นื เนือ่ งจากไดม้ ีการระดมทุนจากทง้ั ภาครฐั เอกชน และภาคประชาสังคม ต่างระดม
ร่วมกันเพื่อนำไปใช้สำหรับพัฒนาเมืองขอนแก่นในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ระบบขนส่งสาธารณะ และการพัฒนาพื้นที่พาณิชย์และเขตเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเมือง มีการระดมทุนจาก
เอกชนโดยบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง ระดมทุนได้กว่า 20 ล้านบาท รวมถึงบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม
(KKTS) ปัจจุบันมีเงินทุนสะสมกว่า 25 ล้านบาท ที่ได้มาจากเงินบริจาคของประชาชน ภาคเอกชน ในพื้นที่ที่
ต้องการให้มีการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้า (LRT) รวมถึงการระดมทุนจากภาคประชาสังคม ของมูลนิธิขอนแก่น
ทศวรรษหนา้ จดทะเบยี นจัดตั้งมูลนธิ เิ พื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเมือง ระดมทุนได้กว่า 2 แสนบาท รวมถึง
การระดมทุนของกลุ่มศรีจันทร์คลับเพื่อพัฒนาย่านเมืองเก่าขอนแก่นระหว่างเทศบาลนครขอนแก่น บริษัทน้ำตาล
มติ รผล สมาคมหอการคา้ สมาคมอสงั หารมิ ทรัพย์ บรษิ ัทขอนแกน่ พฒั นาเมือง (KKTT) การทอ่ งเทยี่ วแห่งประเทศ
ไทย เปน็ ต้น
แผนเพิ่มพนู งบเงินทนุ (Financial and Investment Plans)
ความน่าสนใจอย่างหนึ่งของการพัฒนาเมืองตามแนวทางขอนแก่นโมเดล นอกจากจะเป็นเรื่องของการ
ระดมทรัพยากรแล้ว ยังมีเรื่องของการสร้างระบบที่พยายามทำให้ “ขอนแก่นโมเดล” นี้ สามารถหล่อเลี้ยงหรือ
ดำรงอยูไ่ ด้ด้วยศกั ยภาพของตนเอง และลดการพง่ึ พาทรัพยากรหรืองบประมาณจากภาครัฐให้น้อยท่สี ุด โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในกรณีของบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) และบริษัทขอนแก่น ทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS) ที่ได้มีการ
จัดทำแผนต่อยอดงบประมาณของตนเองเพื่อใหเ้ งนิ ทนุ สำหรับนำไปใช้เพ่ือทำงานและขับเคลอ่ื นการพัฒนาเมืองน้ัน
เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) (ระดมทุนโดยภาคธุรกิจในท้องถิ่น) และบริษัท
ขอนแก่นทรานซิท ซิสเต็ม (KKTS) (ระดมทุนโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) มีแผนเพิ่มพูนเงินทุนที่ได้จากการ
ระดมทุนดังกล่าว ด้วยการจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้เงินทุนที่มีอยู่สามารถสร้ างมูลค่า
ให้กับบริษัทและสร้างเงินทุนสะสมให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่องด้วย โดยในกรณีของบริษัทขอนแก่นทรานซิท ซิส
เต็ม (KKTS) หลังจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) และมีการจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนในตลาด
หลักทรัพย์แล้ว จะทำให้บริษัทเองมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 100,000 ล้านบาท โดยเงินทุนเหล่านี้จะถูกนำมาใช้
ประโยชนใ์ นการพัฒนาโครงสรา้ งพ้ืนฐานของเมือง และช่วยเหลอื กลุ่มคนที่มรี ายได้น้อยในจงั หวัดขอนแก่น โดยให้
กลุ่มคนที่มรี ายไดน้ ้อยหรือผู้ถือบัตรสวัสดิการคนจนแหง่ รัฐสามารซือ้ หุ้นและเป็นเจ้าของกองทนุ ร่วมกันไดใ้ นราคา
PAR เปน็ ตน้
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า แม้แนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น จะมีการระดมทุนจากภาคส่วนต่าง ๆ
ได้เป็นจำนวนมากเพื่อนำมาสนับสนุนหรือหนุนเสริมกับงบประมาณเพื่อพัฒนาเมืองของภาครัฐในพื้นที่ก็จริง
แต่หากปราศจากแผนการเพิ่มพูนเงินทุนที่มีอยู่ก็อาจทำให้การขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้านต่าง ๆ
ประสบกับความยากลำบากมากขึ้น เพราะการพึ่งพาเพียงแค่งบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐนอกจากจะไม่
เพียงพอแล้ว ยังมีข้อจำกัดในการใช้งบประมาณอยู่มาก ดังนั้น การทำให้โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้านต่าง ๆ
ห นา้ 3-85 หนา้ 3-85
สามารถดำรงอยไู่ ด้ดว้ ยศกั ยภาพของตนเองและลดการพึ่งพาทรัพยากรจากรัฐมากทส่ี ุดจึงเป็นปจั จัยท่ีสำคัญที่ทำให้
โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคประชาสังคมในพื้นที่ด้วย นี่เองจึง
เป็นเสมอื นปจั จัยท่จี ะทำให้การพฒั นาเมืองตามแนวทางของขอนแก่นเป็นการพฒั นาเมืองอัจฉรยิ ะอย่างม่ันคงและ
มง่ั คัง่
ความโปร่งใส และประชาชนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเมือง (Transparency and Shared-
Benefits)
ความโปร่งใสในการทำงาน ถือเป็นปัจจัยชิ้นสำคัญที่ทำให้การขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
ขอนแก่นถูกขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เพราะการที่ภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเอกชนและภาครัฐได้เข้า
มาทำงานพัฒนาเมืองร่วมกัน ไม่ว่าจะใช้ทรัพยากรของตนเองหรือไม่ก็ตาม แต่ทรัพยากรที่นำมาใช้เพื่อการพัฒนา
เมืองดงั กลา่ วจะต้องถูกบริหารจัดการอยา่ งโปร่งใส โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ทรัพยากรทเ่ี กิดมาจากการระดมทุนร่วมกัน
ระหวา่ งรัฐและเอกชน
อยา่ งไรกต็ าม ในกรณขี องจังหวดั ขอนแก่น ทรัพยากรที่นำมาใช้ในการพัฒนาเมืองมโี ครงสร้างหลกั ๆ จาก
สองฝ่าย คือ งบประมาณของรัฐ และงบประมาณที่ได้มาจากการระดมทุนร่วมกันระหว่าง 5 เทศบาลของบริษัท
ขอนแกน่ ทรานซทิ ซนิ เต็ม (KKTS) และการระดมรว่ มกนั ระหว่างภาคเอกชน 20 บรษิ ทั ของบรษิ ทั ขอนแก่นพัฒนา
เมือง (KKTT) ในส่วนของงบประมาณภาครัฐที่นำมาใช้สำหรับพัฒนาเมืองนั้น ก็เป็นไปตามระเบียบและกลไกการ
ทำงานของระบบราชการอย่างเคร่งครัดภายใต้การกำกับดูแลและความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นจากผู้ว่าราชการ
จงั หวัดเพอื่ จดั สรรงบประมาณสำหรับการพัฒนาเมืองอจั ฉริยะในแตล่ ะดา้ นตามแผนแมบ่ ทการพฒั นาเมืองอัจฉริยะ
(Khon Kaen Smart City 2029) และยทุ ธศาสตรเ์ มืองอัจฉริยะที่ไดบ้ รรจุไวใ้ นแผนพัฒนาจังหวัด
ในส่วนของเงินทุนที่ได้จากการระดมทุนร่วมกันระหว่าง 5 เทศบาลที่ปัจจุบันมีเงินทุนสำรองไว้กว่า 25
ล้านบาทนี้ ก็มีการบริหารจัดการอย่างโปร่งใส โดยเทศบาลทั้ง 5 แห่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทขอนแก่นทรานซิท
ซิสเต็มร่วมกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การทำงานหรือการใช้จ่ายงบประมาณเรื่องใดเรื่องหนึ่งต้องได้รับความ
เห็นชอบร่วมกันจากเทศบาลทั้ง 5 แห่งก่อน ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการอำนวยการบริษัทขอนแก่น
ทรานซิท ซิสเต็ม อีกทั้งกลุ่มคณะทำงานจากภาคเอกชนทั้ง 20 บริษัท ที่อาสาเข้ามาทำงานพัฒนาเมืองด้วยการ
จัดตั้งบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) ก็เสียสละเวลาและทรัพยากรของตนเองเข้ามาทำงานพัฒนาเมือง
ขอนแก่นโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใด ๆ ทง้ั สิ้น ด้วยเหตนุ ้ีเอง การทำงานของทง้ั ภาครฐั และเอกชนเพื่อพัฒนาเมือง
จึงได้รับความไว้วางใจจากภาคประชาสังคมและองค์กรชุมชนในจังหวัดขอนแก่น ให้รับผิดชอบขับเคลื่อนการ
พัฒนาเมืองตามแผนแม่บทการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การระดมทุนเพื่อพัฒนา
เมืองตามแนวทางของขอนแก่นโมเดลดังกล่าว ทั้งสองบริษัท ยังมีแผนจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
และกองทุนพฒั นาผู้มีรายไดน้ ้อยในจงั หวดั ขอนแก่น ในตลาดหลกั ทรพั ย์ดว้ ย เพ่อื เปิดโอกาสใหป้ ระชาชนท่ีมีรายได้
น้อยทุกคนในจังหวัดขอนแก่นสามารถเป็นเจ้าของกองทุนหรือถือหุ้นบริษัทพัฒนาเมืองร่วมกันได้ ตลอดจนยัง
สามารถมีเงินหรือส่วนแบ่งจากกองทุนดังกล่าวเพื่อเป็นรายได้เสริมสำหรับพัฒนาและแก้ไขปัญหาความเหลื่อมลำ้
หนา้ 3-86
หนา้ 3-86
และความยากจนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยสามารถมีเงินไปลงทุนหรือพัฒนาคุณภาพ
ชวี ติ ของตนเองในดา้ นตา่ ง ๆ ตอ่ ไปได้
ในภาพรวมแล้ว สามารถสรุปปัจจัยทั้ง 8 ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ได้เป็น 3 กลุ่ม คือ ปัจจัยที่มีผลต่อการ
พัฒนาเมืองขอนแก่นให้มีความ “ยั่งยืน” นั่นก็คือ ปัจจัยฐานราก (grounded factors) ซึ่งคณะวิจัยเล็งเห็นว่า
เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลอย่างมากต่อความสำเร็จและความยั่งยืนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น ประกอบด้วย
ภาวะผู้นำตามแนวทางของขอนแก่นโมเดล (Khon Kaen’s leadership model) สำนึกรักบ้านเกิด (citizen’s
sense of Khon Kaen spirit) และ ความร่วมมือแบบบูรณาการ (integrated collaboration) ซึ่งถือเป็นปัจจัย
เง่อื นไขสำคัญท่ีขาดไม่ได้ เพราะถงึ แม้ว่าในบางจังหวัดหรือในบางพ้ืนท่ีอาจจะมกี ลุ่มคนทีม่ ภี าวะความเป็นผู้นำเพื่อ
การพัฒนาเมือง (leadership for urban development) สงู กวา่ กรณีของขอนแกน่ ก็ได้ แตห่ ากมีภาวะความเป็น
ผู้นำเพียงอย่างเดียวโดยปราศจากการบูรณาการความร่วมมือและทรัพยากรร่วมกัน (integrated collaboration
and shared resources) ก็อาจทำใหโ้ ครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม หรอื เกิดขึ้นได้แต่ไม่มี
ความยั่งยืนและไม่ไดร้ ับความรว่ มมอื จากภาคสว่ นตา่ ง ๆ ในพ้ืนที่
ส่วนปัจจัยกลุ่มท่ีสอง คือปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดความ “มั่นคง” ในการพัฒนาเมืองอัจฉรยิ ะ ประกอบด้วย
การสานเสวนา (dialogue) การศึกษาก่อนลงมือทำ (project’s feasibility study) และการมีแผนงานที่เป็น
รูปธรรม (authorized plans) โดยการเสวนาท้งั ในระดับพ้ืนท่ีและระดับนโยบายมีผลอยา่ งมากต่อความมั่นคงและ
ความต่อเนื่องของการขับเคลื่อนโครงการ เนื่องจากเป็นการนำผูม้ ีส่วนไดส้ วนเสียกับโครงการพัฒนาเมอื งอัจฉริยะ
ทั้งหมดมาพูดคุยร่วมกันในระดับพื้นที่และในระดับนโยบาย เช่นเดียวกับการศึกษาวิเคราะห์แนวทางหรือความ
เหมาะสมของโครงการพฒั นาเมืองดา้ นตา่ ง ๆ กจ็ ะทำให้ทา้ ยทส่ี ุดแลว้ เมืองขอนแก่นเกิดการพัฒนาอย่างถูกทิศทาง
ตามหลักวิชาการอย่างสมเหตุผล รวมถึงมีทิศทางในการพัฒนาเมืองที่ชัดเจนร่วมกันระหว่างคนในเมืองขอนแก่น
สำหรับ ปัจจัยอีกลุ่มหนึ่งก็คือ ปัจจัยทีเ่ ก้ือหนนุ ให้เกิดการพัฒนาเมืองอยา่ ง “มั่งคั่ง” นั่นก็คือ การระดมทรัพยากร
(resource mobilization) แผนเพิ่มพูนเงินทนุ ท่ชี ดั เจน (financial and investment plans) และการบริหารงาน
อย่างโปร่งใสโดยที่ทุกคนได้ประโยชน์จากการพัฒนาเมืองร่วมกัน (transparency and shared benefits) ซึ่งการ
พัฒนาเมืองในขอนแก่นเน้นการระดมทุนเพื่อเป็นเงินอีกก้อนหน่ึงสำหรบั นำมาใชพ้ ัฒนาหรือแก้ไขปญั หาของเมือง
หนุนเสริมกับงบประมาณของภาครัฐ โดยมีการนำเงินลงทุนทีไ่ ด้จากการระดมทุนของภาคเอกชน องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคม นำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเพิ่มมูลค่าและการลงทุนให้กับบริษัท
หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองด้านต่าง ๆ ด้วยวิธีการนี้ จะทำให้จังหวัดขอนแก่นสามารถมีเงินทุนเพื่อ
นำไปใช้สำหรับการพัฒนาเมืองเพิ่มขึ้นหลายร้อยล้านบาท รวมถึงมีการนำส่วนแบ่งไปใช้คุณภาพชีวิตของคนใน
เมืองและเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้ในจังหวัดขอนแก่นทุกคนได้เป็นเจ้าของหุ้นส่วนการจัดการเมืองขอนแก่นท่ี
สามารถมีรายได้จากกองทุนผู้มีรายได้น้อยหรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอีกด้วยอันจะทำให้คนมี รายได้
นอ้ ยในจงั หวัดขอนแกน่ ค่อย ๆ ลดลงไปในทส่ี ดุ ซึง่ ทา้ ยท่ีสุดแลว้ ปจั จัยที่มีผลตอ่ การพัฒนาเมอื งอัจฉรยิ ะขอนแก่น
ห น้า 3-87 หน้า 3-87
ทั้ง 9 ปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นกลายเป็นเมืองที่ได้รับการพัฒนาอย่างมั่นคง มั่งค่ัง
และย่งั ยนื ดังรายละเอียดในแผนภาพที่ 3-17
แผนภาพท่ี 3-17 ปัจจยั ที่มีผลตอ่ การพัฒนาเมืองอย่างม่ันคง มั่งคั่ง และยั่งยนื
ทมี่ าภาพ: คณะวจิ ยั
หน้า 3-88
หน้า 3-88
บทท่ี 4
สถาปัตยกรรมองคก์ รระดบั เมอื งเพ่ือพัฒนาเมอื งอัจฉรยิ ะขอนแกน่
ในส่วนท่ีแล้วเป็นการกลา่ วถึงกระบวนการ ระบบและกลไก รวมถึงปัจจัยทีม่ ีผลต่อการขับเคลื่อนนโยบาย
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะใหเ้ กดิ การนำไปส่กู ารปฏิบตั ิอยา่ งเปน็ รูปธรรม ดังนนั้ ประเดน็ การวเิ คราะหใ์ นบทน้หี ลัก ๆ
แล้วจะอธิบายใน 3 ประเด็นหลัก โดยในส่วนแรกของบทนี้จะเป็นการนำเสนอบทวิเคราะห์ กรอบสถาปัตยกรรม
องค์การ (Enterprise Architecture: EA) ระดับเมืองตามแผนงานพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่นว่า มีการวาง
ระบบและโครงสร้างองค์การ (EA) ระดับเมืองเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่างไรบ้าง จากนั้น จะเป็นการอธิบายถึง
“ความเป็นอัจฉริยะ (smartness)” ของเมืองขอนแก่นในแต่ละด้าน ตามแผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะขอนแก่น
โครงการที่ขอนแก่นได้ดำเนินการไปแล้วหรือกำลังมีแผนขับเคลื่อนอยู่ในปัจจุบัน และในส่วนสุดท้ายจะเป็นการ
นำเสนอบทวิเคราะห์ “แผนที่นำทางเพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะขอนแก่นโมเดล (Khon Kaen Smart City
Roadmap)” ดงั รายละเอียดตอ่ ไปน้ี
สถาปตั ยกรรมองค์การระดบั เมืองเพื่อพฒั นาเมืองอจั ฉริยะขอนแก่น (Khon Kaen Smart City’s EA)
สำหรับกรอบการพัฒนาโครงสร้างสถาปัตยกรรมองค์การระดับเมือง (EA) เพอ่ื สรา้ งระบบและพัฒนาเมือง
อัจฉริยะตามแนวทางของขอนแก่นโมเดลนน้ั โดยทวั่ ไปตามทฤษฎหี รือหลักการวิเคราะห์และพฒั นาสถาปัตยกรรม
องค์การ (EA) จะประกอบด้วย 3 ชั้นหลัก (ดังได้กล่าวมาแล้วในบทที่ 2) ได้แก่ ฐานสถาปัตยกรรมทางเทคนิค
(technical architecture) ชั้นสถาปัตยกรรมข้อมูลและแอพพลิเคชั่น (data and application layer) และช้ัน
สถาปัตยกรรมทางธุรกิจหรือตัวแบบทางธุรกิจระดับเมือง (business model layer) (Giachetti & Marín &
Serral, 2018: 176-186 & TOGAF, 2018) อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงสร้างที่ได้จากการวิเคราะห์สถาปัตยกรรม
องค์การระดับเมือง (EA) ของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตามแนวทางของ “ขอนแก่นโมเดล” นั้น จำแนกได้เป็น 4
ชั้นหลัก ได้แก่ ชั้นฐานสถาปัตยกรรมนิเวศทางสังคมใหม่ (social ecology layer) ซึ่งถือเป็นฐานสำคัญสำหรับใช้
ขับเคลื่อนการพัฒนาสถาปัตยกรรมชั้นอื่น ๆ ประกอบด้วย ชั้นฐานสถาปัตยกรรมทางเทคนิคหรือเทคโนโลยี
(technical layer) ชั้นสถาปัตยกรรมข้อมูลระดับเมืองและการประยุกต์แอพพลิเคชั่น (data and application
layer) และชัน้ สถาปัตยกรรมทางธุรกิจหรือตัวแบบทางธรุ กิจของเมืองอัจฉรยิ ะ (business layer) ดังรายละเอียด
ปรากฏในแผนภาพที่ 4-1
ฐานสถาปัตยกรรมนิเวศทางสงั คม (social ecology layer)
เป็นสถาปตั ยกรรมองค์กรระดับเมืองชนั้ แรกและเป็นฐานสำคัญในการออกแบบระบบหรือกลไกการพัฒนา
เมืองอัจฉริยะในสถาปัตยกรรมชั้นถัดไปอีกสามช้ัน ซึ่งสถาปัตยกรรมนิเวศทางสังคมนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้การพัฒนา
เมืองตามแนวทางของขอนแก่นโมเดลมีความโดดเด่น เพราะจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเมืองขอนแก่นเริ่มจากการ
สร้างบริบทแวดล้อมหรอื นิเวศทางสังคมรูปแบบใหม่ขึ้นมา โดยอาศัยการทำงานร่วมกนั ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
กับการพัฒนาเมืองตามเป้าหมายด้านต่าง ๆ ทั้ง 7 ด้านได้มาทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน
ภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บริษัทเอกชน สถาบันการศึกษา ภาคประชาสังคม องค์กรธุรกิจต่างประเทศ
เป็นต้น รวมไปถึงการจัดสร้างองค์กรใหม่ การสร้างแบบแผน และการสร้างปรากฏการณ์ทางสังคมในการทำงาน
ห น้า 4-1 หน้า 4-1