แผนการจดั การเรยี นรู้
ชื่อวิชา เคมี รหัสวชิ า ว31221
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563
ช่ือครผู ู้สอน
นางจนั ทร์จิรา ชัยอินทรอี าจ
ฝา่ ยวชิ าการ
โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย
2
ว 31222 เคมี
รายวิชาเพิ่มเตมิ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลาเรยี น 60 ชว่ั โมง จานวน 1.5 หนว่ ยกติ
บอกสมบัติของธาตุโลหะแทรนซิชัน ความหมายของมวลอะตอมของธาตุ เปรียบเทียบสมบัติกับธาตุโลหะในกลุ่ม
ธาตุเรพรีเซนเททีฟ จุดเดือด จุดเยือกแข็งของสารละลายกับสารบริสทุ ธิ์ อธิบายสมบัติของไอโซโทปกัมมันตรังสี ปริมาณใด
ปริมาณหนึ่งจากความสัมพันธ์ของโมล จานวนอนุภาคมวล ปริมาตรของแก๊สท่ี STP วิธีการเตรียมสารละลายให้มีความ
เข้มข้นในหน่วยโมลาริตีอละปริมาตรสารละลายตามที่กาหนด เตรยี มสารละลายใหม้ ีความเข้มข้นในหน่วยโมลาริตี ปริมาตร
สารละลายตามที่กาหนด คานวณครง่ึ ชีวติ ของไอโซโทปกมั มันตรังสี มวลอะตอมเฉล่ยี ของธาตุมวลโมเลกลุ มวลสูตร ปริมาณ
ใดปริมาณหน่ึงจากความสัมพันธ์ของโมล จานวนอนุภาคมวล ปริมาตรของแก๊สท่ี STP อัตราส่วนโดยมวลของธาตุ
องค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดส่วนคงที่ สตู รอย่างง่าย สตู รโมเลกุลของสาร ความเข้มข้นของสารละลายในหน่วย
ต่าง ๆ จุดเดือด จุดเยือกแข็งของสารละลาย ปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมีที่เก่ียวข้องกับมวลสาร ปริมาณของสารใน
ปฏิกริ ิยาเคมที ่ีเกีย่ วขอ้ งกบั ความเข้มข้นของสารละลาย ปริมาณของสารในปฏกิ ิริยาเคมีท่ีเกี่ยวข้องกับปริมาตรแก๊ส ปริมาณ
ของสารในปฏกิ ริ ิยาเคมหี ลายขั้นตอน ปริมาณสารต่าง ๆ ในปฏิกริ ยิ าเคมี ผลได้รอ้ ยละของผลิตภัณฑ์ในปฏกิ ริ ยิ าเคมี ระบสุ าร
กาหนดปริมาณ แปลความหมายสญั ลักษณใ์ นสมการเคมี เขยี น ดุลสมการเคมีของปฏิกิรยิ าเคมบี างชนิด สืบคน้ ข้อมูลการนา
ธาตุมาใช้ประโยชน์รวมทงั้ ผลกระทบตอ่ สงิ่ มีชีวิตและส่ิงแวดล้อม ยกตัวอยา่ งการนาธาตุมาใช้ประโยชนร์ วมท้ังผลกระทบต่อ
ส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม การทาไอติมหลอดโดยใช้ผลไม้ท่ีมีในท้องถิ่นตามฤดูกาล ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การ
พัฒนาทักษะการคิดส่ศู ตวรรษท่ี 21และตามนโยบายโรงเรยี นมงฟอรต์ วทิ ยาลัย
โดยใช้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการเรยี นรู้ ความเขา้ ใจ กระบวนการสร้างความคิดรวบ
ยอด กระบวนการแก้ปญั หา กระบวนการกลุ่มและกระบวนการปฏบิ ัติ
ให้ผู้เรียนมีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมน่ั การทางาน รักความ
เปน็ ไทย มจี ิตสาธารณะ มสี ขุ ภาพและสุนทรยี ภาพ
ผลการเรียนรู้
1. บอกสมบัติของธาตโุ ลหะแทรนซิชนั และเปรยี บเทยี บสมบตั กิ บั ธาตโุ ลหะในกลมุ่ ธาตุเรพรีเซนเททีฟ
2. อธิบายสมบัตแิ ละคานวณครง่ึ ชีวิตของไอโซโทปกัมมนั ตรังสี
3. สืบค้นขอ้ มูลและยกตัวอยา่ งการนาธาตุมาใชป้ ระโยชน์ รวมทั้งผลกระทบต่อสิง่ มชี วี ิตและสิ่งแวดลอ้ ม
4. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุและคานวณมวลอะตอมเฉลย่ี ของธาตมุ วลโมเลกลุ และมวลสตู ร
5. อธิบายและคานวณปรมิ าณใดปริมาณหนง่ึ จากความสมั พนั ธข์ องโมล จานวนอนภุ าคมวล และปรมิ าตรของแก๊ส
ที่ STP
6. คานวณอตั ราส่วนโดยมวลของธาตอุ งคป์ ระกอบของสารประกอบตามกฎสดั ส่วนคงที่
7. คานวณสตู รอย่างง่ายและสูตรโมเลกลุ ของสาร
8. คานวณความเขม้ ขน้ ของสารละลายในหนว่ ยตา่ ง ๆ
9. อธบิ ายวิธีการและเตรียมสารละลายให้มีความเข้มขน้ ในหน่วยโมลารติ ี และปริมาตรสารละลายตามทกี่ าหนด
3
10. เปรยี บเทียบจดุ เดือดและจดุ เยอื กแขง็ ของสารละลายกบั สารบรสิ ทุ ธิ์ รวมทง้ั คานวณจดุ เดอื ดและจุดเยอื กแข็ง
ของสารละลาย
11. แปลความหมายสัญลักษณ์ในสมการเคมีเขยี นและดุลสมการเคมีของปฏกิ ิริยาเคมบี างชนดิ
12. คานวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมที เ่ี กย่ี วข้องกับมวลสาร
13. คานวณปริมาณของสารในปฏกิ ริ ิยาเคมีที่เกี่ยวข้องกบั ความเขม้ ข้นของสารละลาย
14. คานวณปริมาณของสารในปฏกิ ริ ิยาเคมที ี่เกี่ยวขอ้ งกบั ปรมิ าตรแก๊ส
15. คานวณปริมาณของสารในปฏิกิริยาเคมหี ลายข้ันตอน
16. ระบุสารกาหนดปริมาณและคานวณปริมาณสารตา่ ง ๆ ในปฏกิ ิริยาเคมี
17. คานวณผลได้ร้อยละของผลติ ภณั ฑใ์ นปฏิกริ ิยาเคมี
รวมผลการเรยี นรูท้ ี่คาดหวงั 17 ขอ้
4
การวิเคราะห์จานวนคาบสอนตามปฏทิ นิ โรงเรียนมงฟอร์ตวทิ ยาลัย
รหสั วิชา ว 31222 ชอื่ วชิ า เคมี จานวนคาบ 3 ต่อสัปดาห์ 1.5 หนว่ ยกิต
ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563
ช่ือครูผู้สอน ครูจนั ทรจ์ ริ า ชยั อนิ ทรอี าจ
ัสปดาห์ วัน เดอื น ปี หน่วยท่ี และ หัวข้อย่อยการเรยี นรู้ จานวน หมายเหตุ
ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ คาบ ใสเ่ ฉพาะกิจกรรมท่ีกระทบการ
ที่สอน
เรยี นการสอนของตน
1 26-30 ต.ค. 63 1. ธ า ตุ ท ร า น ซิ ชั น แ ล ะ 1.1 สมบัตขิ องธาตุทรานซิชัน 1
กัมมนั ตรังสี 1.2 สารประกอบของธาตุทรานซิชนั 1
1.3 เลขออกซิเดชนั 1
2 2-6 พ.ย.63 1. ธา ตุ ท ร า นซิ ชั นแ ล ะ 1.4 สารประกอบเชงิ ซอ้ นของธาตุ 1 3 พ.ย. 63
กัมมันตรงั สี ทรานซชิ ัน สอบ Speaking Test นกั เรียน
1.5 สมบัติของธาตกุ มั มันตรังสี 1 ระดบั ชนั้ ม.4
3 9-13 พ.ย.63 1. ธา ตุ ทร า นซิ ชั นแ ล ะ 1.6 การดุลสมการนิวเคลยี ร์ 1
กมั มันตรงั สี
1.7 ปฏกิ ิริยานวิ เคลยี ร์ 1
1.8 ครง่ึ ชวี ติ ของกมั มนั ตรงั สี 1
1.9 ป ร ะ โ ย ช น์ แ ล ะ ก า ร น า ธ า ตุ
กมั มันตรังสีไปใช้
4 16-20 พ.ย.63 2. การคานวณปรมิ าณของ 2.1 มวลอะตอม 1 19 – 22 พ.ย.63
สาร 2.2 มวลอะตอมเฉลี่ย 1 วนั หยดุ ตามมติคณะรฐั มนตรี
5 23-27 พ.ย.63 2. การคานวณปรมิ าณของ 2.3 มวลโมเลกุล 1
สาร 2.4 โมล 1
2.5 สูตรเคมี 1
6 30 พ.ย. – 4 ธ.ค. 63 3. ค ว า ม เ ข้ ม ข้ น ข อ ง 3.1 สารละลาย 1
สารละลาย 3.2 หนว่ ยความเขม้ ขน้ 1 1
3.3 หน่วยความเขม้ ขน้ 2 1
7 7-11 ธ.ค.63 3. ค ว า ม เ ข้ ม ข้ น ข อ ง 3.4 การเตรียมสารละลาย 1 1 10 ธ.ค.63 หยุดวนั รัฐธรรมนญู
สารละลาย 3.5 การเตรยี มสารละลาย 2 1 10 – 13 ธ.ค.63
วนั หยุดตามมติคณะรฐั มนตรี
8 14-18 ธ.ค.63 3. ค ว า ม เ ข้ ม ข้ น ข อ ง 3.6 สมบตั คิ อลลิเกทีฟ 1 1
สารละลาย 3.7 สมบตั คิ อลลิเกทีฟ 2 1
4. ปฏกิ ิริยาเคมแี ละสมการ 4.1 แปลความหมายสญั ลักษณ์ใน 1
สมการเคมี
9 21-25 ธ.ค.63 4. ปฏิกริ ิยาเคมีและสมการ 4.2 การเขียนและดลุ สมการเคมขี อง 1 24 ธ.ค. 63 – 3 ม.ค. 64
ปฏกิ ิริยาเคมบี างชนิด 1 หยุดเทศกาลครสิ ตม์ าสและปใี หม่
5
ัสปดาห์ วนั เดือน ปี หน่วยที่ และ หวั ข้อยอ่ ยการเรยี นรู้ จานวน หมายเหตุ
ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ คาบ ใส่เฉพาะกจิ กรรมทกี่ ระทบการ
ที่สอน
เรียนการสอนของตน
25 วันครสิ ตม์ าส
10 28 ธ.ค. -1 ม.ค. 64 4. ปฏิกิรยิ าเคมแี ละสมการ 4.3 การเขียนและดุลสมการเคมีของ 1 24 ธ.ค. 63 – 3 ม.ค. 64
ปฏกิ ิริยาเคมบี างชนิด 2 หยุดเทศกาลครสิ ต์มาสและปีใหม่
31 ธ.ค. 63 หยุดวนั สิน้ ปี
1 ม.ค. 64 หยุดวนั ขึน้ ปีใหม่
11 4-8 ม.ค. 64 สอบกลางภาคเรียน
12 11-15 ม.ค.64 4. ปฏิกิริยาเคมีและสมการ 4.4 ค า นวณ ป ริ ม า ณ ของ ส า ร ใ น 1
27 ม.ค.63
ปฏิกริ ยิ าเคมที เ่ี กี่ยวข้องกบั มวลสาร 1 สอบ Dictation
4.5 ค า นวณ ป ริ ม า ณ ของ ส า ร ใ น 1 นักเรียนระดับชั้น ม. 4
ปฏกิ ิรยิ าเคมีทเี่ กยี่ วขอ้ งกับมวลสาร 2
5. การคานวณปริมาณของ 5.1 ค า นวณ ป ริ ม า ณ ของ ส า ร ใ น 1
สารในปฏิกริ ยิ าเคมี 1 ปฏิกิริยาเคมีท่ีเกี่ยวข้องกับความ
เขม้ ข้นของสารละลาย 1
13 18-22 ม.ค. 64 5. การคานวณปริมาณของ 5.2 ค า นวณ ป ริ ม า ณ ของ ส า ร ใ น 1
สารในปฏกิ ริ ยิ าเคมี 1 ปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวข้องกับความ
เขม้ ขน้ ของสารละลาย 2
5.3 ค า นวณ ป ริ ม า ณ ของ ส า ร ใ น 1
ปฏิกิริยาเคมีที่เก่ียวข้องกับความ
เข้มขน้ ของสารละลาย 3
5.4 ค านวณ ปริ ม าณ ของส าร ใน 1
ปฏิกิริยาเคมี 1
14 25-29 ม.ค.64 5. การคานวณปริมาณของ 5.5 ค านวณ ปริ ม าณ ของส าร ใน 1
สารในปฏิกิริยาเคมี 1 ปฏิกริ ิยาเคมี 2
5.6 ค านวณ ปริ ม าณ ของส าร ใน 1
ปฏิกิรยิ าเคมี 3
15 1-5 ก.พ. 64 5. การคานวณปริมาณของ 5.7 ค า นวณ ป ริ ม า ณ ของ ส า ร ใ น 1
สารในปฏิกริ ยิ าเคมี 1 ปฏิกริ ยิ าเคมีหลายข้ันตอน 1
5.8 ค า นวณ ป ริ ม า ณ ของ ส า ร ใ น 1
ปฏิกิริยาเคมหี ลายข้ันตอน 2
5.9 ค า นวณ ป ริ ม า ณ ของ ส า ร ใ น 1
ปฏกิ ริ ยิ าเคมหี ลายขัน้ ตอน 2
6
ัสปดาห์ วัน เดอื น ปี หน่วยท่ี และ หัวขอ้ ย่อยการเรยี นรู้ จานวน หมายเหตุ
ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ คาบ ใสเ่ ฉพาะกิจกรรมท่ีกระทบการ
ท่ีสอน
เรียนการสอนของตน
16 8-12 ก.พ.64 6. การคานวณปริมาณของ 6.1 ระบุสารกาหนดปริมาณ และ 1
สารในปฏกิ ิริยาเคมี 2 ค า นว ณ ป ริ ม า ณ ส า ร ต่ า ง ๆ ใ น 10 ก.พ.63
ปฏกิ ริ ิยาเคมี 1 หยดุ วนั การศกึ ษาเอกชน
6.2 ระบุสารกาหนดปริมาณ และ 1
ค า นว ณ ป ริ ม า ณ ส า ร ต่ า ง ๆ ใ น จ.เชยี งใหม่
ปฏกิ ิริยาเคมี 2
17 15-19 ก.พ.64 6. การคานวณปริมาณของ 6.3 ระบสุ ารกาหนดปรมิ าณ และ 1
สารในปฏิกิรยิ าเคมี 2 คานวณปรมิ าณสารต่าง ๆ ใน
ปฏกิ ริ ิยาเคมี 3
6.4 ระบสุ ารกาหนดปริมาณ และ 1
คานวณปรมิ าณสารต่าง ๆ ใน
ปฏิกิรยิ าเคมี 4
6.5 ระบสุ ารกาหนดปริมาณ และ 1
คานวณปรมิ าณสารต่าง ๆ ใน
ปฏิกริ ยิ าเคมี 5
18 22- 26 ก.พ.64 6. การคานวณปรมิ าณของ 6.6 คานวณผลไดร้ อ้ ยละของ 1 26 ก.พ.63 หยุดวันมาฆบชู า
สารในปฏกิ ริ ิยาเคมี 2 ผลิตภณั ฑใ์ นปฏกิ ริ ยิ าเคมี 1
6.7 คานวณผลไดร้ อ้ ยละของ 1
ผลติ ภณั ฑ์ในปฏิกริ ยิ าเคมี 2
19 1-5 ม.ี ค. 64 6. การคานวณปริมาณของ 6.8 คานวณผลไดร้ ้อยละของ 1
สารในปฏกิ ริ ยิ าเคมี 2 ผลิตภณั ฑ์ในปฏิกิรยิ าเคมี 3
6.9 คานวณผลไดร้ อ้ ยละของ 1
ผลติ ภณั ฑใ์ นปฏิกริ ยิ าเคมี 4
6.10 คานวณผลไดร้ อ้ ยละของ 1
ผลติ ภณั ฑ์ในปฏกิ ิรยิ าเคมี 5
20 8-12 มี.ค. 64 สอบปลายภาคเรยี นท่ี 2/2563
รวมคาบสอนตามปฏิทนิ โรงเรยี น 44
7
แผนการจัดการเรยี นรู้
Learning Area กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
Term ภาคเรยี นที่ 2 Academic Year ปกี ารศึกษา 2563
Title of Subject เคมี Subject Code ว31222 Level ชั้น มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
Unit No. หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 Title of Unit ธาตุแทรนซชิ นั และกัมมันตรงั สี Time Allocated 8 Periods (คาบ)
Week No. สอนสัปดาหท์ ี่ 1-3 Day วนั จนั ทร์-ศุกร์ Date ท่ี 26 ตลุ าคม - 13 Month เดอื นพฤศจิกายน Year พ.ศ. 2563
1. Strand and Learning Outcomes สาระและผลการเรยี นรู้
สาระเคมี
1. เข้าใจโครงสรา้ งอะตอม การจดั เรียงธาตใุ นตารางธาตุ สมบัตขิ องธาตุ พันธะเคมแี ละสมบัติของสาร แก๊สและสมบัติของ
แก๊ส ประเภทและสมบตั ขิ องสารประกอบอนิ ทรยี แ์ ละพอลเิ มอร์ รวมท้ังการนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ผลการเรียนรู้
1. บอกสมบตั ขิ องธาตโุ ลหะแทรนซชิ นั และเปรยี บเทียบสมบัตกิ ับธาตุโลหะในกล่มุ ธาตเุ รพรเี ซนเททีฟ
2. อธบิ ายสมบตั แิ ละคานวณครงึ่ ชีวิตของไอโซโทปกัมมนั ตรงั สี
3. สืบค้นข้อมลู และยกตัวอย่างการนาธาตุมาใชป้ ระโยชน์ รวมทง้ั ผลกระทบตอ่ ส่ิงมชี วี ติ และส่งิ แวดลอ้ ม
2. Sub-topics (Topic Discussed in this Learning Unit) / Local Wisdom / 21th Century Skills / School policies
สาระการเรียนรูเ้ พ่ิมเตมิ (หวั ข้อย่อย) /ภูมิปญั ญาท้องถิน่ / ทักษะในศตวรรษที่ 21 หรือจุดเน้นตามนโยบายของโรงเรียน
2.1 สาระการเรยี นรู้เพิม่ เตมิ
ธาตุแทรนซิชันและกัมมนั ตรังสี
2.1.1 สมบตั ิของธาตุโลหะแทรนซชิ ัน
2.1.2 เปรียบเทียบสมบัติกับธาตโุ ลหะในกลมุ่ ธาตุเรพรเี ซนเททฟี
2.1.3 สมบตั ิและคานวณครึง่ ชวี ิตของไอโซโทปกมั มนั ตรงั สี
2.1.4 การนาธาตมุ าใชป้ ระโยชน์ รวมท้ังผลกระทบต่อสงิ่ มชี วี ติ และสง่ิ แวดล้อม
2.2 ทักษะของผเู้ รียนศตวรรษท่ี 21 (3Rs x 8Cs x 2Ls)
R1– Reading (อ่านออก) R2– (W)riting (เขียนได)้ R3 – (A)Rithmetics (คิดเลขเปน็ )
C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการแกป้ ญั หา)
C2 - Creativity and Innovation (ทักษะดา้ นการสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม)
C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะดา้ นความเขา้ ใจตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทศั น์)
C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทางานเปน็ ทมี และภาวะผู้นา)
C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทกั ษะด้านการสือ่ สารสารสนเทศและรเู้ ท่าทนั สอ่ื )
C6 - Computing and ICT Literacy (ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร)
C7 - Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพและทักษะการเรยี นร)ู้
C8 – Compassion (ความมเี มตตากรณุ า วนิ ยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม)
L1 – Learning (ทกั ษะการเรยี นร้)ู
L2 – Leadership (ทกั ษะความเป็นผนู้ า)
8
3. Learners’ Key Competencies and Desirable Characteristics สมรรถนะและคุณลกั ษณะพงึ ประสงค์
3.1 Learners’ Key Competencies สมรรถนะ
1. Communication Capacity ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. Thinking Capacity ความสามารถในการคดิ
3. Problem Solving Capacity ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. Capacity for Applying Life Skills ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
5. Capacity for Technological Application ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
3.2 Desirable Characteristics คุณลกั ษณะพงึ ประสงค์
1. Love of nation, religion and king รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
2. Honesty and integrity ซื่อสัตยส์ จุ รติ
3. Self – Discipline มีวนิ ยั
4. Avidity for Learning ใฝเ่ รียนรู้
5. Observance of principles of Sufficiency Economy Philosophy in one’s way of Life อยู่อยา่ งพอเพียง
6. Dedication and commitment to work มุ่งมั่นในการทางาน
7. Cherishing Thai-ness รกั ความเปน็ ไทย
8. Public-mindness มีจิตสาธารณะ
9. Be health and well-balance สขุ ภาพและสุนทรยี ภาพ
4. จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบใุ ห้ครบ KPA)
4.1 นักเรยี นสามารถบอกสมบัตขิ องธาตุโลหะแทรนซชิ นั ได้ (K,P)
4.2 นกั เรยี นสามารถเปรียบเทียบสมบตั ขิ องธาตโุ ลหะแทรนซิชันกับธาตุโลหะในกลมุ่ ธาตเุ รพรเี ซนเททีฟได้ (K,P)
4.3 นักเรียนสามารถอธิบายสมบตั ขิ องธาตุกมั มันตรงั สไี ด้ (K,P)
4.4 นกั เรยี นสามารถคานวณครงึ่ ชวี ติ ของไอโซโทปกัมมนั ตรังสไี ด้ (K,P)
4.5 นักเรยี นสามารถสืบคน้ ขอ้ มลู การนาธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมทัง้ ผลกระทบตอ่ ส่งิ มชี ีวิตและส่ิงแวดลอ้ มได้ (K,P)
4.6 นักเรียนสามารถยกตัวอยา่ งการนาธาตุมาใช้ประโยชน์ รวมทัง้ ผลกระทบต่อสิง่ มีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ มได้ (K,P)
4.7 นักเรยี นมีความ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอ่ื สตั ยส์ ุจริต และมีวนิ ยั (A)
9
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้
5.1 Period No ช่วั โมงที่ /คาบท่ี 1-2
Day วัน จันทร์ –ศกุ ร์ Date ท่ี 26 -30 Month เดือน ตลุ าคม Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
4.1 นกั เรียนสามารถบอกสมบตั ิของธาตโุ ลหะแทรนซิชนั ได้ (K,P)
4.7 นักเรียนมีความ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ และมีวนิ ยั (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรยี นการสอน (ระบุกระบวนการหลกั ที่ใช้ออกแบบจัดการเรียนรู้ในแตล่ ะชั่วโมง
หรอื คาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กิจกรรมการเรยี นการสอน คอื กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด
1) ขนั้ สังเกต/รับรู้
1.1 ครูตั้งคาถามเพื่อทบทวนเกี่ยวกับการแบ่งกลุ่มธาตุในตารางธาตุ และสมบัติของกลุม่ ธาตุหมู่หลักที่ได้ศึกษามาแล้วว่ามี
อะไรบ้าง ให้นักเรยี นพิจารณารปู ตารางธาตุ แล้วถามว่าธาตุแทรนซิชนั อยู่บริเวณใดของตารางธาตุ ซึ่งควรไดค้ าตอบว่าอยู่ระหว่าง IIA
กบั IIIA (หมู่ 2 กบั 13) และใช้คาถามต่ออกี ว่าเพราะเหตุใดจึงจดั ธาตุแทรนซิชันแยกเป็นอีกหน่ึงกลุ่ม
1.2 ให้นกั เรยี นเลน่ เกม Class Dojo เพ่ือนาเข้าสูก่ ารศกึ ษาสมบตั ขิ องธาตุแทรนซิชัน
1.3 ครเู ปดิ สอื่ การสอน powerpoint และทดสอบความรเู้ ดมิ ทเี่ ราเคยเรียนกันมากอ่ น
2) ขัน้ จาแนกความแตกต่าง
2.1 ครูอธิบายถงึ การจดั กลมุ่ ธาตทุ รานซชิ นั ตารางธาตุในปจั จุบนั และให้สงั เกตการจดั เรียงธาตุในตารางธาตุ
2.2 ใหน้ ักเรียนศกึ ษาข้อมูลในตารางสมบตั บิ างประการของธาตุตามหนังสอื เรียน แลว้ อภิปรายในกลุ่มเพอื่ เปรียบเทียบ
สมบตั ิบางประการของธาตโุ พแทสเซยี มและแคลเซยี มที่เป็นธาตุหมู่ IA และ IIA กบั ธาตุแทรนซิชนั ในคาบที่ 4 ซ่ึงอยใู่ นคาบเดียวกัน
3) ข้ันหาลกั ษณะร่วม
3.1 ครูกับนกั เรยี นร่วมกันสรุปอีกครัง้ ซึ่งควรได้สาระสาคญั ดงั น้ี
- รัศมีอะตอมของโลหะหมู่หลักจะมีขนาดใหญ่กว่าโลหะแทรนซิชันในคาบเดียวกันโดยโลหะแทรนซิชันในคาบเดียวกันมี
ขนาดใกล้เคียงกนั
- ธาตุแทรนซชิ นั มีจดุ หลอมเหลว จุดเดือด ความหนาแนน่ สูงกว่าธาตุโพแทสเซยี มและแคลเซียม
- ทง้ั ธาตุโพแทสเซยี มและแคลเซียมและธาตุแทรนซชิ นั มีค่าพลงั งานไอออไนเซชันลาดับที่ 1 และคา่ อเิ ล็กโทรเนกาติวิตีตา่
- อิเล็กตรอนตัวสุดท้ายในธาตุแทรนซิชันและกัมมันตรังสีของธาตุโพแทสเซียมและแคลเซียมจะถูกบรรจุในระดับพลังงาน
ยอ่ ย 4s ส่วนธาตุแทรนซิชันในคาบท่ี 4 อิเลก็ ตรอนตัวสุดท้ายจะถูกบรรจุในระดับพลังงานย่อย 3d เพราะว่าระดับพลังงานย่อย 3d
สงู กว่า 4s ตามแผนภาพในรปู ทีไ่ ดศ้ ึกษามาแลว้
10
- ธาตุแทรนซิชันในคาบท่ี 4 ส่วนใหญ่มีเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 2 เช่นเดียวกับธาตุแคลเซียมยกเว้นธาตุโครเมียมและ
ทองแดงมีเวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนเท่ากับ 1 เชน่ เดียวกับธาตุโพแทสเซียม
3.2 ครูให้นักเรียนร่วมกันตอบคาถามว่าเหตุใดขนาดอะตอมของธาตุแทรนซิชันในคาบท่ี 4 จึงมีค่าใกล้เคียงกัน ซ่ึงควรได้
คาตอบว่า เม่ือธาตุแทรนซิชันมีเลขอะตอมเพิ่มขึ้น จานวนอิเล็กตรอนท่ีเพิ่มขึ้นจะเข้าไปอยู่ท่ีออร์บิทัล 3d ซ่ึงไม่ได้มีผลต่อการขยาย
ขนาดกลุม่ หมอกอิเล็กตรอน (เพราะไม่ใช่ระดับพลังงานชน้ั นอกสุด) และแม้จานวนโปรตอนจะเพิ่มขึ้นตามเลขอะตอมแต่เนื่องจากมี
อิเลก็ ตรอนในออร์บิทลั 3d ทาหน้าทก่ี าบัง ดงั น้ันแรงดึงดูดของโปรตอนในนิวเคลียสต่ออิเล็กตรอนในออร์บิทัล 4s จึงมีค่าน้อยทาให้
ขนาดอะตอมไม่เปลยี่ นแปลงมากนกั
4) ขั้นระบชุ ือ่ ความคิดรวบยอด
4.1 ครูสรุปเนื้อหาเรื่องสมบตั ขิ องธาตุทรานซิชนั
5) ข้ันทดสอบและนาไปใช้
5.1 ครูสมุ่ ถามนักเรียนเพ่อื สรปุ ความเข้าใจที่เกดิ ข้ึน
5.2 ครใู ห้นกั เรียนทาแบบทดสอบ
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบุวิธีการสอนท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนรู้
Lecture ใช้บรรยาย Experiment ใช้การทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใช้การนริ นัย Field Trip ใช้การไปทศั นศึกษา Learning Communities
Small Group Discussion ใชก้ ารอภิปรายรายกลมุ่ Dramatization ใช้การแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ยอ่ ย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใช้การแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใช้กรณตี ัวอยา่ ง Reading
Presentation
Simulation ใช้สถานการณ์จาลอง Learning Centre ใชศ้ นู ยก์ ารเรยี น
Programmed Instruction ใชบ้ ทเรยี นโปรแกรม Game
Demonstration ใช้การสาธติ Induction ใชก้ ารอุปนยั
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids สื่อการเรียนการสอน/แหลง่ เรยี นรู้ (สื่อวสั ดุ ส่ิงของ / สือ่ ธรรมชาติ / สอื่ เทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรียนการสอนเรอ่ื งธาตุแทรนซชิ นั และกมั มนั ตรังสี
7.2 Power point เร่ืองธาตุแทรนซิชนั และกมั มันตรงั สี
7.3 คอมพิวเตอร์แบบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวท์บอร์ดสดี า น้าเงิน และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรอื Tablet
8. การวัดผลประเมนิ ผล Method of Tool of Assessment 11
Learning Objective Assessment เครอ่ื งมอื วัดผล
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธกี ารวดั ผล ประเมนิ ผล Criteria
ประเมินผล เกณฑก์ ารผา่ นแตล่ ะ
(ระบุให้ครบทุกจุดประสงค)์ การทาแบบฝึกหดั แบบฝกึ หัดและ จุดประสงค์การเรยี นรู้
4.1 นักเรยี นสามารถบอกสมบัติของธาตโุ ลหะ และแบบทดสอบ แบบทดสอบเร่ืองปริมาณ
แทรนซชิ นั ได้ (K,P) เร่ืองปรมิ าณสาร ร้อยละ 70
สารสัมพนั ธ์
4.7 นักเรียนมีความ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สัมพนั ธ์ ร้อยละ 90
ซอื่ สตั ย์สุจริต และมีวนิ ยั (A) การสังเกตการรว่ ม แบบประเมนิ และสังเกต
กิจกรรมระหวา่ งการ พฤตกิ รรม
เรยี นการสอน
12
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกิจกรรมการจดั การเรยี นรู้
5.1 Period No ชว่ั โมงท่ี /คาบที่ 3-4
Day วัน จนั ทร์ –ศกุ ร์ Date ที่ 2-6 Month เดอื น พฤศจกิ ายน Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จุดประสงค์การเรียนรู้
4.1 นกั เรียนสามารถบอกสมบตั ขิ องธาตุโลหะแทรนซิชนั ได้ (K,P)
4.7 นกั เรยี นมีความ รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซอื่ สัตยส์ จุ รติ และมวี นิ ยั (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรียนการสอน (ระบกุ ระบวนการหลกั ท่ีใช้ออกแบบจัดการเรียนรู้ในแต่ละชว่ั โมง
หรือคาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กิจกรรมการเรยี นการสอน คือ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด
1) ขน้ั สงั เกต/รบั รู้
1.1 ครตู ้ังคาถามให้นกั เรยี นรว่ มกนั ตอบผ่านแอปพลิเคชั่น QUIZIZZ
- เลขออกซิเดชนั และมคี วามสาคญั อยา่ งไร
- เปรียบเทยี บเลขออกซเิ ดชันของธาตุทรานซิชนั กับโลหะหมู่ 1 และ 2
2) ข้นั จาแนกความแตกตา่ ง
2.1 ครูอธบิ ายหลักการหาเลขออกซเิ ดชัน โดยยกตัวอยา่ งการหาเลก็ ออกซิเดชนั ในสารประกอบตา่ ง ๆ ท่มี ีธาตทุ รานซชิ นั
เป็นองค์ประกอบ
2.2 ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาดวู ดี ิทัศน์เร่อื งธาตุทรานซิชัน
3) ข้ันหาลักษณะร่วม
3.1 ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หดั การหาเลขออกซเิ ดชนั
4) ขัน้ ระบุช่ือความคิดรวบยอด
4.1 ครูสรุปเรือ่ งเลขออกซเิ ดชนั
5) ข้ันทดสอบและนาไปใช้
5.1 ครูสมุ่ ถามนกั เรียนเพอื่ สรปุ ความเขา้ ใจท่เี กดิ ขึ้น
5.2 ครใู ห้นกั เรียนทาแบบทดสอบ
13
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ิธีการสอนทีใ่ ชใ้ นการจดั การเรียนรู้
Lecture ใช้บรรยาย Experiment ใชก้ ารทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใช้การนิรนยั Field Trip ใช้การไปทัศนศกึ ษา Learning Communities
Small Group Discussion ใช้การอภปิ รายรายกลุ่ม Dramatization ใช้การแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ย่อย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใช้การแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใชก้ รณตี วั อยา่ ง Reading
Presentation
Simulation ใชส้ ถานการณจ์ าลอง Learning Centre ใชศ้ ูนยก์ ารเรียน
Programmed Instruction ใชบ้ ทเรยี นโปรแกรม Game
Demonstration ใชก้ ารสาธติ Induction ใช้การอปุ นยั
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids ส่อื การเรียนการสอน/แหล่งเรยี นรู้ (สอื่ วัสดุ ส่งิ ของ / สื่อธรรมชาติ / สอ่ื เทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรียนการสอนเรอ่ื งธาตุแทรนซชิ นั และกัมมันตรังสี
7.2 Power point เรอ่ื งธาตุแทรนซิชันและกัมมนั ตรงั สี
7.3 คอมพิวเตอร์แบบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวทบ์ อร์ดสดี า นา้ เงนิ และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรือ Tablet
8. การวดั ผลประเมนิ ผล Method of Tool of Assessment Criteria
Learning Objective Assessment เครอ่ื งมอื วดั ผล เกณฑ์การผ่านแตล่ ะ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ กี ารวดั ผล ประเมินผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ประเมินผล
(ระบุให้ครบทกุ จุดประสงค์) การทาแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั และ รอ้ ยละ 70
4.1 นักเรยี นสามารถบอกสมบตั ิของธาตุโลหะ และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรือ่ งปริมาณ
แทรนซชิ ันได้ (K,P) เร่อื งปริมาณสาร ร้อยละ 90
สารสัมพันธ์
4.7 นักเรียนมีความ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สมั พันธ์
ซอื่ สตั ย์สจุ ริต และมีวินัย(A) การสงั เกตการร่วม แบบประเมนิ และสงั เกต
กจิ กรรมระหวา่ งการ พฤตกิ รรม
เรียนการสอน
14
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกิจกรรมการจดั การเรยี นรู้
5.1 Period No ชวั่ โมงที่ /คาบที่ 5
Day วัน จนั ทร์ –ศุกร์ Date ที่ 2-6 Month เดอื น พฤศจกิ ายน Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
4.2 นักเรียนสามารถเปรยี บเทียบสมบัติของธาตโุ ลหะแทรนซิชนั กับธาตุโลหะในกลุม่ ธาตเุ รพรเี ซนเททีฟได้ (K,P)
4.7 นักเรยี นมคี วาม รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสตั ยส์ จุ ริต และมีวินยั (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรียนการสอน (ระบุกระบวนการหลักท่ีใช้ออกแบบจัดการเรียนรู้ในแต่ละชั่วโมง
หรอื คาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กจิ กรรมการเรยี นการสอนคือ กระบวนการปฏบิ ัติ
1) ขัน้ สงั เกต
1.1 นักเรียนจับกลุ่ม 6 คน โดยเรียงลาดับตามเลขที่ ใช้แอปพลิเคช่ัน Class Dojo ครูเตรียมภาพสารประกอบดังตัวอย่าง
หรือใชภ้ าพของสารประกอบอ่ืน ๆ ทีส่ อดคลอ้ งกับจดุ ประสงค์ ใหเ้ ท่ากบั จานวนกลมุ่ ของนกั เรียน
1.2 นักเรียนสังเกตและได้ผลวา่ สีของสารประกอบเป็นสมบัติทางกายภาพ ซ่ึงสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า สารประกอบ
ของโลหะหมู่หลักส่วนใหญ่เป็นสีขาว ส่วนสารประกอบของโลหะแทรนซิชันมักจะมีสี เช่น CuSO4• 5H2O มีสีฟ้า ZnSO4 มีสีเหลือง
อ่อน สารประกอบของโลหะหมหู่ ลักสว่ นใหญ่เปน็ สีขาว สว่ นสารประกอบของโลหะแทรนซชิ ันสว่ นใหญม่ สี ี
2) ขั้นทาตามแบบ
2.1 ครูถามคาถามเพ่ือใหน้ ักเรียนอภิปรายว่า นอกจากการมีสขี องสารประกอบแลว้ โลหะแทรนซิชนั ยังมสี มบตั ิใดทีแ่ ตกตา่ ง
โลหะหมู่หลกั อีกบ้าง เพ่ือนาเขา้ ส่กู จิ กรรมการทดลองเพื่อศึกษาปฏิกิริยาเคมีระหวา่ งโซเดียม แมกนเี ซียม ทองแดง และสังกะสีกบั นา้
เปรียบเทียบความว่องไวในการทาปฏิกิริยาเคมีกับน้าของธาตุหมู่ IA IIA และธาตุแทรนซิชัน ระบุสมบัติความเป็นกรดและเบสของ
สารละลายท่ีเกดิ ขึน้ ในปฏกิ ิริยาเคมี
2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่ม ศึกษาการทดลองตามใบงานให้เข้าใจ จากนั้นประธานกลุ่มนาอภิปรายข้ันตอนการทดลองและแบ่ง
หน้าทีก่ ัน สมาชกิ ปฏิบัตกิ จิ กรรม
3) ขน้ั ให้ทาเองโดยไมม่ ีแบบ
3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติการทดลอง บันทึกผลการทดลอง อภิปรายเพ่ือตอบคาถามการทดลอง และเขียนรายงานการ
ทดลองส่งครูกลมุ่ ละ 1 ฉบบั
3.2 ตวั แทนกลมุ่ นักเรยี นนาเสนอผลการทากจิ กรรม ครูและเพ่ือนซักถาม
3.3 นกั เรยี นที่มขี ้อสงสยั ครเู ปดิ โอกาสให้ซกั ถามไดร้ ะหว่างปฏบิ ตั ิการ
15
4) ขนั้ ฝกึ ใหช้ านาญ
4.1 ครสู ่มุ นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ให้ทาการสาธิตวธิ กี ารทาปฏิบัตกิ ารให้ดู
4.2 กอ่ นหมดเวลา 5 นาที ครูสรปุ ปฏิบตั ิการร่วมกบั นกั เรียน จากน้นั ใหน้ ักเรยี นล้างและจัดเก็บอุปกรณใ์ หเ้ รียบรอ้ ย
4.3 ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรมเร่ืองเปรียบเทยี บสมบัติของธาตุโลหะแทรนซชิ ันกบั ธาตโุ ลหะในกลมุ่ ธาตเุ รพรเี ซนเททฟี
4.4 ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมว่าแก๊สท่ีเกิดขึ้นในปฏิกิริยาของโซเดียมและแมกนีเซียมกับน้าคือแก๊สไฮโดรเจน และปฏิกิริยาที่
เกิดขน้ึ เป๊นปฏิกริ ยิ าคายความร้อน โดยครเู ขยี นสมการเคมีแสดงปฏกิ ริ ิยาเคมรี ะหว่างโซเดยี ม แมกนีเซียมกับน้าประกอบการอธบิ าย
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ธิ ีการสอนท่ีใช้ในการจัดการเรียนรู้
Lecture ใช้บรรยาย Experiment ใชก้ ารทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใชก้ ารนริ นัย Field Trip ใชก้ ารไปทัศนศกึ ษา Learning Communities
Small Group Discussion ใชก้ ารอภิปรายรายกลุม่ Dramatization ใชก้ ารแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ยอ่ ย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใชก้ รณีตัวอยา่ ง Reading
Presentation
Simulation ใช้สถานการณ์จาลอง Learning Centre ใช้ศูนย์การเรยี น
Programmed Instruction ใช้บทเรียนโปรแกรม Game
Demonstration ใช้การสาธติ Induction ใชก้ ารอปุ นยั
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids ส่อื การเรียนการสอน/แหล่งเรยี นรู้ (ส่อื วัสดุ ส่ิงของ / ส่ือธรรมชาติ / สื่อเทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรือ่ งธาตุแทรนซิชันและกัมมนั ตรังสี
7.2 Power point เร่อื งธาตแุ ทรนซิชนั และกมั มันตรงั สี
7.3 คอมพิวเตอร์แบบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวทบ์ อรด์ สีดา น้าเงิน และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรอื Tablet
8. การวัดผลประเมนิ ผล
Learning Objective Method of Tool of Assessment Criteria
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ Assessment เครอื่ งมือวดั ผล เกณฑก์ ารผา่ นแตล่ ะ
(ระบุให้ครบทุกจุดประสงค์) วธิ กี ารวดั ผล ประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้
ประเมนิ ผล
4.2 นักเรยี นสามารถเปรยี บเทยี บสมบัติของธาตุ การทาแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หัดและ รอ้ ยละ 70
โลหะแทรนซิชนั กับธาตุโลหะในกลุ่มธาตเุ รพรเี ซน และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรอื่ งปรมิ าณ
เททฟี ได้ (K,P) เร่ืองปรมิ าณสาร สารสัมพนั ธ์
สัมพนั ธ์
4.7 นักเรียนมีความ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ การสงั เกตการร่วม แบบประเมนิ และสังเกต รอ้ ยละ 90
ซอ่ื สตั ย์สุจริต และมีวินยั (A) กจิ กรรมระหวา่ งการ พฤติกรรม
เรียนการสอน
16
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้
5.1 Period No ชัว่ โมงท่ี /คาบท่ี 6
Day วนั จนั ทร์ –ศกุ ร์ Date ที่ 2-6 Month เดอื น พฤศจิกายน Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จุดประสงค์การเรียนรู้
4.3 นกั เรยี นสามารถอธิบายสมบตั ขิ องธาตกุ ัมมนั ตรังสีได้ (K,P)
4.7 นักเรยี นมีความ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซือ่ สัตยส์ จุ ริต และมวี ินยั (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรียนการสอน (ระบกุ ระบวนการหลกั ที่ใช้ออกแบบจดั การเรียนรู้ในแตล่ ะช่วั โมง
หรอื คาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กิจกรรมการเรยี นการสอนคือ กระบวนการเรยี นรูค้ วามเข้าใจ
1) ข้นั สังเกต/ตระหนกั
1.1 ครูใหน้ ักเรียนสืบค้นธาตกุ ัมมนั ตรงั สี สุ่มนกั เรยี นนาเสนอข้อมูลที่ไดจ้ ากการสบื ค้นโดยใช้แอปพลิเคชัน่ Canva
2) ข้นั วางแผนปฏิบัติ
2.1 ครูอธิบายสมบตั ิของธาตกุ ัมมันตรงั สีและสาเหตขุ องความไมเ่ สถียร
3) ขัน้ ลงมอื ปฏิบตั ิ
3.1 ครใู หน้ กั เรียนศึกษาตัวอย่างเพิม่ เตมิ จากเอกสารประกอบการเรยี น ยกตวั อย่างไอโซโทปของไฮโดรเจนทเี่ ป็นกมั มันตรงั สี
3.2 ครูให้นกั เรียนทาแบบฝึกหดั เรื่องธาตกุ ัมมนั ตรังสี
3.3 ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นท่มี ีข้อสงสยั ซักถามไดร้ ะหวา่ งการเรียนรู้
4) ขน้ั พฒั นาความรู้ ความเข้าใจ
4.1 ครเู ฉลยแบบฝึกหดั เรอื่ งสมบตั ิธาตุกมั มันตรังสี
4.2 ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนทีม่ ีขอ้ สงสัย ซกั ถามเพิ่มเติม
5) ขนั้ สรุป
5.1 ครสู รปุ เนือ้ หาสมบัตธิ าตุกมั มันตรังสี
5.2 ครูสมุ่ ถามนกั เรียนเพือ่ สรุปความเข้าใจท่ีเกดิ ขนึ้
5.3 ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นไปทาแผนผงั มโนทศั น์สรปุ ความรู้ โดยใช้ Web Application เช่น Mentimeter
17
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ิธกี ารสอนท่ีใชใ้ นการจัดการเรียนรู้
Lecture ใชบ้ รรยาย Experiment ใชก้ ารทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใช้การนิรนัย Field Trip ใชก้ ารไปทัศนศึกษา Learning Communities
Small Group Discussion ใช้การอภิปรายรายกลมุ่ Dramatization ใช้การแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ย่อย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใชก้ รณตี ัวอยา่ ง Reading
Presentation
Simulation ใช้สถานการณ์จาลอง Learning Centre ใชศ้ ูนยก์ ารเรยี น
Programmed Instruction ใชบ้ ทเรียนโปรแกรม Game
Demonstration ใช้การสาธติ Induction ใชก้ ารอปุ นัย
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids ส่อื การเรยี นการสอน/แหลง่ เรียนรู้ (สอื่ วัสดุ ส่งิ ของ / สอื่ ธรรมชาติ / สอื่ เทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรียนการสอนเรอื่ งธาตแุ ทรนซิชนั และกมั มันตรังสี
7.2 Power point เรื่องธาตแุ ทรนซชิ ันและกัมมันตรงั สี
7.3 คอมพิวเตอรแ์ บบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวท์บอร์ดสดี า นา้ เงิน และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรือ Tablet
8. การวัดผลประเมนิ ผล Method of Tool of Assessment Criteria
Assessment เครอ่ื งมือวัดผล เกณฑ์การผา่ นแตล่ ะ
Learning Objective วิธีการวัดผล ประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ประเมนิ ผล
(ระบใุ ห้ครบทกุ จดุ ประสงค์) การทาแบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั เร่อื ง ร้อยละ 70
เรือ่ งกมั มนั ตรงั สี ธาตกุ มั มนั ตรงั สี
4.3 นกั เรียนสามารถอธบิ ายสมบตั ขิ องธาตุ การสงั เกตการรว่ ม แบบประเมินและสงั เกต รอ้ ยละ 90
กัมมนั ตรงั สีได้ (K,P) กจิ กรรมระหว่างการ
4.7 นักเรียนมีความ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เรียนการสอน พฤติกรรม
ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ และมีวนิ ัย(A)
18
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกจิ กรรมการจัดการเรียนรู้
5.1 Period No ชั่วโมงที่ /คาบที่ 7
Day วัน จันทร์ –ศุกร์ Date ที่ 9-13 Month เดอื น พฤศจกิ ายน Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.4 นกั เรียนสามารถคานวณครง่ึ ชวี ติ ของไอโซโทปกมั มันตรังสีได้ (K,P)
4.7 นกั เรยี นมคี วาม รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอื่ สัตย์สจุ รติ และมวี ินยั (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรียนการสอน (ระบกุ ระบวนการหลกั ที่ใช้ออกแบบจัดการเรียนรู้ในแต่ละชวั่ โมง
หรอื คาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กจิ กรรมการเรียนการสอนคือ กระบวนการสรา้ งความคิดรวบยอด
1) ขั้นสังเกต/รับรู้
1.1 ทบทวนเรื่องสมบตั ิของธาตกุ มั มันตรังสี โดยให้นกั เรียนแตล่ ะคนช่วยกนั นาเสนอข้อมลู ทสี่ นใจ
1.2 ครูนาอภิปรายเร่อื งครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมนั ตรงั สี
2) ขัน้ จาแนกความแตกต่าง
2.1 ครอู ธบิ ายการคานวณครง่ึ ชวี ิตของไอโซโทปกมั มนั ตรงั สี
2.2 ครูยกตัวอยา่ งและสาธติ การคานวณ
2.3 ครสู มุ่ ถามนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล และใหน้ กั เรียนนาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น
3) ขัน้ หาลักษณะรว่ ม
3.1 ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหดั พรอ้ มทั้งตอบคาถามทค่ี รสู ุ่มถาม
4) ขน้ั ระบุชอ่ื ความคดิ รวบยอด
4.1 ครสู รุปเนื้อหาและใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัดเพมิ่ เตมิ
5) ข้ันทดสอบและนาไปใช้
5.1 ครสู ุ่มถามนกั เรียนเพอ่ื สรปุ ความเขา้ ใจทเี่ กิดขนึ้
5.2 ครใู ห้นักเรียนทาแบบทดสอบ
19
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบุวธิ กี ารสอนท่ใี ชใ้ นการจัดการเรยี นรู้
Lecture ใช้บรรยาย Experiment ใชก้ ารทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใช้การนริ นยั Field Trip ใชก้ ารไปทศั นศึกษา Learning Communities
Small Group Discussion ใชก้ ารอภปิ รายรายกล่มุ Dramatization ใชก้ ารแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ย่อย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใชก้ รณีตวั อยา่ ง Reading
Presentation
Simulation ใชส้ ถานการณจ์ าลอง Learning Centre ใชศ้ ูนยก์ ารเรยี น
Programmed Instruction ใชบ้ ทเรียนโปรแกรม Game
Demonstration ใชก้ ารสาธติ Induction ใช้การอุปนยั
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids สื่อการเรียนการสอน/แหลง่ เรยี นรู้ (สอื่ วัสดุ สงิ่ ของ / สอ่ื ธรรมชาติ / ส่ือเทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเร่ืองธาตุแทรนซิชนั และกัมมันตรังสี
7.2 Power point เรอื่ งธาตแุ ทรนซิชนั และกมั มนั ตรงั สี
7.3 คอมพิวเตอรแ์ บบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวทบ์ อรด์ สีดา นา้ เงนิ และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรือ Tablet
8. การวัดผลประเมนิ ผล Method of Tool of Assessment Criteria
Assessment เครอ่ื งมอื วดั ผล เกณฑ์การผา่ นแตล่ ะ
Learning Objective วิธกี ารวดั ผล ประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
จุดประสงค์การเรยี นรู้ ประเมินผล
(ระบใุ ห้ครบทกุ จุดประสงค์) การทาแบบฝกึ หดั แบบฝึกหัดเรอื่ ง ร้อยละ 70
เรอื่ งกัมมันตรงั สี ธาตุกัมมนั ตรงั สี
4.4 นกั เรยี นสามารถคานวณครงึ่ ชวี ติ ของ การสงั เกตการร่วม แบบประเมนิ และสงั เกต ร้อยละ 90
ไอโซโทปกัมมันตรงั สีได้ (K,P) กิจกรรมระหว่างการ
4.7 นักเรียนมีความ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เรยี นการสอน พฤตกิ รรม
ซื่อสัตย์สุจริต และมวี นิ ัย(A)
20
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกิจกรรมการจดั การเรยี นรู้
5.1 Period No ชวั่ โมงท่ี /คาบท่ี 8
Day วัน จนั ทร์ –ศกุ ร์ Date ที่ 9-13 Month เดือน พฤศจิกายน Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.5 นักเรียนสามารถสืบคน้ ข้อมลู การนาธาตุมาใชป้ ระโยชน์ รวมทง้ั ผลกระทบตอ่ สิ่งมีชวี ิตและสิง่ แวดล้อมได้ (K,P)
4.6 นกั เรยี นสามารถยกตวั อยา่ งการนาธาตุมาใชป้ ระโยชน์ รวมท้ังผลกระทบตอ่ สงิ่ มชี วี ติ และส่ิงแวดลอ้ มได้ (K,P)
4.7 นักเรียนมคี วาม รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซื่อสตั ยส์ จุ รติ และมวี นิ ยั (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรียนการสอน (ระบุกระบวนการหลกั ท่ีใช้ออกแบบจัดการเรียนรู้ในแตล่ ะชว่ั โมง
หรือคาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กิจกรรมการเรยี นการสอนคือ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด
1) ขน้ั สงั เกต/รับรู้
1.1 ทบทวนเร่ืองสมบตั ขิ องธาตกุ มั มนั ตรังสี โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนชว่ ยกันนาเสนอข้อมลู ทสี่ นใจ
1.2 ครูนาอภปิ รายและยกตัวอยา่ งเรอ่ื งการนาธาตมุ าใชป้ ระโยชน์ รวมท้ังผลกระทบต่อสิง่ มีชวี ติ และส่งิ แวดล้อม
2) ขั้นจาแนกความแตกตา่ ง
2.1 ครูใหน้ ักเรยี นสบื คน้ ข้อมลู การนาธาตมุ าใช้ประโยชน์ รวมท้งั ผลกระทบต่อสงิ่ มชี ีวิตและสิ่งแวดล้อม
2.3 ครสู ุ่มถามนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล และใหน้ กั เรียนนาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน
3) ขัน้ หาลกั ษณะรว่ ม
3.1 ครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด พรอ้ มทง้ั ตอบคาถามทคี่ รสู ุ่มถาม
4) ขัน้ ระบุชื่อความคดิ รวบยอด
4.1 ครสู รุปเนือ้ หาและให้นกั เรยี นเขียนผงั มโนทัศน์ การนาธาตมุ าใช้ประโยชน์ รวมท้ังผลกระทบตอ่ สิ่งมีชีวิตและ
ส่ิงแวดลอ้ ม
5) ขนั้ ทดสอบและนาไปใช้
5.1 ครสู ุ่มถามนกั เรยี นเพือ่ สรปุ ความเขา้ ใจทเ่ี กดิ ข้ึน
5.2 ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบทดสอบ
21
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ิธีการสอนทใี่ ชใ้ นการจดั การเรยี นรู้
Lecture ใช้บรรยาย Experiment ใช้การทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใชก้ ารนริ นัย Field Trip ใชก้ ารไปทศั นศกึ ษา Learning Communities
Small Group Discussion ใชก้ ารอภปิ รายรายกลุ่ม Dramatization ใชก้ ารแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ย่อย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใช้กรณีตวั อย่าง Reading
Presentation
Simulation ใช้สถานการณจ์ าลอง Learning Centre ใชศ้ นู ยก์ ารเรยี น
Programmed Instruction ใช้บทเรียนโปรแกรม Game
Demonstration ใชก้ ารสาธติ Induction ใช้การอปุ นยั
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids สื่อการเรยี นการสอน/แหล่งเรยี นรู้ (ส่อื วสั ดุ สิ่งของ / สอื่ ธรรมชาติ / สอ่ื เทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรอื่ งธาตแุ ทรนซิชันและกัมมันตรังสี
7.2 Power point เรอ่ื งธาตแุ ทรนซชิ ันและกัมมันตรงั สี
7.3 คอมพิวเตอรแ์ บบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวท์บอรด์ สีดา นา้ เงิน และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรอื Tablet
8. การวัดผลประเมนิ ผล Method of Tool of Assessment Criteria
Assessment เคร่อื งมือวดั ผล เกณฑ์การผ่านแตล่ ะ
Learning Objective วธิ ีการวดั ผล ประเมนิ ผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ประเมนิ ผล
(ระบใุ ห้ครบทกุ จดุ ประสงค)์ การทาแบบฝกึ หดั แบบฝึกหัดเรือ่ ง ร้อยละ 70
เรอ่ื งธาตุแทรนซิชัน ธาตุแทรนซิชันและ
4.5 นักเรียนสามารถสบื คน้ ข้อมูลการนาธาตุมาใช้ และกมั มนั ตรงั สี ร้อยละ 70
ประโยชน์ รวมท้งั ผลกระทบตอ่ สิง่ มชี ีวิตและ การทาแบบฝึกหดั กมั มันตรังสี
สง่ิ แวดล้อมได้ (K,P) เรอื่ งธาตุแทรนซิชนั แบบฝกึ หดั เร่อื ง ร้อยละ 90
4.6 นักเรียนสามารถยกตวั อยา่ งการนาธาตมุ าใช้ และกมั มันตรังสี ธาตแุ ทรนซชิ ันและ
ประโยชน์ รวมทัง้ ผลกระทบตอ่ ส่ิงมีชวี ิตและ การสงั เกตการรว่ ม
สิ่งแวดล้อมได้ (K,P) กจิ กรรมระหวา่ งการ กัมมนั ตรงั สี
4.7 นักเรียนมีความ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เรียนการสอน แบบประเมินและสงั เกต
ซอื่ สตั ยส์ จุ รติ และมีวินัย(A)
พฤตกิ รรม
22
การประเมินพฤตกิ รรม รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต และมีวนิ ัย
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ข้อ 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
ตวั ช้ีวัด 1.1 เปน็ พลเมืองดขี องชาติ ธารงไว้ซ่งึ ความเป็นชาตไิ ทย ศรัทธา ยดึ มัน่ และปฏิบตั ติ นตามหลักศาสนา เคารพเทดิ ทนู
สถาบันพระมหากษตั รยิ ์
ระดับคุณภาพ เกณฑก์ ารพิจารณา
ดเี ยี่ยม (3) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเยย่ี มจานวน 3-4 ตัวชว้ี ดั และไมม่ ีตัวชีว้ ดั ใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่า
กวา่ ระดับดี
ดี (2) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดีเยีย่ มจานวน 1-4 ตวั ชว้ี ดั และไมม่ ตี ัวชวี้ ดั ใดไดผ้ ลการประเมนิ ตา่
กวา่ ระดบั ดีหรือ
ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดีทุกตัวช้ีวัด
ไดผ้ ลการประเมนิ ตั้งแตร่ ะดบั ดขี ้นึ ไปจานวน 3 ตวั ช้ีวัดและระดบั ผา่ นจานวน 1 ตัวชีว้ ัด
ผ่าน (1) ได้ผลการประเมินดบั ผา่ นทุกตัวช้ีวดั หรือ
ได้ผลการประเมินระดบั ดีเยย่ี มจานวน 1-2 ตวั ชว้ี ัด และตัวชีว้ ดั ทเี่ หลอื ไดผ้ ลการประเมินใน
ระดับผ่าน
ไมผ่ า่ น (0) ได้ผลการประเมนิ ระดับไมผ่ ่านตง้ั แต่ 1 ตัวช้วี ดั ข้ึนไป
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ อ้ ท่ี 2 ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ
ตวั ชวี้ ัด 2.1 ประพฤติตรงตามความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเองท้งั ทางกาย วาจา ใจ ประพฤติตนตรงตามความเป็นจรงิ ต่อผอู้ น่ื ท้งั ทางกาย
วาจา ใจ
ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การพิจารณา
ดเี ยยี่ ม (3) ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดีเยย่ี มทุกตวั ช้ีวดั
ดี (2) 1. ไดผ้ ลการประเมินระดับดเี ย่ียมจานวน 1 ตวั ชว้ี ัดและระดับดี 1 ตวั ชว้ี ดั หรอื
2. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดที กุ ตวั ช้ีวัด
ผา่ น (1) 1. ไดผ้ ลการประเมินดบั ผา่ นทุกตวั ช้ีวัด หรอื
2. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีขึ้นไปจานวน 1 ตวั ชวี้ ัด และ ระดับผ่าน 1 ตวั ชีว้ ัด
ไม่ผา่ น (0) ไดผ้ ลการประเมินระดับไมผ่ า่ นตงั้ แต่ 1 ตวั ชีว้ ัดขน้ึ ไป
คณุ ลักษณะอันพึงประสงคข์ อ้ ท่ี 3 มีวนิ ยั
ตัวชีว้ ดั 3.1 ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บข้อบังคบั ของครอบครัว โรงเรยี น และสงั คม
ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
ดเี ยย่ี ม (3) ได้ผลการประเมนิ ตวั ชี้วดั ระดับดีเยีย่ ม
ดี (2) ได้ผลการประเมนิ ตัวชี้วัด ระดับดี
ผ่าน (1) ไดผ้ ลการประเมนิ ตวั ชว้ี ดั ระดบั ผา่ น
ไม่ผา่ น (0) ได้ผลการประเมนิ ตวั ชว้ี ัด ระดบั ไมผ่ ่าน
23
แผนการจดั การเรียนรู้
Learning Area กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
Term ภาคเรียนท่ี 2 Academic Year ปกี ารศกึ ษา 2563
Title of Subject เคมี Subject Code ว31222 Level ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
Unit No. หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 Title of Unit การคานวณปริมาณของสาร Time Allocated 5 Periods (คาบ)
Week No. สอนสัปดาหท์ ี่ 4-5 Day วนั จันทร์-ศุกร์ Date ท่ี 16 – 27 Month เดือน พฤศจิกายน Year พ.ศ. 2563
1. Strand and Learning Outcomes สาระและผลการเรยี นรู้
สาระเคมี
2. เข้าใจการเขยี นและการดุลสมการเคมี ปรมิ าณสมั พนั ธ์ในปฏิกริ ิยาเคมี อัตราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี สมดลุ ในปฏกิ ิรยิ าเคมี
สมบัติและปฏิกิริยาของกรด–เบส ปฏิกิรยิ ารีดอกซ์และเซลล์เคมไี ฟฟา้ รวมทั้งการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ผลการเรยี นรู้
4. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุและคานวณมวลอะตอมเฉล่ยี ของธาตมุ วลโมเลกลุ และมวลสตู ร
5. อธิบายและคานวณปริมาณใดปรมิ าณหนง่ึ จากความสัมพนั ธข์ องโมล จานวนอนภุ าคมวล และปรมิ าตรของแก๊สท่ี STP
6. คานวณอัตราส่วนโดยมวลของธาตอุ งค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดสว่ นคงท่ี
7. คานวณสตู รอยา่ งงา่ ยและสตู รโมเลกลุ ของสาร
2. Sub-topics (Topic Discussed in this Learning Unit) / Local Wisdom / 21th Century Skills / School policies
สาระการเรยี นรู้เพมิ่ เตมิ (หัวขอ้ ยอ่ ย) /ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น / ทักษะในศตวรรษท่ี 21 หรอื จดุ เน้นตามนโยบายของโรงเรยี น
2.1 สาระการเรยี นรู้เพ่ิมเตมิ
ธาตุแทรนซิชนั และกมั มนั ตรังสี
2.1.1 มวลอะตอมและมวลอะตอมเฉลย่ี
2.1.2 มวลโมเลกุลและมวลสตู ร
2.1.3 โมล จานวนอนุภาคมวล และปรมิ าตรของแกส๊ ที่ STP
2.1.4 กฎสดั สว่ นคงท่ี
2.1.5 สูตรเอมพริ ิคัลหรอื สูตรอย่างง่ายและสตู รโมเลกุล
2.2 ทกั ษะของผู้เรยี นศตวรรษที่ 21 (3Rs x 8Cs x 2Ls)
R1– Reading (อ่านออก) R2– (W)riting (เขียนได)้ R3 – (A)Rithmetics (คิดเลขเป็น)
C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแก้ปญั หา)
C2 - Creativity and Innovation (ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรคแ์ ละนวัตกรรม)
C3 - Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์)
C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทกั ษะด้านความรว่ มมือ การทางานเปน็ ทมี และภาวะผู้นา)
C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทกั ษะด้านการสือ่ สารสารสนเทศและรเู้ ทา่ ทนั สือ่ )
C6 - Computing and ICT Literacy (ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร)
C7 - Career and Learning Skills (ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรยี นรู้)
C8 – Compassion (ความมเี มตตากรณุ า วินัย คณุ ธรรม จรยิ ธรรม)
L1 – Learning (ทักษะการเรยี นรู้)
L2 – Leadership (ทักษะความเปน็ ผนู้ า)
24
3. Learners’ Key Competencies and Desirable Characteristics สมรรถนะและคุณลักษณะพงึ ประสงค์
3.1 Learners’ Key Competencies สมรรถนะ
1. Communication Capacity ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. Thinking Capacity ความสามารถในการคิด
3. Problem Solving Capacity ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. Capacity for Applying Life Skills ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5. Capacity for Technological Application ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
3.2 Desirable Characteristics คุณลักษณะพงึ ประสงค์
1. Love of nation, religion and king รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
2. Honesty and integrity ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ
3. Self – Discipline มีวินัย
4. Avidity for Learning ใฝ่เรียนรู้
5. Observance of principles of Sufficiency Economy Philosophy in one’s way of Life อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
6. Dedication and commitment to work มุ่งมน่ั ในการทางาน
7. Cherishing Thai-ness รกั ความเป็นไทย
8. Public-mindness มจี ติ สาธารณะ
9. Be health and well-balance สขุ ภาพและสนุ ทรยี ภาพ
4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (ระบุใหค้ รบ KPA)
4.1 นักเรียนสามารถบอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุได้ (K,P)
4.2 นกั เรียนสามารถคานวณมวลอะตอมเฉล่ยี ของธาตไุ ด้ (K,P)
4.3 นักเรยี นสามารถคานวณมวลโมเลกลุ ได้ (K,P)
4.4 นักเรยี นสามารถคานวณมวลสูตรได้ (K,P)
4.5 นกั เรียนสามารถอธิบายปริมาณใดปรมิ าณหนง่ึ จากความสัมพนั ธข์ องโมล จานวนอนภุ าคมวล และปรมิ าตรของแกส๊ ท่ี
STP ได้ (K,P)
4.6 นกั เรยี นสามารถคานวณปรมิ าณใดปรมิ าณหนึ่งจากความสมั พนั ธข์ องโมลได้ (K,P)
4.7 นักเรยี นสามารถคานวณปรมิ าณใดปรมิ าณหนงึ่ จากความสัมพนั ธข์ องจานวนอนภุ าคมวลได้ (K,P)
4.8 นกั เรียนสามารถคานวณปรมิ าณใดปรมิ าณหนึ่งจากความสมั พนั ธข์ องปริมาตรของแกส๊ ท่ี STP ได้ (K,P)
4.9 นกั เรียนสามารถคานวณอัตราส่วนโดยมวลของธาตอุ งค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดส่วนคงทไี่ ด้ (K,P)
4.10 นกั เรยี นสามารถคานวณสตู รอยา่ งงา่ ยได้ (K,P)
4.11 นักเรยี นสามารถคานวณสูตรโมเลกุลของสารได้ (K,P)
4.12 นกั เรียนมคี วามใฝเ่ รียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง และม่งุ ม่ันในการทางาน (A)
25
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้
5.1 Period No ชว่ั โมงท่ี /คาบที่ 9
Day วัน จันทร์ –ศุกร์ Date ท่ี 16-20 Month เดือน พฤศจกิ ายน Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.1 นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุได้ (K,P)
4.2 นักเรียนสามารถคานวณมวลอะตอมเฉลยี่ ของธาตไุ ด้ (K,P)
4.12 นักเรียนมคี วามใฝเ่ รียนรู้ อยอู่ ย่างพอเพยี ง และมุ่งมั่นในการทางาน (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรียนการสอน (ระบุกระบวนการหลกั ท่ีใช้ออกแบบจดั การเรียนรู้ในแตล่ ะชว่ั โมง
หรือคาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กจิ กรรมการเรยี นการสอน คอื กระบวนการสร้างความคดิ รวบยอด
1) ขั้นสงั เกต/รับรู้
1.1 ครูนาเข้าสกู่ ารเรยี นการสอนโดยกลา่ วคาทกั ทายนักเรยี น และบอกหัวขอ้ ที่จะเรยี นในวันนีค้ อื “มวลอะตอม”
1.2 ครเู ปดิ สอ่ื การสอน powerpoint และทดสอบความรเู้ ดิมทเี่ ราเคยเรยี นกันมากอ่ นโดยใช้แอปพลเิ คช่นั Class Dojo
2) ขน้ั จาแนกความแตกตา่ ง
2.1 ครูอธบิ ายถึงมวลอะตอมของธาตุ เป็นมวลของธาตุ 1 อะตอม ซงึ่ เปน็ ผลรวมของมวลโปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ลก็ ตรอน
แต่เน่ืองจากอิเล็กตรอนมีมวลน้อยมากเม่ือเทียบกับโปรตอนและนิวตรอน ดังนั้น มวลอะตอมจึงมีค่าใกล้เคียงกับผลรวมของมวล
โปรตอนและนิวตรอน
มวลอะตอมเฉลยี่ ของธาตุเป็นคา่ เฉล่ียจากคา่ มวลอะตอมของแต่ละไอโซโทปของธาตชุ นดิ น้ัน ตามปริมาณทีม่ ีในธรรมชาติ
3) ข้ันหาลักษณะรว่ ม
3.1 ครอู ธิบายและยกตัวอย่างการคานวณการหามวลอะตอมเฉล่ีย
3.2 นักเรยี นทาแบบฝึกหัด โดยครคู อยแนะนาและซกั ถามความเข้าใจของนกั เรียน ครูสุ่มถามคาตอบที่นักเรยี นคานวณได้
4) ขน้ั ระบุช่อื ความคดิ รวบยอด
4.1 ครสู รปุ เนื้อหาเรอื่ งมวลอะตอม
5) ขั้นทดสอบและนาไปใช้
5.1 ครสู ่มุ ถามนักเรียนเพ่ือสรุปความเข้าใจท่เี กิดข้ึน
5.2 ครใู หน้ ักเรียนทาแบบทดสอบโดยใช้แอปพลเิ คช่นั QUIZIZZ
26
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ธิ กี ารสอนท่ีใชใ้ นการจดั การเรยี นรู้
Lecture ใชบ้ รรยาย Experiment ใช้การทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใช้การนิรนัย Field Trip ใชก้ ารไปทัศนศกึ ษา Learning Communities
Small Group Discussion ใช้การอภปิ รายรายกลุ่ม Dramatization ใช้การแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ยอ่ ย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใช้การแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใช้กรณตี วั อย่าง Reading
Presentation
Simulation ใชส้ ถานการณ์จาลอง Learning Centre ใชศ้ ูนยก์ ารเรียน
Programmed Instruction ใช้บทเรียนโปรแกรม Game
Demonstration ใช้การสาธติ Induction ใชก้ ารอปุ นยั
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids สอ่ื การเรียนการสอน/แหลง่ เรยี นรู้ (ส่ือวสั ดุ สง่ิ ของ / สอ่ื ธรรมชาติ / สอ่ื เทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรื่องปรมิ าณสารสัมพนั ธ์
7.2 Power point เรื่องปริมาณสารสัมพนั ธ์
7.3 คอมพวิ เตอรแ์ บบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวทบ์ อร์ดสดี า นา้ เงิน และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรอื Tablet
8. การวัดผลประเมินผล
Learning Objective Method of Tool of Assessment Criteria
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ Assessment เครือ่ งมอื วัดผล เกณฑ์การผา่ นแตล่ ะ
(ระบใุ ห้ครบทกุ จดุ ประสงค์) วิธกี ารวัดผล ประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้
ประเมนิ ผล
แบบฝึกหัดและ รอ้ ยละ 70
4.1 นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของมวล การทาแบบฝกึ หดั แบบทดสอบเรือ่ งปริมาณ
รอ้ ยละ 70
อะตอมของธาตุได้ (K,P) และแบบทดสอบ สารสมั พันธ์
รอ้ ยละ 90
เรื่องปริมาณสาร แบบฝึกหัดและ
แบบทดสอบเร่ืองปริมาณ
สมั พนั ธ์
สารสัมพันธ์
4.2 นกั เรยี นสามารถคานวณมวลอะตอมเฉล่ยี การทาแบบฝกึ หดั
แบบประเมินและสังเกต
ของธาตุได้ (K,P) และแบบทดสอบ พฤติกรรม
เร่ืองปริมาณสาร
สัมพันธ์
4.12 นักเรียนมีความใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง การสงั เกตการรว่ ม
และมุ่งมั่นในการทางาน (A) กจิ กรรมระหวา่ งการ
เรียนการสอน
27
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกิจกรรมการจัดการเรยี นรู้
5.1 Period No ชัว่ โมงท่ี /คาบที่ 10
Day วัน จนั ทร์ –ศุกร์ Date ที่ 9-13 Month เดอื น พฤศจิกายน Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จุดประสงค์การเรยี นรู้
4.3 นักเรียนสามารถคานวณมวลโมเลกลุ ได้ (K,P)
4.4 นักเรยี นสามารถคานวณมวลสูตรได้ (K,P)
4.12 นักเรยี นมคี วามใฝเ่ รียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพียง และมงุ่ มนั่ ในการทางาน (A)
Teaching Procedure กระบวนการจดั การเรยี นการสอน (ระบกุ ระบวนการหลักทใ่ี ช้ออกแบบจดั การเรยี นรใู้ นแต่ละ
ชั่วโมงหรอื คาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กิจกรรมการเรียนการสอน คอื กระบวนการสรา้ งความคิดรวบยอด
1) ขั้นสงั เกต/รบั รู้
1.1 ครูใหน้ ักเรยี นสืบค้นเร่ืองมวลโมเลกุลและมวลสูตรเป็นผลรวมของมวลอะตอมเฉล่ียของธาตทุ เี่ ป็นองคป์ ระกอบของสาร
นัน้ และใหน้ ักเรยี นเลอื กนาเสนอประเด็นทีต่ นเองสนใจผา่ นแอปพลิเคชั่น Canva
2) ข้ันจาแนกความแตกตา่ ง
2.1 ครอู ธบิ ายหลกั การคานวณมวลโมเลกุลและมวลสตู ร
2.2 ครูยกตัวอยา่ งโจทยแ์ ละสาธติ การคานวณ
3) ขนั้ หาลกั ษณะรว่ ม
3.1 ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหัดเรื่องมวลโมเลกุลและมวลสูตร โดยครคู อยตรวจดูการทาแบบฝึกหดั ของนกั เรยี นแต่ละคนและ
ซักถามความเขา้ ใจ
4) ขัน้ ระบชุ ือ่ ความคิดรวบยอด
4.1 ครูสรุปเรอ่ื งมวลโมเลกลุ และมวลสตู ร และตอบข้อซักถามของนักเรยี น
5) ขน้ั ทดสอบและนาไปใช้
5.1 ครูสมุ่ ถามนกั เรียนเพื่อสรุปความเข้าใจที่เกิดขึ้น
5.2 ครใู ห้นักเรียนทาแบบทดสอบผ่านเกม QUIZIZZ
28
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ิธกี ารสอนที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้
Lecture ใชบ้ รรยาย Experiment ใช้การทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใชก้ ารนิรนยั Field Trip ใช้การไปทัศนศึกษา Learning Communities
Small Group Discussion ใช้การอภิปรายรายกลุ่ม Dramatization ใช้การแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ยอ่ ย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใช้กรณตี วั อยา่ ง Reading
Presentation
Simulation ใช้สถานการณ์จาลอง Learning Centre ใช้ศูนย์การเรยี น
Programmed Instruction ใช้บทเรยี นโปรแกรม Game
Demonstration ใชก้ ารสาธติ Induction ใชก้ ารอุปนยั
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids ส่ือการเรยี นการสอน/แหลง่ เรยี นรู้ (สอื่ วัสดุ สิ่งของ / ส่อื ธรรมชาติ / ส่อื เทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรียนการสอนเร่อื งปริมาณสารสัมพันธ์
7.2 Power point เรอ่ื งปริมาณสารสัมพนั ธ์
7.3 คอมพิวเตอรแ์ บบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวทบ์ อรด์ สีดา นา้ เงิน และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรือ Tablet
8. การวัดผลประเมินผล Method of Tool of Assessment Criteria
Learning Objective Assessment เครื่องมือวดั ผล เกณฑ์การผ่านแตล่ ะ
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารวดั ผล ประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรียนรู้
ประเมินผล
(ระบุให้ครบทุกจุดประสงค)์ การทาแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั และ ร้อยละ 70
4.3 นกั เรียนสามารถคานวณมวลโมเลกลุ ได้ (K,P) และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรอ่ื งปริมาณ
เรอื่ งปริมาณสาร ร้อยละ 70
4.4 นกั เรยี นสามารถคานวณมวลสูตรได้ (K,P) สารสัมพนั ธ์
สมั พันธ์ ร้อยละ 90
4.12 นักเรียนมีความใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง การทาแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั และ
และมงุ่ ม่ันในการทางาน (A) และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรอ่ื งปริมาณ
เร่ืองปริมาณสาร
สารสมั พนั ธ์
สมั พนั ธ์
การสังเกตการรว่ ม แบบประเมินและสังเกต
กจิ กรรมระหว่างการ พฤติกรรม
เรยี นการสอน
29
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกิจกรรมการจดั การเรียนรู้
5.1 Period No ชวั่ โมงที่ /คาบท่ี 11
Day วนั จนั ทร์ –ศกุ ร์ Date ที่ 16-20 Month เดอื น พฤศจกิ ายน Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จดุ ประสงค์การเรียนรู้
4.5 นักเรียนสามารถอธบิ ายปริมาณใดปรมิ าณหนึง่ จากความสมั พันธ์ของโมล จานวนอนุภาคมวล และปริมาตรของแก๊สท่ี
STP ได้ (K,P)
4.6 นักเรยี นสามารถคานวณปรมิ าณใดปรมิ าณหนง่ึ จากความสมั พนั ธ์ของโมลได้ (K,P)
4.7 นักเรยี นสามารถคานวณปรมิ าณใดปรมิ าณหนงึ่ จากความสัมพนั ธ์ของจานวนอนภุ าคมวลได้ (K,P)
4.8 นกั เรยี นสามารถคานวณปรมิ าณใดปรมิ าณหน่งึ จากความสัมพนั ธข์ องปรมิ าตรของแก๊สท่ี STP ได้ (K,P)
4.9 นักเรียนสามารถคานวณอัตราสว่ นโดยมวลของธาตุองค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดส่วนคงทไี่ ด้ (K,P)
4.12 นกั เรียนมคี วามใฝเ่ รยี นรู้ อยอู่ ย่างพอเพยี ง และมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรยี นการสอน (ระบกุ ระบวนการหลักท่ใี ช้ออกแบบจดั การเรยี นรู้ในแต่ละ
ชว่ั โมงหรือคาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กจิ กรรมการเรียนการสอน คือ กระบวนการกล่มุ
1) ข้นั กาหนดเป้าหมาย
1.1 ครนู าอภปิ รายเรอื่ งโมลเปน็ ปริมาณสารท่มี จี านวนอนุภาคเทา่ กับเลขอาโวกาโดร คอื 6.02 × 1023 อนภุ าค มวลของสาร
1 โมล ทมี่ หี นว่ ยเปน็ กรัม เรียกว่า มวลตอ่ โมล ซึง่ มีค่าตัวเลขเท่ากับมวลอะตอม มวลโมเลกุลหรือมวลสูตรของสารนั้น สาหรับสารท่ีมี
สถานะแก๊ส 1 โมล จะมีปริมาตรเท่ากับ 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP โดยให้นักเรียนดูคลิปการสอนใน Google Classroom
ลว่ งหน้ากอ่ นเข้าเรยี น
2) ข้นั วางแผน
2.1 ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุม่ ออกเป็น 10 กลมุ่ กลุม่ ละไมเ่ กิน 4 คน โดยคละคนเก่ง ปานกลาง อ่อน
2.2 ครคู รูยกตวั อย่างโจทยแ์ ละสาธติ การคานวณ
2.3 มอบหมายใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มทาโจทยแ์ บบฝึกหัดทคี่ รูกาหนดให้ โดยให้สมาชกิ กลุม่ ชว่ ยเหลอื และอธบิ ายเพอ่ื นท่ียัง
ไมเ่ ข้าใจ
3) ขน้ั ค้นหาคาตอบ
3.1 นกั เรียนแต่กลมุ่ ส่งคาตอบโดยครูชว่ ยตรวจทานคาตอบ
3.2 ครมู อบหมายใหเ้ ลอื กตวั แทนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอการแกโ้ จทยห์ น้าหอ้ ง
30
4) ข้ันประเมินผล
4.1 ครูบนั ทกึ คะแนนการทางานเปน็ กลุ่มลงในแบบประเมนิ ทคี่ รูเตรียมไว้
5) ขั้นประยุกต์ใช้
5.1 ครใู หแ้ ตล่ ะกลมุ่ ไปเตรยี มตัวนาเสนอหน้าห้องเรยี นในคาบถัดไป
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ธิ ีการสอนท่ใี ช้ในการจัดการเรยี นรู้
Lecture ใชบ้ รรยาย Experiment ใชก้ ารทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใชก้ ารนริ นัย Field Trip ใช้การไปทศั นศึกษา Learning Communities
Small Group Discussion ใช้การอภปิ รายรายกล่มุ Dramatization ใช้การแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ยอ่ ย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใช้กรณตี วั อยา่ ง Reading
Presentation
Simulation ใช้สถานการณจ์ าลอง Learning Centre ใชศ้ ูนย์การเรียน
Programmed Instruction ใช้บทเรยี นโปรแกรม Game
Demonstration ใชก้ ารสาธติ Induction ใช้การอุปนัย
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids สอื่ การเรยี นการสอน/แหล่งเรยี นรู้ (สื่อวัสดุ สิง่ ของ / ส่อื ธรรมชาติ / สอ่ื เทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรียนการสอนเรื่องปรมิ าณสารสมั พันธ์
7.2 Power point เรอ่ื งปรมิ าณสารสมั พนั ธ์
7.3 คอมพวิ เตอรแ์ บบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวท์บอร์ดสีดา นา้ เงิน และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรอื Tablet
8. การวดั ผลประเมนิ ผล Method of Tool of Assessment 31
Assessment เครื่องมอื วัดผล Criteria
Learning Objective วิธีการวัดผล ประเมินผล เกณฑก์ ารผ่านแตล่ ะ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ประเมินผล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
(ระบุให้ครบทุกจดุ ประสงค)์ การทาแบบฝึกหดั แบบฝึกหัดและ ร้อยละ 70
และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรอ่ื งปรมิ าณ
4.5 นักเรียนสามารถอธบิ ายปรมิ าณใดปรมิ าณ เรอ่ื งปริมาณสาร ร้อยละ 70
หนง่ึ จากความสมั พันธ์ของโมล จานวนอนภุ าค สารสัมพนั ธ์
มวล และปริมาตรของแกส๊ ที่ STP ได้ (K,P) สมั พนั ธ์ รอ้ ยละ 70
การทาแบบฝึกหดั แบบฝึกหดั และ
4.6 นกั เรยี นสามารถคานวณปรมิ าณใดปรมิ าณ และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรอ่ื งปรมิ าณ ร้อยละ 70
หนงึ่ จากความสมั พนั ธ์ของโมลได้ (K,P) เร่ืองปริมาณสาร
สารสมั พันธ์ รอ้ ยละ 70
4.7 นกั เรียนสามารถคานวณปรมิ าณใดปรมิ าณ สัมพันธ์
หนง่ึ จากความสมั พนั ธ์ของจานวนอนภุ าคมวลได้ การทาแบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั และ ร้อยละ 90
(K,P) และแบบทดสอบ แบบทดสอบเร่ืองปรมิ าณ
เร่อื งปริมาณสาร
4.8 นักเรียนสามารถคานวณปรมิ าณใดปรมิ าณ สารสมั พนั ธ์
หน่งึ จากความสมั พันธข์ องปรมิ าตรของแกส๊ ท่ี สมั พนั ธ์
STP ได้ (K,P) การทาแบบฝึกหดั แบบฝึกหัดและ
และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรื่องปรมิ าณ
4.9 นกั เรียนสามารถคานวณอตั ราสว่ นโดยมวล เรอ่ื งปรมิ าณสาร
ของธาตุองค์ประกอบของสารประกอบตามกฎ สารสัมพันธ์
สัดสว่ นคงทไี่ ด้ (K,P) สัมพันธ์
การทาแบบฝกึ หดั แบบฝึกหัดและ
4.12 นกั เรียนมคี วามใฝเ่ รียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพียง และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรอ่ื งปริมาณ
และม่งุ มน่ั ในการทางาน (A) เรือ่ งปรมิ าณสาร
สารสมั พันธ์
สัมพนั ธ์
การสังเกตการรว่ ม แบบประเมินและสังเกต
กิจกรรมระหวา่ งการ พฤตกิ รรม
เรยี นการสอน
32
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้
5.1 Period No ชัว่ โมงท่ี /คาบที่ 12-13
Day วนั จนั ทร์ –ศุกร์ Date ที่ 16-20 Month เดือน พฤศจิกายน Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จดุ ประสงค์การเรียนรู้
4.10 นักเรียนสามารถคานวณสูตรอย่างงา่ ยได้ (K,P)
4.11 นกั เรยี นสามารถคานวณสูตรโมเลกลุ ของสารได้ (K,P)
4.12 นกั เรียนมคี วามใฝเ่ รยี นรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพียง และมงุ่ ม่ันในการทางาน (A)
Teaching Procedure กระบวนการจดั การเรียนการสอน (ระบกุ ระบวนการหลักท่ีใช้ออกแบบจดั การเรยี นรูใ้ นแตล่ ะ
ชัว่ โมงหรอื คาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กจิ กรรมการเรยี นการสอน คอื กระบวนการเรียนรู้ความเขา้ ใจ
1) ขัน้ สังเกต/ตระหนกั
1.1 ครูนาอภิปรายเร่ืองสารประกอบเกิดจากการรวมตัวของธาตุ ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป โดยมีอัตราส่วนโดยมวลของธาตุ
องค์ประกอบคงท่ีเสมอตามกฎสัดส่วนคงที่ สูตรเคมีสามารถแสดงได้ด้วยสูตรเอมพิริคัลหรือสูตรอย่างง่ายและสูตรโมเลกุล ซ่ึงสูตร
อย่างง่ายคานวณได้จากร้อยละโดยมวลและมวลอะตอมของธาตุองค์ประกอบ และถ้าทราบมวลโมเลกุลของสารจะสามารถคานวณ
สตู รโมเลกุลได้
2) ขน้ั วางแผนปฏิบัติ
2.1 ครอู ธบิ ายยกตัวอยา่ งโจทย์ และหลักการคานวณ
2.2 ครูสาธติ การคานวณ
3) ขน้ั ลงมือปฏิบตั ิ
3.1 ครใู ห้นักเรยี นศึกษาตัวอยา่ งเพมิ่ เติมจากเอกสารประกอบการเรียน
3.2 ครใู ห้นกั เรียนทาแบบฝึกหดั เรอ่ื งการคานวณสูตรอยา่ งงา่ ยและสูตรโมเลกุล
3.3 ครูเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นท่ีมขี อ้ สงสัย ซกั ถามไดร้ ะหว่างการเรยี นรู้
4) ขนั้ พัฒนาความรู้ ความเข้าใจ
4.1 ครเู ฉลยแบบฝกึ หัดเร่อื งการคานวณสตู รอยา่ งง่ายและสตู รโมเลกุล
4.2 ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรียนท่ีมีข้อสงสัย ซักถามเพ่ิมเติม
5) ขั้นสรปุ
5.1 ครสู รปุ เนอ้ื หาการคานวณสูตรอย่างง่ายและสตู รโมเลกุล
5.2 ครูสุ่มถามนกั เรียนเพื่อสรปุ ความเขา้ ใจทเี่ กดิ ข้นึ
33
5.3 ครมู อบหมายให้นกั เรยี นไปทาแผนผังมโนทัศนส์ รปุ ความรู้ โดยใช้ Web Application เช่น Mentimeter
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบุวธิ ีการสอนท่ใี ช้ในการจดั การเรียนรู้
Lecture ใชบ้ รรยาย Experiment ใชก้ ารทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใช้การนริ นัย Field Trip ใช้การไปทศั นศกึ ษา Learning Communities
Small Group Discussion ใชก้ ารอภปิ รายรายกลุม่ Dramatization ใช้การแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ยอ่ ย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใชก้ รณีตัวอย่าง Reading
Presentation
Simulation ใช้สถานการณจ์ าลอง Learning Centre ใชศ้ นู ย์การเรยี น
Programmed Instruction ใชบ้ ทเรียนโปรแกรม Game
Demonstration ใช้การสาธติ Induction ใช้การอปุ นยั
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids ส่ือการเรียนการสอน/แหล่งเรยี นรู้ (ส่อื วัสดุ ส่งิ ของ / สือ่ ธรรมชาติ / สื่อเทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรือ่ งปริมาณสารสมั พนั ธ์
7.2 Power point เร่อื งปริมาณสารสมั พันธ์
7.3 คอมพิวเตอรแ์ บบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวทบ์ อร์ดสีดา น้าเงิน และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรอื Tablet
8. การวดั ผลประเมินผล Method of Tool of Assessment Criteria
Learning Objective Assessment เครอ่ื งมอื วดั ผล เกณฑ์การผา่ นแตล่ ะ
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีการวัดผล ประเมนิ ผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ประเมนิ ผล
(ระบใุ หค้ รบทกุ จดุ ประสงค)์ การทาแบบฝกึ หดั แบบฝึกหัดและ รอ้ ยละ 70
4.10 นักเรียนสามารถคานวณสตู รอยา่ งง่ายได้ และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรอ่ื งปริมาณ
(K,P) เรอ่ื งปริมาณสาร รอ้ ยละ 70
สารสมั พนั ธ์
4.11 นกั เรยี นสามารถคานวณสูตรโมเลกุลของ สัมพนั ธ์ รอ้ ยละ 90
สารได้ (K,P) การทาแบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั และ
และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรือ่ งปรมิ าณ
4.12 นกั เรียนมคี วามใฝเ่ รยี นรู้ อยอู่ ย่างพอเพียง เรื่องปรมิ าณสาร
และมุ่งม่นั ในการทางาน (A) สารสมั พนั ธ์
สมั พันธ์
การสังเกตการรว่ ม แบบประเมินและสงั เกต
กิจกรรมระหว่างการ พฤตกิ รรม
เรยี นการสอน
34
การประเมินพฤตกิ รรมใฝ่เรยี นรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี งและความม่งุ ม่ันในการทางาน
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ขอ้ ท่ี 4 ใฝเ่ รยี นรู้
ตัวชี้วัด 4.1 ตั้งใจเพียรพยายามในการเรยี นและเข้ารว่ มกจิ กรรม
4.2 แสวงหาความรจู้ ากแหล่งเรยี นรตู้ า่ ง ๆ ท้งั ภายใน และภายนอกโรงเรยี นด้วยการเลือกใชส้ อื่ อย่างเหมาะสม บนั ทึก
ความรู้ วิเคราะห์ สรปุ องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้
ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
ดเี ยี่ยม (3) ได้ผลการประเมินระดับดีเย่ยี มทุกตวั ชว้ี ัด
ดี (2) 1. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดเี ยี่ยมจานวน 1 ตัวชีว้ ัดและระดบั ดี 1 ตวั ช้ีวดั หรือ
2. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดที ุกตวั ช้ีวดั
ผ่าน (1) 1. ไดผ้ ลการประเมินดบั ผา่ นทกุ ตวั ชว้ี ดั หรอื
2. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดีข้ึนไปจานวน 1 ตัวชีว้ ดั และ ระดับผ่าน 1 ตวั ชว้ี ดั
ไม่ผา่ น (0) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ไมผ่ ่านตัง้ แต่ 1 ตัวชวี้ ดั ขนึ้ ไป
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ขอ้ ที่ 5 อยอู่ ย่างพอเพียง
ตัวชวี้ ัด 5.1 ดาเนินชีวิตอยา่ งพอประมาณ มเี หตุผล รอบ มคี ณุ ธรรม มีภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ท่ดี ี ปรบั ตัวเพ่อื อยใู่ นสงั คมไดอ้ ย่างมี
ความสุข
ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
ดเี ยย่ี ม (3) ได้ผลการประเมินระดบั ดีเย่ยี มทกุ ตัวชี้วดั
ดี (2) 1. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดีเย่ียมจานวน 1 ตัวชี้วัดและระดับดี 1 ตวั ชี้วดั หรอื
2. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดีทุกตวั ชีว้ ดั
ผ่าน (1) 1. ได้ผลการประเมนิ ดับผา่ นทุกตวั ชี้วดั หรือ
2. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดขี ้ึนไปจานวน 1 ตวั ชว้ี ัด และ ระดับผา่ น 1 ตวั ช้วี ดั
ไม่ผา่ น (0) ได้ผลการประเมนิ ระดบั ไมผ่ า่ นตั้งแต่ 1 ตวั ชี้วัดขนึ้ ไป
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ อ้ ท่ี 6 มุง่ ม่ันในการทางาน
ตัวช้ีวัด 6.1 ตงั้ ใจและรับผดิ ชอบในหนา้ ทีก่ ารงาน
6.2 ทางานด้วยความเพียรพยายาม และอดทนเพ่อื ให้งานสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย
ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารพจิ ารณา
ดเี ยย่ี ม (3) ไดผ้ ลการประเมินระดับดีเย่ียมทุกตวั ชีว้ ดั
ดี (2) 1. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเยี่ยมจานวน 1 ตวั ชี้วดั และระดบั ดี 1 ตวั ชว้ี ดั หรอื
2. ไดผ้ ลการประเมินระดับดีทุกตวั ช้ีวดั
ผ่าน (1) 1. ได้ผลการประเมนิ ดับผา่ นทกุ ตวั ช้วี ัด หรือ
2. ได้ผลการประเมนิ ระดับดขี น้ึ ไปจานวน 1 ตัวช้ีวดั และ ระดบั ผ่าน 1 ตัวชีว้ ดั
ไมผ่ า่ น (0) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ไมผ่ า่ นต้งั แต่ 1 ตัวชี้วัดขน้ึ ไป
35
แผนการจัดการเรยี นรู้
Learning Area กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
Term ภาคเรยี นที่ 2 Academic Year ปีการศึกษา 2563
Title of Subject เคมี Subject Code ว31222 Level ชั้น มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
Unit No. หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 Title of Unit ความเข้มข้นของสารละลาย Time Allocated 7 Periods (คาบ)
Week No. สอนสปั ดาหท์ ่ี 6-8 Day วัน จนั ทร์-ศกุ ร์ Date ที่ 30 พฤศจกิ ายน -18 Month เดือน ธันวาคม Year พ.ศ. 2563
1. Strand and Learning Outcomes สาระและผลการเรยี นรู้
สาระเคมี
2. เข้าใจการเขยี นและการดุลสมการเคมี ปริมาณสมั พันธ์ในปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี สมดุลในปฏกิ ิริยาเคมี
สมบัตแิ ละปฏกิ ริ ิยาของกรด–เบส ปฏิกิรยิ ารีดอกซ์และเซลลเ์ คมไี ฟฟ้า รวมทง้ั การนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ผลการเรยี นรู้
8. คานวณความเขม้ ข้นของสารละลายในหนว่ ยตา่ ง ๆ
9. อธิบายวธิ ีการและเตรยี มสารละลายใหม้ คี วามเขม้ ข้นในหนว่ ยโมลาริตี และปรมิ าตรสารละลายตามทก่ี าหนด
10. เปรยี บเทยี บจดุ เดอื ดและจดุ เยือกแขง็ ของสารละลายกบั สารบรสิ ทุ ธ์ิ รวมท้ังคานวณจดุ เดือดและจดุ เยอื กแขง็ ของ
สารละลาย
2. Sub-topics (Topic Discussed in this Learning Unit) / Local Wisdom / 21th Century Skills / School policies
สาระการเรยี นรู้เพิ่มเติม (หัวขอ้ ย่อย) /ภูมิปญั ญาท้องถิน่ / ทักษะในศตวรรษท่ี 21 หรือจุดเน้นตามนโยบายของโรงเรยี น
2.1 สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม (ความเข้มขน้ ของสารละลาย)
2.1.1 สารละลาย
2.1.2 หน่วยความเข้มข้น
2.1.3 การเตรยี มสารละลาย
2.1.4 สมบตั ิคอลลิเกทฟี
2.2 ทักษะของผ้เู รียนศตวรรษท่ี 21 (3Rs x 8Cs x 2Ls)
R1– Reading (อ่านออก) R2– (W)riting (เขยี นได)้ R3 – (A)Rithmetics (คดิ เลขเป็น)
C1 - Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะดา้ นการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา)
C2 - Creativity and Innovation (ทกั ษะด้านการสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม)
C3 - Cross-cultural Understanding (ทกั ษะด้านความเขา้ ใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน)์
C4 - Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมอื การทางานเปน็ ทมี และภาวะผ้นู า)
C5 – Communications, Information and Media Literacy (ทักษะดา้ นการส่อื สารสารสนเทศและรเู้ ท่าทันสอ่ื )
C6 - Computing and ICT Literacy (ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร)
C7 - Career and Learning Skills (ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรยี นร)ู้
C8 – Compassion (ความมเี มตตากรณุ า วินยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม)
L1 – Learning (ทกั ษะการเรยี นรู้)
L2 – Leadership (ทกั ษะความเปน็ ผ้นู า)
36
3. Learners’ Key Competencies and Desirable Characteristics สมรรถนะและคณุ ลักษณะพึงประสงค์
3.1 Learners’ Key Competencies สมรรถนะ
1. Communication Capacity ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. Thinking Capacity ความสามารถในการคดิ
3. Problem Solving Capacity ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. Capacity for Applying Life Skills ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
5. Capacity for Technological Application ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
3.2 Desirable Characteristics คณุ ลักษณะพงึ ประสงค์
1. Love of nation, religion and king รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
2. Honesty and integrity ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ
3. Self – Discipline มีวินยั
4. Avidity for Learning ใฝเ่ รียนรู้
5. Observance of principles of Sufficiency Economy Philosophy in one’s way of Life อย่อู ย่างพอเพียง
6. Dedication and commitment to work มุ่งม่นั ในการทางาน
7. Cherishing Thai-ness รกั ความเป็นไทย
8. Public-mindness มจี ติ สาธารณะ
9. Be health and well-balance สขุ ภาพและสนุ ทรยี ภาพ
4. จุดประสงค์การเรียนรู้ (ระบุใหค้ รบ KPA)
4.1 นักเรยี นสามารถคานวณความเข้มขน้ ของสารละลายในหนว่ ยตา่ ง ๆ ได้ (P, K)
4.2 นักเรียนสามารถอธิบายวธิ กี ารเตรยี มสารละลายให้มีความเข้มขน้ ในหนว่ ยโมลาริตตี ามทก่ี าหนดได้ (P, K)
4.3 นักเรียนสามารถอธิบายวธิ ีการเตรยี มสารละลายให้มปี ริมาตรสารละลายตามที่กาหนดได้ (P, K)
4.4 นกั เรยี นสามารถเตรียมสารละลายใหม้ คี วามเขม้ ข้นในหนว่ ยโมลาริตตี ามท่กี าหนดได้ (P, K)
4.5 นกั เรียนสามารถเตรียมสารละลายใหม้ ปี รมิ าตรสารละลายตามท่กี าหนดได้ (P, K)
4.6 นักเรียนสามารถเปรยี บเทยี บจุดเดือดและจดุ เยอื กแข็งของสารละลายกบั สารบรสิ ทุ ธไ์ิ ด้ (P, K)
4.7 นกั เรียนสามารถคานวณจดุ เดอื ดของสารละลายได้ (P, K)
4.8 นกั เรียนสามารถคานวณจุดเยอื กแข็งของสารละลายได้ (P, K)
4.9 นักเรียนมีความรกั ความเปน็ ไทย มจี ติ สาธารณะ มสี ขุ ภาพและสุนทรีภาพที่ดี (A)
37
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกจิ กรรมการจัดการเรียนรู้
5.1 Period No ช่ัวโมงท่ี /คาบที่ 14-15
Day วัน จันทร์ –ศกุ ร์ Date ท่ี 30 พฤศจกิ ายน - 4 Month เดือน ธันวาคม Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.1 นกั เรียนสามารถคานวณความเขม้ ข้นของสารละลายในหน่วยตา่ ง ๆ ได้ (P, K)
4.2 นกั เรยี นสามารถอธบิ ายวธิ กี ารเตรียมสารละลายใหม้ คี วามเข้มขน้ ในหนว่ ยโมลารติ ตี ามทก่ี าหนดได้ (P, K)
4.9 นักเรยี นมคี วามรกั ความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ มีสขุ ภาพและสุนทรีภาพที่ดี (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรียนการสอน (ระบกุ ระบวนการหลักท่ีใช้ออกแบบจดั การเรียนรู้ในแตล่ ะชัว่ โมง
หรอื คาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กจิ กรรมการเรียนการสอน คือ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด
1) ข้นั สงั เกต/รับรู้
1.1 ครูใหน้ ักเรยี นเขียนสืบคน้ ขอ้ มูลและชอื่ สารละลายใหไ้ ด้มากทีส่ ดุ ในเวลา 3 นาที และให้ตวั แทนนกั เรียนนาเสนอผลการ
เขียนช่อื สารละลาย 3 โดยใช้แอปพลิเคชน่ั Canva
1.2 ครูนาอภปิ รายเก่ียวกบั องคป์ ระกอบ สถานะ และสมบัติบางประการของสารละลาย นกั เรยี นร่วมอภปิ รายทบทวน
ความรูเ้ ดิม ครใู ช้คาถามนาอภิปรายตอ่ ไป ดงั นี้
- ค่าความเขม้ ข้นของสารละลายหมายความวา่ อยา่ งไร
- หนว่ ยความเข้มข้นของสารละลายมกี ห่ี น่วย อะไรบา้ ง
- จงยกตวั อยา่ งความเข้มขน้ ของสารละลายท่พี บในชวี ิตประจาวัน
1.3 ครเู ปดิ สือ่ การสอน powerpoint และทดสอบความรเู้ ดิมทเ่ี ราเคยเรยี นกันมาก่อนโดยใชแ้ อปพลเิ คชั่น KAHOOT!
2) ขั้นจาแนกความแตกตา่ ง
2.1 ครูนาเสนอด้วยสอื่ power point แสดงหนว่ ยความเข้มข้นของสารละลาย
2.2 ครใู ห้นกั เรยี นทนี่ ั่งค่กู ันศึกษาวิธคี านวณหาความเขม้ ข้นของสารละลายในหน่วยร้อยละจากตวั อยา่ งในเอกสารประกอบ
การเรยี น ให้การแบง่ หนา้ ทรี่ ับผิดชอบศึกษารายละเอยี ดและขอ้ สรปุ การคานวณให้เขา้ ใจคนละ 1 ตัวอย่าง
3) ขั้นหาลกั ษณะรว่ ม
3.1 ครอู ธิบายและยกตวั อย่างการคานวณการหามวลอะตอมเฉล่ยี
3.2 ให้นกั เรยี นแตล่ ะค่สู ับเปล่ียนกนั อธบิ ายตัวอยา่ งท่ีศกึ ษาเป็นอย่างดีใหเ้ พื่อนฟัง
38
4) ขน้ั ระบชุ อื่ ความคิดรวบยอด
4.1 ครูนาอภิปรายตัวอย่างเพ่ิมเติมและนาอภปิ รายเกยี่ วกบั การคานวณหาความเขม้ ข้นของสารละลายในหน่วยรอ้ ยละ
4.2 ให้นักเรียนสรปุ องคค์ วามรูด้ ้วยการเขียนแผนผงั ความคิด
5) ข้นั ทดสอบและนาไปใช้
5.1 ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั โดยครูคอยแนะนาและซกั ถามความเขา้ ใจของนกั เรียน
5.2 ครสู ุม่ ถามนักเรียนเพ่อื สรุปความเขา้ ใจทเี่ กดิ ข้นึ
5.3 ครูให้นักเรยี นทาแบบทดสอบ
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ิธีการสอนท่ใี ชใ้ นการจัดการเรียนรู้
Lecture ใช้บรรยาย Experiment ใชก้ ารทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใช้การนิรนยั Field Trip ใช้การไปทศั นศกึ ษา Learning Communities
Small Group Discussion ใช้การอภปิ รายรายกลุ่ม Dramatization ใชก้ ารแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ยอ่ ย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใช้การแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใชก้ รณีตัวอย่าง Reading
Presentation
Simulation ใช้สถานการณจ์ าลอง Learning Centre ใชศ้ ูนยก์ ารเรียน
Programmed Instruction ใช้บทเรยี นโปรแกรม Game
Demonstration ใช้การสาธติ Induction ใช้การอปุ นยั
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids ส่ือการเรียนการสอน/แหลง่ เรยี นรู้ (สอื่ วัสดุ สิ่งของ / สอื่ ธรรมชาติ / สอื่ เทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรือ่ งปริมาณสารสมั พนั ธ์
7.2 Power point เรอ่ื งปริมาณสารสัมพันธ์
7.3 คอมพิวเตอรแ์ บบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวท์บอรด์ สดี า นา้ เงิน และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรอื Tablet
39
8. การวดั ผลประเมินผล Method of Tool of Assessment Criteria
Assessment เคร่ืองมอื วัดผล เกณฑ์การผ่านแตล่ ะ
Learning Objective วิธีการวดั ผล ประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
จุดประสงค์การเรียนรู้ ประเมนิ ผล
(ระบุให้ครบทกุ จุดประสงค์) การทาแบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั และ รอ้ ยละ 70
และแบบทดสอบ แบบทดสอบเร่อื งปรมิ าณ
4.1 นกั เรยี นสามารถคานวณความเข้มขน้ ของ เรอ่ื งปริมาณสาร ร้อยละ 70
สารละลายในหนว่ ยตา่ ง ๆ ได้ (P, K) สารสัมพันธ์
สัมพนั ธ์ ร้อยละ 90
4.2 นักเรยี นสามารถอธบิ ายวิธกี ารเตรยี ม การทาแบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั และ
สารละลายให้มีความเข้มขน้ ในหนว่ ยโมลาริตี และแบบทดสอบ แบบทดสอบเร่ืองปรมิ าณ
ตามทก่ี าหนดได้ (P, K) เรอื่ งปริมาณสาร
สารสัมพันธ์
4.9 นักเรียนมคี วามรักความเปน็ ไทย มีจติ สมั พันธ์
สาธารณะ มสี ุขภาพและสุนทรีภาพทีด่ ี (A) การสงั เกตการร่วม แบบประเมนิ และสังเกต
กิจกรรมระหวา่ งการ พฤติกรรม
เรยี นการสอน
40
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกจิ กรรมการจัดการเรียนรู้
5.1 Period No ชั่วโมงที่ /คาบที่ 16
Day วัน จันทร์ –ศุกร์ Date ท่ี 7-11 Month เดือน ธันวาคม Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.1 นกั เรียนสามารถคานวณความเขม้ ข้นของสารละลายในหน่วยตา่ ง ๆ ได้ (P, K)
4.9 นักเรียนมคี วามรักความเป็นไทย มีจติ สาธารณะ มีสขุ ภาพและสนุ ทรภี าพทีด่ ี (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรยี นการสอน (ระบุกระบวนการหลกั ท่ีใช้ออกแบบจัดการเรียนรู้ในแต่ละชวั่ โมง
หรือคาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กิจกรรมการเรยี นการสอน คือ กระบวนการสร้างความคดิ รวบยอด
1) ขนั้ สังเกต/รับรู้
1.1 ครเู ปดิ สื่อการสอน powerpoint และทดสอบความรเู้ ดิมทเี่ ราเคยเรยี นกันมาก่อนโดยใชแ้ อปพลเิ คช่ัน QUIZIZZ
2) ขน้ั จาแนกความแตกตา่ ง
2.1 ครนู าเสนอด้วยส่ือ power point เก่ยี วกบั การคานวณหาความเขม้ ข้นของสารละลายในหน่วยโมลตอ่ กโิ ลกรมั หรือโม
แลลิต,ี ความเขม้ ขน้ ของสารละลายในหน่วยโมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตรหรอื โมลาริตี, เศษส่วนโมล, สว่ นในล้านส่วน
2.2 ครอู ธิบายตัวอย่างการวิเคราะหโ์ จทย์ปัญหา การกาหนดข้นั ตอนการแก้ปัญหา และการดาเนนิ การ
3) ขั้นหาลกั ษณะรว่ ม
3.1 ให้นกั เรียนศึกษาตวั อยา่ งในเอกสารประกอบการเรยี น วเิ คราะหโ์ จทยป์ ญั หา ศึกษาขนั้ ตอนการแกป้ ญั หา และสรปุ
ขนั้ ตอนการคานวณ
4) ขั้นระบชุ อื่ ความคิดรวบยอด
4.1 ครนู าอภปิ รายตวั อย่างเพ่ิมเตมิ และนาอภปิ รายเกี่ยวกบั การคานวณหาความเขม้ ข้นของสารละลายในหน่วยตา่ ง ๆ
4.2 ใหน้ ักเรียนสรุปองค์ความรูด้ ว้ ยการเขยี นแผนผังความคดิ
5) ขนั้ ทดสอบและนาไปใช้
5.1 ให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั โดยครูคอยแนะนาและซกั ถามความเขา้ ใจของนักเรยี น
5.2 ครสู มุ่ ถามนกั เรียนเพื่อสรปุ ความเข้าใจที่เกดิ ขน้ึ
5.3 ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบทดสอบ
41
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ธิ ีการสอนท่ใี ชใ้ นการจัดการเรยี นรู้
Lecture ใช้บรรยาย Experiment ใชก้ ารทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใช้การนริ นัย Field Trip ใชก้ ารไปทัศนศกึ ษา Learning Communities
Small Group Discussion ใช้การอภปิ รายรายกลุ่ม Dramatization ใช้การแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ยอ่ ย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใช้กรณตี วั อยา่ ง Reading
Presentation
Simulation ใชส้ ถานการณ์จาลอง Learning Centre ใชศ้ ูนย์การเรียน
Programmed Instruction ใชบ้ ทเรยี นโปรแกรม Game
Demonstration ใชก้ ารสาธติ Induction ใช้การอุปนยั
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids สื่อการเรยี นการสอน/แหลง่ เรยี นรู้ (สอ่ื วัสดุ สิง่ ของ / สือ่ ธรรมชาติ / สื่อเทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรียนการสอนเรอ่ื งปริมาณสารสัมพันธ์
7.2 Power point เรอื่ งปรมิ าณสารสมั พนั ธ์
7.3 คอมพวิ เตอร์แบบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวทบ์ อรด์ สีดา น้าเงิน และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรอื Tablet
8. การวดั ผลประเมินผล Method of Tool of Assessment Criteria
Learning Objective Assessment เครอ่ื งมือวัดผล เกณฑก์ ารผ่านแตล่ ะ
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ กี ารวดั ผล ประเมินผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ประเมินผล
(ระบุให้ครบทกุ จุดประสงค)์ การทาแบบฝึกหดั แบบฝึกหดั และ รอ้ ยละ 70
4.1 นักเรียนสามารถคานวณความเขม้ ขน้ ของ และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรอื่ งปรมิ าณ
สารละลายในหน่วยตา่ ง ๆ ได้ (P, K) เรื่องปริมาณสาร ร้อยละ 90
สารสัมพันธ์
4.9 นกั เรียนมีความรักความเปน็ ไทย มีจติ สัมพันธ์
สาธารณะ มสี ขุ ภาพและสนุ ทรภี าพทด่ี ี (A) การสงั เกตการรว่ ม แบบประเมินและสังเกต
กิจกรรมระหว่างการ พฤติกรรม
เรียนการสอน
42
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกจิ กรรมการจดั การเรียนรู้
5.1 Period No ช่ัวโมงที่ /คาบท่ี 17
Day วัน จันทร์ –ศุกร์ Date ที่ 7-11 Month เดอื น ธันวาคม Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.3 นกั เรียนสามารถอธบิ ายวิธกี ารเตรยี มสารละลายใหม้ ีปรมิ าตรสารละลายตามทีก่ าหนดได้ (P, K)
4.9 นักเรียนมีความรักความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ มีสขุ ภาพและสุนทรีภาพทดี่ ี (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรยี นการสอน (ระบุกระบวนการหลักที่ใช้ออกแบบจัดการเรียนรู้ในแต่ละชั่วโมง
หรือคาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กจิ กรรมการเรียนการสอน คอื กระบวนการกลุ่ม
1) ข้นั กาหนดเปา้ หมาย
1.1 ครนู าอภปิ รายเร่อื งการเตรยี มสารละลาย
1.2 ทบทวนเร่อื งหน่วยความเข้มข้นของสารละลายตา่ ง ๆ
2) ขั้นวางแผน
2.1 ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ 10 กลมุ่ กล่มุ ละไม่เกนิ 4 คน โดยคละคนเก่ง ปานกลาง อ่อน
2.2 ครูอธิบายขน้ั ตอนการคานวณหาปรมิ าณสารในการเตรียมสารละลาย ยกตัวอยา่ งโจทยแ์ ละสาธิตการคานวณ
2.3 มอบหมายให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ทาโจทย์แบบฝึกหดั ทีค่ รูกาหนดให้ โดยให้สมาชิกกล่มุ ช่วยเหลอื และอธิบายเพ่ือนทีย่ ัง
ไม่เข้าใจ
3) ขั้นคน้ หาคาตอบ
3.1 นักเรียนแตก่ ลมุ่ ส่งคาตอบโดยครูชว่ ยตรวจทานคาตอบ
3.2 ครมู อบหมายให้เลอื กตัวแทนแต่ละกลุ่มนาเสนอการแกโ้ จทย์หน้าห้อง
4) ขน้ั ประเมินผล
4.1 ครูบนั ทึกคะแนนการทางานเป็นกลุ่มลงในแบบประเมินทีค่ รูเตรียมไว้
5) ขั้นประยุกต์ใช้
5.1 ครใู หแ้ ต่ละกลุม่ ไปเตรียมตัวนาเสนอหนา้ หอ้ งเรียนในคาบถดั ไป
43
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ธิ ีการสอนทใ่ี ช้ในการจดั การเรยี นรู้
Lecture ใชบ้ รรยาย Experiment ใช้การทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใช้การนิรนัย Field Trip ใชก้ ารไปทัศนศกึ ษา Learning Communities
Small Group Discussion ใช้การอภิปรายรายกล่มุ Dramatization ใช้การแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ย่อย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใช้การแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใชก้ รณีตัวอยา่ ง Reading
Presentation
Simulation ใช้สถานการณจ์ าลอง Learning Centre ใชศ้ ูนย์การเรยี น
Programmed Instruction ใชบ้ ทเรียนโปรแกรม Game
Demonstration ใช้การสาธติ Induction ใช้การอุปนัย
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids สอื่ การเรียนการสอน/แหล่งเรยี นรู้ (สอ่ื วัสดุ ส่งิ ของ / ส่อื ธรรมชาติ / สอื่ เทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเร่ืองปรมิ าณสารสมั พนั ธ์
7.2 Power point เรื่องปริมาณสารสัมพันธ์
7.3 คอมพิวเตอรแ์ บบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวท์บอร์ดสดี า นา้ เงนิ และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรือ Tablet
8. การวดั ผลประเมนิ ผล Method of Tool of Assessment Criteria
Assessment เครื่องมอื วัดผล เกณฑก์ ารผา่ นแตล่ ะ
Learning Objective วธิ ีการวัดผล ประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ประเมินผล
(ระบใุ ห้ครบทกุ จุดประสงค)์ การทาแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หัดและ รอ้ ยละ 70
และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรื่องปรมิ าณ
4.3 นักเรยี นสามารถอธิบายวธิ กี ารเตรียม เรอื่ งปรมิ าณสาร ร้อยละ 90
สารละลายให้มปี รมิ าตรสารละลายตามทีก่ าหนด สารสัมพันธ์
ได้ (P, K) สัมพนั ธ์
การสังเกตการรว่ ม แบบประเมนิ และสงั เกต
4.9 นักเรียนมีความรักความเปน็ ไทย มจี ิต กิจกรรมระหวา่ งการ พฤตกิ รรม
สาธารณะ มสี ขุ ภาพและสุนทรภี าพท่ีดี (A)
เรียนการสอน
44
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกิจกรรมการจัดการเรยี นรู้
5.1 Period No ชว่ั โมงท่ี /คาบที่ 18
Day วัน จันทร์ –ศุกร์ Date ที่ 7-11 Month เดือน ธนั วาคม Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
4.3 นักเรยี นสามารถอธบิ ายวิธีการเตรียมสารละลายให้มปี รมิ าตรสารละลายตามท่กี าหนดได้ (P, K)
4.9 นกั เรยี นมีความรกั ความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะ มสี ุขภาพและสุนทรีภาพท่ดี ี (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรียนการสอน (ระบกุ ระบวนการหลกั ที่ใช้ออกแบบจดั การเรียนรู้ในแต่ละชวั่ โมง
หรือคาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กิจกรรมการเรียนการสอน คือ กระบวนการเรียนรูค้ วามเข้าใจ
1) ขั้นสงั เกต/ตระหนกั
1.1 ครนู าอภิปรายพร้อมสาธติ การใช้อุปกรณแ์ ละขนั้ ตอนการเตรยี มสารละลาย
1.2 นกั เรยี นสงั เกตและซกั ถามขอ้ สงสัย ครูอภิปรายเพ่อื ตอบข้อสงสยั ของนกั เรยี น
2) ขั้นวางแผนปฏิบตั ิ
2.1 นักเรยี นจับกลมุ่ 6 คน โดยเรียงลาดบั ตามเลขที่ ศกึ ษาวธิ เี ตรยี มสารละลายด้วยการทากจิ กรรมเรอ่ื งการเตรียมสารละลาย
โดยประธานกลมุ่ นาอภปิ รายขัน้ ตอนการทดลองและแบง่ หนา้ ที่กัน สมาชกิ ปฏิบตั ิกิจกรรม
3) ขั้นลงมอื ปฏิบตั ิ
3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติการทดลอง บันทึกผลการทดลอง อภิปรายเพื่อตอบคาถามการทดลอง และเขียนรายงานการ
ทดลองส่งครูกลมุ่ ละ 1 ฉบบั
3.2 ตวั แทนกลุม่ นักเรยี นนาเสนอผลการทากจิ กรรม ครูและเพือ่ นซักถาม
4) ขั้นพัฒนาความรู้ ความเขา้ ใจ
4.1 ครนู าอภิปรายผลการทากิจกรรมเร่อื งการเตรยี มสารละลาย
4.2 ครอู ธบิ ายขนั้ ตอนการคานวณหาปริมาณสารในการเตรียมสารละลาย โดยนาเสนอด้วย power point นักเรียนวิเคราะห์
โจทยข์ ั้นตอนการคานวณเพื่อหาคาตอบ
4.2 ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนทมี่ ขี ้อสงสยั ซกั ถามได้ระหวา่ งการเรียนรู้
5) ขั้นสรุป
5.1 ครูสุ่มถามนกั เรยี นเพือ่ สรุปความเขา้ ใจที่เกดิ ขึน้
5.2 ครูมอบหมายให้นกั เรยี นไปทาแบบฝกึ หดั เพมิ่ เติมจากเอกสารประกอบการเรียน
45
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ธิ ีการสอนทใ่ี ช้ในการจดั การเรยี นรู้
Lecture ใชบ้ รรยาย Experiment ใช้การทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใช้การนิรนัย Field Trip ใชก้ ารไปทัศนศกึ ษา Learning Communities
Small Group Discussion ใช้การอภิปรายรายกล่มุ Dramatization ใช้การแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ย่อย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใช้การแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใชก้ รณีตัวอยา่ ง Reading
Presentation
Simulation ใช้สถานการณจ์ าลอง Learning Centre ใชศ้ ูนย์การเรยี น
Programmed Instruction ใชบ้ ทเรียนโปรแกรม Game
Demonstration ใช้การสาธติ Induction ใช้การอุปนัย
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids สอื่ การเรียนการสอน/แหล่งเรยี นรู้ (สอ่ื วัสดุ ส่งิ ของ / ส่อื ธรรมชาติ / สอื่ เทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเร่ืองปรมิ าณสารสมั พนั ธ์
7.2 Power point เรื่องปริมาณสารสัมพันธ์
7.3 คอมพิวเตอรแ์ บบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวท์บอร์ดสดี า นา้ เงนิ และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรือ Tablet
8. การวดั ผลประเมนิ ผล Method of Tool of Assessment Criteria
Assessment เครื่องมอื วัดผล เกณฑก์ ารผา่ นแตล่ ะ
Learning Objective วธิ ีการวัดผล ประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ประเมินผล
(ระบใุ ห้ครบทกุ จุดประสงค)์ การทาแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หัดและ รอ้ ยละ 70
และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรื่องปรมิ าณ
4.3 นักเรยี นสามารถอธิบายวธิ กี ารเตรียม เรอื่ งปรมิ าณสาร ร้อยละ 90
สารละลายให้มปี รมิ าตรสารละลายตามทีก่ าหนด สารสัมพันธ์
ได้ (P, K) สัมพนั ธ์
การสังเกตการรว่ ม แบบประเมนิ และสงั เกต
4.9 นักเรียนมีความรักความเปน็ ไทย มจี ิต กิจกรรมระหวา่ งการ พฤตกิ รรม
สาธารณะ มสี ขุ ภาพและสุนทรภี าพท่ีดี (A)
เรียนการสอน
46
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกิจกรรมการจดั การเรียนรู้
5.1 Period No ชว่ั โมงที่ /คาบท่ี 19
Day วัน จนั ทร์ –ศุกร์ Date ท่ี 14-18 Month เดือน ธนั วาคม Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.4 นักเรียนสามารถเตรยี มสารละลายใหม้ คี วามเขม้ ขน้ ในหน่วยโมลารติ ตี ามทีก่ าหนดได้ (P, K)
4.5 นักเรยี นสามารถเตรียมสารละลายใหม้ ีปรมิ าตรสารละลายตามทก่ี าหนดได้ (P, K)
4.9 นกั เรียนมคี วามรกั ความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ มีสขุ ภาพและสุนทรภี าพที่ดี (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรยี นการสอน (ระบุกระบวนการหลักท่ีใช้ออกแบบจดั การเรียนรู้ในแต่ละชั่วโมง
หรือคาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กจิ กรรมการเรยี นการสอน คือ กระบวนการปฏิบตั ิ
1) ขนั้ สงั เกต
1.1 ครนู าอภิปรายเรอื่ งการเตรียมสารละลาย
1.2 นกั เรยี นสังเกตและซักถามข้อสงสัย ครูอภปิ รายเพ่ือตอบขอ้ สงสยั ของนักเรียน
2) ขน้ั ทาตามแบบ
2.1 ครูสาธติ การใชอ้ ปุ กรณ์และขน้ั ตอนการเตรียมสารละลายให้นกั เรยี นดู
2.2 นักเรียนจับกลุ่ม 6 คน โดยเรียงลาดับตามเลขที่ ศึกษาวิธีเตรียมสารละลายด้วยการทากิจกรรมเรื่องการเตรียม
สารละลาย โดยประธานกลมุ่ นาอภปิ รายข้นั ตอนการทดลองและแบง่ หนา้ ทก่ี นั สมาชิกปฏิบตั ิกจิ กรรม
3) ขน้ั ใหท้ าเองโดยไมม่ แี บบ
3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติการทดลอง บันทึกผลการทดลอง อภิปรายเพื่อตอบคาถามการทดลอง และเขียนรายงานการ
ทดลองสง่ ครกู ล่มุ ละ 1 ฉบับ
3.2 ตวั แทนกลุม่ นักเรียนนาเสนอผลการทากจิ กรรม ครูและเพ่อื นซกั ถาม
3.3 นักเรียนทมี่ ขี ้อสงสัย ครูเปดิ โอกาสใหซ้ ักถามได้ระหว่างปฏิบัตกิ าร
4) ขน้ั ฝึกใหช้ านาญ
4.1 ครูสุ่มนักเรียนแตล่ ะกลุ่มใหท้ าการสาธิตวธิ กี ารทาปฏิบัติการให้ดู
4.2 กอ่ นหมดเวลา 5 นาที ครูสรุปปฏบิ ตั ิการร่วมกบั นกั เรียน จากนนั้ ให้นกั เรียนลา้ งและจดั เกบ็ อปุ กรณ์ใหเ้ รยี บรอ้ ย
4.3 ครูนาอภปิ รายผลการทากิจกรรมเรอ่ื งการเตรยี มสารละลาย
4.4 ครูอธบิ ายขั้นตอนการคานวณหาปริมาณสารในการเตรยี มสารละลาย โดยนาเสนอด้วย power point นักเรียนวิเคราะห์
โจทยข์ ้ันตอนการคานวณเพอื่ หาคาตอบ
47
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ธิ ีการสอนทใ่ี ช้ในการจดั การเรยี นรู้
Lecture ใชบ้ รรยาย Experiment ใช้การทดลอง Discussions (Spoken)
Hand-on Learning
Deduction ใช้การนริ นัย Field Trip ใช้การไปทศั นศึกษา Learning Communities
Small Group Discussion ใช้การอภปิ รายรายกลุ่ม Dramatization ใช้การแสดงละคร Multimedia Instruction
Peer Tutoring
ย่อย Project-based Learning
Questioning
Role Playing ใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใชก้ รณตี วั อย่าง Reading
Presentation
Simulation ใช้สถานการณ์จาลอง Learning Centre ใช้ศนู ย์การเรยี น
Programmed Instruction ใชบ้ ทเรียนโปรแกรม Game
Demonstration ใชก้ ารสาธติ Induction ใช้การอปุ นัย
Brainstorming Cooperative Learning
Dialogue Journals Discovery Learning
7. Material Aids ส่ือการเรียนการสอน/แหลง่ เรยี นรู้ (สอื่ วสั ดุ สิ่งของ / สือ่ ธรรมชาติ / สื่อเทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรื่องปรมิ าณสารสมั พนั ธ์
7.2 Power point เร่อื งปรมิ าณสารสัมพันธ์
7.3 คอมพวิ เตอร์แบบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวท์บอรด์ สีดา นา้ เงนิ และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรือ Tablet
8. การวดั ผลประเมินผล Method of Tool of Assessment Criteria
Assessment เครอ่ื งมือวดั ผล เกณฑ์การผ่านแตล่ ะ
Learning Objective วธิ ีการวัดผล ประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ประเมนิ ผล
(ระบุใหค้ รบทกุ จดุ ประสงค)์ ประเมนิ จากการ ใบงานปฏบิ ตั กิ ารเรื่อง ร้อยละ 70
บันทกึ ผลการทดลอง “การเตรยี มสาระลาย”
4.4 นกั เรยี นสามารถเตรียมสารละลายใหม้ คี วาม ประเมนิ จากการ ใบงานปฏิบัตกิ ารเรื่อง รอ้ ยละ 70
เข้มข้นในหน่วยโมลารติ ตี ามทกี่ าหนดได้ (P, K) บนั ทกึ ผลการทดลอง “การเตรยี มสาระลาย”
4.5 นกั เรยี นสามารถเตรียมสารละลายใหม้ ี การสงั เกตการรว่ ม แบบประเมินและสังเกต ร้อยละ 90
ปริมาตรสารละลายตามทีก่ าหนดได้ (P, K) กจิ กรรมระหว่างการ
4.9 นกั เรยี นมีความรักความเป็นไทย มจี ติ เรียนการสอน พฤตกิ รรม
สาธารณะ มสี ุขภาพและสุนทรีภาพที่ดี (A)
48
5. Learning Activities (Session Plan) การออกแบบกิจกรรมการจดั การเรยี นรู้
5.1 Period No ช่ัวโมงที่ /คาบที่ 20
Day วนั จนั ทร์ –ศกุ ร์ Date ท่ี 14-18 Month เดือน ธันวาคม Year พ.ศ. 2563
Learning Objective จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
4.6 นักเรยี นสามารถเปรยี บเทยี บจุดเดือดและจุดเยอื กแขง็ ของสารละลายกับสารบรสิ ุทธ์ไิ ด้ (P, K)
4.7 นกั เรียนสามารถคานวณจดุ เดอื ดของสารละลายได้ (P, K)
4.8 นกั เรียนสามารถคานวณจุดเยอื กแข็งของสารละลายได้ (P, K)
4.9 นกั เรยี นมคี วามรักความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะ มสี ุขภาพและสุนทรีภาพทด่ี ี (A)
Teaching Procedure กระบวนการจัดการเรียนการสอน (ระบุกระบวนการหลกั ท่ีใช้ออกแบบจดั การเรียนรู้ในแต่ละช่วั โมง
หรือคาบ)
Mathematics Process Skill Problem Solving Reasoning with Principles
Reasoning from Experience Create Critical thinking Value Creating Process
Knowledge and Understanding Awareness Creating Step Analysis Process
Decision Making Process Language Learning Process Reading Process
Listening Process Grouping Process Scientific Process
Inquiry Process Historical Process Technological Process
Working Process Creating skills for practice Process Attitude Process
Decision Making process Building Creative Process Building Conceptual Process
Communication, interpretation and presentation Process
Teaching Procedure กิจกรรมการเรียนการสอน คือ คอื กระบวนการเรยี นรคู้ วามเขา้ ใจ
1) ข้ันสังเกต/ตระหนัก
1.1 ใหน้ ักเรียนสืบคน้ ข้อมูลเร่อื งสมบัติบางประการของสารละลาย และสมบัติคอลลิเกทีฟของสารละลายบางชนดิ ที่ระเหย
ยาก และไม่แตกตวั เปน็ ไอออนในสารละลาย
1.2 ครสู มุ่ นักเรยี นนาเสนอขอ้ มูลตามประเด็นท่สี นใจ
2) ขนั้ วางแผนปฏิบตั ิ
2.1 ครนู าอภิปรายเก่ียวกบั จดุ เดอื ดและจดุ เยือกแข็งของสารละลายกับตวั ทาละลายบริสุทธ์ิ
2.2 ครูอภปิ รายวิธีคานวณหาจดุ เดือด และจดุ เยอื กแขง็ ของสารละลาย ให้นักเรยี นสรปุ ขน้ั ตอนการคานวณ
3) ขั้นลงมือปฏิบตั ิ
3.1 นักเรียนทาปฏิบตั ิการ ทากิจกรรมศกึ ษาจุดเดอื ดของสารบรสิ ทุ ธแ์ิ ละสารละลาย, ศกึ ษาจุดเดือดของสารละลายทมี่ ตี วั
ทาละลายชนดิ เดยี วกนั แตม่ คี วามเข้มข้นต่างกัน , ศกึ ษาจดุ หลอมเหลวของสารบริสทุ ธ์ิและสารละลาย
3.2 ครูใหน้ ักเรียนทารายงานปฏิบัติการ
3.3 ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นที่มีข้อสงสยั ซักถามไดร้ ะหว่างการเรยี นรู้
4) ข้ันพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ
4.1 ครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันสรปุ การทากจิ กรรมและเฉลยแบบฝกึ หดั
4.2 ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนทม่ี ขี อ้ สงสยั ซักถามไดร้ ะหว่างการเรียนรู้
4.3 ครูให้นักเรียนจับกลุ่มทาไอติมหลอดโดยใช้น้าผลไม้ในท้องถ่ินตามฤดูกาล (ครูแจ้งให้นักเรยี นนามาล่วงหน้า) โดย
ใช้หลกั การตามสมบัตคิ อลลิเกทีฟของสารละลาย (ภมู ิปัญญาท้องถน่ิ )
49
5) ขน้ั สรปุ
5.1 ครสู ุ่มถามนักเรียนเพอ่ื ตรวจสอบความรู้ความเข้าใจเก่ยี วกบั สมบตั ิคอลลเิ กทฟี ของสารละลาย
5.2 ครมู อบหมายใหน้ กั เรียนไปทาแบบฝกึ หัดเพิม่ เตมิ จากเอกสารประกอบการเรยี น
6. Teaching Strategies / Teaching Method ระบวุ ธิ กี ารสอนท่ใี ชใ้ นการจัดการเรียนรู้
Lecture ใชบ้ รรยาย Experiment ใชก้ ารทดลอง Discussions (Spoken)
Deduction ใช้การนริ นัย Field Trip ใชก้ ารไปทศั นศกึ ษา Hand-on Learning
Small Group Discussion ใช้การอภปิ รายรายกลุ่ม Dramatization ใช้การแสดงละคร Learning Communities
ยอ่ ย
Role Playing ใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ Case Study ใช้กรณีตัวอย่าง Multimedia Instruction
Simulation ใชส้ ถานการณจ์ าลอง Learning Centre ใชศ้ ูนยก์ ารเรยี น Peer Tutoring
Programmed Instruction ใชบ้ ทเรยี นโปรแกรม Game Project-based Learning
Demonstration ใช้การสาธติ Induction ใชก้ ารอปุ นยั Questioning
Brainstorming Cooperative Learning Reading
Dialogue Journals Discovery Learning Presentation
7. Material Aids สือ่ การเรียนการสอน/แหลง่ เรียนรู้ (สื่อวัสดุ ส่ิงของ / สื่อธรรมชาติ / ส่ือเทคโนโลยี / ฯลฯ)
7.1 เอกสารประกอบการเรียนการสอนเร่อื งปรมิ าณสารสัมพันธ์
7.2 Power point เรือ่ งปริมาณสารสมั พนั ธ์
7.3 คอมพิวเตอรแ์ บบพกพา (Note book)
7.4 ปากกาไวท์บอร์ดสดี า น้าเงิน และแดง
7.5 Active board
7.6 iPad หรอื Tablet
8. การวดั ผลประเมินผล Method of Tool of Assessment 50
Assessment เครือ่ งมือวดั ผล
Learning Objective วิธกี ารวดั ผล ประเมินผล Criteria
จุดประสงค์การเรยี นรู้ ประเมนิ ผล เกณฑก์ ารผ่านแตล่ ะ
(ระบุใหค้ รบทุกจดุ ประสงค)์ การทาปฏิบตั กิ าร แบบรายงานปฏิบตั กิ าร จุดประสงค์การเรยี นรู้
เคมี
4.6 นักเรียนสามารถเปรยี บเทยี บจดุ เดือดและจดุ เคมี รอ้ ยละ 70
เยือกแข็งของสารละลายกบั สารบริสุทธิ์ได้ (P, K)
4.7 นกั เรยี นสามารถคานวณจุดเดอื ดของ การทาแบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั และ ร้อยละ 70
สารละลายได้ (P, K) และแบบทดสอบ แบบทดสอบเรื่องปรมิ าณ รอ้ ยละ 70
เรอ่ื งปริมาณสาร ร้อยละ 90
4.8 นักเรยี นสามารถคานวณจดุ เยอื กแข็งของ สารสัมพันธ์
สารละลายได้ (P, K) สมั พนั ธ์
การทาแบบฝกึ หดั แบบฝึกหัดและ
4.9 นักเรยี นมคี วามรกั ความเป็นไทย มีจติ และแบบทดสอบ แบบทดสอบเร่ืองปริมาณ
สาธารณะ มสี ขุ ภาพและสนุ ทรภี าพท่ีดี (A) เรอ่ื งปริมาณสาร
สารสัมพันธ์
สมั พันธ์
การสงั เกตการร่วม แบบประเมินและสังเกต
กิจกรรมระหวา่ งการ พฤตกิ รรม
เรียนการสอน