50
6.ปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามหลกั การและกระบวนการ
สาระการเรยี นรู้
1.ความหมายของโรคและอบุ ัติภัยทีเ่ กดิ จากการทางาน
2. โรคทเ่ี กิดจากการทางานและแนวทางปูองกัน
3. อุบัตภิ ยั ท่เี กดิ จากการทางานและแนวทางปูองกนั
กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั นาเขา้ สู่บทเรยี น
1.ครูและผู้เรียนกล่าวถงึ ความสาคญั โรคและอบุ ตั ภิ ยั ทเ่ี กดิ จากการทางาน เกิดขนึ้ ไดท้ ุกระบบของ
รา่ งกาย เช่น การบาดเจ็บอย่างเฉียบพลนั จากการทอี่ วยั วะสว่ นใดส่วนหนงึ่ ถกู ตดั โดยอปุ กรณ์ เคร่ืองจักร
เคร่ืองมือ การบาดเจ็บอย่างเรื้อรังของรา่ งกายทง้ั ภายในและภายนอกของร่างกาย จากการทางานซ้าซากหรือมี
การปฏบิ ตั ิตวั ผดิ ท่า ปฏิกริ ยิ าภูมแิ พจ้ ากบรรยากาศในการทางาน โรคปอดชนิดต่าง ๆ จากฝนุ หรือวตั ถุอนั ตราย
ทไ่ี ดส้ มั ผัสพิษจากวัตถอุ ันตรายต่าง ๆ สารเคมีจากการปูองกนั กาจดั ศตั รูพืชและสัตว์ สารทาละลาย อาจกลาย
พนั ธ์ุเปน็ โรคมะเร็งหรอื โรครา้ ยแรงอื่น ๆ ได้
2.ผู้เรียนยกตัวอย่างปัญหาโรคและอุบตั ภิ ยั ที่เกิดจากการทางาน
3.ผูเ้ รียนแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับการแก้ปญั หาโรคและอุบัติภัยที่เกดิ จากการทางาน
ข้ันสอน
4.ครูและผู้เรียนใช้ส่อื วีดิทัศน์เพ่อื ใหผ้ ้เู รยี นไดศ้ ึกษาหาความรเู้ รอ่ื งความหมายของโรคและอุบตั ภิ ัยท่ี
เกิดจากการทางาน โดยโรคและอบุ ัติภัยที่เกิดจากการทางานหมายถงึ โรคและความเจ็บปุวยท่ีเกดิ ขึ้นกบั
ผปู้ ฏิบัติงาน ในขณะท่ีสมั ผสั กับงานหรืออยู่ในบรรยากาศการทางานท่เี ป็นพิษภัย จนเปน็ สาเหตใุ หร้ ่างกาย
ไดร้ ับการบาดเจบ็ หรอื เกิดความเจ็บปุวยจนเปน็ โรคหรือพิการหรืออาจถงึ ขั้นเสยี ชีวิตได้ รวมไปถงึ โรคทเ่ี กดิ
จากสาเหตุทางอ้อมในการทางานด้วย เช่น การถกู เลกิ จา้ ง การลดเวลาทางาน การลดเงินเดือน ทาใหเ้ กดิ ภาวะ
ความเครียด วติ กกังวล นอนไมห่ ลบั ส่งผลใหเ้ กดิ โรคภยั ไขเ้ จบ็ โรคซึมเศร้า ซึ่งอาจส่งผลรุนแรงตอ่ ชีวติ ได้
5.ครูและผู้เรียนใช้สอ่ื Power Point ประกอบการอธิบายโรคที่เกดิ จากการทางานและแนวทาง
ปอู งกันปัจจุบนั น้ีเกษตรกรมีการนาเทคโนโลยีและสิง่ ประดิษฐส์ มัยใหมม่ าช่วยทุน่ แรงเพ่ือเพ่ิมผลผลิตทาง
การเกษตร รวมถึงการนาสารเคมีตา่ ง ๆ เขา้ มาใช้ เพ่ือใหผ้ ลผลติ ออกมาสวยงาม เปน็ ที่พึงพอใจผ้บู ริโภคท้งั ใน
และต่างประเทศ ซึ่งนบั วา่ มีประโยชนต์ อ่ งานด้านการเกษตรเป็นอยา่ งมาก ขณะเดียวกันส่ิงเหล่านีอ้ าจ
กอ่ ให้เกิดโทษต่อตัวเกษตรกร และสิง่ แวดล้อม เม่ือเกษตรกรต้องเกย่ี วข้องกับสารเคมี เชน่ พาราไธออน มา
ลาไธออน แลนเนต ฟูราดาน เปน็ ต้น และเคร่ืองมือทางการเกษตรก่อให้เกดิ ผลกระทบต่อรา่ งกาย
6.ครูและผเู้ รียนใช้เทคนิคการสอนแบบ Role Playing การจดั การเรียนร้แู บบแสดงบทบาทสมมตุ ิ คือ
กระบวนการทผ่ี ู้สอนกาหนดหวั ข้อเร่ืองอุบตั ิภยั ท่เี กดิ จากการทางานและแนวทางปูองกนั ใหค้ ลา้ ยกบั สภาพ
51
ความเปน็ จริง แล้วใหผ้ ้เู รียนสวมบทบาท หรือแสดงบทบาทน้นั ตามความรูส้ กึ นึกคิดและประสบการณ์ของ
ผู้เรียนท่คี ิดวา่ ควรจะเปน็ ภายหลังของการแสดงบทบาทสมมตุ ิจะต้องมีการอภปิ รายเกยี่ วกบั ผลทีเ่ กดิ จาก
ปญั หานนั้
7.ผู้เรยี นทาใบงาน และกิจกรรมการเรยี นการสอน
8.ครูเสนอแนะและเปน็ ที่ปรึกษาในการนาเอาแนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ซึง่ ในกระบวนการ
ทางานทุกประเภทน้ัน จะตอ้ งเนน้ สจั จะซึง่ เปน็ ตัวคุณธรรม จรยิ ธรรม เนน้ ความซอื่ สัตยส์ ุจรติ เนน้ ให้ชว่ ยกนั
คดิ ชว่ ยกันทา เนน้ ใหร้ ้จู กั ความพอดี พอประมาณ มีเหตผุ ล ทงั้ หมดน้คี ือ หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และ
สามารถนาไปประยุกตใ์ ช้กบั การดาเนินชวี ิตของทุกคนได้
ขั้นสรุปและการประยกุ ต์
9.ครแู ละผู้เรียนสรปุ เนือ้ หาท่เี รียนเกยี่ วกบั โรคและอุบัติภัยทเี่ กิดจากการทางาน
10.ผูเ้ รยี นทากิจกรรม
11.ผู้เรยี นร่วมกนั ประเมินโดยพิจารณาจากข้อมลู ความรู้ การให้เหตผุ ล และความพร้อมในการนาเสนอ
ชือ่ ผเู้ รยี น ประสบการณ์พื้นฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรียนรู้
ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน
1.
2.
3.
4.
สือ่ และแหล่งการเรยี นรู้
1.หนังสอื เรียน วชิ าอาชวี อนามัยและความปลอดภยั ของสานกั พิมพ์เอมพันธ์
2.กิจกรรมการเรียนการสอน
3.สือ่ PowerPoint , วิดโี อ
หลกั ฐาน
1.บนั ทึกการสอน
2.ใบเชค็ รายช่ือ
3.แผนจัดการเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน
52
การวัดผลและการประเมนิ ผล
วธิ ีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. ประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
3. สังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
4. ใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้
6. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมและคุณลักษณะอันพงึ
ประสงค์
เครื่องมือวัดผล
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุม่ (โดยครู)
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผู้เรยี น)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผเู้ รยี น
รว่ มกนั ประเมิน
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ชี ่องปรบั ปรงุ
2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. ตรวจใบงาน มเี กณฑ์ผ่าน 50%
5. แบบประเมินผลการเรียนรู้ มเี กณฑผ์ ่าน 50%
6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ
การประเมนิ ตามสภาพจริง
กจิ กรรมเสนอแนะ
1.อ่านทบทวนเนื้อหา
2.ควรศึกษาข้อมลู เพิ่มเตมิ จากแหลง่ เรียนรอู้ ่นื ๆ
53
แบบประเมินผลการเรียนรู้
หน่วยที่ 3 โรคและอบุ ัตภิ ยั ทเี่ กิดจากการทางาน
1. ข้อใดจดั เปน็ โรคท่เี กิดจากการทางาน
ก. ไส้ติง่
ข. ความดันโลหติ สงู
ค. เบาหวาน
ง. ซลิ ิโคสสิ
2. เกีย่ วกบั สาเหตขุ องการเกดิ โรคและอบุ ตั ภิ ยั จากการทางาน เพศหญิงและเพศชายแตกต่างกนั ตามข้อใด
ก. เพศหญิงเจบ็ ปุวยง่ายกว่าเพศชาย เพราะรา่ งกายทนต่อสภาพแวดล้อมได้น้อยกว่า
ข. เพศหญงิ มีการทางานดว้ ยความระมดั ระวงั มากกวา่ เพศชาย จงึ เกิดอบุ ัตเิ หตุได้ยากกว่า
ค. เพศชายทางานชา้ กว่าเพศหญิง จงึ มีโอกาสเกดิ อบุ ัติเหตไุ ดน้ ้อยกว่า
ง. เพศชายมีรา่ งกายที่แขง็ แรงแต่เมื่อทางานแลว้ จะมอี าการเจ็บปวุ ยงา่ ยกว่าเพศหญงิ
3. บุคคลใดมีโอกาสเกดิ โรคหรอื อบุ ัติภัยในการทางานมากทส่ี ดุ
ก. มนตรมี ชี ว่ั โมงการทางานตามทก่ี ฎหมายกาหนด
ข. มินตราทางานในแหล่งท่ีมีฝุนจงึ ต้องใสห่ นา้ กากกันฝุนอยเู่ สมอ
ค. นงนชุ ชอบหยอกล้อกบั เพือ่ นขณะทางาน
ง. นนี ่ามสี ภาพร่างกายท่ไี มไ่ วต่อการเกิดโรค
4. คนงานในโรงงานอุตสาหกรรมห้องเย็นเสย่ี งต่อการเกดิ โรคตามข้อใด
ก. กระดูกไขสนั หลังอกั เสบ
ข. อวัยวะมอี าการชา
ค. เปน็ ตะคริว
ง. ประสาทหูเสอื่ ม
5. สารกัมมันตรงั สกี ่อให้เกิดโรคใด
ก. มะเรง็ เม็ดเลอื ด
ข. ตาอักเสบ
ค. ภูมแิ พ้
ง. อัมพาต
6. อปุ กรณ์ เครื่องมือ ข้อใดไม่ควรนามาใชง้ าน
ก. อปุ กรณ์ท่ซี ื้อมาใหม่
54
ข. อุปกรณ์ท่ยี มื มาจากหนว่ ยงานอื่น
ค. อปุ กรณ์ชารุด
ง. อปุ กรณ์ราคาถูก
7. หัวหนา้ งานท่สี ามารถช่วยใหค้ นงานปลอดภัยจากโรคและอบุ ตั ภิ ัยจากการทางาน ควรมีลักษณะตามข้อใด
ก. เขม้ งวดเร่อื งเวลาเขา้ และเวลาเลิกงาน
ข. แบ่งงานให้คนทางานทาอย่างยุตธิ รรม
ค. มคี วามสัมพันธ์ทีด่ ตี ่อผู้ใตบ้ ังคับบัญชา
ง. เอาใจใส่เรื่องความปลอดภยั ของลกู น้องพร้อมกบั เปน็ ตวั อย่างที่ดดี ้านความปลอดภยั
8. เม่ือเกษตรกรได้รบั สารเคมีหรอื ยาปราบศตั รูพืชจะทาใหเ้ กิดอาการตามข้อใด
ก. คลนื่ ไส้ เวียนศีรษะ อาเจยี น
ข. อ่อนเพลีย ชาตามมือและเทา้
ค. หายใจขัด มีไข้
ง. หวั ใจเตน้ แรง
9. ข้อใดเปน็ โรคจากการทางานท่ีเกิดข้ึนได้กับเกษตรกร
ก. โรคต้อหนิ
ข. โรคปอดชานอ้อย
ค. โรคโลหิตจาง
ง. โรคหวั ใจล้มเหว
10. พษิ ทร่ี ุนแรงที่สดุ เมื่อสารตะกัว่ เข้าสู่ร่างกายมนุษยค์ ือข้อใด
ก. ปวดศีรษะอย่างรนุ แรง
ข. รมิ ฝปี ากสั่น
ค. เป็นอมั พาตและอาการทางสมอง
ง. ตาเหลอื ง ตวั เหลอื ง
11. ขอ้ ใดเป็นอาการเร้ือรังทเี่ กดิ ขึ้นเมื่อรา่ งกายได้รบั สารหนเู ขา้ ไป
ก. ตบั ถูกทาลาย
ข. ผิวหนังแตก
ค. ผน่ื ข้ึนตามตวั
ง. ใบหน้าผิดรปู
55
12. คนงานในโรงงานอตุ สาหกรรมใดทเี่ ส่ียงตอ่ การไดร้ ับสารแมงกานีสเข้าสูร่ ่างกาย
ก. อตุ สาหกรรมทอผา้
ข. อุตสาหกรรมถลงุ เหลก็
ค. อตุ สาหกรรมผลิตกระเปา๋ หนงั
ง. อุตสาหกรรมผลิตรองเท้า
13. “เมอ่ื เขา้ สู่ร่างกายมนุษย์จะเขา้ ไปทาลายแคลเซียมในกระดูก” หมายถึงสารเคมขี ้อใด
ก. ปรอท
ข. ตะก่วั
ค. สารหนู
ง. แคดเมยี ม
14. เมอื่ ร่างกายได้รบั สารโครเมยี มจะทาให้เกิดอาการตามข้อใด
ก. ผนื่ คนั เป็นหนอง
ข. แผลลึก ไม่เจ็บแต่คัน
ค. ชาตามแขนและขา
ง. มอื และเท้าบวม
15. ซลิ กิ า้ เก่ียวข้องกับข้อใด
ก. แอลกอฮอล์
ข. ปรอท
ค. ตะกั่ว
ง. ฝุนหินทราย
16. ข้อใดเป็นสง่ิ ท่ีผปู้ ฏิบัตงิ านดา้ นศลิ ปหัตถกรรมตอ้ งระมัดระวัง
ก. ความแหลมคมของอุปกรณ์
ข. คณุ ภาพความสวยงามของงาน
ค. ความรวดเร็วในการผลติ
ง. ความแหลมคมของอุปกรณ์และคุณภาพความสวยงามของงาน
56
17. “ระหวา่ งการทางานอาจได้รับอุบัตเิ หตทุ เี่ กิดจากความร้อนหรือน้าร้อนลวกได้” หมายถึงผูปฏบิ ัตงิ าน
อาชีพใด
ก. อตุ สาหกรรม
ข. คหกรรม
ค. ศลิ ปหัตถกรรม
ง. พาณชิ ยกรรม
18. ข้อใดสาคัญมากสาหรับผู้ปฏิบัติงานด้านพาณชิ ยกรรม
ก. การแตง่ กายใหเ้ รยี บร้อยรดั กุม
ข. การใชอ้ ุปกรณป์ ูองกันส่วนบุคคล
ค. การทาความสะอาดสถานทท่ี างาน และการจัดเก็บอปุ กรณ์ใหเ้ รียบรอ้ ย
ง. การทางานดว้ ยความประณตี คานึงถึงคณุ ภาพของงาน
19. เก่ียวกับแนวทางปูองกันโรคและอุบตั ิภัยจากการทางาน ควรปฏิบตั ิตามข้อใด
ก. ให้หนว่ ยรกั ษาความปลอดภัยตรวจตราสถานท่ีทางานอยู่เสมอ
ข. คดั เลอื กพนักงานท่ีมสี ุขภาพแขง็ แรงโดยการใหต้ รวจร่างกายก่อนเขา้ ทางาน
ค. รับเฉพาะคนงานเพศชายเพราะมสี ขุ ภาพแข็งแรงกวา่
ง. ควบคุมจานวนคนงานไม่ให้มีมากเกินไป
20. การปอู งกนั โรคและอุบัติภยั จากการทางานจะต้องได้รับความรว่ มมอื จาก 3 ฝาุ ยตามขอ้ ใด
ก. หนว่ ยงานราชการ คแู่ ข่งของกจิ การ เจา้ ของสถานประกอบการ
ข. ผปู้ ฏิบตั งิ าน ครอบครัว นายจ้าง
ค. หน่วยงานราชการ ผ้ปู ฏบิ ัติงาน เจ้าของสถานประกอบการ
ง. หน่วยงานราชการ หน่วยงานรฐั วิสาหกิจ หนว่ ยงานเอกชน
57
บนั ทึกหลังการสอน
ขอ้ สรปุ หลงั การสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
ปัญหาที่พบ
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
แนวทางแกป้ ญั หา
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
......................................................................................................... .......................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
แผนการจัดการเรยี นรู้แบบบรู ณาการที่ 6 58
รหสั 20001-1001 อาชวี อนามยั และความปลอดภยั (2-0-2)
ช่อื หน่วย/เรอ่ื ง การปอ้ งกันและควบคมุ มลพิษในทีท่ างาน หนว่ ยที่ 4
สอนครั้งท่ี 6 (11-12)
จานวน 2 ช.ม.
แนวคดิ
การทางานท่ามกลางสภาพแวดลอ้ มท่ดี ี สถานทีส่ ะอาด เปน็ ระเบียบ ไม่มสี งิ่ ใดมารบกวน ตลอดจนมี
เพื่อนร่วมงานท่ีมีอัธยาศยั ท่ีดีตอ่ กัน จะก่อให้เกิดความสุขในการทางาน ในทางตรงกันข้ามหากสถานทีท่ างาน
เต็มไปดว้ ยสง่ิ รบกวนรา่ งกาย จิตใจ จนถงึ เปน็ อนั ตรายตอ่ ร่างกายและจิตใจ เหล่านนั้ ถือเป็นมลพิษท่จี ะส่งผล
ให้ประสิทธภิ าพในการทางานลดลง จงึ ตอ้ งมีการปูองกนั และควบคุมมลพิษที่เกิดขน้ึ ในท่ีทางานเพ่ือให้
ผู้ปฏิบัติงานมีความสขุ และปลอดภยั
ผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวงั
1.แสดงความรู้เกีย่ วกับความหมายและลักษณะของสภาพแวดลอ้ มในการทางานได้
2. แสดงความรเู้ ก่ียวกบั มลพิษจากสภาพแวดล้อมดา้ นชีวภาพได้
3. แสดงความรู้เกี่ยวกบั มลพิษจากสภาพแวดล้อมดา้ นกายภาพได้
4.มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผู้สาเร็จการศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ท่คี รสู ามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง
4.1 ความมีมนษุ ยสัมพันธ์
4.2 ความมีวนิ ยั
4.3 ความรับผิดชอบ
4.4 ความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ
4.5 ความเชอื่ มน่ั ในตนเอง
4.6 การประหยัด
4.7 ความสนใจใฝุรู้
4.8 การละเว้นสง่ิ เสพติดและการพนัน
4.9 ความรักสามัคคี
4.10 ความกตัญญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ กย่ี วกับหลักการจดั การ ควบคุม ปูองกนั และแก้ไขปัญหาด้านอาชีวอนามัยและ
59
ความปลอดภยั ในการปฏบิ ัติงาน
2.วางแผนการดาเนนิ การเบอ้ื งต้นในการควบคุม ปูองกนั มลพิษ โรคและอุบัตภิ ัยท่ีเกิดจากการทางาน
3.วางแผนปรับปรุงสภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชีวอนามยั และความปลอดภยั
4.อา่ นและปฏิบตั ติ ามเคร่ืองหมายและสัญลกั ษณ์ความปลอดภยั
5.เลือกใช้เครื่องปูองกันอนั ตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นตามหลกั การและกระบวนการ
สาระการเรยี นรู้
1.ความหมายและลักษณะของสภาพแวดล้อมในการทางาน
2. มลพษิ จากสภาพแวดล้อมดา้ นชีวภาพ
3. มลพษิ จากสภาพแวดลอ้ มด้านกายภาพ
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรียน
1.ครสู นทนากบั ผเู้ รยี นวา่ สภาพแวดล้อมในการทางานมีความสาคญั อย่างยิง่ ต่อตัวผูป้ ฏิบตั งิ าน
สภาพแวดล้อมในการทางานที่ดีสง่ ผลให้บคุ คลทางานด้วยความสบายใจ สบายกาย มีความสุขในการทางาน
ทาให้ผลงานออกมามปี ระสทิ ธิภาพดว้ ย
2.ครแู ละผูเ้ รียนเล่าประสบการณเ์ กย่ี วกับลกั ษณะของสภาพแวดลอ้ มในการทางานโดยท่ัวไป
3.ผเู้ รยี นยกตวั อยา่ งกจิ กรรม
ขัน้ สอน
4.ครแู ละผู้เรียนใชส้ ือ่ Power Point เพ่ืออธิบายความหมายและลักษณะของสภาพแวดล้อมในการ
ทางาน สภาพแวดล้อมในการทางาน จงึ หมายถึง ทุกสิ่งทกุ อย่างท่ีอยลู่ อ้ มรอบตัวผปู้ ฏบิ ตั ิงาน มีอิทธิพลต่อ
รา่ งกายและจติ ใจ สภาพแวดลอ้ มในการทางานท่ีดสี ง่ ผลให้ผปู้ ฏิบัตมิ ีความสขุ ในการทางาน ในทางตรงกันขา้ ม
สภาวะแวดลอ้ มท่ีไมด่ ี ส่งผลให้ผปู้ ฏบิ ัติงานขาดความสุขเกิดภาวะความกดดันดา้ นจติ ใจ และเกิดอนั ตรายต่อ
สุขภาพด้วย
5.ครใู ช้เทคนิควิธีการจดั การเรียนรู้แบบรว่ มมอื (Cooperative Learning) หมายถึงกระบวนการ
เรียนร้ทู จ่ี ัดใหผ้ ้เู รียนได้รว่ มมือและช่วยเหลือกันในการเรยี นรูโ้ ดยแบ่งกลุ่มผู้เรียนท่มี ีความสามารถตา่ งกนั
ออกเป็นกลุม่ เล็ก ซึ่งเปน็ ลกั ษณะการรวมกลุ่มอย่างมีโครงสร้างท่ชี ัดเจน มีการทางานร่วมกนั มกี ารแลกเปลย่ี น
ความคดิ เห็นมีการช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยซ่ึงกนั และกนั มีความรับผดิ ชอบรว่ มกนั ทั้งในสว่ นตนและส่วนรวม
เพอื่ ให้ตนเองและสมาชิกทุกคนในกลุม่ ประสบความสาเร็จตามเปูาหมายท่ีกาหนดไว้ ดงั นี้
1) แบ่งผู้เรียนเปน็ กลุ่มๆ ละ 3-4 คน
60
2) ผู้เรยี นระดมสมองเรื่องมลพษิ จากสภาพแวดล้อมดา้ นชวี ภาพ และมลพษิ จาก
สภาพแวดลอ้ มดา้ นกายภาพ
3) นาเสนอหน้าชัน้ เรียน
7.ครแู ละผู้เรยี นใชเ้ ทคนิคการสอนแบบ Integration การจัดการเรียนรู้แบบบรู ณาการ หมายถึง การ
เรียนรู้ท่ีเช่อื มโยงศาสตรห์ รือเน้อื หาสาขาวชิ าตา่ ง ๆ ท่ีมีความสมั พนั ธ์เกย่ี วขอ้ งกนั มาผสมผสานเข้าดว้ ยกนั
เพือ่ ให้เกดิ ความรู้ที่มีความหมาย มคี วามหลากหลายและสามารถนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้จรงิ ในชวี ิตประจาวนั
เกย่ี วกับมลพิษจากสภาพแวดลอ้ มดา้ นชวี ภาพ และมลพษิ จากสภาพแวดลอ้ มด้านกายภาพ
8.ผู้เรียนทาใบงาน และกิจกรรมการเรียน
9.ครูเนน้ ผ้เู รียนให้มีความละเอียดรอบคอบ มีความอดทน มคี วาเข้มแข็ง มคี วามเพียรพยายาม
นอกจากนัน้ ยังให้ระมดั ระวังความปลอดภัยในการทากจิ กรรมใบงานท่ีอาจผดิ พลาดเกิดข้นึ ได้โดยไม่ได้
ขนั้ สรปุ และการประยุกต์
10.สรุปเนือ้ หาโดยครสู มุ่ ผู้เรียนให้ตอบคาถามเก่ียวกับการปูองกันและควบคุมมลพิษในที่ทางาน
11.ประเมนิ ผ้เู รียนตามแบบฟอร์มต่อไปนี้
ชือ่ ผู้เรยี น ธรรมชาติของผูเ้ รยี น วิธกี ารเรยี นรู้
ความสนใจ สติปญั ญา วุฒิภาวะ
1.
2.
3.
4.
5.
สือ่ และแหล่งการเรยี นรู้
1.หนงั สอื เรียน วิชาอาชวี อนามัยและความปลอดภัย ของสานกั พิมพ์เอมพันธ์
2.รูปภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.ส่อื PowerPoint
หลักฐาน
1.บนั ทึกการสอน
2.ใบเช็ครายชอื่
3.แผนจัดการเรยี นรู้
4.การตรวจประเมินผลงาน
61
การวัดผลและการประเมินผล
วธิ วี ัดผล
1. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่
4. ใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
6. การสงั เกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพงึ
ประสงค์
เครือ่ งมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ (โดยครู)
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (โดยผูเ้ รยี น)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรยี น
รว่ มกนั ประเมิน
เกณฑ์การประเมินผล
1. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไมม่ ีช่องปรับปรงุ
2. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขึน้ ไป)
3. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. ตรวจใบงาน มเี กณฑ์ผ่าน 50%
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ มเี กณฑ์ผ่าน 50%
6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กับ
การประเมนิ ตามสภาพจริง
กจิ กรรมเสนอแนะ
1.แนะนาใหผ้ ูเ้ รียนศึกษาความรูเ้ พ่ิมเติมนอกหอ้ งเรยี น
2.อ่านทบทวนเนื้อหา
62
บนั ทึกหลังการสอน
ข้อสรุปหลงั การสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
ปญั หาท่ีพบ
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
แนวทางแก้ปญั หา
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
....................................................................................................... .........................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
แผนการจดั การเรยี นรู้แบบบรู ณาการที่ 7 63
รหสั 20001-1001 อาชวี อนามัยและความปลอดภัย (2-0-2)
ชอื่ หน่วย/เรื่อง การปอ้ งกนั และควบคมุ มลพิษในทท่ี างาน หน่วยท่ี 4
สอนคร้ังท่ี 7 (13-14)
จานวน 2 ช.ม.
แนวคิด
การทางานท่ามกลางสภาพแวดลอ้ มที่ดี สถานทสี่ ะอาด เปน็ ระเบียบ ไม่มีส่ิงใดมารบกวน ตลอดจนมี
เพ่ือนร่วมงานทีม่ ีอธั ยาศยั ท่ีดีต่อกัน จะก่อใหเ้ กิดความสขุ ในการทางาน ในทางตรงกันขา้ มหากสถานทท่ี างาน
เต็มไปดว้ ยสงิ่ รบกวนร่างกาย จิตใจ จนถงึ เป็นอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ เหล่านัน้ ถือเป็นมลพิษท่จี ะส่งผล
ให้ประสทิ ธภิ าพในการทางานลดลง จึงต้องมีการปอู งกนั และควบคุมมลพิษที่เกดิ ขนึ้ ในท่ีทางานเพื่อให้
ผปู้ ฏบิ ัตงิ านมีความสุขและปลอดภยั
ผลการเรยี นร้ทู ่คี าดหวงั
4. แสดงความร้เู ก่ยี วกับมลพิษจากสภาพแวดล้อมดา้ นเคมีได้
5. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั มลพิษจากสภาพแวดล้อมดา้ นยศาสตร์ได้
6.มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของผสู้ าเรจ็ การศึกษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ท่คี รูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง
6.1 ความมมี นษุ ยสัมพนั ธ์
6.2 ความมีวนิ ยั
6.3 ความรับผิดชอบ
6.4 ความซือ่ สตั ยส์ ุจรติ
6.5 ความเช่อื ม่นั ในตนเอง
6.6 การประหยดั
6.7 ความสนใจใฝรุ ู้
6.8 การละเวน้ สิง่ เสพติดและการพนัน
6.9 ความรกั สามคั คี
6.10 ความกตัญญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรูเ้ ก่ยี วกับหลกั การจดั การ ควบคุม ปูองกนั และแก้ไขปัญหาดา้ นอาชีวอนามัยและ
ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั ิงาน
2.วางแผนการดาเนินการเบอ้ื งตน้ ในการควบคมุ ปูองกันมลพษิ โรคและอุบัตภิ ัยท่ีเกดิ จากการทางาน
3.วางแผนปรับปรุงสภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
64
4.อ่านและปฏิบตั ติ ามเครื่องหมายและสญั ลกั ษณ์ความปลอดภัย
5.เลอื กใชเ้ คร่ืองปูองกันอนั ตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบื้องตน้ ตามหลักการและกระบวนการ
สาระการเรียนรู้
4. มลพิษจากสภาพแวดลอ้ มด้านเคมี
5. มลพษิ จากสภาพแวดลอ้ มด้านยศาสตร์
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรียน
1. ครใู ช้เทคนิคการสอนแบบซิปปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดมิ จากสัปดาหท์ ี่
ผ่านมา โดยดึงความรู้เดิมของผเู้ รียนในเรอ่ื งทีจ่ ะเรยี น เพ่ือชว่ ยใหผ้ ู้เรียนมีความพรอ้ มในการเช่อื มโยงความรู้
ใหม่กับความรูเ้ ดิมของตน ผู้สอนใช้การสนทนาซกั ถามใหผ้ ู้เรียนเล่าประสบการณเ์ ดมิ
2.ครแู ละผเู้ รียนสนทนาวา่ ผู้ที่ทางานเกย่ี วข้องทงั้ ในภาคอตุ สาหกรรม และภาคเกษตรกรรมตอ้ งคลกุ
คลีอย่กู บั สารเคมี แต่เป็นสารเคมที ี่แตกต่างกันออกไป ท้ังชนิด ปริมาณ และอันตรายของสารเคมเี หล่าน้นั
สารเคมแี ต่ละชนดิ เกดิ อันตรายตอ่ คนงานที่ใชแ้ ตกตา่ งกันออกไป บางประเภททาให้ได้รับบาดเจบ็ และเจ็บปุวย
นอกจากน้ียงั มีสารเคมีบางประเภทที่ยังไม่ทราบถงึ พษิ ภัยอยา่ งแนช่ ัด แต่อาจเป็นไปไดว้ ่าเมื่อสารเคมเี หล่านั้น
อยใู่ นภาวะหนึ่ง อาจทาใหเ้ กิดปฏกิ ิริยาข้ึนกลายเป็นของเหลวไวไฟ หรอื กา๊ ซอันตรายได้
3.ครแู สดงรูปภาพผู้ท่ีได้รบั ผลกระทบตอ่ มลพษิ ทงั้ ด้านเคมีและดา้ นยศาสตร์ เพอื่ เชื่อมโยงเข้าสเู่ นอ้ื หา
ขั้นสอน
4. ครูและผู้เรยี นใช้สอื่ Power Point ประกอบการอธิบายเรอ่ื งมลพิษจากสภาพแวดลอ้ มด้านเคมี และ
มลพษิ จากสภาพแวดล้อมดา้ นยศาสตร์
5.ครูใช้เทคนิคการเรยี นรแู้ บบ Discussion Method การจัดการเรียนรู้แบบอภปิ รายมลพษิ จาก
สภาพแวดล้อมด้านเคมี สภาพแวดลอ้ มทางเคมี ได้แก่
๏ ฝุน
๏ ฟมู (Fume)
๏ ละออง (Mist)
๏ ไอสาร (Vapor)
๏ ก๊าซ ((Gas)
๏ ควัน (Smoke)
6. ครใู ช้เทคนิควธิ ีการจดั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื (Cooperative Learning) หมายถงึ กระบวนการ
เรยี นรู้ทจี่ ดั ให้ผเู้ รยี นได้รว่ มมือและช่วยเหลอื กันในการเรยี นรโู้ ดยแบ่งกลมุ่ ผูเ้ รียนทม่ี ีความสามารถตา่ งกัน
ออกเป็นกลมุ่ เล็ก ซงึ่ เป็นลักษณะการรวมกลุ่มอย่างมีโครงสรา้ งที่ชดั เจน มกี ารทางานรว่ มกัน มกี ารแลกเปล่ียน
65
ความคดิ เหน็ มีการช่วยเหลือพึ่งพาอาศยั ซึง่ กันและกัน มีความรับผิดชอบรว่ มกันทั้งในส่วนตนและส่วนรวม
เพ่ือใหต้ นเองและสมาชิกทุกคนในกล่มุ ประสบความสาเร็จตามเปูาหมายที่กาหนดไว้ ดงั น้ี
1). แบง่ ผู้เรียนเปน็ กลุ่มๆ ละ 4-5 คน
2).มลพษิ จากสภาพแวดล้อมด้านเคมี และมลพิษจากสภาพแวดลอ้ มด้านยศาสตร์
3) นาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน
7.ผเู้ รียนทากิจกรรม และใบงาน
ข้ันสรปุ และการประยกุ ต์
8.ครแู ละผเู้ รยี นสรุปเนอื้ หาทเ่ี รียน
9.สรุปสาระสาคญั เพ่ือใหเ้ กิดการเรียนรู้และนาไปปฏบิ ัติได้ และประเมนิ ผูเ้ รียนดังน้ี
ชื่อผู้เรยี น ธรรมชาติของผูเ้ รยี น วธิ ีการเรยี นรู้
ความสนใจ สตปิ ัญญา วุฒภิ าวะ
1.
2.
3.
4.
5.
ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้
1.หนังสือเรียน วชิ าอาชวี อนามยั และความปลอดภยั ของสานักพิมพเ์ อมพันธ์
2.รปู ภาพ
3.กิจกรรมการเรียนการสอน
4.สื่อ PowerPoint
หลักฐาน
1.บนั ทึกการสอน
2.ใบเชค็ รายชื่อ
3.แผนจัดการเรียนรู้
4.การตรวจประเมินผลงาน
66
การวดั ผลและการประเมนิ ผล
วิธวี ดั ผล
1. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่
3. สงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่
4. ใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
7. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ
ประสงค์
เครือ่ งมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยครู)
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผู้เรียน)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครแู ละผ้เู รยี น
ร่วมกันประเมิน
เกณฑ์การประเมนิ ผล
1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไม่มีชอ่ งปรบั ปรุง
2. เกณฑ์ผา่ นการประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ข้นึ ไป)
3. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (50% ขึ้นไป)
4. ตรวจใบงาน มเี กณฑ์ผา่ น 50%
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ มเี กณฑ์ผ่าน 50%
6 แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กับ
การประเมินตามสภาพจรงิ
กจิ กรรมเสนอแนะ
1.แนะนาให้ผู้เรียนศึกษาข้อมูลเพมิ่ เตมิ จากแหลง่ เรยี นรู้อ่ืนๆ
2.อา่ นและทบทวนเนอ้ื หา
67
แบบประเมินผลการเรยี นรู้
หนว่ ยที่ 4 การปูองกันและความคมุ มลพิษในทท่ี างาน
1. ขอ้ ใดไมเ่ ป็นสภาพแวดลอ้ มในการทางาน
ก. เพอื่ นร่วมงาน
ข. แสงสว่างท่ใี ชใ้ นการทางาน
ค. สนามหญ้าหน้าอาคาร
ง. คา่ ตอบแทนจากการทางาน
2. บคุ คลใดอยู่ในสภาพแวดล้อมการทางานท่ีไม่ดี
ก. นารมี เี พื่อนรว่ มงานที่ชว่ ยกันทางานเปน็ อยา่ งดี
ข. วีณามโี ต๊ะทางานท่นี ั่งสบาย แสงสว่างเพียงพอ
ค. ชาลรี ักในงานทีต่ วั เองทา
ง. ชงิ ชัยมักถูกหัวหนา้ งานจับผดิ เสมอ
3. ขอ้ ใดเปน็ สภาพแวดลอ้ มด้านชวี ภาพ
ก. เช้อื โรคและฝุนละออง
ข. พน้ื ห้องทางาน
ค. แสงสว่างภายในหอ้ งทางาน
ง. ปาู ยเตอื นเกีย่ วกบั ความปลอดภัย
4. ข้อใดเปน็ ผลมลพิษจากสภาพแวดลอ้ มด้านชีวภาพ
ก. พนักงานเกิดตาอกั เสบเนอ่ื งจากทางานในทีท่ ี่แสงสวา่ งไม่เพียงพอ
ข. ชาวนาถูกงกู ัด
ค. คนงานถูกไฟฟูาดดู
ง. คนงานประสาทหเู สอื่ มเน่ืองจากสถานที่ทางานมีเสียงดังเกินไป
5. ขอ้ ใดเปน็ การปูองกนั ตนเองจากมลพิษดา้ นชีวภาพ
ก. พักผ่อนให้เพยี งพอหลังจากทางานเสร็จ
ข. จดั ทนี่ ง่ั ในที่ทางานใหน้ ่งั อยา่ งสบาย
ค. รกั ษาความสะอาดของผิวหนัง อาบนา้ ให้สะอาดหลังทางานเสร็จ
ง. มยี ารักษาโรคติดตวั อยู่ตลอดเวลา
6. ขอ้ ใดเกย่ี วขอ้ งกบั มลพษิ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ
ก. สถานท่ที างานมคี วามร้อนสูงเกินกวา่ 14 องศาเซลเซยี ล
68
ข. สถานที่ทางานท่เี ต็มไปด้วยแมลงสาบ
ค. สภาพแวดล้อมการทางานท่ีขาดความสามคั คี
ง. สภาพแวดลอ้ มการทางานที่เต็มไปด้วยควันพิษ
7. เมือ่ ร่างกายของมนุษยไ์ ด้รับความร้อนเกินไปจะก่อให้เกิดผลตามขอ้ ใด
ก. หงดุ หงิด อารมณ์ขุน่ มัว
ข. มึนงง อ่อนเพลยี ชกั หมดสติ
ค. เมื่อยตามตัว และต้นคอ
ง. ปวดตามกระดูกสนั หลัง
8. แสงข้อใดเป็นอันตรายต่อตามากท่ีสดุ
ก. แสงจากหลอดไฟฟาู
ข. แสงจากการสมุ กองไฟ
ค. แสงจกตะเกยี ง
ง. แสงในช่วงคลน่ื ความถี่วทิ ยุ
9. ขอ้ ใดหมายถงึ “ไฟฟูาลัดวงจร”
ก. ไฟฟาู ชอ็ ต
ข. ไฟฟูาดูด
ค. ไฟฟาู ร่ัว
ง. ไฟฟูาดบั
10. สถานท่อี บั อากาศ มสี ภาพตามข้อใด
ก. ปากถา้ ทมี่ ีตน้ ไมข้ ึ้นเป็นระยะ
ข. ใตต้ น้ ไม้ใหญ่ที่แดดสอ่ งไม่ถงึ
ค. ในอโุ มงค์ที่ม่ีก๊าซสามารถตดิ ไฟได้
ง. ใต้ทะเล
11. การปูองกนั คนงานใหไ้ มไ่ ดร้ ับอันตรายจากความร้อน ข้อใดเป็นวธิ ที งี่ ่ายและปลอดภยั ที่สดุ
ก. ตดิ ตง้ั ฉนวนหุม้ แหล่งกระจายความร้อน
ข. ออกแบบระบบดดู อากาศร้อนออกไป แลว้ นาอากาศเยน็ เขา้ มาแทนที่
ค. ใช้ระบบระบายอากาศธรรมชาติ โดยเปดิ สถานที่ทางานให้โล่ง
ง. นาฉากอะลมู เิ นียมมาก้นั ระหวา่ งจุดกาเนดิ ความร้อนและคนงาน
69
12. ขอ้ ใดควรปฏิบัติเกีย่ วกบั การควคมุ และปูองกันอนั ตรายจากแสง
ก. งดใหค้ นงานทางานในแหลง่ ที่มีแสง
ข. ใหค้ นงานใสแ่ ว่นตาที่สามารถกันแสงและรังสไี ด้
ค. บงั คบั คนงานทุกคนใสแ่ วน่ สายตา
ง. แนะนาให้คนงานปูองกนั ตนเองจากอันตรายของแสงด้วยตนเอง
13. ขอ้ ใดเป็นสาเหตุของการเกิดมลพิษทางเสยี งได้มากทสี่ ดุ
ก. เครอ่ื งปรับอากาศ
ข. เคร่ืองพมิ พ์
ค. เครอ่ื งจักรเกา่
ง. เคร่อื งถ่ายเอกสาร
14. หากจาเปน็ ตอ้ งใชเ้ ครื่องจักรที่มีการสัน่ สะเทือนมาก ควรปฏิบตั ติ ามข้อใด
ก. ใช้วสั ดุปูองกันการส่ันสะเทือนไว้ใต้เครื่องจกั ร
ข. นาเครอื่ งจักรออกมาใช้นอกอาคาร
ค. ใหค้ นงานอยกู่ ับเครอื่ งจักรน้นั ในเวลาส้นั ๆ แมจ้ ะทาใหง้ านช้ากต็ าม
ง. จัดเฉพาะคนงานทแ่ี ขง็ แรงสาหรบั การทางานโดยเครือ่ งจักรนัน้
15. ข้อใดเปน็ มลพิษทางสภาพแวดลอ้ มทางด้านเคมี
ก. น้าเสีย
ข. ไฟฟูารว่ั
ค. ละออง
ง. แมลงสาบ
16. ฝุนขนานใดสามารถปะปนกับอากาศเข้าสรู่ ะบบทางเดินหายใจได้
ก. เล็กกวา่ 10 ไมครอน
ข. เล็กกวา่ 20 ไมครอน
ค. เล็กกวา่ 30 ไมครอน
ง. เล็กกวา่ 40 ไมครอน
70
17. สารเคมเี ข้าสรู่ ่างกายทางการหายใจ ทางการกนิ และการดดู ซึม แตใ่ นท่สี ดุ จะเขา้ ไปอยูท่ ีใ่ ดของรา่ งกาย
ก. ปอด
ข. ไต
ค. กระแสเลือด
ง. ไขสันหลงั
18. การปอู งกนั ตนเองจากมลพษิ สภาพแวดล้อมดา้ นเคมี ข้อใดไม่ควรปฏบิ ัติ
ก. เกบ็ นา้ ดื่มใหห้ ่างจากแหล่งสารเคมี
ข. ทานอาหารขณะทางานกบั สารเคมี
ค. อาบนา้ ทนั ทีหลงั จากทางานเสรจ็
ง. ใชพ้ ดั ลมดูดอากาศเพื่อระบายสารเคมีออก
19. คนงานทมี่ ีอาการดวงตาเมอื่ ยล้า เนื่องจากทางานในที่ท่ีมีแสงสวา่ งไม่เพียงพอ เกดิ จากมลพิษ
สภาพแวดล้อมทางข้อใด
ก. มลพิษด้านการยศาสตร์
ข. สภาพแวดลอ้ มดา้ นชวี ภาพ
ค. สภาพแวดลอ้ มด้านเคมี
ง. สภาพแวดล้อมดา้ นกายภาพ
20. ขอ้ ใดเปน็ การควบคมุ และปอู งกันมลพิษสภาพแวดล้อมด้านการยศาสตร์
ก. แตง่ กายใหเ้ รียบร้อยตามระเบียบองค์กร
ข. เกบ็ รักษา จดั ระเบียบและทาความสะอาดของสถานท่ที างานอยู่เสมอ
ค. น่งั ทางานตามท่หี วั หนา้ งานจัดให้โดยไม่มีการปรบั เปล่ียน
ง. เปน็ กันเองกบั เพอ่ื นร่วมงานทุกคน
71
บนั ทกึ หลังการสอน
ขอ้ สรปุ หลงั การสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
ปัญหาท่ีพบ
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
แนวทางแก้ปญั หา
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
......................................................................................................... .......................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
แผนการจัดการเรียนร้แู บบบรู ณาการที่ 8 72
รหสั 20001-1001 อาชีวอนามยั และความปลอดภัย (2-0-2) หนว่ ยท่ี 5
ชื่อหน่วย/เรอ่ื ง การปรบั ปรงุ สภาพการทางานตามหลักการยศสาตร์ สอนครง้ั ท่ี 8 (15-16)
จานวน 2 ช.ม.
แนวคดิ
การออกแบบงานใหเ้ หมาะสมกบั คน สง่ ผลให้คนสามารถทางานได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ มีสขุ ภาพอาน
มยั ทีด่ ี ลดการเจบ็ ปวุ ยทีเ่ กดิ จากการทางาน องคก์ รจึงต้องใหค้ วามสาคญั กับการยศาสตร์ โดยการออกแบบงาน
ใหเ้ หมาะสมกบั ผปู้ ฏิบัติงาน หากสามารถกระทาได้อย่างสมบรู ณจ์ ะก่อใหเ้ กดิ ผลดีทั้งตอ่ ผู้ปฏิบัตงิ านและ
นายจ้าง
ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวัง
1.แสดงความร้คู วามรเู้ กย่ี วกบั ยศาสตรไ์ ด้
2.วางแผนยศาสตร์กบั ลักษณะท่าทางการทางานได้
3.วางแผนหลักยศาสตรก์ ับสภาพแวดล้อมในการทางานได้
4. มกี ารพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ มและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของผสู้ าเร็จการศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ท่ีครูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง
4.1 ความมมี นุษยสัมพันธ์
4.2 ความมวี นิ ัย
4.3 ความรบั ผดิ ชอบ
4.4 ความซื่อสตั ย์สุจรติ
4.5 ความเช่ือมน่ั ในตนเอง
4.6 การประหยดั
4.7 ความสนใจใฝุรู้
4.8 การละเวน้ ส่งิ เสพติดและการพนัน
4.9 ความรกั สามัคคี
4.10 ความกตัญญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการจัดการ ควบคุม ปูองกนั และแก้ไขปัญหาด้านอาชวี อนามัยและ
ความปลอดภยั ในการปฏบิ ัติงาน
2.วางแผนการดาเนนิ การเบอื้ งต้นในการควบคุม ปูองกนั มลพษิ โรคและอบุ ตั ภิ ยั ที่เกิดจากการทางาน
3.วางแผนปรับปรุงสภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
73
4.อา่ นและปฏบิ ัติตามเครื่องหมายและสัญลักษณ์ความปลอดภยั
5.เลือกใช้เคร่ืองปูองกันอนั ตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามหลักการและกระบวนการ
สาระการเรียนรู้
1.ความรู้เก่ียวกบั ยศาสตร์
2.ยศาสตร์กบั ลักษณะท่าทางการทางาน
3.หลักยศาสตร์กับสภาพแวดลอ้ มในการทางาน
กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรยี น
1.ครกู ลา่ ววา่ การยศาสตรเ์ ปน็ เรอ่ื งของการศึกษาสภาพการทางานทม่ี ีความสมั พันธร์ ะหว่างผู้ปฏิบตั ิงาน
และสภาพแวดล้อม โดยมกี ารพิจารณาวา่ ได้มีการออกแบบหรอื ปรบั ปรงุ สภาพการทางานใหเ้ หมาะสมกบั
ผู้ปฏิบตั งิ านอย่างไรจงึ จะสามารถเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการทางานให้ดีข้ึน หรอื เป็นการปฏิบัติเพื่อให้งานมีความ
เหมาะสมกับผูป้ ฏิบัติงาน ผูป้ ฏบิ ัติงานไม่ต้องอดทนทางานในสภาพแวดลอ้ มที่ไมเ่ หมาะสม ซ่งึ การนาหลักย
ศาสตรม์ าใชท้ าให้คนงานมสี ุขภาพอนามยั ท่ีดขี นึ้ มีสภาพการทางานท่ปี ลอดภัยมากย่ิงขนึ้ สง่ ผลให้นายจา้ ง
ได้รับประโยชน์จากการได้รับผลผลิตทมี่ ีประสิทธิภาพและมจี านวนมากขึน้ ในชว่ งเวลาเทา่ เดิม
2.ผู้เรียนเลา่ ถงึ สภาพการทางานท่มี คี วามสัมพันธ์ระหวา่ งผู้ปฏิบตั ิงานและสภาพแวดล้อมทีเ่ คยมี
ประสบการณ์ทผ่ี ่านหาใหเ้ พอ่ื นในช้นั เรยี นฟัง
ขั้นสอน
3.ครูและผู้เรียนใช้เทคนิคการสอนแบบบรรยายเพื่ออธิบายความรเู้ กย่ี วกับยศาสตร์ ซง่ึ ยศาสตร์
(Ergonomics) มาจากภาษากรกี คือคาว่า “ergon” หมายถงึ งาน (Work) และ “nomos” หมายถึง กฎ
ธรรมชาติ (Natural Lows) เมอื่ รวมกันเปน็ คาว่า Ergonomics แปลว่า กฎของงานการยศาตรเ์ ปน็ วิชาที่วา่
ดว้ ยการปรบั เปลีย่ นสภาพงานใหเ้ หมาะกับผูป้ ฏิบตั ิงาน หรือการปรบั ปรงุ สภาพของการทางานอย่างเปน็
ระบบยศาสตรจ์ งึ หมายถึง “วิทยาการทีเ่ กย่ี วกบั การออกแบบงานหรอื สภาพแวดล้อมในการทางานใหเ้ หมาะสม
กับผปู้ ฏิบัตงิ าน”
4.ครแู ละผู้เรยี นใชส้ ื่อ Power Point ประกอบการอธิบายยศาสตร์กบั ลกั ษณะทา่ ทางการทางาน ซง่ึ
ขณะทางานร่างกายของคนจาเปน็ ต้องอย่ใู นลกั ษณะทา่ ทางทสี่ บาย ไม่ฝืนไปในลักษณะท่ีผดิ ปกติ หากมีการ
รกั ษาลกั ษณะทา่ ทางการทางาน การเคล่อื นไหวในการทางานไดอ้ ย่างมีมาตรฐาน จะชว่ ยลดอบุ ัติเหตทุ เี่ กิดจาก
การทางานได้
74
5.ครูเปิด VDO ให้ผเู้ รยี นดูการจดั กจิ กรรมทเ่ี กี่ยวกับหลกั ยศาสตร์กับสภาพแวดล้อมในการทางานซึ่ง
สภาพแวดลอ้ มในการทางานเปน็ องคป์ ระกอบสาคัญท่สี ่งผลถงึ ความปลอดภยั และอาชวี อนามยั ของ
ผปู้ ฏบิ ัติงาน จงึ ควรให้ความสาคัญกบั สภาพแวดล้อมในการทางาน หาแนวทางปูองกนั ไม่ให้สภาพแวดลอ้ มใน
การทางานสง่ ผลเสียถึงสุขภาพของผ้ปู ฏิบตั งิ านได้
6.ผเู้ รยี นทาใบงาน และกจิ กรรม
ขนั้ สรุปและการประยุกต์
7.ครสู รปุ โดยถามคาถามหรือกาหนดปัญหาโดยใหผ้ เู้ รยี นระดมสมองชว่ ยกันคิดหาคาตอบแล้วอธิบาย
คาตอบให้เพ่ือนทุกคนในกลุม่ ของตนเองเข้าใจ
8.ครใู ชว้ ธิ ีสุ่มผู้เรียนทุกกลุ่มตอบคาถามและอธิบายให้เพ่ือนฟังทง้ั ชน้ั เรยี น
9.ผทู้ าใบงาน และทาแบบประเมินผลการเรียนรู้
สอื่ และแหล่งการเรียนรู้
1.หนังสือเรียน วชิ าอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ของสานักพิมพ์เอมพนั ธ์
2.รูปภาพ
3.กจิ กรรมการเรียนการสอน
4.สอ่ื PowerPoint , วิดที ัศน์
หลักฐาน
1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเช็ครายชอ่ื
3.แผนจัดการเรยี นรู้
4.การตรวจประเมินผลงาน
การวดั ผลและการประเมนิ ผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. ประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่
3. สังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
75
4. ใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
6. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พึง
ประสงค์
เครือ่ งมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ (โดยครู)
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยผ้เู รยี น)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผเู้ รยี น
ร่วมกนั ประเมนิ
เกณฑ์การประเมินผล
1. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล ต้องไม่มชี อ่ งปรบั ปรุง
2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขึ้นไป)
3. เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุม่ คือ ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. ตรวจใบงาน มีเกณฑผ์ ่าน 50%
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ มเี กณฑ์ผา่ น 50%
6 แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กจิ กรรมเสนอแนะ
1.ฝกึ ทกั ษะโดยทากจิ กรรมใบงาน แบบประเมนิ ผล
2.อา่ นและทบทวนบทเรียน
76
แบบประเมนิ การเรียนรู้
หนว่ ยที่ 5 การปรับปรุงสภาพการทางานตามหลักการยศาสตร์
1. ขอ้ ใดกลา่ วถึง “การยศาสตร์” ไดถ้ ูกต้องที่สุด
ก. การจัดคนใหเ้ หมาะสมกบั งาน
ข. การออกแบบสภาพการทางานให้สวยงาม
ค. การปรบั เปล่ียนสภาพการทางานใหเ้ หมาะสมกบั คน
ง. การสร้างสภาพแวดล้อมการทางานใหง้ า่ ยต่อการประเมินผลงาน
2. องคก์ ารที่ไมน่ าหลักการยศาสตร์มาใชจ้ ะก่อให้เกดิ ผลข้อใด
ก. ผู้ปฏิบตั ิงานมอี สิ ระในการทางานมากขึน้
ข. ผู้ปฏบิ ตั งิ านมีเวลาในการทางานมากขน้ึ
ค. ผปู้ ฏิบตั งิ านต้องทนทางานในสภาพแวดลอ้ มที่ไมเ่ หมาะสม
ง. ผ้ปู ฏบิ ัติงานขาดการทางานเป็นทมี
3. นายจา้ งได้รับผลดจี ากการยศาสตร์ตามข้อใด
ก. ได้รบั รางวลั การออกแบบงาน
ข. ได้รบั ผลผลิตทมี่ ีประสิทธิภาพปละจานวนมากขึ้น
ค. ได้แนวคิดในการสร้างสรรคผ์ ลงาน
ง. ไดส้ รา้ งประโยชน์คนื แกส่ ังคม
4. วิชาอาชวี นามยั มีประโยชนต์ อ่ การยศาสตรต์ ามขอ้ ใด
ก. ทาให้การประเมนิ สภาพการทางานท่ีเปน็ อันตรายต่อมนษุ ย์ได้
ข. ทาให้เขา้ ใจเทคนิคเกย่ี วกับการผลิตและเทคโนโลยี
ค. ทาให้เขา้ ใจโครงสรา้ ง สดั ส่วนของมนุษย์
ง. ทาใหเ้ ขา้ ใจเรือ่ งระบบการทางานของประสาทและสมอง
5. เหตุการณ์ใดมโี อกาสเกิดข้ึนกบั องคก์ รท่ีไม่เหน็ ความสาคัญของการยศาสตร์
ก. คนงานเกิดขวญั และกาลังใจที่ดี
ข. คนงานเกิดความภักดีต่อองค์กร
ค. คนงานเกิดความขัดแย้งและขาดความสามคั คี
ง. คนงานเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงระหว่างปฏิบัติงาน
6. การออกแบบงานอย่างเหมาะสมก่อใหเ้ กดิ ผลตามข้อใด
ก. ชว่ ยลดขนั้ ตอนในการทางาน
77
ข. ช่วยให้สินคา้ เป็นทพ่ี งึ พอใจของผู้ซ้ือ
ค. ช่วยใหช้ น้ิ งานมีความสวยงาม
ง. ชว่ ยให้หัวหน้างานช่วยคุมงานไดส้ ะดวกขึ้น
7. การยนื ขอ้ ใดเหมาะสมกับการทางาน
ก. ยนื บนเกา้ อ้ี
ข. ยนื บนพ้นื ทีข่ รุขระ
ค. ยนื บนพ้ืนทม่ี ีความม่ันคง
ง. ยืนบนรองเทา้ บู๊ต
8. รองเทา้ ข้อใดเหมาะสมสาหรบั ใสท่ างาน
ก. ทันสมยั ตามแฟช่ัน
ข. ราคาถูก
ค. มีขนาดเล็กกวา่ ขนาดของเท้าเล็กน้อย
ง. มีขนาดพอดีกับขนาดของเท้า
9. การนั่งทางานบนเก้าอ้ขี ้อใดเหมาะสม
ก. นั่งคร่ึงเก้าอี้
ข. นง่ั เอนไปขา้ งหน้า
ค. นั่งลาตวั ตรง เอนไปข้างหน้าเล็กนอ้ ย
ง. นงั่ ลาตวั ตรง หา้ มพิงพนกั เกา้ อี้
10. เก้าอ้ีข้อใดเหมาะสมกบั การนั่งทางาน
ก. ปรบั ระดบั ความสงู ต่าได้
ข. เคล่ือนไหวยาก
ค. มขี นาดใหญ่มาก
ง. มตี รายีห่ อ้ ที่รจู้ ักกนั ทัว่ ไป
11. เครื่องมืออปุ กรณข์ ้อใดไม่ควรนามาใช้
ก. ผา่ นการใชง้ านมานาน
ข. ขาดคุณภาพ
ค. ขนาดพอดมี ือ
ง. ของใหมแ่ กะกลอ่ ง
78
12. การออกแบบสวิตชค์ วบคมุ อปุ กรณ์ ข้อใดเหมาะสม
ก. ติดไวร้ ะดับสูงกวา่ คนปกตจิ ะเอื้อมถงึ
ข. ใหอ้ ยู่ในระดับต่าเท่ากับพืน้ ห้อง
ค. อยูใ่ นตาแหน่งทีส่ ามารถเอ้ือมถึงขณะปฏิบัติงานปกติ
ง. เมอื่ จะปิดหรือเปิดต้องเอื้อมจนสดุ มือ
13. งานทีต่ อ้ งใชแ้ รงงานมากควรมีการจดั การตามขอ้ ใด
ก. จัดให้เฉพาะคนงานผชู้ ายเท่าน้นั
ข. จัดใหเ้ ฉพาะคนงานที่มีอายุไม่เกิน 30 ปี
ค. จัดใหท้ างานสลับระหว่างงานเบากบั งานหนัก
ง. จดั ให้ทางานโดยไมต่ ้องมีเวลาพกั
14. เมือ่ คนงานต้องเคล่ือนยา้ ยวัตถดุ บิ จานวนมากที่บรรจอุ ยใู่ นถุงเดยี วกนั และมนี า้ หนักมากจนเคล่ือนย้าย
ลาบาก ควรจัดการตามข้อใด
ก. จ้างหนว่ ยงานภายนอกมาทาการเคล่อื นย้าย
ข. ระดมคนงานจากแผนกอื่นมาช่วยกนั เคลอ่ื นยา้ ย
ค. พยายามสั่งการใหค้ นงานยา้ ยใหเ้ สร็จ
ง. แบง่ วัตถดุ ิบในถงุ ที่เล็กลงแล้วจึงเคลอ่ื นย้าย
15. ขอ้ ใดเปน็ การปรบั ปรุงเสียงท่ีแหล่งกาเนิด
ก. ติดต้งั วัสดดุ ูดซับเสียง
ข. ยกแหล่งกาเนิดเสยี งใหห้ า่ งจากผปู้ ฏบิ ตั งิ าน
ค. เปล่ียนอุปกรณ์ของเครื่องจกั รท่ีทาให้เกดิ เสยี งดังเกนิ มาตรฐาน
ง. ใหผ้ ูป้ ฏบิ ัตงิ านใชอ้ ปุ กรณ์ปูองกันเสียง
16. ข้อใดเป็นผลที่เกดิ ขนึ้ เม่ือคนงานทางานในท่ีทม่ี แี สงสว่างน้อยเกนิ ไป
ก. ทางานได้เร็ว
ข. เมอื่ ยตา ปวดศีรษะ
ค. ตาอกั เสบ
ง. ไม่มีผลใดเกดิ ข้ึน
79
17. บุคคลใดเหมาะกบั การทางานในสถานที่ทางานที่มคี วามรอ้ น
ก. คนงานหญงิ เป็นโรคความดนั โลหิตสูง
ข. คนงานหญงิ อายุ 50 ปี
ค. คนงานชายรปู ร่างผอม
ง. คนงานชายทม่ี ีผลตรวจร่างกายสมบรู ณ์
18. สถานที่ทางานท่ีมีความเย็นจดั ควรจดั การตามข้อใด
ก. ลดความเยน็ ลงใหอ้ ุณหภูมิที่เหมาะสมกับคนงาน
ข. ใหค้ นงานสวมถงุ มอื ถงุ เทา้ รองเท้าทเ่ี หมาะสมกับสภาพอากาศ
ค. เปิดสถานทีท่ างานใหโ้ ล่ง
ง. ลดความเยน็ สลบั กบั เปดิ สถานทีใ่ ห้โล่ง
19. ข้อใดควรปฏิบตั ิสาหรบั คนงานทท่ี างานในสถานท่ีทางานทีม่ อี ุณภมู ิรอ้ นหรือเยน็
ก. ตรวจสุขภาพคนงานก่อนปฏิบตั ิและระหว่างปฏบิ ตั ิงานเป็นระยะ
ข. รับเฉพาะคนงานทม่ี ีความอดทนสูงเท่านัน้
ค. รบั เฉพาะคนงานทีเ่ ป็นชาวตา่ งชาติเท่าน้นั
ง. ปลดพนกั งานที่ปุวยเนอ่ื งจากการทางาน
20. สถานที่ปฏิบตั ิงานท่ีมีความร้อนควรปฏบิ ัตติ ามขอ้ ใด
ก. ใหค้ นงานดม่ื น้าเยน็ ตลอดเวลา
ข. ใหค้ นงานด่มื น้าเย็นก่อนปฏิบัตงิ าน
ค. ให้คนงานงดน้า งดอาหารก่อนปฏิบตั ิงาน
ง. ให้คนงานด่มื น้าอนุ่ ระหว่างปฏิบตั งิ าน และดม่ื นา้ เยน็ หลังปฏบิ ัตงิ าน
80
บนั ทึกหลังการสอน
ขอ้ สรปุ หลังการสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
ปญั หาที่พบ
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปญั หา
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
....................................................................................................... .........................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
81
แผนการจดั การเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 9 หนว่ ยที่ 6
รหสั 20001-1001 อาชวี อนามยั และความปลอดภัย (2-0-2) สอนคร้ังท่ี 9 (17-18)
ชื่อหน่วย/เรอื่ ง การจัดการอาชวี อนามัยและความปลอดภยั เบ้อื งต้น จานวน 2 ช.ม.
แนวคิด
การจัดการอาชวี อนามยั และความปลอดภัยในการทางาน เปน็ สง่ิ ทุกสถานประกอบการจะต้องปฏบิ ัติ
ตามที่กฎหมายกาหนด เพอ่ื ให้คนงานไดร้ ับปลอดภยั จากการปฏบิ ตั งิ าน ทั้งนหี้ ลกั การจัดการจะต้องดาเนินงาน
ตามข้ันตอนอย่างมีประสิทธภิ าพ และอย่างจรงิ จงั โดยต้องไดร้ ับความรว่ มมือจากนายจา้ งเปน็ ผู้อนุมตั ิ
งบประมาณดาเนินการ และต้องไดร้ ับความร่วมมือจากบคุ ลากรอย่างหลากหลายวชิ าชพี ด้วย
ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวัง
1. แสดงความร้เู ก่ียวกับการจัดการอาชวี อนามัยเบื้องต้นได้
2. วางแผนบุคลากรในการจดั การอาชวี อนามัยและความปลอดภยั ได้
3. ดาเนนิ การหลกั การจดั การอาชวี อนามยั ในสถานประกอบการได้
4. เลอื กใช้กจิ กรรมดา้ นอาชวี อนามัยและความปลอดภัยได้
5. มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของผ้สู าเรจ็ การศึกษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ที่ครสู ามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง
5.1 ความมีมนุษยสัมพันธ์
5.2 ความมีวนิ ยั
5.3 ความรบั ผิดชอบ
5.4 ความซ่อื สัตยส์ ุจรติ
5.5 ความเชื่อมนั่ ในตนเอง
5.6 การประหยดั
5.7 ความสนใจใฝุรู้
5.8 การละเว้นส่งิ เสพติดและการพนนั
5.9 ความรักสามคั คี
5.10 ความกตัญญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรู้เกย่ี วกับหลักการจัดการ ควบคุม ปูองกันและแก้ไขปัญหาด้านอาชวี อนามัยและ
ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ าน
82
2.วางแผนการดาเนินการเบื้องตน้ ในการควบคมุ ปูองกันมลพษิ โรคและอบุ ัตภิ ยั ทเี่ กดิ จากการ
ทางาน
3.วางแผนปรับปรุงสภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชวี อนามยั และความปลอดภัย
4.อ่านและปฏิบัติตามเครื่องหมายและสญั ลกั ษณ์ความปลอดภัย
5.เลอื กใช้เคร่ืองปูองกันอันตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามหลกั การและกระบวนการ
สาระการเรยี นรู้
1. ความรทู้ ัว่ ไปเกยี่ วกับการจัดการอาชวี อนามัยเบ้ืองตน้
2. บุคลากรในการจดั การอาชวี อนามยั และความปลอดภยั
3. หลักการจดั การอาชวี อนามัยในสถานประกอบการ
4. ตัวอย่างกิจกรรมดา้ นอาชีวอนามยั และความปลอดภยั
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น
1.ครแู ละผ้เู รียนสนทนาถึงตามพระราชบญั ญัตคิ มุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2514 และพระราชบัญญัติความ
ปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทางาน พ.ศ. 2554 และกฏหมายอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวข้องมีการ
กาหนดให้เจ้าของสถานประกอบการ ดาเนินการด้านอาชีวอนามัยแก่ลูกจ้างผู้ปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความ
ปลอดภยั จากโรคและอุบัติภัย มีสุขภาพจติ และสขุ ภาพกายที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึน นอกจากน้ีการที่เจ้าของ
สถานประกอบการได้จัดการด้านความปลอดภัยให้แก่ลูกจ้างผู้ปฏิบัติงาน ยังช่วยให้ลูกจ้างเกิดความภักดีต่อ
องค์กร ทางานอย่างเตม็ กาลงั และความสามารถซ่ึงจะก่อให้เกดิ ผลดา้ นดีต่อองคก์ ร
2.ผู้เรยี นยกตัวอยา่ งการจดั การดา้ นอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในสถานประกอบการ
ขั้นสอน
3.ครแู ละผู้เรียนใชเ้ ทคนิควิธสี อนแบบบรรยาย ด้วยการเลา่ อธบิ ายแสดงสาธิตใหผ้ ู้เรยี นเปน็ ผฟู้ ังและ
เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นซักถามปัญหาไดใ้ นตอนท้ายของการบรรยายความรู้ท่วั ไปเกย่ี วกับการจัดการอาชีวอนามยั
เบ้อื งตน้ ซง่ึ การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในองคก์ ร ควรจะต้องเปน็ ไปตามทกี่ ฏหมายกาหนด
กรณที ่ีองค์กรมีผลกาไรทดี่ ี สามารถจัดใหม้ ากกวา่ ทกี่ ฎหมายกาหนดได้ ซ่ึงจะสามารถจงู ใจการทางานของ
ลูกจา้ งในองค์กรได้อีกดว้ ย
3.ครเู ปดิ VDO ให้ผูเ้ รียนดูการทากจิ กรรมของบคุ ลากรในการจัดการอาชวี อนามัยและความปลอดภัย
เพ่อื ใหก้ ารจัดการด้านอาชีวอนามยั อยา่ งมีประสิทธภิ าพ จะต้องมคี ณะทางานที่มีความรูค้ วามสามารถ ที่
ประกอบด้วยนกั วชิ าการและผชู้ านาญการแตล่ ะด้าน หลากหลายสาขาวชิ าชีพ
83
4.ครแู ละผู้เรียนใช้สือ่ Power Point แสดงหลกั การจดั การอาชีวอนามยั ในสถานประกอบการ โดย
การจัดการอาชวี อนามัยและความปลอดภยั ในสถานประกอบการ มแี นวคิดในการทางานคอื ต้องการให้คนงาน
เกิดความสขุ ในการทางาน ปราศจากอบุ ตั เิ หตุและโรคจากการทางาน โครงสรา้ งระบบการจดั การอาชีวอนามยั
และความปลอดภัย
5.ครูและผูเ้ รยี นใช้เทคนิคการสอนแบบ Discussion Method การจดั การเรยี นรแู้ บบอภิปราย
ตัวอยา่ งกิจกรรมด้านอาชวี อนามยั และความปลอดภยั หลายสถานประกอบการมกี ารจดั กจิ กรรมดา้ นอาชีวอ
นามยั และความปลอดภยั เพ่ือก่อให้เกิดความปลอดภยั ในการทางานของคนงาน ตวั อย่างกจิ กรรม เช่น
กิจกรรมจัดอบรมความปลอดภยั เปน็ ตน้
6.ครูแนะนาให้ผู้เรยี นบันทึกบัญชคี รัวเรือน เพื่อใหเ้ กดิ การปฏบิ ตั พิ ัฒนาความรู้ ความคดิ และปฏิบัติ
ถูกต้อง กอ่ ใหเ้ กิดความเจรญิ ในดา้ นอาชีพหรือเศรษฐกิจ สงั คม และวัฒนธรรม ซึง่ การทาบัญชคี รวั เรอื นเปน็
เร่ืองการบันทกึ รายรับรายจา่ ยประจาวัน/เดอื น/ปี ว่ามรี ายรับรายจา่ ยจากอะไรบ้าง จานวนเท่าใด รายการใด
จ่ายน้อยจา่ ยมาก จาเป็นน้อยจาเปน็ มาก ก็อาจลดลงหรือเพิม่ ขน้ึ ตามความจาเปน็ ถา้ ทุกคนคิดได้ก็แสดงวา่
เปน็ คนรจู้ กั พฒั นาตนเอง มเี หตุมีผล รจู้ ักพอประมาณ รักตนเอง รักครอบครัว รกั ชุมชน และรกั ประเทศชาติ
มากขน้ึ จงึ เหน็ ได้วา่ การทาบัญชีครวั เรอื น คือวิถีแห่งการเรียนรเู้ พ่ือพัฒนาชีวติ ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
ขนั้ สรุปและการประยกุ ต์
7.ครูและผเู้ รียนสรปุ เน้ือหาทีเ่ รียน
8.ครสู ุ่มถามผ้เู รียนรายบุคคล เพ่ือทดสอบความเขา้ ใจของผเู้ รียน
9.ผู้เรียนทาใบงาน และแบบประเมนิ ผล
ส่อื และแหล่งการเรียนรู้
1.หนงั สือเรยี น วิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ของสานักพิมพ์เอมพันธ์
2.รปู ภาพ
3.กิจกรรมการเรียนการสอน
4.สื่อ PowerPoint
หลกั ฐาน
1.บนั ทึกการสอน
2.ใบเช็ครายช่อื
3.แผนจัดการเรียนรู้
4.การตรวจประเมินผลงาน
การวัดผลและการประเมนิ ผล
วิธีวดั ผล
1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
84
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่
3. สังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ
4. ใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรียนรู้
6. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์
เคร่ืองมือวัดผล
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม (โดยครู)
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม (โดยผูเ้ รยี น)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้
6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรยี น
รว่ มกันประเมิน
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไมม่ ีชอ่ งปรบั ปรุง
2. เกณฑ์ผา่ นการประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขึน้ ไป)
3. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (50% ขนึ้ ไป)
4. ตรวจใบงาน มเี กณฑ์ผา่ น 50%
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ มเี กณฑผ์ ่าน 50%
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึน้ อยู่กับ
การประเมินตามสภาพจริง
กิจกรรมเสนอแนะ
1.อ่านและทบทวนเนอ้ื หา
2.ทาใบงาน
3.จดั ทาโครงการที่เก่ยี วข้อง
85
แบบประเมนิ ผลการเรียน
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภยั เบอ้ื งต้น
1. สวัสดกิ ารขอ้ ใดที่นายจ้างจะตอ้ งจัดให้ลกู จา้ งตามท่ีกฎหมายกาหนด
ก. เงนิ รางวลั ประจาปี
ข. นา้ ดม่ื ห้องนา้ ห้องพยาบาล
ค. ส่วนลดในการซอ้ื ผลติ ภณั ฑ์
ง. ชุดยนู ิฟอร์ม
2. การจดั สวัสดกิ ารให้แก่คนงานนอกเหนือจากทกี่ ฎหมายกาหนดก่อใหเ้ กดิ ผลดขี ้อใด
ก. เจ้าของสถานประกอบการได้กาไรเพม่ิ ขน้ึ
ข. เจ้าของสถานประกอบการได้รบั ประโยชน์ในการลดหยอ่ นภาษี
ค. ลูกจา้ งเกิดความรกั ในองคก์ รและต้ังใจทางาน
ง. ลูกจา้ งได้มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี
3. เจ้าหนา้ ทีค่ วามปลอดภยั ควรมีคุณสมบตั ิข้อใด
ก. โสด
ข. เพศชาย
ค. ความรสู้ งู กว่าปรญิ ญาตรี
ง. ประเมินอนั ตรายที่อาจเกิดจากการทางานได้
4. ขอ้ ใดไม่ใช่เจา้ หน้าท่ีระดบั ความปลอดภัยในการทางาน 5 ระดับตามกฎกระทรวง
ก. เจา้ หนา้ ทค่ี วามปลอดภยั ระดับหวั หนา้ งาน
ข. เจา้ หนา้ ท่ีความปลอดภยั ระดับบรหิ าร
ค. เจา้ หนา้ ทค่ี วามปลอดภัยในการทางาน
ง. เจา้ หนา้ ท่รี กั ษาความปลอดภยั
5. เจา้ หนา้ ทีค่ วามปลอดภยั ข้อใดมีความสาคญั ในการปกป้องคุ้มครองลกู จา้ งใหป้ ลอดภยั
ก. เจา้ หนา้ ทค่ี วามปลอดภัยในการทางานระดับเทคนิคข้นั สงู
ข. เจา้ หนา้ ที่ความปลอดภยั ระดับวชิ าชีพ
ค. เจ้าหน้าทค่ี วามปลอดภยั ระดับหัวหนา้ งาน
ง. เจา้ หน้าที่ความปลอดภัยระดับบริหาร
6. ข้อใดไมใ่ ช่เจ้าหน้าท่ีความปลอดภัยระดับวชิ าชีพ
ก. ประเมินความเสี่ยงดา้ นความปลอดภัย
ข. จดั อบรมหลกั อาชีวอนามยั แก่คนงาน
86
ค. จัดกิจกรรมแรงงานสัมพันธ์
ง. จดั ทารายงานสถติ ิการเกิดอบุ ัติภัยของคนงาน
7. การทางานของนักสุขศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมจะคานึงถงึ ข้อใด
ก. ความปลอดภยั
ข. การมสี ุขภาพจิตทีด่ ี
ค. ความไม่มีโรคภยั ไข้เจบ็
ง. สขุ ภาพและความกนิ อยู่ทีด่ ี
8. พยาบาลอาชีวอนามยั ให้บริการแก่คนงานตามข้อใด
ก. ให้คาปรึกษาดา้ นอาหารที่ควรรับประทาน
ข. ปอ้ งกนั และรักษาโรคทเี่ กิดขนึ้ กบั คนงาน
ค. สง่ เสรมิ สขุ ภาพจิตท่ดี ีแก่คนงาน
ง. จดั กจิ กรรมเพื่อใหค้ นงานได้คลายความเครียด
9. คนงานทเี่ ป็นโรคเรื้อรังควรได้รบั การรักษาจากใคร
ก. พยาบาลอาชวี อนามัย
ข. แพทย์อาชีวอนามยั
ค. นักสขุ ศาสตร์อุตสาหกรรม
ง. หมอจากคลินกิ ใกล้สถานประกอบการ
10. หากคนงานไม่ได้รบั ความสะดวกในการทางาน มีอาการปวดเมือ่ ยจากสภาพการทางาน ควรปรกึ ษาใคร
ก. นักสขุ ศาสตร์อุตสาหกรรม
ข. นักการยศาสตร์
ค. วิศวกร
ง. นายจา้ ง
11. การประเมนิ ความเสยี่ งและโอกาสที่คนงานจะไดร้ ับสารพิษเป็นหน้าท่ีของใคร
ก. เจา้ หน้าทคี่ วามปลอดภัยระดับวชิ าชีพ
ข. นักการยศาสตร์
ค. นกั พษิ วทิ ยา
ง. นกั สุขศาสตร์อุตสาหกรรม
12. การทางานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทางานใหส้ าเร็จ นายจ้างจะต้องมีบทบาทสาคัญตามข้อ
ใด
ก. รบั รายงานเกยี่ วกับความเส่ยี งปลอดภยั
ข. อนุญาตให้จดั อบรมแก่คนงาน
87
ค. อนุมัติงบประมาณเพื่อดาเนินการ
ง. ให้กาลงั ใจผูป้ ฏิบัติงานทุกฝ่าย
13. เก่ยี วกับการอาชีวอนามัย และความปลอดภัย ลกู จ้างควรมคี ณุ สมบัติตามข้อใด
ก. มีความรเู้ กีย่ วกับทกุ กจิ กรรมทเี่ ข้าร่วม
ข. มคี วามรู้เกย่ี วกับสารเคมีทุกชนิด
ค. มคี วามรเู้ ก่ยี วกับแนวทางการกนิ อยู่ท่ีดี
ง. มคี วามรเู้ กีย่ วกับอาชีวอนามยั และความปลอดภัยในการทางานเป็นอย่างดี
14. การทางานใหง้ านอาชีวอนามยั และความปลอดภยั ประสบความสาเรจ็ คนงานควรกระทาตามข้อใด
ก. ปฏิบัตติ ามระเบียบขององคก์ ร
ข. ให้คาแนะนาทีด่ ีแก่เพ่ือนรว่ มงาน
ค. ตรวจสอบการทางานของเจ้าหน้าท่คี วามปลอดภยั
ง. ใช้อุปกรณ์ป้องกนั ภยั สว่ นบุคคลเปน็ ครง้ั คราว
15. หลักการจัดการอาชวี อนามัยและความปลอดภัยในสถานประกอบการ มีแนวคดิ ตามข้อใด
ก. ต้องการให้คนงานเกิดความสขุ ในการทางาน
ข. ต้องการให้คนงานปราศจากโรคภยั จากการทางาน
ค. ต้องการให้นายจา้ งมีความสขุ ในการทางาน
ง. ข้อ ก. และ ข. รวมกนั
16. ข้อใดเป็นงานดา้ นการจัดการ
ก. การจัดทานโยบายเปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษร
ข. การจดั โครงสรา้ งการทางาน พรอ้ มกาหนดหนนา้ ทร่ี ับผิดชอบ
ค. การประเมินความเสี่ยงในองค์กร
ง. การส่อื สารงานใหผ้ เู้ ก่ยี วข้องทราบ
17. การวางแผนงานด้านอาชีวอนามยั และความปลอดภัย จะตอ้ งกระทาข้อใดเปน็ ข้นั ตอนแรก
ก. ทบทวนสถานะเริ่มต้น
ข. ประเมินความเส่ยี ง
ค. จัดการความเส่ยี ง
ง. นาไปปฏบิ ัติ
18. การนาแผนการจัดการดา้ นอาชวี อนามัย และความปลอดภัยในการทางานไปปฏิบัติ ควรกระทาตามข้อใด
ก. ใชเ้ วลาปฏิบตั ติ ามแผนอยา่ งจากดั
ข. ใหม้ ผี ้มู สี ่วนร่วมในแผนงานน้อยที่สดุ
ค. มกี ารกาหนดระยะเวลาที่แน่นอนและใช้ทรัพยากรอยา่ งพอเพยี ง
88
ง. ใหป้ ฏิบตั เิ ฉพาะคนงานบางกลุ่มเทา่ นนั้
19. กิจกรรมใดชว่ ยให้เกดิ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสถานทีท่ างาน
ก. กิจกรรม 5 ส
ข. กจิ กรรมอบรมความปลอดภัย
ค. โครงการปลอดภัยไว้ก่อน
ง. โครงการปดิ ไฟ 1 ชวั่ โมง
20. การตรวจสุขภาพพนักงานประจาปกี ่อใหเ้ กดิ ผลดีตามข้อใด
ก. เปน็ การสรา้ งนิสัยทีด่ ใี นการรักษาสขุ ภาพ
ข. เป็นภาพลกั ษณท์ ด่ี ีขององค์กร
ค. ช่วยให้รกั ษาได้ทันเวลาหากพบโรคในระยะเริ่มต้น
ง. ช่วยใหค้ นงานทางานด้วยความระมดั ระวงั
89
บนั ทึกหลังการสอน
ขอ้ สรปุ หลังการสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
ปัญหาที่พบ
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
แนวทางแก้ปัญหา
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
......................................................................................................... .......................................
แผนการจัดการเรยี นรู้แบบบูรณาการที่ 10 90
รหสั 20001-1001 อาชีวอนามยั และความปลอดภยั (2-0-2) หนว่ ยท่ี -
ช่ือหน่วย/เรือ่ ง ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน สอนครั้งท่ี 10 (19-20)
จานวน 2 ช.ม.
แนวคดิ
-
ผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวัง
1.ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรูเ้ น้ือหาสาระ และนาความคิดรวบยอดไปประยุกตใ์ ชต้ ่อไป
2.มีการพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของผสู้ าเรจ็ การศึกษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทคี่ รูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง
2.1 ความมีมนษุ ยสัมพนั ธ์ 2.6 การประหยดั
2.2 ความมวี ินัย 2.7 ความสนใจใฝุรู้
2.3 ความรบั ผิดชอบ 2.8 การละเวน้ สงิ่ เสพติดและการพนนั
2.4 ความซื่อสตั ยส์ จุ ริต 2.9 ความรกั สามคั คี
2.5 ความเช่ือมนั่ ในตนเอง 2.10 ความกตัญญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ ก่ยี วกับหลักการจัดการ ควบคุม ปูองกันและแก้ไขปัญหาดา้ นอาชวี อนามัยและ
ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ าน
2.วางแผนการดาเนนิ การเบอ้ื งต้นในการควบคุม ปูองกันมลพษิ โรคและอบุ ตั ภิ ยั ท่ีเกดิ จากการทางาน
3.วางแผนปรบั ปรุงสภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชวี อนามัยและความปลอดภยั
4.อา่ นและปฏบิ ัติตามเครื่องหมายและสัญลักษณ์ความปลอดภยั
5.เลือกใชเ้ คร่ืองปูองกนั อนั ตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นตามหลักการและกระบวนการ
สาระการเรยี นรู้
ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน
91
บนั ทึกหลังการสอบ
ข้อสรุปหลงั การสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
ปญั หาที่พบ
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปญั หา
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบบูรณาการที่ 11 92
รหัส 20001-1001 อาชีวอนามยั และความปลอดภัย (2-0-2) หน่วยที่ 7
ชอ่ื หน่วย/เร่อื ง เครอ่ื งหมายและสัญลกั ษณ์ความปลอดภัย สอนครง้ั ท่ี 11 (21-22)
จานวน 2 ช.ม.
แนวคิด
เครอ่ื งหมายและสัญลักษณ์ความปลอดภยั มคี วามสาคญั สาหรบั การปฏิบตั ิงานในทุกสาขาอาชพี
สถานประกอบการจะต้องเห็นถึงความสาคัญพร้อมทงั้ อบรมให้ความรูแ้ ก่ผปู้ ฏบิ ัตงิ านทราบ เพ่อื ใหส้ ามารถ
ปฏิบัติตามได้อย่างถกู ต้อง การให้ความสาคัญกบั เคร่ืองหมายและสัญลกั ษณ์ความปลอดภัยจะช่วยให้เกดิ ความ
ปลอดภัยในการปฏิบัตงิ านมากขน้ึ
ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหววั
1. แสดงความรู้เก่ยี วกับเครอ่ื งหมายและสีทีใ่ ช้กับเคร่ืองหมายและสัญลกั ษณค์ วามปลอดภัยได้
2. มีการพัฒนาคณุ ธรรม จรยิ ธรรมคา่ นยิ ม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผู้สาเรจ็ การศกึ ษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ที่ครูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง
2.1 ความมีมนุษยสัมพนั ธ์
2.2 ความมีวินัย
2.3 ความรับผิดชอบ
2.4 ความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต
2.5 ความเชือ่ มนั่ ในตนเอง
2.6 การประหยดั
2.7 ความสนใจใฝุรู้
2.8 การละเว้นสง่ิ เสพตดิ และการพนนั
2.9 ความรักสามัคคี
2.10 ความกตัญญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ กยี่ วกับหลกั การจัดการ ควบคุม ปูองกันและแก้ไขปัญหาดา้ นอาชวี อนามัยและ
ความปลอดภัยในการปฏบิ ัติงาน
2.วางแผนการดาเนินการเบ้ืองตน้ ในการควบคุม ปูองกันมลพิษ โรคและอบุ ัติภยั ท่ีเกดิ จากการทางาน
3.วางแผนปรับปรงุ สภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชวี อนามัยและความปลอดภยั
4.อ่านและปฏบิ ัติตามเคร่ืองหมายและสญั ลกั ษณ์ความปลอดภัย
93
5.เลือกใช้เครื่องปูองกนั อันตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามหลกั การและกระบวนการ
สาระการเรียนรู้
1.เคร่อื งหมายและสีท่ีใชก้ บั เครื่องหมายและสญั ลักษณ์ความปลอดภยั
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นาเข้าสู่บทเรียน
1.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบซิปปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรู้เดิมจากสปั ดาห์ท่ี
ผ่านมา โดยดึงความรูเ้ ดิมของผูเ้ รียนในเร่อื งที่จะเรยี น เพื่อชว่ ยให้ผูเ้ รียนมคี วามพร้อมในการเชอ่ื มโยงความรู้
ใหมก่ บั ความรเู้ ดิมของตน ผสู้ อนใช้การสนทนาซักถามให้ผูเ้ รยี นเลา่ ประสบการณ์เดิม
2.ครแู ละผู้เรียนสนทนาเกี่ยวกบั เคร่ืองหมายความปลอดภัย หมายถึง ส่งิ ท่ใี ช้สื่อความหมายเกย่ี วกับความ
ปลอดภัย โดยมีสี รปู แบบ และสัญลกั ษณภ์ าพ หรือข้อความแสดงความหมาย เพ่ือสื่อถงึ ความปลอดภัย
ข้ันสอน
3.ครแู ละผู้เรียนใชเ้ ทคนิคการบรรยายอธิบาย โดยครูใชส้ ่ือ Power Point ประกอบการสอน
เครอ่ื งหมายและสีท่ีใชก้ บั เครื่องหมายและสญั ลักษณค์ วามปลอดภัย
เครอ่ื งหมายเพื่อความปลอดภัยมี 3 แบบใหม้ ีความสัมพนั ธ์กบั การใช้สี ดงั นี้
3.1. วงกลม หมายถึง การห้ามและข้อบังคบั
3.2. สามเหลีย่ ม หมายถึง เตือน
3.3 ส่ีเหลยี่ ม หมายถึง ขอ้ มลู ข้อแนะนา
94
4.ครเู ปิดวดี ิทัศนเ์ พอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นดเู คร่อื งหมายและสีท่ใี ชก้ บั เครอื่ งหมายและสญั ลกั ษณค์ วามปลอดภัย
เพ่ือใชเ้ ปน็ ข้อปฏบิ ัติสาหรับผู้ปฏบิ ัติงานใหป้ ฏบิ ตั เิ พ่ือเปน็ สากลและใช้ร่วมกนั ทวั่ โลก เคร่ืองหมายเพ่อื ความ
ปลอดภยั
5.ครแู ละผเู้ รยี นใชเ้ ทคนิคการเรียนรูโ้ ดยใหผ้ ู้เรียนมสี ว่ นร่วมเกีย่ วกับเคร่ืองหมายและสที ่ใี ชก้ ับ
เครอ่ื งหมายและสญั ลักษณ์ความปลอดภยั
6.ครูแนะนาให้ผู้เรียนบันทึกบัญชคี รัวเรือน เพื่อใหเ้ กดิ การปฏิบตั ิพัฒนาความรู้ ความคดิ และปฏิบัติ
ถกู ต้อง กอ่ ใหเ้ กิดความเจริญในด้านอาชพี หรือเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ซง่ึ การทาบญั ชคี รวั เรือนเป็น
เรือ่ งการบันทึกรายรับรายจ่ายประจาวนั /เดอื น/ปี วา่ มรี ายรบั รายจา่ ยจากอะไรบ้าง จานวนเท่าใด รายการใด
จา่ ยน้อยจ่ายมาก จาเปน็ น้อยจาเปน็ มาก ก็อาจลดลงหรือเพิ่มขึน้ ตามความจาเป็น ถ้าทุกคนคิดได้ก็แสดงวา่
เปน็ คนรูจ้ ักพัฒนาตนเอง มเี หตุมีผล รจู้ ักพอประมาณ รักตนเอง รักครอบครัว รักชมุ ชน และรักประเทศชาติ
มากขึน้ จงึ เห็นได้ว่าการทาบัญชคี รวั เรือน คอื วิถีแหง่ การเรียนรูเ้ พ่อื พัฒนาชวี ิตตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ข้นั สรุปและการประยกุ ต์
7.ครูใชค้ าถามหรอื กาหนดปัญหาโดยให้ผเู้ รียนระดมสมองชว่ ยกนั คิดหาคาตอบแล้วอธิบายคาตอบให้
เพ่ือนทุกคนเขา้ ใจ
8.ครใู ช้วธิ ีสุ่มผ้เู รยี นทุกกลมุ่ ตอบคาถามและอธบิ ายให้เพื่อนฟังทง้ั ช้นั เรยี น
9.ผู้เรียนฝกึ ทกั ษะทาใบงาน และแบบประเมินผล
ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
1.หนังสอื เรียน วิชาอาชีวอนามยั และความปลอดภยั ของสานกั พิมพ์เอมพนั ธ์
2.รูปภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.ส่อื PowerPoint , วดิ ที ัศน์
หลักฐาน
1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเชค็ รายชื่อ
3.แผนจดั การเรยี นรู้
4.การตรวจประเมินผลงาน
95
การวดั ผลและการประเมินผล
วิธวี ัดผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
3. สังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่
4. ใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรียนรู้
6. การสงั เกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พึง
ประสงค์
เครอื่ งมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุม่ (โดยครู)
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยผู้เรียน)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรียน
ร่วมกันประเมิน
เกณฑ์การประเมนิ ผล
1. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล ต้องไม่มชี ่องปรบั ปรงุ
2. เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (50 % ขึ้นไป)
3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขึ้นไป)
4. ตรวจใบงานมีเกณฑ์ผ่าน 50%
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ า่ น 50%
6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กับ
การประเมินตามสภาพจริง
กจิ กรรมเสนอแนะ
1.ทาใบงาน และแบบประเมินผล
2.อ่านและทบทวนเนอื้ หา
96
บนั ทกึ หลังการสอน
ข้อสรุปหลังการสอน
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
.................................................................................................................................... ............
ปญั หาที่พบ
........................................................................................................... .....................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
.................................................................................................................................. ..............
แนวทางแกป้ ญั หา
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
แผนการจัดการเรยี นรูแ้ บบบรู ณาการท่ี 12 97
รหัส 20001-1001 อาชวี อนามยั และความปลอดภยั (2-0-2) หนว่ ยท่ี 7
ชอื่ หน่วย/เร่ือง เครื่องหมายและสญั ลกั ษณค์ วามปลอดภัย สอนคร้ังที่ 12 (23-24)
จานวน 2 ช.ม.
แนวคดิ
เครอ่ื งหมายและสญั ลักษณ์ความปลอดภยั มีความสาคญั สาหรบั การปฏิบตั ิงานในทุกสาขาอาชพี
สถานประกอบการจะต้องเห็นถึงความสาคัญพร้อมทงั้ อบรมให้ความรู้แก่ผู้ปฏบิ ัตงิ านทราบ เพื่อให้สามารถ
ปฏบิ ตั ิตามได้อย่างถูกต้อง การใหค้ วามสาคญั กบั เครื่องหมายและสัญลกั ษณค์ วามปลอดภัยจะช่วยให้เกดิ ความ
ปลอดภัยในการปฏิบัติงานมากขนึ้
ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง
2. ปฏบิ ตั ติ ามเคร่ืองหมายและสัญลักษณค์ วามปลอดภยั ในการทางานได้
3. แสดงความรู้เกี่ยวกับการกาหนดเขตพ้ืนที่ความปลอดภัยได้
4. มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรมคา่ นยิ ม และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของผู้สาเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ท่คี รสู ามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง
4.1 ความมีมนุษยสัมพนั ธ์
4.2 ความมวี นิ ัย
4.3 ความรับผดิ ชอบ
4.4 ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ
4.5 ความเชื่อม่ันในตนเอง
4.6 การประหยัด
4.7 ความสนใจใฝุรู้
4.8 การละเว้นสงิ่ เสพตดิ และการพนนั
4.9 ความรกั สามัคคี
4.10 ความกตัญญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ กยี่ วกับหลักการจดั การ ควบคุม ปูองกันและแก้ไขปัญหาดา้ นอาชีวอนามัยและ
ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ าน
2.วางแผนการดาเนินการเบือ้ งต้นในการควบคมุ ปูองกันมลพษิ โรคและอบุ ัติภัยท่เี กดิ จากการทางาน
3.วางแผนปรับปรงุ สภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชวี อนามัยและความปลอดภัย
98
4.อ่านและปฏบิ ตั ติ ามเครื่องหมายและสัญลกั ษณ์ความปลอดภัย
5.เลือกใชเ้ ครื่องปูองกันอันตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นตามหลกั การและกระบวนการ
สาระการเรยี นรู้
2.เคร่อื งหมายและสญั ลกั ษณ์ความปลอดภยั ในการทางาน
3.การกาหนดเขตพื้นทค่ี วามปลอดภยั
กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั นาเข้าส่บู ทเรียน
1.ครสู นทนากบั ผเู้ รียนทบทวนความรู้ที่ได้ศกึ ษามาจากสปั ดาห์ทผ่ี ่านมา
2.ผู้เรียนยกตวั อย่างเครื่องหมายและสญั ลกั ษณ์ความปลอดภัยในการทางาน
ขน้ั สอน
3. ครแู ละผูเ้ รยี นใช้เทคนิควิธีสอนแบบบรรยาย และสาธิต เพื่ออธบิ ายเคร่ืองหมายและสัญลกั ษณ์
ความปลอดภัยในการทางาน
4.ครแู ละผู้เรียนใชเ้ ทคนิคการสอนแบบ Discussion Method เปน็ การจดั การเรยี นรแู้ บบอภปิ ราย
เคร่ืองหมายและสัญลักษณ์ความปลอดภยั ในการทางาน ได้แก่
99
1. เครือ่ งหมายเตือน
2. เคร่ืองหมายบังคับ
3. เคร่ืองหมายห้าม
4. เครอ่ื งหมายแนะนา
5. เคร่ืองหมายเสริม
6.เคร่อื งหมายปูองกนั อัคคีภัย
7. สตก๊ิ เกอร์เรืองแสง
8. สัญญลักษณเ์ พ่อื ความปลอดภยั ของสารเคมี
5.ครแู ละผู้เรยี นสาธติ ตวั อย่างการกาหนดเขตพ้ืนทีค่ วามปลอดภัย การกาหนดเขตพ้ืนท่ีความปลอดภัย
เป็นการระบหุ รือกาหนดอาณาเขตพ้นื ที่ปลอดภัย และพนื้ ที่ ทอ่ี าจก่อใหเ้ กดิ อนั ตราย เชน่ พืน้ ท่ที ต่ี ้งั เครอ่ื งจักร
พ้นื ที่สารเคมี เป็นต้น เพ่ือให้ผปู้ ฏบิ ตั งิ านเกดิ ความระมดั ระวัง ไมน่ าไปสู่การเกิดอุบัตภิ ยั และหากเกดิ เหตุ
ฉกุ เฉินขึ้น จะทาใหผ้ ูป้ ฏิบตั สิ ามารถแก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ ได้ เชน่ ชอ่ งทางผา่ น พ้นื ที่อันตราย พื้นท่ี
ปฏิบัติงาน
6.ครูให้ความรู้เพิ่มเติมในการทาบญั ชรี ายรบั -รายจา่ ย ซง่ึ เปน็ การจดบนั ทึกเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ เกี่ยวกับ
การเงนิ หรอื บางส่วนเกี่ยวข้องกบั การเงิน โดยผา่ นการวิเคราะห์ จดั ประเภทและบันทึกไว้ในแบบฟอรม์ ที่
กาหนด เพื่อแสดงฐานะการเงินและผลการดาเนนิ งานของตนเองหรอื ครอบครัวในช่วงระยะเวลาหน่ึง เปน็ วธิ ี
ช่วยตรวจสอบการใชจ้ ่ายของครอบครัววา่ มีรายจา่ ยสมดุลกับรายรับ และใช้จา่ ยอย่างมเี หตผุ ลตามความจาเปน็
พอเหมาะกับสภาพครอบครัวหรือไม่ หากสามารถปรับเปลย่ี นพฤติกรรมการบริโภค เพอื่ ลดรายจา่ ยทีไ่ ม่จาเป็น
เกินตนได้ จะช่วยใหม้ เี งนิ เก็บออมเพื่อเปน็ รากฐานสร้างภมู ิคุ้มกนั ทีดใี นชวี ิตได้
ขนั้ สรุปและการประยกุ ต์
7.ครูใช้คาถามหรอื กาหนดปัญหาโดยให้ผูเ้ รยี นระดมสมองชว่ ยกันคิดหาคาตอบแลว้ อธิบายคาตอบ
ให้เพ่ือนทกุ คนในกลุ่มของตนเองเขา้ ใจ