100
8.ครแู ละผูเ้ รียนสรุปเน้อื หาเคร่ืองหมายและสัญลกั ษณค์ วามปลอดภัยในการทางาน และการ
กาหนดเขตพน้ื ท่ีความปลอดภัย โดยการแสดงรูปภาพประกอบ
10.ผู้เรียนตอบคาถาม ทาใบงาน และแบบประเมนิ ผล
สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้
1.หนังสอื เรยี น วชิ าอาชวี อนามัยและความปลอดภัย ของสานกั พิมพ์เอมพนั ธ์
2.รูปภาพ
3.กิจกรรมการเรยี นการสอน
4.ส่ือ PowerPoint
หลกั ฐาน
1.บนั ทึกการสอน
2.ใบเชค็ รายชอ่ื
3.แผนจัดการเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน
การวัดผลและการประเมินผล
วธิ วี ดั ผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. ประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่
3. สงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่
4. ใบงาน
5. แบบแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
6. การสังเกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พึง
ประสงค์
เครอื่ งมือวดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ (โดยครู)
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผู้เรียน)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครแู ละผูเ้ รยี น
ร่วมกนั ประเมนิ
101
เกณฑ์การประเมินผล
1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ต้องไม่มชี ่องปรับปรงุ
2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ คอื ปานกลาง (50 % ขึ้นไป)
3. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. ตรวจใบงาน มีเกณฑ์ผา่ น 50%
5. แบบประเมินผลการเรียนรู้ มเี กณฑผ์ า่ น 50%
6 แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนข้นึ อยู่กับ
การประเมินตามสภาพจรงิ
กจิ กรรมเสนอแนะ
1.ทากจิ กรรมสง่ เสริมการเรียนรู้
2.อ่านและทบทวนเนื้อหา
102
แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 เคร่อื งหมายและสญั ลักษณ์ความปลอดภยั
1. วงกลม เป็นสญั ลักษณ์แสดงขอ้ ใด
ก. การเตอื น
ข. แสดงข้อมลู ข้อแนะนา
ค. การหา้ มและข้อบงั คบั
ง. การให้ปฏิบตั ิ
2. สามเหลี่ยม เป็นสัญลักษณ์แสดงข้อใด
ก. การเตือน
ข. แสดงข้อมูล ข้อแนะนา
ค. การหา้ มและข้อบังคบั
ง. การให้ปฏิบตั ิ
3. สี่เหล่ยี ม เปน็ สัญลักษณแ์ สดงขอ้ ใด
ก. การเตอื น
ข. แสดงขอ้ มูล ขอ้ แนะนา
ค. การห้ามและข้อบังคบั
ง. การใหป้ ฏิบตั ิ
4. เกย่ี วกบั สีเพ่ือความปลอดภยั สีแดง หมายความว่าอยา่ งไร
ก. หยุด อตั ราย ไฟ
ข. บังคบั ให้ปฏิบัติ
ค. สภาวะความปลอดภัย
ง. ระวังอันตราย
5. “สวมเขม็ ขดั นริ ภยั ” จะตอ้ งใชส้ ัญลักษณส์ ีใด
ก. สแี ดง
ข. สีน้าเงิน
ค. สีเหลอื ง
ง. สเี ขยี ว
6. “ห้ามรถผ่าน” จะตอ้ งใช้สญั ลักษณ์สใี ด
ก. สีแดง
ข. สีน้าเงิน
103
ค. สีเหลอื ง
ง. สเี ขยี ว
7. ป้ายแจ้งทางออก ทางหนีไฟ จะต้องใช้สัญลักษณ์สีใด
ก. สแี ดง
ข. สนี ้าเงนิ
ค. สีเหลอื ง
ง. สเี ขียว
8. “ระวังพ้นื ลื่น” จะตอ้ งใช้สัญลักษณ์สีใด
ก. สีแดง
ข. สีนา้ เงิน
ค. สีเหลอื ง
ง. สเี ขียว
9. ข้อความใดไม่ควรปรากฏอยู่ในเคร่อื งหมายบังคับ
ก. สวมหมวกนริ ภยั
ข. สวมหน้ากากเช่อื ม
ค. สวมชดุ สุภาพ
ง. สวมชดุ ป้องกนั สารเคมี
10. ข้อความใดไม่ควรปรากกฎอยใู่ นเครื่องหมายแนะนา
ก. ห้ามสูบบหุ ร่ี
ข. ห้ามใชด้ ืม่
ค. ห้ามผ่าน
ง. ห้ามออกจากหอ้ งสอบก่อนเวลา 15 นาที
11. ข้อใดเปน็ ประโยชนข์ องเครื่องหมายแนะนา
ก. ทาใหท้ ราบถงึ ภาวะความปลอดภัยและสถานทีต่ า่ งๆ
ข. ทาให้ทราบถงึ ข้อควรปฏิบัติ
ค. ทาให้ทราบถึงการปฏิบัติตนในโรงงาน
ง. ทาให้ทราบถงึ สิ่งท่ตี ้องระวงั ระหวา่ งปฏิบตั ิงาน
12. ตวั อกั ษรในเคร่อื งหมายเสริม ควรมีลักษณะตามข้อใด
ก. ออกแบบสวยงาม
ข. เรยี บงา่ ย ไม่มีลวดลาย
ค. ขนาดเล็ก ตัวบาง
104
ง. เปน็ สีสะท้อนแสง
13. ข้อความใดมักเหน็ ปรากฏในป้ายเสรมิ
ก. ระวงั อนั ตราย
ข. โปรดตรงตอ่ เวลา
ค. ไมม่ ีภารกจิ เชญิ ด้านนอก
ง. ห้ามพูดคาหยาบ
14. เครอ่ื งหมายปอ้ งกนั อคั คีภยั สือ่ สารใหท้ ราบถึงสิ่งใด
ก. สาเหตุเพลิงไหม้
ข. การใช้ถงั ดับเพลงิ
ค. การปฐมพยาบาลผู้ป่วย
ง. ทางไปลิฟต์
15. สตกิ๊ เกอร์เรืองแสง เหมาะสาหรบั ใชใ้ นสถานท่ีใด
ก. โรงภาพยนตร์
ข. โรงพยาบาล
ค. โรงเรยี น
ง. หา้ งสรรพสนิ ค้า
16. สัญลักษณ์ที่ใชส้ าหรบั ติดบรรจุภณั ฑ์ของสารเคมี คือข้อใด
ก. ตน้ ไมส้ ีแดง
ข. ผหู้ ญงิ ผมยาว
ค. หวั กะโหลก
ง. เปลวไฟ
17. เหตุใดจงึ มกี ารยกเลิกสญั ลักษณ์ที่ใชส้ าหรับตดิ บรรจุภณั ฑส์ ารเคมแี บบเดิม
ก. ผู้ใชเ้ กดิ ความสบั สนเนื่องจากใชก้ ับสารเคมที ุกประเภท
ข. ไม่เดน่ ชัด ทาให้ผ้ใู ช้มองไม่เห็น
ค. ไมเ่ ป็นสากล สื่อสารได้กับประชาชนบางประเทศเท่าน้นั
ง. ไมไ่ ด้รบั สาคญั เท่าท่ีควร
18. การกาหนดเขตพ้นื ท่คี วามปลอดภัย มีประโยชน์ตามข้อใด
ก. ทาใหโ้ รงงานมีความเป็นระเบียบ
ข. ทาใหผ้ ปู้ ฏิบัติงานเกดิ ความระมัดระวัง
ค. ทาใหผ้ ปู้ ฏิบตั งิ านทราบถงึ หน้าท่ีของตนอย่างชัดเจน
ง. ปอ้ งกนั การขัดแย้งของคนงาน
105
19. เกี่ยวกับช่องทางผา่ น ข้อใดกลา่ วถูกต้อง
ก. ใชส้ าหรบั น่ังในช่วงเวลาพัก
ข. ใชส้ าหรับวางของที่ต้องใชป้ ระจา
ค. เป็นพ้ืนทีท่ ี่มีความสาคัญน้อยทสี่ ดุ
ง. หา้ มนาสง่ิ ของมาวางกดี ขวาง
20. ขอ้ ใดเปน็ พืน้ ที่อันตราย
ก. เขตไฟฟ้าแรงสูง
ข. เขตสนามหญา้
ค. เขตทางเข้าออก
ง. เขตพักรบั ประทานอาหาร
106
บันทึกหลังการสอน
ขอ้ สรุปหลงั การสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................. ...................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
ปญั หาท่ีพบ
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
แผนการจดั การเรียนรู้แบบบรู ณาการท่ี 13 107
รหัส 20001-1001 อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (2-0-2) หน่วยท่ี 8
ช่อื หน่วย/เร่ือง เคร่อื งป้องกันอนั ตราย สอนครัง้ ท่ี 13 (25-26)
จานวน 2 ช.ม.
แนวคิด
บางคร้งั คนงานจาเป็นต้องปฏิบตั ิงานในสภาวการณ์ท่เี ป็นอันตราย และเสยี่ งต่อการเกดิ อุบัติภยั อยา่ ง
หลีกเล่ียงไม่ได้ เครอื่ งปูองกันอันตรายสว่ นบุคคล เป็นสิ่งท่ีจาเปน็ สาหรบั คนงาน ถึงแมจ้ ะไม่ได้ช่วยลดอนั ตราย
จากแหล่งกาเนิด แต่จะทาให้อันตรายท่ีได้รับเบาบางลง เครื่องปอู งกนั อนั ตรายสว่ นบุคคลมีหลายประเภท ตาม
ลักษณะการใชง้ าน ซ่งึ การใช้เคร่อื งปูองกันอันตรายส่วนบคุ คลอย่างปลอดภัย จะต้องมีการตรวจสอบสภาพให้
สมบูรณเ์ สยี กอ่ นจึงจะทาให้นาไปใช้งานได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ
ผลการเรยี นรูท้ ีค่ าดหวัง
1. แสดงความรูเ้ กี่ยวกบั เคร่ืองปอู งกันอนั ตรายสว่ นบุคคลได้
2. แสดงความร้เู กยี่ วกับประเภทของเครื่องปูองกนั อนั ตรายส่วนบุคคลได้
3. สามารถการจงู ใจให้ผู้ปฏบิ ตั ิงานใช้อุปกรณ์การปอู งกันอันตรายส่วนบุคคลได้
4. มกี ารพัฒนาคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศกึ ษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ครสู ามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง
4.1 ความมีมนุษยสัมพนั ธ์
4.2 ความมีวินยั
4.3 ความรบั ผิดชอบ
4.4 ความซอื่ สัตยส์ ุจรติ
4.5 ความเช่ือม่นั ในตนเอง
4.6 การประหยัด
4.7 ความสนใจใฝุรู้
4.8 การละเวน้ สิ่งเสพตดิ และการพนัน
4.9 ความรักสามคั คี
4.10 ความกตัญญูกตเวที
108
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความร้เู กย่ี วกับหลกั การจัดการ ควบคุม ปูองกันและแก้ไขปัญหาด้านอาชวี อนามัยและ
ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
2.วางแผนการดาเนินการเบ้ืองต้นในการควบคุม ปูองกนั มลพิษ โรคและอุบตั ิภยั ท่เี กิดจากการทางาน
3.วางแผนปรับปรงุ สภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชวี อนามยั และความปลอดภยั
4.อ่านและปฏิบตั ิตามเครื่องหมายและสญั ลักษณ์ความปลอดภัย
5.เลือกใช้เครื่องปูองกนั อนั ตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามหลักการและกระบวนการ
สาระการเรยี นรู้
1. ความรเู้ ก่ยี วกับเคร่ืองปูองกนั อนั ตรายสว่ นบคุ คล
2. ประเภทของเคร่ืองปอู งกนั อันตรายสว่ นบุคคล
3. การจูงใจให้ผ้ปู ฏิบัตงิ านใช้อุปกรณ์การปูองกนั อนั ตรายส่วนบุคคล
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเขา้ สู่บทเรยี น
1.ครใู ช้เทคนคิ การสอนแบบซิปปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความร้เู ดิมจากสัปดาห์ที่
ผ่านมา โดยดงึ ความร้เู ดิมของผเู้ รียนในเร่ืองที่จะเรียน เพื่อช่วยใหผ้ ้เู รียนมีความพร้อมในการเช่อื มโยงความรู้
ใหมก่ ับความรเู้ ดมิ ของตน ผู้สอนใช้การสนทนาซกั ถามใหผ้ เู้ รยี นเล่าประสบการณ์เดิม
2.ผูเ้ รยี นสนทนากับครูว่าเคร่ืองปูองกันอนั ตรายสว่ นบุคคล เคร่อื งปูองกันอันตรายส่วนบุคคล หมายถึง
สงิ่ ของหรืออุปกรณส์ ่ิงใดสิง่ หน่งึ ทสี่ วมใสล่ งบนอวยั วะของร่างกาย อาจทัง้ หมดหรือเพียงส่วนใดสวนหน่งึ ของ
รา่ งกาย เพ่ือปูองกนั อันตรายจากอบุ ตั เิ หตจุ ากการทา
งาน ทงั้ นี้เคร่อื งปูองกนั อันตรายสว่ นบคุ คลไมส่ ามารถลดอันตรายจากแหล่งกาเนดิ ของอันตรายได้ แต่
เป็นเพยี งส่ิงท่ีก้นั อันตรายจากแหล่งกาเนิด หากเครื่องปอู งกันอนั ตรายขาดคุณภาพ ผปู้ ฏิบตั ิงานจะไดร้ บั
อันตรายจากสิ่งท่สี ัมผัสทนั ที
109
ขั้นสอน
3. ครูใชแ้ ผนภาพ และสอื่ Power Point อธบิ ายความร้เู กยี่ วกับเคร่ืองปูองกันอันตรายส่วนบุคคล
หลักเกณฑ์ในการเลอื กเครื่องปูองกนั อันตรายสว่ นบคุ คล เครอ่ื งปอู งกันอนั ตรายท่ีนามาใช้จะตอ้ งสามารถปูองกนั
หรือลดอนั ตรายที่เกดิ ขน้ึ ได้ ดังนนั้ การเลอื กเคร่ืองปูองกันอันตรายมาใช้จึงต้องมีการพิจารณาหลายประการ
4. ครูใช้ส่ือ Power Point และสือ่ วีดิทัศน์ ประกอบการอธิบายประเภทของเครอ่ื งปูองกันอันตรายส่วน
บุคคล เช่น เคร่ืองปูองกันอนั ตรายทศี่ รี ษะ (Head Protection Devices) เครอื่ งปูองกันอนั ตรายที่ศรี ษะ
ไดแ้ ก่ หมวกนริ ภยั (Safety Helmet) ท่ใี ช้สาหรบั สวมเพ่ือปอู งกนั ศรี ษะของผ้สู วมใส่ จากการตก กระแทก
อนั ตรายจากไฟฟาู ความรอ้ น และสารเคมี
5. ครูใชเ้ ทคนิคการสอนแบบบรรยาย และสาธติ เพอ่ื อธิบายการจงู ใจให้ผูป้ ฏิบตั ิงานใช้อุปกรณ์การ
ปอู งกนั อนั ตรายส่วนบุคคล การใชอ้ ุปกรณ์ปูองกันอันตรายสว่ นบคุ คลเปน็ สง่ิ จาเป็น ทจ่ี ะชว่ ยให้ผ้ปู ฏิบตั งิ าน
ปลอดภยั จากการปฏบิ ตั ิงาน จึงควรจงู ใจผู้ปฏบิ ตั ิงาน ดงั น้ี
1. สร้างความเข้าใจให้ผ้ปู ฏิบัติงานตระหนักถงึ ความสาคัญของการใชอ้ ุปกรณ์ปูองกันอันตราย
สว่ นบคุ คล
2. จดั อปุ กรณ์ให้เพยี งพอสาหรับการใชง้ านและเหมาะสมกับงานหรืออนั ตรายที่อาจได้รับ
3. บารุงรกั ษาอุปกรณ์ให้มีสภาพทดี่ ี เพอ่ื ยืดอายุการใช้งาน
4. เม่อื พบว่าอุปกรณ์ชารดุ ควรมีการเปลีย่ นหรือซ่อมแซมใหม้ สี ภาพพร้อมใช้งานอย่าง
ปลอดภยั
5. จัดให้มแี ผน่ ปาู ยเตือนเพื่อใหผ้ ู้ปฏิบัติงานทราบว่ากาลังทางานอยใู่ นพน้ื ท่ีอันตราย
6. ยกย่องชมเชยผ้ทู ีป่ ฏิบตั ิถูกต้อง และตักเตือนผทู้ ่ีไมใ่ ชอ้ ุปกรณ์ปอู งกันอันตราย
110
7. ผ้บู ังคับบญั ชาทกุ ระดับต้องกระทาตนเปน็ ตัวอย่างที่ดี
6.ครูแนะนาให้ผู้เรยี นควรการทาบัญชีด้วยความละเอียดรอบคอบ มีความเพยี รพยายามในการนา
ความรู้ไปใช้ใหป้ ระสบความสาเร็จ และมคี วามระมัดระวังข้อผิดพลาดทอี่ าจจะเกิดข้ึนได้ในระหว่างการทางาน
หรือหลงั จากปฏิบตั หิ นา้ ที่ด้วยความรับผดิ ชอบ ซึ่งเปน็ การสรา้ งภูมคิ มุ้ กันทีด่ ีในตัวเองตามแนวทางปรชั ญา
เศรษฐกจิ พอเพียง ดงั น้ัน ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง จึงเป็นหลกั การดาเนินชวี ิต การทางาน การบรหิ าร การ
พัฒนา รวมถงึ การดาเนินกจิ กรรมในด้านต่างๆ ของมนุษย์ ท่ีเน้นแนวทางสายกลางยดึ หลักความพอประมาณ
ความมีเหตผุ ล และมีภมู ิคมุ้ กันท่ดี ี ภายใตเ้ ง่อื นไขความรอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั และเงอ่ื นไขคุณธรรม ความ
ซือ่ สตั ยส์ ุจรติ ความเพียร ขยันอดทน และการแบ่งปัน
ขน้ั สรุปและการประยกุ ต์
7.ครูและผู้เรียนสรุปเน้ือหาท่ีเรียนเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับเครื่องปูองกันอันตรายส่วนบุคคล ประเภท
ของเครอ่ื งปูองกันอนั ตรายสว่ นบุคคล และการจูงใจใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิงานใชอ้ ุปกรณก์ ารปอู งกนั อนั ตรายส่วนบคุ คล
8.ผเู้ รียนตอบคาถาม ทาใบงาน และแบบประเมนิ ผล
9.ประเมินผูเ้ รียนตามแบบฟอรม์ ตอ่ ไปน้ี
ชื่อผเู้ รียน ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรียนรู้ วิธกี ารเรียนรู้
ความรู้ ทักษะ ผลงาน
1.
2.
3.
4.
5.
ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
1.หนงั สอื เรียน วิชาอาชวี อนามัยและความปลอดภยั ของสานกั พิมพเ์ อมพนั ธ์
2.รูปภาพ
3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน
4.สื่อ PowerPoint , วิดีทศั น์
หลกั ฐาน
1.บนั ทึกการสอน
2.ใบเช็ครายชอ่ื
3.แผนจัดการเรียนรู้a
4.การตรวจประเมินผลงาน
111
การวดั ผลและการประเมินผล
วธิ วี ัดผล
1. สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่
3. สังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกล่มุ
4. ใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
6. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พึง
ประสงค์
เครอื่ งมือวดั ผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกล่มุ (โดยครู)
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รียน)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
6. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผู้เรยี น
รว่ มกนั ประเมิน
เกณฑ์การประเมนิ ผล
1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ีช่องปรบั ปรงุ
2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (50 % ขึ้นไป)
3. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50% ขึ้นไป)
4. ตรวจใบงาน มีเกณฑ์ผา่ น 50%
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ มีเกณฑ์ผ่าน 50%
6 แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กับ
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
1.อา่ นและทบทวนเน้ือหา
2.ศึกษาหาความรู้เพ่มิ เตมิ
112
แบบประเมินผลการเรียนรู้
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 เคร่ืองป้องกนั อันตราย
1. ข้อใดกล่าวถงึ เครื่องป้องกันอนั ตรายสว่ นบคุ คลได้ถูกตอ้ ง
ก. เป็นสิ่งทีท่ าใหแ้ หลง่ กาเนิดมีอันตรายน้อยลง
ข. เปน็ ส่ิงทท่ี าใหแ้ หลง่ กาเนดิ ไม่มีอันตราย
ค. เปน็ ส่ิงทก่ี ้นั อนั ตรายจากแหล่งกาเนดิ
ง. เป็นสิ่งทต่ี ้องสวมใสต่ ามกฎหมายไม่ไดป้ ้องกนั อันตรายใดๆ
2. เครื่องป้องกันอันตรายสว่ นบุคคลข้อใดไม่ควรนามาใช้
ก. ราคาแพง
ข. ราคาถกู
ค. ลกั ษณะไม่สวยงาม
ง. ขาดคุณภาพ
3. เคร่อื งป้องกนั อนั ตรายสว่ นบุคคลใชเ้ ฉพาะบุคคลข้อใดกล่าวถกู ต้อง
ก. ต้องมีความสวยงามเหมาะกบั ผสู้ วมใส่
ข. ตอ้ งมรี าคาเหมาะกับผู้สวมใส่
ค. ต้องมีขนาดที่เปน็ มาตรฐานสาหรบั ผูอ้ ืน่ ยืมใชด้ ว้ ย
ง. ตอ้ งมีขนาดพอดีกบั ผู้สวมใส่
4. เครอื่ งป้องกันอนั ตรายสว่ นบุคคลจะต้องเลือกแบบท่ใี ช้งานง่ายเพราะเหตใุ ด
ก. ราคาต่ากวา่
ข. หาซื้อไดง้ า่ ย
ค. เม่ือเกิดเหตฉุ ุกเฉนิ จะไดส้ ามารถใชไ้ ดท้ นั ที
ง. จะต้องไม่ได้อบรมคนงานก่อนใชง้ าน
5. งานไดไ้ มต่ อ้ งใช้หมวกนิรภัย
ก. งานซ่อมแซมไฟฟ้า
ข. งานวศิ วกร
ค. งานตดั เย็บเสอ้ื ผา้
ง. งานกอ่ สรา้ ง
113
6. คนงานใดจาเป็นต้องใช้เครื่องป้องกันหน้าและดวงตามากท่ีสดุ
ก. คนงานในแผนกผลติ ไส้กรอก
ข. พนักงานขายใน super market
ค. คนงานเจียร
ง. พนกั งานยกของ
7. เคร่อื งป้องกันหนา้ ขอ้ ใดควรนามาใช้
ก. บอบบาง น้าหนักเบา
ข. แข็งแรง น้าหนักเบา ไม่เกิดอาการแพต้ ่อผิวหนงั
ค. น้าหนกั เบา สีสนั สวยงาม
ง. แขง็ แรง นา้ หนักปานกลาง ถอดยาก
8. เมื่อต้องทางานเก่ยี วข้องกับรังสีแสงทีจ่ ้าเกนิ ไป ควรใช้อุปกรณข์ ้อใด
ก. หมวกนริ ภยั
ข. แวน่ ตาทีม่ เี ลนส์เฉพาะ
ค. แวน่ สายตา
ง. เคร่ืองป้องกันใบหน้า
9. ในภาวะทเ่ี กิดฝนุ่ และควนั พิษในบรรยากาศอยา่ งหนัก ประชาชนควรนาหนา้ กากชนิดใดมาใช้
ก. หนา้ กากชนดิ N95
ข. หน้ากากกรองสารเคมี
ค. หนา้ กากชนดิ ส่งอากาศจากภายนอกเข้าไป
ง. หนา้ กากผ้าธรรมดา
10. เหตกุ ารณ์เพลิงไหม้ เจ้าหนา้ ทท่ี ีเ่ ข้าไปชว่ ยในเหตกุ ารณ์ควรใช้หนา้ กากชนิดใด
ก. หน้ากากชนิดกรองอากาศ
ข. หน้ากากกรองสารเคมี
ค. หน้ากาก ชนิด Supplied – Air
ง. หนา้ กากกนั แสง
11. ความดังระดับใดท่ีควรจะตอ้ งใช้อุปกรณป์ ้องกันอันตรายระบบการไดย้ ิน
ก. 90 เดซิเบล
ข. 80 เดซิเบล
ค. 70 เดซิเบล
ง. 60 เดซิเบล
114
12. คนงานที่ทางานสัมผสั กับอาหารแช่แข็งตลอดเวลา ควรเลอื กใช้ถงุ มือประเภทใด
ก. ถุงมือยาง
ข. ถุงมือป้องกนั อุณหภมู ิ
ค. ถุงมือตาขา่ ยลวด
ง. ถงุ มือปอ้ งกนั รงั สี
13. ถงุ มอื ผา้ เหมาะกบั งานใด
ก. งานท่เี กี่ยวกับการเกษตร
ข. งานทเ่ี กยี่ วกับการชาแหละ
ค. งานที่เกี่ยวกบั สารเคมี
ง. งานที่เกีย่ วกับไฟฟ้า
14. ถงุ มอื ขอ้ ใดไม่ควรนามาใช้
ก. ถุงมือผา้ เปอ้ื นดิน
ข. ถงุ มือตาขา่ ยลวดสีทบึ
ค. ถงุ มือปอ้ งกันไฟฟา้ มีรอยขีดข่วน
ง. ถงุ มือป้องกนั อุณหภมู ิราคาถูก
15. คนงานทที่ างานกบั เครอ่ื งจักรควรเลอื กชุดใดสาหรบั สวมใส่ขณะทางาน
ก. ชุดยีนส์
ข. ชดุ หมี
ค. ชุดยนู ิฟอรม์
ง. ชุดทเี่ กา่ ไม่ได้ใช้แล้ว
16. คนงานข้อใดควรใชอ้ ปุ กรณป์ อ้ งกนั อนั ตรายของเทา้
ก. คนงานเย็บผ้า
ข. คนงานผลิตอาหาร
ค. คนงานก่อสรา้ ง
ง. คนงานทุกคน
17. คนงานข้อใดควรใชอ้ ปุ กรณ์ป้องกนั อันตรายจากการตก
ก. พนักงานทาความสะอาดกระจก
ข. พนักงานส่งของ
ค. พนกั งานเช็กสตอ๊ กสนิ คา้
ง. พนักงานธุรการ
115
18. อุปกรณป์ ้องกันอันตรายจากการตกข้อใดไม่ควรนามาใช้เด็ดขาด
ก. ไดร้ ับการรองรับจาก มอก.
ข. ขนาดเลก็ แต่ทาจากวัสดุคุณภาพอยา่ งดี
ค. ทาจากเชือกทเ่ี ปื่อยงา่ ย
ง. มสี ีสะทอ้ นแสง
19. ขอ้ ใดควรปฏิบัตเิ ก่ยี วกับการจงู ใจให้ผูป้ ฏบิ ัตงิ านใช้อุปกรณป์ ้องกันอันตรายส่วนบคุ คล
ก. บงั คบั ให้ทุกคนใช้
ข. ยกย่องชมเชยผทู้ ี่ปฏิบัติถกู ต้อง
ค. ใหผ้ ู้ปฏิบตั งิ านใช้ 50% ถือวา่ ประสบความสาเรจ็ แลว้
ง. ใหห้ ัวหน้างานเปน็ ผู้ดาเนินการจูงใจ
20. ขอ้ ใดควรคานงึ ถึงเกยี่ วกับการจงู ใจใหผ้ ้ปู ฏิบตั งิ านใช้อุปกรณป์ ้องกันอันตรายส่วนบุคคลมากท่สี ดุ
ก. จะตอ้ งมจี านวนเพียงพอต่อการใช้งานของคนงานทกุ คน
ข. ต้องเปน็ อปุ กรณ์ทซี่ ื้อมาดว้ ยราคาสงู
ค. ตอ้ งเปน็ อุปกรณท์ ี่ผู้บริหารเลือกเองเทา่ นัน้
ง. ต้องเป็นอปุ กรณ์ทีผ่ ลิตจากตา่ งประเทศเท่าน้นั
116
บันทึกหลังการสอน
ข้อสรปุ หลังการสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
ปัญหาที่พบ
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
แนวทางแก้ปัญหา
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการที่ 14 117
รหัส 20001-1001 อาชวี อนามัยและความปลอดภยั (2-0-2) หน่วยท่ี 9
ช่ือหน่วย/เรื่อง การปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ สอนครงั้ ท่ี 14 (14-14)
จานวน 2 ช.ม.
แนวคดิ
การปฐมพยาบาลเป็นการชว่ ยเหลือผู้บาดเจ็บก่อนทจ่ี ะสง่ แพทย์ การปฐมพยาบาลท่ถี ูกวิธจี ะลดความ
รนุ แรงของอาการเจ็บปุวยให้บรรเทาลงได้ ดังนั้นผู้ชว่ ยเหลอื ควรจะต้องมีความรเู้ กย่ี วกับการปฐมพยาบาลเป็น
อยา่ งดี หากกระทาอยา่ งไมถ่ ูกวิธีหรอื ขาดความรูเ้ กยี่ วกบั การปฐมพยาบาล จะก่อใหเ้ กดิ ผลเสยี อย่างรา้ ยแรงถึง
ข้ันเสียชวี ติ ได้
ผลการเรียนรทู้ ่คี าดหวงั
1.แสดงความรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลได้
2.ปฏิบัตติ ามความรู้พื้นฐานสาหรบั การปฐมพยาบาลได้
3. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผู้สาเรจ็ การศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ทค่ี รูสามารถสงั เกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง
3.1 ความมมี นษุ ยสัมพนั ธ์
3.2 ความมีวนิ ยั
3.3 ความรับผดิ ชอบ
3.4 ความซอ่ื สัตย์สุจรติ
3.5 ความเชอ่ื ม่นั ในตนเอง
3.6 การประหยัด
3.7 ความสนใจใฝุรู้
3.8 การละเวน้ ส่ิงเสพติดและการพนนั
3.9 ความรกั สามัคคี
3.10 ความกตัญญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรู้เกย่ี วกับหลกั การจัดการ ควบคมุ ปูองกนั และแก้ไขปัญหาด้านอาชวี อนามัยและ
ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
2.วางแผนการดาเนนิ การเบื้องต้นในการควบคุม ปูองกันมลพษิ โรคและอุบตั ิภัยทเี่ กิดจากการทางาน
3.วางแผนปรับปรงุ สภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชีวอนามยั และความปลอดภยั
118
4.อา่ นและปฏิบตั ิตามเครื่องหมายและสญั ลกั ษณ์ความปลอดภยั
5.เลอื กใชเ้ คร่ืองปูองกนั อันตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ ตามหลักการและกระบวนการ
สาระการเรียนรู้
1. ความรู้ทว่ั ไปเกยี่ วกับการปฐมพยาบาล
2. ความรู้พืน้ ฐานสาหรับการปฐมพยาบาล
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน
1.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนาเกยี่ วกับการปฐมพยาบาล เปน็ การให้ความชว่ ยเหลอื แก่ผู้บาดเจ็บหรอื ผูป้ วุ ยใน
สถานท่ีเกดิ เหตุ โดยใช้เครื่องมือหรอื อุปกรณเ์ ท่าทม่ี ี ก่อนท่ีผู้ปวุ ยจะไดร้ บั การดูแลจากแพทย์ หรือสง่ ต่อไปยัง
โรงพยาบาล
2.ผูเ้ รยี นยกตวั อย่างการปฐมพยาบาลท่รี ู้จกั โดยทว่ั ไป โดยแสดงรูปภาพประกอบ
ขนั้ สอน
3.ครูใชเ้ ทคนคิ การสอนแบบบรรยาย เพ่ืออธิบายเรอ่ื งหลักเกณฑ์และวธิ ีการจัดการของเสียและใช้สอื่
Power Point ประกอบเกย่ี วกับความร้ทู ัว่ ไปเกยี่ วกบั การปฐมพยาบาล โดยบอกวตั ถปุ ระสงคข์ องการปฐม
พยาบาล และประโยชนข์ องการปฐมพยาบาล
4.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบบรรยาย และสาธติ เพอ่ื อธิบายตวั อย่างความรู้พื้นฐานสาหรับการปฐม
พยาบาล ในการปฐมพยาบาล ผชู้ ว่ ยเหลือจะตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจ ตลอดจนทักษะเบ้ืองต้นท่ีจาเป็น เพ่ือให้
สามารถชว่ ยเหลอื ผปู้ ุวยไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ และไมเ่ ปน็ อันตรายต่อผู้ปุวยด้วย
119
ตัวอย่างเชน่ การจับชพี จร โดยท่ัวไปสามารถตรวจชีพจรได้ดว้ ยตนเอง โดยการจบั ตามบรเิ วณต่าง
ๆ ทีม่ ีเส้นเลือดแดงอยู่ใกลก้ ับผวิ หนัง การตรวจจบั ชพี จร มดี ังน้ี
∞ ข้อมอื ยืน่ มือไปขา้ งหน้า งอศอกเล็กน้อย หงายฝาุ มอื ข้ึน ใช้นิ้วชี้และนิว้ กลางของอีกมือ
อีกข้างหนง่ึ วางที่ขอ้ มือบริเวณโคนน้ิวโปูง กดลงเลก็ น้อยจนกว่าจะรสู้ กึ ถึงการเตน้ ของชีพจร หากยงั ไม่พบ
สามารถขยบั ตาแหน่งของนิว้ ทัง้ สองไดจ้ นกว่าจะพบ
หรือตัวอย่างที่ลาคอ เช่น
∞ ลาคอ วางนิ้วช้ีและนิ้วกลางลงบนลาคอบรเิ วณใตก้ รามใกลก้ ับหลอดลม เป็นการจบั ชีพจร
บรเิ วณเส้นเลือดแดงแคโรตดิ ที่ไปเลยี้ งสมอง แตจ่ ะวัดชีพจรได้ยากกว่าบรเิ วณข้อมือ
5.ครูและผูเ้ รยี นรว่ มกันอธบิ าย และเปิดวดี โี อประกอบเพ่ือศึกษาเร่ืองความรทู้ ว่ั ไปเก่ยี วกับการปฐม
พยาบาล และความรู้พ้นื ฐานสาหรบั การปฐมพยาบาล
6.ผเู้ รยี นทาใบงาน และแบบประเมนิ ผล
120
ขั้นสรปุ และการประยุกต์
7.ครูและผูเ้ รียนสรปุ เน้อื หา ความรู้ทวั่ ไปเกยี่ วกับการปฐมพยาบาล และความรู้พื้นฐานสาหรบั การ
ปฐมพยาบาล โดยการถามตอบ
8.ประเมินผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ตอ่ ไปนี้
ชอ่ื ผู้เรยี น ประสบการณ์พ้นื ฐานการเรยี นรู้ วิธีการเรียนรู้
ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน
1.
2.
3.
4.
5.
สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
1.หนงั สือเรยี น วิชาอาชวี อนามัยและความปลอดภยั ของสานักพิมพ์เอมพันธ์
2.รูปภาพ
3.กิจกรรมการเรียนการสอน
4.สอื่ PowerPoint , วดี ทิ ัศน์
หลักฐาน
1.บันทึกการสอน
2.ใบเช็ครายชือ่
3.แผนจัดการเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน
การวัดผลและการประเมนิ ผล
วิธีวัดผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่
3. สงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
4. ใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรียนรู้
121
6. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพงึ
ประสงค์
เครอื่ งมอื วัดผล
1. แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ (โดยครู)
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยผูเ้ รียน)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรียนรู้
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผเู้ รียน
ร่วมกันประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไม่มชี อ่ งปรับปรงุ
2. เกณฑ์ผ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ขึน้ ไป)
3. เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. ตรวจใบงาน มีเกณฑผ์ ่าน 50%
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ มเี กณฑผ์ ่าน 50%
6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึน้ อยู่กับ
การประเมนิ ตามสภาพจริง
กิจกรรมเสนอแนะ
1.ทาใบงาน และแบบประเมนิ ผล
2.อา่ นและทบทวนเนอ้ื หา
122
บันทึกหลังการสอน
ขอ้ สรปุ หลังการสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
ปญั หาท่ีพบ
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
แนวทางแกป้ ญั หา
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
......................................................................................................... .......................................
............................................................................................................................. ...................
แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการที่ 15 123
รหสั 20001-1001 อาชวี อนามยั และความปลอดภยั (2-0-2) หน่วยท่ี 9
ชื่อหน่วย/เรอ่ื ง การปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้ สอนครั้งที่ 15 (29-30)
จานวน 2 ช.ม.
แนวคิด
การปฐมพยาบาลเป็นการชว่ ยเหลือผู้บาดเจบ็ ก่อนทจ่ี ะสง่ แพทย์ การปฐมพยาบาลทถี่ ูกวิธีจะลดความ
รุนแรงของอาการเจ็บปุวยให้บรรเทาลงได้ ดังนน้ั ผู้ช่วยเหลือควรจะต้องมีความร้เู กีย่ วกับการปฐมพยาบาลเป็น
อยา่ งดี หากกระทาอยา่ งไมถ่ ูกวิธหี รือขาดความรเู้ ก่ียวกบั การปฐมพยาบาล จะกอ่ ให้เกิดผลเสียอยา่ งรา้ ยแรงถึง
ขน้ั เสยี ชีวติ ได้
ผลการเรยี นร้ทู ่ีคาดหวงั
3.ปฐมพยาบาลผ้ปู ุวยตามอาการได้
4. มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผ้สู าเร็จการศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทค่ี รูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเรื่อง
4.1 ความมีมนุษยสัมพันธ์
4.2 ความมีวนิ ยั
4.3 ความรบั ผดิ ชอบ
4.4 ความซือ่ สัตยส์ จุ ริต
4.5 ความเชอื่ ม่นั ในตนเอง
4.6 การประหยดั
4.7 ความสนใจใฝุรู้
4.8 การละเว้นสง่ิ เสพติดและการพนนั
4.9 ความรักสามัคคี
4.10 ความกตัญญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรเู้ กี่ยวกับหลักการจัดการ ควบคมุ ปูองกันและแก้ไขปัญหาด้านอาชวี อนามัยและ
ความปลอดภยั ในการปฏิบัติงาน
2.วางแผนการดาเนินการเบอ้ื งต้นในการควบคุม ปูองกนั มลพิษ โรคและอุบตั ิภยั ทเี่ กิดจากการทางาน
3.วางแผนปรบั ปรุงสภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชวี อนามยั และความปลอดภัย
4.อ่านและปฏิบัตติ ามเครื่องหมายและสัญลกั ษณ์ความปลอดภัย
124
5.เลือกใช้เคร่ืองปูองกันอันตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นตามหลักการและกระบวนการ
สาระการเรียนรู้
3. การปฐมพยาบาลผปู้ ุวยตามอาการ
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเขา้ สู่บทเรยี น
1.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบซิปปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดิมจากสัปดาห์ที่
ผา่ นมา โดยดงึ ความรู้เดมิ ของผเู้ รยี นในเรื่องทจี่ ะเรียน เพ่ือชว่ ยให้ผเู้ รยี นมคี วามพรอ้ มในการเชอ่ื มโยงความรู้
ใหมก่ บั ความรเู้ ดมิ ของตน ผู้สอนใช้การสนทนาซักถามให้ผู้เรยี นเลา่ ประสบการณเ์ ดิม
2.ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นว่าเมื่อประสบเหตุ ผู้ช่วยเหลือจะต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกว่าผู้ปุวยมี
อาการอย่างไร เพอื่ จะไดช้ ่วยเหลอื ตามอาการได้อยา่ งถูกต้อง
ขนั้ สอน
3.ครแู ละผ้เู รียนใชส้ ่อื Power Point อธิบายการปฐมพยาบาลผู้ปุวยตามอาการ ซีงอาการของผู้ปุวย
เช่นหมดสตจิ ากการเปน็ ลม ช็อก กระดกู หัก เปน็ ต้น
4.ครูแสดงวีดิทศั น์ใหผ้ ู้เรียนดู เพ่อื อธิบายการปฐมพยาบาลผ้ปู ุวยตามอาการ เชน่ สารเคมีเขา้ ตา คน
จมน้า เป็นตน้
5.ครแู นะนาให้ผูเ้ รียนร้จู ักการนาเอาความพอเพยี งไปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ ซ่งึ เปน็ ความพอประมาณ
ความมีเหตผุ ล รวมถงึ ความจาเป็นท่ีต้องมีระบบภมู ิคุม้ กันในตัวท่ีดพี อสมควรตอ่ ผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการ
เปล่ียนแปลงท้งั ภายนอกและภายใน การตัดสนิ ใจและการดาเนินกิจกรรมต่างๆให้อยใู่ นระดับพอเพียงนน้ั ตอ้ ง
อาศัยท้ังความร้แู ละคุณธรรมเปน็ พ้ืนฐาน
ขัน้ สรปุ และการประยุกต์
6.ครูสรุปบทเรียน โดยใช้ PowerPoint และอภิปรายซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลผู้ปุวย
ตามอาการ
9.ผู้เรียนทากจิ กรรม ใบงาน และแบบประเมนิ ผล
125
ส่อื และแหล่งการเรียนรู้
1.หนังสอื เรียน วิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภยั ของสานกั พิมพ์เอมพนั ธ์
2.รูปภาพ
3.กจิ กรรมการเรียนการสอน
4.สอ่ื PowerPoint , วีดทิ ัศน์
หลกั ฐาน
1.บนั ทกึ การสอน
2.ใบเช็ครายชื่อ
3.แผนจดั การเรียนรู้
4.การตรวจประเมินผลงาน
การวดั ผลและการประเมินผล
วธิ ีวดั ผล
1. สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
2. ประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ
4. ใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรียนรู้
6. การสงั เกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึง
ประสงค์
เคร่อื งมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยครู)
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผู้เรยี น)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครูและผูเ้ รยี น
ร่วมกันประเมิน
126
เกณฑ์การประเมนิ ผล
1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ีชอ่ งปรับปรุง
2. เกณฑ์ผา่ นการประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขึน้ ไป)
3. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ คือ ปานกลาง (50% ขึน้ ไป)
4. ตรวจใบงาน มีเกณฑผ์ า่ น 50%
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ มีเกณฑ์ผ่าน 50%
6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กิจกรรมเสนอแนะ
อา่ นและทบทวนเน้ือหา
127
แบบประเมินผลการเรยี นรู้
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 9 การปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น
1. ขอ้ ใดเป็นการปฐมพยาบาล
ก. การห้ามเลือดให้ผ้ปู ่วยก่อนนาส่งโรงพยาบาล
ข. การไปเยย่ี มเพ่ือนที่ป่วยอยทู่ ่ีโรงพยาบาล
ค. การชว่ ยกันนาผู้ปว่ ยสง่ โรงพยาบาล
ง. การโทรศพั ท์เรียกรถพยาบาลมารับผูป้ ว่ ย
2. ข้อใดเป็นหลักการของการปฐมพยาบาลท่ีถูกต้องท่ีสุด
ก. ตอ้ งชว่ ยใหผ้ ู้ปว่ ยหายจากการเจ็บปว่ ย
ข. ตอ้ งกระทาให้เรว็ ท่สี ุด
ค. ตอ้ งกระทาตอ่ หน้าบุคคลหมู่มาก
ง. ต้องช่วยผปู้ ว่ ยพอสมควร ทเี่ หลือเปน็ หน้าทข่ี องแพทย์
3. ผ้ปู ว่ ยขอ้ ใดทีไ่ ม่ควรเคล่ือนยา้ ย
ก. ผปู้ ่วยศรี ษะแตก
ข. ผู้ปว่ ยกระดูกสันหลังหกั
ค. ผู้ป่วยฝุน่ เข้าตา
ง. ผปู้ ว่ ยนิ้วแตก
4. ผู้ป่วยบาดเจบ็ ข้อใดมีอาการรนุ แรงที่สดุ
ก. กระดูกหัก
ข. เสียเลือดมาก
ค. หมดความรูส้ ึก
ง. หยดุ หายใจ
5. ระหว่างการปฐมพยาบาลควรกระทาข้อใด
ก. เรียกผูท้ ีอ่ ย่บู ริเวณนั้นมาชว่ ย
ข. จัดให้มอี ากาศถ่ายเท ห้ามคนมุงล้อม
ค. เรยี กญาตผิ ้ปู ว่ ยมาอย่ใู กล้ๆ
ง. โทรศัพทต์ ามรถพยาบาลก่อนลงมือปฐมพยาบาล
6. เมอ่ื พบว่าผูป้ ่วยหยุดหายใจ ควรกระทาข้อใด
ก. ผายปอด
ข. ให้นอนราบ
ค. จบั ให้นัง่
128
ง. รอดอู าการจนกวา่ แพทยจ์ ะมาถงึ
7. เมือ่ พบวา่ ผ้ปู ว่ ยหวั ใจหยุดเต้น ควรรกระทาข้อใด
ก. ผายปอด
ข. นวดหัวใจ
ค. ให้ดมยาดม
ง. พดั ใหค้ ลายร้อน
8. ชพี จรของคนปกติมจี ังหะการเตน้ ตามข้อใด
ก. 30 – 40 ครง้ั ต่อนาที
ข. 40 – 50 ครั้งตอ่ นาที
ค. 50 – 60 ครั้งต่อนาที
ง. 50 – 100 ครง้ั ต่อนาที
9. จุดใดท่ีสามารถจบั ชีพจรได้
ก. ข้อมือ
ข. ขอ้ ศอก
ค. หนา้ อก
ง. ทอ้ ง
10. เม่ือผูป้ ่วยได้รบั การผายปอด ควรมีอาการตามข้อใดจงึ ถอื วา่ มีการตอบสนองท่ีดี
ก. นอนนง่ิ
ข. หนา้ อกพองขน้ึ
ค. มอื เท้าเกร็ง
ง. มเี สยี งร้องออกมา
11. เก่ียวกับการพนั แผลบรเิ วณนว้ิ มอื และน้วิ เท้าข้อใดกล่าวถูกตอ้ ง
ก. เริ่มพนั จากบริเวณท่เี ปน็ แผล
ข. เรมิ่ พันจากปลายน้ิวไปหาโคนน้วิ
ค. เริม่ พนั จากโคนน้วิ ไปหาปลายนวิ้
ง. เรมิ่ พนั จากบรเิ วณใดก่อนกไ็ ด้
12. การปฐมพยาบาลคนเป็นลม ควรปฏบิ ตั ติ ามข้อใด
ก. ใช้ผ้าชุบนา้ เยน็ เชด็ เหงือ่ ทีห่ น้าผากและเท้า
ข. สอบถามสาเหตุของการเป็นลม
ค. นาเขา้ ห้องทม่ี ดิ ชิด
129
ง. นาผ้ามาหม่ ให้อบอนุ่
13. การปฐมพยาบาลคนท่มี ีอาการช็อกไม่ควรกระทาตามข้อใด
ก. ให้ทานน้า
ข. นอนราบ ยกปลายเท้าใหส้ ูง
ค. นาเขา้ ท่รี ม่
ง. ปลดเสือ้ ผ้าใหห้ ลวม
14. แผลในขอ้ ใดมีอาการร้ายแรงนอ้ ยที่สดุ
ก. แผลถลอก
ข. แผลฉีกขาด
ค. แผลตัด
ง. แผลถูกแทง
15. ขอ้ ใดเป็นลักษณะของแผลตดั
ก. เกิดจากการกระแทกจากของแขง็ ไม่มคี ม
ข. เกิดจากแรงกระแทกหรอื แรงกระชาก
ค. เกิดจากของมคี ม
ง. เกดิ จากวัตถปุ ลายแหลม
16. ผปู้ ว่ ยทมี่ ีบาดแผลท่เี กดิ จากไฟไหม้ ควรปฐมพยาบาลตามขอ้ ใด
ก. ราดดว้ ยน้าเย็น หรอื เปิดใหน้ ้าไหลผา่ นบริเวณแผล
ข. ทาแผลดว้ ยยาสีฟนั
ค. ใช้ผา้ ขนหนูปดิ บาดแผลไว้
ง. ราดแอลกอฮอลล์ ้างแผล
17. การปฐมพยาบาลผู้ปว่ ยทถ่ี ูกสารเคมเี ขา้ ตา ควรกระทาข้อใดเป็นอนั ดับแรก
ก. นาผา้ สะอาดมาปิดตา
ข. ลา้ งดว้ ยน้าสะอาดประมาณ 20 นาที
ค. สวมแว่นตาเพื่อบังแสง
ง. รบี นาส่งโรงพยาบาลทันที
18. การปฐมพยาบาลผทู้ ี่ได้รับสารพิษประเภทกรดเข้าสูร้ า่ งกาย ควรปฏิบัตติ ามขอ้ ใด
ก. ดม่ื นา้ อัดลมมากๆ เพ่ือใหไ้ ปต่อต้านกรด
ข. ดืม่ นา้ สะอาดหรอื น้าโซดามากๆ เพื่อให้กรดเจือจาง
ค. ดม่ื น้ามะนาวเพ่ือให้อาเจยี นออกมา
ง. ด่ืมน้าหวานเพ่ือให้ผู้ป่วยมแี รงขน้ึ
130
19. การปฐมพยาบาลผ้ทู ไ่ี ด้รับสารพษิ ประเภทดา่ งเข้าสรู่ ่างกาย ควรปฏบิ ัติตามขอ้ ใด
ก. ดม่ื ไขผ่ สมน้ามันพชื เพื่อใหด้ า่ งเจือจาง
ข. ดืม่ นา้ หวานเพ่ือใหม้ แี รง
ค. ดื่มนมเพื่อชว่ ยเคลอื บกระเพาะ
ง. ด่มื นมถ่ัวเหลอื งเพ่ือใหร้ ่างกายไดร้ บั พลงั งาน
20. ผู้ป่วยจมนา้ มีอาการตามข้อใด
ก. กระตุกตลอดเวลา
ข. หมดสติ หน้าเขยี ว
ค. ชกั เกรง็
ง. ดน้ิ ทุรนทรุ าย
131
บันทึกหลังการสอน
ข้อสรุปหลังการสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
ปัญหาท่ีพบ
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
แนวทางแก้ปัญหา
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
......................................................................................................... .......................................
แผนการจดั การเรียนรแู้ บบบรู ณาการท่ี 16 132
หน่วยท่ี 10
รหัส 20001-1001 อาชวี อนามยั และความปลอดภยั (2-0-2) สอนครัง้ ที่ 16 (31-32)
ชื่อหน่วย/เรอื่ ง กฎหมายและหนว่ ยงานที่เกย่ี วข้องกบั งานอาชีวอนามัย
จานวน 2 ช.ม.
และความปลอดภยั
แนวคิด
การทางานภายใตค้ วามปลอดภัยของคนงานเปน็ สิ่งท่ีควรให้ความสาคญั เพราะหากเหตภุ ัยข้ึนจะสรา้ ง
ความเสียตอ่ ชีวิต ครอบครัว และประเทศชาติ นายจา้ งบางรายยังคงดาเนินกจิ การโดยไมค่ านงึ ถึงความ
ปลอดภัยดังกล่าว จงึ ตอ้ งสรา้ งความตระหนักให้นายจ้างเหน็ ความสาคัญ รวมถึงการใชก้ ฎหมายบังคบั ให้ปฏิบัติ
เพื่อใหค้ นงานไดร้ ับความปลอดภัย
จุดประสงค์การเรียนรู้
1.แสดงความรู้เกีย่ วกับความเปน็ มาของกฎหมายทเี่ กย่ี วข้องกบั งานอาชีวอนามยั และความปลอดภยั ได้
2.อา่ นและปฏบิ ัตติ ามพระราชบัญญัตคิ วามปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน
พ.ศ. 2554 ได้
3.อ่านและปฏบิ ตั ิตามกฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร จดั การ และดาเนนิ การดา้ นความ
ปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางานเก่ียวกับสารเคมี 2556 ได้
4. มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ครสู ามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง
4.1 ความมีมนษุ ยสัมพันธ์
4.2 ความมีวินยั
4.3 ความรบั ผดิ ชอบ
4.4 ความซอื่ สัตยส์ จุ รติ
4.5 ความเชื่อมั่นในตนเอง
4.6 การประหยดั
4.7 ความสนใจใฝุรู้
4.8 การละเว้นส่ิงเสพติดและการพนัน
4.9 ความรักสามัคคี
4.10 ความกตัญญูกตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความร้เู กีย่ วกับหลักการจัดการ ควบคุม ปูองกนั และแก้ไขปัญหาดา้ นอาชีวอนามัยและ
ความปลอดภัยในการปฏบิ ัติงาน
133
2.วางแผนการดาเนนิ การเบอ้ื งตน้ ในการควบคมุ ปูองกนั มลพษิ โรคและอุบตั ภิ ัยทีเ่ กิดจากการ
ทางาน
3.วางแผนปรบั ปรงุ สภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชีวอนามยั และความปลอดภัย
4.อ่านและปฏบิ ตั ติ ามเครื่องหมายและสญั ลักษณ์ความปลอดภยั
5.เลอื กใช้เครื่องปูองกนั อันตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบื้องตน้ ตามหลกั การและกระบวนการ
สาระการเรียนรู้
1.ความเป็นมาของกฎหมายท่ีเก่ยี วข้องกับงานอาชีวอนามยั และความปลอดภัย
2.พระราชบญั ญตั ิความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน พ.ศ.2554
3.กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบรหิ าร จดั การ และดาเนินการดา้ นความปลอดภัย
อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทางานเก่ยี วกบั สารเคมี 2556
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขัน้ นาเข้าส่บู ทเรียน
1.ครแู ละผ้เู รยี นสนทนากันเร่อื งความปลอดภยั ในการทางานมีความสัมพนั ธ์กบั บุคคลหลายฝุาย ไดแ้ ก่
นายจ้าง ลูกจ้าง เพ่ือร่วมงาน และสังคมส่วนรวมของประเทศชาติ รวมบคุ คลถึงบุคคลอ่นื ๆ ทอี่ าจไมไ่ ดร้ ับ
ความปลอดภัยในการทางาน ดังน้นั จึงตอ้ งมกี ารควบคมุ คุ้มครอง ความปลอดภยั โดยมตี ัวบทกฎหมาย เขา้ มา
บงั คบั ใช้เพื่อก่อให้เกิดความปลอดภยั แก่ทุกฝาุ ย ในกฎหมายระบอุ งค์การราชการเปน็ ผรู้ ับผดิ ชอบ
2.ผ้เู รียนยกตัวอย่างความปลอดภัยในการทางานทเี่ กี่ยวข้องกบั ชีวิตประจาวนั
ข้นั สอน
3.ครแู ละผ้เู รียนใชส้ อื่ Power Point ประกอบการอธิบายความเป็นมาของกฎหมายทีเ่ ก่ยี วข้องกบั งาน
อาชีวอนามัยและความปลอดภยั
ตงั้ แตต่ น้ ศตวรรษที่ 18 ประเทศอังกฤษเริม่ ใช้กฎหมายเกี่ยวกบั โรงงานในการคมุ้ ครองผุ้ประกอบอาชีพ
มาจนถงึ ศตวรรษท่ี 21 กฎหมายยงั มคี วามสาคัญเร่ือยมา เนอ่ื งจากยังมสี ถานประกอบการใช้สารท่ีมีอนั ตราย
ในกระบวนการผลิตอยตู่ ลอดเวลา ถึงแมจ้ ะมีหนว่ ยงานกาหนดมาตรฐานการใชส้ ารอนั ตราย มาปรับเปลย่ี นใน
การะบวนการผลิต เพอ่ื เพม่ิ ความปลอดภัยแลว้ ก็ตาม แต่ยังพบว่าสถานประกอบการบางแหง่ ยังคงใชส้ าร
อนั ตรายอยู่ จึงตอ้ งสรา้ งความตระหนกั ใหเ้ จ้าของกจิ การเหน็ ถึงความสาคัญของความปลอดภยั และการปูองกนั
อนั ตรายจากสิ่งที่จะทาใหเ้ กิดความไมป่ ลอดภัยจากการปฏิบัตงิ านข้นึ ปัจจบุ นั ประเทศไทยให้ความสาคัญกบั
134
งานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเช่นกัน และได้มีการกฎหมายบงั คับใชเ้ พ่ือให้คนงานได้รับปลอดภัย
จากการทางาน
4.ครูและผู้เรียนอภิปรายสรปุ พระราชบัญญัติความปลอดภัยอาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการ
ทางาน พ.ศ.2554 และกฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร จดั การ และดาเนนิ การดา้ นความปลอดภยั
อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางานเกยี่ วกบั สารเคมี 2556 พรอ้ มยกกรณีศกึ ษาประกอบ
5.ครูแนะนาให้ผูเ้ รยี นร้จู ักการนาเอาความพอเพยี งไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์ ซึ่งเป็นความพอประมาณ
ความมีเหตุผล รวมถงึ ความจาเป็นท่ีตอ้ งมีระบบภมู ิคมุ้ กันในตัวท่ีดีพอสมควรต่อผลกระทบใดๆ อันเกดิ จากการ
เปลยี่ นแปลงทงั้ ภายนอกและภายใน การตดั สนิ ใจและการดาเนินกิจกรรมต่างๆให้อยู่ในระดบั พอเพยี งน้นั ตอ้ ง
อาศยั ท้ังความรู้และคุณธรรมเปน็ พืน้ ฐาน
ข้ันสรปุ และการประเมนิ ผล
6.ครูและผู้เรยี นสรปุ เนื้อหาทเ่ี รียนเรอ่ื งความเปน็ มาของกฎหมายทเี่ ก่ยี วข้องกับงานอาชวี อนามยั และ
ความปลอดภัย พระราชบญั ญัติความปลอดภัยอาชีวอนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน พ.ศ.2554 และ
กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดาเนนิ การด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและ
สภาพแวดล้อมในการทางานเก่ียวกบั สารเคมี 2556 โดยการถามตอบ
7.ครแู นะนาใหผ้ ู้เรยี นนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน
8.ผเู้ รียนทากิจกรรม ใบงาน และแบบประเมินผลการเรยี น
สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
1.หนงั สือเรยี น วิชาอาชีวอนามยั และความปลอดภัย ของสานักพิมพเ์ อมพนั ธ์
2.รปู ภาพ
3.กิจกรรมการเรียนการสอน
4.สอ่ื PowerPoint , วดี ิทศั น์
หลักฐาน
1.บันทึกการสอน
2.ใบเชค็ รายช่ือ
3.แผนจัดการเรยี นรู้
4.การตรวจประเมนิ ผลงาน
การวดั ผลและการประเมินผล
วธิ วี ดั ผล
1. สงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล
135
2. ประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่
3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม
4. ใบงาน
5. แบบทดสอบท้ายหนว่ ยการเรียนรู้
6. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอันพงึ
ประสงค์
เครือ่ งมอื วัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ (โดยครู)
3. แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้
6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและผู้เรียน
ร่วมกันประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ
2. เกณฑ์ผ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ข้ึนไป)
3. เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป)
4. ตรวจใบงาน มีเกณฑ์ผ่าน 50%
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ ่าน 50%
6 แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ
การประเมนิ ตามสภาพจรงิ
กจิ กรรมเสนอแนะ
1.อ่านและทบทวนเนอ้ื หา
2.แนะนากฎหมายทนี่ ามาใช้ในชีวิตประจาวัน
136
บันทึกหลังการสอน
ขอ้ สรปุ หลังการสอน
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
ปญั หาท่ีพบ
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
แนวทางแก้ปัญหา
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
......................................................................................................... .......................................
............................................................................................................................. ...................
137
แผนการจดั การเรียนรู้แบบบูรณาการท่ี 17 หนว่ ยที่ 10
สอนครงั้ ที่ 17 (33-34)
รหัส 20001-1001 อาชีวอนามยั และความปลอดภัย (2-0-2)
ชื่อหน่วย/เร่ือง กฎหมายและหน่วยงานทเี่ กี่ยวข้องกับงานอาชวี อนามยั จานวน 2 ช.ม.
และความปลอดภัย
แนวคิด
การทางานภายใตค้ วามปลอดภัยของคนงานเป็นส่ิงที่ควรให้ความสาคญั เพราะหากเหตภุ ัยขนึ้ จะสร้าง
ความเสยี ต่อชวี ติ ครอบครัว และประเทศชาติ นายจ้างบางรายยังคงดาเนินกิจการโดยไมค่ านงึ ถึงความ
ปลอดภยั ดงั กลา่ ว จึงตอ้ งสร้างความตระหนักให้นายจา้ งเห็นความสาคญั รวมถงึ การใชก้ ฎหมายบงั คับให้ปฎบิ ัติ
เพือ่ ให้คนงานไดร้ ับความปลอดภยั
จุดประสงค์การเรยี นรู้
4.อา่ นและปฏิบตั ติ ามกฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบรหิ าร จัดการ และดาเนนิ การดา้ นความ
ปลอดภัย อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางานเกี่ยวกบั ไฟฟูาได้
5.อ่านและปฏิบตั ติ ามกฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบรหิ าร จดั การ และดาเนินการดา้ นความ
ปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางานเก่ียวกับท่อี บั อากาศ พ.ศ.2562 ได้
6.แสดงความรู้เกย่ี วกับปญั หาการบังคับใชก้ ฎหมายได้
7.แสดงความรเู้ ก่ียวกับหนว่ ยงานท่เี กย่ี วข้องกบั งานดา้ นอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้
8. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของผสู้ าเร็จการศึกษา
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ที่ครูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง
8.1 ความมีมนษุ ยสัมพันธ์
8.2 ความมวี ินยั
8.3 ความรบั ผิดชอบ
8.4 ความซื่อสตั ย์สจุ ริต
8.5 ความเช่อื มั่นในตนเอง
8.6 การประหยัด
8.7 ความสนใจใฝุรู้
8.8 การละเวน้ สิ่งเสพติดและการพนัน
8.9 ความรกั สามคั คี
8.10 ความกตัญญูกตเวที
138
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการจัดการ ควบคมุ ปูองกันและแก้ไขปัญหาด้านอาชีวอนามัยและ
ความปลอดภัยในการปฏิบตั ิงาน
2.วางแผนการดาเนินการเบ้อื งต้นในการควบคุม ปูองกนั มลพิษ โรคและอุบัติภัยทีเ่ กดิ จากการทางาน
3.วางแผนปรบั ปรุงสภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
4.อ่านและปฏบิ ตั ติ ามเครื่องหมายและสัญลกั ษณ์ความปลอดภัย
5.เลือกใช้เคร่ืองปูองกนั อันตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามหลกั การและกระบวนการ
สาระการเรยี นรู้
4.กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร จดั การ และดาเนนิ การด้านความปลอดภัยอาชวี อนามยั
และสภาพแวดล้อมในการทางานเกยี่ วกับไฟฟาู
5.กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบรหิ าร จัดการ และดาเนนิ การด้านความปลอดภัยอาชวี อนามยั
และสภาพแวดล้อมในการทางานเกี่ยวกับท่ีอับอากาศ พ.ศ.2562
6. ปัญหาการบงั คับใชก้ ฎหมาย
7. หน่วยงานทเ่ี ก่ยี วข้องกบั งานดา้ นอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นาเขา้ สูบ่ ทเรียน
1. ครูสนทนากบั ผู้เรียนถงึ สารเคมอี ันตราย หมายถงึ ธาตุ สารประกอบ หรอื สารผสม อาจมสี ถานะ
เปน็ ของแข็ง ของเหลว หรือก๊าซ หรืออยใู่ นรูปของฝุน เส้นใย ละออง ไอ ฟมู ที่มพี ิษกรดั กรอ่ น ก่อให้เกดิ
อาการระคายเคอื ง แพ้ หรือเป็นสารทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ โรร้ายตา่ ง ๆ
รวมทัง้ ขดี จากดั ความเข้มข้นของสารเคมีอันตราย หมายถงึ ระดับความเขม้ ข้นของสารเคมอี ันตรายท่ี
กาหนดให้อยู่ได้ในบรรยากาศแวดล้อมในการทางานทล่ี ูกจา้ งซง่ึ มสี ขุ ภาพปกติสามารถสัมผสั หรือไดร้ บั เข้าสู่
ร่างกายได้ทุกวนั ตลอดเวลาโดยไมเ่ ปน็ อันตรายต่อสขุ ภาพ
2.ครแู ละผเู้ รียนกล่าวถึงการทางานเกย่ี วกบั สารเคมีอนั ตรายซ่ึงเป็นการกระทาใด ๆ ที่อาจทาให้ลกู จา้ ง
ได้รับสารเคมีอันตราย เชน่ การผลิต การติดฉลาก การห่อหุ้ม การเคล่อื นย้าย การเก็บรักษา การถา่ ยเท การ
ขนถ่าย การขนสง่ การกาจดั การทาลาย การเกบ็ สารเคมีที่ไมไ่ ด้ใช้แล้ว การบารุงรกั ษา การซอ่ มแซม และการ
ทาความสะอาดเครือ่ งมือ เครื่องใช้ ตลอดจนภาชนะบรรจุสารเคมีอนั ตราย
139
ขนั้ สอน
3. ครใู ช้เทคนคิ การอธิบาย และแสดงรูปภาพเก่ียวกับกฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร
จัดการ และดาเนนิ การด้านความปลอดภัยอาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางานเกี่ยวกับไฟฟูา
4.ครูใช้เทคนคิ วธิ ีการจดั การเรียนรู้แบบร่วมมอื (Cooperative Learning) หมายถึงกระบวนการ
เรียนรทู้ ่จี ดั ให้ผู้เรยี นได้รว่ มมือและช่วยเหลอื กันในการเรยี นรู้โดยแบ่งกลุ่มผเู้ รยี นท่มี ีความสามารถต่างกนั
ออกเปน็ กล่มุ เล็ก ซง่ึ เปน็ ลักษณะการรวมกลุ่มอยา่ งมโี ครงสรา้ งท่ีชัดเจน มีการทางานรว่ มกนั มีการแลกเปลยี่ น
ความคิดเหน็ มีการช่วยเหลอื พึ่งพาอาศยั ซ่ึงกันและกัน มีความรับผดิ ชอบร่วมกันทั้งในสว่ นตนและสว่ นรวม
เพอื่ ใหต้ นเองและสมาชิกทกุ คนในกลุ่มประสบความสาเร็จตามเปาู หมายที่กาหนดไว้ ดงั นี้
1) แบ่งผเู้ รยี นเปน็ กลุ่มๆ ละ 5-6 คน
2) สืบค้นข้อมลู ในหัวข้อ
☀กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบรหิ าร จัดการ และดาเนินการดา้ นความ
ปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางานเกีย่ วกับไฟฟูา
☀กฎกระทรวงกาหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดาเนินการดา้ นความ
ปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางานเกย่ี วกับท่อี ับอากาศ พ.ศ.2562
☀ปัญหาการบังคบั ใชก้ ฎหมาย
☀หน่วยงานที่เกีย่ วขอ้ งกับงานด้านอาชวี อนามยั และความปลอดภัย
3) นาข้อมลู ท่ีไดม้ าอภิปรายร่วมกัน นาเสนอและแลกเปล่ียนเรยี นรู้
6.ครใู ชส้ ือ่ Power Point และครูใช้เทคนคิ วธิ กี ารจัดการเรียนรู้แบบรว่ มมือ (Cooperative
Learning) โดยอธบิ ายปัญหาการบงั คบั ใช้กฎหมาย และหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วข้องกับงานด้านอาชวี อนามยั และ
ความปลอดภยั
7.ครเู น้นใหผ้ ู้เรยี น ระมดั ระวงั รอบคอบทุกคร้งั ในการทางาน
8.ผู้เรยี นทากิจกรรม
ข้ันสรปุ และการประยกุ ต์
9. ครูสรุปเนือ้ หาบทเรียน โดยใช้สอ่ื Power Point เพ่ือสรุปกฎหมายและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกบั
งานอาชีวอนามัยและความปลอดภยั
10.ครสู ุ่มถามตอบผู้เรียนเก่ยี วกับเน้อื หาทเ่ี รียน
140
11.ผู้เรยี นทากจิ กรรม ใบงาน แบบประเมนิ ผล และประเมนิ ตนเองจากแบบประเมินตนเอง รวมทง้ั
กจิ กรรมการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้
ช่อื ผเู้ รยี น ธรรมชาตขิ องผ้เู รียน วิธีการเรียนรู้
ความสนใจ สติปัญญา วฒุ ภิ าวะ
1.
2.
3.
4.
5.
แบบประเมนิ ผลประสบการณ์พื้นฐานการเรียนรู้
ชอ่ื ผเู้ รียน ประสบการณ์พ้ืนฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรียนรู้
ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน
1.
2.
3.
4.
5.
ส่อื และแหล่งการเรียนรู้
1.หนังสอื เรยี น วชิ าอาชวี อนามัยและความปลอดภยั ของสานกั พิมพ์เอมพันธ์
2.รปู ภาพ
3.กจิ กรรมการเรียนการสอน
4. สื่อ PowerPoint , วีดทิ ศั น์
หลกั ฐาน
1.บันทกึ การสอน
2.ใบเช็ครายชอื่
3.แผนจัดการเรยี นรู้
4.การตรวจประเมินผลงาน
141
การวัดผลและการประเมินผล
วธิ ีวัดผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
2. ประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุม่
3. สังเกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่
4. ใบงาน
5. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
6. การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอนั พึง
ประสงค์
เครอื่ งมือวดั ผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล
2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยครู)
3. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยผู้เรียน)
4. ตรวจใบงาน
5. แบบประเมินผลการเรยี นรู้
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยครแู ละผู้เรยี น
รว่ มกนั ประเมนิ
เกณฑก์ ารประเมินผล
1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไม่มีชอ่ งปรับปรุง
2. เกณฑผ์ ่านการประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป)
3. เกณฑ์ผ่านการสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุม่ คือ ปานกลาง (50% ขึ้นไป)
4. ตรวจใบงาน มีเกณฑผ์ ่าน 50%
5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ มเี กณฑผ์ ่าน 50%
6. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยู่กับ
การประเมินตามสภาพจริง
กิจกรรมเสนอแนะ
1. อ่านและทบทวนเน้ือหา
2. ทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้
142
แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 10 กฎหมายและหน่วยงานทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับงานอาชีวอนามัยและความปลอดภยั
1. กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องกับงานอาชวี อนามัยและความปลอดภัยมปี ระโยชนต์ ามข้อใด
ก. ทาให้นายจา้ งมีอานาจต่อรองกับลูกจา้ ง
ข. ทาใหล้ กู จ้างมอี านาจตอ่ รองกับนายจ้าง
ค. ทาให้เกดิ ความปลอดภยั แกท่ ุกฝา่ ยท่ีเกยี่ วข้องกับการทางาน
ง. ทาให้องคก์ รเปน็ ทยี่ อมรับของบคุ คลทั่วไป
2. ตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน พ.ศ. 2554 ข้อใดเปน็
หนา้ ท่ขี องนายจา้ ง
ก. จ่ายคา่ แรงแก่ลูกจ้างตามเวลาทีก่ าหนด
ข. ดูแลครอบครวั ของลูกจา้ งตามสมควร
ค. จัดใหม้ ีเจ้าหนา้ ที่ความปลอดภัยเพือ่ ดาเนินการด้านความปลอดภยั ในสถานประกอบการ
ง. จดั ใหม้ ีเจา้ หนา้ ที่รักษาความปลอดภยั หนา้ ประตเู พอ่ื อานวยความสะดวกในการเขา้ ออก
3. นายจ้างต้องการใหล้ ูกจา้ งทราบถงึ อันตรายทีเ่ กดิ ขึ้นจากการทางาน ควรปฏบิ ัตติ ามข้อใด
ก. จัดทาคมู่ ือแจกแก่ลูกจา้ งทุกคนกอ่ นเข้าทางาน
ข. ใหล้ ูกจ้างเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
ค. ให้หวั หนา้ งานดาเนินการตามความเหมาะสม
ง. ให้ข้อมลู แกล่ ูกจ้างในวนั ปฐมนเิ ทศพนักงานใหม่
4. เมอื่ ลกู จ้างเร่ิมงาน เปลยี่ นงาน หรือมีการเปล่ียนแปลงเครอื่ งจักรอุปกรณ์ นายจ้างควรดาเนินการตามข้อใด
ก. จดั การอบรมความปลอดภัย อาชวี อนามัยและสภาพแวดล้อมในการทางาน
ข. พจิ ารณาอตั ราค่าตอบแทนก่อนเริ่มงาน
ค. ใหเ้ จ้าหนา้ ท่ฝี า่ ยบคุ คลบันทกึ ขอ้ มูลการเปลีย่ นแปลงอย่างชัดเจน
ง. ไมต่ ้องดาเนินการใด จนกว่าจะพ้นระยะเวลา 3 เดอื น
5. หากลกู จ้างไม่สวมใส่อุปกรณค์ วามปลอดภยั ส่วนบุคคล นายจา้ งควรปฏบิ ตั ติ ามข้อใด
ก. ไมร่ ับผิดชอบหากเกดิ ภยั ขน้ึ
ข. ตัดเงินเดอื น
ค. ส่ังใหล้ ูกจา้ งหยุดทางงานชวั่ คราวจนกวา่ ลกู จา้ งจะสวมใส่
ง. ไมต่ ้องจัดการเพราะเปน็ สิทธิสว่ นบคุ คล
6. การควบคุม กากับ ดูแลการดาเนนิ งานดา้ นความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน
นายจ้างควรปฏบิ ัตติ ามข้อใด
ก. จา้ งบุคคลภายนอกเขา้ มาดาเนินการท้ังหมด
143
ข. ประเมินอนั ตรายที่อาจเกิดขน้ึ และวางแผลดาเนินการเพื่อใหล้ ูกจา้ งปลอดภยั
ค. ออกระเบยี บปฏบิ ตั ิให้ลกู จา้ งปฏิบตั ิอย่างเคร่งครัด
ง. รณรงคใ์ หล้ ูกจ้างดแู ลและควบคมุ พฤติกรรมตนเองไม่ใหป้ ฏิบัติส่งิ ท่ีจะก่อให้เกิดอนั ตราย
7. หากลูกจา้ งเสยี ชีวติ นายจ้างจะต้องปฏบิ ตั ิตามข้อใด
ก. จ่ายเงนิ ชดเชยตามสมควร
ข. รบั ผดิ ชอบตามความเหมาะสม
ค. แจ้งตอ่ พนักงานตรวจความปลอดภยั พรอ้ มระบุสาเหตุการเสยี ชีวติ ภายใน 7 วันนบั แต่วนั เกดิ เหตุ
ง. แจ้งเจ้าหนา้ ท่ตี ารวจเพื่อลงบันทึกประจาวนั
8. ขอ้ ใดเปน็ อานาจของเจา้ หน้าทตี่ รวจความปลอดภัยเมื่อพบวา่ นายจ้างไม่ปฏิบตั ติ ามพระราชบัญญัติฯ
ซง่ึ จะสง่ ผลใหเ้ กิดความไม่ปลอดภัยในการทางาน
ก. เรียกนายจ้างมากลา่ วตักเตือนแล้วให้กระทาตอ่ ไป
ข. สงั่ ใหห้ ยุดการกระทาอนั ไม่ปลอดภยั และให้ปรับปรุงให้เหมาะสมในระยะเวลาท่ีกาหนด
ค. จดั การอบรมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและความปลอดภยั ในการทางานทนั ที
ง. ส่งั ให้นายจ้างเลกิ กิจการ
9. ข้อใดหมายถงึ กา๊ ซ
ก. สารทีม่ ีลกั ษณะเรยี วยาว คล้ายเส้นด้าย
ข. ของเหลวมีปริมาตรหรอื รูปทรงไม่แน่นอนท่สี ามารถฟงุ้ กระจายแปรสภาพได้
ค. อนุภาคของของแข็งท่สี ามารถฟงุ้ กระจาย ปลวิ หรือลอยอยู่ในอากาศได้
ง. อนภุ าคของของแขง็ ท่ีเกดิ จากการรวมตวั ของไอ ลอยอยู่ในอากาศได้
10. การจัดสถานท่ีทางานเพือ่ ให้ปลอดภัยจากสารเคมีควรปฏิบตั ิตามข้อใด
ก. มีระบบระบายอากาศทที่ าให้สารเคมีเจือจาง
ข. ปดิ ประตู หนา้ ตา่ งอย่างมิดชิด
ค. ตดิ เครื่องปรบั อากาศเพ่ือเพิ่มความเย็น
ง. ใชผ้ นงั หอ้ งท่ีทาด้วยกระจก
11. ข้อใดหมายถงึ ฉนวนไฟฟ้า
ก. อุปกรณ์ เคร่อื งมือ เคร่อื งใชท้ ่ีเกี่ยวกับไฟฟ้า
ข. การถ่ายโอนประจไุ ฟฟา้ สทุ ธติ ่อหน่งึ หน่วยเวลา
ค. เครอ่ื งจักรทเี่ ปลี่ยนหนว่ ยพลงั งานใดๆ เป็นพลงั งานไฟฟ้า
ง. วสั ดุทม่ี คี ุณสมบัติในการกนั้ หรอื ขัดขวางการไหลของไฟฟา้
144
12. ขอ้ ใดกล่าวถึงไฟฟ้าประจาทอ้ งถิน่ ถูกตอ้ งท่ีสดุ
ก. ไฟฟา้ ที่ใช้ตามหม่บู า้ น
ข. การไฟฟา้ สว่ นภมู ิภาค
ค. การไฟฟ้านครหลวง
ง. ทั้ง ข. และ ค.
13. พนกั งานทม่ี หี น้าท่ีซอ่ มแซมและบารุงรักษาไฟฟ้า ตามกฎกระทรวงฯ มีความหมายตรงกับข้อใด
ก. ชา่ งซ่อมไฟ
ข. ชา่ งบรกิ ารไฟฟา้
ค. พนกั งานไฟฟ้า
ง. ลูกจา้ งซึ่งปฏิบตั งิ านเก่ยี วกับไฟฟ้า
14. ในพ้ืนที่ท่ีมอี นั ตรายจากไฟฟา้ จะต้องปฏิบตั ิตามขอ้ ใด
ก. อนญุ าตให้ลูกจ้างเขา้ ใกล้ได้เป็นบางคนเท่าน้ัน
ข. ติดปา้ ยอักษรหรอื สญั ลักษณ์เตือนใหร้ ะวงั อนั ตราย
ค. ตดั กระแสไฟฟ้าเพื่อป้องกันอันตราย
ง. ประกาศแจง้ เตือนเปน็ ระยะ
15. ขอ้ ใดเป็นสถานที่อบั อากาศ
ก. ห้างสรรพสินค้า
ข. โรงภาพยนตร์
ค. ตลาดสด
ง. ถ้า
16. บริเวณสถานทีอ่ ับอากาศ นายจ้างควรทาป้ายแจง้ ข้อความว่าอยา่ งไร
ก. สถานท่สี ว่ นบุคคล หา้ มเข้า
ข. ทอ่ี บั อากาศ อันตราย หา้ มเข้า
ค. เข้าไดเ้ ฉพาะผมู้ ีสขุ ภาพแข็งแรง
ง. หา้ มเข้าทุกกรณี
17. ขอ้ ใดเปน็ ปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่เกดิ จากผ้ปู ระกอบการ
ก. กฎหมายมคี วามซ้าซ้อน
ข. ไมก่ ล้าบังคับใช้
ค. ไม่มีความรู้ ไมเ่ ข้าใจเหตผุ ล
ง. ไมเ่ ข้าใจสทิ ธิของตนเอง
145
18. หนว่ ยงานท่ดี ูแลดา้ นความปลอดภัยและสภาพแวดลอ้ มในการทางานโดยตรง คือข้อใด
ก. กรมสวัสดิการและคมุ้ ครองแรงงาน
ข. กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ค. สานกั งานมาตรฐานผลติ ภัณฑ์อตุ สาหกรรม
ง. กระทรวงสาธารณสุข
19. หนว่ ยงานใดรบั ผดิ ชอบด้านสุขภาพของประชาชน
ก. กรุงเทพมหานคร
ข. กระทรวงสาธารณสขุ
ค. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม
ง. สานกั งานมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์อตุ สาหกรรม
20. หากตอ้ งการข้อมลู ดา้ นวิชาการดา้ นอาชวี อนามยั ความปลอดภัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน ควร
ตดิ ตอ่ หนว่ ยงานใด
ก. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ข. สานกั เทคโนโลยีความปลอดภัย
ค. กระทรวงอตุ สาหกรรม
ง. กรงุ เทพมหานคร
146
บันทึกหลังการสอน
ขอ้ สรุปหลังการสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
ปัญหาท่ีพบ
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
แนวทางแกป้ ญั หา
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
......................................................................................................... .......................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการท่ี 18 147
รหสั 20001-1001 อาชวี อนามยั และความปลอดภยั (2-0-2)
ชือ่ หน่วย/เรื่อง ทบทวน/สอบปลายภาคเรยี น หนว่ ยที่ -
สอนครง้ั ท่ี 18 (35-36)
จานวน 2 ช.ม.
แนวคิด
จากการท่ีผ้เู รียนไดศ้ ึกษาวชิ านี้ จะไดร้ บั ความรคู้ วามเข้าใจ และเกดิ ทักษะการฝกึ ปฏิบัติกิจกรรมการ
เรยี นโดยเน้นผู้เรียนเปน็ ศนู ย์กลาง ให้ผเู้ รยี นฝกึ คดิ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติ โดยยึด
หลกั การนาไปใช้ให้เกิดไปประโยชน์ในการพัฒนาสังคม พร้อมท้ังนาหลักคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และ
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผู้สาเรจ็ การศึกษา สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มาประยุกต์ใช้กับ
กิจกรรมการเรยี นอย่างเหมาะสม
ผลการเรยี นรู้ทคี่ าดหวัง
1. นาเรอ่ื งที่ทบทวนตามเนื้อหาวิชาไปใช้ประโยชนไ์ ด้
2. แจ้งคะแนนระหว่างภาคเรียนให้ผูเ้ รียน
3. แกป้ ัญหาการเรยี นของผเู้ รยี นได้
4. ผเู้ รยี นนาความร้ทู ีศ่ กึ ษามาไปสอบปลายภาคเรียนได้
5. มีการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของผสู้ าเร็จการศึกษา
สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ท่ีครูสามารถสังเกตได้ขณะทาการสอนในเร่ือง
5.1 ความมีมนษุ ยสัมพันธ์
5.2 ความมวี นิ ัย
5.3 ความรับผิดชอบ
5.4 ความซอ่ื สัตยส์ ุจรติ
5.5 ความเช่อื มน่ั ในตนเอง
5.6 การประหยัด
5.7 ความสนใจใฝุรู้
5.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนัน
5.9 ความรกั สามัคคี
5.10 ความกตัญญกู ตเวที
สมรรถนะรายวิชา
1.แสดงความร้เู กี่ยวกับหลกั การจัดการ ควบคุม ปูองกนั และแก้ไขปัญหาดา้ นอาชวี อนามัยและ
ความปลอดภัยในการปฏบิ ตั งิ าน
148
2.วางแผนการดาเนินการเบอ้ื งต้นในการควบคุม ปูองกันมลพิษ โรคและอุบตั ภิ ยั ทีเ่ กดิ จากการ
ทางาน
3.วางแผนปรับปรุงสภาพการทางานตามหลักการยุทธศาสตร์ อาชวี อนามัยและความปลอดภยั
4.อา่ นและปฏิบัติตามเคร่ืองหมายและสัญลกั ษณ์ความปลอดภยั
5.เลือกใช้เคร่ืองปูองกนั อันตรายตามสถานการณ์
6.ปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นตามหลกั การและกระบวนการ
สาระการเรยี นรู้
1. ทบทวนเนือ้ หาวชิ าทไี่ ด้ศกึ ษามาแบบย่อ
2. รวบรวมคะแนนระหวา่ งภาคเรียน
3. ปญั หาการเรียนของผเู้ รียน
4. สอบปลายภาคเรียน
กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. ครูแจง้ ใหผ้ ้เู รียนทราบคะแนนระหว่างภาค และกลางภาค จุดประสงค์ท่ผี ุ้เรยี นยังไม่ได้ปฏิบัติ
หรือไมผ่ า่ น หรือไม่ไดส้ อบ ให้ผู้เรียนดาเนนิ การโดยพบครผู สู้ อนกาหนดวนั เวลาท่ีจะปฏิบัติหรอื
สอบ หรือเรียนเพ่ิมเติม
2. ผูเ้ รียนรับทราบจุดประสงค์การสอบปลายภาควา่ จะมกี ารสอบเรื่องใดบา้ ง ผุเ้ รียนไมเ่ ขา้ ใจเรื่องใด
กใ็ ห้ซกั ถาม
3. ครูและผู้เรยี นรว่ มกันทบทวนบทเรียนทีผ่ า่ นมาโดยสรปุ
สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1.ขอ้ มลู การเกบ็ คะแนนของผเู้ รียน
2.จุดประสงค์การสอบปลายภาค
หลกั ฐาน
1.ใบเชค็ รายชือ่ เข้าห้องเรียน และเขา้ ห้องสอบ
2.ขอ้ สอบ
3.เอกสารในการสอบตา่ ง ๆ
การวดั ผลและการประเมนิ ผล
เป็นไปตามเกณฑ์ที่ไดแ้ จง้ ไว้ในแผนการจดั การเรียนรสู้ ัปดาหท์ ี่ 1-18
กจิ กรรมเสนอแนะ
แจ้งการประเมนิ ผลนักเรยี นท่ีติด ร, มส
149
บันทึกหลังการสอบ
ขอ้ สรุปหลงั การสอน
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................... .................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
ปญั หาท่ีพบ
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ....................
แนวทางแกป้ ญั หา
............................................................................................. ...................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................
............................................................................................................................. ...................