The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การบริหารการทดสอบ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-03-14 10:57:49

การบริหารการทดสอบ

การบริหารการทดสอบ

รายงาน
การบริหารการทดสอบออนไซต์และออนไลน์

เสนอ
อาจารย์ปั ญจา ชูช่วย

จัดทำโดย

นางสาวกิตติยาพร มีชนะ 6301104001003

นางสาวเกศินี แดงเอียด 6301104001004

นางสาวลักษมี อนุกูล 6301104001017

นางสาวกุลิสรา ช่วยแก้ว 6301104001019

นางสาวสโรชา คลอดแคล้ว 6301104001021

นางสาวสุธิดา ช่างสุวรรณ 6301104001022

รายงานนี้เป็ นส่วนหนึ่งของรายวิชา การวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาผู้เรียน
EMR0101

สาขาวิทยาศาสตร์ทั่วไป คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี



คำนำ

รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่ อเป็ นส่วนหนึ่ งของรายวิชาการ
วัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาผู้เรียน ระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่ 2
เพื่อศึกษาหาความรู้ในเรื่อง การบริหารการทดสอบ ทั้งในรูป
แบบการเรียนแบบออนไลน์และการเรียนแบบออนไซต์ ให้
เข้าใจมากยิ่งขึ้นและเป็ นการหาข้อมูลประกอบเรียนรู้ใน
ห้องเรียน เพื่อให้ผู้เรียนรู้จักค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่ง
รายงานฉบับนี้ได้รวบรวมข้อมูลดังกล่าวไว้อย่างเป็ นหมวดหมู่
เพื่ อให้ง่ายต่อการสืบค้นและเป็ นประโยชน์ต่อการเรียนการ
สอนรายวิชาการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาผู้เรียนในเรื่อง
การบริหารการทดสอบ

ผู้จัดทำหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน
หรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อ
แนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้ อมรับไว้และ
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

คณะผู้จัดทำ
10 มีนาคม 2565

สารบัญ ข

เรื่อง หน้า

คำนำ ก
สารบัญ ข
ความสำคัญของการบริหารการสอบ 2
หลักการและกระบวนการบริหารการสอบ 3
การวางแผนการสอบ 5
การดำเนินการเมื่อหมดเวลาการสอบ 15
การนำผลการสอบไปใช้ 16
สรุป 20
การบริหารการทดสอบแบบ ON SITE 21
การบริหารการทดสอบแบบ ON LINE 38
บรรณานุกรม 54

1

การบริหารการสอบ

การสอบเป็ นกระบวนการที่จะช่วยให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับ

การเรียนการสอน ผลการสอบจะมีความถูกต้อง เที่ยงตรง

และเชื่อถือได้มากน้ อยเพียงใด นอกจากจะขึ้นอยู่กับ

คุณภาพของแบบทดสอบแล้ว ยังขึ้นอยู่กับการบริหารการ

สอบ เพราะถ้าการบริหารการสอบไม่ดีหรือไม่มี

ประสิทธิภาพ ก็จะส่งผลต่อคุณภาพของการสอบ ผลการ

สอบที่ได้อาจมีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เมื่อนำ

คะแนนผลการสอบที่ได้ไปประเมินผลหรือตัดสินผลการ

เรียนก็ย่อมเกิดความผิดพลาดได้ แต่ถ้ามีการบริหารการ

สอบที่ดี ก็จะช่วยให้ได้ผลการสอบที่มีคุณภาพ มี

ความคลาดเคลื่อนน้ อย ซึ่งจะส่งผลต่อการประเมินผลหรือ

ตัดสินผลการเรียนที่มีความถูกต้อง และเชื่อถือได้ ดังนั้น

ในการบริหารการสอบในการบริหารการสอบผู้บริหารสถาน

ศึกษา และบุคคลที่เกี่ยวข้องจึงต้องดำเนินการอย่างเป็น

ระบบ มีการวางแผน กำหนดแนวปฏิบัติให้ชัดเจน ดำเนิน

การตามแผนและแนวปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลการ

สอบมีคุณภาพและนำไปใช้ในการประเมินผลเพื่อปรับปรุง

และพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพได้

2

1. ความสำคัญของการ
บริหารการสอบ

การบริหารการสอบเป็ นกระบวนการดำเนินงานเกี่ยว

กับการวางแผนการสอบการดำเนินการสอบ และการนำผล

การสอบไปใช้สำหรับการประเมินผลการเรียนและรายงานผล

การเรียนต่อผู้เกี่ยวข้อง การบริหารการสอบจึงมีความสำคัญ

ดังนี้

1.1 ทำให้การดำเนินการสอบมีความเป็นระบบ เป็นไปตาม

แผนการสอบ และบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้

1.2 ช่วยให้ได้ผลการสอบที่มีความถูกต้อง เที่ยงตรง และเชื่อ

ถือได้ ทำให้เกิดความมั่นใจต่อการนำผลการสอบไปใช้ในการ

ประเมินผลการเรียนมากยิ่งขึ้น

1.3 ทำให้บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน

ผู้ปกครอง และผู้สอบได้มีการเตรียมความพร้อมในการ

ดำเนินการสอบตามบทบาทหน้ าที่ของแต่ละบุคคล

1.4 ทำให้มีการนำผลการสอบไปใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ทั้ง

ในด้านการปรับปรุงและพัฒนาผู้เรียน ผู้สอน และผู้บริหาร

สถานศึกษาตลอดจนการรายงานผลการเรียนต่อผู้ปกครอง

1.5ช่วยสนับสนุนส่งเสริมให้ผู้สอบได้แสดงความสามารถและ

พัฒนาตนเองเต็มศักยภาพ

3

2. หลักการและกระบวนการ
บริหารการสอบ

ในการบริหารการสอบที่จะทำให้ได้ผลการสอบมีความถูกต้อง เชื่อ
ถือได้ และป้ องกันความคลาดเคลื่อนที่จะเกิดขึ้นจากดำเนินการสอบ
จึงควรใช้หลักการบริหารการสอบดังต่อไปนี้
2.1มีจุดมุ่งหมาย โดยกำหนดจุดมุ่งหมายของการสอบให้ชัดเจนเพื่อ
เป็ นทิศทางในการดำเนินการสอบให้มีประสิทธิภาพ
2.2มีแผนการดำเนินงาน โดยมีการวางแผนการสอบอย่างรอบคอบ
ว่าจะสอบอะไร สอบอย่างไร สอบเมื่อไร สอบที่ใด และใครเป็นผู้รับ
ผิดชอบ
2.3มีแนวปฏิบัติ โดยกำหนดแนวปฏิบัติในการดำเนินการสอบที่
ชัดเจนและแจ้งให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องได้ทราบ
2.4มีการเตรียมความพร้อม โดยดำเนินการให้อาจารย์และบุคลากร
ที่เกี่ยวข้องกับการสอบมีความพร้อมในการจัดทำแบบทดสอบ จัด
เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ในการสอบ สถานที่สอบ และการดำเนินการสอบ
2.5มีความสะดวก โดยดำเนินการให้ผู้เข้าสอบได้รับความสะดวก
สูงสุด มีการรบกวนน้ อยที่สุดเพื่อให้ผู้เข้าสอบได้ใช้ความรู้ความ
สามารถในการทำแบบทดสอบอย่างเต็มศักยภาพ
2.6มีความยุติธรรม โดยดำเนินการให้ผู้เข้าสอบได้รับความยุติธรรม
เสมอหน้ ากันทั้งในเรื่อง การแจกและเก็บแบบทดสอบ การชี้แจงใน
การสอบ การใช้เวลาในการสอบและการกำกับการสอบ
2.7มีประสิทธิผล โดยมีการกำกับดูแลให้ดำเนินการสอบเป็นไปตาม
แผนการสอบและแนวปฏิบัติในการสอบอย่างเคร่งครัดจนบรรลุจุด
มุ่งหมายของการสอบ

4

ภาพที่ 1 กระบวนการ
บริหารการสอบ

สำหรับกระบวนการบริหารการสอบ ประกอบด้วย การ
ดำเนินงานที่สำคัญ 3 ขั้นตอน ซึ่งมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน
คือ การวางแผนการสอบ การดำเนินการสอบและการนำผล
การสอบไป
ใช้ ดังแสดงในภาพที่ 1

5

3. การวางแผนการสอบ

3.1 การสร้างแบบทดสอบ การสร้างแบบทดสอบถือว่าเป็นภาระ
งานที่สำคัญของครูผู้สอนหรือผู้ที่รับผิดชอบในการประเมินผล ซึ่ง
จะต้องจัดสร้างแบบทดสอบให้มีคุณภาพก่อนที่จะนำแบบทดสอบไป
ใช้ต่อไป ซึ่งหลักทั่วไปในการสร้างแบบทดสอบมีขั้นตอนที่สำคัญ 4
ขั้นตอน ดังนี้ (Stanley and Hopkins 1927: 171)
3.1.1 การวางแผนสร้างแบบทดสอบ โดยดำเนินการดังนี้
1) การแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการสร้างแบบทดสอบ
2) กำหนดจุดมุ่งหมายในการสร้างแบบทดสอบให้ชัดเจน โดยระบุ
สิ่งที่ต้องการทดสอบ กลุ่มเป้ าหมายที่จะทดสอบและการนำผลการ
ทดสอบไปใช้
3)วิเคราะห์หลักสูตรโดยวิเคราะห์ทั้งจุดประสงค์การเรียนรู้หรือ
พฤติกรรมที่ต้องการวัด และเนื้อหาวิชาที่ต้องการวัด
4)สร้างตารางวิเคราะห์หลักสูตรหรือตารางกำหนดรายละเอียดของ
การสร้างแบบทดสอบ
3.1.2การเตรียมงานเขียนข้อสอบและลงมือเขียนข้อสอบฉบับร่าง
(draft)
3.1.3 การทดลองสอบ (tryout) เพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับการประเมิน
และปรับปรุงแบบทดสอบ
3.1.4 การประเมินผลแบบทดสอบ โดยการวิเคราะห์รายข้อเพื่อคัด
เลือกปรับปรุงข้อสอบและการวิเคราะห์ทั้งฉบับเพื่อตรวจสอบ
คุณภาพของแบบทดสอบในด้านความเชื่อมั่นและความเที่ยงตรง

6

3. การวางแผนการสอบ

3.2 การจัดชุดแบบทดสอบ
กรอนลันด์(Gronlund 1981: 243) ได้แนวคิดว่า การจัดชุด

แบบทดสอบให้เป็ นระบบ
ต้องพิจารณาจากองค์ประกอบต่อไปนี้คือ
1) ชนิดของข้อสอบที่ใช้ 2) พฤติกรรมที่จะวัด 3) ความแตก
ต่างของข้อสอบแต่ละชนิด และ 4) เนื้อหาที่จะวัด ดังนั้นในการ
จัดชุดแบบทดสอบจึงควรเรียงลำดับข้อสอบตามการใช้ความ
สามารถของผู้สอบจากระดับที่ง่ายไปถึงระดับที่ยาก คือ ข้อสอบ
แบบถูก-ผิด แบบจับคู่ แบบคำตอบสั้น แบบเลือกตอบ และแบบ
ความเรียงหรืออัตนัย คูบิสไซน์และบอริช (Kubiszyn and
Borich 1996: 122) ได้เสนอแนวทางการจัดชุดแบบทดสอบไว้
ดังนี้
3.1.2ควรจัดข้อสอบที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกันหรือชนิดเดียวกัน
ไว้ในตอนเดียวกัน
3.1.3การจัดเรียงข้อสอบจากชนิดที่ง่าย (แบบถูก-ผิด) ไปจนถึง
ชนิดที่ยาก(แบบความเรียง)
3.1.4ควรจัดเรียงข้อสอบให้สามารถอ่านได้ง่ายโดยจัดระยะรูป
แบบการพิมพ์ข้อสอบไม่ให้อัดแน่นจนเกินไป
3.1.5 ต้องจัดให้ตัวค าถามและตัวเลือกอยู่ในหน้ าเดียวกัน

7

3. การวางแผนการสอบ

3.1.6 ควรจัดให้แผนภาพ รูปภาพ หรือคำอธิบายเกี่ยวกับภาพที่
เป็นส่วนหนึ่งของข้อสอบและข้อสอบ(คำถามและตัวเลือก) อยู่
ใกล้กัน โดยควรให้อยู่ก่อนถึงตัวข้อสอบและให้อยู่หน้ าเดียวกัน
ด้วย
3.1.7.ควรจัดเรียงตัวเลือกที่ถูกหรือคำตอบแบบสุ่ม หลีกเลี่ยง
การจัดเรียงที่เป็ นระบบอย่างใดอย่างหนึ่ ง
3.1.8.ควรกำหนดวิธีการตอบข้อสอบให้ชัดเจนว่าต้องการให้
ตอบในแบบทดสอบหรือในกระดาษคำตอบ
3.1.9.เว้นที่ว่างให้เพียงพอกับการเขียนข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้า
สอบและการสอบ เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัว รายวิชาที่
สอบ
3.1.10.ตรวจสอบคำชี้แจงของแบบทดสอบว่าเขียนได้
ครอบคลุม ชัดเจนเพียงใด คำชี้แจง แนะนำควรประกอบด้วย
จำนวนข้อสอบ วิธีการตอบข้อสอบ หลักการเลือกคำตอบและ
เกณฑ์การให้คะแนน
3.2.10 ตรวจทานแบบทดสอบให้มีความถูกต้องสมบูรณ์ ทั้งใน
ด้านรูปแบบของข้อสอบ การจัดเรียงข้อสอบ ภาษาที่ใช้ ซึ่งอาจ
ใช้แบบตรวจสอบการจัดชุดแบบทดสอบเป็ นเครื่ องมือดำเนิน
การ ดังแสดงในภาพที่ 2

8

ภาพที่ 2 แบ
บตรวจสอบ
การจัดชุดแบบทดสอบ

9

3. การวางแ
ผนการสอบ

3.3 การเขียนคำชี้แจงของแบบทดสอบ

คำชี้แจงของแบบทดสอบ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของแบบทดสอบซึ่ง

จะช่วยสร้างความเข้าใจในการทำข้อสอบให้แก่ผู้สอบปฏิบัติได้อย่างถูก

ต้องและช่วยป้ องกันปัญหาหรือความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการ

ดำเนินการสอบ ดังนั้นในแบบทดสอบจึงต้องมีคำชี้แจงไว้เป็ นแนว

ปฏิบัติ สำหรับผู้สอบ ซึ่งแทรกซ์เลอร์(Payne 1992:104, Citing in

Traxler 1951) ได้ให้แนวทางในการเขียนคำชี้แจงของแบบทดสอบไว้

7 ประการดังนี้

1).ต้องเขียนคำชี้แจงให้ผู้สอบและผู้ดำเนินการสอบเข้าใจในจุดประสงค์

ของการสอบ

2).เขียนคำชี้แจงให้มีความสมบูรณ์ ชัดเจน รัดกุมและเฉพาะเจาะจงที่

สะดวกต่อการปฏิบัติ

3).สิ่งที่สำคัญ/กิจกรรมใดที่ต้องการเน้ นย้ำให้แสดงด้วยข้อความที่ขีด

เส้นใต้ อักษรตัวหนา/ตัวเอน

4).เขียนคำชี้แจงแนะนำให้ผู้สอบและผู้ดำเนินการสอบมีความเข้าใจ

ครอบคลุมทั้งก่อนการสอบระหว่างการสอบ และหลังการสอบ

5).ควรทดลองให้ผู้สอบและผู้ดำเนินการสอบได้อ่านคำชี้แจงก่อนเพื่อ

ตรวจสอบความเข้าใจแล้วปรับปรุงแก้ไขให้คำชี้แจงมีความสมบูรณ์ยิ่ง

ขึ้น

6) ควรรักษารูปแบบของคำชี้แจงในแบบทดสอบแต่ละชนิดที่แตกต่าง

กันให้อยู่ในรูปแบบเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน

10

3. การวางแ
ผนการสอบ

7).ในบางกรณีอาจต้องอธิบายคำชี้แจงเพิ่มเติมมากกว่าที่เขียนไว้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เรียนวัยเด็ก ผู้เรียนที่ไม่คุ้นเคยกับภาษา

และวัฒนธรรม เช่น ผู้เรียนจากต่างชาติ ผู้เรียนทางการศึกษาพิเศษ

นอกจากแนวทางการเขียนดังกล่าวข้างต้น มีสิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่ม

เติมอีก ดังนี้

7.1) คำชี้แจงควรประกอบด้วย จุดมุ่งหมายของการวัด ลักษณะของ

แบบทดสอบ จำนวนข้อสอบ เวลาที่ใช้ในการสอบ วิธีการตอบและ

การตรวจให้คะแนน

7.2) ถ้าแบบทดสอบฉบับนั้น ประกอบด้วยข้อสอบหลายชนิด อาจ

เขียนคำชี้แจงในภาพรวมที่ระบุถึงลักษณะของแบบทดสอบทั้งฉบับ

จำนวนข้อสอบในแต่ละชนิด เวลาที่ใช้ในการสอบและควรเขียนคำ

ชี้แจงเกี่ยวกับวิธีการตอบให้มีลักษณะเฉพาะตามลักษณะชนิดของ

ข้อสอบ

7.3) หากจำเป็นต้องการระบุเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำตอบ

และการตรวจให้คะแนน ควรกำหนดไว้ในคำชี้แจงด้วย เช่น

ต้องการคำตอบที่มีทศนิยมกี่ตำแหน่ง มีหน่วยแสดงด้วย การตรวจ

ให้คะแนนมีการหักคะแนนการเดาหรือไม่ ต้องระบุให้ชัดเจน

7.4)ถ้ากำหนดให้ตอบในกระดาษคำตอบ ควรชี้แจงให้ผู้สอบ

ระมัดระวังในการตอบ โดยตอบให้ตรงกับข้อคำถามแต่ละข้อด้วย

7.5) ถ้าต้องการจะนำแบบทดสอบไปใช้ในโอกาสต่อไป ต้องชี้แจงให้

ผู้สอบทราบและห้ามทำ×เครื่องหมายหรือขีดเขียนสิ่งต่างๆ ลงใน

แบบทดสอบ

11

3. การวางแ
ผนการสอบ

การเขียนคำชี้แจงจะมีรายละเอียดมากน้ อยเพียงใดขึ้นอยู่
กับจุดมุ่งหมายของการสอบ ระดับวัยของผู้สอบ และความ
คุ้นเคยต่อคำชี้แจงของผู้สอบว่ามีมากน้ อยเพียงใด ซึ่งต้อง
พิจารณาประกอบด้วย ดังตัวอย่างการเขียนคำชี้แจงของแบบ
ทดสอบ สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา
ตัวอย่างคำชี้แจง
1) แบบทดสอบนี้ต้องการวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงาน
ช่างพื้นฐานในบ้าน
2) ลักษณะข้อสอบเป็นแบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือกำนวน
60 ข้อให้เวลาทำ 40 นาที
3) ให้อ่านข้อสอบแต่ละข้อด้วยความละเอียดรอบคอบ แล้ว
ตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่ถูก
ที่สุดเพียงคำตอบเดียว โดยทำเครื่องหมาย × ทับตัวอักษร ก
ข ค หรือ ง ในกระดาษคำตอบ
4) อย่าขีด เขียน หรือทำเครื่องหมายใดๆ ลงในแบบทดสอบ

12

3. การวางแ
ผนการสอบ

3.4 การกำหนดแผนการสอบ
ในการสอบแต่ละครั้ง ก่อนดำเนินการสอบ ผู้ดำเนินการสอบซึ่ง

ได้แก่ครูผู้สอนและผู้บริหารจะต้องกำหนดแผนการสอบไว้ให้ชัดเจน
โดยกำหนดตารางการสอบที่ระบุ วัน เวลา วิชาและสถานที่สอบแล้ว
ประกาศให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบล่วงหน้ าเพื่อให้มีการเตรียมตัวให้
พร้อมในการสอบ สำหรับผู้สอบและคณะกรรมการดำเนินการสอบ
หลักเกณฑ์สำคัญในการกำหนดแผนการสอบมีดังนี้
3.4.1.แผนการสอบต้องมีความครอบคลุมครบถ้วนทุกรายวิชาที่จะ
จัดสอบ
3.4.2.จำนวนวันที่ใช้สอบแต่ละครั้งไม่ควรมากหรือน้ อยเกินไป และ
ในแต่ละวันไม่ควรกำหนดให้มีการสอบหลายๆวิชา เพราะจะทำให้ผู้
สอบขาดความพร้อมและเกิดความตรึงเครียด หรือเมื่อยล้าเกินไป
จำนวนวันที่เหมาะสมจะต้องคำนึงถึงระดับวัยของผู้สอบอีกด้วย
3.4.3.ระยะเวลาในการสอบแต่ละรายวิชา ควรกำหนดให้เหมาะสม
โดยพิจารณาจากจุดมุ่งหมายของการสอบ ระดับความยากง่ายและ
ลักษณะของข้อสอบ ตลอดจนระดับวัยของผู้สอบด้วย
3.4.4.ต้องประกาศให้ผู้สอบและผู้ดำเนินการสอบทุกคนได้ทราบ
เกี่ยวกับแผนการสอบล่วงหน้ า ไม่ควรมีการสอบโดยที่ผู้สอบและผู้
ดำเนินการสอบไม่ทราบมาก่อนล่วงหน้ า
3.4.5.แผนการสอบที่ดีต้องมีความเป็นไปได้ และมีความยืดหยุ่นใน
การปฏิบัติ

13

3. การวางแ
ผนการสอบ

3.5 สถานที่สอบและห้องสอบ ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
3.5.1 ความสะดวก สถานที่สอบควรเลือกหรือจัดการให้มี
ความสะดวกในการดำเนินการสอบ
3.5.2 ความสงบเงียบ สถานที่สอบหรือห้องสอบควรเลือก
หรือจัดการให้มีความสงบเงียบ ปลอดจากเสียงและกลิ่นที่จะ
มารบกวนการดำเนินการสอบซึ่งจะส่งผลต่อคะแนนผลการ
สอบได้
3.5.3 ความปลอดโปร่ง สถานที่สอบหรือห้องสอบ ควรเลือก
หรือจัดการให้มีบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินการสอบ
โดยควรจัดห้องสอบให้มีอากาศปลอดโปร่ง แสงสว่างเพียงพอ
ไม่มืดทึบ หรือร้อนอบอ้าว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินการ
สอบ
3.6 การเตรียมอุปกรณ์การสอบ

ในการสอบแต่ละครั้ง ผู้ดำเนินการสอบจะต้องเตรียม
อุปกรณ์การสอบให้พร้อม อุปกรณ์ที่
สำคัญในการสอบก็คือแบบทดสอบ

14

3. การวางแ
ผนการสอบ

3.7 การเตรียมผู้ดำเนินการสอบ

การสอบจะดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุตามจุดมุ่งหมายของการสอบ

หรือไม่เพียงใดขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินการสอบหรือผู้กำกับการสอบเป็ นสำคัญซึ่งจะต้อง

จัดเตรียมให้ครบถ้วนตามที่ต้องการและควรมีการประชุมชี้แจงแนวปฏิบัติหรือจัด

ทำคู่มือดำเนินการสอบสำหรับแจกให้ผู้ดำเนินการสอบทุกคนได้ศึกษาและยึดถือเป็ น

แนวปฏิบัติให้ถูกต้อง

3.7.1 การดำเนินการสอบ

ในการดำเนินการสอบมีหลักการสำคัญที่ผู้ดำเนินการสอบต้องคำนึงถึงก็คือ จะต้อง

ให้ผู้สอบทุกคนมีโอกาสแสดงความสามารถด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ต้องการ

จะวัดอย่างเท่าเทียมกัน โดยจะต้องจัดสภาพการสอบ สร้างบรรยากาศและเจตคติที่

ดีต่อการสอบ ให้คำชี้แจงแนะนำการตอบแบบทดสอบอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนควบคุม

ดูแลการสอบอย่างทั่วถึง ดังนั้นในการดำเนินการสอบจึงต้องพยายามดำเนินการ

อย่างยุติธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้สอบ ซึ่งมีแนวปฏิบัติดังนี้

1. การดำเนินการก่อนเริ่มสอบ

1.1 ตรวจสอบความเรียบร้อยทั่วๆไป

1.2 ให้ผู้สอบเข้าห้องสอบก่อนเวลาสอบ 15 นาที

1.3 สร้างบรรยากาศและแรงจูงใจในการสอบ โดยผู้ดำเนินการสอบควรพูดกระตุ้น

จูงใจให้ผู้สอบเห็นคุณประโยชน์ของการสอบ มีความตั้งใจในการตอบข้อสอบอย่าง

เต็มความสามารถ ให้กำลังใจผู้สอบ ไม่ข่มขู่พูดหรือกระทำสิ่งใดๆ ที่จะทำให้ผู้สอบมี

ความวิตกกังวล ตึงเครียดหรือขวัญเสีย

1.4 แจกแบบทดสอบให้ผู้สอบ

1.5ให้คำชี้แจงในการสอบ โดยชี้แจงเฉพาะสาระที่ปรากฏในคำชี้แจงของแบบ

ทดสอบเท่านั้นและควรให้โอกาสผู้สอบได้ซักถามข้อสงสัยต่างๆ จนเข้าใจก่อนที่จะ

ลงมือตอบข้อสอบ แต่พึงระวังในการตอบข้อซักถามจะต้องไม่ให้เป็นการชี้แนะหรือ

บอกใบ้คำตอบ

2. การดำเนินการขณะสอบ

ควบคุมดูแลการสอบอย่างทั่วถึง บอกเวลาผู้สอบเป็นระยะๆ

15

4แ.ลกะา5รด. ำกเานรินนำก
ผารลเกมื่าอรหสมอดบเไวปลใาช้การสอบ

4. การดำเนินการเมื่อหมดเวลาการสอบ
1. แจ้งนักเรียนว่าหมดเวลาการสอบ
2. ให้นักเรียนทุกคนส่งข้อสอบของตนเอง โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับ
ข้อสอบของผู้อื่น
5. การนำผลการสอบไปใช้

การทดสอบจะเกิดคุณประโยชน์อย่างมากต่อการเรียนการ
สอน ถ้าหากว่าหลังจากดำเนินการสอบและตรวจให้คะแนน
แล้ว ได้มีการนำผลการสอบไปใช้ให้คุ้มค่า ซึ่งพิจารณาได้จาก
แผนผังความคิด
(Mind mapping) ดังแสดงในภาพที่ 3

16

5. การนำผล
การสอบไปใช้

17

5. การนำผล
การสอบไปใช้

จากแผนผังความคิดดังกล่าว จะเห็นว่า ผลการทดสอบสามารถ
นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน ครู ผู้ปกครองและผู้บริหารได้
ดังนี้
5.1 การใช้ผลการทดสอบพัฒนาผู้เรียน ครูผู้สอนสามารถนำผลการ
ทดสอบไปใช้พัฒนาผู้เรียนได้ใน 3 ลักษณะ ดังนี้
5.1.1 การวินิจฉัยผู้เรียน (Diagnosis) เป็นการใช้ผลการทดสอบ
หรือการประเมินผลก่อนการเรียนการสอน เพื่อตรวจสอบความรู้พื้น
ฐานของผู้เรียนว่ายังมีข้อบกพร่องในเรื่องใด ครูผู้สอนจะได้จัดการ
สอนซ่อมเสริมความรู้พื้นฐานให้มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ต่อไป
5.1.2 การปรับปรุงการเรียนรู้ เป็นการใช้ผลการทดสอบหรือการ
ประเมินผลระหว่างเรียน (Formative evaluation) เพื่อตรวจสอบ
ว่าผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามจุดประสงค์การเรียนรู้หรือไม่
หากพบว่าผู้เรียนยังไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้หรือยังมีข้อ
บกพร่องในเรื่องใด ครูผู้สอนก็จะได้ปรับปรุงแก้ไข โดยการจัดสอน
ซ่อมเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามจุดประสงค์การเรียน
รู้ที่กำหนดไว้
5.1.3 การตัดสินผลการเรียน เป็นการใช้ผลการทดสอบ หรือการ
ประเมิน ผลรวม (Summative evaluation) หลังจากสิ้นสุดการ
เรียนการสอนของแต่ละรายวิชา เพื่อตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีความรู้
ความสามารถในรายวิชานั้นเพียงใด แล้วพิจารณาตัดสินผลการ
เรียนตามเกณฑ์ที่กำหนดว่า ผู้เรียนแต่ละคนควรจะได้ระดับผลการ
เรียนใด

18

5. การนำผล
การสอบไปใช้

5.2 การใช้ผลการทดสอบปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอน
ของครู เมื่อครูจัดการเรียนการสอนแต่ละรายวิชา และได้มีการทดสอบ
แล้ว ผลการทดสอบก็คือตัวชี้ที่แสดงถึงผลการเรียนของผู้เรียนซึ่งเป็น
ผลอันเนื่องมาจากการสอนของครูนั่นเอง ถ้าผลการเรียนหรือผลการ
ทดสอบอยู่ในเกณฑ์ดีก็อาจกล่าวได้ว่าเป็ นเพราะครูใช้เทคนิควิธีการ
สอนที่ดีมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าผลการเรียนหรือผลการทดสอบอยู่ใน
เกณฑ์ไม่ดี ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพราะครูใช้เทคนิควิธีการสอนที่ไม่
เหมาะสม ดังนั้นผลการทดสอบจะเป็นข้อมูลย้อนหลัง(Feedback) ให้
ครูพิจารณาทบทวน ปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มี
ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังแสดงในภาพที่ 4

ภาพที่ 4 การใช้ผลการทดสอบปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของครู

19

5. การนำผล
การสอบไปใช้

5.3 การใช้ผลการทดสอบรายงานผู้ปกครอง การรายงานผลการ

เรียนให้ผู้ปกครองทราบ

เป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบ (Accountability) ต่อการจัดการ

ศึกษาของโรงเรียนหรือการจัดการ เรียนการสอนของครู ว่าได้

จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนได้ผลเป็นอย่างไร และจะทำให้ผู้

ปกครองได้ร่วมมือในการปรับปรุงแก้ไขหรือพัฒนาผู้เรียนด้วย โดย

ทั่วไปโรงเรียนจะรายงานผลให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะๆ โดยใช้

สมุดรายงานประจำตัวผู้เรียนเพื่อให้ผู้ปกครองได้ทราบถึงผลการ

ประเมิน การผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ และผลการสอบปลายภาค

หรือปลายปี

5.4 การใช้ผลการทดสอบเป็นข้อมูลสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร

ผู้บริหารโรงเรียนจำเป็นต้องมีข้อมูลสารสนเทศ (information)

สำหรับประกอบการตัดสินใจในการบริหารงานจึงจะทำให้การบริหาร

งานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ผลการทดสอบของแต่ละ

รายวิชาหรือโดยภาพรวมทั้งโรงเรียนถือว่าเป็ นข้อมูลสารสนเทศที่

สำคัญเกี่ยวกับการเรียนการสอนที่ผู้บริหารสามารถจะนำมาเป็ น

ข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการ

เรียนการสอนของแต่ละรายวิชา หรือปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพ

การศึกษาของโรงเรียนซึ่งอาจจะมีการจัดทำแผนหรือโครงการ

พัฒนาการเรียนการสอนของรายวิชาต่างๆ ที่ปรากฏผลว่า ผลการ

ทดสอบหรือผลการเรียนรู้ของผู้เรียนไม่ดีพอ

20

สรุป


การบริหารการสอบเป็ นกลไกที่ช่วยให้การดำเนินการ

สอบมีความเป็นระบบ เรียบร้อย ยุติธรรม และได้ผลการ

สอบที่ถูกต้อง เที่ยงตรง ซึ่งจะต้องอาศัยหลักการบริหารการ

สอบที่สำคัญคือ กำหนดจุดมุ่งหมายของการสอบให้ชัดเจน มี

แผนดำเนินงาน มีแนวปฏิบัติในการดำเนินการสอบที่เหมาะ

สม มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ดำเนินการให้ผู้

สอบได้รับความสะดวกสูงสุด มีความยุติธรรม และมี

ประสิทธิผลในการดำเนินงาน ดังนั้นในการบริหารการสอบ

จึงต้องมีการวางแผนการสอบ การดำเนินการสอบ และนำผล

การสอบไปใช้ให้คุ้มค่า ครอบคลุมทั้งในการพัฒนาผู้เรียน

ปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของครู รายงาน

ผลต่อผู้ปกครอง และใช้เป็ นข้อมูลสารสนเทศสำหรับผู้

บริหารสถานศึกษาในการตัดสินใจแก้ปั ญหาหรือพัฒนา

คุณภาพการศึกษา

21



การบริหารการทดสอบแบบ ON SITE

22

การสร้างแ
บบทดสอบ

การสร้างแบบทดสอบถือว่าเป็ นภาระงานที่สำคัญของครูผู้
สอน หรือผู้ที่รับผิดชอบในการประเมินผล ซึ่งจะต้องจัดสร้าง
แบบทดสอบให้มีคุณภาพก่อนที่จะนำแบบทดสอบไปใช้ต่อไป
ซึ่งหลักทั่วไปในการสร้างแบบทดสอบมีขั้นตอนที่สำคัญ 4
ขั้นตอน ดังนี้ (Stanley and Hopkins 1927: 171)
3.1.1 การวางแผนสร้างแบบทดสอบ โดยดำเนินการดังนี้
1) การแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการสร้างแบบทดสอบ
2)กำหนดจุดมุ่งหมายในการสร้างแบบทดสอบให้ชัดเจน โดย
ระบุสิ่งที่ต้องการ ทดสอบ กลุ่มเป้ าหมายที่จะทดสอบและ
การนำผลการทดสอบไปใช้
3)วิเคราะห์หลักสูตร โดยวิเคราะห์ทั้งจุดประสงค์การเรียนรู้
หรือพฤติกรรม ที่ต้องการวัด และเนื้อหาวิชาที่ต้องการวัด
4)สร้างตารางวิเคราะห์หลักสูตรหรือตารางกำหนดราย
ละเอียดของการสร้าง แบบทดสอบ

23

การสร้างแ
บบทดสอบ

3.1.2 การเตรียมงานเขียนข้อสอบและลงมือเขียนข้อสอบฉบับร่าง

(draft)

3.1.3 การทดลองสอบ (tryout) เพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับการประเมิน

และปรับปรุง แบบทดสอบ

3.1.4 การประเมินผลแบบทดสอบ โดยการวิเคราะห์รายข้อเพื่อคัด

เลือกปรับปรุงข้อสอบ และการวิเคราะห์ทั้งฉบับเพื่อตรวจสอบ

คุณภาพของแบบทดสอบในด้านความเชื่อมั่นและความ เที่ยงตรง

3.2 การจัดชุดแบบทดสอบ กรอนลันด์(Gronlund 1981: 243) ได้

แนวคิดว่า การจัดชุดแบบทดสอบให้เป็นระบบ ต้องพิจารณาจาก

องค์ประกอบต่อไปนี้คือ

1) ชนิดของข้อสอบที่ใช้

2) พฤติกรรมที่จะวัด

3) ความแตกต่างของข้อสอบแต่ละชนิด

4) เนื้อหาที่จะวัด ดังนั้นในการจัดชุดแบบทดสอบจึง ควรเรียงลำดับ

ข้อสอบตามการใช้ความสามารถของผู้สอบจากระดับที่ง่ายไปถึง

ระดับที่ยาก คือ ข้อสอบแบบถูก-ผิด แบบจับคู่ แบบคำตอบสั้น แบบ

เลือกตอบ และแบบความเรียงหรืออัตนัย คูบิสไซน์และบอริช

(Kubiszyn and Borich 1996: 122) ได้เสนอแนวทางการจัด ชุด

แบบทดสอบไว้ดังนี้

24

การสร้างแ
บบทดสอบ

3.1.2 ควรจัดข้อสอบที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกันหรือชนิดเดียวกันไว้ในตอน
เดียวกัน
3.1.3 การจัดเรียงข้อสอบจากชนิดที่ง่าย (แบบถูก-ผิด) ไปจนถึงชนิดที่
ยาก(แบบความเรียง)
3.1.4 ควรจัดเรียงข้อสอบให้สามารถอ่านได้ง่ายโดยจัดระยะรูปแบบการ
พิมพ์ข้อสอบ ไม่ให้อัดแน่นจนเกินไป
3.1.5 ต้องจัดให้ตัวคำถามและตัวเลือกอยู่ในหน้ าเดียวกัน
3.1.6 ควรจัดให้แผนภาพ รูปภาพ หรือคำอธิบายเกี่ยวกับภาพที่เป็นส่วน
หนึ่งของข้อสอบและข้อสอบ(คำถามและตัวเลือก) อยู่ใกล้กัน โดยควรให้อยู่
ก่อนถึงตัวข้อสอบและให้อยู่หน้ าเดียวกันด้วย
3.1.7 ควรจัดเรียงตัวเลือกที่ถูกหรือคำตอบแบบสุ่ม หลีกเลี่ยงการจัดเรียงที่
เป็ นระบบอย่างใดอย่างหนึ่ ง
3.1.8 ควรกำหนดวิธีการตอบข้อสอบให้ชัดเจนว่าต้องการให้ตอบในแบบ
ทดสอบหรือในกระดาษคำตอบ
3.1.9 เว้นที่ว่างให้เพียงพอกับการเขียนข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้าสอบและการ
สอบ เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัว รายวิชาที่สอบ
3.1.10ตรวจสอบคำชี้แจงของแบบทดสอบว่าเขียนได้ครอบคลุม ชัดเจน
เพียงใด คำชี้แจงแนะนำควรประกอบด้วยจำนวนข้อสอบ วิธีการตอบ
ข้อสอบ หลักการเลือกคำตอบและเกณฑ์การให้คะแนน
3.2.10 ตรวจทานแบบทดสอบให้มีความถูกต้องสมบูรณ์ ทั้งในด้านรูปแบบ
ของข้อสอบ การจัดเรียงข้อสอบ ภาษาที่ใช้ก่อนจะจัดพิมพ์แบบทดสอบต่อ
ไป ซึ่งอาจใช้แบบตรวจสอบการจัดชุดแบบทดสอบเป็นเครื่องมือดำเนินการ

25

การสร้างแ
บบทดสอบ

26

3.4 การจัด
พิมพ์ข้อสอบ

3.4 การจัดพิมพ์ข้อสอบ
การจัดพิมพ์ข้อสอบ เป็นขั้นตอนของการผลิตหรือจัดทำแบบ
ทดสอบ (reproducting the test) ซึ่งจะต้องด าเนินการให้เสร็จ
สิ้นเรียบร้อยก่อนวันดำเนินการสอบ ในการจัดพิมพ์ข้อสอบ มี
แนวปฏิบัติ ดังนี้

3.4.1 จัดพิมพ์ข้อสอบให้สะดวก และง่ายต่อการอ่านสำหรับผู้
สอบ และผู้ตรวจข้อสอบโดยเว้นระยะระหว่างตัวข้อสอบแต่ละ
ข้อและตัวเลือกให้พอเหมาะอย่าให้ชิดติดกันจนเกินไป
3.4.2 การพิมพ์ข้อสอบต้องให้มีความถูกต้องชัดเจน ทั้งในด้าน
ตัวอักษร ภาษา แผนภาพแผนภูมิ หรือข้อมูลที่เป็นส่วนประกอบ
ของข้อสอบ
3.4.3 การจัดทำแบบทดสอบต้องให้มีจ านวนเกินกว่าจ านวนที่
ต้องการอยู่เสมอ โดยอาจให้มีจำนวนเกินกว่าที่จะใช้จริง 5-10
ชุด

3.4.4 การพิมพ์ข้อสอบแบบเลือกตอบ ตัวคำถามและตัวเลือก
ควรจัดเรียงให้อยู่ในแนวดิ่งเป็นสองส่วนของแต่ละหน้ า
3.4.5 การพิมพ์ข้อสอบแบบถูก-ผิด อาจจัดพิมพ์ส่วนที่จะใช้ตอบ
ถูกหรือผิดโดยการกาเครื่องหมายหรือเขียนวงกลม ขีดเส้นใต้ไว้
ด้านหน้ า(ทางซ้าย) หรือด้านหลัง(ทางขวา) ของตัวข้อสอบก็ได้
และอาจให้ผู้สอบทำข้อสอบในตัวข้อตอบได้เลย

27

3.4 การจัด
พิมพ์ข้อสอบ

3.4.6 การพิมพ์ข้อสอบแบบจับคู่ ควรพิมพ์ให้รายการทั้งสองที่

เป็นคำถามและคำตอบอยู่ในหน้ าเดียวกัน

3.4.7 ในกรณีที่ข้อสอบบางข้อมีแผนภาพ รูปภาพ ตารางหรือ

ข้อมูลที่เป็ นส่วนหนึ่ งของข้อสอบ ควรจัดพิมพ์ไว้ใกล้กับตัว

คำถามและควรอยู่ในหน้ าเดียวกันเพื่อให้สะดวกต่อการตอบ

ข้อสอบของผู้สอบ

3.4.8 ขอสอบแบบเติมคำ หรือแบบตอบสั้นควรเว้นที่ว่างสำหรับ

เขียนตอบไว้ต่างหากจากตัวคำถาม โดยเรียงลำดับข้อตามแนว

ดิ่ง

3.4.9 ถ้าต้องการให้ผู้สอบตอบในกระดาษคำตอบก็ควรออกแบบ

กระดาษคำตอบให้สะดวกต่อการเขียนตอบและการตรวจให้

คะแนน

3.4.10 ควรตรวจทานต้นฉบับของแบบทดสอบให้มีความถูกต้อง

ชัดเจน ก่อนการจัดพิมพ์และจัดท าแบบทดสอบทุกครั้ง และหาก

ยังมีข้อบกพร่องผิดพลาดก็ต้องแจ้งให้ผู้สอบแก้ไขให้ถูกต้องก่อน

ลงมือทำข้อสอบ

28

3.5 การกำหนดแผนการ
สอบในการ
สอบแต่ละครั้ง

ก่อนดำเนินการสอบ ผู้ดำเนินการสอบซึ่งได้แก่ครูผู้สอนและผู้
บริหารจะต้องกำหนดแผนการสอบไว้ให้ชัดเจน โดยก าหนดตาราง
การสอบที่ระบุ วัน เวลา วิชาและสถานที่สอบแล้วประกาศให้ผู้
เกี่ยวข้องได้ทราบล่วงหน้ าเพื่อให้มีการเตรียมตัวให้พร้อมในการ
สอบสำหรับผู้สอบและคณะกรรมการดำเนินการสอบ หลักเกณฑ์ส
าคัญในการกำหนดแผนการสอบมี ดังนี้
3.5.1 แผนการสอบต้องมีความครอบคลุมครบถ้วนทุกรายวิชาที่จะ
จัดสอบ

3.5.2 จำนวนวันที่ใช้สอบแต่ละครั้งไม่ควรมากหรือน้ อยเกินไป
และในแต่ละวันไม่ควรกำหนดให้มีการสอบหลายๆวิชา เพราะจะ
ทำให้ผู้สอบขาดความพร้อมและเกิดความตรึงเครียด หรือเมื่อยล้า
เกินไป จำนวนวันที่เหมาะสมจะต้องคำนึงถึงระดับวัยของผู้สอบอีก
ด้วย
3.5.3 ระยะเวลาในการสอบแต่ละรายวิชา ควรกำหนดให้เหมาะสม
โดยพิจารณาจากจุดมุ่งหมายของการสอบ ระดับความยากง่ายและ
ลักษณะของข้อสอบ ตลอดจนระดับวัยของผู้สอบด้วย

3.5.4 ต้องการประการให้ผู้สอบและผู้ดำเนินการสอบทุกคนได้
ทราบเกี่ยวกับแผนการสอบล่วงหน้ า ไม่ควรมีการสอบโดยที่ผู้สอบ
และผู้ดำเนินการสอบไม่ทราบมาก่อนล่วงหน้ า

3.5.5 แผนการสอบที่ดีต้องมีความเป็นไปได้ และมีความยืดหยุ่น
ในการปฏิบัติ

3.6 การจัดสถานที่สอบ 29
และห้
องสอบ

3.6 การจัดสถานที่สอบและห้องสอบ ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
3.6.1 ความสะดวก สถานที่สอบควรเลือกหรือจัดการให้มีความสะดวก
ในการดำเนินการสอบ ทั้งในการเดินทางไปสอบ การประสานงาน
ระหว่างดำเนินการสอบ
3.6.2 ความสงบเงียบ สถานที่สอบหรือห้องสอบควรเลือกหรือจัดการให้
มีความสงบเงียบ
ปลอดจากเสียงและกลิ่นที่จะมารบกวนการดำเนินการสอบซึ่งจะส่งผล
ต่อคะแนนผลการสอบได้
3.6.3 ความปลอดโปร่ง สถานที่สอบหรือห้องสอบ ควรเลือกหรือจัดการ
ให้มีบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินการสอบ โดยควรจัดห้องสอบ
ให้มีอากาศปลอดโปร่ง แสงสว่างเพียงพอ ไม่มืดทึบ หรือร้อนอบอ้าว
ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินการสอบ
3.6.4 ความพอเพียงของที่นั่งสอบ ควรเลือกหรือจัดห้องสอบให้มีที่นั่ง
สอบพอเพียงกับจำนวนผู้สอบ ซึ่งในห้องสอบหนึ่งๆ ควรมีจำนวนผู้สอบ
ประมาณ 30-40 คน โดยมีผู้กำกับการสอบหรือผู้ดำเนินการสอบ 1 คน
และผู้ช่วยอีก 1 คน และอาจมีผู้กำกับการสอบเพิ่มขึ้นอีก 1 คนต่อ
จำนวนผู้สอบที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 20-25 คน สำหรับห้องสอบที่มีขนาดใหญ่
3.6.5 ความเหมาะสมของโต๊ะและเก้าอี้ควรจัดโต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่ง
สอบให้เหมาะสม กับระดับวัยของผู้สอบที่จะได้นั่งสอบอย่างสะดวก
สบาย 3.6.6 ความเป็นระบบ ควรจัดเรียงลำดับที่นั่งของผู้สอบให้เป็น
ระบบ โดยอาจจัดให้นั่ง ตามเลขที่ในบัญชีเรียกชื่อหรือเลขประจำตัว
สอบให้ติดต่อกัน โดยเรียงจากหน้ าไปหลังแล้วย้อนกลับ มาข้างหน้ าวน
กันไปจนครบ เพื่อความสะดวกในการแจกและเก็บแบบทดสอบตลอด
จนการกำกับ ควบคุมการสอบให้มีประสิทธิภาพ

30

การเตรียม
อุปกรณ์
การสอบ

3.7 การเตรียมอุปกรณ์การสอบในการสอบแต่ละครั้ง ผู้
ดำเนินการสอบจะต้องเตรียมอุปกรณ์การสอบให้พร้อม
อุปกรณ์ที่สำคัญในการสอบก็คือแบบทดสอบ และกระดาษคำ
ตอบซึ่งต้องจัดบรรจุใส่ซองข้อสอบไว้ให้เรียบร้อยอุปกรณ์
อื่นๆ ได้แก่ ใบรายงาน ใบรายชื่อสำหรับผู้สอบลงชื่อเข้าสอบ
ซองใส่กระดาษคำตอบ
เครื่องมือหรืออุปกรณ์สำหรับเย็บกระดาษคำตอบ และต้อง
แจ้งให้ผู้สอบเตรียมอุปกรณ์การสอบสำหรับตนเองมาให้
พร้อม เช่น ปากกา ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด และเครื่อง
คำนวณในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ สำหรับอุปกรณ์การสอบที่จะ
แจกให้ผู้สอบเช่น แบบทดสอบและกระดาษคำตอบควรจัด
เตรียมไว้ให้มีจำนวนมากกว่าจำนวนผู้สอบประมาณ 5-10 %
เพื่อสำรองไว้ใช้ในกรณีที่กระดาษคำตอบขาด แบบทดสอบ
พิมพ์ไม่ชัดหรือไม่สมบูรณ์

31

การเตกราียร
มสอผู้บดำเนิ น

3.8 การเตรียมผู้ดำเนินการสอบ
การสอบจะดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุตาม
จุดมุ่งหมายของการสอบหรือไม่เพียงใดขึ้นอยู่กับผู้ดำเนิน
การสอบหรือผู้กำกับการสอบเป็ นสำคัญซึ่งจะต้องจัดเตรียม
ให้ครบถ้วนตามจำนวนที่ต้องการและควรมีการประชุมชี้แจง
แนวปฏิบัติหรือจัดทำคู่มือดำเนินการสอบสำหรับแจกให้ผู้
ดำเนินการสอบทุกคนได้ศึกษาและยึดถือเป็ นแนวปฏิบัติให้
ถูกต้อง

32

1) การดำ
เนินการสอบ

ในการดำเนินการสอบมีหลักการสำคัญที่ผู้ดำเนินการ
สอบต้องคำนึงถึงก็คือ จะต้องให้ผู้สอบทุกคนมีโอกาสแสดง
ความสามารถด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ต้องการจะวัด
อย่างเท่าเทียมกัน โดยจะต้องจัดสภาพการสอบให้ผู้สอบมี
ความสะดวกสบายพอสมควร สร้างบรรยากาศและเจตคติที่
ดีต่อการสอบ ให้คำชี้แจงแนะน าการตอบแบบทดสอบอย่าง
สมบูรณ์ครบถ้วนควบคุมดูแลการสอบอย่างทั่วถึง และขจัด
สิ่งต่างๆ ที่จะมารบกวนสมาธิในการสอบทำให้ผู้สอบมีความ
วิตกกังวล ซึ่งจะมีผลต่อคะแนนการสอบ เพราะถ้าผู้สอบมี
ความวิตกกังวลในขณะสอบแล้ว ก็จะตอบข้อสอบได้คะแนน
ไม่ดี
(Gronlund 1981:249) ดังนั้นในการดำเนินการสอบจึงต้อง
พยายามดำเนินการอย่างยุติธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุด
ต่อผู้สอบ

33

2) การดำเน
ินการก่อน
เริ่มสอบ

2) การดำเนินการก่อนเริ่มสอบ
2.1ตรวจสอบความเรียบร้อยทั่วๆไปของห้องสอบ ที่นั่งสอบ
แผนผังที่นั่งสอบ และอุปกรณ์ในการสอบ
2.2 ให้ผู้สอบเข้าห้องสอบก่อนเวลาสอบ 15 นาที โดยให้นั่ง
ตามแผนผังที่นั่งสอบ
2.3 สร้างบรรยากาศและแรงจูงใจในการสอบ โดยผู้ดำเนิน
การสอบควรพูดกระตุ้นจูงใจให้ผู้สอบเห็นคุณประโยชน์ของ
การสอบ มีความตั้งใจในการตอบข้อสอบอย่างเต็มความ
สามารถ ให้กำลังใจผู้สอบ ไม่ข่มขู่พูดหรือกระทำสิ่งใดๆที่จะ
ทำให้ผู้สอบมีความวิตกกังวล ตึงเครียดหรือขวัญเสีย
2.4 แจกแบบทดสอบและอุปกรณ์ในการสอบให้ผู้สอบ
2.5 ให้ผู้สอบเขียนชื่อ รายการต่างๆ ลงในกระดาษคำตอบให้
ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้
2.6 ให้คำชี้แจงในการสอบ โดยชี้แจงเฉพาะสาระที่ปรากฏใน
คำชี้แจงของแบบทดสอบเท่านั้นและควรให้โอกาสผู้สอบได้
ซักถามข้อสงสัยต่างๆจนเข้าใจก่อนที่จะลงมือตอบข้อสอบ
แต่พึงระวังในการตอบข้อซักถามจะต้องไม่ให้เป็ นการชี้แนะ
หรือบอกใบ้คำตอบ

34

3) กขาณรดะำ
สเอนิบนการ

3.1 ต้องป้ องกันหรือขจัดสิ่งต่างๆ ที่จะมารบกวนสมาธิในการ
สอบของผู้สอบโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเสียงต่างๆ เช่น ไม่เดิน
พลุกพล่าน เสียงดัง ไม่คุยเสียงดัง หลีกเลี่ยงการประกาศจาก
เครื่องขยายเสียง และให้ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด
3.2 ควบคุมดูแลการสอบอย่างทั่วถึง โดยในช่วงเริ่มต้นของการ
สอบ ผู้ดำเนินการสอบอาจเดินตรวจดูความเรียบร้อยทั่วๆไป
ก่อน แล้วจึงมายืนกำกับการสอบในที่สามารถมองเห็น ผู้สอบได้
อย่างทั่วถึง ไม่ควรเดินไปมาเพราะจะเป็นการรบกวนสมาธิของ
ผู้สอบ
3.3 ต้องควบคุมเวลาสอบให้เป็นไปตามตารางที่กำหนดไว้ โดย
ไม่ให้ผู้สอบลงมือทำข้อสอบก่อนเวลาหรือเกินเวลา การเตือน
เวลาควรเตือนเพียง 2 ครั้ง คือ เมื่อหมดครึ่งเวลา และก่อนจะ
หมดเวลาอีกประมาณ 3หรือ 5 นาที การเตือนเมื่อหมดครึ่งเวลา
ก็เพื่อให้ผู้สอบได้พิจารณาการทำข้อสอบที่ผ่านมาว่าเหมาะสมกับ
เวลาหรือไม่ จะได้ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเวลาที่เหลือ ส่วน
การเตือนก่อนหมดเวลาสอบก็เพื่อให้ผู้สอบได้ตรวจทานความ
เรียบร้อยก่อนส่งกระดาษคำตอบ

35

3) กขาณรดะำ
สเอนิบนการ

3.4ต้องควบคุมดูแลไม่ให้เกิดการทุจริตในการสอบ โดยการ

ป้ องกันไว้ล่วงหน้ าด้วยการจัดที่นั่งสอบให้ห่างกันที่ผู้สอบไม่

สามารถดูคำตอบหรือบอกข้อสอบกันได้ และในขณะสอบผู้

ดำเนินการสอบก็ต้องสังเกตพฤติกรรมการสอบให้ทั่วถึงและต่อ

เนื่อง เพื่อไม่ให้โอกาสในการทุจริต ซึ่งบอทท์(Bott1996 : 180)

ได้ให้ข้อคิดว่า วิธีที่ดีที่สุดในการป้ องกันทุจริตในการสอบก็คือ

การขจัดโอกาสที่จำเป็นให้เกิดการทุจริต ในกรณีที่มีการทุจริต

ควรดำเนินการอย่างละมุนละม่อม ไม่ควรเอะอะ โวยวายให้เสีย

ขวัญเสียสมาธิกันทั้งห้อง

3.5 ถ้ามีผู้สอบยกมือถามระหว่างสอบ ผู้ดำเนินการสอบควรเดิน

ไปหาโดยไม่ให้รบกวนผู้สอบคนอื่นๆ แล้วจึงพิจารณาว่าควรจะ

ตอบคำถามหรือไม่ ซึ่งโดยปกติจะไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมเกี่ยว

กับข้อสอบ หากเห็นว่าจำเป็ นต้องตอบคำถามนั้นจะต้อง

ระมัดระวังไม่ให้เป็นการชี้แนะเกี่ยวกับการตอบข้อสอบ และไม่

เป็ นธรรมกับผู้สอบคนอื่ นๆ

3.6 ผู้ดำเนินการสอบต้องปฏิบัติหน้ าทีด้วยความรับผิดชอบ มี

ความยุติธรรม บริสุทธิ์ใจ ไม่ลำเอียง โดยให้โอกาสแก่ผู้สอบได้

แสดงความสามารถในการตอบข้อสอบอย่างเท่าเทียมกัน

36

4. การดำเนินการเมื่อ
หมดเว
ลาสอบ

4.1 สั่งให้ผู้สอบวางดินสอหรือปากกา หยุดทำข้อสอบทันที
ไม่ควรให้โอกาสผู้สอบบางคนทำข้อสอบต่อไป แม้จะใช้เวลา
เพียง 1-2 นาที เพราะจะเป็นการไม่ยุติธรรมกับผู้สอบคน
อื่นๆ
4.2 เก็บรวบรวมกระดาษคำตอบ/แบบทดสอบคืน ตรวจนับ
ให้ครบถ้วนและจัดเรียงกระดาษคำตอบตามลำดับเลขที่ของ
ผู้สอบ
4.3 บรรจุกระดาษคำตอบและแบบทดสอบใส่ซองเก็บและนำ
ส่งคืน ผู้ที่รับผิดชอบหรือผู้เกี่ยวข้องเพื่อการตรวจให้คะแนน
และการประเมินผลต่อไป

37

5. การนไำปผ
ใลช้การสอบ

การทดสอบจะเกิดคุณประโยชน์อย่างมากต่อการเรียนการสอน
ถ้าหากว่าหลังจากดำเนินการ
สอบและตรวจให้คะแนนแล้ว ได้มีการนำผลการสอบไปใช้ให้คุ้ม
ค่า ซึ่งพิจารณาได้จากแผนผังความคิด(Mind mapping)

38



การบริหารการทดสอบแบบ ON LINE

39

แนวทาง
การปฏิบัติ

แนวทางการปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนและการวัด
ประเมินผลเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในช่วงสถานการณ์การ
แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

40

1.หลัก
สูตร

1.1 เนื้อหาที่จำเป็นจัดเป็น “รายวิชาเฉพาะ” เนื้อหาอื่นๆ จัดเป็น
“รายวิชาบูรณาการ”
สถานศึกษาควรเลือกจัดรายวิชาที่มุ่งพัฒนาเครื่องมือการเรียนรู้
ทักษะชีวิต หรือเป็นเนื้อหาสำคัญจำเป็นสำหรับระดับชั้น เป็น
รายวิชาเฉพาะ
- ระดับประถมศึกษา เดิมจัดรายวิชาพื้นฐาน 9 วิชา (จาก 8 กลุ่ม
สาระ + วิชาประวัติศาสตร์)
- ป.1-3 จัดรายวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ เน้ นการอ่านออก
เขียนได้ ใช้ภาษาเป็น และคิดคำนวณได้ ส่วนเนื้อหาอื่นๆ ให้จัด
เป็นรายวิชาบูรณาการ หรือหน่วยบูรณาการ
- ป.4-6 ให้ยึด 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้หลักเป็นรายวิชาเฉพาะ
กลุ่มสาระที่เหลือเป็นวิชาบูรณาการ หรือหน่วยบูรณาการ
- ระดับประถมศึกษา ตัดสินผลการเรียนเป็นรายปี อาจจัดบาง
เนื้อหาสาระไว้ในภาคเรียนที่ 2
- ระดับ ม.ต้น และ ม.ปลาย ให้เรียนรายวิชาพื้นฐานเป็นหลัก ไม่
ควรจัดวิชาเพิ่มเติมมากเกินไป
- ทุกระดับชั้น ต้องไม่สร้างความกดดันที่ทำให้ผู้เรียนเกิด
ความเครียด หรือเป็นภาระให้ผู้เรียนเกินความจำเป็น

41

1.หลัก
สูตร

1.2 “ตัวชี้วัดต้องรู้” ต้องสอนให้ครบถ้วน “ตัวชี้วัดควรรู้”

บูรณาการในวิถีชีวิต

- เนื้อหาสาระที่ปรากฏในหลักสูตรในตัวชี้วัดต้องรู้ เป็นความรู้

หลักการ ทักษะ เจตคติที่สำคัญจำเป็นสำหรับผู้เรียนแต่ละ

ระดับชั้น จำเป็ นต้องจัดกระบวนการเรียนรู้ประเด็นนั้นๆ

อย่างเป็ นรูปธรรม

- เนื้อหาสาระในตัวชี้วัดควรรู้ เป็นความรู้ ทักษะ เจตคติ ที่ผู้

เรียนมีพื้ นฐานความรู้ความเข้าใจต่อเนื่ องจากเรื่ องที่เคยเรียน

มาแล้ว จึงอาจมอบหมายผู้เรียนให้ศึกษาสืบค้นด้วยตนเอง

ให้ฝึกปฏิบัติจากวิถีชีวิต เรียนรู้จากครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น

42

2. การจัดการเรียน
การ
สอน

2.1 จัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบที่หลากหลาย หลายทางเลือก
และจัดตารางสอนให้สอดคล้อกับรูปแบบ
- การเรียนรู้จาก DLTV ผ่านจานดาวเทียม
- พิจารณาให้เหมาะสมกับวัย สอดคล้องกับสถานการณ์ และความ
พร้อมของผู้เรียน
- ให้ผู้เรียนสนุกกับการเรียนรู้ ลดการบรรยาย ลดการเรียนหน้ าจอ
ให้เรียนรู้ด้วยตนเอง เน้ นการปฏิบัติ
จริง (Active Learning) เช่น จัดการเรียนรู้แบบโครงงาน จัดการ
เรียนรู้ผ่านสถานการณ์จริง เรียนรู้
ผ่านปรากฏการณ์
- จัดตารางเรียน/ตารางสอนให้สอดคล้องกับรูปแบบการจัดการเรียน
รู้
- การเรียน ON HAND ในกรณีที่ผู้ปกครองหรือนักเรียนไม่สามารถ
เข้าถึง DLTV หรือ Digital TV ให้
เรียนรู้ผ่านใบงาน ใบกิจกรรม ตามแนวทางของ DLTV ส่วน
ม.ปลายขึ้นกับสถานศึกษา
2.2 งด/ลดการบ้าน ให้เท่าที่จำเป็น และบูรณาการภาระงาน/
การบ้าน
- มอบหมายภาระงาน/การบ้าน เฉพาะที่สำคัญจำเป็นต่อการพัฒนา
เครื่องมือการเรียนรู้ทักษะ หรือเนื้อหาสำคัญของระดับชั้น
- มอบหมายในปริมาณที่เหมาะสม อาจบูรณาการประเด็นในรายวิชา
เดียวกันหรือข้ามรายวิชา ให้เป็นภาระงาน/การบ้านเพียงชิ้นเดียว

43

2. การจัดการเรียน
การ
สอน

2.3 ปรับเปลี่ยนบทบาทของครู และผู้ปกครอง
ครู
- เป็นผู้สนับสนุน ผู้ส่งเสริม ผู้อำนวยความสะดวก ผู้ประสานงาน
ระหว่างครูกับผู้เรียน ระหว่างครูกับผู้ปกครอง ให้สอดคล้องและ
เชื่อมโยงกับรูปแบบการเรียนการสอนที่กำหนดไว้ เหมาะสมตาม
สภาพบริบท
ผู้ปกครอง
- มีบทบาทในการส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกับครู ทั้งในการเรียนรู้
และการวัดประเมินผล
- ให้คำปรึกษาแนะนำ ประสานงาน และปรึกษาหารือกับครู เพื่อให้ผู้
เรียนมีพัฒนาการและมีความก้าวหน้ าในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
- จัดสภาพแวดล้อมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความจำเป็นและเหมาะ
สม

ผู้บริหาร
- วางแผน สนับสนุน ส่งเสริม และอำนวยความสะดวกให้ครูกับผู้
ปกครองทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข
- กำกับ ติดตาม และให้คำปรึกษา โดยไม่สร้างภาระให้กับครู
- ร่วมมือกับเขตพื้นที่การศึกษาในการวางแผนและบริหารจัดการให้
เป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

44

3. การวัดป
ระเมินผล

3.1 การนับเวลาเรียนให้สอดคล้อง และเชื่อมโยงกับรูปแบบ
การเรียนรู้
- สามารถกำหนดแนวทางการนับเวลาเรียนที่เกิดจากการ
จัดการเรียนการสอนในทุกรูปแบบ ทั้งจำนวนชั่วโมงที่สอน
โดยครูผู้สอน และจำนวนชั่วโมงที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ และฝึก
ปฏิบัติผ่านกิจกรรมในวิถีชีวิตประจำวัน หรือเรียนรู้ด้วย
ตนเองตามที่ครูมอบหมาย
- การนับเวลาเรียน ตามเกณฑ์การตัดสินผลการเรียน (ระดับ
ประถมศึกษา กำหนดให้ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนไม่น้ อยกว่า
ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนตลอดปีการศึกษาระดับ
มัธยมศึกษา ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา มีเวลาเรียน
ตลอดภาคเรียน ไม่น้ อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียน
ทั้งหมดในรายวิชานั้น ๆ)
- กรณีมีความจำเป็น สำหรับนักเรียนบางคนที่มีผลการ
ประเมินการเรียนรู้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด แต่มีเวลาเรียนหรือมี
จำนวนชั่วโมงเรียนไม่เพียงพอ อนุโลมให้นักเรียนมีสิทธิ์สอบ
และเลื่อนชั้นได้

45

3. การวัดป
ระเมินผล

3.2 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
- สามารถกำหนดแนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ได้
ตามความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์และรูปแบบการ
สอน
- ไม่จำเป็นต้องใช้คะแนนจากการสอบโดยข้อสอบเท่านั้น คำนึง
ถึงคุณภาพของผู้เรียนเป็ นสำคัญ
(1) คะแนนกลางภาค
- การประเมินกิจกรรมการเรียนที่ครูจัดขึ้น และไม่เน้ นการ
ทดสอบโดยใช้ข้อสอบ
- เป็นความร่วมมือในการประเมินระหว่างครูและผู้ปกครอง
- การตรวจสอบภาระงานที่มอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติ
- การสังเกตพฤติกรรมระหว่างการเรียน Online เช่น การถาม -
ตอบ การนำเสนอ
- การให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback)
(2) คะแนนปลายภาค/ ปลายปี
- การทดสอบ การประเมินจากแฟ้ มสะสมผลงาน การประเมิน
ภาคปฏิบัติ การนำเสนอผลงานปลายภาค/ปลายปี การสอบปาก
เปล่าออนไลน์ หรือรูปแบบอื่นใดที่เหมาะสมกับบริบทของสถาน
ศึกษา

46

3. การวัดป
ระเมินผล

3.3 หลักฐานการจบของผู้เรียน (ปพ.1)
การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET)
- ชั้น ป.6 เป็นไปตามความสมัครใจของผู้เรียนแต่ละคน
- ชั้น ม.3 เป็นไปตามความสมัครใจของผู้เรียนแต่ละคน
- ชั้น ม.6 ไม่นำผล O-NET มากรอกในระเบียนแสดงผลการ
เรียน (ปพ.1)

3.4 การทดสอบความสามารถด้านการอ่าน (RT) ชั้น ป.1
และการทดสอบความสามารถพื้นฐานด้านภาษาไทยและ
คณิตศาสตร์ (NT) ชั้น ป.3 ปีการศึกษา 2564
- ให้เป็นไปตามความสมัครใจของผู้เรียน
-สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้บริการ
ต้นฉบับแบบทดสอบ RTและ NT

47

การวัดและการประเมินผล
(Measureme
nt and Evaluation)

จำเป็นต้องมีการวัดและประเมินผล โดยมีการวัดและประเมิน

ผลทั้งระหว่างเรียน (Formative Assessment) เช่น การตั้ง

คำถามการสังเกตพฤติกรรมผู้เรียน สะท้อนคิด เป็นต้น และภาย

หลังจัดการเรียน (Summative Assessment) เช่นการทดสอบ

ด้วยแบบทดสอบต่างๆ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียน

ประสิทธิผลของการเรียน เพื่อสะท้อน ความสามารถการเรียนรู้

ของผู้เรียน ซึ่งควรมีความหลากหลาย เพื่อวัดประเมินผลผู้เรียน

ให้สอดคล้องตามสภาพจริง อย่างไรก็ตามผู้สอนจำเป็ นต้อง

ออกแบบเครื่องมือวิธีการวัดและประเมินผลให้มีประสิทธิภาพ

รวมทั้งควรมีการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในการทดสอบ

ออนไลน์ เพื่อป้ องกันการทุจริตในระหว่างการสอบจาก

ประสบการณ์การจัดทดสอบแบบออนไลน์ พบว่าปัญหาของการ

ทุจริตในการทำข้อสอบมีน้ อย เนื่องจากผู้สอนมีการกำหนดวิธี

การสอบชัดเจน มีระบบการจัดเรียงข้อสอบแบบสุ่ม ทำให้การ

เรียงลำดับข้อสอบแต่ละ ชุดที่ส่งให้ผู้เรียนทำการสอบนั้นจะไม่

เหมือนกัน พร้อมทั้งมีเวลาเป็นตัวกำหนดการสิ้นสุดใช้งานใน

ระบบและผู้เรียนต้องเปิ ดกล้องตลอดเวลาขณะที่มีการทดสอบ

เพื่อให้ผู้สอนได้สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนแต่ละคนได้


Click to View FlipBook Version