ด้วยกระทรวงศึกษาธิการได้มีคำสั่งให้ใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศกัราช 2544 ในโรงเรียน ทั่วไปที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในปีพ.ศ 2546 และจากการศึกษาวิจัยและติดตามผลการใช้หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544 จึงนำไปสู่การพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งมีความเหมาะสมและชัดเจนเพื่อให้สถานศึกษาได้นำไปใช้เป็นกรอบทิศทางในการ จัดหลักสูตรสถานศึกษา และจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนทุกคนในระดับการศึกษาขั้น ฐานให้มีคุณภาพด้านความรู้ และทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงและ แสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต หนังสือเรียนชุดนี้จัดทำขึ้นตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 โดย มีเป้าหมายให้นักเรียนและครูใช้เป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพตามสาระมาตรฐาน การเรียนรรู้ตัวชี้วัตและสาระการเรียนรู้แกนกลางที่หลักสูตรกำหนดรวมทั้งพัฒนานักเรียนให้มีสมรรถนะสำคัญ ตามที่ต้องการทั้งด้านการสื่อสารการคิดกการแก้ปัญหาการใช้ทักษะชีวิตและการใช้เทคโนโลยีตลอดจนพัฒนา นักเรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทำประโยชน์ให้สังคมเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยูร่วมกับผู้อื่นได้ในสังคม และสังคมโลกได้อย่างมีความสุข ในการจัดทำหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานชุดนี้คณะผู้จัดทำซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ในสาขาวิชาและการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ได้กำหนดหน่วยการเรียนรู้ให้ควบคุมกลุ่มสาขาการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมประวัติศาสตร์และออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้กิจกรรมเสนอแนะการประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวันคำถามทบทวนและท้ายเล่มยังมีบรรณานุกรมและอภิธานศัพท์ ซึ่งองค์ประกอบของหนังสือ เล่มนี้จะช่วยส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างครบถ้วนตามหลักสูตรการเสนอเนื้อหากิจกรรมและ องค์ประกอบอื่น ๆในหนังสือเรียนชุดนี้มุ่งผู้เรียนเป็นสำคัญโดยคำนึงถึงศักยภาพของผู้เรียนเน้นการเรียนรู้แบบ องค์รวมบนพื้นฐานของการบูรณาการแนวคิดทางการเรียนรู้อย่างหลากหลายจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ เน้นให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ชุดนี้จะช่วยให้นักเรียนได้รับการพัฒนา ความรู้ด้านประวัติศาสตร์และสนับสนุนการปฏิรูปการเรียนรู้ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ(ฉบับที่4) พ.ศ. 2562
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ศักราชและการเทียบศักราช……………………………………………………………………. 1 1. ที่มาของศักราช……………………………………………………………………………………………….……………………… 2 1.1. พุทธศักราช………………………………………………………………………………………….…………………………. 2 1.2.คริสต์ศักราช.……………………………………………………………………………………………….…………………. 3 1.3.ฮิจเราะห์ศักราช…………………………………………………………………………………………….………………...3 2. วิธีเทียบศักราช…………………………………………………………………………………………………….………………….4 2.1.การเทียบพุทธศักราชกับคริสต์ศักราช………………………………………………………………………….…….. 4 2.2.การเทียบพุทธศักราชกับฮิจเราะห์ศักราช…………………………………………………………………………... 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ประวัติของโรงเรียนและชุมชน………………………………………………………………….. 8 1. การศึกษาประวัติของโรงเรียน………………………………………………………………………………………………….. 9 1.1. หลักฐานที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียน………………………………………………………………………………….. 9 1.2. เส้นเวลาลำดับเหตุการณ์สำคัญในโรงเรียน…………………………………………………………………………. 11 1.3.ตัวอย่างประวัติโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา………………………………………………………………………………………..… 11 2. การศึกษาประวัติของชุมชน……………………………………………………………………………………………………... 14 2.1.แหล่งรวบรวมหลักฐานและข้อมูลเกี่ยวกับชุมชน…………………………………………………………………. 15 2.2.การใช้เส้นเวลาลำดับเหตุการณ์สำคัญในชุมชน…………………………………………………………………… 17 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การตั้งถิ่นฐานและพัฒนาการของชุมชน…………………………………………………….. 18 1. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตั้งถิ่นฐานและพัฒนาการของชุมชน……………………………………………………….. 19 1.1. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์……………………………………………………………………………………………………….. 19 1.2. ปัจจัยทางสังคม……………………………………………………………………………………….…………………..… 21 2. ปัจจัยที่มีต่อพัฒนาการของชุมชน………………………………………………………………………………….…………. 22 2.1. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์……………………………………………………………………………………………………….. 22 2.2. ปัจจัยทางสังคม.…………………………………………………………………………………………………………….. 23
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 วัฒนธรรมของชุมชน…………………………………………………………………………..…… 26 1. ประเภทของวัฒนธรรม……………………………………………………………………………………………………………. 27 2. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมของชุมชน……………………………………………………………… 27 2.1. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์………………………………………………………………………………………………………... 27 2.2. ปัจจัยทางสังคม…………………………………………………………………………………………………………….… 27 3. วัฒนธรรมของชุมชนแต่ละชุมชนในภูมิภาคต่างๆ ………………………………………………………………………. 28 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ผู้สถาปนาอาณาจักรไทย………………………………………………………………………….. 34 1. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์…………………………………………………………………………………………………………….… 35 2. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ………………………………………………………………………………… 36 3. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช……………………………………………………………………………………………….… 37 4. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช………………………………………………………………………. 38 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ร่มเกล้าชาวไทย................................................................................................. 41 1. พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว……………………………………………………………….. 42 หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 วีรกรรมของบรรพบุรุษไทย……………………………………………………………………….. 48 1. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช……………………………………………………………………………………………………… 49 2. พระยาพิชัยดาบหัก…………………………………………………………………………………………………………………. 50 3. ท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร……………………………………………………………………………………………………..51 4. ชาวบ้านบางระจัน……………………………………………………………………………………………………………………52
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 1 เทียบศักราชที่สำคัญตามปฏิทินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (ส.4/1 ป.3/1) ศึกราชในปฏิทิน ศักราชและการเทียบศักราช การเทียบศักราช
หน้า 2 | ประวัติศาสตร์ ป.3 การบอกเล่าเรื่องราว หรือจดบันทึกเรื่องต่างๆของหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน หรือเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์การมีความรู้เรื่องศักราชนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพราะ การจะรู้ว่าเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นเมื่อใดเกิดขึ้น ก่อนหรือหลัง ต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับการนับศักราช ศักราชหรือคำบอกปีตามปฏิทินที่ใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ได้แก่ พุทธศักราช และคริสต์ศักราช ส่วนในประเทศไทยผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามมักจะใช้ฮิจเลาะห์ศักราช 1. ที่มาของศักราช ศักราชหรือคำบอกปีที่เราเห็นในปฏิทินไทย จะมีอยู่ 3 ศักราช คือพุทธศักราช คริสต์ศักราช และฮิจเราะห์ศักราช 1.1. พุทธศักราช พุทธศักราช หรือ พ.ศ. ใช้ในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเป็นศักราชของ พุทธ ศาสนา โดยเริ่มนับปีที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน (ตาย) ครบ 1 ปีจึงนับ เป็น พุทธศักราช 1 ไทยนับ พ.ศ. 1 เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานครบ 1 ปี การนับพุทธศักราชมีวิธีการนับ 2 ลักษณะ 1. แบบไทย นับจากปีที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วครบ 1 ปี นับ พ.ศ.1 2. แบบประเทศที่ใช้พุทธศักราช อื่น ๆ คือ ลังกา พม่า ลาว เขมร โดยนับปีที่พระพุทธเจ้า ปรินิพพานแล้ว นับ พ.ศ. 1 พุทธศักราชของประเทศดังกล่าวข้างต้นจึงมากกว่าไทย 1 ปีเช่น เมื่อประเทศไทย พ.ศ.2566ประเทศลังกา พม่า ลาว เขมร จะเป็น พ.ศ.2567
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 3 1.2. คริสต์ศักราช คริสต์ศักราช หรือ ค.ศ. เป็นศักราชที่นิยมใช้ในโลกตะวันตก ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนา คริสต์โดยได้เริ่มนับปีที่พระเยซูประสูติเกิดเป็น ค.ศ. 1 ค.ศ.1 เริ่มนับในปีที่พระเยซูคริสต์ประสูติ คริสต์ศักราชใช้กันทั่วโลก จึงเป็นศักราชสากล 1.3. ฮิจเราะห์ศักราช ฮิจเราะห์ศักราช หรือ ฮ.ศ. เป็นศักราชของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามตั้งขึ้น โดยนับเอาปี ที่ท่านนะบีมุฮัมหมัดศาสดาของศาสนาอิสลามอพยพชาวมุสลิมจากเมืองเมกกะ (มักกะฮ์) ไปยังเมืองเมดินะเพื่อให้พ้นจากการปองร้ายของศัตรูที่ไม่นับถือศาสนาอิสลามเป็น ฮ.ศ. 1 ตรงกับปี พ.ศ. 1165
หน้า 4 | ประวัติศาสตร์ ป.3 นักเรียนแต่คะคนนำปฏิทินมาจากบ้านแล้งเทียบปฏิทินกับเพื่อนๆในชั้นเรียน และสรุปสาระสำคัญที่ปรากฏในปฏิทินว่าบอกอะไรบ้าง 2.วิธีเทียบศักราช 2.1. วิธีเทียบพุทธศักราชเป็นคริสต์ศักราช การเทียบศักราชที่ต่างกันอาจทำให้เกิดความสับสนได้ฉะนั้น เพื่อป้องกันความสับสนเรา ต้องหาให้ได้ก่อนว่าศักราชที่เราจะเทียบห่างกันกี่ปี เช่น จะเทียบพุทธศักราชกับคริสต์ศักราช ต้อง เข้าใจก่อนว่า พ.ศ.มีระยะห่างจาก ค.ศ. 543 ปีคือ ค.ศ.1 ตรงกับ พ.ศ. 544 ปี(ลังกา พม่า ลาว เขมร) พ.ศ. จึงมากกว่า ค.ศ. อยู่ 544 - 1 = 543 ปี(ไทย) ประเทศไทยใช้จำนวน 543 นี้เป็นเกณฑ์สำหรับบวกหรือลบในการเทียบพุทธศักราชกับ คริสต์ศักราช ถ้าเราต้องการเทียบพุทธศักราชเป็นคริสต์ศักราชให้ลบพุทธศักราชด้วย 543 เช่น ต้องการ ทราบว่า พ.ศ. 2565 ตรงกับ ค.ศ. ใด ก็ให้เอา พ.ศ. 2565 ตั้ง ลบด้วย 543 ก็จะได้คำตอบตรง กับ ค.ศ.2022 พ.ศ. 2565 เกณฑ์สำหรับบวกลบ 543 ตรงกับ ค.ศ. 2022 -
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 5 และถ้าต้องการเทียบ คศ. เป็น พ.ศ. ก็ให้บวก คศ. ด้วย 543 เช่น ต้องการทราบว่า ค.ศ. 2009 ตรงกับ พ.ศ.ใด ก็ให้เอา ค.ศ. 2009 บวกด้วย 543 ก็จะได้คำตอบว่าตรงกับ พ.ศ. 2552 ค.ศ. 2009 เกณฑ์สำหรับบวกลบ 543 ตรงกับ พ.ศ. 2552 2.2 การเทียบพุทธศักราชเป็นฮิจเราะห์ศักราช ฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินมุสลิม เป็นระบบการนับแบบจันทรคติซึ่งประกอบด้วย 12 เดือน และใน 1 ปีจะมี 354 หรือ 355 เท่านั้นทำให้ไม่สามารถหาเกณฑ์บวกลบที่ตายตัวสำหรับ เทียบกับศักราชอื่นได้ ปัจจุบันการเทียบพุทธศักราชกับฮิจเราะห์ศักราชใช้เลข 1122 เป็นเกณฑ์สำหรับบวกลบ เช่น ต้องการทราบว่า พ.ศ. 2552 ตรงกับฮ.ศ.ใด คำนวณ ดังนี้ พ.ศ. 2556 เกณฑ์สำหรับบวกลบ 1122 ตรงกับ พ.ศ. 1434 และถ้าจะเทียบ ฮ.ศ. เป็น พ.ศ. ก็เอาเลข 1122 ไปบวก พ.ศ. หนังสือหรือเอกสารทางประวัติศาสตร์ของไทยบอกเวลาเป็นพุทธศักราช แต่เอกสารทาง ประวัติศาสตร์ของต่างประเทศที่พบส่วนใหญ่จะบอกเวลาเป็นคริสต์ศักราช การมีความเข้าใจ เกี่ยวกับการเทียบคริสตศักราชกับพุทธศักราช จะทำให้เราลำดับเหตุการณ์หรือเทียบกับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ไทยและประวัติศาสตร์ทั่วโลกได้ง่ายขึ้น + -
หน้า 6 | ประวัติศาสตร์ ป.3 ตัวอย่างเช่น อาร์เอ็มเอส ไททานิก (อังกฤษ: RMS Titanic) เป็นเรือโดยสารสัญชาติ บริ เตน ของสายการเดินเรือไวต์สตาร์ไลน์(White Star Line) ซึ่งจมลงในมหาสมุทรแอตแลนติก เหนือเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 หลังจากชนภูเขาน้ำแข็งระหว่างการเดินทางครั้งแรก จากเซาแทมป์ตัน อังกฤษ สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่เเละไอร์แลนด์ ไปยังนครนิวยอร์ก ประเทศ สหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คนจากจำนวผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด ประมาณ 2,224 คนบนเรือ ถ้าเทียบ ค.ศ.1912 ก็จะตรงกับ พ.ศ. 2455 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) และผ่านมาแล้วกี่ปี ให้เอาพ.ศ.2455 ลบ พ.ศ.ปัจจุบันก็จะได้คำตอบ ที่ต้องการ จับคู่แล้วศึกษาปีเกิดจาก พ.ศ. เป็น ค.ศ. และค.ศ. เป็น พ.ศ. ของนักเรียนแล้วนำไป เปรียบเทียบกับเพื่อนๆในห้องเรียน
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 7 ► บทสรุป ศักราชในปฏิทินไทย ได้แก่ พุทธศักราช (พ.ศ.) คริสต์ศักราช (ค.ศ.) และฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) การนับพุทธศักราชมีวีการนับ 2 ลักษณะ 1. แบบไทย นับจากปีที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วครบ 1 ปี เป็น พ.ศ. 1 2. แบบประเทศที่ใช้พุทธศักราชอื่น ๆ คือ ลังกา พม่า ลาว เขมร โดยนับเอาปีที่ พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว เป็น พ.ศ. 1 3. การเทียบ (พ.ศ.) กับ (ค.ศ.) ใช้ เลข 543 เป็นเกณฑ์สำหรับบวกและลบ 4. การเทียบ (พ.ศ.) กับ (ฮ.ศ.) ใช้ 1122 เป็นเกณฑ์สำหรับบวกและลบ ► กิจกรรมเสนอแนะ 1. ทำตารางบันทึก พ.ศ.เกิดของนักเรียนและของคนในครอบครัวแล้วนำมาเทียบเป็น ค.ศ. 2. เปรียบเทียบพุทธศักราชปัจจุบันให้เป็นคริสต์ศักราชและเปรียบเทียบคริสต์ศักราช ปัจจุบันให้เป็นพุทธศักราช ► คำถามทบทวน 1. พุทธศักราช (พ.ศ.) คริสต์ศักราช (ค.ศ.) และฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) เกี่ยวข้องกับ ศาสนาใดบ้าง อย่างไร 2. ศักราชที่นิยมใช้กันทั่วโลก (ศักราชสากล) คือศักราชใด
หน้า 8 | ประวัติศาสตร์ ป.3 แสดงลำดับเหตุการณ์สำคัญของโรงเรียนและชุมชนโดยระบุหลักฐานและ แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การศึกษาประวัติของโรงเรียน ประวัติของโรงเรียนและชุมชน การศึกษาประวัติของชุมชน
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 9 โรงเรียนและชุมชนแต่ละที่จะมีประวัติความเป็นมาแตกต่างกัน การศึกษาประวัติของ โรงเรียน และชุมชนต้องสืบค้นข้อมูลจากหลักฐานและแหล่งความรู้ต่าง ๆ ดังนี้ 1. การศึกษาประวัติของโรงเรียน 1.1 หลักฐานและข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียน โรงเรียนเป็นสถานที่ให้ความรู้และอบรมสั่งสอนให้นักเรียนมีความรู้และเป็นคนดี การศึกษาประวัติความเป็นมาของโรงเรียนสามารถหาข้อมูลได้จากหลักฐานต่าง ๆ ดังนี้ 1. เอกสารของโรงเรียน เช่น ป้ายแสดงประวัติโรงเรียน หรือเอกสารแนะนำโรงเรียน เว็บไซต์ของโรงเรียน หนังสือรุ่น ป้ายประวัติอาคารสถานที่ เว็ปไซต์ของโรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เอกสารของโรงเรียน จะทำให้เราเข้าใจและทราบการเปลี่ยนแปลงของโรงเรียน เช่น โรงเรียนตั้งขึ้นเมื่อใด เปิดสอนชั้นไหนถึงชั้นไหน มีนักเรียนจำนวนเท่าไร มีครูกี่คน ตั้งแต่ก่อตั้ง โรงเรียนมามีผู้อำนวยการกี่ทั้งหมดกี่คน โรงเรียนมีชื่อเสียงทางด้านใด 2. คำบอกเล่าของผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้จากการสอบถามผู้ที่รู้เรื่องราวของโรงเรียนและผู้ที่ เกี่ยวข้อง เช่น ครูในโรงเรียน สมาคมครู แม่บ้าน ศิษย์เก่า เป็นต้น 3. ภาพถ่าย ให้รู้ว่าในรอบปีที่ผ่านมาในอดีตและปัจจุบันโรงเรียนได้เข้าร่วมได้จัดกิจกรรม อะไร หรือมีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นบ้าง
หน้า 10 | ประวัติศาสตร์ ป.3 กิจกรรมแห่เทียนพรรษา โรงเรียนสาธิตเกษตรกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม หลักฐานหรือเอกสารที่ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท 1. ประเภทลายลักษณ์อักษร คือ ที่เป็นตัวหนังสือ เช่น เอกสารแนะนำโรงเรียน เว็บไซต์ ของโรงเรียน หนังสือรุ่น ป้ายประวัติโรงเรียน 2. ประเภทที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร คือ มิใช่ตัวหนังสือ เช่น คำบอกเล่า ภาพถ่าย รูป ปั้นผู้ก่อตั้งโรงเรียน พิพิธภัณฑ์ เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็นำข้อมูลนั้นมาพิจารณาว่าเราได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง แยก เป็นหมวดหมู่แล้วนำมาตั้งคำถามเพื่อนำมาตั้งคำถามเพื่อเป็นหัวข้อในการ ค้นหาเรื่องราวแล้วนำเสนอให้ผู้อื่นทราบโดยการเล่าหรือบรรยายในชั้นเรียนหรือเขียนเป็นรายงาน ส่งครูต่อไป เช่น โรงเรียนของเรา โรงเรียนของเราโรงเรียนตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ใด โรงเรียนของเราตั้งขึ้นมากี่ปีแล้ว ในปีแรกที่เปิดสอนมีจำนวนครูและนักเรียนกี่คน ตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนมาโรงเรียนของเรามีครูใหญ่ทั้งหมดกี่คน ตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนมามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เช่น มีการสร้างสิ่งใหม่ๆ มีการถมบ่อน้ำ เรื่องราวสำคัญของโรงเรียนมีอะไรบ้าง เช่น ในโรงเรียนมีใครได้รับรางวัลอะไรบ้าง นักเรียนได้ไปแข่ง กีฬา
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 11 ชุมชนของเรา ชุมชนของเราชื่ออะไรทำไมจึงมีชื่อเช่นนั้น ชุมชนนี้ตั้งขึ้นมาเมื่อใดมีสถานที่สำคัญอะไรบ้าง มีประเพณีเทศกาลหรืออาหารประจำท้องถิ่นอะไรบ้าง มีคนหลากหลายเชื้อชาติศาสนาหรือไม่ เช่น มีทั้งคนไทย คนจีน คนลาว คนมอญ อื่นๆ บุคคลสำคัญในท้องถิ่นคือใคร และมีผลงานอะไรบ้าง ในปัจจุบันใครเป็นผู้นำชุมชน 1.2 เส้นเวลาลำดับเหตุการณ์สำคัญในโรงเรียน ในเรื่องราวต่างๆที่เราได้ค้นคว้าและศึกษามาเพื่อให้เข้าใจเรื่องราวได้ง่ายขึ้นอาจใช้เส้น เวลาประกอบ เช่น ตัวอย่างเส้นเวลาแสดงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในโรงเรียน พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 พ.ศ. 2567 1.3 ตัวอย่างประวัติโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กำแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา 1.3.1. ประวัติความเป็นมา เนื่องจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีโครงการขยาย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ขึ้น ณ วิทยาเขตกำแพงแสน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เพื่อ เป็นแหล่งผลิตบุคลากรระดับปริญญาตรีปริญญาโทและปริญญาเอก ในสาขาวิชาการเกษตรและ อื่น ๆ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงกำหนดเปิดใช้วิทยาเขตกำแพงแสนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๒ เป็นต้นมา โดยมีคณะต่าง ๆ เริ่มเปิดดำเนินการ ได้แก่ คณะเกษตร คณะสัตว แพทยศาสตร์คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ และบัณฑิตวิทยาลัย กีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 44 “ประสานมิตรเกมส์” คว้ารางวัลชนะเลิศในเวที ประยุกต์ใช้ระบบเกษตรอัจฉริยะ ในโรงเรียน กีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 46 “ฉัตทันต์เกมส์”
หน้า 12 | ประวัติศาสตร์ ป.3 ในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีนโยบายที่จะเปิดดำเนินการโรงเรียน สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เพื่อจะได้สอดคล้องกับแผนพัฒนา มหาวิทยาลัย- เกษตรศาสตร์ และเป็นการส่งเสริมขยายงานทางด้านการศึกษาระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาในชุมชนด้วย ฉะนั้นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงได้อนุมัติให้เปิดโรงเรียนสาธิต แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ขึ้น ณ วิทยาเขตกำแพงแสน ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๒๓ โดยให้คณะศึกษาศาสตร์เป็นฝ่ายรับผิดชอบในการจัดดำเนินการเรียนการสอน ดังนั้นคณะ ศึกษาศาสตร์จึงวางเป้าหมายที่จะให้โรงเรียนสาธิตเกษตรฯ วิทยาเขตกำแพงแสน เป็นศูนย์วิจัย และพัฒนาการศึกษาที่จะทำการวิจัยการศึกษาในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในเขตชนบท ไปพร้อมกับการทดลองจัดการเรียนการสอนแบบสมรรถฐานและการบริการทางวิชาการแก่ชุมชน ด้วย เมื่อคณะศึกษาศาสตร์ได้รับคำสั่งให้ดำเนินการเปิดการเรียนการสอนระดับประถมศึกษา ขึ้นที่ วิทยาเขตกำแพงแสน ในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ นั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ่ง เจนจิต คณบดีคณะ ศึกษาศาสตร์ จึงได้ขออนุมัติจากมหาวิทยาลัยเพื่อให้อาจารย์ของคณะศึกษาศาสตร์มาปฏิบัติ ราชการประจำที่โรงเรียน สาธิตเกษตรฯ วิทยาเขตกำแพงแสน ในระยะแรกมีทั้งหมด ๑๑ ท่าน เพื่อเตรียมการก่อนเปิดการเรียนการสอนโดยมอบหมายให้อาจารย์อุดร รัตนภักดิ์ปฏิบัติราชการ ในหน้าที่แทนอาจารย์ใหญ่ และอาจารย์อีก ๑๐ ท่าน คือ อาจารย์วังสรรค์สุฉันทบุตร, อาจารย์ ธาตรีแตงเที่ยง, อาจารย์นิตยา สอนอาจ, อาจารย์พงษ์ศิริเลาหสุรโยธิน, อาจารย์โรจน์วงษ์นุช สุวรรณ, อาจารย์ปัทมา โอสถเสน, อาจารย์สุนารีหวังไพบูลย์กิจ, อาจารย์สิทธิศักดิ์ นิรทัย, อาจารย์อรวรรณ์ พึ่งงาม และ อาจารย์สมเกียรติศรีอนันตคม ได้เปิดดำเนินการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้น ป.๑ – ป.๓ มีนักเรียน ๑๒ คน โดยวาง วัตถุประสงค์ของโรงเรียนในขณะนั้นดังนี้ ๑. เพื่อพัฒนาการศึกษา วิจัย และทดลองทฤษฎีทางการศึกษา และจิตวิทยาการศึกษาที่ เหมาะสมสำหรับเขตพื้นที่ชนบท เพื่อการพัฒนาการศึกษาชนบท ๒. เพื่อการทดลอง วิจัยเกี่ยวกับหลักสูตรในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในการ พัฒนาอาชีพแขนงต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับพื้นภูมิประเทศ ๓. เป็นแหล่งสาธิตและเผยแพร่ผลงานการศึกษา เพื่อการพัฒนาการศึกษาชนบทให้มี ประสิทธิภาพ และจะเป็นโรงเรียนที่เป็นพี่เลี้ยงสำหรับโรงเรียนในชนบทในพื้นที่ ใกล้เคียง
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 13 ๔. เพื่อเป็นสถานที่สำหรับฝึกปฏิบัติงานของนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ในการฝึกปฏิบัติงาน ครู ฝึกหัดการสอน ทดลองวิจัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติการเรียนการสอนตาม หลักวิชา ๕. เพื่อเป็นสถานที่สำหรับกุลบุตร กุลธิดา ในท้องที่ชนบทที่จะศึกษาเล่าเรียนตามระดับ ความสามารถทางสติปัญญา และความถนัด ความสนใจ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาบุคคลใน ชนบทให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ พร้อมที่จะนำความรู้ ความคิด ความเข้าใจในการ แก้ปัญหา และเสริมสร้างชีวิตและสังคมให้ดีขึ้น อันเป็นรากฐานของพลเมือง นอกจากนี้ยังมีคณาจารย์จากคณะศึกษาศาสตร์ ๙ คน ที่ได้มาช่วยงานวิชาการของ โรงเรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยคณบดีได้แต่งตั้งให้เป็นกรรมการวิชาการของโรงเรียนสาธิต แห่งมหาวิทยาลัย -เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ดังรายชื่อต่อไปนี้ 1. อาจารย์ศิริรัตน์นีละคุปต์อ.บ., อ.ม., M.A., Ph.D. (Florida State U.) 2. อาจารย์บรรเทา กิตติศักดิ์ค.บ., ค.ม. (บริหารการศึกษา) 3. อาจารย์พรรณีชูทัยเจนจิต ค.บ., ค.ม., Ed.D. (U. of Northern Colorado) 4. อาจารย์ยุทธพร แก้ววิเชียร กศ.บ. 5. อาจารย์สมถวิล ธนะโสภณ อ.บ., M.S., Ed.D. (Oklahoma State U.) 6. อาจารย์สุนันท์สังข์อ่อง กศ.บ., M.S. (Florida State U.) 7. อาจารย์สมมารถ ชื่นอิ่ม วน.บ., M.S. (Utah State U.) 8. อาจารย์พัวพันธุ์ทองหยด ค.บ., M.Ed. (U. of Hawaii) 9. อาจารย์ยุพา นันทะไชย ค.บ. (เกียรตินิยม), ค.ม. ในปีพ.ศ. ๒๕๓๔ ทางโรงเรียนได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ให้จัดการ เรียนการสอนระดับอนุบาลศึกษาเพิ่มขึ้น 1.3.2. สภาพปัจจุบัน ปัจจุบันโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กำแพงแสน จึงมีการจัดการเรียน การสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จำนวน ๔๕ ห้องเรียน คณาจารย์ ๙๒ ท่าน และนักเรียน ๑,๕๗๔ คน ต่อมาปีพ.ศ. ๒๕๔๖ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้อนุมัติให้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนจากเดิมมาเป็นโรงเรียนสาธิตแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา (Kasetsart University Laboratory School, Kamphaeng Saen Campus, Educational Research and Development Center) โดยมีฐานะเทียบเท่าภาควิชาในคณะศึกษาศาสตร์
หน้า 14 | ประวัติศาสตร์ ป.3 นอกจากภารกิจหลักดังกล่าวแล้วโรงเรียนยังได้รับมอบหมายจากคณะศึกษาศาสตร์ให้เป็น หน่วยงานฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูให้แก่นิสิตของคณะฯ และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ อีกหลายแห่งโดยมีคณะกรรมการบริหารโรงเรียนประกอบด้วยคณะกรรมการบริหาร 1.3.3. ความภาคภูมิใจของโรงเรียน 1. ปีการศึกษา 2567 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โครงการ วมว.มก ได้รับรางวัลรอง ชนะเลิศอันดับ 2 การแข่งขันการตอบปัญหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ประยุกต์ความรู้ ทางทันตกรรม (MDIAC) ครั้งที่ 3 ณ คณะทันตแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล 1.3.4. แหล่งสืบค้นข้อมูลหลักฐาน อ้างอิง 1) kus.kps.ku.ac.th 2) https://www.facebook.com/satitkps 3) เอกสารแนะนำตนเอง 4) สัมภาษณ์ผู้ช่วยศาสตราจารย์สานิตย์ รัศมีผู้อำนวยการโรงเรียน 2. การศึกษาประวัติของชุมชน ชุมชน หมายถึง กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตบริเวณเดียวกัน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด มี ฐานะและอาชีพที่คล้ายคลึงกัน มีลักษณะของการใช้ชีวิตร่วมกัน มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตั้งแต่ระดับครอบครัวไปสู่ระดับเครือญาติ จนถึงระดับหมู่บ้านและระดับเกินหมู่บ้านและผู้ที่อาศัย ในชุมชนมีความรู้สึกว่าเป็นคนชุมชนเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีการดำรงรักษาคุณค่าและมรดกทาง วัฒนธรรมและศาสนาถ่ายทอดไปยังลูกหลานอีกด้วย ประวัติของชุมชนจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อตั้งชุมชน สภาพแวดล้อม การดำเนิน ชีวิตของคนในชุมชนบุคคลสำคัญของชุมชน พัฒนาการและเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในชุมชน ตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ศึกษาประวัติของโรงเรียนสาธิตเกษตรฯ กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม จากข้อมูลหรือ หลักฐานที่ปรากฏในหนังสือและที่หามาได้ บันทึกสรุปสาระสำคัญลงในสมุด
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 15 การศึกษาประวัติของชุมชนเราต้องกำหนดหัวข้อหรือประเด็นที่ต้องการศึกษาขึ้นก่อน เช่น ประวัติชุมชนวัดรางหมัน ประวัติชุมชนวัดไฝ่หูช้างต่อจากนั้นจึงเก็บรวบรวมข้อมูลจาก หลักฐานด้วยการศึกษาจากเอกสาร แหล่งข้อมูลไปดูของจริงและสอบถามจากผู้รู้ 2.1. แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลและหลักฐานชองชุมชน 2.1.1. ห้องสมุด หนังสือหรือเอกสารต่างๆ สำหรับศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติ ความเป็นมาของชุมชน 2.1.2. สถานที่หน่วยงานราชการเช่น ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล ที่ว่า การอำเภอ ศาลากลางจังหวัด ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชุมชนตั้งแต่ อดีตจนถึงปัจจุบัน 2.1.3. ศูนย์วัฒนธรรมชองชุมชน จะรวบรวมผลงานด้านศิลปะวัฒนธรรม ประเพณีหรือวิถีชีวิตของคนในชุมชน 2.1.4. พิพิธภัณฑ์เป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงสิ่งต่างๆที่เป็นผลงานของคน ในชุมชนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
หน้า 16 | ประวัติศาสตร์ ป.3 2.1.5. ศาสนสถาน คือ วัด มัสยิด วัดคริสต์หรือโบสถ์คริสต์โบสถ์พราหมณ์ เป็นสถานที่ที่ให้ข้อมูลด้านศาสนาและความเชื่อของคนในชุมชน 2.1.6. สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เช่น อนุสาวรีย์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวีรกรรมของ บุคคลสำคัญในชุมชน แหล่งโบราณคดีโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ความเป็นมาและพัฒนาการของชุมชนในอดีต 2.1.7. คนเฒ่าคนแก่และผู้ทรงคุณวุฒิตลอดถึงครูภูมิปัญญาในชุมชน บุคคลเหล่านี้จะ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนได้ดีเพราะได้อาศัยอยู่ในชุมชนมาก่อนและมีความรู้เรื่องราวในอดีตของ ชุมชน (ข้อมูลที่ได้อาจคลาดเคลื่อนเพราะหลงลืมไปเราจึงควรสอบถามข้อมูลจากบุคคลหลายๆ คนหรือนำข้อมูลไปเทียบกับข้อมูลจากเอกสารและหลักฐานอื่นประกอบด้วย) หลังจากได้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลข้างต้นแล้วแล้วก็นำมาทำความเข้าใจและจัดเป็น หมวดหมู่แล้วเรียบเรียงเป็นคำพูดหรือเขียนเพื่อเสนอให้ผู้อื่นทราบเรื่องราวต่อไป
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 17 2.2. เส้นเวลาลำดับเหตุการณ์สำคัญในชุมชน การนำเสนอเรื่องราวของชุมชนที่ศึกษามาเพื่อความเข้าใจลำดับเหตุการณ์เราควรใช้เส้น เวลาประกอบ ตัวอย่างเส้นเวลาแสดงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในชุมชน พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2563 พ.ศ. 2566 ► บทสรุป การศึกษาประวัติของโรงเรียนและชุมชนเราสามารถสืบค้นข้อมูลได้โดยใช้หลักฐานและ แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องและอาจใช้เส้นเวลาแสดงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ► กิจกรรมเสนอแนะ 1. แบ่งกลุ่มๆละ 5-6 คน แต่ละกลุ่มสำรวจ แหล่งข้อมูลในชุมชนของตนเอง ว่ามีแหล่งข้อมูล อะไรบ้าง จากนั้นนำมาอภิปรายหน้าชั้น 2. ให้นักเรียนแต่ละคนศึกษาค้นคว้าประวัติของโรงเรียน แล้วจัดทำเป็นรายงานรูปเล่ม 3. แบ่งกลุ่มๆละ 5-6 คน แต่ละกลุ่มศึกษา ประวัติของชุมชนตนเอง ว่ามีความเป็นมาอย่างไร จากนั้นนำมาอภิปรายหน้าชั้น ► คำถามทบทวน 1. แหล่งข้อมูลมีประโยชน์และมีความสำคัญอย่างไร 2. นักเรียนสามารถทราบประวัติความเป็นมาของโรงเรียนได้มาจากที่ใดบ้าง 3. ข้อมูลที่เราได้จากคนเฒ่าคนแก่ในชุมชน ถ้าไม่แน่ใจในข้อมูลว่าจะถูกต้องชัดเจนเป็นจริง ทั้งหมดหรือไม่ เราควรทำอย่างไร 4. การศึกษาประวัติความเป็นมาของโรงเรียน และชุมชนมีประโยชน์อย่างไร ชุมชนได้รับทุนโครงการหมู่บ้าน เศรษฐกิจพอเพียงและผู้นำ กิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่น ชุมชนได้รับเกียรติบัตรรางวัล ชนะเลิศการประกวดกลุ่มออมทรัพย์ เพื่อการผลิตดีเด่น ระดับจังหวัด ชุมชนได้รับเกียรติบัตรรางวัล ชนะเลิศการประกวดตำบลเขียวขจี ระดับภาค ศึกษาประวัติของชุมชนของนักเรียน จากข้อมูลหรือหลักฐานที่ได้มาบันทึกสรุป สาระสำคัญลงในสมุดออกมาเล่าให้เพื่อนฟัง
หน้า 18 | ประวัติศาสตร์ ป.3 ระบุปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตั้งถิ่นฐานและพัฒนาการของชุมชน ปัจจัยทมี่ีอิทธิพลต่อการตั้งถิิ่ฐาาฐ การตั้งถิิ่ฐาาฐและพฒัฐาการของถชุมชฐ ปัจจัยทมี่ีอิทธิพลต่อพฒัฐาการของถชุมชฐ
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 19 ในยุคแรกเริ่มสมัยโบราณ มนุษย์ยังไม่ได้ตั้งบ้านเรือนเป็นหลักแหล่งมีการอพยพโยกย้าย เร่ร่อนไปหาแหล่งที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติพักอาศัยตามถ้ำหรือเพลิงผา ต่อมามนุษย์เริ่มเรียนรู้และรู้จักวิธีการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์จึงมีการตั้งถิ่นฐานถาวรมีการสร้าง บ้านเรือนอยู่เป็นที่เป็นหลักแหล่งและอยู่รวมกันหลายครอบครัวในบริเวณใกล้เคียงกันเกิดเป็น ชุมชนแล้วขยายเป็นเมืองในเวลาต่อมา 1. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตั้งถิ่นฐานและพัฒนาการของชุมชน ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตั้งถิ่นฐานของชุมชน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการซึ่งแบ่งกว้างๆ ได้ 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยทางภูมิศาสตร์และปัจจัยทางสังคม 1.1. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ประกอบด้วย ลักษณะภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศ และ ทรัพยากรธรรมชาติ 1.1.1 ลักษณะภูมิประเทศ คือ สภาพทั่วไปของผิวโลกที่มีความสูงต่ำตามธรรมชาติเช่น ที่ราบ แม่น้ำ ภูเขา บริเวณที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูก และการเลี้ยงสัตว์ผู้คนมักเข้าไปตั้งถิ่นฐานกันรวมทั้งบริเวณที่มีแหล่งน้ำจืด บริเวณใกล้ชายฝั่งทะเล ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ นอกจากนี้มนุษย์ยังสามารถใช้แม่น้ำลำคลองและทะเลเป็นเส้นทาง คมนาคมได้ด้วย ที่ราบลุ่มแม่น้ำเหมาะแก่การเพาะปลูกจึงมีการตั้งบ้านเรือนอยู่หนาแน่น
หน้า 20 | ประวัติศาสตร์ ป.3 1.1.2 ภูมิอากาศ คือ ลักษณะอากาศของแต่ละภูมิภาคในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ไม่ เหมือนกัน เช่น ภาคเหนือของไทยมีอากาศหนาวเย็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศร้อนอบ อ้าว ภาคใต้มีฝนตกชุก พื้นที่ที่บริเวณมีอากาศไม่ร้อนหรือหนาวเกินไปและมีฝนตกเพียงพอเหมาะ แก่การทำเกษตรกรรม เช่น ในที่ราบภาคกลางจะมีคนตั้งถิ่นฐานกันมาก ตรงกันข้ามบริเวณที่มี อากาศหนาวจัดและร้อนจัดจะมีผู้คนอยู่อาศัยน้อย บนภูเขาสูงมีอากาศหนาวเย้นกว่าเชิงเขาจึงมีผู้คนไปตั้งถิ่นฐานอยู่ไม่มาก 1.1.3 ทรัพยากรธรรมชาติคือ สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมนุษย์สามารถใช้ประโยชน์ได้ เช่น ดิน น้ำ ป่าไม้แร่ มนุษย์ใช้ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ในการดำเนินชีวิต เช่น ใช้ดินเพื่อสร้าง บ้านเรือนที่อยู่อาศัยและทำการเพาะปลูก ใช้แหล่งน้ำเพื่อกินเพื่อใช้รวมทั้งเป็นเส้นทางคมนาคม ใช้ไม้และของป่าเพื่อการก่อสร้างเป็นอาหารทำยา ใช้แร่เพื่อทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ใช้น้ำมันและก๊าซ ธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง บริเวณที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ จึงเหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานของ ชุมชน
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 21 ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำ ป่าไม้ เป็นสิ่งที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ได้ และมีอิทธิพลต่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ปัจจัยทางภูมิศาสตร์มีความสำคัญต่อการประกอบอาชีพของคนในชุมชนเช่น บริเวณที่ราบ ลุ่มแม่น้ำหรือที่ราบริมแม่น้ำลำคลอง ผู้คนมักประกอบอาชีพเพาะปลูกและทำการประมง บริเวณ ที่สูงหรือแถบที่ราบเชิงเขาผู้คนมักประกอบอาชีพเพาะปลูกผลไม้เมืองหนาว 1.2 ปัจจัยทางสังคม ประกอบด้วย 1.2.1 ความปลอดภัยชุมชนที่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจะมีคนเข้ามาตั้ง ถิ่นฐานบ้านเรือนมาก ในทางตรงกันข้ามชุมชนที่มีความเสี่ยงภัย เช่น ในพื้นที่ที่ มีการสู้รบกันหรือเกิดอุทกภัยวาตภัยบ่อย รวมทั้งพื้นที่ที่มีโจรผู้ร้ายชุกชุมหรือมี มลพิษในสิ่งแวดล้อมต่างๆจนอาจเกิดอันตรายก็จะมีคนเข้าไปตั้งถิ่นฐาน บ้านเรือนน้อย 1.2.2 ศาสนาภาษาและประเพณีศาสนาภาษาและประเพณีมีส่วนสำคัญช่วยให้คน รู้สึกว่าเป็นกลุ่มเดียวกันมีความผูกพันใกล้ชิดกัน ผู้คนที่นับถือศาสนาเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน มีประเพณีคล้ายคลึงกัน การตั้งถิ่นฐานมักจะอยู่รวมกันและ ดำเนินชีวิตเป็นแบบเดียวกัน เช่น ชุมชนชาวมอญที่เกาะเกร็ด นนทบุรี ชุมชน ขาวจีนที่เยาวราช ชุมชนชาวมุสลิมใน 3 จังหวัดภาคใต้ 1.2.3 ทางเลือกในการประกอบอาชีพ ในปัจจุบันการเลือกตั้งถิ่นฐานผู้คนมักจะ คำนึงถึงโอกาสหรือช่องทางในการประกอบอาชีพในสถานที่ที่มีผู้คนอยู่เป็น จำนวนมากโดยเฉพาะบริเวณที่มีถนนตัดผ่าน มีการคมนาคมขนส่งหรือมีการ สื่อสารที่สะดวกมีแม่น้ำ ประปามีไฟฟ้าใช้เป็นแหล่งการค้าและธุรกิจเช่น ชุมชนในตลาดตัวอำเภอตัวจังหวัดจะมีผู้คนเข้าไปตั้งถิ่นฐานจำนวนมาก
หน้า 22 | ประวัติศาสตร์ ป.3 ปัจจัยประการหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพมหานครมีประชากรตั้งถิ่นฐานหนาแน่น คือ การมีโอกาสในการประกอบอาชีพ 2. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาการของชุมชน พัฒนาการและความเจริญของชุมชนเกิดจากปัจจัยดังนี้ 2.1. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ การตัดถนนมีส่วนช่วยในการพัฒนาชุมชนให้มีความเจริญขึ้น
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 23 ลักษณะสำคัญทางภูมิศาสตร์มีส่วนสำคัญในการพัฒนาการของชุมชน ชุมชนที่ตั้งอยู่ในที่ ราบจะทำให้เหมาะแก่การสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัยและเกิดพัฒนาชุมชน เช่น เพื่อให้ชุมชนมี ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจการตัดถนนเพื่อสร้างเส้นทางคมนาคม การสร้างโรงเรียน อุตสาหกรรม ชุมชนที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีทรัพยากรมาก เช่น อยู่ใกล้แหล่งน้ำทำให้มีการติดต่อ ค้าขายกับชุมชนอื่นๆชุมชนที่ตั้งอยู่ในบริเวณป่าไม้สมบูรณ์ผู้คนสามารถนำทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้เกิดการพัฒนาการทางเศรษฐกิจในชุมชนได้ 2.2 ปัจจัยทางสังคม 2.2.1 ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีปัจจุบันการดำเนินชีวิตของคนในชุมชนได้ เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมากเนื่องจากเทคโนโลยีที่ได้พัฒนาในทุกด้านวิถีชีวิต ของคนไทยจึงได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีสอดคล้องกับสภาพความ เจริญก้าวหน้าในต่างๆเช่นชาวนาที่เคยใช้แรงงานวัว ควายไถนาก็เปลี่ยนมาใช้ รถไถแทน ชาวประมงนอกจากจะจับสัตว์น้ำยังรู้จักวิธีเพาะพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อ เพิ่มรายได้ให้กับตนเอง การทำนาสมัยก่อนใช้แรงงานสัตว์ การทำนาในสมัยนี้ใช้แรงงานเครื่องจักร
หน้า 24 | ประวัติศาสตร์ ป.3 2.2.2. การควบคุมธรรมชาติหรือการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับธรรมชาติในวิถีชีวิต เช่น การสร้างเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำ การจัดทำระบบชลประทานเพื่อส่งน้ำไปในที่ต่างๆ การทำ ฝนเทียม ทำให้ชาวนาบางชุมชนทำนาได้ หลาย ครั้งต่อปีโดยไม่ต้องรอน้ำฝนตามธรรมชาติเหมือน แต่ก่อน นอกจากนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียังช่วยให้มีการพัฒนาทางการแพทย์และการ สาธารณสุขให้ก้าวหน้าในการป้องกันและรักษาโรคและยังมีการพัฒนาการสื่อสารให้กว้างขวางทำ ให้การติดต่อระหว่างชุมชนขยายตัวและเจริญขึ้น 2.2.3. การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน คือ การปรับปรุงพัฒนา แก้ไขบริการ สาธารณะต่างๆ เช่น การศึกษา การแพทย์การสาธารณสุข ทำให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ ดีกว่าแต่ก่อนปัจจุบัน คนในชุมชนมีสุขภาพดีขึ้นนักเรียนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงและ มีอุปกรณ์สมัยใหม่ที่ช่วยในการเรียนรู้การแพทย์และการสาธารณสุขก้าวหน้าจนสามารถคิดค้นวิธี ป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น ปัจจุบันการศึกษาของไทยพัฒนามากกว่าสมัยก่อน
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 25 ► สรุป ปัจจัยทางภูมิศาสตร์และปัจจัยทางสังคมดังกล่าวข้างต้น เป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อ การตั้งถิ่นฐานและพัฒนาการของชุมชน ซึ่งทำให้แต่ละชุมชนมีการดำรงชีวิตเป็นลักษณะเฉพาะของตนเอง ► กิจกรรมเสนอแนะ 1. ศึกษาลักษณะภูมิประเทศในชุมชนของนักเรียน และบันทึกลงในสมุด 2. ให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเจริญทางเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการตั้งถิ่นฐานของชุมชน 3. แบ่งกลุ่ม อภิปราย เปรียบเทียบวิถีชีวิตของชุมชนในอดีตกับปัจจุบันว่าแตดต่างกันอย่างไร ► คำถามทบทวน 1. ผู้คนนิยมเข้าไปตั้งถิ่นฐานในลักษณะภูมิประเทศแบบใด 2. ปัจจัยทางสังคมมีความสำคัญต่อการพัฒนาการของชุมชนมีอะไรบ้าง 3. เพราะเหตุใดในเมืองใหญ่ๆจึงมีคนเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากกว่าชุมชนชานเมือง 4. เมื่อทรัพยากรธรรมชาติขาดแคลนจะส่งผลต่อชุมชนอย่างไร สอบถามคนในครอบครัวเรื่องการประกอบอาชีพว่าเกี่ยวข้องกับลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ อย่างไร บันทึกแล้วนำเสนอหน้าห้องเรียน
หน้า 26 | ประวัติศาสตร์ ป.3 1. สรุปลักษณะที่สำคัญของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของชุมชน (ส 4.2 ป.3/2) 2. เปรียบเทียบความเหมือนและความต่างทางวัฒนธรรมของชุมชนของตนกับชุมชนอื่น (ส 4.2 ป.3/3) ประเภทของวัฒนธรรม วัฒนธรรมของชุมชน วัฒนธรรมของชุมชน ของเรากับชุมชนอื่น ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการ สร้างสรรค์วัฒนธรรมของชุมชน
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 27 วัฒนธรรมของชุมชน หมายถึง สิ่งที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาในแต่ละชุมชนอันจะนำไปสู่ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ในสังคมนั้นโดยมีปัจจัยทางภูมิศาสตร์และปัจจัยทางสังคมเป็น ปัจจัยสำคัญ ซึ่งแต่ละชุมชนจะมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนนั้นๆ 1. ประเภทของวัฒนธรรม วัฒนธรรมแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ 1.1วัฒนธรรมที่เป็นวัตถุ เป็นสิ่งของที่มองเห็นและจับต้องได้เช่น ทีวี โทรศัพท์ อาหาร เครื่องแต่งกาย เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ 1.2วัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุเป็นสิ่งของที่มองไม่เห็นและไม่สามารถจับต้องได้ เช่น ศาสนา กฎหมาย ภาษาพูด ขนบธรรมเนียมและประเพณีศาสนา กฎหมาย 2. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมของชุมชน 2.1 ปัจจัยทางภูมิศาสตร์สภาพทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยเหมาะแก่การทำ เกษตรกรรม ชุมชนต่างๆในภูมิภาคของประเทศไทยมีการสร้างสรรค์วัฒนธรรมที่เกี่ยวข้อง กับการเกษตรกรรมไว้มาก เช่น พิธีทำขวัญข้าวการ ผลิตเครื่องมือที่ใช้ในการทำนาทำสวน ทำไร่เช่นไถฆ่าจอบเสียมประเพณีเช่นลงแขกเกี่ยวข้าวเพื่อช่วยเหลือกันให้งานสำเร็จ โดยเร็วการละเล่นเพลงเต้นกำรำเคียว การสร้างระบบชลประทานเพื่อให้ทำนาได้ปีละ มากกว่า 1 ครั้ง ส่วนชุมชนที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำไหลผ่านก็จะมี ประเพณีการแข่งเรือยาวซึ่งเป็นประเพณีที่สอดคล้องกับสภาพทางภูมิศาสตร์และทำให้คน ในชุมชนมีความรักใคร่สามัคคี 2.2 ปัจจัยทางสังคม 2.2.1ศาสนาและความเชื่อ ความเชื่อของคนในชุมชนต่างๆในประเทศไทยมีความผูกพันกับศาสนาเป็นอย่างมาก ศาสนาจึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิดวัฒนธรรมด้านต่างๆเช่นในชุมชนที่นับถือ พระพุทธศาสนาวิถีชีวิตของคนในชุมชนจะยึดถือหลักธรรมในพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว จิตใจมีการทำบุญใส่บาตรมีการสร้างสรรค์ศิลปะที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา เช่น โบสถ์วิหาร เจดีย์พระพุทธรูป มีประเพณีทางศาสนาที่จัดเป็นสำคัญเช่นการบวช การถวายเทียนพรรษา ทอดกฐิน การเวียนเทียน เป้นต้น สำหรับความเชื่อบางอย่างก็เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมในชุมชนได้ เช่นกันตัวอย่างเช่นพิธีแห่บั้งไฟเพื่อขอให้ฝนตก ความเชื่อเรื่องโลกหน้าทำให้คนในชุมชนสร้างบุญ กุศลเพื่อจะได้มีความสุขเมื่อไปเกิดใหม่
หน้า 28 | ประวัติศาสตร์ ป.3 การแห่บั้งไฟคนสมัยก่อนเชื่อกันว่าทำให้ฝนตก 2.2.2 การรับวัฒนธรรมอื่น เกิดจากการนำวัฒนธรรมนั้นๆมาเผยแพร่หรือคนใน ชุมชนไปพบเห็นแล้วนำกลับมาใช้หรือเอาอย่างจากที่ปรากฏในสื่อมวลชน เช่น ภาษา อาหาร เทคโนโลยีการโค้งคำนับ การใช้ช้อน ซ้อมในการรับประทาน อาหาร 3. วัฒนธรรมของชุมชนแต่ละชุมชนในภูมิภาคต่างๆ วัฒนธรรมแต่ละชุมชนมีแตกต่างกันออกไปเนื่องจากมีลักษณะทางภูมิศาสตร์และ ลักษณะทางสังคมแตกต่างกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 3.1 เกี่ยวกับอาหารการกิน ชุมชนแต่ละแห่งมีวัฒนธรรมเกี่ยวกับอาหารการกินแตกต่าง กันและมีเอกลักษณ์ของตนเองเช่นชุมชนภาคเหนือน้ำพริกหนุ่ม แกงฮังเลชุมชนในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือมีข้าวเหนียวส้มตำ ลาบน้ำตกชุมชนในภาคกลางมีแกงส้มน้ำพริกปลาทูแกง เขียวหวานชุมชนในภาคใต้มีแกงเหลืองแกงไตปลา 3.2 เกี่ยวกับภาษาถิ่น ในแต่ละภาคจะมีภาษาถิ่นที่แตกต่างกันเช่นชุมชนในภาคเหนือพูด ภาษาคำเมือง คนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือพูดภาษาอีสาน ชุมชนในภาคใต้พูดภาษาปักษ์ใต้ 3.3 เกี่ยวกับดนตรีเช่น สะล้อ ซอ ซึง เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคเหนือ กลองยาว เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคกลาง แคนเป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปีกาหลอเป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคใต้
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 29 เครื่องดนตรี 4 ภาค
หน้า 30 | ประวัติศาสตร์ ป.3 4. เกี่ยวกับการแสดงพื้นบ้าน เช่น การฟ้อนเล็บของชุมชนในภาคเหนือ การรำมโนราห์ การเซิ้งของชุมชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลำตัดของชุมชนในภาคกลาง รำมโนราห์ของชุมชน ในภาคใต้ การฟ้อนเล็บของชุมชนในภาคเหนือ การรำมโนราห์ของภาคใต้ การเซิ้งของชุมชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 31 ลำตัดของชุมชนในภาคกลาง การแสดง 4 ภาค 5. เกี่ยวกับประเพณีต่างๆ ของชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์ ในบางภาคมีประเพณีอันเป็น เอกลักษณ์ของชุมชน เช่น ประเพณีบูชาอินทขิลเสาหลักเมืองจังหวัดเชียงใหม่ งานประเพณีรับบัว 2565 วัดบางพลีใหญ่ใน สมุทรปราการ นมัสการหลวงพ่อโต
หน้า 32 | ประวัติศาสตร์ ป.3 ประเพณีไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม ประเพณีประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นงานบุญประเพณีของคนภาคใต้
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 33 ► บทสรุป วัฒนธรรมของชุมชนเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นและยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาซึ่งวัฒนธรรมของ แต่ละชุมชนจะมีความแตกต่างกันทั้งนี้เพราะปัจจัยสำคัญ คือปัจจัยทางภูมิศาสตร์และปัจจัยทาง สังคม ► กิจกรรมเสนอแนะ สอบถามข้อมูลจากคนเฒ่าคนแก่หรือผู้นำชุมชนว่าในชุมชนของนักเรียนมีวัฒนธรรมอะไรที่ โดดเด่นเป็นที่ภาคภูมิใจของคนในชุมชน ► คำถามทบทวน 1. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมของชุมชนมีอะไรบ้าง 2. เพราะเหตุใดชุมชนแต่ละชุมชนจึงมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน 3. นักเรียนคิดว่าจะอนุรักษ์วัฒนธรรมในชุมชนไว้ได้อย่างไร ให้ศึกษากิจกรรมทางประเพณีในท้องถิ่นที่นักเรียนเคยเข้าร่วมแล้วบันทึกและนำมาเล่า ให้เพื่อนๆฟังหน้าห้องเรียน
หน้า 34 | ประวัติศาสตร์ ป.3 ระบุพระนามและพระราชกรณียกิจโดยสังเขปของพระมหากษัตริย์ไทยที่เป็นผู้สถาปนา อาณาจักรไทย (ส 4.3 ป. 3/1) พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ สมเด็จพระเจ้าตากสิน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ผู้สถาปนาอาณาจักรไทย
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 35 ชาติไทยของเราเป็นมีประวัติความเป็นมายาวนานซึ่งเรามีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประมุข ของประเทศ ย้อนกลับไปตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัยจนปัจจุบันพระมหากษัตริย์ไทยจะปกครอง บ้านเมืองสืบทอดต่อ ๆ กันมา พระมหากษัตริย์ที่เป็นผู้สถาปนาอาณาจักรไทยได้แก่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ สมเด็จพระ รามาธิบดีที่ 1 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช 1. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทรงเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยมีพระนามเดิมคือพ่อขุนบางกลาง หาว เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง ก่อนตั้งราชวงศ์พระร่วง เมืองสุโขทัยศรีสัชนาลัยมีพ่อขุนศรีนาวนำถมแห่งราชวงศ์ศรีนาว นำถมปกครองอยู่ภายหลังเมื่อพระองค์สวรรคต ขุนนางเขมรคือขอมสบาดโขลญลำพองได้ยึด
หน้า 36 | ประวัติศาสตร์ ป.3 เมืองสุโขทัยศรีสัชนาลัยไว้ในอำนาจ ต่อมาพ่อขุนบางกลางหาวจึงได้ร่วมมือกับพ่อขุนผาเมือง(เจ้า เมืองราด)ซึ่งเป็นสหายกันและเป็นพระราชโอรสของพ่อขุนศรีนาวนำถมรวบรวมเหล่าคนไทยขับไล่ ขอมฉบับโขนลําโพงออกไปสำเร็จ ต่อมาพ่อขุนผาเมืองได้อภิเษกให้พ่อขุนบางกลางหาวเสวยราช เป็นกษัตริย์อาณาจักรสุโขทัย ทรงพระนามว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์นับเป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์แรกของราชวงศ์พระร่วงแห่งอาณาจักรสุโขทัย นอกจากการตั้งอาณาจักรสุโขทัยและตั้ง ราชวงศ์พระร่วงแล้ว ด้านการป้องกันประเทศพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ยังมีพระราชกรณียกิจอื่นๆเช่น เช่นทรงทำสงครามเพื่อปกป้องบ้านเมืองและเอาชนะขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดที่ยกกองทัพมายึด เมืองตากและพระองค์ยังได้ขยายอาณาเขตของอาณาจักรสุโขทัยออกไป ด้านการค้าส่งส่งเสริมการค้ากับต่างประเทศสินค้าสำคัญของสุโขทัยคือของป่าและ เครื่องปั้นดินเผา พ่อขุนศรีอินทราทิตย์มีพระมเหสีชื่อนางเสือมีพระราชโอรส 2 พระองค์ได้แก่พ่อขุนบาง เมืองและพ่อขุนรามคำแหงมหาราช 2. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระอู่ทอง )ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกในราชวงศ์อู่ทองของ อาณาจักรอยุธยาและเป็นผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีเมื่อพ.ศ 1893 ซึ่งกรุงศรีอยุธยา โดยลักษณะภูมิประเทศพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ทำเลที่ตั้งอุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำ3 สายคือ เจ้าพระยา ป่าสัก ลพบุรี ไหลมาบรรจบกันจึง เหมาะกับการติดต่อค้าขายและทำการเกษตรและมี
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 37 ลักษณะเป็นเกาะทำให้ง่ายต่อการป้องกันพระนคร รวมถึงเป็นแหล่งที่ดึงดูดให้ผู้คนอพยพเข้ามาตั้ง หลักแหล่งเพื่อทำมาหากินจนกระทั่งกลายเป็นเมืองใหญ่ ด้านการปกครอง พระองค์ทรงจัดระเบียบการปกครองส่วนกลางเป็นแบบจตุสดมภ์ แบ่งเป็น 4 กรมคือ กรมเวียง กรมวังกรมคลัง กรมนา พระมหากษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการ ปกครอง ในในสมัยของพระองค์ทรงขยายอำนาจไปยังอาณาจักรสุโขทัยและอาณาจักรเขมร ด้านการค้าทรงส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีและทำการค้ากับจีนทรงส่งเสริมการค้ากับรัฐ อื่นๆ เช่น อินเดีย เปอร์เซีย ลังกา ชวา ด้านศาสนาโปรดเกล้าให้สร้างวัดพุทไธศวรรย์ขึ้นเป็นพระราชานุสรณ์ณ ตำบลเมืองเหล็ก ซึ่งเคยเป็นวังและที่ประทับเมื่อครั้งเสด็จมาอยู่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี 3. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระนามเดิมว่า สิน เสด็จพระราชสมภพเมื่อพ.ศ. 2277 รับราชการเป็นพระยาตาก ในพ.ศ 2310 ก่อนกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าพระยาตากตีฝ่าวงล้อมกองทัพพม่าไปตั้งมั่นที่ จันทบุรีภายหลังได้รวบรวมกำลังพลกลับมากอบกู้เอกราชยึดกรุงศรีอยุธยากลับคืนจากพม่าได้ สำเร็จ เมื่อยึดกรุงศรีอยุธยากลับมาได้แล้วทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาถูกทำลายมากจนยากแก่การ บูรณะรวมทั้งมีจุดอ่อนที่ข้าศึกรู้จักดีทรงเห็นว่าเมืองธนบุรีมีทำเลเหมาะสม จึงได้ทรงย้ายราชธานี มาอยู่ที่เมืองธนบุรีประชาชนและข้าราชการได้พร้อมใจกันอัญเชิญพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อพ.ศ. 2310 ขณะมีพระชนมพรรษา 34 พรรษาเฉลิมพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 แต่ ประชาชนนิยมเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าตากสิน หรือสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
หน้า 38 | ประวัติศาสตร์ ป.3 กรณียกิจสำคัญได้ปราบปรามคนไทยชุมนุมต่างๆที่ตั้งตนเป็นอิสระเพื่อให้ไทยมีเอกภาพ และได้ปรับปรุงบ้านเมืองให้มีความเจริญรุ่งเรือง เป็นอันมาก ในด้านศาสนาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้าให้มีการฟื้นฟูด้านวรรณกรรมด้าน นาฏศิลป์และการละครด้านพระพุทธศาสนาเช่นการรวบรวมพระไตรปิฎกมาคัดลอกไว้ทรงสร้าง และปฏิสังขรณ์วัดวาอารามนอกจากนี้ยังได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาจากเมืองเวียงจันทน์โปรด เกล้าให้ประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม 4. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมีพระนามเดิมว่าทองด้วงในสมัยกรุง ธนบุรีมีบรรดาศักดิ์เป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ครั้นปลายสมัยธนบุรีเกิดเหตุจราจรขึ้น พระองค์ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีเมื่อวันที่ 6 เมษายนพ.ศ. 2325 พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เช่น โปรด เกล้าให้ย้ายราชธานีจากฝั่งตะวันตกมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเนื่องจากปัจจัยทาง ชัยภูมิที่ตั้งมีความเหมาะสมโดยมีลักษณะเป็นแหลมมีแม่น้ำเป็นคูเมืองทั้งด้านตะวันออกและ ตะวันตกและมีสภาพเป็นที่โล่งสามารถขยายเมืองออกไปได้เรื่อยๆ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงตั้งพระทัยที่จะสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ให้ เหมือนเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาโดยพระราชทานนามราชธานีแห่งใหม่นี้ว่ากรุงรัตนโกสินทร์อินท์อโยธ ยาและรัชกาลที่ 4 ทรงเปลี่ยนเป็นกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ มหินทราอยุธยามหาดิลก ภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์อุดมราชนิเวศน์มหาสถานอมรวิมานอวตารสถิตสักกะทัตติยะ วิษณุกรรมประสิทธิ์ทรงสร้างพระบรมมหาราชวังและมีวัดในเขตพระบรมมหาราชวังคือวัดพระศรี รัตนศาสดารามเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต พระราชกรณียกิจในด้านต่างๆดังนี้
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 39 ด้านการปกครองทรงปกครองตามอย่างอยุธยาแต่ปรับปรุงบางอย่างให้รัดกุมขึ้นและทรง ชำระกฎหมายตราสามดวง ด้านการส่งเสริมอาณาจักรทรงขยายอำนาจไปยังรัฐใกล้เคียงเช่นทำสงครามกับพม่าให้ ความคุ้มครองเขมร ด้านการฟื้นฟูและส่งเสริมวรรณกรรมเช่นร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกกฎหมายตราสามดวง เป็นเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมืองและเรื่องที่แปลจากพงศาวดารต่างชาติเช่นสามก๊กราชาธิราชเป็นเรื่องที่ มุ่งให้ความบันเทิงสำหรับพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 1 ส่วนใหญ่เป็นบทละครเช่นบทละครเรื่อง รามเกียรติ์บทละครเรื่องอิเหนา ด้านศาสนา โปรดเกล้าให้ทำสังคายนาพระไตรปิฎกและโปรดเกล้าให้ปฏิสังขรณ์วัดโบราณ เช่นวัดโพธิ์แล้วพระราชทานนามใหม่ว่าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามวัดสะแกพระราชทานนาม ใหม่ว่าวัดสระเกศ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
หน้า 40 | ประวัติศาสตร์ ป.3 ► สรุป พระมหากษัตริย์ไทย คือ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 สมเด็จพระ เจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเป็นผู้สถาปนา อาณาจักรแรกของไทย ในสมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ตามลำดับและทรง วางรากฐานในด้านต่าง ๆ มากมายเช่น การฟื้นฟูบ้านเมืองทั้งด้านการปกครอง เศรษฐกิจ และ สังคม ซึ่งทำให้ประเทศชาติมีความเจริญในทุกๆด้านจวบจนวันนี้ ► กิจกรรมเสนอแนะ 1. ร่วมกันค้นหาภาพพระราชกรณียกิจด้านต่าง ๆ ของพระมหากษัตริย์ไทยที่เป็นผู้สถาปนา อาณาจักรไทย แล้วรวบรวมเพื่อนำมาจัดป้ายนิเทศ 2. ร่วมการแสดงความคิดเห็นว่าการสถาปนาอาณาจักรไทยของพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ ต่างๆเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไร 3. ศึกษาพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยที่เป็นผู้สถาปนาจากไทยที่ชื่นชอบแล้วเขียน เรียงความเพื่อรณรงค์ให้เพื่อนนักเรียนเห็นความสำคัญของพระราชกรณียกิจดังกล่าว ► คำถามทบทวน 1. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์มีพระราชกรณียกิจที่สำคัญอะไรบ้างยกตัวอย่าง 2. การปกครองแบบจตุสดมภ์คือกรมเวียงกรมวังกรมคลังและกรมนาเกิดขึ้นในสมัย พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ใด 3. นอกจากการกู้ชาติแล้วสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยังมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง 4. วัดพระศรีรัตนศาสดารามสร้างขึ้นในสมัยพระมหากษัตริย์พระองค์ใด ร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า การศึกษาพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราชและพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมีประโยชน์อย่างไร บันทึกข้อมูลและนำเสนอหน้าชั้นเรียน
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 41 อธิบายพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรีในรัชกาลปัจจุบันโดยสังเขป พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10
หน้า 42 | ประวัติศาสตร์ ป.3 องค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศและทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพ สักการะของคนไทยทั้งปวงมีพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆมากมายเราจึงควรศึกษาพระราช ประวัติของพระองค์เพื่อจะได้นำมาเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตและอยู่ในสังคมได้อย่างมี ความสุข 1. พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวราง กูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือพระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่ง ราชวงศ์ จักรี ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 28 ก.ค.2495 ณ พระ ที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ได้รับพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า วชิราลงกรณ
ประวัติศาสตร์ป.3 | หน้า 43 ทรงมีพระเชษฐภคินี คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณ วดี และพระขนิษฐา 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมา คุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัคร ราชกุมารี การศึกษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเข้ารับการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนจิตรลดา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเริ่มการศึกษาที่โรงเรียน จิตรลดา แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนคิงส์มีด แคว้น ซัสเซกส์ และศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท สหราชอาณาจักร หลังจากนั้น ทรงศึกษาต่อวิชาทหารที่โรงเรียนคิงส์ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทรงสำเร็จ การศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ ด้านการทหาร จากมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาได้เสด็จฯ นิวัติประเทศไทย ทรงศึกษาต่อสาขาวิชานิติศาสตร์รุ่นที่ 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช นอกจากนี้พระองค์ทรงพระวิริยะอุตสาหะในการเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ทางด้าน การทหารอย่างต่อเนื่องโดยทรงเข้าร่วมการฝึกเติมในหลักสูตรต่างๆเช่น-ทรงศึกษาหลักสูตรพิเศษ ต่างๆของกองทัพออสเตรเลียเช่นหลักสูตรโดดร่มหลักสูตรทบทวนวิชาอาวุธและยุทธวิธีทรงเข้ารับ การฝึกและศึกษาในโครงการช่วยเหลือทางทหารของกองทัพบกสหรัฐอเมริการัฐน็อต Carolina สหรัฐอเมริกา พระบาทสมเด็จพระวชิราบเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ประกอบพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 พระราชกรณียกิจในพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานาประการที่สำคัญมาตลอดนับตั้งแต่พะเยาจนถึงปัจจุบัน พระองค์ทรงสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรม นาถบพิตรและสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในการทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและ บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ปวงชนชาวไทยเสมอมาเช่น
หน้า 44 | ประวัติศาสตร์ ป.3 1. ด้านศาสนา พระองค์ทรงมีศรัทธายึดมั่นในพุทธศาสนามาตลอดตั้งแต่ทรงยาวและปฏิบัติพระราชกรณีย กิจด้านศาสนาหลายประการเช่น ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนากรพระวัดพระแก้วประจำฤดูร้อน ฤดูหนาวฤดูฝน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นประจำทุกปี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปาทานเนื่องในโอกาสคล้ายวันพระราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร พระราชทานสมณศักดิ์และ เครื่องราชอิสริยยศแด่สมเด็จพระราชาคณะและเจ้าคณะรอง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น มีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญ พระราชกุศลในวันวิสาขบูชา วันเข้าพรรษาวันอาสาฬหบูชา ทรงพระกรุณาโปรดทราบโปรดกระหม่อมแต่งตั้งสมเด็จพระมหามุนีวงศ์อัมพรอัมพวโลวัดราช บพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารเป็นสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆนิยมพระองค์ที่ 20 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับศาสนาต่างๆเช่นเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานใน พิธีพระราชทานถ้วยรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหากัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศเพื่อการ เรียนรู้และปฏิบัติตามพระมหากัมภีร์ได้ถูกต้องรวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ความร่วมมือที่ดี ระหว่างมุสลิมด้วยกันและคนในท้องถิ่นและพระราชทานโลกเกียรติคุณและเงินรางวัลแด่ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและปริมาณที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นและพระราชทาน รางวัลแด่ผู้แทนโรงเรียนผู้บริหารโรงเรียนครูและนักเรียนโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2560 ณหอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี 2. ด้านการศึกษา พระองค์ทรงให้ความสำคัญต่อการศึกษาเป็นอย่างมากตั้งแต่ครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารเช่น ทรงเสริมสร้างการจัดสร้างโรงเรียนในภูมิภาคต่างๆเช่นโรงเรียนมัธยมพัชรกิริยาภา 1 นครพนม ตำบลหนองฮีอำเภอปลาปากจังหวัดนครพนมโรงเรียนมัธยมสิริวัณณวรี 1 อุดรธานีตำบลเชียงพิณ อำเภอเมืองอุดรธานีจังหวัดอุดรธานีโรงเรียนทีปังกรวิทยาภัทรทวีวัฒนาในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารแขวงทวีวัฒนาเขตทวีวัฒนากรุงเทพฯ