The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการเพิ่มประสิทธิภาพ และการบำรังรักษาเครื่องจักร กลุ่ม มอเตอร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by teerapan_poo, 2021-05-10 15:06:39

รายงานการเพิ่มประสิทธิภาพ และการบำรังรักษาเครื่องจักร กลุ่ม มอเตอร์

รายงานการเพิ่มประสิทธิภาพ และการบำรังรักษาเครื่องจักร กลุ่ม มอเตอร์

รายงาน

การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพการบำรุงรกั ษาเครื่องจกั รในอุตสาหกรรม

กรณศี กึ ษา

บรษิ ัท MOTOR IET 18/2 จำกดั (มหาชน)

จดั ทำโดย

นาย กิตติเมศร์ สินพรกลุ วัฒน์ รหสั 630407305011 ห้อง 18/2

นาย จกั รพงษ์ วงคไ์ ชย รหสั 630407304924 หอ้ ง 18/2

นาย ธีระพนั ธ์ ศรีมกุ ดา รหสั 630407304904 ห้อง 18/2

นาย กลา้ ณรงค์ ศรีระศาสตร์ รหัส 630407304950 ห้อง 18/2

นาย วฒุ ชิ ัย ลแี ก้ว รหัส 630407304909 ห้อง 18/2

นาย สิทธิชัย ปดั นา รหัส 630407304910 ห้อง 18/2

นาย พีรพล ดชั ถุยาวตั ร รหสั 630407304913 หอ้ ง 18/2

นาย ธนพล ดชั ถุยาวตั ร รหสั 630407304912 ห้อง 18/2

นาย ณรงคเ์ ดช จลุ หอม รหสั 630407304530 หอ้ ง 18/2

นาย อรรถชัย น้อยคำมี รหัส 630407304531 ห้อง 18/2

เสนอ
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. กุณฑล ทองศรี
รายงานฉบับนเ้ี ปน็ ส่วนหน่งึ ของรายวชิ า เทคโนโลยีการบำรงุ รักษาและการอนุรักษพ์ ลงั งานในอุตสาหกรรม
(IET.350)คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวชิ าเทคโนโลยวี ศิ วกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลยั เกษมบัณฑิต ภาคเรยี น

ท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564

คำนำ

รายงานฉบับนีจ้ ัดทำข้นึ เพ่ือเปน็ สว่ นหนึง่ ของรายวชิ าเทคโนโลยีการบำรงุ รกั ษาและการอนุรกั ษ์
พลังงานในอุตสาหกรรม (IET.350 ) TPM เพ่ือให้ได้ ศกึ ษาหาความรใู้ นเร่ืองการเพ่ิมประสทิ ธิภาพการ
บำรุงรกั ษาเคร่อื งจักรในอุตสาหกรรม กรณีศึกษา บริษัท MOTER IET 18/2 จำกัด (มหาชน) และได้ศึกษาอยา่ ง
เข้าใจเพื่อประโยชน์กับการเรียน

ผูจ้ ัดทำหวงั เปน็ อย่างยง่ิ วา่ การบำรุงรักษา OIL PUMP และ Oil Loading Bay เลม่ นี้ จักเป็นประโยชน์
ตอ่ ทุกทา่ นท่ีได้ศึกษาหรือทบทวน เพราะวา่ สามารถนำไปปฏิบัตงิ านได้จรงิ อยา่ งถูกต้องและปลอดภัย ตามหลัก
ของการบำรุงรักษาด้วยตนเอง TPM (Autonomous Maintenance) หากมขี ้อแนะนำหรอื ข้อผิดพลาดประการ
ใดผู้จดั ทำขอนอ้ มรบั ไว้และขออภัยมา ณ ที่นดี้ ว้ ยครบั

คณะผ้จู ัดทำ
( กลุม่ นักศึกษา IET. ร่นุ 18/2 )

สารบัญ หนา้
เรอื่ ง
คำนำ 1
บทที่ 1 บทนำ 1
3
1.1 ความสำคัญของปัญหา 3
1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องการศึกษา 4
1.3 ขอบเขตของการศกึ ษา 5
1.4 วธิ กี ารดำเนนิ งาน 5
1.5 ระยะเวลาการดำเนนิ งาน 7
1.6 ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 7
บทท่ี 2 ทฤษฎที ่เี กีย่ วข้อง 8
2.1 ประวตั ิและความเป็นมาของการบำรงุ รกั ษาเครอ่ื งจักร 10
11
2.1.1 วงจรชวี ิตของเคร่ืองจักรและการเสอ่ื มสภาพ 12
2.1.2 จุดมุ่งหมายของการบำรงุ รกั ษา 12
2.1.3 ความเป็นมาของการบำรุงรักษา 14
2.1.4 ประเภทของการบำรงุ รักษา 17
2.1.5 ชนิดของการซ่อมบำรงุ
2.1.6 ประโยชน์ของการบำรงุ รกั ษาเชงิ ป้องกัน
2.2 การบำรงุ รักษาเชิงป้องกนั

สารบญั (ต่อ) หน้า
เร่อื ง
20
2.2.1 เป้าหมายหลักของการบำรงุ รกั ษาเชิงป้องกัน 24
2.3 มาตรฐานการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน 24
2.4 การวางแผนการบำรุงรกั ษา 26
2.5 การวดั ประสิทธิผลของการบำรงุ รักษา 35
2.6 ผลงานวจิ ยั และงานเขยี นทเี่ กย่ี วข้อง 39

บทท่ี 3 วธิ ีการดำเนินงาน 39
3.1 ข้อมลู ท่วั ไปและกระบวนการของบริษทั 39
3.2 แผนผังเครือ่ งจกั รและอปุ กรณ์ 24
3.3 ขอ้ มลู ของเครือ่ งจักร 45
3.4 ข้อมูลกอ่ นแกไ้ ขปรบั ปรงุ 55
3.5 สรปุ สภาพปัญหาในการซ่อมบำรุง 56

บทท่ี 4 ผลการเพิ่มประสิทธิ์ภาพ 56
4.1 การนำระบบไปใช้ในการปฏิบตั งิ านจรงิ 57
4.2 เทียบวัดผลกอ่ น/หลังการปรบั ปรุง 59
59
บทที่ 5 สรปุ ผลการวิจยั และขอ้ เสนอแนะ 60
5.1 สรปุ ผลการวจิ ัย 60
5.1.1 ปญั หาในการทำงานวิจยั
5.1.2 แนวทางการแก้ไขปรบั ปรงุ

สารบัญ (ต่อ)

เรอ่ื ง หนา้
5.2 ขอ้ เสนอแนะ
61
บรรณานกุ รม 62

บทท่ี 1
บทนำ
1.1 ความสำคัญของปัญหา
การปรับปรงุ ประสิทธภิ าพการผลติ หรอื ขยายกำลังการผลิตของบริษัทแต่ละแหง่ ย่อมมีนโยบายทแี่ ตกต่าง
กันแตแ่ นวทางท่ีนิยมใช้กนั สว่ นใหญค่ อื การซ้ือเคร่ืองจักรที่มปี ระสิทธภิ าพสงู และทนั สมัยมาใชใ้ นกระบวนการ
ผลิต
เมอ่ื มีการลงทุนซ้ือเครือ่ งจักรมาแลว้ ผ้อู อกแบบและผู้บริหารจะตอ้ งมีการคำนวณถึงจดุ คุ้มทนุ แนน่ อนว่า
ตอ้ งการระยะเวลาท่ี นอ้ ยทสี่ ุด ดังนั้น การดำเนินการผลิตด้วยกำลงั การผลติ เต็มกำลงั (Maximum Capacity)
เป็นสงิ่ ทีห่ ลกี เลยี่ งไมไ่ ดเ้ ลยเมื่อเครื่องจักรมีการใช้งานก็ต้องมีการสกึ หรอหรอื เสียหายจนต้องมีการซ่อมแซม
เกิดขนึ้ ซ่ึงสาเหตุหลักๆ ทท่ี ำใหเ้ ครื่องจักรเกิดปญั หาคือ
• การเสยี หายและเส่ือมสภาพของชนิ้ สว่ นต่าง ๆ
• การใช้งานผิดวัตถปุ ระสงคแ์ ละเกินข้อกำหนดของการออกแบบ
• ไม่มีระบบการบำรงุ รักษาท่ีเหมาะสม
• ผ้ปู ฏบิ ัตงิ านทเ่ี กีย่ วของขาดทักษะในการใช้งานผลกระทบของการเกิดปญั หาเครอ่ื งจกั รขัดขอ้ ง
ผลกระทบของการเกดิ ปัญหาเครอ่ื งจกั รขัดข้อง

1

สมรรถนะของเครื่องจักรคือปัจจัยสำคญั อย่างหนึ่งทส่ี ง่ ผลกระทบต่อประสิทธภิ าพและผลการ
ดำเนนิ งานขององค์กรอยา่ งย่ิงยวดเนอื่ งจากเมอื่ ใดก็ตามทีเ่ คร่อื งจักรเกิดความบกพร่องจะสง่ ผลใหเ้ กิดความ
เสยี หายต่อการผลิตในหลาย ๆ ด้าน ไมว่ า่ จะเป็นด้านความปลอดภยั ด้านคณุ ภาพของสนิ คา้ และต้นทุนในการ
ผลติ รวมถึงความตรงต่อเวลาในการสง่ มอบสินค้าต่อลูกค้าอันจะสง่ ผลโดยตรงต่อผลกำไรและความน่าเช่ือถือ
ขององค์กรได้ ดังนั้นการหาวธิ ีการและแนวทางในการบำรุงรกั ษาเคร่ืองจักรใหอ้ ยู่ในสภาพดีและพร้อมใชง้ าน
อยู่เสมอจึงเป็นส่ิงจำเป็นที่ทกุ บริษัทจะหลกี เลย่ี งไม่ได้ แต่ในการบำรงุ รกั ษาเคร่ืองจกั รน้ันย่อมมีค่าใช้จ่ายใน
การดำเนนิ งานเกดิ ขนึ้ และในบางครั้งกเ็ ป็นเงนิ จำนวน ไม่น้อย ซง่ึ ถ้าหากเราทำการบรหิ ารจัดการไม่ดกี ็อาจจะ
ทำให้ต้นทนุ ของการผลติ สงู ขึ้นหรอื ทำใหเ้ กิดความไม่คมุ้ ค่าต่อการลงทนุ ได้ จึงทำให้เกิดแนวคิดทีว่ ่า ทำอย่างไร
เราจงึ จะสามารถทำใหเ้ ครอื่ งจกั รของเราอยู่ในสภาพท่ดี ีและพร้อมใชง้ านอยูเ่ สมอโดยใชเ้ งินลงทุนในดา้ นการ
บำรงุ รักษาต่ำท่ีสดุ

สำหรบั การบำรงุ รกั ษา แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

ภาพท1่ี .1

2

1. การบำรงุ รกั ษาตามแผน (Planned Maintenance)

หมายถึง การบำรุงรักษาตามกำหนดตามแผนงาน ตามระบบที่วางไว้ทกุ ประการงานท่ีสามารถคาดการณ์
ไดล้ ่วงหน้า สามารถเตรียมการไว้ล่วงหน้าได้ สามารถกำหนดระยะวัน เวลา สถานท่แี ละจำนวนผู้ปฏบิ ตั งิ านท่ี
จะเขา้ ได้ดำเนินการได้ แนวทางการบำรงุ รักษานัน้ อาจเลอื กใช้ชนดิ ใดชนิดหน่ึงได้ เชน่ การบำรงุ รกั ษาเชงิ
ป้องกัน การบำรงุ รกั ษาเพื่อแกไ้ ข เข้ามาดำเนินการ สว่ นระยะเวลาเขา้ ไปทำการบำรุงรกั ษา อาจจะกำหนด
หรือวางแผนเข้าซ่อมแซมขณะเครื่องกำลังทำงานอยหู่ รือขณะเคร่ืองชำรดุ (Break down Maintenance) หรอื
หยุดการใชเ้ ครื่องเพื่อทำการบำรงุ รกั ษา
(Shutdown) การซอ่ มบำรงุ รกั ษาประเภทนจี้ ะมปี ญั หาน้อย เพราะมีเวลาเตรยี มการล่วงหน้าไดท้ ุกข้ันตอน

2. การบำรงุ รักษานอกแผน (Unplanned Maintenance)

เปน็ การบำรุงรกั ษานอกระบบงานทีว่ างไวเ้ นื่องจากเคร่อื งเกดิ การขัดขอ้ ง ชำรุดเสียหายอย่าง
กะทันหัน ต้องเรง่ รีบทำการซ่อมแซมทนั ทีใหเ้ สรจ็ เรยี บรอ้ ยทนั การใช้งาน การบำรุงรกั ษาประเภทนจี้ ะเกดิ
ปัญหามากกวา่ การบำรงุ รักษาตามแผน เน่อื งจากไม่สามารถทราบลว่ งหน้ามาก่อน ไมส่ ามารถกำหนดวนั เวลา
สถานทท่ี แ่ี น่นอนได้ ทำให้ไมส่ ามารถเตรยี มจดั หาผู้ปฏิบตั งิ าน
อุปกรณ์ อะไหล่ ทจี่ ะใชบ้ ำรงุ ไดท้ นั ที

1.2 วตั ถปุ ระสงค์

1.2.1 เพอื่ การวางแผนบำรุงรักษา Pump จ่ายน้ำมันใชแ้ นวคิดของการบำรุงรักษาเชงิ ป้องกัน (Preventive
Maintenance)
1.2.2 เพ่อื ประเมนิ ประสิทธภิ าพของเครื่องจักร และการวางแผนบำรุงรักษา
1.2.3 ยืดอายกุ ารทำงานของเครื่องจักรและป้องกนั การชำรุดเสียหายระหวา่ ง การใชง้ าน
1.2.4ทำงานงา่ ยสะดวกรวดเร็วไมก่ ระทบกบั ระบบการรบั จ่าย เพราะมีเวลากำหนดมีข้อมลู และวธิ กี ารทำงานท่ี
พร้อม
1.2.5 ลดเวลาท่หี ยดุ ชะงกั เน่ืองจากเครอ่ื งจกั รชำรดุ ระหว่างการผลติ ลงได้
1.2.6สามรถลดอุบัตเิ หตุหรืออนั ตรายเนื่องจากการชำรุดของอปุ กรณ์เครือ่ งจักรลงได้
1.2.7ทำให้วางแผนได้ง่าย และทำใหส้ ามารถใช้พนักงานซ่อมบำรงุ ตลอดจนอปุ กรณแ์ ละเครื่องมือได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ

3

1.3 ขอบเขตการวจิ ัย
1.3.1 นำแนวคิดของการบำรุงรกั ษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) มาใช้ วางแผน บำรงุ รกั ษาเคร่อื ง
Oil Pump จา่ ยทางรถ , ทางเรือโดยมีส่วนประกอบ 2 สว่ น คือ

▪ Oil Pump
▪ Oil Loading Bay
1.3.2 ศึกษาข้อมลู การซอ่ มบำรุงเครื่องจักร (Breakdown) มาวิเคราะห์เพอื่ หาปญั หาของเครอ่ื งจักร รวมถึงการ
หา คา่ MTBF, MTTR และ % Machine Availability กอ่ นการดำเนินการวางแผนบำรุงรกั ษา
1.3.3 นำแผนการบำรงุ รักษาไปดำเนินการแล้ววเิ คราะหข์ ้อมูลเพ่อื หาคา่ MTBF, MTTR และ % Machine
Availability เปรยี บเทยี บกบั ค่าทไ่ี ดก้ ่อนการดำเนินการ
1.3.4 เครือ่ งมือทีว่ ดั ประประสทิ ธภิ าพในการดำเนินการคือ Mean Time Between Failures (MTBF), Mean
Time to Repair (MTTR) และ % Machine Availability โดยใช้MTBF เพอ่ื ดูความถี่ในการเสยี หายของ
เครอ่ื งจักร, ใช้MTTR เพื่อดรู ะยะเวลาในการซ่อมแตล่ ะครั้งและ ใช้% Machine Availability เพื่อดคู วามพรอ้ ม
ในการเดินเคร่ืองจักร

1.4 วิธกี ารดำเนนิ งาน

1.4.1 ศกึ ษาทฤษฎแี ละงานวิจัยที่เกย่ี วขอ้ ง
1.4.2 รวบรวมขอ้ มลู ทั่วไปและกระบวนการในบรษิ ัท
1.4.3 รวบรวมขอ้ มูลและประวัตกิ ารซ่อมบำรุงเคร่ืองจักร
1.4.4 วิเคราะหป์ ญั หาการซ่อมบำรงุ กอ่ นการทำการวิจัย
1.4.5 วางแผนการบำรงุ รักษาและจดั ระบบเอกสารของเคร่ืองจกั ร
1.4.6 นำไปปฏิบตั แิ ละบันทกึ ขอ้ มูล
1.4.7 วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ผลเพื่อกำหนดเป้าหมายในระยะยาว

4

1.5 ระยะเวลาดำเนนิ งาน

ระยะเวลาดำเนินงาน

1.6 ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะได้รับ
1.6.1 เข้าใจในรายละเอียดและส่วนประกอบทส่ี ำคญั รวมทงั้ ระบบการทำงานเพ่ือทจ่ี ะได้นำข้อมูลมาวเิ คราะห์
และปรับปรุงการวางแผนการบำรงุ รกั ษาเครอ่ื งจักรใหม้ ีความเหมาะสมมากยิง่ ขึ้น
1.6.2 เคร่ืองจักรมสี ภาพพร้อมใชง้ านสงู สดุ (Maximum Availability) โดยหลกี เลยี่ ง ปัญหาการเกิด
Breakdown และลดเวลาการหยดุ ของเครอื่ งจักร

5

1.6.3 เสรมิ สร้างทักษะใหมๆ่ ให้กับผปู้ ฏิบตั ิงานจากการจดั การบำรุงรกั ษาเครื่องจักร ท่ีเปน็ มาตรฐาน
1.6.4 สามารถเรียงลำดับความสำคัญของ Spare Parts ที่จำเปน็ ต้องมี Stock หรอื ตอ้ งมเี พ่ิมเติมเพื่อสำรองไว
ใหต้ ามความจำเป็นและเหมาะสม กับอายกุ ารใช้งาน
1.6.5 สามารถนำมาใช้เป็นแนวทางสำหรับการวางแผนการบำรุงรักษาเครื่องจักรให้กับหน่วยงานอื่น ๆ ที่มี
ความจำเป็นหรอื มกี ารขยายกำลงั การผลิตในอนาคต
1.6.6 สามารถนำแนวทางของการวางแผนการบำรงุ รักษาเคร่ืองจักรบางส่วนไปปรบั เปล่ยี นเปน็ การบำรุงรักษา
ด้วยตัวเอง (Autonomous Maintenance) เพอ่ื ให้พนักงานประจำเครือ่ งเปน็ ผดู้ ำเนนิ การ ได้ในเบื้องต้น
1.6.7 ผู้บริหารสามารถนำ ไปขยายผลต่อไปเป็นการบำรุงรักษาทวีผลแบบทุกคนมีส่วน ร่วม (Total
Productive Maintenance) เพื่อเป็นการพฒั นาศกั ยภาพขององค์กรให้มีประสทิ ธิภาพมากยิ่งขนึ้
1.6.8 สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างต่อเนื่องจากการที่เครื่องจักรยัง คงไว้ซึ่งพื้นฐานและ
ประสทิ ธภิ าพการทำงานทีด่ ี

6

บทท่ี2
ทฤษฎีที่เก่ยี วข้อง
2.1 ประวัตแิ ละความเป็นมาของการบำรุงรักษาเครอื่ งจักร
ในงานบริหารการผลิตหรือการบริการ มักจะหลีกเล่ียงงานเพิ่มเตมิ ทีส่ ำคัญงานหน่ึง ไปไม่ไดซ้ ง่ึ ก็คอื การ
ซ่อมแซมและบำรุงรกั ษาถึงแม้ว่างานซ่อมแซมและบำรงุ รักษาจะไมใ่ ชง่ านผลิตโดยตรง แต่งานซ่อมแซมและ
บำรุงรักษาก็มบี ทบาทสำคัญท่จี ะช่วยให้การผลิตและการบริการขององคก์ รนั้น ๆ เป็นไป อย่างราบรืน่
โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในโลกปจั จุบนั ท่ี การผลิตและการบริการจำเป็นทจี่ ะตอ้ งอาศยั เทคโนโลยี อุปกรณ์และ
เคร่อื งจักรมากขึน้ การท่เี ครื่องจักรเกิดขัดข้องขึ้น มากะทนั หันหรือไม่สามารถใช้งานไดจ้ ะทำให้มี ผลกระทบ
โดยตรงตอ่ ประสิทธิภาพการผลติ และการบริการนัน้ ๆ กับการที่จะได้มาซ่ึง เครอ่ื งจกั รท่ีมีคุณภาพนน้ั ต้อง
ประกอบดว้ ย
▪ มกี ารออกแบบท่ีดีและตรงตามวตั ถุประสงค์ของการใช้งาน มคี วามเทีย่ งตรงแม่นยำรวมทง้ั สามารถทำงาน
ไดเ้ ตม็ กำลงั ความสามารถท่ีออกแบบไว้
▪ มกี ารผลติ หรอื สร้างท่ีใหค้ วามแข็งแรงทนทาน สามารถทำงานได้นานที่สุดและตลอดเวลา
▪ มีการติดต้ังในสถานท่ี ทเี่ หมาะสมและสะดวกต่อการใช้งานและบำรงุ รักษา
▪ มกี ารมีการใชง้ านเปน็ ไปตามคณุ สมบัตแิ ละสมรรถนะของเครื่อง
▪ มรี ะบบการบำรุงรกั ษาทีด่ ี
เนือ่ งจากเครือ่ งมือเครื่องใชเ้ ม่ือถกู ใชง้ านไปนาน ๆ กต็ ้องมกี ารเส่ือมสภาพ ชำรุด สึกหรอและเสยี หาย
ขัดข้อง ดงั เนน้ เพ่ือให้อายกุ ารใชง้ านเครอื่ งมอื เครอ่ื งใชย้ นื ยาว สามารถใชง้ าน ได้ตามความตอ้ งการของผูใ้ ช้
ไมข่ ำรดุ หรือเสียบ่อย ๆ ตอ้ งมีการบำรุงรักษา เครื่องจักรเครื่องมือเคร่อื งใชใ้ น ระบบการดำเนินงานดว้ ยจงึ
จะสามารถควบคมุ การทำงานของเคร่อื งมอื ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ

7

2.1.1 วงจรชีวติ ของเครื่องจักรและการเสอ่ื มสภาพ

วงจรชวี ิตของเครอ่ื งจักรกล (Machinery Life Cycle) ซง่ึ เปน็ วิธกี ารท่จี ะนำมาอธิบายวงจร ชวี ติ ของ
เครอื่ งจักรในช่วงเวลาตา่ ง ๆ โดยเร่ิมตัง้ แต่การประกอบข้ึนของเครอื่ งจักร การเสอ่ื มสภาพ ของเครือ่ งจักร การ
ชำรุด และการหมดสภาพการใชง้ านของเครอ่ื งจักรซ่ึงเปน็ ท่ี ยอมรบั ในทาง วศิ วกรรมการบำรุงรกั ษาคอื กราฟ
เส้นโคง้ รปู อ่างน้ำ (Bathtub Curve) ซงึ่ เป็นกราฟท่ีจะใชอ้ ธิบาย ลักษณะเฉพาะท่เี กิดขึ้นโดยท่ัวไปกับ
เคร่อื งจักร จากกราฟจะทาํ การแบ่งชว่ งวงจรชีวติ ของ เครอื่ งจักรออกเป็น 3 ชว่ งดว้ ยกัน คอื

1. (Early Failure Period หรือ Run -In Period) กราฟมลี ักษณะลดลงของอตั ราการชำรุด
(Decreasing Failure Rate : DFR) อัตราการชำรดุ จะมโี อกาสทจ่ี ะเกิดขน้ึ ได้จากสาเหตุหลายประการ
เชน่ การใช้วสั ดทุ ผ่ี ลิตไมม่ ีคุณภาพ เครือ่ งจักรไมเ่ หมาะสมกับการใช้งาน หรือไม่ถูกต้องตามวิธีการใช้
งานเครอ่ื งจักร การออกแบบทีไ่ ม่เหมาะสมหรือไมถ่ ูกตอ้ ง การควบคุมคุณภาพหรือเทคโนโลยกี ารผลิต
ของการประกอบเครื่องจักรไมด่ ีพอ การตดิ ตงั้ เครอื่ งจักรผดิ ไปจากท่ีกำหนดไว้ในคมู่ ือเครือ่ งจักร ใน
ระยะนี้อตั ราการชำรดุ จงึ มีโอกาสทีเ่ กิดขน้ึ ไดส้ ูงมาก ดงั น้นั สำหรับการใช้งานของเครื่องจักรในระยะน้ี
เม่อื เร่ิมมีการชำรุดจากสาเหตุใดกต็ ามจำเป็นตอ้ งดำเนินการแกไ้ ขปรบั ปรุงเพือ่ ใหผ้ า่ นชา่ งระยะ
เร่ิมต้นของการใช้งาน เม่อื ผ่านระยะน้ีไปแลว้ อตั ราการชำรุดของเครอื่ งจกั รจะคอ่ ยๆ ลดลง

2. (Random Failure หรอื Life Time Period) เป็นช่วงต่อเน่ืองจากระยะแรก เม่อื มีการใช้งานมาระยะ
หน่ึงแลว้ เปน็ ชว่ งที่เครอ่ื งจักรมกี ารปรับปรุงหรอื มีการเปล่ยี นแปลงให้มเี สถียรภาพในการทำงาน
มาแลว้ อัตราการชำรุดจะเกิดขึน้ นอ้ ยลง แตใ่ นบางโอกาสกอ็ าจจะเกิดขนึ้ ได้ข้ึนอยู่กับการใช้งานและ
การบำรุงรกั ษา และจะคงอยู่ในสภาพเช่นน้นั ในระยะเวลาหน่งึ ซึ่งถ้าต้องการให้ระยะการใช้งานปกติ
ของเคร่อื งจักรยาวนานน้นั ขน้ึ อยู่กับปัจจยั หลายอยา่ งด้วยกัน เช่น ใชง้ านไม่เกนิ ความสามารถของ
เครอื่ งจักรที่ไดร้ ับการออกแบบไว้ การบำรุงรักษาตามท่ีกำหนดไวใ้ นคู่มือเครื่องจักร และควบคุม
สภาพแวดล้อมของเครอ่ื งจักรทีต่ ดิ ตัง้ ใช้งานอยู่ให้เหมาะสมตามท่ีออกแบบไว้ เมอื่ มีการควบคมุ ปจั จยั
เหล่านี้ได้ โอกาสที่เครื่องจักรจะชำรุดจะมนี ้อยและมักจะมีคา่ ค่อนข้างคงทจ่ี ะ เห็นได้ว่าเสน้ กราฟเปน็
เส้นขนานกบั แกนเวลา นั่นคืออตั ราการชำรุดเสียหายคอ่ นข้างคงท่ี
(CFR : Constant Failure Rate : A Constant)

8

3. ช่วงระยะการสกึ หรอของเคร่ืองจักร (Wear - Out Period) เคร่ืองจักรผา่ นระยะการใชง้ านมาเปน็
เวลานานๆ ทำให้เกิดการล้าขนึ้ กบั ชน้ิ ส่วนของเครื่องจักร ทำใหช้ ิ้นส่วนของเครอื่ งจักรเริม่ มีการ
เสื่อมสภาพ เชน่ เกดิ การสึกหรอ เมอื่ เสอ่ื มมากข้นึ ๆ อัตราการชำรดุ ของเคร่ืองจักรกเ็ พมิ่ สูงข้นึ ตามไป
ดว้ ย ซึ่งเปน็ ช่วงที่เรียกวา่ อัตราการชำรุดเสยี หายค่อยๆ มากข้นึ (Increasing Failure Rate : IFIR)

จากการศกึ ษาวจิ ยั ทีเ่ ก่ียวข้องกับการซ่อมบำรุงรักษาเคร่อื งจักรท่ที ำการศึกษาในประเทศไทยส่วนมาก
พบว่า จะมกี ารนำเอาข้อมูลมาวิเคราะห์คา่ เฉลย่ี ของรอบเวลาการพบการเสยี (Mean time between failure,
MTBF) โดยใชว้ ธิ ีการหาค่าเฉลยี่ แบบง่ายยังมีความผดิ พลาดคอ่ นข้างสูงและอาจจะไม่ได้ผลลพั ธ์ทีด่ ที ส่ี ุดในการ
ซอ่ มบำรุง จึงนำหลักทฤษฎีการวเิ คราะห์ความนา่ เชื่อถือเชงิ วศิ วกรรม โดยจะนำข้อมูลเวลาการเสียของ
เครอ่ื งจักรเชน่ (Time Between Failure TBF), (Time To Repair TTR) เพอ่ื นำมาวิเคราะห์ตามหลกั ทฤษฎี
การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ โดยจะมกี ารนำขอ้ มลู ไปวเิ คราะหร์ ูปแบบการแจกแจงทางสถติ ิ ว่ามรี ูปแบบการ
แจกแจงชนิดใด เพ่ือนำไปคำนวณตอ่ ไปตามหลกั การวิเคราะห์วศิ วกรรมความนา่ เชอื่ ถอื ซ่งึ ตรงกับรปู แบบการ
แจกแจงของข้อมูลท่ีมี ซ่งึ จะทำให้ทราบลักษณะรปู แบบแนวโนม้ การเสยี ของเคร่ืองจักร สามารถกำหนดคา่
ความนา่ เชอื่ ถือ เพื่อใช้ในการคำนวณ ซ่งึ วธิ ีน้ีจะทำใหข้ ้อมลู รอบเวลาการซ่อมบำรงุ ทีว่ ิเคราะห์มีความถูกต้อง
มากข้ึนในเชงิ สถิติ และมีความเหมาะสมในการนำไปจดั สร้างแผนการซ่อมบำรุง

9

ภาพ 2.1
เสน้ โคง้ รปู อา้ งนำ้

2.1.2 จุดม่งุ หมายของการบำรงุ รกั ษา
การบำรุงรกั ษา (Maintenance) หมายถึง “การพยายามรักษาสภาพของเคร่ืองมือ เครือ่ งจักรตา่ งๆ ให้มี

สภาพที่พร้อมจะใชง้ านอยู่ตลอดเวลา” การบำรงุ รักษาเน้นครอบคลุมไปถึงการซ่อมแซม (Repair) โดยมี
จดุ มุ่งหมายคือ

▪ เพ่อื ใหเ้ ครื่องมือใช้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล (Effectiveness) คือ สามารใชเ้ ครื่องมือเครื่องใช้
ไดเ้ ต็มความสามารถและตรงกับวตั ถุประสงค์ทจ่ี ัดหามามากที่สดุ

▪ เพ่ือให้เครอื่ งมือเคร่ืองใชม้ สี มรรถนะการทำงานสงู (Performance) และชว่ ยใหเ้ ครอ่ื งมือ
เครื่องใช้มีอายุการใช้งานยาวนานเพราะเมือ่ เครื่องมือได้ใชง้ านไประยะเวลาหนึ่งจะเกดิ การสกึ
หรอ ถา้ หากไม่มีการปรบั แต่งหรอื ซ่อมแซมแล้ว เครอ่ื งมืออาจเกดิ การขัดข้อง ชำรดุ เสยี หายหรอื
ทำงานผดิ พลาด

▪ เพ่ือให้เครอื่ งมือเคร่ืองใชม้ ีความเท่ยี งตรงน่าเชื่อถือ (Reliability) คือ การทำใหเ้ คร่ืองมือเครอื่ งใช้
มีมาตรฐาน ไม่มีความคลาดเคล่อื นใด ๆ เกิดขึ้น

10

▪ เพ่ือความปลอดภยั (Safety) ซึง่ เปน็ จุดมุ่งหมายทสี่ ำคัญ เครื่องมอื เครื่องใชจ้ ะต้องมีความ
ปลอดภยั เพียงพอต่อผใู้ ช้งาน ถา้ เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ทำงานผดิ พลาด ชำรุดเสียหาย ไม่สามารถ
ทำงานได้ตามปกติ อาจจะก่อใหเ้ กิดอุบัติเหตุ และการบาดเจบ็ ต่อผู้ใชง้ านได้ การบำรงุ รักษาทดี่ ี
จะชว่ ยควบคมุ การผดิ พลาด

▪ เพอ่ื ลดมลภาวะของสิ่งแวดล้อม (Environment) เพราะเครื่องมือเคร่ืองใช้ที่ชำรดุ เสยี หาย เก่าแก่
ขาดการบำรุงรกั ษา จะทำใหเ้ กิดปัญหาดา้ นสิง่ แวดล้อม เช่น มีฝุ่นละอองหรือไอของสารเคมี
ออกมา มีเสียงดัง เปน็ ตน้ ซึง่ จะเปน็ อันตรายต่อผู้ปฏบิ ตั ิงานและผทู้ เี่ กย่ี วข้อง

▪ เพือ่ ประหยดั พลังงาน(Energy) เพราะเคร่ืองมือเคร่อื งใช้สว่ นมากจะทำงานไดต้ ้องอาศัยพลงั งาน
เชน่ ไฟฟา้ น้ำมันเช้ือเพลงิ ถา้ หากเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ไดร้ ับการดแู ลใหอ้ ยใู่ นสภาพดี เดินราบเรียบ
ไมม่ ีการร่วั ไหลของน้ำมัน การเผาไหม้สมบูรณ์ก็จะสิน้ เปลอื งพลงั งานน้อยลง ทำให้ประหยัด
คา่ ใชจ้ ่ายลงได้


2.1.3 วิวัฒนาการของการบำรุงรกั ษา

ยุคท1่ี (กอ่ นปี พ.ศ. 2493) เปน็ ยุคทน่ี ยิ มทำการซ่อมแซมหลังจากเคร่อื งมือเครือ่ งจกั รเกิดเหตุขัดข้องแลว้
(Breakdown Maintenance) ไม่มกี ารป้องกนั การชำรุดเสียหายของเคร่ืองไวก้ ่อน เลยเมื่อเกิดขัดข้องไม่
สามารถใช้งานไดแ้ ลว้ จึงทำการซอ่ มแซม

ยคุ ท2่ี (ปี พ.ศ. 2493 – 2503) เปน็ ยคุ ท่ีเริม่ นำ แนวคดิ เกย่ี วกับระบบการบำรุงเชิงป้องกนั
(Preventive Maintenance) มาใช้เพื่อป้องกัน มิให้เครื่องมือเครื่องจักรเกดิ การชำรดุ มีเหตขุ ัดข้องและเพื่อ
ยกสมรรถนะของ เครื่องมือให้ดีขน้ึ ผทู้ ำงานมีความมน่ั ใจในเครอ่ื งมือมากขนึ้

ยคุ ท3ี่ (ปี พ.ศ. 2503 – 2513) เปน็ ยคุ ท่นี ำเอาแนวคิด เกย่ี วกบั การบำรงุ รักษาทวีผล(Productive
Maintenance) แนวคดิ น้จี ะให้ความสำคญั ของการออกแบบเคร่ืองมือ เครอ่ื งจกั รใหม้ ีความน่าเชื่อ(Reliability)
มากย่งิ ขน้ึ โดยคำนงึ ถึงความยากง่ายของการบำรุงรกั ษาและเอาหลักการ ดา้ นเศรษฐศาสตร์มาใชร้ ว่ มดว้ ย

ยุคท4ี่ (หลงั ปี พ.ศ. 2513-ปจั จบุ ัน) เป็นยคุ ท่ไี ด้รวมเอาแนวคดิ ทกุ ยุคทกุ สมยั เข้า มาประกอบกนั โดย
พยายามให้ทกุ ฝา่ ยได้มสี ว่ นร่วมในงานการบำรุงรกั ษา (Total Productive Maintenance) เป็น
ลักษณะของการบำรุงรักษาเชงิ ป้องกนั จะไมเ่ น้นเฉพาะฝ่ายบำรงุ รกั ษาเท่านั้นแตจ่ ะเนน้ ให้ทกุ คนมีสว่ นรว่ ม
เพ่อื เพ่ิมประสทิ ธิภาพของเครอ่ื งจกั รเคร่ืองมือเคร่อื งจักรให้มากข้ึน

11

2.1.4 ประเภทของการบำรุงรกั ษา
ในทางปฏบิ ัตสิ ามารถแยกประเภทของการบำรงุ รกั ษาได้เป็น 2 ประเภท คอื

1. การบำรุงรกั ษาตามแผน (Planned Maintenance)

หมายถงึ การบำรงุ รักษาตามกำหนดตามแผนงานตามระบบท่ีวางไว้ทกุ ประการ งานทส่ี ามารถคาดการณ์
ได้ล่วงหน้า สามารถเตรียมการไว้ลว่ งหน้าได้ สามารถกำหนดระยะวนั เวลา สถานท่แี ละจำนวนผปู้ ฏบิ ตั งิ านที่
จะเข้าไดด้ ำเนินการได้ แนวทางการบำรุงรักษานั้นอาจเลอื กใช้ชนิดใดชนดิ หนงึ่ ได้ เชน่ การบำรุงรักษาเชงิ
ป้องกัน การบำรงุ รักษาเพ่ือแกไ้ ข เขา้ มาดำเนนิ การ ส่วนระยะเวลาเข้าไปทำการบำรุงรกั ษา อาจจะกำหนด
หรอื วางแผนเข้าซ่อมแซมขณะเครื่องกำลงั ทำงานอย่หู รือขณะเคร่ืองชำรุด (Break
down Maintenance) หรอื หยุดการใช้เครื่องเพ่ือทำการบำรงุ รกั ษา
(Shutdown) การซ่อมบำรงุ รักษาประเภทนีจ้ ะมปี ญั หานอ้ ย เพราะมีเวลาเตรียมการล่วงหน้าได้ทุกขน้ั ตอน

2. การบำรงุ รักษานอกแผน (Unplanned Maintenance)

เปน็ การบำรงุ รกั ษานอกระบบงานทว่ี างไว้เนื่องจากเครือ่ งเกิดการขดั ข้อง ชำรุดเสียหายอย่าง
กะทันหนั ต้องเรง่ รีบทำการซ่อมแซมทนั ทีใหเ้ สร็จเรยี บรอ้ ยทันการใช้งาน การบำรุงรักษาประเภทนีจ้ ะเกิด
ปัญหามากกวา่ การบำรงุ รักษาตามแผน เน่อื งจากไมส่ ามารถทราบลว่ งหน้ามาก่อนไม่สามารถกำหนดวนั เวลา
สถานทที่ แี่ น่นอนได้ ทำให้ไมส่ ามารถเตรยี มจดั หาผปู้ ฏิบตั ิงานอปุ กรณ์ อะไหล่ ท่ีจะใชบ้ ำรุงได้ทนั ที

2.1.5 ชนดิ ของการซ่อมบำรุง

1. การซอ่ มบำรงุ รกั ษาหลงั เหตขุ ดั ข้อง (Breakdown Maintenance) คือการบำรุงรักษาเมอื่ เคร่อื งจักร
เกดิ ชำรดุ และหยุด โดยฉุกเฉิน วธิ ีการการน้นั เปน็ วธิ กี ารธรรมดาที่สุดและมขี ้อจำกัดทีเ่ หน็ ไดช้ ดั และในทุก ๆ
อตุ สาหกรรมยงั ใชก้ ลยุทธก์ ารบำรุงรักษาแบบนน้ั อยโู่ ดยจะดำเนนิ การก็ต่อเมื่ออุปกรณเ์ สียหายจนทำให้ต้อง
หยดุ เคร่อื งหรือหยุดทำ การผลิตหรอื เกดิ ขดั ขอ้ งเสยี หายในขณะทีเ่ คร่ืองจกั รกำลงั ทำงานอยโู่ ดยไม่รมู้ าก่อนว่า
จะเกิด การเสยี หายขน้ึ และเม่ือเกดิ ขน้ึ แล้วทำให้ต้องหยุดเคร่ืองจักรเพ่ือทำการซ่อมแซมหรอื เปล่ียนชนิ้ ส่วนที่
เสียโดย ส่วนใหญ่จะใชก้ ับเคร่อื งจักรหรืออปุ กรณ์ทไี่ ม่มีผลกระทบกับสายการผลติ ถ้าหากเกดิ การเสยี หายขึ้น
เช่น หลอดไฟแสงสวา่ งอปุ กรณ์สำนกั งาน ข้อดีของการบำรุงรกั ษาแบบแก้ไขคอื ไดใ้ ช้ประโยชนจ์ ากอายุการใช้
งาน ของเคร่อื งจักรอยา่ งคุ้มค่าไม่ต้องเสยี กำลงั คนและคา่ ใชจ้ ่ายในการบำรุงรักษาแต่เราไมส่ ามารถวางแผน

12

และกำหนดเวลาในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนชน้ิ สว่ นไดบ้ างคร้งั จำเป็นต้องรบี ทำ จึงทำให้คุณภาพของงาน
ออกมาไม่ ค่อยดีและเมอื่ เกดิ การเสยี หายแลว้ ค่อนขา้ งรุนแรงการซ่อมแซมจะ เสียค่าใช้จ่ายสงู กว่าอย่างไรก็ตาม
BM จะมคี า่ ใชจ้ ่ายเกิดขนึ้ บางคร้งั ถา้ อุปกรณบ์ างส่วนตอ้ งทำ การซ่อมแซม ค่าใช้จา่ ยสำ หรบั การเปลย่ี นอะไหล่
อย่างเดยี วก็มีมากมายแลว้ ยังไมร่ วมถึงประเดน็ ดา้ น ความปลอดภยั สุขภาพ และสง่ิ แวดล้อม (Safety Health
and Environment : SHE) อนั เนอ่ื งจากอุปกรณ์ไม่สามารถทำงานไดต้ ามปรกติ
2. การบำรงุ รกั ษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) คือการดำ เนนิ การกิจกรรมซ่อมบำรุงตาม
กำหนดเวลากอ่ นทเี่ ครื่องจกั รจะเกิดชำรุดเสยี หาย ป้องกนั การหยุด ของเครื่องจักรโดยเหตฉุ กุ เฉนิ ซ่ึง จะเปน็
การวางแผนโดยกำหนดระยะเวลาการตรวจสอบและการบำรุงรกั ษาเครอื่ งจักรรวมทง้ั อปุ กรณ์ต่าง ๆเพ่ือ
ป้องกนั ความเสยี หายหรอื วางแผนป้องกนั ไว้ลว่ งหน้าซงึ่ จะไมท่ ำ ให้ขบวนการผลิตตอ้ งหยุดฉกุ เฉิน สิง่ ที่สำคัญ
ของการบำรุงรกั ษาเพ่อื ป้องกัน คอื การประเมนิ อายุการใชง้ านของเคร่ืองจักรและทำการบำรงุ รักษากอ่ น
เครือ่ งจักรเสยี หาย โดยท่ัวไประยะเวลาทำ PM ดังกลา่ วสามารถหาข้อมูลอา้ งองิ ได้จากคู่มอื ของเครอื่ งจักรจาก
ผ้ผู ลติ หรอื จากประวตั ิของเคร่ืองจักรทผี่ า่ นมา เชน่ การเปล่ียนถ่ายน้ำ มนั เครอ่ื ง, ไส้กรองในรถยนต์เราเปล่ยี น
ตามระยะเวลาที่ผูผ้ ลิตกำหนด ตัวอยา่ งน้ันถือว่า เป็นการบำรงุ รกั ษาเพื่อปอ้ งกัน ทวา่ ในทางปฏบิ ัตเิ ราไม่
สามารถที่ จะดูแลอปุ กรณ์ทกุ ชนดิ ตลอดเวลาได้ดังนน้ั เราจึงตอ้ งมีการวางแผนและตดั สินใจว่า อุปกรณช์ นดิ ใดที่
ควรจะทำ PM โดยมากมักจะทำการตรวจสอบตามรอบ (Interval) ท่ีคอ่ นข้างจะมีกำหนดเวลาทีแ่ นน่ อน ทว่า
ปจั จยั อนื่ ๆ ก็ สามารถนำ มาใช้ร่วมพิจารณาในการวางแผน PM ได้เช่น พฤตกิ รรมการทำงานของเคร่ืองจักร
ประโยชน์ของการ บำรงุ รกั ษาแบบวธิ นี ้นั คอื เราสามารถกำหนดระยะเวลาในการบำรงุ รกั ษาไดส้ ามารถวางแผน
กำลงั คนไดเ้ ตรียม ชิ้น ส่วนเคร่อื งจกั รได้และลดการเสียหายของเครื่องจักรลงแต่ข้อเสยี คือเราต้องเสียคา่ ใช้จ่าย
ในการจดั เก็บ ชิน้ ส่วนเครื่องจักร นอกจากนน้ั บางครัง้ ยังเกิดการเสยี หายของเครอ่ื งจักรโดยทไ่ี ม่ได้คาดการณ์
เกดิ ข้ึน อีกอย่างไร ก็ตาม ผลของการทำ PM กย็ ังไม่เป็นที่รบั ประกนั แนน่ อนวา่ อุปกรณเ์ คร่ืองจักรจะทำงานได้
อยา่ งมีประสิทธิภาพ แม้วา่ จะทำตามแผนการบำรุงรกั ษาแล้ว จงึ ทำ ใหก้ ลยทุ ธก์ ารบำรุงรักษาตามสภาพข้นึ

13

ประโยชนข์ องการบำรุงรักษาเชิงป้องกนั

▪ สามารถยดื อายกุ ารทำงานของเคร่ืองจักรและป้องกันการชำรดุ เสียหายระหวา่ งการใชง้ าน
▪ ทำได้งา่ ยและสะดวกรวดเร็วไมก่ ระทบกบั การผลติ เพราะมีกำหนดเวลามีข้อมลู และวธิ กี ารทำงาน

พรอ้ ม
▪ ลดเวลาที่หยุดชะงักเนื่องจากเครอื่ งจักรชำรดุ ระหว่างการผลิตลงได้
▪ สามารถลดอบุ ตั ิเหตุหรืออันตรายเน่อื งจากการชำรุดของเครือ่ งจกั รลงได้
▪ ทำให้วางแผนได้งา่ ยและทำให้สามารถใชพ้ นักงานซ่อมบำรงุ ตลอดจนอุปกรณ์และเครื่องมือได้อย่างมี

ประสทิ ธภิ าพ

การบำรุงรักษาตามสภาพ (Condition-Based Maintenance) หรอื บา้ งก็เรียกว่า Predictive
Maintenance เป็นวธิ บี ำรุงรกั ษาอปุ กรณ์เครือ่ งจักรอย่างเหมาะสมตามสภาพและเวลากลยุทธ์การบำรุงรักษา
ตามสภาพจึงได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีพน้ื ฐานอยู่ทข่ี ้อมูลปจั จุบันและอดีตย้อนหลงั เพื่อทจี่ ะกำหนดความสำคญั ใน
การบำรงุ รกั ษาใหด้ ีทีส่ ุด โดยอาศัยสัญญาณเตือนจากเครื่องจกั ร ซึง่ โดยทั่วไปเคร่ืองจักรจะให้สัญญาณเตือน
ก่อนทเ่ี คร่อื งจกั รจะเสยี หาย เช่น ความรอ้ น, เสียง, การส่นั สะเทอื น, เศษผงโลหะต่าง ๆ ถา้ หากเรา สามารถ
ตรวจสอบสญั ญาณเตือนจากเคร่ืองจักรไดเ้ ราก็สามารถทีจ่ ะกำหนดการบำรุงรักษาทจี่ ำเป็นกอ่ นที่ เคร่ืองจกั ร
จะเกดิ ความเสยี หายได้ทำ ใหเ้ ราลดคา่ ใชจ้ า่ ยในการซอ่ มบำรุงไดเ้ ชน่ การเปลย่ี นยางรถยนต์โดยดตู าม สภาพ
ของดอกยางวา่ สึกมากน้อยแค่ไหนแล้วจึงค่อยตดั สนิ ใจเปลี่ยน สงิ่ ทีส่ ำคัญของการบำรงุ รักษาแบบตาม สภาพ
คอื เราต้องเลือกเทคโนโลยีใหเ้ หมาะสมกบั ชนิดของเครื่องจักรหรืออปุ กรณ์และต้องกำหนดความถี่ใน การ
ตรวจสอบให้เพยี งพอที่จะสามารถตรวจสอบปญั หาที่เกดิ ข้ึน ได้การตรวจสภาพรวมของเครอื่ งจักรจะใช้ ระบบ
ตรวจวดั ซ่ึงไว้ประเมนิ หาสภาพปจั จุบนั ของเคร่ืองจักรและใช้เพ่ือทำการวางแผนการบำรุงรักษาเท่าท่จี ำเปน็
ดังน้นั กลยุทธ์ CBM จำเป็นต้องใชอ้ ุปกรณ์เครื่องมือตรวจวัด รวมท้งั เครอ่ื งมือพิเศษสำหรบั วิเคราะห์ ข้อมลู เพ่ือ
ไวใช้สำ หรบั พนักงานซ่อมบำรงุ ในการทำ งานได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพทส่ี ด คา่ ใชจ้ ่ายอปุ กรณ์และ อะไหล่สำรอง
นอ้ ยทีส่ ดุ อย่างไรกต็ าม CBM ก็ยังมีประเด็นที่ทา้ ท้ายบางประการอยา่ งแรกทส่ี ำคัญทส่ี ุด ในการ เริม่ ใช้กลยุทธ์
CBM ค่อนข้างท่ีจะมคี า่ ใช้จา่ ยสงู เพราะต้องการอปุ กรณ์ตรวจวัดเพมิ่ พิเศษสำหรบั เคร่ืองจักร โดยเฉพาะอยา่ ง
ย่งิ สำหรับเคร่อื งจักรทมี่ ีความซับซ้อน ดงั นัน้ จงึ ต้องมกี ารวางแผนวา่ อุปกรณช์ นดิ ใดที่มีความสำคญั ท่จี ะลงทนุ
ตดิ ตงั้ เครื่องมือตรวจวัด บางองค์กรกลยุทธ์CBM ในขน้ั แรกได้พงุ่ เปา้ ไปทกี่ ารตรวจวัด ความสนสะเทือน
(Vibration) สำหรบั เคร่อื งจักรขนาดใหญท่ ี่หมุนดว้ ยความเรว็ สงู เท่านั้น ข้ันทส่ี องการนำ CBM มาประยุกตใ์ ช้จะ
ส่งผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงในการปฏบิ ัติงานบำรุงรกั ษาอย่างมากอาจจะครอบคลมุ ทง้ั องค์กรบำรงุ รกั ษา ซ่ึงการ

14

เปลย่ี นแปลงในลกั ษณะเชน่ น้ีคอ่ นข้างจะกระทำลำบากรวมไปถึงประเด็นด้านเทคนิค บางประการแมว้ ่า
อุปกรณ์บางชนิดสามารถตรวจวัดคา่ ตา่ ง ๆ ออกมาอาทิเชน่ คา่ ความสั่นสะเทือน, อณุ หภูมิ หรอื ความดัน แตค่ ่า
เหลา่ นี้ถ้าหากจะนำมาแปลผลออกมาเปน็ สภาพเครอ่ื งก็ไม่ใชง่ า่ ย ประโยชนท์ ีเ่ ห็นได้ชดั จากกลยทุ ธ์CBM คอื ลด
คา่ ใชจ้ า่ ยในการซอ่ มบำรงุ ลดการเสียหายของเคร่ืองจักรลง ใช้ประโยชนจ์ ากอายกุ าร ใช้งานของเครื่องจักรหรือ
อปุ กรณ์มากข้นึ เม่ือเทยี บกบั การบำรุงรกั ษาเชิงป้องกัน เพิ่มประสทิ ธภิ าพการทำงาน ของเครื่องจักรแต่เรา
จำเปน็ ที่จะต้องลงทนุ ในการจัดหาเครอื่ งมือหรือจา้ งผรู้ ับเหมาจากภายนอกเข้ามาตรวจสอบ ซ่ึงเครือ่ งมือบาง
ตวั ค่าใช้จา่ ยจะค่อนขา้ งสูงมากอาจไมค่ ุ้มต่อการลงทนุ อาจต้องจ้างผู้รบั เหมาภายนอกเข้ามา ตรวจสอบเปน็ คร้ัง
คราวจะทำ ใหเ้ ราไม่ต้องแบกรับภาระเร่ืองตน้ ทนุ คงทน่ี อกจากนเ้ี ม่ือซ้อื เคร่อื งมือมาแล้วเรา อาจต้องลงทุน
เกยี่ วกบั การฝึกอบรมบคุ ลากรเพอื่ ให้มีความสามารถในการใช้เครื่องมือซง่ึ ค่าใชจ้ า่ ยอาจอยู่ท่ี ประมาณ 30%
ของเคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นการตรวจสภาพเคร่ืองจักรมีอยดู่ ้วยกันหลายชนิดผเู้ ขียนจะขอกล่าวถงึ บางกลุ่มทีใ่ ชก้ นั
ค่อนข้าง แพรห่ ลายในบ้านเราเทา่ น้ัน

▪ การตรวจสภาพการส่ันสะเทอื นโดยการใช้ Vibration Analysis เป็นการตรวจสอบความผดิ ปกตแิ ละ
ความ เสยี หายของเคร่ืองจักรเชงิ กลเป็นสว่ นใหญ่โดยมเี ครอ่ื งมือวดั ความสน่ั สะเทือน (Vibration
Analyzer) เป็นตัวเกบ็ ขอ้ มูลและแปลงเป็นข้อมูลทางความถ่ีซ่ึงเราสามารถทราบถึงปัญหาของ
เครอื่ งจักรไดจ้ าก ความถี่ทเ่ี ราเกบ็ ได้ดังนัน้ คนทจ่ี ะสามารถอา่ นขอ้ มลู ทางความถแี่ ละประเมนิ ผลได้
ตอ้ งมีความเขา้ ใจ เร่ืองของการวิเคราะหค์ วามส่นั สะเทอื น ถึงจะสามารถประเมนิ ผลระดับความรนุ แรง
ของการเสียหาย และหาสาเหตขุ องการเสยี หายได้เพ่ือจะนำขอมูลไปวางแผนการซ่อมและจัดเตรียม
อะไหล่ต่อไป

▪ การตรวจสภาพอุณหภมู โิ ดยการใช้ Infrared Thermography กลอ้ งถา่ ยภาพทางความร้อนเปน็
เทคโนโลยีทีใ่ ชบ้ อกสภาพของอุปกรณ์ทางไฟฟ้าและทางกลโดยไมต่ อ้ งสมั ผสั เคร่อื งจักรที่ทำใหเ้ ราเห็น
สภาพของเครือ่ งจกั รระบปุ ญั หาโดยการตรวจสอบความผดิ ปกติของอุณหภูมิท่ีเปลี่ยนแปลงทำใหเ้ รา
สามารถแก้ไขปัญหาได้ซ่งึ เคร่ืองมือชนิดนจ้ี ะมีประโยชนม์ ากในการนำไปตรวจสอบอุปกรณ์ทางไฟฟา้
ในปจั จบุ นั มีการนำ ไปใชง้ านอย่างแพร่หลายมากในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหาร,
ปโิ ตรเคม,ี ยานยนต์

▪ การตรวจสภาพดว้ ยสายตาโดยการใช้ Stroboscope เคร่ืองมือท่ีใช้ในการตรวจสภาพเครอื่ งจักรจาก
การ มองเหน็ ขณะเคร่ืองจักรทำงานโดยอาศยั การปล่อยแสงท่เี ทา่ กบั ความเร็วรอบของเครือ่ งจกั รจงึ ทำ
ใหเ้ รา สามารถมองเหน็ ภาพเสมือนหยุดน่ิงเราจงึ สามารถตรวจสอบสภาพเคร่อื งจักรหรอื ช้นิ ส่วนหมนุ

15

ไดใ้ นขณะทำงาน ใช้ในการตรวจสอบสภาพสายพาน,ใบพัดลม,คับปลงิ และชิ้นสว่ นหมุนอืน่ ๆ อกี
จดุ ประสงค์หน่ึงของ Stroboscope คอื ใชใ้ นการวดั ความเรว็ รอบของเครื่องจักร
▪ การตรวจสภาพด้วยการฟงั โดยการใช้ Ultrasonic ใช้ในการตรวจสอบและวเิ คราะหป์ ัญหาการรวั่ ซึม
ตามข้อตอ่ , ทอ่ , วาลว์ และใชใ้ นการบอกสภาพของเครื่องจักรหมนุ ทเ่ี กิดปญั หาจากการเสยี ดสีของ
โลหะได้
▪ การตรวจสภาพสารหลอ่ ล่ืนด้วยการใช้ Oil Analysis การวิเคราะหน์ ำ้ มัน สามารถบอกถงึ สมรรถนะ
หรือ สภาพของเคร่ืองจักรและอุปกรณ์จากการตรวจสอบสภาพการสึกหรอ , การเสื่อมสภาพของ
น้ำมัน หล่อลื่นและสง่ิ สกปรกปนเปือ้ นต่าง ๆ โดยจะทำการเกบ็ ตัวอย่างของนำ้ มันทจี่ ะตรวจสอบไป
ตรวจสอบหา คณุ สมบตั ขิ องสารหลอ่ ล่ืนและจะทำการวเิ คราะห์เศษโลหะ เพื่อหาสาเหตุของการ
เสยี หายและระดบั ความรุนแรง
3. การบำรงุ รักษาทวีผล(Productive Maintenance) เป็นวิธที ค่ี รอบคลุมขอบเขตที่กว้างขึ้น โดย
นำเอาวิธีบำรุงรักษาเชิงป้องกันเขา้ มาอยดู่ ้วยในขณะเดยี วกันกค็ ำนึงถงึ ผลทาง เศรษฐศาสตรข์ องการ
ผลิต คอื การนำเอาคา่ ความเสียหายของการเส่อื มสภาพและคา่ ใช้จ่ายของการบำรุงรักษามา พจิ ารณา
หาจดุ ท่เี หมาะสมและสรา้ งขน้ึ เป็นระบบบำรุงรักษานัน้ เอง

4. การบำรงุ รกั ษาเชิงแก้ไขปรับปรงุ (Corrective Maintenance) คือการดำเนิน การเพื่อการ
ดัดแปลง ปรบั ปรุงแก้ไขเครื่องจักรหรอื ส่วนของเครื่องจกั รเพอื่
▪ ขจัดเหตุขดั ขอ้ งเรื้อรงั ของเครื่องจักรใหห้ มดไปโดยส้ินเชงิ
▪ ปรบั ปรงุ เคร่ืองจักรให้สามารถ"ผลติ " ไดด้ ้วยคุณภาพและปรมิ าณทีส่ งู ข้นึ

การบำรุงรักษาเชงิ แก้ไขปรบั ปรุงไม่ไดห้ มายถึงการแก้ไขปรับปรุงวิธีบำรุงรักษาแต่จะหมายถึงการ
แก้ไขปรบั ปรงุ ตัวเคร่ืองจกั รเพื่อท่จี ะลดความเสียหายจากการเส่ือมสภาพและค่าใชจ้ า่ ยของการบำรงุ รักษา
ลง กล่าวคอื เปน็ การปรับปรุงคุณสมบัติของเครอ่ื งจักรให้ดีขึ้นนั้น เองแตใ่ นกรณีที่คา่ ใช้จา่ ยของการแก้ไข
ปรับปรงุ เคร่อื งจักรมากกวา่ ผลรวมของคา่ ใชจ้ ่ายในการบำรุงรกั ษาและความเสียหายจากการเส่ือมสภาพ
ก็จะทำใหว้ ิธกี ารบำรุงรกั ษาเชิงแก้ไขปรับปรุงน้ีไม่มีความหมาย ดังนน้ั จึงจำ เปน็ จะตอ้ งมีการควบคุม
เชน่ เดียวกบั การบำรงุ รักษา เชงิ ปอ้ งกัน CM มกั จะมีเป้าหมายในการลดการสญู เสยี ลดต้น ทนุ ในการซ่อม

16

บำรุงลดเวลาในการซ่อม ยืดอายุ การใช้งานของเคร่ืองจักร ดังนั้น/อาจจะพดู ได้ว่าการทำ CM เปน็ กิจกรรม
ท่สี ำคญั มากเทยี บกบั กิจกรรมซ่อมบำรุงในลกั ษณะอน่ื ๆ

5. การบำรงุ รักษาทท่ี กุ คนมีสว่ นร่วม (Total Productive Maintenance: TPM) เป็นการบำรุงรกั ษา

ที่มีการกำหนดเปา้ หมายให้เครอ่ื งจักรอยู่ในสภาพทีม่ ีประสิทธภิ าพสูงสดุ (การปรับปรุง

ประสิทธิภาพโดยรวม) ระบบ TPM เปน็ ลักษณะของการสร้างระบบ ของ Productive Maintenance

โดย มเี ป้าหมายทวี่ งจรชวี ิตของเครื่องจกั รมีการสรา้ งความรว่ มมือระหวา่ งทุกฝ่ายไม่วา่ จะเป็น ฝา่ ย

บริหาร, ฝ่ายผลติ และฝา่ ยซอ่ มบำรงุ จะมีการจัดให้พนักงานในทุกระดบั มีส่วนรว่ มและมกี ารบริการ

โดยกอ่ ให้เกดิ แรงจงู ใจ เสรมิ กิจกรรมกลุ่มย่อยในการทำ Productive Maintenance

6. การปอ้ งกนั การบำรุงรักษา (Maintenance Prevention) คือการดำเนนิ การใด ๆ ก็ตาม ทีจ่ ะให้
ไดม้ าซ่ึงเครื่องจักรที่ไมต่ ้องการการบำรงุ รกั ษาหรอื ต้องการแต่น้อยทสี่ ดุ สามารถดำเนนิ การไดโ้ ดย

▪ การออกแบบเคร่ืองจักรให้แข็งแรงทนทานบำรงุ รักษางา่ ย

▪ ใช้เทคนิคและวัสดุซึง่ จะทำให้เครอ่ื งจักรมคี วามเช่ือถือได้สูง

▪ รูจ้ กั เลือกและซ้ือเครื่องจกั รท่ีดีทนทาน ซ่อมงา่ ยและ มีราคาทเ่ี หมาะสม
การป้องกันการบำรุงรักษาจะไดผ้ ลกต็ ่อเม่ือมขี ้อมูลและประวตั ิของเคร่ืองจักร โดยละเอียด ซึ่งการศึกษา
และวิเคราะห์ข้อมูลทม่ี ีอยู่จะช่วยให้การออกแบบหรือการเลือกซ้ือเคร่ืองจกั รบรรลุถึงวัตถปุ ระสงค์ของการ
ปอ้ งกันการบำรุงรักษาได้

2.2 การบำรุงรักษาเชงิ ป้องกัน
โดยทัว่ ไปเครอื่ งจักรและสิง่ อำนวยความสะดวกจะมีความสกึ หรอจากการใชง้ านและ สภาพแวดลอ้ ม

แมว้ า่ จะมีการออกแบบที่ดเี ยี่ยมก็ตาม ดงั นัน้ จึงต้องมีการดแู ลตรวจเช็คสภาพตามรอบเวลาเพ่ือทำการ
ซอ่ มแซมและปรบั ต้ังกอ่ นทีจ่ ะเกิดขดั ขอ้ งรวมทัง้ ยืดอายกุ ารใชง้ าน แต่การดำ เนนิ การดังกลา่ วจะต้องทำ การ
ในชว่ งเวลาอันเหมาะสม เพื่อลดผลกระทบตอ่ สายการผลิตกิจกรรมการบำรงุ รักษาเชิงป้องกัน (Preventive
Maintenance) จงึ มบี ทบาททส่ี ำคญั ในการปกป้องการเสอื่ มสภาพก่อนเวลาและลดความสญู เสยี จากการ
ขดั ข้อง เช่น ค่าใชจ้ า่ ยในการซ่อมแซม เสียเวลาในการรอคอยการหยดุ ผลิต ปญั หาทางคุณภาพ เป็นตน้ รวมท้ัง
ยังทำให้ สญู เสียโอกาสในการแข่งขนั การวางแผนการบำรุงรักษาทเี่ หมาะสมจะสามารถลดความสญู เสีย
โดยรวมและเป็น การรวมกิจกรรมเก่ยี วกับการดูแลรกั ษาอุปกรณใ์ ห้มีสภาพที่พร้อมใช้งานดว้ ยประสิทธิภาพ
สงู สุด ดังนน้ั การดำ เนนิ กจิ กรรมการบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกนั จงึ เปน็ ปัจจัยสำคญั ในการปรับปรงุ ผลิตภาพ
โดยรวมการบำรงุ รักษา เชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) หรือท่ีเรยี กวา่ การบำรงุ รักษาเชิงวางแผน

17

(Planned Maintenance) และ การบำรงุ รกั ษาตามกำหนดการ (Scheduled Maintenance) โดย PM เป็น
กจิ กรรมที่มคี วามสำคัญต่อการลด ค่าใชจ้ ่ายในการบำรุงรกั ษาและการรักษาสภาพการเดินเครอื่ งทีเ่ หมาะสม
กอ่ นทเี่ ครอื่ งจกั รจะเกดิ การขัดขอ้ งโดย มีการจัดทำ แผนงานตามช่วงเวลาเพื่อลดโอกาสการชำรุดทำให้
เคร่ืองจักรมีคา่ ความน่าเชอ่ื ถือ(Reliability) ทส่ี ูงข้ึนโดยมีกจิ กรรมทีเ่ กยี่ วข้องไดแ้ ก่การทำความสะอาด การ
หล่อลื่น การตรวจสอบสภาพเครื่องจักรดงั นัน้ PM จึงมงุ่ เนน้ ในการระบุตน้ ตอของปญั หาและการแก้ไขก่อนท่ี
จะเกดิ การ Breakdown ความสัมฤทธ์ผิ ลของการ ดำ เนินกจิ กรรม PM จงึ ขึน้ อยูก่ ับความถข่ี องกิจกรรมการ
ตรวจสอบและการดำ เนนิ แก้ไข ซงึ่ ความถีข่ องการ ขัดข้องจึงเก่ยี วกับความน่าเชอ่ื ถือของอุปกรณ์และการถอด
เปลย่ี นช้นิ สว่ น โดยกจิ กรรมดงั กล่าวจะมีการ ดำเนินการตามแผนทกี่ ำหนดไว้เชน่ การบำรุงรกั ษาเครือ่ งยนต์ใน
เคร่ืองบินโดยสารที่ถกู ตรวจเช็คทำความ สะอาดและสอบเทยี บเป็นประจำตาม กำหนดการในแผนเพอ่ื ลด
ปัญหาขัดข้องที่อาจเกดิ ขนึ้ ขณะทำการบิน ซง่ึ กจิ กรรมทสี่ ำคญั ของ PM มีดังนี้

1. การดูแลทำความสะอาดเครือ่ งจกั รและสิ่งอำนวยความสะดวกโดยสาเหตุ หนึ่งของปญั หาเครอ่ื งจักรก็คือ
ความสกปรกดังนั้น กิจกรรมพ้ืนฐาน อยา่ ง 5 ส จึงมีบทบาทท่สี ำคัญซง่ึ บุคลากรในสายการผลิต อย่าง
พนกั งานควบคุมเครื่องจักรจะเป็นตอ้ งมีผ้ดู ูแลและทาความสะอาดเคร่อื งจักรประจำวันทำใหง้ า่ ยต่อการ
ค้นพบข้อบกพร่อง

2. การรักษาเง่ือนไขการเดนิ เครอื่ งให้อย่สู ภาวะที่ปกติ เนื่องจากเคร่ืองจกั รทุก ชนดิ ไดร้ บั การออกแบบให้
สามารถทางานภายใต้ข้อกำหนด (Specification) โดยมขี ้อกำหนดทแ่ี นะนาท่ีระบใุ นคู่มือปฏบิ ตั กิ าร ซ่ึง
สภาพการใช้งานเป็นตัวแปรท่ีมผี ลตอ่ การเรง่ การเสื่อมสภาพและการขัดข้องของเคร่ืองจักร โดยมปี จั จยั
ทส่ี ำคัญ เช่น ความเรว็ อุณหภมู ิ เป็นต้น ซ่ึงกจิ กรรม PM จะม่งุ รักษาสภาวะการใช้งานไมใ่ หเ้ กนิ จาก
ข้อกำหนด เพ่ือเป็นการรกั ษาสภาพเคร่ืองจักรไมใ่ หเ้ สอ่ื มสภาพกอ่ นกำหนดและยงั ยดื อายกุ ารใชง้ าน

3. การตรวจสอบตามรอบเวลา เพียงแค่กิจกรรมการทำความสะอาดเคร่อื งคงไม่ เพยี งพอ ดังนนั้ การตรวจ
ตดิ ตามการปฏิบัติการ (Operational Monitoring) จงึ เปน็ การตรวจจบั อาการที่เป็นสญั ญาณเตือน ซงึ่ ผู้
ปฏิบัติการจะดาเนนิ การตรวจเชค็ ทง้ั ภายนอกและภายใน โดยทกี่ ารตรวจภายนอกกระทำโดยการ
สงั เกตและการใช้ความรู้สึกในการตรวจจบั ความผดิ ปกติ เชน่ การสนั่ สะเทอื น ความรอ้ นทส่ี ูงขึ้นเสยี ง
เปน็ ตน้ สว่ นการตรวจภายในสามารถดาเนินการโดยตรวจสอบช้นิ ส่วนภายใน (Internal Part) เช่น
เกียร์ ลกู ปืน พกิ ัดเผ่ือของชนิ้ ส่วน เมอ่ื เกิดอาการขึ้นการดาเนินการแก้ไขเบ้ืองตน้ โดยผู้ปฏบิ ัติการ เช่น
การขนั ตัวยดึ ให้แนน่ การเติมนำ้ มันหรอื การเปลยี่ นชิน้ ส่วน ถา้ หากไมม่ กี ารตรวจจับอาการหรือปญั หา
เบื้องต้น ก็อาจเกิดปญั หาลกุ ลามจนก่อให้เกดิ ความเสียหายขึน้ ดงั นนั้ ความถข่ี องการตรวจจบั ควรจะ
กำหนดและพจิ ารณาอย่างรอบคอบ ถา้ หากทำการตรวจบ่อยครั้งกอ็ าจทาให้เกดิ ความสูญเปล่าของเวลา

18

การเดินเคร่ืองและผลติ ภาพทางแรงงาน ซ่ึงการกำหนดระยะเวลาและความถ่ีในการตรวจสอบอาจใช้
ประสบการณ์ และกำหนดการท่ีจำแนกประเภทเครื่องจกั ร ดงั นี้
▪ เครื่องจักรทม่ี ีความสำคญั สงู หากมีการหยดุ เคร่ืองกจ็ ะส่งผลกระทบต่อสายการผลติ และใชเ้ วลาในการ
ซอ่ มแซมมาก จงึ ต้องทำกำหนดการสาหรับการตรวจสอบ การทาความสะอาด การหล่อลน่ื อย่า
เขม้ งวดเพ่ือป้องกันความผิดพลาด
▪ เครือ่ งจักรโดยทั่วไป จะมคี วามถ่ใี นการตรวจสอบนอ้ ย เนื่องจากเคร่ืองจักรดังกลา่ วไมก่ ระทบต่อ
สายการผลติ มากนัก
4. การบันทกึ และจัดเกบ็ ข้อมลู เป็นกิจกรรมทจี่ ำเปน็ อย่างยง่ิ ต่อ PM โดยเฉพาะการทำจดั เก็บประวตั ิการ
ซอ่ มบำรุง ซงึ่ จัดว่าเป็นแหลง่ ข้อมูลทีส่ ำคัญทจ่ี ะสนับสนุนต่อการวางแผนและ การจดั กำหนดการ
บำรุงรักษา
5. การวางแผนเพ่ือกำหนดตารางการบำรงุ รักษา สำหรับในทุกกจิ กรรมของ PM ควรมกี ารวางแผนลว่ งหน้า
ในรายละเอยี ดโดยใช้ขอ้ มูลจากประวตั กิ ารบำรุงรกั ษาท่ถี ูกบันทึก ดงั น้ัน การจัดทำแผนงานจะต้องทา
อยา่ งรอบคอบโดยมีการระบรุ ายละเอยี ดในแต่ละกิจกรรมอยา่ งชดั เจน
6. การฝกึ อบรมบุคลากร ท่ีเป็นปจั จยั แหง่ ความสำเรจ็ ในการดำเนินกิจกรรม บำรงุ รักษา โดยเฉพาะ
บคุ ลากรทเ่ี ปน็ ทรพั ยากรทส่ี ำคญั เช่น ช่างเทคนิคและผคู้ วบคุมงาน ควร ไดร้ บั การฝึกอบรมให้สามารถ
ดาเนนิ กจิ กรรมต่าง ๆ อย่างเป็นระบบเช่น การบำรงุ รักษา การตรวจ ติดตามและการซ่อมแซม

19

เปา้ หมายหลักของการบำรุงรักษาเชงิ ป้องกนั
▪ เพอ่ื ให้เครือ่ งจักรมีความพรอ้ มใช้งานสูงสดุ (Maximum Availability) โดยหลกี เลีย่ งปัญหาการเกดิ
Breakdown และลดเวลาการหยดุ ของเครอื่ งจักร
▪ รักษาเคร่ืองจักรให้อยู่ในสภาพทีเ่ หมาะสมต่อการใช้งานที่ส่งผลตอ่ คณุ ภาพของสินคา้
▪ ลดอตั ราการชำรดุ และเส่ือมสภาพของเคร่ืองจกั ร
▪ เพ่อื ใหเ้ ครอื่ งจกั รมีความปลอดภัยต่อผใู้ ช้งานในขณะเดนิ เคร่ือง
▪ เพอื่ ให้เครอ่ื งจกั รสามารถเดินเครือ่ งอย่างเต็มประสทิ ธภิ าพ
▪ ลดคา่ ใช้จ่ายในการซ่อมแซมและการจดั อุปกรณส์ ารองให้อย่ใู นระดบั ทีเ่ หมาะสม

ภาพ 2.2
กจิ กรรมการบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกัน

ภาพที่ 2.3

20

เปรียบเทยี บการบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกนั กับการรักษาอาการเจ็บปว่ ย
การบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกนั ก็เปรยี บเสมือนยาป้องกัน เนน้ ที่ยาป้องกนั การเจบ็ ปว่ ย ซง่ึ เชอ้ื โรคไมส่ ามารถ
เข้ามาสมั ผสั ได้ การรับประทานอาหารที่ถกู ตอ้ งออกกาลังกายสมำ่ เสมอ การตรวจสขุ ภาพตามคาบเวลาอนั
สมควรโดยผู้เชี่ยวชาญ จะสามารถปอ้ งกนั และบำบดั ได้ตั้ง แต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งการบำรงุ รักษาประจำวนั
เครอื่ งจักรก็มจี ุดประสงค์เดยี วกัน (ความพยายามในการหล่อลืน่ ทำความสะอาดปรับแตง่ และทำการ
ตรวจสอบ)การป้องกนั การบำบัดรายวนั ระยะแรกซ่อมให้กลบั สภาพเดิมการบำรงุ รักษารายวนั ทาการซ่อม
เพ่อื ป้องกัน (หล่อลืน่ , ทาความสะอาด , เปลย่ี นล่วงหนา้ ,ปรบั แตง่ , ตรวจสอบ )

ภาพท่ี 2.4
Flow Chart กระบวนการซ่อมบำรงุ แบบป้องกัน
ท่มี า : แนะนาสู่ TPM การบำรงุ รกั ษาทวผี ลที่ทุกคนมีส่วนรว่ มโดย เซอจิ ิ นากาจมิ า
การบำรุงรักษาเชงิ ป้องกนั จะเปน็ บำรงุ รักษาโดยทาการบำรุงรักษาตามคาบเวลา (Time-Based
Maintenance) โดยให้การบริการตามกำหนดและการซ่อมใหญ่ (Overhaul) เชน่ การบำรุงรกั ษาตามวาระ
500, 1000, 1500, 2000 ชม. เป็นตน้ แต่ในปจั จุบนั การบำรุงรกั ษาตาม คาบเวลายังไมเ่ ปน็ การเพียงพอ

21

จะต้องมีการบำรงุ รกั ษาเชงิ พยากรณ์ ซงึ่ เปน็ การบำรุงรกั ษาตาม เงอื่ นไขการใช้งาน (Condition-Based

Maintenance) โดยการใช้เครือ่ งมือวดั สมัยใหมแ่ ละเทคนคิ ในการวิเคราะหเ์ ครอ่ื งจกั รขณะเครื่องจกั รทำงาน

เพอ่ื ตรวจหาสญั ญาณของการเสือ่ มสภาพ หรอื เหตุขัดข้องทอี่ าจเกดิ ข้ึน กระบวนการซ่อมและบำรงุ รกั ษาเชิง

ปอ้ งกนั (PM) พอจะสรุปเป็น

กระบวนการดัง Flow Chart กระบวนการซ่อมบำรุงเชิงปอ้ งกัน ซ่ึงอธบิ ายพอสังเขปได้ดงั นี้

1. การอบรมให้ความรเู้ รื่องการใช้งานและการบำรุงรกั ษาเคร่ืองจกั รในเบ่อื งตน้ ก่อนการนำเครือ่ งจักรไป

ใชง้ าน ต้องมีการอบรมให้ความรู้แก่ผใู้ ช้งานถงึ วิธกี ารปฏบิ ัตงิ านท่ถี ูกตอ้ งและการบำรงุ รักษา

เคร่ืองจักรแก่ผู้ที่ทาหนา้ ทบ่ี ำรุงรักษา รวมท้ังการอบรมแบบในหอ้ งเรยี น (Classroom Training) และ

แบบฝึกปฏิบตั ิจรงิ ในหนา้ งานหรือแบบสอนในระหว่างทางาน (On the Job Training)

2. หนว่ ยงานซ่อมและบำรุงรักษา จัดทารายการช้ินส่วนท่สี ำคัญของเครื่องจกั รท่ตี ้องเปลี่ยนหรือ

บำรงุ รกั ษาตามวาระตลอดอายใุ ชง้ านเคร่อื งจักร โดยอาศยั ขอ้ มลู เบ้ืองตน้ จากคู่มอื บำรงุ รักษา

เครือ่ งจักรหรอื ข้อมูลจากผขู้ าย

3. หน่วยงานซ่อมและบำรุงรักษา จดั ทารายการตรวจสอบ (Check List) ในการตรวจสอบประจำวนั ,

ประจำสัปดาห์ หรอื ประจาเดอื น พร้อมท้ังมาตรฐานในการตรวจ เพื่อช้แี จงใหผ้ ใู้ ช้เครื่องจกั รและผู้

บำรงุ รกั ษานำไปใชง้ าน

4. ผู้ใชเ้ คร่ืองจกั รดำเนนิ การตรวจเชค็ เคร่ืองจักรประจำวนั /ประจำสัปดาห์ ตามรายการตรวจสอบทมี่ ี ถ้า

พบความผิดปกติแลว้ ดาเนินการแก้ไขเองได้ (เช่น เคร่ืองจักรสกปรก น๊อตหลวม ฯลฯ) ใหด้ ำเนินการ

แก้ไขดว้ ยตนเอง ถา้ ไมส่ ามารถดาเนนิ การแก้ไขได้ ให้แจ้งงานไปยังหน่วยงานซ่อมและบำรงุ รกั ษา หรอื

กรณีนำเคร่ืองจักรออกใชง้ านแลว้ เครอ่ื งจักร Breakdown หรอื มสี ่ิงผิดปกติ ให้แจ้งหน่วยงานซอ่ มและ

บำรงุ รักษา

5. หนว่ ยงานซ่อมและบำรงุ รักษาจดั ทำแผน PM & OVH เครอื่ งจักรประจำปีประจำเดือน ดำเนินการ

เตรยี มอะไหลแ่ ละ Supplies ตา่ งๆ เม่ือใกลว้ าระ PM & OVH (บรหิ ารพสั ดุคงคลงั ) และนัดผู้ใช้เครอ่ื ง

จักรนำเครอ่ื งจกั รเขา้ บำรงุ รักษา ถ้าผู้ใชง้ านเครอื่ งจกั รไมพ่ ร้อมให้ทำการเลื่อน (ต้องไมเ่ ล่ือนมาก

เกนิ ไปจนมีผลกระทบต่อเคร่อื งจักร)

6. หนว่ ยงานซ่อมและบำรุงรักษา ทำการบำรงุ รักษาพร้อมบนั ทกึ ประวตั ิ

7. กรณีทเ่ี ครื่องจักรเกดิ Breakdown และได้รบั การแจ้งงานจากหนว่ ยงานผใู้ ชเ้ ครอ่ื งจกั ร หน่วยงานซ่อม

และบำรงุ รักษาจะทาการตรวจสอบและดำเนินการซ่อมแกไ้ ขเพ่ือให้ เคร่อื งจักรใชง้ านได้ จากนั้น มา

พจิ ารณาวา่ การ Breakdown ของเครือ่ งจักรเป็นไปอย่างผดิ ปกตินอกแผน เชน่ เร็วเกนิ ไป ยังไมถ่ ึงอายุ

ชน้ิ ส่วนทเ่ี สยี หาย หรือเกดิ อุบัติเหตหุ รือไม่ ถา้ การ Breakdown เป็นแบบไมป่ กติ ใหด้ ำเนนิ การ

22

วิเคราะหห์ าสาเหตรุ ากเหงา้ โดยพจิ ารณา 4 M ได้แก่คน (Man), เคร่อื งจกั ร (Machine),
วัสดุ(Material) และวธิ กี าร (Method) แลว้ กำหนดมาตรการป้องกันตามสาเหตุรากเหงา้ แลว้ ทำการ
บนั ทึกประวตั ิเครื่องจักร ควรบนั ทกึ จุดที่เปน็ สัญญาณ(Warning Point) ก่อนเกิดการ Breakdown
ดว้ ย เชน่ เสยี งดงั สายไฮดรอลคิ บวม ฯลฯ เพื่อเก็บเป็นจดุ ใช้คาดการณห์ รอื ทำนายการ Breakdown
ได้

ภาพท่ี 2.5
8. หนว่ ยงานซอ่ มและบำรงุ รักษา ทำการตรวจวดั การเสื่อมสภาพหรอื สภาพของเคร่ืองจกั ร หรือช้ิน สว่ น

เครือ่ งจักร ตามคาบเวลาทก่ี ำหนด เชน่ สภาพของสายพาน สภาพของ สายไฮดรอลิค ฯลฯ โดย
บางครง้ั /การวดั อาจทำโดยหน่วยงานผใู้ ชเ้ คร่อื งจักร เช่น การสึกหรอื สภาพ ของดอกเจาะ การสึกของ
คอ้ นย่อย เปน็ ตน้ ในการวดั น้ี ในกรณที ่ใี กล้ครบอายทุ ีค่ าดการณ์ของชนิ้ สว่ น อาจจะต้องทำการวัดถี่
ข้ึน เพื่อทำนายหรอื คาดการณก์ ารหมดอายุของช้ิน สว่ นเคร่ืองจกั ร (Condition-Based
Maintenance) พรอ้ มทง้ั ดำเนนิ การเตรียมอะไหลช่ ้ิน สว่ นกอ่ นการหมดอายุ และดำเนนิ การเปล่ียน
หรอื ซ่อมแซมกอ่ นการหมดอายุ แล้วบันทกึ ประวัติ (ถา้ การเก็บบนั ทึกขอ้ มลู ประวัติอายุชิ้น ส่วนดี การ
มีจุดหรือสญั ญาณเตอื นภัยดี จะสามารถทานายคาดการณ์ไดแ้ มน่ ยา)
9. รวบรวมประวัติของเครอื่ ง (เครอื่ งจักร 1 เคร่ือง เสมือนคนไข้ 1 คน) นำมาเป็นข้อมูลในการทำนาย
คาดการณ์การ Breakdown การสึกหรอช้ิน ส่วนสญั ญาณหรอื การเตอื นภยั ก่อนBreakdown เป็น

23

ขอ้ มลู ป้อนกลบั ในการวางแผนตอ่ ไป แลว้ จะทำใหเ้ รามเี ทคโนโลยีเฉพาะ ( Intrinsic Technology)

ทคี่ อ่ ยๆ พัฒนาเพิม่ ขนึ้

2.3 มาตรฐานการบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกนั

การปฏิบัตงิ านบำรุงรักษาเชงิ ป้องกนั มอี งค์ประกอบหลกั 4 องคป์ ระกอบ คือ

1. การทำความสะอาด ต้องทำความสะอาดทัง้ เครื่องจักรอปุ กรณแ์ ละพน้ื ท่ีปฏิบัตงิ าน ซงึ ถอื เปน็ ปจั จัย

สำคญั และงานกา้ วแรกของการบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกนั เนอ่ื งจากขณะทปี่ ฏบิ ตั ิงานทำความสะอาดจะได้

เห็นส่วนตา่ งๆ ของเคร่ืองจักรเป็นประจำจนสามารถทราบไดว้ ่าสภาพของเคร่ืองจักรเป็นอย่างไรเชน่

สภาพภายนอก สภาพเสียง สภาพความส่นั สะเทอื น ความร้อนและช้ีให้เห็นสภาพผิดปกติเพ่ือการ

บำรุงรักษากอ่ นเกิดความเสียหายทง้ั ยังชว่ ยขจดั ฝุ่นละอองอนั เป็นสาเหตุที่จะทำให้ เกิดความสกึ หรอ

ของเครอ่ื งจักรและการทำความสะอาดบริเวณพน้ื ที่ปฏิบัติงานยงั ช่วยลดอุบตั เิ หตุได้ เช่น การเกิด

อบุ ัติเหตเุ น่ืองจากวัสดุอปุ กรณท์ ่ีว่างไมเ่ ปน็ ทเ่ี ป็นทางบรเิ วณพนื้ ที่ปฏิบัติงานจะไม่เกิดขึ้น 20

2. การหล่อลน่ื เป็นงานพ้นื ฐานในการป้องกนั การชำรุดและลดการสกึ หรอ โดยวสั ดุหลอ่ ลนื่ จะป้องกัน

ไมใ่ ห้ชนิ้ ส่วนเคร่ืองจักรท่ีเคลอ่ื นไหวสัมผสั กันโดยตรงท้ัง ยงั ป้องกนั การเกิดความร้อนอันเน่อื งมาจาก

การเสยี ดสแี ละยงั ทำให้เกิดความฝืดในการเคล่อื นที่ของชนิ้ ส่วนอุปกรณเ์ กิดขน้ึ นอ้ ยทส่ี ดุ

3. การตรวจสอบและตรวจวดั มเี ปา้ หมายเพื่อค้นหาความบกพร่องข้นั ต้นซึง่ อาจนาไปสกู่ ารขัดข้องของ

เครื่องจักร จนถึงข้นั ต้องหยุดเครอื่ งจักรในช่วงเวลาตอ่ ไปความบกพร่อง หมายถึง สภาพการณ์ที่

คุณลกั ษณะของอปุ กรณ์เคร่ืองจกั รท่ีเปลีย่ นไปถงึ ขั้นที่ไมส่ ามารถทำหนา้ ท่ีได้ตามท่ีควรจะเป็นความ

ขัดข้องหมายถงึ สภาพการณท์ ี่อปุ กรณ์เครอ่ื งจักรเส่ือมสภาพลงจนเปน็ เหตใุ หเ้ คร่ืองจักรไมส่ ามารถ

ทำงานได้ตามข้อกำหนด หรอื ตอ้ งหยุดการทำงานโดยส้นิ เชิงพน้ื ฐานของงานบำรุงรักษาเชงิ ปองกันจึง

ขึ้นอย่กู ับความรู้ในเรื่องสภาวะการ

4. การปรับแต่งและเปล่ียนช้นิ สว่ นถึงแม้วา่ การใชง้ านเคร่ืองจักรจะมรี ะบบหล่อลื่นหรือการตรวจสอบท่ดี ี

เพยี งใดความ คลาดเคลือ่ นเนอ่ื งจากการสึกหรอของช้ินสว่ นเป็นสิง่ ทหี่ ลกี เล่ียงไม่ได้ การท่ีจะทำให้

เครื่องจักรอยใู่ นสภาพทปี่ กติ การปรบั แต่งและการเปลยี่ นชิ้นสว่ นจึงมีบทบาทที่สำคญั ในงาน

บำรงุ รักษาด้วย

2.4 การวางแผนการบำรงุ รักษา

เปน็ ความพยายามท่ีจะให้ได้มาซ่ึงกระบวนการหรือข้นั ตอนทจี่ ะใช้ในการบริหารงานหรือดำเนินการให้

สำเร็จลลุ ่วงตามวตั ถุประสงค์หรอื เปา้ หมายและนโยบายที่ได้วางไวโ้ ดยการติดตามสภาพของเครอ่ื งจักอุปกรณ์

อยูเ่ ปน็ ประจำโดยจะเชือ่ มโยงความสมั พนั ธ์ของคา่ ใชจ้ า่ ยในการบำรงุ รกั ษา บุคลากรและวัสดเุ ข้ากับเครื่องจกั ร

24

อุปกรณ์และทาการวางแผนกิจกรรมการบำรงุ รักษา วางมาตรฐานและเพ่มิ ประสิทธิภาพ ดงั นั้นในการ
ปฏิบัติงานหรอื การดำเนนิ การท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพจะประกอบไปด้วย 3 ข้นั ตอน คือ

1. ขั้นตอนการวางแผน (Planning)
2. การลงมอื ทาหรือปฏบิ ตั ติ ามแผน (Do)
3. ขัน้ ตอนของการประเมนิ ผลการดำเนนิ งาน (See)
โดยรวบรวมปญั หาต่าง ๆ ทเี่ กดิ จากการดำเนนิ งานเพอ่ื เป็นแนวทางของการปรับปรงุ แก้ไขโดยป้องกันไป
ใหม่ ดงั แสดงในภาพท่ี 2.6

ภาพที่ 2.6

25

2.5 การวดั ประสิทธิผลของการบำรงุ รักษา

ภาพท่ี 2.6
แนวทางการบำรงุ รักษาตามแผน

การบำรงุ รกั ษาเชิงป้องกันจะทำให้เครื่องจกั รสามารถทำงานไดด้ ีตลอดเวลาและเมือ่ เกิดการเสียหายกจ็ ะ
กลับมาใชง้ านได้อย่างรวดเร็วดังนัน้ การวดั ประสิทธิภาพของการบำรุงรกั ษาเชงิ ปอ้ งกันสามารถทำไดโ้ ดยวดั
อตั ราการใช้งานของเคร่ืองจักร อันเน่ืองมาจากการเสียหายและเวลาท่ีใชใ้ นการซอ่ มโดยการวดั ประสิทธิภาพ
ของการบำรุงรักษาเชิงป้องกันในการวจิ ัยนไ้ี ด้เลือก
วิธีที่ได้ผลคอื

1. ระยะเวลาเฉลี่ยระหว่างการเกิดเหตขุ ัดข้องของเครอ่ื งจักร (Mean Time Between Failure :
MTBF)

การวดั ผลโดยใชค้ ่าระยะเวลาเฉล่ยี ระหว่างการเกิดเหตุขดั ข้องของเครื่องจักร (Mean Time Between
Failure : MTBF) ซ่ึงค่า MTBF หาได้จากสูตร

26

ภาพท2่ี .7
การวัดผลโดยใช้ค่า MTBF ถ้าปรับปรุงแล้วคำนวณได้ค่า MTBF มีค่ามากขึ้นกว่าช่วงก่อนการปรับปรุง
หมายความวา่ การปรบั ปรุงนั้นใหไ้ ดผ้ ลทดี่ ีขนึ้

2. ระยะเวลาเฉลีย่ การซอ่ มแซม (Mean Time to Repair : MTTR
การวัดผลโดยใช้ค่าระยะเวลาเฉลี่ยการซ่อมแซม (Mean Time to Repair : MTTR) ซึ่งค่า MTTRหาได้
จากสตู ร

ภาพท2่ี .8

27

ภาพท2่ี .9
ภาพตัวอยา่ ง

ภาพที่ 2.10
ซ่ึงการวดั ผลโดยใช้คา่ MTTR นม้ี ีความหมายวา่ ถ้าทำการปรบั ปรงุ แลว้ คำนวณได้ค่า MTTR มีคา่ ลดลง
กวา่ ชว่ งกอ่ นการปรบั ปรงุ หมายถงึ การปรบั ปรุงนที้ ำ ให้ได้ผลดขี ้ึน

28

3. ความพรอ้ มใช้งานเครื่องจักร(Availability%)
การวัดผลโดยใช้เปอร์เซ็นต์ความพร้อมใช้งานเคร่อื งจักร(Availability)ซง่ึ คา่ Availability หาไดจ้ ากสูตร

ภาพที่ 2.11

29

ภาพที่ 2.12
ภาพที่ 2.13

30

4. ประสทิ ธิภาพการเดินเครอื่ ง (Performance Efficiency %)
การวดั ผลโดยใช้เปอรเ์ ซน็ ตป์ ระสิทธภิ าพการเดินเครื่อง ( (Performance Efficiency) ซ่งึ ค่า
Performance Efficiency หาไดจ้ ากสตู ร ตัวอย่าง

ภาพที่ 2.14

31

ภาพที่ 2.15

ภาพที่ 2.16
5. อตั ราคุณภาพ (Quality Rate %)
การวดั ผลโดยใชเ้ ปอรเ์ ซ็นต์อตั ราคุณภาพ (Quality Rate) ซ่ึงค่า Quality Rate หาไดจ้ ากสตู ร ดัง
ตัวอยา่ ง

32

ภาพท่ี 2.17

ภาพที่ 2.18
6. ประสิทธภิ าพโดยรวมของเครอื่ งจกั ร (Overall Equipment Effectiveness %: OEE)

การวัดผลโดยใช้เปอร์เซ็นต์ประสทิ ธิภาพโดยรวมของเครื่องจกั ร(Overall Equipment Effectiveness
: OEE) ซงึ่ ค่า Overall Equipment Effectiveness : OEE หาได้จากสตู ร ดงั ตัวอย่าง

33

ภาพที่ 2.19

ภาพที่ 2.20

34

คา่ ประสิทธิภาพโดยรวมของเคร่ืองจกั ร (Overall Equipment Effectiveness : OEE) คือคา่ ท่ไี ดจ้ ากผล
คณู ระหวา่ งอัตราการเดินเครื่อง ประสิทธภิ าพการเดินเคร่ือง และอัตราคุณภาพ ซึ่งแสดงถงึ ความพรอ้ มของ
เครอ่ื งจักรในการใชง้ านวา่ เป็นอย่างไร การเดินเครื่องจกั รเต็มความสามารถหรอื ไม่ มีการผลติ ช้นิ งานเสียมาก
นอ้ ยเทา่ ไร

2.6 ผลงานวิจยั และงานเขยี นท่เี ก่ยี วข้อง
คุณสรณั ญา ศลิ าอาสน์ การเพ่ิมประสิทธิภาพเครอื่ งจกั รโดยระบบบำรงุ รักษาเชงิ ปอ้ งกนั กรณีศกึ ษา :

โรงงานอตุ สาหกรรมผลิตเครอ่ื งดมื่ โดยอาศัยหลกั การบำรงุ รักษาเชิงป้องกันเคร่ืองจกั รมาประยุกต์ใช้ เพ่ือเพิม่
อตั ราความพรอ้ มใชง้ าน โดยมีคา่ เวลาเฉลี่ยระหวา่ งความเสยี หายของเครือ่ งจักรยาวนานขนึ้ เป้าหมายของการ
วจิ ยั คือศึกษาและวเิ คราะห์อาการทีผ่ ดิ ปกติและผลกระทบของความเสียหายของเคร่ืองจกั รแตล่ ะเคร่ืองเพ่อื
จดั ทำแผนการซ่อมบำรุงรักษาเชงิ ปอ้ งกนั และเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิตโดยการลดเปอร์เซน็ ต์การหยุด
เครื่องจักร โดยการนำโปแกรมระบบการบำรุงรักษาเคร่ืองจักรเชงิ ปอ้ งกันมาทำการวิเคราะหอ์ าการทผ่ี ิดปกติ
และผลกระทบของความเสยี หายเพอื่ หาระดบั ความเสี่ยงของเคร่ืองจกั ร และนำขอ้ มลู ท่ีได้มาทำการวาง
แผนการบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกันท่ีเหมาะสมของแต่ละเคร่ืองจกั รใหเ้ ป็นมาตรฐานในการบำรุงรกั ษา ซึ่งจะ
กอ่ ใหเ้ กดิ ประสิทธภิ าพสูงสุด หลงั จากท่ีได้นำระบบการบำรงุ รักษาเครอ่ื งจักรเชงิ ปอ้ งกันมาใชง้ านในโรงงาน
ตัวอย่าง พบว่าสามารถจัดเก็บขอ้ มูลของเครื่องจกั รท่ีใชใ้ นการวางแผนบำรงุ รกั ษาเชงิ ป้องกนั เคร่ืองจักรได้เปน็
ระบบมากขึน้ พบว่าอตั ราความพรอ้ มใชง้ านของเคร่ืองจักรเพ่ิมขน้ึ เฉล่ียเทา่ กับ7.77% ซง่ึ ทำให้อตั ราความ
พรอ้ มใชง้ านของเครื่องจักรมีค่าเทา่ กับ 78.61% และมคี า่ เวลาเฉลย่ี ระหว่างความเสยี หายของเครือ่ งจักร
เพม่ิ ข้นึ เฉลยี่ เท่ากับ 13.88% นอกจากนย้ี ังมีจำนวนความถีใ่ นการเกดิ ความเสยี หายลดลงเฉลี่ยเทา่ กับ 45.39%
และจำนวนชวั่ โมงที่เกดิ ความเสยี หายลดลงเฉลี่ยเท่ากบั 44.40%

คณุ สมศักดสิ์ มั ฤทธ์ิ (2552) ลดเวลาสูญเสยี ในการผลิตโดยวธิ กี ารบำรงุ รักษาเชิงป้องกันบนพ้ืนฐานทฤษฎี
ความนา่ เชื่อถือ กรณีศึกษาอุตสาหกรรมชน้ิ ส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป อาศยั หลักการวิศวกรรมความนา่ เชอ่ื ถือใน
การวิเคราะห์หารอบการเปล่ยี นทดแทน เพอ่ื นำไปปรบั ปรุงแผนการบำรุงรักษาเชงิ ป้องกัน การดำเนินงานวจิ ัย
เริ่มจากการจดั ลำดับความสำคัญของชิน้ ส่วนอปุ กรณ์เครื่องผสมคอนกรีต และนำข้อมูลทไี่ ดม้ าทำการวิเคราะห์
ความเสียหายและระดับความเส่ยี งด้วยวิธกี ารวเิ คราะห์คุณลักษณะความเสียหายและผลกระทบ จากนนั้ ทำการ
คำนวณรอบการเปลี่ยนทดแทนทเ่ี หมาะสมตอ่ การใชง้ านด้วยการประมาณค่าความนา่ เชื่อถือ และนำข้อมูลท่ี
ได้มาจัดทำแผนการบำรุงรักษาเชงิ ป้องกันใหก้ ับเคร่ืองจักร ผลงานวิจัยพบว่า เวลาสูญเสียที่เกิดจากการขัดข้อง
และเสยี หายของเครื่องผสมคอนกรีตลดลงจากเดิม 865.33 นาท/ี เดอื น ลดเหลือ 301.67 นาที/เดือนหรือคิด

35

เป็นอัตราความเสยี หายทีล่ ดลงเทา่ กับ 7.34 เปอรเ์ ซ็นต์ และสามารถเพ่ิมอตั ราความพร้อมในการใชง้ านของ
เครื่องผสมคอนกรตี เทา่ กับ 7.34 เปอร์เซน็ ต์

คณุ สรณั ญา ศลิ าอาสน์ (2551) ปรบั ปรงุ ประสิทธิภาพการผลติ ของเคร่อื งจักร อาศยั หลักการบำรุงรักษา
เชงิ ป้องกันเครอื่ งจักรมาประยุกตใ์ ช้ เพื่อเพ่ิมอตั ราความพร้อมใช้งาน โดยมีค่าเวลาเฉล่ียระหวา่ งความเสยี หาย
ของเคร่ืองจักรยาวนานขึน้ ด้วยการนำโปรแกรมระบบการบำรุงรกั ษาเครือ่ งจักรเชงิ ปอ้ งกันมาทำการวิเคราะห์
อาการท่ผี ดิ ปกติและผลกระทบของความเสียหายเพ่ือหาระดับความเสีย่ งของเคร่อื งจักร และนำข้อมลู ท่ไี ดม้ า
ทำการวางแผนการบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกันที่เหมาะสมของแต่ละเครื่องจักรใหเ้ ปน็ มาตรฐานในการบำรงุ รักษา
ซึ่งจะก่อใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพผลการวจิ ัยสามารถจดั เก็บข้อมูลของเครื่องจักรทใ่ี ช้ในการวางแผนบำรุงรักษาเชงิ
ป้องกนั เครื่องจักรไดเ้ ป็นระบบมากข้ึน พบวา่ อัตราความพร้อมใช้งานของเคร่ืองจักรเพ่ิมขึน้ เฉลย่ี เทา่ กับ 7.74%
ซ่งึ ทำให้อตั ราความพร้อมใชง้ านของเครอ่ื งจกั รมีค่าเท่ากบั 78.61% และมคี ่าเวลาเฉลี่ยระหว่างความเสยี หาย
ของเคร่อื งจักรเพ่ิมข้ึนเฉลี่ยเท่ากบั 13.88% นอกจากนย้ี งั มจี ำนวนความถใ่ี นการเกิดความเสยี หายลดลงเฉล่ีย
เทา่ กับ 45.39% และจำนวนชัว่ โมงทีเ่ กิดความเสียหายลดลงเฉล่ยี เทา่ กบั 44.40%

คณุ กาญจนา จติ รจนุ (2550) เพ่ิมประสทิ ธิภาพการผลิตโดยการบำรงุ รักษาพน้ื ฐานของความนา่ เชอ่ื ถอื
กรณีศึกษาโรงงานผลติ ช้ินสว่ นเครอื่ งจักรกล ด้วยการนำระบบการบำรุงรกั ษาเครื่องจักรและการ
วเิ คราะหร์ ูปแบบและผลกระทบของความเสยี หาย มาทำการวเิ คราะห์ความเสยี หายและระดบั ความเสยี่ งเพ่ือ
นำขอ้ มูลที่ได้มาทำการบำรงุ รักษาเคร่ืองจักรซึง่ ก่อใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพสูงสุด ผลการวิจยั พบวา่ สามารถทำให้
อัตราความพร้อมใชง้ านของเครอ่ื งจักรเพิ่มข้ึนเฉล่ียเท่ากับ 82.73% ซ่ึงมากกวา่ สมมติฐานทตี่ ัง้ ไว้ คือ 80% และ
มีเวลาคา่ เฉลย่ี ระหว่างวามเสียหายของเครื่องจักรเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเทา่ กบั 63.80% นอกจากน้ียงั มีจำนวนความถ่ีใน
การเกิดความเสยี หายลดลงเฉลีย่ เทา่ กบั 46.44%และจำนวนชั่วโมงท่เี กดิ ความเสยี หายลดลงเฉลยี่ เทา่ กบั
67.47%

คณุ สุวมิ ล จนั ทรแ์ ก้ว (2549) ลดของเสยี ในอุตสาหกรรมผลติ ลอ้ อลูมเิ นยี มอัลลอยด์ โดยใชเ้ ทคนคิ การ
วเิ คราะหล์ กั ษณะขอ้ บกพร่องและผลกระทบด้านคุณภาพ (Failure Mode and Effects Analysis :FMEA) เรม่ิ
จากการศึกษากระบวนการผลิตล้ออลูมเิ นียมอลั ลอยด์ของโรงงานตัวอยา่ งและค้นหาปจั จัยทีม่ ผี ลกระทบตอ่
ขอ้ บกพร่องในทุกระบวนการผลติ โดยอาศยั การระดมสมองด้วยแผนผังแสดงเหตุและผล และการวเิ คราะห์
ลกั ษณะข้อบกพรอ่ งและผลกระทบด้านคณุ ภาพสำหรบั กระบวนการผลิต (PFMEA) จากน้นั กำหนดทีม
ผู้เช่ียวชาญท่ีเกี่ยวข้องกับทกุ กระบวนการมาวเิ คราะหเ์ พื่อคำนวณหาค่าดัชนีความเสยี่ งช้นี ำ (RPN) ซง่ึ เปน็ คา่ ท่ี
บอกถงึ ความเส่ียงท่จี ะเกิดข้อบกพร่องขนึ้ ซง่ึ จะทำการแก้ไขลักษณะข้อบกพร่องทมี่ ีค่า RPN ตั้งแต่ 100
คะแนน ขนึ้ ไจากน้นั ใช้การระดมสมองเพื่อหาแนวทางแก้ไขข้อบกพร่องเหล่าน้นั โดยกำหนดมาตรการแก้ไขท่ีมี
กาดำเนนิ การดังนค้ี ือ (1) เพ่ิมความสามารถในการตรวจจบั ของเสีย เชน่ การตรวจสอบชิ้นงาน100%การ

36

ตรวจสอบชิ้นงานแรกท่ีเริ่มทำการผลติ , การทวนสอบหลงั การปรบั ตั้งเคร่ือง , การใช้ใบบันทกึ ในการบนั ทึกผล
ตลอดจนการติดตง้ั อุปกรณ์ควบคมุ ตา่ ง ๆ เปน็ ต้น (2) ลดโอกาสหรอื ความถ่ีในการเกิดปัญหา เชน่ ทบทวนระบบ
การบำรงุ รกั ษาเคร่ืองจกั ร, โมลด์, ปรบั ปรุงแกไ้ ขมาตรฐานเอกสารในการปฏบิ ัตงิ าน ตลอดจนฝึกอบรมเพื่อเพ่ิม
ความสามารถของพนักงาน ผลการดำเนินการแก้ไขเพ่อื ลดปัญหาทเ่ี กิดขึน้ พบว่า เปอร์เซน็ ต์ของเสยี เทยี บยอด
การผลติ ในกระบวนการลดลง

คุณดนัย พยงุ วงษ์ (2545) ปรบั ปรุงแผนงานการซ่อมบำรงุ รักษาเชิงป้องกนั ของมอเตอร์และอุปกรณ์
ควบคุมมอเตอร์สำหรบั โรงกลนั่ น้ำมันหลอ่ ลื่นพืน้ ฐาน โดยวธิ ีการจัดกลุ่มเคร่ืองจกั รตามสภาพการทำงาน เพื่อ
นำมาจัดกลมุ่ วิเคราะหแ์ ผนงานการซ่อมบำรงุ รักษาเชิงป้องกนั ของมอเตอร์และอุปกรณค์ วบคุมมอเตอร์ โดย
กำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ในการทำงาน และได้นำวิธกี ารพยากรณ์ ความเสยี หายของเคร่อื งจกั ร (Predictive
Maintenance) มาใชแ้ ทนการซ่อมใหญ่(Overhaul) ทีก่ ำหนดเปน็ เวลาทตี่ ้องทำแน่นอนตายตัว วธิ ีการ
พยากรณ์นที้ ำโดยการตรวจสอบ วดั คา่ ต่าง ๆ ขณะททม่ี อเตอร์กำลังใชง้ านในการผลติ ตามปกติ แล้วนำข้อมูลมา
วเิ คราะห์ค่าดูแนวโน้มติดตามผล เพ่ือเตรียมการวางแผนงานซอ่ มใหญต่ ่อไป หลังจากการปรับปรงุ แผนการ
ทำงานและนำไปใชง้ านพบว่า จำนวนช่วั โมงคนโดยเฉล่ยี ท่ีใช้ในการทำงานบำรงุ รักษาเชิงปอ้ งกันของมอเตอร์
และอปุ กรณ์ควบคมุ มอเตอร์ลดลงจาก 23.81% ของชัว่ โมงคนท้ังหมด ก่อนการปรับปรุง เหลือ17.28% หลงั
การปรับปรุง จำนวนชว่ั โมงคนโดยเฉลี่ยท่ีใชใ้ นการซ่อมมอเตอร์ก่อนการปรบั ปรงุ 4.65% หลังการปรบั ปรงุ
2.46% และจำนวนชว่ั โมงคน โดยเฉลยี่ ทใ่ี ช้ในการซ่อมอุปกรณ์ควบคุมมอเตอร์ก่อนการปรับปรงุ 1.16% หลงั
การปรบั ปรงุ 0.57% ซ่งึ เป็นการยืนยันได้วา่ เมื่อปรบั ปรุงและลดแผนการทำงานบำรุงรักษาเชิงป้องกนั ของ
มอเตอรแ์ ละอุปกรณ์ควบคุมมอเตอร์แล้วน้นั มอเตอรแ์ ละอปุ กรณ์ควบคุมมอเตอร์ไม่ไดเ้ กิดความเสียหายไปมาก
กวา่ เดมิ Nakagawa (1981) ไดเ้ สนอวิธกี ารคำนวณอายขุ องการทดแทนทรัพยส์ นิ ดว้ ยการใช้อายกุ ารแจกแจง
แบบ Weibull Failure ซง่ึ ในการคดิ อายุของการทดแทนเครือ่ งจกั รนัน้ เป็นสิ่งท่ีคอ่ นข้างยุ่งยากที่จะแสดง
ออกมาเป็นตวั เลขงานวจิ ัยชิ้นนี้ไดก้ ำหนดขอบเขตบนและขอบเขตลา่ งของช่วงเวลาท่เี หมาะสมมาจาก
พารามิเตอร์ของการแจกแจงแบบ Weibull Failure ซึ่งท่ีแสดงออกมาในรปู สมการในการหาการทดแทน
ทรัพย์สินของ Failed Unit จนถึง Non-failed Unit ซง่ึ แสดงคา่ โดยประมาณสำหรบั อายุทีเ่ หมาะสมสำหรบั

การทดแทนทรัพยส์ นิ ซึ่งพารามิเตอร์ทีท่ ำให้อายทุ รัพย์สินเหมาะสมท่ีสดุ คือ μ0*
ชัยพรวงศ์ พิศาล, กฤษดา วเิ ศษเสาวภาคย์ (2547)ไดศ้ ึกษาการเพม่ิ ค่าประสิทธผิ ลโดยรวมของเคร่ืองจกั ร

ในสายงานผลติ ชิ้น ส่วนรองแหนบรถยนต์ โดยการประยุกต์ใชร้ ะบบการบำรุงรักษาเชงิ ปอ้ งกันและหาแนวทาง
ปฏิบัตเิ พื่อลดความสูญเสยี ดา้ นเวลาการผลิตด้วยการกระจายรปู แบบการบำรงุ รักษาและการตรวจสอบอยา่ ง
งา่ ยใหพ้ นักงานผลิตมากขน้ึ พบวา่ สามารถลดความสญู เปล่าของการผลิตลงและสามารถเปล่ียนแปลงค่า
ประสทิ ธผิ ลโดยรวมของเวลาทเี่ ครือ่ งจักรเสยี จานวนคร้งั ทีเ่ คร่ืองจักรหยุดเวลาทเ่ี ครือ่ งจักรทางานการผลติ

37

เวลาท่เี ครือ่ งจักรทางานการผลติ + เวลาทเ่ี ครื่องจกั รเสียเครอ่ื งจกั รใหเ้ พิ่มข้นึ จาก 48.12% เป็น 65.54% เป็น
ผลให้สายงานผลติ ชิ้นสว่ นรองแหนบสปริงรถยนตส์ ามารถเพม่ิ รายรบั มากขึ้น จาก 11,917,496.25 บาท เปน็
15,157,112.25 บาท สามารถเพ่มิ ผลผลิตได้ 27.18% และสามารถใชเ้ คร่ืองจกั รได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพมากขึ้น
พิชติ สอนดงบัง (2545) ได้ศึกษาเกีย่ วกับการบำรุงรกั ษาเชิงป้องกนั ของระบบลำเลียงด้วยสายพานใน
อุตสาหกรรมการผลติ อาหารสัตว์ เพื่อลดเวลาสูญเสยี ในกระบวนการผลติ ลงและป้องกันการขัดขอ้ งของ
เครอ่ื งจักร โดยการดาเนินการทำแบบฟอร์มสาหรับการตรวจเชค็ สภาพเครือ่ งจักรและจดั ทามาตรฐานการ
ตรวจเชค็ พบวา่ ความพร้อมใชง้ านหลังการปรับปรงุ สูงข้นึ รอ้ ยละ 2.87 อัตราการขัดข้องของเคร่ืองจักรลดลง
ร้อยละ 63.70

คุณสุรชาติ วิชัยดิษฐ์, กติ ติ เจดิ รงั ษี, สัณหช์ ัย กลิ่นพกิ ุล (2551) ได้ศกึ ษาเกีย่ วกบั การประยกุ ต์ใชร้ ะบบการ
บำรุงรักษาแบบทวีผลที่ทกุ คนมสี ่วนรว่ ม (Total Productive Maintenance , TPM) ในอตุ สาหกรรมเคร่ืองดม่ื
อดั แกส๊ เพอ่ื ลดเวลาหยดุ ชะงกั ของเคร่ืองจักรและปรับปรุงประสทิ ธิภาพโดยรวมของเครือ่ งจักร (Overall
Equipment Efficiency, OEE) พบว่าหลงั จากการทดลองประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบ TPM เป็นเวลา 3 เดอื น คา่ OEE
สงู ขนึ้ เฉลีย่ 21.18% อัตราการ หยดุ ชะงกั ของเครื่องจักรลดลง 15% นอกจากนคี้ ่าเวลาเฉลี่ยกอ่ นเครอื่ งจักรจะ
ชารดุ (Mean Time between Failures, MTBF) หรอื เวลาเฉล่ียที่ใช้ในการซ่อมเครือ่ งจกั ร (Mean Time to
Repair, MTTR) ของเคร่อื งจักรแต่ละตวั สามารถนามาใช้จัดกล่มุ เครอื่ งจักรเพื่อใช้ในการจดั ทาแผนการ
บำรุงรกั ษาต่อไป

คณุ ภัทรยี า กติ ติเจริญเกยี รติ (2547) ไดศ้ กึ ษาเกย่ี วกับแนวทางที่เหมาะสมในการบำรงุ รักษาเคร่ืองจักร
ในสายการผลติ ทม่ี ีประสทิ ธผิ ลโดยรวมตำ่ ท่ีสุด โดยทาการศึกษาปจั จัยต่าง ๆท่ีมผี ลทำใหป้ ระสิทธิผลโดยรวม
ของเคร่ืองจักรตำ่ แลว้ ทาการวิเคราะห์เพ่อื หาแนวทางในการเพ่มิ ประสิทธผิ ลโดยรวมของเครอื่ งจักรพบวา่
หลงั จากปรับปรุงแผนการบำรุงรกั ษาเคร่อื งจักรและนำไปปฏิบตั ิแลว้ ประสทิ ธผิ ลโดยรวมของเคร่อื งจักรเพิ่มข้ึน
จาก 85.53% เปน็ 93.84% อัตราการ

38

บทที่ 3

วธิ ีการดำเนินงาน

ในบทน้จี ะกลา่ วถงึ วธิ ีการและขัน้ ตอนการดำเนินการวจิ ยั โดยศึกษาถึงปัจจัยต่างๆที่ มีผลตอ่
ความสำเร็จของการวจิ ยั โดยมกี ารศึกษาถงึ ข้อมลู และปัญหาต่างๆ ของกรณีศึกษาก่อนที่จะมีการวางแผนการ
บำรงุ รกั ษา แลว้ นำข้อมูลท่ีไดม้ าวิเคราะหเ์ พื่อจัดทาการบำรงุ รกั ษาเชิงป้องกันใหก้ ับเครื่องจักรตัวอยา่ งทีจ่ ะใช้
เป็นกรณศี ึกษาคอื เครื่องจักรที่เลอื กคอื Oil Pump

3.1 ข้อมูลทว่ั ไปและกระบวนการของบริษัท
กรณศี กึ ษานี้ เป็นบริษทั ทำเก่ียวกับจำหนา่ ยปิโตรเลยี ม เชน่ น้ำมนั ในจังหวดั ชัยภูมิ

ประวตั ิทตี่ ั้งโรงงานพอสงั เขป
รายละเอยี ด

คลงั น้ำมัน ทำกิจกรรม รับเก็บจ่าย นำ้ มนั กลมุ่ ลกู คา้ อุตสาหกรรม,เอกชน,ราชการ และลูกคา้ ทว่ั ไป
สถานท่ีต้งั อ. บ้านเข้า จ.ชยั ภูมิ

ภาพโดยรวม

3.2แผนผงั อุปกรณเ์ คร่อื งจกั ร

ภาพท่ี 3.1

39

3.2 ขอ้ มูลของเครอ่ื งจักร
เคร่อื งจักรทน่ี ำมาใชเ้ ปน็ กรณีศกึ ษาเรอ่ื งการวางแผนการบำรงุ รกั ษาน้ีคอื Oil Pump

ภาพที่ 3.2
Specification ของเครอื่ งจักร

40

41

ภาพที่ 3.3
Flow Diagram

ภาพที่ 3.4
ขบวนการการจ่ายนำ้ มันทางรถ

42

ปั๊มแบบปรมิ าตรแทนที่เชงิ บวก (Positive Displacement Pump)

ปม๊ั แบบแรงเหว่ียง (Centrifugal Pump)

ภาพท่ี 3.5 ขอ้ มูลอุปกรณ์ท่ีเก่ียวขอ้ ง

สภาพปัจจบุ ันการทำกิจกรรมการบำรุงรักษา
ปญั หาทส่ี ำคัญของบริษัท คอื ความสูญเสียเน่ืองจากการขัดขอ้ งของเคร่ืองจักรในกระบวนการเนอ่ื งกระทบ

ต่อการจา่ ยน้ำมันให้กบั ลกู ค้า จากปญั หาดงั กลา่ วจงึ เป็น สงิ่ จูงใจให้มกี ารบำรงุ รกั ษาเชิงป้องกัน ซ่ึงการ
บำรุงรักษาท่ีดนี ัน้ เปน็ ผลใหเ้ ครื่องจกั รมีประสทิ ธภิ าพและสมรรถนะท่ีสูงสดุ ตลอดเวลา ทำให้ลดการชำรดุ ของ
อปุ กรณ์ได้อย่างมากท้ังน้เี พื่อเป็นการแก้ปัญหาท่เี กดิ ขน้ึ ดงั กลา่ ว การเก็บขอ้ มูลวจิ ัยเล่มนีจ้ งึ ไดน้ ำแนวทางการ
วิเคราะห์อาการทผี่ ดิ ปกติและผลกระทบของความเสยี หาย (Failure Mode and Effect Analysis)มาเพื่อเพ่มิ
อตั ราความพร้อมใชง้ านและลดเปอรเ์ ซน็ ต์ความสูญเสยี ของเคร่ือง เพอื่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการซ่อมใหก้ ับ
พนักงานในแผนก เปน็ ผลใหก้ ารบำรุงรักษาเครือ่ งจักรเป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ซ่ึงส่งผลให้เคร่อื งจักรมคี วาม
พร้อมท่จี ะทำงานทำใหก้ ระบวนการผลติ และเพ่ือให้ทราบถึงผลการวจิ ัยวา่ นำไปปฏบิ ตั แิ ล้วจะประสบ
ความสำเร็จหรอื ไม่ จึงขอเสนอตวั ช้วี ัดเพื่อวดั ผลการดำเนินงานดงั น้ี

▪ จำนวนครง้ั ในการเกดิ ความเสียหายของเครอื่ งจักร
▪ เวลาทต่ี อ้ งสูญเสยี เนื่องจากเกิดการขดั ข้อง และเสยี หายของเครอ่ื งจักรในระหวา่ งการ

ผลติ (Breakdown time)
▪ คา่ เวลาเฉล่ียระหว่างความเสียหายของเครอื่ งจักร (Mean Time Between Failure :MTBF)

43

▪ อัตราความพรอ้ มในการทำงานของเคร่ืองจักร (Availability Rate)
จากการศกึ ษาข้อมูลสามารถวิเคราะหส์ าเหตุของปัญหาการเกดิ เวลาสูญเสยี การจา่ ยน้ำมนั ของเคร่ืองจักร
และสาเหตขุ องการเกดิ ความเสียหายของเครอ่ื งจักรโดยใชแ้ ผนภูมกิ า้ งปลา ซงึ่ หลักการคิดข้อมูลการหยดุ ของ
เครอื่ งจักรนน้ั ผูท้ ำวจิ ัยได้ทำการคดิ เฉพาะการหยุดของเครื่องจกั รกรณที ีเ่ คร่อื งจกั รเกิดการเสยี หายเทา่ นั้น ไม่
รวมการหยดุ เครื่องจักรกรณที ่ีเกิดจากการหยดุ เคร่ืองจกั รเพื่อทำการบำรุงรักษาเครื่องจักรเชงิ ป้องกัน
ประวตั กิ ารซอ่ มเคร่ืองจกั รก่อนการใชร้ ะบบการบำรุงรกั ษาแบบตามสภาพสำรวจปัญหาของโรงงานก่อน
การทำระบบบำรุงรักษาเชงิ ป้องกัน ประกอบไปด้วย ข้อมูลจำนวนคร้งั ในการเกิดความเสยี หายของเคร่อื งจักร
เวลาทต่ี ้องสูญเสียเน่ืองจากเกิดการขัดขอ้ งและเสียหายของเครือ่ งจักรในระหว่างการผลติ (Breakdown Time)
คา่ เวลาเฉลี่ยระหว่างการชำรุดเสียหาย (MTBF) และอัตราความพร้อมใชง้ านของเคร่อื งจักรตง้ั แต่เดือน
มกราคม–มถิ นุ ายน พ.ศ. 2563
จากกรณศี ึกษาบริษัท ระหวา่ งมกราคม – มิถุนายน 2563 พบวา่ ทีก่ ระบวนการการจา่ ยนำ้ มนั ปัญหาของ
ค่าความพร้อมใชง้ านของเครื่องจักร (Machine Availability) นนั้ คอ่ นข้างต่ำกวา่ เป้าหมายโดยท่ีเปา้ หมายของ
บริษัทนั้นเฉลย่ี อยู่ที 96.40 %/เดอื น แตป่ ัจจุบนั คา่ ความพร้อมใช้งานของเคร่ืองจักร (Machine Availability)
อยทู่ ี่ 86.45 %/เดือน เพราะเกดิ จากการขดั ข้องของเคร่ืองจกั รบอ่ ยครั้ง

44

ภาพที่ 3.6แผนภูมกิ า้ งปลา
3.3 ขอ้ มูลก่อนการแก้ไขปรับปรงุ แกไ้ ข

จากการทีไ่ ดม้ ีการเก็บขอ้ มูลดังตาราง
ตารางท่ี 3.1 คา่ ที่ใชว้ ดั ผลการดำเนนิ งานก่อนการบำรุงรกั ษาเชิงปอ้ งกันเครอ่ื งจกั ร

ดัชนวี ดั ผล (6 เดือน)

เคร่อื งจกั ร จำนวนครัง้ ท่ี เวลาเดิน เวลาใช้ เวลาเคร่อื งจักร
Oil Pump เสียหาย(คร้งั ) เครอื่ งจกั ร เคร่ืองจกั ร เสีย(ช่ัวโมง)
ทงั้ หมด (ช่วั โมง)
10 (ชว่ั โมง) 100.00
1350.00 1250.00

จำนวนครงั้ ทเี่ สยี หำย(ครงั้ )

50
45
40
35

30
25

20
15
10

5 Oil Pump

0
Oil Loading Bay

ภาพที่ 3.7 แผนภูมแิ สดงจำนวนครั้งทเี่ สยี หายของเครื่องจักรทงั้ 2 เคร่ือง

45


Click to View FlipBook Version