The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการเพิ่มประสิทธิภาพ และการบำรังรักษาเครื่องจักร กลุ่ม มอเตอร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by teerapan_poo, 2021-05-10 15:06:39

รายงานการเพิ่มประสิทธิภาพ และการบำรังรักษาเครื่องจักร กลุ่ม มอเตอร์

รายงานการเพิ่มประสิทธิภาพ และการบำรังรักษาเครื่องจักร กลุ่ม มอเตอร์

เวลำเดินเครอ่ื งจกั รทงั้ หมด (ช่วั โมง)

1600.00
1400.00
1200.00
1000.00

800.00
600.00
400.00
200.00

0.00

Oil Loading Bay Oil Pump

ภาพท3ี่ .8 แผนภูมิเวลาเดินเคร่อื งจกั รท้ังหมด เคร่ืองจกั รทัง้ 2 เครื่อง

เวลำใชเ้ ครอ่ื งจกั ร (ช่วั โมง)

1260.00
1240.00
1220.00
1200.00
1180.00
1160.00
1140.00
1120.00
1100.00
1080.00
1060.00

Oil Loading Bay Oil Pump

ภาพท3ี่ .9 แผนภมู แิ สดงเวลาเวลาใชเ้ ครอ่ื งจกั ร ของเครื่องจักรทัง้ 2 เคร่ือง

46

เวลำเครอ่ื งจกั รเสยี (ช่วั โมง)

350.00

300.00

250.00

200.00

150.00

100.00

50.00

0.00 Oil Pump
Oil Loading Bay

ภาพที่ 3.10แผนภมู แิ สดงค่าเวลาเคร่ืองจักรเสีย ของเคร่ืองจกั รทัง้ 2 เคร่ือง

ภาพท่ี 3.11 ของเวลาท่ีเครื่องจักรเสียหาย

ตารางท่ี 3.2 แสดงประวัตกิ ารซอ่ มของเคร่อื ง Oil Pump ท่ีชำรดุ

เครื่องจักร อปุ กรณ์ที่เสยี หาย จำนวนคร้ังท่เี สยี หาย

(ครงั้ /เดือน)

47

Coupling แตกชำรุด 7
Oil Pump MECHANICAL SEALS 4
3
ชดุ เกยี รช์ ำรุด 3
มอเตอร์ 1
หวั อัดจารบี 1
อื่นๆ 18
รวม

การวิเคราะห์อาการทผี่ ดิ ปกติ และผลกระทบของความเสียหายของเครอื่ งจักรและ อุปกรณข์ นั้ ตอนในการ
วิเคราะหร์ ปู แบบความเสียหาย และผลกระทบ (FMEA)

ขั้นตอนท่ี 1 จดั ทำรายการเครอื่ งจักรและสว่ นประกอบของระบบ คอื ข้อมูลตา่ งๆ เชน่ ชอ่ื เคร่อื งจกั ร, ชอ่ื
ช้นิ ส่วน, ชอ่ื ผ้วู ิเคราะห์ ชนดิ ของผลติ ภัณฑ์ เปน็ ต้น เพื่อใชใ้ นการจัดเกบ็ และเพื่อการ สืบค้น

ข้ันตอนที่ 2 กำหนดหนา้ ทีก่ ารทำงานเป็นข้อมลู หน้าท่ีของการทำงานของช้ินสว่ นนั้น ขอ้ มลู อาจมีหลาย
รปู แบบ หากหน้าที่ของชน้ิ สว่ นมหี ลายหน้าท่ี ก็ต้องแยกโอกาสการเกิด ขอ้ ผดิ พลาดของแต่ละหน้าที่ แยกออก
จากกนั เพื่อความสามารถในการวิเคราะห์และจัดเกบ็ ขอ้ มูล

ขนั้ ตอนท่ี 3 กำหนดอาการทผ่ี ิดปกติและความเสยี หายทีม่ ีแนวโนม้ จะเกดิ ขน้ึ ตัวอย่างเช่น ปมั๊ ไฮดรอลกิ
(Hydraulic Pump) ของแท่นอดั เสยี ก็จะเป็นรูปแบบของความเสยี หายรปู แบบหนึ่ง ซ่ึงทำใหแ้ ท่นอัดไฮดรอลิก
ไมส่ ามารถทำงานไดต้ ามหน้าท่กี ารทำงานท่ีออกแบบไว

ขนั้ ตอนที่ 4 วเิ คราะหผ์ ลกระทบรูปแบบความเสยี หาย จดั ทำรายการผลทีม่ ีแนวโน้มที่จะ เกดิ ข้นึ จาก
ความเสยี หายแต่ละรปู แบบ ความเสยี หายแตล่ ะรูปแบบจะมผี ลต่อสถานประกอบการที่ แตกตา่ งกนั

ขน้ั ตอนท่ี 5 กำหนดระดับความรุนแรงเพื่อใหส้ ามารถเปรยี บเทียบ และจดั ลำดับ ความสำคญั ของ
รปู แบบของความเสยี หายที่มีแนวโนม้ จะเกดิ ขึ้นใหไ้ ด้ ก็จำเป็นทจ่ี ะต้องมีการ กำหนดระดับความรนุ แรงของ

48

รปู แบบของความเสยี หายแต่ละรปู แบบ โดยพจิ ารณาจากผลกระทบ สัมพัทธ์ของความเสียหายที่มีต่อการ
ทำงานในด้านต่างๆ

ขัน้ ตอนที่ 6 วเิ คราะห์สาเหตขุ องรปู แบบความเสยี หาย ความผดิ พลาดทเ่ี กิดข้ึนทุกชนดิ จะต้องมสี าเหตุ
หรือกลไกการเกดิ ข้นึ ดังน้ัน จงึ จำเปน็ ต้องมีการลงรายการสาเหตุหรอื กลไกที่สร้าง โอกาสเกดิ ความผดิ พลาด
เพราะสาเหตเุ หล่านเ้ี ปน็ ตัวชวี้ ดั การเกดิ ความบกพร่องในการออกแบบ ซึ่ง ต้องการการแกไขพฒั นา

ขัน้ ตอนท่ี 7 กำหนดระดบั การเกิดความเสียหาย โดยพจิ ารณาจากผลกระทบสัมพัทธข์ อง ความเสยี หาย
ทีม่ ตี อ่ การทำงานในด้านต่างๆ

ขน้ั ตอนที่ 8 วเิ คราะห์ความสามารถทจ่ี ะตรวจพบการเกดิ ข้อขดั ข้อง
ขั้นตอนท่ี 9 กำหนดระดับความสามารถท่ีจะตรวจพบการเกิดข้อขดั ขอ้ ง (DetectionRating) มีการ
ตรวจสอบเพื่อใหส้ ามารถท่ีจะตรวจจับสาเหตุท่ีจะทำให้เกดิ ความผิดพลาด ดังนั้นต้องมีการให้ ลำดับบนพ้นื ฐาน
ของโอกาสทจี่ ะตรวจพบ ดงั ตารางท่ี 3-16 การทจ่ี ะลดลำดับการตรวจจบั จะต้องมี การพัฒนาแผนการควบคุม
ใหร้ ัดกมุ ยิง่ ขึน้
ขั้นตอนที่ 10 คำนวณคา่ ลำดับความเสี่ยง (RPN)การคำนวณตวั เลขความเส่ียงมสี ูตรท่ใี ชใ้ น การคำนวณ
คือตัวเลขความเส่ียง (RPN) = ลำดับข้ันความรุนแรง x ลำดับโอกาสการเกิดความ ผดิ พลาด xลำดบั โอกาสท่ีจะ
ตรวจจับ

(RPN) = Severity x Occurrence x Detection

เมือ่ ได้ค่าตวั เลขลำดบั ความเสี่ยงแลว้ ควรจะทำการพิจารณาชิ้นสว่ นท่ีค่าสงู สดุ กอ่ น เน่ืองจากมีความเสย่ี งสูงใน
การเกดิ ความผดิ พลาดไม่ตรงตามการออกแบบ หลังจากน้ันจงึ ควรมีการ กำหนดแผนการปรบั ปรงุ อย่างไรก็
ตาม หากมีคา่ ใดมีคา่ ทส่ี ูงในสามคา่ ที่พิจารณานี้ ก็ควรจะมกี าร ปรับปรุงเช่นกัน เน่อื งมาจากความผดิ พลาด
อาจจะเกิดขึ้นได้หากมีจุดออ่ นทใ่ี ดทหี่ น่ึง

ข้นั ตอนที่ 11 แผนการปรับปรุง (Improving Plan)หลังจากไดค้ ่าตัวเลขลำดับเสยี่ งความ (RPN)
จะต้องมีการกำหนดแผนการปรับปรงุ โดยควรมีการปรับปรุงในจดุ ทม่ี ีค่าลำดบั สงู โดยเฉพาะที่ข้นั ความรนุ แรง
(Severity) ทม่ี คี า่ สูงก่อนเนื่องจากค่าความรุนแรงเป็นจดุ สำคัญทอ่ี าจสร้าง ผลกระทบไปสู่ค่าการเกดิ ความ
ผดิ พลาด และค่าโอกาสท่ตี รวจจบั ซึง่ ในการวิเคราะหแ์ ละกำหนด เกณฑ์ในการให้คะแนนระดับความรนุ แรง,
ระดับโอกาสการเกิดและระดับการตรวจจับนน้ั เรา กำหนดให้ผจู้ ดั การแผนก , ผชู้ ่วยผจู้ ัดการแผนก,หัวหน้า
หน่วยและพนักงานแผนกซ่อมบำรงุ ซึ่งทุก คนที่ทำการให้ระดับคะแนนนัน้ มปี ระสบการณค์ วามชำนาญในการ
ดูแลรักษาเครื่องจักรทางดา้ น ระบบบรรจเุ ครื่องดืม่ เปน็ อย่างดี

49

ภาพท่ี 3.12 บอกสว่ นต่างๆของเคร่ืองจักร

ภาพที่ 3.13 บอกเคร่ืองจักรที่ทำงานผดิ ปกติ

50

ภาพที่ 3.14 การอดั จารบีเพอ่ื หล่อลื่น
การตรวจสภาพปมั๊
ควรเลือกใช้งานชนิดของป๊ัมให้ถกู ต้องกับความต้องการ และควรเช็คสภาพปั๊มกอ่ นใช้งานตาม
จดุ สำคัญต่าง ๆ ดังน้ี
การตรวจสอบก่อนการใชง้ าน

▪ ทำความสะอาดปั๊ม และบรเิ วณใกล้เคยี ง เพื่อดรู อยรัว่ ซึมแตกร้าวของตวั อปุ กรณ์
หรอื ไม่

▪ ตรวจสอบมาตรวดั แรงดนั ดา้ นดดู และดา้ นจา่ ย โดยใชเ้ คร่ืองมอื ในการตรวจสอบ
หรือทำการสังเกตที่ตัว เพรสเชอร์ เกท วา่ ป๊มั งานอย่ใู นค่ามาตรฐานหรอื ไม่

▪ ตรวจสอบทศิ ทางการหมุนของมอเตอร์ และปม๊ั
▪ ตรวจสอบบรเิ วณเรือนปัม๊ และเรอื นแบร่ิง ว่ามีการร่วั ซึมหรือไม่
▪ ฟังเสียงปั๊มขณะทำงานวา่ ผดิ ปกติหรอื ไม่ เช่นเสยี งเครื่องสะอึก ทำงานติดๆดับๆ

หรอื ไม่
▪ ตรวจสอบมาตรวัดอืน่ ๆ (ถา้ มี) วา่ คา่ ตา่ งๆ อยู่ในชว่ งปกติหรือไม่
▪ กอ่ นใช้งานป๊ัมต้องไล่อากาศออกให้หมด เพื่อปอ้ งกันการสะอึกซ่ึงอาจจะทำให้ตัว

มอเตอร์เกิดการชำรุดเสียหายได้

51

การบำรุงรักษาปมั๊
ซ่งึ นอกจากขน้ั ตอนการตรวจสภาพทกุ ครั้งในการใชง้ านแล้ว ในแต่ละปีจะต้องจัดให้มกี าร
บำรุงรักษาประจำปี เพ่ือช่วยยดื อายกุ ารใชง้ านของปมั๊ ให้มีประสทิ ธิภาพในการทำงาน โดยหนว่ ยงาน
ซบ.จะเข้ามาตรวจสอบและกำหนดมาตรฐานของตัวปม๊ั ทุกๆปี ดังนี้

▪ การวดั ความสั่นสะเทอื น (Vibration) ของป๊ัมและมอเตอร์ โดยใช้เครื่องมือวดั ไว
เบรช่นั

▪ การวัดอุณหภูมิของแบร่ิง หรือลกู ปืน
▪ การหลอ่ ลน่ื แบรงิ่ หรือลูกปืน ทัง้ ของป๊มั และมอเตอร์ (ควรทำทกุ 3-6 เดือน)
▪ การตรวจสภาพ และทำความสะอาดตวั dรอง หรือสเตรนเนอร์ (Strainer) ดา้ นทาง

ดูดของป๊มั
▪ การวัดประสิทธภิ าพการทำงานของป๊ัมโดยการทดสอบอัตราไหล

ภาพท่ี 3.15 วดั ความส่นั สะเทือน (Vibration) และ อุณหภูมิ

52

ตารางที่ 3.7 แบบฟอร์มตรวจสอบเคร่ืองจกั ร

53

ภาพท3ี่ .16 ภาพโอเวอร์ฮอล์ลมอเตอร์ โดยหน่วยงานนอก

54

3.4 สรปุ สภาพปญั หาในการซ่อมบำรงุ ของกรณีศกึ ษา
สรุปสภาพปญั หาในการซ่อมบำรุงของกรณศี ึกษา สภาพท่วั ไปในการซอ่ มบำรงุ ของบริษัทท่ใี ช้

เปน็ กรณีศึกษานีย้ ังไม่มีการจัดการซ่อมบำรุงที่เป็นระบบเท่าท่ีควร โดยการซ่อมบำรงุ จะเปน็ ใน
ลกั ษณะ Breakdown Maintenance น่ันคือถ้าระบบกา ผลติ หรอื เครื่องจักรมปี ัญหา ทำการผลิตไม่ได้
ก็จะหยุดเครอ่ื งเพื่อทำการแก้ไข ซึ่งทผี่ ่านมาทางบรษิ ทั เองยงั ไม่มี การนำเอาการวางแผนเกยี่ วกบั การ
ซอ่ มบำรุงมาใชอ้ ย่างเปน็ รปู ธรรมทั้งนี้เพราะระบบข้อมลู การซอ่ มบำรงุ ยังไม่ดี ทำให้เกิดปัญหาดา้ นการ
วางแผนและการปรับปรุงงานซ่อมบำรุง นอกจากนเี้ ม่อื มงี านผลิตเรง่ ดว่ นเข้ามาก็ต้องทำ การแก้ไขให้
เครือ่ งทำงานไดก้ ่อนท้ัง ท่ีบางครง่ั เคร่ืองจักรยังอยู่ระหวา่ งการซ่อม จงึ เป็นผลใหเ้ คร่ืองจักรขาดการ
บำรุงรกั ษาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกดิ ความเสยี หายทางดา้ นกำลงั การผลิต, วัสดุ, พลังงาน, โอกาสทาง
การตลาด ตลอดจนชอ่ื เสียงของบริษทั ไม่สามารถสง่ ผลผลิตให้กับลกู ค้าได้ทันเวลาการทำงานของ
หน่วยซ่อมบำรุงยงั มี รปู แบบการบริหารจดั การทไี่ ม่ชดั เจนกลา่ วคอื ไมม่ ีการรว่ มมือกนั ระหวา่ ง
พนกั งานฝ่ายผลิตกบั พนักงานฝา่ ยซอ่ มบำรุง นอกจากน้ีทางบริษัทกรณีศกึ ษายังไมม่ ีการจดั ประเภท
ของอะไหล่หรอื ชน้ิ ส่วนอปุ กรณ์ทีเ่ ป็นระเบียบ หรอื ที่มคี วามสำคญั ทำให้ไม่ทราบปริมาณของอะไหล่
หรือชนิ้ ส่วนอปุ กรณท์ เ่ี หลืออยูห่ รือที่ควรตอ้ งมี ส่งผลใหไ้ ม่สามารถทำการสำรองอะไหลห่ รือปริมาณ
ช้ินส่วนอปุ กรณท์ ี่สำคัญของเคร่ืองจักรได้อยา่ งเหมาะสม ซึง่ บางคร้งั ทำให้เสียเวลาในการรออะไหล่
เน่อื งจากการส่งั ซื้อ อีกทัง้ การปฏิบัตงิ านของหนว่ ยงานซอ่ มบำรุงก็ยงั ไม่มรี ะบบมาตรฐานทจี ัดทำขึ้น
อยา่ งเปน็ ระบบ โดยลกั ษณะการทำงานสว่ นใหญจ่ ะเป็นการใช้ประสบการณ์ทค่ี ลกุ คลีอยู่กบั เคร่ืองจกั ร
เป็นหลกั ดงั นน้ั ก็อาจจะกอ่ ปัญหาใหก้ บั บรษิ ัทได้กรณีทชี่ า่ งที่มีประสบการณ์ มากๆลาออก การทีย่ ังไม่
มีมาตรฐานในการซอ่ มบำรุงยังเปน็ การยากตอ่ การฝกึ ช่างท่เี ขา้ มาใหม่ ไมส่ ามารถทจ่ี ะ เขา้ ใจระบบ
อยา่ งรวดเร็ว ตอ้ งอาศัยประสบการณแ์ ละความคนุ้ เคย ทำใหเ้ สียเวลาในการฝกึ ฝนบุคลากรใหม่ อีก ทงั้
การทำงานของหน่วยซ่อมบำรงุ ยังไม่มกี ารจัดเกบ็ ข้อมลู ทีเ่ ก่ียวข้องกับการซ่อมบำรงุ อยา่ งเปน็ ระบบ
เทา่ ที่ควร โดยมกี ารบันทึกประวตั ิการซอ่ มบำรงุ เครื่องจกั รหรอื อุปกรณ์ต่างๆตามใบแจง้ ซ่อมลงใน
Computer แต่ ไม่ไดน้ ำข้อมูลทไ่ี ดม้าวเิ คราะห์ ทำใหไ้ มร่ ู้สภาพความเปลย่ี นแปลงของเครอ่ื งจกั รหรือ
อปุ กรณภ์ ายในบริษทั

จากขอ้ มลู ที่ได้กลา่ วมาทางบริษัทมีนโยบาย ใหท้ ุกแผนกดำเนินการดูแลอุปกรณเ์ ครือ่ งจักร
ตามหลกั TPM และมีการสนับสนนุ ใหพ้ นกั งานมีสว่ นร่วมกับกจิ กรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ

55

บทท่ี 4
ผลการเพิม่ ประสทิ ธิภ์ าพ
วิธดี ำเนินการวิจยั
จากการทไี่ ด้ทำ การศกึ ษาขอ้ มลู ปัจจบุ ันของบริษัทและสภาพปัญหาของกรณีศึกษานมี้ าเป็น
ระยะเวลาหน่ึง ในข้นั ตอนต่อไปจะเป็นการวเิ คราะห์ถงึ รายละเอียดของการดำ เนินงานวิจยั
4.1 การนำระบบไปใช้ในการปฏิบัตงิ านจริง
ชว่ งเริม่ ตน้ ไดม้ กี ารประชมุ รว่ มกันระหว่างฝา่ ยวิศวกรรมและปฏบิ ตั กิ ารในการกำหนด แนวทาง
ในการทำการบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกัน โดยได้มกี ารชแี้ จง้ และอบรมให้กับหัวหนา้ งานของท้งั สองฝ่าย
เพอื่ ใหท้ ราบและเข้าใจถงึ ระบบต่างๆ ทท่ี ำการปรับปรงุ ข้ึนเพ่ือให้เกดิ ผลไดจ้ รงิ ในทางปฏิบัติและบรรลุ
วัตถุประสงค์ของการดำเนนิ งาน โดยทำการอบรมเกี่ยวกับโครงสร้างของระบบงาน (TPM) และ
แผนการปฏิบัตงิ าน รวมท้ังได้จัดทำใบตรวจเช็คตา่ งๆ เพอื่ ใชร้ ว่ มกับใบตรวจเช็คบำรุงรกั ษาตาม
ระยะเวลาและเอกสารอ่ืนๆ ประกอบด้วย
1. กิจกรรมและความถใี่ นการบำรงุ รักษา
2. แผนการบำรุงรักษาเคร่ืองจักร
3. วิธีการปฏิบัตงิ านบำรงุ รักษา
4. สนบั สนนุ มอบรางวลั ตา่ งๆให้กับทุกหนว่ ยงานท่ไี ด้มกี ารดำเนนิ การทำกิจกรรม
5. การจดั ระบบเอกสาร
โดยสามารถสรุปหัวข้อในการอบรมชแ้ี จงไดด้ ังนี้
1. อธิบายขนั้ ตอนในการจดั ทำแผนการบำรุงรกั ษาเชิงป้องกนั เครอ่ื งจักร เรมิ่ ตั่งแต่แรกเรมิ่
1.1 การกำหนดรหัสเครื่องจักรและจัดแบง่ ชิน้ สว่ นต่างๆของเครื่องจักร เพือ่ นำมาจัดลำดับ
ความสำคญั ในการดำเนนิ กจิ กรรมการบำรงุ รักษาเชิงป้องกัน
1.2 การพจิ ารณาลกั ษณะและเหตุขดั ข้องของเครื่องจักร เพ่ือใช้ในการกำหนด หัวข้อและ
ตำแหนง่ ท่ตี ้องดำเนินกิจกรรมการบำรุงรักษา
1.3 การพจิ ารณาวา่ ชิน้ ส่วนนน้ั ๆ ควรต้องได้รบั การบำรุงรักษาโดยใชก้ จิ กรรม การ
บำรงุ รกั ษาแบบใด
1.4 การนำ ค่าระยะเวลาเฉล่ยี ระหวา่ งการเกิดเหตุขดั ข้องของเคร่ืองจักร (MTBF) มาใช้ใน
การกำหนดระยะเวลาหรือรอบเวลาในการบำรงุ รกั ษาด้วยกิจกรรมนัน้ ๆจากข้นั ตอนดัง
ได้ กล่าวน้ี ไดน้ ำขอ้ มูลต่างๆ มาจัดทำเป็นมาตรฐานการบำรุงรกั ษาเคร่ืองจักร, แผนการ
บำรงุ รักษาเชิงป้องกนั และมาตรฐานเทคนิคในการบำรุงรักษาเครื่องจกั รตามลำดับ

56

2. อธบิ ายการใช้แผนการบำรงุ รักษาเชิงป้องกนั เครอื่ งจกั รควบคไู่ ปกบั มาตรฐานการบำรงุ รักษา
เคร่อื งจักร และมาตรฐานเทคนิคในการบำรุงรักษาเคร่ืองจักร

3. การประกาศใช้เอกสารต่างๆให้เปน็ มาตรฐาน ท่ไี ด้จัดทำขึ้น

4.2 หลังการปรบั ปรุง

ข้อมูลหลังปรับปรุง

Oil Pump MTBF คร้ัง/ชัว่ โมง 135.00
10.00
MTTR ช่ัวโมง 92.59%

Availability
ตารางท่ี 4.1 หลงั การปรบั ปรุง

57

เทยี บข้อมูลกอ่ นหลังปรับปรุงเครอื่ งจกั ร Oil Pump

ข้อมูล กอ่ นปรบั ปรุง หลังปรับปรุง

(ม.ค/63- (ก.ค/63-ธ.ค/63)

ม.ิ ย/63)

เวลาเดนิ เคร่อื งจกั รท้งั หมด (ชวั่ โมง) 1440.00 1350.00

เวลาใช้เครอื่ งจักร (ช่ัวโมง) 1235.00 1250.00

เวลาเครอ่ื งจกั รเสยี (ช่ัวโมง) 205.00 100.00

จำนวนครง้ั ทเ่ี สียหาย(ครงั้ ) 18.00 10.00

เวลาเฉลี่ยระหว่างการขัดขอ้ ง ( MTBF ) 80.00 135.00

เวลาเฉล่ียการซ่อมแซม ( MTTR ) 11.39 10.00

อตั ราความพร้อมใช้งาน (% 85.76% 92.59%

Availability )

ตารางที่ 4.2 เปรียบเทยี บก่อน/หลงั การปรับปรุงเครื่องจักร Oil Pump

58

บทที่ 5
สรปุ ผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ

จากการศกึ ษาการซ่อมบำรุงเครื่องจักรของกรณีศึกษาโดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อวางแผนการ
บำรงุ รักษาเชิงป้องกนั มาใช้ เป็นแนวทางและประยุกต์ใช้กับเครือ่ งจักรอน่ื ๆในบรษิ ทั เม่อื ได้เรม่ิ การ
เกบ็ รวบรวมข้อมูลพบว่า ที่ผ่านมาเครื่องจกั รยังไมม่ ี การวางแผนบำรงุ รักษาเชิงปอ้ งกนั อย่างเป็น
รูปธรรมมเี พียงการทำความสะอาด การหล่อลน่ื และการตรวจเชค็ สภาพเปน็ คร้งั คราวทำ ให้เครื่องจักร
เกิด การขัดข้องบ่อยหรือใช้เวลานานในการซ่อมแตล่ ะครัง้ ดงั นนั้ เพือ่ ให้เคร่อื งจักรมี สภาพพร้อมใช้
งานอยู่เสมอจึงได้ กำหนดแนวทางในการบำรุงรักษาเชงิ ป้องกันสำหรบั เครื่องจักรที่ใชเ้ ป็นตน้ แบบใน
โรงงาน กรณศี ึกษา เพ่อื มงุ่ เน้นไปท่ีการป้องกันการขัดข้องของเครื่องจักรด้วยปัญหาเดิมๆและลดเวลา
ในการซ่อมแตล่ ะครง้ั ทำให้เครอ่ื งจักทำ การผลติ ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพมากข้ึน
5.1 สรปุ ผลงานวจิ ัย

จากการวัดผลการบำรุงรกั ษาเชงิ ป้องกันท่ีนำมาใช้ กับเครื่องจกั รทศ่ี ึกษาน้ี ได้ใช้ดชั นี ต่างๆ
เปน็ ตวั วัดผลในเชงิ ปริมาณในการเปรยี บเทียบการดำเนินงาน โดยดัชนแี ต่ละดัชนีได้ใหค้ ่าเปรียบเทียบ
สำหรบั ช่วงเวลากอ่ นและหลงั การดำเนนิ การ ดังแสดงในตารางท่ี 5.1

5.1 ขอ้ มูลเปรียบเทียบผลกอ่ นและหลังการปรบั ปรงุ การบำรงุ รกั ษาเชงิ ป้องกันของเครื่อง Oil Pump

เมือ่ มีการนำการบำรงุ รักษาเชิงป้องกนั มาประยุกตใ์ ช้ในโรงงานทีใ่ ช้เปน็ กรณศี กึ ษาน้พี บวา่
ระยะเวลาเฉล่ียระหวา่ งการเกิดเหตขุ ัดข้องของเครื่องจักร (MTBF) เพ่ิมข้ึน 68.75% ระยะ เวลาเฉล่ีย
การซอ่ มแซมของเคร่ืองจกั ร (MTTR) ลดลง 12.20%และอัตราความพร้อมใช้งาน เครอ่ื งจักร
(% Machine Availability) เพ่ิมขนึ้ 7.96% ซ้ึงแสดงให้เห็นวา่ การนำการบำรุงรักษาเชิงป้องกนั มาใช้
ทำให้ระบบการซ่อมบำรงุ และเคร่อื งจักรมีประสิทธภิ าพมากย่งิ ข้นึ

59

5.1.1 ปัญหาในการทำงานวิจัย
1. การกระจายระบบการบำรุงรักษาเชงิ ป้องกันยังขาดความร่วมมอื ที่เปน็ รปู ธรรมระหวา่ งฝ่ายผลิต

และฝ่าย วิศวกรรมทำให้ การดำเนินงานยงั ไมไ่ ด้ รบั การตอบสนองเทา่ ทค่ี วร
2. พนกั งานขาดการเอาใจใส่และละเลยตอ่ การบันทกึ ข้อมลู ในการตรวจเช็คเครื่องจกั รประจำวนั ทำ

ใหข้ อ้ มูลบางส่วนไม่ครบและไม่ถูกต้องทำใหก้ ารนำข้อมลู ไปทำการวิเคราะหม์ ีความผิดพลาด
3. ช่างซ่อมบำรุงมคี วามรู้พ้นื ฐานไม่เพยี งพอต่อการปฏิบตั งิ านเป็นเหตใุ ห้เครื่องจกั รเกดิ การขัดข้อง

อัน เนือ่ งมาจากวธิ ีการทำงานแทนที่จะเกิดจากการขาดการบำรงุ รกั ษาเชิงป้องกนั ได้
4. การบนั ทกึ ขอมูลลงในใบตรวจเช็คเครือ่ งจักบางครง้ั เกิดข้อผิดพลาด เนื่องจากไมเ่ ข้าใจใน

รายละเอียดของใบ ตรวจสอบ
5. การไหลเวยี นของเอกสารการซ่อมบำรุงขาดความชัดเจนทำให้ขอ้ มลู บางสว่ นสูญหาย

5.1.2 แนวทางแก้ไขปรับปรุง
1. กำหนดแผนความร่วมมอื ทกุ คนมนองค์ในกรและฝา่ ยวศิ วกรรมในการปฏบิ ตั งิ านใหช้ ัดเจน
และจดั ทำแผนการ บำรงุ รกั ษาให้สอดคล้องกับการกระบวนผลิตจรงิ
2. จดั อบรมพนกั งานทเ่ี กี่ยวข้องเพือ่ อธิบายถึงความสำคญั ของการดำเนินการตามแผนงานต่างๆ
เพอ่ื ความเขา้ ใจ ทตี่ รงกันและให้เหน็ ถึงความสำคญั ของงานท่ีทำอยู่
3. จดั ฝึกอบรมความรูพ้ น้ื ฐานและเทคนิคตา่ งๆทจี่ ำเปน็ ต่อการปฏิบตั งิ านให้กับชา่ งซ่อมบำรุง
4. จัดอบรมเพื่ออธบิ ายถึงความสัมพนั ธ์ ของใบตรวจเช็คต่างๆ และเพอื่ เปน็ การขอความรว่ มมือ
จากพนักงาน และอธิบายถึงผลกระทบต่างๆ ท่จี ะเกิดขึ้นดว้ ย
5. กำหนดข้ันตอนและผรู้ บั ผิดชอบให้ ชดั เจนในการรับและจัดเก็บเอกสารการบำรงุ รักษาต่างๆ

60

5.2 ข้อเสนอแนะ
1. การบำรุงรักษาเชิงป้องกันควรมีการติดตามข้อมลู การเกดิ เหตุขดั ข้อง ของเครื่องจกั รหลังจาก
ท่ไี ดน้ ำ การบำรุงรกั ษาเชิงปอ้ งกนั ไปใช้ อยา่ งต่อเน่อื ง จากนัน้ ควรนำขอ้ มูลมาปรบั ปรงุ ระบบ
ให้ สามารถใชง้ านได้อย่างมปี ระสิทธิภาพและเหมาะสมกบั สภาพการดำเนนิ งานท่ีมีการ
เปลีย่ นแปลงตลอดเวลา

2. ผ้บู ริหารในระดบั สูงควรให้ความสำคญั ของงานบำรุงรกั ษาเทา่ กบั งานจ่าย เพราะงาน
บำรุงรักษาเป็นงานท่สี นบั สนุนใหง้ านการจา่ ยทำไดต้ ามเป้าหมายท่ีวางไว้

3. เพ่อื ให้ข้อมูลมกี ารจัดเก็บที่ Real Time ควรที่จะนำระบบ Computer Maintenance
Management System (CMMS) มาใชใ้ นการวางแผนการบำรงุ รกั ษาเชงิ ป้องกัน เพื่อเป็น
การพัฒนาระบบให้ ดยี ิ่งข้นึ

4. เน่อื งจากพนกั งานยังเคยชนิ กับการปฏบิ ัติงานลกั ษณะเดิมอยดู่ ังน้ันจึงควร มี การอบรมชีแ้ จง
ใหพ้ นกั งานเขา้ ใจถงึ ระบบทมี่ ี การเปล่ียนแปลงและเพ่ิมความรู้ ความสามารถให้ เข้ากับ
สภาพการทำงานท่เี ปล่ยี นแปลงได้

5. เพื่อใหก้ ารการวิจยั คร้ังน้ีส่งผลในภาพรวม ควรมกี ารปรับปรุงการวางแผน บำรงุ รักษาเชิง
ปอ้ งกันเครือ่ งจกั รนไ้ี ปใชก้ ับเครือ่ งท่ีมี ความคล้ายคลึงกันหรือมีความจำเป็นภายใน โรงงาน
เพื่อเพ่มิ ประสทิ ธิ ภาพในการทำงานให้กับเครื่องจักร

61

บรรณานุกรม

เอกสารอา้ งอิง
กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรกั ษ์พลงั งานกระทรวงพลงั งาน “ตำราฝกึ อบรมผู้รับผิดชอบด้าน

พลงั งาน(ผชพ)ดา้ นไฟฟ้า”
กรมพัฒนาพลงั งานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน คมู่ ือมาตรฐานการตรวจวดั และ

พิสจู นผ์ ลการประหยดั (2557) หนา้ 3 – 6
Mikko Lönnberg “ Variable for speed drive for energy savings in hospitals ” World pump

(November 2007)
Gideon Edgar Du Plessis, Leon Liebenberg, Edward Henry Mathews “The use of

variable speed drives for cost-effective energy savings in South African mine
cooling systems” 2013 Elsevier Ltd. Applied Energy 111 (2013) 16–27
R. Saidur, S. Mekhilef, M.B. Ali , A. Safari , H.A. Mohammed “Applications of variable
speed drive (VSD) in electrical motors energy savings” 2011 Elsevier Ltd.
Renewable and Sustainable Energy Reviews 16 (2012) 543– 550
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนรุ ักษ์พลงั งาน “กรณศี ึกษาทปี่ ระสบผลสำเรจ็ ดา้ นการอนรุ กั ษ์
พลงั งาน” ครัง้ ท่ี 1 (2551)
สภาวิศวกร มาตรฐานการปฎิบัตวิ ิชาชพี “ประสทิ ธผิ ลทางพลงั งานและการติดตัง้ ของระบบ
ขบั เคล่อื นมอเตอร์ไฟฟ้ า” พิมพค์ รงั ้ ที่ 1 พฤศจกิ ายน 2552
Hu Shi , Huayong Yang , Guofang Gong , Huaiyin Liu , Dianqing Hou “Energy saving of
cutterhead hydraulic drive system of shield tunneling machine” 2013 Elsevier
B.V. All rights reserved. Automation in Construction 37 (2014) 11–21

62

ตอนที่ 2 การเพม่ิ ประสิทธภิ าพการอนุรกั ษ์พลงั งานในอุตสาหกรรม

(มอเตอรแ์ ละปม้ั นำ้ มนั คลงั ปตท)

บทท่ี1

บทนำ

1.1 ความสำคัญของปัญหา

การปรับปรงุ ประสิทธิภาพการผลิตหรือขยายกำลังการผลิตของบริษัทแตล่ ะแห่งย่อมมีนโยบายที่
แตกตา่ งกันแต่แนวทางท่ีนิยมใชก้ นั ส่วนใหญค่ ือการซ้อื เครือ่ งจักรทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพสงู และทนั สมัยมาใช้
ในกระบวนกาผลติ เมอ่ื มกี ารลงทนุ ซอ้ื เคร่ืองจักรมาแล้วผู้ออกแบบและผูบ้ รหิ ารจะต้องมีการคำนวณถึง
จุดคมุ้ ทุน แน่นอนวา่ ต้องการระยะเวลาท่ีน้อยทีส่ ุด ดงั นัน การดำเนินการผลิตด้วยกำลังการผลิตเต็ม
กำลัง (Maximum Capacity) เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เลยเมื่อเครื่องจักรมีการใช้งานก็ต้องมีการสึก
หรอหรือเสยี หายจนต้องมีการซ่อมแซมเกดิ ข้ึน ซง่ึ สาเหตุหลกั ๆ ท่ที ำใหเ้ คร่ืองจกั รเกิดปญั หาคือ

• การเสยี หายและเส่ือมสภาพของชนิ้ ส่วนต่าง ๆ
• การใชง้ านผดิ วัตถปุ ระสงค์และเกินขอ้ กำหนดของการออกแบบ
• ไม่มรี ะบบการบำรงุ รักษาท่ีเหมาะสม
• ผูป้ ฏิบตั ิงานทเี่ ก่ยี วของขาดทักษะในการใช้งานผลกระทบของการเกิดปญั หาเครอื่ งจักรขัดขอ้ ง

สมรรถนะของเครื่องจักรคอื ปัจจยั สำคญั อยา่ งหนงึ่ ที่สง่ ผลกระทบต่อประสิทธิภาพและผลการ
ดำเนนิ งานขององค์กรอยา่ งยิ่งยวดเน่ืองจากเม่ือใดกต็ ามที่เครือ่ งจกั รเกิดความบกพร่องจะสง่ ผลให้เกิด
ความเสียหายต่อการผลติ ในหลายๆด้านไม่วา่ จะเป็นดา้ นความปลอดภยั ด้านคุณภาพของสนิ ค้าและ
ต้นทนุ ในการผลิตรวมถึงความตรงตอ่ เวลาในการสง่ มอบสนิ ค้าต่อลูกคา้ อันจะสง่ ผลโดยตรงต่อผลกำไร
และความน่าเช่ือถือขององค์กรได้ดงั นัน้ การหาวธิ กี ารและแนวทางในการบำรุงรักษาเครื่องจกั รให้อยู่
ในสภาพดแี ละพร้อมใชง้ านอยู่เสมอจงึ เปน็ ส่งิ จำเปน็ ทท่ี ุกบริษทั จะหลกี เลี่ยงไม่ได้ แต่ในการ
บำรงุ รกั ษาเครอื่ งจักรน้ันย่อมมคี ่าใช้จ่ายในการดำเนนิ งานเกดิ ขน้ึ และในบางครง้ั ก็เปน็ เงินจำนวนไม่
น้อยซงึ่ ถ้าหากเราทำการบริหารจัดการไมด่ กี ็อาจจะทำใหต้ ้นทุนของการผลติ สูงขนึ้ หรือทำให้เกดิ ความ
ไม่คุ้มคา่ ต่อการลงทนุ ได้จึงทำให้เกิดแนวคดิ ท่วี ่าทำอยา่ งไรเราจงึ จะสามารถทำใหเ้ คร่ืองจักรของเราอยู่
ในสภาพที่ดแี ละพร้อมใช้งานอยู่เสมอโดยใชเ้ งินลงทุนในด้านการบำรุงรกั ษาต่ำที่สุด

การทดสอบประสทิ ธิภาพของมอเตอรจ์ ะต้องทดสอบในห้องทดลองโดยเฉพาะในการใช้งานจรงิ

63

น้ันประสทิ ธิภาพของมอเตอร์จะลดลงเม่ือขับลงตำ่ กว่า 70% ขอพิกัดมอเตอรห์ รอื ขบั รถมากกว่าพกิ ดั
ของมอเตอร์ดัชนกี ารชี้วัดจะเป็นตัวประกอบโหลด (Load Factor) นอกจากนน้ั ประสทิ ธิภาพของ
มอเตอรจ์ ะลดลงด้วยหากการบำรงุ รกั ษาไมด่ ีพอเชน่ ความฝืดจากการหมุนของมอเตอร์ที่ไหมม้ าใช้
ใหม่

WA
ตวั ประกอบโหลด (Load Factor : LF) = WR X 100

เมอ่ื WA คือ กำลงั ไฟฟา้ ทม่ี อเตอร์ใช้ (kW)
WR คือ กำลังไฟฟ้าทีพ่ ิกดั ของมอเตอรใ์ ช้ (kW)

1.2 วัตถปุ ระสงค์

1.2.1 เพื่อการวางแผนบำรุงรักษา มอเตอร์&ปั้ม จ่ายนำ้ มันใช้แนวคิดของการบำรงุ รักษาเชิง
ป้องกนั (Preventive Maintenance)

1.2.2 เพื่อประเมินประสิทธิภาพของเครอ่ื งจักรและการวางแผนบำรุงรักษา
1.2.3 ยดื อายุการทำงานของเครือ่ งจักรและปอ้ งกันการชำรดุ เสยี หายระหว่าง การใช้งาน
1.2.4 ทำงานง่ายสะดวกรวดเรว็ ไมก่ ระทบกับระบบการรบั จา่ ยเพราะมีเวลากำหนดมขี อ้ มลู และ

วธิ ีการทำงานท่ีพรอ้ ม
1.2.5 ลดเวลาท่ีหยดุ ชะงักเนื่องจากเครอ่ื งจักรชำรุดระหวา่ งการผลติ ลงได้
1.2.6 สามรถลดอุบตั ิเหตุหรืออนั ตรายเนื่องจากการชำรุดของอปุ กรณ์เครื่องจักรลงได้
1.2.7 ทำใหว้ างแผนไดง้ ่ายและทำใหส้ ามารถใช้พนกั งานซอ่ มบำรุงตลอดจนอปุ กรณ์และ

เครอ่ื งมือได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
1.3 ข้ันตอนการศึกษา

1.3.1 ศึกษาทฤษฎแี ละงานวิจัยทเ่ี กี่ยวข้อง
1.3.2 รวบรวมข้อมลู ท่ัวไปและกระบวนการในบรษิ ัท
1.3.3 รวบรวมข้อมูลและประวตั กิ ารซ่อมบำรงุ เคร่ืองจกั ร
1.3.4 วิเคราะหป์ ัญหาการซ่อมบำรุงก่อนการทำการวิจยั
1.3.5 วางแผนการบำรุงรกั ษาและจดั ระบบเอกสารของเครอื่ งจักร

64

1.3.6 นำไปปฏบิ ตั ิและบันทึกข้อมูล
1.3.7 วิเคราะหแ์ ละสรุปผลเพื่อกำหนดเปา้ หมายในระยะยาว
1.4 ขอบเขตของการศกึ ษา

1.4.1 การศึกษาค้นควา้ ใชข้ ้อมลู ของ มอเตอร์&ป้มั น้ำมันคลงั ปตท
1.4.2 นาแผนการบารุงรักษาไปดาเนินการวเิ คราะห์ข้อมูลเพ่ือหาค่า MTBF MTTR และ %

Machine Availability เพื่อเปรยี บเทียบค่าท่ีไดก้ ่อนการดาเนนิ การบารุงรกั ษา
1.4.3 ศึกษาขอ้ มลู เฉพาะอะไหลค่ งคลงั (Spare Part Inventory) มอเตอร์&ปั้ม
น้ำมนั คลงั ปตท

1.5 ประโยชน์ของการศกึ ษา

1.5.1 เขา้ ใจในรายละเอยี ดและส่วนประกอบที่สำคญั รวมท้งั ระบบการทำงานเพอื่ ทจ่ี ะได้นำข้อมูล
มาวเิ คราะหแ์ ละปรับปรงุ การวางแผนการบำรุงรกั ษาเครื่องจกั รใหม้ คี วามเหมาะสมมากย่ิงข้นึ
1.5.2 เคร่อื งจักรมีสภาพพร้อมใช้งานสงู สดุ (Maximum Availability) โดยหลีกเลยี่ งปญั หาการ
เกิด Breakdown และลดเวลาการหยดุ ของเครื่องจักร
1.5.3 เสริมสรา้ งทักษะใหม่ๆให้กับบผู้ปฏบิ ตั ิงานจากการจดั การบำรงุ รักษาเคร่ืองจกั รท่เี ป็น
มาตรฐาน 1.5.4 สามารถเรยี งลำดบั ความสำคัญของ Spare Parts ทีจ่ ำเป็นตอ้ งมี Stock หรือ
ต้องมีเพิม่ เติมเพ่ือสำรองไว้ให้ตามความจำเป็นและเหมาะสม กับอายุการใช้งาน
1.5.5 สามารถนำมาใช้เป็นแนวทางสำหรบั การวางแผนการบำรุงรักษาเครอื่ งจักรให้กบั
หน่วยงานอ่ืนๆทีม่ ีความจำเป็นหรือมีการขยายกำลงั การผลิตในอนาคต
1.5.6 สามารถนำแนวทางของการวางแผนการบำรงุ รักษาเครอ่ื งจักรบางส่วนไปปรบั เปล่ียนเปน็
การบำรุงรักษาดว้ ยตวั เอง (Autonomous Maintenance) เพือ่ ให้พนักงานประจำเคร่ือง เป็น
ผ้ดู ำเนินการ ไดใ้ นเบอื่ งตน้
1.5.7 ผู้บรหิ ารสามารถนำไปขยายผลตอ่ ไปเป็นการบำรุงรักษาทวผี ลแบบทุกคนมีสว่ นร่วม
(Total Productive Maintenance) เพื่อเป็นการพฒั นาศักยภาพขององค์กรให้มปี ระสิทธิภาพ
มากย่งิ ขึ้น
1.5.8 สามารถปรบั ปรุงประสิทธภิ าพการผลิตได้อยา่ งต่อเน่ืองจากการทเี่ คร่อื งจักรยงั คงไวซ้ ่ึง
พนื้ ฐานและประสทิ ธิภาพการทำงานท่ีดี

65

1.6 นยิ ามคำศพั ท์
นิยามศพั ทเ์ ฉพาะมดี งั ต่อไปนี้
1. การอนุรักษ์พลังงาน หมายถงึ การผลิตและการใช้พลังงานอย่างมปี ระสิทธภิ าพและประหยัด
2. มอเตอร์มอเตอร์ไฟฟ้า ปน็ อุปกรณ์ไฟฟา้ ที่แปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกลในโหมดการ
ทาํ งานปกติมอเตอร์ไฟฟา้ สว่ นใหญ่ทาํ งานผานการมีปฏสิ ัมพันธร์ ะหวา่ งสนามแม่เหล็กของ
แม่เหล็กในตวั มอเตอร์
3. การเพ่ิมผลติ ภาพ หมายถึง ประสทิ ธภิ าพในการผลิต วัดจากผลผลติ ท่ีได้มาจากการใช้ปจั จยั
การผลติ ไปในชว่ งระยะเวลาหนึง่ สามารถหาไดจ้ ากอตั ราสว่ นของปัจจยั นาออกหารด้วยปจั จยั
นาเข้า
4. การประหยัดพลังงาน หมายถงึ การใช้พลังงานอย่างรู้คุณคา่ และใช้ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ

66

บทท่ี 2

ทฤษฎีและงานศกึ ษาที่เกี่ยวขอ้ ง

การศกึ ษาการเพ่ิมผลติ ภาพด้วยการอนรุ กั ษ์พลังงานในระบบหม้อไอน้าผศู้ ึกษาได้ศึกษาเอกสาร
และงานศึกษาที่เกี่ยวข้องบทนี้เป็นการนาทฤษฎีหรือหลักการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์หรือ
ปรับเปลี่ยนใช้เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึน้ ในขั้นตอนการทางานเพื่อให้มีประสิทธภิ าพและเกิดประสิทธผิ ล
มากขึ้นการปรับปรุงวิธีการทางานและการจัดทาเวลามาตรฐานเป็นสว่ นหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพ
การทางานโดยเนื้อหาบทนกี้ ล่าวถึง

1. ทฤษฎีทเ่ี กย่ี วข้อง
2. งานศึกษาท่เี กย่ี วข้อง

2.1 ทฤษฎที ีเ่ กี่ยวข้อง

ทฤษฎีทีเ่ กีย่ วข้องครอบคลุมถึง
1. อัตราผลติ ภาพ (Productivity)
2. การเพิ่มผลติ ภาพแนวทางการการอนุรกั ษพ์ ลังงานของมอเตอร์
3. การสูญเสยี พลังงานของมอเตอร์และการตรวจวเิ คราะห์มอเตอร์

2.1.1 อตั ราผลติ ภาพ (Productivity)

ผลิตภาพ (Productivity) คือ ประสิทธิภาพในการผลิต วัดจากผลผลิตที่ได้มาจากการใช้
ปัจจัยการผลิตไปในช่วงระยะเวลาหนึ่งสามารถหาได้จาก อัตราส่วนของปัจจัยนำออก หารด้วยปัจจยั
นำเข้า ซึ่งการผลิตสิ้นค้า และบริการได้มาจากการแปรทรัพยากรการผลิต กล่าวว่าหากสามารถแปร
สภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด ผลผลิตที่ได้ก็จะมีปริมาณคุณภาพ และมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
เทา่ นั้น โดยการปรับปรงุ ประสิทธิภาพของการผลติ สามารถดำเนนิ การได้ 2 วิธี คอื

1 การลดปัจจัยเข้าขณะท่ผี ลผลิตยังคงเดิม
2 การเพ่มิ ผลผลิตขณะทปี่ จั จยั นำเข้ายังเท่าเดิม

ประเภทของการวดั ผลิตภาพ

2.1.1.1 การวัดผลิตภาพแบบปัจจัยเดยี่ ว (Single factor productivity) เปน็ การแสดง
สัดส่วนของการใช้ทรัพยากร (ปจั จัยนำเข้า) หน่ึงอย่างเพอ่ื การผลติ หรือบริการ (ปัจจัยนำออก) ดงั
สมการตอ่ ไปนี

67

ผลติ ภาพ (Productivity) = หนว่ ยของผลผลิตที่ผลติ ได้ (Units produced)/ปัจจัยนำเขา้ ที่
ใช้ (Input Used)

2.1.1.2 การวดั ผลิตภาพแบบพหุปัจจัย (Multifactor productivity) เปน็ การแสดงสัดสว่ น
ของการใชท้ รัพยากร (ปัจจยั นำเขา้ ) หลายอยา่ งหรือทั้งหมดทกุ ๆปจั จยั ไดแ้ ก่ แรงงาน วัตถดุ ิบ
พลงั งาน ทนุ ฯลฯ เพ่ือการผลติ สินค้าหรือบรกิ าร (ปัจจัยนำออก) ดงั สมการต่อไปน้ี
ผลติ ภาพ (Productivity) = ผลผลิต (Out put)/(แรงงาน + วัตถุดบิ +พลงั งาน + ทุน + อืน่ ๆ)การ
เพิ่มผลผลิตในองคก์ ร ในยุคที่มกี ารแข่งขนั กันสูงทางการค้าและธุรกจิ องค์การต่างๆ ทง้ั ที่ประกอบ
ธุรกจิ อตุ สาหกรรมรวมถึงองค์การของรฐั บาลและรฐั วิสาหกิจหลกั ของการเพมิ่ ผลผลิตในองคก์ ารทุก
แหง่ จะต้ังอยู่บนพน้ื ฐานของแนวคดิ 4 ประการ คือ
1. การพฒั นาคุณภาพสินคา้ และบรกิ าร
2. การลดต้นทนุ
3. ความรวดเร็วในการสง่ มอบสินค้าและการบริการ
4. ความปลอดภยั ในการปฏิบัตงิ าน
2.1.2 การเพ่ิมผลติ ภาพแนวทางการดูแลด้านพลงั งาน

2.1.2.1 การอนุรกั ษ์พลังงานทเ่ี กดิ จากการใชม้ อเตอร์ประสิทธิภาพสูง
ในปัจจุบนั มอเตอรป์ ระสิทธิภาพสงู จะมรี าคาสงู กวา่ มอเตอรมาตรฐานประมาณ 20% ราคาที่
เพม่ิ ขึ้นน้ี จะกลับคนื มาในรูปของการประหยัดค่าพลงั งาน จากการท่ีประสิทธิภาพของมอเตอร์นัน้
สูงขนึ้ การประหยัดค่า พลงั งานสามารถคํานวณได้ดังนี้

68

ตารางท่ี 2.1 แสดงความแตกตา่ งของคา่ ประสทิ ธิภาพมาตรฐาน และ ค่าประสิทธภิ าพรบั ประกัน
ตำ่ สุด ของ มอเตอร์ท่มี ีพกิ ัดต่างกัน

ตารางท่ี 2.2 เปรียบเทยี บประสิทธภิ าพมอเตอรม์ าตรฐานกับมอเตร์ประสิทธภิ าพสูง

69

ที่มา : “ กระบวนการและเทคนิคการลดค่าใชจ้ า่ ยพลังงาน” ศูนยอ์ นุรักษพลังงานแหง่ ประเทศไทย
การคํานวณความคุ้มค่าการลงทนใชม้ อเตอรป์ ระสทิ ธภิ าพสงโดยทัว่ ไปจะดูจากระยะเวลาคนื ทนุ
เบ้ืองตน้ หากเป็นการซ้ือมอเตอรใ์ หม่ระยะคนื ทนุ เบ้ืองตนั คืออัตราส่วนระหวา่ งราคาท่ีเพิ่มขน้ึ ของ
มอเตอร์ประสิทธภิ าพ สูงกบั ค่าพลังงานท่ีประหยดั ได้

2.1.2.2 อปุ กรณ์ควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์ (Variable Speed Drive: VSD)
อปุ กรณค์ วบคุมความเรว็ รอบมอเตอร์ (Variable Speed Drive : VSD) เป็นอุปกรณ์ควบคุมความเร็ว
รอบมอเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับสภาวะของโหลด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมอเตอร์
ในชบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม ระบบปั๊มน้ำ พัดลม และระบบปรับอากาศขนาดใหญ่
อุปกรณ์ VSD ใช้เทคโนโลยีแบบ Voltage Vector Control (VVC) ทำให้ประสิทธิภาพการควบคุม
ไม่ให้มีการสูญเสียพลังงานความร้อนในตัวมอเตอร์ (Derating) และมีอุปกรณ์กำจัดสัญญาณรบกวน
(Harmonics Filters) ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของเครื่องป้องกันการรบกวนสัญญาณควบคุมและยัง
สง่ ผลดีในการประหยัดพลงั งานอกี ด้วย

70

2.1.3 การสูญเสียพลังงานของมอเตอร์
ประสทิ ธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้า ข้ึนอยู่กับการเลือกใช้วสั ดสุ ำหรับแกนและขดลวดการจดั เรยี ง

ทางกายภาพและการดูแลและความแมน่ ยำท่ีใชจ้ ดั การการสญู เสียสามารถแบง่ ออกเป็นสองกล่มุ ผู้ท่ี
ไม่ขน้ึ อยกู่ บั โหลด (การสญู เสียคงที)่ และผู้ท่ีเพ่มิ ข้นึ กับโหลด ปจั จยั ท่มี ีผลต่อประสิทธิภาพ 5 ปจั จยั
คอื
1 เนื้อหาตวั นำ – ขึ้นอยู่กบั โหลด
2 เหล็กแมเ่ หลก็ – ส่วนใหญ่คงท่ี
3 การออกแบบเชิงความร้อน – ส่วนใหญ่ข้ึนอย่กู ับภาระ
4 การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ – คงที่
5 การผลิตและการควบคุมคุณภาพ - คงท่ี

2.1.3.1 เน้ือหาตวั นำ
การสูญเสียตัวต้านทานในขดลวดจะเพิ่มขึ้นตามกำลังสองของกระแสไฟฟ้า (ซึ่งเพิ่มขึ้นตาม

โหลด) และโดยทั่วไปจะมีค่าประมาณ 35% ของการสูญเสียทั้งหมดการสูญเสียความต้านทานเหลา่ นี้
สามารถลดลงได้ โดยใส่ทองแดงเข้าไปในขดลวดมากขึ้น - ใช้ลวดเกจวัดความหนา - และปรับปรุง
เทคนิคการผลิตเพื่อย่นปลายขดลวดให้สั้นลง (ซึ่งไม่ได้มีส่วนช่วยให้เกิดกำลังขาออก แต่มีส่วนทำให้
เกิดการสูญเสีย)เนื่องจากทองแดงมากขึ้นต้องใช้พื้นที่มากขึ้นทั้งสำหรับขดลวดปลายและในช่อง
สเตเตอร์ปริมาณของวัสดุในวงจรแม่เหล็กจะลดลงนำไปสู่ความอิ่มตัวก่อนหน้านี้และเพิ่มการสูญเสีย
เหล็ก ดังนั้นจึงจำเป็นต้อง เพิ่มความยาวของแกนแม่เหล็กและบางครั้ง เส้นผ่าศูนย์กลางเช่นกันโดย
ปกตคิ วามยาวทเ่ี พ่ิมขึ้นจะได้รับการรองรับการเพ่ิมส่ิงท่ีแขวนอยทู่ ี่สว่ นท้ายสุดของยูนิต เนื่องจากการ
สูญเสียทองแดงขึ้นอยู่กับโหลดประโยชน์ของการเพิ่มเนื้อหาทองแดงจะชัดเจนที่สุดเมื่อโหลดสูง
เน่อื งจากสัมประสิทธคิ์ วามต้านทานของทองแดงเปน็ บวกการสูญเสียเพิ่มขน้ึ เม่ืออุณหภูมสิ ูงขึน้

71

รปู ท่ี 2.1 การสูญเสยี นำ้ หนักสำหรบั มอเตอรม์ าตรฐานทว่ั ไป
2.1.3.2 เหล็กแม่เหล็ก
เหล็กแม่เหลก็ เป็นส่วนประกอบที่มีราคาแพงท่สี ุดของมอเตอร์ดงั น้นั การเพิ่มข้ึนของจำนวนท่ี
ใช้จะไม่เป็นที่ต้องการในด้านต้นทุน การสูญเสียเหล็กมีสองประเภท - การสูญเสีย hysteresis และ
การสูญเสียกระแสวน.การสูญเสีย Hysteresis เกิดจากความไม่เป็นเชิงเส้นของความหนาแน่นของฟ
ลกั ซ์ / แรงแม่เหลก็ ดงึ ดูดและเป็นคุณสมบตั ิของเหล็กน้นั เองและเพ่ือลดความจำเป็นต้องใช้คุณสมบัติ
สองประการคือการสูญเสยี พลังงานต่ำและการซึมผา่ นของสนามแม่เหล็กที่ดีเชน่ เหล็กต้องงา่ ยต่อการ
ดึงดูดและ ต้องไม่อิ่มตัวท่ีความหนาแน่นฟลักซ์สูงถึง 1.8 เทสลา.น่ีคอื หัวข้อการวิจัยที่กำลังดำเนินอยู่
การสูญเสยี น้ำวนนั้นเกิดจากการเหนี่ยวนำกระแสในสเตเตอร์ลามิเนตและลดลงโดยการลดความหนา
ของการเคลือบและเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นฉนวนที่ดีระหว่างการเคลือบแผ่นเคลือบบางกว่าปกติมากข้ึน
ราคาแพงในการผลิตและยากต่อการจัดการดังนั้นความหนาที่เลือกจึงไม่เปลี่ยนแปลง การสูญเสีย
สนามแม่เหล็กมีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่ออุปทานถกู บิดเบือนโดยฮาร์มอนกิ ส์เนื่องจากการสูญเสียของ
กระแสวนเพิ่มขึ้นด้วยกำลังสองของความถี่ ประโยชน์ของการใช้เหล็กแม่เหล็กที่ดีขึ้นคือ ลดการ
สูญเสียตลอดชว่ งการทำงานแตเ่ น่ืองจากไม่ได้ขึ้นอยู่กับโหลดจึงมีความชดั เจนโดยเฉพาะเมื่อการโหลด
ตำ่

72

รปู ที่ 2.2 เส้นโค้งการดึงดูดและ hysteresis
2.1.3.3 การออกแบบการระบายความรอ้ น
เทคนคิ การสร้างแบบจำลองใหมไ่ ด้รบั อนญุ าตให้ผลิต มอเตอร์ทม่ี ีการระบายความร้อนที่ดที ่ีสุดลด
ระยะหา่ ง (เพิ่มประสิทธภิ าพของวงจรแม่เหลก็ ) และลดการสูญเสยี ทองแดง การสญู เสียลดลงและผล
การออกแบบการระบายความรอ้ นทด่ี ีมา อุณหภมู ิในการทำงานลดลง และอายกุ ารใชง้ านทย่ี าวนาน
ข้นึ
2.1.3.4 อากาศพลศาสตร์
มอเตอร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะระบายความร้อนด้วยการดึงอากาศผ่านขดลวดโดยพัดลมที่มี ส่วนประกอบ
สำคัญ การไหลเวียนของอากาศมีความซับซ้อนและมีการใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพการออกแบบของพัดลม และ cowling เพื่อสร้างการระบายความร้อนท่ีมีประสิทธิภาพ
มากข้ึนดว้ ยระดับเสียงท่ตี ำ่ ลง

73

2.1.3.5 การผลติ และการควบคุมคณุ ภาพ
การแนะนำของ เน้นในเหล็กแม่เหล็กในระหว่างการประกอบมอเตอร์ สามารถเพิ่มการสูญเสียธาตุ
เหล็ก สูงถึง 50%. โดยพิจารณาจากเทคนิคการประกอบที่ขั้นตอนการออกแบบและการใส่ใจกับ
เทคนคิ การจัดการการเพมิ่ ข้ึนของการสญู เสียธาตเุ หล็กในระหว่างการผลติ จึงลดลงเหลือเพียงเล็กน้อย
ความเยอื้ งศูนย์กลาระหว่างสเตเตอร์และโรเตอร์จะสร้างฟลักซ์ฮาร์มอนิกที่มกี ารสูญเสียสูงขึ้นผลลัพธ์
โดยรวมของการปรับปรุงเหล่านี้คือ การเพิ่มประสิทธิภาพ 3% (สอดคล้องกับการลดการสูญเสีย
ประมาณ30%) ทโ่ี หลดเตม็ และครงึ่ หน่ึงของการสูญเสยี ทโ่ี หลดตำ่

74

บทท่ี 3

วธิ กี ารดำเนินการศกึ ษา

ในบทนี้จะกล่าวถึงวิธีการและขั้นตอนการดำเนินการวิจัยโดยศึกษาถึงปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อ
ความสำเร็จของการวิจัยโดยมีการศึกษาถึงข้อมูลและปัญหาต่างๆของกรณีศึกษาก่อนที่จะมีการวาง
แผนการบำรุงรกั ษาแลว้ นำข้อมูลท่ีได้มาวเิ คราะห์เพื่อจดั ทาการบำรงุ รักษาเชิงป้องกันให้กบั เคร่ืองจักร
ตวั อยา่ งทจ่ี ะใช้เป็นกรณีศึกษาคอื เคร่ืองจกั รท่ีเลอื กคือ มอเตอร์&ปั้มนำ้ มนั

3.1 ข้อมูลทัว่ ไปและกระบวนการของบริษัท
กรณศี ึกษานเ้ี ป็นบริษัททำเกี่ยวกับจำหน่ายปิโตรเลยี มเช่น นำ้ มนั ,ก๊าซ LPG ในจังหวัด กทม.

ประวัตทิ ่ีต้ังโรงงานพอสังเขป
รายละเอยี ด

คลังปโิ ตรเลียม ทำกจิ กรรม รับเกบ็ จ่าย นำ้ มนั และLPG กลมุ่ ลกู ค้า อตุ สาหกรรม,เอกชน
,ราชการ และลกู คา้ ทว่ั ไป

สถานทต่ี ้งั
ถนนลำลกู กา ต.ลาดสวาย อ.ลำลกู กา จ.ปทุมธานี 12150

ภาพโดยรวม

1.2 แผนผังสถานทตี่ ัง้

ภาพที่ 3.1 ข้อมูลของเคร่ืองจักร

75

เครื่องจกั รทีน่ ำมาใชเ้ ป็นกรณศี กึ ษาเรื่องการวางแผนการบำรุงรักษาน้ีคือ Oil Pump

ภาพท่ี 3.2

Flow Diagram

ภาพท่ี 3.3 ขบวนการการจ่ายน้ามนั ทางรถ
3.2 การศึกษาข้อมูลการใช้พลังงานในระบบมอเตอรแ์ ละปั้มนำ้ มัน

ในการศึกษานี้จะรวบรวมข้อมูลการรับและจ่ายน้ำมันของโรงงานกรณีศึกษาสาหรับในชว่ งก่อน
การจัดทามาตรการประหยัดพลังงานคือชว่ งเวลาระหวา่ ง เดือนมกราคม ถงึ มถิ นุ ายนยน ปีพ.ศ.2561

76

จำนวน 6 เดือนและช่วงภายหลังการจัดทำและดำเนินการตามมาตรการประหยัดพลังงานเพื่อเป็น
ขอ้ มลู ในการเปรียบเทยี บกัน
ตารางท่ี 3.1 อตั ราการสนิ้ เปลืองพลงั งานไฟฟ้ารบั และจ่ายน้ำมนั ก่อนทำมาตรการ

เดอื น การรับน้ำมัน อัตราการจ่ายน้ำมัน พลงั งานไฟฟา้ ทใ่ี ช้
(ลบ.ม.ม.3/เดือน) (ลบ.ม.ม.3/เดอื น) (บาท/เดือน)
554,130.00
มกราคม 136,312.8 90,875.20 469,530.00
587,970.00
กมุ ภาพันธ์ 97,522.8 65,015.20 617,580.00
727,560.00
มีนาคม 131,428.2 87,618.60 583,740.00
3,540,510.00
เมษายน 138,227.4 92,151.60

พฤษภาคม 148,846.2 99,230.80

มถิ ุนายน 148,990.2 99,326.80

รวม 801,327.60 534,218.40

หมายเหตุ ขอ้ มูลระหว่างเดือน มกราคม ถึง มถิ ุนายน ปี พ.ศ. 2561

3.3 วิเคราะหส์ าเหตุของปญั หาในระบบมอเตอร์และปั้มน้ำมันของโรงงานกรณศี ึกษา
ในการวเิ คราะห์สาเหตปุ ัญหาในการดาเนินการใชร้ ะบบมอเตอรแ์ ละปมั้ นำ้ มันของโรงงาน

กรณีศึกษาจะช่วยใหส้ ามารถกาหนดแนวทางเพ่ือนาไปสู่การจัดทำมาตรการประหยดั พลังงานในระบบ
มอเตอรแ์ ละป้ัมน้ำมนั เปน็ การแก้ปญั หาการลดการสญู เสียพลงั งานไฟฟ้าโดยเปล่าประโยชน์โดยท่ี
โรงงานกรณศี ึกษามีการสญู เสียพลงั งานไฟฟา้ เนอ่ื งจากชิน้ สว่ นต่างๆ

- ระบบวาลว์ ท่ที ่อดูดและท่อสง่ เปิด-ปดิ ได้ไม่ดเี ท่าที่ควร
- ทอ่ สำหรับทอ่ ดูดและทอ่ สง่ มีขนาดที่ไม่สมดุลกบั ปั้ม
- เนอ่ื งจากชิน้ ส่วนต่างๆของมอเตอรแ์ ละป้มั
- มอเตอรแ์ ละปัม้ มีอายุการใหง้ านที่ค่อนข้างนาน

3.4 การศกึ ษาแนวทาทางและขั้นตอนในการอนุรักษ์พลังงานในระบบมอเตอร์และปั้มน้ำมัน
จาการศกึ ษาหาแนวทาทางและข้ันตอนในการดำเนนิ การอนุรกั ษ์พลงั งานในระบบมอเตอร์และ

ปัม้ น้ำมนั ของโรงงานกรณีศึกษาสามารถจัดทำมาตรการประหยดั พลงั งานได้ 3 มาตรการมาตรการ
ประหยดั พลังงานที่ไดจ้ ัดทำในงานศึกษาครง้ั นี้มี 3 มาตรการดงั นี้
3.4.1. การเปล่ยี นหรือซอ่ มบำรงุ วาล์วทท่ี อ่ ดดู และท่อสง่ ท่มี ีปญั หา
กิจกรรมดา้ นการบรหิ ารพลงั งานมดี ังต่อไปน้ี

77

- การตรวจสอบการใชง้ านวาลว์ ท่ที อ่ ดูดและท่อส่ง
- การออกแบบและการควบคุมดูแลรายงานทางด้านพลังงานเพ่ือแนวโน้มการใช้พลังงาน
- การออกแบบผลติ ภัณฑแ์ ละกระบวนการผลิตเพื่อให้สามารถใช้พลังงานอย่างมีประสทิ ธผิ ล
มากขึ้นโดยจัดหาผูร้ บั จ้างเขา้ มาดำเนนิ การติดตัง้ อุปกรณ์
3.4.2. การเปล่ียนมอเตอร์จากแบบมอเตอรม์ าตรฐานกับมอเตอร์ประสทิ ธภิ าพสงู
กจิ กรรมดา้ นการบรหิ ารพลงั งานมดี งั ต่อไปนี้
- การออกแบบและการควบคุมดูแลรายงานทางดา้ นพลังงานเพอ่ื แนวโน้มการใช้พลงั งาน
- การออกแบบผลติ ภัณฑแ์ ละกระบวนการผลิตเพื่อให้สามารถใช้พลงั งานอย่างมีประสทิ ธผิ ล
มากขึ้นโดยจดั หาผรู้ ับจา้ งเขา้ มาดาเนินการติดตัง้ อุปกรณ์
3.4.3. การเปลี่ยนชดุ สตาร์ทมอเตอรจ์ ากแบบ DOL ไปเป็น VSD
กิจกรรมด้านการบรหิ ารพลงั งานมดี ังต่อไปน้ี
- การออกแบบและการควบคมุ ดแู ลรายงานทางดา้ นพลงั งานเพือ่ แนวโนม้ การใช้พลงั งาน
- การออกแบบผลติ ภัณฑแ์ ละกระบวนการผลิตเพ่ือใหส้ ามารถใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิผล
มากขน้ึ โดยจัดหาผูร้ บั จา้ งเขา้ มาดาเนนิ การติดตง้ั อุปกรณ์
3.5 การประเมนิ ผลและสรปุ ผลการอนุรกั ษ์พลังงานดว้ ยการการเปล่ียนชดุ สตาร์ทมอเตอรจ์ าก
แบบ DOL ไปเปน็ VSD
จากการนำมาตรการการอนรุ ักษพ์ ลังงานการปรบั ปรุงฉนวนท่อสง่ ไอน้ำโดยการปรบั ปรุงฉนวนกนั
ความร้อนทชี่ ารดุ และเสอ่ื มสภาพ ทำใหล้ ดการสูญเสียความรอ้ นตามท่อส่งไอน้ำทำใหล้ ดการสญู เสยี
พลังงาน และลดการใช้เชื้อเพลงิ ถ่านหินส่งผลให้ลดต้นทนุ เชือ้ เพลิงถา่ นหนิ ได้ตามที่ต้ังเป้าหมายไว้โดย
จะได้ขอ้ มลู สรปุ ผลระหว่างระหวา่ ง เดอื นมกราคม ถึง มิถุนายนยน ปพี .ศ.2561 ตามแนวทางทีแ่ สดง
ในตารางท่ี 3.2

78

ตารางท่ี 3.2 อตั ราการส้ินเปลืองพลังงานไฟฟ้ารับและจ่ายน้ำมัน หลังทำมาตรการ

เดอื น การรบั นำ้ มนั อตั ราการจ่ายน้ำมัน พลังงานไฟฟา้ ทใี่ ช้

(ลบ.ม.ม.3/เดอื น) (ลบ.ม.ม.3/เดือน) (บาท/เดือน)

สิงหาคม 136,312.8 90,875.20 443,304.00

กนั ยายน 97,522.80 65,015.20 375,624.00

ตุลาคม 131,428.20 87,618.60 470,376.00

พฤจกิ ายน 138,227.40 92,151.60 494,064.00

รวม 801,327.60 534,218.40 1,783,368.00

หมายเหตุ ข้อมูลระหวา่ งเดือน สงิ หาคม ถงึ พฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2561

ผู้ศึกษาจะได้ทาการเก็บข้อมลู กาลงั การผลิตและการใช้ไฟฟ้าหลังการทำมาตรการประหยัดพลงั งาน
ตง้ั แต่ เดอื นสิงหาคม ถึง เดือนพฤศจิกายน เปน็ จานวนเวลา 4 เดอื น เพื่อเปรยี บเทียบผลในการทา
มาตรการแล้วน้ันไดผ้ ลผลิตเปน็ จานวนไมต่ ่างจากเดมิ แต่พลังงานท่ใี ชไ้ ปน้อยลงกว่าเดมิ เห็นได้ว่ามี
อตั ราผลติ ภาพหลงั จัดทำมาตรการอนรุ ักษพ์ ลงั งานสงู เพมิ่ ข้ึนซ่งึ ถอื ว่าไดอ้ ัตราผลติ ภาพเพิ่มสงู ข้ึนจาก
การเปรยี บเทียบผลก่อนทำมาตรการและหลังทำมาตรการประหยดั พลงั งานของโรงงานกรณศี กึ ษา

79

บทที่ 4
ผลการศึกษา

จากการดำเนนิ การศกึ ษาถึงอตั ราการส้ินเปลอื งพลังงานไฟฟ้าท่ใี ช้กับระบบมอเตอร์และป้ัม
น้ำมันที่มีการสูญเสยี เพื่อนำไปจดั ทำมาตรการอนรุ ักษ์พลงั งานในระบบมอเตอร์และปั้มน้ำมนั ใน
โรงงาน โดยการเกบ็ รวบรวมข้อมลู งานตามข้ันตอนการศึกษาในบทท่ี 3 ซง่ึ ได้แสดงรายละเอยี ดวิธีการ
ดำเนนิ การและแนวทางการแกไ้ ขจากการดำเนินการศกึ ษาคร้งั น้ผี ลการศึกษาที่ได้มีดงั ต่อไปน้ี
4.1 ผลการศึกษาขอ้ มลู การใชพ้ ลังงานในระบบมอเตอร์และปม้ั นำ้ มนั

ผู้ศึกษาได้ทำการเก็บข้อมลู อัตราการสน้ิ เปลอื งพลงั งานไฟฟ้า ต้งั แต่ เดือนมกราคมถงึ เดอื น
มิถนุ ายน เปน็ จานวนเวลา 6 เดือนก่อนจัดทำมาตรการอนุรักษ์พลังงานในระบบมอเตอรแ์ ละป้ัมนำ้ มัน
ของโรงงานกรณีศกึ ษาตารางที่ 1 อัตราการสิ้นเปลอื งพลงั งานไฟฟ้า ก่อนทำมาตรการ
การดำเนินการไดร้ ับนำ้ มนั เป็นจำนวน 133,554.60 ลบ.ม.ม.3/เดอื น และได้จ่ายน้ำมันเป็นจำนวน
89,063.40 ลบ.ม.ม.3/เดอื น และพลงั งานไฟฟ้าท่ใี ช้ไปเปน็ จำนวน 590,085 บาท/เดือน

ตารางที่ 4.1 อตั ราการสน้ิ เปลืองพลงั งานไฟฟ้ารับและจา่ ยน้ำมนั กอ่ นทำมาตรการ

เดือน การรบั น้ำมนั อตั ราการจา่ ยน้ำมัน พลงั งานไฟฟา้ ที่ใช้
(ลบ.ม.ม.3/เดือน) (ลบ.ม.ม.3/เดือน) (บาท/เดือน)
554,130.00
มกราคม 136,312.8 90,875.20 469,530.00
587,970.00
กุมภาพนั ธ์ 97,522.8 65,015.20 617,580.00
727,560.00
มนี าคม 131,428.2 87,618.60 583,740.00
3,540,510.00
เมษายน 138,227.4 92,151.60

พฤษภาคม 148,846.2 99,230.80

มถิ นุ ายน 148,990.2 99,326.80

รวม 801,327.60 534,218.40

หมายเหตุ ขอ้ มูลระหวา่ งเดือน มกราคม ถงึ มถิ นุ ายน ปี พ.ศ. 2561

80

4.2 การประเมนิ ผลและสรปุ ผลด้วยการอนรุ ักษ์พลังงานในระบบจ่ายนำ้ มัน
ตารางที่ 4.2 อัตราการส้ินเปลืองพลงั งานไฟฟ้ารบั และจ่ายน้ำมัน หลงั ทำมาตรการ

เดือน การรับน้ำมนั อตั ราการจ่ายน้ำมัน พลงั งานไฟฟ้าทใี่ ช้

(ลบ.ม.ม.3/เดือน) (ลบ.ม.ม.3/เดอื น) (บาท/เดือน)

สงิ หาคม 136,312.8 90,875.20 443,304.00

กนั ยายน 97,522.80 65,015.20 375,624.00

ตุลาคม 131,428.20 87,618.60 470,376.00

พฤจิกายน 138,227.40 92,151.60 494,064.00

รวม 801,327.60 534,218.40 1,783,368.00

หมายเหตุ ข้อมูลระหวา่ งเดือน สิงหาคม ถงึ พฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2561

จากการจดั ทามาตรการอนุรักษ์พลงั งานในระบบมอเตอรแ์ ละปม้ั นำ้ มันของโรงงานกรณีศึกษา
มาตรการท่ีไดจ้ ัดทำมี 3 มาตรการคือ
1 การเปล่ียนหรอื ซ่อมบำรุงวาล์วทที่ อ่ ดูดและท่อส่งทม่ี ีปญั หา
2 การเปลย่ี นมอเตอรจ์ ากแบบมอเตอรม์ าตรฐานกบั มอเตอร์ประสทิ ธภิ าพสงู
3 การเปลย่ี นชดุ สตารท์ มอเตอร์จากแบบ DOL ไปเป็น VSD
4.1 ผลการศึกษาข้อมลู การใชพ้ ลงั งานในระบบมอเตอร์และปมั้ นำ้ มนั

ผ้ศู ึกษาไดท้ ำการเก็บข้อมลู อัตราการสน้ิ เปลอื งพลงั งานไฟฟ้า ต้ังแต่ เดือนสิงหาคมถงึ เดือน
พฤศจิกายน เปน็ จำนวนเวลา 4 เดอื นก่อนจัดทำมาตรการอนรุ กั ษ์พลังงานในระบบมอเตอร์และป้ัม
นำ้ มันของโรงงานกรณศี กึ ษาตารางที่ 4.2 อัตราการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟา้ หลังทำมาตรการ
การดำเนินการไดร้ บั นำ้ มนั เป็นจำนวน 91,794.6 ลบ.ม.ม.3/เดือน และได้จา่ ยนำ้ มนั เป็นจำนวน
83,915.15 ลบ.ม.ม.3/เดือน และพลงั งานไฟฟ้าทใี่ ช้ไปเป็นจำนวน 445,842 ลบ.ม.ม.3/เดือน จาก
การเปรียบเทียบผลก่อนทำมาตรการและหลงั ทามาตรการประหยดั พลังงาน

81

บทที่ 5
สรปุ ผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ

จากการดำเนนิ การศึกษาถึงการใชพ้ ลังงานไฟฟ้าทีใ่ ช้กบั ระบบมอเตอร์และป้ัมน้ำมันที่มกี าร
สูญเสียเพ่อื นำไปจดั ทามาตรการอนรุ ักษ์พลังงานในระบบมอเตอร์และป้ัมน้ำมนั ในโรงงานทาใหล้ ด
ตน้ ทนุ การใช้พลงั งานไฟฟ้าของโรงงานแหง่ หนึ่งทมี่ ีการรบั ส่งจา่ ยนำ้ มันให้มีประสทิ ธิภาพมากขน้ึ และ
บรรลผุ ลสาเรจ็ ตามเป้าหมายทวี่ างไว้
5.1 สรุปผล

งานศึกษาน้มี วี ัตถปุ ระสงคเ์ พื่อศึกษาการอนรุ ักษ์พลังงานในระบบมอเตอรแ์ ละป้ัมนำ้ มนั เพ่ือให้
เกิดการเพิม่ อัตราผลิตภาพด้วยแนวทางการดูแลดา้ นพลงั งานไฟฟา้ และลดต้นทนุ การไฟฟ้าให้กบั
โรงงานกรณศี ึกษาโดยการนามาตรการประหยัดพลงั งานมาปรบั ปรงุ ส่งจ่ายน้ำมนั และเพิ่ม
ประสทิ ธิภาพระบบมอเตอรแ์ ละปัม้ น้ำมันสง่ ผลใหล้ ดค่าใช้จ่ายในกระบวนการสง่ จ่ายน้ำมันของ
โรงงานกรณศี ึกษาทั้งน้ีมาตรการประหยัดพลังงานทนี่ ามาใช้น้นั มี 3 มาตรการ ดงั น้ี
1 การเปลี่ยนหรือซ่อมบำรุงวาลว์ ท่ที อ่ ดดู และท่อสง่ ที่มีปญั หา
2 การเปลย่ี นมอเตอร์จากแบบมอเตอร์มาตรฐานกับมอเตอร์ประสทิ ธิภาพสงู
3 การเปลีย่ นชดุ สตารท์ มอเตอร์จากแบบ DOL ไปเป็น VSD

ผลการศกึ ษาจากการเก็บขอ้ มูลกำลงั การผลิตหลงั การจดั ทำมาตรการประหยัดพลังงานตั้งแต่
เดอื นสงิ หาคม ถงึ เดือนพฤศจิกายน เปน็ จำนวนเวลา 4 เดอื น เพ่ือเปรียบเทียบผลในการทำมาตรการ
ได้รบั น้ำมันเป็นจำนวน 91,794.6 ลบ.ม.ม.3/เดือน และได้จ่ายน้ำมันเป็นจำนวน83,915.15 ลบ.ม.ม.
3/เดอื น และพลังงานไฟฟ้าทใี่ ชไ้ ปเป็นจำนวน 445,842 ลบ.ม.ม.3/เดือน จงึ มอี ัตราผลติ ภาพหลัง
จัดทำมาตรการอนรุ ักษ์พลังงานอยู่ท่ี 24% จากการเปรยี บเทียบผลกอ่ นทำมาตรการและหลังทำ
มาตรการประหยัดพลังงาน

5.1.1 ปญั หาในการทำงานวิจัย
1. การกระจายระบบการบำรงุ รักษาเชิงป้องกันยังขาดความร่วมมอื ทเี่ ปน็ รูปธรรมระหว่างฝ่ายผลิต

และฝา่ ย วศิ วกรรมทำให้ การดำเนนิ งานยงั ไมไ่ ด้ รบั การตอบสนองเทา่ ทีค่ วร
2. พนกั งานขาดการเอาใจใสแ่ ละละเลยตอ่ การบันทึกขอ้ มลู ในการตรวจเชค็ เครอ่ื งจกั รประจำวันทำ

ใหข้ ้อมลู บางส่วนไม่ครบและไม่ถูกต้องทำให้การนำข้อมูลไปทำการวเิ คราะหม์ ีความผิดพลาด
3. ช่างซอ่ มบำรงุ มคี วามรู้พืน้ ฐานไมเ่ พียงพอต่อการปฏบิ ัติงานเป็นเหตใุ หเ้ ครือ่ งจักรเกิดการขัดข้อง

อนั เนื่องมาจากวิธิการทำงานแทนท่จี ะเกดิ จากการขาดการบำรงุ รกั ษาเชิงป้องกนั ได้

82

4. การบนั ทกึ ขอมูลลงในใบตรวจเชค็ เครือ่ งจักบางครง้ั เกิดขอ้ ผิดพลาดเนอ่ื งจากไมเ่ ขา้ ใจใน
รายละเอียดของใบ ตรวจสอบ

5. การไหลเวยี นของเอกสารการซ่อมบำรงุ ขาดความชัดเจนทำใหข้ ้อมลู บางสว่ นสูญหาย
5.1.2 แนวทางแกไ้ ขปรบั ปรุง

1. กำหนดแผนความร่วมมือทกุ คนมนองคใ์ นกรและฝ่ายวศิ วกรรมในการปฏบิ ัติงานให้ชัดเจน
และจัดทำแผนการ บำรุงรกั ษาใหส้ อดคล้องกบั การกระบวนผลิตจริง

2. จดั อบรมพนกั งานทีเ่ ก่ียวข้องเพอื่ อธิบายถึงความสำคัญของการดำเนินการตามแผนงานต่างๆ
เพอื่ ความเข้าใจ ท่ีตรงกันและให้เหน็ ถึงความสำคัญของงานท่ที ำอยู่

3. จัดฝกึ อบรมความรพู้ ืน้ ฐานและเทคนิคต่างๆท่ีจำเปน็ ต่อการปฏิบัตงิ านใหก้ ับช่างซ่อมบำรุง
4. จดั อบรมเพ่ืออธบิ ายถงึ ความสัมพนั ธ์ของใบตรวจเชค็ ต่างๆและเพ่ือเป็นการขอความรว่ มมือ

จากพนักงาน และอธบิ ายถึงผลกระทบตา่ งๆ ทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ด้วย
5. กำหนดข้นั ตอนและผู้รับผดิ ชอบให้ชดั เจนในการรบั และจดั เก็บเอกสารการบำรุงรกั ษาตา่ งๆ
5.2 ข้อเสนอแนะ
1. การบำรุงรักษาเชิงปอ้ งกันควรมกี ารตดิ ตามข้อมูลการเกิดเหตขุ ัดขอ้ งของเครือ่ งจักรหลังจาก

ทไ่ี ดน้ ำการบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกันไปใช้อยา่ งต่อเนื่องจากนน้ั ควรนำข้อมลู มาปรบั ปรุงระบบให้
สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพการดำเนินงานที่มีการ
เปลยี่ นแปลงตลอดเวลา
2. ผู้บริหารในระดับสูงควรให้ความสำคัญของงานบำรุงรักษาเท่ากับงานจ่าย เพราะงาน
บำรงุ รกั ษาเปน็ งานท่สี นบั สนุนให้งานการจา่ ยทำได้ตามเป้าหมายท่วี างไว้
3. เพื่อให้ข้อมูลมีการจัดเก็บที่ Real Time ควรที่จะนำระบบ Computer Maintenance
Management System (CMMS) มาใช้ในการวางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เพื่อเป็น
การพฒั นาระบบให้ ดยี ง่ิ ขึน้
4. เนื่องจากพนักงานยังเคยชนิ กับการปฏบิ ัตงิ านลกั ษณะเดิมอย่ดู ังน้นั จงึ ควร มี การอบรมชี้แจง
ให้พนกังานเข้าใจถึงระบบที่มี การเปลี่ยนแปลงและเพิ่มความรู้ ความสามารถให้ เข้ากับ
สภาพการทำงานทเี่ ปลี่ยนแปลงได้
5. เพื่อให้การการวิจัยครั้งนี้ส่งผลในภาพรวม ควรมีการปรับปรุงการวางแผน บำรุงรักษาเชิง
ป้องกันเครื่องจักรนี้ไปใช้กับเครื่องที่มี ความคล้ายคลึงกันหรือมีความจำเป็นภายใน โรงงาน
เพื่อเพิ่มประสิทธิ ภาพในการทำงานให้กบั เครือ่ งจักร

83

บรรณานุกรม

เอกสารอ้างองิ
กรมพัฒนาพลงั งานทดแทนและอนุรกั ษ์พลงั งานกระทรวงพลังงาน “ตำราฝกึ อบรมผรู้ บั ผิดชอบด้าน

พลังงาน(ผชพ)ด้านไฟฟา้ ”
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรกั ษ์พลงั งาน กระทรวงพลังงาน คมู่ ือมาตรฐานการตรวจวดั และ

พิสจู น์ผลการประหยดั (2557) หน้า 3 – 6
Mikko Lönnberg “ Variable for speed drive for energy savings in hospitals ” World pump

(November 2007)
Gideon Edgar Du Plessis, Leon Liebenberg, Edward Henry Mathews “The use of

variable speed drives for cost-effective energy savings in South African mine
cooling systems” 2013 Elsevier Ltd. Applied Energy 111 (2013) 16–27
R. Saidur, S. Mekhilef, M.B. Ali , A. Safari , H.A. Mohammed “Applications of variable
speed drive (VSD) in electrical motors energy savings” 2011 Elsevier Ltd.
Renewable and Sustainable Energy Reviews 16 (2012) 543– 550
กรมพัฒนาพลงั งานทดแทนและอนุรักษพ์ ลังงาน “กรณศี ึกษาทป่ี ระสบผลสำเรจ็ ด้านการอนรุ ักษ์
พลังงาน” ครัง้ ที่ 1 (2551)
สภาวศิ วกร มาตรฐานการปฎบิ ัติวชิ าชพี “ประสทิ ธิผลทางพลงั งานและการตดิ ตงั ้ ของระบบ
ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้ า” พิมพ์ครัง้ ที่ 1 พฤศจิกายน 2552
Hu Shi , Huayong Yang , Guofang Gong , Huaiyin Liu , Dianqing Hou “Energy saving of
cutterhead hydraulic drive system of shield tunneling machine” 2013 Elsevier
B.V. All rights reserved. Automation in Construction 37 (2014) 11–21

84

ตอนที่ 3 ตัวอยา งรายงานการจดั การพลงั งาน

รายงาน
การจัดการพลังงาน

ประจําป 2562

ช่ือนติ บิ ุคคล : โรงแรมวิว
ชื่ออาคารควบคุม :

TSIC - ID :

สงรายงานภายในป พ.ศ.2563

ใบคารับรองการจัดทารายงานการจัดการพลังงาน

ของอาคารควบคมุ โรงแรมววิ

1. ประธานคณะทางานด้านการจดั การพลงั งาน

ขา้ พเจา้ ในฐานะประธานคณะทางานดา้ นการจดั การพลงั งานของอาคารควบคมุ ขอรับรองว่าไดด้ าเนิน
การจดั การพลงั งานให้เป็นไปตามท่ีกฎกระทรวงกาหนดทกุ ประการ

ลงชื่อ.................................................................
(.........................................................)
11 มีนาคม 2563

2. ผู้รับผดิ ชอบด้านพลงั งาน

ขา้ พเจา้ ในฐานะผรู้ ับผดิ ชอบดา้ นพลงั งานของอาคารควบคมุ ขอรับรองว่าไดด้ าเนินการจดั การพลงั งาน
ให้เป็นไปตามที่กฎกระทรวงกาหนดทกุ ประการ

ลงชื่อ........................................................... ลงชื่อ.........................................................

(...............................................) (.....ว.ชิ..ติ.....................................)
ตาแหน่งผรู้ ับผิดชอบดา้ นพลงั งานสามญั ตาแหน่งผรู้ ับผดิ ชอบดา้ นพลงั งานอาวโุ ส

ทะเบียนเลขท.่ี ...................... ทะเบยี นเลขท.่ี .ผ..อ...ส......1..2..3..4...5........
วนั ท.ี่ ........./................../.............. วนั ท.่ี .........../................./..............

3. เจ้าของอาคารควบคมุ

ขา้ พเจา้ ในฐานะเจา้ ของอาคารควบคมุ /ผรู้ ับมอบอานาจ ขอรับรองวา่ ไดด้ าเนินการจดั การพลงั งานให้
เป็นไปตามท่ีกฎกระทรวงกาหนดทกุ ประการ

ลงช่ือ.................................................................
(.................................................................)

วนั ที่............../...................../.................

สารบญั

ขอมูลเบ้ืองตน หน้า

ขอ มูลดา นการจดั การพลังงาน 1

ขน้ั ตอนที่ 1 คณะทางานดา นการจัดการพลงั งาน 3
7
ข้ันตอนที่ 2 การประเมนิ สถานภาพการจดั การพลงั งานเบอื งตน 8
10
ขนั้ ตอนท่ี 3 นโยบายอนุรักษพ ลังงาน 27

ข้นั ตอนที่ 4 การประเมินศักยภาพการอนุรักษพ ลงั งาน 46

ขนั้ ตอนท่ี 5 การก าหนดเปา หมายและแผนอนรุ ักษพ ลงั งาน 78
83
และแผนการฝึ กอบรมและกิจกรรมเพื่อสงเสรมิ การอนุรักษพ ลังงาน

ขนั้ ตอนที่ 6 การด าเนนิ การตามแผนอนุรกั ษพ ลงั งาน การตรวจสอบและ

วเิ คราะหการปฏิบัติตามเปา หมายและแผนอนรุ กั ษพลงั งาน

และแผนการฝึ กอบรมและกิจกรรมเพื่อสงเสรมิ การอนุรกั ษพลงั งาน

ขัน้ ตอนท่ี 7 การตรวจตดิ ตามและประเมินการจดั การพลงั งาน

ขั้นตอนที่ 8 การทบทวน วเิ คราะหแ ละแกไขขอบกพรอ่ งของการจัดการพลงั งาน

ภาคผนวก
ภาคผนวก ก. แผนการด าเนนิ การมาตรการอนุรกั ษพลังงานในระยะเวลา 3 ปี
ขา งหนา ภาคผนวก ข. เอกสารประกอบอืน่ ๆ

ข้อมูลเบื้องต้น

ข้อมูลทวั่ ไป บริษทั แมนเนจเมน้ ท์ จากดั
โรงแรมววิ
1. ชื่อนิติบคุ คล:
ช่ืออาคารควบคุม:
TSIC - ID:

2. ระบกุ ลมุ่ อาคารควบคุม ดงั น้ี

กลุ่มท่ี 1 (ขนาดเล็ก) : อาคารควบคุมที่ใชเ้ ครื่องวดั ไฟฟ้าหรือติดต้งั หมอ้ แปลงไฟฟ้ารวมกนั นอ้ ยกวา่ สามพนั กิโลวตั ตห์ รือสามพนั หา้ ร้อยสามสิบกิโลโวลตแ์ อมแปร์หรืออาคารควบคุมท่ี
ใชพ้ ลงั งานไฟฟ้า พลงั งานความร้อนจากไอน้า หรือ พลงั งานสิ้นเปลืองอื่นๆ โดยมีปริมาณพลงั งานเทียบเทา่ พลงั งานไฟฟ้าตา่ กวา่ หกสิบลา้ นเมกะจูล/ปี

กลุ่มที่ 2 (ขนาดใหญ่) : อาคารควบคุมที่ใชเ้ คร่ืองวดั ไฟฟ้าหรือติดต้งั หมอ้ แปลงไฟฟ้ารวมกนั ต้งั แต่สามพนั กิโลวตั ตห์ รือสามพนั หา้ ร้อยสามสิบกิโลโวลตแ์ อมแปร์ข้ึนไปหรืออาคาร
ควบคุมท่ีใชพ้ ลงั งานไฟฟ้า พลงั งานความร้อนจากไอน้า หรือพลงั งานสิ้นเปลืองอ่ืนๆ โดยมีปริมาณพลงั งานเทยี บเทา่ พลงั งานไฟฟ้าต้งั แตห่ กสิบลา้ นเมกะจูล/ปี ข้ึนไป

3. ทอ่ี ยอู่ าคาร

เลขท่ี 12 ถนน สุขุมวิท ซอย สุขุมวิท แขวง คลองตนั
กรุงเทพมหานคร รหสั ไปรษณีย์ 10110
เขต คลองเตย
โทรสาร 02-123-4567 E : mail [email protected]
โทรศพั ท์ 02-123-4567

4. ประเภทอาคาร

สานกั งาน โรงแรม โรงพยาบาล ศูนยก์ ารคา้

สถานศึกษา อ่ืนๆ (ระบ)ุ ....................................................
5. อาคารเร่ิมเปิ ดดาเนินการ เม่ือปี พ.ศ . .....2..5..5..9........
จานวนพนกั งาน 218 คน

จานวน 9 แผนก/ฝ่ าย

6. จานวนอาคารท้งั หมด : 1 อาคาร (รายละเอียดจานวนอาคาร แสดงในภาคผนวก ก.)

7. สาหรบั อาคารประเภทโรงแรม 285 หอ้ ง (รายละเอียดจานวนห้องพกั ทีจ่ าหน่ายได้ แสดงในภาคผนวก ก.)
จานวนหอ้ งพกั ท้งั หมด

8. สาหรบั อาคารประเภทโรงพยาบาล - เตียง (รายละเอียดจานวนเตียงคนไขใ้ น แสดงในภาคผนวก ก.)
จานวนเตียงคนไขใ้ นท้งั หมด

4

9. ผรู้ ับผิดชอบดา้ นพลงั งาน ชื่อ - นามสกลุ คุณสมบตั ิ*** ทะเบียนเลขท่ี
ลาดบั ท่ี นาย วชิ ิต ผูร้ ับผิดชอบดา้ นพลงั งานสามญั ผอส.12345
1. ผรู้ บั ผิดชอบดา้ นพลงั งานอาวโุ ส
ผรู้ ับผิดชอบดา้ นพลงั งานสามญั
2. ผรู้ ับผิดชอบดา้ นพลงั งานอาวโุ ส
ผูร้ ับผิดชอบดา้ นพลงั งานสามญั
3. ผูร้ บั ผิดชอบดา้ นพลงั งานอาวโุ ส

***คณุ สมบตั ผิ ู้รับผดิ ชอบด้านพลงั งาน

ผู้รับผิดชอบด้านพลงั งานสามัญ
(ก) เป็ นผไู้ ดร้ ับประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูงและมีประสบการณ์การทางานในอาคารอยา่ งนอ้ ยสามปี โดยมีผลงานดา้ นการอนุรักษ์
พลงั งานตามการรับรองของเจา้ ของโรงงานควบคมุ หรือเจา้ ของอาคารควบคุม
(ข) เป็ นผไู้ ดร้ ับปริญญาทางวศิ วกรรมศาสตร์ หรือทางวทิ ยาศาสตร์ โดยมีผลงานดา้ นการอนุรักษพ์ ลงั งานตามการรับรองของเจา้ ของอาคารควบคมุ

(ค) เป็ นผสู้ าเร็จการฝึ กอบรมดา้ นการอนุรักษพ์ ลงั งานหรือการฝึ กอบรมท่มี ีวตั ถุประสงคค์ ลา้ ยคลึงกนั ที่อธิบดีใหค้ วามเห็นชอบ
(ง) เป็ นผสู้ าเร็จการฝึ กอบรมหลกั สูตรผรู้ ับผิดชอบดา้ นพลงั งานอาวโุ ส ที่อธิบดีใหค้ วามเห็นชอบ
(จ) เป็ นผทู้ ี่สอบไดต้ ามเกณฑท์ ี่กาหนดจากการจดั สอบผรู้ ับผิดชอบดา้ นพลงั งาน ซ่ึงจดั โดยกรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและ

อนุรักษพ์ ลงั งาน
ผู้รับผดิ ชอบด้านพลงั งานอาวุโส

(ก) เป็ นผสู้ าเร็จการฝึ กอบรมหลกั สูตรผรู้ ับผิดชอบดา้ นพลงั งานอาวโุ ส ทอ่ี ธิบดีใหค้ วามเห็นชอบ
(ข) เป็ นผทู้ ่ีสอบไดต้ ามเกณฑท์ ่กี าหนดจากการจดั สอบผรู้ ับผดิ ชอบดา้ นพลงั งาน ซ่ึงจดั โดยกรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนุรักษพ์ ลงั งาน

5

ข้อมูลด้านการจดั การพลงั งาน
ข้นั ตอนท่ี 1 คณะทางานด้านการจัดการพลังงาน

1.1 โครงสร้างคณะทางานด้านการจดั การพลงั งาน

รูปท่ี 1-1 ผงั โครงสร้างคณะทางานดา้ นการจดั การพลงั งาน

3

1.2 การแตง ต้งั คณะทางานดา นการจัดการพลงั งาน และอานาจหนา ท่คี วามรับผิดชอบ

ประกาศ

แตง่ ตงั้ คณะทำงานดา้ นการจัดการพลงั งานภายในโรงแรมวิว

ตามทโี่ รงแรมสกายววิ ไดม้ นี โยบายด้านการประหยัดและอนุรักษ์พลงั งาน โดยให้พนกั งานทุกคนมีสว่ นร่วมแลว้ นนั้
เพอ่ื ใหก้ ารดำเนินงานดา้ นการจดั การพลังงานของโรงแรมสกายววิ เปน็ ไปอยา่ งตอ่ เนอ่ื งและมีประสทิ ธภิ าพและมีประสทิ ธิผล
อย่างเปน็ รูปธรรม จึงเหน็ สมควรใหจ้ ัดตั้งคระทำงานด้านการจดั การพลังงานขึ้นมา โดยประกอบด้วยตวั แทนของหนว่ ยงานต่างๆ
เพ่อื ร่วมประสานการทำงานด้านการอนรุ ักษ์พลงั งานใหบ้ รรลผุ ลสำเรจ็ ตามนบายและวัตถปุ ระสงค์ จงึ ขอประกาศแต่งตัง้
คณะทำงานดงั รายชอ่ื ต่อไปน้ี

1. คุณจกั รพงษ์ วงคไ์ ชย ประธานคณะทำงาน
2. คณุ กติ ติเมศร์ สนิ พรกลุ วฒั น์ คณะทำงานและเลขานุการ
3. คุณธรี ะพันธ์ ศรีมกุ ดา คณะทำงาน
4. คุณวุฌชิ ัย ลแี กว้ คณะทำงาน
5. คุณอรรถชัย น้อยคำมี คณะทำงาน
6. คุณธนพล ดัชถยุ าวตั ร คณะทำงาน
7. คุณกลา้ ณรงค์ ศรรี ะศาสตร์ คณะทำงาน
8. คุณสทิ ธิชัย ปัดนา คณะทำงาน
9. คุณพีรพล ดชั ถุยาวัตร คณะทำงาน
10. คุณณรงคเ์ ดช จลุ หอม คณะทำงาน

โดยคณะทำงานมีหนา้ ทแ่ี ละความรับผดิ ชอบดงั นี้

1. ดำเนนิ การจัดการพลงั งานให้สอดคลอ้ งกับนโยบายอนรุ กั ษพ์ ลังงานของบริษทั ฯ ทก่ี ำหนดขึ้น

2. ประสานงานกับหน่วยงานทกุ ฝา่ ยที่เก่ียวขอ้ ง เพอ่ื ขอความรว่ มมอื ในการปฏบิ ัตติ ามนโยบายอนรุ ักษ์พลงั งานและวธิ กี าร
จดั การพลังงาน

3. ดำเนินการประชาสมั พันธ์ จัดกิจกรรมการอนรุ กั ษพ์ ลังงานและรวมทงั้ จัดการอบรม ให้เหมาะสมกบั พนักงานในแต่ละ
หน่วยงาน เพ่ือใหก้ ารดำเนนิ การอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

4. ควบคุมดูแลให้วธิ กี ารจดั การพลงั งานของบริษัทฯ ดำเนนิ ไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพ โดยกำหนดใหม้ กี ารดำเนนิ การดังน้ี

- รวบรวมขอ้ มลู การใชพ้ ลังงานที่ผ่านมาจากหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง

- ตรวจสอบสถานภาพการใชพ้ ลังงานในปัจจบุ ันของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง

- ตรวจสอบผลการดำเนนิ งานและการจัดการพลงั งานของหน่วยงานตา่ งๆ จากรายงานผลการดำเนินงานที่หนว่ ยงาน
แตล่ ะหน่วยไดจ้ ดั ทำขนึ้

5. รายงานผลการดำเนินงานใหก้ ับเจา้ ของหรือผู้บริหารระดบั สูงของบรษิ ทั ฯ รับทราบ
6. ทบทวนนโยบายอนุรักษ์พลงั งานและการจัดการพลังงานอย่างสม่ำเสมอ พรอ้ มท้งั รวบรวมขอ้ เสนอแนะเกีย่ วกับ
นโยบาย และวธิ ีการจดั การพลงั งานใหเ้ จา้ ของหรือผู้บริหารระดบั สงู ของบรษิ ัทฯรับทราบ
7. สนับสนุนหรือดำเนินการอื่นๆ ทีไ่ ด้รบั จากผบู้ รหิ ารระดบั สูงเพอื่ ให้การดำเนนิ การ บรรลตุ ามนโยบายอนุรักษพ์ ลงั งานของ
องค์กรรวมถงึ ขอ้ กำหนดกฎหมายทเ่ี กย่ี วข้อง

ทัง้ หมดนม้ี ีผลบงั คับใช้ตั้งแตว่ นั ท่ี 20 ธนั วาคม พ.ศ 2563 เปน็ ต้นไป

1.3 วธิ กี ารเผยแพร่คณะทางานด้านการจัดการพลงั งาน

เพ่ือใหพ้ นกั งานทกุ คนรับทราบ คาสัง่ แต่งต้งั คณะทางานดา้ นการจดั การพลงั งาน โดยอาคารได้
ดาเนินการเผยแพร่และดาเนินการดงั ตอ่ ไปน้ี

ติดประกาศ โปสเตอร์

จานวนติดประกาศ …2.... แห่ง จานวนติดประกาศ ….. แห่ง

เอกสารเผยแพร่ เสียงตามสาย

แผน่ พบั /วารสาร .....ฉบบั สปั ดาหล์ ะ ….. คร้ัง ช่วงเวลา…...

จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ การประชุมพนกั งาน

จานวนผไู้ ดร้ ับ …11.... คน สปั ดาห์ละ ….. คร้ัง

ระดบั ของผไู้ ดร้ ับ…ระ…ดบั...ผ...บู ้..ร..หิ...า..ร........

อ่ืนๆ (ระบ)ุ ……………..

หลกั ฐานหรือเอกสารต่างๆ ที่แสดงถึงการเผยแพร่คณะทางานดา้ นการจดั การพลงั งาน

(ก) 1.ติดประกาศในลิฟทพ์ นกั งาน 2. ติดประกาศบนบอร์ดพลงั งาน

5

(ข) ........ป...ร.ะ..ก...า..ศ..ท...า..ง..จ...ด..ห...ม...า..ย..อ...เิ .ล..็.ก..ท...ร..อ..น...กิ..ส...์........
รูปที่ 1-3 ภาพการเผยแพร่คณะทางานดา้ นการจดั การพลงั งาน

หมายเหตุ : กรณีมีวธิ ีการเผยแพร่มากกวา่ 2 วธิ ีการ อาคารสามารถเพิ่มจานวนการแสดงเอกสาร หลกั ฐานรูปภาพต่างๆเพิ่มเติมให้ครบถว้ น

6

ข้นั ตอนท่ี 2 การประเมนิ สถานภาพการจดั การพลงั งานเบื้องต้น

ผลการประเมนิ สถานภาพการจดั การพลงั งานเบื้องต้น
ปี ทดี่ าเนินการประเมิน พ.ศ.2..5...6..1......

ตารางที่ 2.1 การประเมินการจดั การพลงั งานขององคก์ ร

ระดบั นโยบายการอนรุ ักษ์ การจดั องค์กร การกระต้นุ และสร้าง ระบบข้อมลู ข่าวสาร ประชาสัมพนั ธ์ การลงทนุ
คะแนน พลงั งาน แรงจูงใจ

มีนโยบายการจดั มีการจดั องคก์ รและเป็ น มีการประสานงาน กาหนดเป้าหมายทค่ี รอบคลมุ ประชาสมั พนั ธค์ ุณคา่ ของการ จดั สรรงบประมาณโดย

4 การพลงั งานจากฝ่ายบริหาร โครงสร้างส่วนหน่ึงของ ระหวา่ งผรู้ ับผดิ ชอบดา้ น ติดตามผล หาขอ้ ผดิ พลาด ประหยดั พลงั งาน และผลการ ละเอียด โดยพิจารณาถึง

และถือเป็นส่วนหน่ึงของ ฝ่ายบริหารกาหนดหนา้ ท่ี พลงั งาน และทีมงานทุก ประเมินผล และควบคมุ การใช้ ดาเนินงานของการจดั ความสาคญั ของโครงการ

นโยบายของบริษทั ความรับผดิ ชอบไวช้ ดั เจน ระดบั อยา่ ง สม่าเสมอ งบประมาณ การพลงั งาน

มีนโยบายและมีการ ผรู้ ับผดิ ชอบดา้ นพลงั งาน คณะกรรมการอนุรักษ์ แจง้ ผลการใชพ้ ลงั งานจาก ให้พนกั งานรับทราบโครงการ ใชร้ ะยะเวลา คุม้ ทุนเป็นหลกั

สนบั สนุนเป็นคร้ังคราวจาก รายงานโดยตรงตอ่ คณะ พลงั งานเป็นช่องทางหลกั มิเตอร์ยอ่ ยใหแ้ ตล่ ะฝ่ายทราบ อนุรักษพ์ ลงั งาน และใหม้ ีการ ในการพิจารณาการลงทนุ

3 ฝ่ายบริหาร กรรมการจดั การพลงั งาน ในการดาเนินงาน แตไ่ มม่ ีการแจง้ ถึงผลการ ประชา สมั พนั ธอ์ ยา่ งสมา่ เสมอ

ซ่ึงประกอบดว้ ยหวั หนา้ ฝ่าย ประหยดั

ตา่ งๆ

ไม่มีการกาหนดนโยบายท่ี มีผรู้ ับผดิ ชอบดา้ นพลงั งาน คณะกรรมการเฉพาะกิจ ทารายงานติดตามประเมิน ผล จดั ฝึกอบรมให้พนกั งาน ลงทนุ โดยดูมาตรการท่มี ี
ระยะเวลาคุม้ ทนุ เร็ว
2 ชดั เจน โดยผบู้ ริหารหรือ รายงานตอ่ คณะกรรมการ เป็ นผดู้ าเนินการ โดยดจู ากมิเตอร์ให้คณะ รับทราบเป็ นคร้ ังคราว
ผรู้ ับผดิ ชอบดา้ นพลงั งาน เฉพาะกิจ แตส่ ายงานบงั คบั กรรมการเฉพาะกิจเขา้ มา

บญั ชาไม่ชดั เจน เกี่ยวขอ้ งกบั การต้งั งบประ มาณ

ไมม่ ีแนวทางปฏิบตั ิทที่ าไว้ ผรู้ ับผดิ ชอบดา้ นพลงั งานมี มีการติดตอ่ อยา่ งไม่เป็น มีการสรุปรายงานดา้ น แจง้ ให้พนกั งานทราบอยา่ งไม่ พิจารณาเฉพาะมาตรการที่

เป็นลายลกั ษณ์อกั ษร ขอบเขตหนา้ ทีค่ วาม ทางการระหวา่ งวศิ วกรกบั คา่ ใชจ้ า่ ยการใชพ้ ลงั งานเพ่ือ เป็นทางการเพื่อส่งเสริมการใช้ ลงทุนต่า
1 รับผดิ ชอบจากดั ผใู้ ชพ้ ลงั งาน (พนกั งาน) ใชก้ นั ภายในฝ่ายวิศวกรรม พลงั งานอยา่ งมีประสิทธิภาพ

ไม่มีนโยบายที่ ชดั เจน ไม่มีผรู้ ับผดิ ชอบดา้ น ไมม่ ีการตดิ ตอ่ กบั ผใู้ ช้ ไมม่ ีระบบรวบรวมขอ้ มลู และ ไมม่ ีการสนบั สนุนการ ไม่มีการลงทุนใดๆในการ
0 พลงั งาน พลงั งาน ปรับปรุงประสิทธิภาพ การใช้
บญั ชีการใชพ้ ลงั งาน ประหยดั พลงั งาน พลงั งาน

หมายเหต:ุ 1. ขอ้ มลู การประเมนิ สถานภาพการจดั การพลงั งานเบ้อื งตน้ ประเมินจาก....9........แผนก ของจานวนท้งั หมด....9.......แผนก หรือบคุ ลากรจานวน....5..0........คน
จากท้งั หมด........5..0.........คน คิดเป็นร้อยละ ...5...0......
2. ในกรณีทอ่ี าคารควบคุมพฒั นาระบบการจดั การพลงั งานในรอบที่สอง ในข้นั ตอนน้ีอาคารควบคุมจะดาเนินการหรือไมด่ าเนินการกไ็ ด้ หากดาเนิน
การประเมินสถานภาพการจดั การพลงั งานภายในองคก์ รตอ่ เน่ืองทกุ ๆปี จะทาใหท้ ราบสถานภาพการจดั การพลงั งานทีม่ กี ารเปลี่ยนแปลงไดด้ ียงิ่ ข้นึ

3. การประเมินสถานภาพการจดั การพลงั งานในภาพรวมของอาคารควบคุม หากทางอาคารมวี ธิ ีการอ่ืนทเ่ี หมาะสมกวา่ กส็ ามารถนามาใชแ้ ทน

ตารางดา้ นบนได้

7


Click to View FlipBook Version