The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 6 โมเมนตัมและการชน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jackie15.boonket, 2022-09-28 02:01:17

หน่วยที่ 6 โมเมนตัมและการชน

หน่วยที่ 6 โมเมนตัมและการชน

มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้ีวัด
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 โมเมนตัมและการชน

คาอธิบายรายวิชาเพิ่มเตมิ
รายวิชา ฟสิ กิ ส์ รหัสวชิ า ว30202

สาระฟิสิกส์ 1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคล่ือนท่ีแนวตรง แรง
และ กฎการเคลื่อนท่ีของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการ
อนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนท่ีแนวโค้ง รวมทั้งนาความรู้ ไปใช้
ประโยชน์

วิเคราะห์ และคานวณงานของแรงคงตัว ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับตาแหน่ง กาลังเฉล่ีย พลังงาน
จลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล พลังงานศักย์โน้มถ่วง พลังงานศักย์ยืดหยุ่น กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
ประสิทธิภาพและการได้เปรยี บเชงิ กลของเครื่องกลอย่างงา่ ยบางชนิด ประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกล โม
เมนตัมของวัตถุ การดล ความสัมพันธ์ระหว่างแรงดลกับโมเมนตัม การชนของวัตถุในหน่ึงมิติท้ังแบบยืดหยุ่น
ไม่ยืดหยุ่น และการดีดตัวแยกจากกันในหนึ่งมิติ การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์ แรงสู่ศูนย์กลาง อัตราเร็วเชิง
เส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคล่ือนที่แบบวงกลมในระนาบระดับ ประยุกต์ใช้ความรู้การ
เคล่อื นท่แี บบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทียม

เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างถูกต้องเหมาะสม เกิดความ
ตระหนักและจิตอาสาในการดูแลรักษาส่ิงแวดล้อมอย่างเหมาะสม เกิดความสามารถในการคิดความสามารถ
ออกแบบเชิงวิศวกรรม ในการส่ือสาร ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิตและ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยไี ด้อย่างมีประสิทธิภาพ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์

ผลการเรียนรู้
1. วิเคราะห์ และคานวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับ

ตาแหนง่ รวมทัง้ อธิบายและคานวณกาลังเฉล่ีย
2. อธบิ ายและคานวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างงานกับ

พลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงท่ีใช้ดึง
สปริงกับระยะที่สปริงยืดออกและความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น รวมทั้งอธิบาย
ความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์และพลงั งานจลน์ และคานวณงานทีเ่ กิดขนึ้ จากแรงลพั ธ์

3. อธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกล รวมทั้งวิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการ
เคล่ือนท่ขี องวตั ถใุ นสถานการณ์ตา่ ง ๆ โดยใชก้ ฎการอนุรกั ษ์พลังงานกล

4. อธิบายการทางาน ประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลอย่างง่ายบางชนิด โดยใช้
ความรเู้ รอ่ื งงานและสมดลุ กล รวมท้งั คานวณประสทิ ธิภาพและการได้เปรยี บเชงิ กล

5. อธิบายและคานวณโมเมนตัมของวัตถุ และการดลจากสมการและพ้ืนที่ใต้กราฟความสัมพันธ์
ระหว่างแรงลพั ธ์กบั เวลา รวมทั้งอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างแรงดลกับโมเมนตัม

6. ทดลอง อธิบายและคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการชนของวัตถุในหน่ึงมิติทั้งแบบยืดหยุ่น ไม่
ยืดหยุน่ และการดีดตวั แยกจากกันในหนงึ่ มิตซิ ่ึงเปน็ ไปตามกฎการอนรุ กั ษ์โมเมนตัม

7. อธิบาย วิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ และ
ทดลองการเคล่อื นที่แบบโพรเจกไทล์

8. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนท่ี อัตราเร็วเชิงเส้น
อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคล่ือนท่ีแบบวงกลมในระนาบระดับ รวมทั้งคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่
เกี่ยวขอ้ ง และประยุกต์ใช้ความร้กู ารเคลื่อนท่ีแบบวงกลมในการอธบิ ายการโคจรของดาวเทียม

รวมท้ังหมด 8 ผลการเรยี นรู้

ตารางกาหนดการสอน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 โมเมนตัมและการชน

หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ือง จานวนชัว่ โมง

หน่วยท่ี 6 โมเมนตัมและการชน 12

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 โมเมนตัม 2
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 แรงและการเปลี่ยนโมเมนตมั 2
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3 2
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 การดล 2
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 การอนรุ ักษโ์ มเมนตัม 2
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 การชนของวัตถุในหนง่ึ มิติ 2
การดีดตวั แยกจากกนั ของวตั ถุในหนงึ่ มติ ิ

แผนการจัดการเรยี นรู้

รายวชิ าฟิสิกสเ์ พมิ่ เตมิ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 เรอื่ ง โมเมนตัมและการชน
โดยบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

จัดทาโดย
นางสาวกนกวรรณ บุญเกตุ

โรงเรยี นศรสี โมสรวทิ ยา
สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 5

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
รายวชิ าฟสิ กิ สเ์ พมิ่ เติม (ว30202) เวลา 12 ชว่ั โมง
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 2 ชวั่ โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 โมเมนตมั และการชน
เรือ่ ง โมเมนตัม

1. ผลการเรียนรู้
อธบิ าย และคานวณโมเมนตัมของวัตถุ และการดลจากสมการและพ้ืนที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่าง

แรงลพั ธ์กบั เวลา รวมทัง้ อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงดลกบั โมเมนตัม

2. สาระสาคญั
โมเมนตัม หมายถึงปริมาณความพยายามของวัตถุท่ีจะเคล่ือนท่ีซ่ึงมีค่าเท่ากับผลคูณของมวลกับ

ความเรว็ ของวัตถุ หรอื P = mv

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกความหมายของโมเมนตัมได้ (K)
2. คานวณหาโมเมนตัมและการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมในสถานการณ์ที่กาหนดให้ได้ (P)
3. ทางานร่วมกบั ผอู้ นื่ อย่างสรา้ งสรรค์ ยอมรบั ความคิดเห็นของผอู้ น่ื ได้ (A)

4. สาระการเรียนรู้
โมเมนตัม หมายถึงปริมาณความพยายามของวัตถุที่จะเคลื่อนท่ีซ่ึงมีค่าเท่ากับผลคูณของมวลกับ

ความเรว็ ของวตั ถุ หรอื P = mv
โมเมนตัมเปน็ ปรมิ าณเวกเตอรท์ ่มี ีทศิ เดยี วกบั ความเร็ว ต้องคานึงถึงเครื่องหมายบวกหรือลบเสมอและ

มหี น่วยเป็นกิโลกรัมเมตรต่อวินาที อัตราการเปลี่ยนโมเมนตัมของวัตถุกับเวลาหมายถึงการที่แรงลัพธ์ที่กระทา
กับวตั ถุท่ขี ณะใด ๆ จะมีค่าเท่ากับอัตราการเปล่ียนโมเมนตัม ของวัตถุท่ีขณะนั้นท้ังขนาดและทิศทาง หรือ F

=

5. สมรรถนะสาคญั
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
1. ซ่ือสัตย์
2. มีวนิ ัย
3. ใฝุเรยี นรู้
4. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
5. มงุ่ ม่ันในการทางาน
6. มจี ิตสาธารณะ

7. ค่านิยม / คณุ ธรรม
1. ใฝหุ าความรู้ หมน่ั ศกึ ษาเลา่ เรยี น
2. มีสติ รคู้ ดิ รู้ทา
3. มีระเบยี บวินยั
4. มีความเข้มแข็งทัง้ ร่างกายและจิตใจ ไมย่ อมแพต้ ่ออานาจฝุายต่า

8. ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21
1. คิดอยา่ งเป็นระบบและทางานกบั ผอู้ ื่นอย่างสร้างสรรค์
2. การเข้าถงึ สารสนเทศ และนาเทคโนโลยมี าประยกุ ต์ใช้อย่างมปี ระสิทธิภาพ
3. มคี วามยดื หย่นุ ปรับตัวเพ่อื พร้อมรบั การเปลี่ยนแปลง

9. ภาระงาน/ช้นิ งาน
1. คาถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.1
2. แบบฝึกหัด 6.1

10. กิจกรรมการเรยี นรู้ (รปู แบบวงจรการเรยี นรู้ 5E)
ข้นั ที่ 1 ขั้นนาเข้าสูบ่ ทเรียน
1.1 ครูถามนักเรียนว่าการออกแรงรับลูกบอลท่ีกาลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่าง ๆ ขนาดของ

แรงท่ีใช้รับแตกต่างกันอย่างไร จากประสบการณ์ที่เคยเล่นกีฬาบางประเภท เช่น บาสเกตบอลแชร์บอล
(คาตอบเปน็ แบบปลายเปิด)

1.2 ครูถามนักเรียนว่า การที่รถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า หรือวัตถุใด ๆ เคลื่อนที่ไปด้านหน้า
ไดม้ ีปริมาณใดบ้างทเ่ี กีย่ วข้อง (แนวคาตอบ : มวล แรง ความเร็ว ความเรง่ )

1.3 แจ้งให้นักเรียนทราบว่าจะได้ศึกษาเก่ียวกับเก่ียวกับ โมเมนตัม รวมถึงจุดประสงค์การ
เรยี นรู้ และเกณฑ์การวดั ประเมนิ ผล

ข้นั ท่ี 2 ขนั้ สารวจและค้นพบ
2.1 ครูให้นักเรียนทากิจกรรมโดยการรับถุงทรายตามรายละเอียดในหนังสือเรียนรายวิชา

ฟิสกิ ส์เพ่มิ เติม เล่ม 2 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) บทท่ี 6 เร่อื งโมเมนตมั และการชน
2.2 ครูใหน้ ักเรยี นเขา้ กล่มุ ละ 5 คน อภิปรายผลการทากจิ กรรมและตอบคาถามทา้ ยกจิ กรรม

ขนั้ ท่ี 3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป
3.1 ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายผลการทากจิ กรรมรับถุงทรายจนได้ขอ้ สรุปดังนี้
1. เม่ือปล่อยถุงทรายมวลเท่ากันให้ตกจากตาแหน่งที่ระดับความสูงต่างกัน ถุงทรายท่ี

ปล่อยจากตาแหน่งที่สูงกว่าจะมีความเร็วขณะกระทบมือมากกว่าและการรับถุงทรายท่ีมีความเร็วมากกว่า จะ
ใชแ้ รงมากกว่าในการรับถงุ ทรายทม่ี คี วามเร็วน้อยกว่า

2. เม่ือปล่อยถุงทรายที่มีมวลต่างกันจากตาแหน่งระดับความสูงเท่ากัน ถุงทรายจะตก
กระทบมือด้วยความเร็วเท่ากัน จึงกล่าวได้ว่า แรงที่ใช้รับถุงทรายท่ีมีมวลมากจะมีค่ามากกว่าแรงท่ีใช้รับถุง
ทรายทีม่ มี วลน้อย

3. จากผลสรุปทั้งข้อ 1 และ 2 สามารถสรุปรวมได้ว่า แรงท่ีใช้หยุดการเคลื่อนท่ีของวัตถุ
ข้ึนอยูก่ บั มวลและความเร็วของวัตถุ

ขั้นที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้

4.1 ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่าโมเมนตัม หมายถึงปริมาณความพยายามของวัตถุท่ีจะเคล่ือนท่ีซึ่งมี
คา่ เท่ากบั ผลคณู ของมวลกบั ความเรว็ ของวตั ถุ หรือ P = mv

โมเมนตัมเป็นปรมิ าณเวกเตอร์ทม่ี ีทศิ เดยี วกบั ความเรว็ ตอ้ งคานึงถึงเครื่องหมายบวก
หรือลบเสมอและมีหน่วยเป็นกิโลกรัมเมตรต่อวินาที อัตราการเปลี่ยนโมเมนตัมของวัตถุกับ
เวลาหมายถึงการท่ีแรงลัพธ์ที่กระทากับวัตถุท่ีขณะใด ๆ จะมีค่าเท่ากับอัตราการเปล่ียนโมเมนตัม ของวัตถุท่ี

ขณะนน้ั ทง้ั ขนาดและทศิ ทาง หรือ F =

4.2 ครูอธิบายตัวอย่าง 6.1 และ 6.2 ในหนังสือเรียนรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม เล่ม 2 (ฉบับ
ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) เพ่ือสรา้ งความเข้าใจใหก้ ับนักเรียนเกยี่ วกับการคานวณโมเมนตัมของวัตถุ

ขนั้ ท่ี 5 ขน้ั ประเมินผล
5.1 สังเกตการตอบคาถามในชัน้ เรียน และพฤตกิ รรมขณะทาการเรียนการสอน
5.2 สงั เกตจากการตอบคาถามทดสอบความเข้าใจ 6.1 และทาแบบฝึกหัด 5.1

11. นวตั กรรมการศึกษา
11.1 ส่อื และอปุ กรณก์ ารเรียนรู้
- หนังสือเรยี นรายวิชาฟสิ ิกสเ์ พิม่ เติม เล่ม 2 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
- สอ่ื มลั ติมเี ดยี จากอินเตอร์เน็ต
- ถงุ ทราย 2 ถงุ
11.2 แหล่งเรียนรู้
- หอ้ งสมดุ โรงเรยี น
- อนิ เทอรเ์ น็ต
- เวบ็ ไซต์ : https://sites.google.com/a/bpn.ac.th/physics/hna-erek

12. การวดั และประเมินผล

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการวัด เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมิน

ดา้ นความรู้ (K)

1. บอกความหมายของโม วดั จากการตอบคาถาม - คาถามทดสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง

เมนตมั ได้ - คาถามทดสอบความ เข้าใจ 6.1 ร้อยละ 70 ขึน้ ไป

เขา้ ใจ 6.1 - แบบฝกึ หัด 6.1

- แบบฝกึ หัด 6.1

ดา้ นกระบวนการ (P)

2. คานวณหาโมเมนตัมและการ วดั จากการตอบคาถาม - คาถามทดสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง

เปล่ียนแปลงโมเมนตัมในสถาน - คาถามทดสอบความ เข้าใจ 6.1 ร้อยละ 70 ขึ้นไป

การณท์ ี่กาหนดใหไ้ ด้ เข้าใจ 6.1 - แบบฝึกหดั 6.1

- แบบฝึกหดั 6.1

ด้านคุณลกั ษณะ (A)

3. ทางานร่วมกับผู้อ่ืนอย่าง การสังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนในระดับ 2

สร้างสรรค์ ยอมรับความคิด การเรยี นรู้รายบุคคล ขน้ึ ไป

เห็นของผู้อ่นื ได้

เกณฑ์การใหค้ ะแนน 80 - 100 % ให้ ดีมาก
ระดบั คะแนน 70 - 79 % ให้ ดี
ระดบั คะแนน 60 - 69 % ให้ ปานกลาง
ระดบั คะแนน 50 - 59 % ให้ พอใช้
ระดบั คะแนน 0 – 49 % ให้ ปรบั ปรงุ
ระดบั คะแนน

13. การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

1. ผู้สอนใชห้ ลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

หลักพอเพียง พอประมาณ มีเหตผุ ลท่ดี ี มภี มู คิ ุ้มกันในตวั ที่ดี
ประเด็น

กิจกรรมการเรียนรู้ - มีการวางแผนการจัดกิจ - จัดการเรียนรู้ตรงตามผล - มีการวางแผนการจัดกิจ

กรรมด้านต่างๆชัดเจน มีลา การเรียนรู้ ก ร ร ม อ ย่ า ง ชั ด เ จ น เ ป็ น

ดับขั้นตอน มีการกาหนด ลาดับ

เน้ือหาสาระ จัดกิจกรรม

ผา่ นกระบวนการกลุ่ม

เวลา - กาหนดเนื้อหาสาระเหมาะ - เพ่ือให้กิจกรรมการเรียน - มีการเผ่ือเวลาในการทา

สมกับเวลา กิจกรรมการ การสอนบรรลุตัวชี้วัดได้ตาม กิจกรรมแต่ละขั้นเพ่ือให้

เรียนรู้ใช้กระบวนการกลุ่ม เวลาที่กาหนด นักเรียนที่มีความสามารถ

นักเรียนทางานได้ทันตาม ต่างกันสามารถทางานให้

เวลาทกี่ าหนด เสรจ็ ทนั เวลา

สอ่ื - จัดเตรียมและใช้สื่อในการ - ใช้เครือ่ งมือเพอ่ื ให้นักเรียน - มีลาดับขั้นตอนในการใช้

จัดกิจกรรมการเรียนการ ได้ร่วมอภิปรายในแบบฝึก สื่อตา่ งๆอย่างคุ้มคา่

สอนเหมาะสมกับจานวน กิจกรรม

กล่มุ

แหล่งเรยี นรู้ - กาหนดเนื้อหาสาระและ - เพ่ือให้การจัดการเรียนรู้ - มีการสืบค้นทางอินเทอร์

กิจกรรมการเรียนรู้เหมาะ สอดคล้องกับวิถีชีวิตทาให้ เน็ต การค้นคว้าในห้อง

สมกบั แหล่งเรียนรู้ สามารถนาความรู้มาใช้ใน สมุดก่อนจะออกแบบกิจ

ชวี ิตประจาวนั ได้ กรรมการเรยี นรู้ตา่ งๆ

ความรทู้ ่ใี ชใ้ นการจัด - สืบคน้ เทคนิควิธีการสอน,รปู แบบการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

กจิ กรรมการเรยี นรู้ - ศกึ ษาเน้ือหาด้านต่างๆให้ชัดเจน

- ศกึ ษาค้นคว้าและบรู ณาการหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงกบั การจัดการเรียนรู้

คณุ ธรรม - มคี วามรบั ผิดชอบในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่กี ารสอน ตรงต่อเวลา เตรยี มการสอนล่วงหนา้

- มคี วามเมตตา ใหค้ วามเสมอภาค และยุตธิ รรมกับนกั เรยี นทุกคน

- มคี วามเสยี สละ อดทน และใฝุรู้

2. ผเู้ รียนมีคณุ ลกั ษณะ “อยู่อย่างพอเพยี ง”

พอประมาณ มเี หตุผลท่ีดี มภี มู ิคมุ้ กนั ทดี่ ี

- แต่ละกลุ่มแบ่งหน้าท่ีในกลุ่มเหมาะ - มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อ - ฝึกการมีส่วนร่วมในการทางาน

สมกับความสามารถและพอเพียงกับ หาในเร่ืองที่ศึกษา สามารถวิ สรา้ งความสามคั คีในการทางาน

จานวนสมาชกิ เคราะห์ขอ้ มูลต่างๆไดอ้ ย่างถูกต้อง

- วางแผนการทางานอย่างรอบคอบ - รู้จักทางานร่วมกับผู้อื่นโดยใช้
โดยกาหนดเวลาในการทากิจกรรม กระบวนการกลมุ่
อย่างเหมาะสม

ความรู้ (วิธกี าร) - สืบค้นข้อมลู เพอ่ื เสรมิ สร้างความรู้ ความเขา้ ใจ
- ศึกษา ค้นควา้ วธิ ีการทาแบบฝึกหดั กิจกรรม และใบงาน

- วเิ คราะหข์ ้อมูลโดยใช้ทักษะกระบวนการคิด

คณุ ธรรมท่ีเกดิ กับนกั เรยี น - มคี วามรบั ผิดชอบในหน้าท่ี ท่ีได้รับมอบหมาย ทางานด้วยความเรียบร้อย

ถกู ตอ้ ง และเสร็จทันเวลา
- มีความสามัคคีในหมู่คณะ มีวินับเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดีขณะปฏิบัติงาน
รว่ มกนั

- รว่ มกจิ กรรมการเรียนรดู้ ว้ ยความกระตือรือรน้ สนใจ ตัง้ ใจ และใฝเุ รียนรู้

3. ผลลพั ธ์ KPA 4 มิติ ทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั การอยู่อยา่ งพอเพียง

ผลลัพธ์ สมดุลพร้อมต่อการเปลย่ี นแปลงในดา้ นต่างๆ

ด้านวัตถุ ดา้ นสงั คม ดา้ นสง่ิ แวดล้อม ดา้ นวฒั นธรรม

ดา้ นความรู้ - มีความรู้ความเข้าใจ - มีความรู้เกี่ยวกับการ - มีความรู้ความเข้าใจ -

เก่ียวกับโมเมนตมั ทางานเป็นกลุ่มและ ธรรมชาติของฟิสิกส์

การวางแผนร่วมกับผู้

อื่น

ด้านทกั ษะ - มีความสามารถใน - สามารถทางานร่วม - -

การอภิปราย ทาแบบ กับผู้อื่นในรูปแบบกลุ่ม

ฝึก/ใบงาน และมีทัก ษะในกา ร

สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้

อ่ืน

บนั ทึกผลหลังการสอน
ผลการเรียนรู้

………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………

ปญั หาและอปุ สรรค
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………

ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ......................................................ผู้สอน
(นางสาวกนกวรรณ บุญเกตุ)

ความคดิ เหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียนศรีสโมสรวทิ ยา
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื …………………………………………
(นายเมธี วัฒนสงิ ห์)

ผูอ้ านวยการโรงเรยี นศรีสโมสรวทิ ยา

คาถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.1

1. อนุภาคชนดิ เดยี วกันสองอนุภาค มีอัตราเร็วเทา่ กนั อนุภาคทั้งสองจะมโี มเมนตมั เท่ากนั หรือไม่
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

2. วัตถชุ ้นิ หนงึ่ กาลังเคล่อื นที่ วัตถนุ ีม้ ีโมเมนตมั คงเดมิ ตลอดการเคลือ่ นทีห่ รือไม่ เพราะเหตใุ ด
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

3. นกสองตัวบินคู่กัน ไปทางทิศเหนือ ถ้านกตัวท่ีหน่ึงมีมวลเป็นสองเท่าของอีกตัว ขนาดของโมเมนตัมของนก
ตัวทสี่ องเป็นกีเ่ ทา่ ของนกตัวที่หนึง่
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

4. โมเมนตัมกบั พลังงานจลน์ของวตั ถุหนึง่ มคี วามเกยี่ วข้องกันหรือไม่ อย่างไร
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

เฉลยคาถามตรวจสอบความเขา้ ใจ 6.1

1. อนภุ าคชนดิ เดียวกันสองอนภุ าค มอี ัตราเรว็ เท่ากัน อนุภาคทงั้ สองจะมโี มเมนตมั เทา่ กนั หรอื ไม่
ตอบ อาจจะเท่ากันหรือไม่ก็ได้ เพราะโมเมนตัมเป็นปริมาณเวกเตอร์จึงต้องพิจารณาท้ังขนาดและ

ทิศทาง หากอัตราเร็วเท่ากันและมีทิศทางเดียวกัน โมเมนตัมจะเท่ากัน แต่หากอัตราเร็วเท่ากันแต่ทิศทาง
ตา่ งกันถอื วา่ โมเมนตมั จะไมเ่ ท่ากัน

2. วตั ถชุ ้ินหนึ่งกาลังเคลือ่ นที่ วัตถุน้ีมโี มเมนตัมคงเดมิ ตลอดการเคลื่อนทหี่ รือไม่ เพราะเหตใุ ด
ตอบ อาจจะคงเดิมหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับมวลและความเร็วของวัตถุว่าคงตัวหรือไม่ ถ้ามวลและ

ความเรว็ ของวตั ถคุ งตวั โมเมนตัมกจ็ ะคงเดมิ

3. นกสองตัวบินคู่กัน ไปทางทิศเหนือ ถ้านกตัวท่ีหน่ึงมีมวลเป็นสองเท่าของอีกตัว ขนาดของโมเมนตัมของนก
ตวั ทีส่ องเปน็ ก่เี ทา่ ของนกตวั ที่หน่ึง

ตอบ นกบินคู่กันไปแสดงว่ามีความเร็วเท่ากัน เม่ือมวลของนกตัวที่หน่ึงเป็นสองเท่าของอีกตัวหน่ึง จึง
ทาใหโ้ มเมนตัมของนกทสี่ องเปน็ ครึง่ หนง่ึ ของนกตวั ทหี่ นึ่ง

4. โมเมนตมั กับพลงั งานจลนข์ องวัตถุหนงึ่ มีความเก่ียวข้องกนั หรือไม่ อย่างไร
ตอบ เกี่ยวข้องกัน เพราะทั้งโมเมนตัมและพลังงานจลน์เป็นปริมาณที่เกี่ยวข้องกับมวลและความเร็ว

ของวตั ถเุ หมือนกนั ถ้าโมเมนตัมเพิม่ พลงั งานจลนก์ จ็ ะเพม่ิ ดว้ ย

แบบฝึกหดั 6.1

1. นกตัวหน่ึงมมี วล 30 กรมั บินดว้ ยอัตราเรว็ 8 เมตรต่อวินาที ขนาดโมเมนตัม ของนกตัวน้ีเปน็ เทา่ ใด
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

2. จงหาโมเมนตัมของรถบรรทุกท่ีมมี วล 1.5×104 กิโลกรัม กาลังเคลื่อนทดี่ ว้ ยความเร็ว 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ไปทางทศิ ตะวันออก
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

3. นักฟุตบอล A มีมวล 75 กิโลกรัม วิ่งไปทางขวาด้วยอัตราเร็ว 2.0 เมตรต่อวินาที นักฟุตบอล B มีมวล 60
กิโลกรัม วงิ่ ไปทางซ้ายด้วยอตั ราเร็ว 3.0 เมตรต่อวินาที จงหาขนาดและทิศทางของ

ก. โมเมนตมั ของ A ข. โมเมนตัมของ B ค. โมเมนตัมรวมของนกั ฟุตบอลทั้งสอง
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

4. รถยนต์มีมวล 1000 กิโลกรัม เคล่ือนที่ด้วยความเร็ว 4.2 เมตรต่อวินาที ไปทางทิศใต้รถจักรยานยนต์มีมวล
120 กโิ ลกรัม จะต้องมคี วามเร็วขนาดเทา่ ใด ขนาดของโมเมนตมั ของรถท้งั สองจึงจะเท่ากนั
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

5. โยนก้อนหินมวล 0.5 กิโลกรัม ข้ึนในแนวดิ่งด้วยอัตราเร็วต้น 30 เมตรต่อวินาที ขนาดและทิศทางของ
โมเมนตมั กอ้ นหนิ หลังจากท่ีโยนไปแลว้ 5 วนิ าที เป็นเท่าใด
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

เฉลยแบบฝกึ หัด 6.1

1. นกตวั หนึง่ มีมวล 30 กรมั บินดว้ ยอตั ราเรว็ 8 เมตรต่อวนิ าที ขนาดโมเมนตมั ของนกตวั น้ีเป็นเท่าใด

นกตวั หนึ่งมมี วล 30 กรัม บินดว้ ยอตั ราเรว็ 8 เมตรต่อวินาที ขนาดโมเมนตัม ของนกตัวนีเ้ ป็นเทา่ ใด

วิธที า จาก p = mv

= (0.03)(8)

= 0.24 kg. m/s

ตอบ ขนาดโมเมนตมั ของนกตัวน้เี ป็น 0.24 กิโลกรัม เมตรต่อวินาที

2. จงหาโมเมนตมั ของรถบรรทุกท่มี ีมวล 1.5×104 กิโลกรมั กาลงั เคล่อื นท่ดี ว้ ยความเร็ว 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ไปทางทศิ ตะวนั ออก

วิธีทา จาก p = mv
= (1.5×104)( )
= 1.5×105 kg. m/s
ตอบ โมเมนตมั ของรถบรรทกุ เทา่ กับ 1.5×105 kg. m/s และมที ิศไปทางตะวนั ออก

3. นักฟุตบอล A มีมวล 75 กิโลกรัม ว่ิงไปทางขวาด้วยอัตราเร็ว 2.0 เมตรต่อวินาที นักฟุตบอล B มีมวล 60

กิโลกรมั วง่ิ ไปทางซา้ ยด้วยอตั ราเร็ว 3.0 เมตรตอ่ วินาที จงหาขนาดและทิศทางของ

ก. โมเมนตมั ของ A ข. โมเมนตัมของ B ค. โมเมนตัมรวมของนกั ฟตุ บอลทั้งสอง

วธิ ที า ก. จาก p = mv

= (75)(2.0)

= 150 kg. m/s

ตอบ โมเมนตัมของนักฟตุ บอล A เป็น 150 กโิ ลกรัม เมตรตอ่ วินาที มีทิศไปทางขวา

วิธที า ข. จาก p = mv

= (60)(3.0)

= 180 kg. m/s

ตอบ โมเมนตมั ของนกั ฟุตบอล B เป็น 180 กิโลกรัม เมตรตอ่ วนิ าที มีทิศไปทางซ้าย

วธิ ที า ค. โมเมนตัมรวมของนักฟุตบอลท้ังสอง หาได้จากผลรวมแบบเวกเตอร์ของโมเมนตัมของนัก

ฟุตบอลทงั้ สอง ดังสมการ p = a+ B

กาหนดให้ มีทศิ ไปทางขวาเปน็ บวก ทศิ ไปทางซ้ายเปน็ ลบ

แทนคา่ จะได้ p = 150 + (180)

= 30 kg. m/s

ตอบ โมเมนตัมรวมของนกั ฟุตบอลท้ังสองเป็น 30 กโิ ลกรัม เมตรต่อวนิ าที มที ศิ ไปทางซ้าย

4. รถยนต์มีมวล 1000 กิโลกรัม เคล่ือนที่ด้วยความเร็ว 4.2 เมตรต่อวินาที ไปทางทิศใต้รถจักรยานยนต์มีมวล
120 กิโลกรัม จะตอ้ งมคี วามเรว็ ขนาดเท่าใด ขนาดของโมเมนตัมของรถทั้งสองจงึ จะเท่ากนั
วิธที า วตั ถุทีม่ มี วล m กาลังเคลื่อนที่ด้วยความเรว็ v ขนาดของโมเมนตมั p = mv

เนอ่ื งจากขนาดของโมเมนตมั รถจกั รยานยนต์เท่ากับขนาดของโมเมนตัมรถยนต์
แทนค่า 120v = (1000)(4.2)
v = 35 m/s

ตอบ รถจักรยานยนต์ต้องมีขนาดความเร็วเท่ากับ 35 เมตรต่อวินาที จึงมีโมเมนตัมเท่ากับโมเมนตัมของ
รถยนต์

5. โยนก้อนหินมวล 0.5 กิโลกรัม ข้ึนในแนวดิ่งด้วยอัตราเร็วต้น 30 เมตรต่อวินาที ขนาดและทิศทางของ

โมเมนตัมก้อนหินหลงั จากท่โี ยนไปแล้ว 5 วนิ าที เปน็ เทา่ ใด

วิธที า กอ้ นหินมีอตั ราเรว็ ตน้ u=30m/s ในทิศข้นึ ในแนวด่ิง

เวลาท่ีกอ้ นหนิ เคลื่อนท่ขี ึน้ ในแนวดง่ิ จนถงึ จดุ สงู สดุ v= 0 หาได้จากสมการ

vy = uy + ayt
กาหนดให้ มที ิศขึ้นเป็นบวก ทิศลงเป็นลบ และ t1 เป็นเวลาท่ีก้อนหินเคลื่อนที่ไปจนถึงจุดสูงสุด แทน

ค่า จะได้

0 = 30 gt1

t1 =

ให้ t2 เวลาที่ก้อนหนิ ตกจากจุดสงู สุด ซ่งึ รวมกับเวลาทกี่ ้อนหนิ ถูกโยนขึน้ ไป เป็น 5 วินาที

ดงั สมการ t1 + t2 = 5s จะได้ว่า t2 = 5s - t1 ดังน้นั จะได้ t2 = 5s

ความเรว็ ของกอ้ นหิน ณ เวลา t2 ทีก่ ้อนหนิ กาลงั ตกลงสพู่ น้ื หาไดจ้ ากสมการ

แทนคา่ จะได้ vy = uy + ayt
vy = 0 + g ( )

= 5g 30

= 19 m/s

ดงั น้นั เมือ่ เวลาผา่ นไป 5 วนิ าที กอ้ นหินมีโมเมนตมั

p = mv = (0.5)(19) = 9.5 kg. m/s

ตอบ เมือ่ เวลาผา่ นไป 5 วินาที กอ้ นหนิ มีขนาดของโมเมนตัมเท่ากับ 9.5 กิโลกรัม เมตรต่อวนิ าทมี ที ศิ ลง

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 2 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4
รายวิชาฟิสิกส์เพม่ิ เติม (ว30202) เวลา 12 ชว่ั โมง
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 โมเมนตัมและการชน
เรอ่ื ง แรงและการเปลี่ยนโมเมนตัม

1. ผลการเรยี นรู้
อธิบาย และคานวณโมเมนตัมของวัตถุ และการดลจากสมการและพ้ืนที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่าง

แรงลพั ธ์กบั เวลา รวมทง้ั อธิบายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงดลกับโมเมนตัม

2. สาระสาคัญ
แรงที่กระทาต่อวัตถุมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม โดยแรงลัพธ์ท่ีกระทาต่อวัตถุใด ๆ จะมีค่า

เท่ากับอัตราการเปล่ียนโมเมนตัมของวัตถุนั้น เช่น ในกรณีการออกแรงรับลูกฟุตบอลของผู้รักษาประตูฟุตบอล
ซึ่งเคลื่อนที่มาด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน หากผู้รักษาประตูต้องการหยุดลูกฟุตบอลให้หยุดน่ิงน้ันจะพบว่าการ
ออกแรงรบั ลูกฟตุ บอลในแตล่ ะครงั้ จะตอ้ งออกแรงรับตา่ งกัน

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายได้วา่ เมอื่ แรงกระทาต่อวตั ถุจะทาให้โมเมนตัมเปลีย่ นแปลงได้ (K)
2. คานวณหาปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วกบั แรงและการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมได้ (P)
3. ทางานรว่ มกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ ยอมรับความคิดเหน็ ของผู้อน่ื ได้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้
เมอ่ื มีแรงลพั ธ์กระทาตอ่ วัตถุจะทาให้โมเมนตัมของวัตถุเปลี่ยนไป โดยแรงลัพธ์เท่ากับอัตราการเปล่ียน

โมเมนตัมของวัตถุ
โมเมนตัมเป็นปรมิ าณเวกเตอร์ทม่ี ที ิศเดยี วกับความเร็ว ต้องคานึงถึงเครื่องหมายบวกหรือลบเสมอและ

มหี น่วยเป็นกิโลกรัมเมตรต่อวินาที อัตราการเปล่ียนโมเมนตัมของวัตถุกับเวลาหมายถึงการท่ีแรงลัพธ์ที่กระทา
กบั วัตถทุ ข่ี ณะใด ๆ จะมีค่าเท่ากับอัตราการเปลี่ยนโมเมนตัม ของวัตถุที่ขณะน้ันท้ังขนาดและทิศทาง หรือ F

=

5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ซื่อสัตย์
2. มวี นิ ัย
3. ใฝุเรียนรู้

4. อยอู่ ย่างพอเพียง
5. มุง่ ม่นั ในการทางาน
6. มจี ิตสาธารณะ

7. คา่ นยิ ม / คุณธรรม
1. ใฝหุ าความรู้ หมน่ั ศกึ ษาเลา่ เรียน
2. มีสติ รู้คิด รทู้ า
3. มรี ะเบียบวินยั
4. มีความเขม้ แข็งทัง้ ร่างกายและจิตใจ ไมย่ อมแพต้ อ่ อานาจฝุายตา่

8. ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
1. คิดอย่างเป็นระบบและทางานกบั ผ้อู ่นื อยา่ งสร้างสรรค์
2. การเขา้ ถงึ สารสนเทศ และนาเทคโนโลยีมาประยกุ ตใ์ ช้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
3. มคี วามยืดหย่นุ ปรบั ตวั เพื่อพรอ้ มรบั การเปลย่ี นแปลง

9. ภาระงาน/ช้ินงาน
1. คาถามตรวจสอบความเขา้ ใจ 6.2
2. แบบฝึกหดั 6.2

10. กิจกรรมการเรียนรู้ (รูปแบบวงจรการเรียนรู้ 5E)
ข้ันที่ 1 ขัน้ นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น
1.1 ครถู ามนกั เรียนวา่ แรงมผี ลต่อการเปลีย่ นแปลงโมเมนตัมอย่างไร (แนวคาตอบ: แรงลัพธ์ท่ี

กระทาตอ่ วตั ถุใด ๆ จะมคี า่ เทา่ กบั อตั ราการเปลี่ยนโมเมนตมั ของวตั ถนุ ั้น)
1.2 ครูถามนักเรียนว่า แรงและการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมหาได้จากปริมาณใดบ้าง (คาตอบ

เปน็ แบบปลายเปิด)
1.3 แจ้งให้นักเรียนทราบว่าจะได้ศึกษาเก่ียวกับเก่ียวกับ แรงเละการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัม

รวมถึงจุดประสงค์การเรียนรู้ และเกณฑก์ ารวัดประเมินผล
ขน้ั ที่ 2 ขัน้ สารวจและค้นพบ
2.1 ครูเปิดคลิปวีดิโอการเล่นกีฬาฟุตบอล แบดมินตัน ปิงปอง เทนนิส และให้นักเรียนดูทั้ง

คลิปวีดิโอแบบใช้กล้องความเร็วปกติและคลิปวีดิโอแบบใช้กล้องความ- เร็วสูง (high-speed camera) ครูให้
นักเรียนอภิปรายเก่ียวกับขนาดและทิศทางของโมเมนตัมของลูกบอล รวมท้ังขนาดและทิศทางของแรงท่ีใช้ใน
การทาใหล้ กู บอลมโี มเมนตัมเปลยี่ นไป

2.2 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน และแจกถุงทรายให้นักเรียนกลุ่มละ 2 ถุง เพ่ือทา
กิจกรรมรับถุงทราย โดยใช้มือซ้ายถือถุงทราย 1 ถุง ไว้เหนือมือขวาประมาณ 20 เซนติเมตร จากน้ันปล่อยถุง
ทรายให้ตกลงบนมือขวา โดยพยายามให้มือขวารับถุงทรายให้หยุดนิ่ง พยายามให้มือไม่มีการเคล่ือนท่ี ทาการ
ทดลองซ้าโดยมือซ้ายอยู่เหนือมือขวาประมาณ 50 เซนติเมตร แล้วปล่อยถุงทรายถุงเดิมร่วมกันอภิปรายและ
สรปุ ผลการทากิจกรรม

ขั้นท่ี 3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันตอบคาถามท้ายกจิ กรรมดังน้ี
1. การออกแรงของมือขวาท่ีรับถุงทรายทั้งสองกรณีแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนว

คาตอบ : แรงที่ใชร้ ับถงุ ทรายจากระดบั ทสี่ ูงกว่าจะมีค่ามากกวา่ ถงุ ทรายระดบั ทต่ี ่ากวา่ )

2. ความเรว็ ของถงุ ทรายขณะทีต่ กถงึ มอื ขวาทั้งสองกรณีแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร (แนว
คาตอบ : ขณะที่ถุงทรายกระทบมือ ถุงทรายท่ีปล่อยจากระดับสูงจะมีความเร็วมากกว่าถุงทรายที่ปล่อยจาก
ระดับตา่ )

3. ความเร็วของถุงทรายทั้งสองกรณีเกี่ยวข้องกับการออกแรงรับถุงทรายหรือไม่อย่างไร
(แนวคาตอบ : ถุงทรายท่ีมีความเร็วมากกวา่ จะต้องออกแรงรับมากกว่าถุงทรายทม่ี ีความเรว็ นอ้ ย)

3.2 ครใู ห้นกั เรียนกลบั เขา้ กลุ่มเดิมอีกครั้ง ครูให้นักเรียนทากิจกรรมรับถุงทรายใหม่โดยใช้มือ
ซ้ายถือถงุ ทราย 1 ถุง จากระดบั ที่อยเู่ หนือมือขวาประมาณ 30 เซนติเมตร และใช้มือขวารับถุงทรายให้หยุดน่ิง
ในมือ โดยพยายามไม่ให้ถุงทรายเคล่ือนที่ แล้วทากิจกรรมซ้าอีกครั้ง แต่เพิ่มถุงทรายเป็น 2 ถุง มัดติดกัน โดย
ปลอ่ ยถงุ ทรายที่ระยะความสงู 30 เซนตเิ มตร เปรียบเทียบแรงที่มือขวาต้านถุงทรายเพื่อไม่ให้ถุงทรายเคลื่อนท่ี
ในแต่ละครงั้

3.3 ครูและนักเรียนอภิปรายผลจากการทากิจกรรมครั้งที่ 2 ร่วมกันด้วยคาถามเพื่อเป็นการ
สรา้ งความเขา้ ใจของนกั เรยี นให้ไปในแนวทางเดียวกัน ดงั น้ี

1. แรงท่ีมือขวาใช้รับถุงทรายทั้งสองกรณีแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ :แรง
ท่ใี ชร้ ับถุงทรายท่ีมมี วลมากจะมคี า่ มากกว่าแรงที่ใชร้ บั ถงุ ทรายท่ีมีมวลน้อย)

2. ความเร็วของถุงทรายขณะที่ตกถึงมือขวาทั้งสองกรณีแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
(แนวคาตอบ : ความเร็วของถงุ ทรายทัง้ สองกรณีมีค่าเทา่ กัน)

3. มวลของถงุ ทรายท้งั สองกรณีเก่ียวข้องกับการออกแรงรบั ถุงทรายหรือไม่อย่างไร (แนว
คาตอบ : ถุงทรายทม่ี มี วลมากจะต้อออกแรงรับมากกวา่ ถุงทรายที่มีมวลน้อย)

3.4 ครูอธิบายสรุปการทากิจกรรมรับถุงทรายว่า แรงที่ใช้หยุดการเคล่ือนที่ของวัตถุใดๆ
ข้นึ อยู่กบั มวลและความเร็วของวัตถุน้ัน และถามนักเรียนว่าถ้าจะทาให้วัตถุที่กาลังเคลื่อนที่ให้หยุดนิ่ง แรงต้าน
ท่ีกระทาต่อวัตถุที่มีโมเมนตัมมากกับโมเมนตัมน้อยจะแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ: แตกต่างกัน
เพราะวัตถุทม่ี ีโมเมนตัมมากจะตอ้ งออกแรงต้านมากกวา่ วัตถุที่มีโมเมนตัมนอ้ ย

ขนั้ ท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้
4.1 ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า เม่ือมีแรงลัพธ์กระทาต่อวัตถุจะทาให้โมเมนตัมของวัตถุเปลี่ยนไป

โดยแรงลพั ธเ์ ท่ากับอตั ราการเปลย่ี นโมเมนตมั ของวตั ถุ
โมเมนตัมเป็นปริมาณเวกเตอร์ที่มีทิศเดียวกับความเร็ว ต้องคานึงถึงเครื่องหมายบวกหรือลบ

เสมอและมหี นว่ ยเปน็ กโิ ลกรัมเมตรตอ่ วนิ าที อัตราการเปลี่ยนโมเมนตัมของวัตถุกับเวลาหมายถึงการท่ีแรงลัพธ์
ท่ีกระทากับวัตถุที่ขณะใด ๆ จะมีค่าเท่ากับอัตราการเปลี่ยนโมเมนตัม ของวัตถุที่ขณะนั้นท้ังขนาดและทิศทาง

หรอื F =

4.2 ครูทบทวนกฎการเคลื่อนท่ีของนิวตันข้อท่ี 2 และการนากฎนี้ไปหาความสัมพันธ์ระหว่าง

แรงและโมเมนตมั ของวตั ถุ จนไดส้ มการ  =

ขัน้ ท่ี 5 ขัน้ ประเมนิ ผล
5.1 สังเกตการตอบคาถามในชน้ั เรียน และพฤตกิ รรมขณะทาการเรียนการสอน
5.2 สังเกตจากการตอบคาถามตรวจสอบความเข้าใจและทาแบบฝึกหัด 6.2 ในหนังสือเรียน

รายวชิ าฟสิ ิกสเ์ พ่ิมเติม เล่ม 2 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)

11. นวตั กรรมการศกึ ษา
11.1 สื่อและอุปกรณก์ ารเรียนรู้
- หนังสือเรียนรายวชิ าฟสิ กิ ส์เพ่มิ เติม เลม่ 2 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
- สอ่ื มัลตมิ ีเดยี จากอินเตอร์เนต็

- คลิปวีดโิ อการเล่นกฬี าฟุตบอล แบดมินตัน ปิงปอง เทนนิส แบบใช้กล้องความเร็วปกติ และคลิป
วีดโิ อแบบใช้กลอ้ งความเรว็ สงู (high-speed camera)

11.2 แหลง่ เรียนรู้
- ห้องสมดุ โรงเรียน
- อินเทอรเ์ นต็
- เว็บไซต์ : https://sites.google.com/a/bpn.ac.th/physics/hna-erek

12. การวดั และประเมินผล

จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวัด เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

ดา้ นความรู้ (K)

1. อธิบายได้ว่าเมื่อแรงกระทา วัดจากการตอบคาถาม - คาถามตรวจสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง

ต่อวัตถุจะทาให้โมเมนตัม - คาถามตรว จสอบ เข้าใจ 6.2 รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป

เปล่ียนแปลงได้ ความเขา้ ใจ 6.2 - แบบฝึกหดั 6.2

- แบบฝึกหดั 6.2

ด้านกระบวนการ (P)

2. คานวณหาปริมาณต่าง ๆ ท่ี วดั จากการตอบคาถาม - คาถามตรวจสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง

เก่ียวกับแรงและการเปล่ียน - คาถามตรว จสอบ เขา้ ใจ 6.2 รอ้ ยละ 70 ข้นึ ไป

แปลงโมเมนตัมได้ ความเข้าใจ 6.2 - แบบฝกึ หดั 6.2

- แบบฝกึ หดั 6.2

ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)

3. ทางานร่วมกับผู้อ่ืนอย่าง การสังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนในระดับ 2

สร้างสรรค์ ยอมรับความคิด การเรยี นร้รู ายบุคคล ข้นึ ไป

เหน็ ของผู้อนื่ ได้

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 80 - 100 % ให้ ดีมาก
ระดับคะแนน 70 - 79 % ให้ ดี
ระดบั คะแนน 60 - 69 % ให้ ปานกลาง
ระดับคะแนน 50 - 59 % ให้ พอใช้
ระดับคะแนน 0 – 49 % ให้ ปรับปรงุ
ระดับคะแนน

13. การบูรณาการหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง

1. ผสู้ อนใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

หลักพอเพียง พอประมาณ มเี หตผุ ลทีด่ ี มภี มู ิคุม้ กันในตัวท่ีดี
ประเด็น

กิจกรรมการเรียนรู้ - มีการวางแผนการจัดกิจกรรม - จัดการเรียนรู้ตรง - มีการวางแผนการจัดกิจ

ด้านต่างๆชัดเจน มีลาดับข้ัน ตามผลการเรยี นรู้ กรรมอยา่ งชดั เจนเปน็ ลาดบั

ตอน มีการกาหนดเนื้อหาสาระ

จัดกิจกรรมผ่านกระบวนการ

กลมุ่

เวลา - กาหนดเนื้อหาสาระเหมาะสม - เพื่อให้กิจกรรมการ - มีการเผอื่ เวลาในการทากิจ

สอ่ื กับเวลา กิจกรรมการเรียนรู้ใช้ เรียนการสอนบรรลุผล กรรมแต่ละขั้นเพ่ือให้นัก

แหลง่ เรยี นรู้ กระบวนการกลุ่มนักเรียนทา การเรียนรู้ได้ตามเวลา เรียนที่มีความสามารถต่าง

ความรทู้ ีใ่ ชใ้ นการจัด งานไดท้ ันตามเวลาท่ีกาหนด ทกี่ าหนด กันสามารถทางานให้เสร็จ
กจิ กรรมการเรยี นรู้
ทนั เวลา
คุณธรรม
- จัดเตรียมและใช้สื่อในการจัด - ใช้เคร่ืองมือเพื่อให้ - มีลาดับข้ันตอนในการใช้

กิจกรรมการเรียนการสอน นั ก เ รี ย น ไ ด้ ร่ ว ม อ ภิ สือ่ ต่างๆอยา่ งคมุ้ คา่

เหมาะสมกับจานวนกลมุ่ ปรายในแบบฝึ กกิจ

กรรม

- กาหนดเนื้อหาสาระและกิจ - เพื่อให้การจัดการ - มีการสืบค้นทางอินเทอร์

กรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับ เรียนรู้สอดคล้องกับวิถี เน็ต การค้นคว้าในห้องสมุด

แหลง่ เรียนรู้ ชีวิตทาให้สามารถนา ก่อนจะออกแบบกิจกรรม

ความรู้มาใช้ในชีวิต การเรียนร้ตู ่างๆ

ประจาวันได้

- สบื ค้นเทคนิควธิ ีการสอน,รปู แบบการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

- ศกึ ษาเนื้อหาด้านตา่ งๆให้ชดั เจน

- ศกึ ษาค้นควา้ และบรู ณาการหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งกับการจดั การเรยี นรู้

- มคี วามรับผดิ ชอบในการปฏิบัติหนา้ ทกี่ ารสอน ตรงตอ่ เวลา เตรยี มการสอนลว่ งหนา้

- มคี วามเมตตา ใหค้ วามเสมอภาค และยตุ ธิ รรมกบั นักเรยี นทุกคน

- มีความเสยี สละ อดทน และใฝรุ ู้

2. ผู้เรยี นมีคุณลักษณะ “อยู่อย่างพอเพียง”

พอประมาณ มเี หตผุ ลทีด่ ี มภี ูมคิ ุ้มกนั ทดี่ ี

- แต่ละกลุ่มแบ่งหน้าท่ีในกลุ่ม - มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเน้ือหา - ฝึกการมีส่วนร่วมในการทางาน

เหมาะสมกับความสามารถและพอ ในเร่ืองที่ศึกษา สามารถวิเคราะห์ข้อ สรา้ งความสามัคคีในการทางาน

เพียงกบั จานวนสมาชกิ มูลต่างๆได้อยา่ งถูกตอ้ ง

- วางแผนการทางานอย่างรอบคอบ - รู้จักทางานร่วมกับผู้อ่ืนโดยใช้กระ

โดยกาหนดเวลาในการทากิจกรรม บวนการกลมุ่

อย่างเหมาะสม

ความรู้ (วิธีการ) - สืบคน้ ขอ้ มูล เพื่อเสริมสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ

- ศึกษา ค้นคว้าวิธีการทาแบบฝกึ หัดกิจกรรม และใบงาน

- วิเคราะหข์ ้อมลู โดยใชท้ กั ษะกระบวนการคดิ

คณุ ธรรมทเี่ กิดกบั นกั เรียน - มีความรับผิดชอบในหน้าท่ี ท่ีได้รับมอบหมาย ทางานด้วยความเรียบร้อย

ถูกตอ้ ง และเสรจ็ ทนั เวลา

- มีความสามัคคีในหมู่คณะ มีวินับเป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดีขณะปฏิบัติงานร่วม

กัน

- รว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ด้วยความกระตอื รือร้น สนใจ ต้ังใจ และใฝเุ รยี นรู้

3. ผลลัพธ์ KPA 4 มติ ิ ท่เี กีย่ วข้องกับการอยู่อย่างพอเพียง

ผลลัพธ์ สมดลุ พร้อมต่อการเปลย่ี นแปลงในดา้ นตา่ งๆ

ด้านวัตถุ ด้านสังคม ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม ดา้ นวัฒนธรรม
-
ดา้ นความรู้ - มีความรู้ความเข้าใจ - มีความรู้เก่ียวกับการทา - มีความรู้ความเข้า
-
เก่ียวกับแรงและการ งานเป็นกลุ่มและการวาง ใ จ ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง

เปลี่ยนโมเมนตัม แผนร่วมกบั ผอู้ ่นื ฟิสกิ ส์

ด้านทกั ษะ - มีความสามารถใน - สามารถทางานร่วมกับ -

การอภิปราย ทาแบบ ผู้อื่นในรูปแบบกลุ่มและมี

ฝึก/ใบงาน ทักษะในการสร้างปฏิสัม

พนั ธก์ บั ผอู้ นื่

บนั ทึกผลหลงั การสอน
ผลการเรยี นรู้

…………………………………………………………………………………………..................…………………………………………………
……………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………

ปัญหาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………..................…………………………………………………
……………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..

ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………..................…………………………………………………
……………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ......................................................ผู้สอน
(นางสาวกนกวรรณ บุญเกตุ)

ความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรียนศรสี โมสรวทิ ยา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ…………………………………………
(นายเมธี วัฒนสงิ ห)์

ผู้อานวยการโรงเรยี นศรีสโมสรวิทยา

คาถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.2

1. แรงทาให้โมเมนตัมของวตั ถเุ ปลยี่ นได้อยา่ งไร
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

2. การเปลยี่ นโมเมนตมั มีทิศทางเดียวกับแรงหรือไม่ อยา่ งไร
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

3. เมื่อขนาดความเร็วของวัตถุเพิ่ม การเปล่ียนขนาดโมเมนตัมและการเปล่ียนพลังงานจลน์ของวัตถุจะเป็น
อยา่ งไร
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

4. วัตถุทีต่ กแบบเสรีมีการเปลย่ี นโมเมนตัมหรือไม่ อยา่ งไร
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

เฉลยคาถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.2

1. แรงทาใหโ้ มเมนตัมของวตั ถุเปลีย่ นได้อยา่ งไร
ตอบ แรงทาให้ขนาดหรือทิศทางของโมเมนตัมอย่างใดอย่างหน่ึงเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนแปลงท้ัง

สองอย่างพร้อมกัน สอดคล้องสมการ F = = pf pi เน่ืองจากแรงทาให้วัตถุเกิดความเร่งหรือเปล่ียนแปลง
ความเร็ว ตามกฎการเคลอ่ื นทข่ี องนวิ ตัน

2. การเปลีย่ นโมเมนตัมมที ศิ ทางเดยี วกบั แรงหรือไม่ อยา่ งไร
ตอบ โมเมนตัมของวัตถุท่ีเปลี่ยนแปลงเป็นปริมาณเวกเตอร์ที่มีทิศทางเดียวกับแรงลัพธ์ที่กระทาต่อ

วัตถุ ตามสมการ F =

3. เม่ือขนาดความเร็วของวัตถุเพ่ิม การเปลี่ยนขนาดโมเมนตัมและการเปลี่ยนพลังงานจลน์ของวัตถุจะเป็น
อยา่ งไร

ตอบ ทั้งขนาดของโมเมนตัมและพลังงานจลน์ของวัตถุเพิ่มขึ้น เพราะทั้งขนาดโมเมนตัมและพลังงาน
จลนข์ องวตั ถขุ นึ้ อยกู่ บั ขนาดความเร็วของวัตถุ โดยสอดคลอ้ งกับสมการ p = mv และ Ek = mv2

4. วตั ถุทต่ี กแบบเสรมี กี ารเปล่ยี นโมเมนตัมหรือไม่ อย่างไร
ตอบ การตกแบบเสรีมีแรงลัพธ์กระทาต่อวัตถุเท่ากับแรงโน้มถ่วงตลอดการเคลื่อนท่ี ทาให้วัตถุมี

ความเรว็ เปลย่ี น โมเมนตมั ของวตั ถุท่ีตกแบบเสรี จึงมกี ารเปล่ยี นแปลง

แบบฝกึ หดั 6.2

1. วัตถุมวล 0.4 กิโลกรัม เคล่อื นท่ใี นแนวระดบั ด้วยอัตราเร็วคงตัว 5 เมตรต่อวินาที ไปชนผนังแนวดิ่งหลังจาก
ชนแลว้ กระดอนกลบั ในแนวเดิมด้วยอัตราเรว็ เดมิ แตท่ ิศทางตรงขา้ ม จงหาโมเมนตมั ที่เปลยี่ นไป
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
2. ลูกฟุตซอลมวล 0.5 กโิ ลกรมั เคลื่อนท่ดี ว้ ยความเร็ว 20 เมตรต่อวนิ าที ถ้าผ้รู ักษาประตูรับลูกฟุตซอลให้หยุด
น่งิ ภายในเวลา 1.0 วนิ าที แรงเฉลย่ี ท่ลี ูกบอลกระทาตอ่ ผู้รกั ษาประตมู ีขนาดเท่าใด
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
3. ลูกกลมลูกหน่ึงมวล 2 กิโลกรัม เคล่ือนท่ีด้วยอัตราเร็ว 1 เมตรต่อวินาที ไปกระทบฝาผนังและกระดอนกลับ
ดว้ ยอัตราเรว็ 1 เมตรตอ่ วนิ าที ถ้าแรงเฉลย่ี ที่กระทาต่อผนังในช่วงเวลาท่ีมีการชนเป็น 4 นิวตัน เวลาดังกล่าวมี
คา่ เท่าใด
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
4. วตั ถมุ วล 4 กโิ ลกรัม เคลื่อนที่ด้วยอตั ราเรว็ คงตวั 5 เมตรตอ่ วนิ าที ในแนวระดับไปชนกาแพงแนวด่ิงหลังจาก
ชนแลว้ กระดอนกลับในแนวเดิมดว้ ยอัตราเรว็ คงเดมิ แต่ทิศทางตรงข้าม

ก. จงหาโมเมนตมั ทเี่ ปลี่ยนไป
ข. ถ้าเวลาทวี่ ัตถุชนกาแพง 0.5 วนิ าที แรงเฉลี่ยท่ีวัตถนุ น้ั กระทาตอ่ กาแพงเปน็ เทา่ ใด
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

เฉลยแบบฝกึ หัด 6.2

1. วัตถุมวล 0.4 กโิ ลกรมั เคล่ือนทีใ่ นแนวระดบั ด้วยอัตราเร็วคงตัว 5 เมตรต่อวินาที ไปชนผนังแนวดิ่งหลังจาก
ชนแลว้ กระดอนกลบั ในแนวเดิมดว้ ยอตั ราเรว็ เดมิ แต่ทิศทางตรงข้าม จงหาโมเมนตัมท่เี ปล่ยี นไป
วิธีทา กาหนดใหท้ ศิ ความเร็วของวัตถทุ เ่ี ข้าหากาแพงมเี ครื่องหมาย +

ให้ทศิ ความเร็วของวัตถทุ อ่ี อกจากกาแพงมีเครื่องหมาย –
โมเมนตมั ท่ีเปล่ียนไปหาไดจ้ ากสมการ

p = pf pi
= (0.4)(5) (0.4)(5)
= 4 kg. m/s

ตอบ โมเมนตัมท่เี ปลย่ี นไปเท่ากบั 4 กิโลกรมั .เมตรต่อวินาที ในทศิ ทางออกจากกาแพง

2. ลูกฟตุ ซอลมวล 0.5 กิโลกรัม เคลือ่ นทด่ี ว้ ยความเร็ว 20 เมตรต่อวินาที ถ้าผู้รกั ษาประตูรับลูกฟุตซอลให้หยุด
นงิ่ ภายในเวลา 1.0 วินาที แรงเฉล่ยี ท่ีลกู บอลกระทาตอ่ ผู้รักษาประตูมีขนาดเท่าใด

วิธีทา กาหนดให้ ความเรว็ ของลูกฟตุ บอลทีเ่ ข้าหาผ้รู ักษาประตมู เี ครื่องหมาย +

จาก Fav = =

= ( )( ) ( )( )

= 10 N
ตอบ แรงเฉลีย่ ทม่ี อื กระทาตอ่ ลกู บอลมขี นาด 250 นวิ ตนั

3. ลกู กลมลูกหนง่ึ มวล 2 กิโลกรัม เคล่ือนที่ด้วยอัตราเร็ว 1 เมตรต่อวินาที ไปกระทบฝาผนังและกระดอนกลับ
ด้วยอตั ราเรว็ 1 เมตรตอ่ วินาที ถา้ แรงเฉลย่ี ท่ีกระทาต่อผนังในช่วงเวลาที่มีการชนเป็น 4 นิวตัน เวลาดังกล่าวมี
ค่าเทา่ ใด
วธิ ที า กาหนด ใหท้ ิศความเรว็ ของลูกกลมที่เขา้ หาผนังมเี คร่ืองหมาย +

ให้ทศิ ทางของความเรว็ ของลูกกลมท่ีออกจากผนงั มเี ครื่องหมาย –
ให้ทศิ ทางของแรงเฉลี่ยทล่ี กู กลมกระทาต่อผนังมีเคร่ืองหมาย +
ใหท้ ศิ ทางของแรงเฉล่ยี ทผ่ี นังกระทาต่อลกู กลมมเี ครื่องหมาย –

พิจารณาทล่ี ูกกลม จาก F =

4 = ( )( ) ( )( )

t = 1s
ตอบ เวลาในการชนเทา่ กับ 1 วินาที

4. วัตถมุ วล 4 กโิ ลกรมั เคล่ือนทด่ี ้วยอตั ราเร็วคงตวั 5 เมตรต่อวนิ าที ในแนวระดับไปชนกาแพงแนวด่ิงหลังจาก
ชนแล้วกระดอนกลับในแนวเดิมดว้ ยอตั ราเร็วคงเดมิ แต่ทิศทางตรงขา้ ม

ก. จงหาโมเมนตัมทเ่ี ปล่ยี นไป
ข. ถา้ เวลาทวี่ ัตถชุ นกาแพง 0.5 วินาที แรงเฉลี่ยท่วี ัตถนุ นั้ กระทาต่อกาแพงเป็นเทา่ ใด
วิธีทา ก. กาหนดให้ทศิ ความเรว็ ของวตั ถทุ ีเ่ ข้าหากาแพงมีเคร่ืองหมาย +
ใหท้ ศิ ความเรว็ ของวตั ถุทอ่ี อกจากกาแพงมเี ครื่องหมาย –
โมเมนตัมทเ่ี ปลย่ี นไปหาไดจ้ ากสมการ p = pf pi

= (4)(5) (4)(5)

= 40 kg. m/s
ตอบ โมเมนตมั ที่เปล่ยี นไปเท่ากับ 40 กโิ ลกรัม.เมตรตอ่ วนิ าที ในทิศทางออกจากกาแพง

ข. กาหนดให้ทิศความเรว็ ของวัตถุทเ่ี ขา้ หากาแพงมเี ครอ่ื งหมาย +

ให้ทศิ ความเรว็ ของวตั ถทุ ี่ออกจากกาแพงมเี คร่ืองหมาย –

หาแรงเฉลีย่ จากสมการ Fav =

แทนคา่ จากขอ้ ก. จะได้ =

= 80 N

ตอบ แรงเฉล่ยี ท่ีกาแพงกระทาต่อวัตถเุ ท่ากับ 80 นวิ ตัน ในทศิ ทางออกจากกาแพง

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4
รายวิชาฟิสิกส์เพมิ่ เติม (ว30202) เวลา 12 ช่ัวโมง
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 โมเมนตัมและการชน
เรอื่ ง การดล

1. ผลการเรียนรู้
อธิบาย และคานวณโมเมนตัมของวัตถุ และการดลจากสมการและพ้ืนท่ีใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่าง

แรงลพั ธก์ ับเวลา รวมท้ังอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างแรงดลกับโมเมนตัม

2. สาระสาคญั
วัตถุที่เคล่ือนท่ีจะมีโมเมนตัมซึ่งเป็นปริมาณเวกเตอร์มีค่าเท่ากับผลคูณระหว่างมวลและความเร็วของ

วัตถุ เมื่อมีแรงลัพธ์กระทาต่อวัตถุจะทาให้โมเมนตัมของวัตถุเปลี่ยนไป โดยแรงลัพธ์เท่ากับอัตราการเปลี่ยน
โมเมนตัมของวัตถุ แรงลัพธ์ท่ีกระทาต่อวัตถุในเวลาสั้น ๆ เรียกว่า แรงดล โดยผลคูณของแรงดลกับเวลา
เรยี กวา่ การดล ซ่ึงการดลอาจหาได้จากพ้นื ทใี่ ตก้ ราฟระหวา่ งแรงดลกบั เวลา

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายความหมายของโมเมนตัมของวัตถุ การดล แรงดล รวมท้ังอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรง

ดลกับโมเมนตมั ได้ (K)
2. วเิ คราะห์ แปลความหมาย และคานวณโมเมนตัมของวตั ถุ การดลจากสมการของพื้นท่ีใต้กราฟ และ

แรงดลได้ (P)
3. ทางานรว่ มกบั ผอู้ ื่นอย่างสรา้ งสรรค์ ยอมรบั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่นื ได้ (A)

4. สาระการเรียนรู้
โมเมนตัม คือ ผลคูณระหว่างมวลกับความเร็วของมวลน้ัน เป็นปริมาณเวกเตอร์ซ่ึงมีทิศทางไปตามทิศ

ของความเรว็ นั้น เขยี นเปน็ สมการแสดงจะได้ว่า
p = mv

เมอื่ p คอื โมเมนตมั ( กโิ ลกรมั . เมตร/วินาที )
m คอื มวล ( กิโลกรมั )
v คอื ความเร็วของมวลนน้ั ( เมตร/วนิ าที )

โมเมนตัมของวัตถหุ รอื ระบบใดๆ จาแนกได้ 2 ประเภท คือ
1. โมเมนตัมเชิงเส้น ( linear momentum ) เป็นโมเมนตมั ของการเคลอื่ นทแ่ี บบเลือ่ นที่
2. โมเมนตัมเชิงมุม ( angular momentum ) เป็นโมเมนตมั ของการเคลอื่ นที่รอบจุดหน่งึ ๆ

โดยทว่ั ไปเมือ่ ใชค้ าว่า "โมเมนตัม" จะหมายถงึ โมเมนตัมเชิงเส้น
ในกรณีที่วัตถุถูกแรงกระทาวัตถุจะมีการเปล่ียนแปลงความเร็วและโมเมนตัม ค่าของโมเมนตัมท่ี
เปลีย่ นไป เรยี กวา่ การดล ( P )
น่นั คือ P = P1 P2

P = mv mu
เมื่อ P คอื การดล (กิโลกรัม . เมตร/วนิ าที )

m คอื มวล ( กโิ ลกรมั )
v คอื ความเร็วปลาย ( เมตร/วินาที )

u คือ ความเรว็ ตน้ ( เมตร/วนิ าที )
แรงที่ทาใหโ้ มเมนตมั เปลี่ยนไป เรียกแรงดล ( F ) ซึ่งหาคา่ ไดจ้ าก

F=

F=

F= ()

เมอื่ F คอื แรงดล ( นวิ ตัน )
T คือ เวลา ( วนิ าที )

หมายเหตุ ; ในการคานวณเก่ยี วกบั โมเมนตมั การดล และแรงดลนั้น ต้องกากับทิศทางของตัวแปรต่าง
ๆ โดยใช้เครื่องหมายบวกและลบ ดงั นี้

สาหรบั ความเร็วตน้ (u) , ความเร็วปลาย (v) , การดล (P) , แรงดล (F)
หากมที ศิ พุ่งเขา้ หรอื ไปขา้ งหนา้ ต้องใช้คา่ เปน็ บวก ( + )
หากมที ิศพ่งุ ออกหรือมาข้างหลงั ใหใ้ ช้ค่าเป็นลบ ( – )

5. สมรรถนะสาคญั
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ซอ่ื สัตย์
2. มีวนิ ยั
3. ใฝเุ รยี นรู้
4. อยู่อย่างพอเพียง
5. มงุ่ ม่นั ในการทางาน
6. มีจิตสาธารณะ

7. คา่ นิยม / คณุ ธรรม
1. ใฝหุ าความรู้ หมัน่ ศกึ ษาเล่าเรยี น
2. มีสติ รคู้ ิด ร้ทู า
3. มีระเบียบวินยั
4. มีความเข้มแขง็ ทงั้ รา่ งกายและจติ ใจ ไมย่ อมแพ้ต่ออานาจฝุายตา่

8. ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21
1. คดิ อย่างเป็นระบบและทางานกบั ผูอ้ นื่ อย่างสร้างสรรค์
2. การเขา้ ถงึ สารสนเทศ และนาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใชอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ
3. มคี วามยืดหยุ่น ปรับตัวเพ่ือพร้อมรบั การเปลย่ี นแปลง

9. ภาระงาน/ชิ้นงาน
1. คาถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.3
2. แบบฝึกหัด 6.3

10. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (รปู แบบวงจรการเรียนรู้ 5E)
ขั้นที่ 1 ขัน้ นาเข้าสบู่ ทเรียน
1.1 ครูให้นักเรียนดูคลิปวีดีโอการเกิดโมเมนตัมและการดล (https://www.youtube.

com/watch?v=E13h1E_Pc00)
1.2 ครูถามนักเรียนว่าหากวัตถุก้อนเดิมมีการเปลี่ยนแปลงความเร็ว ปริมาณใดจะ

เปลีย่ นแปลงตามไปด้วย (แนวคาตอบ : โมเมนตัม)
1.3 ครูถามนักเรียนว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมเกิดขึ้นปริมาณใดจะยังคงเท่าเดิม

(แนวคาตอบ : มวล)
1.4 แจ้งใหน้ กั เรียนทราบวา่ จะได้ศกึ ษาเกยี่ วกับเกยี่ วกับ การดล รวมถึงจุดประสงค์การเรียนรู้

และเกณฑ์การวัดประเมินผล
ขน้ั ที่ 2 ข้ันสารวจและคน้ พบ
2.1 ครูสุ่มนักเรียน 4 คน ให้ทาการทดลองโยนไข่จากหน้าต่างห้องเรียนลงมายังพื้นคนท่ี 1

และ 2 จะได้รบั ไข่ที่มีเพยี งถงุ พลาสติกหมุ้ ไว้ 1 ชน้ั คนที่ 3 และ 4 จะไดร้ ับไข่ที่อยใู่ นกรวยกระดาษ 1 แผ่น
2.2 ครูให้นักเรียนในช้ันเรียนเลือกว่า ไข่ที่อยู่กับเพ่ือนคนใดจะแตกและไม่แตกเพราะเหตุใด

(คาตอบเป็นแบบปลายเปดิ )
2.3 ครูใหน้ ักเรยี น 4 คน ในขอ้ ที่ 2.1 โยนไข่ และนกั เรียนคนอืน่ สงั เกตผลท่เี กดิ ขึน้

ขั้นที่ 3 ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครูสุ่มนกั เรียน 4 คน อธิบายถึงผลท่ีเกิดจากการโยนไข่ (แนวคาตอบ : ไข่ของนักเรียนคน

ที่ 1 และ 2 แตก คนท่ี 3 และ 4 ไมแ่ ตก เพราะกระดาษรับแรงกระแทกแทนไข)่
3.2 ครตู ั้งคาถามวา่
- ปริมาณต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับการทดลองนี้มีอะไรบ้าง (แนวคาตอบ : มวลความเร็ว

แรงโนม้ ถ่วง ระยะทาง เวลา แรง และ โมเมนตมั )
- เพราะเหตุใดไข่ที่มีมวลเท่ากัน เม่ือไปอยู่ในถุงพลาสติกกับกระดาษจึงมีผลการแตกไม่

เหมือนกัน (แนวคาตอบ : เพราะกระดาษช่วยเพมิ่ เวลาในการตกทาให้แรงทพ่ี นื้ กระทาต่อไขล่ ดลง)
- นักเรียนคิดว่า การทดลองน้ีมีปริมาณใดที่เปล่ียนไปบ้างต่อไข่ 1 ใบ (แนวคาตอบ :

ความเรว็ และโมเมนตมั )
ข้นั ท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้
4.1 อธิบายเพ่ิมเติมว่า ในกรณีที่วัตถุถูกแรงกระทาวัตถุจะมีการเปล่ียนแปลงความเร็วและ

โมเมนตัม คา่ ของโมเมนตัมทเ่ี ปลยี่ นไป เรียกวา่ การดล ( P )
นัน่ คือ P = P1 P2
P = mv mu
เมอ่ื P คือ การดล (กโิ ลกรมั . เมตร/วินาที )
m คือ มวล ( กโิ ลกรมั )
v คือ ความเร็วปลาย ( เมตร/วนิ าที )
u คือ ความเร็วตน้ ( เมตร/วนิ าที )
แรงทที่ าให้โมเมนตัมเปลย่ี นไป เรยี กแรงดล ( F ) ซงึ่ หาค่าได้จาก

F=

F=

F= ()

เมื่อ F คือ แรงดล ( นิวตนั )
t คือ เวลา ( วินาที )

หมายเหตุ ; ในการคานวณเกี่ยวกับโมเมนตมั การดล และแรงดลน้ัน ต้องกากับทิศทางของตัว
แปรตา่ งๆ โดยใช้เคร่ืองหมายบวกและลบ ดังน้ี

สาหรบั ความเรว็ ต้น (u) , ความเร็วปลาย (v) , การดล (P) , แรงดล ( F )
หากมที ิศพงุ่ เขา้ หรือไปข้างหน้าต้องใชค้ า่ เป็นบวก ( + )
หากมที ิศพุ่งออกหรอื มาข้างหลงั ใหใ้ ช้ค่าเป็นลบ ( – )
ขน้ั ที่ 5 ขน้ั ประเมินผล
5.1 สังเกตการตอบคาถามในช้ันเรยี น และพฤติกรรมขณะทาการเรยี นการสอน
5.2 สังเกตจากการตอบคาถามตรวจสอบความเข้าใจและทาแบบฝึกหัด 6.3 ในหนังสือเรียน
รายวิชาฟิสิกส์เพม่ิ เติม เลม่ 2 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)

11. นวัตกรรมการศึกษา
11.1 ส่ือและอุปกรณ์การเรียนรู้
- หนังสือเรยี นรายวิชาฟิสิกส์เพิม่ เตมิ เลม่ 2 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
- สือ่ มัลติมีเดยี จากอินเตอรเ์ นต็
- ไข่ไกด่ ิบ ถุงพลาสตกิ และกระดาษการ์ด
- คลิปวีดีโอเร่ืองการเกิดโมเมนตัมและการดลจากhttps://www.youtube.com/watch?

v=E13h1E_Pc00
11.2 แหลง่ เรยี นรู้
- ห้องสมุดโรงเรยี น
- อินเทอรเ์ น็ต
- เว็บไซต์ : https://sites.google.com/a/bpn.ac.th/physics/hna-erek

12. การวดั และประเมนิ ผล

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีการวดั เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ

ดา้ นความรู้ (K)

1. อธิบายความหมายของโมเม วัดจากการตอบคาถาม - คาถามตรวจสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง

นตัมของวัตถุ การดล แรงดล - คาถามตรว จสอบ เข้าใจ 6.3 รอ้ ยละ 70 ขนึ้ ไป

รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ ความเขา้ ใจ 6.3 - แบบฝึกหดั 6.3

ระหวา่ งแรงดลกับโมเมนตมั ได้ - แบบฝึกหัด 6.3

ดา้ นกระบวนการ (P)

2. วิเคราะห์ แปลความหมาย วดั จากการตอบคาถาม - คาถามตรวจสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง

และคานวณโมเมนตัมของวัตถุ - คาถามตรว จสอบ เขา้ ใจ 6.3 ร้อยละ 70 ขึ้นไป

การดลจากสมการของพ้ืนท่ีใต้ ความเข้าใจ 6.3 - แบบฝึกหดั 6.3

กราฟ และแรงดลได้ - แบบฝึกหดั 6.3

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนในระดับ 2
การเรยี นรู้รายบุคคล ขนึ้ ไป
3. ทางานร่วมกับผู้อ่ืนอย่าง การสังเกตพฤติกรรม
สร้างสรรค์ ยอมรับความคิด
เหน็ ของผู้อ่ืนได้

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 80 - 100 % ให้ ดมี าก
ระดับคะแนน 70 - 79 % ให้ ดี
ระดับคะแนน 60 - 69 % ให้ ปานกลาง
ระดับคะแนน 50 - 59 % ให้ พอใช้
ระดับคะแนน 0 – 49 % ให้ ปรบั ปรงุ
ระดบั คะแนน

13. การบรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง

1. ผู้สอนใช้หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

หลกั พอเพียง พอประมาณ มีเหตผุ ลทดี่ ี มีภูมิคมุ้ กันในตัวทดี่ ี
ประเดน็

กิจกรรมการเรียนรู้ - มีการวางแผนการจัดกิจกรรม - จัดการเรียนรู้ตรง - มีการวางแผนการจัดกิจ

ด้านต่างๆชัดเจน มีลาดับขั้น ตามผลการเรียนรู้ กรรมอยา่ งชดั เจนเปน็ ลาดับ

ตอน มีการกาหนดเน้ือหาสาระ

จัดกิจกรรมผ่านกระบวนการ

กลมุ่

เวลา - กาหนดเนื้อหาสาระเหมาะสม - เพ่ือให้กิจกรรมการ - มกี ารเผอื่ เวลาในการทากิจ

กับเวลา กิจกรรมการเรียนรู้ใช้ เรียนการสอนบรรลุผล กรรมแต่ละข้ันเพ่ือให้นัก

กระบวนการกลุ่มนักเรียนทา การเรียนรู้ได้ตามเวลา เรียนท่ีมีความสามารถต่าง

งานได้ทนั ตามเวลาที่กาหนด ทีก่ าหนด กันสามารถทางานให้เสร็จ

ทันเวลา

สอ่ื - จัดเตรียมและใช้ส่ือในการจัด - ใช้เคร่ืองมือเพื่อให้ - มีลาดับข้ันตอนในการใช้

กิจกรรมการเรียนการสอน นั ก เ รี ย น ไ ด้ ร่ ว ม อ ภิ สอ่ื ต่างๆอย่างคมุ้ คา่

เหมาะสมกบั จานวนกลุม่ ปรายในแบบฝึ กกิจ

กรรม

แหลง่ เรยี นรู้ - กาหนดเน้ือหาสาระและกิจ - เพื่อให้การจัดการ - มีการสืบค้นทางอินเทอร์

กรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับ เรียนรู้สอดคล้องกับวิถี เน็ต การค้นคว้าในห้องสมุด

แหล่งเรยี นรู้ ชีวิตทาให้สามารถนา ก่อนจะออกแบบกิจกรรม

ความรู้มาใช้ในชีวิต การเรียนร้ตู า่ งๆ

ประจาวันได้

ความรทู้ ใ่ี ช้ในการจัด - สบื ค้นเทคนิควิธีการสอน,รปู แบบการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

กจิ กรรมการเรยี นรู้ - ศึกษาเน้ือหาด้านตา่ งๆให้ชดั เจน

- ศกึ ษาคน้ คว้าและบูรณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงกับการจัดการเรียนรู้

คณุ ธรรม - มคี วามรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั หิ น้าทก่ี ารสอน ตรงตอ่ เวลา เตรยี มการสอนลว่ งหน้า

- มคี วามเมตตา ให้ความเสมอภาค และยุตธิ รรมกบั นักเรียนทุกคน

- มคี วามเสียสละ อดทน และใฝรุ ู้

2. ผู้เรียนมคี ณุ ลักษณะ “อยู่อยา่ งพอเพียง”

พอประมาณ มเี หตุผลท่ดี ี มภี มู ิคมุ้ กันทีด่ ี

- แต่ละกลุ่มแบ่งหน้าท่ีในกลุ่ม - มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเน้ือหา - ฝึกการมีส่วนร่วมในการทางาน

เหมาะสมกับความสามารถและพอ ในเร่ืองที่ศึกษา สามารถวิเคราะห์ข้อ สรา้ งความสามคั คีในการทางาน

เพยี งกบั จานวนสมาชิก มูลต่างๆไดอ้ ยา่ งถูกต้อง

- วางแผนการทางานอย่างรอบคอบ - รู้จักทางานร่วมกับผู้อ่ืนโดยใช้กระ

โดยกาหนดเวลาในการทากิจกรรม บวนการกล่มุ

อย่างเหมาะสม

ความรู้ (วิธีการ) - สืบค้นข้อมลู เพื่อเสรมิ สร้างความรู้ ความเข้าใจ

- ศึกษา คน้ คว้าวธิ กี ารทาแบบฝกึ หัดกิจกรรม และใบงาน

- วิเคราะหข์ อ้ มลู โดยใชท้ ักษะกระบวนการคดิ

คณุ ธรรมทเ่ี กิดกบั นักเรียน - มีความรับผิดชอบในหน้าท่ี ที่ได้รับมอบหมาย ทางานด้วยความเรียบร้อย

ถูกตอ้ ง และเสร็จทันเวลา

- มีความสามัคคีในหมู่คณะ มีวินับเป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดีขณะปฏิบัติงานร่วม

กัน

- รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ยความกระตอื รือร้น สนใจ ตัง้ ใจ และใฝุเรยี นรู้

3. ผลลัพธ์ KPA 4 มิติ ทีเ่ ก่ียวข้องกบั การอยู่อยา่ งพอเพียง

ผลลพั ธ์ สมดุลพร้อมต่อการเปลย่ี นแปลงในด้านต่างๆ

ดา้ นวัตถุ ด้านสังคม ด้านสงิ่ แวดลอ้ ม ด้านวัฒนธรรม
-
ดา้ นความรู้ - มีความรู้ความเข้าใจ - มีความรู้เกี่ยวกับการทา - มีความรู้ความเข้า
-
เกีย่ วกบั การดล งานเป็นกลุ่มและการวาง ใ จ ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง

แผนรว่ มกบั ผู้อ่ืน ฟิสกิ ส์

ดา้ นทกั ษะ - มีความสามารถใน - สามารถทางานร่วมกับ -

การอภิปราย ทาแบบ ผู้อื่นในรูปแบบกลุ่มและมี

ฝึก/ใบงาน ทักษะในการสร้างปฏิสัม

พนั ธ์กับผ้อู ืน่

บนั ทึกผลหลงั การสอน
ผลการเรียนรู้

…………………………………………………………………………………………..................…………………………………………………
……………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………

ปัญหาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………..................…………………………………………………
……………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..

ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………..................…………………………………………………
……………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………

ลงชือ่ ......................................................ผู้สอน
(นางสาวกนกวรรณ บุญเกตุ)

ความคิดเห็นของผู้อานวยการโรงเรียนศรสี โมสรวิทยา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ…………………………………………
(นายเมธี วัฒนสงิ ห)์

ผอู้ านวยการโรงเรยี นศรีสโมสรวทิ ยา

คาถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.3

1. การดลและแรงมีความสัมพันธก์ นั หรือไม่ อยา่ งไร
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

2. แรงดล มที ศิ ทางเดียวกบั ปริมาณใดตอ่ ไปน้ี
ก. โมเมนตมั ข. การเปลย่ี นโมเมนตมั ค. การดล
ง. ความเรว็ จ. การเปล่ยี นความเร็ว ฉ. ความเรง่

...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

3. การเบรกรถจักรยาน ให้รถช้าลงจนหยุด กับการเบรกรถจักรยานให้รถหยุด ทันที การดลในกรณีแรก
มากกวา่ เท่ากบั หรือน้อยกว่ากรณหี ลงั จงอธิบาย
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

4. เป็นไปได้หรอื ไม่ ทแี่ รงดลที่ค่ามากทาให้เกิดการดลทมี่ คี ่าน้อยกว่าแรงดลทีม่ ีค่าน้อย
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

เฉลยคำถำมตรวจสอบควำมเขำ้ ใจ 6.3

1. การดลและแรงมีความสมั พันธก์ ันหรอื ไม่ อย่างไร
ตอบ มีความสมั พันธ์กันตามสมการ I = (F) t

2. แรงดล มที ศิ ทางเดยี วกบั ปรมิ าณใดต่อไปนี้
ก. โมเมนตัม ข. การเปลี่ยนโมเมนตัม ค. การดล
ง. ความเรว็ จ. การเปลย่ี นความเร็ว ฉ. ความเรง่
ตอบ แรงดลมที ิศทางเดยี วกบั การเปลยี่ นโมเมนตัม การดล การเปลยี่ นความเรว็ และความเร่ง

เพราะ F = = = = ma

3. การเบรกรถจกั รยาน ให้รถชา้ ลงจนหยดุ กับการเบรกรถจกั รยานให้รถหยดุ ทนั ที การดลในกรณแี รก
มากกวา่ เทา่ กับ หรอื นอ้ ยกว่ากรณีหลงั จงอธิบาย

ตอบ เทา่ กนั เพราะการดลเทา่ กับโมเมนตัมท่ีเปลย่ี นไป ตามสมการ I = p = f l ก่อนเบรก
ถือว่ามีโมเมนตัมเท่ากัน เม่ือเบรกจนหยุดโมเมนตัมเป็นศูนย์เหมือนกันทั้งสองกรณี ดังน้ันทั้งสองกรณีมี
โมเมนตัมเปลี่ยนไปเทา่ กนั

4. เป็นไปไดห้ รือไม่ ท่ีแรงดลท่ีคา่ มากทาให้เกดิ การดลทมี่ ีค่าน้อยกวา่ แรงดลทม่ี คี ่าน้อย
ตอบ เป็นไปได้ เพราะการดล I = F t นั่นคือการดลยังข้ึนอยู่กับช่วงเวลาด้วย ถ้าแรงน้อยแต่มี

ช่วงเวลามากกวา่ มาก ๆ สามารถทาให้เกิดการดลมากกว่าแรงมากแต่มีช่วงเวลาน้อยได้

แบบฝึกหดั 6.3

1. รถยนต์กาลังแล่นไปตามถนน คนขับรถยนต์เห็นรถบรรทุกจอดน่ิงอยู่ข้างหน้าในระยะกระชั้นชิด เขาจึง
เหยียบเบรกทันที ขณะที่ความเร็วของรถยนต์ลดลงเกือบหยุด รถยนต์ก็ชนรถบรรทุก ถ้ารถยนต์จะหยุดนิ่ง
ภายในเวลา 5.0×10 3 วินาที แรงที่รถยนต์กระทาต่อรถบรรทุกเป็น 1.0×106 นิวตัน การดลท่ีกระทาต่อ
รถบรรทุกเป็นเทา่ ใด
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
2. ลูกบอลมวล 0.5 กิโลกรัม ขณะที่มีความเร็ว 10 เมตรต่อวินาที ในทิศทางขวา นักกีฬาคนหน่ึงใช้เท้าเตะลูก
บอลใหม้ คี วามเรว็ เปลี่ยนเปน็ 15 เมตรตอ่ วนิ าที ในทิศทางตรงข้าม การดลเฉล่ียที่เท้านักกีฬากระทาต่อลูกบอล
มขี นาดเทา่ ใด
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
3. ลูกบอลมวล 400 กรัม ตกจากหลังคาตึกสูง 10 เมตร เม่ือลูกบอลกระทบพื้น จะกระดอนข้ึนไปถ้าลูกบอล
กระทบพื้นนาน 0.01 วินาที และแรงดลเฉลีย่ ทพี่ ้ืนกระทาต่อลกู บอลมีคา่ 960 นิวตันจงหาระยะสูงสุดท่ีลูกบอล
กระดอนข้ึนไป
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

4. ลูกบอลมวล 0.4 กิโลกรัม เคล่ือนท่ีด้วยความเร็ว 10 เมตรต่อวินาที ในแนวระดับ ถูกตีสวนด้วยไม้กราฟ
ระหว่างแรงกับเวลาในขณะกระทบกัน ดงั รปู จงหาวา่

ก. พื้นทใี่ ตก้ ราฟมคี า่ เท่าใด และคา่ น้แี ทนปริมาณใด
ข. การดลท่ีไม้กระทาต่อลกู บอลมีค่าเท่าใด
ค. ความเร็วของลกู บอลหลังถกู ตเี ป็นเทา่ ใด
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

5. กล่องบรรจุของมีมวล 4.0 กิโลกรัม มีแรงลัพธ์ที่มีขนาดเปลี่ยนแปลงตามเวลากระทา ดังกราฟในรูปทาให้
กล่องเคล่อื นทไ่ี ปโดยมคี วามเรง่ ไมค่ งตวั

เม่อื เวลา t = 0 กลอ่ งน้ีมคี วามเรว็ 10 เมตรตอ่ วนิ าที ในทศิ ทางของแรงลัพธ์ จงหา
ก. พื้นท่ีใต้กราฟในชว่ ง 0 - 2 วินาที และ 2 - 4 วนิ าที มีค่าเท่าใด และแทนปริมาณใด
ข. อัตราเรว็ ของกลอ่ งเม่ือเวลา t = 4 s
ค. ขนาดของความเรง่ เมือ่ เวลา t = 1 s

...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

เฉลยแบบฝกึ หัด 6.3

1. รถยนต์กาลังแล่นไปตามถนน คนขับรถยนต์เห็นรถบรรทุกจอดน่ิงอยู่ข้างหน้าในระยะกระชั้นชิด เขาจึง
เหยียบเบรกทันที ขณะท่ีความเร็วของรถยนต์ลดลงเกือบหยุด รถยนต์ก็ชนรถบรรทุก ถ้ารถยนต์จะหยุดนิ่ง
ภายในเวลา 5.0×10 3 วินาที แรงที่รถยนต์กระทาต่อรถบรรทุกเป็น 1.0×106 นิวตัน การดลที่กระทาต่อ
รถบรรทกุ เปน็ เท่าใด
วธิ ที า การดลท่ีรถยนต์กระทาต่อรถบรรทุก มีขนาดเท่ากับผลคูณระหว่างแรง ที่กระทาต่อรถบรรทุกกับ
ช่วงเวลาท่ีแรงกระทา ดงั สมการ I = F t

แทนคา่ จะได้การดลทีก่ ระทาต่อรถบรรทุก I = (1.0×106)( 0.5×10-3)
= 5.0×103 Ns

ตอบ การดลท่กี ระทา ต่อรถบรรทกุ เปน็ 5.0×103 นิวตัน.วินาที

2. ลูกบอลมวล 0.5 กิโลกรัม ขณะที่มีความเร็ว 10 เมตรต่อวินาที ในทิศทางขวา นักกีฬาคนหนึ่งใช้เท้าเตะลูก
บอลให้มคี วามเรว็ เปลย่ี นเป็น 15 เมตรตอ่ วนิ าที ในทิศทางตรงขา้ ม การดลเฉล่ียท่ีเท้านักกีฬากระทาต่อลูกบอล
มขี นาดเท่าใด
วิธีทา กาหนดให้ ความเรว็ ทมี่ ีทิศขนึ้ ไปทางขวาเปน็ + ความเรว็ ไปทางซา้ ยเป็น -

การดลเฉล่ียที่เทา้ ของนักกฬี ากระทาต่อลูกบอล มีขนาดเท่ากับ การเปลย่ี นโมเมนตัมของลูกบอล
I = P = pf pi

แทนค่า จะได้การดลเฉลย่ี ท่ีเท้านกั กฬี ากระทาตอ่ ลูกบอล
I = (0.5)(15) (0.5)(15)
= 12.5 Ns

ตอบ การดลเฉลี่ยท่เี ทา้ นักกีฬากระทาต่อลูกบอลเป็น -12.5 นวิ ตนั วนิ าที

3. ลูกบอลมวล 400 กรัม ตกจากหลังคาตึกสูง 10 เมตร เม่ือลูกบอลกระทบพื้น จะกระดอนขึ้นไปถ้าลูกบอล
กระทบพ้นื นาน 0.01 วินาที และแรงดลเฉลย่ี ท่ีพื้นกระทาตอ่ ลกู บอลมีคา่ 960 นิวตันจงหาระยะสูงสุดท่ีลูกบอล
กระดอนขึ้นไป
วิธที า ถา้ v1 เป็นความเร็วของลกู บอลขณะกระทบพืน้

v2 เป็นความเรว็ ของลูกบอลขณะกระดอนข้นึ จากพนื้ ดิน
h1 เปน็ ความสงู ของตึก และ h2 เป็นระยะสงู สุดทล่ี กู บอลกระดอนขนึ้ ไป ดังรปู

การเคลื่อนทีข่ องลกู บอลเป็นการตกแบบเสรี จากสมการ = + 2g y
จะได้ v1 = √ = √ ( )( ) = √ = 14
และ v1 = √
กาหนดให้ ความเร็วที่มีทิศขึ้นมีเครื่องหมาย บวก ไปทางทิศลงมีเครื่องหมาย ลบหาความเร็ว v2 ของ
ลูกบอลขณะกระดอนข้ึนจากพ้ืน จากสมการ

Fav t = mv2 mv1
(960)(0.010) = (0.400)v2 (0.400) (14)
9.6 = (0.400)v2 + 5.6
4.0
(0.400)v2 =

V2 = 10

ดังน้ัน v2 = √
10 = √ ( )

100 = 19.6 2
2 = 5.10 m
ตอบ ระยะสูงสดุ ที่ลูกบอลกระดอนขนึ้ ไปไดเ้ ทา่ กบั 5.10 เมตร

4. ลูกบอลมวล 0.4 กิโลกรัม เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 10 เมตรต่อวินาที ในแนวระดับ ถูกตีสวนด้วยไม้กราฟ
ระหวา่ งแรงกับเวลาในขณะกระทบกัน ดงั รปู จงหาวา่

ก. พ้นื ท่ใี ตก้ ราฟมคี า่ เทา่ ใด และคา่ น้แี ทนปริมาณใด
ข. การดลทไี่ ม้กระทาต่อลกู บอลมีค่าเท่าใด
ค. ความเรว็ ของลกู บอลหลงั ถูกตีเปน็ เท่าใด
วธิ ที า ก. พืน้ ทใี่ ตก้ ราฟ คอื พนื้ ที่สามเหลีย่ มระหว่างช่วงเวลา 0 – 0.03 วินาที จะไดว้ ่า

พ้นื ที่ใตก้ ราฟ = (1000)(0.03 0)
= (500)(0.03)
= 15 Ns

ตอบ พืน้ ท่ใี ต้กราฟเท่ากบั เป็น 15 นวิ ตัน วินาที ซึ่งเปน็ ค่าของการดล

ข. การดลทีไ่ มก้ ระทาต่อลูกบอลมีคา่ เทา่ กับพ้ืนที่ใต้กราฟระหว่างแรงกบั เวลา
ดังนนั้ การดลที่ไม้กระทาตอ่ ลูกบอลมีค่าเทา่ กบั 15 นวิ ตนั วินาที

ตอบ การดลที่ไมก้ ระทาต่อลูกบอลมคี า่ เทา่ กับ 15 นวิ ตัน วินาที

ค. กาหนดให้ ทิศทางความเรว็ ของลูกบอลท่ีเขา้ หาไมม้ ีเครื่องหมาย +
ทศิ ทางความเรว็ ของลกู บอลท่อี อกจากไม้มีเครื่องหมาย –
ทศิ ทางของแรงที่ลกู บอลกระทาต่อไมม้ ีเครื่องหมาย +
ทศิ ทางของแรงท่ีไมก้ ระทาตอ่ ลูกบอลมีเครอื่ งหมาย –

จาก I = mv mu ซ่งึ หา I ไดจ้ ากพ้ืนท่ใี ต้กราฟ ในข้อ ก.
เนื่องจาก มีทิศทางเดียวกับแรง ดังน้ัน I = 15 Ns แทนค่า I มวล และความเร็วของลูกบอลก่อนถูกตี
จะได้ 15 = (0.4)v (0.4)(10)

v=

= 2.75 m/s
ตอบ ความเร็วของลูกบอลหลงั ถกู ตีเทา่ กบั 27.5 m/s มีทศิ ออกจากไม้

5. กล่องบรรจุของมีมวล 4.0 กิโลกรัม มีแรงลัพธ์ท่ีมีขนาดเปล่ียนแปลงตามเวลากระทา ดังกราฟในรูปทาให้
กล่องเคล่ือนท่ีไปโดยมคี วามเรง่ ไมค่ งตัว

เมอ่ื เวลา t = 0 กลอ่ งนม้ี คี วามเรว็ 10 เมตรตอ่ วินาที ในทศิ ทางของแรงลัพธ์ จงหา
ก. พน้ื ท่ีใตก้ ราฟในช่วง 0 - 2 วนิ าที และ 2 - 4 วินาที มคี า่ เท่าใด และแทนปรมิ าณใด
ข. อตั ราเรว็ ของกลอ่ งเม่ือเวลา t = 4 s
ค. ขนาดของความเร่งเมอื่ เวลา t = 1 s

วิธีทา ก. กาหนดตัวอักษรแต่ละตาแหน่งของกราฟ ดังรปู

พืน้ ที่ใตก้ ราฟในช่วง 0 – 2 วนิ าที = พืน้ ทส่ี ่เี หล่ียมคางหมู ABCE

= × 2 × (10+20) = 30 Ns

พ้ืนท่ใี ตก้ ราฟในช่วง 2 – 4 วนิ าที = พื้นทส่ี ่เี หลย่ี ม BFGC

= (4-2)(20) = 40 Ns

ตอบ พื้นที่ใต้กราฟในช่วง 0 – 2 วินาที และ 2 – 4 วินาที เป็น 30 นิวตัน.วินาที และ40 นิวตัน.วินาที

ตามลาดับซึ่งเป็นค่าของการดล

ข. ใหอ้ ัตราเร็วของกลอ่ งเมอ่ื เวลา t = 4 s เป็น v

จากกราฟ พ้ืนท่ีใต้กราฟอยทู่ างด้านบนของแกน x จะได้

จากพนื้ ทีใ่ ต้กราฟ = I = mv mu

ในช่วงเวลา 0 – 4 วนิ าที จะได้ 30+40 = (4)v – (4)(10)

v = 27.5 m/s

ตอบ อตั ราเรว็ ของกล่องเมือ่ เวลาผา่ นไป 4 วนิ าที เทา่ กับ 27.5 เมตรตอ่ วนิ าที

ค. หาขนาดของความเรง่ เม่อื เวลา t = 1 s

จากกราฟ ท่ี t = 1 วนิ าที แรง F = 15 N

จาก F = ma

แทนคา่ จะได้ 15 = 4a
a = 3.75 m/s2
ตอบ เมอื่ เวลาผ่านไป 1 วินาที ขนาดของความเร่งเทา่ กบั 3.75 เมตรตอ่ วนิ าที2

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4
รายวิชาฟิสิกสเ์ พม่ิ เติม (ว30202) เวลา 12 ชัว่ โมง
กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 โมเมนตมั และการชน
เรื่อง การอนรุ กั ษโ์ มเมนตมั

1. ผลการเรยี นรู้
อธิบาย และคานวณโมเมนตัมของวัตถุ และการดลจากสมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่าง

แรงลพั ธ์กบั เวลา รวมท้ังอธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างแรงดลกบั โมเมนตัม

2. สาระสาคัญ
เมื่อไม่มีแรงภายนอกมากระทาต่อระบบ โมเมนตัมรวมของระบบมีค่าคงตัวซ่ึงเป็นไปตามกฎการ

อนรุ กั ษ์โมเมนตมั (law of conservation of momentum) เขยี นแทนได้ดว้ ยสมการ =

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายการอนรุ ักษโ์ มเมนตมั ได้ (K)
2. ประยุกตใ์ ช้กฎการอนรุ ักษ์โมเมนตัมในการแก้ปญั หาได้ (P)
3. ทางานร่วมกับผูอ้ นื่ อย่างสร้างสรรค์ ยอมรบั ความคดิ เหน็ ของผูอ้ ่ืนได้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้
กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม คือ ผลรวมของโมเมนตัมก่อนการชนของระบบเท่ากับผลรวมของโมเมนตัม

หลงั การชนของระบบ เม่อื ไมม่ ีแรงภายนอกมากระทาต่อระบบ โมเมนตมั รวมของระบบมีค่าคงตัวซ่ึงเป็นไปตาม

กฎการอนรุ ักษ์โมเมนตมั (law of conservation of momentum) เขียนแทนไดด้ ว้ ยสมการ =

5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ซือ่ สัตย์
2. มวี ินยั
3. ใฝุเรียนรู้
4. อยอู่ ยา่ งพอเพียง
5. มุง่ ม่ันในการทางาน
6. มีจิตสาธารณะ

7. ค่านยิ ม / คณุ ธรรม
1. ใฝหุ าความรู้ หมน่ั ศึกษาเล่าเรียน
2. มีสติ รคู้ ิด รทู้ า
3. มีระเบียบวินยั
4. มีความเข้มแข็งท้งั รา่ งกายและจติ ใจ ไมย่ อมแพต้ ่ออานาจฝุายต่า

8. ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21
1. คิดอย่างเปน็ ระบบและทางานกบั ผูอ้ ืน่ อยา่ งสร้างสรรค์
2. การเขา้ ถึงสารสนเทศ และนาเทคโนโลยีมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
3. มคี วามยืดหยุ่น ปรับตัวเพอื่ พรอ้ มรบั การเปลยี่ นแปลง

9. ภาระงาน/ชิน้ งาน
1. คาถามตรวจสอบความเขา้ ใจ 6.4
2. แบบฝึกหัด 6.4

10. กิจกรรมการเรียนรู้ (รูปแบบวงจรการเรยี นรู้ 5E)
ข้นั ท่ี 1 ขน้ั นาเขา้ ส่บู ทเรยี น
1.1 ครูทบทวนเรื่องทฤษฎีงาน-พลังงานจลน์ และกฎการอนุรักษ์พลังงานกลท่ีได้เรียนมาใน

บทท่ี 5
1.2 ครูให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า ทฤษฎีการดล-โมเมนตัมที่ได้เรียนมา นาไปอธิบายการ

อนุรกั ษ์ปริมาณใด (คาตอบเปน็ แบบปลายเปดิ )
1.3 แจง้ ใหน้ กั เรียนทราบว่าจะได้ศึกษาเก่ียวกับเก่ียวกับ การอนุรักษ์โมเมนตัม รวมถึงจุดประ

สงค์การเรียนรู้ และเกณฑ์การวดั ประเมนิ ผล
ขัน้ ที่ 2 ขนั้ สารวจและคน้ พบ
2.1 ครูให้นักเรียนศึกษา หัวข้อ 6.4 การอนุรักษ์โมเมนตัม ในหนังสือเรียนรายวิชาฟิสิกส์

เพิม่ เติม เลม่ 2 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) และให้นักเรียนจับกลุ่มละ 5 คน สรุปเรื่องการอนุรักษ์โมเมนตัมลง
ในกระดาษ A3

2.2 ครูให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มนากระดาษ A3 ท่ีสรุปการศึกษาเร่ืองการอนุรักษ์โมเมนตัมไปติด
ท่ีกระดานหนา้ ห้อง

2.3 ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาการสรปุ ของแต่ละกล่มุ ทีไ่ ม่ใช่กลุ่มของตนเอง และอภิปรายรว่ มกนั
ขน้ั ที่ 3 ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ

3.1 ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการดลและโมเมนตัมใน
สถานการณ์ทว่ี ัตถุสองก้อนเคลื่อนที่เข้ามากระทบกันบนพ้ืนล่ืน สรุปได้ว่า "กฎการอนุรักษ์โมเมนตัม" หรือ "กฎ
ทรงโมเมนตัม" คือ การชนที่เกิดขึ้นระหว่างวัตถุ 1 และวัตถุ 2 ในระบบที่ไม่สามารถถ่ายเทมวลและพลังงาน
ระหว่างระบบกับสิ่งแวดล้อมได้ (ระบบโดดเด่ียว) ค่าโมเมนตัมรวมของวัตถุท้ังสองก่อนการชนจะเท่ากับค่า
โมเมนตัมรวมท้ังหมดหลังการชน โดยโมเมนตัมที่วัตถุ 1 สูญเสียไป จะเท่ากับโมเมนตัมที่วัตถุ 2 ได้รับ ท้ังนี้
โมเมนตัม คือ ปริมาณเวกเตอร์ที่บอกถึงสภาพการเคลื่อนท่ีของวัตถุ ซ่ึงจะมากหรือน้อยข้ึนกับมวลและ
ความเรว็ ของวตั ถุนั้น ๆ (p=mv) เราสามารถเขียนสมการกฎการอนุรักษ์โมเมนตมั ไดว้ ่า

m1u1 + m2u2 = m1v1 + m1v2

ขนั้ ท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้
4.1 ครูยกตัวอย่างการทางานของปืนว่า จากกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม ในกรณีการทางานของ

ปืน วัตถุ 1 จะหมายถึงนกหรือเข็มแทงชนวนซ่ึงเป็นส่วนท่ีถูกปล่อยไปกระทบกับชนวนท้ายกระสุนปืนท่ีเป็น
วตั ถุ 2 เม่ือเหน่ยี วไกปนื เขม็ แทงชนวนกับกระสุนปืนจะกระทบกัน และเกิดแรง ซ่ึงเป็นไปตามกฎการเคล่ือนท่ี
ข้อที่ 3 ของนิวตัน คือ ทุก ๆ แรงกิริยา จะมีแรงปฏิกิริยาในปริมาณท่ีเท่ากันแต่ทิศทางตรงกันข้ามกระทา
กลับมา หรือ แรงกิริยาเท่ากับแรงปฏิกิริยา เขียนเป็นสมการได้ว่า F12 = -F21 นั่นหมายความว่าเมื่อเข็มแทง
ชนวนกระทบกับกระสุนปืน กระสุนปืนจะพุ่งออกจากปากกระบอกปืนไปข้างหน้า ขณะท่ีกระบอกปืนจะ
เคล่ือนที่ถอยหลังในตรงกันข้ามกับทิศทางของกระสุนปืน และน่ันเป็นสาเหตุที่ทาให้เรารู้สึกว่ามีแรงสะท้อน
กลบั มา

4.2 ครเู ปรียบเทยี บการใชก้ ฎการอนรุ กั ษโ์ มเมนตัมโดยเปรยี บเทยี บง่าย ๆ ได้กับการท่ีสมหญิง
มีเงินในกระเป฻า 150 บาท สมชายมีเงินในกระเป฻า 50 บาท เม่ือสมหญิงหยิบเงินในกระเป฻าของตนให้สมชาย
จานวน 50 บาท สมหญิงก็จะเหลือเงินในกระเป฻าเพียง 100 บาท ขณะท่ีสมชายมีเงินในกระเป฻าเพิ่มเป็น 100
บาท แต่ผลรวมเงินในกระเป฻าของสมหญิงและสมชายท้ังก่อนและหลังการถ่ายโอนเงินจะมีค่าเท่ากันคือ 200
บาทนน่ั เอง

ข้นั ท่ี 5 ขัน้ ประเมินผล
5.1 สังเกตการตอบคาถามในช้ันเรยี น และพฤตกิ รรมขณะทาการเรียนการสอน
5.2 สังเกตจากการตอบคาถามตรวจสอบความเข้าใจและทาแบบฝึกหัด 6.4 ในหนังสือเรียน

รายวิชาฟิสิกส์เพิม่ เตมิ เลม่ 2 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)

11. นวตั กรรมการศึกษา
11.1 สื่อและอปุ กรณ์การเรียนรู้
- หนงั สอื เรียนรายวิชาฟิสกิ ส์เพ่มิ เตมิ เล่ม 2 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
- สื่อมลั ตมิ ีเดีย จากอินเตอรเ์ นต็
- ปนื ของเล่น
11.2 แหล่งเรยี นรู้
- ห้องสมุดโรงเรยี น
- อนิ เทอร์เน็ต
- เว็บไซต์ : https://sites.google.com/a/bpn.ac.th/physics/hna-erek

12. การวัดและประเมนิ ผล

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีการวดั เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน

ดา้ นความรู้ (K)

1. อธิบายการอนุรักษ์โมเมนตัม วดั จากการตอบคาถาม - คาถามตรวจสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง

ได้ - คาถามตรว จสอบ เข้าใจ 6.4 ร้อยละ 70 ข้นึ ไป

ความเขา้ ใจ 6.4 - แบบฝกึ หดั 6.4

- แบบฝกึ หัด 6.4

ดา้ นกระบวนการ (P)

2. ประยุกต์ใช้กฎการอนุรักษ์ วัดจากการตอบคาถาม - คาถามตรวจสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง

โมเมนตมั ในการแก้ปญั หาได้ - คาถามตรว จสอบ เข้าใจ 6.4 ร้อยละ 70 ข้นึ ไป

ความเข้าใจ 6.4 - แบบฝกึ หัด 6.4

- แบบฝกึ หดั 6.4 แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนในระดับ 2
การเรียนรู้รายบุคคล ข้ึนไป
ด้านคุณลกั ษณะ (A)
3. ทางานร่วมกับผู้อื่นอย่าง การสังเกตพฤตกิ รรม
สร้างสรรค์ ยอมรับความคิด
เห็นของผู้อน่ื ได้

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 80 - 100 % ให้ ดีมาก
ระดับคะแนน 70 - 79 % ให้ ดี
ระดับคะแนน 60 - 69 % ให้ ปานกลาง
ระดบั คะแนน 50 - 59 % ให้ พอใช้
ระดับคะแนน 0 – 49 % ให้ ปรับปรุง
ระดบั คะแนน

13. การบรู ณาการหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

1. ผ้สู อนใช้หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

หลกั พอเพียง พอประมาณ มีเหตุผลทดี่ ี มีภูมคิ ุ้มกันในตัวท่ดี ี
ประเด็น

กิจกรรมการเรียนรู้ - มีการวางแผนการจัดกิจ - จัดการเรียนรู้ตรงตาม - มีการวางแผนการจัดกิจ

กรรมด้านต่างๆชัดเจน มีลา ผลการเรียนรู้ กรรมอยา่ งชดั เจนเปน็ ลาดับ

ดับข้ันตอน มีการกาหนดเน้ือ

หาสาระ จัดกิจกรรมผ่านกระ

บวนการกลมุ่

เวลา - กาหนดเน้ือหาสาระเหมาะ - เพื่อให้กิจกรรมการ - มกี ารเผ่อื เวลาในการทากิจ

สมกับเวลา กิจกรรมการเรียน เรียนการสอนบรรลุผล กรรมแต่ละขั้นเพ่ือให้นัก

รู้ใช้กระบวนการกลุ่มนักเรียน การเรียนรู้ได้ตามเวลาที่ เรียนที่มีความสามารถต่าง

ทางานได้ทันตามเวลาท่ีกา กาหนด กันสามารถทางานให้เสร็จ

หนด ทันเวลา

สอ่ื - จัดเตรียมและใช้ส่ือในการ - ใช้เครื่องมือเพ่ือให้นัก - มีลาดับข้ันตอนในการใช้

จัดกิจกรรมการเรียนการสอน เรียนได้ร่วมอภิ ปรายใน ส่อื ตา่ งๆอย่างค้มุ คา่

เหมาะสมกับจานวนกลุ่ม แบบฝึกกจิ กรรม

แหลง่ เรียนรู้ - กาหนดเน้ือหาสาระและกิจ - เพื่อให้การจัดการเรียน - มีการสืบค้นทางอินเทอร์

กรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับ รูส้ อดคล้องกับวิถีชีวิตทา เน็ต การค้นคว้าในห้องสมุด

แหลง่ เรยี นรู้ ให้สามารถนาความรู้มา ก่อนจะออกแบบกิจกรรม

ใช้ในชวี ิต ประจาวนั ได้ การเรยี นรู้ต่างๆ

ความรู้ทใี่ ช้ในการจดั - สืบคน้ เทคนคิ วิธีการสอน,รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

กิจกรรมการเรยี นรู้ - ศกึ ษาเน้ือหาด้านตา่ งๆให้ชัดเจน

- ศึกษาค้นคว้าและบูรณาการหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงกบั การจดั การเรยี นรู้

คณุ ธรรม - มคี วามรบั ผิดชอบในการปฏิบัตหิ นา้ ทก่ี ารสอน ตรงตอ่ เวลา เตรยี มการสอนล่วงหน้า

- มีความเมตตา ใหค้ วามเสมอภาค และยตุ ธิ รรมกับนกั เรยี นทกุ คน

- มีความเสยี สละ อดทน และใฝุรู้

2. ผเู้ รียนมีคุณลักษณะ “อยู่อย่างพอเพียง”

พอประมาณ มเี หตุผลท่ีดี มภี ูมคิ ุ้มกันที่ดี

- แต่ละกลุ่มแบ่งหน้าท่ีในกลุ่ม - มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหา - ฝึกการมีส่วนร่วมในการทางาน

เหมาะสมกับความสามารถและพอ ในเร่ืองท่ีศึกษา สามารถวิเคราะห์ข้อ สร้างความสามัคคใี นการทางาน

เพียงกับจานวนสมาชิก มลู ต่างๆได้อยา่ งถูกตอ้ ง

- วางแผนการทางานอย่างรอบคอบ - รู้จักทางานร่วมกับผู้อื่นโดยใช้กระ

โดยกาหนดเวลาในการทากิจกรรม บวนการกลมุ่

อยา่ งเหมาะสม

ความรู้ (วธิ ีการ) - สืบค้นข้อมลู เพอ่ื เสริมสร้างความรู้ ความเขา้ ใจ

- ศกึ ษา ค้นคว้าวธิ ีการทาแบบฝึกหดั กจิ กรรม และใบงาน

- วเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยใช้ทกั ษะกระบวนการคดิ

คณุ ธรรมทเี่ กิดกับนักเรยี น - มีความรับผิดชอบในหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ทางานด้วยความเรียบร้อย

ถูกต้อง และเสรจ็ ทนั เวลา

- มีความสามัคคีในหมู่คณะ มีวินับเป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดีขณะปฏิบัติงานร่วม

กนั

- ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ดว้ ยความกระตือรอื รน้ สนใจ ตั้งใจ และใฝเุ รียนรู้

3. ผลลพั ธ์ KPA 4 มติ ิ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การอยู่อยา่ งพอเพียง

ผลลพั ธ์ สมดุลพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในดา้ นต่างๆ

ดา้ นวัตถุ ดา้ นสงั คม ดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม ด้านวฒั นธรรม
-
ด้านความรู้ - มีความรู้ความเข้าใจ - มีความรู้เก่ียวกับการทา - มีความรู้ความเข้า
-
เก่ียวกับการอนุรักษ์ งานเป็นกลุ่มและการวาง ใ จ ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง

โมเมนตมั แผนร่วมกบั ผูอ้ น่ื ฟิสิกส์

ดา้ นทกั ษะ - มีความสามารถใน - สามารถทางานร่วมกับ -

การอภิปราย ทาแบบ ผู้อื่นในรูปแบบกลุ่มและมี

ฝกึ /ใบงาน ทักษะในการสร้างปฏิสัม

พันธ์กับผอู้ ่ืน

บนั ทกึ ผลหลังการสอน
ผลการเรียนรู้

…………………………………………………………………………………………..................…………………………………………………
……………………………………………………….………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..

ปญั หาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………..................…………………………………………………
……………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..

ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………..................…………………………………………………
……………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………..

ลงช่อื ......................................................ผูส้ อน
(นางสาวกนกวรรณ บญุ เกตุ)

ความคดิ เห็นของผู้อานวยการโรงเรยี นศรีสโมสรวิทยา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ…………………………………………
(นายเมธี วฒั นสงิ ห์)

ผอู้ านวยการโรงเรียนศรีสโมสรวิทยา

คาถามตรวจสอบความเข้าใจ 6.4

1. การอนรุ ักษ์โมเมนตัมของระบบมคี วามเกี่ยวขอ้ งกบั แรงภายนอกหรือไม่ อย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. วัตถุหนึ่งเคล่ือนที่ด้วยความเร็วสูง ชนกับอีกวัตถุหนึ่งที่มีมวลมากกว่าและอยู่น่ิง โมเมนตัมของระบบท่ี
ประกอบด้วยวตั ถุท้ังสองช้นิ มกี ารเปลย่ี นหรอื ไม่ อย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. กฎการอนรุ ักษ์โมเมนตมั เขยี นในรปู สมการได้อย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


Click to View FlipBook Version