The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Service Plan Sharing ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by region5.cso, 2022-09-04 23:35:26

ผลงานวิชาการ เขตสุขภาพที่ 5

Service Plan Sharing ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

96

หัวข้อ ผลการดาเนนิ งาน
7 ราย (100%)
จานวนการตดิ ตามการเกิดอาการไม่พงึ ประสงค์จากยา
- อาการไม่พงึ ประสงค์เกิดจากยา 5 ราย
+ Rechallenge ยา 1 ราย
- อาการไม่พงึ ประสงคไ์ ม่เกดิ จากยา 1 ราย
45 ราย
จานวนผปู้ ว่ ยที่ทาDischarge Counselling# 15 ครง้ั

จานวนปัญหาจากความคลาดเคล่อื นจากการสั่งใชย้ า 9
- ส่ังใชย้ าซา้ ซ้อน 1
- สั่งใช้ยาขนาดน้อยเกินไป 2
- สงั่ ใชย้ าขนาดมากเกินไป 2
- ส่ังใช้ยาวิธีใชย้ าไม่เหมาะสม

# ข้อมลู ทีเ่ กบ็ โดยเภสัชกรดาเนนิ งาน ส่วนทพี่ ยาบาลดาเนนิ งานไมม่ ีข้อมูล

อภิปรายผล
จากการดาเนนิ งานพฒั นาระบบยาเพือ่ ใหก้ ารดูแลรกั ษาผู้ป่วยติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ณ โรงพยาบาล

สนามทองอุไร โดยมีเภสัชกรทาหน้าที่ดูแลผู้ป่วยด้านยาตั้งแต่การจัดหายาและเวชภัณฑ์ให้เพียงต่อการใช้งาน
ดูแลเร่อื งการใชย้ าจากขน้ั ตอนแรกรับ ระหว่างการรักษา จนจาหน่ายผู้ป่วยกลับบ้านเภสัชกรพบปัญหาการใช้ยา
ต่างๆ ของผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยไม่ได้รับประทานยาโรคประจาตัวอย่างต่อเนื่อง, ผู้ป่วยมีความเข้าใจเกี่ยวกับการ
รบั ประทานยาผิด, ผปู้ ่วยรบั ประทานยาผดิ วธิ ี, แพทยส์ ่ังใช้ยาไมเ่ หมาะสม เป็นต้น จากปัญหาดังกล่าวเภสัชกร
จึงดาเนนิ การแก้ไขปญั หาร่วมกบั ทีมสหวชิ าชีพให้กับผู้ปว่ ยทาใหผ้ ูป้ ว่ ยได้รับยาอย่างถูกต้องเหมาะสมและปลอดภัย

สรปุ และข้อเสนอแนะ
ในสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโรโคนา 2019 มีภาระหน้าที่ต่างๆเพิ่มมากข้ึนภายใต้

อัตรากาลังเท่าเดิมหรือน้อยลง การปรับกระบวนการทางานโดยใช้ความร่วมมือกันของทีมสหสาขาวิชาชีพจะเป็น
ช่องทางแห่งความสาเร็จในการทางานเพอื่ ดูแลสุขภาพของประชาชน

Best Practice เขตสขุ ภาพที่ 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

97
เรอ่ื ง “เพม่ิ ประสิทธภิ าพการดูแลผปู้ ว่ ยระยะเปลี่ยนผา่ น (Intermediate care; IMC)”

นางกลั ยา สงั ขป์ ุา พยาบาลวิชาชพี ชานาญการ
คณะกรรมการดแู ลผปู้ วุ ย โรงพยาบาลบ่อพลอย

ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา
จากนโยบายกระทรวงสาธารณสุขในการรบั ดแู ลผูป้ ุวย Intermediate Care และนโยบาย Auto Refer Back

เพ่ือลดความแออดั ของโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทว่ั ไป และเพม่ิ อัตราการครองเตียงของโรงพยาบาลชุมชน
จากการทบทวนผู้ปุวย Intermediate Care อาเภอบ่อพลอย มีแนวโน้มสูงข้ึน ปี 2562 - 2564 จานวน 11,

10, 3 ราย ส่วนใหญ่เปน็ ผู้ปุวย Stroke ซึ่งในปี 2564 มีสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 โรงพยาบาลแม่ข่าย
รบั ดูแลเองไม่ได้ส่งกลบั มาดแู ล ปี 2563 มกี ารรับ Refer back จานวน 10 ราย ผา่ นระบบการดแู ล Intermediate Care
6 ราย ไม่ผ่านระบบการดแู ล Intermediate Care 4 ราย ทาใหผ้ ปู้ วุ ยขาดการประเมินโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟ้ืนฟู
ในการประเมิน Rehabilitation Problem ตั้งเปูาหมายการดูแล (Goal Setting) และวางแผนโปรแกรมการฟ้ืนฟูสภาพ
(Physical therapy program) ทีมผ้ดู ูแลขาดทกั ษะในการพยาบาลฟ้นื ฟู และไม่มีการกาหนด Care Protocol ที่ชัดเจน
ในทมี สหสาขาวชิ าชพี ตลอดจนการวางแผนจาหน่ายต่อเน่ืองเช่ือมประสานกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล
และเครือข่ายมีการประเมนิ ปัญหาไม่ครอบคลุม ผู้ปวุ ยแตล่ ะรายมีปัญหาแตกต่างกนั ตามพยาธสิ ภาพของโรค

วัตถปุ ระสงค์
1. เพื่อให้ผู้ปุวย Stroke มีคะแนนประเมิน Barthel Index <15 or ≥15 with multiple impairment

ได้รับการบริบาลฟื้นฟสู ภาพและติดตามตอ่ เนื่องถึงชมุ ชนระยะเวลา 6 เดอื น ของการฟื้นฟู
2. เพือ่ พฒั นาระบบบรกิ ารฟืน้ ฟูสมรรถภาพผู้ปุวย IMC ตามเกณฑ์การฟ้ืนฟูต่อเน่ืองถึงชมุ ชน
3. เพ่อื ใหค้ ณุ ภาพชีวติ ของผปู้ ุวยดขี ึ้น ลดความพกิ าร ภาวะแทรกซ้อน

วธิ ีดาเนินการ
1. ประชมุ รว่ มกับทีมสหวิชาชีพ
- ชีแ้ จงนโยบายการดูแล Intermediate Care แพทย์ใชท้ ุนทกุ รนุ่ เรอ่ื ง การเข้ารับการรักษาเป็นผู้ปุวย

ในโรงพยาบาลและการ Admit > 4 วัน เพอ่ื ให้ผู้ปวุ ยไดร้ บั การดแู ลตามมาตรฐาน
- แจ้งทมี สหวชิ าชพี เรื่องความสาคญั ของการประเมนิ ผู้ปุวยและการแปรผล แบบประเมนิ ตามมาตรฐาน IMC
- พยาบาลเฉพาะทางฟื้นฟูสภาพเป็น Project Manager

2. Care Assessment ซักประวัติ ประเมินปัญหา การวินิจฉัยโรค และ Goal Physical Therapy Program
ของแพทย์เวชศาสตร์ฟ้ืนฟู (ตามใบส่งต่อ IMC) ประเมินผู้ปุวยมีพยาธิสภาพท่ีสมองส่วนใด และสามารถฟ้ืนฟู
ได้มากสดุ เพยี งใด เพอ่ื จดั โปรแกรมการฟื้นฟใู ห้ได้เตม็ ตามศกั ยภาพ

3. ประเมิน Barthel ADL Index (ความสามารถในการดาเนินชีวิตประจาวัน), ประเมินการกลืน, ประเมิน
ความเสี่ยงตอ่ การพลดั ตกหกล้ม โดยปรับปรงุ แบบประเมนิ ร่วมกับแพทยเ์ วชศาสตร์ฟืน้ ฟูโรงพยาบาลพหลพลพยหุ เสนา

Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

98

4. ใหก้ ารดแู ลตาม Care Protocol ร่วมกับทีมสหสาขาวชิ าชพี

- Problem List & Plan of management for Intermediate Care

- Standing Order for Intermediate Care

5. ระบบการ Consult กลมุ่ Line Intermediate Care โดยมีแพทย์เวชศาสตร์ฟืน้ ฟใู หค้ าปรึกษา

6. ระบบ Case Manager โดยพยาบาลฟนื้ ฟูสภาพ

- Intermediate Care Bed ผปู้ วุ ยไดร้ บั การฟื้นฟู อยา่ งนอ้ ยวันละ 1 ชวั่ โมง สัปดาหล์ ะ 3 วนั

- OPD Based Program ผปู้ วุ ยไดร้ ับการฟน้ื ฟู อยา่ งน้อย 45 นาที ต่อคร้ัง อย่างนอ้ ย 24 คร้งั ภายใน 6 เดือน

7. ค้นหา Care Giver ตวั จริง ประเมนิ ความสามารถ ฝึกทักษะท่ีจาเป็น เพิ่ม ADL/ Hand Function การจัด

ทา่ นอน ทา่ นั่ง การเคลื่อนยา้ ยตวั อย่างถูกต้อง เสริมพลงั (Empowerment) สรา้ งความม่ันใจวา่ สามารถปฏบิ ตั ิได้

8. การเตรียมความพร้อมก่อนจาหนา่ ย

- ฝึกทกั ษะผู้ปุวยใหส้ ามารถปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจาวนั ให้มากที่สุด และให้ Care Giver ช่วยเหลือกิจวัตร

ประจาวนั ทไี่ มส่ ามารถทาได้เทา่ ทจี่ าเปน็

- คลปิ วดิ ีโอสอื่ การสอนการบริหารกล้ามเนือ้ ด้านการกลืน การพดู ผา่ นระบบ QR Code

- นวตั กรรม ชอ้ นตักอาหาร เพิ่ม Hand Function
- ชดุ ออกกาลงั กายเพ่มิ องศาการเหยยี ดขอ้ ศอก-ข้อมือ เพ่ิมทกั ษะสายตาและสมาธิ

- มกี ารประเมินทักษะของผ้ปู วุ ยและ Care giver กอ่ นกลบั บ้านทกุ ราย

- การดูแลตอ่ เนื่อง

9. การวางแผน วิเคราะห์ ประเมินปัญหาผู้ปุวยรายกรณี โดยทีมสหสาขาวิชาชีพติดตามเย่ียม 2 คร้ัง/เดือน

ในช่วง 6 เดอื น

10. มรี ะบบชว่ ยเหลอื และใหค้ าปรึกษาแกผ่ ้ปู ุวยรายกรณี ผ่านทางโทรศัพท์และกลมุ่ Line HHC

11. Mapping Case เปูาหมาย ดว้ ย App GPS Co-ordinates คน้ หาเส้นทางพิกัดตาแหน่งบ้านผู้ปุวย

Latitude Longitude ลงในโปรแกรม HosXP

12. จัดสภาพแวดลอ้ มบา้ นผูป้ ุวย โดยเนน้ ความปลอดภยั ให้เหมาะสมกบั สภาพผู้ปวุ ย

13. ติดตามการดแู ลต่อเนือ่ ง โดยประสานผู้ปุวย/ญาติโดยตรงทางโทรศัพท์หรือประสานกับโรงพยาบาล

ส่งเสรมิ สุขภาพตาบลทีส่ ง่ ต่อ ทมี HHC สรปุ ประเมนิ ผลการตดิ ตามเยย่ี ม แลกเปลี่ยนเรียนรู้และนาผลมาพัฒนา

ออกแบบการเย่ยี มผปู้ วุ ยครั้งตอ่ ไป

ผลการดาเนนิ การ

ตวั ช้ีวัด เปา้ หมาย 2562 2563 2564

1. อตั ราการเกดิ ภาวะแทรกซ้อน < 20% 14.28 0 0

2. ผปู้ วุ ยมี Barthel ADL เพิ่มขน้ึ > 70% 85.70 78.38 86.20

3. อัตราผปู้ วุ ยไดร้ ับการฟนื้ ฟสู ภาพผูป้ วุ ยในตามเกณฑ์ > 60% 96.50 100 100

4. วนั นอนเฉลีย่ ≥ 4 วนั 5 4 3

5. อตั ราผู้ปุวยและญาตมิ ีความรู้และทักษะในการปฏิบัติตนหลัง > 80% 82.03 85.74 87.30

จาหน่าย

Best Practice เขตสขุ ภาพที่ 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

99
อภปิ รายผล

ทีม Service Plan สาขา IMC ไดเ้ พม่ิ ประสิทธภิ าพการดแู ลผู้ปวุ ยระยะเปล่ียนผ่าน (Intermediate care; IMC)
โดยมกี ารวางแผนต้งั แตโ่ รงพยาบาลท่วั ไปสู่โรงพยาบาลชุมชน โดยการวิเคราะห์ ประเมินปัญหาวางแผนรายกรณี
ใหก้ ารดแู ลตาม Care Protocol ร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ ระบบ Consult ผ่านกลุ่ม Line IMC, ให้การดูแล
โดยพยาบาลฟืน้ ฟูสภาพเป็นระบบ Case Manager มีการเตรยี มความพรอ้ มของผู้ปุวยและ Care giver ก่อนจาหน่าย
สง่ ผลใหค้ ุณภาพชวี ิตของผู้ปวุ ยและครอบครวั ดีข้นึ
สรุปและข้อเสนอแนะ

1. พัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงาน เกิดการเรียนรู้เข้าใจ การพยาบาลฟ้ืนฟูสภาพและให้การดูแลตาม
พยาธิสภาพโรคผู้ปุวยเฉพาะราย สง่ ผลใหผ้ ปู้ ุวยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน

2. วางแผนติดตาม วิเคราะห์ ประเมินปัญหาผู้ปุวยรายกรณี โดยทีมสหสาขาวิชาชีพ ทาให้เห็นสภาพ
ความเป็นอยู่ของผู้ปุวย วิถีชีวิต เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมท่ีมีผลต่อการเจ็บปุวยแท้จริงของผู้ปุวยแต่ละราย นามาสู่
การเข้าใจผปู้ ุวยและแกไ้ ขปัญหาได้เหมาะสม

3. ระบบการจดั การทด่ี จี ะชว่ ยวางแผนในการติดตามผปู้ ุวยต่อเนือ่ ง มีประสิทธภิ าพ
4. การมีส่วนร่วมของผู้ปุวย ครอบครัว และภาคีเครือข่าย ทาให้การดูแลต่อเน่ืองประสบความสาเร็จ
ผู้ปุวยและครอบครวั มคี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ีขนึ้

Best Practice เขตสขุ ภาพที่ 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

100
เร่อื ง “การเพ่ิมประสิทธิภาพการจดั การความปวด”

นางสาวสุมาลี หอมช่นื พยาบาลวชิ าชีพชานาญการ
งานการพยาบาลผูป้ ุวยในชาย โรงพยาบาลบ่อพลอย

ความเปน็ มาและความสาคญั ของปญั หา
จากการวเิ คราะหข์ ้อมูล งานการพยาบาลผู้ปุวยในชาย ปี 2561-2563 รับผู้ปุวยมะเร็งระยะท้าย เข้ารับ

การดูแลแบบประคับประคอง และส่วนใหญ่เสียชีวิตในโรงพยาบาล จานวน 8, 35 และ 29 ตามลาดับ และดูแล
ผปู้ วุ ยหลังผา่ ตัดต้อกระจก จานวน 67, 50, 40 ราย ตามลาดับ จากการทบทวนกระบวนการดูแลผู้ปุวย พบว่า
การจัดการความปวดอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพไมค่ รอบคลุม เครอื่ งมือประเมินความรุนแรงความปวดไม่เหมาะสมใน
กลุ่มผู้ปุวยมีปัญหาในการส่ือสาร ได้แก่ เด็กเล็ก และผู้ปุวยที่ไม่รู้สึกตัว และกลุ่มสมองเส่ือม ตลอดจนแนวทาง
การดแู ลรักษา ยงั ไมเ่ ป็นมาตรฐานเดียวกัน ผู้ปวุ ยยังคงมคี วามทุกข์ทรมานจากความปวด

วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ผู้ปุวยได้รับการประเมินความปวดและจัดการอาการปวดท้ังความปวดเฉียบพลันและเร้ือรัง

อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
2. เพื่อให้ผู้ปุวยได้รบั การดแู ลรกั ษาตามมาตรฐานวธิ ปี ฏิบตั กิ ารจดั การความปวด
3. เพ่ือใหผ้ ู้ปุวยปลอดภัยจากผลข้างเคยี งของความปวดและผลข้างเคียงของวธิ ีการระงับปวด

วธิ ีดาเนินการ
1. การพฒั นาบคุ ลากร
1.1 จดั ทาระเบยี บและชีแ้ จงแนวทางปฏิบัติ “การจดั การความปวด Pain Management”
2. ปรบั ปรุงกระบวนการดแู ลผู้ปว่ ย
2.1 การประเมินความปวด และความรุนแรงของอาการปวด จากน้อยไปหามาก ทั้ง Acute pain

ความปวดแบบเฉียบพลันในผู้ปุวยหลังผ่าตัดทุกราย ผู้ปุวยไส้ติ่งอักเสบ โรคหัวใจและอุบัติเหตุ และกลุ่มความ
เจ็บปวดแบบเรอื้ รังในผู้ปวุ ยมะเร็งทกุ ราย

2.2 มกี ารใชเ้ คร่ืองมอื ประเมินระดบั ความรุนแรงของความปวดทเ่ี หมาะสมทุกราย
2.2.1 Numerical rating scale (NRS) คือการใช้ตัวเลขบอกระดับความรุนแรงของอาการปวด

ตัวเลขตงั้ แต่ 0 – 10 อธิบายให้ผ้ปู ุวยเข้าใจก่อนว่า 0 หมายถึงไม่มีอาการปวด และ 10 หมายถึงอาการปวดมากที่สุด
ให้ผู้ปวุ ยบอกถึงตวั เลขทแี่ สดงถงึ ความปวดที่ผูป้ วุ ยมีขณะนน้ั ๆ

2.2.2 กลุม่ ท่ไี มส่ ามารถใชก้ ารประเมนิ ความปวดโดยการสื่อสารภาษาได้ใช้เครื่องมือ เช่น Face Pain
Scale (FPS) และการเปลี่ยนแปลงสัญญาณชีพและพฤติกรรมการแสดงออกอื่นๆ, เครื่องมือ FLACC เหมาะกับ
เด็กอายุ 3 เดือน – 7 ปี, เคร่ืองมือ CHEOPS เหมาะกับ เด็กเล็กและเด็กโต, เคร่ืองมือ NIPS กับเด็กทารกหรือ
ผูป้ ุวยภาวะวิกฤต ใช้แนวคิดของ Morgan, 2002

Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

101

3. ช่วงเวลาในการประเมนิ ความรนุ แรงของอาการปวด
3.1 ครงั้ แรกขณะรับใหมห่ รอื รบั ย้าย และกลบั จากการผ่าตดั
3.2 ผู้ปวุ ยท่ไี มม่ ปี ญั หาความเจ็บปวดให้เฝาู ระวงั โดยทาการประเมนิ ซ้า ทกุ 8 ชวั่ โมง
3.3 ผู้ปุวยที่มีอาการปวด ให้ทาการประเมินอย่างสม่าเสมอทุก 4 ชั่วโมง และเมื่อผู้ปุวยมีความเจ็บปวด

ต้องมกี ารประเมนิ ทกุ ครัง้
4. มกี ารประเมินซา้ หลงั การไดร้ ับการดแู ลอาการปวด ดังนี้
4.1 10 – 15 นาที หลังจากไดร้ ับยาแก้ปวดชนิดฉีดทางหลอดเลือดดา, ยาฉีด iv drip 30 นาทีแรก

หลงั เริม่ Drip ยาและทุก 4 ชั่วโมง
4.2 30 นาที หลังจากไดร้ บั ยาแกป้ วดชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือได้รับการบรรเทาอาการปวดโดยไม่ใช้

ยาแก้ปวด
4.3 1 ชั่วโมง หลงั จากได้รบั ยาแก้ปวดชนิดรับประทาน

5. การบนั ทกึ ความเจบ็ ปวดและการจดั การกับความเจบ็ ปวด
5.1 บันทึกระดบั ความเจ็บปวดโดยใช้แบบฟอร์มประเมินความรุนแรงการปวด Numerical rating scale

คะแนนความปวด และการจดั การความปวด
5.2 แบบบันทึกทางการพยาบาล บันทึกปัญหา แผนการพยาบาล อาการ การพยาบาลและการประเมิน

เก่ยี วกับความเจบ็ ปวด
6. วธิ ีการจัดการกบั ความเจบ็ ปวด
6.1 การจัดการกบั ความเจบ็ ปวด
6.1.1 ความปวดระดับเล็กน้อย (Mild Pain) ถึงปานกลาง (Moderate Pain) หรือท่ีระดับ Pain Score > 3

ใชย้ าชนดิ Non–Opioid
6.1.2 ความปวดระดบั ปานกลาง (Moderate Pain) ถงึ รุนแรง (Severe Pain) หรือท่ีระดับ Pain Score

มากกวา่ 4 ขึน้ ไป ใช้ยาแก้ปวด แบบ Multimodal analgesia คือ การให้ Opioid  Non – Opioid  Adjuvants
เชน่ การใช้ยาฉดี ร่วมกับยากนิ หรอื การให้ Morphine Dilute หรอื Fentanyl เป็นต้น

6.2 การจดั การกบั ความเจ็บปวด โดยไมใ่ ชย้ าสามารถใชค้ วบคู่กับการให้ยาแก้ปวดทดแทนยาแก้ปวด
กรณี Pain Score < 3 ไดแ้ ก่

6.2.1 การจัดท่าเพื่อบรรเทาอาการปวด ควรทาทุก 2 ช่ัวโมง โดยท่านอน ให้อยู่ในท่าท่ีสบาย
ถกู ต้องเหมาะสม

6.3 Consult กายภาพบาบัดร่วมดูแล เชน่ transcutaneous electrical nerve stimulation (TENS)
7. การประเมนิ ผลการจัดการกบั ความเจ็บปวด

7.1 ประเมนิ ซ้าภายหลงั การจัดการกับความเจ็บปวดตามช่วงเวลาในการประเมินกรณีผู้ปุวยได้รับยา
ระงับปวดไม่ทุเลา หรือพบอาการข้างเคียงเช่น Pulse หรือ BP เพิ่ม Sedative Score 3 หรือ RR ≤ 10/min
Sedative Score >2 รายงานแพทย์ ปรับแผนการรกั ษา

Best Practice เขตสขุ ภาพที่ 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

102

ผลการดาเนนิ การ

ตัวช้วี ดั เปา้ หมาย ปี 2563 ปี 2564

1.อตั ราการประเมนิ ความรนุ แรงความปวด (CA, S/P cataract) > 85% 91.84 100
2.อตั ราความรนุ แรงอาการปวดลดลงหลังการจดั การความปวด > 80% 100 100
3.อัตราการเกิดอาการไมพ่ ึงประสงคจ์ ากการใชย้ าจดั การความปวด < 0.5% 0 0
4.อตั ราความพึงพอใจ > 85% 96.30 97.48

อภปิ รายผล
จากเปูาหมายความปลอดภัยของผู้ปุวย Patient Safety Goal : SIMPLE ผู้ปุวยที่ปวดควรได้รับการจัดการ

ความปวดอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จากการทบทวน พบการประเมินความรุนแรงความปวดไม่เหมาะสม
ในกลุ่มผ้ปู วุ ยมะเร็งระยะท้ายสือ่ สารไม่ได้ ไดร้ ับการจัดการความปวดไม่เหมาะสม มีความทุกข์ทรมานจากความปวด
ตลอดจนแนวทางการใหย้ าระงบั ปวดไมเ่ ป็นมาตรฐานเดียวกัน งานการพยาบาลผู้ปุวยในชายร่วมกับทีมนาทางคลินิก
จัดทาระเบยี บปฏิบัตกิ ารจดั การความปวดใช้ในโรงพยาบาลบ่อพลอย มีการประเมินความรุนแรงของความปวด
ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมกับผู้ปุวยเฉพาะกลุ่ม ร่วมกับการประเมิน VS ,NS Oxygen Saturation, Blood Pressure
และการ Observe Sedative Score ในผู้ปุวยท่ีได้รับ Opioid ทุกราย ทาให้ผู้ปุวยได้รับการประเมินความรุนแรง
ของความปวดทุกรายด้วยเคร่ืองมือที่เหมาะสม การจัดการความปวดมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยจากการใช้
ยาระงับปวด ช่วยลดความทกุ ขท์ รมานจากความปวด เพ่ิมคุณภาพชีวิตที่ดีขน้ึ ของผู้ปุวยและครอบครัว

สรปุ และข้อเสนอแนะ
1. เรียนรกู้ ารประเมินความปวดทเ่ี หมาะสม กลุ่มส่ือสารไม่ได้ เด็กเล็ก ตลอดจนผู้ไม่รู้สึกตัว โดยการใช้

การประเมินรว่ มกับ NS, VS, O2 Saturation, BP, Sedation Score
2. การทางานเปน็ ทีมสหสาขาวิชาชพี ทงั้ ด้านการใชย้ า และไมใ่ ช้ยา
3. การนิเทศติดตาม และการทบทวนเวชระเบยี น เกดิ การเรียนร้มู าพฒั นางานอย่างตอ่ เน่ือง

Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

103

เร่อื ง การเปรยี บเทียบผลการผ่าตดั รักษาภาวะนวิ่ ในถงุ นาดีระหว่างการผ่าตดั แบบเปิดและการผ่าตัด
แบบสอ่ งกล้อง COMPARE COMPLICATION OUTCOMES OPEN CHOLECYSTECTOMY AND

LAPAROSCOPIC CHOLECYSTECTOMY IN MAKARAK HOSPITAL

นายกาพล พฤกษาอดุ มชัย
นายแพทยช์ านาญการ โรงพยาบาลมะการกั ษ์

ความเป็นมาและความสาคัญของปัญหา
ทบทวนผลการผา่ ตัดถงุ นา้ ดโี ดยวิธีการผ่าตัดแบบเปิดเปรียบเทียบการผ่าตัดแบบส่องกล้องในโรงพยาบาล

มะการักษ์ ในระยะเวลา 12 ปีท่ีผ่านมา เพ่ือประเมินความแตกต่างของภาวะแทรกซ้อนและหาแนวทางในการพัฒนา
เพือ่ ลดภาวะแทรกซอ้ นจากการผา่ ตัดถุงน้าดภี ายในโรงพยาบาลมะการักษ์

วตั ถปุ ระสงค์
เพ่ือนาไปเป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการต่อยอดงานวิจัยแนวทางการเลือกการผ่าตัดถุงน้าดี ในโรงพยาบาล

มะการกั ษ์ รวมถงึ พัฒนางานดา้ น ODS ทีเ่ ก่ยี วข้องกับการผา่ ตัดถุงน้าดี

วธิ ีดาเนินการ
เปน็ การศึกษาแบบย้อนหลังวสั ดุและวิธีการ เป็นการรวบรวมข้อมูลในโรงพยาบาลมะการักษ์ของผู้ป่วยที่มา

ผา่ ตดั ถุงนา้ ดีโดยวิธผี า่ ตดั แบบเปิดและการสอ่ งกล้องตั้งแต่ เดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2551 ถงึ เดือนธนั วาคม พ.ศ. 2562
ผลการดาเนินการ

ผปู้ ่วยทเ่ี ขา้ รบั การผ่าตัดในโรงพยาบาลมะการักษ์ได้รับการผ่าตัดถุงน้าดี 511 ราย โดยแบ่งเป็นการผ่าตัด
ถุงน้าดีแบบเปิด 255 ราย ผ่าตัดถงุ น้าดแี บบสอ่ งกลอ้ ง 249 ราย และผ่าตัดแบบเปิดและตัดถุงน้าดีบางส่วน 7 ราย
จานวนผูป้ ว่ ยท่นี ามาศึกษาวิจยั ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (P = 0.22) ผู้ป่วยที่เข้ามาทาการผ่าตัด
ถงุ น้าดีเป็นเพศหญงิ มากกวา่ เพศชายท้ังสองวิธี อายุเฉล่ียของผู้ที่มาทาการผ่าตัดถุงน้าดีแบบเปิดอยู่ที่ 50.73 ปี
มากกว่ากลมุ่ ผา่ ตดั ถุงนา้ ดแี บบสอ่ งกล้องเลก็ น้อยอยู่ที่ 48.79 ปี มีความแตกตา่ งอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ (P = 0.04)
ระยะเวลานอนโรงพยาบาลโดยเฉลยี่ แบบวิธีการผ่าตัดถุงน้าแบบเปิดจานวนวันอยู่ท่ี 10.34 วัน ซ่ึงมากกว่าการผ่าตัด
ถุงนา้ ดีแบบส่องกลอ้ ง ซ่ึงจานวนวันอยทู่ ี่ 4.99 วัน มคี วามแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (P = 0.00) ภาวะแทรกซ้อน
หลังการผ่าตัดท้ังหมด 12 ปัจจัยท่ีนามาศึกษา พบว่ามีเพียง 3 ปัจจัย ได้แก่ ภาวะปอดบวมหลังการผ่าตัดพบในการ
ผ่าตัดแบบถุงน้าดีแบบเปิดมากกว่าในการผ่าตัดแบบการส่องกล้องแบบ มีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ
15.3% เทียบกับ 1.6% (P= 0.00) ภาวะไตอักเสบเฉียบพลันหลังการผ่าตัดพบในการผ่าตัดแบบถุงน้าดีแบบเปิด
มากกว่าในการผ่าตัดแบบการส่องกล้องแบบมีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ 3.9% เทียบกับ 0.4%
(P= 0.023) ภาวะนิ่วตกค้างในทางเดินน้าดีหลังการผ่าตัดพบในการผ่าตัดแบบถุงน้าดีแบบเปิดมากกว่าในการ
ผ่าตัดแบบส่องกล้องแบบมีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ 4.7% เทียบกับ 0.8% (P= 0.025) ไม่พบ
ภาวะแทรกซ้อนในเรอ่ื งอวยั วะขา้ งเคยี งอ่นื บาดเจ็บในการผ่าตัดถุงน้าดี รวมถึงการท่ีต้องทาการผ่าตัดซ้าหลังผ่าตัด
ภายใน 1 สปั ดาห์ หลงั จากการผา่ ตัดถุงน้าดใี นโรงพยาบาลมะการักษ์ ภาวะแทรกซอ้ นเกี่ยวกับเลือดออกทบ่ี ริเวณ

Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

104
แผลผ่าตัดพบในการผ่าตัดถุงน้าดีแบบส่องกล้องมากกว่าการผ่าตัดถุงน้าดีแบบเปิด 1.2% เทียบกับ 0.4% แต่
ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (P= 0.569) ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดท่ีอ่ืนๆ ท่ีเหลือ ได้แก่
ภาวะดา้ นการติดเช้อื ทางเดนิ ปัสสาวะ การเกดิ ลิ่มเลอื ดอดุ ตันท่ีขา ภาวะตับอ่อนอักเสบ การติดเชื้อที่แผลผ่าตัด
ภาวะทางเดินนา้ ดีบาดเจ็บและภาวะทางเดินน้าดีอักเสบ ไม่มีความแตกต่างในการผ่าตัดทั้งสองวิธีอย่างมีนัยสาคัญ
ทางสถติ ิ (P > 0.05)
สรุปและขอ้ เสนอแนะ

การผ่าตัดถุงน้าดีแบบเปิดและการผ่าตัดถุงน้าดีแบบส่องกล้องท้ังสองวิธีภายในโรงพยาบาลมะการักษ์
ไม่มภี าวะแทรกซอ้ นทางด้านศัลยกรรมที่แตกตา่ งกนั แต่ในทางด้านอายุรกรรม พบมากกว่าในการผ่าตัดแบบเปิด
และส่งผลทาให้มีจานวนวันนอนโรงพยาบาลมากขึ้น การผ่าตัดถุงน้าดีโดยวิธีการส่องกล้องเป็นวิธีท่ีปลอดภัย
แต่ตอ้ งพัฒนาระบบการดแู ลผูป้ ่วยเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการพัฒนาในการดูแลผปู้ ว่ ยแบบวนั เดยี วกลับบ้านได้

Best Practice เขตสขุ ภาพที่ 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

105
เร่ือง Home vacuum dressing เครื่องทาแผลความดันลบท่บี า้ น

นายกติ พิ ัฒน์ บณุ ยรังควร นายแพทย์ชานาญการ
โรงพยาบาลเจา้ พระยายมราช

ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา
Negative pressure wound therapy (NPWT) เปน็ วธิ กี ารทาแผลท่ีเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางท้ัง

ในประเทศและต่างประเทศ มีรายงานการใช้ครั้งแรก ต้ังแต่ ปี 1993 มีการประยุกต์ใช้กับแผลที่รักษาได้ยากและ
ซับซอ้ นมากมายหลายชนดิ เนอื่ งจากชว่ ยดดู ซับ สารคัดหลัง่ สว่ นเกิน ชว่ ยลด แบคทีเรียท่ีแผล กระตุ้นการหายของแผล
ด้วยการกระตุ้นเส้นเลอื ดฝอยทาให้เลือดมาเล้ียงแผลมากขึ้น ช่วยมีแรงดึงให้แผลหดชิดกันเร็วข้ึน แต่การทาแผล
ด้วยวิธีนี้ จาเป็นต้องใช้เคร่ืองมือที่สร้างความดันลบ ซ่ึงในปัจจุบันที่โรงพยาบาลใช้การต่อกับหัวดูดแบบติดผนัง
(suction wall) ทาให้คนไข้จานวนมาก ต้องนอนทาแผลที่โรงพยาบาล เป็นเวลานานหลายเดือน ทาให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
อน่ื ๆ ตามมาได้ เช่น การติดเชอ้ื ในทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ หรือติดเชื้อในกระแสเลือด อีกท้ังยังเพิ่มอัตรา
การครองเตียง ทาให้เกิดความแออัด และตอ้ งเสยี งบประมาณ เปน็ จานวนมาก ปัจจุบันมีการผลิตเคร่ืองทาแผล
แบบความดนั ลบแบบเคลือ่ นทีเ่ พอื่ จาหน่าย แต่พบว่ามีราคา สูงถึง 100,000-200,000 บาทต่อเคร่ืองซ่ึงในประเทศ
กาลงั พัฒนาของเราราคานี้สูงเกินความสามารถของคนไข้สว่ นมากท่จี ะจ่ายได้จึงไม่มกี ารใช้อย่างแพรห่ ลาย
วัตถปุ ระสงค์

เพ่อื ผลิตเครอื่ งสรา้ งแรงดันลบ สาหรับการทาแผลแบบ NPWT แบบใช้ที่บ้าน เพ่ือลดอัตราการครองเตียง
และภาวะแทรกซอ้ นจากการนอนโรงพยาบาล ที่ราคาไม่แพง วัสดหุ าไดท้ ่ัวไป สามารถทาซา้ ได้
วธิ ดี าเนนิ การ

3.1 คัดเลือก เครื่องดูดแบบตา่ งๆ วัดแรงดัน ให้อยใู่ นช่วง -70 ถงึ -120 mmHg
3.2 ทดสอบตอ่ กับชดุ ทาแผล NPWT จาลอง และเปดิ เครอื่ งตอ่ เนื่อง 24 ช่ัวโมง
3.3 ทดลองใชก้ บั ผูป้ ่วยทแี่ ผนกศัลยกรรม ท่ีแพทย์เจ้าของไข้ ต้องการใช้วีธีทาแผล แบบ NPWT แต่ไม่มีหัว
suction wall เพียงพอ เน่ืองจากความแออัด
3.4 ให้คนไข้นาเคร่ืองกลับไปใช้ที่บ้าน โดยต้องมาเปลี่ยนฟองน้าที่โรงพยาบาลทุก 72 ชั่วโมง โดยทุกคร้ัง
ทมี่ าทาแผลจะมีการประเมนิ ขนาดและลักษณะของแผลรว่ มด้วย

Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

106

ผลการดาเนนิ การ
เครอ่ื งสรา้ งแรงดันลบท่ีผลติ ขึน้ สามารถใชง้ านได้จริงตอ่ เนือ่ งตลอด 24 ชวั่ โมง โดยไม่ร้อนจนเกินไป เน่ืองจาก

มกี ารต้ังเวลาให้มอเตอร์สลับกันทางานอัตโนมัติ ใช้งานไดง้ า่ ย ไดท้ ุกท่ีทมี่ ีไฟฟ้า โดยเมื่อเสยี บปลัก๊ เคร่ืองจะทางานเอง
ทันที จากการทดลองใช้กับผู้ป่วยจานวน 6 ราย ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ผู้ป่วยชายไทย อายุ 59 ปี โรคประจาตัว
เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เข้ารับการรักษาด้วยแผลท่ีส้นเท้า 29/11/64 ได้รับการตัดเนื้อตายหลายครั้ง
และทาแผลด้วยผลติ ภัณฑ์ Hydrofiber หลายชนดิ แผลแย่ลงเรือ่ ยๆ แพทย์จึงใช้วธิ ีทาแผลด้วยวธิ ี NPWT

29/11/64 19/1/65

หลังการผ่าตดั คนไขไ้ มส่ ะดวกนอน โรงพยาบาล จงึ ใช้เครื่อง Home vacuum dressing พบว่าแผลดีขึ้นตามลาดบั

1/3/65 5/4/65

อภิปรายผล

เครื่อง Home vacuum dressing สามารถทางานได้ดี ตลอด 24 ชั่วโมง ณ ปัจจุบัน ใช้งานมามากกว่า

90 วัน และมีแรงดันลบ เหมาะสมที่ -100 mmHg ซง่ึ เพียงพอต่อการทาแผลขนาดใหญ่ แผลดีข้ึนอย่างรวดเร็ว

คนไข้สามารถกลบั ไปพักฟ้ืนที่บ้านได้ ทาให้ลดอัตราการครองเตียง และลดการติดเช้ือในโรงพยาบาลด้วยราคา

การผลติ อยู่ที่ 3,000 บาท ตอ่ เครอ่ื ง ซึ่งถูกกว่าเครอ่ื งท่มี ีขายอยูร่ าคา 100,000 - 200,000 บาท

สรุปและข้อเสนอแนะ
เนือ่ งจากเป็นการศกึ ษา pilot study ตวั อย่างค่อนข้างนอ้ ย จึงจาเป็นต้องเก็บข้อมูลเพ่ิมเติมและติดตาม

ดูประสิทธิภาพของเครื่องในระยะยาว ซ่ึงหากพบว่าเครื่อง Home vacuum dressing ทางานได้จริง สามารถขยาย
ผลผลติ เพมิ่ ไดเ้ ปน็ จานวนมากในหลายๆโรงพยาบาล เน่อื งจากราคาไมแ่ พง และวสั ดุหาไดง้ ่าย และประกอบเอง
ไดไ้ ม่ยาก จะทาให้การทาแผลมปี ระสิทธิภาพมากข้ึน ลดระยะเวลาในการทาแผลลง และอาจลดอัตราการตัดขา
ลงไดใ้ นระยะยาว

Best Practice เขตสขุ ภาพที่ 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

107

เรือ่ ง การพัฒนาการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตบี หรืออุดตัน
โรงพยาบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี

นางสาวพมิ พ์กมล เสยี งวัฒนะ นายแพทย์ชานาญการ
นางสาวสรวรรณ โพธิอ๊ะ พยาบาลวิชาชพี ชานาญการ
นางสาวอภนิ นั ท์ ชูวงษ์ พยาบาลวิชาชีพชานาญการ

และทมี สหสาขาวชิ าชพี โรงพยาบาลโพธาราม

ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke, cerebrovascular disease) คือ ภาวะท่ีสมองขาดเลือดไปเลี้ยง เนื่องจาก

หลอดเลอื ดตีบหลอดเลอื ดอดุ ตันหรือหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เน้ือเยื่อในสมองถูกทาลาย การทางานของสมอง
หยุดชะงัก ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย ครอบครัว เศรษฐกิจและสังคม เป็นโรคท่ีพบบ่อยในวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุท่ัวโลก
เป็นสาเหตุการเสียชีวิตท่ีสาคัญเป็นอันดับ 3 รองจากโรคหัวใจและโรคมะเร็ง รายงานจากองค์การอนามัยโลก พบ
อุบตั ิการณ์การเกิดโรคหลอดเลอื ดสมองท่ัวโลกประมาณ 15 ล้านคนใน 1 ปี และพบว่าโดยเฉล่ียทุกๆ 6 วินาทีจะมี
คนเสียชวี ติ จากโรคหลอดเลอื ดสมอง อย่างน้อย 1 คน โดยในปี พ.ศ. 2563 จะมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเพ่ิมขึ้น
เปน็ 2 เทา่ จากรายงานสถิติสาธารณสุขกระทรวงสาธารณสุข พบวา่ อตั ราการเสียชวี ติ จากโรคหลอดเลือดสมอง
(I60-I69) ต่อประชากรแสนคน ปี 2562-2564 เท่ากับร้อยละ 7.97, 5.58 และ 8.19 ตามลาดบั โรงพยาบาลโพธาราม
จงั หวดั ราชบุรี เปน็ โรงพยาบาลทั่วไปขนาดกลาง จานวนเตียง 340 เตียง ในเขตสุขภาพที่ 5 พบว่าอัตราการเสียชีวิต
จากโรคหลอดเลือดสมอง (I60-I69) ในปี พ.ศ. 2562–2564 เท่ากับ ร้อยละ 9.82, 9.36 และ 4.88 ตามลาดับ และ
จานวนผู้ปว่ ยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรอื อดุ ตัน (I63) ในปี พ.ศ. 2562–2564 เท่ากับ 284, 296 และ 275 คน ตามลาดับ
โรงพยาบาลโพธารามใหก้ ารดูแลรกั ษาผูป้ ่วยโรคหลอดเลอื ดสมองตบี หรืออดุ ตัน ดว้ ยยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดา
(rt-PA) การรักษาด้วยวิธีดังกล่าวจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต และความพิการตลอดจนภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
โดยโรงพยาบาลโพธารามได้พัฒนาบคุ ลากร สถานที่และเครือข่ายในการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยมี
อายรุ แพทย์ระบบประสาทและสมอง แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน รังสีแพทย์ พยาบาลเฉพาะทางด้านโรคระบบประสาท
และสมอง ทีมสหสาขาวิชาชพี ร่วมดูแล ได้แก่ นักเทคนิคการแพทย์ นักกายภาพบาบัด นักกิจกรรมบาบัด เภสัชกร
นกั โภชนาการ ทมี เย่ียมบา้ น นักจติ วิทยา ทมี แพทยท์ างเลอื ก มศี ูนย์เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในโรงพยาบาล เปิดหอ
อภบิ าลผู้ปว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมอง จานวน 6 เตียง เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งรับส่งต่อ
ผปู้ ่วยจากโรงพยาบาลในเครือข่าย ได้แก่ โรงพยาบาลเจ็ดเสมียนและโรงพยาบาลบางแพ และกรณีที่เกินศักยภาพ
ในการดูแลรักษา มีระบบการประสานงานส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ได้แก่ โรงพยาบาลราชบุรี
ศูนย์โรคหลอดเลอื ดสมอง โรงพยาบาลศริ ิราช และสถาบนั ประสาท จากการพัฒนาที่ผ่านมา คณะผู้วิจัยจึงมีความสนใจ
ศึกษาผลการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน โรงพยาบาลโพธาราม เพ่ือให้ผู้ป่วยโรค
หลอดเลือดสมองตบี หรอื อดุ ตนั ไดร้ บั การดแู ลรกั ษาตามมาตรฐาน เขา้ ถึงโรงพยาบาลได้รวดเร็ว รับการรักษาท่ีรวดเร็ว
ลดอตั ราการเสยี ชวี ิต และความพิการ มคี ุณภาพชีวิตทดี่ ขี ึน้ สามารถดูแลตนเองได้

Best Practice เขตสขุ ภาพที่ 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

108

วัตถุประสงค์
เพื่อศกึ ษาผลการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยโรคโรคหลอดเลือดสมองตบี หรอื อดุ ตัน โรงพยาบาลโพธาราม

วิธีดาเนนิ การ
รปู แบบการศกึ ษา : การวิจยั เชงิ พรรณนา (Descriptive Research) ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง ได้แก่

ผูป้ ว่ ยโรคหลอดเลือดสมองตบี หรืออุดตัน (I63) ท่ีมารับการรักษาที่โรงพยาบาลโพธาราม ในช่วงวันท่ี 1 ตุลาคม 2561 ถึง
30 กนั ยายน 2564 โดยใชป้ ระชากรทั้งหมดเป็นกลุ่มตัวอย่าง วเิ คราะห์ข้อมูล ได้แก่ อัตราการเสียชีวิต อัตราการเข้าถึง
โรงพยาบาลใน 4.5 ชวั่ โมง ระยะเวลาในการให้ยาละลายลม่ิ เลือด (rt-PA) ใน 1 ช่ัวโมง ภาวะแทรกซ้อนในโรงพยาบาล
ได้แก่ Pneumonia UTI Pressure sore และ ADL ผู้ป่วยหลังได้รับยาละลายล่ิมเลือด โดยใช้สถิติพรรณนา
จานวน รอ้ ยละ

กระบวนการ ขอ้ กาหนด ตัวชี้วัด การดาเนนิ การ

Entry เข้าถงึ การรกั ษา Onset to hospital - Stroke Alert ในชมุ ชน Education ในผูป้ ว่ ย DM ,HT
Diagnosis รวดเรว็ time < 3 hrs - พฒั นาระบบ การเขา้ ถงึ บริการดว้ ยระบบ Call center
ไดร้ บั ยาละลายล่ิม SPECS และระบบ EMS
Care of เลอื ดภายใน Door to drug time - ระบบคดั กรองหน่วยงานด่านหนา้ ประกาศรหสั Stroke
patient ระยะเวลาทก่ี าหนด in 60 min. Fast Track ทพี่ บผปู้ ว่ ย Stroke เพื่อให้ทุกหน่วยงาน
Alert
Continuous ภาวะแทรกซ้อนขณะ อัตราตาย ≤ 5% - CT Brain เจาะเลือด รายงานผล ภายใน 30 นาที
of Care อยโู่ รงพยาบาล อตั ราการเกิด - ระบบ consult อายุรแพทย/์ อายรุ แพทย์ระบบประสาท
ภาวะแทรกซอ้ น และสมองประกันเวลาไดร้ บั ยาละลายลมิ่ เลือด ( rt-PA)
การวางแผนจาหน่าย < 5% ภายใน 60 นาที
Home Health - จดั ตัง้ stroke unit 6 เตียง และพฒั นาตามเกณฑ์
Care ADL เพม่ิ ข้ึน คณุ ภาพของศนู ย์โรคหลอดเลอื ดสมองมาตรฐาน
HHC > 80% (Standard Stroke Center Certify : SSCC)
- ดแู ลผปู้ ่วยโดยสหสาขาวชิ าชพี วางแผนจาหน่ายผปู้ ว่ ย
ทุกราย PCT round Stroke ทุกวันองั คาร
- เพิ่มชอ่ งทางการติดตามเย่ยี มผูป้ ว่ ยทางโทรศัพท์ ใน
ผูป้ ่วยที่ Barthel index score > 75 ประสานทมี HHC
โดยให้ รพ.สต - -- ติดตามเย่ียมผปู้ ่วย/ HHC โดย
ทีมสหสาขาวชิ าชีพ

Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

109
ผลการดาเนินการ

ผลการศึกษา พบว่าอัตราการเสยี ชีวติ ในผู้ป่วยโรคหลอดเลอื ดสมองตบี หรืออุดตัน (I63) ปี 2562-2564
มแี นวโนม้ ลดลง เท่ากบั ร้อยละ 4.92, 3.37 และ 1.45 ตามลาดับ (< ร้อยละ 5) ผูป้ ่วยไดร้ บั ยาละลายลมิ่ เลือด (rt-PA)
ภายใน 1 ช่วั โมง เพ่มิ ขนึ้ เทา่ กบั ร้อยละ 47.36, 68 และ 81.48 ตามลาดับ (> รอ้ ยละ 80) ภาวะแทรกซอ้ นของผู้ป่วย
ขณะอยู่โรงพยาบาล ได้แก่ Pneumonia ,UTI, Pressure sore น้อยกว่า ร้อยละ 5 ผู้ป่วยมีระดับ ADL หลัง
ไดร้ บั ยา rt-PA เพม่ิ ขน้ึ เทา่ กับ ร้อยละ 78.94, 88 และ 85.18 ตามลาดับ (> ร้อยละ 80) แต่พบว่าอัตราการเข้าถึง
โรงพยาบาลใน 4.5 ช่วั โมง ลดลง รอ้ ยละ 39.08, 31.08 และ 24.72 ตามลาดบั (> รอ้ ยละ 50)

อภปิ รายผล
จากผลการศกึ ษา พบวา่ ผลการพฒั นาการดูแลผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมองตีบหรืออุดตัน โรงพยาบาลโพธาราม

มีผลลพั ธ์ในการดแู ลท่ีดีข้นึ อัตราการเสยี ชีวิตลดลง ผู้ป่วยได้รับยาละลายล่ิมเลือดภายในเวลา 1 ชั่วโมงเพ่ิมขึ้น
ซง่ึ ผลลพั ธด์ งั กลา่ วมคี วามสมั พันธ์กับการพัฒนาระบบ Stroke Fast Track และพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยโรค
หลอดเลอื ดสมองตีบหรอื อดุ ตันในโรงพยาบาล สอดคล้องกับการศึกษาของสงบ บุญทองโท และคณะศึกษาการ
พัฒนาระบบบริการช่องทางด่วนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโรงพยาบาลวาปีปทุมและเครือข่ายบริการ พบว่า
ระบบบริการชอ่ งทางด่วนช่วยให้ผปู้ ว่ ยไดร้ บั การดแู ลรักษาอยา่ งรวดเร็ว และได้มาตรฐาน แต่ผลการศึกษายังพบว่า
อตั ราการเขา้ ถึงโรงพยาบาลของผ้ปู ่วยภายใน 4.5 ชวั่ โมงลดลง เน่ืองจากผู้ป่วยไม่ทราบว่าเป็นอาการโรคหลอดเลือดสมอง
อาการไม่ชดั เจน รอดูอาการ ไม่รบี มาโรงพยาบาล สอดคล้องกับการศึกษาของสัตกช โพธิ์คาศึกษา เร่ือง การรับรู้
ทางด่วนโรคหลอดเลอื ดสมองของผูป้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมองชนดิ ขาดเลือดระยะเฉียบพลัน โรงพยาบาลสมเด็จ
พระยุพราชกระนวน จังหวดั ขอนแกน่ พบวา่ การรบั รู้ระบบทางด่วนโรคหลอดเลือดสมองของผู้ปว่ ยโรคหลอดเลือดสมอง
ชนิดขาดเลอื ดในภาพรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง ท่เี ป็นปญั หามากที่สุด คือ การรบั ร้ผู ลประโยชนข์ องการรักษาเกย่ี วกับ
อาการเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง ควรไปรักษาภายใน 3 ชั่วโมง และการรับรู้อาการเตือนหรืออาการนาของ
โรคหลอดเลอื ดสมอง

สรุปและขอ้ เสนอแนะ
ผลลพั ธ์ในการพัฒนาการดูแลผปู้ ่วยโรคหลอดเลอื ดสมองตีบหรอื อุดตัน โรงพยาบาลโพธาราม มีผลลัพธ์ใน

การดูแลท่ดี ีข้นึ อตั ราการเสียชีวิตลดลง ผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือดภายในเวลา 1 ช่ัวโมงเพิ่มขึ้น ภาวะแทรกซ้อน
ผู้ป่วยในขณะอยู่โรงพยาบาลลดลง แต่ยังพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่มาโรงพยาบาลเกิน 4.5 ชั่วโมง ทาให้ไม่สามารถให้
ยาละลายลิ่มเลอื ดได้ ดังน้ันควรมุง่ เน้นการพัฒนาไปยงั ระบบการเข้าถึงบริการท่ีรวดเร็ว การรับรู้ของประชาชน
เชื่อมโยงกับระบบ Pre – Hospital ได้แก่ ชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน, โรงพยาบาลส่งเสริม
สุขภาพตาบล, ประชาชน ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เพ่ือให้เกิดความต่ืนตัว รับรู้อาการ และตัดสินใจเข้ารับการรักษาได้
ทันเวลา รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ป่วย ประชาชน ใช้บริการระบบ EMS ระบบ Call center : Smart Photharam
Emergency Care Service (SPECS) เพ่ือท่จี ะได้มาโรงพยาบาลไดร้ วดเรว็ ขน้ึ

Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

110
เรื่อง การใชแ้ ผน่ ฟลิ ม์ พลาสตกิ ถนอมอาหารรักษาบาดแผลด้วยระบบสุญญากาศ...The application of

Food Wrap for Negative pressure wound therapy

นายเทพรักษา เหมพรหมราช นายแพทยช์ านาญการ
แผนกศลั ยกรรมกระดกู และข้อ โรงพยาบาลสมุทรสาคร

ความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หา
บาดแผลขนาดใหญ่และบาดแผลเร้ือรัง เป็นปัญหาที่สร้างความทุกข์ทรมานให้ผู้ป่วยอย่างมาก การทาแผล

ด้วยวิธีปกติมักจะไม่ได้ผล แผลหายช้า หรือบางครั้งแย่ลงกว่าเดิม การรักษาบาดแผลด้วยระบบสุญญากาศ
(Negative pressure wound therapy) จะช่วยปรับสภาพแวดล้อมของบาดแผล ทาให้แผลรักษาง่ายขึ้น ปัจจุบัน
ได้มกี ารประยุกตน์ าวสั ดุท่ีหาได้งา่ ยมาทดแทน เช่น การนาฟองน้ามาใช้แผ่นโฟมปิดแผล, การใช้ mobile suction
แทน wall suction ส่วนวัสดุท่ีปิดช้ันสุดเพื่อป้องกันอากาศเข้าไปทาให้เกิดสุญญากาศนั้น นิยมใช้แผ่นกาวพลาสติก
ปิดแผลผ่าตัด (Ioban Steri-Drape) ซ่ึงมีราคาแพงและต้องนาเข้าจากต่างประเทศ ทาให้ค่าใช้จ่ายในการทาแผลสูง
แผ่นฟิลม์ พลาสตกิ ถนอมอาหาร เปน็ วสั ดุท่หี างา่ ย ราคาไมแ่ พง สามารถป้องกันอากาศจากภายนอกเข้ามา อาจสามารถ
นามาใชท้ าระบบสุญญากาศรกั ษาบาดแผลได้

วัตถปุ ระสงค์
ศกึ ษาการใชฟ้ ิลม์ พลาสตกิ ถนอมอาหารในการทา Negative pressure wound therapy

วิธดี าเนินการ
ผปู้ ว่ ยทมี่ บี าดแผลขนาดใหญ่ ที่ไม่สามารถปิดแผลไดใ้ นคร้ังแรก อายุ 20-60 ปี ไม่มีโรคประจาตัว ไม่มีประวัติ

แพ้พลาสติกหรือวัสดุปิดแผล ท่ีมารักษาที่แผนกศัลยกรรมกระดูก โรงพยาบาลสมุทรสาคร ตั้งแต่ 1 มกราคม 2564
ถงึ 31 ธนั วาคม 2564 จะไดร้ ับคาแนะนาในการรักษาด้วยระบบสุญญากาศและจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกวัสดุ
ปิดแผลชนิดเดิม (Seri-Drape) หรือเข้าร่วมการศึกษาด้วยการใช้พลาสติกถนอมอาหารปิดแผลแทนแผ่นฟิล์ม
พลาสติกถนอมอาหารซื้อมาจากร้านสะดวกซ้ือท่ัวไป ขนาด 30 ซม. X 72 ม. X 10 ไมโครเมตร เป็นพลาสติกชนิด
Polyvinyl chloride (PVC) พลาสติกจะถูกแบง่ เปน็ 2 ส่วน ยาวม้วนละ 15 ซม. จากน้ันผ่านการทาให้ปลอดเช้ือ
ด้วยวิธีอบแก๊ส Ethylene Oxide การทาแผลใช้ chloramphenicol ointment ทาแผล ปิดด้วยตาข่ายปิดแผล
วางผ้าก๊อซชุบน้าเกลือหมาดๆ ต่อสายดูอากาศ และชั้นบนสุดปิดด้วยก๊อซแห้ง เปิดท่ีดูดอากาศ (vaccum suction)
ความดนั ทใี่ ชป้ ระมาณ 100 mmHg. พันรอบแผลด้วยฟิล์มพลาสติกถนอมอาหารประมาณ 3-5 รอบ จนระบบ
สุญญากาศทางานได้ดี ปิดขอบฟิลม์ ด้วยเทปกาวปิดแผลแบบม้วนท่ัวไป ฟิล์มพลาสติกที่เหลือจะถูกนามาอบแก๊ส
ปลอดเชอ้ื ใหม่ เพือ่ ใช้กบั ผู้ป่วยรายเดิม เกบ็ ข้อมลู อายุ ลักษณะบาดแผลกอ่ นและหลังการรกั ษา ระยะเวลาท่ีใช้
ในการทาแผลแตล่ ะคร้ัง จานวนครง้ั ท่ที าแผลจนกระทั่งบาดแผลหายดี หรือสามารถปลูกถ่ายผิวหนังได้ การรั่วของ
ระบบสุญญากาศ ภาวะแทรกซอ้ นจากการรกั ษา อาการเจ็บปวดระหว่างการรักษาดว้ ยระบบสุญญากาศ อาการ
ระคายเคืองที่ผวิ หนงั จากการสมั ผสั พลาสตกิ ถนอมอาหาร ใช้สถิติเชงิ พรรณนา บรรยายผลการศกึ ษา

Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

111
ผลการดาเนินการ

ผูป้ ่วยจานวน 2 ราย เพศชาย อายุ 30, 35 ปี อุบัติเหตุแขนโดนเครื่องจักรทับขณะทางาน มีแผลขนาดใหญ่
ที่แขน ไม่สามารถปดิ แผลได้ในครั้งแรก หลังจากผ่าตัดทาความสะอาดบาดแผลและให้ยาปฏิชีวนะ จนไม่มีลักษณะ
บาดแผลติดเช้อื แล้ว ไดร้ บั การทาแผลดว้ ยวธิ สี ุญญากาศโดยใช้ฟลิ ม์ ถนอมอาหาร เปิดแผลทุก 24 ชั่วโมง 3 คร้ัง
หลังจากนั้นเปิดแผลทุก 48 ช่ัวโมง มีการรั่วซึมของระบบหลังจาก 24 ช่ัวโมง 5 ครั้ง สามารถแก้ไขโดยใช้พลาสติก
กนั นา้ ปิดเพมิ่ ให้ระบบกลบั มาใชง้ านได้ต่อจนครบ 48 ช่ัวโมง ใช้เวลารักษาด้วยระบบสุญญากาศ 2, 3 สัปดาห์
ม้วนพลาสติกทอี่ บแกส๊ แลว้ ล่นื ไหลดีขณะปดิ แผล ทดสอบด้วยการเทน้าลงบนแผ่นพลาสติกไม่มีการร่ัวซึมออกมา
ไม่พบอาการขา้ งเคียงจากพลาสติก ไม่มีอาการอักเสบของผิวหนังที่ผิดปกติต่างจากการทาแผลท่ัวไปตลอดการรักษา
ระดับความเจ็บปวดเฉลี่ย 3 (0 = ไมป่ วด – 10 = ปวดมาก) ใชเ้ วลาทาแผลเฉลีย่ คร้ังละ 25 นาที
อภิปรายผล

การศกึ ษานเี้ ลือกผปู้ ่วยท่ีแข็งแรง เพือ่ กรณที ี่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น จะทาให้การแก้ไขไม่ยากนักและช่วงแรก
เปดิ แผลเรว็ เพ่ือประเมินวา่ มภี าวะแทรกซ้อนหรือไม่ ซ่ึงไม่พบภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด แผ่นฟิล์มมีขนาดบาง
ทาให้มีอากาศผ่านไดบ้ า้ ง การใช้แผ่นฟิล์มหลายช้ันสามารถป้องกันปัญหาดังกล่าวได้ กรณีท่ีมีการร่ัวของระบบ
หลังจากปิดแผลแลว้ สามารถซ่อมแซมได้ โดยใช้แผ่นพลาสติกปิดแผลมาปิดทับอีกคร้ัง การใช้ฟิล์มม้วนเหมาะกับ
การปิดแผลสุญญากาศบริเวณระยางค์ สามารถกลง้ิ พลาสตกิ ได้รอบแผลได้ง่าย สามารถกลิ้งทับบนพ้ืนผิวท่ีโค้งกลม
ไดง้ ่ายกว่าการใช้กาวพลาสติกปิดแผล ส่วนที่สัมผัสกับกาวน้อยกว่าเทคนิคเดิมเวลาเปิดแผลจะไม่เจ็บมากจากกาว
ทรี่ ง้ั ผวิ หนงั คา่ ใช้จ่ายลดลงอยา่ งมาก พลาสติกถนอมอาหาร 1 มว้ น สามารถแบ่งมาใชไ้ ดห้ ลายคร้งั ส่วนท่ีเหลือ
สามารถนามาอบแก๊สซ้าได้อกี

รูปท่ี 1. ผูป้ ว่ ยอายุ 30 ปี เครอื่ งจักรทบั แขนขวา กระดูกแขนหกั รว่ มกับมีบาดแผลขนาดใหญ่
รูปท่ี 2. หลังจากผ่าตดั ยึดตรึงกระดกู และตกแต่งบาดแผล
รูปท่ี 3-5. การทาแผลระบบสุญญากาศดว้ ยพลาสติกถนอมอาหาร
รปู ท่ี 6-7. บาดแผลที่ 1, 3 สัปดาห์หลังทาแผลด้วยระบบสุญญากาศโดยใชพ้ ลาสตกิ ถนอมอาหาร
รูปท่ี 8-9. การปลูกผิวหนังบนบาดแผล, ผลการรักษาที่ 8 สปั ดาห์

Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

112
สรปุ ผลการศกึ ษา

ฟลิ ม์ ถนอมอาหาร สามารถนามาประยุกตใ์ ช้ในการทาระบบสญุ ญากาศปิดแผลรกั ษาผปู้ ว่ ยได้
ขอ้ เสนอแนะ

พลาสติกถนอมอาหารมีหลายชนิด มีโครงสร้างเคมี และความหนาที่แตกต่างกัน หากการใช้พลาสติก
ถนอมอาหารทาแผลสุญญากาศเปน็ ที่ยอมรับ นามาใช้มากข้ึนในอนาคต นอกจากจะลดต้นทุนในการทาแผลแล้ว
การจัดพลาสติกท่ีต่างชนิดกัน ผสมผสานกับแผ่นปิดแผลชนิดต่างๆ อาจทาให้ค้นพบวิธีการทาแผลท่ีมีประสิทธิภาพ
มากข้นึ ต่อไปในอนาคตดว้ ย

Best Practice เขตสขุ ภาพที่ 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

113

เรือ่ ง นวัตกรรม การแปะยาชาชงผสมกญั ชา

นางจรี นันท์ บุญอิ่ม แพทยแ์ ผนไทยชานาญการ
กลุม่ งานการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก โรงพยาบาลสมุทรสาคร

ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา
การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลให้เป็นทางเลือกแก่ผู้รับบริการ

ท้ังการตรวจวินจิ ฉยั จา่ ยยาสมุนไพรเด่ียว ยาตารับ ยากัญชา รักษาโรคต่างๆ การนวดรักษา การอบสมุนไพร ประคบ
สมุนไพร การดแู ลมารดาหลังคลอด การฝังเข็มฯลฯ การแปรรูปสมุนไพรมาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ การกินอาหาร
เป็นยา ซึ่ง”กญั ชา”เป็นสมนุ ไพรที่มใี ช้กนั แพรห่ ลาย นามาปรุงอาหารเป็นยาและปรุงยาตารับรักษาโรค ผู้จัดทา
พบผู้มารับบริการที่มีอาการคัดจมูก ปวดตึงกล้ามเนื้อและนอนไม่หลับ มากข้ึน จึงคิดค้นนวัตกรรมการแปะยาชาชง
ท่ีมีสว่ นผสมกญั ชาเพ่อื บรรเทาอาการ

ดงั นนั้ กลมุ่ งานการแพทย์แผนไทยฯ โรงพยาบาลสมทุ รสาคร คิดค้นทานวัตกรรมการแปะยาชาชงกัญชา
เพอ่ื อนรุ ักษภ์ ูมิปญั ญาไทยในการใช้กัญชา ลดการเจ็บป่วย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี สร้างเศรษฐกิจสร้างรายได้ ลดการแออัด
สาหรับผูม้ ารับบริการในโรงพยาบาลและเป็นการเผยแพรน่ วตั กรรมเพื่อใชใ้ นการดแู ลตนเองได้

วัตถุประสงค์
1. เพ่ือส่งเสริมอนุรกั ษ์ภมู ปิ ญั ญาไทยในการใช้สมุนไพร และลดการเจ็บป่วย สร้างคุณภาพชีวิตท่ีดี สร้าง

เศรษฐกิจ สรา้ งรายได้ ให้ประชาชนพึง่ ตนเองเป็นหมอครอบครวั ได้
2. เพ่ือสร้างนวัตกรรมการแปะยาชาชงใหป้ ระชาชนเขา้ ถึงกัญชาทางการแพทย์ได้อย่างกว้างขวาง เพื่อ

ลดการแออดั สาหรับผู้มารบั บรกิ ารในโรงพยาบาล
อุปกรณ์ท่ีใช้/วิธีการทางานแบบเดิม ก่อนการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (กรณีท่ีเป็นการปรับเปล่ียน
กระบวนการทางาน)

วิธกี ารทางานแบบเดิม : ให้บริการผู้ป่วยด้วยการนวด ประคบและอบสมุนไพรท้ังตัว จ่ายยาสมุนไพร
และใหค้ าแนะนากอ่ นกลับด้วยการดแู ลสขุ ภาพการยดื เหยยี ดคลายกล้ามเน้ือ

นวดรกั ษา 45 - 90 นาที

ประคบสมนุ ไพร 30 นาที

อบสมุนไพรทงั้ ตัว 60 นาที
จา่ ยยาสมุนไพร 15 นาที

Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

114
วิธีการทางานแบบใหม่ ช่วงการระบาดโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 : ให้บริการผู้ป่วยด้วยการให้ความรู้
การยดื เหยียดด้วยตนเอง แปะยาชาชงเพ่ือบรรเทาอาการ ปวดกลา้ มเน้อื และทาใหน้ อนหลับสบาย

ภาพ อปุ กรณ์ แปะยาชาชงสมุนไพร 10-15 นาที

สรรพคุณ ชว่ ยบรรเทาอาการปวดตงึ กล้ามเน้ือ อาการคดั จมูก และทาให้นอนหลบั สบาย
ขน้ั ตอนการดาเนนิ การ

1. นาสมุนไพรใส่ซองชาชงซิวปดิ หรอื ชาชงท่เี ราซอ้ื มารับประทาน เชน่ ชาชงขงิ ชาชงกัญชา จ่มุ น้ามัน
2. เลือกสมนุ ไพรท่ีมีน้ามันหอมระเหยสรรพคุณบรรเทาอาการคัดจมกู ทาใหน้ อนหลบั สบาย
3. ให้บริการ ให้คาปรึกษา และรับส่งต่อจากแพทย์แผนปัจจุบัน อาการปวดกล้ามเนื้อ อาการคัดจมูก
นอนไม่หลับ ทกุ วนั เวลา 08.00 -16.00 น. ผู้รับบริการ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ผู้ป่วยท่ีแพทย์ส่งต่อ
และผปู้ ่วยในชมุ ชน ทเี่ ปน็ case ติดตามเยย่ี มบ้านโดยเฉพาะผปู้ ว่ ย palliative care
4. ผู้มารบั บริการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจในการให้บริการ
5. เก็บขอ้ มลู การบริการแปะยาชาชงผสมกัญชา
6. ประเมนิ ผลติดตามหลังการใหบ้ รกิ าร
วิธกี ารใชส้ ่งิ ประดิษฐ์/วิธกี ารทางานแบบใหม่
1. ตรวจวนิ ิจฉัยดว้ ยแพทย์แผนไทยอาการปวดกล้ามเน้ือ อาการคัดจมกู นอนไม่หลับ
2. ให้คาปรึกษาแนะนาวธิ กี ารปฏิบัตติ ัวใหค้ วามรู้การนวดกดจดุ ยดื เหยียดตนเอง และแปะยาชาชง

1) ผู้ท่มี อี าการปวดกล้ามเนื้อ ให้นวดกดตนเอง โดยใช้มือกดลงบริเวณท่ีมีอาการปวดตึง และ
แปะยาชาชงผสมกญั ชา

2) ผู้ที่มีอาการคัดจมกู แปะยาชาชงทีผ่ า่ มอื และนาแผน่ ยาออก นามือถูไปมา 3 คร้ัง แล้วสูดดม
ลมหายใจเขา้ ออกท่ีฝา่ มอื จะทาใหจ้ มูกโลง่ ขนึ้

Best Practice เขตสขุ ภาพท่ี 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

115

3) ผู้ทม่ี อี าการนอนไม่หลับ ใหน้ วดตนเองโดยใช้มือซา้ ยกดบ่าขวา มือขวากดบ่าซ้าย และแปะยาชาชง
ผสมกัญชา จะทาให้นอนหลับสบาย

3. การทาหัตถการใช้เวลาประมาณ 10 - 15 นาที หรอื ถ้าหลายคนกส็ ามารถทาไปพรอ้ มๆกันได้
การประเมนิ ผล

1. จากแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ/ไม่พงึ พอใจผู้มารบั บริการ 30 ชดุ
2. ติดตามหลังการใหบ้ ริการ

ตารางข้อมูลก่อนและหลงั การใช้นวัตกรรมการแปะยาชาชง โรงพยาบาลสมทุ รสาคร

ก่อนการ หลังการใช้นวัตกรรมการแปะยาชาชง
ใชน้ วตั กรรม
พึงพอใจ แนะนา ตดิ ตามสัปดาห์ท่ี 1 ตดิ ตามสปั ดาห์ท่ี 2
ผมู้ ารบั บริการมี
อาการคัดจมูก 30 ราย ควรทาจาหนา่ ย คดั จมกู ปวดกลา้ มเนอ้ื อาการดีขน้ึ 29 ราย
ปวดกล้ามเนอ้ื ไม่สะดวก นอนไมห่ ลบั 30 ราย อาการไมห่ ายขาด 1 ราย
นอนไมห่ ลบั ไปทาใชเ้ อง ดขี นึ้ 29 ราย กลบั มา แนะนาพบแพทย์
เป็นซา้ 1 ราย จาก แผนปจั จุบนั
อาการนอนไม่หลับ
จา่ ยยาหอมนวโกฐเพิ่ม
1 ราย ส่งตอ่

ผลลพั ธท์ ่ีเกดิ ขึน้
1. สรา้ งความภาคภมู ิใจในการทางาน ผู้มารับบรกิ ารสามารถนานวัตกรรมไปใช้ดูแลสุขภาพ เพื่อบรรเทา

อาการระยะเบือ้ งตน้ สาหรบั ตนเองและครอบครวั ได้
2. เปน็ การส่งเสริม อนุรักษ์ภมู ิปญั ญาไทย ทาผลิตภัณฑก์ ารใชก้ ญั ชาทางการแพทยแ์ ละลดการแออัด

Best Practice เขตสขุ ภาพที่ 5 ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

"We keep moving forward, opening new doors, and
doing new things, because we’re curious and curiosity

keeps leading us down new paths."

- Walt Disney -


Click to View FlipBook Version