The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

3 กาพย์ห่อโคลงดาว3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rattana15299, 2021-12-08 20:26:22

3 กาพย์ห่อโคลงดาว3

3 กาพย์ห่อโคลงดาว3

แผนการจัดการเรยี นรู้ภาษาไทย

ภาคเรียนท่ี ๒
ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๒
หน่วยที่ 3 กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง

โดย
นางสาวรตั นา มากอำไพ

ครผู ู้ช่วย
โรงเรียนครนพิทยาคม
อำเภอสวี จังหวดั ชมุ พร
สงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษาสรุ าษฎร์ธานี ชมุ พร

แผนผงั ความคิดการบูรณาการการเรยี นรภู้ ายในกลุ่มสาระ

แผนผงั ความคิดการบรู ณาการ นอกกล่มุ สาระ
การเรยี นรู้

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3.๑

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒

หน่วยท่ี 3 กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง เวลา ๗ ช่วั โมง

เรอ่ื ง ฟังคดิ พนิ ิจเรอื่ ง เวลา ๑ ช่วั โมง

ใช้สอนวันท่ี ....................................................................................................................

.

มาตรฐานท่ี ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดู อย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้
ความคดิ ความร้สู กึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์

ตัวชี้วดั
ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรุปใจความสำคัญของเร่ืองท่ีฟังและดู
ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะหข์ อ้ เทจ็ จรงิ ข้อคดิ เห็นและความนา่ เชอื่ ถือของขา่ วสารจากสื่อตา่ งๆ
ท ๓.๑ ม.๒/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง/ทอ้ งถน่ิ

ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลักษณะ (A)

ท ๓.๑ ม.๒/๑ พูดสรปุ การพดู สรปุ ความ ฝึกพดู สรุปความ - มมี ารยาทในการพูด

ใจความสำคญั ของเรื่องท่ี - มีมารยาทในการฟัง

ฟังและดู การดู

ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะห์ วิเคราะห์ข้อเทจ็ จริง - ฝึกพดู วเิ คราะห์ขอ้ เทจ็ จรงิ - มมี ารยาทในการพูด

ข้อเท็จจรงิ ข้อคดิ เห็นและ และข้อคดิ เห็น และข้อคิดเหน็

ความน่าเช่ือถือของ

ขา่ วสารจากสอื่ ต่างๆ

ท ๓.๑ ม.๒/๖ มี หลักการฟัง การดู ฝึกพูด ฟัง และดู -มมี ารยาทในการพูด

มารยาทในการฟัง การดู และการพดู การฟังและการดู

และการพูด

สาระสำคัญ
การฟงั เชงิ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ หมายถึง การฟงั สารดว้ ยความเอาใจใสพ่ ิจารณาไตรต่ รอง แยกแยะสาร

ออกเป็นส่วน ๆ อย่างถ่ีถ้วน เพื่อใหเ้ ข้าใจเร่ืองในหลายแง่หลายมุมโดยแยก ขอ้ เท็จจริงและข้อคิดเหน็ ออก
จากกนั แลว้ ติ – ชม หรือประเมินค่าส่งิ ทไี่ ดฟ้ งั นนั้ เพื่อนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน

สาระการเรียนรู้
การฟงั เร่ืองกาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง

กระบวนการจัดการเรยี นรู้
๑. ครแู จ้งตัวช้วี ัดและให้นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนการเรยี นรู้
๒. สนทนากบั นกั เรียนเร่อื ง “กาพย์หอ่ โคลงประพาสธารทองแดง” วา่ ความหมายอย่างไร มีประวตั ิ

และความเปน็ มาอย่างไร การอา่ นกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ควรอ่านอยา่ งไรจงึ จะเขา้ ใจลกึ ซ้งึ
๓. ครทู บทวนความรจู้ ากบัตรความรู้ เร่ือง การฟงั ใหน้ ักเรยี นอภิปรายและตอบคำถาม
๔. ให้นกั เรยี นคนใดคนหนง่ึ หรือหลายคนอา่ นเรื่อง “กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง” ให้

เพ่อื น ๆ ฟังหรือครเู ปิดเคร่ืองบนั ทึกเสียง เร่อื ง “กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง” ให้นักเรียนฟัง
๕. ครนู ำแผนภูมคิ วามหมายของศพั ท์ และถ้อยคำสำนวนจากเร่อื ง “กาพยห์ ่อโคลงประพาส

ธารทองแดง” มาติดบนกระดำ ใหน้ กั เรียนศกึ ษาความหมายของคำศพั ท์
๖. แบง่ นกั เรยี นออกเปน็ ๔ กล่มุ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มศกึ ษาเรื่องต่อไปนี้
กลมุ่ ๑ บอกผู้แต่ง ท่มี าของเร่ือง
กลุ่ม ๒ บอกจดุ ประสงค์ของเร่อื ง
กลุ่ม ๓ ลำดับเหตกุ ารณ์ของเร่อื ง
กลมุ่ ๔ สรุปเนอ้ื เรอื่ ง
๗. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนมารายงานหน้าชั้น พร้อมส่งเอกสารทค่ี รู
๘. นักเรียนช่วยกันซกั ถามเร่ืองราวท้งั หมดจากกลมุ่ ตา่ ง ๆ เพือ่ เป็นการสรุปบทเรยี น
๙. นกั เรียนทำบตั รกิจกรรมการเรียนรู้

สือ่ / แหล่งเรยี นรู้

ลำดบั ท่ี รายการสอื่ กิจกรรมทใ่ี ช้ แหลง่ ทีไ่ ดม้ า
๑ ครูจัดทำ
๒ แบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ครูจดั ทำ

๓ แผนภมู ิความหมายของคำศัพท์ นักเรียนศึกษาและอ่าน ครจู ดั หา

๔ และสำนวนจากเร่อื ง ครูจดั ทำ

หนังสือเรียน ชดุ วรรณคดี นักเรียนดูภาพและฝึกอา่ น

วจิ กั ษ์ ช้นั ม.๒

เครือ่ งบนั ทึกเสยี ง นกั เรียนฝกึ การฟัง

๕ แบบประเมินการสงั เกต บันทึกการสังเกตพฤติกรรม ครูจดั ทำ
พฤติกรรม

การวัดผลและประเมินผล

กจิ กรรม-พฤตกิ รรมที่ เคร่อื งมือทใ่ี ชใ้ น วธิ กี ารประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
การประเมิน
ประเมนิ
แบบทดสอบก่อนเรยี น ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๑. นักเรยี นทำแบบทดสอบ
ก่อนเรียน แบบประเมินรายกลุ่ม สงั เกตรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
ตรวจงานรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๒. นักเรียนนำเสนอหน้าช้ัน แบบประเมินพฤตกิ รรมและ
เรียน ผลงานระหวา่ งเรียน
๓. ประเมินพฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรียน

กิจกรรมเสนอแนะ
ในกจิ กรรมการสอนภาษาไทยทุกช่วั โมง ครตู อ้ งกวดขันใหน้ ักเรยี นใชต้ วั เลขไทย เพื่อใหเ้ กิดความ

เคยชนิ และติดเป็นนสิ ัย อีกท้ังให้มีความภูมิใจในการใชต้ ัวเลขไทย อนั เปน็ สมบัตขิ องชาติ

บันทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจดั การเรยี นรตู้ ามผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวัง
นักเรยี นทงั้ หมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คิดเป็นร้อยละ .................
– ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรับปรงุ – คน คิดเป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤติกรรมระหวา่ งเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................

๓. ปญั หาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................................................................
๔. การปรับปรงุ แก้ไข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ....................................
๕. ข้อคดิ เห็นและข้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................

ลงชอ่ื ..........................................................ผสู้ อน
(นางสาวรัตนา มากอำไพ)
ครผู ชู้ ว่ ย

ความเหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรียน
................................................................................................................................................. .......

............................................................................................................................ ..................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................. .................
.................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................

ลงชอ่ื .................................................ผ้ตู รวจสอบ
( นายพิเชษฐ์ ทบั ทอง )

ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นครนพิทยาคม

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนตอบคำถามต่อไปน้ีใหถ้ ูกต้อง

๑. นักเรียนคิดวา่ ส่ิงใดท่ีสำคัญท่สี ดุ ในเร่ือง“กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง ”
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………

๒. นกั เรยี นคิดวา่ “กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง ”มีกลวธิ ีการเขียนอย่างไรบ้าง
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………

๓. นกั เรียนคิดวา่ เมือ่ อ่านเรือ่ ง “กาพย์หอ่ โคลงประพาสธารทองแดง ”แล้วให้ประโยชนอ์ ย่างไรบ้าง
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………

๔. นกั เรยี นคดิ วา่ เรื่อง “กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ” ให้ข้อคดิ อย่างไร
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………
………………………………………..……………………………………………………………..
…..…………………………………………………………………..………………………………

แบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน

กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง

คำช้ีแจง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมายถูกหน้าข้อความท่ีนักเรียนคิดว่าถูกต้อง และ เขียนเคร่ืองหมายผิด
หนา้ ข้อทีน่ กั เรยี นคดิ วา่ ผิด

...............๑ กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง เปน็ พระนพิ นธข์ องเจา้ ฟ้าธรรมธิเบศร
............... ๒ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง แต่งเปน็ กาพย์โคลงห่อกาพย์ คือ แตง่ โคลงส่ีสุภาพหน่ึง
บทสลับกับกาพยย์ านี ๑๑ หนงึ่ บท
...............๓ หนังสือจินดามณีฉบับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศกล่าวไว้ว่า การแต่งกาพย์ห่อโคลงนั้นไม่
นยิ มแตง่ ล้อความกนั แตจ่ ะเคร่งครัดเรือ่ งคำเอกคำโท
...............๔ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงมีเน้ือหาเล่าเร่ืองการเดินทางไปพระพุทธบาท และชม
ธรรมชาติอันน่าต่ืนตาต่นื ใจท่ีพบเห็นระหว่างทาง
...............๕ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง เริ่มต้นจากบทชมริ้วขบวนการเดินทาง บทชมสตั ว์บกทั้ง
สัตวใ์ หญส่ ตั ว์เลก็ บทชมนก บทชมไม้ ท้ังไมด้ อกไม้ผล บทชมสตั ว์นำ้
...............๖ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ปิดท้ายด้วยการบอกข้อมูลเกี่ยวกับกวี จุดประสงค์ของ
กวี และวธิ ีอ่านโคลงใหไ้ พเราะ เป็นจำนวนกาพย์ทั้งส้นิ ๑๑๓ บท และโคลง ๑๐๘ บท
............... ๗ ส่วนท่คี ัดมาให้เรยี นในหนังสือเรียนวรรณคดวี ิจักษ์เป็นตวั อย่างบทท่ีใหค้ วามรูเ้ รือ่ งธรรมชาติ
อนั เปน็ ลักษณะเดน่ ของกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
...............๘ การสรรคำและศิลปะในการประพันธข์ องกวี ทำใหผ้ ้อู ่านได้รบั ความรู้ และเข้าใจธรรมชาติของ
สัตว์และพชื ชนดิ ตา่ ง ๆ ได้เป็นอย่างดี กวใี ช้คำท่ีสลับซับซอ้ น ส่อื ความหมายกวา้ งขวาง
............... ๙ นอกจากการใช้คำเพ่ือสร้างจินตภาพแล้ว ยังมีการเล่นเสียงสัมผัสอย่างไพเราะทั้งสัมผัส
พยัญชนะและสัมผัสสระ บทท่ีแสดงความเชี่ยวชาญของกวีได้อย่างดีย่ิง คือ บทหนูต่อสู้กับงู ซึ่งเป็นการ
ประสานศิลปะในการเล่นเสียงสระ การเล่นเสียงพยัญชนะ การเล่นเสียงวรรณยุกต์ และการเล่นคำซ้ำเข้า
ดว้ ยกันอยา่ งกลมกลนื
............... ๑๐ ในเร่ือง กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง นักเรียนจะได้ศึกษาวิธีการใช้ถ้อยคำของกวีท่ี
สามารถเลือกสรรคำที่เข้าใจง่าย สื่อความหมายได้กระจ่างชัด ส่ือจินตภาพความเคลื่อนไหว สีและเสียง
ตลอดจนเล่นเสยี งคำอยา่ งไพเราะ ทำใหก้ ารเสนอภาพธรรมชาตดิ ังกลา่ วมีชวี ติ ชวี านา่ สนใจ

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน

กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง

คำชี้แจง ให้นักเรียนเขียนเคร่ืองหมายถูกหน้าข้อความท่ีนักเรียนคิดว่าถูกต้อง และ เขียนเคร่ืองหมายผิด
หน้าขอ้ ที่นกั เรียนคิดวา่ ผิด

...............๑ กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง เปน็ พระนิพนธ์ของเจ้าฟา้ ธรรมธิเบศร
............... ๒ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง แต่งเป็นกาพย์โคลงห่อกาพย์ คือ แต่งโคลงส่ีสุภาพ
หน่งึ บทสลับกบั กาพยย์ านี ๑๑ หนงึ่ บท
...............๓ หนังสอื จินดามณีฉบบั สมเด็จพระเจา้ อย่หู วั บรมโกศกลา่ วไว้ว่า การแต่งกาพยห์ อ่ โคลงน้ันไม่
นิยมแต่งลอ้ ความกนั แต่จะเคร่งครดั เรอื่ งคำเอกคำโท
...............๔ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงมีเน้ือหาเล่าเรื่องการเดินทางไปพระพุทธบาท และชม
ธรรมชาตอิ ันนา่ ตื่นตาตน่ื ใจท่ีพบเห็นระหวา่ งทาง
...............๕ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง เร่มิ ต้นจากบทชมริ้วขบวนการเดินทาง บทชมสัตวบ์ ก
ทงั้ สัตว์ใหญ่สัตว์เล็ก บทชมนก บทชมไม้ ท้งั ไม้ดอกไม้ผล บทชมสัตว์นำ้
...............๖ กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง ปดิ ท้ายด้วยการบอกข้อมลู เกีย่ วกบั กวี จดุ ประสงค์ของ
กวี และวธิ อี ่านโคลงใหไ้ พเราะ เป็นจำนวนกาพยท์ ั้งส้นิ ๑๑๓ บท และโคลง ๑๐๘ บท
............... ๗ ส่วนท่ีคัดมาให้เรียนในหนังสือเรียนวรรณคดีวิจักษ์เป็นตัวอย่างบทที่ให้ความรู้เร่ือง
ธรรมชาติ อนั เป็นลกั ษณะเดน่ ของกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
...............๘ การสรรคำและศิลปะในการประพันธ์ของกวี ทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้ และเข้าใจธรรมชาติ
ของสัตวแ์ ละพชื ชนิดต่าง ๆ ได้เป็นอยา่ งดี กวใี ชค้ ำท่ีสลับซับซ้อน ส่ือความหมายกว้างขวาง
............... ๙ นอกจากการใช้คำเพื่อสร้างจินตภาพแล้ว ยังมีการเล่นเสียงสัมผัสอย่างไพเราะท้ังสัมผัส
พยัญชนะและสัมผัสสระ บทท่ีแสดงความเช่ียวชาญของกวีได้อย่างดีย่ิง คือ บทหนูต่อสู้กับงู ซึ่งเป็นการ
ประสานศิลปะในการเล่นเสียงสระ การเล่นเสียงพยัญชนะ การเล่นเสียงวรรณยุกต์ และการเล่นคำซ้ำเข้า
ดว้ ยกนั อย่างกลมกลืน
............... ๑๐ ในเรื่อง กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง นักเรียนจะได้ศึกษาวิธีการใช้ถ้อยคำของกวี
ท่ีสามารถเลือกสรรคำท่ีเข้าใจง่าย สื่อความหมายได้กระจ่างชัด ส่ือจินตภาพความเคล่ือนไหว สีและเสียง
ตลอดจนเลน่ เสียงคำอยา่ งไพเราะ ทำใหก้ ารเสนอภาพธรรมชาติดงั กลา่ วมีชีวิตชวี านา่ สนใจ

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3.๒

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒

หนว่ ยท่ี 3 กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง เวลา ๗ ชัว่ โมง

เรือ่ ง อ่านคดิ วิเคราะห์เรอื่ ง เวลา ๑ ช่วั โมง

ใชส้ อนวนั ที่ ....................................................................................................................

.

มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนำไปใชต้ ดั สินใจ
มาตรฐานที่ ท ๓.๑
แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตและมนี ิสัยรกั การอ่าน

สามารถเลือกฟังและดู อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้
ความคดิ ความร้สู กึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์

ตวั ชวี้ ัด
ท ๑.๑ ม.๒/๒ จบั ใจความสำคัญ สรุปความและอธบิ ายรายละเอยี ด จากเรือ่ งที่อา่ น
ท ๑.๑ ม.๒/๘ มีมารยาทในการอ่าน
ท ๓.๑ ม.๒/๕ พูดรายงานเร่อื ง หรอื ประเด็นที่ศึกษาค้นคว้า

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง/ท้องถน่ิ

ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)

ท ๑.๑ ม.๒/๒ จับใจความ - หลกั การอ่าน - ฝึกทกั ษะการอา่ นจับ - อ่านจบั ใจความและ

สำคญั สรปุ ความและ จบั ใจความและ ใจความและสรปุ ความ สรุปความได้ถูกต้อง

อธิบายรายละเอยี ด จาก สรุปความ

เร่อื งท่ีอ่าน

ท ๑.๑ ม.๒/๘ มมี ารยาท - หลกั การอ่าน - ฝึกอ่านท้งั ร้อยแกว้ - มีมารยาทใน

ในการอ่าน และรอ้ ยกรอง การอ่าน

ท ๓.๑ ม.๒/๕ พูด หลกั การพูดรายงาน ฝกึ พูดรายงานจาก -มีมารยาทในการพูด

รายงานเรอื่ ง หรือประเดน็ การคน้ ควา้

ท่ศี ึกษาค้นคว้า

สาระสำคัญ

การอ่านวิเคราะห์เนื้อหาจากบทเรยี น เป็นการเพ่ือจับใจความสำคัญแลว้ แสดงความคดิ เหน็ เชงิ

วิเคราะห์และประเมินคา่ เป็นพนื้ ฐานทจ่ี ำเปน็ ในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความชำนาญ จน

สามารถวเิ คราะห์และแสดงความคดิ เห็น ในงานเขยี นทกุ ประเภทได้

สาระการเรียนรู้
การอ่านบทวเิ คราะหจ์ ากบทเรยี นเรอ่ื ง “กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง” : แสดงความคดิ เหน็

เชงิ วเิ คราะห์และประเมินค่า

กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. ครูและนักเรยี นสนทนาทบทวนบทเรียนจากชว่ั โมงทผ่ี ่านมา
๒. แบ่งนักเรยี นออกเปน็ กล่มุ กลุ่มละ ๕ - ๖ คน (ตามความเหมาะสม) แล้วให้แต่ละ

กลุ่มอ่านบทวิเคราะหแ์ ล้วสรปุ ใจความสำคัญและแสดงความคิดเหน็ เชิงวเิ คราะหจ์ ากเร่ือง “กาพยห์ ่อโคลง
ประพาสธารทองแดง”

๓. ใหแ้ ต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของการระดมสมองให้เพ่ือนฟงั โดยใช้วิธีจับฉลาก เมื่อ
เสนอดว้ ยการพูดจบแล้ว ให้ทกุ กลมุ่ สง่ รายงานที่ครู

๔. ให้แตล่ ะกลุ่มมาแสดงใหน้ ักเรียนเห็นถึงโคลทีอ่ ่านว่ามีความหลากหลายของความคิดอยา่ งไร
ซ่ึงขึ้นอยู่กับเหตุผล

๕. ให้นกั เรียนทำบตั รกิจกรรมการเรียนรู้เร่ือง “กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง” เสร็จ
แล้วสง่ ใหค้ รูตรวจ

๖. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยกนั สรปุ บทเรยี น
๗. มอบหมายให้นกั เรียนไปทำแบบฝกึ หัดเป็นการบา้ นและไปอ่านหนังสือเพมิ่ เตมิ

ส่อื / แหล่งเรียนรู้

ลำดับที่ รายการสือ่ กิจกรรมทีใ่ ช้ แหล่งท่ไี ด้มา
๑ นักเรยี นทำบตั รกจิ กรรม ครจู ัดทำ
๒ บตั รกิจกรรมการเรยี นรู้ นกั เรียนดภู าพและฝึกอา่ น ครจู ัดหา

๓ หนังสอื เรยี น ชุด วรรณคดี ตรวจสอบ ครจู ดั ทำ
วจิ ักษ์ ช้นั ม.๒
เฉลยบัตรกิจกรรมการเรียนรู้

๔ แบบประเมินการสงั เกต บันทึกการสังเกตพฤติกรรม ครจู ดั ทำ
พฤติกรรม

การวดั ผลและประเมนิ ผล

กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เครื่องมือท่ใี ชใ้ น วธิ กี ารประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ
การประเมนิ
ประเมิน สังเกตรายกลมุ่ รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป
แบบประเมนิ รายกลุ่ม ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๑. นกั เรียนทำกจิ กรรมกลุ่ม แบบประเมนิ การสงั เกต
๒. นักเรียนทำบตั รกิจกรรม พฤติกรรม และแบบ
การเรียนรู้

ประเมินผลงาน

๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหว่างเรยี น ผลงานระหว่างเรยี น

กจิ กรรมเสนอแนะ

............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................

บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรู้ตามผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวัง
นักเรยี นทัง้ หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คิดเปน็ ร้อยละ .................
– ไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับปรบั ปรงุ – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหวา่ งเรียน
......................................................................................................... ...............................................

............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................ ..............
..................................................................................................................... .........................................

๓. ปัญหาและอุปสรรคระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
................................................................................................................................... ...................................
๔. การปรบั ปรุงแกไ้ ข
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................
๕. ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม
............................................................................................................................. ...........................
............................................................................................. ....................................................... ...................

ลงชื่อ..........................................................ผู้สอน
(นางสาวรัตนา มากอำไพ )
ครูผู้ชว่ ย

ความเหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

......................................................................................................................................................................... .....
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................... ...............
............................................................................................

ลงชอื่ .................................................ผตู้ รวจสอบ
( นายพเิ ชษฐ์ ทับทอง )

ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนครนพิทยาคม

บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๑

ใหน้ กั เรียนทำกิจกรรม “ชมสตั วแ์ สนสำราญในประพาสธารทองแดง” โดยให้คน้ หาช่ือสตั ว์บกและ
สตั ว์นำ้ จากกาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดงที่ซ่อนอย่ใู นตาราง ในแนวตั้ง แนวนอน และแนวทแยงมมุ
สามารถอา่ นกลับไปกลับมาได้ภายในแนวเดียวกนั

ชมสตั วแ์ สนสำราญในประพาสธารทองแดง

ห น ว ด พ ร า ห ม ณ์ น
ยมขยอห เ ทพา ก
สุ ก ร ป่ า ม อ ย ม่ ง แ
ค สุ นั ข ใ น ส ย ลิ า ก้
ต ะ เ พี ย น า ส โ จ ว
ป ร น พ ช ส ป ลุ ผั ข่ ม
าตโ กวหลมดนง
ง ท พ ย ห มี า พ พ ก ะ
เ ย ขี จ แ ว้ ม้ ร ร้ ยู ป
ม เ ลี ย ง ผ า ฟ า ง ห
งู เ ห ลื อ ม น เ พ รี้ ย

สัตวบ์ ก สัตว์น้ำ

.................................................... ....................................................
.................................................... ....................................................
..................................................... .....................................................
..................................................... .....................................................
..................................................... .....................................................
..................................................... .....................................................
..................................................... .....................................................
...................................................... ......................................................
...................................................... ......................................................

เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๑

ให้นกั เรยี นทำกจิ กรรม “ชมสัตว์แสนสำราญในประพาสธารทองแดง” โดยให้ค้นหาชื่อสตั วบ์ กและ
สตั ว์น้ำจากกาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดงที่ซอ่ นอยใู่ นตาราง ในแนวตั้ง แนวนอน และแนวทแยงมุม
สามารถอ่านกลบั ไปกลับมาได้ภายในแนวเดียวกัน

ชมสตั วแ์ สนสำราญในประพาสธารทองแดง

ห น ว ด พ ร า ห ม ณ์ น
ยมขยอห เ ทพา ก
สุ ก ร ป่ า ม อ ย ม่ ง แ
ค สุ นั ข ใ น ส ย ลิ า ก้
ต ะ เ พี ย น า ส โ จ ว
ป ร น พ ช ส ป ลุ ผั ข่ ม
าตโ กวหลมดนง
ง ท พ ย ห มี า พ พ ก ะ
เ ย ขี จ แ ว้ ม้ ร ร้ ยู ป
ม เ ลี ย ง ผ า ฟ า ง ห
งู เ ห ลื อ ม น เ พ ร้ี ย

สตั ว์บก สตั วน์ ้ำ

๑. งเู หลอื ม ๑. เทโพ
๒. ลงิ ๒. เทพา
๓. เลียงผา ๓. ตะเพยี น
๔. หมี ๔. สลมุ พร
๕. งเู ขยี วสายมา่ น ๕. ผดั พร้า
๖. นกหวา้ ๖. หนวดพราหมณ์
๗. นกยงู ๗. หอยโขง่
๘. นกแก้ว ๘. หอยขม
๙. สกุ รป่า ๙. เพร้ีย
๑๐. สุนัขใน ๑๐. ปลาม้า

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี ๒

คำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรมตอ่ ไปนี้

ธารไหลใสสะอาด มัจฉาชาติดาษนานา

หว่ันว่ายกินไคลคลา ตามกันมาให้เห็นตวั

เทีย่ วเลน่ เป็นเกษมสขุ แสนสนกุ ปลุกใจหวัง

เร่รา่ ยผายผาดผงั หัวรกิ ร่ืนชนื่ ชมไพร

นกั เรยี นคิดวา่ บทประพันธ์ขา้ งตน้ นบี้ รรยายเก่ยี วกบั อะไรบ้าง และสิง่ ทบ่ี รรยายมี
ลักษณะอยา่ งไร ให้นักเรยี นทดลองวาดภาพประกอบตามจนิ ตนาการ
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3.๓

กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒

หน่วยที่ 3 กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง เวลา ๗ ชั่วโมง

เรือ่ ง อา่ นคดิ พินจิ เรือ่ งราว ๑ เวลา ๑ ชว่ั โมง

ใชส้ อนวนั ท่ี ....................................................................................................................

.

มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนำไปใชต้ ดั สนิ ใจแก้ปัญหา
มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ในการดำเนนิ ชีวติ และมีนสิ ัยรกั การอา่ น
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนสือ่ สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเรื่องราวในรูปแบบ
ต่างๆ เขียนรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลัง
ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษาและรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิ

ตัวชี้วัด
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง
ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์และแสดงความรู้ความคดิ เห็นหรอื โต้แยง้ ในเร่ืองท่ีอา่ นอย่างมี

เหตผุ ล
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ ำราชาศัพท์

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

สาระการเรียนร้แู กนกลาง/ทอ้ งถนิ่

ตัวช้ีวดั ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ (A)

(P)

ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสยี งบท - หลกั การอ่านออก - ฝกึ ทกั ษะการอ่านออก -มมี ารยาทในการอ่าน

ร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ เสียงรอ้ ยแกว้ และ เสียงร้อยแก้วและรอ้ ย -อา่ นได้ถกู ต้องชดั เจน

ถูกต้อง รอ้ ยกรอง กรอง ตามหลักการอา่ น

ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขียนวิเคราะห์ - หลกั การเขยี น - ฝึกเขียนวิเคราะห์ - เขียนถกู ต้อง
วิจารณ์ แสดง สวยงาม
วจิ ารณ์และแสดงความรคู้ วาม วิเคราะห์ วจิ ารณ์ ความคิดเหน็ หรือ
โตแ้ ยง้ - มีมารยาทใน
คดิ เหน็ หรอื โต้แยง้ และแสดงความ การเขียน
ฝึกใชค้ ำราชาศัพท์
ในเร่ืองท่ีอา่ นอยา่ งมีเหตุผล คิดเหน็ หรือโต้แย้ง - ใช้คำราชาศพั ท์ได้

ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ ำราชาศพั ท์ การใชค้ ำราชาศัพท์

ถูกต้องเหมาะสม ตาม
ระดบั ของบคุ คล

สาระสำคญั
การอ่านเพ่ือจบั ใจความสำคญั เปน็ พ้นื ฐานทีจ่ ำเปน็ ในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความ

ชำนาญจนสามารถจับใจความสำคัญในงานเขียนทุกประเภท

สาระการเรียนรู้
การอ่านบทวเิ คราะหจ์ ากบทเรยี นเรื่อง “กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง” : แสดงความคดิ เห็น

เชงิ วเิ คราะห์และประเมนิ ค่า

กระบวนการจดั การเรียนรู้

๑ . ครแู ละนกั เรยี นสนทนาทบทวนบทเรียนโดยการถามความหมายจากบตั รคำ

๒. แบง่ นักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๖ กลมุ่ กลุ่มละ ๕ - ๖ คน (คละความสามารถ) แล้ว

ใหแ้ ต่ละกลุ่มอ่านในใจแลว้ สรปุ ใจความสำคัญและแสดงความคดิ เห็นจากเรื่อง “กาพย์ห่อโคลงประพาสธาร

ทองแดง” โดยแต่ละกลมุ่ อ่านแต่ละช่วงต่อไปนี้

กลุ่มที่ ๑ ตอนตน้ กล่าวถึงกระบวนเสด็จ

กลุ่มที่ ๒ พรรณนาสตั วป์ ่าตามธรรมชาติของมัน

กลุ่มที่ ๓ พรรณนาพวกนก

กลุ่มท่ี ๔ พรรณนาพันธไุ์ ม้

กลุ่มที่ ๕ พรรณนาลำธารและปลา

กลมุ่ ท่ี ๖ พรรณนาความสนุกร่นื เริงท่ธี ารทองแดง

๓. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลของการระดมสมองใหเ้ พ่ือนฟัง โดยใช้วิธจี ับฉลาก เมอ่ื
เสนอดว้ ยการพูดจบแล้ว ใหท้ กุ กลุ่มส่งรายงานที่ครู ถา้ ไม่เสร็จใหน้ ำเสนอในช่ัวโมงตอ่ ไป)

๕. ใหน้ ักเรยี นทำบัตรกิจกรรมการเรียนรู้เร่ือง “กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง” เสรจ็
แล้วส่งใหค้ รตู รวจ

๖. ครแู ละนักเรยี นช่วยกันสรุปบทเรียนและมอบหมายใหน้ กั เรียนไปทำแบบฝึกหัดเปน็ การบ้าน

สื่อ / แหล่งเรียนรู้

ลำดับที่ รายการสือ่ กจิ กรรมท่ีใช้ แหลง่ ทไ่ี ด้มา
๑ นกั เรียนทำบตั รกจิ กรรม ครูจดั ทำ
๒ บัตรคำ นกั เรยี นทำบัตรกิจกรรม ครจู ดั ทำ
๓ นกั เรยี นดภู าพและฝกึ อ่าน ครจู ดั หา
บตั รกิจกรรมการเรียนรู้
๔ ตรวจสอบ ครจู ัดทำ
หนงั สือเรยี น ชุด วรรณคดี
วิจักษ์ ชั้น ม.๒
เฉลยบตั รกิจกรรมการเรยี นรู้

๕ แบบประเมนิ การสงั เกต บนั ทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครูจดั ทำ
พฤติกรรม

การวัดผลและประเมินผล

กิจกรรม-พฤตกิ รรมท่ี เครื่องมือท่ีใช้ใน วธิ ีการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน
ประเมิน การประเมิน
๑. นกั เรียนนำเสนอ
๒. นกั เรียนทำบตั รกิจกรรม แบบประเมนิ รายกลุ่ม สังเกตรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป
การเรยี นรู้
แบบประเมินการสังเกต ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหว่างเรียน พฤติกรรม และแบบ

ประเมนิ ผลงาน

แบบประเมินพฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป

ผลงานระหวา่ งเรียน

กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
.................................................................................... ............................................................................
............................................................................................................................. ..........................

บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรียนร้ตู ามผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวัง
นกั เรยี นทั้งหมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คิดเปน็ ร้อยละ .................
– ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับปรับปรงุ – คน คิดเป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤตกิ รรมระหว่างเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................

๓. ปัญหาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................................................................
๔. การปรับปรงุ แกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ....................................

๕. ข้อคดิ เห็นและข้อเสนอแนะเพิม่ เติม
........................................................................................................................................................

............................................................................................................................. .......................

ลงชือ่ ..........................................................ผ้สู อน
(นางสาวรตั นา มากอำไพ)
ครูผ้ชู ว่ ย

ความเหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรยี น
..................................................................................................................................................... ...

............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................. .............
...................................................................................................................... ........................................................
............................................................................................

ลงช่ือ.................................................ผตู้ รวจสอบ
( นายพเิ ชษฐ์ ทับทอง )

ผ้อู ำนวยการโรงเรียนครนพิทยาคม

บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้

๑. ให้นกั เรียนเรียงลำดับกาพยย์ านี ๑๑ ต่อไปน้ีให้ถูกต้อง

ริมน้ำทำ่ หำเหยอ่ื แฝง ปลำวำ่ ยสวำยหำงแดง

ฉวยไดถ้ นดั กดั เร่กิน เสือปลำลำ่ กินปลำ

กาพย์ยานี ๑๑
.............................................................
.............................................................
.............................................................
.............................................................
.............................................................

๒. ใหน้ ักเรยี นเรียงลำดบั โคลงส่สี ภุ าพตอ่ ไปนี้ให้ถูกตอ้ ง

ปูกงุ้ หอยก่งกำ้ มไคลคลำเหลือหลำมยำ่ มเหยือ่ หำสู่สอ้ งหอย

โข่งหอยขมตำววั เกลื่อนสำรพดั มีท่ีทอ้ งท่ำน้ำธำรสินธุ์

โคลงส่ีสุภาพ
....................................................................
....................................................................
....................................................................
....................................................................
.................................

เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

๑. ให้นกั เรียนเรียงลำดับกาพยย์ านี ๑๑ ตอ่ ไปน้ใี ห้ถกู ต้อง

ริมน้ำท่ำหำเหยอื่ แฝง ปลำวำ่ ยสวำยหำงแดง

ฉวยไดถ้ นดั กดั เร่กิน เสือปลำล่ำกินปลำ

กาพย์ยานี ๑๑
เสือปลำล่ำกินปลำ
ริมน้ำทำ่ หำเหยอ่ื แฝง
ปลำวำ่ ยสวำยหำงแดง
ฉวยไดถ้ นดั กดั เร่กิน

๒. ใหน้ ักเรียนเรียงลำดบั โคลงสสี่ ภุ าพตอ่ ไปนใี้ ห้ถูกต้อง

ปกู ุง้ หอยก่งกำ้ มไคลคลำเหลือหลำมยำ่ มเหย่ือหำสู่สอ้ งหอย
โข่งหอยขมตำววั เกล่ือนสำรพดั มีท่ีทอ้ งท่ำน้ำธำรสินธุ์

โคลงสี่สุภาพ

ปูกงุ้ หอยก่งกำ้ ม ไคลคลำ

เหลือหลำมยำ่ มเหยือ่ หำ สู่ส้อง

หอยโขง่ หอยขมตำ ววั เกล่ือน

สำรพดั มีที่ทอ้ ง ท่ำน้ำธำรสินธุ์

แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 3.๔

กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๒

หน่วยที่ 3 กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง เวลา ๗ ช่วั โมง

เรือ่ ง อา่ นคดิ พินจิ เรือ่ งราว ๒ เวลา ๑ ชว่ั โมง

ใชส้ อนวันท่ี ....................................................................................................................

.

มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนำไปใช้ตัดสนิ ใจแก้ปญั หา
มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ในการดำเนนิ ชีวติ และมนี สิ ัยรกั การอา่ น
มาตรฐานท่ี ท ๔.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนสือ่ สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเรื่องราวในรูปแบบ
ต่างๆ เขยี นรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติ

ตัวชี้วัด
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง
ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขยี นวิเคราะห์ วจิ ารณ์และแสดงความรู้ความคดิ เหน็ หรอื โต้แย้งในเร่ืองท่ีอ่านอย่างมี

เหตผุ ล
ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ ำราชาศัพท์

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

สาระการเรียนรู้แกนกลาง/ท้องถ่ิน

ตัวช้ีวดั ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ (A)

(P)

ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสยี งบท - หลกั การอ่านออก - ฝกึ ทักษะการอา่ นออก -มีมารยาทในการอ่าน

ร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ เสียงรอ้ ยแกว้ และ เสียงร้อยแก้วและรอ้ ย -อา่ นได้ถูกต้องชดั เจน

ถูกต้อง รอ้ ยกรอง กรอง ตามหลักการอ่าน

ท ๒.๑ ม.๒/๗ เขียนวิเคราะห์ - หลกั การเขยี น - ฝกึ เขียนวิเคราะห์ - เขียนถกู ต้อง
วิจารณ์ แสดง สวยงาม
วจิ ารณ์และแสดงความรคู้ วาม วิเคราะห์ วจิ ารณ์ ความคิดเห็นหรือ
โต้แยง้ - มีมารยาทใน
คดิ เหน็ หรอื โต้แยง้ และแสดงความ การเขยี น
ฝกึ ใชค้ ำราชาศัพท์
ในเร่ืองท่ีอา่ นอยา่ งมีเหตุผล คิดเหน็ หรือโต้แยง้ - ใชค้ ำราชาศพั ท์ได้

ท ๔.๑ ม.๒/๔ ใชค้ ำราชาศพั ท์ การใชค้ ำราชาศัพท์

ถกู ต้องเหมาะสม ตาม
ระดับของบุคคล

สาระสำคัญ
การอา่ นเพื่อจับใจความสำคัญ เป็นพื้นฐานทีจ่ ำเปน็ ในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความ

ชำนาญจนสามารถจับใจความสำคญั ในงานเขยี นทุกประเภท

สาระการเรยี นรู้
การอ่านบทวเิ คราะหจ์ ากบทเรียนเร่อื ง “กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง” : แสดงความคดิ เหน็

เชงิ วิเคราะหแ์ ละประเมนิ คา่

กระบวนการจัดการเรยี นรู้

๑ . ครูและนกั เรียนสนทนาทบทวนบทเรยี นโดยการถามความหมายจากบัตรคำข้าต่างจากชว่ั โมง

ทีแ่ ล้ว

๒. ให้นกั เรียนเขา้ กลมุ่ ๖ กลุ่ม ( เดิม) แล้วให้แตล่ ะกลมุ่ อ่านในใจแลว้ สรปุ ใจความสำคัญ

และแสดงความคิดเหน็ จากเร่ือง “กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง” โดยแตล่ ะกลุ่มอา่ นแตล่ ะชว่ งตอ่ ไปนี้

กลมุ่ ท่ี ๑ ตอนตน้ กล่าวถึงกระบวนเสด็จ

กลมุ่ ท่ี ๒ พรรณนาสตั วป์ ่าตามธรรมชาตขิ องมัน

กลมุ่ ท่ี ๓ พรรณนาพวกนก

กลมุ่ ที่ ๔ พรรณนาพันธ์ไุ ม้

กลมุ่ ท่ี ๕ พรรณนาลำธารและปลา

กลมุ่ ที่ ๖ พรรณนาความสนุกรืน่ เรงิ ท่ธี ารทองแดง

๓. ให้แตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลของการระดมสมองใหเ้ พื่อนฟัง โดยใช้วธิ ีจบั ฉลาก เมื่อ
เสนอด้วยการพูดจบแล้ว ให้ทุกกลมุ่ ส่งรายงานที่ครู

๕. ให้นกั เรียนทำบัตรกจิ กรรมการเรยี นรู้เรอ่ื ง “กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง” เสร็จ
แล้วสง่ ให้ครูตรวจ

๖. ครูและนกั เรียนช่วยกนั สรุปบทเรยี น

สอ่ื / แหล่งเรียนรู้

ลำดบั ท่ี รายการสอ่ื กจิ กรรมทใ่ี ช้ แหลง่ ทไี่ ด้มา
๑ นักเรียนทำบัตรกิจกรรม ครูจดั ทำ
๒ บตั รคำ นกั เรียนทำบตั รกิจกรรม ครจู ดั ทำ
๓ นกั เรยี นดูภาพและฝึกอ่าน ครูจดั หา
บัตรกิจกรรมการเรยี นรู้
๔ ตรวจสอบ ครจู ดั ทำ
หนงั สอื เรียน ชดุ วรรณคดี
วจิ ักษ์ ชัน้ ม.๒
เฉลยบัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

๕ แบบประเมินการสงั เกต บันทึกการสงั เกตพฤติกรรม ครจู ดั ทำ
พฤติกรรม

การวดั ผลและประเมนิ ผล

กิจกรรม-พฤติกรรมที่ เคร่ืองมือท่ใี ชใ้ น วธิ กี ารประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
ประเมิน การประเมนิ
๑. นักเรยี นนำเสนอ
๒. นักเรยี นทำบัตรกิจกรรม แบบประเมนิ รายกลุม่ สังเกตรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป
การเรียนรู้
แบบประเมินการสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ข้ึนไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหว่างเรยี น พฤติกรรม และแบบ

ประเมินผลงาน

แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลุม่ รอ้ ยละ ๗๐ ข้นึ ไป

ผลงานระหวา่ งเรยี น

กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................... .............................
...................................................................................................... .................................................

บนั ทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้
๑. ผลการจดั การเรยี นรู้ตามผลการเรยี นรู้ที่คาดหวัง
นักเรียนทง้ั หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คดิ เป็นร้อยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับปานกลาง – คน คดิ เป็นร้อยละ .................
– ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมินระดบั ปรบั ปรงุ – คน คิดเป็นร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤติกรรมระหวา่ งเรยี น
......................................................................................................... ...............................................

............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................ ..............
..................................................................................................................... ....

๓. ปญั หาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................................................................
๔. การปรบั ปรงุ แกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ....................................
๕. ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................

ลงชื่อ..........................................................ผ้สู อน
(นางสาวรตั นา มากอำไพ )
ครูผชู้ ่วย

ความเหน็ ของผู้อำนวยการโรงเรยี น
..................................................................................................................................................... ...

............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................. .............
...................................................................................................................... ........................................................
............................................................................................

ลงชอ่ื .................................................ผ้ตู รวจสอบ
( นายพเิ ชษฐ์ ทบั ทอง )

ผู้อำนวยการโรงเรียนครนพิทยาคม

บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้

๑. คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง

๑. ให้นกั เรียนยกตัวอย่างบทกวที ี่พรรณนาลักษณะของสตั วแ์ ละพชื นานาชนิด มา ๑ บท
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
๒. ให้นักเรียนยกตวั อยา่ งบทกวีทีแ่ สดงธรรมชาตกิ ารดำเนินชีวิตของสตั วน์ านาชนดิ มา ๒ บท
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….

๓. ใหน้ ักเรียนยกตวั อยา่ งบทกวีที่บรรยายอากปั กริยาของสตั วท์ ำให้ได้ภาพที่มชี วี ิตชีวา มา ๓ บท
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….

๒. คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นยกตัวอยา่ งคำประพันธท์ ี่มีการเลน่ คำพ้องของพืชและสตั ว์ มาพร้อมกับอธิบาย
และถอดคำประพนั ธม์ าพอเข้าใจ

……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………….

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3.๕

กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒

หน่วยท่ี 3 กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง เวลา ๗ ชวั่ โมง

เรอื่ ง อา่ นไพเราะเสนาะทำนอง เวลา ๑ ช่ัวโมง

ใช้สอนวันท่ี ....................................................................................................................

.

มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความร้แู ละความคิด เพื่อนำไปใชต้ ัดสนิ ใจแก้ปญั หาในการ
มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ดำเนนิ ชีวติ และมนี สิ ยั รกั การอา่ น
มาตรฐานที่ ท ๕.๑ ใช้กระบวนการเขียนสื่อสาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอื่ งราวในรูปแบบ
ต่างๆ เขยี นรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมีประสิทธภิ าพ
เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า
และนำมาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตจริง

ตัวชี้วดั
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง
ท ๒.๑ ม.๒/๑ คัดลายมอื ตัวบรรจง ครึ่งบรรทดั
ท ๕.๑ ม.๒/๕ ท่องจำบทอาขยานตามที่กำหนด และบทร้อยกรองทีม่ ีคุณค่าตามความสนใจ

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง/ท้องถ่ิน

ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออก ความรู้ (K) ทกั ษะ/กระบวนการ (P) คุณลกั ษณะ (A)
เสียงบทรอ้ ยแก้วและบท
ร้อยกรองได้ถกู ต้อง - หลักการอา่ นออก - ฝกึ ทักษะการอา่ นออกเสยี ง -มีมารยาทในการอ่าน
ท ๒.๑ ม.๒/๑ คัดลายมือ
ตัวบรรจง ครึ่งบรรทดั เสียงรอ้ ยแกว้ และร้อย ร้อยแกว้ และรอ้ ยกรอง -อ่านได้ถูกต้องชัดเจน

กรอง ตามหลกั การอ่าน

- หลกั การเขียน - ฝกึ คดั ลายมอื - เขียนถกู ต้องและ

ตัวอักษรไทยและ ตัวบรรจง คร่งึ บรรทัด สวยงาม

เลขไทย

ท ๕.๑ ม.๒/๕ ท่องจำบท บทอาขยาน ท่องจำบทอาขยาน - ซาบซึ้ง
อาขยานตามท่ีกำหนด บทร้อยกรอง บทรอ้ ยกรอง - นำความรทู้ ีไ่ ดจ้ าก
และบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่า การอ่านไปประยุกต์ใช้
ตามความสนใจ ในชีวติ จริง

สาระสำคญั
การอ่านออกเสยี งเปน็ การสื่อสารท่มี คี วามสำคัญ เพราะเป็นการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ

ความรูส้ ึกและอารมณ์ของผสู้ ่งสารไปผรู้ บั สาร ดังน้นั หากรู้หลกั การอ่านและมีทกั ษะในการอ่านย่อมจะทำให้
การสอื่ สารเกิดสัมฤทธิ์ผล

สาระการเรียนรู้
การอา่ นออกเสยี งบทเรียนเรอ่ื ง “ กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ” การอา่ นทำนองเสนาะ

การเลา่ เร่อื ง การย่อเรื่อง

กระบวนการจัดการเรยี นรู้

๑. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สนทนาบทเรยี นจากช่วั โมงที่ผา่ นมา จากนนั้ ครูนำ
บัตรความรู้เรื่อง การอา่ นทำนองเสนาะมาแจกนกั เรียนทุกคน แล้วครูอธบิ ายประกอบเพื่อให้
นกั เรยี นเขา้ ใจได้ดีย่ิงข้นึ ในหัวข้อต่อไปนี้

- ความหมายของการอา่ นทำนองเสนาะ
- วตั ถุประสงค์ในการอา่ นทำนองเสนาะ
- รสทีใ่ ช้ในการอ่านทำนองเสนาะ
- หลกั การอา่ นทำนองเสนาะ
- ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการอา่ นทำนองเสนาะ
๒. เปิดเคร่อื งบนั ทกึ เสียงการอา่ นทำนองเสนาะการอา่ นออกเสยี งบทเรียนเรอ่ื ง “ กาพย์ห่อ
โคลงประพาสธารทองแดง ” ให้นักเรียนฟังพร้อมทัง้ สังเกตทว่ งทำนองการอ่าน แลว้ ให้ นกั เรยี นทำกจิ กรรม
การอ่านตามลำดับ ดงั นี้
- อ่านออกเสียงธรรมดาใหถ้ ูกต้องตามอกั ขรวิธี พร้อมทั้งแบ่งวรรคตอนให้
ถกู ต้อง

- ให้อา่ นทำนองเสนาะพร้อม ๆ กนั ตามครทู ีละบท
- ใหอ้ ่านทำนองเสนาะพร้อม ๆ กนั ท้งั ชัน้
- แบง่ กลมุ่ ให้อ่านทำนองเสนาะตอ่ กนั จนจบเร่ือง
- ใหอ้ ่านทำนองเสนาะเปน็ รายบุคคล
๓. ครแู ละนกั เรยี นชว่ ยวจิ ารณก์ ารอ่านของแตล่ ะคนวา่ ถูกต้อง และมีความไพเราะ
เพยี งใด
๔. แบง่ นกั เรยี นออกเป็นกลมุ่ (จำนวนกลมุ่ และสมาชิกกลมุ่ ตามความเหมาะสม) แล้ว
ให้ทำกจิ กรรมค้นหาความหมายของคำจากพจนานุกรม

๕. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนมาเสนอผลการคน้ คว้าหนา้ ชั้นเรยี น พรอ้ มส่งเอกสาร
ประกอบการรายงาน

๖. ครตู ง้ั คำถามใหน้ ักเรียนช่วยกันตอบคำถามจากเรื่อง
๗. นักเรยี นทำบัตรกจิ กรรมการเรยี นรู้

๘. ครมู อบหมายงานใหน้ ักเรยี นไปฝึกทอ่ งจำคำประพนั ธแ์ ละ อ่านออกเสยี งบทเรียนเรื่อง “
กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง ” การอา่ นทำนองเสนาะ

ส่ือ / แหล่งเรียนรู้

ลำดบั ท่ี รายการสือ่ กจิ กรรมที่ใช้ แหล่งทไ่ี ด้มา
๑ เพิ่มเติมความชดั เจนในเน้ือหา ครจู ัดเตรยี ม
๒ เครื่องบันทกึ เสยี ง นกั เรยี นทำบัตรกิจกรรม ครูจัดทำ
๓ นักเรียนดภู าพและฝึกอ่าน ครูจัดหา
บัตรกจิ กรรมการเรียนรู้
๔ ตรวจสอบ ครูจัดทำ
๕ หนงั สือเรยี น ชดุ วรรณคดี เพม่ิ เติมความชดั เจนในเน้ือหา ครูจัดเตรียม
วิจกั ษ์ ช้นั ม.๒
๖ เฉลยบัตรกิจกรรมการเรียนรู้ บันทกึ การสงั เกตพฤติกรรม ครจู ัดทำ
เครอ่ื งบนั ทกึ เสยี งการอ่าน
ทำนองเสนาะ
แบบประเมนิ การสังเกต
พฤติกรรม

การวัดผลและประเมนิ ผล

กจิ กรรม-พฤตกิ รรมท่ี เคร่ืองมือท่ีใช้ใน วธิ กี ารประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน
ประเมิน การประเมนิ สงั เกตรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ขึ้นไป
๑. นักเรยี นท่องจำคำ
ประพนั ธ์ แบบประเมิน
๒. นกั เรยี นทำบตั รกิจกรรม
การเรยี นรู้ แบบประเมินการสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล ร้อยละ ๗๐ ข้นึ ไป
พฤติกรรม และแบบ
๓. ประเมินพฤติกรรมและ ประเมนิ ผลงาน
ผลงานระหวา่ งเรยี น
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมและ ตรวจงานรายกลุม่ ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป
ผลงานระหวา่ งเรียน

กจิ กรรมเสนอแนะ
........................................................................................................................................... .....................
.............................................................................................................. ..................................................
............................................................................................................................. ..........................

บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรูต้ ามผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง
นักเรียนทงั้ หมด ....................คน
– ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดี ............ คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คิดเปน็ ร้อยละ .................
– ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมินระดับปรับปรงุ – คน คิดเปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมินพฤติกรรมระหวา่ งเรียน
......................................................................................................... ...............................................

............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................ ..............
..................................................................................................................... ....

๓. ปญั หาและอปุ สรรคระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................................................................
๔. การปรบั ปรุงแกไ้ ข
............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ....................................
๕. ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................

ลงชอ่ื ..........................................................ผสู้ อน
(นางสาวรตั นา มากอำไพ )
ครูผชู้ ่วย

ความเห็นของผู้อำนวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................................... .........

.......................................................................................................................... ....................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................................................................................................................... ...................
................................................................................................................ ..............................................................
............................................................................................ ..........................................................

ลงชอื่ .................................................ผูต้ รวจสอบ
( นายพิเชษฐ์ ทับทอง )

ผู้อำนวยการโรงเรียนครนพทิ ยาคม

บัตรความรู้

๑. ความหมายของ “การอ่านทำนองเสนาะ”
การอา่ นทำนองเสนาะคือวธิ กี ารอ่านออกเสยี งอยา่ งไพเราะตามลลี าของบทร้อยกรองประเภท โคลง

ฉันท์ กาพย์ กลอน ( พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ หน้า ๓๙๘ )
บางคนใหค้ วามหมายวา่ การอ่านทำนองเสนาะคือ การอ่านตามทำนอง ( ทำนอง = ระบบเสียงสูง

ตำ่ ซงึ่ มจี ังหวะสนั้ ยาว ) เพื่อให้เกดิ ความเสนาะ ( เสนาะ , น่าฟงั , เพราะ , วงั เวงใจ )
๒. วตั ถุประสงค์ในการอ่านทำนองเสนาะ

การอ่านทำนองเสนาะเปน็ การอา่ นให้คนอนื่ ฟัง ฉะนัน้ ทำนองเสนาะตอ้ งอ่านออกเสยี ง เสยี งทำให้
เกดิ ความรูส้ กึ - ทำให้เห็นความงาม - เห็นความไพเราะ - เห็นภาพพจน์ ผฟู้ งั สมั ผัสด้วยเสียงจึงจะ
เข้าถึงรสและความงามของบทร้อยกรอง ท่ีเรยี กว่าอา่ นแล้วฟังพร้ิง – เพราะเสนาะโสด การอา่ นทำนอง
เสนาะจงึ มงุ่ ให้ผู้ฟังเขา้ ถึงรสและเห็นความงามของบทร้อยกรอง
๓. ทมี่ าของการอา่ นทำนองเสนาะ

เขา้ ใจวา่ การอา่ นทำนองเสนาะมมี านานแล้วแต่ครัง้ กรุงสุโขทยั เทา่ ทีป่ รากฎหลักฐานในศลิ าจารกึ
พอ่ ขนุ รามคำแหง พุทธศักราช ๑๘๓๕ หลักทหี่ นงึ่ บรรทัดที่ ๑๘ - ๒๐ ดงั ความวา่ “ ……….. ดว้ ยเสียง
พาเสยี งพิณ เสยี งเลอ้ื น เสียงขบั ใครจกั มกั เล่นเล่น ใครจกั มกั หัว – หวั ใครมักจักเลื้อน เลอื้ น
……………..”จากข้อความดงั กล่าว ฉันทชิ ย์ กระแสสินธ์ุ กล่าวว่า เสียงเลอ้ื นเสียงขับ คอื การร้อง
เพลงทำนองเสนาะ

สว่ น ทองสบื ศุภะมารค ชแ้ี จงว่า “ เลอื้ น ” ตรงกบั ภาษาไทยถิน่ ว่า “ เลิ่น ” หมายถงึ การ
อา่ นหนงั สอื เอ้ือนเป็นทำนอง ซง่ึ คล้ายกับทป่ี ระเสริฐ ณ นคร อธบิ ายว่า เล้อื น เปน็ ภาษาถ่ิน แปลวา่
อา่ นทำนองเสนาะ โดยอ้างอิง บรรจบ พันธเุ มธา กลา่ วว่า คำน้ีเปน็ ภาษาถ่ินของไทย ในพม่า คือไทย
ในรัฐฉานหรอื ไทยใหญ่นั่นเอง จากความคิดเห็นของผ้รู ู้ ประกอบกบั หลกั ฐาน พ่อขุนหลามคำแหงดังกล่าว
ทำใหเ้ ชือ่ วา่ การอ่านทำนองเสนาะของไทยมีมานานหลายร้อยปีแล้ว โดยเรียกเป็นภาษาถิน่ วา่ “ เล้ือน ”

ที่มาของต้นเค้าของการอา่ นทำนองเสนาะพอจะสันนิษฐานได้ว่า น่าจะมีบอ่ เกดิ จากการดำเนนิ วถิ ี
ชีวิตของคนไทยสมัยกอ่ นทม่ี ีความเกย่ี วพันกบั การร้องเพลงทำนองต่าง ๆ ตลอดมา ทั้งนจ้ี ากเหตผุ ลทวี่ ่า คน
ไทยมีนสิ ยั ชอบพูดคำคลอ้ งจองใหม้ จี ังหวะดว้ ยลักษณะสัมผัสเสมอ ประกอบกบั คำภาษาไทยท่ีมีวรรณยกุ ต์
กำกบั จงึ ทำให้คำมีระดบั เสียงสงู ตำ่ เหมือนเสยี งดนตรี เม่ือประดษิ ฐท์ ำนองง่าย ๆ ใส่เข้าไปก็ทำให้สามารถ
สร้างบทเพลงร้องขึน้ มาได้แล้ว ดังนน้ั คนไทยจึงมีโอกาสได้ฟังและช่ืนชมกับการร้องเพลงทำนองต่าง ๆ ต้ังแต่
เกดิ จนตายทเี ดียว

ศลิ ปะการอ่านทำนองเสนาะจึงขึ้นอยู่กบั ความสามารถของผู้อา่ น และความไพเราะของบทประพันธ์
แต่ละประเภท โดยเฉพาะอย่างย่ิงผอู้ ่านทำนองเสนาะจึงตอ้ งศึกษาวธิ กี ารอา่ นให้ไพเราะและต้องหมน่ั ฝึกฝน
การอา่ นจนเกดิ ความชำนาญ

อนึ่งศลิ ปะการอ่านทำนองเสนาะอยู่ทตี่ ัวผอู้ ่านต้องร้จู ัก วิธกี ารอา่ นทอดเสยี ง โดยผ่อนจังหวะใหช้ า้
ลง การเออ้ื นเสียง โดยการลากเสยี งชา้ ๆ เพ่ือให้เข้าจังหวะและใหห้ างเสยี งใหไ้ พเราะ การครั่นเสยี ง
โดยทำเสียงสะดุดสะเทือนเพ่ือความไพเราะเหมาะสมกับบทกวบี างตอน การหลบเสียง โดยการหักเหให้
พลิกกลบั จากเสยี งสงู ลงมาเป็นตำ่ หรอื จากเสียงต่ำข้ึนไปเป็นเสียงสงู เนอื่ งจากผู้อา่ นไม่สามารถทีจ่ ะ
ดำเนินตามทำนองต่อไปได้เป็นการหลบหนจี ากเสยี งท่เี กนิ ความสามารถ จึงต้องหกั เหทำนองพลิกกลบั เข้ามา

ดำเนินทำนองในเขตเสียงของตน และ การกระแทกเสยี ง โดยการอ่านกระชากเสียงให้ดังผดิ ปกตใิ นโอกาสที่

แสดงความโกรธหรอื ความไม่พอใจหรือเมื่อต้องการเน้นเสียง

( มนตรี ตราโมท ๒๕๒๗ : ๕๐ )

๔. รสท่ใี ชใ้ นการอา่ นทำนองเสนาะ

๔.๑ รสถ้อย ( คำพูด ) แต่ละคำมรี สในคำของตนเอง ผู้อ่านจะตอ้ งอา่ นใหเ้ กดิ รสถ้อย

ตัวอย่าง

สกั วาหวานอ่ืนมีหม่ืนแสน ไมเ่ หมือนแม้นพจมานท่ีหวานหอม

กล่ินประเทียบเปรยี บดวงพวงพะยอม อาจจะน้อมจติ โน้มด้วยโลมลม

แม้นล้อลามหยามหยาบไมป่ ลาบปลม้ื ดงั ดูดดม่ื บอระเพ็ดต้องเข็ดขม

ผดู้ ไี พร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์ ใครฟงั ลมเมนิ หน้าระอาเอย

( พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมหลวงบดนิ ทร์ไพศาลโสภณ )

๔.๒ รสความ (เรอ่ื งราวท่ีอา่ น) ข้อความทอ่ี ่านมเี ร่ืองราวเกยี่ วกบั อะไร เช่น โศกเศร้า

สนกุ สนาน ตน่ื เต้น โกรธ รกั เวลาอา่ นตอ้ งอ่านให้มลี ีลาไปตามลกั ษณะของเนื้อเร่ืองน้ัน ๆ

ตวั อย่าง : บทโศกตอนที่นางวันทองไปส่งพลายงามให้ไปหายา่ ทองประศรที ส่ี ุพรรณบุรี

ลกู ก็แลดูแม่แมด่ ูลูก ต่างพันผูกเพยี งว่าเลือดตาไหล

สะอ้ืนรำ่ อำลาด้วยอาลัย แลว้ แขง็ ใจจากนางตามทางมา

เหลียวหลงั ยงั เหน็ แมแ่ ลเขมน้ แมก่ เ็ หน็ ลูกน้อยละห้อยหา

แตเ่ หลยี วเหลยี วเลย้ี วลบั วับวญิ ญาณ์ โอ้เปล่าตาตา่ งสะอื้นยืนตะลงึ

( เสภาขุนชา้ งขนุ แผน ตอนกำเนดิ พลายงาม : สนุ ทรภู่ )

ตวั อยา่ ง : บทสนุกสนาน ในนิราศพระบาท ขณะมีมวยปลำ้

ละครหยดุ อุตลดุ ดว้ ยมวยปลำ้ ยืนประจำหมายสู้เปน็ คู่ขนั

มงคลใสส่ วมหวั ไม่กลัวกัน ตัง้ ประจันจดจับขยบั มอื

ตีเข้าปับรับโปกสองมือปิด ประจบติดเตะผางหม้อขวา้ งหวือ

กระหวัดหวิดหวิวผวาเสียงฮาฮอื คนดูอ้อเออกันสน่นั องึ

๔.๓ รสทำนอง ( ระบบสูงต่ำซ่งึ มีจงั หวะสัน้ ยาว ) ในบทร้อยกรองไทยจะประกอบดว้ ยทำนอง

ตา่ ง ๆ เช่น ทำนองโคลง ทำนองฉันท์ ทำนองกาพย์ ทำนองกลอน และทำนองร่าย เป็นต้น ผู้อ่าน

จะต้องอา่ นให้ถูก ต้องตามทำนองของร้อยกรองน้นั เช่น โคลงสส่ี ภุ าพ

สตั ว์ พวกหน่ึงนี้ชื่อ พหุบา ทาแฮ

มีอเนกสมญา ยอกย้อน

เท้าเกิดยิง่ จัตวา ควรนับ เขานอ

มากจวบหมื่นแสนซ้อน สดุ พน้ ประมาณ ฯ

๔.๔ รสคลอ้ งจอง ในบทร้องกรองตอ้ งมีคำคลอ้ งจองในคำคล้องจองนน้ั ต้องให้ออกเสียง

ตอ่ เนื่องกัน โดยเน้นเสยี งสัมผสั นอกเป็นสำคญั เช่น

ถึงโรงเหล้าเตากล่นั ควนั โขมง มีคนั โพงผกู สายไว้ปลายเสา
โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจยี วอกเรา ใหม้ ัวเมาเหมือนหนึง่ บ้าเปน็ น่าอาย
ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเรจ็ พระสรรเพชญโพธญิ าณประมาณหมาย

ถงึ สรุ าพารอดไมว่ อดตาม ไม่ใกลก้ รายแกลง้ เมนิ กเ็ กินไป

ไม่เมาหลา้ แตเ่ รายงั เมารัก สุดจะหกั ห้ามจติ คิดไฉน

ถงึ เมาเหล้าเชา้ สายกห็ ายไป แตม่ าใจน้ีประจำทุกค่ำคืน

( นิราศภเู ขาทอง : สุนทรภู่ )

๔.๕ รสภาพ เสียงทำใหเ้ กดิ ภาพ ในแต่ละคำจะแฝงไปด้วยภาพ ในการอ่านให้เหน็ ภาพต้อง

ใชเ้ สยี ง สงู – ตำ่ ดงั – ค่อย แล้วแต่จะใหเ้ กดิ ภาพอย่างไร เช่น

“ มดเอ๋ยมดแดง เล็กเลก็ เร่ยี วแรงแข็งขยัน ”

“ สุพรรณหงส์ทรงพูห่ อ้ ย งามชดชอ้ ยลอยหลังสนิ ธ์ุ ”

“ อยุธยายศล่มแลว้ ลอยสวรรค์ ลงฤา ”

๕. หลักการอา่ นทำนองเสนาะ มดี งั นี้

๕.๑ ก่อนอ่านทำนองเสนาะให้แบ่งคำแบง่ วรรคให้ถูกต้องตามหลักคำประพนั ธเ์ สยี ก่อน โดยตอ้ ง

ระวงั ในเรื่องความหมายของคำดว้ ย เพราะคำบางคำอ่านแยกคำกันไม่ได้ เชน่

“ สร้อยคอขนมยรุ ะ ยูงงาม ”

( ขน – มยรุ ะ , ขนม – ยรุ ะ )

“ หวนห่วงม่วงหมอนทอง อีกอกร่องรสโอชา ”

( อกี – อก – ร่อง , อี – กอ – กรอ่ ง )

“ ดเุ หว่าจับเต่าร้างรอ้ ง เหมือนจากห้องมาหยารศั มี ”

( เหมอื น – มด , เหมือน – มด – อด )

๕.๒ อ่านออกเสียงธรรมดาใหค้ ล่องก่อน

๕.๓ อ่านให้ชดั เจน โดยเฉพาะออกเสียง ร ล และคำควบกล้ำใหถ้ กู ต้อง เช่น

“ เกดิ เป็นชายชาตรอี ย่าขี้ขลาด บรรยากาศปลอดโปรง่ โลง่ สมอง

หยบิ นำ้ ปลาตราสบั ปะรดให้ทดลอง ไหนเลา่ น้องครีมนวดหนา้ ทาให้ที

เน้อื นนั้ มโี ปรตีนกนิ เขา้ ไว้ คนเคราะห์ร้ายคลุม้ คล่งั เรอื่ งหนงั ผี

ใชน้ ้ำคลองกรองเสียก่อนจึงจะดี เหน็ มาลีคล่ีบานหนา้ บา้ นเอย ”

๕.๔ อา่ นใหเ้ ออ้ื สัมผัส เรียกว่า คำแปรเสียง เพื่อให้เกดิ เสียงทไ่ี พเราะ เชน่

พระสมุทรสดุ ลึกล้น คณนา

( อ่านวา่ พระ – สะ – หมดุ – สุด – ลึก – ลน้ คน – นะ – นา )

ขา้ ขอเคารพอภิวาท ในพระบาทบพิตรอดิสร

( ขา้ – ขอ – เคา – รบ – อบ – พิ – วาด ใน – พระ – บาด – บอ – พดิ – อะ – ดดิ – สอน )

ขอสมหวังตัง้ ประโยชน์โพธญิ าณ

( อ่านวา่ ขอ – สม – หวงั – ตง้ั – ประ – โหยด – โพด – พิ – ยาน )

๕.๕ ระวัง ๓ ต อยา่ ให้ ตกหล่น อยา่ ตอ่ เติม และอย่าตู่ตวั

๕.๖ อา่ นให้ถูกจงั หวะ คำประพันธแ์ ตล่ ะประเภทจะมีจังหวะแตกตา่ งกนั ตอ้ งอา่ นใหถ้ ูกวรรค

ตอนตามแบบแผนของคำประพนั ธ์นนั้ ๆ เชน่

มทุ งิ คนาฉนั ท์ ( ๒ - ๒ - ๓ )

“ ปะ๊ โท่น / ป๊ะโทน / ป๊ะโทน่ โทน บุรุษ / สโิ อน / สะเอวไหว

อนงค์ / นำเคล่ือน / เขย้ือนไป สะบัด / สไป / วไิ ลตา ”

๕.๗ อา่ นให้ถูกทำนองของคำประพันธ์นั้น ๆ ( รสทำนอง )
๕.๘ ผ้อู ่านต้องใส่อารมณต์ ามรสความของบทประพนั ธน์ นั้ ๆ รสรกั โศก ตื่นเต้น ขบขัน
โกรธ แล้วใส่นำ้ เสียงให้สอดคล้องกับรสหรืออารมณ์ต่าง ๆ เหล่านน้ั
๕.๙ อา่ นใหเ้ สยี งดัง ( พอท่จี ะได้ยินกนั ทั่วถงึ ) ไม่ใช่ตะโกน
๕.๑๐ ถ้าเปน็ ฉนั ท์ ต้องอ่านให้ถูกต้องตามบังคบั ของครุ - ลหุ ของฉนั ทน์ ั้น ๆ
ลหุ คอื ทผ่ี สมดว้ ยสระเสียงส้นั และไม่มีตวั สะกด เช่น เตะ บุ และ เถอะ
ผัวะ ยกเว้น ก็ บ่อ นอกจาก นี้ถือเป็นคำครุ ( คะ – รุ ) ทงั้ หมด
ลหุ ใหเ้ ครือ่ งหมาย ( ุ ) แทนในการเขยี น
ครุ ใชเ้ ครื่องหมาย ( ั ) แทนในการเขยี น

ตวั อยา่ ง : วสนั ตดลิ กฉนั ท์ ๑๔ มคี รุ - ลหุ ดังนี้

ัั ั ุ ั ุ ุ ุ ั ุุัุ ัั

ั ั ุ ัุ ุ ุ ั ุุ ัุ ั ั

อ้าเพศกเ็ พศนุชอนงค์ อรองคก์ บั อบบาง

( อ่านว่า อา้ – เพด – ก็ – เพด – นุ – ชะ – อะ – นง อะ – ระ – อง – กอ้ – บอบ – บาง )

ควรแต่ผดุงสิริสะอาง ศุภลักษณป์ ระโลมใจ

( อ่านวา่ ควน – แต่ – ผะ – ดงุ – สิ – หริ – สะ – อาง สุ – พะ – ลกั – ประ – โลม – ใจ )

๕.๑๑ เวลาอา่ นอา่ นอย่าใหเ้ สียงขาดเปน็ ชว่ ง ๆ ต้องให้เสียงตดิ ต่อกันตลอด เช่น

“ วนั นนั้ จนั ทร มดี ารากร เปน็ บรวิ าร เห็นสน้ิ ดนิ ฟา้ ในป่าท่าธาร มาลคี ลบ่ี าน ใบก้าน

อรชร ”

๕.๑๒ เวลาจบให้ทอดเสยี งช้า ๆ

๖. ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการอา่ นทำนองเสนาะ

๖.๑ ช่วยให้ผู้ฟงั เขา้ ถึงถงึ รสและเห็นความงามของบทรอ้ ยกรองทอ่ี ่าน

๖.๒ ชว่ ยใหผ้ ู้ฟงั ได้รับความไพเราะและเกิดความซาบซ้งึ ( อาการรสู้ ึกจบั ใจ

อย่างลึกซึง้ )

๖.๓ ชว่ ยใหเ้ กดิ ความสนุกสนาน ความเพลิดเพลนิ

๖.๔ ช่วยใหจ้ ำบทร้อยกรองไดร้ วดเร็วและแมน่ ยำ

๖.๕ ช่วยกลอ่ มเกลาจิตใจให้เปน็ คนออ่ นโยนและเยอื นเย็น

๖.๖ ช่วยสบื ทอดวัฒนธรรม ในการอา่ นทำนองเสนาะไวเ้ ป็นมรดกต่อไป

บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้

๑. ใหน้ ักเรยี นทำ “กจิ กรรมคำศัพทล์ บั สมอง” ตามขั้นตอนดงั นี้
- หาคำศัพท์จากเร่ืองประพาสธารทองแดงมาเติมลงในตารางท้ังแนวตงั้ และแนวนอน โดยดูจาก
ความหมายทีใ่ หม้ า
- แตล่ ะช่องเตมิ ได้ ๑ ตวั อักษร ในกรณีมี

เติมไวใ้ น
ตัวอกั ษรชอ่ งเดยี วกนั ส่วน ะ า ำ เ แ ไ ใ โ เติมแยกชอ่ งต่างหาก

คำศพั ท์ลับสมอง

ก๙ ร ๑ ะ จ้ อ ย ๔ เ๗
า นี
ง โ๖ าย
ธ ๑๐ ง ฉ น ม
ช า น๓ พิ ๑๑ รี
า ส๘
ก แ อ
ธ ๑๒ ง ไ ดง
กั ๕
โ ๑๓ ท ๒ น นิ้
ชย น ว

นั ก ส ก

ทอ ง

๑๔

นม มู ๑๖ ทู

แนวต้ัง แนวนอน

........................................................................ ........................................................................
....................................................................... .......................................................................
...................................................................... ......................................................................
...................................................................... ......................................................................
...................................................................... ......................................................................
...................................................................... ......................................................................
....................................................................... .......................................................................
........................................................................ ........................................................................
....................................................................... .......................................................................

๒. คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นแตง่ ประโยคจากคำที่กำหนดให้จากบทเรียนเรอ่ื ง “กาพยห์ ่อโคลงประพาส

ธารทองแดง”

เกษม ……………………………………………………………………………

พฤกษา ……………………………………………………………………………

สำอาง ……………………………………………………………………………

สาลกิ า ……………………………………………………………………………

โนรี ……………………………………………………………………………

มัจฉา ……………………………………………………………………………

กระจดิ ……………………………………………………………………………

กระจยุ้ ……………………………………………………………………………

เค่ยี ว ……………………………………………………………………………

ไคล ……………………………………………………………………………

จอก ……………………………………………………………………………

ฉวาง ……………………………………………………………………………

ช้อย ……………………………………………………………………………

ซรอ้ งนงพงา ……………………………………………………………………………

ต้นพวา ……………………………………………………………………………

แปล้ ……………………………………………………………………………

ไปล่ ……………………………………………………………………………

ผาดผงั ……………………………………………………………………………

เพรา ……………………………………………………………………………

รางชาง ……………………………………………………………………………

เฉลยบตั รกจิ กรรมการเรียนรู้

๑. ให้นักเรียนทำ “กิจกรรมคำศัพทล์ บั สมอง” ตามข้นั ตอนดังน้ี
- หาคำศัพท์จากเรื่องประพาสธารทองแดงมาเตมิ ลงในตารางทัง้ แนวตั้งและแนวนอน โดยดจู าก
ความหมายทีใ่ ห้มา
- แต่ละช่องเตมิ ได้ ๑ ตวั อักษร ในกรณีมี

เตมิ ไว้ใน
ตวั อักษรช่องเดยี วกนั ส่วน ะ า ำ เ แ ไ ใ โ เติมแยกช่องตา่ งหาก

คำศพั ท์ลบั สมอง

ก๙ ร ๑ ะ จ้ อ ย ๔ เ๗
า นี
ง โ๖ าย
ธ ๑๐ ง ฉ น ม
ช า น๓ พิ ๑๑ รี
า ส๘
ก แ อ
ธ ๑๒ ง ไ ดง
กั ๕
โ ๑๓ ท ๒ น น้ิ
ชย น ว

นั ก ส ก

ทอ ง

๑๔

นม มู ๑๖ ทู

แนวต้งั แนวนอน

๑. งาม สวย ๑๐. ธงนำหนา้ กองทพั
๒. ชา้ งตวั ใหญ่ท่เี ป็นจ่าฝูง ๑๑. ช้างตวั เมยี ทีธ่ รรมชาตสิ รา้ งใหผ้ ดิ ประหลาด
๓. สัตวป์ กี ใช้ปกี บินบนทอ้ งฟา้
๔. กลา้ หาญ มงี างอกออกมาดา้ นซ้ายนิดเดยี ว
๕. ล้อมวง , กันรอบ ๑๒. ธงซ่งึ เป็นเครอื่ งหมายของชัยชนะ
๖. นกปากขอ มลี ักษณะคล้ายนกแกว้ ๑๓. โดดเดี่ยว ช้างที่ชอบแยกฝูงออกไปหากินตัว
๗. เรยี กชา้ งทมี่ งี าทใี่ หญ่ แต่ส้นั มกั จะชีต้ รง เดียว
๘. ช้ีนว้ิ ๑๔. ชา้ งตระกูลหนง่ึ มีสกี ายเป็นสีทองแดง
๙. เล็กนอ้ ย ๑๕. หญงิ คนใชใ้ นวัง
๑๖. ม่ทู ู่ ปา้ น ไมแ่ หลม

๒. คำชีแ้ จง ให้นกั เรียนแตง่ ประโยคจากคำที่กำหนดใหจ้ ากบทเรยี นเร่ือง “กาพยห์ ่อโคลงประพาส

ธารทองแดง”

เกษม ……………………………………………………………………………

พฤกษา ……………………………………………………………………………

สำอาง ……………………………………………………………………………

สาลกิ า ……………………………………………………………………………

โนรี ……………………………………………………………………………

มัจฉา ……………………………………………………………………………

กระจดิ ……………………………………………………………………………

กระจุ้ย ……………………………………………………………………………

เค่ียว ……………………………………………………………………………

ไคล ……………………………………………………………………………

จอก ……………………………………………………………………………

ฉวาง ……………………………………………………………………………

ชอ้ ย ……………………………………………………………………………

ซรอ้ งนงพงา ……………………………………………………………………………

ต้นพวา ……………………………………………………………………………

แปล้ ……………………………………………………………………………

ไปล่ ……………………………………………………………………………

ผาดผงั ……………………………………………………………………………

เพรา ……………………………………………………………………………

รางชาง ……………………………………………………………………………

(อยใู่ นดลุ พนิ จิ ของครูผ้สู อน)

แบบสังเกตพฤติกรรมการอา่ น
คำชแ้ี จง ใหท้ ำเคร่อื งหมาย / ลงในชอ่ งรายการสงั เกตพฤติกรรมท่ีกำหนด

รายการสังเกต
ความสนในเร่ือง
เลข ชื่อ – สกลุ ที่ ่อาน
ที่ ีมมารยาทใน
การ ่อาน
มีสมา ิธในการ
่อาน
่อานคำ ูถก ้ตอง
น้ำเสียงชัดเจน
ูถก ้ตอง
่อานไม่กดหรือ
เติมคำ
ัจบหนังสือได้
ูถกต้อง
สรุปผลการประเ ิมน

ผ่าน / ไ ่มผ่าน

๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑๐๒๑ ๐๒๑๐










๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๒= ดี, ๑ = ปานกลาง, ๐ = ต้องปรับปรงุ แกไ้ ข
(ลงชือ่ )……………………………………….ผ้ปู ระเมนิ
วนั ที่……….เดอื น…………………….พ.ศ………………

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3.๖

กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๒

หนว่ ยท่ี 3 กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง เวลา ๗ ชัว่ โมง

เร่อื ง รอ้ ยกรองร้อยความคดิ เวลา ๑ ชั่วโมง

ใชส้ อนวันท่ี ....................................................................................................................

.

มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคิด เพื่อนำไปใชต้ ัดสินใจแก้ปญั หาในการ
มาตรฐานที่ ท ๔.๑ ดำเนินชวี ติ และมีนสิ ยั รักการอ่าน
เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิ

ตัวชว้ี ดั
ท ๑.๑ ม.๒/๑ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง
ท ๔.๑ ม.๒/๓ แตง่ บทรอ้ ยกรอง

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง/ท้องถิน่

ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออก ความรู้ (K) ทักษะ/กระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ (A)
เสียงบทรอ้ ยแก้วและบท
รอ้ ยกรองได้ถูกต้อง - หลกั การอ่านออก - ฝึกทักษะการอา่ นออกเสียง -มมี ารยาทในการอ่าน
ท ๔.๑ ม.๒/๓ แต่งบท
รอ้ ยกรอง เสยี งร้อยแก้วและร้อย รอ้ ยแก้วและรอ้ ยกรอง -อ่านได้ถกู ต้องชัดเจน

กรอง ตามหลกั การอ่าน

การแต่งกลอนสุภาพ ฝึกแต่งกลอนสภุ าพ - แต่งกลอนสุภาพ

การแต่งโคลงสีส่ ภุ าพ ฝึกแตง่ โคลงสสี่ ุภาพ -แต่งโคลงสีส่ ุภาพ

ไดถ้ ูกตอ้ งตาม

ฉันทลักษณ์

สาระสำคัญ
๑. การอ่านบทร้อยกรองได้ถูกต้องไพเราะสละสลวย และเขา้ ใจสาระการเรียนร้ทู ำให้

เหน็ ความงาม และคณุ ค่าของภาษาไทย เป็นการส่งเสรมิ ศิลปวัฒนธรรมทางภาษาของชาติ
๒. การเขียนบทรอ้ ยกรองโดยเข้าใจลักษณะฉันทลกั ษณ์ของคำประพนั ธ์ และเขยี นสาระ

การเรยี นรไู้ ดเ้ หมาะสม จะทำใหผ้ ้อู า่ นเกิดความซาบซ้งึ และเหน็ คณุ คา่ ของภาษาไทยมากขน้ึ

สาระการเรยี นรู้
๑. การอ่านบทเรียน เร่อื ง กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง
๒. การฝึกแตง่ คำประพันธ์ประเภทบทพากย์

กระบวนการเรียนรู้
๑. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สนทนาถึงการอนรุ ักษภ์ าษาไทยในฐานะทเี่ ปน็ ศลิ ปวัฒนธรรม

และเอกลักษณ์ของชาติ
๒. แบง่ นักเรียนออกเป็นกลมุ่ (ตามความเหมาะสม) โดยให้แตล่ ะกล่มุ ศึกษาบทร้อยกรอง

กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง จากหนงั สือเรยี นภาษาไทย ชุดวรรณคดีวจิ กั ษ์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่
๒ โดยดำเนินการ

-สำรวจคำศพั ทห์ รือสำนวนภาษา
-ศึกษาคำอ่านและความหมายร่วมกัน
-สมาชิกในกลุม่ อภปิ รายสรุปใจความสำคญั และข้อคิดทไี่ ด้จากบทร้อยกรอง เร่อื ง สังคมคน
ไทย
-นกั เรยี นร่วมกนั ฝึกอา่ นบทร้อยกรองเปน็ ทำนองเสนาะ แนะนำ ข้อบกพร่อง และ
แนวทางแก้ไขใหแ้ กเ่ พ่ือนภายในกลมุ่
-นกั เรยี นผลัดเปลีย่ นกนั อา่ นบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะและให้เพ่อื นในกลุม่ ทเ่ี หลือ
ประเมนิ ผลการอา่ น
๓. นกั เรยี นทกุ กลมุ่ ช่วยกันลากเสน้ โยงคำเส้นสมั ผสั ระหว่างวรรคของคำประพันธ์ประเภท
บทพากย์ จากแบบฝึกหดั
๔. นำแผนผงั คำประพนั ธบ์ ทพากย์ ติดกระดานดำ และให้ทุกกลมุ่ ตรวจสอบความถูกต้อง
ให้สมาชิกแต่ละกลมุ่ แข่งขันกันเรียงแถบข้อความให้ถูกต้องตามลักษณะกลอนแปด ตามขัน้ ตอน
๕. นกั เรยี นและครูชว่ ยกันสรุปบทเรียน เร่อื ง การอ่านบทรอ้ ยกรองให้เปน็ ทำนองเสนาะ
และสรปุ หลักเกณฑ์ในการแต่งคำประพนั ธ์ประเภทบทกาพย์
๖. นกั เรียนทำบตั รกิจกรรมการเรยี นรู้
สอื่ / แหล่งเรียนรู้

ลำดับที่ รายการสือ่ กิจกรรมทีใ่ ช้ แหลง่ ทไี่ ด้มา
๑ นกั เรียนทำบตั รกจิ กรรม ครูจัดทำ
๒ บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้ นักเรยี นดภู าพและฝึกอ่าน ครูจัดหา

๓ หนงั สือเรียน ชดุ วรรณคดี ตรวจสอบ ครจู ัดทำ
๔ วิจกั ษ์ ชัน้ ม.๒ บนั ทกึ การสังเกตพฤติกรรม ครจู ัดทำ
เฉลยบตั รกิจกรรมการเรยี นรู้
แบบประเมนิ การสงั เกต
พฤติกรรม

การวดั ผลและประเมนิ ผล

กจิ กรรม-พฤติกรรมท่ี เคร่ืองมือทใ่ี ช้ใน วิธีการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ
ประเมนิ การประเมนิ
๑. นักเรยี นนำเสนอ
๒. นักเรยี นทำบัตรกิจกรรม แบบประเมนิ รายกลมุ่ สงั เกตรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขน้ึ ไป
การเรียนรู้
แบบประเมนิ การสงั เกต ตรวจงานรายบุคคล รอ้ ยละ ๗๐ ข้ึนไป
๓. ประเมนิ พฤติกรรมและ
ผลงานระหวา่ งเรียน พฤติกรรม และแบบ

ประเมินผลงาน

แบบประเมนิ พฤติกรรมและ ตรวจงานรายกลุ่ม ร้อยละ ๗๐ ขึน้ ไป

ผลงานระหวา่ งเรยี น

กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................... .................................................
............................................................................................................................. ...................................
.......................................................................................................................................................

บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรตู้ ามผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง
นักเรียนทัง้ หมด ....................คน
– ผ่านเกณฑ์การประเมินระดับดี ............ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............
– ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับปานกลาง – คน คิดเป็นร้อยละ .................
– ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ปรับปรุง – คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............
๒. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมระหวา่ งเรยี น
............................................................................................................................. ...........................

................................................................................................... ...........................................................................
............................................................................................................................. .................................................
.........................................................................................................................

๓. ปัญหาและอุปสรรคระหว่างการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................
๔. การปรับปรงุ แกไ้ ข
...........................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................
๕. ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ
............................................................................................................................. ...........................
....................................................................................................................................................

ลงชือ่ ..........................................................ผูส้ อน
( นางสาวรัตนา มากอำไพ )
ครผู ูช้ ่วย

ความเห็นของผู้อำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. ...........................

..................................................................................................................................... .........................................
.......................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................

ลงชอ่ื .................................................ผู้ตรวจสอบ
( นายพเิ ชษฐ์ ทับทอง )

ผู้อำนวยการโรงเรยี นครนพิทยาคม

บตั รความรู้

เร่อื ง “การแตง่ โคลงส่ีสภุ าพ”

โคลง คือ คำประพันธ์ซ่ึงวิธีเรียงร้อยถ้อยคำเข้าคณะ มีกำหนดเอกโทและสัมผัสโคลงมีลักษณะ
บงั คบั ๖ อยา่ งได้แก่ คณะ พยางค์ สมั ผัส คำเอก คำโท คำเปน็ คำตาย และคำสรอ้ ย

ในใบความรู้ประกอบนจ้ี ะกลา่ วถึงเฉพาะ “โคลงสีส่ ภุ าพ” เทา่ นน้ั
คำ “สุภาพ” ในโคลงนั้น อาจารย์กำชัย ทองหล่อ ได้อธิบายไว้ว่า มีความหมายเป็น ๒ อย่าง
คือ
๑. หมายถงึ คำทไ่ี มม่ เี ครอื่ งหมายวรรณยกุ ต์เอกโท (คือ คำธรรมดาท่ไี มก่ ำหนดเอก
โทจะมหี รือไม่มกี ไ็ ด้)
๒. หมายถงึ การบงั คับคณะและสัมผัสอย่างเรียบๆ ไมโ่ ลดโผน โคลงสุภาพทง้ั ๗
ชนดิ มลี ักษณะแตกตา่ งกนั ดังจะได้อธิบายต่อไป
ก่อนอนื่ นักเรยี นควรรู้จกั ลกั ษณะระดับของโคลง ซ่งึ มดี งั นี้
๑. คณะ คือ ข้อกำหนดเกย่ี วกบั รูปแบบของคำประพันธแ์ ต่ละชนดิ วา่ จะต้อง
ประกอบดว้ ยสว่ นยอ่ ยๆ อะไรบ้าง
คำท่เี ป็นคำย่อยของคณะ ไดแ้ ก่ บท บาท วรรค คำ
ลกั ษณะบังคับข้อน้ีสำคัญมาก คำประพันธ์ทุกชนิดจะตอ้ งมีคณะ ถ้าไม่มีกไ็ มเ่ ปน็ คำประพนั ธ์ คณะท่ี
เปน็ สง่ิ ที่ชว่ ยกำหนดรูปแบบของคำประพนั ธแ์ ตล่ ะชนิดให้เปน็ ระเบียบเพือ่ ใชเ้ ป็นหลกั ในการแต่งต่อไป
๒. พยางค์ คือ เสียงท่ีเปลง่ ออกมาครง้ั หนึง่ ๆ บางทีก็มคี วามหมาย เชน่ เมอื งไทยนี้ดี
บางทีก็ไม่มีความหมาย แต่เป็นส่วนหนึ่งของคำ เช่น ภิ ในคำ อภินิหาร ยุ ในคำยุวชน กระ ในคำ
กระถาง เปน็ ต้น
เน่ืองจากคนไทยเราแต่เดิมมีพยางค์เดียวโดยมาก ฉะน้ันในการแต่งคำประพันธ์เราถือว่าพยางค์ก็คือ
คำนนั่ เอง ในคำประพันธ์แต่ละชนดิ มกี ารกำหนดพยางค์ (คำ) ไว้แน่นอน วา่ วรรคหน่ึงมีกีพ่ ยางค์ (คำ)
ในคำประพันธ์ประเภทฉันท์ ซ่ึงถือ ครุ ลหุ เป็นสำคญั เรานับแตล่ ะพยางค์เป็น ๑ คำเสมอ เช่น
สุจรติ นบั เปน็ ๓ พยางค์ (๓ คำ) แตถ่ ้าสจุ รติ ไปอยใู่ นโคลง เชน่
“สุจริต คือ เกราะบัง ศาสตร์พ้อง” เรานับเพียง ๒ คำเท่านั้น คือ ให้รวมเสียง ลหุ ๒
พยางค์ที่อยู่ใกลก้ นั เป็น ๑ คำ
และในทำนองเดียวกัน ถ้าคำใดมี ๒ พยางค์ เป็นลหุพยางค์หนึ่ง เช่น กระถาง สมัคร ตลอด
สะบัด ก็อนุโลมให้นบั เป็น ๑ พยางค์ (คำ) ได้
จะเห็นได้ว่าในการนับพยางค์ (คำ) นั้นต้องแล้วแต่ลักษณะบังคับของร้อยกรองแต่ละประเภท ซึ่งผู้
แตง่ คำประพันธ์จะต้องสังเกตใหด้ ี
๓. สัมผัส คือ ลักษณะทยี่ งั บังคับให้ใชค้ ำคลอ้ งจองกัน สมั ผสั เปน็ ลกั ษณะทส่ี ำคญั
ทสี่ ุดในคำประพันธ์ของไทย คำประพันธ์ทุกชนดิ จำเป็นตอ้ งมีสัมผสั
๔. คำเอก คำโท หมายถงึ พยางคท์ ่ีบังคบั ด้วย ไมเ้ อก และไมโ้ ท สำหรับใช้กับ
คำประพันธ์ประเภทโคลงเทา่ นนั้ มขี อ้ กำหนดดังน้ี
คำเอก ได้แก่ พยางค์ท่ีมีไมเ้ อกบังคบั ท้ังหมด เช่น จ่า ป่ี ข่ี ส่อ น่า คี่ และพยางค์ที่เป็นคำตาย
ทง้ั หมด จะมเี สียงวรรณยกุ ต์ใดกไ็ ด้ เช่น กาก บอก มาก โชค คดิ รกั

คำเอกโทษ คือ คำท่ีไมเ่ คยใช้ไม้เอกแตเ่ อามาแปลงใช้โดยเปลย่ี นวรรณยุกต์ เป็นเอกเพือ่ ให้
ได้เสียงเอกตามบังคับ เช่น เส้ียม เปล่ียนเป็น เซี่ยม, สร้าง เปลี่ยนเป็น ซ่าง คำเช่นนี้ อนุโลมให้เป็นคำ
เอกได้

คำโท ได้แก่ พยางคท์ ม่ี ไี ม้โทบงั คบั ทงั้ หมด เช่น ถา้ ปา้ นา้ น้อย ปอ้ ม ยม้ิ
คำโทโทษ คอื คำท่ีไม่เคยใช้ไม้โท แต่เอาแปลงใชโ้ ดยเปลี่ยนวรรณยุกต์เป็นโท เพอ่ื ได้เสยี ง

โทตามบังคบั เชน่ เล่น เปล่ยี นเป็น เหล้น, ช่วย เปลี่ยนเป็นฉ้วย คำเชน่ นีอ้ นุโลมใหเ้ ปน็ คำโทได้
๕. คำเปน็ คำตาย
คำเป็น ได้แก่ พยางค์ท่ีผสมด้วยสระเสียงยาวในมาตราแม่ ก กา เช่น มา ขี่ ถือ เมีย กับ

พยางค์ท่ีผสมด้วย สระ อำ ไอ ใอ เอา เช่น ทำ ไม่ เขา และพยางค์ที่สะกดด้วยมาตราแม่ กง กน
เกย เกอว เช่น สัง่ ถ่าน ลม้ ตาย เรว็

คำตาย ได้แก่ พยางค์ท่ีผสมด้วยสระเสียงส้ัน ในมาตราแม่ ก กา เช่น จะ ติ และพยางค์ท่ี
สะกดด้วยมาตราแม่ กก กด กบ เชน่ ปัก นาค คดิ มอื เกบ็ สาป คำตายนี้ใชแ้ ทนคำเอกในโคลงได้

๖. คำสรอ้ ย คอื คำทใ่ี ช้เตมิ ลงทา้ ยวรรค ทา้ ยบาท หรอื ทา้ ยบท เพอื่ ความไพเราะ
หรอื เพื่อให้ครบจำนวนคำตามลกั ษณะบงั คบั บางแห่งก็ใชเ้ ป็นคำถาม หรือใชย้ ้ำความ คำสรอ้ ยนใ้ี ช้เฉพาะใน
โคลงและร่าย และมักจะเปน็ คำเปน็ เชน่ แลนา พี่เอย ฤาพี่ แมแ่ ล นอ้ ยเฮ หนง่ึ รา

ตวั อยา่ ง : คำสรอ้ ย โคลง ๔
อวดองค์ อรเอย
เอยี งอกเทออกอา้ ง เลขแต้ม
เมรุชุบสมทุ รดินลง จารกึ พอฤา
อากาศจดั จารผจง อย่รู ้อยฤาเห็น
โฉมแมห่ ยาดฟา้ แยม้ (นิราศนรินทร์)

โคลงสส่ี ุภาพ
ผังภมู ิ :

สร้อย

สร้อย

ตัวอยา่ ง ๑

เสยี งลอื เสียงเลา่ อ้าง อนั ใด พีเ่ อย

เสียงย่อมยอยศใคร ท่วั หล้า

สองเขอื พีห่ ลับใหล ลืมต่ืน ฤาพี่

สองพีค่ ดิ เองอา้ อยา่ ได้ถามเผอื

(ลลิ ติ พระลอ)

ตัวอย่าง ๒

จากมามาลวิ่ ล้ำ ลำ บาง

บางย่ีเรือราพลาง พี่พร้อง

เรือแผงชว่ ยพานาง เมยี งม่าน มานา

บางบ่รบั คำคลอ้ ง คลา่ วน้ำตาคลอ

(นิราศนรินทร์)

หมายเหตุ : โคลงสองบทนี้ ถือเป็นโคลงสี่สุภาพแม่บทท่ีมีบังคับสัมผัสเอกโทถูกต้องตามลักษณะบังคับ

ของโคลงสี่สภุ าพทุกอยา่ ง นักเรยี นควรทอ่ งจำไว้ใหไ้ ด้

กฎ :

๑. คณะ มีดงั นี้

โคลงสส่ี ุภาพบทหน่ึงมี ๔ บาท บาทหนึง่ มี ๒ วรรค คือ วรรคหนา้ กับวรรค

หลัง วรรคหลังของทุกบาท มีวรรคละ ๕ คำ วรรคหลังของบาทที่ ๑, ๒ และ ๓ มีวรรคละ ๒ คำ

สว่ นของบาทท่ี ๔ มี ๔ คำ รวมโคลงสีส่ ุภาพ บทหนงึ่ มี ๓๐ คำ

๒. สัมผสั มีดงั น้ี

คำที่ ๗ ของบาทที่ ๑ สัมผสั กบั คำท่ี ๕ ของบาทที่ ๒ และ ๓ คำท่ี ๗ ของบาท

ท่ี ๒ สัมผสั กับคำที่ ๕ ของบาทที่ ๔

ถ้าจะให้โคลงท่ีแต่งไพเราะยิง่ ข้นึ ควรมีสัมผสั ใน และสัมผสั อกั ษรระหวา่ งวรรค

ด้วย กล่าวคือ ควรให้คำสุดท้ายของวรรคหน้า สัมผัสอักษรกับคำหน้าของวรรคหลัง จากตัวอย่างในโคลง

ได้แก่ คำ “อ้าง” กับ “อนั ” “ใหล” กับ “ลืม”

๓. คำเอกคำโทและคำเปน็ คำตาย มดี ังนี้

๑) ตอ้ งมคี ำเอก ๗ แห่ง และคำโท ๔ แห่ง ตามตำแหนง่ ท่ีเขยี นไว้ในแผนผังภมู ิ

๒) ตำแหนง่ คำเอก และโท ในบาทที่ ๑ อาจสลบั ที่กันได้ คอื เอาคำเอกไปไวใ้ น

คำที่ ๕ และเอาคำโทมาไว้ในคำท่ี ๔ เชน่

อย่าโทษไททา้ วท่วย เทวา

อยา่ โทษสถานภผู า ยา่ นกว้าง

อยา่ โทษหมูว่ งศา มิตรญาติ

โทษแต่กรรมเองสร้าง ส่งใหเ้ ปน็ เอง

(โคลงโลกนิติ)

๓) คำท่ี ๗ ของบาทท่ี ๑ และคำท่ี ๕ ของบาทที่ ๒ และ ๓ หา้ ใช้คำท่ีมีรูป

วรรณยุกต์

๔) หา้ มใช้คำตายทผี่ นั ดว้ ยวรรณยุกตโ์ ท ในตำแหนง่ โท

๕) คำสุดท้ายของบท หา้ มใช้คำตาย และคำท่ีมีรปู วรรณยกุ ต์ และเสยี งทีน่ ิยม

กันว่าไพเราะ คือ เสียงจัตวาไม่มีรูป หรือจะใช้เสียงสามัญก็ได้เพราะเป็นคำจบ จะต้องอ่านเอ้ือนลากเสียง

ยาว

บตั รกจิ กรรมการเรียนรู้

คำช้ีแจง นักเรียนลากเส้นโยงคำสมั ผสั ในแผนภูมิโคลงสส่ี ภุ าพใหถ้ กู ต้อง แลว้ ฝึกแต่งโคลงสีส่ ุภาพคนละ ๒ บท
ตามความชอบและจนิ ตนาการของนักเรยี นเอง

โคลงสสี่ ภุ าพ
ผังภมู ิ :

สรอ้ ย

สร้อย

............................... .....................
............................................. .....................
............................................ .....................
........................................... .....................

............................... ......................
............................................. ......................
............................................. ......................
............................................. ......................


Click to View FlipBook Version