คูม่ อื การจดั กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น
วชิ าลูกเสอื -เนตรนารี ประเภทสามญั
ช่วงช้นั ท่ี 2
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4-6
ลกู เสอื ตรี ,ลกู เสือโท ,ลกู เสอื เอก
โดย
สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษานครราชสีมา เขต 4
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คำนำ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 แผนความมุ่งหมาย และ
หลักการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนดี คนเก่ง และอยู่ในสังคม
ไดอ้ ยา่ งมีความสุข บนพน้ื ฐานของความเป็นไทย
กิจกรรมลูกเสอื -เนตรนารี เป็นองค์ประกองสำคัญหน่ึงท่ีจัดอยู่ในส่วนของกิจกรรมพัฒนา
ผเู้ รียน ทมี่ ุ่งเน้นใหผ้ เู้ รียน ปฏบิ ัติกจิ กรรมต่างๆ ดว้ ยตนเอง โดย เริ่มตง้ั แตศ่ ึกษา วเิ คราะห์ วางแผน
ปฏิบตั งิ าน และปรบั ปรงุ การทำงาน โดยเนน้ กระบวนการกลุ่ม
โรงเรียนบ้านสายควนได้ตระหนักถึงความสำคัญของกิจกรรมนี้จงึ ได้จัดทำแนวทางการจัด
กิจกรรมแผนการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงตามเน้ือหาของหลักสูตร และหวังเป็นอย่าง
ยิง่ วา่ แผนการเรียนรเู้ ลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชน์แก่กองลูกเสือ โรงเรียน ครูผู้สอน และนกั เรยี น
สารบญั หน้า
คำช้แี จงการใช้แผนการเรียนรู้ 1
4
หน่วยท่ี 1 11
เตรียมความพร้อม 15
19
หน่วยที่ 2-3 27
ระเบยี บแถว 31
44
หน่วยที่ 4 51
ประวตั ิ ลอร์ด เบเดน พาวเวลล์ 55
63
หน่วยท่ี 5
พระราชประวัติ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว
หน่วยที่ 6
ววิ ฒั นาการลกู เสอื โลกและลกู เสือไทย
หน่วยที่ 7
การแสดงความเคารพ การแสดงรหสั
หนว่ ยท่ี 8-10
ระเบียบแถว
หนว่ ยท่ี 11-13
คำปฏิญาณและกฎของลูกเสอื สามญั
หน่วยที่ 14-15
กจิ กรรมกลางแจ้ง
หน่วยท่ี 16
ระเบยี บแถว(ทบทวน)
หน่วยที่ 17-19
กิจกรรมกลางแจ้ง
หลักสูตรลกู เสอื สามัญ
ลกู เสอื ตรี
1. แสดงวา่ มคี วามรู้เกีย่ วกบั ขบวนการลกู เสอื
1.1 ประวัติสงั เขปของลอรด์ เบเดน พาวเวลล์
1.2 พระราชประวัติสังเขปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว
1.3 ววิ ัฒนาการของขบวนการลกู เสือไทยและลูกเสือโลก
1.4 การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจบั มือซ้าย และคตพิ จน์ของลกู เสือ
2. คำปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื สามัญ
เข้าใจและยอมรับคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามญั
3. กจิ กรรมกลางแจ้ง
มีส่วนรว่ มในกิจกรรมของหม่หู รือกองลกู เสอื นอกสถานท่ี
4. ระเบยี บแถว
ทา่ มอื เปล่า ทา่ ถือไม้พลอง การใช้สัญญาณมือและสญั ญาณนกหวีด
การตงั้ แถวและการเรยี กแถว
ลูกเสือโท
1. การรู้จกั ดูแลตนเอง
2. การชว่ ยเหลือผู้อ่นื
3. การเดนิ ทางไปยังสถานท่ีต่าง ๆ
4. ทักษะในทางวชิ าลูกเสือ
5. งานอดิเรกและเรื่องทีส่ นใจ
6. คำปฏิญาณและกฎของลกู เสือ
ลกู เสอื เอก
1. การพง่ึ ตนเอง
2. การบริการ
3. การผจญภัย
4. วิชาการของลูกเสอื
5. ระเบียบแถว
เครอื่ งหมายวิชาพิเศษ 54 วิชา
เรียนนอกเวลาหรือใช้วธิ ีบูรณาการเข้ากบั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
จุดประสงค์
เพอื่ ใหผ้ ้เู รียนมพี ฒั นาการทางกาย สติปัญญา จติ ใจ และศลี ธรรม ให้เป็นพลเมือง
ดีมคี วามรบั ผิดชอบ ช่วยสร้างสรรคส์ งั คมใหม้ คี วามเจริญกา้ วหนา้ ความสงบสุข และความม่ันคง
ของประเทศชาติ จงึ ต้องปลูกฝงั ให้มีคุณลกั ษณะดงั ตอ่ ไปนี้
1. มีความรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถปฏิบตั ติ ามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์
ของลูกเสอื สามญั
2. มีทักษะการสังเกต จดจำ การใชม้ ือ การแก้ปัญหา และทกั ษะในการทำงาน
ร่วมกับผู้อื่น
3. มคี วามซ่ือสัตยส์ จุ ริต มีระเบียบวินัย มคี วามสามัคคี เหน็ อกเห็นใจผู้อน่ื
มคี วามเสยี สละ บำเพญ็ ตนเพอ่ื สาธารณประโยชน์
4. มกี ารพัฒนาตนเองอยเู่ สมอ สรา้ งสรรคง์ านฝีมือ สนใจและพฒั นาเรอ่ื งของ
ธรรมชาติ
กำหนดหน่วยกิจกรรมลูกเสือสามัญ
ชว่ งชัน้ ท่ี 2 (ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4) วิชาลกู เสือตรี ภาคเรียนท่ี 1
ลำดบั ท่ี หน่วยการเรียนรู้ เวลา(ชวั่ โมง) หมายเหตุ
1
2 การปฐมนิเทศ 1
3 - การจดั การเรยี นการสอน
4
5 - การแต่งกาย
รวม
แสดงว่ามคี วามรู้เกย่ี วกับขบวนการลูกเสอื 4
- ประวตั ิสังเขปของลอร์ด เบเดน พาวเวลล์
- พระราชประวัติสังเขปของพระบาทสมเดจ็ พระ
มงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั
- ววิ ฒั นาการของขบวนการลูกเสือไทยและ
ลกู เสือโลก
- การทำความเคารพ การแสดงรหสั การจบั มอื
ซา้ ย และคตพิ จน์ของลูกเสือ
คำปฏิญาณและกฎของลูกเสอื สามญั 3
เข้าใจและยอมรบั คำปฏิญาณและกฎของลูกเสอื
สามัญ
กจิ กรรมกลางแจ้ง 5
มสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมของหมู่หรือกองลกู เสอื นอก
สถานท่ี
ระเบยี บแถว 1
ท่ามือเปล่า ทา่ ถอื ไม้พลอง การใชส้ ัญญาณมือและ
สญั ญาณนกหวีด การตง้ั แถวและการเรยี กแถว
19
ภาคเรยี นท่ี 2 1. หลงั จากสอบวชิ าลูกเสือตรีแลว้ ทำพิธีเช้าประจำกองลูกเสอื สามญั
2. เรียนวิชาพิเศษลูกเสอื สามัญ
3. จดั กิจกรรมการเดนิ ทางไกลและอยูค่ ่ายพกั แรมลูกเสอื สามัญ
หมายเหตุ วิชาลูกเสือตรใี ชเ้ วลาเรียนจำนวน 18 ชว่ั โมง
กำหนดการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามัญ
ชว่ งชัน้ ท่ี 2 (ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4) วิชาลกู เสือตรี ภาคเรียนท่ี 1
สปั ดาห์ หน่วย/เร่ือง จุดประสงค์ จำนวน หมายเหตุ
1 เตรยี มความพร้อม (ชวั่ โมง)
1. ปฏบิ ัตติ นอยู่ในระบบหมไู่ ด้ 1
2. แตง่ เครอื่ งแบบลกู เสอื สามญั ได้
ถกู ต้อง
3. เข้าแถวและปฏิบัตติ นในการเปิด
ประชุมกองได้
2 ระเบยี บแถว ปฏบิ ตั ติ นตามระเบยี บแถวท่ามอื 1
เปลา่ ได้
3 ระเบียบแถว ปฏิบตั ติ นตามระเบียบแถวทา่ ถอื ไม้ 1
พลองได้ถกู ต้อง
4 ประวัตลิ อร์ด เบเดน เล่าประวตั ิ ประวัติลอร์ด เบเดน 1
พาวเวลล์ พาวเวลล์ อย่างยอ่ ได้
5 พระราชประวัติ 1. เล่าพระราชประวัติของประวัติ 1
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ
เกลา้ เจ้าอยู่หัว เกล้าเจ้าอยหู่ ัว
2. บอกพระราชกรณยี กิจของ
ประวัติของพระบาทสมเด็จพระ
มงกุฎเกลา้ ฯ อยา่ งนอ้ ย 2 ข้อ
3. บอกกำเนดิ ลูกเสือไทยได้
6 วิวฒั นาการของลูกเสือโลก บอกววิ ฒั นาการของลกู เสือโลก 1
และลูกเสือไทย และลูกเสือไทยได้
7 การแสดงความเคารพ การ 1. แสดงความเคารพได้ถกู ต้อง 1
แสดงรหสั การจบั มือซา้ ย 2. แสดงรหสั และบอกความหมาย
และคติพจน์ของลูกเสือ ไดถ้ กู ตอ้ ง
สามัญ 3. บอกความหมายของคตพิ จน์ของ
ลูกเสอื สามญั ได้
กำหนดการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญ (ตอ่ )
ชว่ งช้นั ที่ 2 (ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4) วชิ าลูกเสอื ตรี ภาคเรยี นที่ 1
สปั ดาห์ หน่วย/เร่อื ง จุดประสงค์ จำนวน หมายเหตุ
8 ระเบียบแถว (ช่วั โมง)
ปฏิบตั ติ ามสญั ญาณมอื และสัญญาณ 1
นกหวดี ได้
9 ระเบยี บแถว เขา้ แถวรปู แถวต่าง ๆ ตามสญั ญาณมือ 1
ได้
10 ระเบยี บแถว เข้าแถวรูปแถวตา่ ง ๆ ตามสญั ญาณมือ 1
ได้
11 คำปฏิญาณและกฎของ 1. บอกความหมายและปฏบิ ัตติ าม 1
ลกู เสอื สามญั
คำปฏญิ าณได้
2. ท่องคำปฏิญาณของลูกเสือ
สามญั ได้
12 คำปฏญิ าณและกฎของ 1. บอกความหมายและปฏบิ ตั ิตาม 1
ลูกเสือสามญั กฎของลกู เสอื ได้
2. ท่องกฎของลูกเสอื สามญั ได้
13 คำปฏญิ าณและกฎของ บอกและปฏิบัติตามคำปฏิญาณและกฎ 1
ลูกเสือสามัญ ของลกู เสือสามัญได้
14 กจิ กรรมกลางแจ้ง ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมรว่ มกบั หมู่ลกู เสอื หรือ 1
กองลกู เสอื นอกสถานท่ีได้
15 กิจกรรมกลางแจ้ง ปฏิบัตกิ จิ กรรมรว่ มกบั หมูล่ กู เสอื หรือ 1
กองลกู เสือนอกสถานท่ไี ด้
16 ระเบยี บแถว(ทบทวน) ปฏบิ ตั ิตนตามระเบยี บแถวได้ 1
17 กจิ กรรมกลางแจง้ 1. บอกวธิ ีใช้มดี และขวานอย่าง 1
เหมาะสมกบั งานได้
2. บอกวิธีเก็บรักษามีดและขวาน
ได้
กำหนดการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั (ตอ่ )
ช่วงชัน้ ท่ี 2 (ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4) วชิ าลูกเสือตรี ภาคเรียนท่ี 1
สัปดาห์ หนว่ ย/เรื่อง จดุ ประสงค์ จำนวน หมายเหตุ
18 กิจกรรมกลางแจ้ง (ชัว่ โมง)
1. ผูกเงอ่ื นจากเชือกทมี่ ีขนาดเดียวกัน 1
และบอกประโยชน์ได้อย่างน้อย 1 เงื่อน
2. ผกู เง่ือนจากเชือกที่มีขนาดต่างกนั
และบอกประโยชนไ์ ด้อยา่ งน้อย 1 เงอื่ น
3. ผกู เง่ือนดว้ ยเชือกกบั วัสดอุ ย่างใด
อย่างหน่งึ และบอกประโยชน์ได้อยา่ ง
นอ้ ย 1 เงื่อน
19 กจิ กรรมกลางแจ้ง 1. ผกู แนน่ แบบตา่ ง ๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง 1
และม่ันคง
2. บอกประโยชน์ของการผูกแนน่
แบบต่าง ๆ ได้
หมายเหตุ ภาคเรียนที่ 2 1. พธิ เี ขา้ ประจำกองลกู เสือสามัญ (หลังจากสอบวิชาลกู เสือตรีแลว้
ควรจัดพธิ เี ขา้ ประจำกองลูกเสือ)
2. จัดกจิ กรรมลกู เสอื วิชาพเิ ศษ
กำหนดการสอน
ลกู เสอื ตรี 18 ชว่ั โมง
1. แสดงว่ามีความรู้เก่ยี วกับขบวนการลูกเสอื 4 ชว่ั โมง
1.1 ประวัติสังเขปของลอรด์ เบเดน พาวเวลล์
1.2 พระราชประวัตสิ ังเขปของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หวั
1.3 ววิ ัฒนาการของขบวนการลูกเสือไทยและลกู เสอื โลก
1.4 การทำความเคารพ การแสดงรหสั การจับมือซ้าย และคตพิ จน์ของลูกเสอื
2. คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญ 3 ช่ัวโมง
เข้าใจและยอมรับคำปฏิญาณและกฎของลกู เสอื สามัญ
3. กจิ กรรมกลางแจง้ 5 ช่วั โมง
มีสว่ นร่วมในกิจกรรมของหมหู่ รือกองลกู เสอื นอกสถานที่
4. ระเบียบแถว 6 ช่วั โมง
ทา่ มอื เปลา่ ทา่ ถือไมพ้ ลอง การใช้สัญญาณมือและสญั ญาณนกหวดี
การต้ังแถวและการเรียกแถว
ลกู เสอื โท 18 ชั่วโมง
1. การรู้จักดูแลตนเอง 3 ช่ัวโมง
2. การชว่ ยเหลือผู้อ่นื 2 ชวั่ โมง
3. การเดนิ ทางไปยงั สถานทีต่ ่าง ๆ 3 ช่วั โมง
4. ทกั ษะในทางวิชาลูกเสือ 6 ชัว่ โมง
5. งานอดิเรกและเรื่องท่ีสนใจ 2 ชว่ั โมง
6. คำปฏิญาณและกฎของลกู เสือ 2 ช่ัวโมง
ลูกเสือเอก 18 ช่ัวโมง
1. การพึ่งตนเอง 3 ชั่วโมง
2. การบริการ 2 ชว่ั โมง
3. การผจญภัย 3 ชั่วโมง
4. วชิ าการของลูกเสือ 7 ช่วั โมง
5. ระเบียบแถว 3 ช่วั โมง
เคร่ืองหมายวชิ าพเิ ศษ 54 วิชา
เรยี นนอกเวลาหรือใช้วิธบี ูรณาการเข้ากับกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
1
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4
แผนการจดั ที่ 1 เรอื่ ง เตรียมความพร้อม จำนวน 1 ชว่ั โมง
จดุ ประสงค์ 1. ปฏบิ ัตติ นอยู่ในระบบหมู่ได้
2. แตง่ เครื่องแบบลกู เสือสามัญได้ถกู ต้อง
3. เขา้ แถวและปฏิบัตติ นในการเปดิ ประชุมกองได้
เนอื้ หา
1. หมู่ลกู เสอื สามัญ
2. การแต่งเคร่ืองแบบลูกเสอื สามัญ
3. พิธีเปดิ ประชุมกอง
กจิ กรรมการเรยี นการสอน
1. แบ่งหมู่ลกู เสอื สามญั ตามข้อบงั คับคณะลกู เสือแห่งชาติ
2. สนทนาถงึ ระบบหมู่ และการปฏิบตั กิ จิ กรรม
3. อธบิ ายถึงการแตง่ เคร่ืองแบบลูกเสอื สามญั
4. ซักซ้อมพิธีเปดิ ประชมุ กอง
สื่อการเรียนการสอน 1. ภาพลูกเสือแตง่ เครื่องแบบครบ
2. แผนภูมิการเปิดประชุมกอง
การวัดผลและประเมนิ ผล 1. การสงั เกตการเขา้ รว่ มกิจกรรม
2. ซักถามการแต่งเคร่ืองแบบ
บันทึกหลังการสอน………………………………………………………………………………….
….……………………………………………………………………………………........................
….……………………………………………………………………………………........................
…………………………………………………………………………………………………….…
….……………………………………………………………………………………........................
….……………………………………………………………………………………........................
…………………………………………………………………………………………………….…
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา………………………………………………………………
….……………………………………………………………………………………........................
….……………………………………………………………………………………........................
2
หลกั สูตรลกู เสือสามัญ
ลูกเสือตรี
1. แสดงว่ามีความรู้เกี่ยวกับขบวนการลกู เสอื
1.1 ประวัตสิ ังเขปของลอรด์ เบเดน พาวเวลล์
1.2 พระราชประวัตสิ งั เขปของพระบาทสมเด็จพระมงกฏุ เกล้าเจา้ อยู่หวั
1.3 วิวัฒนาการของขบวนการลูกเสอื ไทยและลกู เสือโลก
1.4 การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจับมือซ้าย และคติพจนข์ องลูกเสือ
2. คำปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื สามญั
เข้าใจและยอมรับคำปฏิญาณและกฎของลูกเสอื สามญั
3. กิจกรรมกลางแจ้ง
มสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมของหมู่หรือกองลูกเสอื นอกสถานที่
4. ระเบยี บแถว
ท่ามอื เปล่า ทา่ ถือไม้พลอง การใช้สัญญาณมือและสัญญาณนกหวีด
การตงั้ แถวและการเรยี กแถว
ธงรูปสัตว์และสีเครอ่ื งหมายประจำหมู่ลกู เสือสามัญ สีเขยี วกับสนี ำ้ ตาล
1. หมูจ่ ระเข้ สดี ำกับสนี ้ำเงินอ่อน
2. หมคู่ ้างคาว สีน้ำตาลกับสีดำ
3. หมูห่ มี สีเทากับสีเขยี ว
4. หมนู่ กกระยาง สนี ้ำเงนิ แก่กับสเี ขียว
5. หมู่เหยี่ยวชวา สแี ดงกบั สีน้ำตาล
6. หมู่วัวกระทิง สีแดง
7. หมู่วัว สเี ทากับสนี ้ำตาล
8. หมแู่ มว สีสม้ กับสีดำ
9. หมู่งเู หา่ สีแดงกับสนี ำ้ ตาล
10. หมไู่ ก่ สีดำกบั สีเทา
11. หมู่นกกาน้ำ สีเทา
12. หมนู่ กกาเหวา่ สเี ทากับสเี ขยี ว
13. หมนู่ กพิราบ สเี ขียวกับสีดำ
14. หมู่นกอนิ ทรี สีมว่ งกับสขี าว
15. หมชู่ า้ ง สีเหลอี งกับสีเขียว
16. หมสู่ ุนัขจงิ้ จอก
3
17. หมนู่ กกระต้อยตีวิด สสี ม้ กับสีเทา
18. หมู่เหยี่ยว สีชมพู
19. หมู่นกกระสา สีเทา
20. หมมู่ ้า สดี ำกับสขี าว
21. หมู่หมาใน สเี ทากับสดี ำ
22. หมนู่ กกนิ ปลา สนี ำ้ เงิน
23. หมู่สิงโต สเี หลืองกับสีแดง
24. หมู่พงั พอน สีน้ำตาลกีบสีสม้
25. หมนู่ าก สีน้ำตาลกบั สขี าว
26. หมนู่ กเค้าแมว สีนำ้ เงนิ อ่อน
27. หมู่เสือเหลอื ง สเี หลอื ง
28. หมู่นกยงู สเี ขยี วกับสนี ำ้ เงิน
29. หมนู่ กกระทุง สเี ทากับสมี ่วง
30. หมไู่ กฟ่ า้ สนี ้ำตาลกับสเี หลือง
31. หมแู่ กะ สีน้ำตาล
32. หมกู่ า สีดำ
33. หมแู่ รด สีน้ำเงินแก่กบั สสี ม้
34. หมู่นกนางนวล สีน้ำเงินอ่อนกบั สแี ดง
35. หม่นู กปากซอ่ ม สีน้ำเงินแกก่ ับสีเลอื ดหมู
36. หมู่กระรอก สีสม้ กับสีนำ้ ตาล
37. หมู่กวาง สีมว่ งกบั สีดำ
38. หมู่หงส์ สีเทากับสเี ลือดหมู
39. หมู่เสือ สีดำกบั สสี ม้
40. หมู่หมาปา่ สีเทากบั สชี มพู
41. หมู่นกหัวขวาน สแี ดงกบั สขี าว
42. หมนู่ กเขา สนี ำ้ เงินกบั สเี ทา
4 ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
จำนวน 1 ชว่ั โมง
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื สามญั
แผนการจัดท่ี 2 เรอื่ ง ระเบียบแถว
จดุ ประสงค์ ปฏบิ ตั ิตนตามระเบียบแถวท่ามอื เปล่าได้
เนอื้ หา 1. ระเบยี บแถว ทา่ มือเปลา่
1.1 ทา่ ตรง
1.2 ทา่ พัก
1.3 ท่าหันอยู่กบั ท่ี
1.4 ท่าเดิน ทา่ หยดุ
กิจกรรมการเรียนการสอน
1. พิธีเปดิ ( ธงข้ึน สวดมนต์ สงบนิง่ ตรวจ แยก ) 10 นาที
2. เพลง “ เกียรติศักดล์ิ ูกเสือไทย ” 5 นาที
3. สอนตามเนือ้ หา 30 นาที
สอนระบบฐาน อธบิ าย สาธิต และปฏบิ ตั ิ
3.1 ฐานท่ี 1 ทา่ ตรง ท่าพกั
3.2 ฐานที่ 2 ท่าหนั อยกู่ ับท่ี
3.3 ท่าเดิน ทา่ หยดุ
แยกปฏิบัตใิ หถ้ ูกต้องโดยผูก้ ำกบั ชแ้ี นะ
4. เลา่ เรื่องสั้นทเ่ี ป็นคติ 5 นาที
5. พธิ ีปิด ( นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแตง่ กาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที
ส่อื การเรียนการสอน 1. นกหวดี
2. แผนภูมเิ พลง
การวัดผลและประเมินผล 1. การสังเกต และการปฏบิ ตั ิถกู ตอ้ งตามคำสัง่
และสังเกตความพรอ้ มเพียง
2. การทดสอบ ปฏิบตั ิตามระเบียบแถวเป็นหมู่
บันทกึ หลังการสอน……………………………………………..……………………………………
…………………………………………………………………………………………………….…
………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
5
ระเบียบแถว
การฝึกเป็นบคุ คลทา่ มอื เปลา่
1. ทา่ ตรง
คำบอก “แถว – ตรง”
การปฏบิ ตั ิ ยืนให้ส้นเท้าชิด และอยูใ่ นแนวเดยี วกนั ปลายเทา้ แบะออกข้างละเทา่ ๆ กนั ห่าง
กันประมาณ 1 คืบ (ทำมมุ 45 องศา) เขา่ เหยียดตึงและบีบเขา้ หากนั ลำตัวยืดตรงอกผาย
ไหลเ่ สมอกัน แขนทัง้ สองข้างห้อยอย่ขู า้ งลำตัวและเหยยี ดตรงพลกิ ศอกไปข้างหน้าเล็กนอ้ ย จน
ไหล่ตงึ นว้ิ มือเหยียดและชิดกัน น้ิวกลางตดิ ขาตรงกึ่งกลาง ประมาณแนวตะเขบ็ กางเกง เปิดฝ่ามอื
เลก็ น้อย ลำคอยืดตรงไม่ยื่นคาง ตาแลตรงไปข้างหน้าได้ระดับ น้ำหนักตัวอยู่บนเท้าท้ังสองเท่า ๆ
กัน และนิ่ง
หมายเหตุ 1. ท่าตรงเปน็ ท่าเบอื้ งต้น และเป็นรากฐานของการปฏบิ ตั ิทา่ อนื่ ๆ
2.ใช้เปน็ ท่าสำหรับแสดงการเคารพไดท้ า่ หน่ึง
2. ท่าพัก
ก. พักตามปกติ
คำบอก “พกั ”
การปฏิบัติ หย่อนเข่าขวาก่อน ต่อไปจึงหยอ่ นและเคล่ือนไหวสว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกาย และ
เปลีย่ นเข่าพกั ไดต้ ามสมควร แต่เท้าทงั้ สองคงอย่กู ับที่ หา้ มพดู คุย เมื่อได้ยนิ คำบอกว่า “แถว” ให้
ยืดตัวข้ึน และจัดทกุ สว่ นของร่างกายอยู่ในทา่ ตรง นอกจากเขา่ ขวา คร้ันเมื่อได้ยินคำบอกวา่
“ตรง” ใหก้ ระตุกเข่าขวาโดยเรว็ และแขง็ แรง กลับไปอยู่ในลักษณะของทา่ ตรง
ข. พักตามระเบยี บ
คำบอก “ตามระเบียบ - พกั ”
การปฏิบัติ แยกเท้าซ้ายออกไปทางซ้ายประมาณ 30 ซม. (หรือประมาณเกือบคร่งึ กาวปกติ)
อยา่ งแขง็ แรงและองอาจ พร้อมกับจับมอื ไขว้หลงั ให้หลังมือเข้าหาตวั มอื ขวาทับมือซา้ ย หลัง
มอื ซ้ายแนบติดกับลำตัวในแนวก่ึงกลางหลัง และอยใู่ ต้เขม็ ขดั เลก็ น้อย ขาทัง้ สองตึง น้ำหนักตัว
อยบู่ นเท้าท้ังสองเทา่ ๆ ก น และนิง่
เมื่อได้ยินคำวา่ “แถว - ตรง” ใหช้ ักเทา้ ซา้ ยชิดเทา้ ขวาอยา่ งแข็งแรง พรอ้ มกบั มอื
ทัง้ สองกลบั ไปอยู่ในลักษณะทา่ ตรงตามเดิม
ค. พักตามสบาย
คำบอก “ตามสบาย – พัก”
การปฏบิ ตั ิ หย่อยเข่าขวาก่อน เชน่ เดยี วกบั “พัก” ตอ่ ไปจงึ เคลอื่ นไหวรา่ งกายอย่างสบาย และ
พดู จากันได้ แตเ่ ทา้ ข้างหนึ่งต้องอยกู่ บั ที่ ถา้ มิได้รบั อนุญาตใหน้ ั่งจะนั่งไมไ่ ด้
6
เมอ่ื ไดย้ นิ คำว่า “แถว – ตรง” ใหป้ ฏบิ ตั อิ ยา่ งเดียวกบั ทา่ พักปกติ
ช. พักนอกแถว
คำบอก “พกั แถว”
การปฏบิ ตั ิ ตา่ งคนตา่ งแยกออกจากแถวทนั ที แตต่ ้องอยู่บรเิ วณใกลเ้ คียงน้ัน และไม่ทำเสียง
อกึ ทกึ เมอื่ ได้ยนิ คำบอกว่า “แถว” ให้รีบกลับมาเขา้ แถวตรงที่เดมิ โดยเรว็ ในรูปแถวเดิม
และเม่อื จัด แถวเรยี บรอ้ ยแลว้ ใหอ้ ยใู่ นทา่ ตรงจนกว่าจะมคี ำสัง่ ต่อไป
หมายเหตุ สำหรบั ทา่ พกั
ท่าพักเปน็ ทา่ เปลี่ยนอิรยิ าบถจากทา่ ตรง เพอื่ ผ่อยคลายความเคร่งเครียดตามโอกาส
ตา่ ง ๆ คือ
1. พกั ตามปกติ ใช้พกั ในโอกาสระหวา่ งการฝึก – สอน เพอ่ื อธิบาย หรือแสดง
ตวั อยา่ งแก่ ลูกเสอื
2. พักตามระเบียบ ใช้พักในโอกาสเก่ียวกบั พิธีการตา่ ง ๆ เช่นการตรวจพลสวน
สนาม หรืออยใู่ นแถวกองเกียรตยิ ศ ฯลฯ
3. พกั ตามสบาย ใชพ้ ักในโอกาสทีต่ อ้ งรอรบั คำสัง่ เพอ่ื ปฏิบตั ิต่อไปเป็น
ระยะเวลาส้ัน ๆ เช่น เมื่อผู้ควบคมุ แถวต้องไปรบั คำส่ังจากผบู้ ังคับบัญชา เป็นต้น
4. พกั นอกแถว ใชพ้ ักในโอกาสทตี่ ้องรอรบั คำสั่ง เพือ่ ปฏิบตั ติ ่อไปเป็นระยะ
เวลานาน ๆ
หันอยู่กบั ที่
1. ขวาหนั
คำบอก “ขวา – หนั ”
การปฏบิ ัติ ทำเป็น 2 จงั หวะ คือ
จังหวะท่ี 1 เปดิ ปลายเท้าขวา และยกส้นเท้าซา้ ย ทันใดนั้นใหห้ นั ตัวไปทางขวาจนได้
90 องศา หมุนเท้าทัง้ สองไปโดยใหส้ ้นเทา้ และปลายเท้าซ่งึ เป็นหลกั นนั้ ติดอยู่กับพ้นื น้ำหนักตวั
อยูท่ เี่ ท้าขวา ขาซา้ ยเหยยี ดตึง บดิ ส้นเท้าซ้ายออกข้างนอกพอตึง
จังหวะท่ี 2 ชกั เท้าซ้ายมาชิดเท้าขวาในลกั ษณะทา่ ตรงโดยเร็วและแขง็ แรง
2. ซ้ายหนั
คำบอก “ซ้าย – หัน”
การปฏบิ ัติ ทำเปน็ 2 จงั หวะ อยา่ งเดยี วกบั ท่าขวาหันโดยเปลยี่ นคำว่า “ขวา” เป็น”ซ้าย”
3. กลบั หลังหัน
คำบอก “กลบั หลงั – หัน”
การปฏบิ ตั ิ ทำเป็น 2 จังหวะ คือ
7
จังหวะที่ 1 ทำเช่นเดียวกบั ทา่ ขวาหนั จงั หวะที่ 1 แตห่ ันเลยไปจนกลับหน้าเปน็ หลงั
ครบ 180 องศา และใหป้ ลายเท้าซา้ ยไปหยดุ อยู่ขา้ งหลงั เฉียงซา้ ยประมาณคร่ึงก้าว และในแนวส้น
เท้าขวา
จังหวะที่ 2 ทำเชน่ เดียวกับท่าขวาหันจงั หวะที่ 2
ทา่ เดนิ – ท่าหยุด
1. ทา่ เดิน
คำบอก “หน้า – เดิน”
การปฏบิ ัติ โน้มนำ้ หนักตวั ไปข้างหนา้ พร้อมกบั ก้าวเท้าซา้ ยออกเดนิ กอ่ น ขาเหยยี ด
ตรงปลายเทา้ งุ้ม สน้ เท้าสงู จากพ้นื ประมาณ 1 คบื เม่ือจะวางเท้าและก้าวเทา้ ตอ่ ไปให้โนม้ น้ำหนกั
ตัวไปขา้ งหนา้ ตบเต็มฝา่ เท้าอย่างแรง ทรงตัวและศีรษะอยใู่ นทา่ ตรง แกว่งแขนตามธรรมดาเฉียง
ไปขา้ งหนา้ และข้างหลังพองาม เม่ือแกวง่ แขนไปขา้ งหน้าข้อศอกงอเลก็ นอ้ ย เม่ือแกว่งแขนไปขา้ ง
หลังใหแ้ ขเหยียดตรงตามธรรมชาติ หันหลงั มือออกนอกลำตัว แบมือให้นิว้ มือเรียงชิดติดกนั
ความยาวของก้าว 40 - 60 เซนติเมตร (นบั จากส้นเทา้ ถงึ ส้นเทา้ ) รกั ษาความยาว
ของกา้ วให้คงท่ี อัตราความเรว็ ในการเดนิ นาทลี ะ 90 – 100 กา้ ว
2. ทา่ หยุด
คำบอก “แถว - หยดุ ”
การปฏบิ ัติ ในขณะทกี่ ำลังเดนิ ตามปกติ เมือ่ ได้ยินคำบอกว่า “แถว – หยุด” ไม่ว่า
เทา้ ข้างใดข้างหนงึ่ จะตกถงึ พ้ืนกต็ าม ให้ปฏิบัติเป็น 2 จังหวะ คือ จงั หวะที่ 1 ก้าวเท้าไปอกี 1
ก้าว จังหวะท่ี 2 ชักเทา้ หลังชิดเทา้ หนา้ ในลักษณะทา่ ตรงอยา่ งแข็งแรง
หมายเหตุ 1) ทา่ หยุดโดยธรรมดา ผบู้ อกแถวควรบอกให้ตกเทา้ ขวา
2) เมื่อใช้คำบอกว่า “แถว” ลงเทา้ ใดให้บอกคำวา่ “หยุด” ลงเท้านั้นในกา้ วต่อไป
เชน่ บอก “แถว” ลงเทา้ ขวา เมือ่ กา้ วเทา้ ซา้ ยต่อไป และลงเท้าขวาอกี เป็นครัง้ ที่ 2 จึงบอกคำวา่
”หยดุ ”
8
แผนการจัดกิจกรรมลูกเสอื สามญั ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4
แผนการจดั ท่ี 3 เร่อื ง ระเบียบแถว (ตอ่ ) จำนวน 1 ชัว่ โมง
จุดประสงค์ ปฏบิ ตั ติ นตามระเบียบแถวท่าถอื ไม้พลองไดถ้ ูกต้อง
เนื้อหา ระเบยี บแถวท่าถอื ไมพ้ ลอง
1. ท่าตรง ท่าพกั
2. ท่าวนั ทยาวุธ เรยี บอาวุธ
3. ท่าแบกอาวธุ เรยี บอาวธุ
4. ท่าเดิน ท่าหยุด
5. ทา่ หันอยกู่ บั ที่
กจิ กรรมการเรยี นการสอน
1. พิธีเปดิ ( ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก ) 10 นาที
2. เพลง “ งานส่ิงใด “ 5 นาที
3. สอนตามเน้ือหา 30 นาที
ใชว้ ธิ สี อนเปน็ ฐาน ตอนแรกแบ่งเป็น 4 ฐาน ๆ ละ 5 นาที
ฐานท่ี 1 ทา่ ตรง ท่าพัก
ฐานท่ี 2 ท่าวันทยาวุธ เรียบอาวธุ
ฐานท่ี 3 ท่าแบกอาวุธ เรยี บอาวธุ
ฐานท่ี 4 ทา่ หนั อยกู่ ับที่ 10 นาที
รวมกองฝกึ ท่าเดิน ทา่ หยุด
4. เล่าเร่ืองส้ันท่ีเป็นคติ 5 นาที
5. พธิ ปี ิด ( นัดหมาย ตรวจเครื่องแต่งกาย ธงลง เลิก ) 10 นาที
สอื่ การเรียนการสอน 1. ไม้พลอง
2. แผนภมู เิ พลง
3. นกหวีด
การวัดผลและประเมินผล 1. การสงั เกต ความพร้อมเพรียงและความเปน็ ระเบียบ
2. การทดสอบ ปฏบิ ัติตามระเบียบแถวท่าถือไม้พลอง
บันทึกหลังการสอน…………………………………………….……………………………………
………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา………………………………………………………………
9
ระเบียบแถว
ท่าถอื พลอง
1. ท่าตรง – พัก ท่าตรงและท่าพกั ในเวลาถือไม้พลอง เหมือนกบั ทา่ มือเปล่า ไมพ้ ลองอยู่
ในทา่ เรยี บอาวธุ
ไม้พลองในทา่ เรียบอาวธุ คอื ลูกเสอื อยใู่ นท่าตรง ถือไม้พลองด้วยมอื ขวา ตน้ ไม้พลองอยู่
ประมาณโคนนิ้วก้อยเทา้ ขวา และชิดกบั เท้าขวา ไมพ้ ลองอยูใ่ นระหวา่ งน้ิวหวั แมม่ ือกับนิว้ ช้ี
นิ้วหัวแมม่ ือจบั ไมพ้ ลองชิดขา น้ิวอื่นอีก 4 นว้ิ จบั ไม้พลองเฉยี งลงเบอ้ื งล่าง นว้ิ เรียงชดิ ตดิ กัน
ปลายไม้พลองอย่ใู นร่องไหล่ขวาลำไมพ้ ลองตั้งตรงแนบตัว
สำหรบั พกั ตามระเบียบ เหมอื นกบั ท่ามอื เปล่า มือขวาท่ีถอื ไมพ้ ลองให้เล่ือนข้นึ มาเสมอ
เอว แล้วผลักไม้พลองไปข้างหลังเฉียงไปข้างประมาณ 45 องศา มอื ซา้ ยไพล่หลัง โดยมือแบตาม
ธรรมชาติ นิ้วเรียงชิดติดกนั
2. ท่าวันทยาวุธ – เรยี บอาวุธ ท่าวันทยาวุธเปน็ ท่าแสดงความเคารพ ใช้คำบอกวา่
“วันทยา – วุธ” ให้ลกู เสือทำจังหวะเดียวโดยยกแขนซ้ายขน้ึ มาเสมอแนวไหล่ศอกงอไปขา้ งหนา้ ให้
ตัง้ ฉากกับลำตวั ฝ่ามอื แบค่ำ รวบน้วิ หัวแมม่ ือกับน้ิวกอ้ ยจรดกัน คงเหลอื น้ิวช้ี น้ิวกลาง และ
นว้ิ นาง เหยยี ดตรงและชิดติดกัน ให้ข้างปลายนิ้วช้ีแตะไม้พลอง หรอื ไม้ง่ามในร่องไหล่ขวา
เมื่อเลิกทำความเคารพใช้คำบอก “เรียบ – อาวุธ” ให้ลกู เสือลดแขนซา้ ยมาอยู่ทเี่ ดิมโดยเร็ว
ถา้ ผ้รู บั การเคารพมาทางขวา (ซา้ ย) หรือตรงหน้าจะบอกโดยกลา่ วทิศทางทม่ี าเสยี ก่อนก็
ไดว้ า่ “ขวา (ซา้ ยหรอื ตรงหนา้ ) ระวงั – วันทยา – วุธ” ใหล้ กู เสอื ทำวนั ทยาวุธ มอื ซา้ ยดนั ไม้
พลองข้ึนไปอยู่ในทา่ แบกอาวุธดังเดิม พร้อมกบั หันหนา้ แลตรง ลดแขนขวาลง แขนแกว่งต่อไป
ในทา่ เดินตามปกติ
3. ท่าแบกอาวุธ – เรยี บอาวธุ ทา่ แบกอาวธุ ใช้คำบอกวา่ “แบก – อาวุธ” ใหล้ กู เสอื
ทำเป็น 2 จังหวะ จังหวะท่ี 1 ยกไมพ้ ลองด้วยมอื ขวาผา่ นหนา้ เฉียดลำตัวไปทางซ้าย ให้ต้นไม้
พลองอยู่ในอ้งุ มือซา้ ย ลำไมพ้ ลองตง้ั อยู่ตรงร่องไหลซ่ า้ ย มือขวาคงจบั ไม้พลองอยทู่ เ่ี ดิม ศอกงอ
ไปข้างหน้าแนวเดยี วกับไหล่ จงั หวะท่ี 2 ดนั ไมพ้ ลองดว้ ยมือซ้าย พร้องกับส่งไมพ้ ลองด้วยมือ
ขวา ใหไ้ ม้พลองพาดขึ้นไปบนบ่าซ้าย แขนซา้ ยทอ่ นบนแนบชดิ ติดลำตัว ศอกซ้ายงอ หนา้ แขน
ต้งั ไดฉ้ ากกับลำตัว ขณะเดียวกันลดมือขวาลงในท่าตรงโดยเร็ว
ข้อควรระวัง ขณะทลี่ กู เสือทำทา่ แบกอาวธุ จงั หวะท่ี 2 ระวังอยา่ ใหศ้ ีรษะเคลอื่ นหลบ
ไมพ้ ลอง ทรงศีรษะใหค้ งทเี่ หมือนอยู่ในท่าตรงเสมอ ใหแ้ ขนซ้ายอยู่ในลักษณะที่ถูกต้องและ
ไม่เคล่ือนไหว ปลายไม้พลองจึงจะได้ระดบั และไม่เอยี งไปมา
เรยี บอาวุธ ใชค้ ำบอก “เรียบ – อาวุธ” ใหล้ ูกเสอื ทำเป็น 3 จงั หวะ จังหวะท่ี 1
ยกมอื ขวาขนึ้ จบั ไมพ้ ลอง ศอกงอไปข้างหนา้ ในแนวเดียวกับไหล่ พรอ้ มกับเหยียดแขนซ้ายโดย
10
ลดไมพ้ ลองลงชดิ กับลำตัว จังหวะท่ี 2 นำไม้พลองด้วยมอื ขวามาไว้ขา้ งลำตัวในร่องไหล่ขวา
(แขนซา้ ยเหยยี ดเกือบสุดระยะทีม่ อื ขวาจบั ไม้พลองในทา่ เรยี บอาวุธ) ขณะเดยี วกนั ยกมอื ซา้ ยข้นึ
กนั ไมพ้ ลองท่รี อ่ งไหลข่ วา ศอกงอไปข้างหนา้ ในแนวเดียวกับไหล่ จงั หวะท่ี 3 ลดแขนซ้ายลงอยู่
ในทา่ เรยี บอาวุธตามเดิม (ในจงั หวะนเ้ี หยยี ดแขนขวาลงสุดระยะทมี่ ือขวาจบั ไม้พลองอยูใ่ นท่า
เรียบอาวุธ ต้นไม้พลองอย่ใู นท่าเรยี บอาวธุ ตน้ ไมพ้ ลองจรดพนื้ )
ข้อสังเกต ตอนเหยยี ดแขนขวาจากจงั หวะท่ี 2 ลงสดุ ระยะทมี่ อื ขวาจับไมพ้ ลองใน
ท่าเรยี บอาวธุ ในจงั หวะที่ 3 จะรู้สกึ วา่ ตน้ ไมพ้ ลองจรดพ้ืน
11
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4
แผนการจัดที่ 4 เร่ือง ประวัติลอรด์ เบเดนพาวเวลล์ จำนวน 1 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์ เลา่ ประวตั ิ ประวัตลิ อร์ดเบเดนพาวเวลล์ อยา่ งยอ่ ได้
เนอ้ื หา
ประวัติ ประวตั ิลอร์ดเบเดนพาวเวลล์
กิจกรรมการเรียนการสอน
1. พิธีเปิด ( ธงข้นึ สวดมนต์ สงบนง่ิ ตรวจ แยก ) 10 นาที
2. เกม “ ไหวพรบิ ” 5 นาที
3. สอนตามเนอื้ หา 30 นาที
3.1 สนทนาเก่ยี วกบั ประวตั ิ B.P.
3.2 ให้ลูกเสอื เล่าหรืออภปิ รายถึงบทบาทท่ปี ระทบั ใจของ B.P. เช่น
ความกลา้ หาญ , ความเสียสละ
3.3 สรุปประวัติ B.P.
4. เลา่ เรื่องสัน้ ที่เป็นคติ 5 นาที
5. พิธปี ิด ( นัดหมาย ตรวจเครอื่ งแต่งกาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที
สอ่ื การเรียนการสอน 1. ภาพลอรด์ เบเดน พาวเวลล์
2. ภาพการอยคู่ า่ ยพกั แรมที่เกาะบราวนซ์ ี
3. แผนภูมิเพลง
การวดั ผลและประเมินผล 1. การสังเกตความสนใจการปฏิบัตกิ ิจกรรม
2. การซกั ถามประวัติ B.P.
บนั ทกึ หลังการสอน………………………………………………………………..…………………
…………………………………………………………………………………………………….…
….……………………………………………………………………………………........................
….……………………………………………………………………………………........................
….……………………………………………………………………………………........................
….……………………………………………………………………………………........................
….……………………………………………………………………………………........................
ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
….……………………………………………………………………………………........................
12
ประวตั สิ งั เขปของลอรด์ เบเดล พาวเวลล์
ลอรด์ เบเดล พาวเวลล์ มีชือ่ เตม็ ว่า โรเบิร์ต สติเฟสัน สไมธ์ เบเดล พาวเวลล์ เรยี กยอ่ ๆ
วา่ บี.พ.ี เกิดเม่ือวันท่ี 22 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2400 ท่กี รงุ ลอนดอน บิดาชอื่ เอช.จี.เบเดล พาวเวลล์
เปน็ ศาสตราจารย์ทีม่ หาวิทยาลัยออ๊ กฟอร์ด ในวิชาเรขาคณติ และธรรมชาตศิ กึ ษา มารดาชอ่ื เฮนร่ี
เอทตา้ เกรช สไมธ์ เป็นธิดาของพลเรือเอกดับบลิว.ที.สไมธ์ แห่งราชนาวีองั กฤษ สมรสกบั
นางสาวโอลาฟ เซ็นต์แคลร์ เมอ่ื บี.พ.ี อายุ 55 ปี
ชวี ติ ในวยั เดก็
เมอ่ื บ.ี พี. อายุ 11- 12 ปี ได้เขา้ ศกึ ษาในโรงเรยี นประถมศึกษาชอื่ โรสฮิลล์ ใน
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เข้าเรียนในโรงเรยี นมัธยมศึกษาชื่อ ซาเตอร์เฮาส์ กรุงลอนดอนได้
2 ปี ตอ่ มาได้ย้ายไปอย่ใู นชนบท ณ เมอื งโกดาลมิง ในแคว้นเซอร์เรย์ มีแม่น้ำไหลผา่ น และมี
ปา่ ใหญอ่ ยตู่ ิดบริเวณโรงเรยี น เขามกั จะใช้เวลาว่างหลบเขา้ ไปใชช้ วี ิตและศึกษาเก่ียวกบั ธรรมชาติ
โดยลำพงั
ชวี ิตในวยั เด็ก บี.พี. ไดร้ ับความรู้พิเศษจากนายพลเรือเอกสไมธ์ ผเู้ ป็นตา เกย่ี วกบั
การว่ายนำ้ เลน่ เสกต็ ขี่มา้ การวดั แดด และการดดู าว นอกจากนี้เขายงั ชอบวาดภาพ ร้องเพลง
แสดงละคร มคี วามสนใจในธรรมชาติศึกษา ศกึ ษาชีวิตสัตว์ ต้นไม้ ตลอดจนความรู้เชงิ พราน
และในวนั ปิดภาคมักจะท่องเท่ียวพักแรมไปกับพีช่ ายอกี 3 คน
ปีสดุ ทา้ ยทเ่ี รียนอยทู่ ช่ี าเตอร์ เฮาส์ บ.ี พี. ไดไ้ ปสมัครสอบเข้าเรยี นมหาวิทยาลยั
ออกฟอรด์ สองคร้ัง แต่สอบไม่ได้ ในปี พ.ศ. 2419 สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮสิ ต์ได้ที่ 5
ไดร้ บั การแตง่ ตั้งเปน็ รอ้ ยตรใี นกองทพั บกขององั กฤษ และไดถ้ กู ส่งไปประจำการท่ีประเทศอินเดยี
เมือ่ อายุ 19 ปี
ชีวิตในการรับราชการทหาร (พ.ศ.2419 – 2453)
บ.ี พ.ี รับราชการทหารในประเทศอนิ เดยี ประจำกองทหารมา้ อสุ ซารท์ ี่ 13 เปน็ เวลา
8 ปี โดยปฏบิ ัติหน้าท่ีดว้ ยความเขม้ แขง็ และได้รับยศร้อยเอก เมื่ออายุ 26 ปี ในระหวา่ งนี้มี
เหตกุ ารณท์ ีแ่ สดงลกั ษณะพิเศษหลายอยา่ ง เช่น
1. ได้รบั รางวลั ชนะเลศิ ในการแขง่ ขนั กฬี าแทงหมูป่าบนหลงั ม้า โดยใช้หอกส้ันเม่อื
พ.ศ. 2426
2. ขณะมยี ศเปน็ ร้อยตรี ไดร้ บั เงินเดือนน้อยมากเพียงปีละ 120 ปอนด์ จงึ ดำเนนิ
ชวี ิตอยา่ งประหยดั คือ งดสูบบหุ รี่ ดืม่ สุราแต่น้อย และหารายได้พิเศษ โดย
การเขียนเรอ่ื งและเขยี นภาพลงหนงั สอื พมิ พ์
ชวี ิตราชการทหารของท่านส่วนใหญ่อยใู่ นประเทศอินเดียและแอฟรกิ า มสี ่ิงที่
ประทับใจทเี่ กีย่ วกับกิจการลูกเสือหลายครัง้ เช่น
13
คร้ังท่ี 1 พ.ศ. 2431 ไดไ้ ปปราบชนเผา่ ซลู ู ซงึ่ มีหัวหน้าช่ือ ดินสิ ซลู ู ใน
แอฟริกา ได้สำเร็จจากประสบการณ์น้ีได้ับความรูซ้ ื่อต่อมาไดน้ ำมาใชใ้ นกิจการลูกเสอื คือ
1. บทเพลงอนิ กอนยามา
2. สร้อยคอของดนิ ิส ซูลู ทำดว้ ยไม้แกะเปน็ ทอ่ นเล็ก ๆ ซง่ึ ต่อมา บ.ี พี.ไดน้ ำมา
เป็นบดี เครื่องหมายวูดแบดจ์ สำหรบั ผู้ทผ่ี ่านการอบรมผู้บังคบั บัญชาลูกเสอื ข้นั ความรู้ชนั้ สูง
คร้งั ที่ 2 พ.ศ. 2432 ท่ีเกาะมอลตา้ บี.พี.ไดร้ บั แต่งต้ังเปน็ ผู้ชว่ ยฑตู ทหาร ทำหน้าที่
เป็นทหารสบื ราชการลับ
คร้ังท่ี 3 พ.ศ. 2438 ทำการรบกบั เผา่ อาชันติ ซึ่งมีกษตั ริย์ชื่อว่า “คิงเปรมเปห”์
และไดร้ ับชัยชนะในเหตุการณค์ ร้ังน้ี บ.ี พ.ี ได้ประสบการณต์ อ่ ไปนี้
1. การบกุ เบิก เชน่ การโค่นต้นไม้ การทำสะพาน การสรา้ งค่ายพัก
2. ทดลองการแตง่ กายของตนเอง ใชห้ มวกปีกของโคบาล จนไดร้ ับฉายาจากพวก
พื้นเมืองวา่ “คันตะไค” แปลว่า “คนสวมหมวกปกี กว้าง”
3. ประเพณกี ารจับมอื ซ้าย จากการแสดงความเป็นมติ รของคนพื้นเมือง
คร้ังที่ 4 พ.ศ. 2439 พวกมาตาบิลี ซึง่ เป็นเผา่ หน่ึงของซลู ู เดิมอยู่ในทรานสวาล
และถกู พวกบวั รข์ ับไล่ จึงอพยพไปอยใู่ นมาตบิ ลิ ีแลนด์ (ปัจจบุ ันเรียกโรดีเซีย) พวกมาตาบลิ ี
ก่อการกบฏ รัฐบาลองั กฤษจึงส่ังกองทหารอังกฤษไปปราบ บี.พ.ี ไดป้ ฏิบัติหน้าที่ด้วยความเขม้ แข็ง
และได้รับประสบการณ์เรื่องการสอดแนม โดยเฉพาะในการปฎบิ ัติงานตอนกลางคืน เลยได้รับ
ฉายาวา่ “อิมบีซา่ ” แปลวา่ “หมาป่าไม่เคยนอนหลบั ”
ครง้ั ที่ 5 พ.ศ. 2442 เหตุการณท์ ่ีเมอื งมาฟอีคงิ หลังจาก บี.พ.ี ไดก้ ลบั จากการ
ปฏิบัติงานทอ่ี ินเดยี 2 ปี บี.พ.ี ได้รับคำสั่งด่วนให้เดนิ ทางไปแอฟรกิ า เพ่ือหาทางปอ้ งกันการ
รุกรานของพวกบวั ร์ (ชาวดัทชท์ อ่ี พยพไปอย่ใู นแอฟริกาใต)้ ในทรานสวาลและออเรนจ์ทรสี เตท
ซ่งึ จะต้งั ตนเป็นเอกราช บี.พี.ไดน้ ำกองทหารไปรักษาเมืองมาฟอีคงิ ซ่ึงถูกลอ้ มโดยกองทหารบัวร์
ไว้ได้ 217 วนั จงึ มีกองทัพใหญ่ยกไปชว่ ยและทำให้พวกบัวรต์ ้องลา่ ถอยไป
ในการป้องกันเมอื งมาฟอีคิง บี.พ.ี ได้ปฏิบัติหนา้ ทดี่ ้วยความเขม้ แขง็ อดทน ร่า
เริง ไม่ยอ่ ท้อ ใช้สติปัญญาหาวธิ ีการแก้ปัญหา ทำกลอุบายลวงข้าศกึ ใหเ้ ขา้ ใจผิด คดิ ว่ามกี ำลงั
ทหารมากมาย และมกี ารปอ้ งกนั รกั ษาเมืองอย่างเข้มแข็ง ตลอดจนใชเ้ ดก็ อาสาสมัครท่ีไดร้ ับการ
อบรมแล้วปฏบิ ตั ิหนา้ ท่สี ่งข่าว ปรากฏวา่ ทำงานไดผ้ ลดี ทำให้ บี.พ.ี มคี วามประทับใจในตวั เดก็
และเห็นว่า ถา้ ใช้เดก็ ให้ถกู ทางแล้ว จะเกดิ ประโยชน์แกป่ ระเทศชาตเิ ป็นอยา่ งมาก จงึ ได้ริเรม่ิ การ
ลกู เสอื ในเวลาต่อมา จากเหตุการณท์ ี่เมืองมาฟอคี ิง ทำให้บี.พี. ได้รับฉายาว่า “ผู้ปอ้ งกันมาฟอคี งิ ”
กำเนดิ ของการลูกเสือ
บี.พี.เดนิ ทางกลับองั กฤษในฐานะวีรบรุ ษุ และได้รับเกียรตอิ ยา่ งมาก เนอื่ งจาก
ได้รับประสบการณ์จากเมืองมาฟอคี งิ ซึ่งไดจ้ ัดให้เด็ก ๆ มาช่วยเหลือในการรกั ษาเมอื ง เช่น
14
ทำหน้าทเี่ ป็นผู้สื่อขา่ วและสอดแนมของกองทพั รกั ษาความสงบภายใน รบั ใช้งานตา่ ง ๆ เช่น
อยู่ยามบนหอคอย ให้สญั ญาณแก่ประชาชนเมื่อพวกบวั ร์โจมตี เดก็ เหลา่ น้ีทำหนา้ ทท่ี ่ีไดร้ บั
มอบหมายอย่างเข้มแข็ง วอ่ งไว ไดผ้ ลดไี มแ่ พผ้ ู้ใหญ่ ดงั นั้น บี.พ.ี จงึ คดิ ตงั้ ขบวนการลูกเสอื ขน้ึ
จากประสบการณข์ องท่านเม่ืออยทู่ อี่ ินเดีย อฟรกิ า อยู่กบั พวกซูลู และคนพนื้ เมือง
เผา่ อนื่ ๆ ทำให้ บี.พี.ไดพ้ ัฒนาความคิดมาเปน็ ขบวนการลูกเสอื อย่างรอบคอบ โดยในปี พ.ศ.
2450 บ.ี พ.ี ไดร้ วบรวมเดก็ 20 คน ใหไ้ ปอย่ทู ่ีเกาะบราวนซ์ ี ในชอ่ งแคบองั กฤษ นบั เปน็
การพกั แรมของลกู เสอื คร้งั แรกของโลก
ในปตี ่อมา กองลกู เสือได้เรม่ิ ตงั้ ขึ้นอย่างจรงิ จงั เป็นคร้งั แรกในอังกฤษ และ
ขยายตัวแพร่หลายอยา่ งรวดเร็ว
ขบวนการลูกเสอื ไดเ้ จริญข้ึนตามลำดบั ทำให้ บี.พี. มองเหน็ การณ์ไกล ลูกเสอื
จะเป็นงานสำคญั ในชีวติ ซึ่งจะทำประโยชนใ์ หแ้ กบ่ ้านเมอื งไดม้ าก ดดยการอบรมเด็ก ๆ รนุ่
หลงั ให้เปน็ พลเมืองดีของชาติ บ.ี พี.จึงลาออกจากราชการทหาร ชีวิตตอนนี้จึงเรยี นว่า “ชวี ติ ท่ี 2”
ซึ่งเปน็ ชวี ติ ทีใ่ หบ้ รกิ ารแก่ลกู เสือทั่วโลก
พ.ศ. 2454 บี.พี.เดินทางรอบโลก เพ่อื พบลูกเสือประเทศตา่ ง ๆ เปน็ การตั้งตน้
ของการลูกเสือทจ่ี ะเสรมิ ความเป็นพีน่ อ้ งทั่วโลก
พ.ศ. 2463 ลกู เสอื ประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลกพบกันทีก่ รุงลอนดอน เพ่ือร่วมชมุ นุม
ลูกเสือโลกครั้งแรก ในการชมุ นมุ ครั้งน้ี ลูกเสือทงั้ หลายไดพ้ ร้อมใจกันประกาศให้ บี.พี. อยูใ่ น
ตำแหน่งประมุขคณะลกู เสอื โลก
เมอ่ื การลูกเสอื มอี ายุครบ 21 ปี ซึง่ เปน็ การบรรลุ “นิติภาวะ” ตามกฎหมาย
อังกฤษ และมีลกู เสอื ทวั่ โลกถึง 2 ล้านเศษ พระเจา้ ยอรช์ ที่ 5 ไดพ้ ระราชทานบรรดาศกั ด์ใิ ห้
บ.ี พ.ี เป็น บารอน ต่อจากน้นั กิจการลูกเสือกเ็ จริญรุดหนา้ โดยไมห่ ยุดยัง้ และไดม้ กี ารชุมนุม
ลกู เสอื โลกขึ้นอหี ลายครั้ง นอกจากนป้ี ระเทศไทยได้มีโอกาสจดั งานชมุ นุมลกู เสือโลกครงั้ ท่ี 20
ในปี พ.ศ. 2546
วาระสดุ ทา้ ย
เมือ่ บ.ี พี. อายุ 80 ปี กำลังเร่ิมลดลง จงึ กลบั ไปยทู่ ีแ่ อฟรกิ าอีกครง้ั หนงึ่ เพื่อ
พักผ่อนในช่วงสดุ ท้ายของชีวติ โดยพกั อยทู่ เี่ คนยา และถงึ แกก่ รรมทน่ี ่นั เม่อื วันท่ี 8 มกราคม
พ.ศ. 2484
15
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4
แผนการจัดที่ 5 เรอ่ื ง ประวตั ิของพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั จำนวน 1 ช่วั โมง
จุดประสงค์
1. เล่าพระราชประวัติของประวัติของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หัว
2. บอกพระราชกรณียกจิ ของประวตั ขิ องพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ อย่างน้อย
2 ข้อ
3. บอกกำเนิดลกู เสอื ไทยได้
เน้อื หา
1. พระราชประวัตขิ องประวตั ิของพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั
2. พระราชกรณียกิจของประวตั ิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัว
4. การกำเนดิ ลกู เสอื ไทย
กิจกรรมการเรยี นการสอน
1. พิธเี ปิด ( ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก ) 10 นาที
2. เพลง “ พระมงกุฎรำลกึ ” 5 นาที
3. สอนตามเน้อื หา 30 นาที
3.1 ผู้กำกำสนทนากบั ลูกเสอื เกี่ยวกบั
- พระราชประวัติ
- พระราชกรณียกิจ
- การกำเนดิ ลกู เสือไทย
3.2 ช่วยกนั สรุปและร้องเพลงวชิราวธุ รำลึก
4. เล่าเร่ืองสน้ั ทเ่ี ป็นคติ 5 นาที
5. พธิ ีปิด ( นดั หมาย ตรวจเครื่องแตง่ กาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที
สือ่ การเรียนการสอน 1. พระบรมฉายาลกั ษณพ์ ระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั
2. ภาพพระราชกรณียกจิ
3. แผนภูมเิ พลง
การวดั ผลและประเมินผล 1. การสงั เกตความสนใจ และการปฏบิ ตั ิกิจกรรม
2. ซกั ถามพระราชประวตั พิ ระราชกรณียกิจและการกำเนิดลกู เสอื ไทย
บนั ทกึ หลงั การสอน……………………………………..……………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….…
………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
16
พระราชประวัตสิ ังเขป
พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ ัว
พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยหู่ ัว ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระ
จลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั และสมเดจ็ พระศรพี ัชรนิ ทราบรมราชนิ ีนารถ (สมเดจ็ พระนางเจา้ เสาวภา
ผอ่ งศรี) ทรงพระราชสมภพเมอ่ื วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2423 ได้รับพระราชทานนามว่า สมเด็จเจ้า
ฟ้าวชิราวธุ เม่ือทรงพระเยาวไ์ ดศ้ กึ ษาวิชาหนังสอื ไทยกับพระยาศรสี ุนทรโวหาร พระชนมายุได้
13 พรรษา เสด็จไปทรงศึกษา ณ ประเทศองั กฤษ ในสาขาประวัตศิ าสตร์ รฐั ศาสตร์
เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย วรรณคดี ทีม่ หาวิทยาลัยอ๊อกฟอรด์ และวชิ าทหารบกที่โรงเรยี นแซนด์
เฮสิ ต์ รวม 9 ปี
พระไดเ้ สดจ็ เถลิงถวลั ยร์ าชสมบัติตอ่ จากสมเดจ็ พระบรมชนกนาถ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม
2453 ขณะนน้ั มพี ระชนมายุได้ 31 พรรษา ตลอดรชั สมยั ของพระองคไ์ ด้ทรงประกอบพระราช
กรณียกิจ ทำนบุ ำรงุ ประเทศชาติ ในดา้ นการปกครอง การทหาร การศึกษา การสาธารณสขุ
การคมนาคม การศาสนา โดยเฉพาะในทางวรรณคดีทรงพระราชนพิ นธท์ ้ังร้อยแก้ว ร้อยกรอง
ประมาณ 200 เรือ่ ง ด้วยพระปรชี าสามารถของพระองค์ ประชาชนจงึ ถวายสมญานามพระองค์
ว่า “พระมหาธีรราชเจ้า” ทรงอยใู่ นราชสมบัติเพียง 16 ปี เสด็จสวรรคตเมอ่ื วันที่ 25
พฤศจกิ ายน 2468 พระชนมายุ 46 พรรษา แต่เนื่องด้วยพระราชกรณยี กิจของพระองค์ ทำให้
เกิดคณุ ประโยชนแ์ ก่บ้านเมืองอยา่ งใหญห่ ลวง รัฐบาลกับประชาชนจงึ รว่ มใจกนั สรา้ งพระบรมรูป
ของพระองคป์ ระดษิ ฐานไว้ท่ีสวนลมุ พินี และคณะลกู เสอื แห่งชาติร่วมด้วยคณะลูกเสือ
17
ทวั่ ราชอาณาจกั รได้สร้างพระบรมรูปของพระองคป์ ระดิษฐานไวห้ น้าค่ายลูกเสอื วชิราวธุ
อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ในระยะทมี่ ีการกอ่ ตง้ั ลกู เสือขนึ้ ในโลกนนั้ ประเทศไทยตรงกับรชั สมัยของพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หัวรชั กาลท่ี 6 สถานการณข์ องโลกในขณะน้ันกำลงั ทวีความคับขันอิทธิพบ
ของวัฒนธรรมตะวันตกเริม่ ไหลเข้าสู่เมืองไทย พรอ้ มกบั การแพร่ระบาดของระบอบมหาชนรัฐ
และภัยของชาตไิ ทยกค็ ือ การถูกรกุ เงียบ แตด่ ้วยพระปรีชาญาณของสมเด็จพระมหาธีรราชเจา้
พระองคท์ รงเลง็ เห็นการณไ์ กล จงึ ทรงมพี ระราชดำริวา่ การลูกเสอื อันสบื เนื่องมาแต่งานปลกุ ชาติ
ทรงวา่ ตรงน้ัน หากได้นำมาปรบั ปรงุ ใช้ใหเ้ หมาะสมกบั เด็กไทยกจ็ ะเป็นคณุ ประโยชนอ์ ันใหญ่
หลวงแก่ชาติบ้านเมือง ทรงม่ันพระราชฤทัยเปน็ อยา่ งยง่ิ พร้อมท้งั ทรงประกอบดว้ ยความกล้า
หาญฝา่ อุปสรรคทั้งปวง เปน็ ตน้ ว่าคำตำหนิตเิ ตยี นอันเกิดจากประชาชนทยี่ ังไม่เข้าใจวตั ถปุ ระสงค์
และกิจการลกู เสอื ดพี อ ทำใหม้ อี ปุ สรรคเกิดข้ึนมาก ทเ่ี ห็นได้ชัดดงั เช่นผ้ปู กครองเด็กโดยมากไม่
ใคร่เตม็ ใจยินยอมใหเ้ ดก็ ของตนสมัครเขา้ เปน็ ลกู เสือ โดยเข้าใจไปวา่ การลกู เสือกค็ ือการเปน็ ทหาร
นนั่ เอง ประกอบทง้ั การลูกเสอื ตอ้ งเปน็ การเสยี สละด้วยความเตม็ ใจ จึงเปน็ การลำบากอยมู่ ากใน
ขั้นแรกพระองคไ์ ด้ดำเนินกศุ โลบาย โดยได้ทรงพระอุตสาหะจัดตัง้ “กองเสอื ป่า” ขน้ึ ก่อน เมื่อ
วันท่ี 1 พฤษภาคม 2454 ทรงฝึกพวกผู้ใหญ่ (สว่ นใหญเ่ ป็นพวกขา้ ราชการ) เรยี กว่า พอ่ เสอื
ดว้ ยพระองคเ์ อง โปรดเกลา้ ฯให้มกี ารซ้อมรบและฝึกซอ้ มกลยุทธ์ต่าง ๆ ตามหลักวชิ าการทหารท่ี
พระองคไ์ ด้รบั การอบรมมา ทง้ั นีเ้ พ่ือเปน็ การปลูกฝังความนิยมให้ประชาชนชาวไทยรจู้ กั คณุ คา่
แหง่ การทหาร ดว้ ยทรงเล็งเหน็ ว่า ประเทศจะดำรงคงอิสรภาพอยู่ได้ ก็ดว้ ยประชาชนทงั้ หลายรัก
ประเทศ ตอ่ มาก็ได้ทรงพระราชดำริวา่ กองเสอื ปา่ ได้ต้งั ขึ้นเปน็ หลกั ฐานแลว้ พอที่จะหวังได้วา่ จะ
เป็นผลดี แตผ่ ู้ที่จะเปน็ เสอื ป่านน้ั ตอ้ งนับว่าเป็นผู้ใหญ่แลว้ ฝ่ายเด็กชายทยี่ ังอยใู่ นวยั เดก็ กเ็ ป็นผู้
ที่สมควรไดร้ บั การฝึกฝนทั้งในส่วนรา่ งกายและจิตใจให้มีความรทู้ างเสือปา่ เพื่อว่าโตข้ึนจะไดร้ ู้จกั
หนา้ ทีผ่ ชู้ ายไทยทุกคนควรประพฤตใิ ห้เปน็ ประโยชนแ์ ก่ชาติบา้ นเมืองอันเป็นบา้ นเกิดเมอื งนอน
ของตน และการฝึกฝนปลุกใจให้คดิ ถูกเชน่ น้ีต้องรบี ฝกึ ฝนเสียตั้งแต่ยงั เยาว์ เปรยี บเหมอื นไม้ทย่ี งั
ออ่ น จะดัดเป็นรูปรา่ งอย่างไรก็เปน็ ไปได้โดยง่ายและงดงาม แตถ่ า้ รอจนแก่เสียแล้ว เม่ือจะดดั ก็
ต้องเขา้ ไฟและมกั จะหกั ได้ในขณะท่ดี ดั ดงั นี้ฉันใดสนั ดานคนกฉ็ ันน้ัน เมอ่ื มีพระราชดำรดิ งั นแ้ี ล้ว
จึงโปรดเกลา้ ฯให้ต้งั กองลกู เสอื ข้นึ ตามโรงเรยี นและสถานท่อี นั สมควร และโปรดเกลา้ ฯ ใหม้ ี
การกำหนดข้อบงั คบั ลักษณะปกครองลูกเสือข้ึนไวเ้ มื่อวนั ที่ 1 กรกฎาคม 2454 พระราชประสงค์
ท่ีคิดจัดใหม้ ลี กู เสือขึ้นน้นั ก็โดยปรารถนาที่จะให้เด็กไทยไดศ้ กึ ษาและจดจำข้อสำคญั 3 ประการ
คือ
1. ความจงรักภักดีต่อผูด้ ำรงรัฐสมี าอาณาจกั รโดยต้องตามนิติธรรมประเพณี
2. ความรกั ชาติบ้านเมือง และนับถอื ศาสนา
3. ความสามัคคีในหมคู่ ณะ และไมท่ ำลายซงึ่ กันและกัน
18
ซึ่งทั้ง 3 ประการน้ีเปน็ รากฐานแห่งความมนั่ คงทจ่ี ะนำให้ชาติดำรงอยู่เปน็ ไทยไดส้ มนาม
กองลกู เสือของประเทศไทยทต่ี ง้ั ขนึ้ นับได้เปน็ ลำดับท่ี 3 ของประเทศท่มี ีการลูกเสือใน
โลก และกองลูกเสือกองแรกต้ังขึ้นที่โรงเรยี นมหาดเล็กหลวง (โรงเรยี นวชิราวุธวิทยาลยั ใน
ปจั จุบัน) ลกู เสอื คนแรก คอื นายชัพน์ บญุ นาค นักเรยี นโรงเรยี นมหาดเล็กหลวง ซงึ่ ถือว่าได้
แตง่ ลกู เสอื เป็นคนแรก และเปน็ ผทู้ ไ่ี ดก้ ลา่ วคำปฏิญาณของลกู เสือเป็นคนแรก โดยพระองค์ท่าน
ไดม้ พี ระราชโองการว่า “อ้ายชพั น์ เอง็ เปน็ ลูกเสอื แล้ว” ตอ่ มากิจการลูกเสือกไ็ ดแ้ พรห่ ลายไปยงั
ท้องถ่ินตา่ ง ๆ ในประเทศไทย
ลูกเสอื คนแรกของไทย คือ นายชัพน์ บญุ นาค
19
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสอื สามัญ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4
แผนการจัดท่ี 6 เรอ่ื ง วิวัฒนาการของลกู เสือโลกและลูกเสือไทย จำนวน 1 ชั่วโมง
จุดประสงค์ บอกววิ ัฒนาการของลูกเสือโลก และลกู เสอื ไทยได้
เนอื้ หา
วิวฒั นาการของลูกเสอื โลกและลูกเสือไทย
กิจกรรมการเรยี นการสอน
1. พิธเี ปิด ( ธงขึน้ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก ) 10 นาที
2. เพลง “ ลูกเสือธีรราช ” 5 นาที
3. สอนตามเน้ือหา 30 นาที
3.1 ผู้กำกบั สนทนาถงึ การกำเนิดลูกเสือโลก ลกู เสอื ไทย
3.2 ผู้กำกับเลา่ วิวัฒนาการของลูกเสือโลก ลูกเสือไทย
3.3 อภิปรายถึงความสัมพนั ธร์ ะหว่างลกู เสือโลก ลกู เสอื ไทย
3.4 สรปุ
4. เลา่ เร่ืองส้ันทีเ่ ป็นคติ 5 นาที
5. พิธปี ิด ( นัดหมาย ตรวจเคร่อื งแตง่ กาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที
ส่ือการเรียนการสอน 1. แผนภมู เิ พลง
2. แผนภมู คิ วามเป็นมาของลูกเสอื
การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. การสงั เกตความสนใจ และการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
2. การซักถาม
บนั ทกึ หลังการสอน……………..……………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….…
….……………………………………………………………………………………........................
….……………………………………………………………………………………........................
…………………………………………………………………………………………………….…
….……………………………………………………………………………………........................
.............................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
20
ววิ ัฒนาการลูกเสือโลก
ลอรด์ เบเดล พาวเวลล์ (บี.พ.ี ) เปน็ ผกู้ ่อต้ังกจิ การลูกเสือของโลกข้นึ เปน็ ครั้งแรก
และได้รับคดั เลือกเป็นประธานลูกเสือทั่วโลก เมื่อ พ.ศ. 2461
สาเหตุที่ บ.ี พี.คดิ ต้ังกองลูกเสอื ข้ึน เม่ือ พ.ศ. 2442 บ.ี พ.ี ถูกส่งไปรกั ษาเมอื ง
มาฟอีคิง เมืองขน้ึ ขององั กฤษในแอฟรกิ าใต้ เนื่องจากสงครามบวั ร์ เมอื งมาฟอีคิงถูกลอ้ มนานถึง
217 วัน ในระหวา่ งน้ี บ.ี พ.ี ไดจ้ ดั กองทหารเด็ก ซ่ึงมอี ายุต้ังแต่ 9 ปีขึน้ ไป มเี ด็กหนุ่มเปน็
ผบู้ ังคับบัญชา มเี คร่ืองแบบและได้รับการอบรมในการส่อื สารกบั รัฐมนตรี กระทรวงกลาโหมของ
องั กฤษ เดก็ เหลา่ นีม้ ีความสามารถและกล้าหาญมาก เขาได้รบั เหรียญกล้าหาญในสงครามคร้งั นี้
ดว้ ย
พ.ศ. 2447 ได้เขียนโครงการอบรมเด็ก ซึง่ มีหลักการคล้ายลูกเสือ ใหเ้ ซอรว์ ิลเลี่ยม สมธิ นำไป
ทดลองตั้งสมาคมเดก็ ขึน้ ในสกอ๊ ตแลนด์
พ.ศ. 2450 บ.ี พ.ี ถกู ปลดเป็นทหารกองหนุน หลังจากนน้ั ท่านได้นำเด็ก 20 คน ไปอยคู่ ่าย
พกั แรมทีเ่ กาะบราวนซ์ ี ซ่งึ อยทู่ างตอนใต้ของอังกฤษเปน็ เวลา 9 คืน และได้
ประสบผลสำเรจ็ ตามความมุ่งหมาย คือ
1. การจดั แบ่งเด็กเป็นหมู่ ๆ ละ 5 คน มีนายหมรู่ บั ผดิ ชอบในเร่ืองความประพฤติ
และการปฏิบตั ิในหมู่ของตน ปรากฎว่าไดผ้ ลดีมากในทางปฏบิ ตั ิ เด็กรู้จกั หนา้ ที่รับผิดชอบ แสดง
ให้เห็นว่า ระบบหมเู่ ป็นวธิ กี ารทีถ่ ูกตอ้ งในการฝกึ อบรมเด็ก
2. เดก็ ทกุ คนไมว่ า่ จะมาจากครอบครัวมีฐานะใด ตา่ งชอบการอยู่คา่ ยพกั แรมและ
กิจกรรมกลางแจ้ง
3. วิธีท่ีได้ผลที่สดุ ในการศกึ ษาวชิ าลกู เสือ คือ การปฏบิ ตั ิจริงและโดยการเล่นเกม
พ.ศ. 2451 แต่งตำรา ช้แี จงวัตถุประสงค์ สาระสำคัญ คำปฏญิ าณ และกฎ คติ รหัส การ
แสดงความเคารพ การจบั มือ เคร่อื งแบบ แนวการฝกึ อบรมลกู เสือ
มกี ารชุมนุมต้ังลกู เสอื องั กฤษคร้ังแรกท่ีคริสตลั พาเลช ในกรงุ ลอนดอน ในวนั ท่ี 4
กันยายน พ.ศ. 2452
ตง้ั สำนักงานลกู เสือ และในวนั ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2452 จัดตง้ั กรรมการบรหิ าร
ลูกเสือชุดแรก โดยมี บี.พี.เป็นประธานกรรมการ
บ.ี พี. ไดร้ บั พระราชทานบรรดาศักดิเ์ ป็นเซอร์ เรยี กชอ่ื เต็มว่า เซอร์ โรเบิรต์ เบเดน
พาวเวลล์
พ.ศ. 2453 มกี ารจัดตัง้ กองลกู เสอื หญงิ โดยมีแอกนิส นอ้ งสาวของ บ.ี พ.ี เปน็ หัวหน้า
พ.ศ. 2454 ตัง้ กองลกู เสอื สมทุ ร
พ.ศ. 2455 บ.ี พี.เดินทางรอบโลกเยี่ยมการลกู เสอื ในประเทศตา่ ง ๆ
บ.ี พ.ี สมรสกบั มสี โอลาฟ เซนต์แคลร์ โซมส์ เม่อื 30 ตลุ าคม พ.ศ. 2455
21
พ.ศ. 2457 เกิดสงคราโลกครัง้ แรก บี.พี.มอบลกู เสือให้ทำหน้าทช่ี ่วยทหาร เช่นรกั ษาสะพาน
และสายโทรศัพท์ ทำหน้าทผ่ี ู้สือ่ ขา่ ว ช่วยงานในโรงพยาบาล
พ.ศ. 2459 ตงั้ กองลูกเสือสำรอง
พ.ศ. 2460 เลด้ี เบเดน พาวเวลล์ ไดร้ ับเลือกให้เปน็ ประมขุ ของกองลกู เสือหญงิ
พ.ศ. 2461 ตั้งกองลกู เสอื วสิ ามญั
พ.ศ. 2462 ตัง้ กิลเวลล์ปาร์ค และเรม่ิ ดำเนินการอบรมวชิ าผู้กำกับลูกเสอื ชั้นวดู แบดจ์
พ.ศ. 2463 ชุมนมุ ลูกเสอื โลกคร้งั แรกท่ีโอลิมเปีย ในกรุงลอนดอน ทา่ นได้รับการสถาปนาเปน็
ประมุขลูกเสือโลก ทปี่ ระชุมมมี ตใิ ห้มกี ารประชุมสมชั ชาลกู เสือโลก ทุก 2 ปี
และจดั ตั้งสำนักงานลูกเสอื นานาชาตขิ น้ึ ท่ีกรุงลอนดอน
พ.ศ. 2465 เขยี นหนงั สือ Rovering to Success ซึ่งเป็นคมู่ อื สำหรบั ลูกเสือวิสามัญ
พ.ศ. 2467 มกี ารชุมนมุ ลูกเสือโลกครัง้ ที่ 2 ณ เมอื ง เออเมนเดน ในประเทศเดนมารก์
พ.ศ. 2469 ตง้ั กองลกู เสอื พิการ
พ.ศ. 2472 มีการชมุ นุมลูกเสือโลกคร้งั ท่ี 3 ณ อาร์โรวป์ ารค์ เมืองเบอร์เดนเฮค
ประเทศองั กฤษ พระเจ้ายอรช์ ที่ 5 พระราชทานบรรดาศักด์ชิ น้ั บารอน เรยี กช่อื
เตม็ วา่ ลอร์ด เบเดน พาวเวลล์ แห่งกลิ เวลล์
พ.ศ. 2476 มกี ารชุมนมุ ลกู เสือโลกครัง้ ที่ 4 ณ เมืองเกอะเดอะเลอะ ประเทศฮงั การี
พ.ศ. 2480 บี.พี. อายุ 80 ปี พระเจ้ายอรช์ ท่ี 6 พระราชทานเครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์
พ.ศ. 2481 บี.พ.ี ไปอย่ทู ี่เมืองไนเยอรี ประเทศเคนยา
พ.ศ. 2484 บ.ี พ.ี ถึงแกอ่ นิจกรรมเมื่ออายุได้ 83 ปี ณ บา้ นพกั เมืองไนเยอรี เม่ือ 8 มกราคม
พ.ศ. 2484
คำวา่ SCOUT มาจาก
S ยอ่ มาจาก SINCERITY แปลว่า ความจริงใจ
C ยอ่ มาจาก COURTESY แปลว่า ความสุภาพออ่ นโยน
O ยอ่ มาจาก OBEDIENCE แปลวา่ การเช่ือฟัง
U ย่อมาจาก UNITY แปลว่า ความเปน็ ใจเดียวกัน
T ย่อมาจาก THRIFTY แปลวา่ ความมัธยัสถ์
องคก์ ารลกู เสือโลกเกิดข้ึนในประเทศอังกฤษเมือ่ ปี พ.ศ. 2451 โดยอาศัยความคิดเหน็ และ
หนังสอื “การลกู เสอื สำหรับเดก็ ชาย”
1. สมัชชาลกู เสอื โลก
สมัชชาลูกเสอื โลก คอื ทีป่ ระชุมของผู้แทนคณะลกู เสอื ต่าง ๆ ปจั จุบันมีสมาชิก
อยู่ 151 ประเทศ เป็นผู้แทนของลูกเสอื ประมาณ 250 ล้านคน ประเทศสมาชิกส่งผ้แู ทนเขา้
22
รว่ มประชุมได้ประเทศละ 6 คน เง่ือนไขการประชมุ คือ การยอมรับและปฏบิ ัติตามจุดหมายและ
หลกั การลูกเสือโลกอยา่ งอสิ ระ และไม่เกี่ยวกับการเมือง
2. คณะกรรมการลูกเสือโลก
คณะกรรมการลกู เสือโลกประกอบดว้ ยบุคคล 12 คน จากสมาชกิ 12 ประเทศ
เลือกตงั้ โดยท่ปี ระชมุ สมัชชาลูกเสอื โลกอยู่ในตำแหนง่ คราวละ 6 ปี และเลอื กต้ังกันเองเป็น
ประธานและรองประธานในการประชมุ สมชั ชาลกู เสอื โลกทกุ ๆ 3 ปี จะมีกรรมการพ้นจาก
ตำแหน่ง 4 คน และจะเลือกต้ังกรรมการลูกเสือเขา้ แทนทโ่ี ดยวธิ กี ารลงคะแนนลับจากท่ปี ระชมุ
ใหญซ่ ่ึงมีผู้แทนมาจาก 157 ประเทศ โดยปกตคิ ณะกรรมการลกู เสือโลก จะมีการประชุมอย่าง
น้อยปีละครง้ั ณ เมืองเจนวี า ประเทศสวติ เซอร์แลนด์
3. สำนกั งานลูกเสือโลก
สำนักงานลกู เสอื โลก ทำหน้าท่ีเปน็ สำนกั งานเลขาธกิ ารปฏบิ ัติตามคำส่งั หรือมติ
ของสมชั ชาลูกเสือโลก และคณะกรรมการลูกเสือโลก มเี ลขาธกิ ารเปน็ หัวหน้าสำนักงานและมี
เจ้าหน้าท่ีอีกประมาณ 40 คน เป็นผู้ช่วย
พ.ศ. 2463 ตง้ั ขนึ้ เป็นครง้ั แรกที่กรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษ
พ.ศ. 2501 ย้ายไปอยู่เมองออตตาวา ประเทศแคนาดา
พ.ศ. 2504 การประชมุ สมชั ชาคร้ังที่ 18 ณ กรงุ ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
พ.ศ. 2511 ย้ายไปอยทู่ เี่ มอื งเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนถงึ ปัจจบุ ัน นอกจากนยี ังมี
สำนักงานเขตอีก 6 เขต คือ
องคก์ ารลูกเสือโลก (WOSM: World Organization of the Scout Movement)
ปัจจบุ ัน การลูกเสอื ไดเ้ จริญเติบโตและแพร่ขยายไปท่วั โลก ซงึ่ มสี มาชกิ กว่า 28 ลา้ น
คน ใน 154 ประเทศ และเขตปกครอง อาณานิคมแคว้นต่างๆ ท่ัวโลก มอี งค์การลกู เสือโลก (World
Organization of the Scout Movement) โดยสำนกั งานลูกเสือโลก (World Scout Bureau) ซึง่ ต้งั อยูท่ ่ี
กรงุ เจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทำหน้าที่เป็นสำนกั งานเลขาธกิ ารฯ ผู้ดูแลการดำเนินงานของ
ประเทศสมาชกิ ใหพ้ ัฒนาไปตามกรอบนโยบายและแนวทางขององคก์ ารลกู เสอื โลก และตามมติ
ของท่ปี ระชุมสมชั ชาลกู เสอื โลก (World Scout Conference) ซง่ึ จดั ให้มีขึ้นในทุก ๆ 4 ปี
นอกจากสำนักงานลกู เสอื โลก (World Scout Bureau) กรงุ เจนวี า แล้วยังมสี ำนกั งาน
ลูกเสอื ภาคพื้นอยใู่ นภมู ิภาคทว่ั โลกอีก 6 แหง่ ได้แก่
1. ภาคพ้นื ยุโรป (Europe) - มีประเทศสมาชิก 40 ประเทศ
สำนกั งานใหญ่ตง้ั อยูท่ ก่ี รุงเจนวี า ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และกรุง
บรสั เซลส์ ประเทศเบลเย่ียม
23
2. ภาคพ้ืน ยูเรเชยี (Eurasia) - มปี ระเทศสมาชิก 7 ประเทศ
สำนักงานใหญ่ต้งั อยทู่ ี่สาธารณรัฐยเู ครน และสำนักงานสาขา ที่กรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย
3. ภาคพ้ืนอินเตอร์อเมรกิ า (Interamerica) - มปี ระเทศสมาชกิ 32 ประเทศ
สำนักงานใหญต่ ้ังอย่ทู ก่ี รงุ ซานตเิ อโก ประเทศชิลี
4. ภาคพ้ืนอาหรบั (Arab) - มปี ระเทศสมาชิก 17 ประเทศ
สำนกั งานใหญต่ งั้ อยู่ทก่ี รุงไคโร ประเทศอียปิ ต์
5. ภาคพนื้ อาฟริกา (Africa) - มปี ระเทศสมาชิก 35 ประเทศ
สำนักงานใหญ่ตงั้ อย่ทู ีก่ รงุ ไนโรบี ประเทศเคนยา
- สำนกั งานสาขา 1. ตง้ั อยูท่ กี่ รงุ ดาการ์ ประเทศเซเนกัล
- สำนกั งานสาขา 2. ตัง้ อยทู่ ่ี กรุงเคปทาวน์ ประเทศอาฟริกาใต้
6. ภาคพ้ืน เอเชีย-แปซิฟกิ (Asia-Pacific) - มีประเทศสมาชกิ 23 ประเทศ (รวมท้งั
ประเทศไทย) สำนักงานใหญ่ต้ังอยู่ทก่ี รงุ มนิลา ประเทศฟิลปิ ปินส์
การประชมุ สมชั ชาลูกเสือเขตเอเชีย - แปรซิฟกิ ประชุมครง้ั แรกเมื่อ พ.ศ. 2501
หลังจากน้นั ได้มีการประชมุ ทุก 2 ปี และเปลย่ี นเป็นทุก ๆ 3 ปี ในปี พ.ศ. 2532 ตอ่ มาในปี
พ.ศ. 2513 ได้เปล่ียนชือ่ เป็น Asia - Pacific Scout Conference
ววิ ัฒนาการลูกเสือไทย
วิวัฒนาการลกู เสือไทย อาจแบ่งเปน็ 5 ยคุ ดงั นี้
1. ยุคกอ่ ตั้ง (พ.ศ. 2454 - 2468) รวม 14 ปี อยูใ่ นรัชการท่ี 6
1 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 ทรงสถาปนาการเสือป่า
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ทรงสถาปนาลูกเสอื ไทย โดยตราขอ้ บังคับลักษณะปกครอง
ลูกเสือ และต้งั สภากรรมการกลางจัดการลกู เสอื แหง่ ชาตขิ น้ึ โดยพระองค์ทรงดำรงตำแหนง่
สภานายก และหลังจากนัน้ พระมหากษัตริย์องตอ่ มา ทรงเปน็ สภานายกสภาลูกเสือแหง่ ชาติตลอด
มาจนถึงปี 2490 ในยุคนีม้ ีเหตกุ ารณส์ ำคัญ ๆ เชน่
พ.ศ. 2454 ตัง้ ลูกเสอื กองแรกข้นึ ท่ี โรงเรยี นมหาดเล็กหลวง (โรงเรยี นวชริ าวธุ ในปัจจุบนั )
เปน็ กองลกู เสือในพระองค์ เรยี กวา่ “กองลกู เสอื กรุงเทพฯ ท่ี 1”
พ.ศ. 2458 พระราชทานเหรยี ญราชนยิ มให้แกล่ ูกเสอื โท ฝ้าย บญุ เล้ยี ง (ต่อมาเปน็ ขุนวรศาสน์
ดรุณกจิ )
พ.ศ. 2459 ตง้ั โรงเรียนผู้กำกบั ลกู เสอื ในพระบรมราชูปถมั ภ์ข้นึ ณ สโมสรเสือปา่ จงั หวดั พระ
นคร หลักสูตร 2 เดือน เปิดได้ 4 ปีกล็ ้มเลกิ
พ.ศ. 2463 ส่งผแู้ ทนลกู เสอื ไทยไปชุมนุมลูกเสอื โลกครง้ั ที่ 1 ณ กรงุ ลอนดอน โดยมีนาย
สวสั ดิ์ สุมติ ร เป็นหัวหน้าคณะ
พ.ศ. 2465 คณะลกู เสอื ไทยสมคั รเขา้ เป็นสมาชิกสมชั ชาลูกเสือโลก เปน็ กลุ่มแรก มปี ระเทศ
24
ตา่ ง ๆ รวม 31 ประเทศ และถือว่าเป็นสมาชิผู้รเิ รม่ิ จดั ตัง้ คณะลกู เสือโลก
พ.ศ. 2467 สง่ ผ้แู ทนไปร่วมการชมุ นมุ ลูกเสือโลกครั้งท่ี 2 โดยพระยาภรตราชา เป็นหวั หนา้
คณะ
พ.ศ. 2468 การลูกเสอื ไทยสูญเสียพระผูพ้ ระราชทานกำเนดิ ลูกเสือไทย รชั กาลที่ 6
2. ยุคส่งเสรมิ (พ.ศ. 2468 - 2482) สมยั รชั กาลที่ 7 จนถึงสงครามโลกครั้งท่ี 2 ยคุ น้แี บง่
ออกเป็น 2 ตอน คือ
(ก) ก่อนเปลีย่ นแปลงการปกครอง รชั กาลที่ 7 ยังทรงเป็นสภานายกสภากรรมการ
กลางจดั การลกู เสอื แหง่ ชาติ
พ.ศ. 2470 มกี ารชมุ นุมลกู เสอื แหง่ ชาตคิ รั้งท่ี 1 ณ พระราชอุทยานสราญรมย์ กรุงเทพฯ
พ.ศ. 2472 สง่ ผ้แู ทนไปรว่ มชมุ นุมลกู เสอื โลกครัง้ ที่ 3 ณ ประเทศอังกฤษ
พ.ศ. 2473 มกี ารชุมนมุ ลกู เสอื แหง่ ชาติคร้ังที่ 2 พระรามราชนเวศน์ จงั วัดเพชรบุรี
(ข) ภายหลงั การเปลยี่ นแปลงการปกครอง รัชกาลท่ี 7 ก่อนสละราชสมบตั แิ ละรัชกาล
ที่ 8 จนถึงสงครามโลกครงั้ ที่ 2 (พ.ศ. 2475 - 2482)
พ.ศ. 2476 ตง้ั กรมพลศกึ ษาขน้ึ ในกระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยมีกองลกู เสอื อยใู่ นกรมพลศึกษา
และสง่ ผ้แู ทนไปร่วมชุมนมุ ลูกเสอื โลกครง้ั ท่ี 4 ประเทศฮงั การี โดยมีนายอภยั
จันทวิมล เป็นหัวหนา้ คณะ
ประกาศใช้ตราประจำคณะลูกเสอื แหง่ ชาติ และกฎลูกเสอื 10 ข้อ
เปดิ การฝกึ อบรมวชิ าผกู้ ำกบั ลกู เสอื ซ่ึงเรียกในทางราชการวา่ “การฝกึ อบรมวิชา
พลศกึ ษา(วา่ ดว้ ยลกู เสอื )” ประจำปี 2478 เปน็ เวลา 1 เดือน
ประการตัง้ การลูกเสอื สมทุ รเสนา พ.ศ. 2479 ประกาศใช้หลกั สตู รเสนา และ
สมุทรเสนา
พ.ร.บ.ธง พ.ศ. 2479 กำหนดลกั ษณะธงประจำกองคณะลูกเสอื แห่งชาติ และธง
ประจำกองลูกเสือ
พ.ศ. 2482 พ.ร.บ.ลูกเสอื ตั้งสภากรรมการกลางจัดการลูกเสอื แห่งชาติ จังหวัดลูกเสอื
อำเภอลูกเสือ และแบ่งลกู เสือออกเป็น 2 เหล่า คือ ลูกเสอื เสนา และลูกเสอื
สมุทรเสนา
พ.ร.บ. ให้ทรัพย์สินกองเสอื ปา่ เป็นของคณะลูกเสือแห่งชาติ
3. ยุคประคับประครอง (พ.ศ. 2483 - 2489) ระยะน้ลี ูกเสือซบเซามาก เนอื่ งจากอย่ใู นภาวะ
สงคราม
พ.ศ. 2488 สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 สิน้ สุด การลูกเสอื เริ่มฟน้ื ฟูทั่วโลก รชั กาลที่ 8 เสดจ็
นวิ ัตสู่พระนคร และถกู ลอบปลงพระชนม์
25
4. ยคุ ก้าวหน้า ( พ.ศ. 2489 - 2514) เรมิ่ ต้นรชั กาลท่ี 9 แบง่ ออกเปน็ 2 ระยะ คือ
(ก) ระยะเร่มิ กา้ วหนา้ (พ.ศ. 2489 - 2503)
พ.ศ. 2496 เรมิ่ ดำเนินการสร้างค่ายลกู เสอื วชิราวธุ ตำบลบางพระ อำเภอศรรี าชา จังหวดั
ชลบรุ ี
พ.ศ. 2497 มกี ารชมุ นุมลูกเสือแห่งชาติ ครัง้ ท่ี 3 ณ สนามกฬี าแห่งชาติ
พ.ศ. 2500 ส่งผแู้ ทนไปร่วมชุมนุมลกู เสือโลก ครัง้ ที่ 9 ณ ประเทศองั กฤษ เพื่อเฉลมิ ฉลอง
อายุครบ 100 ปี ของลอร์ด เบเดน พาวเวลล์
พ.ศ. 2501 เปิดการฝกึ อบรมวิชาผ้กู ำกับลกู เสอื สำรอง ข้นั ความรเู้ บื้องต้นเป็นคร้ังแรกใน
ประเทศไทย ตามหลกั สตู รกลิ เวลลป์ ารค์
จัดตั้งกองลกู เสอื สำรองกองแรกข้นึ ในประเทศไทย 5 สงิ หาคม 2501
พ.ศ. 2503 เปิดการฝึกอบรมวชิ าผกู้ ำกับลูกเสอื สำรอง ขัน้ วดู แบดจ์ ครงั้ ท่ี 1 ณ พระ
ตำหนักอา่ งศลิ า จงั หวัดชลบรุ ี
ส่งผ้แู ทนไปร่วมประชมุ สมัชชาลูกเสอื โลก ครัง้ ที่ 2 ณ ประเทศพม่า
(ข) ระยะก้าวหน้า (พ.ศ. 2504 - 2514)
พ.ศ. 2504 มีการชมุ นมุ ลูกเสอื แหง่ ชาติครัง้ ท่ี 4 ณ สวนลุมพินี พระนคร เพื่อเฉลิมฉลองท่ี
คณะลกู เสอื ไทยมอี ายคุ รบ 50 ปี
เปิดการฝึกอบรมวชิ าผกู้ ำกับลูกเสือสามัญ ข้ันวูดแบดจ์ รนุ่ ที่ 1 ณ คา่ ยลูกเสือ
วชิราวธุ และวางศิลาฤกษศ์ าลาวชริ าวุธ
พ.ศ. 2505 พลเอกถนอม กิตติขจร รองนายกรัฐมนตรี เปดิ ค่ายลกู เสือวชิราวุธ
1 กรกฎาคม 2505 รัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพิธเี ปิดสาลาวชริ าวุธ
พ.ศ. 2506 เปดิ การฝึกอบรมผู้กำกับลูกเสือวิสามญั ขนั้ วดู แบดจ์ รุ่นที่ 1 ณ ค่ายลกู เสือ
วชิราวธุ
จดั ตั้งกองลูกเสอื วสิ ามญั วนั ท่ี 18 มีนาคม 2506
พ.ศ. 2507 ประกาศใช้ พ.ร.บ.ลกู เสือ พ.ศ. 2507
เปิดการฝกึ อบรมผกู้ ำกับลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ขัน้ วูดแบดจ์ ณ คา่ ยลูกเสอื
วชริ าวุธ
พ.ศ. 2508 ประชมุ สภาลกู เสอื แหง่ ชาตคิ ร้ังที่ 1 ณ ศาลาสนั ตธิ รรม กรงุ เทพฯ(ประชุม
ทกุ ป)ี
จดทะเบียนลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่เหล่าสมทุ รกองแรก ณ โรงเรยี นสตั หบี
มกี ารชมุ นุมลูกเสือแห่งชาติครัง้ ท่ี 5 ณ ค่ายลกุ เสอื วชิราวุธ
พ.ศ. 2509 คณะลกู เสอื ไทยบริจาคเงนิ สร้างพทุ ธศาลา ณ กิลเวลลป์ าร์ค
26
จดทะเบยี นกองลูกเสือสามัญรนุ่ ใหญ่กองแรก ณ โรงเรียนเทพศิรนิ ทร์
พ.ศ. 2511 กลิ เวลลป์ าร์ค ถวายเครื่องหมายวูดแบดจ์กิตติมศักดิแ์ ก่รชั กาลท่ี 9
พ.ศ. 2512 มีชุมนมุ ลูกเสอื แห่งชาติ ครั้งท่ี 6 ณ คา่ ยลูกเสอื วชิราวธุ
พ.ศ. 2514 มชี มุ นมุ ลูกเสือแห่งชาตคิ รงั้ ที่ 7 ณ ค่ายลกุ เสือวชิราวธุ
เปิดการฝึกอบรมวิชาผู้กำกบั ลุกเสือ ข้ันผใู้ ห้การฝกึ อบรมแห่งชาติ คร้งั ที่ 1
ณ ค่ายลกู เสอื วชริ าวธุ ส่งผแู้ ทนคณะลกู เสอื ไทยเขา้ รว่ มการชุมนุมลูกเสือโลก
คร้ังท่ี 13 ณ ประเทศญปี่ ุ่น
5. ยคุ ประชาชน (พ.ศ. 2514 - ปัจจุบนั )
เนือ่ งจากปี 2514 เปน็ ปที ม่ี กี ารฝึกอบรมลูกเสือชาวบา้ นเป็นคร้ังแรก
พ.ศ. 2516 รบั กิจการลกู เสอื ชาวบ้านเปน็ สว่ นหน่ึงของคณะลกุ เสือแห่งชาติ
กระทรวงศึกษาธิการมีคำสงั่ ให้นำวชิ าลกู เสือเขา้ อยใู่ นหลักสูตรโรงเรียน
รัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพิธีเปิดการชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครงั้ ท่ี 8 ณ
ค่ายลกู เสอื วชิราวุธ
พ.ศ. 2518 ส่งผแู้ ทนไปรว่ มการชมุ นุมลูกเสือโลก คร้งั ท่ี 14 ณ ประเทสเดนมาร์ค
ส่งผู้แทนไปรว่ มประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครงั้ ท่ี 14 ณ ประเทศเดนมาร์ค
พ.ศ. 2519 มกี ารอบรมผบู้ ริหารงานลกู เสอื อาชพี ร่นุ ที่ 1 ณ คา่ ยลกู เสือวชิราวุธ
พ.ศ. 2520 มกี ารชุมนุมลกู เสอื แห่งชาติ ครัง้ ที่ 9 ณ คา่ ยลกู เสอื วชิราวุธ
พ.ศ. 2521 ประกาศยกเลิกหลกั สตู รการฝกึ อบรมวิชาผกู้ ำกับลกู เสอื สำรองและสามัญ
ของกิลเวลล์ปาร์ค และใชข้ องสำนกั งานลกู เสือโลก เขตเอเชีย - แปซิฟกิ
พ.ศ. 2524 มงี านชมุ นุมลกู เสือแห่งชาติคร้ังท่ี 10 ณ คา่ ยลกู เสอื วชิราวธุ เพื่อเฉลิม
ฉลองวันพระราชสมภพครบรอบ 100 ปี ของรัชกาลที่ 6
นายแพทย์บุญสม มารต์ ิน ได้รับคัดเลือกเปน็ กรรมการลูกเสือโลก จากการ
ประชุมสมชั ชาลกู เสือโลก ครั้งที่ 28 ณ เมอื งดาร์การ์ ประเทศเซเนกัล
พ.ศ. 2528 มีการชุมนุมลกู เสอื แห่งชาติ คร้ังที่ 11 ณ ค่ายลกู เสือวชิราวุธ
พ.ศ. 2532 มีการชุมนุมลุกเสือแหง่ ชาติครง้ั ท่ี 12 ณ คา่ ยลกู เสอื วชิราวุธ
27
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื สามญั ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4
แผนการจดั ท่ี 7 เร่ือง การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจบั มือซา้ ย
และคตพิ จนข์ องลูกเสือสามญั จำนวน 1 ชวั่ โมง
………………………………………………………………………………………………………
จดุ ประสงค์
1. แสดงความเคารพไดถ้ กู ตอ้ ง
2. แสดงรหสั และบอกความหมายไดถ้ ูกต้อง
3. บอกความหมายของคตพิ จน์ของลกู เสือสามัญได้
เนอื้ หา
1. การทำความเคารพท่ามือเปลา่ และท่ามอี าวุธ
2. การแสดงรหสั
3. การจบั มือซา้ ย
4. คติพจนข์ องลกู เสือ
กิจกรรมการเรียนการสอน
1. พิธีเปดิ ( ธงขึ้น สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก ) 10 นาที
2. เกม “ สวสั ดี ” 5 นาที
3. สอนตามเนอ้ื หา 30 นาที
3.1 ผูก้ ำกับอธบิ ายพร้อมสาธติ การทำความเคารพ การแสดงรหสั แสดงการจับมือ
ซ้าย
3.2 ผู้กำกบั นำสนทนาเก่ียวกบั ความหมายของคตพิ จน์ของลกู เสอื
3.3 รอ้ งเพลง “ลกู เสอื จบั มือ” พร้อมแสดงท่าประกอบเพลง
3.4 ผ้กู ำกับและลูกเสอื ร่วมกันสรุปบทเรียน
4. เล่าเรื่องสั้นที่เป็นคติ 5 นาที
5. พธิ ปี ิด ( นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที
สอื่ การเรียนการสอน 1. แผนภมู กิ ารแสดงความเคารพ การแสดงรหัส และการจับมือ
2. ป้ายคตพิ จนข์ องลกู เสือ
การวัดผลและประเมนิ ผล 1. การสังเกตความสนใจ และการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
2. การซกั ถาม และการทดสอบ
บนั ทึกหลังการสอน………………………………………………….………………………………
…………………………………………………………….…………………………………………
.……………………………………………………………………………………............................
ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา………….........………………………………………………
28
การแสดงความเคารพทา่ มือเปล่า
1. วนั ทยหตั ถ์
การฝึกข้นั ต้น คำบอก “วันทยหตั ถ์ และ มือลง”
การปฏิบตั ิ ยกมอื ขวาขนึ้ โดยเร็วและแขง็ แรง จัดน้ิวมืออยา่ งเดียวกบั ทา่ รหัสของลกู เสือ
โดยให้ปลายนิว้ ชแ้ี ตะขอบล่างของหมวกค่อนไปขา้ งหน้าเล็กนอ้ ยในแนวทางตาขวามือเหยียดตาม
แนวแขนขวาท่อนล่าง นิ้วเหยียดตรงและเรียงชดิ ติดกนั ขอ้ มอื ไมห่ ัก เปดิ ฝา่ มือขึ้นประมาณ 30
องศา แขนขวาท่อนบนย่นื ไปทางขา้ ง อยู่ประมาณแนวไหล่เม่ืออยูใ่ นที่แคบ ใหล้ ดศอกลงได้ตาม
ความเหมาะสม รา่ งกายสว่ นอนื่ ตอ้ งไม่เสยี ลักษณะทา่ ตรง เม่ือได้ยินคำบอก “มือลง” ใหล้ ดมอื
ลงอยใู่ นท่าตรงโดยเร็วและแขง็ แรง (ท่าวนั ทยหัตถ์โดยปกติต่อจากท่าตรงเป็นทา่ เคารพเมื่ออยูต่ าม
ลำพังนอกแถว)
ผบู้ ังคับบญั ชาลูกเสอื เข้าแถวแสดงการเคารพดว้ ยท่าวนั ทยหตั ถ์ (สวมหมวก)
ลูกเสอื จะสวมหมวกหรอื ไม่สวมหมวก ใหท้ ำวันทยหตั ถ์ได้ ถา้ ไมส่ วมหมวกใหป้ ลาย
นิ้วช้แี ตะท่ีหางคิ้วขวา
การแสดงความเคารพทา่ ไมพ้ ลอง
2. ท่าวันทยาวุธ - เรยี บอาวุธ
การฝึกข้ันต้น คำบอก “วันทยา – วุธ และ เรยี บ – อาวธุ ”
การปฏบิ ตั ิ ทา่ วันทยาวุธเปน็ ทา่ แสดงความเคารพ ใชค้ ำบอกว่า “วนั ทยา – วุธ” ให้
ลูกเสือทำจงั หวะเดียวโดยยกแขนซ้ายขึ้นมาเสมอแนวไหล่ศอกงอไปขา้ งหนา้ ให้ตงั้ ฉากกบั ลำตวั ฝ่า
มือแบคำ่ รวบนว้ิ หวั แม่มือกบั นว้ิ ก้อยจรดกนั คงเหลอื นิว้ ชี้ นว้ิ กลาง และนวิ้ นาง เหยียดตรงและ
ชดิ ตดิ กัน ให้ข้างปลายนิ้วช้ีแตะไมพ้ ลอง หรือไมง้ า่ มในร่องไหล่ขวา
เม่อื เลิกทำความเคารพใช้คำบอก “เรยี บ – อาวธุ ” ใหล้ ูกเสอื ลดแขนซา้ ยมาอยู่ทเ่ี ดมิ โดยเร็ว
ถ้าผูร้ ับการเคารพมาทางขวา (ซ้าย) หรือตรงหนา้ จะบอกโดยกล่าวทศิ ทางท่ีมาเสียก่อนก็
ไดว้ ่า “ขวา (ซา้ ยหรอื ตรงหน้า) ระวัง – วันทยา – วุธ” ให้ลกู เสือทำวนั ทยาวุธพร้อมกบั หนั หนา้ ไป
ยงั ผรู้ ับการเคารพ ตาแลจับตาผูร้ ับการเคารพ หนั ศีรษะตามจนผู้รับการเคารพผ่านหนา้ ตนไปแล้ว
2 ก้าว จงึ หนั กลบั มาอย่ใู นท่าตรง เมอ่ื ผู้รบั การเคารพพ้นแถวให้ผู้ควบคุมแถวบอกเลกิ ทำความ
เคารพ
29
การแสดงรหัส
รหัส แปลว่า เหตุลบั หรือความลับ จะเปน็ แสดงดว้ ยกรยิ า ท่าทาง เสียง เคร่ืองหมายใด
ๆ ก็ได้ซ่ึงเขา้ ใจกนเฉพาะพวกเดยี วกัน
วธิ แี สดงรหสั ของลกู เสือมี 2 แบบ คือ
ของอเมริกา
1. ยนื อยใู่ นท่าตรง
2. ยกแขนขวาเสมอไหล่ งอศอก ตง้ั ฉากกบั ตน้ แขนหันฝ่ามอื ไปขา้ งหน้า น้วิ หัวแม่มอื
งอกดปลายนว้ิ ก้อยไว้ ทำเปน็ รูปวงกลม เหยียดน้วิ ช้ี น้ิวกลาง น้วิ นางตรงชีข้ ึ้น
ขา้ งบน
ขององั กฤษ และไทย ใชร้ ะบบน้ี
1. ยืนอยู่ในทา่ ตรง
2. งอพับขอ้ ศอกขวาข้ึน แนบข้อศอกอยู่ขา้ งตัว หนั ฝ่ามอื ออกเหยยี ดนวิ้ ชี้ นว้ิ กลาง
น้ิวนางตรงช้ีขึ้นข้างบน เอน้วิ หัวแม่มอื งอกดปลายน้วิ กอ้ ยไว้ ทำเป็นรูปวงกลม
เหยียดน้ิวช้ี น้ิวกลาง นว้ิ นางตรงช้ีข้นึ ขา้ งบน
การแสดงรหสั ของลกู เสือเป็นการแสดงเพ่ือให้ทราบว่า
1. เป็นการแสดงเพอื่ ความรบั รู้ และเขา้ ใจกนั ระหวา่ งพวก
2. เพอื่ แสดงวา่ เป็นพวกเดยี วกนั
3. หมายถงึ คำปฏิญาณลูกเสือ 3 ข้อ
30
การใชแ้ ละโอกาสทจี่ ะใช้รหัส
1. ใช้แสดงเม่ือลกู เสือกล่าวคำปฏญิ าณต่อผูก้ ำกับในการเข้าประจำกองและทบทวนคำ
ปฏิญาณ
2. ใชแ้ สดงเมื่อพบกับลูกเสือนานาชาติ แสดงว่าเปน็ พวกเดียวกนั (ผู้แสดงไมไ่ ดแ้ ต่ง
เคร่ืองแบบก็แสดงได้เพื่อให้ฝ่ายแตง่ เครื่องแบบทราบ) เมื่อลูกเสอื แสดงรหัสตอ่ กัน
แลว้ ต้องสัมผัสมอื ซ้ายกนั ด้วย เพ่อื เตือนลูกเสอื วา่ เป็นพวกเดียวกันทว่ั โลก ซึ่งมี
อดุ มคติ หมนั่ ประพฤติแต่ความดี เป็นท่ีพง่ึ และเปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและผู้อื่น
ตลอดจนสงั คม ละเวน้ ความชัว่ ที่จะทำใหผ้ อู้ ื่นเดือดรอ้ น อันเป็นเหตกุ อ่ ความรำคาญ
ต่อสงั คม
การจับมอื ซา้ ย มี 2 แบบ
1. แบบอังกฤษจับกันแบบธรรมดาดว้ ยมือซ้าย
2. แบบอเมรกิ ันให้ใช้มือซ้ายจับเช่นเดยี วกัน แตใ่ ช้น้ิวกอ้ ยกบั น้วิ หวั แมม่ อื สอดเข้าหา
กนั น้ิวชี้ น้วิ กลาง นิ้วนาง แนบประกบกัน
คตพิ จน์ของลกู เสือ
คติพจน์ คือ ถ้อยคำอันเป็นคติ ซึ่งเป็นความจริง อนั เป็นแบบอยา่ งท่ีดี ลูกเสอื พงึ
รกั ษาและนำมาใช้เพอ่ื ถือปฏิบัติ
คตพิ จน์ของลูกเสอื ทว่ั ไป
“เสียชีพอย่าเสยี สตั ย์” หมายความว่า ให้ลกู เสือรักษาความซื่อสัตย์ มสี ัจจะยงิ่ ชีวติ จะ
ไมล่ ะความสัตย์ ถึงแม้จะถกู บีบบงั คบั จนเป็นอันตรายถงึ ชีวติ ก็ตาม กย็ ่อมไมเ่ สยี สัจจะ เพ่ือเกียรติ
คุณคำปฏญิ าณและคำมนั่ สัญญาของลูกเสือ
คตพิ จนข์ องลกู เสอื สามัญ
“จงเตรยี มพร้อม” หมายความวา่ ลูกเสือต้องเปน็ ผู้รอบคอบไม่ประมาท เตรยี มพร้อม
อยเู่ สมอทจ่ี ะปฏบิ ตั กิ ิจอนั เป็นประโยชน์เพื่อช่วยเหลือผู้อ่ืน กิจกรรมของลกู เสอื ดว้ ยความห่วงใย
โดยไม่ประมาทและผดิ พลาดเสยี หาย
31
แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4
แผนการจัดท่ี 8 เร่อื ง ระเบียบแถว จำนวน 1 ชว่ั โมง
จุดประสงค์
ปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาณมือและสญั ญาณนกหวีดได้
เนือ้ หา
1. สญั ญาณมือ
2. สญั ญาณนกหวดี
กิจกรรมการเรยี นการสอน 10 นาที
1. พิธเี ปิด ( ธงข้นึ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก )
2. เกม “ ตงั้ ไมพ้ ลอง ” 5 นาที
3. สอนตามเนื้อหา 30 นาที
3.1 ผกู้ ำกบั อธิบายและสาธติ การใช้สัญญาณมือ สญั ญาณนกหวีด
การตัง้ แถว และการเรยี กแถว
3.2 ผกู้ ำกบั สาธิตแล้วให้ลูกเสอื ปฏบิ ตั เิ กย่ี วกับ
- ฝกึ ระเบยี บแถวตามสญั ญาณมอื
- สัญญาณนกหวดี
4. เล่าเร่ืองสน้ั ทีเ่ ป็นคติ 5 นาที
5. พธิ ีปิด ( นัดหมาย ตรวจเครือ่ งแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที
ส่อื การเรียนการสอน 1. นกหวีด
2. แผนภมู ิสญั ญาณนกหวีด
3. แผนภมู ิแพลง
การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. การสงั เกตความเป็นระเบยี บและความพรอ้ มเพรียง
2. การทดสอบ
บันทกึ หลังการสอน………………..…………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….…
………………………………………………………………………………….................................
.............................................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………….…
ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
32
สัญญาณมือ
การสั่งดว้ ยทา่ สัญญาณ ให้ใชท้ ่าสญั ญาณแขนและมอื ในการฝึกระเบยี บแถวดงั ต่อไปน้ี
1. เตรยี ม คอยฟงั คำส่ัง หรือหยดุ เหยียดแขนขวาขึน้ ตรงเหนือศีรษะ มอื แบหา้ นว้ิ ชดิ กัน
หันฝา่ มือไปขา้ งหน้า ลกู เสือหยุดการเคล่ือนไหวหรอื กระทำการใด ๆ ทั้งส้ิน นิ่งคอยฟังคำส่ัง
โดยหนั หน้าไปยังผู้บงั คบั บัญชา ถา้ อยู่ในแถวยนื อยูใ่ นทา่ ตรง
2. รวม หรือ กลบั มา เหยยี ดแขนขวา มือแบ หมุนเป็นวงกลเหนอื ศีรษะจากซ้ายไปขวา
3. เคล่ือนท่ีไปขา้ งหน้า ทางขวา (ซ้าย) ก่ึงขวา (ซ้าย) ไปทางหลงั ผใู้ หส้ ัญญาณหนั หนา้
ไปยังทศิ ทางท่ีตอ้ งการ ชแู ขนขวาขน้ึ เหนือศีรษะ ฝา่ มอื แบไปขา้ งหนา้ แลว้ ลดแขนลงขา้ งหนา้ เสมอ
แนวบา่
4. นอนลงหรือเข้าท่ีกำบงั แขนขวาเหยยี ดตรงไปขา้ งหนา้ เสมอแนวไหล่ ฝ่ามือแบควำ่ ลด
แขนลงข้างหน้าแล้วกลับที่เดิมหลาย ๆ คร้ัง
5. เรง่ จังหวะ หรอื เรว็ ขึ้น แขนขวางอมือกำเสมอบา่ ชูขึ้นตรงเหนือศรี ษะแล้วลดลงหลาย
ๆ ครง้ั
6. การใช้สญั ญาณมือเป็นคำสง่ั ให้แถว “พกั ” และ “ตรง”
กรณจี ะใหส้ ัญญาณมือเปน็ คำสง่ั ให้ “พกั ” ผู้เรียกแถวทำ 2 จังหวะ ดังน้ี
จงั หวะที่ 1 กำมือขวา งอแขนตรงศอก ให้มอื ทกี่ ำอยู่ประมาณตรงหัวเข็มขัด หันฝ่ามือท่ี
กำเข้าหาเขม้ ขดั
จังหวะที่ 2 สลดั มอื ท่ีกำและหนา้ แขนไปทางขวาเป็นมุม 180 องศา ประมาณแนวเดยี วกบั
เข็มขดั เป็นสญั ญาณให้ “พัก” ตามระเบยี บ (ลูกเสอื ทุกคนปฏิบตั ิเชน่ เดียวกบั ท่าพกั ตามระเบียบ)
กรณที ี่จะให้สญั ญาณมือเป็นคำส่ังให้ “ตรง” ผเู้ รียกแถวทำ 2 จังหวะ ดงั นี้
จงั หวะท่ี 1 กำมือในลักษณะเหมอื นกับเม่ือตอนสลัดแขน สง่ั “พกั ” จงั หวะ 2
จงั หวะที่ 2 กระตกุ หนา้ แขน ใหก้ ำมือกลบั มาอยู่ตรงหัวเขม็ ขัด (จงั หวะ 1 ของสญั ญาณส่งั
“พัก”) ลูกเสอื ทุกคนชดิ เท้าซ้าย ลดแขนทไ่ี ขว้หลังลงอยู่ในทา่ ตรง
33
สญั ญาณนกหวีด
1. หวดี ยาว 1 ครง้ั ( ) ถ้าเคลอ่ื นท่ใี หห้ ยุด ถา้ หยุดอยเู่ ตือน เตรยี มตัวหรือ
คอยฟังคำสัง่
2. หวีดยาว 2 คร้งั ( ) เดนิ ต่อไป เคล่ือนต่อไป ทำงานตอ่ ไป
3. หวีดสัน่ หนึ่งครง้ั หวีดยาวหน่ึงครงั้ สลับกนั ไป ( ) เกิดเหตุ
4. หวีดสนั้ 3 ครั้ง หวดี ยาว 1 คร้ัง ตดิ ต่อกันไป
( ) เรยี กนายหมู่มารบั คำสั่ง
หมายเหตุ
5. หวีดสน้ั ติดกันหลาย ๆ คร้งั ( ) ประชมุ รวม
เมอ่ื จะใช้สัญญาณ 2 – 5 ใหใ้ ชส้ ญั ญาณ 1 ทุกคร้งั
34 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4
จำนวน 1 ชั่วโมง
แผนการจัดกิจกรรมลกู เสอื สามัญ
แผนการจัดท่ี 9 เรื่อง ระเบยี บแถว ( ต่อ )
จุดประสงค์
เขา้ แถวรปู แถวต่าง ๆ ตามสญั ญาณมือได้
เนื้อหา
การตัง้ แถวและการเรยี กแถว
1. แถวหนา้ กระดานเรยี งเดย่ี ว
2. แถวตอนหมู่
3. แถวหม่หู นา้ กระดานปิด - เปดิ ระยะ
กิจกรรมการเรยี นการสอน
1. พิธีเปดิ ( ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก ) 10 นาที
2. เพลง “ เดนิ ” 5 นาที
3. สอนตามเน้ือหา 30 นาที
3.1 ผู้กำกบั อธบิ ายและสาธิต พร้อมฝึกปฏบิ ัตกิ ารเขา้ แถวตามสญั ญาณมือ
- แถวหน้ากระดานเรียงเดีย่ ว
- แถวตอนหมู่
- แถวหมหู่ น้ากระดานปิด - เปิดระยะ
3.2 แยกฝึกเป็นหมู่โดยผู้กำกบั คอยชแ้ี นะ
4. เลา่ เร่ืองสน้ั ทเี่ ป็นคติ 5 นาที
5. พิธปี ดิ ( นัดหมาย ตรวจเคร่อื งแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที
สอ่ื การเรียนการสอน 1. นกหวดั
2. แผนภมู กิ ารต้งั แถว
3. แผนภมู ิเพลง
การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. การสังเกตความเป็นระเบยี บและความพร้อมเพรียง
2. การทดสอบ ปฏิบัติตามระเบยี บแถวเปน็ หมู่
บันทกึ หลงั การสอน…………………….……………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….…
………………………………………………………………………………….................................
ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
35
การต้ังแถวและการเรียกแถว
สัญญาณมือในการเรียกแถวของลกู เสอื
การใช้สัญญาณมือเรียกแถวรปู ตา่ ง ๆ ในการฝึกอบรมลูกเสือตามแบบสากลของ
ลูกเสอื ทุกประเภท ผู้บังคบั บัญชาทจี่ ะเรียกแถวนัน้ จะตอ้ งเลอื กสถานทใ่ี หเ้ หมาะสมเสียก่อน และ
ยืนตรงแลว้ จงึ เรยี กและใหส้ ญั ญาณ (ลกู เสอื สำรองใชค้ ำว่า “แพ็ค” ลกู เสือสามัญ สามญั รนุ ใหญ่
และวิสามัญ ใชค้ ำวา่ “กอง”)
แถวหนา้ กระดานแถวเด่ียว
ผเู้ รยี กยนื อยใู่ นทา่ ตรง เหยียดแขนทงั้ สองไปดา้ นข้างเสมอแนวไหล่ มือแบหันฝ่ามอื
ไปขา้ งหน้า นวิ้ มือเรยี งชิดติดกัน
ใหล้ กู เสอื เขา้ แถวหนา้ กระดานแถวเด่ียว แนวกงึ่ กลางของแถวอยหู่ ่างจากผเู้ รียก
ประมาณ 6 ก้าว หันหนา้ เข้าหาผเู้ รียก
หน้ากระดานแถวเด่ยี ว
กรณีหมูเ่ ดียว ให้นายหมู่ยืนแลตรงเปน็ หลักทางขวา (ทางซา้ ยมือของผู้เรียก) ลูกหมู่เข้า
แถวเรียงตามลำดับทางซา้ ยมือของนายหมู่เปน็ แถวหน้ากระดาน จนถึงคนสดุ ทา้ ยคอื รองนายหมู่
ทกุ คนยกเว้นนายหมู่ “จัดแถว” ใหแ้ ลขวา
การจดั ระยะเคียง ถ้า “ปิดระยะ” ระยะเคียงของแถวหน้ากระดาน 1 ชว่ งศอกคอื ให้
ยกมอื ซ้ายทาบตะโพก น้ิวเหยียดชดิ ติดกนั นวิ้ กลางอย่ใู นแนวตะเข็บกางเกง แขนขวาแนบกบั
ลำตวั ผูเ้ รียกจะตรวจแถว แลว้ สั่ง “นงิ่ ” ลกู เสอื ทุกคนลดมอื ลงพรอ้ มกบั สะบัดหน้ามาอยู่ใน
ทา่ ตรงและนิ่ง
ถา้ “เปิดระยะ” ระยะเคยี ง 1 ชว่ งแขน คือให้ลกู เสือยกแขนซา้ ยข้ึน ควำ่ ฝ่ามือให้
ปลายนวิ้ มือซา้ ยจรดไหล่ขวาของคนต่อไป
กรณหี ลายหมู่ ใหแ้ ตล่ ะหมู่เขา้ แถวเขา้ แถวหน้ากระดานเรียงตามลำดบั จากดา้ นซา้ ยมอื
ของผเู้ รยี กโดยใหแ้ นวกง่ึ กลางของแถวอย่หู ่างจากผู้เรียก 6 ก้าว ระยะเคยี งระหวา่ งหมู่เทา่ กับ
ระยะเคียงระหว่างบุคคล
36
แถวตอนหมู่
ผู้เรียกยนื อยู่ในท่าตรง เหยยี ดแขนท้งั สองไปขา้ งหนา้ เสมอแนวไหล่ มอื แบหันฝ่า
มือเข้าหากัน
ในกรณีหมู่เดยี ว นายหมู่ยืนตรงเป็นหลกั ข้างหน้าผเู้ รียก หา่ งจากผู้เรียกประมาณ 6
ก้าว ลกู หมูเ่ ข้าแถวตอ่ ด้านหลงั นายหมู่ ทุกคนยนื ให้ตรงคอคนข้างหน้า ระยะต่อระหว่างบุคคล 1
ช่วงแขน
กรณีหลายหมู่ เรียกว่า “แถวตอนหมู่” เช่นมี 5 หมู่ ใหห้ มทู่ ่ีอยู่ตรงกง่ึ กลาง
คอื หมู่ท่ี 3 ยนื เป็นหลกั ตรงหนา้ ผู้เรียก ห่าง จากผ้เู รยี กประมาณ 6 กา้ ว หมูท่ ี่ 2 และหมู่ที่ 1
เขา้ แถวอย่ใู นแนวเดียวกนั ไปทางขวามือผู้เรยี ก ระยะเคยี งระหว่างหมูป่ ระมาณ 1 ชว่ งศอก ส่วน
ระยะตอ่ ระหว่างบคุ คลประมาณ 1 ช่วงแขน (ไม่ต้องยกแขน)
แถวหมู่หน้ากระดานปิดระยะ
ผู้เรียกอยู่ในทา่ ตรง ยกแขนท้งั สองข้างไปข้างหนา้ งอศอกเป็นมมุ ฉากเสมอ
แนวไหล่ กำมือเขา้ หากัน
ให้ลกู เสือหมู่ท่ี 1 เข้าแถวตรงหน้าผู้เรยี ก หา่ งจากผู้เรยี กประมาณ 6 ก้าว นาย
หมู่อยทู่ างซ้ายมือของผู้เรียก ลกู หมยู่ นื เรียงต่อจากซา้ ยมอื ของนายหมู่เปน็ แถวหน้ากระดานให้
ตรงกึ่งกลางของหมู่ตรงหนา้ ผเู้ รียก หมู่ต่อ ๆ ไปเข้าแถวหนา้ กระดานขา้ งหลังหมู่แรกตามลำดบั
ระยะตอ่ ระหว่างหมปู่ ระมาณ 1 ช่วงแขน ระยะต่อระหว่างบคุ คล 1 ชว่ งศอก
การจดั แถว ผสู้ ั่งเรียก “จัดแถว” ให้ลูกเสือทกุ คน (ยกเว้นคนสดุ ทา้ ย) ยกมือ
ซา้ ยทาบตะโพก นิว้ เหยยี กชดิ ตดิ กัน นิ้วกลางอยู่ในแนวตะเข็บกางเกง แขนขวาแนบกบั ลำตวั
ระยะตอ่ ระหวา่ งหมู่ประมาณ 1 ชว่ งแขน (ไม่ตอ้ งยกแขน) และสะบดั หน้าไปทางขวา เม่ือผู้เรียก
แถวตรวจการจัดแถวแล้วส่งั “น่ิง” ลูกเสอื ทกุ คนลดแขนลงพรอ้ มสะบัดหนา้ มาอยู่ในท่าตรง
37
แถวหนา้ กระดานหมู่ปดิ ระยะ
แถวหมู่หน้ากระดานเปดิ ระยะ
ผู้เรียกยนื อยใู่ นท่าตรง ยกแขนทงั้ สองขา้ งไปขา้ งหนา้ งอศอกเป็นมุมฉากเสมอแนว
ไหล่ แบะขอ้ ศอกออกเปน็ แนวเดยี วกับไหล่ กำมือหันไปข้างหนา้
ใหล้ ูกเสอื ทุกคนเข้าแถวเช่นเดยี วกับแถวหมู่หน้ากระดานปิดระยะ แต่ระยะต่อ
ระหวา่ งหมู่ของทุกหมู่ ห่างกันหมูล่ ะประมาณ 3 ช่วงแขน
การจดั แถว ให้ปฏบิ ัตเิ ชน่ เดียวกบั แถวหมู่หนา้ กระดานเปดิ ระยะ
แถวหนา้ กระดานหมเู่ ปิดระยะ
38 ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4
จำนวน 1 ชั่วโมง
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื สามัญ
แผนการจัดที่ 10 เร่อื ง ระเบยี บแถว ( ตอ่ )
จดุ ประสงค์
เข้าแถวรูปแถวต่าง ๆ ตามสญั ญาณมือได้
เน้อื หา
การตงั้ แถวและการเรียกแถว
1. แถวคร่ึงวงกลม
2. แถววงกลม(ผูเ้ รียกเป็นจดุ ศูนย์กลาง)
3. แถววงกลม(ผู้เรยี กเป็นสว่ นหนงึ่ ของเสน้ รอบวง)
กจิ กรรมการเรียนการสอน
1. พธิ ีเปดิ ( ธงขึน้ สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก ) 10 นาที
2. เพลง “ มติ รสมั พันธ์” 5 นาที
3. สอนตามเน้ือหา 30 นาที
3.1 ผู้กำกบั อธิบายและสาธิต พรอ้ มฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเขา้ แถวตามสัญญาณมือ
- แถวคร่ึงวงกลม
- แถววงกลม(ผู้เรยี กเป็นจุดศูนย์กลาง)
- แถววงกลม(ผเู้ รียกเป็นส่วนหน่งึ ของเสน้ รอบวง)
3.2 แยกฝกึ เปน็ หมู่โดยผกู้ ำกบั คอยชแ้ี นะ
4. เลา่ เรื่องสน้ั ทีเ่ ป็นคติ 5 นาที
5. พิธปี ิด ( นัดหมาย ตรวจเครื่องแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที
สือ่ การเรียนการสอน 1. นกหวัด
2. แผนภมู กิ ารตั้งแถว
3. แผนภมู เิ พลง
การวดั ผลและประเมินผล 1. การสังเกตความเป็นระเบยี บและความพร้อมเพรยี ง
2. การทดสอบ ปฏบิ ตั ิตามระเบยี บแถวเปน็ หมู่
บันทึกหลงั การสอน………..…………………………………………………………………………
……………………………………………….………………………………………………………
.……………………………………………………………………………………............................
ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
39
การตง้ั แถวและการเรียกแถว
สญั ญาณมือในการเรยี กแถวของลูกเสอื
การใชส้ ญั ญาณมือเรยี กแถวรปู ต่าง ๆ ในการฝกึ อบรมลกู เสอื ตามแบบสากลของ
ลูกเสือทกุ ประเภท ผู้บังคบั บัญชาท่จี ะเรียกแถวนัน้ จะต้องเลือกสถานทใ่ี ห้เหมาะสมเสียกอ่ น และ
ยนื ตรงแล้วจงึ เรยี กและใหส้ ัญญาณ (ลูกเสอื สำรองใชค้ ำวา่ “แพค็ ” ลกู เสือสามัญ สามัญรุนใหญ่
และวิสามัญ ใชค้ ำวา่ “กอง”)
แถวรปู คร่ึงวงกลม
ผ้เู รยี กยืนอยใู่ นทา่ ตรง แขนท้ังสองเหยยี ดตรงไปข้างหนา้ ให้เสมอระดบั เอว ฝ่ามือ
คว่ำใหข้ อ้ มอื ขวาทับขอ้ มือซ้าย แล้วโบกมอื ท้งั สองไปด้านข้างลำตัว 3 คร้ัง แขนทัง้ สองต้องเหยียด
ตรง
ให้นายหมู่ลูกเสือหมู่แรกยืนอย่ใู นแนวซ้ายมอื ของผู้เรียก หมูท่ ี่ 2 และหมตู่ อ่ ๆ ไป
อยซู่ ้ายมอื ของหมูแ่ รก รองนายหมู่ของหมู่สุดท้ายจะต้องอยใู่ นแนวเดียวกบั ผูเ้ รยี กและนายหม่ขู อง
หมู่แรกโดยให้ผูเ้ รยี กเป็นจุดศูนย์กลาง ระยะต่อระหวา่ งหมู่และระหวา่ งบุคคล 1 ช่วงศอก
การจดั แถว ให้ลกู เสือทุกคน(ยกเวน้ คนสดุ ทา้ ย) ยกมือซา้ ยขนึ้ ทาบสะโพก นวิ้
เหยียดชดิ ติดกนั นว้ิ กลางอยู่แนวตะเขบ็ กางเกง สะบดั หนา้ ไปทางขวา (ยกเวน้ นายหมแู่ รก) เม่ือ
ผ้เู รยี กตรวจการจดั แถวแลว้ ส่งั “นง่ิ ” ลกู เสือทกุ คนลดแขนลงพร้อมกับสะบดั หนา้ มาอยใู่ นทา่ ตรง
แถวรูปครงึ่ วงกลม
แถวรูปวงกลม
1. แบบผ้เู รียกยนื อยู่ทีจ่ ุดศูนยก์ ลาง
ผเู้ รยี กแถวยนื อยู่ในท่าตรง เหยยี ดแขนทั้งสองไปขา้ งหนา้ อยใู่ นระดับเอว
ฝา่ มือทั้งสองแบคว่ำน้ิวเรยี งชิดติดกนั ใหข้ ้อมือขวาทบั ข้อมอื ซ้าย แลว้ โบกผา่ นลำตัวจากดา้ นหนา้
ไปประสานกนั ท่ีดา้ นหลงั โดยแบฝ่ามือทัง้ สองหงายขน้ึ ให้ฝ่ามอื ขวาทับฝ่ามอื ซ้าย (โบกผ่าน
ลำตวั 3 ครัง้ )
40
ให้ลูกเสอื หมู่แรกยืนดา้ นซา้ ยมอื ของผูเ้ รียก หมู่ที่ 2 และหมูต่ ่อ ๆ ไป อยู่
ทางด้านซ้ายมือของหมแู่ รกตามลำดับ จนรองนายหมู่ของหมสู่ ุดทา้ ยไปจรดกับนายหมู่ของหม่แู รก
ถือผู้เรยี นเป็นจุดศนู ย์กลาง
การเข้าแถว ให้ลกู เสือทกุ คนยกมือซ้ายข้นึ ทาบสะโพก สะบัดหน้าไป
ทางขวา (ยกเว้นนายหมหู่ มู่แรก) เมื่อผู้เรยี กตรวจการจัดแถวเรยี บรอ้ ยแล้ว สั่ง “น่ิง” ลกู เสอื ทกุ
คนลดแขนลงและสะบดั หน้ามาอยใู่ นท่าตรง
แถวรูปวงกลม
(ผเู้ รียกแถวยืนอยกู่ ่งึ กลางของวงกลม)
2. แบบผู้เรียกยนื อยู่ทเี่ ส้นรอบวง
ผเู้ รียกยืนอยูใ่ นท่าตรง เหยยี ดแขนขวาตรงไปขา้ งหนา้ มือขวากำยกขึ้น
ขา้ งบนหมนุ เลยไปดา้ นหลังและหมนุ กลบั มาด้านหน้า ทำเชน่ นี้ 3 คร้ัง
ใหล้ ูกเสือหมู่แรกยืนชดิ ดา้ นซา้ ยมือของผู้เรยี ก หมู่ที่ 1 และหมตู่ ่อ ๆ ไป
อยู่ทางว้ายมอื ของหมแู่ รกตามลำดับ จนรองนายหมู่ของหม่สู ดุ ทา้ ยไปจรดขวามือของผ้เู รียก ให้
ผู้เรียกอยูใ่ นเส้นรอบวงดว้ ย
แถวรูปวงกลม
(ผู้เรยี กแถวยืนอยูท่ ่ีเส้นรอบวง)