The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanatip.st, 2022-08-29 21:57:08

หน่วยการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

หน่วยการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 การสืบเสาะหาความรู้

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1

การสืบเสาะหาความรู้

เวลา 3 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั

ว 1.1 ป.3/1 สืบค้นและอธิบายเก่ียวกับการใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ในการแสวงหาความรไู้ ด้

2. สาระการเรยี นรู้

2.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
1) ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ข้นั พื้นฐานและวธิ ีการทางวิทยาศาสตร์

2.2 สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่
(พจิ ารณาตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา)

3. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์คือ วิธีการหรือทักษะที่สาคัญในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพราะช่วยให้สามารถ
หาคาตอบในเรื่องที่สนใจได้อย่างถูกต้อง ซ่ึงทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เรียนในช้ันเรียนนี้เป็นทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานและข้ันสูง ได้แก่ ทักษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล ทักษะการหาความสัมพันธ์
ของสเปซกับเวลา ทักษะการกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ัติการ ทกั ษะการกาหนดและควบคมุ ตัวแปร และทกั ษะการสร้างแบบจาลอง

4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

1) ความสามารถในการสื่อสาร 1) ทกั ษะการสงั เกต 1) มวี นิ ัย

2) ความสามารถในการคดิ 2) ทักษะการจาแนกประเภท 2) ใฝ่เรียนรู้

3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา 3) ทักษะการต้ังสมมติฐาน 3) มุ่งมัน่ ในการทางาน

4) ทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู

5) ทกั ษะการจดั กระทาและการส่ือ

ความหมายข้อมลู

5. ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- แบบจาลองของการเจรญิ เติบโตของข้าวโพด

1

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การสืบเสาะหาความรู้ วิธีวดั เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน
- ประเมนิ ตามสภาพจริง
6. การวัดและการประเมนิ ผล - ตรวจแบบทดสอบกอ่ น - แบบทดสอบก่อนเรยี น
เรยี นหนว่ ยการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 การ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
รายการวัด ที่ 1 การสบื เสาะหา สืบเสาะหาความรู้ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
6.1 การประเมินกอ่ นเรยี น ความรู้ - ระดับคุณภาพ พอใช้
- สมุดประจาตวั นักเรยี น
1) แบบทดสอบกอ่ น - ตรวจสมดุ ประจาตวั หรือหนังสือเรียน ผ่านเกณฑ์
เรยี นหนว่ ยการ หรอื หนังสอื เรยี น ชุดแม่บทมาตรฐาน
เรยี นรู้ที่ 1 การ ชุดแม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.3
สบื เสาะหาความรู้ วิทยาศาสตร์ ป.3 - สมุดประจาตัวนกั เรยี น
- ตรวจสมดุ ประจาตัว หรอื หนังสอื เรยี น
6.2 ประเมนิ ระหว่าง หรอื หนังสือเรยี น ชุดแม่บทมาตรฐาน
การจัดกจิ กรรม ชดุ แม่บทมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.3
การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.3 - แบบประเมินผลงาน
1) บันทึกผลการทา - ประเมินผลงาน
กจิ กรรมลองทาดู

2) สรปุ สาระสาคัญ

3) แบบจาลองของการ
เจรญิ เติบโตของ
ข้าวโพด

4) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ ดี
รายบคุ คล การทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
- สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม
5) พฤติกรรมการ การทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ - ระดบั คุณภาพ ดี
ทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
- ตรวจหนังสือเรียน - หนงั สอื เรยี นชุดแมบ่ ท
6.3 การประเมนิ หลงั เรียน ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
1) แบบทดสอบทา้ ย วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
การสืบเสาะหา - ตรวจแบบทดสอบหลัง - แบบทดสอบหลังเรียน
ความรู้ เรยี น หน่วยการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1
2) แบบทดสอบหลงั ที่ 1 การสบื เสาะหา การสืบเสาะหาความรู้
เรยี น หน่วยการ ความรู้
เรียนรู้ที่ 1 การ
สบื เสาะหาความรู้

2

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การสืบเสาะหาความรู้

7. กจิ กรรมการเรียนรู้

 แผนฯ ท่ี 1 : การสืบเสาะหาความรู้ เวลา 3 ชวั่ โมง

แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นชุดแมบ่ ทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.3 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
2) ผลไมป้ ลอมจานวน 2 ชนิด เช่น แตงโม ชมพู่
3) แบบจาลองการเจริญเติบโตของถ่วั งอกของนักเรียน
4) ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง
5) แผนภูมิวงกลม
6) แผนผงั โรงเรียน
7) บตั รข้อความเก่ียวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
8) ภาพถวั่ งอกขนาดต่าง ๆ
9) เกมปรศิ นาอกั ษรไขว้ เร่ือง ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
10) ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
11) วดิ โี อ

8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) อนิ เทอรเ์ น็ต

3

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การสืบเสาะหาความรู้

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 การสบื เสาะหาความรู้

คาชแี้ จง : ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเครอ่ื งหมายวง ลอ้ มรอบตัวเลขหน้าตัวเลอื ก

1. ข้อใดเป็นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องนาข้อมูลมาแปล 5. การกาหนดความหมายและขอบเขตของคาหรือข้อความ

ความหมายเพ่ือนาไปส่กู ารสรุปผล ตา่ งๆ เป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในข้อใด

1. สมมตฐิ าน 2. รวบรวมขอ้ มลู 1. การสร้างแบบจาลอง

3. วเิ คราะห์ขอ้ มูล 4. สรปุ ผล 22. . กปาัจรกจาัยหใดนมดผี แลลตะอ่คกวาบรคงุมอตกัวขแอปงเรมล็ดพืช

2. การใช้ประสาทสัมผัส ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย 3. การหาความสมั พันธข์ องสเปซกบั เวลา

เพ่ือค้นหาหรือบอกรายละเอียดของส่ิงต่าง ๆ หมายถึง 4. การกาหนดนิยามเชงิ ปฏิบัติการ

ทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ตามข้อใด 6. “มะนาววาดภาพการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวเคราะห์

1. การสังเกต 2. การวดั ในระบบสุริยะ” จากข้อความข้างต้น มะนาวใช้ทักษะ

3. การจาแนกประเภท 4. การใช้จานวน กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ตามขอ้ ใด

3. จากการสารวจต้นไม้บริเวณรอบโรงเรียน พบว่า มีต้น 1. การจาแนกประเภท 2. การใช้จานวน

มะพรา้ ว ตน้ มะมว่ ง ตน้ ไผ่ ตน้ มะขาม ถ้าใช้เกณฑ์พืชใบ 3. การสรา้ งแบบจาลอง 4. การสังเกต

เล้ียงคู่และพืชใบเล้ียงเด่ียว นักเรียนจะจัดกลุ่มได้ 7. ข้อใดไมใ่ ช่ขน้ั ตอนของกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
อยา่ งไร
1. การแก้ปัญหา 2. การตง้ั สมมติฐาน

พชื ใบเลีย้ งคู่ พืชใบเลีย้ งเดี่ยว 3. การรวบรวมขอ้ มูล 4. การสรปุ ผล

1. ตน้ มะพร้าว ตน้ มะขาม ต้นไผ่ 8. มะลิทดลองปลูกต้นถั่วเขียว เมื่อผ่านไป 7 วัน พบว่า ต้นถั่ว

ต้นมะม่วง เขยี วมกี ารเจริญเติบโตขนึ้ เปน็ การใชท้ ักษะตามขอ้ ใด

2. ตน้ มะมว่ ง ต้นไผ่ ต้นมะพร้าว 1. การสร้างแบบจาลอง

ต้นมะขาม 2. การกาหนดและควบคุมตัวแปร

3. ต้นมะมว่ ง ต้นมะขาม ต้นมะพรา้ ว ต้นไผ่ 3. การหาความสัมพันธข์ องสเปชกบั เวลา

4. ต้นไผ่ ตน้ มะขาม ต้นมะพร้าว 4. การกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบัตกิ าร

ตน้ มะมว่ ง 9. ข้อใดไม่ใช่คณุ ลักษณะของบคุ คลทมี่ ีจติ วิทยาศาสตร์

4. มานะพูดกับเพื่อน ๆ ว่า “วันน้ีอากาศอบอ้าว ฟ้ามืด 1. มีความรอบคอบ
คร้ึม สงสัยฝนจะตก” จากข้อความดังกล่าว มานะใช้
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรต์ ามข้อใด 2. มคี วามสนใจในปรากฏการณท์ เ่ี กิดข้นึ
1. การตั้งสมมติฐาน
2. การพยากรณ์ 3. มีความเชือ่ เรอื่ งไสยศาสตร์
3. การจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมลู
4. การหาความสัมพนั ธ์ของสเปซกับเวลา 4. ช่างสังเกต

10. ข้อใดกล่าวถูกต้องเ กี่ยวกับ “การระบุปัญหา การ

ตั้งสมมติฐาน การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และ

การสรุปผล”

1. ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

2. วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์

3. จติ วิทยาศาสตร์

4. ถูกทกุ ขอ้

เฉลย 1. 3 2. 1 3. 3 4. 2 5. 44 6. 3 7. 1 8. 3 9. 3 10. 2

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 การสบื เสาะหาความรู้

แบบทดสอบหลังเรยี น

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การสบื เสาะหาความรู้

คาช้แี จง : ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แล้วทาเคร่อื งหมายวง ลอ้ มรอบตวั เลขหนา้ ตวั เลอื ก

1. การใช้ประสาทสัมผัส ได้แก่ ตา หู จมูก ล้ิน และผิว 6. มานะพูดกับเพ่ือน ๆ ว่า “วันนี้อากาศอบอ้าว ฟ้ามืดครึ้ม

กาย เพื่อค้นหาหรือบอกรายละเอียดของส่ิงต่าง ๆ สงสัยฝนจะตก” จากข้อความดังกล่าว มานะใช้ทักษะ

หมายถงึ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามข้อ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามขอ้ ใด

ใด 1. การตงั้ สมมตฐิ าน

1. การสังเกต 2. การวดั 2. การพยากรณ์

3. การจาแนกประเภท 4. การใชจ้ านวน 3. การจดั กระทาและสื่อความหมายข้อมลู

2. ข้อใดเป็นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องนาข้อมูลมา 4. การหาความสมั พนั ธ์ของสเปซกบั เวลา

แปลความหมายเพ่ือนาไปสกู่ ารสรุปผล 7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่คุณลักษณะของบคุ คลทมี่ ีจติ วทิ ยาศาสตร์

1. สมมตฐิ าน 2. รวบรวมข้อมลู 1. มีความรอบคอบ

3. วิเคราะห์ข้อมลู 4. สรปุ ผล 2. มีความสนใจในปรากฏการณท์ ี่เกดิ ขึ้น

3. จากการสารวจต้นไม้บริเวณรอบโรงเรียน พบว่า มี 3. มคี วามเชอ่ื เร่อื งไสยศาสตร์

ต้นมะพร้าว ต้นมะม่วง ต้นไผ่ ต้นมะขาม ถ้าใช้ 4. ช่างสังเกต

เกณฑ์พืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเล้ียงเด่ียว นักเรียนจะ 8. ข้อใดกล่าวถูกต้องเก่ียวกับ “การระบุปัญหา การ

จดั กลมุ่ ได้อย่างไร ต้ังสมมติฐาน การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล

พชื ใบเลยี้ งคู่ พชื ใบเลย้ี งเดี่ยว และการสรปุ ผล”

1. ตน้ มะพร้าว ตน้ มะม่วง ต้นมะขาม ตน้ ไผ่ 1. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

2. ต้นมะมว่ ง ตน้ ไผ่ ต้นมะพรา้ ว ตน้ มะขาม 2. วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์

3. ต้นมะมว่ ง ต้นมะขาม ตน้ มะพรา้ ว ตน้ ไผ่ 3. จติ วทิ ยาศาสตร์

4 ตน้ ไผ่ ต้นมะขาม ตน้ มะพรา้ ว ต้นมะมว่ ง 4. ถูกทกุ ข้อ

4. การกาหนดความหมายและขอบเขตของคาหรือ 9. มะลิทดลองปลูกต้นถ่ัวเขียว เม่ือผ่านไป 7 วัน พบว่า ต้น

ข้อความต่าง ๆ เป็นทักษะกระบวนการทาง ถ่วั เขียวมีการเจรญิ เตบิ โตข้ึน เป็นการใช้ทกั ษะตามขอ้ ใด

วิทยาศาสตร์ในข้อใด 1. การสรา้ งแบบจาลอง

1. การสรา้ งแบบจาลอง 2. การกาหนดและควบคุมตัวแปร

2. การกาหนดและควบคุมตวั แปร 3. การหาความสัมพนั ธข์ องสเปชกบั เวลา

3. การหาความสัมพนั ธ์ของสเปซกับเวลา 4. การกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ัติการ

4. การกาหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ 10. “มะนาววาดภาพการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาว

5. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ขัน้ ตอนของกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เคราะห์ในระบบสุริยะ” จากข้อความข้างต้น มะนาวใช้

1. การแกป้ ัญหา 2. การตั้งสมมติฐาน ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต์ ามข้อใด

3. การรวบรวมข้อมูล 4. การสรปุ ผล 1. การจาแนกประเภท 2. การใชจ้ านวน

3. การสร้างแบบจาลอง 4. การสังเกต

เฉลย 1. 1 2. 3 3. 3 4. 4 5. 2 6. 2 7. 3 8. 2 9. 3 10. 3

5

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 การสบื เสาะหาความรู้

แบบประเมนิ ผลงาน การสืบเสาะหาความรู้ (สาหรับแผนฯ ท่ี 1)

คาช้แี จง : ให้ผูส้ อนประเมนิ ผลงานของนกั เรยี นแตล่ ะคน โดยใสค่ ะแนนลงในช่องวา่ งตามเกณฑ์การประเมิน ดังน้ี

4 = ดมี าก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรงุ

สมาชกิ ในกลุ่ม

รายการประเมิน คนที่ คนที่ คนที่ คนที่ คนที่

12345

ด้านผลงาน

1. การใช้อปุ กรณ์

2. วธิ กี ารทใี่ ช้ในการสร้างผลงาน

3. ความถูกต้องของผลงาน

4. ผลงานท่ไี ด้สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวนั

ด้านการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ

5. การค้นพบข้อมลู

6. การใชเ้ หตุผล

ด้านการคดิ สร้างสรรค์

7. การยอมรับและเรียนรูส้ งิ่ ใหม่

8. การสรา้ งผลงานอยา่ งสร้างสรรค์

ดา้ นการส่ือสาร

9. การมสี ว่ นร่วมในการสนทนาและการแลกเปลยี่ นความคิดเห็น

10. การใช้เคร่ืองมือดจิ ิทลั

11. การนาเสนอปากเปลา่

ด้านการมีส่วนรว่ มในการทางาน

12. ความสามารถในการเปน็ ผนู้ าและการมีความคิดรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์

13. ความรับผดิ ชอบและทักษะดา้ นผลิตภาพ

คะแนนรวม (แต่ละคน)

รายชอื่ สมาชกิ ในกลุ่ม

1) ชอ่ื ........................................................................................ เลขท.่ี ..............
2) ช่อื ........................................................................................ เลขที่...............
3) ชื่อ........................................................................................ เลขท.่ี ..............
4) ชอ่ื ........................................................................................ เลขท่ี...............
5) ช่อื ........................................................................................ เลขที.่ ..............

6

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 การสบื เสาะหาความรู้

เกณฑ์การใหค้ ะแนนผลงาน การสบื เสาะหาความรู้

เกณฑ์การประเมนิ

รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

(4 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)

ด้านผลงาน

1. การใชอ้ ปุ กรณ์ สามารถระบุและเลือกใช้ สามารถระบุและ สามารถระบุและ สามารถระบุและ

อปุ กรณ์ได้อยา่ งถกู ต้อง เลือกใชอ้ ุปกรณ์ได้ เลอื กใชอ้ ุปกรณ์ เลอื กใชอ้ ุปกรณ์

(เหมาะสม) ครบถว้ น อยา่ งถูกต้อง ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งบ้าง

(เหมาะสม) (เหมาะสม) บางส่วน แต่ต้องไดร้ ับคาแนะนา

เปน็ สว่ นใหญ่ จากครู

2. วธิ กี ารที่ใช้ในการ ปฏิบัตติ ามข้ันตอน ปฏิบัตติ ามขัน้ ตอน ปฏิบัตติ ามขนั้ ตอน สามารถปฏิบตั ิ

สร้างผลงาน วธิ กี ารสรา้ งผลงาน วิธกี ารสรา้ งผลงาน วิธกี ารสร้างผลงาน ตามขั้นตอนวิธกี ารสร้าง

ไดถ้ ูกต้องครบถ้วน ไดถ้ ูกตอ้ งเปน็ ส่วนใหญ่ ได้ถูกตอ้ งบางสว่ น ผลงานได้บา้ ง แต่ต้อง

ได้รบั คาแนะนาจากครู

3. ความถกู ต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง

ของผลงาน ตามหลกั การครบถว้ น ตามหลักการสว่ นใหญ่ ตามหลักการบางสว่ น ตามหลักการบ้าง แตต่ ้อง

ไดร้ บั คาแนะนาจากครู

4. ผลงานท่ไี ด้ สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป

สามารถนาไป ประยุกตใ์ ช้ ประยุกต์ใช้ ประยกุ ต์ใช้ ประยกุ ต์ใช้

ประยกุ ตใ์ ช้ ในชีวติ ประจาวันได้ ในชีวิตประจาวนั ได้ ในชีวติ ประจาวนั ได้ ในชวี ิตประจาวนั ได้

ในชวี ิตประจาวัน สอดคล้องและนาไปใช้ ค่อนข้างสอดคล้องและ สอดคลอ้ งบางสว่ น แตไ่ ม่มีความสอดคล้อง

ได้จริง มแี นวโน้มทจ่ี ะนาไปใช้ได้

ด้านการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ

5. การคน้ พบขอ้ มลู สามารถอธบิ าย สามารถอธบิ าย สามารถอธิบาย สามารถอธบิ าย

ความเข้าใจเง่อื นไข/ ความเขา้ ใจเงอ่ื นไข/ ความเข้าใจเง่ือนไข/ ความเขา้ ใจเงือ่ นไข/

ประเดน็ ปัญหาทไ่ี ด้รบั ได้ ประเด็นปญั หาที่ไดร้ บั ประเด็นปญั หาที่ ประเดน็ ปัญหาทไี่ ดร้ บั

ชดั เจน และแสวงหา ได้ชดั เจน และแสวงหา ไดร้ ับอย่างชัดเจน อยา่ งชดั เจนบางครง้ั

ขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมลู ที่ ขอ้ มูลจากแหล่งข้อมูล และแสวงหาข้อมลู และไม่แสวงหาข้อมลู

นา่ เช่ือถือได้ตรงประเดน็ ทห่ี ลากหลาย และ จากแหลง่ ข้อมลู ที่ เพอื่ ความเขา้ ใจมากขน้ึ

ทงั้ หมด ตรงประเดน็ เป็นสว่ น จากัด แตไ่ ดข้ ้อมลู ที่

ใหญ่ ตรงประเดน็ เพยี ง

บางส่วน

6. การใชเ้ หตุผล อธิบายถงึ เหตุผลใน อธบิ ายถงึ เหตุผลใน สามารถอธิบายถงึ สามารถอธบิ าย

การใชแ้ นวคดิ ทต่ี นเอง การใชแ้ นวคดิ ทตี่ นเอง เหตผุ ลในการใช้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั

คาดคะเนไว้ไปใชใ้ น คาดคะเนไว้ไปใชใ้ น แนวคดิ ท่ีตนเอง เหตุผลในการใช้แนวคิด

การสรา้ งผลงาน และ การสรา้ งผลงาน และ คาดคะเนไวไ้ ปใชใ้ น ท่ีตนเองคาดคะเนไวไ้ ป

อธบิ ายได้อย่างละเอียด มคี าอธิบายชัดเจน การสรา้ งผลงาน และ ใช้ในการสรา้ งผลงาน

7

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 การสืบเสาะหาความรู้

เกณฑ์การประเมิน

รายการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ
(4 คะแนน) (1 คะแนน)
ลกึ ซ้งึ จากแหลง่ ข้อมลู ที่ (3 คะแนน) (2 คะแนน) แต่คาอธิบายขาดความ
หลากหลายและ ชัดเจน และไมม่ ี
น่าเช่ือถอื จากแหลง่ ข้อมลู มคี าอธบิ ายชดั เจน แหลง่ ขอ้ มูลทน่ี ่าเชื่อถอื
เพื่อสนับสนนุ เหตผุ ลน้ัน
หลายแหล่ง บางสว่ น จาก
ไม่ค่อยแสดงออกถึง
แหล่งข้อมลู ทจ่ี ากดั ความพยายามใน
การคน้ หาแนวคิด
ดา้ นการคิดสร้างสรรค์ แสดงออกถึง เรม่ิ แสดงออกถงึ ใหม่ ๆ และไมพ่ ร้อมท่ี
7. การยอมรบั และ แสดงออกถึง ความสามารถใน จะทาความเข้าใจกบั
การค้นหาแนวคิด ความพยายามใน แนวคดิ เหล่านั้น
เรยี นรสู้ ง่ิ ใหม่ ความกระตือรือร้นใน ใหม่ ๆ ยอมรบั และทา การค้นหาแนวคิด
การคน้ หาแนวคิดใหม่ ๆ ความเข้าใจกบั แนวคิด ไมค่ ่อยมีความสามารถ
อยู่ตลอดเวลาสามารถ เหล่าน้นั ได้อย่าง ใหม่ ๆ และยอมรบั ในการใชแ้ นวคิดต่าง ๆ
ปรับตวั เพือ่ ทาความ ชัดเจน เพื่อให้เกดิ เปน็ วธิ ีการ
เข้าใจกบั แนวคิดเหลา่ นัน้ และทาความเขา้ ใจ สร้างผลงานที่
ได้อยา่ งละเอยี ดลกึ ซ้ึง บ่อยคร้งั มี กบั แนวคดิ เหลา่ น้นั สรา้ งสรรคอ์ ยา่ ง
ความสามารถใน เพียงพอ และผลงาน
8. การสร้างผลงาน สามารถใช้แนวคดิ ตา่ ง ๆ การใช้แนวคิดต่าง ๆ แต่ไม่สามารถเข้าใจ ทไ่ี ด้ไมแ่ ตกตา่ งจากผอู้ ่นื
อยา่ งสร้างสรรค์ ในการสรา้ งผลงานท่ี ในการสรา้ งผลงานท่ี
แปลกใหมแ่ ละมีคณุ ภาพ แปลกใหม่ไมซ่ า้ ใคร ได้
รวมทงั้ สามารถนาวธิ กี าร รวมทั้งสามารถนา
สร้างผลงานไปใชไ้ ดจ้ ริง วิธกี ารสร้างผลงานไป บางครัง้ มี
ใชไ้ ดจ้ ริง ความสามารถใน
การใชแ้ นวคิดต่าง ๆ
ในการสร้างผลงาน
ทแ่ี ปลกใหม่ไม่ซา้ ใคร
วิธีการสร้างผลงาน
มแี นวโนม้ นาไปใช้ได้
จรงิ

8

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 การสืบเสาะหาความรู้

ดา้ นการสื่อสาร

9. การมีสว่ นร่วม มีการถามคาถามเพื่อ มีการถามคาถามเพ่ือ เร่ิมมีการถามคาถาม ไม่ค่อยถามคาถามเพื่อ

การสนทนาและ ตรวจสอบความเข้าใจ ตรวจสอบความเข้าใจ เ พ่ื อ ต ร ว จ ส อ บ ตรวจสอบความเข้าใจ

การแลกเปล่ยี น แ ล ะ แ ล ก เ ป ล่ี ย น แ ล ะ แ ล ก เ ป ล่ี ย น ค ว า ม เ ข้ า ใ จ แ ล ะ ห รื อ แ ล ก เ ป ล่ี ย น

ความคดิ เหน็ ความคิดเห็นเกี่ยวข้อง ความคิดเห็นเก่ียวกับ แ ล ก เ ป ลี่ ย น ความคิดเห็นท่ีเก่ียวกับ

กับเรื่องท่ีสนทนาอย่าง เ ร่ื อ ง ที่ ส น ท น า อ ยู่ ความคิดเห็นเกี่ยวกับ เร่อื งทส่ี นทนากนั อยู่

สม่าเสมอ ด้วยการสร้าง บ่อยครั้ง และอธิบาย เรื่องที่สนทนาอยู่เป็น

ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ที่ ดี ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ข อ ง บางคร้ัง และอธิบาย

เกิดความเข้าใจ จูงใจให้ ตนเองให้เช่ือมต่อกับ ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ข อ ง

ร่ ว ม มื อ ย อ ม รั บ ว่ า ความคิดเห็นของผู้อ่ืน ตนเองได้ไม่ชดั เจน

ความคดิ เห็นของผู้อื่นน้ัน อยไู่ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี

สาคญั

10. การใช้เคร่อื งมือ สามารถใชเ้ คร่ืองมือ สามารถใช้เครื่องมือ สามารถใช้เครอ่ื งมอื ไม่ค่อยมีความสามารถ

ดิจทิ ัล สือ่ สารได้อยา่ ง สื่อสารได้อยา่ ง สื่อสารไดอ้ ยา่ ง ในการใชเ้ ครื่องมือ

คล่องแคลว่ ใน การ คลอ่ งแคลว่ ใน คล่องแคลว่ ใน สอ่ื สารได้

อธบิ ายสาระสาคัญของ การอธิบายสาระสาคัญ การอธิบายสาระสาคญั อยา่ งคล่องแคล่ว ใน

ผลงานไดอ้ ยา่ งชดั เจนขน้ึ ของผลงานได้อย่าง ของผลงานได้ แตข่ าด การอธบิ ายสาระสาคัญ

ชดั เจนเป็นสว่ นใหญ่ ความชดั เจน ของผลงานให้ชดั เจน

มากขึ้น

11. การนาเสนอปาก เมอื่ ต้องนาเสนอแบบ เมือ่ ต้องนาเสนอแบบ เมื่อต้องนาเสนอแบบ เมือ่ ต้องนาเสนอแบบ

เปล่า ปากเปลา่ ใช้น้าเสียงที่ดงั ปากเปล่า ใช้เสยี งท่ดี งั ปากเปลา่ เริม่ ใช้เสยี ง ปากเปล่า มกั จะใช้เสียง

เหมาะสมอย่างสม่าเสมอ แต่ไมส่ ม่าเสมอ ทีด่ ังขนึ้ แต่ไม่ เบาเกนิ ไปจนผู้ฟังไดย้ นิ

สามารถอธบิ ายและ สามารถตอบคาถาม เพียงพอให้ผู้ฟัง ไม่ถนัด และไม่สามารถ

ตอบคาถามในหัวข้อ เพอื่ แสดงออกถงึ ทง้ั หมดได้ยิน ตอบคาถาม

การนาเสนออย่างมี ความเขา้ ใจในหวั ข้อที่ สามารถตอบคาถาม เพื่อแสดงออกถงึ

อรรถรสและนา่ ติดตาม นาเสนอได้อยา่ ง เพื่อแสดงออกถึง ความเข้าใจในหวั ข้อท่ี

ทาใหผ้ ฟู้ ังเกิดความสนใจ ถกู ต้องลกึ ซึง้ และมี ความเข้าใจในหัวข้อ นาเสนอได้อย่างถูกต้อง

ต่อการนาเสนอข้อมลู ความมั่นใจ ทนี่ าเสนอได้อยา่ ง มั่นใจ

เป็นอยา่ งมาก ถกู ต้องบางส่วนและ

เรมิ่ มีความมัน่ ใจ

9

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 การสบื เสาะหาความรู้

ดา้ นการมสี ว่ นรว่ มในการทางาน

12. ความสามารถ มีความเขา้ ใจขอบเขตและ มีความเขา้ ใจขอบเขต มคี วามเข้าใจขอบเขต มคี วามเข้าใจขอบเขต

ในการเปน็ ผู้นา ความสาคัญของ และความสาคัญของ และความสาคญั ของ และความสาคญั ของ

และการมี การทางานกลุ่ม แสดง การทางานกลมุ่ แสดง การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม แต่ไม่

ความคดิ ริเรมิ่ ความรับผดิ ชอบใน ความรบั ผิดชอบใน แสดงความ คอ่ ยแสดง

สรา้ งสรรค์ การดาเนินการตาม การดาเนินการตาม รบั ผิดชอบใน ความรบั ผิดชอบใน

แผนงานอยา่ งสม่าเสมอ แผนงานอย่าง การดาเนนิ การ การดาเนนิ การตาม

และสามารถทาหน้าที่ สมา่ เสมอ ตามแผนงานบางครั้ง แผนงาน

อน่ื ๆ ได้นอกเหนือจาก

งานในความรบั ผิดชอบ

13. ความรบั ผดิ ชอบ มีความกระตือรอื ร้น มีความสมคั รใจใน มีความความสมัครใจ ขาดความสมัครใจใน

และทักษะ ในงานที่รบั ผดิ ชอบและ การรับผดิ ชอบภาระ ในการรบั ผดิ ชอบ การรับผิดชอบภาระ

ด้านผลิตภาพ เป็นผูก้ ระต้นุ ใหเ้ กดิ ตา่ ง ๆ ให้ความ ภาระต่าง ๆ ให้ ตา่ งๆ มกั ไม่คอ่ ยให้

การทางานกลุ่ม จนได้ ชว่ ยเหลอื ผู้อ่ืน จนได้ ความช่วยเหลอื ผู้อนื่ ความชว่ ยเหลอื ผู้อนื่

ผลงานท่ีมคี ุณภาพ ผลงานตามท่กี าหนดไว้ จนได้ผลงานตามท่ี และไมไ่ ดผ้ ลงานตามท่ี

บอ่ ยคร้งั กาหนดไวบ้ างครง้ั กาหนดไว้

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
44-52 ดมี าก
35-43 ดี
26-34 พอใช้
ต่ากวา่ 26 ปรบั ปรงุ

10

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การสบื เสาะหาความรู้

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล

ช่ือ......................................................................................................เลขที่................ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 ห้อง...........

คาชีแ้ จง : ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด  ลงในช่องท่ตี รงกบั ระดับคะแนน

ขอ้ การสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน ระดับความคิดเห็น
321

มวี นิ ัย

1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลงในการเรียนสมา่ เสมอ

2 ทางานท่ีไดร้ ับมอบหมายอยา่ งตั้งใจ

3 ทางานเสร็จส่งตามเวลาท่ีกาหนด

ใฝ่เรียนรู้

4 รว่ มทากจิ กรรมต่าง ๆ ที่ครูจดั ใหอ้ ย่างตั้งใจ

5 เอาใจใส่งานที่ได้รบั มอบหมาย

6 ตอบคาถามครอู ย่างสมา่ เสมอ

มงุ่ มนั่ ในการทางาน

7 ปฏิบัติหนา้ ที่ทไ่ี ดร้ ับมอบหมายอย่างตัง้ ใจ มีความรบั ผิดชอบ

8 ปรับปรุง แก้ปญั หาในการทางานให้สาเร็จ

9 พฒั นาการเรียนของตนเองตลอดเวลา

เกณฑใ์ ห้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั (70%) ให้ 2 คะแนน 23-27 ดมี าก

ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั (50%) ให้ 1 คะแนน 18-22 ดี

13-17 พอใช้

ตา่ กว่า 13 ปรับปรุง

11

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 การสบื เสาะหาความรู้

แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม

คาชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน

ลาดบั ชื่อ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมีนา้ ใจ การมี รวม
ที่ ของนักเรยี น ความคิดเห็น ฟงั คนอน่ื ตามท่ีได้รบั ส่วนร่วมใน 15
มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน
ผลงานกลุ่ม

321321321321321

เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั (70%) ให้ 2 คะแนน 14-15 ดมี าก
11-13 ดี
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน 8-10 พอใช้
ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง

12

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ชวี ิตของมนุษยแ์ ละสตั ว์

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2
ชวี ติ ของมนุษยแ์ ละสัตว์

เวลา 14 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ดั

ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์
ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและ
หนา้ ท่ีของอวัยวะตา่ ง ๆ ของพืชทท่ี างานสมั พนั ธ์กนั รวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ว 1.2 ป.3/1 บรรยายสงิ่ ทจ่ี าเป็นต่อการดารงชวี ติ และการเจริญเตบิ โตของมนุษย์และสัตว์ โดยใช้ข้อมูลท่ีรวบรวม
ได้
ป.3/2 ตระหนักถึงประโยชน์ของอาหาร น้า และอากาศ โดยการดูแลตนเองและสัตว์ให้ได้รับส่ิงเหล่านี้
อยา่ งเหมาะสม
ป.3/3 สร้างแบบจาลองท่บี รรยายวฏั จักรของสตั ว์ และเปรยี บเทยี บวฏั จกั รชีวิตของสตั วบ์ างชนดิ ได้
ป.3/4 ตระหนกั ถงึ คุณค่าของชวี ติ สตั ว์ โดยไม่ทาให้วัฏจกั รของสัตวเ์ ปล่ียนแปลง

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1) มนุษย์และสัตว์ต้องการอาหาร น้า และอากาศ เพ่ือการดารงชีวิตและการเจริญเติบโต อาหารช่วยให้ร่างกาย
แขง็ แรงและเจรญิ เตบิ โต น้าช่วยใหร้ ่างกายทางานไดอ้ ย่างปกติ อากาศใช้ในการหายใจ
2) อาหารช่วยใหร้ า่ งกายแข็งแรงและเจริญเติบโต น้าชว่ ยใหร้ ่างกายทางานไดอ้ ย่างปกติ อากาศใชใ้ นการหายใจ
3) สัตว์เม่ือเป็นตัวเต็มวัยจะสืบพันธุ์มีลูก เม่ือลูกเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยก็สืบพันธุ์มีลูกต่อไปได้อีก หมุนเวียน
ต่อเนื่องเป็นวัฏจักรชีวิตของสัตว์ ซ่ึงสัตว์แต่ละชนิด เช่น ผีเส้ือ กบ ไก่ มนุษย์ จะมีวัฏจักรชีวิตที่เฉพาะ
และแตกตา่ งกัน

2.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ
(พจิ ารณาตามหลักสูตรสถานศกึ ษา)

3. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

มนุษย์จะดารงชีวิตอยู่ได้นั้นต้องอาศัยปัจจัยในการดารงชีวิต เพ่ือให้สามารถดารงชีวิตอยู่ได้ สิ่งที่จาเป็นในการดารงชีวิต
ของมนุษย์มี 3 ประการ ได้แก่ อาหาร น้า และอากาศ ถ้ามนุษย์ขาดสิ่งใดสิ่งหน่ึงไปอาจทาให้ดารงชีวิตอยู่ได้อย่างยากลาบาก
และอาจตายได้ในที่สดุ

รา่ งกายของมนษุ ย์ต้องการอาหาร น้า และอากาศในปริมาณท่ีเหมาะสม ซึ่งอาหารช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและเจริญเติบโต
น้าช่วยให้ร่างกายทางานได้อย่างปกติ และอากาศใช้ในการหายใจ ดงั นั้น มนษุ ย์จงึ ต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้อง

สัตว์เป็นส่ิงมีชีวิตท่ีสามารถเจริญเติบโต สืบพันธุ์ และออกลูกออกหลานได้ เพ่ือดารงเผ่าพันธุ์ให้อยู่ต่อไป เม่ือลูกสัตว์
ออกมาหรือฟกั ออกจากไข่ จะเปลี่ยนแปลงและเจริญเติบโตจนเปน็ ตวั เตม็ วยั แลว้ สามารถสืบพนั ธ์ุออกลกู หลานได้ ซ่ึงจะเกิดการ
หมนุ เวียนแบบนไ้ี ปเรื่อย ๆ เรยี กว่า วฏั จกั รชีวิตของสตั ว์

29

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 ชีวติ ของมนุษยแ์ ละสตั ว์

4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1) ความสามารถในการสือ่ สาร 1) ทกั ษะการสงั เกต 1) มีวนิ ยั

2) ความสามารถในการคดิ 2) ทกั ษะการจาแนกประเภท 2) ใฝเ่ รียนรู้

3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3) ทกั ษะการตั้งสมมตฐิ าน 3) มุ่งม่ันในการทางาน

4) ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมูล

5) ทักษะการจัดกระทา

และการสื่อความหมายข้อมูล

5. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- แผนภาพหรือแผนผัง ประโยชน์ของอาหาร นา้ และอากาศทีม่ ตี ่อสตั ว์

6. การวดั และการประเมนิ ผล วิธีวัด เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
- ประเมินตามสภาพจรงิ
รายการวัด - ตรวจแบบทดสอบก่อน - แบบทดสอบก่อนเรยี น
6.1 การประเมนิ ก่อนเรียน เรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ที่ 2 ความหลากหลาย ความหลากหลาย - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
1) แบบทดสอบกอ่ น ของสงิ่ มีชวี ติ ของสงิ่ มชี วี ติ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เรียน หน่วย
การเรยี นรู้ท่ี 2 - ตรวจสมุดประจาตัว - สมดุ ประจาตวั หรือ
ปัจจัยทีจ่ าเปน็ ตอ่ หรือหนังสือเรยี น หนงั สือเรยี น
การดารงชีวติ ของ ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน ชดุ แม่บทมาตรฐาน
มนุษย์ วทิ ยาศาสตร์ ป.3 วิทยาศาสตร์ ป.3

6.2 ประเมินระหวา่ ง - ตรวจสมดุ ประจาตวั - สมุดประจาตัวหรอื
การจัดกิจกรรม หรอื หนังสือเรยี น หนงั สือเรยี นชุดแมบ่ ท
การเรยี นรู้ ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
1) บนั ทึกผลการทา วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3
กจิ กรรมลองทาดู
(เร่อื งที่ 1) - ตรวจสมุดประจาตัว - สมดุ ประจาตัวหรือ
หรอื หนงั สอื เรยี น หนงั สอื เรียน
2) บนั ทึกผล ชุดแม่บทมาตรฐาน ชุดแม่บทมาตรฐาน
การทากิจกรรม วทิ ยาศาสตร์ ป.3 วทิ ยาศาสตร์ ป.3
ลองทาดู (เร่ืองท่ี 2)

3) บันทกึ ผลการทา
กิจกรรมพัฒนา
ทักษะกระบวน
การทาง

30

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ชีวติ ของมนษุ ยแ์ ละสตั ว์ วิธีวัด เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน
- ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
รายการวดั - ตรวจสมุดประจาตัว - สมุดประจาตัวหรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
วิทยาศาสตร์ท่ี 1 หรอื หนังสือเรยี น หนังสอื เรยี น - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
และ 2 ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
4) บนั ทกึ ผล วทิ ยาศาสตร์ ป.3 วทิ ยาศาสตร์ ป.3 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
การทาแบบฝึก - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
พฒั นาการเรียนรู้ที่ - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตัวหรือ
1 และ 2 หรอื หนังสือเรียน หนังสอื เรยี น - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
5) สรุปสาระสาคญั ชดุ แม่บทมาตรฐาน ชดุ แม่บทมาตรฐาน - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ประจาเรื่องท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ ป.3 วทิ ยาศาสตร์ ป.3
และ 2
- ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตวั หรอื
6) กิจกรรมพัฒนา หรือหนังสอื เรยี น หนงั สือเรยี น
ทักษะการคดิ ชดุ แม่บทมาตรฐาน ชดุ แม่บทมาตรฐาน
ประจาเรอื่ งที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ ป.3 วทิ ยาศาสตร์ ป.3
และ 2
- ตรวจสมุดประจาตัว - สมุดประจาตัวหรือ
7) กจิ กรรมพัฒนา หรือหนงั สอื เรียน หนังสือเรยี น
ทักษะแห่งศตวรรษ ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน ชดุ แม่บทมาตรฐาน
ท่ี 21 (เรอื่ งท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ ป.3 วิทยาศาสตร์ ป.3
และ 2)
- ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตวั หรือ
8) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ หรือหนงั สอื เรยี น หนงั สือเรยี น
ตามตัวชวี้ ดั ประจา ชดุ แม่บทมาตรฐาน ชดุ แม่บทมาตรฐาน
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 วิทยาศาสตร์ ป.3 วิทยาศาสตร์ ป.3
บทที่ 1 และบทที่ 2 - ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง
อาหารทม่ี ปี ระโยชน์ - แบบประเมนิ ใบงาน
9) ใบงานบทที่ 1 และไม่มีประโยชน์
- ใบงานที่ 2.2 เร่อื ง - แบบประเมนิ ใบงาน
10) ใบงานบทที่ 2 การสารวจตนเอง
- ใบงานที่ 2.3 เรื่อง - แบบประเมินชนิ้ งาน
11) แผนผังหรอื การออกลูกของสัตว์
แผนภาพ - ตรวจและประเมนิ
- ประโยชนข์ อง ชิน้ งาน
อาหาร น้า และ
อากาศทม่ี ีตอ่ สัตว์
- การปอ้ งกันตวั เอง
จาก PM 2.5

31

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ชวี ิตของมนษุ ย์และสตั ว์ วธิ วี ัด เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
- สังเกตพฤตกิ รรมทางาน - แบบสังเกตพฤติกรรมการ - คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี
รายการวัด ผา่ นเกณฑ์
12) พฤติกรรมการ รายบุคคล ทางานรายบคุ คล - ระดบั คุณภาพ ดี
- สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรมการ
ทางานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
13) พฤติกรรม การทางานกลุ่ม ทางานกลุ่ม - คุณภาพอยูใ่ นระดับ ดี
- การส่งสมุดทา้ ยคาบ - สมุดบนั ทึกประจาตวั ผา่ นเกณฑ์
การทางานกลุ่ม
14) สมุดบันทกึ - ตรวจหนังสอื เรยี น นักเรยี น - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ชุดแม่บทมาตรฐาน
ประจาตวั นักเรยี น วิทยาศาสตร์ ป.3 - หนังสอื เรียน - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
6.3 การประเมินหลงั เรยี น ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน
- ตรวจแบบทดสอบหลงั วิทยาศาสตร์ ป.3
1) แบบทดสอบทา้ ย เรียน หน่วยการเรยี นรู้
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ที่ 2 ปจั จยั ที่จาเป็นต่อ - แบบทดสอบหลงั เรียน
ปจั จยั ทจ่ี าเปน็ การดารงชีวติ ของ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2
ต่อการดารงชวี ิต มนุษย์ ปจั จัยท่ีจาเป็นต่อ
ของมนษุ ย์ การดารงชีวิตของมนุษย์

2) แบบทดสอบ
หลงั เรยี น
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2
ปัจจัยทจี่ าเป็นตอ่
การดารงชีวิตของ
มนษุ ย์

7. กจิ กรรมการเรียนรู้ เวลา 4 ชั่วโมง
 แผนฯ ที่ 1 : ปัจจัยทีจ่ าเปน็ ตอ่ การดารงชีวติ ของมนษุ ย์ เวลา 4 ชวั่ โมง
เวลา 4 ช่วั โมง
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model เวลา 2 ช่วั โมง

 แผนฯ ท่ี 2 : ปัจจัยท่จี าเปน็ ตอ่ การดารงชวี ิตของสัตว์ (รวมเวลา 14 ชั่วโมง)

แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ที่ 3 : วัฏจกั รของชีวิตของสตั ว์

แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ที่ 4 : การดูแลรกั ษาวัฏจกั รชวี ิตของสตั ว์

แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model

8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียนชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.3
2) แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ปจั จยั ทจี่ าเป็นตอ่ การดารงชวี ิตของมนษุ ย์
3) บตั รภาพอาหารตา่ ง ๆ

32

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 ชีวิตของมนษุ ยแ์ ละสตั ว์

4) บตั รภาพโรงงานอุตสาหกรรม
5) ภาพการแยกสว่ นประกอบของอาหาร
6) ใบงานที่ 2.1 เร่ือง อาหารท่ีมปี ระโยชน์และไม่มปี ระโยชน์
7) ใบงานที่ 2.2 เรอ่ื ง การสารวจตนเอง
8) ใบงานที่ 2.3 เรอ่ื ง การออกลกู ของสัตว์
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) อินเทอร์เนต็

33

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ชีวิตของมนษุ ย์และสตั ว์

แบบทดสอบก่อนเรยี น

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ชวี ติ ของมนุษยแ์ ละสัตว์

คาชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเครือ่ งหมายวง ลอ้ มรอบตัวเลขหนา้ ตวั เลือก

1. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยในการดารงชีวิตของมนุษย์และ 7. นักเรียนคนใดปฏิบัติตนในการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ได้อย่าง
เหมาะสมที่สุด
สตั ว์ 1. ดาวท้ิงขยะลงแมน่ า้
2. พราวใชย้ าฆ่าแมลงฉีดพ่นต้นพืช
1. ขา้ ว 2. นา้ เปลา่ 3. ฟ้าใสไมล่ า่ หรือจับสตั วใ์ นฤดูวางไข่
4. ก้ลี กั ลอบตดั ต้นไม้เพอ่ื นาไปสร้างบ้าน
3. กอ้ นหนิ 4. อากาศ
8. สัตว์ในขอ้ ใดมวี ฏั จกั รชวี ิตท่ตี ่างจากพวก
2. แกส๊ ชนดิ ใดที่มนุษย์และสัตว์ใชใ้ นการหายใจ 1. ยงุ
2. มา้
1. แกส๊ ออกซเิ จน 3. แมว
4. สุนัข
2. แกส๊ ไนโตรเจน
9. สัตว์ในขอ้ ใดมวี ฏั จักรชีวิต ดงั แผนภาพ
3. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
ไข่ ตัวออ่ น
4. แกส๊ คารบ์ อนมอนอกไซด์

3. ใน 1 วนั นักเรยี นควรดื่มนา้ สะอาดประมาณก่ีแกว้

1. 1-2 แกว้ 2. 4-5 แกว้

3. 6-8 แกว้ 4. 10-12 แกว้

4. ถ้าหากเรารับประทานอาหารจาพวกน้าอัดลม มัน

ฝรั่งทอด และขนมหวาน เป็นประจาทุกวัน จะ

สง่ ผลอย่างไร

1. โรคอ้วน 2. โรคไมเกรน

3. โรคสมองเสอ่ื ม 4. โรคไตวาย ตวั เตม็ วัย ดักแด้

5. บริเวณใดที่มอี ากาศสดชืน่

1. ชุมชนแออดั 1. หนู 2. กบ
3. ตั๊กแตน 4. แมลงวนั
2. สวนสาธารณะ 10. “หลังจากปฏิสนธิแล้วสัตว์ตัวเมียจะตั้งท้อง และเมื่อถึงเวลา
ก็จะออกลูกเป็นตัวอ่อนที่มีลักษณะคล้ายพ่อแม่” จาก
3. โรงงานอตุ สาหกรรม ข้อความข้างต้นเปน็ สตั ว์ชนดิ ใด
1. ววั
4. ถนนท่มี ีการจราจรตดิ ขดั 2. ปลา
3. ผเี สอ้ื
6. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องที่สุด 4. หง่ิ ห้อย

1. ไก่ มีวฏั จกั รชวี ิต 2 ระยะ

2. กบ มวี ฏั จักรชวี ติ 2 ระยะ

3. สุนขั มีวัฏจกั รชีวติ 4 ระยะ

4. แมลงสาบ มีวฏั จักรชวี ิต 3 ระยะ

เฉลย 1. 3 2. 1 3. 3 4. 1 5. 2 6. 3 7. 3 8. 1 9. 4 10. 1

34

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 ชีวิตของมนุษยแ์ ละสตั ว์

แบบทดสอบหลงั เรยี น

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ชีวติ ของมนษุ ยแ์ ละสัตว์

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเคร่ืองหมายวง ล้อมรอบตัวเลขหน้าตัวเลือก

1. ใน 1 วัน นักเรียนควรดื่มน้าสะอาดประมาณกี่ 6. สตั ว์ในข้อใดมวี ฏั จักรชีวติ ท่ตี า่ งจากพวก
แก้ว
1. 1-2 แกว้ 1. ยุง
2. 4-5 แก้ว
3. 6-8 แกว้ 2. มา้
4. 10-12 แกว้
3. แมว
2. ถา้ หากเรารับประทานอาหารจาพวกน้าอัดลม มัน
ฝร่ังทอด และขนมหวาน เป็นประจาทุกวัน จะ 4. สุนขั
ส่งผลตอ่ รา่ งกายอย่างไร
1. โรคอว้ น 7. ข้อใดกล่าวถูกต้องท่ีสุด
2. โรคไตวาย
3. โรคไมเกรน 1. ไก่ มวี ฏั จักรชีวิต 2 ระยะ
4. โรคสมองเสอ่ื ม
2. กบ มีวัฏจักรชีวิต 2 ระยะ
3. บรเิ วณใดทีม่ ีอากาศสดช่นื
1. ชมุ ชนแออดั 3. สุนัข มีวัฏจกั รชีวติ 4 ระยะ
2. สวนสาธารณะ
3. โรงงานอตุ สาหกรรม 4. แมลงสาบ มีวัฏจกั รชวี ติ 3 ระยะ
4. ถนนท่ีมกี ารจราจรตดิ ขัด
8. นกั เรยี นคนใดปฏิบตั ิตนในการอนรุ ักษ์สตั วไ์ ม่ให้สญู พนั ธุ์ได้
4. แกส๊ ชนดิ ใดทม่ี นุษย์และสัตว์ใช้ในการหายใจ
1. แกส๊ ออกซิเจน อยา่ งเหมาะสมทสี่ ุด
2. แก๊สไนโตรเจน
3. แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ 1. ดาวทิง้ ขยะลงแมน่ า้
4. แก๊สคารบ์ อนมอนอกไซด์
2. พราวใชย้ าฆา่ แมลงฉดี พ่นต้นพชื
5. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยในการดารงชีวิตของมนุษย์และ
สตั ว์ 3. ฟ้าใสไมล่ ่าหรอื จบั สัตว์ในฤดูวางไข่
1. ขา้ ว
2. น้าเปลา่ 4. ก้ลี กั ลอบตัดต้นไม้เพื่อนาไปสรา้ งบ้าน
3. กอ้ นหิน
4. อากาศ 9. “หลงั จากปฏสิ นธแิ ลว้ สัตวต์ ัวเมยี จะตัง้ ท้อง และเมอ่ื ถงึ เวลา

ก็จะออกลกู เป็นตัวออ่ นท่ีมีลักษณะคลา้ ยพ่อแม่” จาก

ขอ้ ความข้างต้นเป็นสตั ว์ชนิดใด

1. วัว 2. ปลา

3. ผเี ส้ือ 4. ห่ิงห้อย

10. สตั วใ์ นข้อใดมีวัฏจักรชวี ติ ดงั แผนภาพ

ไข่ ตวั อ่อน

ตัวเตม็ วัย ดกั แด้

1. หนู 2. กบ
3. ต๊ักแตน 4. แมลงวนั

เฉลย แ

1. 3 2. 1 3. 2 4. 1 5. 3 6. 1 7. 4 8. 3 9. 1 10. 4

35

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ชวี ิตของมนษุ ย์และสตั ว์

แบบประเมนิ ผลงาน ชีวิตของมนุษยแ์ ละสตั ว์ (สาหรับแผนฯ ที่ 2)

คาชีแ้ จง : ให้ผ้สู อนประเมินผลงานของนักเรียนแต่ละคน โดยใสค่ ะแนนลงในช่องวา่ งตามเกณฑก์ ารประเมิน ดังนี้

4 = ดมี าก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรบั ปรงุ

สมาชกิ ในกลุ่ม

รายการประเมิน คนท่ี คนท่ี คนท่ี คนที่ คนท่ี

12345

ดา้ นผลงาน

1. การใชอ้ ุปกรณ์

2. วิธีการท่ีใช้ในการสรา้ งผลงาน

3. ความถกู ต้องของผลงาน

4. ผลงานทีไ่ ด้สามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจาวัน

ดา้ นการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ

5. การค้นพบขอ้ มลู

6. การใช้เหตผุ ล

ดา้ นการคิดสรา้ งสรรค์

7. การยอมรบั และเรียนร้สู ิง่ ใหม่

8. การสรา้ งผลงานอย่างสร้างสรรค์

ดา้ นการสื่อสาร

9. การมีส่วนรว่ มในการสนทนาและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

10. การใช้เครื่องมือดิจิทัล

11. การนาเสนอปากเปลา่

ด้านการมสี ่วนร่วมในการทางาน

12. ความสามารถในการเปน็ ผนู้ าและการมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

13. ความรับผดิ ชอบและทักษะดา้ นผลิตภาพ

คะแนนรวม (แตล่ ะคน)

รายชื่อสมาชกิ ในกลุ่ม

1) ชอ่ื ........................................................................................ เลขที่...............
2) ชื่อ........................................................................................ เลขท่ี...............
3) ชอื่ ........................................................................................ เลขท.ี่ ..............
4) ชอ่ื ........................................................................................ เลขที.่ ..............
5) ชื่อ........................................................................................ เลขที่...............

36

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 ชีวิตของมนษุ ยแ์ ละสตั ว์

เกณฑ์การใหค้ ะแนนผลงาน การสบื เสาะหาความรู้

เกณฑก์ ารประเมนิ

รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง

(4 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)

ด้านผลงาน

1. การใช้อปุ กรณ์ สามารถระบุและเลือกใช้ สามารถระบุและ สามารถระบุและ สามารถระบุและ

อปุ กรณ์ได้อย่างถกู ต้อง เลือกใช้อุปกรณ์ได้ เลือกใชอ้ ุปกรณ์ เลือกใชอ้ ุปกรณ์

(เหมาะสม) ครบถว้ น อยา่ งถูกต้อง ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ได้อยา่ งถูกตอ้ งบ้าง

(เหมาะสม) (เหมาะสม) บางสว่ น แตต่ อ้ งไดร้ ับคาแนะนา

เป็นสว่ นใหญ่ จากครู

2. วธิ ีการที่ใช้ในการ ปฏิบัติตามขั้นตอน ปฏิบตั ิตามขน้ั ตอน ปฏบิ ตั ติ ามข้นั ตอน สามารถปฏิบัติ

สร้างผลงาน วิธกี ารสรา้ งผลงาน วิธีการสร้างผลงาน วิธีการสรา้ งผลงาน ตามข้ันตอนวิธกี ารสร้าง

ไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น ได้ถูกตอ้ งเป็นสว่ นใหญ่ ได้ถูกตอ้ งบางส่วน ผลงานไดบ้ า้ ง แต่ต้อง

ได้รบั คาแนะนาจากครู

3. ความถูกต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง

ของผลงาน ตามหลกั การครบถว้ น ตามหลักการสว่ นใหญ่ ตามหลกั การบางส่วน ตามหลกั การบ้าง แตต่ ้อง

ไดร้ บั คาแนะนาจากครู

4. ผลงานที่ได้ สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป

สามารถนาไป ประยกุ ต์ใช้ ประยุกต์ใช้ ประยกุ ตใ์ ช้ ประยกุ ต์ใช้

ประยกุ ตใ์ ช้ ในชวี ิตประจาวันได้ ในชวี ิตประจาวนั ได้ ในชวี ติ ประจาวนั ได้ ในชวี ติ ประจาวนั ได้

ในชีวิตประจาวนั สอดคล้องและนาไปใช้ ค่อนข้างสอดคล้องและ สอดคลอ้ งบางส่วน แตไ่ ม่มคี วามสอดคล้อง

ได้จรงิ มีแนวโน้มทจี่ ะนาไปใชไ้ ด้

ด้านการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ

5. การคน้ พบขอ้ มลู สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย สามารถอธบิ าย

ความเขา้ ใจเง่ือนไข/ ความเข้าใจเงอื่ นไข/ ความเขา้ ใจเงือ่ นไข/ ความเข้าใจเงื่อนไข/

ประเดน็ ปญั หาท่ไี ดร้ บั ได้ ประเด็นปัญหาทไี่ ดร้ บั ประเด็นปัญหาท่ี ประเด็นปัญหาท่ีได้รับ

ชัดเจน และแสวงหา ได้ชดั เจน และแสวงหา ได้รับอยา่ งชัดเจน อยา่ งชัดเจนบางคร้งั

ขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมลู ที่ ขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมูล และแสวงหาข้อมูล และไมแ่ สวงหาข้อมูล

น่าเช่ือถอื ไดต้ รงประเดน็ ทีห่ ลากหลายและ ตรง จากแหลง่ ข้อมลู ที่ เพอื่ ความเข้าใจมากข้ึน

ทั้งหมด ประเดน็ เป็นส่วนใหญ่ จากัด แต่ไดข้ ้อมลู ท่ี

ตรงประเด็นเพียง

บางส่วน

6. การใชเ้ หตุผล อธบิ ายถงึ เหตผุ ลใน อธิบายถงึ เหตุผลใน สามารถอธบิ ายถงึ สามารถอธบิ าย

การใช้แนวคิดที่ตนเอง การใชแ้ นวคิดที่ตนเอง เหตุผลในการใช้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั

คาดคะเนไวไ้ ปใช้ใน คาดคะเนไวไ้ ปใช้ใน แนวคดิ ท่ีตนเอง เหตผุ ลในการใช้แนวคดิ

การสร้างผลงาน และ การสร้างผลงาน และ คาดคะเนไวไ้ ปใช้ใน ท่ีตนเองคาดคะเนไว้ไป

อธิบายได้อยา่ งละเอยี ด มคี าอธิบายชัดเจน การสร้างผลงาน และ ใชใ้ นการสร้างผลงาน

37

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 ชีวิตของมนุษยแ์ ละสตั ว์

เกณฑ์การประเมิน

รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง
(4 คะแนน) (1 คะแนน)
ลกึ ซ้ึง จากแหลง่ ข้อมลู ท่ี (3 คะแนน) (2 คะแนน) แต่คาอธิบายขาดความ
หลากหลายและ ชัดเจน และไมม่ ี
น่าเช่อื ถือ จากแหล่งข้อมลู มีคาอธบิ ายชดั เจน แหลง่ ขอ้ มลู ท่ีน่าเชื่อถือ
เพ่ือสนบั สนนุ เหตผุ ลน้นั
หลายแหล่ง บางสว่ น จาก
ไม่ค่อยแสดงออกถึง
แหลง่ ขอ้ มูลทีจ่ ากัด ความพยายามใน
การคน้ หาแนวคิด
ดา้ นการคิดสร้างสรรค์ แสดงออกถึง เร่มิ แสดงออกถงึ ใหม่ ๆ และไม่พร้อมที่
7. การยอมรบั และ แสดงออกถึง ความสามารถใน จะทาความเขา้ ใจกับ
การคน้ หาแนวคิด ความพยายามใน แนวคดิ เหลา่ น้นั
เรียนรู้สงิ่ ใหม่ ความกระตือรือรน้ ใน ใหม่ ๆ ยอมรบั และทา การค้นหาแนวคิด
การค้นหาแนวคิดใหม่ ๆ ความเข้าใจกบั แนวคดิ ไมค่ ่อยมีความสามารถ
อย่ตู ลอดเวลาสามารถ เหลา่ น้ันไดอ้ ย่าง ใหม่ ๆ และยอมรับ ในการใชแ้ นวคดิ ต่าง ๆ
ปรับตวั เพ่อื ทาความ ชัดเจน เพ่ือให้เกดิ เปน็ วธิ ีการ
เข้าใจกับแนวคดิ เหลา่ นน้ั และทาความเข้าใจ สรา้ งผลงานที่
ได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง บอ่ ยครงั้ มี กับแนวคดิ เหลา่ น้ัน สรา้ งสรรคอ์ ยา่ ง
ความสามารถใน เพียงพอ และผลงาน
8. การสร้างผลงาน สามารถใชแ้ นวคิดตา่ ง ๆ การใชแ้ นวคดิ ต่าง ๆ แตไ่ ม่สามารถเข้าใจ ที่ได้ไม่แตกต่างจากผอู้ ่นื
อย่างสรา้ งสรรค์ ในการสรา้ งผลงานที่ ในการสร้างผลงานท่ี
แปลกใหมแ่ ละมีคณุ ภาพ แปลกใหม่ไม่ซา้ ใคร ได้
รวมทง้ั สามารถนาวธิ ีการ รวมทั้งสามารถนา
สร้างผลงานไปใช้ได้จริง วิธกี ารสร้างผลงานไป บางครง้ั มี
ใช้ไดจ้ รงิ ความสามารถใน
การใช้แนวคิดต่าง ๆ
ในการสรา้ งผลงาน
ทีแ่ ปลกใหม่ไม่ซา้ ใคร
วธิ กี ารสร้างผลงาน
มีแนวโน้มนาไปใชไ้ ด้
จรงิ

38

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 ชวี ติ ของมนษุ ยแ์ ละสตั ว์

ด้านการส่อื สาร

9. การมีสว่ นร่วม มกี ารถามคาถามเพอ่ื มีการถามคาถามเพ่อื เรม่ิ มีการถามคาถาม ไม่ค่อยถามคาถามเพื่อ

การสนทนาและ ตรวจสอบความเขา้ ใจ ตรวจสอบความเข้าใจ เพ่ือตรวจสอบ ตรวจสอบความเข้าใจ

การแลกเปลย่ี น และแลกเปลย่ี น และแลกเปลี่ยน ความเข้าใจและ หรอื แลกเปล่ยี น

ความคิดเหน็ ความคดิ เห็นเกย่ี วขอ้ ง ความคิดเหน็ เก่ยี วกบั แลกเปลี่ยน ความคิดเห็นทีเ่ กีย่ วกบั

กับเรอ่ื งท่ีสนทนาอยา่ ง เร่อื งที่สนทนาอยู่ ความคดิ เห็นเกีย่ วกับ เรือ่ งทสี่ นทนากันอยู่

สม่าเสมอ ดว้ ยการสรา้ ง บ่อยครง้ั และอธิบาย เร่อื งทส่ี นทนาอยเู่ ปน็

ความสัมพันธท์ ี่ดี ความคดิ เห็นของ บางครงั้ และอธิบาย

เกดิ ความเข้าใจ จงู ใจให้ ตนเองใหเ้ ชื่อมต่อกบั ความคิดเหน็ ของ

รว่ มมอื ยอมรบั ว่า ความคดิ เห็นของผู้อืน่ ตนเองได้ไม่ชัดเจน

ความคิดเห็นของผู้อนื่ น้ัน อยูไ่ ดเ้ ป็นอย่างดี

สาคญั

10. การใช้เครอื่ งมือ สามารถใชเ้ คร่ืองมือ สามารถใช้เครื่องมือ สามารถใช้เคร่ืองมือ ไมค่ ่อยมีความสามารถ

ดจิ ทิ ลั สื่อสารได้อยา่ ง สื่อสารได้อยา่ ง สือ่ สารได้อยา่ ง ในการใช้เครื่องมือ

คลอ่ งแคลว่ ใน การ คลอ่ งแคล่ว ใน คลอ่ งแคล่วใน การ สื่อสารได้

อธบิ ายสาระสาคัญของ การอธิบายสาระสาคัญ อธบิ ายสาระสาคญั ของ อยา่ งคล่องแคล่วใน

ผลงานไดอ้ ย่างชัดเจนขนึ้ ของผลงานได้อย่าง ผลงานได้ แตข่ าดความ การอธบิ ายสาระสาคัญ

ชัดเจนเปน็ ส่วนใหญ่ ชัดเจน ของผลงานให้ชดั เจน

มากข้ึน

11. การนาเสนอปาก เมอ่ื ต้องนาเสนอแบบ เม่ือต้องนาเสนอแบบ เมอื่ ต้องนาเสนอแบบ เม่อื ต้องนาเสนอแบบ

เปล่า ปากเปลา่ ใช้น้าเสียงที่ดัง ปากเปลา่ ใช้เสยี งท่ดี งั ปากเปลา่ เรม่ิ ใชเ้ สียง ปากเปลา่ มักจะใช้เสยี ง

เหมาะสมอยา่ งสมา่ เสมอ แต่ไมส่ ม่าเสมอ ทีด่ งั ข้นึ แต่ไม่ เบาเกินไปจนผู้ฟังไดย้ ิน

สามารถอธบิ ายและ สามารถตอบคาถาม เพยี งพอใหผ้ ู้ฟงั ไม่ถนดั และไม่สามารถ

ตอบคาถามในหวั ข้อ เพอ่ื แสดงออกถึง ทั้งหมดได้ยนิ ตอบคาถาม

การนาเสนออย่างมี ความเข้าใจในหวั ข้อที่ สามารถตอบคาถาม เพื่อแสดงออกถงึ

อรรถรสและน่าตดิ ตาม นาเสนอได้อย่าง เพอ่ื แสดงออกถงึ ความเข้าใจในหวั ข้อที่

ทาใหผ้ ู้ฟังเกิดความสนใจ ถกู ต้องลกึ ซง้ึ และมี ความเข้าใจในหัวข้อ นาเสนอได้อยา่ งถูกต้อง

ต่อการนาเสนอข้อมูล ความมน่ั ใจ ท่ีนาเสนอไดอ้ ย่าง มนั่ ใจ

เป็นอยา่ งมาก ถกู ต้องบางสว่ นและ

เร่มิ มคี วามมน่ั ใจ

39

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 ชวี ิตของมนษุ ย์และสตั ว์

ดา้ นการมสี ว่ นร่วมในการทางาน

12. ความสามารถ มคี วามเข้าใจขอบเขตและ มีความเขา้ ใจขอบเขต มคี วามเข้าใจขอบเขต มีความเขา้ ใจขอบเขต

ในการเปน็ ผนู้ า ความสาคัญของ และความสาคัญของ และความสาคญั ของ และความสาคัญของ

และการมี การทางานกลุ่ม แสดง การทางานกลมุ่ แสดง การทางานกลุ่ม การทางานกลมุ่ แต่ไม่

ความคดิ รเิ ร่ิม ความรบั ผิดชอบใน ความรับผดิ ชอบใน แสดงความ ค่อยแสดง

สร้างสรรค์ การดาเนินการตาม การดาเนินการตาม รบั ผิดชอบใน ความรับผิดชอบใน

แผนงานอยา่ งสม่าเสมอ แผนงานอย่าง การดาเนนิ การ การดาเนนิ การตาม

และสามารถทาหน้าที่ สม่าเสมอ ตามแผนงานบางครงั้ แผนงาน

อืน่ ๆ ได้นอกเหนือจาก

งานในความรับผิดชอบ

13. ความรับผดิ ชอบ มีความกระตือรอื ร้น มคี วามสมัครใจใน มีความความสมัครใจ ขาดความสมัครใจใน

และทกั ษะ ในงานทรี่ บั ผิดชอบและ การรบั ผดิ ชอบภาระ ในการรบั ผดิ ชอบ การรับผิดชอบภาระต่าง

ด้านผลิตภาพ เปน็ ผกู้ ระตุน้ ให้เกดิ ตา่ ง ๆ ให้ความ ภาระตา่ ง ๆ ให้ ๆ มักไมค่ ่อยให้ความ

การทางานกล่มุ จนได้ ช่วยเหลือผู้อน่ื จนได้ ความชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื ชว่ ยเหลอื ผูอ้ ื่นและไม่ได้

ผลงานทมี่ คี ุณภาพ ผลงานตามท่กี าหนดไว้ จนไดผ้ ลงานตามท่ี ผลงานตามทีก่ าหนดไว้

บอ่ ยครง้ั กาหนดไว้บางคร้งั

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
45-52 ดีมาก
35-43 ดี
26-34 พอใช้
ปรบั ปรุง
ต่ากวา่ 26

40

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 ชวี ิตของมนุษย์และสตั ว์

แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล

ช่ือ......................................................................................................เลขท.่ี ...............ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 ห้อง...........

คาชี้แจง : ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงในชอ่ งทต่ี รงกับระดับคะแนน

ข้อ การสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียน ระดบั ความคดิ เห็น
321

มวี นิ ยั

1 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงในการเรียนสม่าเสมอ

2 ทางานท่ีได้รบั มอบหมายอย่างตง้ั ใจ

3 ทางานเสรจ็ ส่งตามเวลาท่ีกาหนด

ใฝเ่ รียนรู้

4 ร่วมทากิจกรรมตา่ ง ๆ ที่ครูจดั ให้อย่างตั้งใจ

5 เอาใจใสง่ านที่ไดร้ ับมอบหมาย

6 ตอบคาถามครูอยา่ งสมา่ เสมอ

มุง่ มั่นในการทางาน

7 ปฏบิ ตั หิ นา้ ทีท่ ่ไี ดร้ ับมอบหมายอยา่ งตัง้ ใจ มคี วามรบั ผดิ ชอบ

8 ปรบั ปรุง แก้ปัญหาในการทางานให้สาเรจ็

9 พัฒนาการเรียนของตนเองตลอดเวลา

เกณฑ์ให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน

ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ (70%) ให้ 2 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
23-27 ดีมาก
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน 18-22 ดี
13-17 พอใช้
ปรบั ปรงุ
ตา่ กวา่ 13

41

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ชวี ติ ของมนุษยแ์ ละสตั ว์

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ

คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องทตี่ รงกับระดบั คะแนน

ลาดับ ชอื่ –สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม
ท่ี ของนกั เรียน ความคดิ เห็น ฟังคนอนื่ ตามท่ไี ดร้ ับ สว่ นร่วมใน 15
มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน
ผลงานกลมุ่

321321321321321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ (70%) ให้ 2 คะแนน 14-15 ดมี าก
11-13 ดี
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ (50%) ให้ 1 คะแนน 8-10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ

42

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 การประกอบวัตถุและการเปลย่ี นแปลงของวสั ดุ

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3

การประกอบวตั ถแุ ละการเปลย่ี นแปลงของวสั ดุ

เวลา 7 ชวั่ โมง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั

ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยว
ระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยา
เคมี
ว 2.1 ป.3/1 อธิบายวา่ วัตถปุ ระกอบข้ึนจากช้นิ ส่วนย่อย ซึ่งสามารถแยกออกจากกนั ได้และประกอบกนั เป็น
วตั ถชุ นิ้ ใหม่ได้ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
ป.3/2 อธบิ ายการเปล่ียนแปลงของวสั ดเุ ม่ือทาใหร้ ้อนขนึ้ หรือทาใหเ้ ยน็ ลง โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง
1) วัตถุอาจทาจากช้ินส่วนย่อย ๆ ซ่ึงแต่ละชิ้น มีลักษณะเหมือนกันมาประกอบเข้าด้วยกัน เมื่อแยกชิ้นส่วนย่อย ๆ
แต่ละช้ินของวัตถุออกจากกัน สามารถนาชิ้นส่วนเหล่าน้ันมาประกอบเป็นวัตถุช้ินใหม่ได้ เช่น กาแพงบ้านมีก้อน
อิฐหลาย ๆ ก้อนประกอบเขา้ ดว้ ยกนั และสามารถนาก้อนอิฐจากกาแพงบ้านมาประกอบเปน็ พ้นื ทางเดินได้
2) เมื่อให้ความร้อนหรอื ทาให้วสั ดรุ ้อนข้ึน และเม่ือลดความร้อนหรือทาให้วสั ดเุ ย็นลง วัสดุจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้
เชน่ สีเปล่ยี น รปู ร่างเปล่ยี น

2.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่
(พิจารณาตามหลักสูตรสถานศกึ ษา)

3. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

วตั ถรุ อบตัวเราบางอย่างอาจทามาจากวัสดุช้ินเดียว แต่บางอย่างอาจทามาจากวัสดุหลายชนิดประกอบกัน หากนาวัตถุมา
แยกช้ินสว่ นยอ่ ยทเี่ ป็นวสั ดุชนดิ ต่าง ๆ ออกจากกนั จะสามารถนาวสั ดุเหล่านน้ั มาประกอบเข้าด้วยกัน เพ่ือสร้างเป็นวัตถุชิ้นใหม่
ได้

เมื่อให้ความร้อนกับวัตถุบางอย่าง วัตถุจะเกิดการเปล่ียนแปลง เช่น ถ้าทาให้เนยร้อนข้ึน เนยจะเปล่ียนรูปร่างกลายเป็น
ของเหลว หรอื ถา้ ทาให้น้าเย็นลงมาก ๆ น้าจะเปล่ยี นรปู ร่างกลายเปน็ ของแขง็

4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1) ความสามารถในการสอื่ สาร 1) ทักษะการสงั เกต 1) มวี ินัย

2) ความสามารถในการคดิ 2) ทกั ษะการจาแนกประเภท 2) ใฝ่เรียนรู้

3) ความสามารถในการแก้ปญั หา 3) ทกั ษะการตั้งสมมติฐาน 3) มุ่งมน่ั ในการทางาน

4) ทกั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู

5) ทักษะการจัดกระทา

และการสื่อความหมายข้อมูล

96

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 การประกอบวตั ถแุ ละการเปลย่ี นแปลงของวสั ดุ

5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ชิน้ งานการประกอบสงิ่ ของจากชิ้นสว่ นย่อย

6. การวดั และการประเมินผล วธิ วี ัด เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ

รายการวัด - ตรวจแบบทดสอบกอ่ น - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
6.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน เรยี นหน่วยการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 วสั ดุ
ที่ 3 วัสดนุ ่ารู้ นา่ รู้
1) แบบทดสอบกอ่ น
เรยี น หนว่ ยการ - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เรยี นรทู้ ่ี 3 วสั ดุนา่ รู้ หรอื หนังสือเรียน หนงั สอื เรียนชดุ แมบ่ ท - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
6.2 ประเมินระหวา่ ง วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3
การจัดกิจกรรม
การเรยี นรู้ - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตวั หรือ
1) บนั ทึกผลการทา หรอื หนังสอื เรียน หนังสอื เรยี นชุดแม่บท
กจิ กรรมลองทาดู ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
(เรอื่ งที่ 1) วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3

2) บนั ทกึ ผลการทา - ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
กจิ กรรมพัฒนา หรือหนังสือเรียน หนังสอื เรียนชดุ แม่บท - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ทักษะกระบวนการ ชุดแม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ทางวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ท่ี 1 และ 2
- ตรวจสมุดประจาตัว - สมดุ ประจาตัว หรือ
3) บนั ทึกผลการทา หรอื หนงั สือเรียน หนังสือเรียนชุดแมบ่ ท
แบบฝึกพัฒนาการ ชดุ แม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
เรียนรูท้ ี่ 1 และ 2 วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3

4) สรุปสาระสาคัญ - ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตัว หรอื
ประจาเร่ืองท่ี 1 หรอื หนังสอื เรยี น หนังสือเรียนชดุ แม่บท
ชดุ แม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
5) กจิ กรรมพัฒนา วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3
ทักษะการคดิ
ประจาเร่ืองท่ี 1 - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตวั หรอื
หรอื หนังสือเรยี น หนงั สอื เรียนชดุ แม่บท
6) กจิ กรรมพัฒนา ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
ทกั ษะแหง่ ศตวรรษ วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3
ท่ี 21 (เร่ืองที่ 1)

97

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 การประกอบวตั ถแุ ละการเปลยี่ นแปลงของวสั ดุ

รายการวัด วธิ ีวัด เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
- สมุดประจาตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
7) แบบวดั ผลสมั ฤทธ์ิ - ตรวจสมุดประจาตัว
หนงั สอื เรยี นชดุ แม่บท - ระดับคุณภาพ ดี ผ่าน
ตามตวั ชี้วดั ประจา หรือหนังสือเรยี น มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ เกณฑ์
ป.3 - ระดับคุณภาพ ดี
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 ชุดแม่บทมาตรฐาน - แบบสงั เกตพฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ์
ทางานรายบคุ คล - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วทิ ยาศาสตร์ ป.3 - แบบสงั เกตพฤติกรรม
การทางานกล่มุ
8) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรมการ - สมดุ บนั ทึกประจาตัว
นักเรยี น
ทางานรายบุคคล ทางานรายบุคคล

9) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม

การทางานกลุม่ การทางานกลมุ่

10) สมดุ บันทกึ - การส่งสมุดทา้ ยคาบ

ประจาตัวนกั เรยี น

6.3 การประเมนิ หลังเรยี น

1) แบบทดสอบทา้ ย - ตรวจหนงั สือเรียน - หนงั สือเรียนชดุ แมบ่ ท - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 ชดุ แม่บทมาตรฐาน ป.3

วัสดนุ า่ รู้ วทิ ยาศาสตร์ ป.3 - แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 วสั ดุ
2) แบบทดสอบหลัง - ตรวจแบบทดสอบหลงั น่ารู้

เรียน หน่วยการ เรยี นหน่วยการเรยี นรู้

เรียนรทู้ ี่ 3 วัสดนุ า่ รู้ ที่ 3 วัสดนุ า่ รู้

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ เวลา 3 ชว่ั โมง
 แผนฯ ที่ 1 : การประกอบวตั ถชุ ้ินใหม่จากช้ินส่วนยอ่ ย เวลา 2 ช่ัวโมง
เวลา 2 ชว่ั โมง
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model
(รวมเวลา 7 ช่ัวโมง)
 แผนฯ ท่ี 2 : การเปลยี่ นแปลงของวัสดุ

แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ที่ 3 : การเปลี่ยนแปลงของวัสด(ุ 2)

แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model

8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรยี นชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.3
2) แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 วสั ดุน่ารู้
3) แบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 วัสดนุ า่ รู้
4) บัตรภาพ
5) บตั รคา

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) อินเทอร์เนต็

98

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 การประกอบวัตถุและการเปลี่ยนแปลงของวัสดุ

แบบทดสอบกอ่ นเรียน

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 การประกอบวตั ถุและการเปลยี่ นแปลงของวัสดุ

คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเคร่อื งหมายวง O ล้อมรอบตัวเลขหนา้ ตัวเลือก

1. ข้อใดเปน็ วัตถทุ ท่ี ามาจากวัสดเุ พียงชิ้นเดียว 6. กิจกรรมในข้อใด เกิดจากการใช้พลงั งานความรอ้ น

1. ยางลบ 2. กระเป๋า 1. การทอดไข่

3. รองเท้า 4. นาฬกิ า 2. การทาเยลลี

2. วตั ถุชนดิ ใดทที่ ามาจากวสั ดมุ ากกวา่ 1 ชนดิ 3. การทาน้าแข็ง

1. โซฟา 2. แกว้ น้า 4. การทาไอศกรีม

3. ยางรัดผม 4. กลอ่ งกระดาษ 7. ขอ้ ใดจับคู่วตั ถเุ กดิ การเปล่ียนแปลงไดถ้ ูกต้องที่สุด

3. 1. หงุ ขา้ ว : ทาให้เยน็ ลง

2. น้าแขง็ : ทาใหร้ อ้ นข้ึน

3. ขนมครก : ทาให้เยน็ ลง

4. การทาวุน้ : ทาให้เย็นลง

8. วสั ดุตามข้อใดเมื่อนาไปวางไว้กลางแดดจะไม่เกิดการ

จากภาพประกอบด้วยวัสดุอะไรบ้าง เปล่ียนแปลง

1. เหลก็ กระจก ไม้ 1. ลูกอม 2. หมอน

2. แก้ว ไม้ พลาสตกิ 3. นา้ ตาล 4. ช็อกโกแลต

3. ไม้ กระจก พลาสติก 9. การเปล่ียนแปลงวัตถเุ ม่ือทาใหร้ ้อนขึน้ จะทาให้สมบตั ขิ อง

4. กระจก อะลูมเิ นียม เหลก็ วัตถุเปลย่ี นแปลงไป ข้อใดผิด

4. กระดาษ A4 1 แผ่น สามารถนามาประดิษฐ์ส่งิ ของ 1. ไม้ : ถา่ น 2. เหลก็ : มีด

ไดห้ ลายอย่าง ยกเว้นข้อใด 3. ผา้ : เส้นด้าย 4. กระดาษ : ข้เี ถา้

1. เสอ้ื กลอ่ ง 10.

2. หวั ใจ กล่อง

3. นกกระดาษ เรอื A
4. กระเปา๋ สะพาย B
5.

นอกจากผักตบชวาสามารถทากระเป๋าได้ จากรูป A และ B ทามาจากวัสดใุ ด
1. A เหล็ก B ไม้
ยังสามารถทาวัตถุชิ้นใหม่ได้อีกคือข้อใด 2. A เหลก็ B ยาง
3. A พลาสตกิ B ไม้
1. เสื้อ 2. บ้าน 4. A เหล็ก B พลาสติก

3. ตะกร้า 4. ถุงเท้า

เฉลย 1. 1 2. 1 3. 4 4. 3 5. 3 6. 1 7. 4 8. 2 9. 3 10. 1

99

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 การประกอบวัตถแุ ละการเปลยี่ นแปลงของวสั ดุ

แบบทดสอบหลงั เรียน

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การประกอบวตั ถแุ ละการเปลยี่ นแปลงของวัสดุ

คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเครอื่ งหมายวง O ล้อมรอบตัวเลขหนา้ ตัวเลอื ก

1. วัตถชุ นิดใดที่ทามาจากวัสดมุ ากกว่า 1 ชนดิ 7.

1. โซฟา 2. แกว้ น้า

3. ยางรดั ผม 4. กล่องกระดาษ

2. ขอ้ ใดเป็นวัตถทุ ที่ ามาจากวสั ดุเพยี งชน้ิ เดียว

1. ยางลบ 2. กระเป๋า

3. รองเท้า 4. นาฬิกา นอกจากผักตบชวาสามารถทากระเป๋าได้ ยังสามารถทา

3. กระดาษ A4 1 แผ่น สามารถนามาประดษิ ฐ์สงิ่ ของ วัตถุช้ินใหม่ได้อีกคือข้อใด

ได้หลายอยา่ ง ยกเวน้ ข้อใด 1. เสื้อ 2. บ้าน

1. เสอ้ื กล่อง 3. ตะกรา้ 4. ถงุ เท้า

2. หวั ใจ กล่อง 8. การเปลย่ี นแปลงวัตถเุ มื่อทาใหร้ อ้ นข้ึนจะทาใหส้ มบตั ขิ อง

3. กระเป๋าสะพาย วตั ถุเปลีย่ นแปลงไป ข้อใดผิด

4. นกกระดาษ เรอื 1. ไม้ : ถา่ น 2. เหลก็ : มดี

4. 3. ผ้า : เส้นดา้ ย 4. กระดาษ : ขีเ้ ถา้

9.

A
B

จากภาพประกอบด้วยวัสดุอะไรบ้าง จากรปู A และ B ทามาจากวัสดุใด
1. เหล็ก กระจก ไม้
2. แก้ว ไม้ พลาสติก 1. A เหล็ก B ไม้
3. ไม้ กระจก พลาสติก
4. กระจก อะลมู เิ นียม เหลก็ 2. A เหล็ก B ยาง
5. กจิ กรรมในข้อใด เกิดจากการใชพ้ ลังงานความรอ้ น
1. การทอดไข่ 3. A พลาสติก B ไม้
2. การทาเยลลี
3. การทานา้ แข็ง 4. A เหลก็ B พลาสติก
4. การทาไอศกรมี
6. ขอ้ ใดจบั คู่วัตถเุ กิดการเปล่ียนแปลงไดถ้ ูกต้องที่สุด 10. วสั ดุตามข้อใดเมื่อนาไปวางไวก้ ลางแดดจะไม่เกดิ การ
1. หงุ ข้าว : ทาใหเ้ ย็นลง
2. น้าแขง็ : ทาใหร้ อ้ นข้ึน เปลีย่ นแปลง
3. ขนมครก : ทาใหเ้ ย็นลง
4. การทาวนุ้ : ทาให้เย็นลง 1. ลูกอม 2. หมอน

3. นา้ ตาล 4. ชอ็ กโกแลต

เฉลย 1. 1 2. 1 3. 3 4. 4 5. 2 6. 4 7. 3 8. 3 9. 1 10. 2

100

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 การประกอบวัตถแุ ละการเปล่ียนแปลงของวัสดุ

แบบประเมินผลงาน การประกอบวัตถุและการเปล่ียนแปลงของวัสดุ (สาหรบั แผนฯ ที่ 1)

คาชแี้ จง : ให้ผูส้ อนประเมนิ ผลงานของนักเรียนแตล่ ะคน โดยใส่คะแนนลงในช่องว่างตามเกณฑ์การประเมิน ดงั น้ี

4 = ดมี าก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง

สมาชิกในกลุ่ม

รายการประเมิน คนท่ี คนท่ี คนที่ คนท่ี คนท่ี

12345

ดา้ นผลงาน

1. การใช้อปุ กรณ์

2. วธิ กี ารทีใ่ ช้ในการสร้างผลงาน

3. ความถกู ต้องของผลงาน

4. ผลงานทไ่ี ดส้ ามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจาวัน

ดา้ นการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ

5. การค้นพบข้อมลู

6. การใชเ้ หตุผล

ดา้ นการคดิ สร้างสรรค์

7. การยอมรบั และเรยี นรสู้ ง่ิ ใหม่

8. การสร้างผลงานอยา่ งสร้างสรรค์

ด้านการสอื่ สาร

9. การมีสว่ นร่วมในการสนทนาและการแลกเปล่ยี นความคิดเหน็

10. การใชเ้ คร่อื งมือดจิ ทิ ัล

11. การนาเสนอปากเปลา่

ด้านการมสี ว่ นรว่ มในการทางาน

12. ความสามารถในการเปน็ ผนู้ าและการมีความคิดริเร่มิ สรา้ งสรรค์

13. ความรับผดิ ชอบและทักษะด้านผลติ ภาพ

คะแนนรวม (แต่ละคน)

รายชื่อสมาชกิ ในกลุ่ม

1) ชื่อ........................................................................................ เลขท่ี...............
2) ช่อื ........................................................................................ เลขที่...............
3) ชือ่ ........................................................................................ เลขท.ี่ ..............
4) ชื่อ........................................................................................ เลขท.่ี ..............
5) ช่อื ........................................................................................ เลขท.ี่ ..............

101

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การประกอบวตั ถุและการเปล่ยี นแปลงของวัสดุ

เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน การประกอบวัตถแุ ละการเปลยี่ นแปลงของวัสดุ

เกณฑ์การประเมิน

รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

(4 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)

ดา้ นผลงาน

1. การใชอ้ ปุ กรณ์ สามารถระบุและเลือกใช้ สามารถระบุและ สามารถระบุและ สามารถระบุและ

อปุ กรณ์ได้อย่างถูกต้อง เลอื กใชอ้ ุปกรณ์ได้ เลอื กใช้อุปกรณ์ เลือกใช้อุปกรณ์

(เหมาะสม) ครบถว้ น อย่างถูกต้อง ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ได้อย่างถูกต้องบ้าง

(เหมาะสม) (เหมาะสม) บางส่วน แตต่ ้องได้รบั คาแนะนา

เป็นส่วนใหญ่ จากครู

2. วธิ กี ารทใ่ี ช้ในการ ปฏิบัตติ ามขั้นตอน ปฏบิ ตั ิตามขั้นตอน ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอน สามารถปฏิบตั ิ

สรา้ งผลงาน วิธีการสร้างผลงาน วธิ ีการสร้างผลงาน วธิ กี ารสรา้ งผลงาน ตามข้นั ตอนวิธีการสรา้ ง

ไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น ไดถ้ ูกต้องเปน็ สว่ นใหญ่ ไดถ้ ูกตอ้ งบางส่วน ผลงานไดบ้ ้าง แตต่ ้อง

ได้รบั คาแนะนาจากครู

3. ความถกู ต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง

ของผลงาน ตามหลกั การครบถ้วน ตามหลกั การส่วนใหญ่ ตามหลกั การบางส่วน ตามหลกั การบ้าง แต่ต้อง

ไดร้ ับคาแนะนาจากครู

4. ผลงานทีไ่ ด้ สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป

สามารถนาไป ประยกุ ต์ใช้ ประยุกต์ใช้ ประยุกต์ใช้ ประยกุ ต์ใช้

ประยุกตใ์ ช้ ในชีวติ ประจาวันได้ ในชีวิตประจาวนั ได้ ในชวี ิตประจาวันได้ ในชวี ติ ประจาวนั ได้

ในชวี ิตประจาวนั สอดคลอ้ งและนาไปใช้ ค่อนข้างสอดคล้องและ สอดคล้องบางส่วน แตไ่ ม่มคี วามสอดคล้อง

ไดจ้ ริง มีแนวโน้มท่จี ะนาไปใชไ้ ด้

ด้านการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ

5. การคน้ พบข้อมลู สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย

ความเข้าใจเง่อื นไข/ ความเขา้ ใจเงอ่ื นไข/ ความเขา้ ใจเงอ่ื นไข/ ความเข้าใจเงือ่ นไข/

ประเดน็ ปญั หาทไี่ ดร้ บั ได้ ประเด็นปัญหาทีไ่ ด้รบั ประเด็นปญั หาที่ ประเดน็ ปญั หาท่ีไดร้ ับ

ชัดเจน และแสวงหา ไดช้ ัดเจน และแสวงหา ไดร้ ับอยา่ งชดั เจน อยา่ งชดั เจนบางครงั้

ขอ้ มูลจากแหลง่ ข้อมลู ท่ี ขอ้ มูลจากแหล่งข้อมลู และแสวงหาข้อมลู และไมแ่ สวงหาข้อมูล

นา่ เช่อื ถือได้ตรงประเดน็ ท่ีหลากหลายและ ตรง จากแหลง่ ข้อมูลท่ี เพื่อความเข้าใจมากขนึ้

ทั้งหมด ประเดน็ เป็นสว่ นใหญ่ จากดั แตไ่ ด้ข้อมลู ท่ี

ตรงประเด็นเพยี ง

บางส่วน

6. การใช้เหตผุ ล อธบิ ายถึงเหตผุ ลใน อธิบายถึงเหตผุ ลใน สามารถอธบิ ายถงึ สามารถอธบิ าย

การใช้แนวคดิ ท่ีตนเอง การใชแ้ นวคดิ ท่ีตนเอง เหตผุ ลในการใช้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั

คาดคะเนไวไ้ ปใช้ใน คาดคะเนไวไ้ ปใช้ใน แนวคดิ ทต่ี นเอง เหตผุ ลในการใชแ้ นวคิด

การสร้างผลงาน และ การสร้างผลงาน และ คาดคะเนไว้ไปใช้ใน ทต่ี นเองคาดคะเนไว้ไป

อธิบายได้อยา่ งละเอียด มีคาอธิบายชดั เจน การสร้างผลงาน และ ใชใ้ นการสรา้ งผลงาน

102

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 การประกอบวัตถแุ ละการเปลยี่ นแปลงของวัสดุ

เกณฑก์ ารประเมิน

รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ
(4 คะแนน) (1 คะแนน)
ลกึ ซงึ้ จากแหลง่ ขอ้ มลู ที่ (3 คะแนน) (2 คะแนน) แตค่ าอธบิ ายขาดความ
หลากหลายและ ชดั เจน และไม่มี
น่าเชื่อถือ จากแหล่งข้อมูล มีคาอธบิ ายชดั เจน แหล่งขอ้ มลู ท่นี ่าเช่ือถอื
เพ่อื สนบั สนนุ เหตุผลนั้น
หลายแหล่ง บางสว่ น จาก
ไม่ค่อยแสดงออกถึง
แหล่งขอ้ มูลท่จี ากดั ความพยายามใน
การคน้ หาแนวคิด
ด้านการคิดสร้างสรรค์ แสดงออกถึง เรมิ่ แสดงออกถึง ใหม่ ๆ และไม่พร้อมที่
7. การยอมรับและ แสดงออกถึง ความสามารถใน จะทาความเข้าใจกับ
การค้นหาแนวคิด ความพยายามใน แนวคดิ เหลา่ นั้น
เรยี นรสู้ ิ่งใหม่ ความกระตอื รือรน้ ใน ใหม่ ๆ ยอมรับและทา การคน้ หาแนวคิด
การค้นหาแนวคิดใหม่ ๆ ความเขา้ ใจกบั แนวคดิ ไม่ค่อยมีความสามารถ
อยู่ตลอดเวลาสามารถ เหลา่ นนั้ ไดอ้ ยา่ ง ใหม่ ๆ และยอมรบั ในการใชแ้ นวคิดต่าง ๆ
ปรบั ตวั เพอ่ื ทาความ ชดั เจน เพอื่ ใหเ้ กดิ เปน็ วิธกี าร
เขา้ ใจกบั แนวคดิ เหลา่ นนั้ และทาความเขา้ ใจ สร้างผลงานที่
ไดอ้ ยา่ งละเอียดลกึ ซึ้ง บ่อยคร้งั กบั แนวคดิ เหล่านั้น สร้างสรรคอ์ ยา่ ง
มคี วามสามารถใน เพยี งพอ และผลงาน
8. การสรา้ งผลงาน สามารถใช้แนวคิดต่าง ๆ การใช้แนวคิดต่าง ๆ แตไ่ ม่สามารถเข้าใจ ทไี่ ด้ไมแ่ ตกต่างจากผอู้ ่นื
อย่างสรา้ งสรรค์ ในการสรา้ งผลงานท่ี ในการสรา้ งผลงานท่ี
แปลกใหมแ่ ละมีคณุ ภาพ แปลกใหม่ไมซ่ ้าใคร ได้
รวมทง้ั สามารถนาวิธีการ รวมทงั้ สามารถนา
สรา้ งผลงานไปใชไ้ ดจ้ ริง วิธกี ารสรา้ งผลงาน บางครง้ั
ไปใช้ไดจ้ รงิ มคี วามสามารถใน
การใช้แนวคิดต่าง ๆ
ในการสร้างผลงาน
ทแ่ี ปลกใหม่ไม่ซา้ ใคร
วธิ กี ารสร้างผลงาน
มแี นวโน้มนาไปใช้
ได้จริง

103

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การประกอบวัตถุและการเปล่ียนแปลงของวัสดุ

ดา้ นการสอื่ สาร

9. การมีสว่ นรว่ ม มีการถามคาถามเพอื่ มีการถามคาถามเพื่อ เริ่มมกี ารถามคาถาม ไม่ค่อยถามคาถามเพอ่ื

การสนทนาและ ตรวจสอบความเขา้ ใจ ตรวจสอบความเข้าใจ เพ่ือตรวจสอบ ตรวจสอบความเขา้ ใจ

การแลกเปลยี่ น และแลกเปลี่ยน และแลกเปลีย่ น ความเขา้ ใจและ หรือแลกเปลี่ยน

ความคดิ เหน็ ความคดิ เห็นเกีย่ วขอ้ ง ความคิดเหน็ เกีย่ วกับ แลกเปลี่ยน ความคดิ เห็นที่เก่ยี วกบั

กับเรอ่ื งท่ีสนทนาอยา่ ง เรื่องท่ีสนทนาอยู่ ความคดิ เหน็ เก่ียวกับ เรื่องทส่ี นทนากันอยู่

สมา่ เสมอ ด้วยการสร้าง บ่อยคร้ัง และอธิบาย เร่อื งทส่ี นทนาอยูเ่ ป็น

ความสมั พนั ธ์ท่ดี ี ความคิดเห็นของ บางครัง้ และอธิบาย

เกดิ ความเขา้ ใจ จูงใจให้ ตนเองให้เช่ือมต่อกับ ความคดิ เห็นของ

ร่วมมือ ยอมรับว่า ความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน ตนเองได้ไม่ชัดเจน

ความคดิ เหน็ ของผู้อนื่ น้นั อยู่ไดเ้ ป็นอย่างดี

สาคัญ

10. การใช้เครือ่ งมือ สามารถใชเ้ คร่ืองมือ สามารถใช้เครื่องมือ สามารถใชเ้ คร่อื งมอื ไมค่ ่อยมีความสามารถ

ดิจิทัล สอ่ื สารได้ สื่อสารได้ ส่ือสารไดอ้ ยา่ ง ในการใชเ้ คร่ืองมือ

อย่างคล่องแคล่ว อยา่ งคล่องแคล่ว คลอ่ งแคลว่ สือ่ สารได้

ในการอธบิ าย ในการอธิบาย ในการอธิบาย อย่างคล่องแคลว่

สาระสาคัญของผลงาน สาระสาคัญของผลงาน สาระสาคัญของผลงาน ในการอธิบาย

ได้อย่างชดั เจนขนึ้ ได้อยา่ งชัดเจนเป็นส่วน ได้ แต่ขาดความชัดเจน สาระสาคญั ของผลงาน

ใหญ่ ใหช้ ดั เจนมากขน้ึ

11. การนาเสนอ เมือ่ ต้องนาเสนอแบบ เมื่อต้องนาเสนอแบบ เมื่อต้องนาเสนอแบบ เมื่อต้องนาเสนอแบบ

ปากเปลา่ ปากเปลา่ ใช้นา้ เสียงที่ดงั ปากเปลา่ ใช้เสยี งทด่ี งั ปากเปลา่ เร่มิ ใช้เสียง ปากเปลา่ มักจะใช้เสยี ง

เหมาะสมอยา่ งสม่าเสมอ แต่ไม่สม่าเสมอ ที่ดังข้ึนแต่ไม่เพยี งพอ เบาเกินไปจนผู้ฟงั ได้ยิน

สามารถอธบิ ายและ สามารถตอบคาถาม ใหผ้ ู้ฟงั ท้ังหมดได้ยนิ ไมถ่ นดั และไมส่ ามารถ

ตอบคาถามในหวั ขอ้ เพ่ือแสดงออกถึง สามารถตอบคาถาม ตอบคาถาม

การนาเสนออย่างมี ความเขา้ ใจในหวั ข้อท่ี เพือ่ แสดงออกถงึ เพอื่ แสดงออกถงึ

อรรถรสและน่าตดิ ตาม นาเสนอได้อย่าง ความเขา้ ใจในหัวข้อ ความเขา้ ใจในหวั ข้อท่ี

ทาให้ผูฟ้ ังเกดิ ความสนใจ ถกู ต้องลกึ ซึง้ และ ทนี่ าเสนอได้อย่าง นาเสนอได้อย่างถกู ต้อง

ต่อการนาเสนอข้อมูล มคี วามม่ันใจ ถกู ต้องบางสว่ นและ ม่ันใจ

เป็นอย่างมาก เรม่ิ มีความม่ันใจ

104

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 การประกอบวตั ถแุ ละการเปล่ยี นแปลงของวัสดุ

ด้านการมสี ่วนร่วมในการทางาน

12. ความสามารถ มคี วามเข้าใจขอบเขตและ มีความเขา้ ใจขอบเขต มคี วามเขา้ ใจขอบเขต มคี วามเขา้ ใจขอบเขต

ในการเป็นผนู้ า ความสาคัญของ และความสาคญั ของ และความสาคัญของ และความสาคัญของ

และการ การทางานกลมุ่ แสดง การทางานกลมุ่ แสดง การทางานกล่มุ การทางานกลุ่ม

มีความคิดริเร่ิม ความรบั ผดิ ชอบใน ความรับผิดชอบใน แสดงความ แตไ่ ม่คอ่ ยแสดง

สร้างสรรค์ การดาเนินการตาม การดาเนินการตาม รับผดิ ชอบใน ความรบั ผิดชอบใน

แผนงานอยา่ งสม่าเสมอ แผนงานอย่าง การดาเนินการ การดาเนนิ การตาม

และสามารถทาหน้าที่ สม่าเสมอ ตามแผนงานบางครั้ง แผนงาน

อน่ื ๆ ได้นอกเหนือจาก

งานในความรับผิดชอบ

13. ความรับผดิ ชอบ มีความกระตือรือรน้ มคี วามสมคั รใจใน มีความความสมคั รใจ ขาดความสมัครใจ

และทกั ษะ ในงานท่รี บั ผิดชอบและ การรบั ผดิ ชอบภาระ ในการรบั ผดิ ชอบ ในการรบั ผิดชอบภาระ

ด้านผลติ ภาพ เปน็ ผูก้ ระตนุ้ ใหเ้ กิด ต่างๆ ใหค้ วาม ภาระต่างๆ ให้ ตา่ ง ๆ มกั ไม่ค่อยให้

การทางานกลมุ่ จนได้ ช่วยเหลอื ผูอ้ ืน่ จนได้ ความช่วยเหลอื ผู้อน่ื ความช่วยเหลือผ้อู ่ืน

ผลงานท่มี ีคุณภาพ ผลงานตามท่ีกาหนดไว้ จนได้ผลงานตามท่ี และไม่ไดผ้ ลงานตามท่ี

บอ่ ยคร้ัง กาหนดไว้บางคร้ัง กาหนดไว้

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
44-52 ดีมาก
35-43 ดี
26-34 พอใช้
ปรบั ปรุง
ต่ากว่า 26

105

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การประกอบวัตถุและการเปลย่ี นแปลงของวัสดุ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล

ชือ่ ......................................................................................................เลขที่................ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 ห้อง...........

คาชแ้ี จง : ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด  ลงในช่องทต่ี รงกับระดับคะแนน

ขอ้ การสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียน ระดบั ความคิดเหน็
321

มวี ินยั

1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงในการเรยี นสมา่ เสมอ

2 ทางานที่ได้รับมอบหมายอย่างตงั้ ใจ

3 ทางานเสรจ็ ส่งตามเวลาท่ีกาหนด

ใฝ่เรียนรู้

4 รว่ มทากิจกรรมต่างๆ ที่ครจู ดั ให้อยา่ งตงั้ ใจ

5 เอาใจใส่งานที่ได้รบั มอบหมาย

6 ตอบคาถามครอู ยา่ งสม่าเสมอ

มงุ่ มั่นในการทางาน

7 ปฏบิ ัติหนา้ ที่ท่ีไดร้ บั มอบหมายอยา่ งต้งั ใจมีความรบั ผดิ ชอบ

8 ปรับปรุง แก้ปัญหาในการทางานให้สาเรจ็

9 พฒั นาการเรยี นของตนเองตลอดเวลา

เกณฑใ์ ห้คะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ (70%) ให้ 2 คะแนน 23-27 ดมี าก

ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ (50%) ให้ 1 คะแนน 18-22 ดี

13-17 พอใช้

ต่ากวา่ 13 ปรบั ปรงุ

106

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 การประกอบวัตถแุ ละการเปล่ียนแปลงของวสั ดุ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม

คาชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน

ลาดับ ช่อื –สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม
ท่ี ของนักเรยี น ความคิดเห็น ฟังคนอน่ื ตามทไี่ ด้รบั สว่ นรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรับปรุง คะแนน
ผลงานกล่มุ

321321321321321

เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง (70%) ให้ 2 คะแนน 14-15 ดีมาก
11-13 ดี
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน 8-10 พอใช้
ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ

107

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 แรงและการเปล่ยี นแปลงการเคลอื่ นที่ของวัตถุ

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4

แรงและการเปลย่ี นแปลงการเคลือ่ นทข่ี องวัตถุ

เวลา 14 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั

ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนท่ีแบบต่าง ๆ ของวัตถุ
รวมท้งั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ว 2.2 ป.3/1 ระบุผลของแรงทมี่ ตี อ่ การเปลีย่ นแปลงการเคล่อื นทขี่ องวตั ถุจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์
ป.3/2 เปรียบเทียบและยกตัวอย่างแรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัสที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช้
หลักฐานเชิงประจกั ษ์
ป.3/3 จาแนกวตั ถโุ ดยใช้การดึงดูดกับแมเ่ หล็กเปน็ เกณฑ์จากหลักฐานเชิงประจักษ์
ป.3/4 ระบุขั้วแม่เหล็กและพยากรณ์ผลที่เกิดขึ้นระหว่างข้ัวแม่เหล็กเม่ือนาเข้าใกล้กันจากหลักฐาน
เชงิ ประจักษ์

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
1) แรงแม่เหล็กเป็นแรงที่เกิดข้ึนระหว่างแม่เหล็กกับสารแม่เหล็ก หรือแม่เหล็กกับแม่เหล็ก แม่เหล็ก มี 2 ขั้ว คือ

ข้ัวเหนือและขวั้ ใต้ ขว้ั แมเ่ หลก็ ชนดิ เดยี วกนั จะผลักกนั ต่างชนดิ กันจะดงึ ดูดกัน
2) การดึงหรือการผลักเป็นการออกแรงกระทาต่อวัตถุแรงมีผลต่อการเคล่ือนที่ของวัตถุ แรงอาจทาให้วัตถุเกิด

การเคล่ือนท่ีโดยเปล่ยี นตาแหน่งจากทีห่ นึ่งไปยังอกี ท่ีหน่ึง
3) การเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุ ได้แก่ วัตถุท่ีอยู่นิ่งเปลี่ยนเป็นเคลื่อนท่ี วัตถุที่กาลังเคล่ือนท่ีเปลี่ยนเป็น

เคลอ่ื นที่เรว็ ขน้ึ ชา้ ลง หยุดนิ่ง หรอื เปลีย่ นทศิ ทางการเคล่อื นท่ี
4) การดึงหรือการผลักเป็นการออกแรงท่ีเกิดจากวัตถุหน่ึงกระทากับอีกวัตถุหนึ่ง โดยวัตถุท้ังสองอาจสัมผัสหรือ

ไม่ต้องสัมผัสกัน เช่น การออกแรงโดยใช้มือดึงหรือการผลักโต๊ะให้เคลื่อนที่เป็นการออกแรงท่ีวัตถุต้องสัมผัสกัน แรงน้ีจึง
เป็นแรงสัมผัสส่วนที่แม่เหล็กดึงดูดหรือผลักระหว่างแม่เหล็กเป็นแรงท่ีเกิดข้ึน โดยแม่เหล็กไม่จาเป็นต้องสัมผัสกัน
แรงแมเ่ หล็กนี้จึงเปน็ แรงไมส่ ัมผสั

2.2 สาระการเรียนรูท้ อ้ งถน่ิ
(พิจารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา)

3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

แม่เหล็กมีแรงดึงดูดหรือแรงผลักระหว่างแท่งแม่เหล็กด้วยกัน แท่งแม่เหล็กมีสนามแม่เหล็กทาให้ดึงดูดวัตถุที่เป็น
สารแม่เหลก็ ได้ จงึ มีการนาแมเ่ หลก็ มาใชป้ ระโยชนใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ ทาของเลน่ ของใช้ นาไปใช้แยกสารแม่เหล็กออกจากวัตถุ
อืน่

141

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการเปลี่ยนแปลงการเคลอื่ นที่ของวตั ถุ

เมื่อมีแรงกระทาต่อวัตถุ จะทาให้วัตถุมีการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ เช่น ทาให้วัตถุที่หยุดน่ิงมีการเคลื่อนท่ี หรือทาให้
วตั ถทุ ก่ี าลงั เคล่ือนท่ีมีการเคลอ่ื นที่เรว็ ขนึ้ ชา้ ลง หยดุ นิง่ หรือเปลย่ี นทิศทางการเคลื่อนที่

วตั ถทุ ห่ี ยดุ นิง่ จะเคลอื่ นที่ และวัตถทุ ่ีกาลงั เคล่อื นท่จี ะเคลือ่ นท่เี รว็ ขึน้ ชา้ ลง หรอื เปล่ียนทิศทางการเคลื่อนที่ ล้วนเป็นผลมา
จากแรงกระทาตอ่ วตั ถุ ซงึ่ แรงท่ีมากระทาตอ่ วัตถอุ าจเป็นแรงที่สัมผสั กับวตั ถุหรือแรงท่ีไม่สัมผสั กับวตั ถุ

4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1) ความสามารถในการสอ่ื สาร 1) ทกั ษะการสังเกต 1) มวี ินัย

2) ความสามารถในการคดิ 2) ทกั ษะการจาแนกประเภท 2) ใฝเ่ รียนรู้

3) ความสามารถในการแก้ปญั หา 3) ทักษะการตั้งสมมติฐาน 3) มุ่งมั่นในการทางาน

4) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมลู

5) ทักษะการจัดกระทาและ

การสอ่ื ความหมายข้อมูล

5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ชน้ิ งานเรอ่ื งแม่เหล็กรูปต่าง ๆ

6. การวดั และการประเมนิ ผล วธิ วี ัด เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ

รายการวดั - ตรวจแบบทดสอบกอ่ น - แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมนิ ตามสภาพจรงิ
6.1 การประเมินกอ่ นเรยี น เรียนหน่วยการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4
ท่ี 4 แรงและการ แรงและการเปลยี่ นแปลง
1) แบบทดสอบก่อน เปลี่ยนแปลงการ การเคล่ือนที่ของวตั ถุ
เรยี นหน่วยการ เคล่อื นท่ีของวตั ถุ
เรียนรทู้ ี่ 4 แรงและ
การเปลีย่ นแปลง - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตวั หรือ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การเคลอื่ นที่ หรอื หนงั สือเรียน หนงั สอื เรียนชุดแม่บท - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ของวัตถุ ชดุ แม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3
6.2 ประเมินระหว่าง
การจดั กิจกรรม - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตัว หรอื
การเรียนรู้ หรอื หนงั สือเรียน หนังสอื เรียนชดุ แมบ่ ท
1) บนั ทึกผลการทา ชดุ แม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
กิจกรรมลองทาดู วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3
(เรอ่ื งที่ 1)

2) บันทกึ ผลการทา
กจิ กรรมลองทาดู
(เรอ่ื งที่ 2)

142

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 แรงและการเปลยี่ นแปลงการเคลอ่ื นที่ของวตั ถุ

รายการวดั วิธีวัด เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
- สมุดประจาตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
3) บันทึกผลการทา - ตรวจสมดุ ประจาตวั
หนังสอื เรยี นชดุ แมบ่ ท
กจิ กรรมพฒั นา หรอื หนงั สอื เรยี น มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
ป.3
ทกั ษะกระบวนการ ชุดแม่บทมาตรฐาน

ทางวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ป.3

ท่ี 1 และ 2

4) บนั ทึกผลการทา - ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
หนงั สือเรยี นชดุ แมบ่ ท
แบบฝึกพัฒนาการ หรือหนงั สือเรยี น มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ป.3
เรยี นร้ทู ่ี 1 และ 2 ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- สมดุ ประจาตวั หรือ
วิทยาศาสตร์ ป.3 หนังสือเรียนชดุ แม่บท - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
5) สรุปสาระสาคัญ - ตรวจสมดุ ประจาตวั ป.3 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ประจาเรอ่ื งที่ 1 หรือหนงั สือเรยี น - สมุดประจาตัว หรือ - ระดบั คุณภาพ ดี
หนังสอื เรยี นชุดแม่บท ผา่ นเกณฑ์
และ 2 ชดุ แม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
ป.3 - ระดบั คุณภาพ ดี
วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ผา่ นเกณฑ์
- สมดุ ประจาตวั หรอื
6) กจิ กรรมพฒั นา - ตรวจสมดุ ประจาตวั หนงั สอื เรยี นชุดแมบ่ ท - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
ทักษะการคิด หรอื หนังสือเรียน ป.3

ประจาเร่อื งที่ 1 ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน - สมุดประจาตัว หรือ
หนงั สอื เรียนชดุ แม่บท
และ 2 วทิ ยาศาสตร์ ป.3 มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
ป.3
7) กิจกรรมพัฒนา - ตรวจสมดุ ประจาตัว
- แบบสงั เกตพฤติกรรมการ
ทักษะแห่งศตวรรษ หรือหนงั สือเรียน ทางานรายบคุ คล

ท่ี 21 (เรอ่ื งท่ี 1 ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน - แบบสงั เกตพฤติกรรม
การทางานกลุม่
และ 2) วิทยาศาสตร์ ป.3
- สมดุ บันทกึ ประจาตัว
8) แบบวัดผลสัมฤทธ์ิ - ตรวจสมุดประจาตัว นักเรียน

ตามตัวชว้ี ดั ประจา หรือหนังสือเรียน

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน

วิทยาศาสตร์ ป.3

9) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรมการ

ทางานรายบุคคล ทางานรายบคุ คล

10) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม

การทางานกลมุ่ การทางานกลุ่ม

11) สมุดบันทกึ - การส่งสมดุ ท้ายคาบ

ประจาตวั นักเรียน

6.3 การประเมินหลงั เรียน

1) แบบทดสอบทา้ ย - ตรวจหนงั สอื เรียน - หนังสือเรียนชุดแม่บท - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 ชุดแม่บทมาตรฐาน ป.3

แรงและการ วิทยาศาสตร์ ป.3

เปลีย่ นแปลงการ

143

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 แรงและการเปลยี่ นแปลงการเคลอ่ื นทีข่ องวตั ถุ

รายการวัด วธิ ีวัด เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน

เคลอ่ื นที่ของวตั ถุ

2) แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบหลงั - แบบทดสอบหลงั เรียน - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 แรง
หลงั เรยี น หน่วย เรียนหนว่ ยการเรยี นรู้ และการเปลย่ี นแปลง
การเคลอ่ื นท่ีของวตั ถุ
การเรียนรูท้ ่ี 4 ท่ี 4 แรงและ

แรงและ การเปลี่ยนแปลง

การเปลีย่ นแปลง การเคลอื่ นท่ขี องวัตถุ

การเคลือ่ นทีข่ อง

วตั ถุ

7. กจิ กรรมการเรียนรู้ เวลา 3 ชว่ั โมง
 แผนฯ ที่ 1 : แมเ่ หลก็ เวลา 2 ช่วั โมง
เวลา 3 ชั่วโมง
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model เวลา 2 ชั่วโมง
เวลา 2 ช่ัวโมง
 แผนฯ ที่ 2 : ประโยชนข์ องแม่เหลก็ เวลา 2 ชั่วโมง

แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model (รวมเวลา 14 ช่วั โมง)

 แผนฯ ท่ี 3 : การเปลีย่ นแปลงการเคลอ่ื นทข่ี องวัตถุ

แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ที่ 4 : ผลของแรงท่ีมีผลต่อการเปล่ยี นการเคล่อื นทขี่ องวตั ถุ

แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ที่ 5 : แรงสมั ผสั และแรงไม่สัมผัสทม่ี ีผลตอ่ การเคลอื่ นทขี่ องวัตถุ

แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ที่ 6 : แรงสัมผัสและแรงไมส่ ัมผัส

แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.3
2) แบบทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เร่ือง แรงและการเปลี่ยนแปลงการเคลอื่ นทข่ี องวัตถุ
3) บตั รภาพ
4) แบบทดสอบหลังเรยี นหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง แรงการเปลี่ยนแปลงการเคลอื่ นท่ีของวตั ถุ

8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
- อินเทอร์เนต็

144

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 แรงและการเปล่ียนแปลงการเคลอื่ นทีข่ องวตั ถุ

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 แรงและการเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนทขี่ องวตั ถุ

คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเครอ่ื งหมายวง O ล้อมรอบตัวเลขหน้าตัวเลอื ก

1. แม่เหลก็ มี 2 ข้วั คอื ข้อใด 6. วตั ถใุ นข้อใดทแ่ี ม่เหลก็ ไม่สามารถดึงดูดได้

1. ขวั้ บวกกับขว้ั ลบ 1. เขม็ หมุด

2. ขวั้ เหนือกับขั้วใต้ 2. กบิ๊ ตดิ ผม

3. ข้วั เหนือกบั ขว้ั บวก 3. หลอดกาแฟ

4. ขัว้ ประจุลบกบั ขวั้ ประจุบวก 4. ลวดเยบ็ กระดาษ

2. นักเรยี นสามารถใช้แม่เหล็กคดั แยกวตั ถใุ ด 7. การใช้แมเ่ หล็กแยกขยะ เป็นการใช้แรงกระทาทม่ี ีผลตอ่ การ

ออกจากกันได้ เคล่อื นท่ีของวตั ถแุ บบใด

1. เศษไม้กบั ไส้ดินสอ 1. การใช้แรงผลัก

2. เศษพลาสติกกบั ยาง 2. การใช้แรงสมั ผสั

3. เข็มเยบ็ ผา้ กบั เศษผ้า 3. การใช้แรงไม่สัมผสั

4. เศษกระดาษกบั เศษแกว้ 4. การใช้แรงผลักและแรงดึงดูด

3. ถา้ หันข้วั ทีเ่ หมือนกันของแมเ่ หลก็ 2 แทง่ 8. การออกแรงกระทาในข้อใดทแี่ ตกต่างจากพวก

เข้าหากัน จะเกดิ ผลในลักษณะใด 1. การดนั ตู้

1. แรงผลัก 2. การเขน็ รถ

2. ดงึ ดดู กนั 3. การเล่นชักเยอ่

3. ดึงและผลักกัน 4. การเล่นวอลเลยบ์ อล

4. ไมม่ กี ารเปลยี่ นแปลงใด ๆ 9. ข้อใดเป็นการออกแรงกระทาตอ่ วตั ถสุ ง่ ผลใหว้ ัตถุมกี าร

4. ถา้ หันขวั้ ท่ตี า่ งกนั ของแมเ่ หล็ก 2 แท่ง เปล่ยี นแปลงจากเคล่ือนท่ีช้าลงหรอื หยดุ นง่ิ

เขา้ หากัน จะเกดิ ผลในลักษณะใด 1. การเลน่ ว่าว

1. ดึงดูดกนั 2. การเตะฟุตบอล

2. แรงผลกั 3. การตลี กู ปงิ ปอง

3. ดึงและผลักกนั 4. การเคลอ่ื นย้ายโต๊ะ

4. ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ 10. การเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุทีเ่ ปน็ ผลมาจากแรง

5. ข้อใดไม่ใช่การใช้ประโยชน์จากแม่เหล็ก ท้งั 2 สัมผัสกนั คอื ข้อใด

1. โต๊ะ 1. เส้นผมชีฟ้ ู

2. ตเู้ ย็น 2. ดอกไม้รว่ งลงพน้ื

3. ไขควง 3. การใชล้ มเปา่ ยาง

4. กนั ชนประตู 4. การยกกล่องกระดาษ

เฉลย 1. 2 2. 3 3. 1 4. 1 5. 1 6. 4 7. 1 8. 2 9. 2 10. 4

145

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 แรงและการเปลีย่ นแปลงการเคลอื่ นทข่ี องวัตถุ

แบบทดสอบหลังเรียน

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 แรงและการเปล่ยี นแปลงการเคลอื่ นทีข่ องวัตถุ

คาชี้แจง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเคร่อื งหมายวง O ล้อมรอบตัวเลขหนา้ ตวั เลือก

1. นกั เรียนสามารถใชแ้ ม่เหลก็ คัดแยกวัตถใุ ด 6. การเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนทขี่ องวัตถุทีเ่ ปน็ ผลมาจาก

ออกจากกันได้ แรงทงั้ 2 สมั ผสั กนั คือข้อใด

1. เศษไม้กับไสด้ ินสอ 1. เสน้ ผมชฟ้ี ู

2. เศษพลาสตกิ กบั ยาง 2. ดอกไมร้ ่วงลงพื้น

3. เขม็ เย็บผ้ากับเศษผา้ 3. การใชล้ มเปา่ ยาง

4. เศษกระดาษกบั เศษแก้ว 4. การยกกล่องกระดาษ

2. ถ้าหันขวั้ ท่ตี า่ งกนั ของแม่เหลก็ 2 แท่ง 7. ขอ้ ใดเป็นการออกแรงกระทาตอ่ วัตถสุ ง่ ผลให้วตั ถุมีการ

เขา้ หากนั จะเกิดผลในลักษณะใด เปล่ยี นแปลงจากเคล่ือนท่ชี า้ ลงหรือหยดุ นิง่

1. แรงผลกั 1. การเลน่ วา่ ว

2. ดงึ ดดู กัน 2. การเตะฟุตบอล

3. ดึงและผลักกัน 3. การตลี ูกปิงปอง

4. ไม่มีการเปล่ียนแปลงใด ๆ 4. การเคล่ือนยา้ ยโต๊ะ

3. แม่เหลก็ มี 2 ขวั้ คอื ข้อใด 8. การออกแรงกระทาในข้อใดที่แตกต่างจากพวก

1. ข้ัวบวกกับข้ัวลบ 1. การดันตู้

2. ขั้วเหนือกับข้ัวใต้ 2. การเขน็ รถ

3. ขัว้ เหนอื กบั ข้วั บวก 3. การเล่นชกั เย่อ

4. ขวั้ ประจุลบกบั ขัว้ ประจุบวก 4. การเลน่ วอลเลยบ์ อล

4. ข้อใดไม่ใช่การใช้ประโยชน์จากแม่เหล็ก 9. การใชแ้ ม่เหลก็ แยกขยะ เป็นการใช้แรงกระทาทมี่ ผี ลตอ่ การ

1. โต๊ะ เคลอ่ื นที่ของวตั ถแุ บบใด

2. ตู้เยน็ 1. การใช้แรงผลกั

3. ไขควง 2. การใชแ้ รงสมั ผัส

4. กันชนประตู 3. การใชแ้ รงไม่สัมผสั

5. ถา้ หนั ขว้ั ท่ีเหมือนกนั ของแม่เหลก็ 2 แท่ง 4. การใชแ้ รงผลกั และแรงดึงดดู

เขา้ หากัน จะเกิดผลในลกั ษณะใด 10. วตั ถใุ นข้อใดท่แี ม่เหลก็ ไม่สามารถดึงดูดได้

1. แรงผลกั 1. เข็มหมุด

2. ดึงดดู กัน 2. กิ๊บตดิ ผม

3. ดงึ และผลกั กัน 3. หลอดกาแฟ

4. ไม่มีการเปลีย่ นแปลงใด ๆ 4. ลวดเยบ็ กระดาษ

เฉลย 1. 3 2. 1 3. 2 4. 1 5. 1 6. 4 7. 2 8. 2 9. 1 10. 4

146

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 แรงและการเปล่ียนแปลงการเคลอ่ื นทข่ี องวัตถุ

แบบประเมนิ ผลงาน แรงและการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ของวตั ถุ (สาหรับแผนฯ ที่ 1)

คาช้ีแจง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลงานของนักเรยี นแต่ละคน โดยใสค่ ะแนนลงในช่องวา่ งตามเกณฑก์ ารประเมิน ดงั น้ี

4 = ดมี าก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรบั ปรงุ

สมาชกิ ในกลุ่ม

รายการประเมิน คนท่ี คนที่ คนที่ คนที่ คนที่
12345

ด้านผลงาน

1. การใชอ้ ปุ กรณ์

2. วธิ ีการท่ีใช้ในการสรา้ งผลงาน

3. ความถูกต้องของผลงาน

4. ผลงานท่ไี ด้สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจาวนั

ด้านการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ

5. การคน้ พบข้อมูล

6. การใช้เหตผุ ล

ด้านการคดิ สรา้ งสรรค์

7. การยอมรบั และเรยี นรสู้ งิ่ ใหม่

8. การสรา้ งผลงานอยา่ งสร้างสรรค์

ด้านการสื่อสาร

9. การมสี ่วนรว่ มในการสนทนาและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

10. การใช้เครอื่ งมือดิจทิ ลั

11. การนาเสนอปากเปลา่

ด้านการมสี ว่ นร่วมในการทางาน

12. ความสามารถในการเป็นผูน้ าและการมีความคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์

13. ความรบั ผดิ ชอบและทกั ษะด้านผลิตภาพ

คะแนนรวม (แตล่ ะคน)

รายช่ือสมาชกิ ในกลุ่ม

1) ชื่อ........................................................................................ เลขที่...............
2) ช่อื ........................................................................................ เลขท.่ี ..............
3) ชอ่ื ........................................................................................ เลขที่...............
4) ชอื่ ........................................................................................ เลขที่...............
5) ช่ือ........................................................................................ เลขท่.ี ..............

147

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 แรงและการเปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถุ

เกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน แรงและการเปลย่ี นแปลงการเคล่อื นท่ขี องวัตถุ

เกณฑ์การประเมนิ

รายการประเมิน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

(4 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)

ด้านผลงาน

1. การใชอ้ ุปกรณ์ สามารถระบุและเลือกใช้ สามารถระบุและ สามารถระบุและ สามารถระบุและ

อุปกรณ์ได้อย่างถกู ต้อง เลือกใชอ้ ุปกรณ์ได้ เลือกใชอ้ ุปกรณ์ เลอื กใช้อุปกรณ์

(เหมาะสม) ครบถว้ น อย่างถูกต้อง ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ไดอ้ ยา่ งถกู ต้องบ้าง

(เหมาะสม) (เหมาะสม) บางส่วน แต่ตอ้ งได้รบั คาแนะนา

เปน็ ส่วนใหญ่ จากครู

2. วธิ กี ารทใี่ ช้ในการ ปฏิบตั ิตามขน้ั ตอน ปฏิบตั ิตามขั้นตอน ปฏิบตั ิตามขน้ั ตอน สามารถปฏบิ ัติ

สรา้ งผลงาน วิธกี ารสรา้ งผลงาน วิธีการสรา้ งผลงาน วิธีการสรา้ งผลงาน ตามข้ันตอนวิธกี ารสรา้ ง

ได้ถูกตอ้ งครบถ้วน ไดถ้ ูกตอ้ งเปน็ ส่วนใหญ่ ไดถ้ ูกต้องบางส่วน ผลงานไดบ้ า้ ง แต่ต้อง

ได้รบั คาแนะนาจากครู

3. ความถกู ต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้อง

ของผลงาน ตามหลักการครบถ้วน ตามหลกั การส่วนใหญ่ ตามหลักการบางส่วน ตามหลักการบ้าง แต่ต้อง

ไดร้ ับคาแนะนาจากครู

4. ผลงานทไ่ี ด้ สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป

สามารถนาไป ประยุกต์ใช้ ประยุกต์ใช้ ประยกุ ตใ์ ช้ ประยกุ ตใ์ ช้

ประยกุ ต์ใช้ ในชวี ติ ประจาวนั ได้ ในชวี ิตประจาวนั ได้ ในชีวิตประจาวันได้ ในชีวิตประจาวันได้

ในชีวติ ประจาวนั สอดคล้องและนาไปใช้ ค่อนข้างสอดคล้องและ สอดคลอ้ งบางส่วน แต่ไม่มีความสอดคล้อง

ไดจ้ ริง มแี นวโน้มทจี่ ะนาไปใช้ได้

ด้านการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ

5. การคน้ พบข้อมูล สามารถอธบิ าย สามารถอธบิ าย สามารถอธบิ าย สามารถอธบิ าย

ความเขา้ ใจเงอื่ นไข/ ความเข้าใจเงอ่ื นไข/ ความเขา้ ใจเงอ่ื นไข/ ความเข้าใจเงอ่ื นไข/

ประเดน็ ปญั หาที่ไดร้ บั ได้ ประเด็นปัญหาทไ่ี ด้รับ ประเดน็ ปัญหาที่ ประเดน็ ปัญหาท่ีไดร้ บั

ชัดเจน และแสวงหา ได้ชดั เจน และแสวงหา ได้รบั อย่างชัดเจน อย่างชัดเจนบางครั้ง

ข้อมูลจากแหลง่ ข้อมลู ที่ ข้อมูลจากแหล่งข้อมลู และแสวงหาข้อมลู และไม่แสวงหาข้อมลู

นา่ เชือ่ ถือไดต้ รงประเด็น ที่หลากหลาย และ จากแหล่งข้อมลู ที่ เพือ่ ความเขา้ ใจมากข้ึน

ทั้งหมด ตรงประเดน็ เปน็ ส่วน จากัด แตไ่ ด้ข้อมูลท่ี

ใหญ่ ตรงประเดน็ เพียง

บางส่วน

6. การใชเ้ หตผุ ล อธิบายถงึ เหตุผลใน อธบิ ายถึงเหตผุ ลใน สามารถอธิบายถึง สามารถอธบิ าย

การใช้แนวคิดทตี่ นเอง การใชแ้ นวคดิ ทีต่ นเอง เหตุผลในการใช้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั

คาดคะเนไวไ้ ปใช้ใน คาดคะเนไว้ไปใชใ้ น แนวคิดทตี่ นเอง เหตุผลในการใช้แนวคดิ

การสรา้ งผลงาน และ การสรา้ งผลงาน และ คาดคะเนไวไ้ ปใชใ้ น ทตี่ นเองคาดคะเนไวไ้ ป

อธบิ ายได้อย่างละเอยี ด มีคาอธบิ ายชัดเจน การสรา้ งผลงาน และ ใช้ในการสรา้ งผลงาน

148

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 แรงและการเปล่ียนแปลงการเคลอื่ นที่ของวตั ถุ

เกณฑ์การประเมนิ

รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง
(4 คะแนน) (1 คะแนน)
ลกึ ซ้งึ จากแหล่งข้อมลู ที่ (3 คะแนน) (2 คะแนน) แตค่ าอธิบายขาดความ
หลากหลายและ ชดั เจน และไม่มี
นา่ เช่ือถือ จากแหลง่ ข้อมูล มีคาอธบิ ายชัดเจน แหลง่ ขอ้ มลู ทน่ี า่ เช่อื ถอื
เพอื่ สนบั สนนุ เหตุผลน้นั
หลายแหลง่ บางสว่ น จาก
ไมค่ ่อยแสดงออกถึง
แหล่งข้อมลู ท่ีจากัด ความพยายามใน
การค้นหาแนวคิด
ดา้ นการคิดสร้างสรรค์ แสดงออกถึง เร่ิมแสดงออกถงึ ใหม่ ๆ และไม่พร้อมที่
7. การยอมรบั และ แสดงออกถึง ความสามารถในการ ความพยายามในการ จะทาความเขา้ ใจกับ
คน้ หาแนวคดิ ใหม่ ๆ ค้นหาแนวคิดใหม่ ๆ แนวคดิ เหล่าน้ัน
เรียนรู้สง่ิ ใหม่ ความกระตอื รือรน้ ใน ยอมรบั และทาความ และยอมรบั และทา
การคน้ หาแนวคิดใหม่ ๆ เขา้ ใจกบั แนวคิด ความเขา้ ใจกับ
อยูต่ ลอดเวลาสามารถ เหลา่ น้นั ได้อยา่ ง แนวคิดเหล่านั้น แต่
ปรับตวั เพอ่ื ทาความ ชัดเจน ไมส่ ามารถเขา้ ใจได้
เขา้ ใจกับแนวคิดเหล่าน้ัน
ได้อย่างละเอยี ดลึกซ้ึง

8. การสรา้ งผลงาน สามารถใชแ้ นวคดิ ต่าง ๆ บ่อยครง้ั บางคร้งั ไม่ค่อยมีความสามารถ
อยา่ งสรา้ งสรรค์ ในการสร้างผลงานท่ี มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน ในการใช้แนวคดิ ต่าง ๆ
แปลกใหม่และมีคณุ ภาพ การใช้แนวคิดต่าง ๆ การใช้แนวคดิ ตา่ ง ๆ เพ่อื ให้เกดิ เป็นวิธกี าร
รวมท้งั สามารถนาวธิ กี าร ในการสรา้ งผลงานที่ ในการสรา้ งผลงาน สร้างผลงานที่
สร้างผลงานไปใชไ้ ด้จรงิ แปลกใหม่ไมซ่ ้าใคร ทแ่ี ปลกใหม่ไม่ซ้าใคร สร้างสรรคอ์ ยา่ ง
วิธกี ารสร้างผลงาน เพยี งพอ และผลงาน
รวมท้งั สามารถ มแี นวโนม้ นาไปใชไ้ ด้ ที่ได้ไมแ่ ตกต่างจากผอู้ ่นื
นาวธิ กี ารสร้างผลงาน จรงิ
ไปใชไ้ ดจ้ ริง

149

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 แรงและการเปลยี่ นแปลงการเคลอ่ื นท่ขี องวตั ถุ

ดา้ นการสอ่ื สาร

9. การมสี ่วนร่วม มีการถามคาถามเพือ่ มกี ารถามคาถามเพอ่ื เรม่ิ มกี ารถามคาถาม ไม่ค่อยถามคาถามเพ่ือ

การสนทนาและ ตรวจสอบความเขา้ ใจ ตรวจสอบความเข้าใจ เพอื่ ตรวจสอบ ตรวจสอบความเขา้ ใจ

การแลกเปลย่ี น และแลกเปล่ียน และแลกเปลี่ยน ความเขา้ ใจและ หรอื แลกเปลี่ยน

ความคดิ เห็น ความคดิ เหน็ เก่ียวกับ ความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั แลกเปล่ยี น ความคดิ เห็นที่เก่ยี วกบั

เร่อื งทสี่ นทนาอย่าง เรื่องท่ีสนทนาอยู่ ความคิดเหน็ เกี่ยวกับ เรอ่ื งทส่ี นทนากันอยู่

สมา่ เสมอ ดว้ ยการสรา้ ง บ่อยครง้ั และอธิบาย เรือ่ งทสี่ นทนาอยเู่ ปน็

ความสมั พนั ธ์ท่ีดี ความคิดเห็นของ บางครง้ั และอธบิ าย

เกิดความเข้าใจ จูงใจให้ ตนเองให้เชื่อมต่อกับ ความคดิ เห็นของ

ร่วมมือ ยอมรบั ว่า ความคิดเห็นของผู้อ่ืน ตนเองไดไ้ มช่ ดั เจน

ความคิดเห็นของผู้อืน่ นน้ั อยู่ได้เป็นอยา่ งดี

สาคัญ

10. การใช้เครือ่ งมือ สามารถใชเ้ ครื่องมือ สามารถใชเ้ คร่ืองมือ สามารถใชเ้ ครื่องมือ ไม่ค่อยมีความสามารถ

ดิจทิ ลั สื่อสารได้ สือ่ สารได้ สอ่ื สารได้อยา่ ง ในการใชเ้ คร่ืองมือ

อยา่ งคล่องแคลว่ อยา่ งคลอ่ งแคลว่ คล่องแคล่ว สื่อสารได้

ในการอธบิ าย ในการอธิบาย ในการอธบิ าย อย่างคล่องแคลว่

สาระสาคญั ของผลงาน สาระสาคัญของผลงาน สาระสาคญั ของผลงาน ในการอธิบาย

ไดอ้ ยา่ งชัดเจนข้นึ ได้อยา่ งชดั เจนเปน็ ส่วน ได้ แต่ขาดความชัดเจน สาระสาคญั ของผลงาน

ใหญ่ ให้ชัดเจนมากขน้ึ

11. การนาเสนอ เมื่อต้องนาเสนอแบบ เม่อื ต้องนาเสนอแบบ เมอ่ื ต้องนาเสนอแบบ เมอ่ื ต้องนาเสนอแบบ

ปากเปลา่ ปากเปลา่ ใช้น้าเสียงท่ดี ัง ปากเปล่า ใชเ้ สียงที่ดงั ปากเปลา่ เร่ิมใช้เสียง ปากเปลา่ มักจะใช้เสียง

เหมาะสมอยา่ งสม่าเสมอ แต่ไม่สม่าเสมอ ท่ดี งั ข้นึ แต่ไม่ เบาเกินไปจนผู้ฟงั ได้ยิน

สามารถอธิบายและ สามารถตอบคาถาม เพยี งพอให้ผู้ฟงั ไม่ถนดั และไมส่ ามารถ

ตอบคาถามในหวั ขอ้ เพ่ือแสดงออกถงึ ทงั้ หมดได้ยนิ ตอบคาถาม

การนาเสนออยา่ งมี ความเขา้ ใจในหัวขอ้ ที่ สามารถตอบคาถาม เพ่ือแสดงออกถงึ

อรรถรสและนา่ ตดิ ตาม นาเสนอได้อยา่ ง เพื่อแสดงออกถงึ ความเขา้ ใจในหวั ข้อท่ี

ทาใหผ้ ูฟ้ ังเกิดความสนใจ ถูกต้องลกึ ซึ้งและ ความเข้าใจในหวั ข้อ นาเสนอได้อย่างถกู ต้อง

ตอ่ การนาเสนอข้อมูล มีความม่นั ใจ ท่ีนาเสนอไดอ้ ย่าง มน่ั ใจ

เป็นอย่างมาก ถกู ต้องบางส่วนและ

เรม่ิ มีความมนั่ ใจ

150

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 แรงและการเปลย่ี นแปลงการเคลอ่ื นทขี่ องวัตถุ

ดา้ นการมสี ่วนร่วมในการทางาน

12. ความสามารถ มคี วามเข้าใจขอบเขตและ มีความเข้าใจขอบเขต มีความเขา้ ใจขอบเขต มีความเข้าใจขอบเขต

ในการเป็นผู้นา ความสาคัญของ และความสาคัญของ และความสาคญั ของ และความสาคญั ของ

และการมี การทางานกลมุ่ แสดง การทางานกลุ่ม แสดง การทางานกลุม่ การทางานกลุ่มแต่ไม่

ความคิดริเรม่ิ ความรบั ผิดชอบใน ความรบั ผิดชอบใน แสดงความ คอ่ ยแสดง

สรา้ งสรรค์ การดาเนินการตาม การดาเนนิ การตาม รบั ผดิ ชอบใน ความรับผิดชอบใน

แผนงานอย่างสม่าเสมอ แผนงานอย่าง การดาเนินการ การดาเนนิ การตาม

และสามารถทาหน้าที่ สมา่ เสมอ ตามแผนงานบางครั้ง แผนงาน

อ่นื ๆ ได้นอกเหนือจาก

งานในความรับผิดชอบ

13. ความรับผดิ ชอบ มคี วามกระตือรอื รน้ มคี วามสมัครใจใน มีความความสมคั รใจ ขาดความสมัครใจใน

และทกั ษะด้าน ในงานท่ีรับผดิ ชอบและ การรบั ผิดชอบภาระ ในการรับผดิ ชอบ การรบั ผิดชอบภาระตา่ ง

ผลิตภาพ เปน็ ผกู้ ระตุน้ ให้เกิด ตา่ ง ๆ ให้ความ ภาระต่าง ๆ ให้ ๆ มกั ไมค่ ่อยใหค้ วาม

การทางานกลมุ่ จนได้ ช่วยเหลอื ผอู้ ืน่ จนได้ ความชว่ ยเหลือผูอ้ ่ืน ชว่ ยเหลอื ผ้อู น่ื และไม่ได้

ผลงานท่มี ีคุณภาพ ผลงานตามทก่ี าหนดไว้ จนได้ผลงานตามท่ี ผลงานตามท่ีกาหนดไว้

บอ่ ยครงั้ กาหนดไวบ้ างครงั้

เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
44-52 ดมี าก
35-43 ดี
26-34 พอใช้
ปรับปรุง
ตา่ กวา่ 26

151

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 แรงและการเปล่ียนแปลงการเคลอ่ื นทีข่ องวัตถุ

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล

ชื่อ......................................................................................................เลขที.่ ...............ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 ห้อง...........

คาช้แี จง : ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด  ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดับคะแนน

ขอ้ การสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียน ระดบั ความคิดเห็น
321

มวี ินัย

1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลงในการเรยี นสมา่ เสมอ

2 ทางานที่ได้รบั มอบหมายอยา่ งตัง้ ใจ

3 ทางานเสรจ็ ส่งตามเวลาท่ีกาหนด

ใฝ่เรยี นรู้

4 รว่ มทากจิ กรรมตา่ งๆ ท่ีครูจัดให้อยา่ งตง้ั ใจ

5 เอาใจใสง่ านทไี่ ด้รบั มอบหมาย

6 ตอบคาถามครูอยา่ งสมา่ เสมอ

มงุ่ มนั่ ในการทางาน

7 ปฏบิ ัติหนา้ ที่ท่ีได้รับมอบหมายอยา่ งตัง้ ใจมีความรับผิดชอบ

8 ปรบั ปรุง แก้ปัญหาในการทางานให้สาเรจ็

9 พัฒนาการเรยี นของตนเองตลอดเวลา

เกณฑ์ให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ (70%) ให้ 2 คะแนน 23-27 ดมี าก
18-22 ดี
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั (50%) ให้ 1 คะแนน 13-17 พอใช้
ปรับปรุง
ตา่ กวา่ 13

152


Click to View FlipBook Version