The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanatip.st, 2022-08-29 21:57:08

หน่วยการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

หน่วยการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 แรงและการเปล่ียนแปลงการเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถุ

แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม

คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดับคะแนน

ลาดบั ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมีนา้ ใจ การมี รวม
ท่ี ของนักเรียน ความคิดเห็น ฟังคนอืน่ ตามที่ได้รับ ส่วนร่วมใน 15
มอบหมาย การปรับปรุง คะแนน
ผลงานกลมุ่

321321321321321

เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ (70%) ให้ 2 คะแนน 14-15 ดีมาก
11-13 ดี
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั (50%) ให้ 1 คะแนน 8-10 พอใช้
ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ

153

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 อากาศรอบตัวเรา

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5
อากาศรอบตัวเรา

เวลา 14 ช่วั โมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั

ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณี
พิบัตภิ ัย กระบวนการเปล่ยี นแปลง ลม ฟา้ อากาศ และภมู อิ ากาศโลก รวมท้งั ผลตอ่ ส่ิงมชี วี ติ และส่งิ แวดลอ้ ม
ว 3.2 ป.3/1 ระบุส่วนประกอบของอากาศ บรรยายความสาคัญของอากาศ และผลกระทบของมลพิษทาง
อากาศต่อสิ่งมีชวี ติ จากข้อมลู ท่รี วบรวมได้
ป.3/2 ตระหนักถึงความสาคัญของอากาศ โดยนาเสนอแนวทางการปฏิบัติตนในการลดการเกิดมลพิษ
ทางอากาศ
ป.3/3 อธบิ ายการเกิดลมจากหลกั ฐานเชิงประจักษ์
ป.3/4 บรรยายประโยชน์และโทษของลม จากขอ้ มลู ที่รวบรวมได้

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1) อากาศ โดยท่ัวไปไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ประกอบด้วยแก๊สไนโตรเจน แก๊สออกซิเจน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์

แก๊สอื่น ๆ รวมท้ังไอน้าและฝุ่นละออง อากาศมีความสาคัญต่อส่ิงมีชีวิต หากส่วนประกอบของอากาศไม่เหมาะสม
เน่ืองจากมแี กส๊ บางชนิดหรือฝุน่ ละอองในปริมาณมาก อาจเป็นอนั ตรายต่อส่งิ มีชีวิตชนดิ ตา่ ง ๆ จดั เป็นมลพิษทางอากาศ

2) ลม คืออากาศทเ่ี คลอื่ นที่ เกดิ จากความแตกตา่ งกันของอุณหภูมิอากาศบริเวณท่ีอยู่ใกล้กัน โดยอากาศบริเวณท่ีมี
อณุ หภมู สิ งู จะลอยตัวสงู ขึน้ และอากาศบรเิ วณท่มี อี ุณหภมู ติ า่ กวา่ จะเคล่ือนเข้าไปแทนที่

3) ลมสามารถนามาใชเ้ ป็นแหลง่ พลังงานทดแทน ในการผลิตไฟฟ้า และนาไปใช้ประโยชน์ในการทากิจกรรมต่าง ๆ
ของมนษุ ย์ หากลมเคลือ่ นทดี่ ว้ ยความเร็วสงู อาจทาให้เกดิ อนั ตรายและความเสยี หายตอ่ ชวี ิตและทรัพยส์ ินได้

2.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น
(พิจารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา)

3. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

อากาศประกอบด้วยแก๊สไนโตรเจน 78% ออกซิเจน 21% คาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สอื่น ๆ 1% โดยปริมาตร
นอกจากนี้ ยงั มไี อนา้ และฝนุ่ ละออง ซึ่งหากมีฝ่นุ ละอองมากจะก่อใหเ้ กิดผลเสียต่อสุขภาพ

แนวทางการปฏิบัติตนเพื่อลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ เช่น ใช้พาหนะร่วมกัน เลือกใช้เทคโนโลยีที่ลดมลพิษทาง
อากาศ

อุณหภูมิของอากาศแต่ละบริเวณแตกต่างกัน อากาศในบริเวณที่ร้อนจะลอยตัวสูงข้ึน อากาศบริเวณใกล้เคียงท่ีเย็นกว่ า
จะเคลื่อนท่ีเข้ามาแทนท่ี เรยี กการเคล่ือนทีข่ องอากาศวา่ การเกิดลม

209

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 5 อากาศรอบตวั เรา

ลม เป็นพลังงานที่มนุษย์เลือกใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างย่ิงใช้เป็นพลังงานธรรมชาติในการผลิตกระแสไฟฟ้า แต่ใน
บางครง้ั ลมอาจกอ่ ใหเ้ กดิ โทษได้ เช่น ลมมกี าลังแรงจนเกิดเปน็ พายุ จะสร้างความเสยี หายต่อชีวติ และทรัพย์สินได้

4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1) ความสามารถในการสอื่ สาร 1) ทกั ษะการสังเกต 1) มวี นิ ัย

2) ความสามารถในการคดิ 2) ทักษะการจาแนกประเภท 2) ใฝ่เรยี นรู้

3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 3) ทักษะการตั้งสมมติฐาน 3) มงุ่ มน่ั ในการทางาน

4) ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมลู

5) ทกั ษะการจดั กระทาและการส่ือ

ความหมายข้อมูล

5. ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- แผนภาพหรอื แผนผังแนวทางในการดแู ลรกั ษาสภาพอากาศในชมุ ชน

6. การวดั และการประเมินผล วธิ วี ดั เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน
- ประเมินตามสภาพจริง
รายการวดั - ตรวจแบบทดสอบก่อน - แบบทดสอบกอ่ นเรียน
6.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น เรียน หน่วยการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ที่ 5 อากาศรอบตัวเรา อากาศรอบตัวเรา - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
1) แบบทดสอบกอ่ น - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
เรียน หนว่ ยการ - ตรวจสมดุ ประจาตวั - สมุดประจาตัวหรือ
เรยี นร้ทู ่ี 5 อากาศ หรือหนังสือเรยี น หนังสอื เรยี นชดุ แมบ่ ท
รอบตัวเรา ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3
6.2 ประเมนิ ระหว่าง
การจัดกจิ กรรม - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมดุ ประจาตัวหรือ
การเรียนรู้ หรือหนังสือเรียน หนังสอื เรียนชดุ แมบ่ ท
1) บันทึกผลการทา ชดุ แม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
กิจกรรมลองทาดู วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3
(เรือ่ งท่ี 1)
- ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตวั หรือ
2) บันทกึ ผลการทา หรอื หนงั สอื เรยี น หนังสอื เรียนชุดแม่บท
กิจกรรมลองทาดู ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
(เรื่องที่ 2)

3) บนั ทึกผลการทา
กจิ กรรมพฒั นา
ทักษะกระบวนการ

210

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 5 อากาศรอบตัวเรา วธิ วี ัด เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
รายการวัด
ทางวทิ ยาศาสตร์ที่ - ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
1 และ 2 หรือหนงั สอื เรยี น หนังสอื เรียนชดุ แม่บท
4) บันทกึ ผลการทา ชดุ แม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แบบฝกึ พัฒนาการ วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3
เรียนร้ทู ่ี 1 และ 2 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจสมุดประจาตัว - สมุดประจาตัวหรอื
5) สรปุ สาระสาคญั หรือหนังสอื เรยี น หนงั สือเรยี นชุดแม่บท - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ประจาเรื่องที่ 1 ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
และ 2 วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

6) กิจกรรมพัฒนา - ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตัว หรอื - ระดบั คุณภาพ ดี
ทกั ษะการคดิ หรือหนงั สอื เรียน หนังสือเรยี นชดุ แม่บท ผ่านเกณฑ์
ประจาเร่ืองท่ี 1 ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
และ 2 วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3 - ระดับคุณภาพ ดี
ผา่ นเกณฑ์
7) กจิ กรรมพัฒนา - ตรวจสมดุ ประจาตวั - สมุดประจาตัวหรือ
ทักษะแหง่ ศตวรรษ หรือหนังสือเรยี น หนงั สือเรียนชุดแม่บท - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ท่ี 21 (เร่อื งที่ 1 ชุดแม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
และ 2) วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3

8) แบบวดั ผลสมั ฤทธ์ิ - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตวั หรือ
ตามตัวช้วี ัด ประจา หรอื หนังสือเรียน หนงั สือเรียนชดุ แมบ่ ท
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 ชุดแม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
เรื่องที่ 1 และ 2 วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3
- ใบงานที่ 5.1 เรอ่ื ง
9) ใบงานเร่อื งท่ี 1 อากาศมีสมบัติอยา่ งไร - แบบประเมนิ ใบงาน
- ใบงานที่ 5.2 เร่อื ง
10) พฤติกรรม สว่ นประกอบและ - แบบสังเกตพฤติกรรม
รายบคุ คล ความสาคัญของ
อากาศ - แบบสงั เกตพฤติกรรม
11) พฤติกรรมการ การทางานกลุม่
ทางานกลุ่ม - สงั เกตพฤติกรรม
รายบุคคล - สมดุ บนั ทึกประจาตวั
12) สมุดบันทึก นักเรียน
ประจาตวั นกั เรียน - สงั เกตพฤตกิ รรม
การทางานกลมุ่ - หนงั สอื เรยี นชดุ แม่บท
6.3 การประเมินหลังเรยี น
1) แบบทดสอบทา้ ย - การสง่ สมุดท้ายชวั่ โมง

- ตรวจหนงั สอื เรียน

211

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 อากาศรอบตวั เรา วิธวี ดั เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
รายการวัด วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 5 - ตรวจแบบทดสอบหลงั - แบบทดสอบหลังเรยี น
อากาศรอบตวั เรา เรียน หน่วยการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5
2) แบบทดสอบหลัง ท่ี 5 อากาศรอบตวั เรา อากาศรอบตวั เรา
เรียน หนว่ ยการ
เรียนรทู้ ี่ 5 อากาศ
รอบตวั เรา

7. กิจกรรมการเรยี นรู้ เวลา 4 ช่วั โมง
 แผนฯ ที่ 1 : ส่วนประกอบและความสาคัญของอากาศ เวลา 4 ชั่วโมง
เวลา 3 ชั่วโมง
แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model เวลา 3 ชวั่ โมง

 แผนฯ ท่ี 2 : มลพิษทางอากาศตอ่ ส่งิ มชี ีวิต (รวมเวลา 14 ชั่วโมง)

แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ท่ี 3 : การเกิดลม

แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ท่ี 4 : ประโยชน์และโทษของลม

แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้

8.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี นชุดแม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.3
2) แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรอ่ื ง อากาศรอบตวั เรา
3) ใบงานที่ 5.1 เรอ่ื ง อากาศมีสมบัตอิ ย่างไร
4) ใบงานท่ี 5.2 เรอ่ื ง ส่วนประกอบและความสาคัญของอากาศ
5) บตั รคา
6) ช้ินงาน เรอ่ื ง แนวทางในการดแู ลรกั ษาสภาพอากาศในชุมชน
7) บตั รคา เรอ่ื ง ลมบก ลมทะเล
8) แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 เร่ือง อากาศรอบตัวเรา

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
- อนิ เทอรเ์ นต็

212

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5 อากาศรอบตวั เรา

แบบทดสอบก่อนเรียน

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 อากาศรอบตัวเรา

คาช้แี จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเครือ่ งหมายวง O ล้อมรอบตัวเลขหนา้ ตวั เลอื ก

1. แก๊สชนิดใดต่อไปนีม้ ีปรมิ าณมากท่ีสดุ ในอากาศ 6. ชนิดของลมในขอ้ ใดมีความเร็วลมไม่เกิน 63 กโิ ลเมตร/ชั่วโมง
1. แก๊สออกซิเจน 1. ดีเปรสชัน
2. แก๊สไนโตรเจน 2. โซนร้อน
3. แกส๊ คารบ์ อนมอนอกไซด์ 3. ไตฝ้ ุ่น
4. แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ 4. เฮอร์ริเคน

2. แกส๊ ชนดิ ใดในอากาศท่มี นุษย์ใช้ในการหายใจ 7. พายุชนิดใดก่อให้เกดิ ความเสียหายมากทสี่ ดุ
1. แกส๊ ออกซเิ จน 1. ไตฝ้ ุน่
2. แก๊สไนโตรเจน 2. โซนร้อน
3. แกส๊ คาร์บอนมอนอกไซด์ 3. ลมทะเล
4. แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 4. ดีเปรสชนั

3. ข้อใดเปน็ กจิ กรรมที่ก่อให้เกดิ มลพิษทางอากาศ 8. ข้อใดเป็นประโยชน์ของลม
1. การเผาขยะ 1. ทาให้วา่ วลอยสงู
2. การเกิดภเู ขาไฟปะทุ 2. ทาให้เรอื ใบแลน่ ไปในทิศทางตา่ ง ๆ ได้
3. การเผาไหมข้ องเช้ือเพลงิ ที่ไม่สมบรู ณ์ 3. ทาใหก้ ังหันลมหมนุ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
4. ถกู ทกุ ข้อ 4. ถูกทุกข้อ

4. ขอ้ ใดไมใ่ ช่แนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษทาง 9. ลกั ษณะของน้าที่อยู่ในอากาศคือข้อใด
อากาศ 1. หิมะ
1. ปลกู ตน้ ไม้ 2. ไอน้า
2. การสรา้ งจิตสานึก 3. นา้ ฝน
3. การออกกฎหมายควบคมุ 4. นา้ ค้าง
4. การส่งเสรมิ ใหโ้ รงงานอตุ สาหกรรมปล่อย
ควันพษิ 10. ปริมาณแก๊สออกซิเจนในอากาศคิดเป็นร้อยละเทา่ ไร
1. 21
5. ขอ้ ใดเปน็ ชนดิ ของลมประจาฤดู 2. 40
1. ลมบก 3. 63
2. ลมทะเล 4. 84
3. ลมภูเขา
4. ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

เฉลย 1. 2 2. 1 3. 4 4. 4 5. 4 6. 3 7. 1 8. 4 9. 2 10. 1

213

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 อากาศรอบตัวเรา

แบบทดสอบหลังเรยี น

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 อากาศรอบตวั เรา

คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเครื่องหมายวง O ล้อมรอบตัวเลขหน้าตัวเลือก

1. ปริมาณแกส๊ ออกซิเจนในอากาศคิดเป็นร้อยละ 6. ขอ้ ใดเป็นกิจกรรมทกี่ ่อใหเ้ กดิ มลพิษทางอากาศ
เท่าไร 1. การเผาขยะ
2. การเกดิ ภูเขาไฟปะทุ
1. 21 3. การเผาไหมข้ องเชื้อเพลิงที่ไม่สมบรู ณ์
2. 40 4. ถูกทุกขอ้
3. 63
4. 84 7. แก๊สชนิดใดต่อไปนี้มีปรมิ าณมากท่ีสดุ ในอากาศ
2. ลักษณะของน้าท่ีอย่ใู นอากาศคือข้อใด 1. แก๊สออกซิเจน
1. หมิ ะ 2. แก๊สไนโตรเจน
2. ไอน้า 3. แกส๊ คาร์บอนมอนอกไซด์
3. น้าฝน 4. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์
4. น้าคา้ ง
3. ชนิดของลมในข้อใดมีความเร็วลมไมเ่ กนิ 63 8. ข้อใดเป็นชนิดของลมประจาฤดู
กิโลเมตร/ชั่วโมง 1. ลมบก
1. ดีเปรสชัน 2. ลมทะเล
2. โซนรอ้ น 3. ลมภูเขา
3. ไต้ฝ่นุ 4. ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
4. เฮอรร์ ิเคน
4. ขอ้ ใดเป็นประโยชนข์ องลม 9. แก๊สชนดิ ใดในอากาศทมี่ นุษย์ใช้ในการหายใจ
1. ทาใหว้ า่ วลอยสงู 1. แก๊สออกซิเจน
2. ทาให้เรอื ใบแลน่ ไปในทิศทางตา่ ง ๆ ได้ 2. แก๊สไนโตรเจน
3. ทาให้กงั หนั ลมหมนุ เพื่อผลติ กระแสไฟฟา้ 3. แกส๊ คารบ์ อนมอนอกไซด์
4. ถกู ทุกข้อ 4. แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์
5. พายชุ นิดใดก่อให้เกิดความเสยี หายมากท่สี ุด
1. ไตฝ้ ่นุ 10. ข้อใดไม่ใช่แนวทางการแกไ้ ขปัญหามลพิษทางอากาศ
2. โซนรอ้ น 1. ปลูกตน้ ไม้
3. ลมทะเล 2. การสร้างจติ สานกึ
4. ดเี ปรสชนั 3. การออกกฎหมายควบคมุ
4. การส่งเสรมิ ให้โรงงานอุตสาหกรรมปล่อย
ควนั พิษ

เฉลย 1. 1 2. 2 3. 3 4. 4 5. 1 6. 4 7. 2 8. 3 9. 1 10. 4

214

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 อากาศรอบตัวเรา

แบบประเมินผลงาน อากาศรอบตวั เรา (สาหรับแผนฯ ที่ 2)

คาชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลงานของนกั เรยี นแต่ละคน โดยใสค่ ะแนนลงในช่องวา่ งตามเกณฑก์ ารประเมิน ดังนี้

4 = ดีมาก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรงุ

สมาชกิ ในกลุ่ม

รายการประเมิน คนท่ี คนที่ คนที่ คนที่ คนท่ี

12345

ด้านผลงาน

1. การใชอ้ ุปกรณ์

2. วธิ ีการทีใ่ ช้ในการสร้างผลงาน

3. ความถูกต้องของผลงาน

4. ผลงานทไ่ี ดส้ ามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจาวนั

ดา้ นการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ

5. การค้นพบขอ้ มูล

6. การใชเ้ หตุผล

ดา้ นการคดิ สร้างสรรค์

7. การยอมรับและเรียนรู้สิง่ ใหม่

8. การสรา้ งผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์

ด้านการสือ่ สาร

9. การมีสว่ นรว่ มในการสนทนาและการแลกเปลยี่ นความคิดเห็น

10. การใชเ้ ครอ่ื งมือดจิ ิทลั

11. การนาเสนอปากเปล่า

ด้านการมสี ว่ นรว่ มในการทางาน

12. ความสามารถในการเป็นผ้นู าและการมีความคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์

13. ความรบั ผดิ ชอบและทกั ษะด้านผลิตภาพ

คะแนนรวม (แต่ละคน)

รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม

1) ชื่อ........................................................................................ เลขท.่ี ..............
2) ชือ่ ........................................................................................ เลขที่...............
3) ชื่อ........................................................................................ เลขที่...............
4) ชื่อ........................................................................................ เลขที่...............
5) ชอื่ ........................................................................................ เลขท่ี...............

215

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5 อากาศรอบตวั เรา

เกณฑ์การใหค้ ะแนนผลงาน อากาศรอบตวั เรา

เกณฑ์การประเมนิ

รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง

(4 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)

ด้านผลงาน

1. การใช้อุปกรณ์ สามารถระบุและเลือกใช้ สามารถระบุและ สามารถระบุและ สามารถระบุและ

อปุ กรณ์ได้อยา่ งถกู ต้อง เลอื กใชอ้ ุปกรณ์ได้ เลอื กใช้อุปกรณ์ เลือกใชอ้ ุปกรณ์

(เหมาะสม) ครบถว้ น อยา่ งถูกต้อง ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ไดอ้ ยา่ งถกู ต้องบ้าง

(เหมาะสม) (เหมาะสม) บางสว่ น แต่ต้องไดร้ บั คาแนะนา

เปน็ สว่ นใหญ่ จากครู

2. วธิ กี ารทีใ่ ชใ้ นการ ปฏิบตั ติ ามขั้นตอน ปฏิบัติตามข้นั ตอน ปฏิบัตติ ามขัน้ ตอน สามารถปฏิบตั ิ

สร้างผลงาน วธิ ีการสรา้ งผลงาน วิธกี ารสรา้ งผลงาน วิธีการสรา้ งผลงาน ตามข้นั ตอนวิธกี ารสรา้ ง

ได้ถูกตอ้ งครบถ้วน ไดถ้ ูกตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ ได้ถูกต้องบางส่วน ผลงานไดบ้ า้ ง แต่ต้อง

ได้รบั คาแนะนาจากครู

3. ความถูกต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้อง

ของผลงาน ตามหลกั การครบถ้วน ตามหลักการส่วนใหญ่ ตามหลักการบางส่วน ตามหลกั การบ้าง แตต่ ้อง

ไดร้ ับคาแนะนาจากครู

4. ผลงานท่ไี ด้ สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป

สามารถนาไป ประยุกตใ์ ช้ ประยุกต์ใช้ ประยุกตใ์ ช้ ประยุกตใ์ ช้

ประยุกตใ์ ช้ ในชวี ติ ประจาวนั ได้ ในชีวิตประจาวันได้ ในชีวิตประจาวันได้ ในชวี ติ ประจาวันได้

ในชีวติ ประจาวนั สอดคลอ้ งและนาไปใช้ ค่อนข้างสอดคล้องและ สอดคลอ้ งบางส่วน แตไ่ ม่มีความสอดคล้อง

ไดจ้ ริง มแี นวโน้มทจ่ี ะนาไปใชไ้ ด้

ด้านการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ

5. การค้นพบข้อมูล สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย สามารถอธบิ าย

ความเขา้ ใจเงอ่ื นไข/ ความเขา้ ใจเงื่อนไข/ ความเข้าใจเงือ่ นไข/ ความเข้าใจเง่อื นไข/

ประเดน็ ปัญหาทีไ่ ด้รับได้ ประเด็นปญั หาทไ่ี ด้รบั ประเด็นปัญหาท่ี ประเดน็ ปัญหาท่ีไดร้ ับ

ชดั เจน และแสวงหา ไดช้ ัดเจน และแสวงหา ได้รบั อย่างชดั เจน อยา่ งชัดเจนบางครั้ง

ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลท่ี ข้อมลู จากแหล่งข้อมลู และแสวงหาข้อมูล และไมแ่ สวงหาข้อมูล

น่าเช่ือถอื ไดต้ รงประเด็น ที่หลากหลาย และ จากแหล่งข้อมลู ท่ี เพ่ือความเขา้ ใจมากขึ้น

ท้งั หมด ตรงประเด็นเปน็ สว่ น จากดั แต่ไดข้ ้อมูลท่ี

ใหญ่ ตรงประเด็นเพียง

บางส่วน

6. การใช้เหตุผล อธบิ ายถงึ เหตุผลใน อธบิ ายถึงเหตผุ ลใน สามารถอธบิ ายถึง สามารถอธิบาย

การใชแ้ นวคดิ ที่ตนเอง การใชแ้ นวคิดทตี่ นเอง เหตุผลในการใช้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับ

คาดคะเนไวไ้ ปใชใ้ น คาดคะเนไวไ้ ปใชใ้ น แนวคดิ ที่ตนเอง เหตุผลในการใช้แนวคดิ

การสร้างผลงาน และ การสรา้ งผลงาน และ คาดคะเนไวไ้ ปใชใ้ น ท่ีตนเองคาดคะเนไว้ไป

อธบิ ายได้อย่างละเอยี ด มคี าอธิบายชดั เจน การสรา้ งผลงาน และ ใชใ้ นการสร้างผลงาน

216

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5 อากาศรอบตัวเรา

เกณฑก์ ารประเมนิ

รายการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง
(4 คะแนน) (1 คะแนน)
ลึกซ้งึ จากแหลง่ ขอ้ มลู ที่ (3 คะแนน) (2 คะแนน) แตค่ าอธบิ ายขาดความ
หลากหลายและ ชัดเจน และไม่มี
น่าเช่ือถือ จากแหลง่ ข้อมูล มคี าอธบิ ายชัดเจน แหล่งขอ้ มูลทน่ี า่ เชอ่ื ถือ
เพ่อื สนบั สนนุ เหตผุ ลน้นั
หลายแหล่ง บางสว่ น จาก
ไม่ค่อยแสดงออกถึง
แหลง่ ขอ้ มลู ท่จี ากัด ความพยายามใน
การคน้ หาแนวคิด
ด้านการคิดสรา้ งสรรค์ แสดงออกถึง เร่ิมแสดงออกถึง ใหม่ ๆ และไมพ่ ร้อมที่
7. การยอมรบั และ แสดงออกถึง ความสามารถใน จะทาความเขา้ ใจกับ
การคน้ หาแนวคิด ความพยายามใน แนวคิดเหลา่ น้ัน
เรียนร้สู ง่ิ ใหม่ ความกระตือรือร้นใน ใหม่ ๆ ยอมรับและทา การคน้ หาแนวคิด
การค้นหาแนวคิดใหม่ ๆ ความเขา้ ใจกับแนวคิด ไม่ค่อยมีความสามารถ
อย่ตู ลอดเวลา สามารถ เหล่านั้นไดอ้ ยา่ ง ใหม่ ๆ และยอมรับ ในการใช้แนวคิดต่าง ๆ
ปรบั ตวั เพอื่ ทาความ ชัดเจน เพื่อใหเ้ กิดเป็นวธิ ีการ
เขา้ ใจกับแนวคดิ เหล่านัน้ และทาความเขา้ ใจ สร้างผลงานท่ี
ได้อย่างละเอยี ดลึกซ้ึง บอ่ ยคร้ังมี กบั แนวคิดเหลา่ นั้น สร้างสรรคอ์ ย่าง
ความสามารถใน เพยี งพอ และผลงาน
8. การสร้างผลงาน สามารถใชแ้ นวคิดต่าง ๆ การใชแ้ นวคดิ ตา่ ง ๆ แต่ไมส่ ามารถเข้าใจ ทไ่ี ด้ไม่แตกต่างจากผูอ้ ่นื
อย่างสรา้ งสรรค์ ในการสร้างผลงานท่ี ในการสร้างผลงานที่
แปลกใหม่และมีคุณภาพ แปลกใหม่ไม่ซา้ ใคร ได้
รวมทัง้ สามารถนาวธิ กี าร รวมท้งั สามารถนา
สรา้ งผลงานไปใช้ได้จรงิ วิธีการสรา้ งผลงานไป บางคร้งั มี
ใช้ไดจ้ รงิ ความสามารถใน
การใชแ้ นวคิดตา่ ง ๆ
ในการสร้างผลงาน
ทีแ่ ปลกใหม่ไม่ซ้าใคร
วธิ กี ารสร้างผลงาน
มแี นวโน้มนาไปใชไ้ ด้
จรงิ

217

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 5 อากาศรอบตัวเรา

ด้านการส่อื สาร

9. การมสี ว่ นร่วม มีการถามคาถามเพอ่ื มีการถามคาถามเพือ่ เร่ิมมกี ารถามคาถาม ไม่ค่อยถามคาถามเพอื่

การสนทนาและ ตรวจสอบความเข้าใจ ตรวจสอบความเขา้ ใจ เพ่อื ตรวจสอบ ตรวจสอบความเข้าใจ

การแลกเปลี่ยน และแลกเปล่ยี น และแลกเปลย่ี น ความเขา้ ใจและ หรอื แลกเปล่ียน

ความคดิ เห็น ความคิดเหน็ เก่ียวข้อง ความคิดเห็นเกยี่ วกบั แลกเปลยี่ น ความคดิ เห็นท่ีเกยี่ วกับ

กบั เร่อื งท่ีสนทนาอย่าง เรอื่ งที่สนทนาอยู่ ความคดิ เห็นเกย่ี วกบั เร่อื งท่ีสนทนากันอยู่

สมา่ เสมอ ดว้ ยการสรา้ ง บอ่ ยครง้ั และอธบิ าย เรื่องท่ีสนทนาอยเู่ ป็น

ความสมั พันธ์ท่ดี ี ความคดิ เหน็ ของ บางคร้ัง และอธบิ าย

เกิดความเขา้ ใจ จงู ใจให้ ตนเองใหเ้ ช่ือมต่อกับ ความคิดเห็นของ

ร่วมมอื ยอมรบั ว่า ความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน ตนเองได้ไมช่ ัดเจน

ความคิดเห็นของผู้อืน่ น้ัน อยู่ไดเ้ ปน็ อย่างดี

สาคัญ

10. การใชเ้ ครื่องมือ สามารถใช้เครื่องมือ สามารถใช้เคร่ืองมือ สามารถใชเ้ ครอ่ื งมอื ไมค่ ่อยมีความสามารถ

ดิจทิ ัล สอ่ื สารได้ ส่ือสารได้ สอ่ื สารไดอ้ ย่าง ในการใช้เครื่องมือ

อย่างคล่องแคล่ว ใน อย่างคล่องแคลว่ ใน คล่องแคลว่ ใน ส่อื สารได้

การอธิบายสาระสาคญั การอธิบายสาระสาคญั การอธบิ ายสาระสาคญั อย่างคล่องแคล่ว ใน

ของผลงานได้อย่าง ของผลงานได้อย่าง ของผลงานได้ แต่ขาด การอธบิ ายสาระสาคัญ

ชดั เจนขน้ึ ชัดเจนเปน็ ส่วนใหญ่ ความชดั เจน ของผลงานใหช้ ดั เจน

มากข้ึน

11. การนาเสนอปาก เมอ่ื ต้องนาเสนอแบบ เมื่อต้องนาเสนอแบบ เมือ่ ต้องนาเสนอแบบ เมือ่ ต้องนาเสนอแบบ

เปลา่ ปากเปล่า ใชน้ า้ เสียงทด่ี งั ปากเปล่า ใชเ้ สยี งทีด่ งั ปากเปลา่ เริม่ ใช้เสียง ปากเปล่า มกั จะใชเ้ สยี ง

เหมาะสมอยา่ งสม่าเสมอ แตไ่ ม่สม่าเสมอ ท่ดี ังขึ้นแต่ไมเ่ พยี งพอ เบาเกนิ ไปจนผู้ฟังได้ยิน

สามารถอธิบายและ สามารถตอบคาถาม ใหผ้ ฟู้ งั ท้ังหมดไดย้ นิ ไม่ถนัด และไมส่ ามารถ

ตอบคาถามในหวั ข้อ เพอื่ แสดงออกถึง สามารถตอบคาถาม ตอบคาถาม

การนาเสนออยา่ งมี ความเข้าใจในหัวข้อที่ เพือ่ แสดงออกถึง เพ่ือแสดงออกถึง

อรรถรสและนา่ ตดิ ตาม นาเสนอได้อย่าง ความเข้าใจในหัวข้อ ความเขา้ ใจในหวั ขอ้ ที่

ทาให้ผ้ฟู งั เกิดความสนใจ ถูกต้อง ลกึ ซึง้ และมี ทน่ี าเสนอไดอ้ ยา่ ง นาเสนอได้อยา่ งถกู ต้อง

ตอ่ การนาเสนอข้อมลู ความมน่ั ใจ ถูกต้องบางส่วนและ มน่ั ใจ

เปน็ อยา่ งมาก เรม่ิ มคี วามม่ันใจ

218

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 อากาศรอบตัวเรา

ดา้ นการมสี ่วนร่วมในการทางาน

12. ความสามารถ มีความเข้าใจขอบเขตและ มีความเขา้ ใจขอบเขต มีความเข้าใจขอบเขต มีความเข้าใจขอบเขต

ในการเปน็ ผู้นา ความสาคัญของ และความสาคญั ของ และความสาคญั ของ และความสาคญั ของ

และการมี การทางานกลมุ่ แสดง การทางานกลมุ่ แสดง การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่มแต่ไม่

ความคิดริเริม่ ความรับผดิ ชอบใน ความรบั ผดิ ชอบใน แสดงความ คอ่ ยแสดง

สร้างสรรค์ การดาเนินการตาม การดาเนนิ การตาม รับผดิ ชอบใน ความรบั ผดิ ชอบใน

แผนงานอย่างสม่าเสมอ แผนงานอย่าง การดาเนินการ การดาเนินการตาม

และสามารถทาหน้าที่ สมา่ เสมอ ตามแผนงานบางคร้ัง แผนงาน

อ่นื ๆ ได้นอกเหนือจาก

งานในความรับผิดชอบ

13. ความรับผิดชอบ มคี วามกระตือรอื ร้น มคี วามสมคั รใจใน มคี วามสมคั รใจใน ขาดความสมัครใจใน

และทกั ษะ ในงานทีร่ บั ผิดชอบและ การรับผิดชอบภาระ การรบั ผดิ ชอบภาระ การรับผิดชอบภาระตา่ ง

ดา้ นผลติ ภาพ เปน็ ผู้กระตุน้ ใหเ้ กิด ตา่ ง ๆ ให้ความ ตา่ ง ๆ ให้ ๆ มกั ไม่ค่อยใหค้ วาม

การทางานกลุ่ม จนได้ ช่วยเหลือผอู้ ื่น จนได้ ความชว่ ยเหลอื ผู้อ่นื ชว่ ยเหลือผู้อืน่ และไม่ได้

ผลงานที่มีคุณภาพ ผลงานตามท่กี าหนดไว้ จนได้ผลงานตามที่ ผลงานตามท่กี าหนดไว้

บ่อยครั้ง กาหนดไวบ้ างคร้ัง

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
45-52 ดีมาก
35-43 ดี
26-34 พอใช้
ปรับปรุง
ต่ากวา่ 26

219

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 อากาศรอบตัวเรา

แบบสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล

ชอ่ื ......................................................................................................เลขท.่ี ...............ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 ห้อง...........

คาชีแ้ จง : ผ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดับคะแนน

ขอ้ การสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี น ระดบั ความคิดเหน็
321

มวี นิ ยั

1 ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงในการเรยี นสม่าเสมอ

2 ทางานที่ได้รบั มอบหมายอยา่ งต้ังใจ

3 ทางานเสรจ็ ส่งตามเวลาท่ีกาหนด

ใฝ่เรยี นรู้

4 รว่ มทากจิ กรรมต่าง ๆ ท่ีครจู ดั ให้อยา่ งตั้งใจ

5 เอาใจใสง่ านท่ไี ด้รับมอบหมาย

6 ตอบคาถามครูอยา่ งสมา่ เสมอ

มงุ่ มัน่ ในการทางาน

7 ปฏิบตั หิ นา้ ทที่ ีไ่ ด้รับมอบหมายอย่างตั้งใจ มคี วามรบั ผดิ ชอบ

8 ปรบั ปรงุ แก้ปัญหาในการทางานให้สาเร็จ

9 พัฒนาการเรยี นของตนเองตลอดเวลา

เกณฑ์ให้คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั (70%) ให้ 2 คะแนน 23-27 ดีมาก
18-22 ดี
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั (50%) ให้ 1 คะแนน 13-17 พอใช้
ปรับปรงุ
ตา่ กว่า 13

220

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 อากาศรอบตวั เรา

แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม

คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน

ลาดับ ช่อื –สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม
ที่ ของนกั เรียน ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ ตามทีไ่ ด้รับ สว่ นรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน
ผลงานกลุ่ม

321321321321321

เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ (70%) ให้ 2 คะแนน 14-15 ดมี าก
11-13 ดี
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครัง้ (50%) ให้ 1 คะแนน 8-10 พอใช้
ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง

221

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 พลังงานบนโลกของเรา

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6
พลังงานบนโลกของเรา

เวลา 14 ช่ัวโมง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด

ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน
พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้ง
นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ว 2.3 ป.3/1 ยกตวั อยา่ งการเปลย่ี นแปลงพลังงานหนงึ่ ไปเป็นอกี พลังงานหนึ่งจากหลักฐานเชิงประจักษ์
ป.3/2 บรรยายการทางานของเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าและระบุแหล่งพลังงานผลิตกระแสไฟฟ้า จากข้อมูล
ทรี่ วบรวมได้
ป.3/3 ตระหนกั ในประโยชนแ์ ละโทษของไฟฟ้า โดยนาเสนอวิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยดั และปลอดภยั

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
1) พลังงานเป็นปริมาณที่แสดงถึงความสามารถในการทางาน พลังงานมีหลายแบบ เช่น พลังงานกล พลังงานไฟฟ้า

พลังงานแสง พลังงานเสียง และพลงั งานความร้อน โดยพลังงานสามารถเปลี่ยนจากพลังงานหนึ่งไปเป็นอีกพลังงานหน่ึงได้
เช่น การถูมือจนรู้สึกร้อน เป็นการเปล่ียนพลังงานกลเป็นพลังงานความร้อน แผงเซลล์สุริยะเปลี่ยนพลังงานแสงเป็น
พลังงานไฟฟ้า หรอื เคร่ืองใช้ไฟฟ้าเปลี่ยนพลังงานไฟฟา้ เป็นพลังงานอ่ืน

2) ไฟฟ้าผลิตจากเครื่องกาเนิดไฟฟ้าซึ่งใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานธรรมชาติหลายแหล่ง เช่น พลังงานจากลม
พลังงานจากน้า พลังงานจากแก๊สธรรมชาติ

3) พลังงานไฟฟ้ามีความสาคัญต่อชีวิตประจาวัน การใช้ไฟฟ้านอกจากต้องใช้อย่างถูกวิธี ประหยัดและคุ้มค่า
แลว้ ยังต้องคานงึ ถึงความปลอดภัยดว้ ย

2.2 สาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ
(พิจารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา)

3. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

พลังงานเป็นปริมาณท่ีแสดงถึงความสามารถในการทางาน เม่ือวัตถุเกิดการเคล่ือนท่ี พลังงานจะเคล่ือนท่ีจากที่หน่ึงไปอีก
ท่หี นึ่ง เรียกว่า การเปลยี่ นแปลงของพลังงาน

ไฟฟ้าเป็นพลังงานรูปแบบหน่ึงท่ีสามารถเปล่ียนรูปเป็นพลังงานอ่ืน และทาให้เครื่องมือต่าง ๆ สามารถทางานได้ และ
เพือ่ ช่วยอานวยความสะดวกในด้านตา่ ง ๆ

ไฟฟ้าผลิตจากเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าซ่ึงใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานธรรมชาติหลายแหล่ง เช่น พลังงานจากลม
พลงั งานจากน้า พลังงานจากแก๊สธรรมชาติ

การผลิตไฟฟ้าต้องใชhพลังงานจากแหล่งพลังงานธรรมชาติท่ีมีจากัด และแหล่งพลังงานหมุนเวียน ซ่ึงแหล่งพลังงานที่มี
จากัดนี้เมือ่ ใชแ้ ล้วจะค่อย ๆ หมดไป ดังนนั้ จึงตอ้ งเรียนรู้วิธีการใชไ้ ฟฟ้าอย่างประหยัด

267

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 พลังงานบนโลกของเรา

4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1) ความสามารถในการส่อื สาร 1) ทกั ษะการสังเกต 1) มีวนิ ัย

2) ความสามารถในการคิด 2) ทักษะการจาแนกประเภท 2) ใฝเ่ รียนรู้

3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา 3) ทกั ษะการต้ังสมมติฐาน 3) มงุ่ มนั่ ในการทางาน

4) ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมูล

5) ทักษะการจัดกระทาและ

การส่ือความหมายข้อมูล

5. ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- แผนภาพหรือแผนผัง หาข้อมูลเกยี่ วกบั เซลลส์ ุริยะ

6. การวัดและการประเมนิ ผล วิธีวัด เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

รายการวดั - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินตามสภาพจรงิ
6.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน กอ่ นเรียน หนว่ ย หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 6
การเรียนรู้ท่ี 6 พลงั งานบนโลกของเรา
1) แบบทดสอบก่อน พลังงานบนโลก
เรียน หน่วยการ ของเรา - สมดุ ประจาตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เรียนรู้ที่ 6 พลังงาน หนังสือเรยี นชดุ แม่บท - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
บนโลกของเรา - ตรวจสมุดประจาตวั มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
หรือหนงั สือเรยี น ป.3
6.2 ประเมินระหว่าง ชดุ แม่บทมาตรฐาน
การจดั กจิ กรรม วทิ ยาศาสตร์ ป.3 - สมุดประจาตัวหรือ
การเรยี นรู้ หนังสอื เรียนชุดแม่บท
1) บันทึกผลการทา - ตรวจสมุดประจาตวั มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
กิจกรรมลองทาดู หรอื หนงั สือเรยี น ป.3
(เรอ่ื งที่ 1) ชดุ แม่บทมาตรฐาน
วทิ ยาศาสตร์ ป.3 - สมุดประจาตวั หรอื
2) บันทึกผลการทา หนงั สอื เรยี นชดุ แม่บท
กิจกรรมลองทาดู - ตรวจสมดุ ประจาตวั มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
(เรือ่ งท่ี 2) หรอื หนังสือเรียน ป.3
ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน
3) บนั ทึกผลการทา วิทยาศาสตร์ ป.3
กิจกรรมพฒั นา
ทักษะกระบวน
การทาง
วทิ ยาศาสตร์ ที่ 1

268

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 พลงั งานบนโลกของเรา วิธวี ัด เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน

รายการวดั - ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
และ 2 หรือหนงั สอื เรยี น หนังสือเรียนชุดแมบ่ ท - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
4) บันทึกผลการทา ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝึกพฒั นา วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การเรยี นรู้ท่ี 1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
และ 2 - ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมดุ ประจาตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
5) สรุปสาระสาคญั หรอื หนงั สอื เรียน หนังสอื เรียนชดุ แมบ่ ท
ประจาเร่ืองท่ี 1 ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
และ 2 วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3

6) กิจกรรมพัฒนา - ตรวจสมดุ ประจาตวั - สมุดประจาตวั หรือ
ทักษะการคิด หรอื หนังสือเรยี น หนงั สอื เรยี นชุดแมบ่ ท
ประจาเรอ่ื งท่ี 1 ชุดแม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
และ 2 วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3

7) กจิ กรรมพัฒนา - ตรวจสมุดประจาตัว - สมดุ ประจาตวั หรอื
ทกั ษะแหง่ ศตวรรษ หรอื หนังสอื เรยี น หนังสือเรียนชดุ แมบ่ ท
ที่ 21 (เรื่องท่ี 1 ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
และ 2) วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3

8) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ - ตรวจสมุดประจาตวั - สมดุ ประจาตัวหรือ
ตามตัวชวี้ ดั ประจา หรอื หนังสอื เรยี น หนังสือเรียนชุดแมบ่ ท
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ชดุ แม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
เร่ืองที่ 1 และ 2 วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3
- ใบงานที่ 6.1 เรือ่ ง
9) ใบงานท่ี 6.1 เรอ่ื ง พลงั งานและการ - แบบประเมนิ ใบงาน
พลังงานและการ เปล่ียนแปลง
เปล่ยี นแปลง - ใบงานที่ 6.2 เรอื่ ง - แบบประเมินใบงาน - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แหล่งพลงั งานท่ีใช้ใน
10) ใบงานที่ 6.2 เรอื่ ง การผลติ ไฟฟา้ - แบบสังเกตพฤติกรรมการ - ระดบั คุณภาพ ดี
แหลง่ พลังงานท่ีใช้ ทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
ในการผลติ ไฟฟ้า - สงั เกตพฤตกิ รรมการ
ทางานรายบคุ คล - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ ดี
11) พฤติกรรมการ การทางานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
ทางานรายบุคคล - สังเกตพฤตกิ รรม
การทางานกลุ่ม - สมดุ บนั ทกึ ประจาตวั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
12) พฤติกรรมการ นักเรยี น
ทางานกลุ่ม - การสง่ สมุดทา้ ยชวั่ โมง
- หนังสอื เรยี นชดุ แม่บท - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
13) สมดุ บนั ทกึ - ตรวจหนงั สอื เรยี นชุด มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
ประจาตัวนักเรียน แมบ่ ทมาตรฐาน

6.3 การประเมินหลงั เรียน
1) แบบทดสอบท้าย
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 6

269

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 6 พลงั งานบนโลกของเรา วธิ ีวัด เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
รายการวดั
พลังงานบนโลกของ - ตรวจแบบทดสอบหลัง - แบบทดสอบหลงั เรยี น
เรา เรียน หน่วยการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6
2) แบบทดสอบหลงั ที่ 6 พลังงานบนโลก พลงั งานบนโลกของเรา
เรยี น หนว่ ยการ ของเรา
เรยี นรู้ที่ 6 พลงั งาน
บนโลกของเรา

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ เวลา 2 ช่ัวโมง
 แผนฯ ที่ 1 : พลงั งานและการเปลย่ี นแปลง 1 เวลา 3 ชว่ั โมง
เวลา 2 ชั่วโมง
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model เวลา 3 ชั่วโมง
เวลา 4 ชั่วโมง
 แผนฯ ที่ 2 : พลงั งานและการเปลี่ยนแปลง 2
(รวมเวลา 14 ช่ัวโมง)
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ที่ 3 : การผลติ ไฟฟ้า

แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ที่ 4 : แหล่งพลงั งานในการผลิตไฟฟ้า

แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ท่ี 5 : การรจู้ ักใช้ไฟฟา้

แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้

8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียนชุดแมบ่ ทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.3
2) บัตรคา
3) มอเตอร์ไดนาโม
4) ใบงานท่ี 6.1 เรอื่ ง พลังงานและการเปล่ยี นแปลง
5) ใบงานท่ี 6.2 เร่อื ง แหลง่ พลังงานทีใ่ ช้ในการผลติ ไฟฟา้

8.2 แหล่งการเรียนรู้
- อนิ เทอรเ์ นต็

270

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 พลงั งานบนโลกของเรา

แบบทดสอบกอ่ นเรียน

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 6 พลงั งานบนโลกของเรา

คาช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเคร่อื งหมายวง O ล้อมรอบตัวเลขหน้าตวั เลือก

1. การแกว่งชิงช้า เก่ียวข้องกับพลังงานประเภทใด 6. ขอ้ ใดไมใ่ ชแ่ หลง่ พลงั งานหมนุ เวียน
1. พลงั งานกล 1. ลม
2. พลังงานแสง 2. นา้
3. พลงั งานเสียง 3. ถ่านหนิ
4. พลังงานไฟฟา้ 4. แสงอาทติ ย์

2. เซลลส์ ุริยะ เป็นการเปล่ยี นแปลงพลงั งานใน 7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่แหล่งพลงั งานท่ีมีจากัด
รูปแบบใด เปน็ รูปแบบใด 1. น้ามัน
1. พลงั งานแสง พลังงานเสียง 2. ชวี มวล
2. พลงั งานเสียง พลังงานแสง 3. เชื้อเพลงิ ฟอสซลิ
3. พลังงานแสง พลังงานไฟฟ้า 4. ปฏกิ ิริยานิวเคลียร์
4. พลงั งานเสยี งไฟฟ้า พลงั งานแสง
8. ขอ้ ใดเป็นการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยดั
3. โทรทัศน์ เปน็ เครื่องใชท้ เี่ ปลย่ี นพลังงานไฟฟ้าเป็น 1. ตงั้ ต้เู ย็นชิดตดิ ผนัง
พลงั งานประเภทใด 2. ใชห้ ลอดไฟแบบหลอดไส้
1. พลังงานกล 3. ปิดสวิตชเ์ คร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ทุกครั้งหลงั ใชง้ าน
2. พลังงานแสง 4. ถกู ทกุ ขอ้
3. พลงั งานความร้อน
4. ถูกทุกขอ้ 9. ข้อใดเป็นการใช้ไฟฟ้าอยา่ งปลอดภยั
1. ตดิ ต้งั สายดินใหเ้ คร่ืองซกั ผ้า
4. ขอ้ ใดต่อไปน้เี ปน็ เครื่องกาเนดิ ไฟฟ้า 2. ไมค่ วรเปิดหรือปดิ สวิตชไ์ ฟเมื่อรา่ งกายเปียกน้า
1. เงนิ 3. ในการเสียบเตา้ เสยี บ ควรจบั บริเวณฉนวนไฟฟ้า
2. ทอง 4. ถูกทุกข้อ
3. โลหะ
4. ไดนาโม 10. อุปกรณ์ไฟฟา้ ชนดิ ใดเปลีย่ นพลงั งานไฟฟา้ เป็นพลังงานได้
มากกวา่ 1 พลังงาน
5. ปัจจัยใดไม่ส่งผลต่อปรมิ าณกระแสเหนย่ี วนา 1. เตาอบไมโครเวฟ
1. ความแขง็ ของขดลวด 2. โทรทศั น์
2. ขนาดของแท่งแมเ่ หลก็ 3. โน้ตบ๊กุ คอมพิวเตอร์
3. ความเร็วในการหมุนขดลวด 4. ถกู ทกุ ข้อ
4. จานวนรอบในการพันขดลวด

เฉลย 1. 1 2. 3 3. 4 4. 4 5. 1 6. 3 7. 2 8. 4 9. 4 10. 4

271

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 พลงั งานบนโลกของเรา

แบบทดสอบหลงั เรียน

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 พลงั งานบนโลกของเรา

คาช้แี จง : ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเครอื่ งหมายวง O ล้อมรอบตัวเลขหน้าตัวเลอื ก

1. ข้อใดเป็นการใช้ไฟฟ้าอยา่ งประหยดั 6. โทรทัศน์ เปน็ เคร่ืองใช้ทเี่ ปลี่ยนพลังงานไฟฟา้ เป็น
1. ตงั้ ตู้เยน็ ชิดติดผนงั พลงั งานประเภทใด
2. ใช้หลอดไฟแบบหลอดไส้ 1. พลังงานกล
3. ปิดสวิตชเ์ ครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ทุกครั้งหลังใช้งาน 2. พลงั งานแสง
4. ถกู ทุกข้อ 3. พลังงานความร้อน
4. ถกู ทกุ ขอ้
2. ข้อใดไมใ่ ช่แหล่งพลงั งานหมนุ เวยี น
1. ลม 7. เซลล์สรุ ยิ ะ เป็นการเปล่ียนแปลงพลงั งานในรปู แบบใด
2. น้า เปน็ รูปแบบใด
3. ถา่ นหิน 1. พลังงานแสง พลงั งานเสียง
4. แสงอาทติ ย์ 2. พลงั งานเสยี ง พลงั งานแสง
3. พลงั งานแสง พลงั งานไฟฟ้า
3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่แหล่งพลงั งานท่ีมีจากัด 4. พลังงานเสียงไฟฟ้า พลงั งานแสง
1. น้ามนั
2. ชีวมวล 8. ข้อใดต่อไปน้ีเป็นเคร่ืองกาเนดิ ไฟฟา้
3. เชือ้ เพลงิ ฟอสซิล 1. เงนิ
4. ปฏิกิรยิ านวิ เคลียร์ 2. ทอง
3. โลหะ
4. การแกวง่ ชิงช้า เกยี่ วข้องกบั พลังงานประเภทใด 4. ไดนาโม
1. พลงั งานกล
2. พลังงานแสง 9. ปจั จัยใดไม่ส่งผลต่อปรมิ าณกระแสเหนยี่ วนา
3. พลงั งานเสียง 1. ความแขง็ ของขดลวด
4. พลงั งานไฟฟ้า 2. ขนาดของแท่งแม่เหลก็
3. ความเรว็ ในการหมนุ ขดลวด
5. อุปกรณ์ไฟฟา้ ชนดิ ใดเปล่ียนพลังงานไฟฟ้าเปน็ 4. จานวนรอบในการพันขดลวด
พลงั งานได้มากกว่า 1 พลงั งาน
1. โทรทัศน์ 10. ข้อใดเปน็ การใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย
2. เตาอบไมโครเวฟ 1. ติดต้ังสายดนิ ใหเ้ ครอื่ งซักผ้าน้า
3. โน้ตบกุ๊ คอมพวิ เตอร์ 2. ไม่ควรเปดิ หรือปิดสวิตช์ไฟเมื่อรา่ งกายเปยี ก
4. ถูกทุกข้อ 3. ในการเสียบเต้าเสียบ ควรจับบรเิ วณฉนวนไฟฟ้า
4. ถูกทุกข้อ

เฉลย 1. 4 2. 3 3. 2 4. 1 5. 4 6. 4 7. 3 8. 4 9. 1 10. 4

272

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 พลงั งานบนโลกของเรา

แบบประเมนิ ผลงาน พลงั งานบนโลกของเรา (สาหรบั แผนฯ ท่ี 4)

คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลงานของนกั เรยี นแตล่ ะคน โดยใส่คะแนนลงในช่องวา่ งตามเกณฑ์การประเมิน ดังน้ี

4 = ดมี าก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรงุ

สมาชกิ ในกลุ่ม

รายการประเมนิ คนท่ี คนที่ คนท่ี คนที่ คนที่

12345

ด้านผลงาน

1. การใชอ้ ุปกรณ์

2. วธิ ีการทใ่ี ช้ในการสรา้ งผลงาน

3. ความถูกต้องของผลงาน

4. ผลงานท่ีได้สามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจาวนั

ดา้ นการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ

5. การค้นพบข้อมลู

6. การใช้เหตผุ ล

ด้านการคิดสรา้ งสรรค์

7. การยอมรบั และเรียนรู้สิง่ ใหม่

8. การสรา้ งผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์

ดา้ นการสือ่ สาร

9. การมสี ่วนร่วมในการสนทนาและการแลกเปลยี่ นความคิดเหน็

10. การใช้เคร่อื งมือดิจทิ ัล

11. การนาเสนอปากเปล่า

ด้านการมสี ่วนรว่ มในการทางาน

12. ความสามารถในการเป็นผนู้ าและการมีความคิดริเรมิ่ สร้างสรรค์

13. ความรบั ผดิ ชอบและทกั ษะด้านผลติ ภาพ

คะแนนรวม (แตล่ ะคน)

รายช่อื สมาชกิ ในกลุ่ม

1) ชือ่ ........................................................................................ เลขท.่ี ..............
2) ชื่อ........................................................................................ เลขที่...............
3) ช่ือ........................................................................................ เลขที.่ ..............
4) ชอื่ ........................................................................................ เลขท.ี่ ..............
5) ช่อื ........................................................................................ เลขที่...............

273

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 พลังงานบนโลกของเรา

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงาน พลงั งานบนโลกของเรา

เกณฑก์ ารประเมนิ

รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ

(4 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)

ดา้ นผลงาน

1. การใชอ้ ุปกรณ์ สามารถระบุและเลือกใช้ สามารถระบุและ สามารถระบุและ สามารถระบุและ

อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้อง เลอื กใชอ้ ุปกรณ์ได้ เลอื กใชอ้ ุปกรณ์ เลอื กใชอ้ ุปกรณ์

(เหมาะสม) ครบถว้ น อย่างถูกต้อง ไดอ้ ย่างถูกต้อง ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งบ้าง

(เหมาะสม) (เหมาะสม) บางส่วน แต่ต้องไดร้ ับคาแนะนา

เป็นส่วนใหญ่ จากครู

2. วธิ ีการทใี่ ชใ้ นการ ปฏิบัติตามขัน้ ตอน ปฏิบตั ิตามขัน้ ตอน ปฏบิ ัติตามขัน้ ตอน สามารถปฏิบตั ิ

สรา้ งผลงาน วธิ กี ารสรา้ งผลงาน วธิ กี ารสร้างผลงาน วิธีการสรา้ งผลงาน ตามขั้นตอนวิธกี ารสร้าง

ได้ถูกตอ้ งครบถ้วน ไดถ้ ูกต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ได้ถูกตอ้ งบางสว่ น ผลงานได้บา้ ง แต่ต้อง

ได้รบั คาแนะนาจากครู

3. ความถกู ต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ต้อง

ของผลงาน ตามหลกั การครบถว้ น ตามหลักการส่วนใหญ่ ตามหลักการบางส่วน ตามหลักการบ้าง แตต่ ้อง

ได้รบั คาแนะนาจากครู

4. ผลงานทไี่ ด้ สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป

สามารถนาไป ประยุกต์ใช้ ประยุกต์ใช้ ประยุกต์ใช้ ประยกุ ต์ใช้

ประยกุ ตใ์ ช้ ในชวี ติ ประจาวนั ได้ ในชีวติ ประจาวันได้ ในชีวติ ประจาวันได้ ในชวี ิตประจาวนั ได้

ในชีวิตประจาวัน สอดคล้องและนาไปใช้ ค่อนข้างสอดคล้องและ สอดคลอ้ งบางสว่ น แตไ่ ม่มีความสอดคล้อง

ไดจ้ รงิ มีแนวโน้มทจ่ี ะนาไปใช้ได้

ด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ

5. การคน้ พบขอ้ มลู สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย สามารถอธบิ าย

ความเข้าใจเง่อื นไข/ ความเข้าใจเงื่อนไข/ ความเข้าใจเง่ือนไข/ ความเขา้ ใจเงือ่ นไข/

ประเด็นปัญหาทีไ่ ดร้ บั ได้ ประเดน็ ปญั หาทไ่ี ดร้ ับ ประเด็นปญั หาที่ ประเดน็ ปัญหาทไี่ ดร้ บั

ชดั เจน และแสวงหา ไดช้ ัดเจน และแสวงหา ได้รับอย่างชัดเจน อยา่ งชดั เจนบางครง้ั

ข้อมลู จากแหล่งข้อมูลท่ี ข้อมูลจากแหล่งข้อมลู และแสวงหาข้อมูล และไม่แสวงหาข้อมลู

น่าเช่อื ถือได้ตรงประเดน็ ทีห่ ลากหลาย และ จากแหล่งข้อมูลที่ เพอื่ ความเขา้ ใจมากขน้ึ

ทัง้ หมด ตรงประเดน็ เป็นส่วน จากัด แตไ่ ดข้ ้อมูลที่

ใหญ่ ตรงประเด็นเพียง

บางส่วน

6. การใชเ้ หตุผล อธิบายถงึ เหตุผลใน อธิบายถงึ เหตผุ ลใน สามารถอธบิ ายถึง สามารถอธบิ าย

การใช้แนวคดิ ท่ตี นเอง การใช้แนวคิดที่ตนเอง เหตผุ ลในการใช้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั

คาดคะเนไวไ้ ปใชใ้ น คาดคะเนไว้ไปใชใ้ น แนวคิดทต่ี นเอง เหตุผลในการใช้แนวคิด

การสรา้ งผลงาน และ การสร้างผลงาน และ คาดคะเนไว้ไปใชใ้ น ท่ีตนเองคาดคะเนไวไ้ ป

อธิบายได้อย่างละเอยี ด มีคาอธบิ ายชดั เจน การสรา้ งผลงาน และ ใช้ในการสรา้ งผลงาน

274

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 พลงั งานบนโลกของเรา

เกณฑก์ ารประเมิน

รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง
(4 คะแนน) (1 คะแนน)
ลกึ ซงึ้ จากแหลง่ ข้อมูลที่ (3 คะแนน) (2 คะแนน) แต่คาอธิบายขาดความ
หลากหลายและ ชัดเจน และไมม่ ี
น่าเชอ่ื ถือ จากแหล่งข้อมลู มคี าอธบิ ายชดั เจน แหลง่ ขอ้ มลู ทน่ี ่าเชื่อถือ
เพ่ือสนบั สนนุ เหตผุ ลน้นั
หลายแหลง่ บางส่วน จาก
ไม่ค่อยแสดงออกถึง
แหลง่ ข้อมลู ท่จี ากัด ความพยายามใน
การคน้ หาแนวคิด
ด้านการคิดสร้างสรรค์ แสดงออกถึง เรมิ่ แสดงออกถงึ ใหม่ ๆ และไม่พร้อมที่
7. การยอมรบั และ แสดงออกถึง ความสามารถใน จะทาความเข้าใจกับ
การคน้ หาแนวคิด ความพยายามใน แนวคดิ เหลา่ น้นั
เรยี นรูส้ ิง่ ใหม่ ความกระตือรือรน้ ใน ใหม่ ๆ ยอมรับและทา การค้นหาแนวคิด
การคน้ หาแนวคิดใหม่ ๆ ความเข้าใจกับแนวคิด ไมค่ ่อยมีความสามารถ
อยู่ตลอดเวลา สามารถ เหล่านนั้ ไดอ้ ยา่ ง ใหม่ ๆ และยอมรับ ในการใชแ้ นวคดิ ต่าง ๆ
ปรบั ตัวเพอ่ื ทาความ ชดั เจน เพ่ือให้เกดิ เปน็ วธิ ีการ
เขา้ ใจกับแนวคดิ เหล่านนั้ และทาความเขา้ ใจ สรา้ งผลงานที่
ไดอ้ ยา่ งละเอียดลกึ ซึ้ง บอ่ ยคร้ังมี กับแนวคิดเหลา่ นั้น สรา้ งสรรคอ์ ย่าง
ความสามารถใน เพียงพอ และผลงาน
8. การสรา้ งผลงาน สามารถใชแ้ นวคิดตา่ ง ๆ การใช้แนวคิดตา่ ง ๆ แตไ่ ม่สามารถเข้าใจ ที่ได้ไม่แตกต่างจากผอู้ ่นื
อยา่ งสร้างสรรค์ ในการสร้างผลงานท่ี ในการสรา้ งผลงานท่ี
แปลกใหม่และมีคณุ ภาพ แปลกใหม่ไม่ซ้าใคร ได้
รวมทงั้ สามารถนาวธิ กี าร รวมท้งั สามารถนา
สรา้ งผลงานไปใช้ไดจ้ รงิ วธิ กี ารสร้างผลงานไป บางครง้ั มี
ใชไ้ ด้จรงิ ความสามารถใน
การใช้แนวคิดต่าง ๆ
ในการสร้างผลงาน
ท่ีแปลกใหม่ไม่ซ้าใคร
วิธีการสร้างผลงาน
มแี นวโนม้ นาไปใชไ้ ด้
จริง

275

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 พลังงานบนโลกของเรา

ดา้ นการสอ่ื สาร

9. การมสี ว่ นร่วม มกี ารถามคาถามเพอื่ มกี ารถามคาถามเพ่ือ เรมิ่ มีการถามคาถาม ไม่ค่อยถามคาถามเพ่ือ

การสนทนาและ ตรวจสอบความเข้าใจ ตรวจสอบความเขา้ ใจ เพอ่ื ตรวจสอบ ตรวจสอบความเข้าใจ

การแลกเปลีย่ น และแลกเปล่ยี น และแลกเปลยี่ น ความเข้าใจและ หรอื แลกเปล่ยี น

ความคิดเห็น ความคิดเห็นเก่ยี วกบั ความคดิ เหน็ เกี่ยวกับ แลกเปล่ียน ความคิดเห็นทเ่ี กยี่ วกับ

เรือ่ งทีส่ นทนาอยา่ ง เร่อื งท่สี นทนาอยู่ ความคดิ เห็นเกีย่ วกับ เรือ่ งท่สี นทนากันอยู่

สมา่ เสมอ ด้วยการสร้าง บ่อยครัง้ และอธบิ าย เรื่องทสี่ นทนาอยเู่ ปน็

ความสมั พนั ธท์ ีด่ ี ความคดิ เห็นของ บางครง้ั และอธบิ าย

เกิดความเข้าใจ จงู ใจให้ ตนเองใหเ้ ชื่อมต่อกับ ความคดิ เห็นของ

ร่วมมอื ยอมรบั ว่า ความคิดเหน็ ของผู้อื่น ตนเองไดไ้ มช่ ดั เจน

ความคิดเห็นของผู้อน่ื นน้ั ได้เปน็ อย่างดี

สาคญั

10. การใชเ้ ครอื่ งมือ สามารถใชเ้ คร่ืองมือ สามารถใช้เคร่ืองมือ สามารถใช้เคร่ืองมือ ไม่ค่อยมีความสามารถ

ดิจิทลั สื่อสารได้อย่าง ส่ือสารได้ สอ่ื สารไดอ้ ย่าง ในการใชเ้ คร่ืองมือ

คลอ่ งแคล่ว ใน การ อย่างคลอ่ งแคล่ว ใน คลอ่ งแคลว่ ใน สือ่ สารได้

อธิบายสาระสาคัญของ การอธิบายสาระสาคญั การอธบิ ายสาระสาคัญ อยา่ งคล่องแคลว่ ใน

ผลงานไดอ้ ย่างชดั เจนขึ้น ของผลงานได้อย่าง ของผลงานได้ แตข่ าด การอธบิ ายสาระสาคัญ

ชดั เจนเปน็ สว่ นใหญ่ ความชดั เจน ของผลงานใหช้ ัดเจน

มากขึ้น

11. การนาเสนอปาก เมอื่ ต้องนาเสนอแบบ เม่ือต้องนาเสนอแบบ เม่อื ต้องนาเสนอแบบ เมอ่ื ต้องนาเสนอแบบ

เปลา่ ปากเปล่า ใช้น้าเสียงท่ีดัง ปากเปล่า ใชเ้ สียงท่ดี งั ปากเปลา่ เริม่ ใชเ้ สียง ปากเปล่า มกั จะใช้เสยี ง

เหมาะสมอยา่ งสมา่ เสมอ แต่ไม่สม่าเสมอ ท่ีดงั ขน้ึ แต่ไมเ่ พียงพอ เบาเกินไปจนผู้ฟังได้ยิน

สามารถอธิบายและ สามารถตอบคาถาม ให้ผูฟ้ งั ท้งั หมดไดย้ ิน ไมถ่ นัด และไม่สามารถ

ตอบคาถามในหวั ข้อ เพื่อแสดงออกถงึ สามารถตอบคาถาม ตอบคาถาม

การนาเสนออย่างมี ความเข้าใจในหัวขอ้ ท่ี เพ่ือแสดงออกถึง เพื่อแสดงออกถงึ

อรรถรสและน่าติดตาม นาเสนอได้อยา่ ง ความเขา้ ใจในหวั ข้อ ความเข้าใจในหวั ข้อที่

ทาให้ผูฟ้ งั เกิดความสนใจ ถูกต้องลึกซึง้ และมี ที่นาเสนอไดอ้ ย่าง นาเสนอได้อยา่ งถกู ต้อง

ตอ่ การนาเสนอข้อมูล ความม่นั ใจ ถกู ต้องบางส่วนและ มั่นใจ

เปน็ อย่างมาก เรม่ิ มคี วามมัน่ ใจ

276

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 พลงั งานบนโลกของเรา

ด้านการมสี ่วนรว่ มในการทางาน

12. ความสามารถ มคี วามเขา้ ใจขอบเขตและ มคี วามเขา้ ใจขอบเขต มีความเขา้ ใจขอบเขต มคี วามเข้าใจขอบเขต

ในการเป็นผู้นา ความสาคัญของ และความสาคัญของ และความสาคญั ของ และความสาคัญของ

และการมี การทางานกลมุ่ แสดง การทางานกลุ่ม แสดง การทางานกลมุ่ การทางานกลุ่ม แต่ไม่

ความคดิ รเิ รม่ิ ความรับผิดชอบใน ความรับผิดชอบใน แสดงความ คอ่ ยแสดง

สร้างสรรค์ การดาเนินการตาม การดาเนินการตาม รบั ผิดชอบใน ความรบั ผิดชอบใน

แผนงานอย่างสม่าเสมอ แผนงานอย่าง การดาเนินการ การดาเนินการตาม

และสามารถทาหน้าท่ี สมา่ เสมอ ตามแผนงานบางครงั้ แผนงาน

อืน่ ๆ ได้นอกเหนือจาก

งานในความรบั ผิดชอบ

13. ความรับผดิ ชอบ มคี วามกระตือรอื ร้น มคี วามสมคั รใจใน มีความสมัครใจใน ขาดความสมัครใจใน

และทกั ษะ ในงานทร่ี ับผิดชอบและ การรบั ผิดชอบภาระ การรับผิดชอบภาระ การรับผิดชอบภาระต่าง

ดา้ นผลิตภาพ เป็นผกู้ ระตุ้นให้เกดิ ตา่ ง ๆ ให้ความ ตา่ ง ๆ ให้ ๆ มักไม่ค่อยให้ความ

การทางานกลมุ่ จนได้ ช่วยเหลอื ผู้อน่ื จนได้ ความช่วยเหลือผ้อู ่ืน ชว่ ยเหลือผู้อ่นื และไม่ได้

ผลงานท่มี คี ุณภาพ ผลงานตามทก่ี าหนดไว้ จนได้ผลงานตามท่ี ผลงานตามที่กาหนดไว้

บอ่ ยคร้ัง กาหนดไว้บางครง้ั

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
44-52 ดมี าก
35-43 ดี
26-34 พอใช้
ปรบั ปรุง
ตา่ กว่า 26

277

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 พลงั งานบนโลกของเรา

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล

ชื่อ......................................................................................................เลขท.่ี ...............ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 ห้อง...........

คาชแ้ี จง : ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดับคะแนน

ขอ้ การสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น ระดบั ความคิดเหน็
321

มวี นิ ัย

1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลงในการเรยี นสม่าเสมอ

2 ทางานที่ได้รับมอบหมายอยา่ งต้งั ใจ

3 ทางานเสร็จสง่ ตามเวลาท่ีกาหนด

ใฝ่เรียนรู้

4 ร่วมทากจิ กรรมต่าง ๆ ที่ครจู ัดใหอ้ ยา่ งตั้งใจ

5 เอาใจใสง่ านทีไ่ ด้รบั มอบหมาย

6 ตอบคาถามครอู ย่างสมา่ เสมอ

มุ่งม่ันในการทางาน

7 ปฏบิ ัติหน้าท่ที ีไ่ ดร้ บั มอบหมายอย่างต้ังใจ มคี วามรับผิดชอบ

8 ปรบั ปรุง แก้ปัญหาในการทางานให้สาเรจ็

9 พฒั นาการเรยี นของตนเองตลอดเวลา

เกณฑใ์ ห้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ (70%) ให้ 2 คะแนน 23-27 ดีมาก
18-22 ดี
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน 13-17 พอใช้
ปรบั ปรุง
ตา่ กว่า 13

278

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 พลงั งานบนโลกของเรา

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม

คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน

ลาดับ ชอื่ –สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม
ที่ ของนกั เรยี น ความคดิ เหน็ ฟังคนอน่ื ตามท่ีไดร้ ับ ส่วนรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน
ผลงานกลุ่ม

321321321321321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง (70%) ให้ 2 คะแนน 14-15 ดมี าก
11-13 ดี
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง (50%) ให้ 1 คะแนน 8-10 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ

279

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 7 ดวงอาทติ ยก์ ับชีวติ

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 7
ดวงอาทติ ยก์ บั ชวี ติ

เวลา 14 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชว้ี ัด

ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ
รวมทง้ั ปฏสิ มั พันธ์ภายในระบบสุรยิ ะทสี่ ่งผลตอ่ สิ่งมีชีวิต และการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีอวกาศ
ว 3.1 ป.3/1 อธิบายแบบรปู เส้นทางการขนึ้ และตกของดวงอาทิตย์ โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจักษ์
ป.3/2 อธิบายสาเหตกุ ารเกดิ ปรากฏการณ์การข้ึนและตกของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน และ
การกาหนดทิศ โดยใชแ้ บบจาลอง
ป.3/3 ตระหนักถงึ ความสาคัญของดวงอาทิตย์ โดยบรรยายประโยชน์ของดวงอาทิตยต์ อ่ ส่ิงมชี ีวติ

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
1) คนบนโลกมองเหน็ ดวงอาทติ ยป์ รากฏข้ึนทางด้านหน่งึ หรอื ตกทางอีกด้านหน่งึ ทุกวนั หมุนเวยี นเปน็ แบบรูปซา้ ๆ
2) โลกกลมและหมุนรอบตัวเองขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทาให้บริเวณของโลกได้รับแสงอาทิตย์ไม่พร้อมกัน โลก
ด้านท่ีได้รับแสงจากดวงอาทิตย์จะเป็นกลางวัน ส่วนด้านตรงข้ามที่ไม่ได้รับแสงจะเป็นกลางคืน นอกจากนี้คนบน
โลกจะมองเหน็ ดวงอาทติ ย์ปรากฏข้นึ ทางด้านหนง่ึ ซึ่งกาหนดให้เป็นทิศตะวันออก และมองเห็นดวงอาทิตย์ตกทาง
อีกด้านหนึ่ง ซึ่งกาหนดให้เป็นทิศตะวันตก และเม่ือให้ด้านขวามืออยู่ทางทิศตะวันออก ด้านซ้ายมืออยู่ทาง
ทศิ ตะวันตก ด้านหนา้ จะเป็นทศิ เหนือ และดา้ นหลังจะเป็นทศิ ใต้
3) ในเวลากลางวนั โลกจะได้รับพลงั งานแสงและพลงั งานความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ ทาให้สง่ิ มชี ีวิตดารงอย่ไู ด้

2.2 สาระการเรียนร้ทู อ้ งถน่ิ
(พิจารณาตามหลกั สตู รสถานศึกษา)

3. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ท่ีมีแสงสว่างในตัวเองเป็นแหล่งพลังงานท่ีมีความสาคัญต่อโลก เพราะดวงอาทิตย์
ใหพ้ ลังงานความรอ้ นและพลงั งานแสงแกโ่ ลก ทาใหส้ ิง่ มีชีวิตนาพลงั งานไปใช้ประโยชนไ์ ด้

การหมุนรอบตัวเองของโลกทาให้เห็นดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าในเวลากลางวั นจากขอบฟ้าด้านหน่ึงและตกลับ
ขอบฟ้าอีกดา้ นหนึง่ ทาให้โลกเขา้ สู่ช่วงเวลากลางคืน

การท่ีโลกหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทาให้เกิดปรากฏการณ์การข้ึนและตกของดวงอาทิตย์ และ
ในขณะเดยี วกนั กท็ าให้เกดิ ช่วงเวลาของวันด้วย

329

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7 ดวงอาทิตยก์ ับชีวิต

4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

1) ความสามารถในการสื่อสาร 1) ทกั ษะการสังเกต 1) มวี นิ ัย

2) ความสามารถในการคิด 2) ทกั ษะการจาแนกประเภท 2) ใฝเ่ รียนรู้

3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3) ทกั ษะการตั้งสมมติฐาน 3) มงุ่ มัน่ ในการทางาน

4) ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล

5) ทกั ษะการจดั กระทาและ

การส่อื ความหมายข้อมูล

5. ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

1) แผนภาพหรือแผนผงั ประโยชนข์ องพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์
2) สรา้ งแบบจาลอง การข้ึนและตกของดวงอาทติ ย์

6. การวดั และการประเมนิ ผล วิธีวัด เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน

รายการวดั - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน - ประเมนิ ตามสภาพจริง
6.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน กอ่ นเรยี นหน่วย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 7
การเรียนรู้ท่ี 7 ดวงอาทติ ย์กับชีวิต
1) แบบทดสอบกอ่ น ดวงอาทิตย์กับชวี ิต
เรียนหน่วยการ - สมุดประจาตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เรียนรู้ที่ 7 ดวง - ตรวจสมดุ ประจาตัว หนังสือเรยี นชุดแม่บท - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
อาทิตย์กับชวี ติ หรอื หนงั สอื เรยี น มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
ชดุ แม่บทมาตรฐาน ป.3
6.2 ประเมินระหวา่ ง วิทยาศาสตร์ ป.3
การจัดกิจกรรม - สมดุ ประจาตวั หรอื
การเรยี นรู้ - ตรวจสมุดประจาตวั หนงั สอื เรียนชุดแม่บท
1) บนั ทึกผลการทา หรือหนงั สือเรยี น มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
กจิ กรรมลองทาดู ชดุ แม่บทมาตรฐาน ป.3
(เรือ่ งท่ี 1) วทิ ยาศาสตร์ ป.3
- สมุดประจาตัวหรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
2) บันทึกผลการทา - ตรวจสมดุ ประจาตัว หนังสือเรยี นชุดแมบ่ ท
กิจกรรมพัฒนา หรือหนังสอื เรยี น มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
ทกั ษะกระบวนการ ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน ป.3
ทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ป.3
ที่ 1 และ 2

3) บันทึกผลการทา
แบบฝึกพัฒนา
การเรยี นรทู้ ่ี 1
และ 2

330

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 7 ดวงอาทติ ยก์ ับชวี ิต วธิ ีวัด เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมนิ
- ตรวจสมุดประจาตัว - สมุดประจาตัวหรือ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
รายการวดั
4) สรุปสาระสาคัญ หรอื หนงั สือเรยี นชดุ หนงั สือเรียนชดุ แม่บท - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
ประจาเรอ่ื งที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจสมดุ ประจาตัว - สมุดประจาตัวหรือ
5) กจิ กรรมพฒั นา หรือหนงั สือเรยี น หนงั สือเรียนชุดแม่บท - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ทักษะการคิด ชดุ แมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
ประจาเรื่องท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจสมุดประจาตัว - สมดุ ประจาตวั หรือ
6) กิจกรรมพัฒนา หรือหนังสอื เรียน หนังสอื เรยี นชุดแม่บท
ทกั ษะแหง่ ศตวรรษ ชุดแม่บทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
ที่ 21 (เรอื่ งที่ 1) วทิ ยาศาสตร์ ป.3 ป.3
- ตรวจสมุดประจาตัว - สมดุ ประจาตวั หรือ
7) แบบวดั ผลสัมฤทธิ์ หรือหนังสอื เรยี น หนงั สอื เรียนชดุ แมบ่ ท
ตามตวั ช้ีวดั ประจา ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน มาตรฐาน วิทยาศาสตร์
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 7 วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3
- ใบงานที่ 7.1 เรือ่ ง การ - แบบประเมนิ ใบงาน
8) ใบงานท่ี 7.1 เรอื่ ง ข้นึ และตกของดวง
การขึน้ และตกของ อาทติ ย์
ดวงอาทติ ย์

9) ใบงานที่ 7.2 เรื่อง - ใบงานท่ี 7.2 เรื่อง การ - แบบประเมินใบงาน - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การข้นึ และตกของ ขึ้นและตกของดวง
ดวงอาทิตยแ์ ละการ อาทิตยแ์ ละการกาหนด - แบบประเมนิ ใบงาน - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
กาหนดทศิ ทิศ
- ใบงานที่ 7.3 เรอื่ ง การ - แบบสังเกตพฤติกรรมการ - ระดับคุณภาพ ดี
10) ใบงานท่ี 7.3 เรอื่ ง เกดิ กลางวนั กลางคนื ทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
การเกดิ กลางวนั
กลางคนื - สงั เกตพฤตกิ รรมการ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ ดี
ทางานรายบุคคล การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
11) พฤติกรรมการ
ทางานรายบคุ คล - สังเกตพฤตกิ รรม - สมดุ บนั ทึกประจาตวั - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
การทางานกลุ่ม นักเรยี น
12) พฤติกรรม
การทางานกลุม่ - การสง่ สมดุ ท้ายช่ัวโมง - หนงั สือเรียนชดุ แม่บท - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์
13) สมดุ บันทึก - ตรวจหนงั สือเรยี น
ประจาตัวนักเรียน ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน

6.3 การประเมินหลังเรียน
1) แบบทดสอบทา้ ย
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 7

331

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 7 ดวงอาทิตยก์ บั ชวี ิต

รายการวัด วิธีวัด เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
- ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ดวงอาทิตย์กับชีวติ วิทยาศาสตร์ ป.3 ป.3

2) แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรียน

หลงั เรียน หนว่ ยการ หลงั เรยี นหนว่ ยการ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7

เรยี นร้ทู ี่ 7 ดวง เรียนรทู้ ่ี 7 ดวงอาทิตย์ ดวงอาทติ ย์กับชวี ิต

อาทติ ย์กบั ชวี ติ กับชวี ิต

7. กิจกรรมการเรยี นรู้ เวลา 3 ชว่ั โมง
 แผนฯ ที่ 1 : ความสาคญั ของดวงอาทติ ย์ตอ่ สงิ่ มชี วี ิต เวลา 3 ชวั่ โมง
เวลา 4 ชว่ั โมง
แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model
(รวมเวลา 10 ช่วั โมง)
 แผนฯ ที่ 2 : ปรากฏการณ์ของดวงอาทติ ย์บนโลก 1

แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model

 แผนฯ ที่ 3 : ปรากฏการณข์ องดวงอาทิตย์บนโลก 1

แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model

8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียนชุดแม่บทมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.3
2) บตั รคา
3) ใบงานท่ี 7.1 เรอื่ ง การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์
4) ใบงานที่ 7.2 เรื่อง การข้นึ และตกของดวงอาทิตย์และการกาหนดทศิ
5) ใบงานที่ 7.3 เรอ่ื ง การเกดิ กลางวัน กลางคนื

8.2 แหล่งการเรยี นรู้
- อนิ เทอร์เน็ต

332

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 7 ดวงอาทติ ยก์ บั ชีวิต

แบบทดสอบกอ่ นเรียน

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ดวงอาทิตยก์ บั ชีวติ

คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเคร่ืองหมายวง O ล้อมรอบตัวเลขหน้าตวั เลือก

1. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชนท์ ่ีไดจ้ ากดวงอาทิตย์ 6. เมือ่ เราหันหนา้ ไปทางทิศใต้ ดา้ นขวามอื ของเราคือทศิ ใด

1. ปรากฏการณน์ า้ ข้นึ -นา้ ลง 1. ทิศเหนือ

2. การถนอมอาหารโดยตากแดด 2. ทิศตะวนั ตก

3. การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช 3. ทิศตะวันออก

4. การผลิตพลงั งานไฟฟ้าจากเซลล์สุรยิ ะ 4. ทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ

2. ข้อใดเป็นการใชป้ ระโยชน์จากดวงอาทิตย์ 7. โลกหมนุ รอบตวั เองใชเ้ วลาก่ชี ว่ั โมง

1. การเกิดวฏั จกั รน้า 1. 12

2. การมองเหน็ สิ่งต่าง ๆ ในกลางวนั 2. 24

3. การเกิดชว่ งเวลากลางวัน กลางคนื 3. 36

4. ถกู ทกุ ขอ้ 4. 48

3. ดวงอาทติ ย์ข้ึนขอบฟ้าบริเวณทิศใดเสมอ 8. โลกหมนุ รอบตวั เองทาใหเ้ กดิ เหตกุ ารณใ์ ด

1. ทศิ ใต้ 1. เกดิ ฤดกู าล

2. ทิศเหนอื 2. เกิดเดอื นใหม่

3. ทิศตะวนั ตก 3. เกิดน้าข้ึน - นา้ ลง

4. ทศิ ตะวนั ออก 4. เกดิ กลางวนั กลางคืน

4. ดวงอาทิตย์ตกขอบฟา้ บรเิ วณทิศใดเสมอ 9. สาเหตุทท่ี าใหเ้ กดิ ช่วงเวลากลางวัน กลางคนื

1. ทิศใต้ 1. โลกหมุนรอบตัวเอง

2. ทิศเหนือ 2. ดวงจนั ทรโ์ คจรรอบโลก

3. ทิศตะวันตก 3. โลกโคจรรอบดวงจนั ทร์

4. ทิศตะวันออก 4. โลกโคจรรอบดวงอาทติ ย์

5. เมอื่ เราหนั หน้าไปทางทิศดวงอาทติ ยต์ ก ดา้ น 10. เราใชส้ ิง่ ใดเป็นหลกั ในการสงั เกตเพ่ือกาหนดทิศ

ขวามือของเราคอื ทิศใด 1. โลก

1. ทิศใต้ 2. เมฆ

2. ทศิ เหนอื 3. ดวงดาว

3. ทศิ ตะวนั ตก 4. ดวงอาทิตย์

4. ทิศตะวันออก

เฉลย 1. 1 2. 4 3. 4 4. 3 5. 2 6. 1 7. 2 8. 4 9. 1 10. 4

333

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 7 ดวงอาทิตยก์ บั ชีวติ

แบบทดสอบหลังเรียน

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 7 ดวงอาทติ ยก์ ับชีวิต

คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แลว้ ทาเครอ่ื งหมายวง O ล้อมรอบตัวเลขหน้าตัวเลือก

1. โลกหมนุ รอบตัวเองใชเ้ วลาก่ชี ่ัวโมง 6. ดวงอาทติ ยต์ กขอบฟา้ บริเวณทศิ ใดเสมอ

1. 12 1. ทศิ ใต้

2. 24 2. ทิศเหนอื

3. 36 3. ทศิ ตะวนั ตก

4. 48 4. ทศิ ตะวันออก

2. สาเหตทุ ท่ี าให้เกิดช่วงเวลากลางวนั กลางคนื 7. เมื่อเราหันหน้าไปทางทิศดวงอาทติ ย์ตก ด้านขวามือของ

1. โลกหมุนรอบตวั เอง เราคือทิศใด

2. ดวงจันทร์โคจรรอบโลก 1. ทศิ ใต้

3. โลกโคจรรอบดวงจันทร์ 2. ทศิ เหนอื

4. โลกโคจรรอบดวงอาทติ ย์ 3. ทศิ ตะวันตก

3. โลกหมุนรอบตัวเองทาใหเ้ กดิ เหตกุ ารณ์ใด 4. ทิศตะวนั ออก

1. เกดิ ฤดูกาล 8. ดวงอาทิตย์ขน้ึ ขอบฟ้าบรเิ วณทิศใดเสมอ

2. เกดิ เดือนใหม่ 1. ทิศใต้

3. เกดิ น้าขึน้ - น้าลง 2. ทิศเหนอื

4. เกดิ กลางวนั กลางคนื 3. ทศิ ตะวนั ตก

4. เราใชส้ ิ่งใดเปน็ หลกั ในการสังเกตเพ่ือกาหนด 4. ทศิ ตะวนั ออก

ทศิ 9. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชนท์ ่ีได้จากดวงอาทิตย์

1. เมฆ 1. ปรากฏการณ์น้าขนึ้ -นา้ ลง

2. โลก 2. การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช

3. ดวงดาว 3. การถนอมอาหารโดยตากแดด

4. ดวงอาทติ ย์ 4. การผลติ พลังงานไฟฟ้าจากเซลล์สรุ ยิ ะ

5. เมื่อเราหันหน้าไปทางทิศใต้ ด้านขวามือของ 10. ขอ้ ใดเป็นการใช้ประโยชน์จากดวงอาทติ ย์

เราคอื ทิศใด 1. การเกิดวัฏจักรน้า

1. ทศิ เหนอื 2. การมองเหน็ สิง่ ต่าง ๆ ในกลางวัน

2. ทศิ ตะวนั ตก 3. การเกิดช่วงเวลากลางวนั กลางคนื

3. ทศิ ตะวนั ออก 4. ถูกทกุ ข้อ

4. ทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนือ

เฉลย 1. 2 2. 1 3. 4 4. 4 5. 1 6. 3 7. 2 8. 4 9. 1 10. 4

334

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 ดวงอาทติ ยก์ บั ชวี ิต

แบบประเมินผลงาน ดวงอาทติ ย์กับชีวติ (สาหรับแผนฯ ที่ 1 และ 2)

คาชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ผลงานของนกั เรยี นแตล่ ะคน โดยใสค่ ะแนนลงในช่องว่างตามเกณฑก์ ารประเมิน ดงั น้ี

4 = ดีมาก 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง

สมาชกิ ในกลุ่ม

รายการประเมิน คนท่ี คนท่ี คนท่ี คนที่ คนที่

12345

ด้านผลงาน

1. การใช้อุปกรณ์

2. วธิ ีการทใ่ี ชใ้ นการสร้างผลงาน

3. ความถกู ต้องของผลงาน

4. ผลงานที่ได้สามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน

ดา้ นการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ

5. การค้นพบข้อมลู

6. การใช้เหตุผล

ด้านการคดิ สร้างสรรค์

7. การยอมรบั และเรียนรสู้ งิ่ ใหม่

8. การสร้างผลงานอย่างสรา้ งสรรค์

ด้านการสื่อสาร

9. การมสี ว่ นร่วมในการสนทนาและการแลกเปลี่ยนความคิดเหน็

10. การใช้เครื่องมือดิจทิ ลั

11. การนาเสนอปากเปลา่

ดา้ นการมสี ่วนรว่ มในการทางาน

12. ความสามารถในการเปน็ ผนู้ าและการมีความคิดริเรม่ิ สรา้ งสรรค์

13. ความรับผิดชอบและทักษะด้านผลติ ภาพ

คะแนนรวม (แตล่ ะคน)

รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม

1) ชื่อ........................................................................................ เลขท่.ี ..............
2) ชือ่ ........................................................................................ เลขท.่ี ..............
3) ชอ่ื ........................................................................................ เลขท.่ี ..............
4) ชื่อ........................................................................................ เลขท.ี่ ..............
5) ชื่อ........................................................................................ เลขที่...............

335

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ดวงอาทติ ยก์ บั ชวี ิต

เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน ดวงอาทิตยก์ ับชีวติ

เกณฑก์ ารประเมนิ

รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ

(4 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)

ดา้ นผลงาน

1. การใชอ้ ปุ กรณ์ สามารถระบุและเลือกใช้ สามารถระบุและ สามารถระบุและ สามารถระบุและ

อุปกรณ์ได้อย่างถกู ต้อง เลือกใช้อุปกรณ์ได้ เลอื กใช้อุปกรณ์ เลอื กใช้อุปกรณ์

(เหมาะสม) ครบถว้ น อยา่ งถูกต้อง ได้อย่างถกู ตอ้ ง ได้อย่างถูกต้องบ้าง

(เหมาะสม) (เหมาะสม) บางสว่ น แตต่ ้องได้รับคาแนะนา

เป็นส่วนใหญ่ จากครู

2. วธิ กี ารทใ่ี ช้ในการ ปฏิบตั ติ ามข้ันตอน ปฏิบัตติ ามขัน้ ตอน ปฏบิ ัตติ ามขัน้ ตอน สามารถปฏบิ ัติ

สรา้ งผลงาน วธิ กี ารสรา้ งผลงาน วธิ กี ารสรา้ งผลงาน วธิ กี ารสรา้ งผลงาน ตามข้นั ตอนวิธกี ารสร้าง

ไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน ได้ถูกตอ้ งเป็นสว่ นใหญ่ ไดถ้ ูกต้องบางส่วน ผลงานไดบ้ า้ ง แต่ต้อง

ไดร้ ับคาแนะนาจากครู

3. ความถกู ต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้อง

ของผลงาน ตามหลักการครบถว้ น ตามหลักการสว่ นใหญ่ ตามหลักการบางสว่ น ตามหลกั การบ้าง แตต่ ้อง

ได้รบั คาแนะนาจากครู

4. ผลงานที่ได้ สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป สามารถนาผลงานไป

สามารถนาไป ประยกุ ตใ์ ช้ ประยุกต์ใช้ ประยกุ ตใ์ ช้ ประยุกต์ใช้

ประยุกตใ์ ช้ ในชวี ิตประจาวันได้ ในชวี ิตประจาวนั ได้ ในชวี ิตประจาวันได้ ในชีวิตประจาวนั ได้

ในชวี ติ ประจาวัน สอดคล้องและนาไปใช้ ค่อนข้างสอดคล้องและ สอดคล้องบางส่วน แตไ่ ม่มคี วามสอดคล้อง

ไดจ้ ริง มแี นวโน้มทจ่ี ะนาไปใชไ้ ด้

ดา้ นการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ

5. การค้นพบขอ้ มลู สามารถอธบิ าย สามารถอธิบาย สามารถอธบิ าย สามารถอธิบาย

ความเข้าใจเงื่อนไข/ ความเขา้ ใจเงื่อนไข/ ความเข้าใจเงื่อนไข/ ความเข้าใจเงื่อนไข/

ประเดน็ ปัญหาทไี่ ด้รบั ประเดน็ ปญั หาทีไ่ ดร้ ับ ประเด็นปญั หาที่ ประเดน็ ปญั หาท่ไี ด้รับ

ไดช้ ัดเจน และแสวงหา ได้ชดั เจน และแสวงหา ได้รบั อย่างชัดเจน อยา่ งชดั เจนบางครง้ั

ข้อมลู จากแหลง่ ข้อมลู ท่ี ข้อมูลจากแหลง่ ข้อมลู และแสวงหาข้อมลู และไม่แสวงหาข้อมลู

น่าเช่ือถือได้ตรงประเด็น ท่หี ลากหลาย และ จากแหลง่ ข้อมูลที่ เพ่ือความเขา้ ใจมากขึ้น

ทัง้ หมด ตรงประเด็นเปน็ สว่ น จากดั แตไ่ ดข้ ้อมลู ที่

ใหญ่ ตรงประเด็นเพียง

บางส่วน

6. การใชเ้ หตผุ ล อธบิ ายถงึ เหตผุ ลใน อธิบายถึงเหตผุ ลใน สามารถอธิบายถึง สามารถอธบิ าย

การใช้แนวคิดทต่ี นเอง การใช้แนวคดิ ทต่ี นเอง เหตผุ ลในการใช้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั

คาดคะเนไวไ้ ปใช้ใน คาดคะเนไว้ไปใชใ้ น แนวคิดท่ตี นเอง เหตผุ ลในการใชแ้ นวคดิ

การสร้างผลงาน และ การสร้างผลงาน และ คาดคะเนไว้ไปใช้ใน ทีต่ นเองคาดคะเนไวไ้ ป

อธบิ ายได้อยา่ งละเอียด มคี าอธบิ ายชัดเจน การสร้างผลงาน และ ใช้ในการสรา้ งผลงาน

336

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 7 ดวงอาทิตยก์ บั ชีวิต

เกณฑก์ ารประเมิน

รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง
(4 คะแนน) (1 คะแนน)
ลึกซึง้ จากแหลง่ ข้อมูลที่ (3 คะแนน) (2 คะแนน) แต่คาอธิบายขาดความ
หลากหลายและ ชัดเจน และไมม่ ี
นา่ เช่อื ถือ จากแหล่งข้อมูล มคี าอธบิ ายชัดเจน แหลง่ ขอ้ มลู ท่ีน่าเชื่อถือ
เพ่ือสนบั สนนุ เหตผุ ลน้นั
หลายแหลง่ บางสว่ น จาก
ไม่ค่อยแสดงออกถึง
แหล่งขอ้ มลู ที่จากัด ความพยายามใน
การคน้ หาแนวคิด
ดา้ นการคิดสร้างสรรค์ แสดงออกถึง เรมิ่ แสดงออกถึง ใหม่ ๆ และไม่พร้อมที่
7. การยอมรบั และ แสดงออกถึง ความสามารถใน จะทาความเขา้ ใจกับ
การคน้ หาแนวคิด ความพยายามใน แนวคดิ เหลา่ น้นั
เรยี นรู้ส่ิงใหม่ ความกระตือรือรน้ ใน ใหม่ ๆ ยอมรับและทา การค้นหาแนวคิด
การคน้ หาแนวคิดใหม่ ๆ ความเข้าใจกับแนวคิด ไมค่ ่อยมีความสามารถ
อยู่ตลอดเวลา สามารถ เหล่านนั้ ไดอ้ ยา่ ง ใหม่ ๆ และยอมรับ ในการใชแ้ นวคดิ ต่าง ๆ
ปรับตัวเพอ่ื ทาความ ชดั เจน เพ่ือให้เกดิ เปน็ วธิ ีการ
เขา้ ใจกับแนวคดิ เหล่านนั้ และทาความเขา้ ใจ สรา้ งผลงานที่
ได้อยา่ งละเอียดลกึ ซึ้ง บอ่ ยคร้ังมี กับแนวคดิ เหลา่ นั้น สรา้ งสรรคอ์ ยา่ ง
ความสามารถใน เพียงพอ และผลงาน
8. การสรา้ งผลงาน สามารถใชแ้ นวคิดตา่ ง ๆ การใช้แนวคิดตา่ ง ๆ แตไ่ ม่สามารถเข้าใจ ที่ได้ไม่แตกต่างจากผอู้ ่นื
อยา่ งสร้างสรรค์ ในการสร้างผลงานท่ี ในการสรา้ งผลงานท่ี
แปลกใหม่และมีคณุ ภาพ แปลกใหม่ไม่ซ้าใคร ได้
รวมทงั้ สามารถนาวธิ กี าร รวมท้งั สามารถนา
สร้างผลงานไปใช้ไดจ้ รงิ วธิ กี ารสร้างผลงานไป บางคร้งั มี
ใชไ้ ด้จรงิ ความสามารถใน
การใช้แนวคดิ ตา่ ง ๆ
ในการสรา้ งผลงาน
ท่ีแปลกใหม่ไม่ซ้าใคร
วิธีการสรา้ งผลงาน
มแี นวโน้มนาไปใชไ้ ด้
จริง

337

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 7 ดวงอาทติ ยก์ บั ชวี ติ

ด้านการสอื่ สาร

9. การมสี ว่ นร่วม มกี ารถามคาถามเพอื่ มีการถามคาถามเพอ่ื เร่ิมมีการถามคาถาม ไม่ค่อยถามคาถามเพือ่

การสนทนาและ ตรวจสอบความเข้าใจ ตรวจสอบความเขา้ ใจ เพ่ือตรวจสอบ ตรวจสอบความเข้าใจ

การแลกเปลี่ยน และแลกเปลยี่ น และแลกเปลีย่ น ความเขา้ ใจและ หรอื แลกเปลีย่ น

ความคดิ เห็น ความคดิ เห็นเก่ียวข้อง ความคิดเหน็ เก่ยี วกับ แลกเปล่ียน ความคิดเห็นท่เี กยี่ วกบั

กบั เร่อื งทส่ี นทนาอยา่ ง เรอ่ื งท่สี นทนาอยู่ ความคิดเหน็ เกยี่ วกับ เรือ่ งทส่ี นทนากันอยู่

สม่าเสมอ ด้วยการสร้าง บอ่ ยคร้ัง และอธิบาย เรื่องทีส่ นทนาอยเู่ ป็น

ความสมั พันธท์ ีด่ ี ความคดิ เห็นของ บางคร้งั และอธบิ าย

เกดิ ความเข้าใจ จงู ใจให้ ตนเองให้เชื่อมต่อกับ ความคดิ เหน็ ของ

รว่ มมือ ยอมรับวา่ ความคดิ เหน็ ของผู้อื่น ตนเองได้ไม่ชัดเจน

ความคดิ เห็นของผู้อ่ืนนัน้ ได้เปน็ อย่างดี

สาคญั

10. การใช้เคร่ืองมือ สามารถใช้เคร่ืองมือ สามารถใช้เคร่ืองมือ สามารถใชเ้ คร่อื งมือ ไมค่ ่อยมีความสามารถ

ดิจทิ ัล ส่ือสารได้ สื่อสารได้ สือ่ สารได้อยา่ ง ในการใช้เครื่องมือ

อย่างคล่องแคล่ว ใน อยา่ งคล่องแคลว่ ใน คล่องแคลว่ ใน ส่อื สารได้

การอธบิ ายสาระสาคัญ การอธิบายสาระสาคญั การอธบิ ายสาระสาคญั อยา่ งคล่องแคล่ว ใน

ของผลงานไดอ้ ย่าง ของผลงานได้อยา่ ง ของผลงานได้ แต่ขาด การอธิบายสาระสาคญั

ชัดเจนขน้ึ ชดั เจนเป็นส่วนใหญ่ ความชดั เจน ของผลงานให้ชดั เจน

มากขึ้น

11. การนาเสนอปาก เมอื่ ต้องนาเสนอแบบ เมอื่ ต้องนาเสนอแบบ เม่ือต้องนาเสนอแบบ เมื่อต้องนาเสนอแบบ

เปลา่ ปากเปลา่ ใช้น้าเสยี งที่ดัง ปากเปล่า ใชเ้ สยี งทดี่ ัง ปากเปล่า เริม่ ใชเ้ สียง ปากเปล่า มักจะใช้เสียง

เหมาะสมอย่างสมา่ เสมอ แต่ไม่สม่าเสมอ ท่ีดังขน้ึ แต่ไม่เพียงพอ เบาเกินไปจนผู้ฟังไดย้ นิ

สามารถอธบิ ายและ สามารถตอบคาถาม ใหผ้ ฟู้ ังท้งั หมดไดย้ นิ ไมถ่ นดั และไมส่ ามารถ

ตอบคาถามในหวั ข้อ เพอื่ แสดงออกถึง สามารถตอบคาถาม ตอบคาถาม

การนาเสนออย่างมี ความเข้าใจในหัวขอ้ ที่ เพ่ือแสดงออกถงึ เพอ่ื แสดงออกถงึ

อรรถรสและน่าติดตาม นาเสนอได้อยา่ ง ความเข้าใจในหวั ขอ้ ความเขา้ ใจในหัวข้อที่

ทาให้ผ้ฟู งั เกิดความสนใจ ถกู ต้องลกึ ซ้ึงและมี ที่นาเสนอไดอ้ ย่าง นาเสนอได้อย่างถูกต้อง

ตอ่ การนาเสนอข้อมลู ความม่นั ใจ ถกู ต้องบางส่วนและ มนั่ ใจ

เปน็ อยา่ งมาก เร่ิมมีความมนั่ ใจ

338

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 7 ดวงอาทติ ยก์ บั ชีวติ

ด้านการมีสว่ นรว่ มในการทางาน

12. ความสามารถ มีความเขา้ ใจขอบเขตและ มคี วามเขา้ ใจขอบเขต มีความเขา้ ใจขอบเขต มคี วามเขา้ ใจขอบเขต

ในการเป็นผนู้ า ความสาคัญของ และความสาคัญของ และความสาคญั ของ และความสาคญั ของ

และการมี การทางานกล่มุ แสดง การทางานกลุ่ม แสดง การทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ แต่ไม่

ความคดิ รเิ ริม่ ความรับผิดชอบใน ความรับผิดชอบใน แสดงความ คอ่ ยแสดง

สร้างสรรค์ การดาเนินการตาม การดาเนินการตาม รบั ผิดชอบใน ความรบั ผดิ ชอบใน

แผนงานอยา่ งสม่าเสมอ แผนงานอย่าง การดาเนินการ การดาเนินการตาม

และสามารถทาหน้าท่ี สมา่ เสมอ ตามแผนงานบางครงั้ แผนงาน

อนื่ ๆ ได้นอกเหนือจาก

งานในความรบั ผิดชอบ

13. ความรบั ผิดชอบ มคี วามกระตือรอื ร้น มคี วามสมคั รใจใน มีความสมัครใจใน ขาดความสมัครใจใน

และทักษะ ในงานที่รบั ผดิ ชอบและ การรบั ผิดชอบภาระ การรับผิดชอบภาระ การรับผิดชอบภาระตา่ ง

ดา้ นผลิตภาพ เปน็ ผกู้ ระตุ้นให้เกิด ตา่ ง ๆ ใหค้ วาม ตา่ ง ๆ ให้ ๆ มักไม่ค่อยใหค้ วาม

การทางานกลุ่ม จนได้ ช่วยเหลอื ผู้อน่ื จนได้ ความช่วยเหลือผ้อู ่ืน ชว่ ยเหลือผอู้ ื่นและไมไ่ ด้

ผลงานที่มคี ณุ ภาพ ผลงานตามทก่ี าหนดไว้ จนได้ผลงานตามท่ี ผลงานตามทีก่ าหนดไว้

บอ่ ยคร้ัง กาหนดไว้บางครง้ั

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
43-52 ดมี าก
35-44 ดี
26-34 พอใช้
ปรบั ปรุง
ตา่ กวา่ 26

339

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 ดวงอาทติ ยก์ ับชีวิต

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล

ชือ่ ......................................................................................................เลขท่ี................ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 ห้อง...........

คาชแี้ จง : ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดับคะแนน

ข้อ การสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน ระดบั ความคดิ เห็น
321

มีวินัย

1 ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงในการเรียนสมา่ เสมอ

2 ทางานท่ีได้รับมอบหมายอยา่ งตัง้ ใจ

3 ทางานเสร็จสง่ ตามเวลาที่กาหนด

ใฝเ่ รียนรู้

4 ร่วมทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ทค่ี รจู ดั ใหอ้ ยา่ งต้ังใจ

5 เอาใจใส่งานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย

6 ตอบคาถามครอู ย่างสมา่ เสมอ

มุ่งมน่ั ในการทางาน

7 ปฏบิ ตั ิหน้าที่ทีไ่ ดร้ ับมอบหมายอยา่ งตง้ั ใจมีความรบั ผิดชอบ

8 ปรบั ปรงุ และแกป้ ญั หาในการทางานใหส้ าเรจ็

9 พัฒนาการเรียนของตนเองตลอดเวลา

เกณฑ์ให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง (70%) ให้ 2 คะแนน 23-27 ดมี าก

ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ (50%) ให้ 1 คะแนน 18-22 ดี

13-17 พอใช้

ตา่ กว่า 13 ปรบั ปรุง

340

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 ดวงอาทิตยก์ บั ชีวติ

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม

คาชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน

ลาดบั ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม
ท่ี ของนักเรียน ความคดิ เหน็ ฟังคนอน่ื ตามท่ีไดร้ ับ ส่วนรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน
ผลงานกลุ่ม

321321321321321

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง (70%) ให้ 2 คะแนน 14-15 ดมี าก
11-13 ดี
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง (50%) ให้ 1 คะแนน 8-10 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ

341


Click to View FlipBook Version