The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเล พื้นที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by zeath_junior, 2021-10-12 00:28:24

การเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเล พื้นที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช

การเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเล พื้นที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช

Keywords: ธรณีวิทยา,การเปลี่ยนแปลงชายฝั่ง,ชายฝั่ง,นครศรีธรรมราช,ปากพนัง,กรม,ทรัพยากรธรณี

-37-

ก ข

รูปท่ี 29 การสารวจธรณสี ัณฐานชายหาดดวยการรังวัดโดยกลอ้ งสารวจแบบประมวลผลรวม
(Integrated Total Station)( ก) กล้องรงั วัด (ข) ปรซิ ึมซง่ึ ใช้เป็นตวั เป้า

แ น ว เ ส้ น สาร ว จ

รปู ท่ี 30 การเดนิ สารวจในแนวด่งิ เพ่อื ศึกษาลกั ษณะสัณฐานของพน้ื ท่ี

-38-

4.1.2 การวิเคราะห์ข้อมลู สถานภาพการเปลีย่ นแปลงชายฝง่ั

4.1.2.1 การวเิ คราะหเสนแนวชายฝงทะเลโดยการแปลความหมายจากภาพถ่าย
ทางอากาศ

นาภาพถายทางอากาศสีเชิงเลขแบบดัดแกออรโท มาตราสวน 1: 25,000 ของป พ.ศ.
2545 ซ่ึงไดปรับแกความถูกตองทางเรขาคณิต และทาการลงพิกัด (Registration) มาแลว มาทาการ
ลากเส้นแนวชายฝงทะเลโดยวิธีการแปลความหมายดวยสายตา (Visual interpretation) ซ่ึงกาหนด
ขอบเขตชายฝัง่ จากแนวของตนไมหรอื พืชพรรณบริเวณชายหาด (Vegetation line) และใชขอมูลนี้เปนตัว
แทนเส้นแนวชายฝงทะเลเมือ่ ป พ.ศ. 2545

4.1.2.2 การวเิ คราะหเสนแนวชายฝงทะเลจากการสารวจรังวดั แบบ DGPS

ในการวเิ คราะหส์ ถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝั่งน้ัน ประกอบด้วยกระบวนการทางาน
2 ข้ันตอนคือ การประมวลผลข้อมูลด้วยโปรแกรม LEICA Geo Office Combined (สาหรับเครื่องมือ
LEICA DGPS) และ TopSURV (สาหรับเคร่ืองมือ TOPCON DGPS) และวิเคราะห์เปรียบเทียบการ
เปลย่ี นแปลงชายฝงั่ ดว้ ยโปรแกรม ArcView 3.3

1) การประมวลผลดว้ ยโปรแกรม LEICA Geo Office Combined และ TopSURV
ประมวลผลข้อมลู จากการสารวจรังวัดแนวชายฝ่ัง ด้วยวิธี Post processing ซึ่งเป็นการ
ปรับแกห้ ลังการรงั วดั โดยใช้โปรแกรม LEICA Geo Office Combined ผลท่ีได้จะเป็นค่าพิกัดตาแหน่งใน
แนวราบ ณ จุดต่างๆ (x และ y) ที่เครื่องมือทาการบันทึกสัญญาณไว้ทุกๆ 3 วินาที ต่อเน่ืองกันไปตาม
แนวชายฝั่ง
2) วเิ คราะห์เปรียบเทยี บการเปล่ยี นแปลงชายฝ่งั ดว้ ยโปรแกรม ArcView3.3
แปลงข้อมูลจุดต่างๆ ตามแนวชายฝั่งทะเลให้เป็นเส้นแนวชายฝ่ังทะเลท่ีได้จากการ
ประมวลผล โดยอาศัยเครื่องมือช่วย (Extension tool) ช่ือ Xtool ของโปรแกรม ArcView 3.3 และใช้
ข้อมลู น้เี ปนตวั แทนของเสนแนวชายฝงทะเลท้ังชว่ งฤดมู รสมุ และหลังฤดูมรสุมในปี พ.ศ. 2557

4.1.2.3 การวเิ คราะหภาพหนาตัดขางของชายหาด

ภายหลังจากการสารวจรังวัดแนวชายฝ งทะเลดวย DGPS และกล้องรังวัด Total
station ทาการนาขอมลู ตาแหนงทไ่ี ดในแตละแนวสารวจมาจดั ทาภาพหนาตดั ชายหาด ซ่งึ มขี ั้นตอนดังนี้

1) ประมวลผลขอมูลจากการสารวจรังวัดโดยใชโปรแกรม TopSURV ผลท่ีไดจากการ
ประมวลผลจะเปนคาพิกดั ตาแหนง (คา x, y, z) ณ จุดตางๆ บนชายหาดตามแนวสารวจ

2) นาขอมูลพิกัดตาแหนงมาจัดทาเสนชั้นระดับความสูง โครงสรางชายหาด 3 มิติ และ
ภาพหนาตัดขางของชายหาดในต้ังฉากกับแนวชายฝงทะเล ของท้ัง 2 ชวงเวลา คือ ในชวงเดือนมกราคม
2557 เพ่ือใชเปนตัวแทนขอมูลลักษณะธรณีสัณฐานชายหาดในชวงลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
(รูปที่ 31) และในชวงเดือนพฤษภาคม-เดือนมิถุนายน 2557 เพ่ือใชเปนตัวแทนขอมูลในชวงหลังมรสุม
(รปู ท่ี 32) โดยอาศยั โปรแกรม Microsoft Excel และโปรแกรม SURFER 8

-39-

รูปที่ 31 แผนทจี่ ุดสารวจสัณฐานหนา้ หาดในชวงลมมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนือ

-40-

รูปที่ 32 แผนทจี่ ุดสารวจสัณฐานหน้าหาดในชวงหลงั ลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ

-41-

4.1.3 การประเมนิ ผลสถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝัง่

4.1.3.1 การประเมินการเปลย่ี นแปลงแนวชายฝงทะเลดวยระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์

ขั้นตอนน้ีเปนการนาขอมูลจุดต่างๆที่ได้จากการสารวจแบบ RTK มาแปลงให้เป็น
เส้นแนวชายฝงทะเลซ่ึงถือเปนตัวแทนของป พ.ศ. 2557 (รปู ที่ 33) โดยมที ง้ั ขอ้ มลู ช่วงมรสุมและหลังมรสุม
นอกจากน้ียังมีเสน้ แนวชายฝ่ังทะเลจากการรวบรวมข้อมูลที่เคยมีการศึกษาแล้วในปี พ.ศ. 2550 โดยกรม
ทรพั ยากรธรณี และเสน้ ชายฝั่งจากการแปลความหมายจากภาพถ่ายทางอากาศซึ่งเป็นตัวแทนของป พ.ศ.
2545 มาเปรียบเทียบกัน เพ่ือประเมินการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพท่ีเกิดขึ้นกับแนวชายฝงทะเลในช่วง
ระยะเวลา 12 ป (พ.ศ. 2545 ถึง พ.ศ. 2557) 5 ปี (พ.ศ. 2545 และ พ.ศ. 2550) และ 7 ปี (พ.ศ. 2550
และ พ.ศ. 2557) และคานวณหาอัตราการเปลี่ยนแปลง รวมท้ังพื้นที่ที่เกิดการเปล่ียนแปลง เชน พ้ืนที่ถูก
กัดเซาะ พ้ืนที่ท่ีมีการสะสมตัว โดยใชเทคนิคการซอนทับขอมูล (Overlay) ดวยระบบสารสนเทศ
ภูมศิ าสตร ของโปรแกรม ArcView 3.3 ซง่ึ ประกอบดวยข้นั ตอนดงั นี้

1. หลกั การประมวลผลขอ้ มูลของฟงั ก์ชนั DSAS

ภายหลังทาการซอนทับเสนแนวชายฝงทะเลท้ัง 2 ชวงเวลาแลว ทาการคานวณหาระยะทางที่เกิดการ
เปลี่ยนแปลงไประหวางเสนแนวชายฝงทะเลท้ังสอง โดยอาศยั เคร่ืองมอื ชวยของโปรแกรม ArcView 3.3 ท่ี
ช่ือ Digital Shoreline Analysis System version 2.2 (DSAS) ซึ่งมีหลักการทางานดังนี้ โปรแกรม
DSAS จะสร้างเส้นต้ังฉากออกไปจากเส้นฐานท่ีกาหนดไว้ ไปตัดกับเส้นแนวชายฝั่งท่ีต้องการเปรียบเทียบ
ทั้งสองเส้น เส้นฐานท่ีสร้างข้ึนส่วนใหญ่จะสร้างขนานกับเส้นแนวชายฝั่งเดิม (ในการศึกษาคร้ังนี้จึงสร้าง
เสน้ ฐานให้ขนานกบั เสน้ แนวชายฝง่ั ในปี พ.ศ. 2545 ปี พ.ศ. 2550 และปี พ.ศ. 2557) ณ จุดที่เส้นตั้งฉาก
ตัดกับเส้นแนวชายฝ่ังทั้งสองจะมีค่าพิกัดตาแหน่งกากับอยู่โปรแกรมจึงสามารถคานวณร ะยะทางระหว่าง
พิกัดตาแหน่งท้ังสองได้ ซึ่งก็คือ ระยะตามแนวต้ังฉากกับชายฝั่งหรือระยะทางท่ีเกิดการเปล่ียนแปลงไป
ระหว่างเส้นแนวชายฝ่ังทะเลท้ังสอง เนื่องจากการกัดเซาะหรือมีการสะสมตัวของชายฝั่ง โดยการศึกษา
ครงั้ นก้ี าหนดใหโ้ ปรแกรมสร้างเส้นตง้ั ฉากทกุ ๆ ระยะทาง 2 เมตร (รูปที่ 35)

2. หลกั การคานวณอตั ราการเปลีย่ นแปลงชายฝัง่

คานวณโดยหาระยะทางการเปล่ียนแปลง เฉล่ียระหว่างช่วงเวลาที่ต้องการเปรียบเทียบ
หรือระยะทางท่ีตั้งฉากกับชายฝั่งที่เปลี่ยนแปลงโดยเฉลี่ยและนามาคานวณหาอัตราการเปลี่ยนแปลง
ชายฝัง่ ทะเลต่อปี ดังสมการที่ 1 และ 2

ระยะทางท่ีตงั้ ฉากกบั ชายฝงั่ = พนื้ ทีท่ ีเ่ กดิ การเปลี่ยนแปลง (ตารางเมตร) … (1)
ที่เปล่ียนแปลงโดยเฉลยี่ (เมตร) ระยะทางตามแนวชายฝ่งั ที่เปล่ียนแปลง (เมตร)

อัตราการเปล่ียนแปลงชายฝ่ัง (เมตร/ปี) = ระยะทางทตี่ ั้งฉากกบั ชายฝง่ั (เมตร) … (2)
ระยะเวลาท่ที ่ีเกิดการเปลยี่ นแปลง (ปี)

-42-

กข
รูปที่ 33 (ก) ข้อมูลจุดพกิ ัด (X และY) ที่ไดจ้ ากการสารวจ และ (ข) แนวเส้นชายฝัง่ ทะเลที่ได้จาก

การแปลงค่าจดุ พกิ ดั

เส้นแนวชายฝ่ัง ปี พ.ศ. 2545
เส้นแนวชายฝ่ัง ปี พ.ศ. 2557
ระยะทางตามแนวชายฝ่ังที่
เปลี่ยนแปลง
พ้ืนที่ที่เกิดการเปล่ียนแปลง

รูปที่ 34 ตัวอยา่ งการเปรียบเทียบเส้นแนวชายฝ่ัง โดยใช้เทคนิคการซ้อนทบั ข้อมลู

-43-

3. จาแนกลักษณะการเปลย่ี นแปลงชายฝงทะเล

หลังจากได้อัตราการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังในแต่ละปีแล้ว จากน้ันทาการจาแนกสถานภาพชายฝ่ังตาม
แนวทางการศึกษาการเปล่ยี นแปลงชายฝง่ั ทะเลของ สนิ สนิ สกุล และคณะ (2545) ดังตารางท่ี 1

ตารางที่ 1 การจาแนกลักษณะการเปล่ียนแปลงชายฝง่ั ทะเล (สนิ สินสกุล และคณะ 2545)

ลกั ษณะการเปลี่ยนแปลง อัตราการเปล่ยี นแปลง คาอธบิ าย
ชายฝั่งทะเล (เมตรตอ่ ปี)

กดั เซาะรนุ แรง (Severe เกดิ การกัดเซาะ > 5 เมตรต่อปี ชายฝ่ังมีพื้นท่ีหดหายไป ชายทะเล
erosion coast) เปล่ียนแนว หรือเกิดการถอยร่นเข้าไป
ในแผ่นดิน โดยมีอัตราการกัดเซาะ
มากกวา่ 5 เมตรต่อปี

กดั เซาะปานกลาง เกดิ การกดั เซาะ 1 - 5 เมตรต่อปี พนื้ ท่ชี ายฝ่ังท่มี อี ัตราการกัดเซาะ
(Moderate erosion 1-5 เมตรต่อปี
coast)

สะสมตวั (Depositional เกิดการสะสมตัว > 1 เมตรต่อปี ช า ย ฝั่ ง มี ก า ร ส ะ ส ม ตั ว เ พ่ิ ม ข้ึ น ข อ ง
coast) ตะกอนในพื้นที่ ทาให้ชายฝ่ังพอกพูน
สูงขึ้น หรือมีพ้ืนท่ีงอกยาวออกไปใน
ทะเล

คงสภาพ (Stable coast) เกดิ การเปลยี่ นแปลง ± 1 เมตรต่อปี ชายฝั่งทะเลมีการปรับสมดุลได้ตาม
ธรรมชาติ ในรอบปีชายหาดมีการกัด
เซาะในฤดูกาลหนึ่ง แล้วมีการสะสมตัว
ในอีกฤดูกาล โดยมีอัตราการกัดเซาะ
และสะสมตวั ทีเ่ ท่ากนั หรือเกือบเท่ากนั

4.1.3.2 แนวทางการประเมณิ สถานภาพชายฝ่ังทะเล

การประเมินสถานภาพการเปลีย่ นแปลงชายฝัง่ ทะเล ดาเนินการวิเคราะห์พน้ื ท่ีใน 2 ลักษณะ คือ

1) สถานภาพการเปลย่ี นแปลงชายฝ่ังในชว่ ง 57 และ 12 ปี
ข้อมูลท่ีนามาวิเคราะห์ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ข้อมูลเส้นแนวชายฝั่งทะเลท่ีได้จากการแปล
ความหมายภาพถ่ายทางอากาศออร์โธสี ปี พ.ศ. 2545 มาตราส่วน 1: 25,000 (ใช้แนวพืชเป็นเกณฑ์ในการ
แปล) ขอ้ มูลนใ้ี ชเ้ ปน็ ตวั แทนเสน้ ชายฝ่งั ทะเลในอดตี และขอ้ มูลแนวเส้นชายฝ่ังท่ีได้ จากการสารวจในสนามด้วย
เคร่ืองมือ DGPS ในแนวราบข้อมูลนี้ใช้เป็นตัวแทนเส้นชายฝ่ังทะเลในปี พ.ศ. 2550 และปีปัจจุบัน (2557)
จากนั้นนาข้อมูลท้ังสองช่วงมาเปรียบเทียบ เพื่อหาสถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝ่ังทะเล พร้อมท้ังจาแนก
สถานภาพในพื้นที่ศกึ ษา ไดแ้ ก่ พ้ืนทก่ี ัดเซาะ พน้ื ท่ีสะสม และพืน้ ทคี่ งสภาพตามเกณฑ์ ดังตารางท่ี 1

2) สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝงั่ ระหวา่ งชว่ งฤดู

ข้อมูลที่นามาวิเคราะห์ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ข้อมูลเส้นแนวชายฝั่งทะเลท่ีได้จากการ
สารวจรังวัดด้วยเคร่ืองมือ DGPS ในแนวราบ ทั้ง 2 ช่วงฤดู คือ ฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (มกราคม)

-44-

และหลงั ฤดูมรสมุ ตะวันออกเฉยี งเหนอื (พฤษภาคม-มิถุนายน) จากนั้นนาข้อมูลท้ังสองช่วงมาเปรียบเทียบ
เพื่อหาสถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังทะเล พร้อมทั้งจาแนกสถานภาพในพื้นท่ีศึกษา ได้แก่ พื้นท่ีกัด
เซาะ พ้ืนที่สะสม และพ้ืนทคี่ งสภาพ ตามเกณฑด์ ังตารางท่ี 1

4.2 ธรณีสัณฐานชายฝั่งทะเล

การศึกษาธรณีสัณฐานชายฝ่ังทะเลในพ้ืนที่ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ การเจาะสารวจ
ชายฝ่ังระดับต้ืน และเกบ็ ตะกอนชายทะเลระดับผวิ ดนิ

4.2.1 เจาะสารวจชายฝ่ังระดบั ตืน้

เพือ่ ศึกษาสภาพแวดลอ้ มการสะสมตัวในอดีต และคุณลักษณะของตะกอนในพื้นที่ศึกษา
ด้วยเครื่องเจาะควอเทอร์นารีแบบมือหมุน (Hand auger) ท่ีระดับความลึกตั้งแต่ 3 - 5 เมตร ให้
ครอบคลุมทุกหน่วยธรณีสัณฐานชายฝ่ังทะเลตามที่ได้ทาการศึกษาไว้ โดยทาการเจาะสารวจท้ังสิ้น 37
หลุมเจาะ ครอบคลมุ ธรณสี ัณฐานชายฝั่งทะเล จานวนท้ังสิ้น 3 หน่วย ได้แก่ หาดทรายปัจจุบัน (20 หลุม)
ทร่ี าบนา้ ขึ้นถึงเดมิ (16 หลมุ ) และท่รี าบนา้ ขน้ึ ถึงปัจจบุ ัน (1 หลุม รปู ที่ 36)

ก ข
รูปที่ 35 (ก) และ (ข) การเจาะสารวจตะกอนชายฝั่งระดับตนื้ ในพ้นื ท่ีศกึ ษา

-45-

รูปท่ี 36 แผนทีต่ าแหนง่ เจาะสารวจระดับตื้น

-46-

4.2.2 เก็บตวั อย่างตะกอนชายทะเล

วิเคราะห์คุณลักษณะของตะกอนชายทะเล เพ่ือศึกษาชนิดของแหล่งกาเนิดตะกอน
(Sources) การพัดพาและการคัดขนาดของตะกอนในพื้นที่ ในการศึกษาคร้ังน้ีได้ทาการเก็บตัวอย่างจาก
ตะกอนทรายบริเวณชายหาด จานวนทง้ั สิ้น 221 ตวั อยา่ ง ตามแนวชายฝง่ั ทะเลอ่าวไทยในพื้นท่ีศึกษาทุกๆ
ระยะประมาณ 200 เมตร รวมระยะทางทั้งส้ินประมาณ 27 กิโลเมตร (รูปท่ี 38) พร้อมท้ังจัดทา
ภาพตดั ขวางตามแนวชายหาดทกุ ๆ 3 กิโลเมตร เพอ่ื ศึกษาสภาพสณั ฐานในพนื้ ท่ี

รูปท่ี 37 การเกบ็ ตะกอนชายหาดพร้อมทั้งศกึ ษาสัณฐานชายฝ่ังทะเลในพืน้ ทศี่ ึกษา

-47-

รปู ท่ี 38 แผนท่ตี าแหน่งเกบ็ ตวั อย่างตะกอนชายทะเล

-48-

4.3 ธรณวี ิทยากายภาพพื้นทะเล

พ้ืนที่สารวจอยู่บริเวณใกล้ชายฝั่งทะเล ห่างจากชายฝ่ังไม่เกิน 3 กิโลเมตร ครอบคลุม
พื้นที่ 100 ตารางกิโลเมตร บริเวณอาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ปรากฏในแผนท่ีภูมิประเทศ
กรมแผนท่ีทหาร มาตราส่วน 1:50,000 จานวน 2 ระวาง ได้แก่ ระวาง 5025 IV (อาเภอปากพนัง) และ
ระวาง 5026 III (บ้านปากพญา) การสารวจธรณีวิทยากายภาพพ้ืนทะเล ประกอบด้วย การสารวจธรณี
ฟิสิกสท์ างทะเลด้วยวิธบี ันทึกภาพหนา้ ตดั ข้างคลื่นไหวสะเทือนแบบสะท้อนกลับระดับต้ืนความละเอียดสูง
สารวจวัดระดับความลึกน้าและลักษณะภูมิประเทศพื้นทะเล สารวจเก็บตัวอย่างตะกอนพ้ืนผิวท้องทะเล
วิเคราะห์ชนิดตัวอย่างตะกอนพื้นทะเล และตรวจวัดกระแสน้าชายฝ่ัง เพื่อให้ได้มาซ่ึงข้อมูลลักษณะ
ภูมปิ ระเทศพ้ืนทะเล ธรณีสัณฐานวิทยา ธรณวี ิทยาชน้ั ตะกอน

4.3.1 การสารวจธรณีฟิสิกสท์ างทะเล

ในการปฏิบตั ิงานสารวจธรณฟี ิสิกสท์ างทะเล ในเบือ้ งตน้ ไดก้ าหนดเส้นทางเดินเรือสารวจ
ในแนวตั้งฉากกับชายฝั่ง มีระยะห่างกันแนวละประมาณ 500 เมตร แต่ละแนวมีระยะทางประมาณ 3
กิโลเมตร จานวน 53 แนว และในแนวขนานกับชายฝ่ัง มีระยะห่างกันแนวละประมาณ 400 เมตร แต่ละ
แนวมรี ะยะทางประมาณ 27 กโิ ลเมตร จานวน 7 แนว (รูปท่ี 40)

การสารวจธรณีฟิสิกส์ทางทะเลประกอบด้วย การหยั่งน้าลึก (echo sounding) เพ่ือ
สารวจระดับความลึกและลักษณะภูมิประเทศพื้นทะเล และการบันทึกภาพหน้าตัดข้างคลื่นไหวสะเทือน
แบบสะท้อนกลับระดับต้ืน (shallow marine seismic reflection profiling) เพ่ือศึกษาลักษณะ
ธรณีวทิ ยาใตพ้ ้ืนทอ้ งทะเล การสารวจทง้ั สองแบบจะดาเนินการไปพรอ้ ม ๆ กนั โดยใช้อุปกรณ์การสารวจท่ี
มีระบบการบันทึกและประมวลผล คือ very high resolution parametric (non-linear) echo
sounding system ตราเคร่ืองหมาย Innomar รุ่น SES-2000 light ซ่ึงจะบันทึกข้อมูลเป็นระบบดิจิตอล
ที่มคี วามละเอยี ดแมน่ ยาสูง สามารถประมวลได้ขณะสารวจ (real-time processing) และหลังจากสารวจ
(post-survey processing)

รปู ที่ 39 เรอื สารวจและการติดตัง้ อปุ กรณ์สารวจธรณฟี ิสกิ ส์ทางทะเลในพ้นื ทสี่ ารวจ

-49-

รปู ที่ 40 แผนทแ่ี สดงเสน้ ทางเดินเรือสารวจหยั่งนา้ ลึกและบันทกึ ภาพหน้าตดั ข้างคลน่ื ไหวสะเทือน
แบบสะท้อนกลบั ระดบั ต้ืน และจุดเก็บตวั อยา่ งตะกอนพ้ืนผวิ ทอ้ งทะเล
ลักษณะการทางานของอุปกรณ์ very high resolution parametric (non-linear)

echo sounding system (รูปท่ี 42) คือ การส่งชุดสัญญาณคลื่นเสียงที่ประกอบด้วยสองความถ่ี (dual
frequencies) ซึ่งเป็นคล่ืนเสียงชุดแรก (primary dual-frequency) คือ 102/98, หรือ 103/97,
104/96, 105/95, หรอื 106/94 กิโลเฮิรทซ์ ท่ีมีแรงดนั สูง ผา่ นตวั ส่งและรับสัญญาณ (transducer) ลงไป
ในน้าเพ่ือหย่ังน้าลึก คลื่นเสียงท่ีสอง (secondary frequency) ซึ่งเกิดจากการหักล้างกันระหว่างคลื่น
เสยี งชดุ แรกท่ีถูกเลือกส่งลงไป คือ 4, 6, 8, 10 หรือ 12 กิโลเฮิรทซ์ ตามลาดับ (ตารางท่ี 2) สามารถทะลุ
ผ่านลงไปในช้ันตะกอนใต้พื้นท้องทะเล และสะท้อนกลับขึ้นมายังตัวรับสัญญาณ หลังจากน้ันอุปกรณ์
ประมวลผลจะแสดงภาพความลึกน้า และภาพหน้าตัดข้างคลื่นไหวสะเทือนแบบสะท้อนกลับของชั้น
ตะกอนและช้ันหินใต้พ้ืนท้องทะเล (รูปท่ี 42) การเลือกความถี่คลื่นเสียงท่ีเหมาะสมในการสารวจ
ธรณีวิทยาชั้นตะกอนใต้พ้ืนท้องทะเล ขึ้นอยู่กับพื้นที่สารวจแต่ละแห่ง ซึ่งก่อนการดาเนินการสารวจจริง

-50-

จะทาการทดสอบการทางานและตรวจสอบข้อมูลท่ีใช้คล่ืนความถ่ีต่าง ๆ กันไป จนได้ความถ่ีท่ีเหมาะสม
ท่ีสดุ อย่างไรก็ตาม ลักษณะปรากฏของคล่ืนไหวสะเทือนภายใน (internal seismic facies) ของอุปกรณ์
สารวจระบบนี้ไมส่ ามารถจาแนกได้ชดั เจน และวดั ความหนาของชน้ั ตะกอนได้สูงสุดไมเ่ กนิ 50 เมตร

รูปที่ 41 ลกั ษณะการทางานหยัง่ นา้ ลกึ และบนั ทึกภาพหน้าตดั ข้าง ด้วยคลืน่ ไหวสะเทือน
แบบสะท้อนกลับระดับต้ืนโดยใชอ้ ุปกรณก์ ารสารวจแบบ parametric echo sounding
ย่ีหอ้ Innomar รุน่ SES-2000 light

ความลึก ภาพหน้าตัดข้างคล่ืนไหวสะเทือน
น้า แบบสะท้อนกลับระดับต้ืน

รูปที่ 42 ภาพหน้าตดั ขา้ งความลึกน้าและภาพหนา้ ตัดขา้ งคล่นื ไหวสะเทือนแบบสะท้อนกลบั ระดบั ต้ืน
ของชัน้ ตะกอนและชัน้ หินใตพ้ ืน้ ท้องทะเล ขณะปฏิบตั งิ านในพน้ื ท่ีสารวจโดยใชร้ ะบบ
parametric echo sounding ตราเครื่องหมาย Innomar รนุ่ SES-2000 light

-51-

ตารางที่ 2 แสดงความถขี่ องคลืน่ เสียงแบบปฐมภูมิ (primary frequency) และ ทุติยภูมิ
(secondary frequency) ที่ส่งลงไปใต้ท้องทะเล ในระบบ parametric system

ความถ่ีปฐมภูมิ 1 (F1) ความถี่ปฐมภูมิ 2 (F2) ความถ่ีทุติยภูมิ (F1-F2)
102 Kilohertz 98 Kilohertz 4 Kilohertz
103 Kilohertz 97 Kilohertz 6 Kilohertz
104 Kilohertz 96 Kilohertz 8 Kilohertz
105 Kilohertz 95 Kilohertz 10 Kilohertz
106 Kilohertz 94 Kilohertz 12 Kilohertz

4.3.2 การตรวจวดั ระดบั น้าขน้ึ นา้ ลง

การตรวจวัดระดับนา้ ขน้ึ น้าลงประจาวนั (Tide measurement) เทียบกับระดับน้าทะเล
ปานกลางในพ้ืนทสี่ ารวจ ดาเนินการโดยใช้เครื่องมือ Portable Water Level Recorder ยี่ห้อ Valeport
รุ่น 740 (รูปท่ี 43) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้าข้ึนน้าลง ระบบดิจิตอล แบบวัดความดัน ซ่ึงจะวัด
ความกดดันของน้าจากใต้น้าแล้วแปลงเป็นความสูงของน้าเหนืออุปกรณ์วัด โดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่าง
ความดัน ความหนาแนน่ ของน้า อตั ราเร่งเน่ืองจากแรงโน้มถ่วง และความสูงของน้า การตรวจวัดจะบันทึก
ค่าการเปลี่ยนแปลงระดับนา้ เทียบกับระดับทะเลปานกลางในพ้ืนท่ีสารวจทุกๆ 1 นาที อุปกรณ์ตรวจวัดได้
ตดิ ต้งั ไว้บริเวณทา่ เรอื ในพื้นทีส่ ารวจแต่ละพ้ืนท่ี

รปู ที่ 43 เครอ่ื งตรวจวดั ระดับนา้ ขึ้น-นา้ ลงแบบวดั ความดัน ตราเครื่องหมาย
Valeport รุ่น 740

-52-

4.3.2 การเกบ็ และวิเคราะห์ตัวอย่างตะกอนพน้ื ผวิ ท้องทะเล

การเกบ็ ตัวอย่างตะกอนพ้ืนผิวท้องทะเลเพื่อศึกษาลักษณะ ชนิดและการกระจายตัวของ
ตะกอนที่ตกสะสมตัวอยู่บนพื้นท้องทะเลในปัจจุบัน การเก็บตัวอย่างตะกอนในการสารวจคร้ังนี้ได้ใช้
เครื่องมือแบบ home-made dredger ดังแสดงในรูปที่ 44(ข) โดยทาการเก็บตัวอย่างทั้งหมด 55
ตวั อย่าง

กข
รูปที่ 44 (ก) เครอ่ื งมือหาพกิ ัดทางภูมิศาสตรบ์ นพนื้ โลกระบบดาวเทียม ตราเครือ่ งหมาย Garmin

และโปรแกรมควบคมุ การเดนิ เรอื Hydro Pro-Navigation ขณะปฏบิ ตั ิงานสารวจ
(ข) เครื่องมือเกบ็ ตัวอย่างตะกอนพ้นื ทะเลแบบ home-made dredger

-53-

5.ผลการศกึ ษาการเปลย่ี นแปลงชายฝงั่ ทะเล

5.1 สถานภาพการเปลย่ี นแปลงชายฝัง่ ทะเล

การสารวจและศึกษาการเปล่ียนแปลงธรณีสัณฐานชายฝ งทะเลบริเวณปลายแหลม
ตะลมุ พกุ ตาบลแหลมตะลุมพกุ ยาวตอเน่อื งลงมาทางใตถึงบริเวณปากตาบลปากพนังฝ่ังตะวันออก อาเภอ
ปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในคร้ังน้ี ดาเนินการโดยการประเมินการเปล่ียนแปลงชายฝั่งทะเลดวย
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร โดยใชขอมูลจากการแปลความหมายจากภาพถ่ายทางอากาศในอดีต ปี พ.ศ.
2545 กบั แนวชายฝงทะเลจากการสารวจโดยการรงั วดั ดว้ ยดาวเทียมจพี ีเอส แบบสัมพทั ธใน ปี พ.ศ. 2550
และปี พ.ศ. 2557 และทาการประเมินการเปลี่ยนแปลงธรณีสัณฐานชายหาดในแตละฤดูกาล ของปี พ.ศ.
2557 โดยการสารวจรงั วัดดวยดาวเทียม จพี ีเอส แบบสมั พัทธ์ อกี ดว้ ย ซึง่ ผลการศกึ ษามรี ายละเอียดดงั น้ี

5.1.1 สถานภาพการเปลีย่ นแปลงชายฝ่งั ในชว่ ง 5 ปี

จากผลการวิเคราะห์สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ัง ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2545 -
2550 พบว่าสถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งในช่วง 5 ปี บริเวณพ้ืนที่อาเภอปากพนัง จังหวัด
นครศรีธรรมราช ชายฝงทะเลทีส่ ามารถทาการประเมินการเปลี่ยนแปลงไดในคร้ังน้ีคิดเปนระยะทางทั้งสิ้น
เป็นระยะทางรวม 27.37 กิโลเมตร ตามแนวชายฝงทั้งหมด 449,440.90 ตารางเมตร (280.90 ไร) ซึ่ง
สามารถจาแนกลักษณะการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ พื้นท่ีกัดเซาะ พื้นท่ีคงสภาพ
และพ้ืนทส่ี ะสมตัว โดยมรี ายละเอียดดงั นี้ (ตารางที่ 3 และ รปู ท่ี 45)

5.1.1.1 พื้นทีก่ ัดเซาะ ในพ้นื ที่ศึกษาแบ่งการกดั เซาะออกเป็น 2 ระดบั ดงั น้ี

1) พ้นื ท่กี ัดเซาะกัดเซาะรุนแรง (กดั เซาะ มากกวา่ 5 เมตรตอ่ ปี)
ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 81,623.35 ตารางเมตร คิดเป็น 51.01 ไร่ รวมระยะทาง
กัดเซาะรุนแรงท้ังหมด 3.69 กิโลเมตร (ร้อยละ 13.48 ของระยะทางทั้งหมด) กัดเซาะเข้ามากที่สุด 12
เมตร ไดแ้ ก่ ทิศเหนอื หาดบ้านปลายทราย ทศิ เหนอื หาดบา้ นชายทะเล
2) พ้ืนที่กดั เซาะกัดเซาะปานกลาง (กัดเซาะ 1 - 5 เมตรตอ่ ปี)
ครอบคลุมพ้ืนที่ท้ังหมด 115,480.19 ตารางเมตร คิดเป็น 272.18 ไร่ รวมระยะทาง
กัดเซาะปานกลางทั้งหมด 10.9 กิโลเมตร (ร้อยละ 39.82 ของระยะทางท้ังหมด) กัดเซาะเข้ามากท่ีสุด
4.77 เมตร ได้แก่ หาดบ้านปลายทราย ทิศเหนอื หาดบา้ นชายทะเล

5.1.1.2 พ้ืนที่สะสมตัว (สะสมตัว มากกว่า 1 เมตรต่อปี)

ครอบคลุมพ้ืนท่ีทั้งหมด 226,923.69 ตารางเมตร คิดเป็น 141.83 ไร่ รวมระยะทาง
สะสมตัวท้ังหมด 5.55 กิโลเมตร (ร้อยละ 20.28 ของระยะทางท้ังหมด) สะสมตัวออกไปมากท่ีสุด 33
เมตร ได้แก่ หาดปลายแหลมตะลุมพุก บา้ นปลายทราย ด้านเหนือบ้านแหลมตะลุมพกุ

5.1.1.3 พื้นท่ีคงสภาพ (กัดเซาะหรือสะสมตัวนอ้ ยกว่า 1 เมตรต่อปี)

ครอบคลมุ พ้ืนทีท่ ง้ั หมด 25,413.67 ตารางเมตร คิดเป็น 15.88 ไร่ รวมระยะทางทั้งหมด
7.23 กิโลเมตร (ร้อยละ 26.42 ของระยะทางท้ังหมด) ได้แก่ หาดบ้านปลายทราย ทิศเหนือหาดบ้าน
เนินนา้ หกั ทศิ ใตบ้ า้ นชายทะเล หาดบา้ นหัวถนนชายทะเล

-54-

ตารางท่ี 3 ตารางแสดงสถานภาพการณ์กดั เซาะชายฝัง่ พ้ืนท่ี ตาบลแหลมตะลุมพุกและ ตาบลปาพนัง
ฝง่ั ตะวนั ออก อาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรธี รรมราช ในชว่ ง 5 ปี (พ.ศ.2545 และ พ.ศ.
2550)

สถานภาพการ ระยะทาง รอ้ ยละ คิดเปน็ พื้นที่ รายละเอียดพนื้ ที่
(ม2)
เปลีย่ นแปลงชายฝง่ั ทะเล (กม.) (%)

กดั เซาะรนุ แรง 3.69 13.48 81,623.35 กัดเซาะเขา้ ไปมากทส่ี ดุ 12 เมตร/ปี

(>5 เมตร/ปี) ไดแ้ ก่ ทิศเหนือหาดบ้านปลายทราย ทิศ

เหนอื หาดบา้ นชายทะเล

กดั เซาะปานกลาง 10.90 39.82 115,480.19 กัดเซาะเขา้ ไปมากที่สุด 4.77 เมตร/ปี
(1-5 เมตร/ป)ี ไดแ้ ก่ หาดบ้านปลายทราย ทิศเหนือ
หาดบา้ นชายทะเล
คงสภาพ
(±1 เมตร/ปี) 7.23 26.42 25,413.67 คงสภาพ ได้แก่ หาดบา้ นปลายทราย
ทิศเหนอื หาดบา้ นเนินน้าหกั ทิศใต้บ้าน
ชายทะเล หาดบา้ นหัวถนนชายทะเล

สะสมตวั 5.55 20.28 226,923.69 สะสมตัวมากท่ีสดุ 33.00 เมตร/ปี ไดแ้ ก่
(>1 เมตร/ปี) หาดปลายแหลมตะลุมพุก บา้ นปลาย
ทราย ดา้ นเหนอื บา้ นแหลมตะลุมพุก

-55-

รูปที่ 45 แผนที่การเปลีย่ นแปลงชายฝั่งพ้นื ที่อาเภอปากพนงั จงั หวดั นครศรธี รรมราช
(พ.ศ. 2545 - 2550)

-56-

5.1.2 สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่งั ในช่วง 7 ปี

จากผลการวิเคราะห์สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ัง ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2550 -
2557 พบว่าสถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังในช่วง 7 ปี บริเวณพ้ืนที่อาเภอปากพนัง จังหวัด
นครศรีธรรมราช ชายฝงทะเลทสี่ ามารถทาการประเมินการเปลี่ยนแปลงไดในคร้ังนี้คิดเปนระยะทางทั้งส้ิน
เป็นระยะทางรวม 26.82 กิโลเมตร ตามแนวชายฝงทั้งหมด 446,908.45 ตารางเมตร (279.32 ไร) ซึ่ง
สามารถจาแนกลักษณะการเปล่ียนแปลงชายฝั่งออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ พื้นท่ีกัดเซาะ พื้นที่คงสภาพ
และพื้นทส่ี ะสมตวั โดยมีรายละเอยี ดดังนี้ (ตารางท่ี 4 และ รูปท่ี 46)

5.1.1.1 พื้นที่กัดเซาะ ในพ้ืนท่ีศึกษาแบ่งการกัดเซาะออกเปน็ 2 ระดับ ดังนี้

1) พน้ื ทก่ี ดั เซาะกดั เซาะรนุ แรง (กัดเซาะ มากกวา่ 5 เมตรตอ่ ปี)
ครอบคลุมพื้นที่ท้ังหมด 54,681.2 ตารางเมตร คิดเป็น 34.18 ไร่ รวมระยะทางกัดเซาะ
รุนแรงท้งั หมด 1.29 กิโลเมตร (รอ้ ยละ 4.8 ของระยะทางท้ังหมด) กัดเซาะเข้ามากที่สุด 8.29 เมตร ได้แก่
ดา้ นใต้บา้ นหัวถนนชายทะเล
2) พน้ื ท่ีกัดเซาะกัดเซาะปานกลาง (กดั เซาะ 1 - 5 เมตรตอ่ ปี)
ครอบคลุมพ้ืนที่ท้ังหมด 141,796.0 ตารางเมตร คิดเป็น 88.62 ไร่ รวมระยะทาง
กัดเซาะปานกลางทั้งหมด 9.55 กิโลเมตร (ร้อยละ 35.55 ของระยะทางท้ังหมด) กัดเซาะเข้ามากท่ีสุด
4.37 เมตร ไดแ้ ก่ หาดบ้านปลายทราย บ้านแหลมตะลมุ พุก ทิศเหนือหาดบา้ นชายทะเล

5.1.1.2 พน้ื ทส่ี ะสมตวั (สะสมตัว มากกวา่ 1 เมตรต่อปี)

ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 208,919.87 ตารางเมตร คิดเป็น 130.57 ไร่ รวมระยะทาง
สะสมตัวทั้งหมด 6.51 กิโลเมตร (ร้อยละ 24.24 ของระยะทางท้ังหมด) สะสมตัวออกไปมากท่ีสุด 14.28
เมตร ไดแ้ ก่ หาดปลายแหลมตะลมุ พกุ บ้านปลายทราย

5.1.1.3 พ้ืนที่คงสภาพ (กดั เซาะหรือสะสมตวั นอ้ ยกว่า 1 เมตรต่อปี)

ครอบคลมุ พน้ื ท่ีท้งั หมด 41,511.38 ตารางเมตร คิดเปน็ 25.94 ไร่ รวมระยะทางท้ังหมด
9.51 กิโลเมตร (ร้อยละ 35.41ของระยะทางทั้งหมด) ได้แก่ หาดบ้านเนินน้าหัก บ้านชายทะเล ทิศเหนือ
หาดบา้ นหวั ถนนชายทะเล

-57-

ตารางที่ 4 ตารางแสดงสถานภาพการณ์กัดเซาะชายฝ่ัง พ้ืนท่ี ตาบลแหลมตะลุมพุกและตาบล
ปากพนังฝั่งตะวันออก อาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วง 7 ปี (พ.ศ.2550
และ พ.ศ.2557)

สถานภาพการ ระยะทาง ร้อยละ คดิ เป็นพนื้ ท่ี รายละเอียดพน้ื ที่
เปลย่ี นแปลงชายฝ่ังทะเล (กม.) (%) (ม2)

กัดเซาะรนุ แรง 1.29 4.80 54,681.2 กัดเซาะเข้าไปมากทีส่ ดุ 8.29 เมตร/ปี

(>5 เมตร/ปี) ได้แก่ ด้านใตบ้ ้านหัวถนนชายทะเล

กดั เซาะปานกลาง 9.55 35.55 141,796.0 กดั เซาะเขา้ ไปมากท่ีสุด 4.37 เมตร/ปี
(1-5 เมตร/ป)ี ได้แก่ หาดบ้านปลายทราย บ้าน
แหลมตะลุมพุก ทิศเหนือหาดบา้ น
คงสภาพ ชายทะเล
(±1 เมตร/ปี)
9.51 35.41 41,511.38 คงสภาพ ได้แก่ หาดบา้ นเนนิ นา้ หัก
สะสมตัว บา้ นชายทะเล ทิศเหนือหาดบ้านหัว
(>1 เมตร/ปี) ถนนชายทะเล

6.51 24.24 208,919.87 สะสมตวั มากท่ีสุด 14.28 เมตร/ปี
ได้แก่ หาดปลายแหลมตะลมุ พุก บ้าน
ปลายทราย

-58-

รูปที่ 46 แผนที่การเปลีย่ นแปลงชายฝั่งพ้นื ที่อาเภอปากพนงั จงั หวดั นครศรธี รรมราช
(พ.ศ. 2550 - 2557)

-59-

5.1.3 สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝงั่ ในชว่ ง 12 ปี

จากผลการวิเคราะห์สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ัง ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2545 -
2557 พบว่าสถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังในช่วง 12 ปี บริเวณพื้นท่ีอาเภอปากพนัง จังหวัด
นครศรธี รรมราช ชายฝงทะเลท่สี ามารถทาการประเมินการเปลี่ยนแปลงไดในคร้ังนี้คิดเปนระยะทางท้ังส้ิน
เป็นระยะทางรวม 27 กิโลเมตร ตามแนวชายฝงทั้งหมด 719,244.45 ตารางเมตร (449.53 ไร) ซ่ึง
สามารถจาแนกลักษณะการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ พ้ืนที่กัดเซาะ พื้นที่คงสภาพ
และพืน้ ที่สะสมตัว โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี (ตารางที่ 5 และ รูปท่ี 47)

5.1.3.1 พน้ื ทก่ี ดั เซาะ

แบ่งการกดั เซาะในพ้ืนท่ีออกเป็ น 1 ระดบั คือ พ้ืนท่ีกดั เซาะระดบั ปานกลาง (กดั เซาะ
ระหวา่ ง 1 - 5 เมตรตอ่ ปี )

ครอบคลุมพ้ืนท่ีทั้งหมด 309,779.32 ตารางเมตร คิดเป็น 193.61 ไร่ รวมระยะทางกัด
เซาะปานกลางท้ังหมด 13.5 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 50.26 ของระยะทางท้ังหมด กัดเซาะเข้ามากท่ีสุด
3.75 เมตร คือ หาดบา้ นเนินน้าหกั หาดบา้ นปลายทราย ทิศเหนอื หาดบ้านชายทะเล

5.1.3.2 พ้ืนทค่ี งสภาพ (กดั เซาะหรอื สะสมตัวนอ้ ยกว่า 1 เมตรต่อปี)

พบชายฝงคงสภาพกระจายตัวอยูเปนพื้นที่เล็กๆตลอดแนวชายฝงทะเลรวมระยะทางคง
สภาพทั้งหมด 7.73 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 28.78 ของระยะทางทั้งหมด ได้แก่ หาดระหว่างบ้านหัว
ถนนชายทะเลและบ้านชายทะเล หาดบ้านเนินน้าหัก และบานปลายทราย ชายฝงคงสภาพสวนใหญเป็น
ชายฝงที่อยู่ระหว่างชายฝั่งที่มีการกัดเซาะปานกลางและบริเวณชายฝงท่ีมีการกอสรางโครงสรางปองกัน
ชายฝ่ัง ไดแ้ ก่ กองหนิ ทง้ิ

5.1.3.3 พ้นื ทสี่ ะสมตวั (สะสมตัว มากกวา่ 1 เมตรต่อปี)

ครอบคลุมพ้ืนท่ีทั้งหมด 348,484.67ตารางเมตร คิดเป็น 217.80 ไร่ รวมระยะทาง
สะสมตัวท้ังหมด 5.63 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 20.96 ของระยะทางท้ังหมด สะสมตัวออกไปมากที่สุด
4.06 เมตร ไดแ้ ก่ หาดบ้านปลายทราย

-60-

ตารางท่ี 5 ตารางแสดงสถานภาพการณ์กัดเซาะชายฝั่ง พ้ืนท่ีตาบลแหลมตะลุมพุก และตาบล
ปากพนังฝัง่ ตะวันออก อาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วง 12 ปี (พ.ศ.2545
และ พ.ศ.2557)

สถานภาพการ ระยะทาง ร้อยละ คดิ เปน็ พ้ืนท่ี รายละเอียดพน้ื ที่
(ม2)
เปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเล (กม.) (%)

กดั เซาะปานกลาง 13.50 50.26 309,779.32 กัดเซาะเข้าไปมากที่สุด 3.75

(1-5 เมตร/ป)ี เมตร/ปี ได้แก่ หาดบ้านเนิน

น้าหัก หาดบ้านปลายทราย

ทิศเหนอื หาดบา้ นชายทะเล

คงสภาพ 7.73 28.78 60,980.46 คงสภาพ ได้แก่ หาดระหว่าง

(±1 เมตร/ปี) บ้ า น หั ว ถ น น ช า ย ท ะ เ ล แ ล ะ

บ้านชายทะเล หาดบ้านเนิน

น้าหัก

สะสมตวั 5.63 20.96 348,484.67 สะสมตัวมากท่ีสุด 13.08

(>1 เมตร/ปี) เมตร/ปี ได้แก่ หาดบ้านปลาย

ทราย

-61-

รูปที่ 47 แผนที่การเปลย่ี นแปลงชายฝั่งพน้ื ท่ีอาเภอปากพนงั จังหวดั นครศรธี รรมราช
(พ.ศ. 2547 - 2557)

-62-

5.1.4 สถานภาพการเปลย่ี นแปลงชายฝ่ังระหว่างช่วงฤดูกาล

จากผลการวิเคราะห์สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝั่ง บริเวณพื้นท่ีตาบลแหลม
ตะลมุ พุกและตาบลปากพนงั ฝั่งตะวันออก อาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นระยะทางรวม 27
กิโลเมตร ในช่วงฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (เดือนมกราคม) กับหลังฤดูมรสุมดังกล่าว (มิถุนายน)
พบว่าข้อมูลสถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งในระหว่างช่วงฤดูกาลมีความแปรปรวนมาก คิดเป็นพ้ืนที่
ท้ังหมด 280,365.26 ตารางเมตร (175.23 ไร) ซ่ึงสามารถจาแนกลักษณะการเปล่ียนแปลงชายฝั่งออกได้
เป็น 3 ลักษณะคือ พื้นท่ีกัดเซาะพื้นท่ีคงสภาพ และพ้ืนที่สะสมตัว ผลการวิเคราะห์แสดงดังตารางท่ี 6
และ รปู ท่ี 48

ตารางที่ 6 ตารางแสดงสถานภาพการณ์กัดเซาะชายฝั่ง พื้นท่ีตาบลแหลมตะลุมพุก และตาบล
ปากพนังฝ่ังตะวันออก อาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช (ระหว่างช่วงฤดูกาลปี
2557)

สถานภาพการ ระยะทาง ร้อยละ คิดเป็นพนื้ ที่ รายละเอียดพืน้ ท่ี
เปล่ยี นแปลงชายฝ่งั ทะเล (กม.) (%) (ม2)
กัดเซาะรุนแรง
(>5 เมตร/ป)ี 0.17 0.62 901.82 กดั เซาะเขา้ ไปมากท่ีสุด 8.19 เมตร

กดั เซาะปานกลาง ไดแ้ ก่ หาดปลายแหลมตะลมุ พกุ
(1-5 เมตร/ป)ี
ทศิ เหนอื บ้านปลายทราย
คงสภาพ
(±1 เมตร/ป)ี 1.44 5.38 3750.98 กดั เซาะเขา้ ไปมากทสี่ ุด 4.85 เมตร

สะสมตวั ไดแ้ ก่ หาดบ้านแหลมตะลมุ พุก
(>1 เมตร/ป)ี
บ้านเนินนา้ หัก ทิศเหนือสะพาน

ปลา บา้ นหัวถนนชายทะเล

3.07 11.47 3714.73 คงสภาพ ได้แก่ บา้ นหัวถนน

ชายทะเล ด้านทิศเหนือบ้านแหลม

ตะลุมพุก

22.08 82.53 271997.73 สะสมตัวมากที่สุด 79.80 เมตร

ได้แก่ หาดปลายแหลมตะลมุ พุก

บา้ นปลายทราย บ้านแหลม

ตะลุมพุก บ้านเนนิ นา้ หัก บ้าน

ชายทะเล

-63-

รูปที่ 48 แผนที่การเปลยี่ นแปลงชายฝั่งระหวา่ งช่วงฤดูกาล ปี พ.ศ. 2557 พ้นื ท่ีตาบลแหลมตะลมุ พุก
และตาบลปากพนงั ฝ่ังตะวันออก อาเภอปากพนงั

-64-

5.1.4.1 พืน้ ทก่ี ดั เซาะ ในพื้นทศี่ ึกษาแบ่งการกดั เซาะออกเป็น 2 ระดับ ดงั น้ี

1) พ้ืนที่กดั เซาะกดั เซาะรนุ แรง (กดั เซาะ มากกว่า 5 เมตรต่อปี)
ครอบคลุมพื้นที่ท้ังหมด 901.82 ตารางเมตร คิดเป็น 0.56 ไร่ รวมระยะทางกัดเซาะ
รุนแรงท้ังหมด 0.17 กิโลเมตร (ร้อยละ 0.62 ของระยะทางท้ังหมด) กัดเซาะเข้ามากท่ีสุด 8.19 เมตร
ไดแ้ ก่ หาดปลายแหลมตะลมุ พุก (รูปท่ี 49) ทศิ เหนอื บ้านปลายทราย (รปู ท่ี 50)

รปู ท่ี 49 หาดทม่ี ีการกัดเซาะรนุ แรงบริเวณปลายแหลมตะลมุ พุก

รูปที่ 50 หาดท่ีมกี ารกดั เซาะรุนแรงบรเิ วณทศิ เหนือบ้านปลายทราย

-65-

2) พื้นที่กัดเซาะกดั เซาะปานกลาง (กัดเซาะ 1 - 5 เมตรต่อปี)
ครอบคลุมพื้นที่ท้ังหมด 3,750.98 ตารางเมตร คิดเป็น 2.34 ไร่ รวมระยะทางกัดเซาะปาน
กลางทั้งหมด 1.44 กิโลเมตร (ร้อยละ 5.38 ของระยะทางทั้งหมด) กัดเซาะเข้ามากท่ีสุด 4.85 เมตร ได้แก่
หาดบ้านแหลมตะลุมพุก (รปู ที่ 51) บา้ นเนินนา้ หัก ทศิ เหนือสะพานปลา บา้ นหวั ถนนชายทะเล (รูปท่ี 52)

รูปท่ี 51 บรเิ วณบ้านแหลมตะลุมพุกชว่ งที่มกี ารกดั เซาะปานกลาง

รปู ที่ 52 บรเิ วณทิศเหนือสะพานปลา บ้านหวั ถนนชายทะเล ช่วงท่ีมกี ารกัดเซาะ

-66-

5.1.4.2 พ้นื ทีส่ ะสมตัว (สะสมตัว มากกวา่ 1 เมตรต่อปี)

ครอบคลุมพ้ืนท่ีทั้งหมด 271997.73 ตารางเมตร คิดเป็น 170 ไร่ รวมระยะทางสะสมตัว
ทั้งหมด 22.08 กิโลเมตร (ร้อยละ 82.53 ของระยะทางทั้งหมด) สะสมตัวออกไปมากท่ีสุด 79.80 เมตร
ได้แก่ หาดปลายแหลมตะลุมพุก บ้านปลายทราย (รูปที่ 53) บ้านแหลมตะลุมพุก (รูปท่ี 54) บ้านเนินน้าหัก
บ้านชายทะเล

รูปที่ 53 การสะสมตัวบรเิ วณบา้ นปลายทราย

รปู ที่ 54 การสะสมตวั บรเิ วณปลายแหลมตะลุมพกุ

-67-

5.1.4.3 พ้นื ที่คงสภาพ (กดั เซาะหรือสะสมตวั นอ้ ยกว่า 1 เมตรต่อปี)

ครอบคลุมพ้ืนที่ทั้งหมด 3,714.73 ตารางเมตร คิดเป็น 2.32 ไร่ รวมระยะทางสะสมตัว
ทั้งหมด 3.07 กิโลเมตร (ร้อยละ 11.47 ของระยะทางท้ังหมด) ได้แก่ บ้านหัวถนนชายทะเล (รูปท่ี 55)
ดา้ นทิศเหนือบ้านแหลมตะลุมพุก (รูปท่ี 56)

รปู ที่ 55 บริเวณคงสภาพบา้ นหัวถนนชายทะเล

รปู ที่ 56 บรเิ วณคงสภาพบา้ นแหลมตะลุมพุก

-68-

5.1.5 สถานการเปลี่ยนแปลงในแนวดง่ิ ระหว่างชว่ งฤดูกาล

การสารวจรังวัดชายฝ่ังด้วยเครื่องมือ DGPS ในแนวดิ่ง เป็นการสารวจให้ได้มาซ่ึง
ข้อมลู ภาพตัดขวางของแนวชายฝงั่ เพอื่ ศกึ ษาการเปล่ียนแปลงธรณีสัณฐานของพื้นที่ศึกษา โดยดาเนินการ
สารวจใน 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (ธันวาคมถึงมกราคม) และหลังช่วงฤดูมรสุม
ดังกล่าว (เมษายนถึงกรกฎาคม) ผลการสารวจรังวัดในแนวด่งิ เมื่อเดือนมกราคม และเดือนมิถุนายน 2557
เมื่อนามาสร้างเป็นภาพสามมิติให้แสดงลักษณะธรณีสัณฐานพบว่าความชันของหน้าหาดเปล่ียนแปลงไป
จากเดิมคือ ในช่วงฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือสัณฐานหน้าหาดมีความชันมากกว่าหลังฤดูมรสุม และ
หลงั ฤดมู รสมุ จะพบลกั ษณะของดอนทรายเล็กๆ เพิม่ ขนึ้ ในบรเิ วณหนา้ หาดหรือใกลแ้ นวชายฝ่ัง

5.1.5.1 ชายหาดปลายแหลมตะลุมพกุ ถงึ บา้ นปลายทราย

ชายหาดบริเวณปลายแหลมตะลมุ พกุ ถึงบา้ นปลายทราย ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร
(รูปที่ 58) มลี กั ษณะเปนสันดอนจะงอย สลับกบั รองนา้ ขนานไปกับชายฝงทะเล ชายหาดมีความลาดชันต่า
ความกวา้ งประมาณ 90-300 เมตร โดยชายหาดบรเิ วณปลายแหลมตะลมุ พกุ (ดานทิศเหนือ) มีความกว้าง
มากกว่าชายหาดบริเวณบานปลายทราย หาดสวนในมีลักษณะเปนตะพักสูงประมาณ 1 เมตร พบต้นสน
ขึ้นอยูเปนทิวแถว และมีหญาปกคลุมท่ัวไป ดานหลังของตะพักเปนท่ีลุมน้าข้ึนถึงและปาชายเลนมีการ
พัฒนาพ้นื ท่ีเปนสถานทท่ี องเท่ียวเชิงธรรมชาติ ชายหาดบริเวณนี้มียังคงมีการสะสมตัวของสันดอนจะงอย
งอกออกไปเรอ่ื ยๆ พบรองรอยการกัดเซาะเกิดข้ึนบริเวณบางช่วงของหาดระหว่างปลายแหลมถึงบริเวณท่ี
ทาการปา่ ไม้ (รปู ที่ 58ข) แนวและตอนเหนอื ของบานปลายทราย (รูปท่ี 58ค)

ง ก ก’ ก ก’
ง’ ข ข
ค ข’
ข’
ค’ ค

ง ค’
ง’



รปู ท่ี 57 ภาพสามมติ บิ รเิ วณปลายแหลมตะลุมพุกถึงบ้านปลายทราย
(ก) ขอ้ มลู เดอื นมกราคม 2557 (ข) ข้อมลู เดือนมถิ ุนายน 2557

-69-

ความ ูสงจากระ ัดบน้าทะเลปานกลาง (ม) ความสูงจากระ ัดบน้าทะเลปานกลาง (ม) ความ ูสงจากระ ัดบ ้นาทะเลปานกลาง (ม) ความ ูสงจากระ ัดบ ้นาทะเลปานกลาง (ม) ตาแหน่งพิกัดเหนือ ก

ตาแหน่งพิกัดเหนือ ข

ตาแหน่งพิกัดเหนือ ค

ตาแหน่งพิกัดตะวันออก ง

รปู ที่ 58 ภาพตดั ขวางของแนวชายหาดปลายแหลมตะลุมพกุ ถึงบ้านปลายทราย
(ก) แนว ก-ก’, (ข) แนว ข-ข’, (ค) แนว ค-ค’, (ง) แนว ง-ง’

-70-

1) ตามแนว ก-ก’ (รูปที่ 58ก) มีการเปล่ียนแปลงคอนขางมาก สันทรายชายหาดเหนือ
ระดับน้าทะเลถูกพัดพาออกไปสะสมตัวบริเวณชายหาดสวนนอกและสันทรายในทะเล เดือนมิถุนายน
พ.ศ. 2557 ชายหาดมีความสูงลดลงประมาณ 0.5 เมตร แตความกวางของชายหาดเพ่ิมมากขึ้น โดยพบวา
ชายหาดมีการสะสมตัวทาใหชายหาดมีความกวางเพิม่ มากขึน้ ประมาณ 40 เมตร

2) ตามแนว ข-ข’ (รูปที่ 58ข) ในชวงเดือนมกราคม-มิถุนายน พ.ศ. 2557 ช่วงชายหาด
ด้านในมีการพัดพาของตะกอนทรายออกทาให้หาดมีความสูงลดลงประมาณ 0.5 แต่ในบริเวณชายหาด
ด้านนอก และสันทรายในทะเล ชายหาดมีการสะสมตัวเพิ่มมากข้ึน โดยชายหาดมีความสูงเพ่ิมข้ึน
ประมาณ 0.5 เมตรและชายหาดมีความกวางมากขึน้ ประมาณ 50–70 เมตร

3) ตามแนว ค-ค’ (รูปท่ี 58ค) ในชวงเดอื นมิถุนายน ชวงเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน
พ.ศ. 2557ชายหาดเหนือระดับน้าทะเลยังคงมีการสะสมตัว ทาให้ชายหาดมีความสูงข้ึนเล็กน้อยแต่
ความกวางเท่าเดิม แต่สันทรายชายหาดในทะเลไดถ้ ูกพัดออกไปทาใหค้ วามชันของหาดมากข้ึน

4) ตามแนว ง-ง’ (รูปที่ 58ง) ในชวงเดือนมิถุนายน ชวงเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน
พ.ศ. 2557 ชายหาดสวนนอกและสันทรายในทะเล มีการสะสมตัวของทรายทาให้ชายหาดมีความสูง
เพ่ิมขึ้นประมาณ 0.5 เมตร ความกวางของชายหาดเพิ่มมากข้ึน โดยพบวาชายหาดมีการสะสมตัวทาให
ชายหาดมีความกวางเพม่ิ มากขึ้นประมาณ 20 เมตร

5.1.5.2 บ้านปลายทรายถงึ วัดแหลมตะลมุ พุก

ชายหาดบริเวณบ้านปลายทรายถึงวัดแหลมตะลุมพุก ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร มี
ลักษณะเป็นสันทราบชายหาด สลับกับรองน้าขนานไปกับชายฝงทะเล ชายหาดมีความลาดชันต่า ความ
กว้างประมาณ 90-150 เมตร หาดสวนในมีลักษณะเปนตะพกั สูงประมาณ 1 เมตร พบต้นสนขึ้นอยูเปนทิว
แถว และมีหญาและไม้ล้มลุกปกคลุมทั่วไป ดานหลังของตะพักเปนที่ลุมน้าขึ้นถึงและปาชายเลน พบรอง
การกัดเซาะเกิดขนึ้ บริเวณบางชว่ งตอนเหนือของบานแหลมตะลุมพุก (รูปที่ 59)

1) ตามแนว จ-จ’ (รูปที่ 60ก) มีการเปล่ียนแปลงคอนขางมาก สันทรายชายหาดเหนือ
ระดับน้าทะเลถูกพัดพาออกไป ชายหาดมีความสูงลดลงประมาณ 0.1-0.5 เมตร ความกวางของชายหาด
ลดลง โดยพบวาชายหาดมีการกดั เซาะทาใหชายหาดมีความกวางเพ่ิมมากขน้ึ ประมาณ 4 เมตร

2) ตามแนว ฉ-ฉ’ (รูปที่ 60ข) ในชวงเดือนมกราคม-มิถุนายน พ.ศ. 2557 ในบริเวณ
ชายหาดดา้ นใน หาดมีสภาพคงตวั แต่ช่วงชายหาดด้านนอกมีการพัดพาของตะกอนทรายออกทาให้หาดมี
ความสงู ลดลงประมาณ 1 เมตร แตใ่ นเดือนมถิ นุ ายนได้มที รายพัดเข้ามาสะสะสมบริเวณชายหาดด้านนอก
และบรเิ วณตา่ กวา่ ระดับน้าทะเลกอ่ ตวั เปน็ สันทรายชายหาด

-71-

ก จ’ ข จ’

จ จ

ฉ ฉ’ ฉ ฉ’

รปู ท่ี 59 ภาพสามมติ บิ รเิ วณบา้ นปลายทรายถึงวัดแหลมตะลุมพุก
(ก) ข้อมลู เดือนมกราคม 2557 (ข) ข้อมูลเดือนมถิ ุนายน 2557

ความ ูสงจากระ ัดบน้าทะเลปานกลาง (ม) ความ ูสงจากระ ัดบน้าทะเลปานกลาง (ม) ตาแหน่งพิกัดตะวันออก ก

ตาแหน่งพิกัดตะวันออก ข

รปู ที่ 60 ภาพตดั ขวางของแนวชายหาดบา้ นปลายทรายถงึ วดั แหลมตะลมุ พุก
(ก) แนว จ-จ’, (ข) แนว ฉ-ฉ’

-72-

5.1.5.3 วดั แหลมตะลมุ พกุ ถงึ บ้านเนินนา้ หัก

ชายหาดบริเวณบานแหลมตะลุมพุกถึงบานเนินน้าหัก ระยะทางประมาณ 8.5 กิโลเมตร
(รูปที่ 61) ชายฝงแนวน้ีเปนสวนโคงดานนอกของสันดอนจะงอย วางตัวในแนวตะวันตกเฉียงเหนือ-
ตะวันออกเฉียงใต้ หาดทรายกวางประมาณ 50-150 เมตร อยูสูงจากระดับน้าทะเลปานกลางประมาณ 1-2
เมตร ดานตะวันตกหรือดานหลงั ของหาดเปนพืน้ ท่ลี มุ นา้ ขังเดมิ และปาชายเลน ปจจุบันแปรสภาพเปนนากุง
ตะกอนสวนใหญเปนทรายปนดินเคลย ทับถมอยูบนดินเคลยสีเทาเขียวของท่ีราบน้าข้ึนถึงปาชายเลนเดิม
พบรองรอยการกัดเซาะเกิดขึ้นหลายบริเวณ การกัดเซาะท่ีเกิดขึ้นทาใหชายหาดพังทะลายลงมาจนอยูใน
ระดับเดียวกบั พ้นื ทรายหนาหาด บริเวณทม่ี นี ากงุ้ ตดิ ชายทะเล คนั ดนิ ทเ่ี ปนขอบนากงุ ก็พงั ทะลายเชนกนั

ช ช’ ช ช’
ซ ซ’ ซ ซ’
ฌ ฌ’ ฌ ฌ’

กข

รูปที่ 61 ภาพสามมิตบิ ริเวณวัดแหลมตะลุมพกุ ถึงบา้ นเนนิ นา้ หกั
(ก) ขอ้ มูลเดือนมกราคม 2557 (ข) ข้อมูลเดือนมิถุนายน 2557
1) ตามแนว ช-ช’ (รูปที่ 62ก) มีการเปล่ียนแปลงคอนขางมาก สันทรายชายหาดเหนือ

ระดับน้าทะเลถูกพัดพาออกไปสะสมตัวบริเวณชายหาดสวนนอกและสันทรายในทะเล เดือนมิถุนายน
2557 ชายหาดมีความสูงลดลงประมาณ 0.5 เมตร แตความกวางของชายหาดเพิ่มมากข้ึน โดยพบวา
ชายหาดมีการสะสมตัวทาใหชายหาดมีความกวางเพ่ิมมากข้นึ ประมาณ 40 เมตร

2) ตามแนว ซ-ซ’ (รูปที่ 62ข) ในชวงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2557 ชายหาดในแนวนี้มี
การสะสมตัวของตะกอนทรายชายฝ่งั บรเิ วณชายหาดสวนนอกและสนั ทรายในทะเล ความกวางของชายหาด
เพิม่ มากขนึ้ ประมาณ 20 เมตร

3) ตามแนว ฌ-ฌ’ (รูปที่ 62ค) ชายหาดมีการเปล่ียนแปลงคอนขางมาก ในเดือนมกราคม
พ.ศ. 2557ชายหาดเหนือระดับน้าทะเลตะกอนทรายถูกพัดพาออกไป และไม่มีการสะสะตัวในเดือน
มิถุนายน ทาให้ชายหาดมีความสูงลดลงประมาณ 2 เมตร แต่ในเดือนมิถุนายน ได้มีตะกอนทรายพัดมา
สะสมตวั บรเิ วณหาดทรายด้านนอกแต่ทาให้หาดมีความกวางมากขึ้นประมาณ 5 เมตร จะเห็นว่าบริเวณนี้มี
การสะสมตัวยังน้อยกว่าการกดั เซาะ

-73-

ความสูงจากระ ัดบ ้นาทะเลปานกลาง (ม) ความ ูสงจากระ ัดบ ้นาทะเลปานกลาง (ม) ความ ูสงจากระดับ ้นาทะเลปานกลาง (ม) ตาแหน่งพิกัดตะวันออก ก

ตาแหน่งพิกัดตะวันออก ข

ตาแหน่งพิกัดตะวันออก ค

รูปท่ี 62 ภาพตัดขวางของแนวชายหาดวัดแหลมตะลุมพุกถึงบ้านเนนิ นา้ หกั
(ก) แนว ช-ช’, (ข) แนว ซ-ซ’, (ค) แนว ฌ-ฌ’

5.1.5.3 บา้ นเนินนา้ หกั ถึงคลองบางพระ

ชายหาดบรเิ วณบานเนินนา้ หักถึงคลองบางพระ ระยะทางประมาณ 9.5 กิโลเมตร (รูปท่ี
63) ชายฝ่ังวางตัวในเกือบตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ หาดทรายกวางประมาณ 50-150 เมตร
อยูสูงจากระดบั น้าทะเลปานกลางประมาณ 1-2 เมตร ดานตะวันตกหรือดานหลังของหาดเปนพ้ืนท่ีลุมน้า
ขังเดิมและปาชายเลน ปจจุบันแปรสภาพเปนนากุง ตะกอนสวนใหญเปนทรายปนดินเคลย ทับถมอยูบน
ดินเคลยสีเทาเขียวของที่ราบน้าขึ้นถึงปาชายเลนเดิม พบรองรอยการกัดเซาะเกิดข้ึนหลายบริเวณ การ
กัดเซาะท่ีเกิดขึ้นทาใหชายหาดพังทะลายลงมาจนอยูในระดับเดียวกับพื้นทรายหนาหาด บริเวณท่ีมีนากุง
ติดชายทะเล คนั ดนิ ทเ่ี ปนขอบนากงุ กเ็ กิดการพงั ทะลายเชนกัน

-74- ญ ญ’
ฎ ฎ’
ญ ญ’ ฏ ฏ’
ฎ ฎ’
ฏ ฏ’

กข

รปู ท่ี 63 ภาพสามมติ ิบริเวณบ้านเนนิ นา้ หักถงึ คลองบางพระ
(ก) ข้อมูลเดือนมกราคม 2557 (ข) ขอ้ มลู เดือนมถิ ุนายน 2557

1) ตามแนว ญ-ญ’ (รูปท่ี 64ก) มีการเปล่ียนแปลงคอนขางน้อย ชายหาดเหนือ
ระดบั น้าทะเลมกี ารพัดพาของตะกอนทรายมาสะสมตัวในช่วงเดือนมิถุนายน 2557 ชายหาดมีความสูงขี้นป
ระมาณ 0.3 เมตร

2) ตามแนว ฎ-ฎ’ (รูปท่ี 64ข) มีการเปล่ียนแปลงคอนขางน้อย ชายหาดเหนือ
ระดับน้าทะเลมีการพัดพาของตะกอนทรายมาสะสมตัวในช่วงเดือนมิถุนายน 2557 แต่ในปริมาณเพียง
เล็กน้อย ทาให้ชายหาดมีความสูงข้ีนประมาณ 0.2 เมตร ความกว้างของชายหาดไม่มีการเปล่ียนแปลงจึง
ถอื ได้ว่าชายหาดอย่ใู นสถานะคงสภาพ

3) ตามแนว ฏ-ฏ’ (รูปที่ 64ค) มีการเปล่ียนแปลงคอนขางน้อย ชายหาดเหนือ
ระดับน้าทะเลมีการพัดพาของตะกอนออกไปนอกทะเลในช่วงเดือนมิถุนายน 2557 แต่ในปริมาณเพียง
เล็กน้อย ความกว้างของชายหาดมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คือมีความกว้างมากขึ้นประมาณ 1-2 เมตร
จงึ ถือไดว้ า่ ชายหาดอยูใ่ นสถานะคงสภาพ

ความ ูสงจากระ ัดบ ้นาทะเลปานกลาง (ม) ตาแหน่งพิกัดตะวันออก ก

-75-

ความ ูสงจากระ ัดบ ้นาทะเลปานกลาง (ม) ความ ูสงจากระ ัดบ ้นาทะเลปานกลาง (ม) ตาแหน่งพิกัดตะวันออก ข

ตาแหน่งพิกัดตะวันออก ค

รูปที่ 64 ภาพตดั ขวางของแนวชายหาดบ้านเนินน้าหักถงึ คลองบางพระ
(ก) แนว ญ-ญ’, (ข) แนว ฎ-ฎ’, (ค) แนว ฏ-ฏ’

-76-

5.2 ธรณีสัณฐานชายฝ่ังทะเล

การศึกษาธรณีสัณฐานชายฝ่ังทะเล ใช้วิธีการศึกษาตะกอนระดับต้ืนและตะกอนผิวดิน
ซ่ึงประกอบด้วย การเจาะสารวจชายฝ่ังระดับตื้น และการเก็บตัวอย่างตะกอนผิวดินชายหาดโดยผล
การศกึ ษามีดังนี้

5.2.1 การเจาะสารวจชายฝ่ังระดับต้ืน

จากการศึกษาสภาพแวดล้อมการสะสมตัวของตะกอนในอดีต ด้วยการเจาะสารวจระดับ
ต้นื 37 หลุมเจาะ ครอบคลุมธรณีสัณฐานชายฝั่งทะเล จานวนทั้งสิ้น 3 หน่วย ได้แก่ หาดทรายปัจจุบัน (20
หลุม) ท่ีราบน้าข้ึนถึงเดิม (16 หลุม) และที่ราบน้าขึ้นถึงปัจจุบัน (1 หลุม) จากตะกอน 3 หน่วยที่ศึกษาโดย
สิน สนิ สกลุ (ธรณสี ัณฐานชายฝัง่ ของพ้นื ท่ีรวบรวมจากข้อมูลเดิมท่ศี ึกษาโดย สนิ สนิ สกุล และคณะ).,2546

5.2.1.1 หาดทรายปัจจุบัน (Young sandy beach)

หาดทรายปัจจุบันในพื้นท่ีศึกษามีแนวขอบเขตติดกับน้าทะเลในปัจจุบัน เกิดจากการ
สะสมตัวของตะกอนทรายและเศษซากเปลอื กหอย ปะการงั (รูปที่ 65 และ 66) โดยอิทธิพลของกระแสน้า
คลื่นและลม จนเกิดเป็นชายหาดที่ ลักษณะท่ีเดน่ ชดั ของตะกอนคือ เป็นตะกอนทรายสีน้าตาลเหลือง สีส้ม
ออกเทา มีแร่ควอตซ์เป็นองค์ประกอบหลัก ขนาดทรายละเอียดถึงปานกลาง ความกลมมนไม่ดี ในบริเวณ
หน้าหาดมีการคัดขนาดค่อนข้างดีถึงมาก ยกเว้นบริเวณรอยต่อกับท่ีราบน้าข้ึนถึงซึ่งหาดบริเวณน้ีการ
คัดขนาดไม่ดี พบเศษเปลือกหอยและซากปะการังปะปน มีสภาพแตกละเอียดไปจนถึงสมบูรณ์ (รูปท่ี 66
ข) ในบางบริเวณพบเศษซากพืชปะปนเล็กน้อย ตะกอนทรายปัจจุบันนี้มีความหนาตั้งแต่ 1.5 ถึง 5 เมตร
(อ้างองิ จากหลมุ เจาะทมี่ ีความลึกท่ี 5 เมตร ถึง 5.4 เมตรในบางหลุม) ในพื้นท่ีศึกษาสามารถพบหาดทราย
ปัจจุบันในทุกหมู่บ้านท่ีมีขอบเขตติดกับน้าทะเล ในบางพ้ืนท่ีเช่น บ้านโก้งโค้ง บ้านเนินน้าหัก บ้าน
ชายทะเล ตะกอนทรายปจั จบุ นั จะวางตวั อยบู่ นดนิ เหนียวทะเล (Marine clay)

รูปท่ี 65 ตัวอย่างตะกอนทรายปัจจุบันบริเวณปลายแหลมตะลุมพุก

-77-

กข
รูปที่ 66 ลกั ษณะตะกอนทรายปัจจบุ ัน บรเิ วณปลายแหลมตะลุมพุก (ก) ชัน้ ตะกอนทราย

(ข) ชน้ั เปลือกหอยท่พี บแทรกอยูใ่ นชั้นตะกอนทราย

5.2.1.2 ทรี่ าบน้าขนึ้ ถึงเดมิ (Old tidal flat)

เป็นที่ราบน้าขึ้นถึงซึ่งอยู่ต่อเน่ืองกับแผ่นดินด้านในและแผ่ออกเป็นบริเ วณกว้างสู่ทะเล
พน้ื ที่นี้เกดิ จากการสะสมตัวของตะกอนทะเล ในระยะแรกท่ีน้าทะเลรุกล้าเข้าท่วมเข้ามาในแผ่นดิน จนถึง
ช่วงเวลาที่น้าทะเลลดระดับถอยร่นออกไป ความหนาของตะกอนท่ีสะสมตัวขึ้นอยู่กับภูมิประเทศเดิม
ก่อนท่ีน้าทะเลจะไหลเข้ามาท่วม ลักษณะเด่นของตะกอนบริเวณ นี้คือ เป็นตะกอนขนาดดินเหนียว สีเทา
ดาถึงน้าตาล (รูปท่ี 67ก) ซ่ึงเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้าและอากาศ พบจุดประของตะกอนขนาดดิน
เหนียว (Mottle) สีน้าตาลแดงปะปนอยู่ในบางช่วง (รูปที่ 67ข) ชั้นตะกอนดินเหนียวน้ีวางตัวซ้อนทับอยู่
บนดินเหนียวทะเลสีเทาเขียว พบตะกอนทราย เศษซากพืชและเศษเปลือกหอยปะปนบ้างเล็กน้อย โดยท่ี
ราบน้าข้ึนถึงเดิมในพ้ืนท่ีศึกษาพบเป็นบริเวณกว้างในพ้ืนท่ีปากแม่น้าปากพนังยาวข้ึนไปถึงปลายแหลม
ตะลมุ พกุ

-78- ข



รปู ที่ 67 ลกั ษณะตะกอนดินเหนียวของท่ีราบน้าขน้ึ ถึงเดิม บรเิ วณบา้ นบางลึก ตาบลปากพนงั ฝง่ั ตะวนั ออก
(ก) ดินเหนยี วสีเทานา้ ตาล และ (ข) จดุ ประของตะกอนขนาดดนิ เหนียว (Mottle) สนี า้ ตาลแดง

5.2.1.3 ทร่ี าบนา้ ขนึ้ ถึงปัจจุบนั (Intertidalflat)

ท่ีราบน้าขึ้นถงึ ปัจจบุ ันมีลกั ษณะของปา่ ชายเลนให้สังเกตได้ อยู่ระหว่างระดับน้าทะเลขึ้น
สูงสุดกับระดบั นา้ ทะเลลงต่าสุด สว่ นมากจะอยู่ด้านนอกชายฝั่งติดกับทะเล ลักษณะเด่นที่พบได้ในตะกอน
บริเวณนี้คือ เป็นดินเหนียวสีเทาปะปนกับตะกอนทราย (รูปที่ 68) อาจพบเป็นช้ันแทรกสลับกันระหว่าง
ตะกอนทง้ั 2 ชนิด นอกจากนี้ยงั พบเศษซากพชื และเปลือกหอยปะปนในเน้ือตะกอน หรือพบเป็นชั้นบางๆ
แทรกสลับในเนื้อตะกอน พบซากพื่ช ซากเปลือกหอยที่เป็นแตกเป็นเศษและตัวสมบูรณ์และจุดประ
ตะกอนดินเหนียวบ้างเล็กน้อย ความหนาของตะกอนชั้นน้ีตั้งแต่ 0.5 ถึง มากกว่า 4 เมตร (หลุมเจาะมี
ความลึกมากสุดที่ 5.4 เมตร) ในพนื้ ที่ศึกษาสามารถพบท่ีราบน้าข้ึนถึงปัจจุบันได้ในบริเวณพ้ืนท่ีปากแม่น้า
ปากพนังยาวขึ้นไปถงึ ปลายแหลมตะลุมพุก

กข

คง
รปู ที่ 68 (ก) ตัวอย่างตะกอนจากหลุมเจาะบริเวณบา้ นลึก (ข) ตะกอนดนิ เหนียวสีเทานา้ ตาล

(ค) จดุ ประของตะกอนขนาดดนิ เหนยี ว (Mottle) สนี ้าตาลแดง (ง) เศษซากเปลือกหอย

-79-

5.2.1.4 ดินเหนียวทะเล (Marine clay)

ตะกอนชดุ นี้ถกู ปดิ ทบั ด้วยตะกอนที่อ่อนกวา่ ได้แก่ ตะกอนทรายปัจจุบันและตะกอนที่
ราบน้าทว่ มถงึ โดยทวั่ ไปอยทู่ ่ีความลกึ ตัง้ แต่ 1 เมตร จากผิวดนิ ลักษณะของตะกอน เป็นดินเหนยี วสเี ทา
เขียว (Greenish grey) ในส่วนของช้นั ดินเหนยี วจะไม่พบส่ิงปะปนเลย แตใ่ นบางชว่ งจะพบตะกอนขนาด
ทรายแป้งเปน็ ช้ันบางๆแทรกอยู่ พบชัน้ ซากพืช (Peat) (รูปท่ี 69ข) และเศษเปลือกหอยแทรกสลับในบาง
ชว่ ง (รปู ที่ 69ค)



ขค

รูปท่ี 69 (ก) ตะกอนดนิ เหนียวทะเล (ข) ช้ันซากพืช (Peat) ที่พบแทรกในชั้นดนิ เหนียวทะเล
(ค) ชั้นเปลือกหอยท่พี บในตะกอนดนิ เหนยี วทะเล

-80-

5.2.2 การเก็บตวั อยา่ งตะกอนชายทะเล

จากการศึกษาสภาพแวดล้อมการสะสมตัวของตะกอนชายทะเลด้วยการเก็บตัวอย่าง
ตะกอนผิวดินชายหาด โดยแบ่งเป็น ตะกอนชายทะเลส่วนนอก ตะกอนชายทะเลส่วนในหน้าหาด ตะกอน
ชายทะเลส่วนในหลังหาด และตะกอนชายฝ่ัง (รูปท่ี 70 และ 71) ครอบคลุมพ้ืนท่ีชายฝั่งทะเลตาบลแหลม
ตะลมุ พุกและตาบลปากพนังฝง่ั ตะวนั ออก จานวน 221 ตัวอยา่ ง ผลการศกึ ษาตวั อยา่ งตะกอนชายทะเลมีดงั น้ี

32
41

รปู ท่ี 70 แบบจาลองแสดงขอบเขตแนวชายฝงทะเล (1) ตะกอนชายทะเลสว่ นนอก (2) ตะกอน
ชายทะเลส่วนในหนา้ หาด (3) ตะกอนชายทะเลสว่ นในหลังหาด (4) ตะกอนชายฝ่ัง
(คัดลอกจาก คณะอนุกรรมการจัดทาพจนานุกรมธรณวี ทิ ยา , 2530)

รปู ที่ 71 การเก็บตะกอนทรายชายฝ่ัง (1) ตะกอนชายทะเลส่วนนอก (2) ตะกอนชายทะเลส่วน
ในหน้าหาด (3) ตะกอนชายทะเลส่วนในหลังหาด (4) ตะกอนชายฝ่ัง

-81-

5.2.2.1 ตะกอนชายทะเลสว่ นนอก

ทรายส่วนใหญ่มีสีน้าตาลออน แร่องค์ประกอบหลักคือ แร่ควอตซ์ (มากกว่าร้อยละ 75)
ความกลมมนปานกลาง (Subrounded) และมีขนาดต้ังแต่ละเอียดถึงหยาบโดยเฉล่ียแล้วทรายมีขนาด
ปานกลาง (Medium grained size) การคดั ขนาดของตะกอนแตกต่างกันไปข้ึนกับตาแหน่งที่เก็บตัวอย่าง
โดยตะกอนมีการคัดขนาดดีถึงเลว (Poorly-well sorted) และพบเศษเปลือกหอยได้ท่ัวไปมีท้ังหอยท่ี
สมบรู ณเ์ ต็มตวั และเศษแตกหกั ในบริเวณปลายแหลมตะลมุ พกุ พบดนิ เหนยี วปะปนดว้ ย

5.2.2.2 ตะกอนชายทะเลสว่ นในหนา้ หาด

ทรายส่วนใหญ่มีสีน้าตาลออน แร่องค์ประกอบหลักคือ แร่ควอตซ์ (มากกว่าร้อยละ 95)
ความกลมมนดี (Rounded) และมีขนาดตั้งแต่ละเอียดถึงหยาบปานกลางโดยเฉล่ียแล้วทรายมีขนาด
ละเอียด (Fine grained size) การคัดขนาดของตะกอนแตกต่างกันไปขึ้นกับตาแหน่งที่เก็บตัวอย่าง โดย
ตะกอนมีการคดั ขนาดดี (Well sorted) และพบเศษเปลือกหอยไดท้ ่วั ไปแตป่ ริมาณน้อยและแตกหกั มาก

5.2.2.3 ตะกอนชายทะเลสว่ นในหลงั หาด

ทรายส่วนใหญ่มสี ีน้าตาลออน แรอ่ งค์ประกอบหลักคือ แร่ควอตซ์ (โดยเฉลี่ยร้อยละ 80-
95) ความกลมมนปานกลาง (subrounded) และมีขนาดต้ังแต่ละเอียดถึงหยาบปานกลางโดยเฉลี่ยแล้ว
ทรายมีขนาดปานกลาง (medium grained size) การคัดขนาดของตะกอนแตกต่างกันไปข้ึนกับตาแหน่ง
ที่เก็บตัวอย่าง โดยตะกอนมีการคัดขนาดดีถึงปานกลาง (moderately-well sorted) และพบเศษเปลือก
หอยได้ท่ัวไปปริมาณน้อยในบางบริเวณและบางบริเวณปริมาณมากถึงร้อยละ 40 หอยท่ีพบมีท้ังตัว
สมบูรณ์และแตกหกั

5.2.2.4 ตะกอนชายฝงั่

ลักษณะเป็นสันทราย วางตวั ตอ่ เนอื่ งเป็นแนวยาวขนานกบั แนวชายหาด ลักษณะตะกอน
ท่ีพบ มีแร่ควอตซ์เป็นองค์ประกอบหลัก และมีขนาดต้ังแต่ละเอียดถึงหยาบมาก (Fine-very coarse
grained) การคัดขนาดไม่ดีจนถึงดี (Pooly-well sorted) ความกลมมนปานกลางถึงดี (subangular –
rounded) พบเศษเปลือกหอยบ้าง บางบริเวณมีเศษซากพืชท่ีถูกกระบวนการย่อยสลายแล้วปะปนบ้าง
โดยทวั่ ไปมีต้นไมท้ ้ังขนาดเลก็ จนถงึ ไม้ยืนตน้ และหญ้าขึ้นปกคลุม

-82-

5.3 ธรณีวทิ ยากายภาพพน้ื ทะเล
5.3.1 ความลกึ นา้ และลกั ษณะภูมิประเทศพื้นทะเล

ระดบั น้าตามแนวเส้นสารวจมีความลึก -1 ถึง -7 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง โดยทาง
ตอนเหนือของพ้ืนที่สารวจจะตื้นกว่าทางด้านใต้ บริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ของพ้ืนที่สารวจมีความลาดชัน
ค่อนข้างสูง สังเกตเห็นแนวการเปล่ียนแปลงความลาดชันได้อย่างชัดเจน คือจากชายฝ่ังถึงระดับน้าลึก -4
เมตร มีความลาดชัน 1:150 และจากระดับน้าลึก -4 เมตร ถึง -7 เมตร มีความลาดชัน 1: 600 ส่วนบริเวณ
ชายฝั่งทางด้านเหนือของพ้ืนที่สารวจ มีความลดชันต่าว่าอย่างชัดเจน ประมาณ 1:1,000 ลักษณะพื้นผิว
ท้องทะเลโดยท่ัวไปคอ่ นขา้ งราบเรียบ (รปู ที่ 72-74)

5.3.2 ลักษณะตะกอนพน้ื ผิวท้องทะเล

จากการเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่างตะกอนพ้ืนผิวท้องทะเลจานวน 55 ตัวอย่าง ตาม
หลักการจาแนกชนิดตะกอนของ Folk (1980) พบว่าประกอบด้วย ตะกอนทรายปนทรายแป้งบริเวณใกล้
ชายฝั่ง ห่างจากชายฝ่ังโดยเฉลี่ยไม่เกิน 400 เมตร พบเนินทรายบนพื้นทะเล ขนาดกว้างประมาณ 400
เมตร สูงประมาณ 1.5 เมตร วางตัวเกือบขนานกับแนวชายฝั่งในบริเวณตอนกลางของพ้ืนท่ี (รูปท่ี 75)
ตะกอนโคลนทะเลปนทรายสะสมตัวอยู่บริเวณห่างจากชายฝั่งช่วงประมาณ 400-600 เมตร และตะกอน
โคลนทะเลสะสมตัวอยู่ห่างจากชายฝั่งออกไปมากกว่า 600 เมตร นอกจากน้ียังพบแนวสะสมตัวของ
เปลอื กหอยและเศษเปลือกหอย 1 แนว ในทิศทาง ขนานกบั ชายฝง่ั (รูปที่ 72)

รปู ที่ 72 ตัวอยา่ งตะกอนพน้ื ผวิ ท้องทะเล (ก) และ (ข) เปลอื กหอยและเศษเปลือกหอย (PPN032
และ PPN034) (ค) ประเภททรายปนทรายแป้ง (PPN 055) และ (ง) โคลนทะเล (PPN 003)

-83-

รปู ที่ 73 แผนทีแ่ สดงระดับความลึกนา้ และลกั ษณะภมู ิประเทศพ้ืนทะเลในพืน้ ทสี่ ารวจ
แหลมตะลุมพุก

บ้านชายทะเล
รปู ท่ี 74 แผนท่ีแสดงระดับความลึกนา้ และลกั ษณะภมู ิประเทศพื้นทะเลในพนื้ ทส่ี ารวจในแบบ 3 มิติ

-84-

รูปท่ี 75 แผนที่แสดงชนิดและการสะสมตัวของตะกอนพ้ืนทะเลในพื้นทีส่ ารวจ

5.3.3 ผลการวิเคราะหแ์ ละแปลความหมายขอ้ มูลธรณีฟิสกิ สท์ างทะเล

จากผลการวิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูลภาพหน้าตัดข้างคล่ืนไหวสะเทือนแบบ
สะท้อนกลับระดบั ตน้ื (Shallow seismic reflection profile) ความละเอยี ดสูง พบว่าลักษณะธรณีวิทยา
ชั้นตะกอนใต้พื้นท้องทะเลในพ้ืนที่สารวจ สามารถจาแนกออกเป็น 2 ชุดหลัก คือ ช้ันตะกอนชุดล่าง
(Lower sequence) และช้นั ตะกอนชดุ บน (Upper sequence) (ภาคผนวก ง)

1) ช้ันตะกอนชุดล่าง ตามแนวเส้นสารวจอยู่ลึกจากระดับน้าทะเลต้ังแต่ -3 ถึง -9 เมตร
พ้ืนผิวตอนบนของช้ันตะกอนชุดนี้ค่อนข้างราบเรียบ เน่ืองมาจากถูกน้าทะเลกัดเซาะในช่วงเวลาที่
ระดับน้าทะเลเพิม่ สูงข้ึนในสมัยโฮโลซีน (Ravinement surface) ชุดล่างส่วนใหญ่เป็นชั้นตะกอนที่สะสมตัว
โดยอิทธิพลของทางน้าบนบก ในสมัยไพลสโตซีนตอนปลาย เมื่อน้าทะเลลงลงต่าสุด จนท้องอ่าวไทยเป็น

-85-

แผ่นดินที่เชื่อมต่อกันกับแผ่นดินของหมู่เกาะชวา กะลิมันตัน ที่เรียกกันว่า “แผ่นดินชุนดา” (Sundaland)
ดังแสดงในรปู ที่ 6 ชัน้ ตะกอนชุดน้ปี ระกอบด้วยชั้นตะกอนกรวดทรายแทรกสลับกบั ชนั้ ดนิ เหนยี ว

2) ชั้นตะกอนชุดบน เป็นช้ันตะกอนท่ีสะสมตัวโดยอิทธิพลของน้าทะเลมาตั้งแต่สมัย
โฮโลซีน ตอนต้น (ประมาณ 10,000 ปี ก่อนปัจจุบัน) จนถึงปัจจุบัน มีความหนา 1-6 เมตร จะลีบบางลง
เม่ือห่างจากชายฝั่งออกไป ช้ันตะกอนชุดนี้ ประกอบด้วยช้ันตะกอนทรายชายฝั่ง และชั้นตะกอนโคลน
ทะเล/โคลนทะเลปนทราย ชั้นตะกอนทรายชายฝ่ังมีความหนา 0-1 เมตร มีลักษณะเป็นรูปลิ่ม ลีบบางลง
และหายไปเมอ่ื ห่างจากชายฝงั่ ประมาณ 400-500 เมตร (ภาคผนวก ง)

5.4 การเผยแพร่ข้อมูล

การเผยแพร่ขอ้ มลู การเปล่ียนแปลงชายฝง่ั ทะเลพนื้ ที่ ไดด้ าเนนิ การใน 3 รปู แบบ คอื

5.4.1 การสมั มนาระดมความคดิ เหน็

การประชุมสัมมนา เรื่อง “การเปล่ียนแปลงชายฝ่ังทะเลพ้ืนที่อาเภอปากพนัง จังหวัด
นครศรีธรรมราช” มีวัตถุประสงค์เพ่ือเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาให้กับหน่วยงานท่ี
เก่ียวข้อง นาไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ตลอดจนการ วางแผนการ
ใช้ประโยชน์ท่ีดินในอนาคต โดยมีเป้าหมายผู้เข้าร่วมการสัมมนาคร้ังนี้ จานวน 100 คน ประกอบด้วย
เจา้ หน้าทส่ี ว่ นกลาง เจา้ หนา้ ที่สว่ นท้องถิ่น และภาคประชาชน ซงึ่ ไดร้ บั การตอบรับอย่างดีจากทุกภาคส่วน
ท่มี ีส่วนเก่ยี วขอ้ งกับปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังทะเลในพนื้ ท่ีจังหวดั นครศรธี รรมราช

รปู ที่ 76 การประชุมสัมมนาระดมความคดิ เหน็ ณ โรงแรมเคซี รีสอรท์
อาเภอปากพนงั จังหวัดนครศรธี รรมราช

-86-

รปู ท่ี 77 การประชมุ สัมมนาระดมความคิดเห็น ณ โรงแรมเคซี รสี อรท์
อาเภอปากพนงั จังหวัดนครศรีธรรมราช

5.4.2 เผยแพร่ขอ้ มลู ผ่านระบบอินเทอร์เนต
เพอื่ ให้หน่วยงานที่เก่ียวข้อง และประชาชนทั่วไป มีความสะดวก รวดเร็วและง่ายต่อการ

เข้าถึงข้อมูลการเปล่ียนแปลงชายฝ่ังอาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช กรมทรัพยากรธรณี โดย
สานักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม จึงได้ดาเนินการเผยแพร่ข้อมูลที่เก่ียวข้องกับการศึกษา ได้แก่ แผนผังและ
รายละเอียดหมุดหลักฐานอ้างอิง แผนท่ีและข้อมูลสถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งในพื้นท่ีศึกษาโดย
สามารถดาวน์โหลดข้อมูลข้างต้นได้ท่ี http://www.dmr.go.th/more_news.php?cid=500 (รูปที่ 78)
จากนั้นเข้าไปที่หัวข้อ “ข้อมูลแผนที่หมุดหลักฐานและแผนที่สถานภาพการเปลี่ยแปลงชายฝั่งจังหวัด
อาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช”


Click to View FlipBook Version