-87-
รูปที่ 78 แสดงการเผยแพรข่ ้อมูลผลการศกึ ษาบนหน้าเว็บไซต์กรมทรัพยากรธรณี
5.4.3 เอกสารเผยแพร่และส่ือสิง่ พมิ พ์ตา่ งๆ
นอกจากการจัดประชุมสัมมนาระดมความคิดเห็นของทุกภาคส่วนแล้ว กรมทรัพยากรธรณี
ยังได้ดาเนนิ การเผยแพร่ขอ้ มลู สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งอาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ซ่ึงจัดทาออกมาในรูปแบบของรายงานผลการศึกษา โปสเตอร์วิชาการที่เก่ียวข้องกับการศึกษา แผ่นพับ
หนังสือให้ความรู้เกี่ยวกับชายฝ่ังทะเลไทย เช่น หนังสือวิกฤตการณ์ชายฝั่งทะเลไทย หนังสือธรณีสัณฐาน
ชายฝัง่ ไทย หนังสือการกัดเซาะชายฝง่ั ทะเลไทย เปน็ ตน้
-88-
6.สรปุ และขอ้ เสนอแนะ
6.1 สรปุ
6.1.1 การเปลยี่ นแปลงชายฝง่ั ในแนวราบ
จากผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังทะเลอ่าวไทยในพื้นที่ตาบล
แหลมตะลุมพุกและตาบลปากพนังฝั่งตะวันออก อาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช สามารถ
ประเมนิ สถานภาพ ได้ดงั นี้
6.1.1.1 สถานภาพการเปลยี่ นแปลงชายฝ่งั ในชว่ ง 5 ปี
จากผลการวิเคราะห์สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝ่ัง ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2545 -
2550 พบว่าสถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝ่ังในช่วง 5 ปี บริเวณพื้นท่ีอาเภอปากพนัง จังหวัด
นครศรีธรรมราช ชายฝงทะเลท่ีสามารถทาการประเมินการเปลี่ยนแปลงไดในครั้งน้ีคิดเปนระยะทางทั้งสิ้น
เป็นระยะทางรวม 27.37 กิโลเมตร ตามแนวชายฝงท้ังหมด 449,440.90 ตารางเมตร (280.90 ไร) ซ่ึง
สามารถจาแนกลักษณะการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ พื้นที่กัดเซาะ พื้นท่ีคงสภาพ
และพน้ื ที่สะสมตวั โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี
1. พ้ืนที่กัดเซาะ ในพื้นที่ศึกษาแบ่งการกัดเซาะออกเป็น 2 ระดับ ดังนี้ พื้นที่กัดเซาะกัด
เซาะรนุ แรง ครอบคลมุ พ้นื ท่ีท้ังหมดประมาณ 81,600 ตารางเมตร คิดเป็น 51.0 ไร่ รวมระยะทางกัดเซาะ
รุนแรงทั้งหมด 3.70 กิโลเมตร (ร้อยละ 13.48 ของระยะทางทั้งหมด) กัดเซาะเข้ามากที่สุด 12 เมตร
ได้แก่ ทิศเหนือหาดบ้านปลายทราย ทิศเหนือหาดบ้านชายทะเล และพ้ืนท่ีกัดเซาะกัดเซาะปานกลาง
ครอบคลุมพ้ืนท่ีท้ังหมดประมาณ 115,500 ตารางเมตร คิดเป็น 272 ไร่ รวมระยะทางกัดเซาะปานกลาง
ท้งั หมด 11 กโิ ลเมตร (ร้อยละ 39.82 ของระยะทางท้ังหมด) กัดเซาะเข้ามากท่ีสุด 4.77 เมตร ได้แก่ หาด
บา้ นปลายทราย ทิศเหนอื หาดบา้ นชายทะเล
2. พ้ืนท่ีสะสมตัว ครอบคลุมพื้นท่ีท้ังหมดประมาณ 226,900 ตารางเมตร คิดเป็น 142
ไร่ รวมระยะทางสะสมตัวท้ังหมด 5.55 กิโลเมตร (ร้อยละ 20.28 ของระยะทางท้ังหมด) สะสมตัวออกไป
มากทส่ี ดุ 33 เมตร ได้แก่ หาดปลายแหลมตะลุมพุก บา้ นปลายทราย ด้านเหนือบา้ นแหลมตะลมุ พุก
3. พ้ืนที่คงสภาพ ครอบคลุมพ้ืนท่ีท้ังหมดประมาณ 25,400 ตารางเมตร คิดเป็น 16 ไร่
รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตร (ร้อยละ 26.42 ของระยะทางท้ังหมด) ได้แก่ หาดบ้านปลาย
ทราย ทิศเหนอื หาดบ้านเนนิ นา้ หัก ทศิ ใต้บา้ นชายทะเล หาดบา้ นหวั ถนนชายทะเล
6.1.1.2 สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่งั ในช่วง 7 ปี
จากผลการวิเคราะห์สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝ่ัง ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2550 -
2557 พบว่าสถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังในช่วง 7 ปี บริเวณพื้นที่อาเภอปากพนัง จังหวัด
นครศรีธรรมราช ชายฝงทะเลท่สี ามารถทาการประเมนิ การเปลี่ยนแปลงไดในครั้งนี้คิดเปนระยะทางทั้งสิ้น
เป็นระยะทางรวม 26.82 กิโลเมตร ตามแนวชายฝงทั้งหมด 446,908.45 ตารางเมตร (279.32 ไร) ซ่ึง
สามารถจาแนกลักษณะการเปล่ียนแปลงชายฝั่งออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ พ้ืนท่ีกัดเซาะ พื้นที่คงสภาพ
และพ้ืนทส่ี ะสมตวั โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี
-89-
1. พื้นที่กัดเซาะ ในพ้ืนที่ศึกษาแบ่งการกัดเซาะออกเป็น 2 ระดับ ดังนี้ พื้นที่กัดเซาะกัด
เซาะรุนแรง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 54,700 ตารางเมตร คิดเป็น 34ไร่ รวมระยะทางกัดเซาะ
รนุ แรงทั้งหมด 1.29 กโิ ลเมตร (รอ้ ยละ 4.8 ของระยะทางทง้ั หมด) กัดเซาะเข้ามากท่ีสุด 8.29 เมตร ได้แก่
ด้านใต้บ้านหัวถนนชายทะเล และพ้ืนท่ีกัดเซาะกัดเซาะปานกลาง ครอบคลุมพ้ืนที่ท้ังหมดประมาณ
141,800 ตารางเมตร คิดเป็น 89 ไร่ รวมระยะทางกัดเซาะปานกลางท้ังหมด 9.55 กิโลเมตร (ร้อยละ
35.55 ของระยะทางท้ังหมด) กัดเซาะเข้ามากท่ีสุด 4.37 เมตร ได้แก่ หาดบ้านปลายทราย บ้านแหลม
ตะลมุ พกุ ทศิ เหนือหาดบา้ นชายทะเล
2. พื้นท่ีสะสมตัว ครอบคลุมพ้ืนท่ีทั้งหมดประมาณ 208,900 ตารางเมตร คิดเป็น 130
ไร่ รวมระยะทางสะสมตัวท้ังหมด 6.51 กิโลเมตร (ร้อยละ 24.24 ของระยะทางท้ังหมด) สะสมตัวออกไป
มากทีส่ ดุ 14.28 เมตร ไดแ้ ก่ หาดปลายแหลมตะลมุ พกุ บ้านปลายทราย
3. พื้นท่ีคงสภาพ (กัดเซาะหรือสะสมตัวน้อยกว่า 1 เมตรต่อปี) ครอบคลุมพื้นที่ท้ังหมด
41,500 ตารางเมตร คิดเป็น 26 ไร่ รวมระยะทางทั้งหมด 9.50 กิโลเมตร (ร้อยละ 35.41 ของระยะทาง
ทง้ั หมด) ได้แก่ หาดบ้านเนินน้าหัก บ้านชายทะเล ทิศเหนือหาดบา้ นหวั ถนนชายทะเล
6.1.1.3 การการเปรยี บเทยี บแนวเส้นชายฝงั่ ในช่วงคาบ 12 ปี
วิเคราะห์สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเล โดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ทา
การเปรียบเทียบแนวเส้นชายฝั่ง ท่ีได้จากการแปลความหมายจากภาพถ่ายทางอากาศออร์โธสี ปี พ.ศ.
2545 กับข้อมูลสารวจภาคสนามด้วยเครื่องมือ DGPS ปี พ.ศ. 2557 ครอบคลุมระยะทางทั้งส้ิน 27
กโิ ลเมตร รายละเอียดผลการวเิ คราะห์ ดังน้ี
1) พื้นท่ีกัดเซาะ แบ่งออกเป็น 1 ระดับ คือ กัดเซาะปานกลาง ดังนี้ ครอบคลุมพื้นที่
ทัง้ หมด 310,000 ตารางเมตร คิดเป็น 194 ไร่ รวมระยะทางกัดเซาะปานกลางทั้งหมด 13.5 กิโลเมตร คิด
เป็นรอ้ ยละ 50.26 ของระยะทางทัง้ หมด กัดเซาะเขา้ มากทส่ี ดุ 2.6 เมตร คือ หาดบ้านเนินน้าหัก หาดบ้าน
ปลายทราย ทศิ เหนอื หาดบา้ นชายทะเล
2) พ้ืนที่สะสมตัว ครอบคลุมพ้ืนที่ทั้งหมด 348,400 ตารางเมตร คิดเป็น 218 ไร่ รวม
ระยะทางสะสมตัวท้ังหมด 5.63 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 20.96 ของระยะทางทั้งหมด สะสมตัวออกไป
มากทส่ี ุด 4.06 เมตร ไดแ้ ก่ หาดบา้ นปลายทราย
3) พ้ืนที่คงสภาพ พบชายฝงคงสภาพกระจายตัวอยูเปนพ้ืนที่เลก็ ๆตลอดแนวชายฝงทะเล
รวมระยะทางคงสภาพทั้งหมด 7.70 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 28.78 ของระยะทางทั้งหมด ได้แก่ หาด
ระหว่างบ้านหัวถนนชายทะเลและบ้านชายทะเล หาดบ้านเนินน้าหัก และบานปลายทราย ชายฝงคง
สภาพสวนใหญเป็นชายฝงทีอ่ ย่รู ะหวา่ งชายฝั่งท่ีมีการกัดเซาะปานกลางและบริเวณชายฝงที่มีการกอสราง
โครงสรางปองกันชายฝง่ั ได้แก่ กองหินท้ิง
6.1.1.4 การเปรียบเทียบแนวเส้นชายฝ่งั ระหว่างช่วงฤดูกาล
วิเคราะห์สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝ่ังทะเล โดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ทา
การเปรียบเทียบแนวเส้นชายฝ่ัง ท่ีได้จากการสารวจภาคสนามด้วยวิธี DGPS ช่วงเดือนมกราคม 2557
และ มิถุนายน 2557 ครอบคลมุ ระยะทางท้ังสิ้น 26.76 กิโลเมตร (เปรียบเทียบการกัดเซาะชายฝ่ังช่วงฤดู
ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งได้รับอิทธิพลเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม กับหลังฤดูมรสุมดังกล่าว)
รายละเอยี ดผลการวิเคราะห์ ดงั นี้
-90-
1) พ้ืนท่ีกัดเซาะ แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ กัดเซาะรุนแรงและกัดเซาะปานกลาง ดังน้ี
กัดเซาะรุนแรง ครอบคลุมพ้ืนท่ีทั้งหมด 902 ตารางเมตร คิดเป็น 0.56 ไร่ รวมระยะทางกัดเซาะรุนแรง
ท้ังหมด 0.17 กิโลเมตร (ร้อยละ 0.62 ของระยะทางทง้ั หมด) กัดเซาะเข้ามากที่สุด 7.98 เมตร ได้แก่ หาด
ปลายแหลมตะลุมพุก ทิศเหนือบ้านปลายทราย และพื้นที่กัดเซาะปานกลาง ครอบคลุมพื้นท่ีทั้งหมด
ประมาณ 3,750 ตารางเมตร คิดเป็น 2.34 ไร่ รวมระยะทางกัดเซาะปานกลางทั้งหมด 1.44 กิโลเมตร
(ร้อยละ 5.38 ของระยะทางท้ังหมด) กัดเซาะเข้ามากท่ีสุด 5 เมตร ได้แก่ หาดบ้านแหลมตะลุมพุก บ้าน
เนนิ นา้ หัก ทิศเหนอื สะพานปลา บ้านหวั ถนนชายทะเล
2) พ้ืนที่สะสมตัว ครอบคลุมพ้ืนท่ีทั้งหมดประมาณ 272,000 ตารางเมตร คิดเป็น 170
ไร่ รวมระยะทางสะสมตัวท้ังหมด 22 กิโลเมตร (ร้อยละ 82.53 ของระยะทางทั้งหมด) สะสมตัวออกไป
มากทส่ี ุด 80.14 เมตร ไดแ้ ก่ หาดปลายแหลมตะลมุ พุก บ้านปลายทราย บ้านแหลมตะลุมพุก บ้านเนินน้า
หกั บา้ นชายทะเล
3) พน้ื ทค่ี งสภาพ ครอบคลมุ พน้ื ที่ท้ังหมดประมาณ 3,715 ตารางเมตร คิดเป็น 2 ไร่ รวม
ระยะทางสะสมตัวทง้ั หมด 3 กิโลเมตร (รอ้ ยละ 11.47 ของระยะทางทงั้ หมด) ได้แก่ บ้านหวั ถนนชายทะเล
ด้านทศิ เหนือ บ้านแหลมตะลมุ พกุ
6.1.2 การเปลีย่ นแปลงชายฝงั่ ในแนวด่งิ
นอกจากนี้กรมทรัพยากรธรณียังได้ดาเนินการติดตาม ตรวจสอบ พฤติกรรมการ
เปลี่ยนแปลงของชายหาดในระหว่างฤดูกาล โดยการสารวจรังวัดชายหาดด้วยดาวเทียม จีพีเอส แบบ
สัมพัทธ์ ใน 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงฤดูมรสุมเดือนมกราคม 2557 และหลังฤดูมรสุมเดือนมิถุนายน 2557
พบว่าลกั ษณะธรณสี ณั ฐานชายหาดในพน้ื ท่ศี กึ ษา ระยะทางตามแนวชายฝั่งทะเลประมาณ 27 กิโลเมตร มี
การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล เนื่องจากอิทธิพลของลักษณะอุกทกศาสตร์ชายฝ่ังท่ีแตกต่างกัน เช่น คลื่น
ลม กระแสน้าข้ึนน้าลงกล่าวคือ สัณฐานหน้าหาดช่วงฤดูมรสุมมีลักษณะแคบและชัน ตะกอนทรายจะถูก
พัดพาออกไป และตะกอนทรายจะกลับมาสะสมตัวในหลังฤดูมรสุม ทาให้หน้าหาดกว้างขึ้นและมีความ
ลาดชันลดลง
6.1.3 ตะกอนชายฝั่งทะเล
การศึกษาธรณีสัณฐานชายฝ่ังทะเลและลักษณะตะกอนชายฝั่งทะเล ทาการศึกษาโดย
วิธีการเจาะสารวจระดับต้ืนและการเก็บตัวอย่างตะกอนชายทะเล ธรณีสัณฐานชายฝั่งทะเลท่ีได้
ทาการศึกษาครอบคลุมทั้งส้ิน 4 หน่วย ประกอบด้วย หาดทรายปัจจุบัน ที่ราบน้าข้ึนถึงเดิม ที่ราบน้าขึ้น
ถึงปัจจุบัน และดินเหนยี วทะเล โดยลกั ษณะการวางตัวของธรณสี ัณฐานในพนื้ ทศ่ี ึกษา บ่งช้ีถึงการตกสะสม
ตัวของตะกอนในสภาพแวดล้อมท่ีมีการรุกและถอยร่นของระดับน้าทะเลในอดีตจนถึงปัจจุบัน ลักษณะ
ตะกอนชายทะเลบรเิ วณหาดทรายปัจจุบัน เป็นตะกอนทรายท่ีมแี รค่ วอตซ์เปน็ องค์ประกอบหลัก (มากกว่า
ร้อยละ 95) การคดั ขนาดดี และมคี วามมนสูง มักพบเศษเปลอื กหอยปะปน
6.1.4 การสารวจธรณีวิทยากายภาพพ้นื ทะเล
ผลการสารวจทาแผนท่ีธรณีวิทยากายภาพพื้นทะเลใกล้ชายฝ่ัง อาเภอปากพนัง จังหวัด
นครศรธี รรมราช ครอบคลมุ พ้ืนทีป่ ระมาณ 100 ตารางกโิ ลเมตร ด้วยวิธีหย่ังน้าลึก บันทึกภาพหน้าตัดข้าง
คลื่นไหวสะเทือนแบบสะท้อนกลับระดับตื้นความละเอียดสูง และเก็บตัวอย่างตะกอนพื้นผิวท้องทะเล
พบว่า ระดับน้าตามแนวเส้นสารวจมีความลึก -1 ถึง -7 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง โดยทางตอน
-91-
เหนือของพื้นที่สารวจจะตื้นกว่าทางด้านใต้ บริเวณชายฝ่ังทางตอนใต้ของพื้นที่สารวจมีความลาดชัน
คอ่ นขา้ งสูง สังเกตเห็นแนวการเปลี่ยนแปลงความลาดชันได้อย่างชัดเจน คือจากชายฝ่ังถึงระดับน้าลึก -4
เมตร มีความลาดชัน 1:150 และจากระดับน้าลึก -4 เมตร ถึง -7 เมตร มีความลาดชัน 1: 600 ส่วน
บริเวณชายฝ่ังทางด้านเหนือของพ้ืนที่สารวจ มีความลดชันต่าว่าอย่างชัดเจน ประมาณ 1:1,000 ลักษณะ
พื้นผิวท้องทะเลโดยท่ัวไปค่อนข้างราบเรียบ ตัวอย่างตะกอนพื้นผิวท้องทะเลประกอบด้วย ตะกอนทราย
ปนทรายแป้งบริเวณใกล้ชายฝ่ัง ห่างจากชายฝั่งโดยเฉล่ียไม่เกิน 400 เมตร พบเนินทรายบนพ้ืนทะเล
ขนาดกว้างประมาณ 400 เมตร สูงประมาณ 1.5 เมตร วางตัวเกือบขนานกับแนวชายฝ่ังในบริเวณ
ตอนกลางของพื้นที่ ตะกอนโคลนทะเลปนทรายสะสมตัวอยู่บริเวณห่างจากชายฝ่ังช่วงประมาณ 400-600
เมตร และตะกอนโคลนทะเลสะสมตัวอยู่ห่างจากชายฝั่งออกไปมากกว่า 600 เมตร นอกจากนี้ยังพบแนว
สะสมตัวของเปลอื กหอยและเศษเปลอื กหอย 1 แนว ในทิศทาง ขนานกับชายฝง่ั
ลักษณะธรณีวิทยาช้ันตะกอนใต้พื้นท้องทะเลในพื้นท่ีสารวจ สามารถจาแนกออกเป็น 2
ชุด คอื ช้ันตะกอนชุดล่าง และช้ันตะกอนชุดบน ช้ันตะกอนชุดล่างเป็นช้ันตะกอนที่สะสมตัวในสมัยไพลส
โตซีน ในสภาพแวดลอ้ มแบบบนบก ชัน้ ตะกอนชุดบนเปน็ ชัน้ ตะกอนที่สะสมตัวในสมัยโฮโลซีนโดยอิทธิพล
การรกุ ล้าของนา้ ทะเล ตัง้ แตป่ ระมาณ 10,000 ปที ่ผี า่ นมา มคี วามหนาตง้ั แต่ 1-6 เมตร
6.2 ปัญหาและอุปสรรค
ในการสารวจ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังทะเลคร้ังนี้ สามารถดาเนินการได้ในพ้ืนท่ี
จากัด คือบริเวณชายทะเลสว่ นใน ชายหาดบนบก และชายทะเลใกล้ฝั่งบางส่วนโดยสามารถเดินสารวจลง
ไปในทะเลได้ที่ระดับความลึกของน้าทะเลไม่เกิน 1 เมตร ทั้งนี้เน่ืองจากข้อจากัดในเรื่องของ
สภาพแวดล้อม เช่น สภาพคลนื่ ลมแรงในบางฤดกู าลเปน็ อปุ สรรคต่อการสารวจ นอกจากน้ีสภาพแวดล้อม
ยังมีผลต่อการเดินสารวจรังวัดดาวเทียม จีพีเอส ด้วยวิธีการหาตาแห น่งแบบสัมพัทธ์ กล่าวคือ
สภาพแวดล้อมมีผลต่อการรับสัญญาณดาวเทียม และสัญญาณวิทยุของเคร่ืองหาตาแหน่งพิกัด เช่น
บรเิ วณท่ีปา่ ไมห้ นาทึบจะไม่สามารถรบั สัญญาณได้ เป็นตน้
ในส่วนของการศึกษาลักษณะธรณีสัณฐานชายฝั่งทะเล ซ่ึงทาการเจาะสารวจตะกอน
ระดบั ตน้ื ในพ้ืนทศ่ี กึ ษา ทค่ี วามลึก 3 - 7 เมตร ในการเจาะสารวจตัวอย่างตะกอนร่วนซ่ึงต้องมีความรัดกุม
ในการเก็บตัวอย่างตะกอนอาจเกิดการหลุดร่วงหายไปของตัวอย่าง ทาให้ไม่สามารถได้ตัวอย่างตามความ
ลึกท่ีต้องการ ส่งผลถึงการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวอย่างตะกอนในบริเวณน้ันๆ และเน่ืองจากการ
ขยายตัวของพน้ื ท่ีชมุ ชุนทาใหพ้ น้ื ทศี่ กึ ษาสว่ นใหญเ่ ปน็ พ้ืนที่ท่ีมีกรรมสิทธ์ิ การเลือกจุดเจาะสารวจจึงจากัด
พน้ื ท่ีลงมากขึ้น
นอกจากนี้การสารวจธรณีวิทยากายภาพพื้นทะเล อาจมีการรบกวนคลื่นสัญญาณจาก
แหลง่ ที่มาอืน่ เชน่ เรอื ประมงที่เดินเรืออยู่บริเวณใกล้เคียง อีกทั้งคลื่นลมในทะเลที่มีความแปรปรวน ยาก
ต่อการคาดเดากเ็ ปน็ อปุ สรรคอีกอยา่ งหนึ่งในการสารวจคร้งั นี้
ข้อมูลท่ีได้จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งคร้ังนี้ จึงเป็นข้อมูลท่ีสะท้อนการ
เปล่ียนแปลงชายฝั่งเพียงบางส่วนของระบบสมดุลย์ชายฝั่ง ในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเล
เพื่อใหไ้ ด้ข้อมลู ครอบคลุมทั้งระบบสมดุลย์ชายฝั่งที่สะท้อนภาพการเปล่ียนแปลงชายฝ่ังทะเลอย่างแท้จริง
ควรมีการสารวจให้ครอบคลุมทั้งระบบสมดุลย์ชายฝ่ัง คือ ครอบคลุมบริเวณชายฝ่ัง ชายทะเลส่วนใน
ชายทะเลส่วนนอก และชายทะเลใกล้ฝ่ัง รวมท้ังประยุกต์ใช้วิธีการสารวจต่างๆ ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม
-92-
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงธรณีสัณฐานชายฝั่งทะเลมีลักษณะเป็นพลวัตร คือมีการเปล่ียนแปลงอยู่
ตลอดเวลา การศึกษาเพ่ือให้เกิดความเข้าใจถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงธรณีสัณฐานชายฝั่งจาเป็นต้องมี
การติดตามการเปล่ียนแปลงชายฝั่งอย่างเป็นระบบ และต่อเน่ืองในระยะยาว เพ่ือได้ข้อมูลที่สามารถ
สะท้อนภาพการเปล่ียนแปลงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถนาไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน ในการจัดการพื้นท่ี
ชายฝงั่ ทะเลของไทยได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพตอ่ ไปในอนาคต
6.3 ข้อเสนอแนะ
การกัดเซาะชายฝงในบริเวณน้ี ครอบคลุมพ้ืนที่ชายฝงเปนระยะทางยาวตลอด ตั้งแต
ปลายแหลมตะลมุ พกุ ไปจนถึงบานหัวถนนชายทะเล จากผลการศกึ ษาจะเหน็ ไดว้ ่าในบริเวณนี้เกิดจากการ
ขาดความสมดลุ ของมวลทรายชายฝงทาให้เกิดการกัดเซาะในบางบริเวณ สาเหตุเนื่องจากปริมาณตะกอน
ทรายจากแผนดินถูกพัดพามาตามคลองตางๆ เพื่อเติมทรายท่ีชายหาดมีปริมาณนอยลง ทาใหสัณฐาน
ชายฝงเปลี่ยนแปลงไป โดยการเปล่ียนแปลงน้ีใชระยะเวลานาน ตอมาเมื่อการใชประโยชนท่ีดินมีการ
เปล่ียนแปลงไป ทาใหปาชายเลนลดลง มีการทานากุงเปนจานวนมาก กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพ
ชายฝงอยางรวดเร็วมากขนึ้
การปองกนั และรักษาชายฝงบริเวณนี้ ควรดาเนินการและพจิ ารณาอยางเปนระบบตลอด
พ้ืนที่ ทางดานใตของแหลมตะลุมพุก กรมการขนสงทางน้าและพาณิชยนาวี มีโครงการศึกษาสารวจและ
ออกแบบเพือ่ แกปญหาการกัดเซาะชายฝงทะเล บริเวณบานหนาโกฏิ ถึงบานหนาสตน และบานหนาโกฏิ
ถึงบานเนินน้าหัก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ยาวประมาณ 24 กิโลเมตร ปจจุบันอยูในระหวางการ
ออกแบบ โครงสรางสลายพลังงานคลื่น เปนลักษณะกองหินปองกันคล่ืนนอกฝงสรางตอกันเปนแนวยาว
(สถาบนั วจิ ัยและให้คาปรึกษาแห่งมหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, 2549) การกอ่ สร้างโครงสรางดังกลาวอาจทา
ใหเกดิ ผลกระทบ และเพ่ิมอัตราการกดั เซาะบริเวณแหลมตะลมุ พกุ มากข้ึน ดังนั้นจึงควรขยายพ้ืนที่ปองกัน
ชายฝงและใชวิธีปองกันชายฝงวิธีเดียวกันใหครอบคลุมบานแหลมตะลุมพุกตลอดจนบ้านปลายทรายซ่ึง
เปนชายหาดชมุ ชนดวย
ทั้งนี้ การฟื้นฟู ป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังทะเลจึงต้องคานึงถึ ง
ผลกระทบท้ังในระยะสั้นและในระยะยาว จาเป็นต้องมีการวิเคราะห์ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ สังคม
และส่ิงแวดล้อมด้วย โดยนาปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ มาวิเคราะห์ ในการวิเคราะห์ต้องดูท่ีค่าใช้จ่ายในการ
ป้องกัน ผลที่จะได้รับจากเงินทุนท่ีได้ลงไป ผลกระทบต่อชุมชนในพ้ืนท่ีและใกล้เคียง และผลกระทบต่อ
สภาพแวดล้อมชายฝ่งั ทะเลของประเทศไทยมีการลงทุนในส่วนที่เป็นการฟ้ืนฟู ป้องกันและแก้ไขปัญหาใน
พ้นื ทท่ี ี่มกี ารกดั เซาะชายฝงั่ ดว้ ยรูปแบบต่างๆ กัน ท้ังท่ีดาเนินการโดยหน่วยงานราชการ องค์การปกครอง
ส่วนท้องถิ่นและเจ้าของที่ดินเอง ทั้งท่ีดาเนินการถูกตามหลักวิชาการและดาเนินการตามกาลังทรัพย์และ
รูปแบบที่ตนพอใจ ซึ่งบางบริเวณส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝ่ังข้างเคียง ทาให้ชายฝั่งขาดความสวยงามไม่
เรยี บร้อย อาจกอ่ ผลกระทบทัง้ ทางกายภาพและสภาพแวดล้อมต่อพื้นท่ีข้างเคียง เน่ืองจากชายฝั่งทะเลอยู่
ภายใต้กระบวนการท่ีมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การวางแผนฟ้ืนฟู ป้องกันและแก้ไขปัญหา
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งส่งผลกระทบมากกว่า
การสะสมตัว โดยทวั่ ไปตามทีพ่ บเห็นกนั จะอยใู่ น 4 แนวทาง (สนิ สนิ สกุล และคณะ, 2545) คอื
(1) การสร้างส่ิงป้องกนั
(2) การปรบั สภาพ/หรือการยอมรบั สภาพตามความเหมาะสม
(3) การอพยพโยกยา้ ย และ
(4) การจัดการ
-93-
เอกสารอ้างอิง
กรมทรัพยากรธรณี , 2547, แผนที่ธรณีวิทยาจังหวัดนครศรีธรรมราช , สานักธรณีวิทยา : กรมทรัพยากร
ธรณี , เผยแพรใน www.dmr.go.th
กรมทรัพยากรธรณี, 2550, ธรณีวิทยาประเทศไทย, พิมพ์คร้ังที่ 2 ฉบับปรับปรุง, กรุงเทพฯ: กรม
ทรพั ยากรธรณ,ี 628 หน้า.
ศิรประภา ชาติประเสริฐ, 2551, การเปล่ียนแปลงชายฝั่งทะเลลุ่มน้าปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช,
พมิ พค์ รง้ั ท่ี 1, กรงุ เทพฯ: กรมทรัพยากรธรณ,ี 73 หน้า.
ศูนย์ภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา. (2557). สถิติภูมิอากาศ. ค้นเม่ือ 21 กรกฎาคม 2557,จาก
http://climate.tmd.go.th/Page30002_Climate_Monitoring.aspx
สิน สินสกุล, สุวัตน์ ติยะไพรัช, นิรันดร์ ชัยมณี และบรรเจิด อร่ามประยูร, 2545, การเปลี่ยนแปลงพ้ืนที่
ชายฝัง่ ทะเลดา้ นอ่าวไทย, พิมพ์ครัง้ ที่ 1, กรุงเทพฯ: กรมทรัพยากรธรณี, 173 หน้า.
สถาบนั วิจัยและใหค้ าปรึกษาแห่งมหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, 2549, โครงการสารวจและศึกษาการกัดเซาะ
ชายฝ่ังทะเลบริเวณอ่าวไทยและอันดามัน (จังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา),
รายงานฉบบั สมบูรณ์เสนอตอ่ กรมทรพั ยากรธรณี กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม
Thieler, E.R., Himmelstoss, E.A., Zichichi, J.L., and Miller, T.L., 2005, Digital Shoreline
Analysis System (DSAS) version 3.0: An ArcGIS extension for calculating shoreline
change: U.S. Geological Survey Open-File Report 2005-1304