แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 1
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1 รหสั วชิ า ว21101
ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 สารรอบตวั เรอื่ ง สมบตั ขิ องสาร เวลา 1 คาบ
ผ้สู อน นางสาวเจตนา บวั รสศักด์ิ โรงเรียนเทศบาลเมืองสุโขทัย
สอนวันท่ี.........เดอื น......................พ.ศ. ............ (ม.1/1)
สอนวนั ท.ี่ ........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/2)
1. มาตรฐานการเรียนรู้
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคหลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร
การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี
2. ตัวชี้วดั
ว 2.1 ม.1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค และการ
เคลือ่ นที่ของอนุภาคของสสารชนดิ เดียวกนั ในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส๊ โดยใช้แบบจำลอง
3. สาระสำคญั
สารที่อยู่รอบตัวเราล้วนมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน สารบางชนิดสามารถสังเกตได้จากลักษณะ
ภายนอกของสารได้ เช่น สี สถานะ เป็นต้น ซึ่งเป็นสมบัติทางกายภาพของสาร แต่สมบัติบางชนิดของสารเกิด
จากการทำปฏิกิริยาเคมี ทำให้เกิดสารใหม่ที่มีองค์ประกอบแตกต่างไปจากเดิม เช่น การเผาไหม้ การเกิดสนิม
เปน็ ต้น ซงึ่ เป็นสมบัติทางเคมีของสาร การระบุวา่ สารแต่ละชนิดเปน็ สารประเภทใดจำเป็นตอ้ งใชส้ มบัตขิ องสาร
มาวเิ คราะห์ เชน่ การใช้สถานะ การใช้เนอื้ สาร และการใช้ขนาดของอนภุ าคมาเปน็ เกณฑ์ในการจำแนกสาร
4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. นกั เรยี นสามารถอธิบายสมบัตทิ างกายภาพและสมบัตทิ างเคมีได้
2. นกั เรยี นสามารถจำแนกสมบตั ทิ างกายภาพและสมบตั ทิ างเคมีได้
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
3. นักเรียนสามารถใชอ้ ปุ กรณใ์ นการศกึ ษาสมบตั ิของสารได้อยา่ งถกู ต้อง
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
4. นกั เรยี นมีความรับผดิ ชอบตอ่ หน้าท่แี ละงานที่ได้รับมอบหมาย
5. สาระการเรียนรู้
- สมบัติของสาร
6. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน
8. ข้ันการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5 Es) ซึ่งกำหนดลำดับข้ัน
กจิ กรรม ดงั นี้
ขัน้ ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement) (5 นาที)
1.1 นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
1.2 นกั เรียนร่วมกนั ตอบคำถาม ดงั น้ี
- นกั เรียนเคยไดย้ ินคำวา่ สสาร หรือไม่ สสาร แตกต่างจาก สาร อยา่ งไร
(แนวคำตอบ สสาร คือ สิ่งที่มีมวล ต้องการที่อยู่ และสามารถสัมผัสได้ ส่วนสาร คือ สสารที่ศึกษา
คน้ คว้าจนทราบสมบตั ิและองค์ประกอบที่แน่นอน)
- สารที่อยรู่ อบตวั เรามคี วามแตกตา่ งกันอย่างไร
(แนวคำตอบ สารที่อยู่รอบตวั เราบางชนิดมสี มบตั ิทางกายภาพบางประการทเ่ี หมือนและแตกต่างกัน
เช่น สถานะ การนำความร้อน การนำไฟฟ้า เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามสารแต่ละชนิดย่อมลักษณะเฉพาะของ
สารแตล่ ะชนดิ น้นั ๆ เช่น สภาพการละลาย จุดเดอื ด จุดหลอมเหลว ความหนาแน่นของสาร เปน็ ต้น)
ขน้ั ที่ 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration) (15 นาท)ี
2.1 ครถู ามคำถาม prior knowledge กระตนุ้ ความคิดของนกั เรียน ดังน้ี
- สมบตั ิใดบ้างท่ใี ชจ้ ำแนกประเภทของสาร
(แนวคำตอบ การละลาย ความแข็ง สถานะ ลักษณะของผลึก จุดเดือด จุดหลอมเหลว ความเป็น
กรดเบส)
2.2 นักเรียนแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 5 กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุม่ ศกึ ษา เรอ่ื ง สมบัติของสาร จากหนังสือเรยี น
วทิ ยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 (หน้าที่ 3)
2.3 นักเรียนสังเกตนำ้ ส้มสายชใู ส่ลงในบกี เกอร์ A และน้ำใสล่ งในบีกเกอร์ B และตอบคำถามตอ่ ไปนี้
- นักเรียนคิดว่าสารในบกี เกอร์ A และ B เป็นสารชนิดเดียวกนั หรอื ไม่
(แนวคำตอบ พจิ ารณาคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของครูผ้สู อน)
2.4 นกั เรยี นตรวจสอบสารในบีกเกอร์ A และ B แล้วถามคำถามนักเรยี น ดงั น้ี
- สาร A และ B ทนี่ ักเรียนตรวจสอบ มลี ักษณะอยา่ งไร
(แนวคำตอบ สาร A และ B เป็นของเหลว ไม่มสี ี แต่สาร A มกี ลน่ิ ฉุน เม่ือทดสอบด้วยกระดาษลติ มัส
พบว่าสาร A มฤี ทธ์เิ ป็นกรด ส่วนสาร B ไม่เปล่ียนสีกระดาษลติ มัส)
- นักเรยี นคิดว่าลกั ษณะใดเป็นสมบตั ิทางกายภาพ
(แนวคำตอบ สถานะของสาร สี กลิน่ เป็นต้น)
- นักเรียนคดิ ว่าลกั ษณะใดเป็นสมบตั ทิ างเคมี
(แนวคำตอบ ความเป็นกรด-เบส เป็นต้น)
ขน้ั ที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (15 นาที)
3.1 นักเรียนร่วมกันอภิปราย เรื่อง สมบัติของสาร โดยครูยกตัวอย่างให้นักเรียนเหน็ จากการนำสาร
A และ B ที่มลี กั ษณะภายนอกทเี่ หมือนกันแต่ไม่ใช่สารเดยี วกัน ดังน้นั จึงจำเป็นตอ้ งอาศยั สมบัติของสารเข้ามา
ตรวจสอบ จึงทำใหร้ ู้วา่ สารทง้ั สองเป็นสารต่างชนดิ กัน
ขน้ั ที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาท)ี
4.1 นกั เรยี นทำใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง สมบตั ขิ องสาร
4.2 นักเรียนร่วมกันจำแนกตัวอย่างสมบัติทางกายภาพและสมบัติทางเคมีของสารว่าแต่ละตัวอย่าง
จัดเปน็ สมบตั ใิ ดของสาร
ขนั้ ที่ 5 ประเมนิ (Evaluation) (5 นาท)ี
5.1 ครูใช้แบบประเมนิ ความรจู้ ากการต้ังคำถามในช้ันเรยี น
5.2 นักเรยี นเขยี นแสดงความรสู้ ึกหลงั การเรียน ในประเดน็ ตอ่ ไปนี้
• สงิ่ ทีน่ กั เรียนได้เรยี นร้ใู นวันนี้คอื อะไร
• นักเรยี นเขา้ ใจเรอ่ื งใดมากทส่ี ุด
• นักเรียนมีปัญหาหรอื ข้อสงสัยในเรือ่ งใดบา้ ง
• นักเรยี นพึงพอใจกับการเรียนในวันนห้ี รือไม่
• นกั เรียนตอ้ งการให้ครปู รบั ปรุงการสอนในเร่ืองใด
9. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
ส่อื การเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ เล่ม 1 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1
2. Power Point สมบตั ขิ องสาร
3. ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง สมบัตขิ องสาร
4. บีกเกอร์ ขนาด 100 ml. จำนวน 2 ใบ
5. นำ้ 50 ml.
6. น้ำสม้ สายชู 50 ml.
7. กระดาษลติ มสั กลุ่มละ 2 แผ่น
แหล่งการเรียนรู้
1. ห้องเรียน
2. อนิ เตอร์เน็ต
10. ช้นิ งาน / ภาระงาน
1. ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง สมบตั ิของสาร
11. การวัดและประเมนิ ผล
1. กรอบการวดั และประเมนิ ผล แตล่ ะจดุ ประสงค์การเรยี นรนู้ ำเสนอประเดน็ ท่ีทำการวดั และ
ประเมนิ ผล วิธกี ารวัด และเครอื่ งมือวดั ดงั ตาราง
ตาราง : แสดงกรอบการวัดและประเมนิ ผล
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีการวัดผล เครือ่ งมือวัดผล เกณฑก์ ารประเมินผล
ด้านความรู้ (K) ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานที่ 1.1 ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60
- นกั เรียนสามารถอธิบาย ข้นึ ไป ; 6 คะแนน
สมบัติทางกายภาพและ จาก 10 คะแนน
สมบัตทิ างเคมไี ด้
- นักเรียนสามารถจำแนก การปฏิบัติงาน แบบวดั การปฏิบตั งิ าน ไดค้ ะแนนรบู ริคส์
สมบตั ิทางกายภาพและ ต้งั แต่ 2 ขนึ้ ไป
สมบัตทิ างเคมไี ด้
ด้านทกั ษะ (P)
- นกั เรียนสามารถใช้
อุปกรณ์ในการศกึ ษาสมบัติ
ของสารไดอ้ ย่างถูกต้อง
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ ีการวัดผล เคร่อื งมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
สังเกตพฤตกิ รรม
ดา้ นคณุ ลักษณะ (A) แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนรบู ริคส์
- นักเรียนมคี วามรับผดิ ชอบ ตัง้ แต่ 2 ขึ้นไป
ตอ่ หนา้ ท่แี ละงานทไ่ี ด้รบั
มอบหมาย
2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนเกณฑ์รบู ริคส์ (Rubric Score) ใหค้ ะแนนเปน็ รายข้อของเกณฑ์รูบริคส์ ท่ี
สร้างข้นึ สำหรับการประเมิน (Analytical Rubric Score)
ตาราง : แสดงเกณฑ์การให้คะแนนเกณฑร์ ูบริคส์
ประเด็นการประเมิน 4 (ดีมาก) ระดบั คณุ ภาพ 1 (ปรับปรงุ )
3 (ดี) 2 (พอใช้)
- มคี ุณสมบตั ิ 1
1. นกั เรียนสามารถอธบิ าย ใน 4 ของระดบั
คุณภาพ
สมบตั ิทางกายภาพและสมบัติ
ทางเคมีได้ (K) ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 ขึ้นไป
2. นักเรียนสามารถจำแนก
สมบตั ทิ างกายภาพและสมบตั ิ
ทางเคมีได้ (K)
3. นกั เรยี นสามารถใช้อุปกรณ์ - มีคุณสมบัติ 4 - มคี ุณสมบตั ิ 3 - มีคุณสมบัติ 2
ในการศึกษาสมบัติของสารได้ ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดับ
อยา่ งถูกต้อง (P) คณุ ภาพ คณุ ภาพ คุณภาพ
คณุ สมบตั ิ
1. การใช้อปุ กรณห์ รือ
เคร่ืองมือถูกต้อง
2. มกี ารบนั ทึกผลการ
ทดลองทุกคร้งั
3. มคี วามคลอ่ งแคลว่
ในขณะการทดลอง
4. การดูแลการเก็บ
อปุ กรณห์ รือเครื่องมือ
ประเด็นการประเมนิ ระดบั คุณภาพ
4. นักเรียนมีความรับผดิ ชอบ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
ต่อหนา้ ท่แี ละงานท่ีได้รับ - มคี ุณสมบัติ 4 - มีคุณสมบัติ 1
มอบหมาย (A) ใน 4 ของระดับ - มีคณุ สมบัติ 3 - มคี ุณสมบตั ิ 2 ใน 4 ของระดับ
คุณสมบัติ คุณภาพ คณุ ภาพ
ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั
1. รับผิดชอบต่องานท่ี
ได้รับมอบหมาย คุณภาพ คณุ ภาพ
2. อดทน ไม่ย่อท้อต่อ
อุปสรรคในการทำงาน
3. พยายามแก้ปญั หาใน
การทำงานให้แล้วเสร็จ
4. ทำงานเสรจ็ ตาม
เปา้ หมาย
3. เกณฑ์ประเมินระดบั คณุ ภาพผลการเรยี นรู้ กำหนดระดับคณุ ภาพผลการเรยี นรรู้ ว่ มกันทกุ ด้าน
เปน็ 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรบั ปรุง แตล่ ะระดับกำหนดเกณฑป์ ระเมนิ ตามคะแนนเกณฑร์ ูบริคส์
ดังน้ี
ระดับคุณภาพดมี าก มีคะแนนตามเกณฑ์รูบรคิ สร์ ้อยละ 80 – 100 ของคะแนนเตม็
ระดับคุณภาพดี มีคะแนนตามเกณฑร์ บู รคิ ส์รอ้ ยละ 70 – 79 ของคะแนนเต็ม
ระดับคุณภาพพอใช้ มีคะแนนตามเกณฑ์รบู ริคสร์ อ้ ยละ 60 – 69 ของคะแนนเต็ม
ระดบั คุณภาพปรบั ปรุง มีคะแนนตามเกณฑร์ ูบรคิ สน์ ้อยกว่าร้อยละ 60 ของคะแนนเต็ม
4. เกณฑ์การตัดสนิ ระดับคณุ ภาพนกั เรียนจากคะแนนรวมทง้ั หมด
ระดบั บุคคล นักเรียนมผี ลงานอยใู่ นระดับ ดี ถอื วา่ ผา่ น (ประกนั ผลการเรยี นรู้ของนักเรียน)
ระดบั กลมุ่ นักเรยี นมีผลงานอย่ใู นระดับ ดี ไม่ต่ำกว่ารอ้ ยละ 60 ของจำนวนนกั เรยี นท้งั หมด ถอื
ว่า การจดั ประสบการณเ์ รยี นรตู้ ามแผนการจดั การเรียนรูป้ ระสบผลสำเร็จ (ประกนั การสอนของครู)
5. เกณฑ์การตดั สนิ คะแนนเกบ็ จำนวนคะแนนเก็บ........คะแนน จากคะแนนรวมท้งั หมด…...
คะแนน กำหนดวธิ กี ารคดิ คะแนนเกบ็ ดังนี้
จำนวนคะแนนเกบ็ = (จำนวนคะแนนทีต่ อ้ งการ × จำนวนคะแนนรวมทกุ กจิ กรรมของนักเรยี นแตล่ ะคน)
คะแนนรวมทกุ กิจกรรมทงั้ หมดของทุกกจิ กรรม
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1 รหัสวิชา ว21101
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 สารรอบตัว เรื่อง การจำแนกสาร เวลา 1 คาบ
ผสู้ อน นางสาวเจตนา บวั รสศักดิ์ โรงเรียนเทศบาลเมืองสโุ ขทยั
สอนวนั ท.่ี ........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/1)
สอนวันท่.ี ........เดอื น......................พ.ศ. ............ (ม.1/2)
1. มาตรฐานการเรียนรู้
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาคหลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ
เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี
2. ตัวชี้วัด
ว 2.1 ม.1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค และการ
เคล่ือนทข่ี องอนุภาคของสสารชนดิ เดยี วกันในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส๊ โดยใชแ้ บบจำลอง
3. สาระสำคัญ
การจำแนกประเภทของสาร สามารถจำแนกได้หลายแบบขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนก โดยจะ
จัดสารท่มี คี ณุ สมบัติคลา้ ยกนั ไว้ในกลมุ่ เดยี วกัน เกณฑต์ า่ งๆ ท่ใี ชใ้ นการจำแนกสาร ไดแ้ ก่ สถานะ เนื้อสาร และ
อนภุ าค
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. นกั เรยี นสามารถจำแนกสารโดยใช้สมบัตทิ างกายภาพของสารเป็นเกณฑ์ได้
2. นักเรียนสามารถอธิบายการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค และการเคลื่อนที่ของ
อนุภาคของสารชนดิ เดยี วกนั ในสถานะตา่ งๆ ได้
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
3. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค และการเคลื่อนท่ี
ของอนภุ าคของสารชนดิ เดียวกันในสถานะต่างๆ ได้
ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
4. นักเรียนสามารถทำงานรว่ มกับผ้อู นื่ ได้
5. สาระการเรยี นรู้
- สถานะของสาร
- เน้อื สาร
- อนภุ าคของสาร
6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน
8. ข้ันการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5 Es) ซึ่งกำหนดลำดับขั้น
กิจกรรม ดงั นี้
ข้ันท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement) (5 นาท)ี
1.1 นกั เรยี นดูภาพสารในชวี ติ ประจำวนั ที่มีสถานะแตกต่างกนั
หมอก ไม้ น้ำจ้ิมไก่ พลาสติก น้ำ นำ้ เช่อื ม
แอลกอฮอล์ ทองคำ ดิน นำ้ คลอง เขมา่ ควัน โยเกิร์ต
จากนน้ั นักเรียนร่วมกันตอบคำถาม ดงั นี้
- จากภาพนกั เรยี นสามารถใชเ้ กณฑ์ใดในการจำแนกสาร
(แนวคำตอบ สถานะ เนื้อสาร อนุภาคของสาร)
- หากใช้สถานะของสารเปน็ เกณฑ์ในการจำแนกสาร สารใดบา้ งควรจัดอยูใ่ นกลมุ่ เดยี วกนั
(แนวคำตอบ - สถานะของแขง็ ได้แก่ ไม้ พลาสติก ทองคำ ดนิ
- สถานะของเหลว ได้แก่ น้ำจมิ้ ไก่ นำ้ น้ำเช่ือม แอลกอฮอล์ นำ้ คลอง โยเกริ ต์
- สถานะแกส๊ ได้แก่ หมอก เขมา่ ควัน)
1.2 นักเรียนร่วมกันพิจารณาว่าสารที่จัดอยู่ในสถานะเดียวกันนั้นยังมีสมบัติอื่นๆ ที่แตกต่างกันอีก
หรือไม่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าสารที่มีสถานะเหมือนกันบางชนิดอาจมีเนื้อสารกลมกลืนกัน บางชนิดเนื้อสารไม่
กลมกลืนกัน ดงั นนั้ จึงอาจใช้เนอ้ื สารเปน็ เกณฑใ์ นการจำแนกได้
ขั้นที่ 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration) (15 นาท)ี
2.1 ครูยกตัวอย่างการจำแนกสารโดยใช้สถานะของสาร ซึ่งเป็นสมบัติทางกายภาพมาให้นักเรียน
ศกึ ษา โดยให้นักเรยี นศกึ ษาในหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 (หนา้ ที่ 4)
2.2 ครูยกตัวอย่างสถานะของปรอท ซ่งึ เปน็ สารทีม่ ี 3 สถานะเช่นเดยี วกบั น้ำ ใน Science focus มา
ใหน้ ักเรยี นไดศ้ กึ ษาในหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 (หน้าท่ี 4)
2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษา เรื่อง การจำแนกสารโดยใช้เนื้อสารและอนุภาคของสารเป็นเกณฑ์
จากหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 (หนา้ ที่ 5)
2.4 ครแู จกภาพแตล่ ะชดุ ให้แตล่ ะกลุ่ม โดยภาพแตล่ ะชุดมี ดงั นี้
ส้มตำ น้ำผลไม้ปั่น น้ำเกลือ น้ำนม กาแฟ สลัด น้ำแป้ง ทองคำขาว น้ำพริก แอลกอฮอล์เช็ดแผล น้ำส้มสายชู
หมอก ควันจากท่อไอเสยี แกส๊ หงุ ต้ม เป็นตน้
2.5 นักเรยี นรับใบงานท่ี 2.2 เรื่อง การจำแนกสาร เพอ่ื ให้แตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั จำแนกสารจากภาพแล้ว
บนั ทกึ ลงใน ใบงานที่ 2.2
ข้ันที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (15 นาท)ี
3.1 ตวั แทนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอใบงานที่ 2.2 เร่อื ง การจำแนกสาร
3.2 ครเู สริมและเพิ่มเติมความรูใ้ หก้ ับตวั แทนนกั เรียนท่ีออกมานำเสนอ
3.3 ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายสมบัตขิ องสาร การจำแนกสาร เปรียบเทยี บการจัดเรียงอนุภาค
และการเคล่ือนท่ีของสารทง้ั 3 สถานะ
3.4 นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั ลงในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1
ขัน้ ที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที)
4.1 นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับฉลากหัวข้อกิจกรรม
ดังนี้
- ของแขง็
- ของเหลว
- แก๊ส
4.2 นักเรียนแตล่ ะกลุ่มทำกิจกรรม เรือ่ ง ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ตามหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์
ม.1 เล่ม 1 หนา้ ที่ 6 โดยให้แตล่ ะกลุ่มทำกจิ กรรมภายใต้หวั ขอ้ ทน่ี ักเรยี นจับฉลากได้ ดงั นี้
- กลมุ่ ของแข็ง ให้บรรจุเม็ดโฟมเต็มขวด
- กลุ่มของเหลว ให้บรรจเุ มด็ โฟมครงึ่ ขวด
- กลุ่มแกส๊ ใหบ้ รรจุเมด็ โฟมนอ้ ยกว่าคร่งึ ขวด
4.3 นกั เรียนทำกิจกรรม เรื่อง ของแข็ง ของเหลว และแกส๊ ตามหนงั สือแลว้ บันทึกผลกิจกรรม และ
ตอบคำถามท้ายกิจกรรมลงในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1
4.4 ตัวแทนกลุม่ ออกมารายงานผลจากการทำกิจกรรมหน้าชน้ั เรยี น
4.5 เฉลยคำตอบจากคำถามท้ายกิจกรรม ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 ถามคำถามท้าย
กจิ กรรม ดังนี้
- ขวดนำ้ ท่ีบรรจุเม็ดโฟมของแต่ละกลุ่ม เปรยี บเสมอื นกบั สถานะของสารใดบา้ ง
(แนวคำตอบ สารที่อย่รู อบตัวเราบางชนิดมสี มบตั ิทางกายภาพบางประการท่ีเหมือนและแตกต่างกัน
เช่น สถานะ การนำความร้อน การนำไฟฟ้า เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามสารแต่ละชนิดมีย่อมลักษณะเฉพาะของ
สารแตล่ ะชนิดน้ันๆ เชน่ สภาพการละลาย จุดเดอื ด จดุ หลอมเหลว ความหนาแนน่ ของสาร เปน็ ตน้ )
- หลังจากเป่าลมเข้าไปในขวด ลักษณะการเคลื่อนที่ของเม็ดโฟมแต่ละกลุ่มแตกต่างกันหรือไม่
อยา่ งไร
(แนวคำตอบ แตกต่างกัน ขวดที่บรรจุเม็ดโฟมจนเต็มขวด อนุภาคของเม็ดโฟมจะสั่นอยู่กลับที่ ถ้า
บรรจุเม็ดโฟมครึ่งขวด บางอนุภาคของเม็ดโฟมจะเคลื่อนที่อิสระ แต่ถ้าบรรจุเม็ดโฟมต่ำกว่าครึ่ง อนุภาคของ
เมด็ โฟมจะเคลือ่ นทไ่ี ดอ้ ยา่ งอสิ ระ)
4.6 ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเปรียบเทียบ การจัดเรียงอนภุ าค และการเคล่อื นทีข่ องสารท้งั 3
สถานะ
ข้นั ท่ี 5 ประเมิน (Evaluation) (5 นาที)
5.1 ครใู ชแ้ บบประเมินความรจู้ ากการตั้งคำถามในชัน้ เรียน
5.2 นักเรยี นเขียนแสดงความรู้สกึ หลังการเรียน ในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี
• ส่ิงทีน่ กั เรยี นไดเ้ รยี นรใู้ นวนั นี้คืออะไร
• นกั เรียนเขา้ ใจเรอ่ื งใดมากที่สดุ
• นักเรยี นมปี ญั หาหรือขอ้ สงสัยในเร่ืองใดบา้ ง
• นักเรยี นพงึ พอใจกบั การเรยี นในวันนี้หรอื ไม่
• นกั เรยี นตอ้ งการให้ครปู รับปรงุ การสอนในเร่อื งใด
9. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
ส่ือการเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ เล่ม 1 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1
2. แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1
3. Power Point การจำแนกสาร
4. ใบงานท่ี 2.2 เร่ือง การจำแนกสาร
5. ขวดนำ้ ใส กลมุ่ ละ 1 ขวด
6. เมด็ โฟม
แหลง่ การเรยี นรู้
1. ห้องเรียน
2. อินเทอรเ์ น็ต
10. ชน้ิ งาน / ภาระงาน
1. ใบงานท่ี 2.2 เรื่อง การจำแนกสาร
2. แบบฝกึ หดั
11. การวดั และประเมินผล
1. กรอบการวดั และประเมินผล แตล่ ะจดุ ประสงค์การเรยี นรนู้ ำเสนอประเดน็ ท่ีทำการวัด และ
ประเมินผล วิธกี ารวัด และเคร่ืองมือวัด ดังตาราง
ตาราง : แสดงกรอบการวัดและประเมินผล
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวัดผล เครอ่ื งมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมินผล
ดา้ นความรู้ (K) ตรวจใบงานที่ 2.2 ใบงานที่ 2.2 และ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60
- นกั เรยี นสามารถจำแนกสารโดย และแบบฝึกหดั แบบฝึกหัด ขน้ึ ไป ; 6 คะแนน
ใช้สมบตั ิทางกายภาพของสาร จาก 10 คะแนน
เป็นเกณฑ์ได้
- นักเรยี นสามารถอธิบายการ
จดั เรียงอนุภาค แรงยดึ เหนีย่ ว
ระหว่างอนุภาค และการเคล่ือนท่ี
ของอนภุ าคของสารชนิดเดียวกนั
ในสถานะต่างๆ ได้
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธกี ารวัดผล เครอ่ื งมอื วัดผล เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ตรวจแบบฝึกหัด
ดา้ นทักษะ (P) สงั เกตพฤตกิ รรม แบบฝึกหดั ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60
- นกั เรียนสามารถเปรียบเทียบ ขึน้ ไป ; 6 คะแนน
การจัดเรียงอนุภาค แรงยึด จาก 10 คะแนน
เหนี่ยวระหวา่ งอนุภาค และการ
เคลอื่ นท่ีของอนภุ าคของสารชนดิ แบบสังเกตพฤติกรรม ไดค้ ะแนนรูบรคิ ส์
เดยี วกนั ในสถานะตา่ งๆ ได้ ตัง้ แต่ 2 ขนึ้ ไป
ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)
- นักเรียนสามารถทำงานร่วมกับ
ผอู้ น่ื ได้
2. เกณฑ์การใหค้ ะแนนเกณฑร์ บู รคิ ส์ (Rubric Score) ใหค้ ะแนนเปน็ รายขอ้ ของเกณฑ์รูบรคิ ส์ ท่ี
สร้างขนึ้ สำหรบั การประเมิน (Analytical Rubric Score)
ตาราง : แสดงเกณฑ์การใหค้ ะแนนเกณฑร์ บู ริคส์
ประเดน็ การประเมนิ 4 (ดีมาก) ระดับคุณภาพ 1 (ปรับปรงุ )
3 (ดี) 2 (พอใช้)
1. นักเรียนสามารถจำแนกสารโดย ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 ขนึ้ ไป
ใช้สมบัติทางกายภาพของสารเปน็
เกณฑ์ได้ (K)
2. นักเรียนสามารถอธิบายการ
จัดเรยี งอนุภาค แรงยดึ เหน่ยี ว
ระหว่างอนุภาค และการเคล่ือนท่ี
ของอนุภาคของสารชนิดเดียวกนั ใน
สถานะตา่ งๆ ได้ (K)
3. นกั เรยี นสามารถเปรียบเทียบ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 ขึ้นไป
การจัดเรยี งอนุภาค แรงยึดเหนีย่ ว
ระหวา่ งอนุภาค และการเคล่ือนที่
ของอนภุ าคของสารชนิดเดยี วกันใน
สถานะต่างๆ ได้ (P)
ประเดน็ การประเมิน ระดับคณุ ภาพ
4. นักเรียนสามารถทำงานร่วมกับ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
ผอู้ น่ื ได้ (A) - มีคุณสมบัติ 4 - มคี ณุ สมบตั ิ 1
คุณสมบัติ ใน 4 ของระดบั - มีคณุ สมบตั ิ 3 - มีคุณสมบัติ 2 ใน 4 ของระดบั
คณุ ภาพ คณุ ภาพ
1. สมาชกิ ทกุ คนรว่ มกนั แสดง ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดับ
ความคดิ เหน็
คณุ ภาพ คณุ ภาพ
2. ทำงานอยา่ งเป็นระบบ
ทกุ คนรหู้ น้าที่ตนเอง
3. สมาชิกทกุ คนร่วมกนั ทำงาน
ไดส้ ำเรจ็ ตามเวลากำหนด
4. สง่ งานครบตรงตามเวลา
กำหนด
3. เกณฑ์ประเมินระดับคุณภาพผลการเรียนรู้ กำหนดระดับคุณภาพผลการเรยี นร้รู ่วมกันทกุ ด้าน
เปน็ 4 ระดับ คือ ดมี าก ดี พอใช้ และปรับปรงุ แต่ละระดับกำหนดเกณฑ์ประเมินตามคะแนนเกณฑ์รูบริคส์
ดังนี้
ระดบั คุณภาพดีมาก มีคะแนนตามเกณฑร์ บู รคิ สร์ อ้ ยละ 80 – 100 ของคะแนนเตม็
ระดบั คุณภาพดี มคี ะแนนตามเกณฑร์ บู ริคสร์ ้อยละ 70 – 79 ของคะแนนเต็ม
ระดับคุณภาพพอใช้ มคี ะแนนตามเกณฑ์รูบรคิ ส์ร้อยละ 60 – 69 ของคะแนนเต็ม
ระดบั คุณภาพปรบั ปรงุ มคี ะแนนตามเกณฑร์ บู ริคสน์ ้อยกว่ารอ้ ยละ 60 ของคะแนนเตม็
4. เกณฑ์การตดั สนิ ระดับคณุ ภาพนกั เรียนจากคะแนนรวมท้ังหมด
ระดับบุคคล นกั เรียนมีผลงานอยูใ่ นระดบั ดี ถือวา่ ผ่าน (ประกนั ผลการเรียนรู้ของนักเรียน)
ระดับกลุม่ นักเรียนมีผลงานอยู่ในระดับ ดี ไมต่ ่ำกว่าร้อยละ 60 ของจำนวนนักเรียนทง้ั หมด ถอื
ว่า การจดั ประสบการณเ์ รียนรตู้ ามแผนการจดั การเรยี นรูป้ ระสบผลสำเร็จ (ประกันการสอนของครู)
5. เกณฑ์การตดั สนิ คะแนนเกบ็ จำนวนคะแนนเกบ็ ........คะแนน จากคะแนนรวมท้ังหมด…...
คะแนน กำหนดวิธีการคดิ คะแนนเก็บ ดังนี้
จำนวนคะแนนเก็บ = (จำนวนคะแนนทต่ี อ้ งการ × จำนวนคะแนนรวมทุกกจิ กรรมของนักเรยี นแต่ละคน)
คะแนนรวมทกุ กจิ กรรมท้ังหมดของทุกกิจกรรม
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3
กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1 รหัสวิชา ว21101
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 สารรอบตวั เรอ่ื ง การจำแนกสาร เวลา 1 คาบ
ผูส้ อน นางสาวเจตนา บัวรสศกั ด์ิ โรงเรียนเทศบาลเมอื งสโุ ขทยั
สอนวนั ท.่ี ........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/1)
สอนวันท.่ี ........เดอื น......................พ.ศ. ............ (ม.1/2)
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบตั ิของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาคหลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ
เกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี
2. ตวั ชี้วัด
ว 2.1 ม.1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค และการ
เคลอ่ื นทข่ี องอนุภาคของสสารชนดิ เดยี วกันในสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊ โดยใชแ้ บบจำลอง
3. สาระสำคญั
การจำแนกประเภทของสาร สามารถจำแนกได้หลายแบบขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนก โดยจะ
จัดสารท่ีมคี ุณสมบัติคลา้ ยกนั ไว้ในกลุ่มเดยี วกัน เกณฑต์ า่ งๆ ท่ีใช้ในการจำแนกสาร ได้แก่ สถานะ เน้อื สาร และ
อนภุ าค
4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1. นักเรียนสามารถอธิบายลกั ษณะของสารเนอื้ เดยี วและสารเน้ือผสมได้
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
2. นกั เรยี นสามารถจำแนกความแตกต่างของสารเนื้อเดยี วและสารเนอื้ ผสมได้
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
3. นกั เรยี นมคี วามใฝ่เรยี นรู้
5. สาระการเรยี นรู้
- การจำแนกสารโดยใชเ้ น้ือสารเป็นเกณฑ์
- สารเนอ้ื เดียว
- สารเนอ้ื ผสม
6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุง่ ม่ันในการทำงาน
8. ขนั้ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5 Es) ซึ่งกำหนดลำดับข้ัน
กิจกรรม ดังนี้
ข้นั ท่ี 1 สร้างความสนใจ (Engagement) (5 นาท)ี
1.1 ทบทวนความรเู้ ดมิ โดยใชค้ ำถาม ดังน้ี
- เมื่อใชเ้ นือ้ สารเป็นเกณฑ์ จะจำแนกสารเปน็ ก่ปี ระเภท อะไรบ้าง
(แนวคำตอบ 2 ประเภท คอื สารเน้ือเดยี วและสารเนือ้ ผสม)
- การจำแนกสารโดยใช้เนอ้ื สารเปน็ เกณฑ์มีหลกั การอย่างไร
(แนวคำตอบ สงั เกตดว้ ยตาวา่ มองเห็นเนอ้ื สารเปน็ เน้อื เดียวกันหรอื ไม่)
1.2 ครูถามคำถามนักเรยี นเพอื่ กระต้นุ ความสนใจ เชน่
- นำ้ เชื่อมประกอบดว้ ยสารกช่ี นิด อะไรบา้ ง
(แนวคำตอบ 2 ชนิด คอื นำ้ ท่ีเป็นตวั ทำละลายและนำ้ ตาลทเ่ี ป็นตวั ละลาย)
- ถา้ สังเกตด้วยตา น้ำเชอ่ื มมีลักษณะใด
(แนวคำตอบ เปน็ ของเหลวและมองเหน็ เป็นสารเน้ือเดยี ว)
1.3 นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั คำตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสูก่ ารเรียนรู้
เรอ่ื ง การจำแนกสารโดยใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์
ข้นั ที่ 2 สำรวจและค้นหา (Exploration) (15 นาที)
2.1 นักเรียนศึกษาเรื่องการจำแนกสาร จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้
นักเรียนเข้าใจว่า สารผสมประกอบด้วยสารตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปผสมกัน เราสามารถจำแนกสารผสมเป็น 2
ประเภทได้ คอื สารเนอ้ื เดยี วและสารเนอ้ื ผสม โดยใช้ลักษณะของเน้อื สารเป็นเกณฑ์
2.2 นักเรียนแบ่งกลุ่มละ 5 – 6 คน สังเกตเนื้อสาร ดังนี้ ลอดช่องน้ำกะทิ ส้มตำ น้ำพริก น้ำหวาน
น้ำส้มสายชู ดิน และน้ำเกลือ จากนั้นร่วมสังเกตสารแต่ละชนิดว่ามีเนื้อสารเป็นอย่างไร นักเรียนสร้างตาราง
บนั ทึกผลและบันทึกผลการสังเกตท่ไี ดล้ งสมดุ
ตวั อย่างตารางบนั ทึกผลการสังเกต
สาร สถานะ ผลการสังเกตลักษณะเน้ือสาร
มองเห็นเป็นเนอ้ื เดียว มองเหน็ ไมเ่ ป็นเน้อื เดียว
ลอดช่องนำ้ กะทิ ของแข็ง ของเหลว
น้ำหวาน ของเหลว
สม้ ตำ
น้ำพริก
น้ำส้มสายชู
ดนิ
นำ้ เกลอื
2.3 ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิด
โอกาสใหน้ กั เรยี นทกุ คนซักถามเม่ือมปี ัญหา
ขนั้ ที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (15 นาท)ี
3.1 นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ นำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน
3.2 นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายผลจากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม เช่น
- นกั เรียนใช้ลกั ษณะใดสังเกตเพ่อื จำแนกสารผสมเปน็ สารเนอื้ เดียวและสารเนอื้ ผสม
(แนวคำตอบ ลกั ษณะของเน้อื สาร)
- สารเนอ้ื เดยี วทพ่ี บมีอะไรบ้าง
(แนวคำตอบ กระจกสี นำ้ เกลือ และน้ำอดั ลม)
- สารเน้อื ผสมท่ีพบมีอะไรบา้ ง
(แนวคำตอบ แยมผลไม้ นำ้ โคลน และพริกผสมเกลอื )
3.3 นักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สารใน
ชีวิตประจำวันมีสารผสมหลายชนดิ ที่มีลักษณะเนื้อสารแตกต่างกัน ซึ่งจำแนกได้เป็นสารเนื้อเดียวและสารเนอ้ื
ผสม
ขัน้ ท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาท)ี
4.1 นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการจำแนกสารโดยใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์และการจำแนกสาร
โดยใชอ้ นภุ าคของสารเป็นเกณฑ์ จากแผนภาพดงั น้ี
ภาพท่ี 3.1 แผนภาพการจำแนกสาร
ขั้นท่ี 5 ประเมนิ (Evaluation) (5 นาที)
5.1 นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่
เขา้ ใจหรือยังมขี อ้ สงสยั (ถา้ มี) ครูช่วยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน้ กั เรียนเข้าใจ
5.2 นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไข
อยา่ งไรบ้าง
5.3 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการนำ
ความรทู้ ไ่ี ดไ้ ปใช้ประโยชน์
5.4 ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคำถาม เช่น
- สารทม่ี องเหน็ เป็นเนื้อเดียวจดั เปน็ สารผสมหรอื ไม่ เพราะอะไร
(แนวคำตอบ จดั เป็นสารผสม เพราะมอี งคป์ ระกอบในสารมากกว่า 1 ชนิด)
- การสังเกตด้วยตาสามารถจำแนกสารผสมเป็นสารเนอื้ เดียวและสารเน้อื ผสมได้เพราะอะไร
(แนวคำตอบ เพราะหลกั ในการจำแนกสารผสม คอื การสังเกตเน้อื สารวา่ มีลกั ษณะใด จึงใช้การสังเกต
ดว้ ยตาก็เพียงพอ)
9. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
ส่ือการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ เล่ม 1 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1
2. Power Point การจำแนกสาร
3. แผนภาพการจำแนกสาร
แหลง่ การเรยี นรู้
1. หอ้ งเรยี น
2. อนิ เทอรเ์ นต็
10. ชนิ้ งาน / ภาระงาน
1. ตารางบนั ทกึ ผลการสังเกต
11. การวดั และการประเมนิ ผล
1. กรอบการวัดและประเมินผล แต่ละจุดประสงค์การเรียนรู้นำเสนอประเด็นที่ทำการวัด และ
ประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด และเครื่องมอื วัด ดงั ตาราง
ตาราง : แสดงกรอบการวัดและประเมนิ ผล
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ ีการวดั ผล เครือ่ งมอื วดั ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
คำถาม
ด้านความรู้ (K) การตอบคำถาม ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60
- นักเรยี นสามารถอธบิ ายลักษณะ ตารางบันทกึ ผลการ ข้นึ ไป ; 6 คะแนน
ของสารเน้ือเดยี วและสารเนื้อ สังเกต จาก 10 คะแนน
ผสมได้
ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60
ดา้ นทักษะ (P) ตรวจตารางบนั ทึกผล ขึ้นไป ; 6 คะแนน
- นกั เรียนสามารถจำแนกความ การสงั เกต จาก 10 คะแนน
แตกต่างของสารเนอื้ เดยี วและ
สารเน้อื ผสมได้
ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนรบู รคิ ส์
- นักเรียนมีความใฝเ่ รียนรู้ ตั้งแต่ 2 ขน้ึ ไป
2. เกณฑ์การให้คะแนนเกณฑร์ ูบรคิ ส์ (Rubric Score) ใหค้ ะแนนเป็นรายข้อของเกณฑ์รูบริคส์ ท่ี
สรา้ งขึ้นสำหรบั การประเมิน (Analytical Rubric Score)
ตาราง : แสดงเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนเกณฑร์ ูบริคส์
ประเดน็ การประเมิน 4 (ดีมาก) ระดับคุณภาพ 1 (ปรับปรุง)
3 (ดี) 2 (พอใช้)
1. นกั เรียนสามารถอธิบายลักษณะ
ของสารเน้ือเดียวและสารเนื้อผสม ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 ขึ้นไป
ได้ (K)
ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 ขนึ้ ไป
2. นกั เรียนสามารถจำแนกความ
แตกต่างของสารเนอื้ เดียวและสาร
เนอื้ ผสมได้ (P)
3. นกั เรียนมีความใฝ่เรียนรู้ (A) - มีคณุ สมบตั ิ 4 - มีคุณสมบตั ิ 3 - มคี ุณสมบัติ 2 - มคี ุณสมบตั ิ 1
คุณสมบัติ
ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ
1. ตง้ั ใจเรยี น เอาใจใส่และมี
ความเพยี รพยายามในการเรียนรู้ คณุ ภาพ คณุ ภาพ คุณภาพ คณุ ภาพ
2. สนใจรว่ มกิจกรรมในชั้น
เรยี น
3. จดบนั ทกึ และแลกเปล่ียน
ความรกู้ บั เพอ่ื น
4. มคี วามตระหนกั ถงึ
ความสำคญั ของการเรียน
3. เกณฑ์ประเมนิ ระดับคุณภาพผลการเรยี นรู้ กำหนดระดับคณุ ภาพผลการเรยี นร้รู ว่ มกันทุกด้าน
เป็น 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรับปรุง แตล่ ะระดับกำหนดเกณฑป์ ระเมินตามคะแนนเกณฑร์ บู ริคส์
ดังน้ี
ระดบั คุณภาพดีมาก มีคะแนนตามเกณฑ์รูบรคิ สร์ อ้ ยละ 80 – 100 ของคะแนนเต็ม
ระดับคุณภาพดี มีคะแนนตามเกณฑร์ บู ริคสร์ อ้ ยละ 70 – 79 ของคะแนนเต็ม
ระดับคุณภาพพอใช้ มีคะแนนตามเกณฑร์ ูบรคิ สร์ ้อยละ 60 – 69 ของคะแนนเต็ม
ระดบั คุณภาพปรับปรุง มคี ะแนนตามเกณฑร์ บู ริคสน์ ้อยกวา่ ร้อยละ 60 ของคะแนนเต็ม
4. เกณฑก์ ารตัดสินระดบั คุณภาพนกั เรียนจากคะแนนรวมทั้งหมด
ระดบั บคุ คล นกั เรยี นมีผลงานอย่ใู นระดบั ดี ถือว่า ผา่ น (ประกนั ผลการเรยี นรู้ของนักเรยี น)
ระดับกล่มุ นักเรยี นมผี ลงานอยใู่ นระดับ ดี ไมต่ ่ำกวา่ รอ้ ยละ 60 ของจำนวนนกั เรียนทัง้ หมด ถือ
วา่ การจดั ประสบการณเ์ รียนรตู้ ามแผนการจดั การเรยี นรปู้ ระสบผลสำเรจ็ (ประกนั การสอนของคร)ู
5. เกณฑ์การตดั สินคะแนนเกบ็ จำนวนคะแนนเก็บ........คะแนน จากคะแนนรวมท้ังหมด…...
คะแนน กำหนดวธิ กี ารคดิ คะแนนเก็บ ดังน้ี
จำนวนคะแนนเก็บ = (จำนวนคะแนนท่ตี อ้ งการ × จำนวนคะแนนรวมทกุ กิจกรรมของนักเรยี นแต่ละคน)
คะแนนรวมทกุ กิจกรรมทงั้ หมดของทุกกจิ กรรม
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 4
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1 รหัสวิชา ว21101
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 สารรอบตัว เร่อื ง การเปลี่ยนแปลงของสาร เวลา 1 คาบ
ผ้สู อน นางสาวเจตนา บัวรสศักด์ิ โรงเรียนเทศบาลเมอื งสุโขทยั
สอนวนั ที่.........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/1)
สอนวันท.่ี ........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/2)
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ขิ องสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนุภาคหลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ
เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี
2. ตัวชวี้ ดั
ว 2.1 ม.1/10 อธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหว่างพลังงานความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะของสสาร โดยใช้
หลักฐานเชิงประจกั ษแ์ ละแบบจำลอง
3. สาระสำคญั
สารบางชนิดมีสี กลิ่น รูปร่าง หรือสถานะเปลี่ยนไปจากเดิม โดยไม่เกิดเป็นสารใหม่ เรียกการ
เปลี่ยนแปลงแบบนี้ว่า การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ และการเปลี่ยนแปลงของสารบางชนิดมีผลต่อ
องค์ประกอบเคมีภายใน ทำให้ได้สารใหม่เรียกการเปล่ียนแปลงแบบนว้ี ่า การเปลยี่ นแปลงทางเคมี
4. จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1. นกั เรยี นสามารถอธิบายความสมั พันธ์ระหว่างพลงั งานความร้อนกบั การเปลี่ยนสถานะของสสารได้
2. นกั เรยี นสามารถระบกุ ารเปลี่ยนแปลงสถานะของสสารทอี่ ยู่รอบตัวได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
3. นักเรียนสามารถทำการทดลองเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงสถานะของสสารได้
ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
4. นักเรียนสามารถทำงานร่วมกบั ผูอ้ ืน่ ได้
5. สาระการเรียนรู้
- การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพ
- การเปลี่ยนแปลงทางเคมี
6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
7. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
8. ขนั้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5 Es) ซึ่งกำหนดลำดับข้ัน
กจิ กรรม ดังน้ี
ข้นั ท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement) (5 นาที)
1.1 นักเรียนร่วมกันตอบคำถาม ดงั นี้
- กอ้ นน้ำแข็งทว่ี างทิ้งไวก้ ลางแจง้ จะมีการเปลยี่ นแปลงสถานะอยา่ งไร
(แนวคำตอบ 3 สถานะ ไดแ้ ก่ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส)
1.2 นักเรยี นสังเกตสถานการณ์จำลอง โดยนำน้ำ 2 แบบ ได้แก่ นำ้ ร้อนและนำ้ เยน็ จัด ใส่แก้วแล้วปดิ
ปากแกว้ ไว้ จากน้นั วางท้ิงไว้ ประมาณ 3 นาที แล้วตอบคำถามตอ่ ไปน้ี
- นกั เรยี นสังเกตเห็นอะไรบา้ ง
(แนวคำตอบ แก้วทใ่ี ส่น้ำร้อนจะเห็นไอนำ้ และหยดน้ำเกิดขึ้นสว่ นในแกว้ ที่เป็นน้ำเย็นจดั จะเห็นหยด
น้ำเกิดภายนอกแก้ว)
- จากสถานการณห์ ากนักเรยี นเปลีย่ นจากน้ำร้อนและนำ้ เย็นเปน็ น้ำทอ่ี ยใู่ นอุณหภูมิหอ้ ง จะเกิด
ลกั ษณะเหมือนท่นี ักเรยี นสังเกตได้หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวคำตอบ ไมเ่ กดิ เพราะสสารไมไ่ ด้ถกู ความรอ้ นและความเย็น)
- นักเรียนคิดวา่ หยดนำ้ ทเี่ กดิ จากไอนำ้ ในแก้วนำ้ รอ้ นและหยดน้ำในแก้วน้ำเย็น จดั อยู่ในสถานะใด
(แนวคำตอบ ตอบตามความคิดของนักเรยี น)
- นักเรียนคดิ ว่า สสารในสถานะตา่ งๆ สามารถเปล่ยี นแปลงสถานะไดห้ รอื ไม่
(แนวคำตอบ ตอบตามความคิดของนักเรียน)
ขน้ั ที่ 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration) (15 นาท)ี
2.1 นกั เรียนแบง่ กลุม่ กลุ่มละ 4-5 คน ทำกิจกรรม เรือ่ ง อุณหภูมกิ ับการเปล่ียนสถานะ
2.2 นักเรยี นทำการทดลองตามข้ันตอนการทดลองเรื่อง อณุ หภูมิกับการเปล่ียนสถานะ ซึ่งมีขั้นตอน
ดงั นี้
- เทน้ำแข็งลงในบีกเกอร์ แล้วให้ความร้อนจนกระท่งั นำ้ แข็งละลายเป็นน้ำและเดือดกลายเป็นไอ
- หยุดให้ความรอ้ น แลว้ น้ำกระจกนาฬิกามาปดิ ปากบีกเกอร์ขณะทนี่ ำ้ เดือด
2.3 นักเรยี นแต่ละกลุม่ สังเกตและจดบนั ทึกการเปล่ียนแปลงสถานะของนำ้
ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (15 นาที)
3.1 นกั เรยี นร่วมกนั ตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม ดงั น้ี
- ความร้อนทใี่ ชใ้ นการเปลี่ยนสถานะของน้ำแขง็ กลายเป็นน้ำ เรยี กวา่ อะไร
(แนวคำตอบ ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว, จดุ หลอมเหลว)
- ความร้อนที่ใชใ้ นการเปล่ียนสถานะของของเหลวกลายเป็นไอเรียกว่าอะไร และอุณหภูมินี้เรียกว่า
อะไร
(แนวคำตอบ ความรอ้ นแฝงของการกลายเปน็ ไอ, จุดเดอื ด)
- การเปลย่ี นสถานะของแกส๊ กลายเปน็ ของเหลวเรยี กว่าอะไร
(แนวคำตอบ การควบแน่น, จุดควบแนน่ )
- หากนำน้ำไปแช่ในอุณหภูมิต่ำจนนำ้ กลายเป็นน้ำแข็ง เรียกอุณภมู ินว้ี ่าอะไร
(แนวคำตอบ จดุ เยือกแข็ง)
3.2 ตัวแทน 4 คนนำเสนอคำตอบของตนเอง คนละ 1 ข้อ
3.3 ครูเฉลยและอธิบายคำตอบ
ขน้ั ที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาท)ี
4.1 นกั เรียนศึกษาการเปลย่ี นสถานะของน้ำในธรรมชาติในหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1
4.2 นักเรยี นทำแบบฝกึ หัดในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 (หน้า 6)
ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ (Evaluation) (5 นาที)
5.1 ครตู รวจแบบฝึกหัด
5.2 ครูประเมนิ การปฏบิ ัติจากการทำกจิ กรรมเรือ่ งอุณหภมู ิกับการเปลยี่ นสถานะ
5.3 ครสู งั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คลจากการศึกษากิจกรรมเร่ืองการเปลยี่ นสถานะของน้ำ
9. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
ส่อื การเรียนรู้
1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ เลม่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1
3. Power Point การเปลี่ยนแปลงของสาร
4. บีกเกอร์ใสน่ ้ำร้อนและนำ้ เย็น
5. อปุ กรณส์ ำหรับกจิ กรรมการเปลยี่ นสถานะของสาร
5.1 บีกเกอร์
5.2 กระจกนาฬิกา
5.3 ชดุ ตะเกียงแอลกอฮอล์
5.4 น้ำแขง็
แหล่งการเรียนรู้
1. ห้องเรียน
2. อนิ เทอรเ์ นต็
10. ชิน้ งาน / ภาระงาน
1. แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1
11. การวัดและประเมินผล
1. กรอบการวดั และประเมินผล แตล่ ะจดุ ประสงค์การเรียนรู้นำเสนอประเด็นทท่ี ำการวัด และ
ประเมนิ ผล วิธกี ารวดั และเครอ่ื งมือวัด ดงั ตาราง
ตาราง : แสดงกรอบการวดั และประเมนิ ผล
จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี ารวดั ผล เคร่อื งมือวัดผล เกณฑก์ ารประเมินผล
ดา้ นความรู้ (K) ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัด ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60
- นกั เรียนสามารถอธบิ าย วิทยาศาสตร์ ม.1 วิทยาศาสตร์ ม.1 ขึ้นไป ; 6 คะแนน
ความสัมพนั ธ์ระหว่าง จาก 10 คะแนน
พลงั งานความร้อนกบั การ สงั เกตพฤตกิ รรม
เปล่ยี นสถานะของสสารได้ แบบวัดการ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70
- นกั เรยี นสามารถระบุการ ปฏบิ ตั ิงาน ข้ึนไป ; 7 คะแนน
เปลยี่ นแปลงสถานะของ จาก 10 คะแนน
สสารทอี่ ย่รู อบตัวได้
ดา้ นทกั ษะ (P)
- นกั เรียนสามารถทำการ
ทดลองเกี่ยวกบั การ
เปลย่ี นแปลงสถานะของ
สสารได้
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ ีการวัดผล เครือ่ งมือวัดผล เกณฑ์การประเมินผล
สงั เกตพฤตกิ รรม
ด้านคณุ ลักษณะ (A) แบบสงั เกต ได้คะแนนรูบริคส์
- นกั เรียนสามารถทำงาน พฤติกรรม ตงั้ แต่ 2 ข้ึนไป
ร่วมกับผูอ้ ่ืนได้
2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนเกณฑ์รบู ริคส์ (Rubric Score) ให้คะแนนเปน็ รายข้อของเกณฑร์ ูบรคิ ส์ ท่ี
สร้างขน้ึ สำหรับการประเมนิ (Analytical Rubric Score)
ตาราง : แสดงเกณฑ์การใหค้ ะแนนเกณฑ์รูบริคส์
ประเด็นการประเมิน 4 (ดีมาก) ระดบั คณุ ภาพ 1 (ปรับปรุง)
3 (ดี) 2 (พอใช้)
1. นักเรยี นสามารถอธิบาย ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 ขึ้นไป
ความสัมพันธร์ ะหว่างพลงั งาน
ความรอ้ นกับการเปลย่ี นสถานะ
ของสสารได้ (K)
2. นักเรยี นสามารถระบกุ าร
เปล่ียนแปลงสถานะของสสารท่ี
อยรู่ อบตวั ได้ (K)
3. นกั เรยี นสามารถทำการ - มีคุณสมบัติ 4 - มีคณุ สมบตั ิ 3 - มีคณุ สมบตั ิ 2 - มีคณุ สมบัติ 1
ทดลองเก่ียวกับการเปลีย่ นแปลง ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั
สถานะของสสารได้ (P) คณุ ภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ คุณภาพ
คุณสมบัติ
1. ปฏบิ ัติการทดลองตาม
ลำดบั ข้นั วิธีการทดลองไดถ้ กู ต้อง
2. บันทึกผลเป็นระยะ
อย่างถกู ตอ้ ง
3. สรุปผลการทดลองได้
อย่างถูกตอ้ ง กระชบั ชดั เจน
4. การใช้อุปกรณ์หรือ
เครอื่ งมอื ถูกตอ้ ง
ประเด็นการประเมิน ระดบั คุณภาพ
4. นกั เรียนสามารถทำงานรว่ มกบั 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
ผู้อืน่ ได้ (A) - มีคณุ สมบตั ิ 4 - มีคุณสมบตั ิ 1
คุณสมบัติ ใน 4 ของระดับ - มคี ณุ สมบัติ 3 - มคี ุณสมบัติ 2 ใน 4 ของระดับ
คุณภาพ คุณภาพ
1. สมาชกิ ทุกคนรว่ มกนั แสดง ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั
ความคดิ เหน็
คณุ ภาพ คณุ ภาพ
2. ทำงานอยา่ งเป็นระบบ
ทกุ คนรู้หน้าทีต่ นเอง
3. สมาชิกทกุ คนร่วมกัน
ทำงานได้สำเรจ็ ตามเวลากำหนด
4. สง่ งานครบตรงตามเวลา
กำหนด
3. เกณฑป์ ระเมนิ ระดบั คุณภาพผลการเรียนรู้ กำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรรู้ ่วมกันทกุ ดา้ น
เป็น 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรบั ปรงุ แตล่ ะระดับกำหนดเกณฑป์ ระเมินตามคะแนนเกณฑร์ ูบริคส์
ดังน้ี
ระดบั คุณภาพดีมาก มีคะแนนตามเกณฑร์ ูบรคิ สร์ ้อยละ 80 – 100 ของคะแนนเต็ม
ระดับคุณภาพดี มีคะแนนตามเกณฑ์รูบรคิ สร์ ้อยละ 70 – 79 ของคะแนนเต็ม
ระดบั คุณภาพพอใช้ มีคะแนนตามเกณฑ์รูบรคิ สร์ ้อยละ 60 – 69 ของคะแนนเต็ม
ระดบั คุณภาพปรับปรุง มคี ะแนนตามเกณฑ์รบู ริคสน์ ้อยกว่ารอ้ ยละ 60 ของคะแนนเตม็
4. เกณฑ์การตดั สนิ ระดบั คุณภาพนกั เรียนจากคะแนนรวมทัง้ หมด
ระดบั บุคคล นักเรียนมีผลงานอยูใ่ นระดับ ดี ถอื วา่ ผ่าน (ประกันผลการเรียนรู้ของนักเรียน)
ระดับกลุม่ นักเรียนมีผลงานอยู่ในระดับ ดี ไมต่ ่ำกว่ารอ้ ยละ 60 ของจำนวนนกั เรียนท้งั หมด ถอื
วา่ การจัดประสบการณเ์ รียนรูต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ประสบผลสำเรจ็ (ประกนั การสอนของครู)
5. เกณฑก์ ารตัดสนิ คะแนนเกบ็ จำนวนคะแนนเกบ็ ........คะแนน จากคะแนนรวมท้ังหมด…...
คะแนน กำหนดวธิ ีการคิดคะแนนเก็บ ดงั น้ี
จำนวนคะแนนเก็บ = (จำนวนคะแนนที่ต้องการ × จำนวนคะแนนรวมทกุ กิจกรรมของนักเรยี นแตล่ ะคน)
คะแนนรวมทุกกิจกรรมทงั้ หมดของทุกกจิ กรรม
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 5
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1 รหสั วชิ า ว21101
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 สารรอบตวั เร่อื ง การเปลี่ยนแปลงของสาร เวลา 1 คาบ
ผ้สู อน นางสาวเจตนา บวั รสศักดิ์ โรงเรยี นเทศบาลเมืองสโุ ขทยั
สอนวนั ที่.........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/1)
สอนวันท.่ี ........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/2)
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหวา่ งสมบัตขิ องสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนุภาคหลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ
เกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
2. ตัวชวี้ ดั
ว 2.1 ม.1/10 อธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างพลงั งานความร้อนกับการเปล่ยี นสถานะของสสาร โดยใช้
หลักฐานเชิงประจกั ษ์และแบบจำลอง
3. สาระสำคญั
สารบางชนิดมีสี กลิ่น รูปร่าง หรือสถานะเปลี่ยนไปจากเดิม โดยไม่เกิดเป็นสารใหม่ เรียกการ
เปลี่ยนแปลงแบบนี้ว่า การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ และการเปลี่ยนแปลงของสารบางชนิดมีผลต่อ
องค์ประกอบเคมีภายใน ทำใหไ้ ดส้ ารใหมเ่ รยี กการเปลี่ยนแปลงแบบนว้ี ่า การเปล่ยี นแปลงทางเคมี
4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
1. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลังงานความร้อนกบั การเปลย่ี นสถานะของสสารได้
2. นกั เรยี นสามารถระบุการเปล่ียนแปลงสถานะของสสารทอี่ ยรู่ อบตวั ได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
3. นักเรียนสามารถทำการทดลองเกยี่ วกับการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสารได้
ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
4. นักเรียนสามารถทำงานรว่ มกับผอู้ ืน่ ได้
5. สาระการเรียนรู้
- การเปล่ียนแปลงทางกายภาพ
- การเปล่ียนแปลงทางเคมี
6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน
8. ขั้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5 Es) ซึ่งกำหนดลำดับขั้น
กิจกรรม ดังน้ี
ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (Engagement) (5 นาท)ี
1.1 นักเรยี นร่วมกันตอบคำถาม ดงั น้ี
- ก้อนน้ำแขง็ ท่ีวางท้งิ ไวก้ ลางแจ้งจะมีการเปล่ียนแปลงสถานะอยา่ งไร
(แนวคำตอบ 3 สถานะ ไดแ้ ก่ ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ )
1.2 กระตุ้นความสนใจของนักเรยี นด้วยการทดลองหน้าช้ันเรยี น เรื่อง การเปลี่ยนแปลงสถานะของ
นำ้ โดยเตรียมอุปกรณ์ ดังนี้
- นำ้ แข็ง 1 ถงุ
- น้ำในบีกเกอร์
- ฮอตเพลต (หรืออาจใชเ้ ปน็ ตะเกียงแอลกอฮอล์แทนได้)
ขั้นที่ 2 สำรวจและคน้ หา (Exploration) (15 นาที)
2.1 นกั เรยี นศกึ ษา เร่ือง การเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร ในหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1
2.2 ตวั แทนนักเรียนออกมาทำกิจกรรมตามขั้นตอน ดังน้ี
- เทน้ำแข็งลงในบีกเกอร์ แล้วให้ความร้อนจนกระทั่งน้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำ และเดือด
กลายเปน็ ไอ
- หยดุ ใหค้ วามร้อน แล้วนำกระจกนาฬิกามาปิดปากบีกเกอรใ์ นขณะทีน่ ำ้ เดือด
2.3 นักเรียนสงั เกตและจดบันทกึ การเปล่ียนแปลงสถานะของน้ำ
ขน้ั ที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (15 นาท)ี
3.1 ตัวแทนนักเรียน 3-4 คน นำเสนอผลการสังเกตการเปล่ยี นแปลงสถานะของน้ำ
3.2 นักเรียนร่วมกันอภิปรายการเปลย่ี นแปลงสถานะของน้ำ
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที)
4.1 นกั เรยี นศกึ ษาการเปลี่ยนสถานะของน้ำในธรรมชาติในหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1
4.2 นกั เรียนทำแบบฝกึ หัดในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1
ขน้ั ท่ี 5 ประเมนิ (Evaluation) (5 นาที)
5.1 ตรวจแบบฝกึ หัด
5.2 ประเมินการปฏิบัติจากการทำกจิ กรรมเรอ่ื งอุณหภูมิกับการเปล่ียนสถานะ
5.3 สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคลจากการศึกษากิจกรรมเร่ืองการเปล่ยี นสถานะของนำ้
9. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
ส่อื การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ เลม่ 1 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1
2. แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 1
3. Power Point การเปลย่ี นแปลงของสาร
4. บีกเกอร์ ขนาด 100 ml.
5. นำ้ แขง็ 1 ถงุ
6. นำ้ เปลา่
7. ฮอตเพลต (หรอื อาจใช้เปน็ ตะเกียงแอลกอฮอลแ์ ทนได้)
แหลง่ การเรียนรู้
1. ห้องเรยี น
2. อินเทอรเ์ นต็
10. ช้นิ งาน / ภาระงาน
1. แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ม.1 เลม่ 1
11. การวัดและประเมินผล
1. กรอบการวดั และประเมินผล แตล่ ะจดุ ประสงค์การเรยี นร้นู ำเสนอประเดน็ ท่ีทำการวดั และ
ประเมินผล วิธกี ารวัด และเครอื่ งมือวัด ดงั ตาราง
ตาราง : แสดงกรอบการวดั และประเมินผล
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ กี ารวัดผล เครื่องมือวัดผล เกณฑก์ ารประเมินผล
ด้านความรู้ (K) ตรวจแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60
- นักเรยี นสามารถอธิบาย วิทยาศาสตร์ ม.1 วิทยาศาสตร์ ม.1 ขน้ึ ไป ; 6 คะแนน
ความสัมพนั ธร์ ะหว่างพลังงาน จาก 10 คะแนน
ความร้อนกับการเปลยี่ นสถานะ
ของสสารได้
- นักเรยี นสามารถระบุการ
เปล่ียนแปลงสถานะของสสารท่ี
อยรู่ อบตัวได้
ดา้ นทักษะ (P) สังเกตพฤตกิ รรม แบบวดั การปฏิบัติงาน ได้คะแนนรบู ริคส์
- นกั เรียนสามารถทำการทดลอง ตง้ั แต่ 2 ขึ้นไป
เก่ยี วกับการเปลยี่ นแปลงสถานะ
ของสสารได้
ดา้ นคุณลกั ษณะ (A) สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนรูบรคิ ส์
- นักเรียนสามารถทำงานรว่ มกับ ตั้งแต่ 2 ขึ้นไป
ผู้อ่ืนได้
2. เกณฑ์การใหค้ ะแนนเกณฑร์ ูบรคิ ส์ (Rubric Score) ใหค้ ะแนนเป็นรายขอ้ ของเกณฑร์ บู ริคส์ ที่
สร้างข้นึ สำหรบั การประเมนิ (Analytical Rubric Score)
ตาราง : แสดงเกณฑ์การใหค้ ะแนนเกณฑ์รูบริคส์
ประเด็นการประเมนิ 4 (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรับปรุง)
3 (ดี) 2 (พอใช้)
1. นักเรียนสามารถอธิบาย ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 ขน้ึ ไป
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพลงั งาน
ความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะ
ของสสารได้ (K)
2. นกั เรียนสามารถระบกุ าร
เปลี่ยนแปลงสถานะของสสารที่
อยรู่ อบตัวได้ (K)
ประเดน็ การประเมนิ ระดับคุณภาพ
4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
- มีคณุ สมบตั ิ 1
3. นักเรยี นสามารถทำการ - มคี ุณสมบัติ 4 - มีคุณสมบัติ 3 - มีคุณสมบตั ิ 2 ใน 4 ของระดบั
คณุ ภาพ
ทดลองเก่ียวกับการเปล่ียนแปลง ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั
- มีคุณสมบัติ 1
สถานะของสสารได้ (P) คณุ ภาพ คณุ ภาพ คุณภาพ ใน 4 ของระดับ
คุณภาพ
คุณสมบัติ
1. ปฏิบัติการทดลองตาม
ลำดับขน้ั วธิ กี ารทดลองได้ถกู ตอ้ ง
2. บันทึกผลเป็นระยะ
อย่างถกู ต้อง
3. สรุปผลการทดลองได้
อยา่ งถูกต้อง กระชบั ชัดเจน
4. การใช้อุปกรณ์ หรื อ
เคร่ืองมือถกู ตอ้ ง
4. นักเรียนสามารถทำงานร่วมกบั - มีคุณสมบัติ 4 - มคี ุณสมบัติ 3 - มีคุณสมบตั ิ 2
ผอู้ นื่ ได้ (A) ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ
คุณสมบัติ คณุ ภาพ คุณภาพ คณุ ภาพ
1. สมาชกิ ทุกคนรว่ มกนั แสดง
ความคดิ เห็น
2. ทำงานอยา่ งเป็นระบบ
ทุกคนรหู้ นา้ ท่ีตนเอง
3. สมาชิกทกุ คนรว่ มกัน
ทำงานไดส้ ำเรจ็ ตามเวลากำหนด
4. ส่งงานครบตรงตามเวลา
กำหนด
3. เกณฑ์ประเมินระดับคณุ ภาพผลการเรยี นรู้ กำหนดระดับคณุ ภาพผลการเรยี นรรู้ ว่ มกันทุกด้าน
เป็น 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรบั ปรุง แตล่ ะระดับกำหนดเกณฑป์ ระเมินตามคะแนนเกณฑร์ บู ริคส์
ดังน้ี
ระดบั คุณภาพดมี าก มีคะแนนตามเกณฑร์ บู ริคส์ร้อยละ 80 – 100 ของคะแนนเตม็
ระดับคุณภาพดี มคี ะแนนตามเกณฑ์รบู ริคส์รอ้ ยละ 70 – 79 ของคะแนนเต็ม
ระดับคุณภาพพอใช้ มีคะแนนตามเกณฑร์ ูบริคสร์ อ้ ยละ 60 – 69 ของคะแนนเต็ม
ระดับคุณภาพปรบั ปรุง มคี ะแนนตามเกณฑร์ บู ริคส์น้อยกว่าร้อยละ 60 ของคะแนนเตม็
4. เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดับคณุ ภาพนกั เรยี นจากคะแนนรวมทง้ั หมด
ระดับบุคคล นกั เรยี นมีผลงานอย่ใู นระดบั ดี ถือว่า ผา่ น (ประกนั ผลการเรียนรู้ของนักเรยี น)
ระดบั กลุ่ม นักเรียนมผี ลงานอย่ใู นระดับ ดี ไม่ต่ำกว่ารอ้ ยละ 60 ของจำนวนนกั เรียนทง้ั หมด ถือ
วา่ การจัดประสบการณเ์ รยี นรตู้ ามแผนการจัดการเรยี นร้ปู ระสบผลสำเรจ็ (ประกนั การสอนของคร)ู
5. เกณฑก์ ารตดั สนิ คะแนนเกบ็ จำนวนคะแนนเกบ็ ........คะแนน จากคะแนนรวมท้ังหมด…...
คะแนน กำหนดวิธีการคดิ คะแนนเกบ็ ดงั น้ี
จำนวนคะแนนเกบ็ = (จำนวนคะแนนท่ีตอ้ งการ × จำนวนคะแนนรวมทุกกจิ กรรมของนักเรียนแตล่ ะคน)
คะแนนรวมทกุ กจิ กรรมทงั้ หมดของทุกกจิ กรรม
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 6
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1 รหสั วิชา ว21101
ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 สารรอบตวั เรอ่ื ง สารบรสิ ทุ ธิ์ เวลา 1 คาบ
ผู้สอน นางสาวเจตนา บัวรสศักด์ิ โรงเรยี นเทศบาลเมอื งสุโขทยั
สอนวันที่.........เดอื น......................พ.ศ. ............ (ม.1/1)
สอนวันท.่ี ........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/2)
1. มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบัตขิ องสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร
การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี
2. ตวั ช้วี ัด
ว 2.1 ม.1/7 อธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอะตอม ธาตุและสารประกอบ โดยใช้แบบจำลอง
และสารสนเทศ
3. สาระสำคญั
สารบริสุทธิ์สามารถแบ่งออกเป็นธาตุและสารประกอบ ธาตุมีองค์ประกอบเพียงชนิดเดียวและไม่
สามารถแยกสลายเป็นสารอื่นได้ด้วยวิธีทางเคมี ธาตุเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ธาตุ ส่วนสารประกอบธาตุ
องค์ประกอบตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป มีสมบัติแตกต่างจากธาตุที่เป็นองค์ประกอบ สามารถแยกองค์ประกอบของ
สารประกอบออกจากกันได้ด้วยวิธีทางเคมี สารประกอบสามารถเขียนแทนได้ด้วยสตู รเคมี โดยธาตแุ ตล่ ะชนดิ
ประกอบดว้ ยอนุภาคที่เลก็ ทสี่ ุด เรียกวา่ อะตอม
4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. นกั เรียนสามารถอธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งธาตแุ ละสารประกอบได้
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
2. นักเรยี นสามารถสบื ค้นขอ้ มูลความแตกต่างระหวา่ งธาตแุ ละสารประกอบได้
ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
3. นกั เรยี นมคี วามมงุ่ มน่ั ในการทำงาน
5. สาระการเรยี นรู้
- สารบริสทุ ธิ์
- ธาตุ
- สารประกอบ
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มีความสนใจใฝ่รู้
2. มีวนิ ัย
3. มคี วามอดทน
8. ขั้นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5 Es) ซึ่งกำหนดลำดับข้ัน
กิจกรรม ดังนี้
ขน้ั ที่ 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement) (5 นาที)
1.1 ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับธาตุและสารประกอบ โดยนักเรียนร่วมกันอภิปราย วิเคราะห์ภาพ
ต่อไปนี้
ภาพที่ 6.1 ผงคาร์บอน ภาพท่ี 6.2 แท่งชอลก์
ภาพที่ 6.3 ผงน้ำตาลทราย ภาพที่ 6.4 ทองคำ
จากภาพนกั เรียนตอบคำถาม ดงั นี้
- จากภาพนกั เรียนคิดวา่ สง่ิ ใดบา้ งทป่ี ระกอบของธาตเุ พียง 1 ชนดิ พิจารณาจากอะไร
(แนวคำตอบ ผงคาร์บอน และทองคำ)
- นกั เรยี นคิดว่า สง่ิ ใดบ้างทมี่ สี ่วนประกอบของธาตุต้งั แต่สองชนิดข้นึ ไป พิจารณาจากอะไร
(แนวคำตอบ ผงน้ำตาลทราย แทง่ ชอลก์ )
1.2 นักเรยี นรว่ มกันหาคำตอบในขั้นตอ่ ไป ดังนี้
- ธาตุและสารประกอบแตกต่างกันอย่างไร
ขนั้ ท่ี 2 สำรวจและค้นหา (exploration) (20 นาท)ี
2.1 นกั เรียนเรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 จำแนกเปน็ เกง่ ปานกลาง อ่อน 1:2:1
2.2 นักเรยี นแต่กล่มุ ดำเนินการสืบค้นข้อมลู เรอื่ ง ธาตแุ ละสารประกอบ จากแหลง่ เรียนรู้ที่ครูกำหนด
เชน่ จากใบความรู้ หนงั สอื เรียน อนิ เทอร์เน็ต เปน็ ต้น
2.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มรับใบกิจกรรมที่ 6.1 เรื่อง ข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับความ
แตกต่างระหวา่ งธาตุและสารประกอบ
2.4 นกั เรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกันตอบคำถามหลงั จากที่นักเรยี นทำการสืบค้นลงในใบกจิ กรรมที่ 6.2
ขั้นที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (explanation) (10 นาท)ี
3.1 นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายในประเดน็ ดังต่อไปน้ี
- ธาตแุ ละสารประกอบ แตกต่างกนั อย่างไร
(แนวคำตอบ ธาตุด้วยอะตอมของธาตุเพียงชนิดเดยี ว สว่ นสารประกอบคือสารทีป่ ระกอบด้วยอะตอม
ของธาตุ 2 ชนดิ ข้ึนไป)
3.2 ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับธาตุและสารประกอบ
ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) (10 นาที)
4.1 ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนตั้งคําถาม โดยให้แต่ละกลมุ่ ต้งั คําถามมา 1 ขอ้
4.2 มอบหมายให้นกั เรียนทำการสืบค้นเพิ่มเตมิ เก่ียวกับธาตุและสารประกอบ โดยต้ังคำถามดังน้ี
- สัญลักษณ์ของธาตุใช้กับสารประกอบได้ด้วยหรือไม่ ถ้าจะแสดงอัตราส่วนของธาตุที่เป็น
องคป์ ระกอบของสารประกอบจะเขยี นแสดงได้อย่างไร
ข้ันท่ี 5 ประเมิน (evaluation) (5 นาท)ี
5.1 นกั เรียนเขียนแสดงความรู้สกึ หลังการเรยี น ในประเดน็ ต่อไปน้ี
• สิ่งทีน่ ักเรียนได้เรยี นรใู้ นวนั นค้ี ืออะไร
• นักเรียนเขา้ ใจเรอ่ื งใดมากท่ีสดุ
• นักเรยี นมปี ัญหาหรอื ขอ้ สงสัยในเรอ่ื งใดบา้ ง
• นักเรยี นพึงพอใจกบั การเรียนในวันนีห้ รอื ไม่
• นักเรยี นตอ้ งการให้ครปู รบั ปรงุ การสอนในเรอื่ งใด
9. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
สือ่ การเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ เลม่ 1 ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1
2. Power Point เรือ่ ง ธาตุและสารประกอบ
3. ใบกิจกรรมที่ 6.1 และ 6.2 กลุม่ ละ 1 ชุด
4. ภาพผงคาร์บอน ชอล์ก น้ำตาลทราย และทองคำ
แหล่งการเรียนรู้
1. หอ้ งเรียน
2. อนิ เทอรเ์ น็ต
10. ช้นิ งาน/ภาระงาน
1. ใบกิจกรรมท่ี 6.1 เร่ือง ข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการสืบคน้ ข้อมลู เกีย่ วกบั ความแตกตา่ งระหวา่ งธาตแุ ละ
สารประกอบ
2. ใบกิจกรรมท่ี 6.2 เรื่อง อภิปรายและลงข้อสรปุ ข้อมูลผลสืบค้นขอ้ มูลความแตกตา่ งระหว่างธาตุ
และสารประกอบ
11. การวดั และประเมินผล
1. กรอบการวัดและประเมินผล แต่ละจุดประสงค์การเรียนรู้นำเสนอประเด็นที่ทำการวัด และ
ประเมินผล วิธกี ารวดั และเครือ่ งมือวัด ดังตาราง
ตาราง : แสดงกรอบการวดั และประเมนิ ผล
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการวดั ผล เครื่องมือวดั ผล เกณฑก์ ารประเมินผล
ใบกิจกรรมที่ 6.2
ดา้ นความรู้ (K) ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60
แบบวัดการปฏิบตั งิ าน ขน้ึ ไป ; 6 คะแนน
- นกั เรียนสามารถอธบิ ายความ ตรวจใบกิจกรรมที่ 6.2 จาก 10 คะแนน
แตกตา่ งระหว่างธาตุและ
ไดค้ ะแนนรูบรคิ ส์
สารประกอบได้ ตัง้ แต่ 2 ข้ึนไป
ดา้ นทักษะ (P)
- นกั เรียนสามารถสืบคน้ ข้อมูล ตรวจใบกจิ กรรมที่ 6.1
ความแตกต่างระหว่างธาตุและ
สารประกอบได้
ดา้ นคุณลักษณะ (A) สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ได้คะแนนรบู ริคส์
- นกั เรียนมีความมุ่งมนั่ ใน ตัง้ แต่ 2 ข้ึนไป
การทำงาน
2. เกณฑ์การใหค้ ะแนนเกณฑร์ บู ริคส์ (Rubric Score) ให้คะแนนเป็นรายขอ้ ของเกณฑร์ บู รคิ ส์ ที่
สรา้ งขน้ึ สำหรบั การประเมนิ (Analytical Rubric Score)
ตาราง : แสดงเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนเกณฑร์ ูบริคส์
ประเด็นการประเมนิ 4 (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรับปรงุ )
3 (ดี) 2 (พอใช้)
- มคี ุณสมบตั ิ 1
1. นกั เรยี นสามารถอธิบาย ใน 4 ของระดบั
คุณภาพ
ความแตกต่างระหวา่ งธาตุ ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 ขนึ้ ไป
- มีคณุ สมบัติ 1
และสารประกอบได้ (K) ใน 4 ของระดับ
คุณภาพ
2. นักเรยี นสามารถสบื คน้ - มีคุณสมบัติ 4 - มีคุณสมบตั ิ 3 - มีคณุ สมบตั ิ 2
ขอ้ มูลความแตกตา่ งระหวา่ ง ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั
ธาตแุ ละสารประกอบได้ (P) คุณภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ
คุณสมบตั ิ
1. มีความสอดคลอ้ งกบั
ข้อมลู
2. มขี ้อมลู ไดค้ รบถว้ น
3. ดำเนินการสบื คน้
ข้อมูลตามส่อื แต่ละประเภท
ชนิดท่ีกำหนดข้ึน
4. แสดงแหลง่ อา้ งอิง
ข้อมูลท่ีทำการครบถ้วน
3. นกั เรยี นมีความมุ่งมน่ั ใน - มีคณุ สมบัติ 4 - มีคุณสมบัติ 3 - มคี ณุ สมบตั ิ 2
การทำงาน (A) ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดับ
คณุ สมบตั ิ คุณภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ
1. รับผดิ ชอบต่องานท่ี
ไดร้ ับมอบหมาย
2. อดทน ไมย่ ่อท้อต่อ
อปุ สรรคในการทำงาน
3. พยายามแก้ปัญหา
ในการทำงานใหแ้ ล้วเสร็จ
4. ทำงานเสรจ็ ตาม
เป้าหมาย
3. เกณฑป์ ระเมนิ ระดับคณุ ภาพผลการเรยี นรู้ กำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนร้รู ่วมกันทุกดา้ น
เปน็ 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรับปรุง แตล่ ะระดับกำหนดเกณฑ์ประเมินตามคะแนนเกณฑ์รบู ริคส์
ดงั นี้
ระดับคุณภาพดีมาก มีคะแนนตามเกณฑ์รบู รคิ ส์ร้อยละ 80 – 100 ของคะแนนเตม็
ระดับคุณภาพดี มคี ะแนนตามเกณฑร์ ูบริคสร์ ้อยละ 70 – 79 ของคะแนนเต็ม
ระดับคุณภาพพอใช้ มคี ะแนนตามเกณฑร์ บู รคิ ส์ร้อยละ 60 – 69 ของคะแนนเต็ม
ระดับคุณภาพปรับปรงุ มีคะแนนตามเกณฑร์ บู ริคส์น้อยกว่าร้อยละ 60 ของคะแนนเตม็
4. เกณฑ์การตัดสินระดับคุณภาพนกั เรยี นจากคะแนนรวมทงั้ หมด
ระดับบุคคล นักเรียนมีผลงานอยูใ่ นระดับ ดี ถอื ว่า ผา่ น (ประกนั ผลการเรียนรู้ของนักเรยี น)
ระดับกลุม่ นักเรยี นมีผลงานอยู่ในระดับ ดี ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของจำนวนนกั เรียนทัง้ หมด
ถอื ว่า การจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแผนการจดั การเรยี นรูป้ ระสบผลสำเร็จ (ประกนั การสอนของคร)ู
5. เกณฑ์การตัดสินคะแนนเกบ็ จำนวนคะแนนเก็บ........คะแนน จากคะแนนรวมท้ังหมด…...
คะแนน กำหนดวิธีการคิดคะแนนเกบ็ ดังนี้
จำนวนคะแนนเกบ็ = (จำนวนคะแนนทีต่ ้องการ × จำนวนคะแนนรวมทุกกจิ กรรมของนักเรยี นแต่ละคน)
คะแนนรวมทกุ กจิ กรรมท้งั หมดของทุกกจิ กรรม
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 7
กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1 รหสั วชิ า ว21101
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 สารรอบตวั เรอื่ ง โครงสรา้ งอะตอม เวลา 1 คาบ
ผู้สอน นางสาวเจตนา บัวรสศกั ด์ิ โรงเรยี นเทศบาลเมืองสุโขทัย
สอนวันท.่ี ........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/1)
สอนวนั ที.่ ........เดอื น......................พ.ศ. ............ (ม.1/2)
1. มาตรฐานการเรียนรู้
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหวา่ งสมบัติของสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาคหลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ
เกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี
2. ตวั ชวี้ ดั
ว 2.1 ม.1/7 อธบิ ายเกีย่ วกับความสัมพันธร์ ะหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบ โดยใช้แบบจำลอง
และสารสนเทศ
ว 2.1 ม.1/8 อธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน โดยใช้
แบบจำลอง
3. สาระสำคญั
สสารแต่ละชนิดล้วนประกอบด้วยหน่วยที่เล็กที่สุด เรียกว่า อะตอม มีนักวิทยาศาสตร์เสนอ
แบบจำลองอะตอมและได้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จากแบบจำลองอะตอมทำให้ทราบว่า
อะตอมประกอบด้วยอนุภาคมลู ฐาน คือ โปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอน
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. นักเรยี นสามารถอธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมที่ประกอบดว้ ยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนได้
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
2. นักเรยี นสามารถจำแนกแบบจำลองอะตอมได้
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
3. นักเรียนสามารถทำงานรว่ มกับผู้อื่นได้
5. สาระการเรียนรู้
โครงสรา้ งอะตอม
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีความสนใจใฝ่รู้
2. มวี ินัย
3. มีความอดทน
8. ขน้ั การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5 Es) ซึ่งกำหนดลำดับขั้น
กจิ กรรม ดังน้ี
ขัน้ ที่ 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) (10 นาท)ี
1.1 นักเรียนแข่งขันกันฝนดนิ สอใหบ้ ริเวณไส้แกรไฟต์มีขนาดเล็กที่สุด นักเรียนคนใดคิดว่าไส้ดนิ สอ
ของตนมีขนาดเล็กสุดแล้ว ให้นำผลงานมาให้ครูพิจารณา โดยครูใช้แว่นขยายส่องพร้อมเสนอว่าไส้ดินสอ
ดังกล่าวยังมีขนาดไม่เล็กพอ จากนั้นให้นักเรียนนำไส้ดินสอกลับไปฝนใหม่ ให้มีขนาดเล็กจนไม่สามารถฝนให้
เล็กลงกว่าเดิมไดอ้ ีก
1.2 นักเรียนร่วมกนั อภปิ ราย โดยครูใช้คำถามดังน้ี
- นักเรียนคดิ วา่ ไส้ดินสอท่นี กั เรยี นฝนได้ มีขนาดเลก็ ทีส่ ุดแล้วหรือยงั เพราะเหตใุ ด
(แนวคำตอบ ยังไม่เล็กที่สุด เพราะเมื่อส่องดูด้วยแว่นขยาย สามารถสังเกตได้ว่ายังประกอบด้วย
องคป์ ระกอบทเี่ ลก็ ลงไปอกี )
- สมมติว่านักเรียนสามารถฝนไส้ดินสอให้ได้ขนาดเล็กที่สุด จนไม่สามารถแบ่งแยกได้อีก สิ่งดัง
กล่าวคืออะไร
(แนวคำตอบ นักเรียนอาจตอบว่า)
ขั้นท่ี 2 สำรวจและค้นหา (exploration) (15 นาที)
2.1 ครทู บทวนแบบจำลองโครงสร้างอะตอมในยุคตา่ งๆ แล้วใหน้ กั เรียนสังเกตการเปลี่ยนแปลงของ
แบบจำลองโครงสรา้ งอะตอมในยคุ ต่างๆ
2.2 นักเรียนศึกษาโครงสร้างพื้นฐานของอะตอมในหนังสือเรียน แล้วจับคู่กันสรุปอนุภาคมูลฐาน
อะตอม เมือ่ ได้ข้อสรปุ ร่วมกนั แลว้ ใหน้ ำข้อมลู ไปแลกเปลีย่ นความรกู้ บั เพื่อนในกลุม่
ข้นั ท่ี 3 อธิบายและลงข้อสรปุ (explanation) (35 นาที)
3.1 นักเรียนร่วมกันอภิปราย โดยใช้แนวคำถามตอ่ ไปนี้
- อนภุ าคมลู ฐานของอะตอมประกอบด้วยอะไรบา้ ง
(แนวคำตอบ โปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอน)
- แต่ละอนุภาคมูลฐานของอะตอมเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์มีมวล และชนิดของประจุไฟฟ้า เป็น
อยา่ งไร
(แนวคำตอบ โปรตอน สัญลักษณ์ p มีประจุ + , นิวตรอน สัญลักษณ์ n ไม่มีประจุ , อิเล็กตรอน
สัญลักษณ์ e มีประจุ -)
3.2 นักเรียนร่วมกันตอบคำถามเกี่ยวกับสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ เพื่อขยายความเข้าใจของ
นกั เรียน
- ในสัญลักษณ์นิวเคลยี รข์ องธาตุ จะมตี วั เลขกำกับไว้ 2 ตัว ตัวเลขสองตวั นน้ั หมายถึงอะไร
(แนวคำตอบ ตวั เลขด้านบน คือเลขมวล ซ่งึ หมายถงึ จำนวน p + n ตวั เลขด้านลา่ ง คือ เลขอะตอม
คือ จำนวน p ซงึ่ จะเท่ากบั จำนวน e กรณที ่อี ะตอมน้นั เปน็ กลางทางไฟฟา้ )
3.3 นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปองค์ความรู้ในประเด็นอะตอม, องค์ประกอบของอะตอม และ
สัญลักษณ์นิวเคลียร์ โดยครูแจกกระดาษบรู๊ฟและปากกาเมจิกให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม นักเรียนตกแต่งให้
สวยงามน่าสนใจ
ข้ันที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) (15 นาท)ี
4.1 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มตดิ ผลงานกลมุ่ ทผี่ นังใกล้กบั โต๊ะกลุม่ คัดเลือกตัวแทนนำเสนอหรือตอบคำถาม
1 คน ยืนประจำกลุม่ จากน้นั ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มเดนิ ศึกษาผลงานกลมุ่ อนื่ สามารถสอบถาม อธิบาย อภิปราย
เม่ือมีข้อสงสัย โดยสมาชิกกลุม่ ตัวแทนจะทำหน้าที่ตอบคำถาม สมาชกิ กลุ่มอืน่ สามารถเขยี นข้อเสนอแนะ หรือ
ขอ้ ชืน่ ชม ด้วยปากกาประจำกล่มุ เชน่
1) กลุม่ ที่ 1 สมี ว่ ง
2) กลุม่ ที่ 2 สีนำ้ เงนิ
3) กล่มุ ท่ี 3 สีเขียว
4) กลมุ่ ท่ี 4 สีดำ
5) กลมุ่ ที่ 5 สนี ้ำตาล
4.2 สมาชิกกลุ่ม คัดเลือกกลุ่มผลงานยอดเยี่ยม โดยครูมอบสติกเกอร์ดาวให้กลุ่มละ 1 ดวง จากน้ัน
นำไปติดบนกระดาษผลงานให้กับกลุ่มที่นักเรียนคิดว่าผลงานยอดเยี่ยมที่สุด ครูกล่าวชมเชยนักเรียนกลุ่มท่ี
ไดร้ ับรางวัล และกลา่ วชมเชยนกั เรยี นทุกคนทตี่ ั้งใจศกึ ษา
ข้นั ที่ 5 ประเมนิ (evaluation) (20 นาที)
5.1 นกั เรียนทำใบกจิ กรรมที่ 7.1 เรอ่ื ง โครงสร้างอะตอม
5.2 ครูและนักเรียนร่วมกนั เฉลยใบกิจกรรมที่ 7.1 เร่ือง โครงสรา้ งอะตอม
5.3 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปและตอบข้อซกั ถามเกี่ยวกบั โครงสรา้ งอะตอม
9. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
สอื่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ เล่ม 1 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1
2. Power Point โครงสรา้ งอะตอม
3. แบบจำลองอะตอมของดอลตัน ทอมสัน รทั เทอร์ฟอร์ด โบร์ และแบบจำลองแบบกลุ่มหมอก
4. ดนิ สอไม้
5. แวน่ ขยาย
6. กระดาษบรู๊ฟ
7. ปากกาเมจิก
8. สตกิ๊ เกอร์ดาว
แหลง่ การเรยี นรู้
1. หอ้ งเรียน
2. อินเทอรเ์ นต็
10. ชิ้นงาน / ภาระงาน
1. ใบกิจกรรมท่ี 7.1 เร่ือง โครงสร้างอะตอม
11. การวัดและประเมินผล
1. กรอบการวัดและประเมินผล แต่ละจุดประสงค์การเรียนรู้นำเสนอประเด็นที่ทำการวัด และ
ประเมินผล วิธกี ารวดั และเครอื่ งมอื วัด ดังตาราง
ตาราง : แสดงกรอบการวดั และประเมนิ ผล
จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี ารวัดผล เครอ่ื งมือวดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ด้านความรู้ (K) ตรวจใบกิจกรรมท่ี 7.1 ใบกจิ กรรมท่ี 7.1 เรอ่ื ง ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60
- นักเรียนสามารถอธิบาย เรอ่ื ง โครงสร้างอะตอม โครงสรา้ งอะตอม ข้ึนไป ; 6 คะแนน
โครงสร้างอะตอมที่ จาก 10 คะแนน
ประกอบดว้ ยโปรตอน
นิวตรอน และอิเล็กตรอนได้
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวัดผล เคร่ืองมอื วดั ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล
ด้านทักษะ (P) ตรวจใบกจิ กรรมท่ี 7.1 ใบกิจกรรมท่ี 7.1 เรอื่ ง ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60
- นักเรยี นสามารถจำแนก เรอ่ื ง โครงสรา้ งอะตอม โครงสร้างอะตอม ขนึ้ ไป ; 6 คะแนน
แบบจำลองอะตอมได้ จาก 10 คะแนน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A)
- นกั เรยี นสามารถทำงาน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ไดค้ ะแนนรูบริคส์
ร่วมกับผ้อู ืน่ ได้ ตั้งแต่ 2 ขน้ึ ไป
2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนเกณฑ์รบู ริคส์ (Rubric Score) ให้คะแนนเป็นรายขอ้ ของเกณฑร์ ูบริคส์ ที่
สรา้ งขน้ึ สำหรับการประเมนิ (Analytical Rubric Score)
ตาราง : แสดงเกณฑก์ ารให้คะแนนเกณฑ์รบู ริคส์
ประเด็นการประเมนิ 4 (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรับปรุง)
3 (ดี) 2 (พอใช้)
1. นักเรียนสามารถอธิบาย
โครงสรา้ งอะตอมที่ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 ขน้ึ ไป
ประกอบดว้ ยโปรตอน นวิ ตรอน
และอเิ ล็กตรอนได้ (K)
2. นักเรียนสามารถจำแนก ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 ขึ้นไป
แบบจำลองอะตอมได้ (P)
3. นกั เรยี นสามารถทำงาน - มคี ุณสมบัติ 4 ใน - มคี ณุ สมบัติ 3 - มีคุณสมบัติ 2 - มคี ณุ สมบตั ิ 1
ร่วมกบั ผู้อน่ื ได้ (A) 4 ของระดับ
คณุ สมบัติ คณุ ภาพ ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั
1. สมาชกิ ทุกคนรว่ มกัน คุณภาพ คณุ ภาพ คุณภาพ
แสดงความคิดเห็น
2. ทำงานอย่างเปน็ ระบบ
ทุกคนรหู้ นา้ ที่ตนเอง
3. สมาชิกทกุ คนร่วมกนั
ทำงานได้สำเร็จตามเวลา
กำหนด
4. ส่งงานครบตรงตาม
เวลากำหนด
3. เกณฑป์ ระเมนิ ระดบั คณุ ภาพผลการเรยี นรู้ กำหนดระดับคุณภาพผลการเรยี นรู้รว่ มกันทกุ ด้าน
เปน็ 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรับปรงุ แตล่ ะระดับกำหนดเกณฑป์ ระเมนิ ตามคะแนนเกณฑ์รูบริคส์
ดงั น้ี
ระดบั คุณภาพดีมาก มคี ะแนนตามเกณฑ์รูบริคสร์ อ้ ยละ 80 – 100 ของคะแนนเตม็
ระดบั คุณภาพดี มคี ะแนนตามเกณฑ์รูบรคิ สร์ ้อยละ 70 – 79 ของคะแนนเต็ม
ระดบั คุณภาพพอใช้ มีคะแนนตามเกณฑ์รบู ริคสร์ อ้ ยละ 60 – 69 ของคะแนนเต็ม
ระดับคุณภาพปรับปรงุ มคี ะแนนตามเกณฑ์รูบริคสน์ ้อยกว่าร้อยละ 60 ของคะแนนเต็ม
4. เกณฑก์ ารตัดสินระดับคุณภาพนกั เรยี นจากคะแนนรวมทั้งหมด
ระดบั บคุ คล นักเรียนมีผลงานอยใู่ นระดับ ดี ถอื ว่า ผ่าน (ประกนั ผลการเรียนรู้ของนักเรยี น)
ระดับกลุม่ นักเรยี นมผี ลงานอยู่ในระดับ ดี ไม่ต่ำกวา่ ร้อยละ 60 ของจำนวนนกั เรียนทัง้ หมด ถอื
วา่ การจัดประสบการณ์เรียนรู้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ประสบผลสำเร็จ (ประกันการสอนของคร)ู
5. เกณฑ์การตดั สินคะแนนเกบ็ จำนวนคะแนนเกบ็ ........คะแนน จากคะแนนรวมท้ังหมด…...
คะแนน กำหนดวธิ กี ารคดิ คะแนนเกบ็ ดังนี้
จำนวนคะแนนเกบ็ = (จำนวนคะแนนท่ีตอ้ งการ × จำนวนคะแนนรวมทกุ กิจกรรมของนักเรยี นแตล่ ะคน)
คะแนนรวมทุกกิจกรรมทั้งหมดของทกุ กิจกรรม
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 รหสั วชิ า ว21101
ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 สารรอบตวั เร่ือง สรา้ งแบบจำลองโครงสร้างอะตอม เวลา 1 คาบ
ผสู้ อน นางสาวเจตนา บวั รสศกั ด์ิ โรงเรยี นเทศบาลเมืองสโุ ขทยั
สอนวนั ที่.........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/1)
สอนวันที่.........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/2)
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหว่างสมบัตขิ องสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร
การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี
2. ตวั ชวี้ ดั
ว 2.1 ม.1/8 อธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน โดยใช้
แบบจำลอง
3. สาระสำคัญ
ธาตุต่างๆ จะมีอนุภาคที่เล็กมาก เรียกว่า “อะตอม” ภายในโครงสร้างอะตอมของธาตุต่างๆ
ประกอบด้วย อนุภาคมูลฐาน และจัดเรียงตัวกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งสามารถช่วยอธิบายสมบัติทางเคมีของ
สสาร และก่อใหเ้ กิดประโยชนม์ ากมาย
4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. นกั เรยี นสามารถอธิบายโครงสรา้ งอะตอมจากแบบจำแบบลองได้
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
2. นกั เรยี นสามารถสรา้ งแบบจำลองอะตอมได้
ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
3. นักเรียนมคี วามม่งุ มนั่ ในการทำงาน
5. สาระการเรยี นรู้
สรา้ งแบบจำลองโครงสรา้ งอะตอม
6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีความสนใจใฝ่รู้
2. มวี นิ ยั
3. มคี วามอดทน
8. ข้นั การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5 Es) ซึ่งกำหนดลำดับข้ัน
กจิ กรรม ดงั นี้
ขัน้ ที่ 1 สรา้ งความสนใจ (Engagement) (5 นาท)ี
1.1 นักเรียนร่วมเลน่ กิจกรรม Kahoot! เรื่องโครงสร้างอะตอม จำนวน 10 ข้อ เพื่อทบทวนเนื้อหาใน
คาบเรียนที่ผ่านมา และกระตุ้นความสนใจก่อนเรียน (หากมีข้อจำกัดในการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะให้
นักเรียนทำแบบทดสอบทบทวนความรู้แทน)
ขนั้ ท่ี 2 สำรวจและค้นหา (exploration) (10 นาท)ี
2.1 นักเรียนแบง่ กลุ่ม ออกเป็น 5 กลุ่ม โดยแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ศึกษาความรู้เรื่องโครงสร้างอะตอมจาก
ใบความรู้ หนังสือเรียน และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ โดยครูคอยช่วยเหลือ และให้คำแนะนำ พร้อมทั้งสังเกต
พฤตกิ รรมของนกั เรยี นในขณะทำกิจกรรม
2.2 นักเรียนในแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับโครงสร้างอะตอมของดอลตัน ทอมสัน
รทั เทอร์ฟอรด์ โบร์ และแบบกล่มุ หมอก เพือ่ แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ในกลมุ่
ข้นั ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) (15 นาท)ี
3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมาหมุนวงล้อ เพื่อสุ่มว่ากลุ่มของตนเองจะได้สร้างแบบจำลอง
โครงสรา้ งอะตอมรูปแบบใด
3.2 เมอ่ื แต่ละกลมุ่ ไดร้ บั มอบหมายใหส้ รา้ งแบบจำลองอะตอมในรูปแบบทส่ี ่มุ ได้แลว้ ครกู แ็ จกอุปกรณ์
ในการสร้างแบบจำลอง
ข้นั ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) (15 นาที)
4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มนำผลงานของกลุ่มตนเองวางไว้ตรงจุดที่ครูกำหนดให้ กลุ่มคัดเลือกตัวแทน
นำเสนอหรือตอบคำถาม 1 คน ยืนประจำกลุ่ม (โดยจะต้องเป็นนักเรียนที่ไม่เคยเป็นตัวแทนนำเสนอ) จากนั้น
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเดินศึกษาผลงานกลุม่ อื่น สามารถสอบถาม อธิบาย อภิปราย เมื่อมีข้อสงสัย โดยสมาชิก
กลุ่มตัวแทนจะทำหน้าที่ตอบคำถาม สมาชิกกลุ่มอื่นสามารถเขียนข้อเสนอแนะ หรือข้อชื่นชม ด้วยปากกา
ประจำกลุ่ม ดังนี้
1) กลมุ่ ที่ 1 สมี ว่ ง
2) กลมุ่ ท่ี 2 สีนำ้ เงิน
3) กลุ่มที่ 3 สีเขยี ว
4) กลุม่ ที่ 4 สีดำ
5) กลุ่มท่ี 5 สีนำ้ ตาล
4.1 สมาชิกกลุ่ม คัดเลือกกลุ่มผลงานยอดเยี่ยม โดยครูมอบสติ๊กเกอร์ดาวให้กลุ่มละ 1 ดวง จากน้ัน
นำไปติดบนกระดาษผลงาน ให้กับกลุ่มที่นักเรียนคิดว่าผลงานยอดเยี่ยมที่สุด ครูกล่าวชมเชยนักเรียนที่ได้รับ
รางวัล และกล่าวชมเชยนกั เรยี นทกุ คนที่ต้งั ใจศึกษา
ข้ันท่ี 5 ประเมนิ (evaluation) (5 นาที)
5.1 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับความรู้ท่ไี ด้จากการศกึ ษาเรอื่ งโครงสร้างอะตอม
5.2 นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น จำนวน 10 ข้อ
9. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
สื่อการเรียนรู้
1. หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ เล่ม 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1
2. Power Point โครงสรา้ งแบบจำลอง
3. ปากกาเมจิก
4. สต๊กิ เกอร์ดาว
5. โปรแกรม Kahoot!
แหล่งการเรียนรู้
1. ห้องเรียน
2. อินเทอรเ์ นต็
10. ชิน้ งาน/ภาระงาน
1. ใบงานที่ 8.1 เรอื่ ง แบบจำลองโครงสรา้ งอะตอม
11. การวดั และประเมินผล
1. กรอบการวัดและประเมินผล แต่ละจุดประสงค์การเรียนรู้นำเสนอประเด็นที่ทำการวัด และ
ประเมินผล วิธกี ารวดั และเครอื่ งมอื วดั ดงั ตาราง
ตาราง : แสดงกรอบการวดั และประเมินผล
จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวัดผล เคร่อื งมอื วัดผล เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ใบงานที่ 8.1
ด้านความรู้ (K) ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60
ขึน้ ไป ; 6 คะแนน
- นกั เรยี นสามารถอธบิ าย ตรวจใบงานท่ี 8.1 จาก 10 คะแนน
โครงสร้างอะตอมจากแบบ
จำแบบลองได้
ด้านทักษะ (P) ตรวจใบงานที่ 8.1 แบบวัดการปฏิบัติงาน ได้คะแนนรบู รคิ ส์
- นกั เรยี นสามารถสร้าง ต้ังแต่ 2 ขน้ึ ไป
แบบจำลองอะตอมได้
ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ไดค้ ะแนนรูบริคส์
- นักเรยี นมคี วามมุ่งม่นั ใน ต้งั แต่ 2 ขน้ึ ไป
การทำงาน
2. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนเกณฑร์ ูบรคิ ส์ (Rubric Score) ให้คะแนนเปน็ รายข้อของเกณฑ์รูบริคส์ ท่ี
สร้างขน้ึ สำหรับการประเมนิ (Analytical Rubric Score)
ตาราง : แสดงเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนเกณฑ์รูบริคส์
ประเดน็ การประเมิน 4 (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรับปรงุ )
3 (ดี) 2 (พอใช้)
1. นักเรยี นสามารถอธบิ าย
โครงสร้างอะตอมจากแบบ ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 ขึ้นไป
จำแบบลองได้ (K)
ประเด็นการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ
4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
- มีคณุ สมบัติ 1
2. นกั เรียนสามารถสรา้ ง - มีคณุ สมบัติ 4 - มคี ุณสมบัติ 3 - มีคณุ สมบตั ิ 2 ใน 4 ของระดับ
แบบจำลองอะตอมได้ (P) ใน 4 ของระดบั คณุ ภาพ
ใน 4 ของระดับ ใน 4 ของระดบั
- มคี ุณสมบัติ 1
คุณสมบตั ิ คุณภาพ คุณภาพ คุณภาพ ใน 4 ของระดบั
คณุ ภาพ
1. มคี วามสอดคลอ้ งกับ
ขอ้ มลู
2. มีข้อมูลไดค้ รบถ้วน
3. ใชว้ สั ดไุ ด้อยา่ ง
ถูกต้อง
4. มกี ารออกแบบ/ร่าง
แบบจำลองก่อนลงมือสรา้ ง
3. นกั เรียนมคี วามมุ่งมั่นใน - มีคณุ สมบตั ิ 4 - มีคุณสมบตั ิ 3 - มคี ุณสมบัติ 2
การทำงาน (A) ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั ใน 4 ของระดบั
คณุ สมบัติ คณุ ภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ
1. รับผิดชอบตอ่ งานที่
ไดร้ บั มอบหมาย
2. อดทน ไม่ย่อท้อต่อ
อปุ สรรคในการทำงาน
3. พยายามแก้ปญั หา
ในการทำงานใหแ้ ลว้ เสร็จ
4. ทำงานเสรจ็ ตาม
เป้าหมาย
3. เกณฑป์ ระเมินระดบั คณุ ภาพผลการเรียนรู้ กำหนดระดับคณุ ภาพผลการเรยี นรูร้ ว่ มกันทุกด้าน
เป็น 4 ระดบั คือ ดีมาก ดี พอใช้ และปรบั ปรงุ แตล่ ะระดับกำหนดเกณฑป์ ระเมนิ ตามคะแนนเกณฑ์รบู ริคส์
ดังนี้
ระดบั คุณภาพดีมาก มคี ะแนนตามเกณฑร์ ูบรคิ ส์ร้อยละ 80 – 100 ของคะแนนเตม็
ระดบั คุณภาพดี มีคะแนนตามเกณฑร์ บู ริคสร์ ้อยละ 70 – 79 ของคะแนนเต็ม
ระดบั คุณภาพพอใช้ มีคะแนนตามเกณฑร์ ูบริคสร์ ้อยละ 60 – 69 ของคะแนนเต็ม
ระดบั คุณภาพปรับปรุง มีคะแนนตามเกณฑ์รูบริคสน์ ้อยกว่าร้อยละ 60 ของคะแนนเต็ม
4. เกณฑ์การตัดสนิ ระดับคุณภาพนักเรียนจากคะแนนรวมท้ังหมด
ระดบั บุคคล นกั เรยี นมผี ลงานอยใู่ นระดับ ดี ถอื ว่า ผ่าน (ประกนั ผลการเรยี นรู้ของนักเรยี น)
ระดับกล่มุ นักเรยี นมผี ลงานอยูใ่ นระดับ ดี ไม่ต่ำกวา่ รอ้ ยละ 60 ของจำนวนนกั เรยี นทง้ั หมด
ถอื ว่า การจัดประสบการณเ์ รียนรูต้ ามแผนการจัดการเรียนรปู้ ระสบผลสำเร็จ (ประกนั การสอนของคร)ู
5. เกณฑก์ ารตัดสนิ คะแนนเกบ็ จำนวนคะแนนเก็บ........คะแนน จากคะแนนรวมทั้งหมด…...
คะแนน กำหนดวิธกี ารคิดคะแนนเก็บ ดังน้ี
จำนวนคะแนนเก็บ = (จำนวนคะแนนที่ตอ้ งการ × จำนวนคะแนนรวมทกุ กจิ กรรมของนักเรยี นแตล่ ะคน)
คะแนนรวมทุกกจิ กรรมท้ังหมดของทุกกจิ กรรม
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 9
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 รหสั วชิ า ว21101
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 สารรอบตวั เร่ือง ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ เวลา 1 คาบ
ผู้สอน นางสาวเจตนา บัวรสศกั ดิ์ โรงเรยี นเทศบาลเมืองสุโขทัย
สอนวันท.ี่ ........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/1)
สอนวันท.ี่ ........เดือน......................พ.ศ. ............ (ม.1/2)
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหว่างสมบตั ขิ องสสาร
กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการ เปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร
การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี
2. ตวั ชี้วัด
ว 2.1 ม.1/1 อธิบายสมบัติทางกายภาพบางประการของ ธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดยใช้
หลกั ฐาน เชงิ ประจักษ์ที่ไดจ้ ากการสังเกตและการทดสอบ และใชส้ ารสนเทศทีไ่ ดจ้ ากแหล่งข้อมูลต่างๆ รวมท้ัง
จดั กลมุ่ ธาตุเปน็ โลหะ อโลหะ และ ก่งึ โลหะ
3. สาระสำคญั
สารผสมแบ่งเป็นสารผสมเนื้อเดียวและสารผสมเนื้อผสม สารผสมสามารถแยกออกจากกันโดยใช้วิธี
ต่างๆ ขึ้นอยู่กับสมบัติเฉพาะของสาร สารบริสุทธิ์เป็นสารเพียงชนิดเดียว มีสมบัติคงที่แบ่งเป็นธาตุและ
สารประกอบ ธาตุแบ่งออกเป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ธาตุและสารประกอบสามารถนำไปใช้ประโยชน์ใน
ชวี ิตประจำวนั ธาตุกมั มนั ตรังสสี ามารถแผ่รังสีได้ กมั มันตภาพรังสมี ีท้งั ประโยชน์และอนั ตรายตอ่ สิง่ มชี วี ติ
4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. นกั เรยี นสามารถอธิบายสมบัตขิ องธาตโุ ลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
2. นกั เรียนสามารถสบื ค้นสมบัตทิ างกายภาพของธาตโุ ลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะได้
ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
3. นักเรยี นมีความใฝ่เรยี นรู้