๑๐๑
๑๐๒
๑๐๓
๑๐๔
๑๐๕
๑๐๖
๑๐๗
๑๐๘
๑๐๙
๑๑๐
๑๑๑
๑๑๒
ส่วนท่ี ๔
ผลการประเมินภายนอกรอบทส่ี าม
ผลการประเมินคุ ภาพภายนอกรอบสาม
โรงเรียนกู่สวนแตงพิทยาคม ได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกจาก สมศ.รอบสาม เมื่อวันที่ ๒๕ - ๒๗
ธันวาคม ๒๕๕๖
ผลการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษา ซึ่งสรุปผลการประเมินโดยภาพรวมตามมาตรฐานเป็น
ตารางดงั ตอ่ ไปน้ี
ตารางสรปุ ผลการประเมนิ คุ ภาพภายนอกรอบสาม จำแนกตามกลมุ่ ตวั บ่งชี้
การศึกษาขัน้ พื้นฐาน น้ำหนกั คะแนน ระดับ
(ประถมศกึ ษา และ มธั ยมศกึ ษา) (คะแนน) ท่ไี ด้ คุ ภาพ
กลุ่มตัวบ่งช้พี ้นื ฐาน
๑๐.๐๐ ๙.๘๙ ดีมาก
ตัวบ่งชที้ ่ี ๑ ผเู้ รยี นมสี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตที่ดี ๑๐.๐๐ ๙.๖๗ ดมี าก
ตัวบง่ ชี้ที่ ๒ ผู้เรยี นมีคณุ ธรรม จริยธรรมและคา่ นิยมทพี่ งึ ประสงค์ ๑๐.๐๐ ๙.๕๕ ดีมาก
ตวั บ่งชีท้ ี่ ๓ ผ้เู รยี นมคี วามใ รู้ และเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง ๑๐.๐๐ ๘.๗๔
ตัวบ่งชี้ที่ ๔ ผู้เรียนคิดเปน็ ทำเป็น ๒๐.๐๐ ๘.๓๒ ดี
ตัวบง่ ชท้ี ่ี ๕ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของผเู้ รียน ๑๐.๐๐ ๑๐.๐๐ พอใช้
ตวั บง่ ชที้ ี่ ๖ ประสิทธิผลของการจดั การเรยี นการสอนท่ีเน้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญ ๕.๐๐ ๔.๕๐ ดมี าก
ตัวบง่ ชี้ที่ ๗ ประสิทธภิ าพของการบรหิ ารจัดการและการพฒั นาสถานศกึ ษา ๕.๐๐ ๔.๗๔ ดมี าก
ตัวบง่ ช้ที ี่ ๘ พฒั นาการของการประกนั คณุ ภาพภายในโดยสถานศึกษาและตน้ สงั กดั ดมี าก
กลุ่มตัวบ่งช้อี ัตลักษ ์ ๕.๐๐ ๕.๐๐
ตัวบ่งชี้ที่ ๙ ผลการพัฒนาให้บรรลุตามปรัชญา ปณิธาน/วิสัยทัศน์ พันธกิจ และ ดมี าก
วตั ถปุ ระสงค์ของการจัดตัง้ สถานศึกษา ๕.๐๐ ๕.๐๐
ตัวบ่งชี้ที่ ๑๐ ผลการพัฒนาตามจุดเน้นและจุดเด่นที่ส่งผลสะท้อนเป็นเอกลักษณ์ ดีมาก
ของสถานศึกษา ๕.๐๐ ๕.๐๐
กล่มุ ตัวบ่งช้ีมาตรการสง่ เสริม ดีมาก
ตวั บ่งชท้ี ่ี ๑๑ ผลการดำเนนิ งานโครงการพเิ ศษเพื่อส่งเสริมบทบาทของสถานศึกษา ๕.๐๐ ๕.๐๐
ตัวบ่งช้ีท่ี ๑๒ ผลการส่งเสรมิ พัฒนาสถานศึกษาเพ่อื ยกระดับมาตรฐาน ดมี าก
๑๐๐.๐๐ ๘๕.๔๒
รักษามาตรฐาน และพฒั นาสู่ความเป็นเลิศ ท่ีสอดคลอ้ งกับ ดี
แนวทางการปฏิรูปการศกึ ษา
คะแนนรวม
๑๑๓
การรบั รองมาตรฐานสถานศกึ ษา ระดับประถมศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษา
• ผลคะแนนรวมทุกตวั บ่งชี้ ต้งั แต่ ๘๐ คะแนนข้ึนไป ใช่ ❑ ไมใ่ ช่
• มีตัวบ่งชท้ี ่ไี ดร้ ะดับดขี ึ้นไปอยา่ งนอ้ ย ๑๐ ตวั บง่ ชี้ จาก ๑๒ ตัวบ่งช้ี ใช่ ❑ ไม่ใช่
• ไม่มีตัวบ่งชีใ้ ดที่มีระดบั คุณภาพตอ้ งปรบั ปรงุ หรือต้องปรับปรงุ เร่งดว่ น ใช่ ❑ ไมใ่ ช่
สรุปผลการจัดการศกึ ษาระดับการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐานของสถานศกึ ษาในภาพรวม
สมควรรบั รองมาตรฐานการศึกษา ❑ ไมส่ มควรรบั รองมาตรฐานการศกึ ษา
ขอ้ เสนอแนะจากผลการประเมินคุ ภาพภายในและภายนอก
จดุ เดน่
ดา้ นผลการจดั การศึกษา
ผ้เู รียนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีน้ำหนักสว่ นสงู และสมรรถภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน
มสี ขุ ภาพกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีระเบยี บวนิ ยั มีความปลอดภัยและการหลีกเลี่ยงยาเสพติดและสง่ิ มอมเมา เช่นสุรา
และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เกมส์ เป็นต้น มีสุนทรียภาพกับศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ มีการแสดงดนตรีคอมโบ และ
โปงลางในวันสำคัญต่างๆ เพื่อบริการชุมชน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของสถานศึกษา มีคุณธรรม
จริยธรรมและค่านิยมท่ีพงึ ประสงค์ มรี ะเบียบวินยั โดยเฉพาะการแตง่ กายสะอาด เปน็ ระเบยี บและต่างกายไมซ่ ้ำแบบ
ทั้ง ๕ วัน มีมารยาทดี มีสัมมาคารวะ มีความซื่อสัตย์และกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ผู้ปกครองและครู ผู้เรียนเป็น
นกั เรียนที่ดขี องโรงเรียนมาเรียนทันเวลา ไม่ขาดเรยี น ไมม่ าสาย ไม่มีปัญหาในการปกครอง มีน้ำใจช่วยเหลือชุมชน
อย่างตอ่ เนอ่ื ง ร้จู ักรว่ มกนั บำเพ็ญประโยชน์ทง้ั ในและนอกสถานศกึ ษา ดว้ ยการอนุรักษศ์ ลิ ปวฒั นธรรมกสู่ วนแตง ทำ
ความสะอาดวัดและบริเวณปรางค์กู่สวนแตง บริการชุมชนด้วยการแสดงดนตรี นาฏศิลป์ ร่วมฉลองงานกาชาด
อำเภอ ผเู้ รยี นค้นคว้าหาความรู้จากการอ่านและการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ มกี จิ กรรมรักการอา่ น นำความรู้จาก
การอ่านจดั ทำรายงาน ทำหนงั สอื เล่มเล็ก ทำต้นรักการอา่ น วชิ าอาเซยี น ผู้เรยี นมีการใช้เทคโนโลยี สามารพจัดทำ
ภาพยนต์เข้าประกวดและได้รับรางวัลเหรียญทองและเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงร่วมกับผู้อื่นทั้งในและนอก
สถานศึกษา มีกิจกรรมพฒั นาหอ้ งสืบค้นรายวิชาปรางค์กู่ โดยการนำโบราณวตั ถุ หุน่ จำลอง ภาพถา่ ย เอกสารต่างๆ
ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั ปรางคก์ ู่ เพือ่ เป็นสอื่ การเรยี นรู้ ให้ผ้เู รยี นมีกระบวนการคดิ สร้างสรรค์และจินตนาการในการอนุรักษ์
อย่างแท้จริง กิจกรรมศึกษาประวัติศาสตร์ วิชาปรางค์กู่สวนแตง ด้วยการจัดการเรียนการสอนแบบโครงงาน
กิจกรรมวาดภาพและสร้างปรางค์กู่สวนแตงจำลองดว้ ยการแกะสลักโฟมเปน็ รูปปรางคก์ ู่สวนแตง มีความสามารถ
ด้านการคิด โดยมีโครงการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์และคิดอย่างเป็นระบบ มีกิจกรรมวัน
วิทยาศาสตร์การแข่งขันตอบปัญหาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กิจกรรมวันสุนทรภู่ กิจกรรมโต้วาที การศึกษา
ค้นคว้าความรู้จากอินเตอร์เน็ต กิจกรรมโครงการ สสวท. มีเกียรติบัตรที่ได้จากการแข่งขันเกี่ยวกับทักษะ
กระบวนการคิดและมีความสามารถสร้างสรรค์ผลงานทางคณิตศาสตร์โดยใช้โปรแกรม GSP แก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์และบูรณาการด้านศิลปะ มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์และจินตนาการด้วยการจำลองรูป
ปราสาทกู่สวนแตงดว้ ยการแกะสลกั โฟมแกะสลักผลไม้เปน็ รูปดอกไม้อย่างสวยงาม และประดิษฐเ์ ครื่องร่อนโดยใช้
วทิ ยุควบคมุ ผเู้ รียนมคี วามสามารถในการปรับตัวเข้าสงั คม ผเู้ รียนไดเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรมส่งเสริมนักเรียนเด่นกิจกรรม
๑๑๔
ลูกเสือเนตรนารี กิจกรรมสาธารณประโยชน์ กิจกรรมทำความสะอาดจนเป็นนิสัยเป็นอัตลักษณ์ของผู้เรียน “รัก
สะอาด มารยาทดี มีน้ำใจ” เป็นอัตลักษณ์ของผู้เรียน มีปรางกู่สวนแตง เป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนกู่สวนแตง มี
โครงการแหลง่ เรยี นรอู้ ารยธรรมลำ้ ค่าปรางค์กู่สวนแตง เพือ่ ให้ผู้เรียนและชุมชนเหน็ ความสำคัญและอนุรักษ์โบราณ
สถานท่ีล้ำคา่
ด้านการบรหิ ารจัดการศกึ ษา
ผบู้ ริหารมีภาวะผนู้ ำประพฤตติ นเปน็ แบบอย่างทีด่ ี มีการบรหิ ารโดยใชห้ ลกั ธรรมาภบิ าล
มคี วามรคู้ วามสามารถในการบรหิ ารจัดการ ดว้ ยการจดั องค์กรโครงสรา้ งการบรหิ ารจดั การ โดยมกี ารแบ่งงานเป็น
๔ แผนงาน มีคำสั่งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบที่มีความสามารถเฉพาะด้านในการบริหารงานตามระบบครบวงจรคุณภาพ
โดยมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้คำปรึกษา สนับสนุน เสนอแนะ มีการปรับปรุง
สภาพแวดล้อม มีบ่อน้ำ ไม้ดอก ไม้ประดบั และสวนหย่อมท่ีร่วมรื่นสวยงาม อาคารเรียน ห้องน้ำ ห้องส้วมสะอาด
ถกู สขุ ลกั ษณะ ทำใหม้ องดูแล้วนา่ ดู น่าอยู่ และนา่ ศึกษาคน้ ควา้ ผลการส่งเสรมิ พฒั นาสูความเป็นเลิศมีผลกระทบต่อ
คุณภาพสถานศกึ ษาตามแนวทางปฏริ ูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ.๒๕๕๒ – ๒๕๖๑)
ดา้ นการจัดการเรยี นการสอนเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญ
ครสู ว่ นมากเปน็ ครรู ่นุ ใหม่ มคี วามรู้ความสามารถ มุ่งมั่นพัฒนาตนเอง ดว้ ยการอบรมศึกษา
หาความรแู้ ละนำความรมู้ าพัฒนาผู้เรยี น มกี ารจดั การเรยี นการสอนทีเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสำคัญอย่างมีประสิทธิผล ด้วย
การสอนสอนแทรกกระบวนการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ บรู ณาการเข้าทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้โดยให้สอดคล้อง
กบั ความต้องการของผู้เรียนและชุมชน ด้วยการกำหนดสาระรายวิชา แหล่งเรยี นรู้ปราสาทกูส่ วนแตง พัฒนาผู้เรียน
ด้วยการสอนแบบโครงงาน และให้ผู้เรียนเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง มีการวัดและประเมนิ ผลตามสภาพจริง และนำผลามา
ปรับปรุงแก้ไขสู่การวจิ ัยในชั้นเรียน อย่างแท้จริง ผลการดำเนินงานจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เนน้ ผู้เรยี นเป็น
สำคญั ส่งผลใหม้ ีผู้เรียนเข้ามารับการบริการเพิม่ ขึ้นอย่างเหน็ ได้ชัดเจน คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง และ
ชุมชนมีความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนของครู จึงให้การยอมรับว่า “แหล่งเรียนรู้อารยธรรม ล้ำค่า
ปรางค์กู่สวนแตง” เป็นจุดเดน่ จดุ เนน้ ทีส่ ะท้อนเป็นเอกลักษณข์ องโรงเรียนกู่สวนแตงพทิ ยาคม
ด้านการประกันคุ ภาพภายใน
สถานศกึ ษามพี ฒั นาการประกนั คุณภาพภายในโดยสถานศึกษาและตน้ สังกดั ได้ดำเนินการตามกฎกระทรวง
ครบทั้ง ๘ ข้ันตอน มีผลข้อมลู ผลการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากตน้ สังกดั ปี
ลา่ สุด
จดุ ทีค่ วรพฒั นา
ด้านผลการจัดการศกึ ษา
ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ของสถานศึกษาและชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๖
ยังไม่ไดม้ าตรฐาน
ดา้ นการบริหารจดั การศึกษา
๑๑๕
ไม่มี
ดา้ นการจัดการเรียนการสอนเน้นผู้เรียนเป็นสำคญั
ไม่มี
ดา้ นการประกันคุ ภาพภายใน
ไม่มี
โอกาส
๑.สถานศกึ ษาและองคก์ ารบริหารส่วนตำบลหนองแวง และเทศบาลตำบลบ้านใหมไ่ ชยพจน์
ได้จดั ทำขอ้ ตกลง (MOU) กับสำนักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต ๓๒ รวมถงึ ประเทศลาวและเขมรได้
จัดทำข้อตกลงร่วมกันสอนภาษาอาเซียน
๒.คณะกรรมการสถานศกึ ษาและชมุ ชน ผปู้ กครองรว่ มจัดกิจกรรมอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมประเพณี แหล่งเรยี นรู้
อารยธรรมลำ้ คา่ ปรางกสู่ วนแตงซ่งึ เปน็ จุดเด่น จดุ เนน้ สะท้อนเป็นเอกลักษณข์ องโรงเรียน
อุปสรรค
๑) ผู้ปกครอง บางส่วนมีเศรษฐกจิ ไมค่ อ่ ยดี ทำให้การดแู ลบุตรหลานด้านการศกึ ษาเป็นไปตามอัตภาพทัง
การอพยพโยกยา้ ยไปทำมาหากนิ ตา่ งจังหวัด ทำให้ผู้เรียนขาดความอบอุ่น เปน็ สาเหตใุ หเ้ กิดพฤติกรรมท่ีไมพ่ งึ
ประสงค์
๒) ประชาชนบางส่วนในชุมชนใช้เทคโนโลยไี ปในทางท่ีไมเ่ หมาะสม ทำให้เด็กไดร้ ับตวั อย่าง
ทไี่ ม่ดี
๓) ชมุ ชนใชเ้ ทคโนโลยีเปน็ เครือ่ งมอื ในการประกอบอาชีพ ทำให้มีการจ้างแรงงานนอ้ ยลง
เกิดปญั หาการว่างงาน ประกอบกับในท้องถน่ิ มกี ารจ้างงานเฉพาะฤดูกาลทำนา ทำใหเ้ กิดผลกระทบตอ่ การระดม
ทรัพยากรของสถานศึกษา
๑๑๖
สว่ นท่ี ๕
วิธปี ฏบิ ัติท่ีเปน็ เลิศ (Best Practices)
วิธีปฏบิ ตั ทิ ี่เปน็ เลศิ (Best Practices) : Child Centric Learning and No child and Left Be hide ด้วย
KSTSMILE Model ในการยกระดับผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น
โรงเรียน กู่สวนแตงพทิ ยาคม ตง้ั อยูเ่ ลขท่ี 116 หมู่ ตำบล หนองแวง อำเภอ บ้านใหมไ่ ชยพจน์
จังหวัด บุรีรมั ย์ รหัสไปรษณยี ์ 31120
โทรศัพท์ โทรสาร E-mail :
1. ความสำคัญและความเปน็ มา
โรงเรียนกู่สวนแตงพทิ ยาคมเป็นโรงเรยี นมธั ยมประจำอำเภอ ขนาดกลาง สงั กัดสำนักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษามธั ยมศึกษาเขต 32 จังหวดั บรุ ีรมั ย์ พฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี นตามบรบิ ท ขนาดที่ต้ัง งบประมาณ และ
ปัจจัยจำกดั ตามขอ้ กำหนดอืน่ ๆ ด้วยเป้าหมายหลกั ตามวิสยั ทัศน์ คือ เปน็ โรงเรยี นดี ท่ีมุง่ เน้นใหผ้ ูเ้ รยี นเปน็ เลิศทาง
วชิ าการสู่มาตรฐานสากล ดำรงตนเองอย่างมีความสุข เปน็ คนดี มคี ุณธรรม ดว้ ยกระบวนการบริหารและการจัด
การศึกษา ชมุ ชนร่วมนำพัฒนา โดยยดึ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ภายในปี 2565
จากวิสัยทัศน์ของโรงเรยี นนัน้ จะเหน็ ไดว้ ่าโรงเรยี นกสู่ วนแตงพิทยาคมมีเปา้ หมายในการพัฒนาคณุ ภาพ
ผเู้ รียนให้มีคณุ ภาพตามเกณฑ์มาตรฐานการศกึ ษา ในขณะเดยี วกนั ก็มุ่งพฒั นาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นบคุ คลคุณภาพ
มุ่งเนน้ ให้ผเู้ รียนเป็นเลศิ ทางวิชาการสมู่ าตรฐานสากล ดำรงตนเองอย่างมคี วามสุข เปน็ คนดี มีคณุ ธรรม มี
คุณลกั ษณะสำคญั ในการ “เรยี นแบบพ่อ” ในส่วนตัวชว้ี ัดความสำเรจ็ ทางด้านผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนของผูเ้ รยี นนน้ั
เน่อื งจากเป็นโรงเรยี นประจำอำเภอ ท่ีมีพน้ื ท่ีลอ้ มรอบดว้ ยอำเภอประทาย จังหวดั นครราชสีมา อำเภอ
หนองสองห้อง จงั หวัดขอนแก่น และอำเภอพุทไธสง จังหวัดบรุ ีรัมย์ ทรี่ ะยะทางไม่หา่ งกนั มาก ไม่มปี ัญหาในการ
เดินทาง นกั เรียนจำนวนหนึง่ ผปู้ กครองที่มศี ักยภาพ และส่ิงที่เคยปฏิบัติกนั มาจงึ สง่ บตุ รหลานไปเรยี นที่โรงเรียน
ประจำอำเภอดงั กล่าว ส่วนนกั เรียนท่ีมาเรยี นที่โรงเรยี นกสู่ วนแตงพิทยาคมจงึ เปน็ นกั เรยี นที่มากเรยี นจึง
นักเรียนทม่ี ีปัญหาทง้ั ทางดา้ นการเรยี น และปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบที่เกดิ ขึน้ จึงมีมากในส่วนของ
ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน นโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมุง่ เนน้ ใหเ้ ดก็ และเยาวชน
ไดร้ บั การศึกษาจบจบการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน อย่างมคี ุณภาพตามมาตรฐาน วางรากฐานการศกึ ษาเพ่ือาชพี สามารถ
วเิ คราะหต์ นเองเพ่อื ศึกษาตอ่ และประกอบอาชพี ตรงตามศักยภาพและความถนัดของตนเอง รวมทัง้ ส่งเสรมิ ให้
ผูเ้ รยี นทมี่ ีความสามารถพิเศษสู่ความเปน็ เลิศ เพ่ือเพิ่มขดี ความสามารถในการเขง่ ขนั ระดบั ประเทศ ส่งเสริมการจัด
การศึกษาให้ผูเ้ รยี นมีความรู้ มที ักษะการเรียนรแู้ ละทักษะทีจ่ ำเป็นของโลกในศตวรรษท่ี 21 อย่างครบถว้ น เป็นคนดี
มีวินยั มีความรักในสถาบันหลักของชาติ ยดึ ม่นั ในระบอบการประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ์เป็นประมขุ มี
ทัศนคติทถ่ี ูกต้องต่อบา้ นเมือง พฒั นาให้ผ้เู รยี นมีสมารรถนะและทกั ษะด้านการอ่าน คณิตศาสตรก์ ารคดิ ขนั้ สงู
นวัตกรรมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีดิจทิ ัล และภาษาตา่ งประเทศ เพือ่ เพมิ่ ขีดความสามารถในการแข่งขนั และ
การเลอื กศกึ ษาตอ่ เพ่อื การมอี าชีพ
๑๑๗
จากรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาของโรงเรียนกู่สวนแตงพิทยาคม จะพบวา่ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
ของนกั เรยี นทั้งในระดบั โรงเรียนและระดบั ชาติ อยูใ่ นสภาวะทนี่ า่ เป็นห่วง ในระดบั โรงเรียนยงั มีนักเรยี นทมี่ ีผลการ
เรียน 0 ร มส อยจู่ ำนวนหนึ่ง ซงึ่ จะมผี ลต่อการจบการศึกษาของนักเรียน สว่ นผลการทดสอบทางการศกึ ษา
ระดับชาตขิ นั้ พนื้ ฐานของผ้เู รียนมผี ลการทดสอบคะแนนเฉล่ยี ทุกกลุม่ สาระต่ำกว่าเกณฑ์ และคะแนนเฉล่ยี ต่ำกว่า
ระดับประเทศ เมอ่ื วิเคราะห์คะแนนสอบนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล พบวา่ นักเรยี นส่วนมากมีผลคะแนนการทดสอบ
เฉลีย่ ตำ่ มาก ถ้าแปลผลโดยใช้ตัวช้วี ดั ความสำเร็จจากการทดสอบดงั กล่าว จะพบว่านกั เรยี นไมส่ ามารถบรรลุ
วัตถปุ ระสงค์ในการเรยี นรตู้ ามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เชื่อมโยงถงึ ความล้มเหลว
ในการจัดการเรียนรู้ของบุคคลากรและการบรหิ ารงานภายในสถานศกึ ษา ซ่งึ มิอาจปฏิเสธผลสัมฤทธิ์เชงิ ประจกั ษ์
ดงั กลา่ ว แม้ว่าการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนนนั้ จะมหี ลายปัจจัยในการดำเนินงาน
โรงเรยี นกสู่ วนแตงพิทยาคม ตระหนักและเข้าใจถึงความสำคญั ของปัญหาดงั กลา่ วเป็นอยา่ งมาก
ด้วยผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นระดบั โรงเรยี นและตัวช้วี ดั ผลการทดสอบระดับชาติเป็นสว่ นหน่ึงในการวดั คณุ ภาพการ
จัดการศึกษาของโรงเรยี น ผู้บรหิ ารและคณะครจู ึงรว่ มกนั ต้งั เป้าหมายการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น ท้ังในด้าน
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนระดบั โรงเรยี นและ และการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติข้ันพื้นฐาน(O-NET) โดย
วเิ คราะหป์ จั จยั ต่างๆทสี่ ่งผลตอ่ การบรรลุวตั ถปุ ระสงคท์ ้งั ทางดา้ นตัวแปรที่สามารถควบคมุ ได้และตวั แปรท่ีไม่
สามารถควบคุมได้ ตลอดจนสร้างระบบการทำงานเปน็ ทมี ท่ีดใี หม้ ีเป้าหมายเดยี วกันในการพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน มุง่
ผลสมั ฤทธิข์ องผูเ้ รยี นเปน็ ประโยชนส์ ูงสุดในการทำงาน ดงั นัน้ โรงเรยี นกู่สวนแตงพิทยาคมจงึ ไดจ้ ัดทำแผนปฏบิ ัติ
ราชการ โครงการกจิ กรรมเพ่ือพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นและวางแผนการดำเนนิ งานเพื่อยกระดับคณุ ภาพผเู้ รยี นภายใต้
การจัดการเรยี นรู้ทุกรูปแบบในศตวรรษท่ี 21 ทกุ รปู แบบในยคุ “ประเทศไทย 4.0” และทกุ รูปแบบทจ่ี ะสามารถ
พัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี นได้ สง่ ผลให้การดำเนนิ กจิ กรรมโครงการการยกระดบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนและผลการ
ทดสอบระดับชาตขิ น้ั พนื้ ฐาน(O-NET)ประจำปกี ารศึกษา 2564 ประสบความสำเรจ็ ในการยกระดบั คุณภาพผู้เรยี น
2. วัตถปุ ระสงคข์ องการดำเนนิ งาน
1. เพอ่ื ยกระดบั ผลผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของผู้เรียน และผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขัน้
พน้ื ฐาน (O-NET) ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 และนกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
3. หลักการและแนวคิด
การยกระดบั ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของโรงเรียน และการทดสอบทางการศึกษาและการทดสอบ
ระดับชาติขน้ั พน้ื ฐาน(O-NET) ขนั้ พ้ืนฐานของโรงเรียนกสู่ วนแตงพิทยาคม ดำเนินอยู่บนหลักการและแนวคดิ ที่ม่งุ
พฒั นากระบวนการจัดการเรยี นร้ใู หเ้ กดิ ความเจริญงอกงามของผู้เรยี นอย่างรอบด้าน โดยมีหลักสำคญั ท่ีเป็นแนวคดิ
ในการดำเนนิ งาน ไดแ้ ก่
3.1 Child Center Learning
แนวคดิ การจัดการเรยี นรทู้ เี่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญตามพระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
แนวทางในการจัดการศกึ ษาตามพระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พุทธศกั ราช 2542ในมาตรา 42 ถอื ว่า
ผเู้ รยี นสำคัญท่ีสุด กระบวนการเรยี นรกู้ ระบวนการเรียนรู้เปน็ การสง่ เสริมผูเ้ รยี นใหเ้ รยี นรู้ดว้ ย สมอง ดว้ ยกาย และ
๑๑๘
ดว้ ยใจ สามารถสร้างองคค์ วามรูผ้ ่านกระบวนการคิดด้วยตนเองมีส่วนรว่ มในการเรยี นการส อน เนน้ การปฏบิ ตั จิ รงิ
สามารถทำงานเป็นทมี ได(้ สมศักด์ิ, 2543)
พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และแกไ้ ขเพมิ่ เติม (ฉบบั ที2่ ) พ.ศ.2545หมวด 4 แนวการจดั
การศึกษา มาตรา 22 กำหนดไวว้ า่ “การจัดการศึกษาต้องยดึ หลักวา่ ผู้เรียนทุกคนมคี วาม สามารถในการจดั การ
เรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้ และถอื ว่าผเู้ รียนสำคัญทสี่ ุด กระบวนการจัดการศกึ ษาต้องส่งเสรมิ ให้ ผู้เรยี นสามารถ
พฒั นาตามธรรมชาตแิ ละเตม็ ศกั ยภาพ” (กระทรวงศึกษาธิการ,2545) และตามหลักสตู รการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน
พุทธศักราช 2544 กำหนดหลักการ ข้อ 3 ซง่ึ กำหนดไวว้ า่ “สง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นได้พฒั นาและเรยี นรู้ดว้ ยตนเองอย่าง
ต่อเน่อื งตลอดชวี ิตโดย ถอื วา่ ผู้เรยี นมคี วามสำคญั ท่สี ุด สามารถพฒั นาตามธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศักยภาพ”
(กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2545) จากพระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พทุ ธศักราช 2542 นี้ เองทำให้เกิดการปฏิรูป
การศึกษาขนึ้ และการเรียนการสอนทเ่ี น้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั ก็เป็นประเด็นสำคญั ประเดน็ หน่ึงในการปฏริ ูป
การศึกษาตามพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พทุ ธศักราช 2542 (วภิ าภรณ์, 2543)
การจัดการเรียนการสอนทีเ่ นน้ ผ้เู รยี นเป็นสำคญั คือ วิธีการสำคัญทส่ี ามารถสร้างและพัฒนาผเู้ รียน ให้เกิด
คณุ ลักษณะตา่ งๆ ทต่ี อ้ งการในยคุ โลกาภิวัตน์เนอื่ งจากเป็นการจดั การเรยี นการสอนท่ีให้ความ สำคัญกบั ผู้เรยี น
สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนรจู้ กั เรียนรู้ดว้ ยตนเอง เรยี นในเรอ่ื งทส่ี อดคล้องกับความสามารถและความตอ้ งการของตนเองและ
ได้พัฒนา ศกั ยภาพของตนเองอยา่ งเต็มท่ี ซึง่ แนวคิดการ จัดการศกึ ษานี้เป็นแนวคดิ ที่มรี ากฐานจากปรชั ญา
การศึกษาและทฤษฎกี ารเรียนรู้ ตา่ ง ๆ ที่ได้พัฒนามาอย่าง ต่อเนอ่ื งยาวนาน และเปน็ แนวทางทีไ่ ด้รบั การพิสจู น์ว่า
สามารถพฒั นาผู้เรยี นให้มีคุณลักษณะตาม ต้องการอย่างได้ผล (วฒั นาพร ระงบั ทกุ ข์. 2542) หลักการพ้ืนฐานของ
แนวคดิ "ผเู้ รยี นเป็นสำคัญ" (ไพฑูรย์, 2549)
การเรียนการสอนทีเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคญั นี้ ผู้เรียนจะไดร้ บั การสง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นมีความรับผดิ ชอบและมี
ส่วนร่วมตอ่ การเรยี นรูข้ องตนเอง ซงึ่ แนวคดิ แบบผเู้ รียนเป็นสำคัญจะยึดการศึกษาแบบกา้ วหน้าของผ้เู รียนเป็น
สำคญั ผู้เรียนแต่ละคนมีคณุ คา่ สมควรได้รับการเชื่อถือไวว้ างใจแนวทางนจ้ี งึ เป็นแนว ทางท่จี ะ ผลกั ดนั ผู้เรียนไปสู่
การบรรลศุ กั ยภาพของตน โดยส่งเสรมิ ความคิดของผ้เู รยี นและอำนวยความสะดวกให้เขาไดพ้ ัฒนาศกั ยภาพของตน
เองอย่างเตม็ ท่ีการจัดการเรียนการสอนท่เี นน้ ผูเ้ รียนเปน็ ศูนย์กลางเป็นการ จดั กระบวนการเรียนรู้แบบใหมท่ มี่ ี
ลักษณะแตกตา่ งจากการจัดกระบวนการเรียนรู้ แบบดั้งเดิมทั่วไป คือ
1. ผู้เรียนมบี ทบาทรบั ผิดชอบต่อการเรยี นรูข้ องตน ผเู้ รยี นเป็นผู้เรยี นรู้ บทบาทของครคู ือ
ผู้สนับสนุน (supporter) และเป็นแหล่งความรู้(resource person) ของ ผูเ้ รยี น ผู้เรียนจะรบั ผดิ ชอบตง้ั แต่
เลือกและวางแผนสง่ิ ทีต่ นจะเรียน หรือเข้าไปมีส่วนร่วมใน การเลือกและจะเริ่มตน้ การเรียนรดู้ ว้ ยตนเองด้วย
การศึกษาคน้ ควา้ รบั ผิดชอบการเรยี นตลอดจนประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง
2. เน้อื หา วิชามีความสำคัญและมคี วามหมายต่อการเรยี นรู้ ในการออกแบบกิจกรรมการเรยี นรปู้ ัจจัย
สำคญั ทจี่ ะต้องนำมาพิจารณาประกอบดว้ ย ได้แก่ เนอ้ื หาวชิ า ประสบการณ์เดิม และความตอ้ งการของผเู้ รียน การ
เรียนรู้ทสี่ ำคญั และมีความหมายจึงข้นึ อยู่กับส่ิงท่สี อน (เนอื้ หา) และวิธีท่ใี ช้สอน(เทคนคิ การสอน)
3. การ เรียนรจู้ ะประสบผลสำเร็จหากผเู้ รียนมีสว่ นร่วมในกิจกรรม การเรียนการสอน ผ้เู รียนจะได้รบั ความ
สนกุ สนานจากการเรียน หากได้เข้าไปมีสว่ นรว่ มในการเรยี นรไู้ ด้ทำงานรว่ มกนั กับเพอื่ นๆได้ค้นพบขอ้ คำถามและ
๑๑๙
คำตอบใหม่ๆ ส่งิ ใหมๆ่ ประเดน็ ทีท่ ้าทายและความสามารถในเร่ืองใหมๆ่ ท่ีเกิดขึ้น รวมทงั้ การบรรลผุ ลสำเร็จของงาน
ทพ่ี วกเขาริเรม่ิ ดว้ ยตนเอง
4. สัมพนั ธ์ ภาพประกอบดีระหว่างผ้เู รยี น การมีสมั พันธภาพประกอบดีในกลุ่มจะช่วยสง่ เสริมความเจริญ
งอกงาม การพัฒนาความเป็นผ้ใู หญ่ การปรับปรงุ การทำงาน และการจัดการกับชีวิตของแต่ละบุคคล สมั พนั ธภาพ
ประกอบเทา่ เทียมกันระหวา่ งสมาชิกในกลุม่ จงึ เป็นส่ิงสำคัญท่ีจะชว่ ยส่งเสิรมการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ซึง่ กนั และกนั
ของ ผู้เรยี น
5. ครู คอื ผ้อู ำนวยความสะดวกและเปน็ แหลง่ ความรูใ้ นการจัดการ เรยี นการสอนแบบเนน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ
ครจู ะตอ้ งมีความสามารถท่ีจะคน้ พบความตอ้ งการทแี่ ทจ้ รงิ ของผู้เรียน เป็นแหลง่ ความรู้ที่ทรงคณุ ค่าของผเู้ รยี นและ
สามารถคน้ ควา้ หาส่ือวสั ดุ อุปกรณท์ เี่ หมาะสมกับผู้เรยี น สิ่งทสี่ ำคัญที่สุด คอื ความเตม็ ใจของครทู ่ีจะช่วยเหลอื โดย
ไมม่ เี งอ่ื นไข ครูจะใหท้ กุ อย่างแกผ่ ู้เรียนไมว่ ่าจะเป็นความเชี่ยวชาญ ความรู้ เจตคติ และการ กึ น โดยผเู้ รยี นมี
อิสระท่จี ะรบั หรอื ไมร่ บั การใหน้ ั้นกไ็ ด้
6. ผู้ เรยี นมีโอกาสเหน็ ตนเองในแง่มมุ ท่ีแตกต่างจากเดิม การจัดการเรียนการสอนทีเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ
มุ่งให้ผู้เรยี นมองเห็นตนเองในแง่มุมท่แี ตกต่างออกไป ผู้เรียนจะมคี วามมนั่ ใจในตนเองและควบคมุ ตนเองไดม้ ากข้ึน
สามารถเปน็ ในสิง่ ที่อยากเปน็ มวี ฒุ ิภาวะสูงมากขน้ึ ปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมตนให้สอดคล้องกับส่งิ แวดล้อม และมสี ว่ น
ร่วมกับเหตุการณ์ตา่ งๆ มากขึ้น
7. การศึกษาคือการพัฒนาประสบการณ์การเรยี นรู้ของผู้เรียนหลายๆ ด้านพร้อมกันไปการเรียนรู้ทีเ่ นน้
ผู้เรยี นเป็นสำคัญเปน็ จุดเร่มิ ของการพฒั นาผู้เรียนหลายๆ ด้าน เชน่ คณุ ลักษณะดา้ นความร้คู วามคิด ดา้ นการปฏิบตั ิ
และดา้ นอารมณ์ความรู้สกึ จะไดร้ ับการพัฒนาไปพร้อมๆ กนั เมือ่ รวู้ า่ การจัดการเรียนรูท้ ่ีเนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคัญมีดแี ละ
เปน็ ประโยชน์ตอ่ การจัดการเรยี นรู้
ดงั นั้น พวกเราครมู อื อาชพี กค็ วรศกึ ษาและปฏบิ ตั ิให้ถูกต้อง ผลท่ีได้คอื ผลิตผลท่ีดีนักเรยี นมคี วามรู้ ดี เก่ง
และมีสุข ตามเจตนารมย์ของหลกั สตู รการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2544 (สริ ิพร, 2549)
ปญั หาหลกั ของกระบวนการเรยี นการสอนในปัจจุบัน คือ การที่ครูใชว้ ธิ กี ารสอนแบบ“ปพู รม” โดยไม่
คำนึงถงึ ความแตกต่างของผู้เรียน ที่มคี วามสามารถในการรบั ร้ทู แี่ ตกต่างกัน(สุมณฑา, 2544 : 27)
การเรียนการสอนไม่ได้เอ้อื ต่อการพฒั นาคุณลักษณะ “มองกวา้ ง คิดไกล ใ ดี”แต่ เนน้ การท่องจำเพ่อื สอบ
มากกว่าทีจ่ ะสอนให้ คิดเปน็ วเิ คราะห์ได้สามารถหาความรู้ไดด้ ว้ ยตนเองทำให้ผูเ้ รียนมลี ักษณะผู้เรียนรู้ ไม่เป็น
ปัญหาเหลา่ น้นี บั ว่าเปน็ ความลม้ เหลวของการจัดการศกึ ษาท่ีตอ้ งแก้ไขโดยเร่ง ด่วน (จริ าภรณ์, 2541)
ความหมายการ จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนทเี่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ หมายถงึ การจัดกจิ กรรมโดยวธิ ีตา่ งๆ
อยา่ งหลากหลายทม่ี ุ่งใหผ้ ู้เรยี นเกิดการเรยี นรู้ อย่างแท้จรงิ เกิดการพัฒนาตนและส่งั สมคุณลักษณะท่ีจำเปน็ สำหรับ
การเป็นสมาชกิ ท่ีดขี องสังคมของประเทศชาติตอ่ ไปการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนที่ม่งุ พฒั นาผู้เรยี น จงึ ต้องใช้
เทคนิควธิ สี อนวธิ กี ารเรียนรู้รปู แบบการสอนหรอื กระบวนการเรยี นการสอนในหลากหลายวธิ ซี ่งึ จำแนกไดด้ ังน้ี
(คณะอนุกรรมการปฏริ ูปการเรยี นรู้, 2543)
1. การ จัดการเรียนการสอนทางออ้ ม ไดแ้ ก่ การเรียนรู้แบบสืบค้น แบบค้นพบ แบบแกป้ ญั หาแบบ สร้าง
แผนผงั ความคดิ แบบใช้กรณีศึกษา แบบตัง้ คำถามแบบใชก้ ารตดั สินใจ
๑๒๐
2. เทคนคิ การศึกษาเปน็ รายบุคคล ไดแ้ ก่ วธิ กี ารเรียนแบบศูนยก์ ารเรยี น แบบการเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง แบบ
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน
3. เทคนิคการจัดการเรยี นรู้โดยใชเ้ ทคโนโลยีตา่ ง ๆ ประกอบการเรียน เช่น การใช้ส่ิงพมิ พ์ตำราเรียน และ
แบบ กึ หัดการใชแ้ หลง่ ทรัพยากรในชมุ ชน ศนู ยก์ ารเรียนชดุ การสอน คอมพิวเตอร์ ชว่ ยสอน บทเรียนสำเร็จรูป
4. เทคนคิ การจดั การเรียนการสอนแบบเน้นปฏสิ ัมพันธป์ ระกอบด้วย การโตว้ าทีกลุ่ม Buzz การอภปิ ราย
การระดมพลังสมอง กลุม่ แกป้ ญั หา กลุ่มติว การประชุมต่างๆ การแสดงบทบาทสมมตกิ ลุ่มสืบค้นคู่คิดการ ึกปฏบิ ตั ิ
เป็นตน้
5. เทคนคิ การจัดการเรียนการสอนแบบเน้นประสบการณเ์ ชน่ การจดั การเรียนร้แู บบมีสว่ นร่วมเกม กรณี
ตัวอย่างสถานการณจ์ ำลองละคร กรณีตวั อย่างสถานการณ์จำลอง ละคร บทบาท สมมติ
6. เทคนิคการเรียนแบบรว่ มมอื ไดแ้ ก่ ปริศนาความคดิ รว่ มมอื แข่งขันหรือกลุ่มสืบคน้ กลุม่ เรยี นรู้ ร่วมกัน
รว่ มกนั คดิ กล่มุ รว่ มมือ
7. เทคนิคการเรยี นการสอนแบบบรู ณาการ ได้แก่ การเรียนการสอนแบบใช้เว้นเลา่ เรอื่ ง(Story line) และ
การเรียนการสอนแบบแก้ปัญหา (Problem-Solving)
เทคนิค วิธีการเหล่าน้ีลว้ นเปน็ วธิ ีท่ีผู้เรียนไดล้ งมือปฏิบัติจรงิ ได้คิดค้นควา้ ศึกษาทดลอง ซึง่ ทำใหผ้ ูเ้ รียนเกดิ
การเรียนร้ดู ้วยตนเอง ผูส้ อนจงึ มีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวกในหลายๆ ลักษณะ ดงั นี(้ ชาติแจ่มนุช และคณะ,
มทป)
1. เป็นผู้จดั การ (Manager) เป็น ผู้กำหนดบทบาทให้นักเรยี นทกุ คนได้มสี ว่ นเขา้ รว่ มทำกจิ กรรมแบ่งกลมุ่
หรอื จบั คู่ เป็นผมู้ อบหมายงานหน้าที่ความรบั ผิดชอบแก่ นักเรยี นทุกคน จดั การให้ทกุ คนได้ทำงานท่ีเหมาะสมกับ
ความสามารถและความสนใจของตน
2. เป็นผูร้ ว่ มทำกิจกรรม (An active participant) เขา้ ร่วมทำกิจกรรมในกล่มุ จริงๆ พร้อมท้งั ใหค้ วามคิด
และความเห็นหรือเช่ือมโยงประสบการณ์ส่วนตวั ของนักเรียนขณะทำกิจกรรม
3. เป็นผู้ช่วยเหลือและแหลง่ วิทยาการ (Helper and resource) คอยใหค้ ำตอบเมอ่ื นกั เรยี นต้องการความ
ช่วยเหลอื ทางวิชาการ ตัวอยา่ ง เชน่ คำศัพท์หรอื ไวยากรณ์การให้ข้อมูลหรือความรใู้ นขณะท่ีนักเรียนต้องการ ซ่งึ จะ
ช่วยทำใหก้ ารเรยี นรูม้ ีประสิทธิภาพเพมิ่ ขึน้
4. เปน็ ผสู้ นบั สนุนและเสริมแรง (Supporter and encourager) ชว่ ยสนับสนุนด้านสอ่ื อปุ กรณ์หรือให้
คำแนะนำท่ชี ่วยกระตุ้นใหน้ ักเรียนสนใจเขา้ ร่วมกิจกรรมหรอื ึกปฏิบตั ดิ ้วยตนเอง
5. เปน็ ผตู้ ดิ ตามตรวจสอบ (Monitor) คอย ตรวจสอบงานทน่ี กั เรียนผลติ ขึ้นมาก่นท่จี ะสง่ ต่อไปให้นักเรยี น
ผลติ ขน้ึ มาก่อน ที่จะส่งตอ่ ไปให้นกั เรยี นคนอน่ื ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความถูกตอ้ งของคำศัพท์ ไวยากรณ์ การแก้
คำผดิ อาจจะทำไดท้ ง้ั ก่อนทำกจิ กรรม หรอื บางกิจกรรมอาจจะแกใ้ นภายหลงั ได้
๑๒๑
ดังนนั้ เมอ่ื เปรยี บเทยี บลกั ษณะการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครสู มัยใหมก่ บั ครสู มัยเกา่ ก็จะเหน็
ความแตกต่าง ดังน้ี
ครสู มยั ใหม่ ครสู มัยเก่า
1. สอนนักเรยี นโดยวธิ บี รู ณาการเนือ้ หาวิชา 1. สอนแยกเน้ือหาวชิ า
2. แสดงบทบาทในฐานะผแู้ นะนำ(Guide)ประสบการณ์ 2. มบี ทบาทในฐานะตัวแทนของเน้ือหาวชิ า(Knowledge)
ทางการศึกษา
3. กระตอื รอื รน้ ในบทบาท ความรูส้ กึ ของ นกั เรยี น 3. ละเลยเฉยเมยตอ่ บทบาทของนักเรียน
4. ใหน้ กั เรยี นมีส่วนรว่ มในการวางแผนของหลักสูตร 4. นักเรียนไม่มสี ว่ นรว่ มแมแ้ ตจ่ ะพดู เก่ยี ว กับหลกั สูตร
5. ใชเ้ ทคนิคการค้นพบด้วนตนเองของ นักเรยี นเป็น 5. ใชเ้ ทคนคิ การเรยี น โดยการทอ่ งจำเปน็ หลกั
กจิ กรรมหลกั
6. มีการเสริมแรงหรือให้รางวลั มากกวา่ การลงโทษมกี ารใช้ 6. มุ่งเนน้ การให้รางวัลภายนอก เช่น เกรดแรงจูงใจ
แรงจงู ใจภายใน ภายนอก
7. ไม่เครง่ ครดั กับมาตรฐานทางวชิ าการจนเกินไป 7. เครง่ ครัดกับมาตรฐานทางวชิ าการมาก
8. มกี ารทดสอบเล็กนอ้ ย 8. มกี ารทดสอบสม่ำเสมอเป็นระยะ ๆ
9. มงุ่ เน้นการทำงานเป็นกลมุ่ แบบรว่ มใจ 9. มุ่งเน้นการแขง่ ขนั
10. สอนโดยไม่ยึดติดกับห้องเรียน 10. สอนในขอบเขตของห้องเรียน
11. ม่งุ สร้างสรรค์ประสบการณใ์ หม่ให้นกั เรียน 11. เน้นย้ำประสบการณใ์ หมเ่ พยี งเล็กนอ้ ย
12. มุ่งเนน้ ความร้ทู างวชิ าการและทักษะดา้ น จติ พิสยั เท่า 12. มุ่งเน้นความรทู้ างวิชาการเป็นสำคญั ละเลย
เทยี มกนั
องคป์ ระกอบและตัวบ่งชก้ี ารจดั การเรยี นรทู้ ี่เน้นผู้เรยี นเป็นสำคญั
การจดั การศึกษาตามพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 มุ่งให้ผเู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ โดยมี
เปา้ หมายให้ผเู้ รยี นเป็นคนเกง่ ดี และมคี วามสขุ ซึ่งจำเปน็ ตอ้ งอาศัยปจั จัยหลายประการได้แก่ ด้านการบริหาร
จัดการ ด้านการจัดการเรยี นรู้ และดา้ นการเรยี นร้ขู องผู้เรยี น มีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี
1 การบรหิ ารจดั การ การบริหารจดั การนบั ว่าเป็นองค์ประกอบทีส่ นบั สนุนสง่ เสรมิ การจดั การเรยี นรู้ท่ี
สำคัญ โดยเฉพาะการบริหารจดั การของโรงเรียนท่ีเน้นการพัฒนาทั้งระบบของโรงเรยี น
การพัฒนาทั้งระบบของโรงเรยี น หมายถงึ การดำเนินงานในทกุ องค์ประกอบของโรงเรียนใหไ้ ปสูเ่ ป้าหมาย
เดียวกัน คือ คุณภาพของนกั เรียนตามวิสยั ทศั นท์ ่โี รงเรียนกำหนด ดงั นน้ั ตัวบง่ ชที้ ี่แสดงถึงการพัฒนาท้งั ระบบของ
โรงเรยี นประกอบดว้ ย
1. การกำหนดเปา้ หมายในการพัฒนาท่มี จี ุดเน้นการพฒั นาคณุ ภาพนักเรยี นอยา่ งชัดเจน
2. การกำหนดแผนยทุ ธศาสตร์สอดคล้องกบั เปา้ หมาย
3. การกำหนดแผนการดำเนนิ งานในทกุ องค์ประกอบของโรงเรียนสอดคลอ้ งกับเปา้ หมายและ
๑๒๒
เป็นไปตามแผนยทุ ธศาสตร์
4. การจดั ให้มีระบบประกันคุณภาพภายใน
5. การจัดทำรายงานประจำปีเพ่อื รายงานผู้เกีย่ วข้องและสอดคลอ้ งกับแนวทางการประกนั
คุณภาพจากภายนอก
อย่างไรก็ตาม การดำเนนิ งานของโรงเรยี นตามพระราชบญั ญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เนน้ ถงึ การมี
ส่วนร่วมของผู้ท่ีมสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกับการจดั การศกึ ษาของโรงเรยี น ดังนน้ั ในการดำเนินการของโรงเรยี นจึงเปดิ โอกาส
ให้ผ้มู ีส่วนเก่ียวข้องเขา้ มามีส่วนร่วม ได้แก่ รว่ มในการกำหนดเปา้ หมายและการจดั ทำแผนยุทธศาสตร์ ร่วมในการ
สนับสนุนการจดั การเรยี นรู้ ร่วมในการประเมินผล เปน็ ตน้
2 การจดั การเรียนรู้ องคป์ ระกอบด้าน “การจัดการเรียนรู้” นบั ว่าเปน็ องคป์ ระกอบหลักทแ่ี สดงถงึ การ
เรียนรอู้ ย่างเป็นรปู ธรรม ประกอบด้วย ความเข้าใจเก่ียวกบั ความหมายท่แี ท้จรงิ ของการเรียนรู้ บทบาทของครู และ
บทบาทของผู้เรียน
การจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนเปน็ สำคญั จะทำได้สำเรจ็ เม่ือผู้ท่เี กีย่ วข้องกบั การจัดการ
เรยี นการสอน ไดแ้ ก่ ครู และผู้เรียน มคี วามเข้าใจตรงกนั เก่ียวกบั ความหมายของการเรียนรู้ ดังสาระท่ี ทศิ นา แขม
มณี (2544) ได้กล่าวไว้ดังน้ี
1. การเรยี นรเู้ ปน็ งานเฉพาะบคุ คล ทำแทนกนั ไม่ได้ ครทู ่ีตอ้ งการให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ตอ้ งเปดิ
โอกาสใหเ้ ขาได้มปี ระสบการณก์ ารเรยี นรู้ดว้ ยตัวของเขาเอง
2. การเรยี นรู้เป็นกระบวนการทางสติปัญญาทีต่ อ้ งมกี ารใช้กระบวนการคดิ สรา้ งความเขา้ ใจ
ความหมายของสิง่ ตา่ งๆ ดงั นั้นครจู ึงควรกระตุน้ ใหผ้ ้เู รียนใช้กระบวนการคิดทำความเขา้ ใจสง่ิ ต่างๆ
3. การเรยี นร้เู ปน็ กระบวนการทางสงั คม เพราะในเรอื่ งเดียวกัน อาจคิดไดห้ ลายแง่ หลายมุมทำ
ให้เกิดการขยาย เตมิ เต็มข้อความรู้ ตรวจสอบความถูกตอ้ งของการเรยี นรตู้ ามทีส่ ังคมยอมรับดว้ ย ดังนั้นครู
ทีป่ รารถนาให้ผูเ้ รยี นเกิดการเรียนรจู้ ะตอ้ งเปดิ โอกาสให้ผู้เรยี นมปี ฏิสมั พันธท์ างสังคมกบั บุคคลอ่ืนหรอื แหลง่ ขอ้ มลู
อืน่ ๆ
4. การเรยี นรเู้ ป็นกิจกรรมที่สนกุ สนาน เป็นความรู้สึกเบิกบาน เพราะหลดุ พ้นจากความไม่รู้
นำไปสคู่ วามใ รู้ อยากรู้อีก เพราะเป็นเร่ืองนา่ สนกุ ครูจึงควรสรา้ งภาวะทีก่ ระต้นุ ให้เกดิ ความอยากรู้หรือ
คับข้องใจบ้าง ผูเ้ รยี นจะหาคำตอบเพื่อใหห้ ลุดพน้ จากความข้องใจ และเกดิ ความสุขข้ึนจากการไดเ้ รียนรู้ เม่ือพบ
คำตอบดว้ ยตนเอง
5. การ เรียนรู้เป็นงานต่อเนอ่ื งตลอดชีวิต ขยายพรมแดนความรู้ไดไ้ มม่ ีท่สี ้ินสดุ ครูจงึ ควรสร้าง
กจิ กรรมที่กระตนุ้ ใหเ้ กิดการแสวงหาความรไู้ มร่ ู้จบ
6. การเรยี นร้เู ปน็ การเปลี่ยนแปลง เพราะได้รูม้ ากขึ้นทำใหเ้ กดิ การนำความรไู้ ปใช้ในการ
เปลีย่ นแปลงสิง่ ต่างๆ เป็นการพฒั นาไปส่กู ารเปล่ียนแปลงทด่ี ีข้ึน ครูควรเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นไดร้ บั รผู้ ลการ
พัฒนาของตวั เขาเองดว้ ย
จากความหมายของการเรยี นร้ทู กี่ ลา่ วมา ครจู งึ ตอ้ งคำนึงถงึ ประเด็นต่างๆ ในการจดั กิจกรรมการเรียนการ
สอน ดงั นี้
(1) ความแตกตา่ งระหว่างบคุ คลของผู้เรียน
๑๒๓
(2) การเน้นความต้องการของผ้เู รียนเป็นหลกั
(3) การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของผู้เรียน
(4) การจดั กิจกรรมให้นา่ สนใจ ไม่ทำให้ผู้เรียนร้สู กึ เบือ่ หน่าย
(5) ความเมตตากรณุ าตอ่ ผู้เรียน
(6) การท้าทายให้ผู้เรยี นอยากรู้
(7) การตระหนกั ถงึ เวลาที่เหมาะสมทีผ่ ู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้
(8) การสร้างบรรยากาศหรือสถานการณ์ให้ผเู้ รยี นได้เรียนรูโ้ ดยการปฏบิ ัตจิ รงิ
(9) การสนบั สนุนและสง่ เสรมิ การเรยี นรู้
(10) การมีจุดมุ่งหมายของการสอน
(11) ความเขา้ ใจผเู้ รยี น
(12) ภูมิหลังของผเู้ รียน
(13) การไมย่ ดึ วธิ กี ารใดวิธกี ารหนึง่ เท่านน้ั
(14) การเรยี นการสอนท่ีดเี ป็นพลวตั ร (dynamic) กล่าวคือ มีการเคลอื่ นไหวเปลีย่ นแปลงอย่ตู ลอดเวลาท้งั
ในดา้ นการจดั กจิ กรรม การสร้างบรรยากาศ รปู แบบเน้อื หาสาระ เทคนิค วิธีการ
(15) การสอนในส่งิ ท่ไี มไ่ กลตัวผเู้ รียนมากเกินไป
(16) การวางแผนการเรยี นการสอนอย่างเป็นระบบ
3 การเรียนรู้ของผเู้ รยี น องค์ประกอบสดุ ท้ายทีส่ ำคัญและนับว่าเป็นเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ท่ีเนน้
ผเู้ รียนเปน็ สำคญั คอื องคป์ ระกอบดา้ นการเรียนรู้ซง่ึ มลี กั ษณะท่ีแตกต่างจากเดิมท่เี นน้ เนอ้ื หาสาระเป็นสำคัญ และ
สอดคลอ้ งกับองค์ประกอบดา้ นการจัดการเรียนรู้ ทั้งนีเ้ พราะการจัดการเรยี นรู้ก็เพ่อื เนน้ ใหม้ ผี ลต่อการเรียนรู้ ดงั นั้น
ตวั บง่ ช้ที ่ีบอกถงึ ลักษณะการเรียนรู้ของผูเ้ รียน ประกอบดว้ ย
1. การเรียนร้อู ยา่ งมีความสขุ อันเนอื่ งมาจากการจดั การเรียนรู้ท่คี ำนงึ ถึงความแตกต่างระหว่าง
บคุ คล คำนงึ ถงึ การทำงานของสมองทสี่ ่งผลต่อการเรยี นรแู้ ละพัฒนาการทางอารมณ์ของผู้เรียน ผเู้ รียนได้
เรียนรเู้ รอ่ื งท่ตี อ้ งการเรียนร้ใู นบรรยากาศทีเ่ ปน็ ธรรมชาติ บรรยากาศของการเอ้ืออาทรและเปน็ มติ ร ตลอดจนแหล่ง
เรยี นรู้ทีห่ ลากหลาย นำผลการเรียนรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้
2. การเรียนรจู้ ากการไดค้ ดิ และลงมือปฏบิ ตั ิจริง หรือกล่าวอกี ลักษณะหนง่ึ คือ “เรียนด้วยสมอง
และสองมอื ” เปน็ ผลจากการจดั การเรยี นร้ใู หผ้ ู้เรียนไดค้ ิด ไมว่ ่าจะเกิดจากสถานการณ์หรือคำถามกต็ าม
และได้ลงมือปฏบิ ัติจรงิ ซึง่ เปน็ การ กึ ทกั ษะทสี่ ำคัญคอื การแก้ปัญหา ความมีเหตผุ ล
3. การเรียนรู้จากแหล่งเรียนรูท้ ่ีหลากหลาย และเรยี นรู้รว่ มกบั บุคคลอ่ืน เปา้ หมายสำคญั ดา้ น
หนึ่งในการจัดการเรียนร้ทู ่เี นน้ ผ้เู รียนเป็นสำคญั คือ ผู้เรยี นแสวงหาความรู้ท่ีหลากหลายท้งั ในและนอก
โรงเรียน ทงั้ ทีเ่ ปน็ เอกสาร วัสดุ สถานท่ี สถานประกอบการ บคุ คลซงึ่ ประกอบด้วย เพ่อื น กล่มุ เพ่อื น วทิ ยากร หรอื
ผู้เปน็ ภูมปิ ัญญาของชุมชน
4. การเรียนรู้แบบองคร์ วมหรอื บรู ณาการ เป็นการเรยี นรทู้ ผี่ สมผสานสาระความร้ดู า้ นต่างๆ ได้
สดั สว่ นกัน รวมทั้งปลกู งั คณุ ธรรม ความดีงาม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงคใ์ นทุกวชิ าทจ่ี ัดให้เรยี นรู้
5. การ เรียนรดู้ ้วยกระบวนการเรียนรขู้ องตนเอง เป็นผลสบื เนอ่ื งมาจากความเข้าใจของผจู้ ัดการ
๑๒๔
เรียนรทู้ ี่เน้นผู้เรยี นเป็น สำคัญว่า ทกุ คนเรยี นรไู้ ดแ้ ละเป้าหมายทสี่ ำคัญคือ พัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถ
ท่ีจะแสวงหาความร้ไู ด้ด้วยตนเอง ผู้จดั การเรยี นรู้จึงควรสังเกตและศกึ ษาธรรมชาติของการเรยี นรขู้ องผู้เรียน ว่าถนดั
ท่จี ะเรยี นรแู้ บบใดมากที่สุด ในขณะเดยี วกันกจิ กรรมการเรียนร้จู ะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้วางแผนการเรยี น ร้ดู ้วย
ตนเอง (ซงึ่ จะกลา่ วถงึ รายละเอียดอีกครั้งในการเรยี นรู้โดยโครงงาน) การสนับสนนุ ให้ผเู้ รียนไดเ้ รยี นรู้ดว้ ย
กระบวนการเรียนรู้ของตนเอง ผู้เรียนจะไดร้ ับการ กึ ดา้ นการจัดการแลว้ ยงั กึ ดา้ นสมาธิ ความมีวนิ ัยในตนเอง และ
การร้จู ักตนเองมากข้นึ
เมือ่ ครูจดั การเรียนการสอนและการประเมินผลแล้ว และมีความประสงคจ์ ะตรวจสอบวา่ ได้ดำเนินการ
ถกู ต้องตามหลักการจัดการเรยี นการสอนโดยเน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคัญหรือไม่ ครสู ามารถตรวจสอบดว้ ยตนเอง โดยใช้
เกณฑ์มาตรฐานด้านกระบวนการ มาตรฐานท่ี 18 ซ่ึงมตี ัวบง่ ชดี้ ังตอ่ ไปนี้
1. มกี ารจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาตแิ ละสนองความตอ้ งการของ
ผ้เู รียน
2. มีการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนที่กระต้นุ ใหผ้ ู้เรยี นรจู้ กั คดิ วิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คดิ สรา้ งสรรค์ คดิ
แกป้ ัญหาและตดั สินใจ
3. มกี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนทกี่ ระตุ้นให้ผูเ้ รยี นรจู้ กั ศกึ ษาหาความรู้ แสวงหาคำตอบและสร้างองค์
ความรู้ด้วยตนเอง
4. มีการนำภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ เทคโนโลยีและสอื่ ท่ีเหมาะสมมาประยกุ ต์ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน
5. มกี ารจดั กจิ กรรมเพอื่ กึ และสง่ เสรมิ คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมของผู้เรยี น
6. มกี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนให้ผเู้ รยี นไดร้ ับการพฒั นาสนุ ทรยี ภาพอยา่ งครบถ้วน ทง้ั ดา้ นดนตรี
ศลิ ปะและกีฬา
7. ส่งเสริมความเป็นประชาธปิ ไตย การทำงานรว่ มกบั ผ้อู ื่นและความรับผิดชอบตอ่ กลุม่ รว่ มกัน
8. มีการประเมนิ พัฒนาการของผูเ้ รียนดว้ ยวิธกี ารหลากหลายและตอ่ เนอื่ ง
9. มีการจัดกจิ กรรมให้ผู้เรยี นรกั สถานศึกษาของตนและมคี วามกระตือรอื ร้นในการไปเรยี น
สรปุ ว่า การจดั การเรียนการสอนที่เน้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ คือ การจัดการให้ผู้เรียนสร้างความรใู้ หมโ่ ดยผ่าน
กระบวนการคดิ ดว้ ยตนเอง ทำให้ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรูด้ ว้ ยการลงมือปฏบิ ตั ิ เกิดความเข้าใจ และสามารถนำความร้ไู ป
บูรณาการใช้ในชีวติ ประจำวนั และมีคุณสมบัตติ ามกบั เป้าหมายของการจัดการศกึ ษาท่ีตอ้ งการให้ผู้เรยี นเป็นคนเกง่
คนดี และมีความสขุ
เอกสารอา้ งองิ https://childcenter-edu.blogspot.com/2009/11/blog-post.html
3.2 No Child Left Behind (NCLB)
“เดก็ หลงั ห้อง” เป็นคำเรยี กขานของครูสำหรบั นักเรียนท่ไี มส่ นใจการเรยี น ไม่มีความสุขในการเรียน มี
พฤติกรรมเสย่ี งดา้ นตา่ ง ๆ จนมแี นวโน้มวา่ จะไมจ่ บการศกึ ษา เด็ก ๆ กลมุ่ นส้ี ่วนใหญจ่ ะถกู มองขา้ มจากครูผู้สอน
และไมค่ ่อยให้ความสนใจเทา่ ใดนกั จึงดเู สมอื นวา่ เขาเหล่านน้ั ถูกทอดทงิ้ โอกาสและไมไ่ ด้รบั ความสนใจเท่าท่ีควร
ผลที่เกดิ ขึน้ จากการจัดการศึกษาของโรงเรยี นในแต่ละปกี ารศกึ ษา จงึ มภี าพแสดงความยินดขี องนักเรียนทีส่ ำเร็จ
การศึกษากบั ภาพแห่งความเศรา้ สรอ้ ยของนักเรยี นท่ีไมส่ ำเรจ็ การศึกษา วนเวียนอยแู่ บบนีท้ กุ ปีการศกึ ษาซ้ำแลว้ ซ้ำ
๑๒๕
เล่า จากบทเรียนนีท้ ำให้เราไดเ้ รียนรวู้ า่ เดก็ นักเรียนนน้ั เขามคี วามต่าง เขามีศกั ยภาพทไี่ มเ่ หมือนกัน และมีความ
พร้อมหรอื วุฒิภาวะท่ีแตกตา่ ง
ถา้ มองจากมุมดงั กลา่ ว ครูจงึ มบี ทบาทสำคัญในการดูแลช่วยเหลือเด็กหลังหอ้ งกลุม่ นเ้ี ป็นพิเศษ “ไมท่ ้ิง
เด็กไว้ข้างหลัง...ไมม่ เี ด็กคนใดถูกทอดทิ้งไวข้ ้างหลัง” No Child Left Behind (NCBL) ซง่ึ แนวคดิ ดังกล่าวน้ี
นายรณชัย สุขสมบรู ณ์ ผอ.สพม.32 ได้นำมาเป็นจุดเนน้ เพื่อลงส่สู ถานศกึ ษา โดยไดช้ ี้แจงหลกั การและแนว
ปฏิบัติสพู่ ่ีน้องเพ่ือนครูวา่ ...“ไม่ท้ิงเด็กไว้ขา้ งหลงั ” No Child Left Behind (NCLB) เปน็ รปู แบบการบรหิ าร
จดั การ โดยนอ้ มนำพระราชดำรัสในหลวง ร.9 “เดก็ รกั ครู ครูรักเดก็ ” มาใชใ้ นการเรียนรู้ระหวา่ งครูกับนกั เรยี น
ดว้ ยความรกั เพ่ือให้นักเรยี นทุกคนมคี วามสุข เปน็ คนดี มีทักษะชีวติ ไดพ้ ฒั นาเต็มศักยภาพของแต่ละบุคคล
ประสบผลสำเรจ็ จากการเรยี นร้เู พื่อการศกึ ษาต่อและประกอบอาชพี โดยไม่มีนักเรียนคนใดถูกทอดทิ้งไว้ขา้ งหลงั
โดยเฉพาะเดก็ หลังหอ้ ง
การนำรปู แบบการบริหารจัดการตามแนวคดิ No Child Left Behind (NCLB) มีวัตถปุ ระสงค์อยู่ 3
ประการ ประกอบดว้ ย หนึง่ เพอ่ื นอ้ มนำพระราชดำรัสในหลวง ร.9 “เดก็ รักครู ครูรกั เดก็ ” ส่กู ารปฏบิ ตั ิ สอง
เพอื่ ดำเนนิ งานตามพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ในสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวมหาวชริ าลงกรณบดนิ ทรเทพยวรางกูร
และสามเพือ่ พฒั นาคุณภาพชวี ิตของนักเรยี น โดยขบั เคล่อื นแนวคดิ No Child Left Behind (NCLB) “ไมม่ ี
เดก็ คนใด ถกู ทอดทง้ิ ไว้ข้างหลัง”
การพัฒนาศกั ยภาพนกั เรยี นรายบุคคลให้มคี วามสุขในการเรยี น จบการศกึ ษาในปกี ารศึกษานน้ั ๆ และมี
ทกั ษะชวี ติ ด้านการศึกษาตอ่ และการประกอบอาชีพทส่ี ุจริต จึงมคี วามสำคัญในลำดบั ต้น ๆ ที่ครูต้องทำความ
เขา้ ใจและเขา้ ถงึ เด็กหลงั หอ้ งกลมุ่ นีใ้ หม้ าก เพราะถ้าเรามัวหลงแตช่ น่ื ชมเดก็ ท่เี รยี นเกง่ อยา่ งเดยี ว และไมส่ นใจ
หรือไม่ใส่ใจดแู ลเดก็ หลังหอ้ งอย่างทีค่ วรแลว้ การขบั เคลื่อนแนวคดิ No Child Left Behind (NCLB) ก็จะไม่
เห็นประสบผลสำเร็จ
แหลง่ ที่มา : นกุ ลู กิจ ทวีชาติ http://kruperm2519.blogspot.com/2018/11/no-child-left-
behind-nclb.html
จากวลีหนง่ึ ทป่ี รากฏในการศึกษาไทยที่ทำให้หวนกบั มาดคู วามเป็นจริงท่เี กดิ ขึ้นในระบบการศึกษาของไทย
นั่นคอื สโลแกนดูดีที่ว่า “No children left behind” (NCLB) เม่ือลองกลบั มาคดิ ทบทวนกับสภาพการศึกษาใน
บา้ นเราปัจจุบันแล้วพบวา่ มีบางอยา่ งท่สี อดคล้องกนั จงึ ทำให้อดคิดไมไ่ ดว้ า่ หรือผูบ้ ริหารการศกึ ษาในบ้านเรากำลัง
ยดึ นโยบายน้ใี นการบรหิ ารจัดการศกึ ษาให้เดก็ ๆ ซงึ่ เป็นอนาคตของชาติ ผมจะลองยกตวั อยา่ งใหด้ ูจากการสำรวจ
เมื่อปี 2550 พบวา่ นักเรียน ม.๓ มปี ญั หาอ่านไม่ออก เขียนไมไ่ ด้ 87,000 คน หรอื คดิ เป็น 12.75% ถงึ แมจ้ ะเป็น
ขอ้ มูลที่ค่อนข้างเกา่ แต่จากรายงานข่าวการลงพื้นทขี่ อง เลขาธกิ ารสำนักงานสภาการศกึ ษาเมอ่ื ตน้ ปีนกี้ พ็ บวา่ สภาวะ
แบบนย้ี ังมอี ยู่ และเป็นปญั หาสำคญั ท่ตี ้องเรง่ แกไ้ ขนอกจากนน้ั จากการสอบถามครูทีเ่ คยสอนประจำอยูท่ ีโ่ รงเรยี น
มธั ยมแห่งหนง่ึ พบวา่ จากการทดสอบทักษะดา้ นภาษาไทยของนกั เรยี นที่เข้ามาเรยี นในโรงเรยี นชัน้
ม.1 พบว่า มเี ดก็ จำนวนหนง่ึ (เกอื บคร่งึ ) ทด่ี อ้ ยทักษะภาษาไทยมีตง้ั แต่ดอ้ ยนอ้ ย ไปจนถงึ ดอ้ ยมาก ถ้าดอ้ ย
มากก็คือ อา่ นไมค่ ลอ่ ง และ เขยี นไมค่ ลอ่ งและถา้ ดอ้ ยมากทีส่ ุด อ่านไม่ออก เขียนไมไ่ ด้ และแน่นอนวา่ เดก็ กล่มุ นี้จะ
มีปญั หาในด้านการเรียนวชิ าอ่ืนๆตอ่ ไปเป็นลกู โซ่
๑๒๖
หลายคนคงต้ังคำถามว่าแล้วทำไมเด็กเหล่าน้ถี ึงผา่ นระบบการประเมนิ ในระดับประถมมาได้จนถงึ ระดบั
มัธยม คำตอบของคำถามนีส้ ามารถหาไดต้ ามเว็บบอร์ดซงึ่ เป็นแหล่งสะท้อนความคิดและความรสู้ ึกจากครู ผู้คลกุ
คลอี ยู่กบั เด็กเหล่านี้ และสอดคล้องกับความเหน็ ของคณุ ครทู า่ นเดิมทีผ่ มได้พูดคุยดว้ ย และ คุณครูท่านเดิมกลา่ วให้
เหตผุ ลว่า “เป็นการสง่ ผา่ นไปตามนโยบายจากประถมขึ้นมามธั ยมและมธั ยมออกไปอุดมศึกษา” พดู ง่ายๆ ก็คือ
นโยบายทีไ่ ม่ให้เด็กสอบตก หรอื ต้องเรียนซ้ำช้นั (อย่างนอ้ ยถา้ เด็กแสดงความสนใจโดยการมาเข้าเรียน)
สำหรับประเดน็ นไี้ มไ่ ดโ้ ทษวา่ เป็นความผิดของครู เพราะปัญหาน้มี สี าเหตมุ าจากหลายปัจจยั
รวมถงึ ตัวเดก็ เอง และท่สี ำคญั คอื นโยบายของผบู้ รหิ าร ความเปน็ จรงิ ทีพ่ บจากแนวทางการปฏิบตั ิทำให้
สรุปเอาเองวา่ ผบู้ รหิ ารการศกึ ษาในโรงเรียนบางคน คงกำลังยึดนโยบาย NCLB แต่มกี ารตีความทไ่ี มธ่ รรมดา
เลยนำมาสกู่ ารปฏิบัตทิ ่ีผิดเพี้ยน คอื การท่ไี มใ่ ห้ครูไม่ท้งิ เด็กไวข้ ้างหลงั โดยให้ผ่านไปใหห้ มดโดยไมค่ ำนงึ ว่า
นักเรยี นสามารถแสดงออกถึงความสามารถไดต้ ามเกณฑท์ กี่ ำหนดไวใ้ นแตล่ ะระดบั ช้นั หรือไม่ ซง่ึ ไมร่ วู้ า่ ความ
ผดิ เพ้ียนนัน่ เปน็ สาเหตมุ าจากการรบั นโยบายโดยไมเ่ ขา้ ใจแนวคดิ เบือ้ งหลงั หรอื เป็นเพราะขอ้ กำจัดหลายๆ อย่างที่
ไม่สามารถทำใหน้ โยบายอยบู่ นแนวคดิ ที่มนั ควรจะเป็นได้
NCLB ท่ีมีลักษณะเฉพาะของเรานที้ ำให้ผมนกึ ถงึ คตปิ ระจำใจของทหารหน่วย SEAL SEAL เป็น
หนว่ ยรบพเิ ศษของทหาร มีเอาไว้ในการทำภารกจิ ทีเ่ ส่ียงอันตรายและบางครง้ั เป็นความลับและพวกเค้ามีคติประจำ
ใจวา่ จะไมท่ ้งิ เพอื่ นไวข้ า้ งหลงั ถึงแม้จะเปน็ ศพกต็ ้องเอากลับมาดว้ ย ถ้าเปรยี บเทียบคตปิ ระจำใจของ SEAL กบั
การศกึ ษาบ้านเราคอื ผบู้ ริหารยึดนโยบาย No children left behind โดยแนวทางการปฏบิ ัติ แบบ SEAL คือ
ยังไงกต็ ้องพานกั เรยี นเหล่านใ้ี ห้จบออกไปใหไ้ มไ่ ด้ ไม่วา่ จะสภาพไหนไม่ว่าจะเปน็ ศพกต็ าม ศพของผมในท่ีน้ี
หมายถึง สภาวะท่ีไมม่ กี ารพฒั นา ผมเลยจะขอเรียก แนวคดิ NCLB ท่มี ีลกั ษณะเฉพาะของเราว่า NCLB แบบ
SEAL
จากแนวทางการปฏิบัติแบบน้ี สง่ ให้เกดิ ผลกระทบที่ใหญ่มากขึ้นกับเด็กทีผ่ ่านระดบั ประถมจนมาอยรู่ ะดบั
มธั ยมและ ระบบการจัดการศกึ ษา คอื เดก็ ทีถ่ ูกส่งผา่ นข้นึ มาโดยไม่มีความพร้อมเหลา่ น้ีจะเรยี นร่วมกับเด็กคนอ่ืน
ไดอ้ ย่างไรในชนั้ เรยี น? เราควรที่จะยดึ แนวคิด NCLB แบบSEAL เหมอื นเดมิ ตอ่ ไป เพือ่ ทจ่ี ะสง่ ผ่านเคา้ ใหอ้ อกไป
จากระบบการศกึ ษาโดยไม่ไดร้ ับการพัฒนาอะไร ครกู จ็ ดั การเรียนการสอนแบบท่ีเคยสอนโดยสนใจเด็กกลมุ่ ใหญ่
และละเด็กกลมุ่ เล็กๆไว้ในฐานท่ีไม่เข้าใจเพราะอย่างไรเสียเคา้ กจ็ ะถกู ส่งออกไปตามระบบอยู่ดี หรือ ถงึ เวลาแล้ว
หรือยงั ท่ีเราจะกลบั มานงั่ พิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้NCLB ทอ่ี ยบู่ น แนวคิด “Education for All” เกิดข้นึ จรงิ คอื
การจดั การศกึ ษาเพ่อื ให้เด็กได้รับโอกาสในการเรยี นร้เู ท่าเทียมกนั ครจู ัดสภาพแวดลอ้ มในการเรียนทเ่ี ออ้ื ให้เดก็ ทีม่ ี
ความพร้อมแตกต่างกนั ได้รบั การพฒั นาไปพร้อมๆกนั แต่แน่นอนว่าอาจจะพฒั นาไดไ้ มเ่ ทา่ กัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความ
พรอ้ มของเด็ก
แม้ในปัจจุบนั จะมีโรงเรียนพิเศษทีจ่ ัดการศกึ ษาเพื่อตอบความตอ้ งพิเศษเฉพาะด้านของนกั เรียนแต่ก็ต้อง
ยอมรับว่ายังมนี ักเรียนจำนวนไมน่ ้อย มีอยใู่ นชั้นเรียนปกติ แตค่ วามพร้อมในการเรยี นไมเ่ ท่าเดก็ ทัว่ ไปคำถามคอื เรา
จะดแู ลเด็กกลมุ่ นอ้ี ย่างไร ผมเช่ือว่าคงมหี ลาย ายกำลังหาทางจดั การกับปญั หาเหลา่ นี้อยแู่ ตก่ ็ต้องยอมรบั ว่าเร่อื งนี้
ไมใ่ ช่เรอ่ื งงา่ ยเลยและคงไมเ่ ห็นผลในเรว็ วนั นี้ แตผ่ มหวงั วา่ สักวันสโลแกนสวยหรู NCLB จะเกิดขนึ้ จริงไม่ใช่ แบบ
SEAL อยา่ งทเ่ี ป็นอยู่แต่เกดิ ขึน้ บนแนวคดิ “Education for All”
ทมี่ า : https://aonparrot.wordpress.com/2009/12/02/no-children-left-behind/
๑๒๗
จากขอ้ มูลทวั่ โลกพบว่านโยบายการศกึ ษาของรัฐบาลในแต่ละประเทศไดพ้ ยายามสรา้ งความพร้อมทาง
การศกึ ษาให้กบั ประชากรท่ีมีความตอ้ งการทางการศกึ ษาที่แตกต่างกนั โดยเฉพาะกลมุ่ ทม่ี คี วามต้องการพิเศษ
เนอ่ื งจากหากรฐั สามารถจัดการศึกษาที่เหมาะสมใหก้ ับบุคคลท่มี ีความต้องการพเิ ศษประเภทต่างๆ ได้อย่าง
เหมาะสมแลว้ ย่อมเป็นหลกั ประกนั ไดว้ า่ เดก็ ทั่วไปทกุ คนจะได้รบั การศกึ ษาอยา่ งเหมาะสม และไม่มีใครท่ถี กู ละเลย
รวมทัง้ เปน็ การยกระดบั คุณภาพทางการศกึ ษาอย่างท่ัวถงึ ดงั ท่ีหลายประเทศไดป้ ระกาศเป็นเป้าหมายว่า "ต้องไม่มี
เดก็ คนใด ถกู ทอดทิ้งไวข้ า้ งหลงั " (No child left behind) "การศกึ ษาสำหรับเดก็ ทกุ คน" (Education for all)
หมายถงึ ทุกภาคสว่ นของระบบการศกึ ษาต้องมมี มุ มองในการจดั การศึกษาด้วยความเชื่อว่า เดก็ แต่ละคนมีความ
แตกตา่ งหลากหลายในคุณลกั ษณะ (Heterogeneous Group) มใิ ชก่ ารปฏิบตั ิตอ่ เดก็ ในลักษณะเดก็ ทุกคนมี
คุณลกั ษณะเดียวกนั (Homogenous Group) ท่เี ราใช้จดั ชน้ั เรียนให้กับเดก็ ในปัจจุบนั หลกั คิดนี้ เป็นหลกั การสำคัญ
ในการกำหนดทิศทางการจดั การศึกษาในปจั จบุ นั โดยมีรากฐานมาจากข้อมูลของเดก็ ท่ีมีความต้องการพเิ ศษ
ระบบการจดั การศกึ ษาพิเศษนนั้ ถือวา่ เปน็ ดัชนีชว้ี ดั ถงึ ขีดความสามารถ หรอื ระดับปัญหาในการจดั
การศกึ ษาในประเทศน้ันๆ วา่ สามารถจดั การศกึ ษาทเี่ หมาะสมกับเดก็ เปน็ รายบุคคลหรอื จัดโดย ยึดเดก็ เป็น
ศูนยก์ ลางได้จรงิ หรอื ไม่ และเปน็ ดชั นีชว้ี ดั การพฒั นาทรัพยากรศักยภาพของมนุษยข์ องแต่ละประเทศ จงึ เหน็ ได้วา่
กลไกด้านการศึกษาของประเทศทม่ี กี ารจัดการศึกษาท่ีก้าวหน้านนั้ จะมีการใหค้ วามสำคญั แก่บุคคลที่มคี วาม
ต้องการพเิ ศษอยู่เสมอ หากการปฏริ ปู การศกึ ษาละเลย หรือมองข้าม การตอบสนองกลมุ่ ของผ้ทู ม่ี ีความต้องการ
พเิ ศษ จะทำใหไ้ มส่ ามารถบรรลผุ ลสำเร็จได้ เนือ่ งจากขาดกลไกที่ตอบสนองความแตกต่างและหลากหลาย ความ
เสมอภาค รวมทง้ั การยดึ ผ้เู รียนเป็นศนู ยก์ ลาง ท่ีเป็นหวั ใจสำคญั ในการปฏิรูปการศึกษา
ด้วยความสำคญั ดังกล่าวประเทศต่างๆ จึงกำหนดกลไกและมาตรการทางดา้ นการจัดการศึกษา การวจิ ัย
และพฒั นา การออกกฎหมาย หรอื แก้กฎหมาย การปรับโครงสร้างหนว่ ยนโยบาย และหน่วยปฏบิ ัติ การปรบั
โครงสร้างภาษเี พ่อื ส่งเสรมิ การพฒั นาทรัพยากรมนษุ ย์และอน่ื ๆ เพื่อตอบสนอง หลักการแห่งความเสมอภาค และ
ประสิทธิภาพทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยมีการวางผงั การพฒั นาเป็นภาพรวม แตม่ กี ารกระจายความ
รบั ผิดชอบไปตามบรบิ ทของแต่ละประเทศที่มโี ครงสร้างต่างกนั อย่างไรกต็ ามจากการศกึ ษาเอกสารของรฐั บาล และ
องคก์ รท่สี ง่ เสรมิ การพฒั นาเดก็ และเยาวชนพบว่า มโี ครงสรา้ งหลักทมี่ กี ารดำเนินงานอย่างสอดคล้องไปในทิศทาง
เดยี วกัน
๑๒๘
แผนภาพแสดงโครงสร้างและกลไกทางการศกึ ษาพิเศษในตา่ งประเทศ
๑๒๙
แผนภาพแสดงโครงสรา้ งและกลไกทางการศึกษาพิเศษในประเทศไทย
จากการวเิ คราะห์ข้อมลู ทกุ ดา้ นในภาพรวมทางการศึกษาพบว่า จำนวนผทู้ ่มี ีความต้องการพิเศษในประเทศ
ไทยเปน็ ดชั นหี ลักท่ีชใี้ ห้เห็นวา่ ประเทศไทยมีภาวะวิกฤตในการพัฒนาคณุ ภาพประชากร ดงั นนั้ จึงต้องมกี ารปรับ
โครงสรา้ งด้านกลไกการบรหิ ารและจัดการ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในเร่ืองงานวิจัยและพฒั นาท่เี ปน็ ตน้ ทางในการสร้าง
องค์ความรู้ การวางแผนพัฒนาการศึกษา และอ่ืนๆ การจดั ตัง้ สถาบนั วิจยั และพัฒนาการศึกษาพเิ ศษ จะชว่ ยใหง้ าน
ด้านการพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์มคี วามเหมาะสมกับศกั ยภาพทแ่ี ท้จริงของบุคคลท่เี ป็นไปไดจ้ รงิ และทำใหเ้ กดิ การ
พฒั นาอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ อยู่บนหลักวิชาการ ดังนนั้ จงึ ควรมกี ารดำเนินการเร่อื งน้ี เป็นเรือ่ งเร่งด่วน
ที่มา : http://rise.swu.ac.th/Default.aspx?tabid=7448
3.3 KSTSMILE Model
เป็นกรอบแนวคิดในการบรหิ ารจดั การยกระดับผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ ัน้ พนื้ ฐานของ
โรงเรียนก่สู วนแตงพิทยาคม ดังนี้
K : Knowledge ความรู้ การสร้างองคค์ วามร้ทู ี่เกิดขึ้นจากการเรียนการสอน การค้นคว้า ความคุ้นเคย
ความเช่ยี วชาญ ประสบการณ์ เป็นต้น.
S : Service การบรกิ าร การให้บรกิ ารแกผ่ มู้ สี ว่ นได้ส่วนเสีย เชน่ ผปู้ กครอง สมาคม ผ้ปู กครอง
ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน คณะกรรมการสถานศึกษา สมาคมศิษยเ์ ก่า
T : Technology เทคโนโลยี การบริหารจัดการสถานศกึ ษา การจัดการเรียนการสอนทีใ่ ชเ้ ทคโนโลยมี า
บูรณาการให้สอดคล้องกับการจัดการศกึ ษาในศตวรรษท่ี 21
S : Sufficiency Economy นำศาสตร์พระราชาสกู่ ารเรียนรู้ และดำเนินงานโดยบรหิ ารจัดการ
ทรัพยากรทีโ่ รงเรียนมอี ยู่ รวมถงึ การใช้ประโยชนจ์ ากเครือขา่ ยความร่วมมอื ตา่ งๆ ให้เกดิ ประโยชนต์ ่อการ
จัดการเรยี นร้สู ูงสดุ
M : Morality ยดึ มั่นคณุ ธรรม จรรยาบรรณความเปน็ ครู จดั การเรียนรดู้ ้วยความรักและเมตตาต่อ
ผูเ้ รียนโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล พยายามพฒั นาผู้เรยี นทุกกลมุ่ อยา่ งเต็มกำลงั ความรู้
ความสามารถ
I : Immunity สรา้ งภูมิคุ้มกันในการจัดการเรยี นรู้ โดยการจดั การเรยี นรสู้ อดคลอ้ งกับมาตรฐานตาม
หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พ.ศ.2551 จัดการเรยี นรใู้ หค้ รบ มุ่งเนน้ ตวั ชีว้ ัดต้องรูข้ องทุก
ระดับชน้ั มีระบบการติดตามตรวจสอบ นเิ ทศการสอนอยา่ งเป็นกัลยาณมิตร รวมถงึ การสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ท่ี
สำคญั ในตวั ผเู้ รียน เปน็ ผ้ทู ท่ี ันโลก ทันสงั คมยุคปจั จุบนั เกิดภูมริ ู้ ภมู ธิ รรม ภูมิปญั ญา
๑๓๐
L : Learning by doing จดั ประสบการณ์การเรยี นรดู้ ้วยการลงมือทำ เน้นการเชือ่ มโยงหลักทฤษฎี
เข้าสู่การปฏิบตั ทิ ุกสาระวิชา พยายามใหผ้ ู้เรยี นไดส้ รา้ งและสรุปองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง พฒั นาระดับของ
การปฏิบัติจนเกดิ ทกั ษะ ีมอื ทำให้เกิดความภาคภมู ิใจในผลสำเร็จของการเรยี นรขู้ องตนเองและทมี
E : Environment เนน้ การจดั บรรยากาศให้ส่งเสริมการเรียนรู้เหมาะสมกบั วัยของผู้เรยี น นอกจาก
บรรยากาศด้านอาคารสถานท่ี แหลง่ เรียนรู้ ส่ือประกอบการเรยี นรู้แล้ว ยงั คำนงึ ถงึ บรรยากาศการเรยี นรู้
แบบรว่ มมอื (Collaborative Learning) การสรา้ งทมี (Teamwork Construction) บรรยากาศทเี่ ปิดให้
ผู้เรยี นกลา้ คิด กล้าถาม สนใจคน้ หาคำตอบอย่างเป็นกนั เองร่วมกบั ครผู ูส้ อน (Coach and Mentor)
เป้าหมายของการยกระดบั คุณภาพผเู้ รียนเพอ่ื ยกระดบั ผลผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นของผู้เรียนและการ
ทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขน้ั พนื้ ฐาน (O-NET)
โรงเรียนกู่สวนแตงพทิ ยาคมมเี ป้าหมายของการยกระดบั ผลผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของผ้เู รียนและการ
ทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ ้ันพน้ื ฐาน (O-NET) ท่ีสอดคล้องกบั สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ซง่ึ จะขับเคล่ือนในการยกระดบั ผลผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของผู้เรียน โดยใช้ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของนักเรยี น
คะแนนสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพ้นื ฐาน (O-NET) และผลการประเมนิ คณุ ภาพภายใน เปน็
เคร่อื งมือในการจัดกระบวนการเรียนการสอน การวดั และประเมนิ ผล โดยสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้
พนื้ ฐาน จะกำหนดเป้าหมายความคาดหวังไว้ แล้วใหเ้ ขตพื้นที่ฯ และโรงเรยี นไปจดั ทำแผนปฏิบัติการ โดย
ตง้ั เปา้ หมายที่จะให้การประเมินคณุ ภาพภายในในระดบั ดี คะแนนผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนทุกลมุ่ สาระอยา่ งน้อยรอ้ ย
ละ 70 อยใู่ นระดบั ดขี น้ึ ไป คะแนน O-NET เพม่ิ สูงขึน้ ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 3 จากฐานเดมิ ในทกุ วชิ า นกั เรียนทม่ี ี
ปัญหาดา้ นการเรยี น คือมปี ริมาณ 0 ร มส น้อยกวา่ รอ้ ยละ 5 และนักเรยี นจบการศกึ ษา ทุกคน ดงั นน้ั โรงเรียนจึงได้
นำเป้าหมายดังกล่าวมาวางแผนการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี น โดยกำหนดเปา้ หมายความคาดหวงั ไว้ แลว้ จดั ทำ
แผนปฏบิ ตั ิราชการเพื่อจัดทำกิจกรรมโครงการยกระดบั คุณภาพของผูเ้ รียนและผลการทดสอบทางการศกึ ษา
ระดับชาตขิ ั้นพนื้ ฐาน (O-NET) ใหพ้ ัฒนาข้ึน โดยใหค้ วามสำคัญต่อกระบวนการบรหิ ารจดั การเรียนการสอนใหไ้ ด้
มาตรฐาน เพือ่ ผู้เรียนเปน็ ผู้มีคุณภาพ ไดร้ บั ความเช่ือถือและยอมรับจากชุมชน รวมถึงต้องมีการเตรยี มตวั ผู้เรยี นให้
พรอ้ มที่จะรบั การพฒั นาไปสู่ โดยกำหนดเปา้ หมาย ดงั นี้
เป้าหมายท่ี 1 การประเมินคุณภาพภายในในระดบั ดี
เป้าหมายที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรหู้ ลักอย่างน้อยรอ้ ยละ 70 อยูใ่ นระดบั ดขี ้นึ ไป
เปา้ หมายที่ 3 ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน โดยเฉพาะการประเมิน O-NET จะตอ้ งเพ่มิ ขน้ึ อย่างนอ้ ยร้อยละ ๓
ของฐานเดมิ
เปา้ หมายท่ี 4 ปรมิ าณ 0 ร มส ไม่เกินรอ้ ยละ ๕
เป้าหมายที่ 5 นักเรยี นจบการศกึ ษาทุกคน
๑๓๑
4. กระบวนการผลติ งานหรอื ขนั้ ตอนการดำเนินงาน (วิธปี ฏิบตั ิท่ีเปน็ เลศิ )
4.1 Flow Chart แสดงขน้ั ตอนการดำเนินงานทมี่ กี ารปฏิบตั ิทีเ่ ปน็ เลศิ
ศึกษาและวิเคราะหส์ ภาพปญั หา
Taking Stock การตรวจสภาพปัจจุบันเกีย่ วกับผลสมั ฤทธิ์ เป้าหมายท่ี 3 ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น
ทางการเรียนหรอื ผลการประเมินคุ ภาพ โดยเฉพาะการประเมนิ O-NET จะตอ้ งเพม่ิ ขน้ึ
เปา้ หมายที่ 1 การประเมินคุ ภาพภายในในระดับดี Setting Goal เป็นการกำหนด อยา่ งน้อยรอ้ ยละ ๓ ของฐานเดมิ
เปา้ หมายความสำเรจ็ เป้าหมายที่ 4 ปรมิ า 0 ร มส ไมเ่ กนิ ร้อยละ ๕
เปา้ หมายท่ี 2 กลุ่มสาระการเรยี นรู้หลักอยา่ งนอ้ ย
รอ้ ยละ 70 อยู่ในระดับดขี ้ึนไป Developing เปา้ หมายท่ี 5 นกั เรียนจบการศกึ ษาทกุ คน
Strategies
กิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบ Active Learning เพ่ือยกระดบั พฒั นากลยทุ ธ์ ลดภาระงาน
ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นวชิ าภาษาไทยของนักเรียน Child Centric
Learning and สอนซ่อมเสรมิ
การยกระดบั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของผ้เู รยี นตามมาตรฐาน No child
หลกั สูตรและตวั ชีวัดโดยใช้ MATHS MODEL Left Behide หอ้ งเรียนคณุ ภาพ
Child Centric Learning
การจัดการเรียนรทู้ ่เี หมาะสมกับเนือ้ หา ( Pedagogical Content No child Left Behide หลกั สตู รทางเลือก
Knowledge : PCK) โดยใชก้ ลวิธสี รา้ งผลสัมฤทธเ์ิ ปน็ ทีม:
Student Teams Achievement Divisions ( STAD)
การพัฒนากระบวนการเรยี นรูส้ ังคมศกึ ษา
สูห่ อ้ งเรียนศตวรรตท่ี 21
กิจกรรม Exercise For Health to Child Center Learning
การบริหารจดั การศูนยศ์ ลิ ปะด้วยกระบวนทัศน์ PICC Implementingนำ แกไ้ ขปรบั ปรุง
ไม่ผ่าน
กลุ่มสมั พันธ์พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น กลยทุ ธส์ ู่การปฏิบตั ิ
ดว้ ยKSTSMILE
การยกระดบั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนาษาตา่ งประเทศโดยใช้ Model
รปู แบบ MBL MODEL Multimedia Base Learning
ผา่ น
Documenting Progress เป็นขน้ั ตอนการประเมนิ รวบรวม
เอกสารหลกั ฐาน ทแี่ สดงถึงความก้าวหนา้ ของงานตามเป้าหมาย
สรปุ และรายงานผลและเผยแพร่
๑๓๒
4.2 ขน้ั ตอนการดำเนินงาน การดำเนนิ งานใชข้ น้ั ตอน TS2D ดงั น้ี
4.2.1 ขนั้ ที่ Taking Stock คือ การตรวจสภาพปัจจบุ นั เกย่ี วกับผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนหรือผล
การประเมนิ คุณภาพโรงเรยี น เพอ่ื วเิ คราะหว์ ่าโรงเรียนเรามคี ุณภาพมากน้อยเพียงใดเปน็ การวิเคราะหแ์ ละจัดทำ
ฐานข้อมูล (Baseline) เช่น พิจารณาจากผลการสอบ O-NET , NT หรอื ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนประจำปีของ
สถานศกึ ษา
4.2.2 ขนั้ ที่ ๒ Setting Goal เปน็ การกำหนดเปา้ หมายความสำเรจ็ เปน็ ตน้ วา่ ภายในปกี ารศึกษา
๒๕๖๔ เราต้องมี
1) ผลการประเมนิ คุณภาพภายในระดับดมี าก
2) กลุ่มสาระการเรียนร้หู ลักอยา่ งน้อยรอ้ ยละ ๙๐ อย่ใู นระดับดีมาก
3) ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น โดยเฉพาะการประเมนิ O-NET จะตอ้ งเพ่ิมขนึ้ อย่างนอ้ ยร้อย
ละ ๓ ของฐานเดมิ
4)ปรมิ าณ 0 ร มส ไม่เกนิ รอ้ ยละ ๕
4.2.3 ข้นั ท่ี ๓ Developing Strategies and Implementing มุ่งพฒั นากลยทุ ธ์แล้วนำกลยทุ ธ์สู่
การปฏบิ ัติ
4.2.3.1 Developing Strategies พฒั นากลยทุ ธ์ โดยดำเนนิ การใน 2 แนวทางคอื
Child Centric Learning and No child Left Behide และแยกได้ดงั นี้
4.2.3.1.1 Child Centric Learning มอบหมายใหก้ ลมุ่ สาระดำเนินการ
หาวิธีปฏบิ ัตทิ เี่ ป็นเลิศที่จะทำดให้บรรละเป้าหมายตามท่ีได้วางไว้ ดงั น้ี
1) กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย วิธีปฏิบตั ทิ ีเ่ ปน็ เลศิ คือ กิจกรรมการ
เรยี นรแู้ บบ Active Learning เพ่อื ยกระดบั ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นวิชาภาษาไทย ของนกั เรียน
2) กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ วธิ ปี ฏิบตั ิท่เี ป็นเลศิ คือ การ
ยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของผูเ้ รยี นตามมาตรฐานหลักสูตรและตวั ชวี ัดโดยใช้ MATHS MODEL
3) กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วธิ ีปฏิบตั ิทีเ่ ปน็ เลศิ
คือ การจัดการเรยี นร้ทู เี่ หมาะสมกบั เนอื้ หา ( Pedagogical Content Knowledge : PCK) โดยใชก้ ลวธิ สี รา้ ง
ผลสัมฤทธเ์ิ ป็นทมี : Student Teams Achievement Divisions ( STAD)
4) กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม วิธปี ฏิบตั ิท่ี
เปน็ เลศิ คอื การพัฒนากระบวนการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษาสหู่ อ้ งเรยี นศตวรรตท่ี 21
5) กลุม่ สาระการเรียนรู้สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา วธิ ปี ฏบิ ตั ทิ ่เี ป็นเลศิ คือ
กจิ กรรม Exercise For Health to Child Center Learning
6) กลุ่มสาระการเรยี นรศู้ ลิ ปศกึ ษา วิธีปฏบิ ัติทเ่ี ป็นเลิศ อคือ การบรหิ าร
จดั การศนู ย์ศิลปะด้วยกระบวนทัศน์ PICC
7) กลมุ่ สาระการเรียนร้กู ารงานอาชพี วธิ ีปฏบิ ัติท่เี ปน็ เลศิ คอื กลุ่ม
สมั พันธ์พัฒนาผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น
8) กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ วธิ ีปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ คือ การ
ยกระดับผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นาษาตา่ งประเทศโดยใชร้ ูปแบบ MBL MODEL Multimedia Base Learning
๑๓๓
4.2.3.1.2 No child Left Behide โรงเรียนยดึ หลกั ตามประกาศสำนักงานเขต
พ้ืนทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษาเขต 32 ลงวนั ท่ี 25 ธันวาคม 2561 เรื่อง การพฒั นาคุณภาพการศึกษาตามแนวคดิ No
Child Left Behind ใน 4 ดา้ น ดังนี้
1) การมอบหมายงานและการบ้านให้กบั นักเรียน (1)ซึ่งต้องสอดคล้อง
กบั มาตรฐานตัวชวี้ ัดในหลักสูตรสถานศกึ ษา สะท้อนถงึ การทบทวนความรู้ ความเข้าใจอย่างแทจ้ รงิ สง่ เสริมทกั ษะ
การเปน็ บุคคลแห่งการเรยี นรู้ คำนงึ ถงึ ผลท่ีเกดิ ขึน้ กบั นักเรียน (2) ปริมาณตอ้ งมคี วามเหมาะสมกับเวลาของนักเรยี น
หลังเรียน เพ่ือให้นักเรยี นมเี วลาในการเรียนร้ดู ้วยตนเองมากย่ิงข้นึ ครผู สู้ อนระดับช้นั เดยี วกนั ต้องมกี ารวางแผน
รว่ มกนั (3) ยดึ หลกั เรยี นรู้ที่บ้าน ทำงานที่โรงเรียน ส่งเสริมให้มกี ารศึกษาค้นควา้ ขอ้ มูลผา่ นระบบสารสนเทศ มีการ
แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ กบั ผูป้ กครอง ใชร้ ปู แบบการเรียนรู้ท่ีเนน้ นกั เรียนเป็นสำคญั เพอ่ื ให้เกดิ การคดิ วเิ คราะห์
และสามารถเตรยี มข้อมลู นำมาใชใ้ นการอภปิ รายในช้นั เรียน กระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นสร้างองคค์ วามรู้ สรุปองค์ความรู้
รว่ มกันและสามารถประยุกต์ใชค้ วามรดู้ ว้ ยตนเอง
2) การสอนซ่อมเสริม (1) มีการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ระหว่าง
เรียนเป็นระยะ ๆ หากพบขอ้ บกพร่องของนักเรียนในการเรยี นรู้ให้ทำการซ่อมเสรมิ เพื่อปรับปรุง พฒั นาให้นักเรยี น
ผา่ นการเรยี นทุกตัวช้วี ัด ป้องกนั ปัญหานักเรยี นตดิ 0 ร มส (2)จัดการสอนซ่อมเสรมิ ตามเนื้อหาสาระในหลกั สตู ร
สถานศกึ ษาให้นกั เรยี นอยา่ งครบถว้ น โดยดไมเ่ ก็บค่าใช้จา่ ย หากมีความจำเปน็ ในการเกบ็ ค่าใชจ้ า่ ยใหบ้ ันทึกเหตผุ ล
แจ้งผู้บรหิ ารโรงเรยี น และตอ้ งเปน็ ไปตามความต้องการของนักเรยี นและผปู้ กครอง (3) การวัดและประเมินผลเป้น
ไปเพ่ือพฒั นานกั เรียน สะทอ้ นผลการเรยี นรู้อยา่ งแทจ้ รงิ เนน้ การคดิ วิเคราะห์ กำกับใหม้ ีการประเมนิ ตามสภาพ
จริง ใช้วิธกี ารประเมินทส่ี ะท้อนความสามารถตามศกั ยภาพของนกั เรยี น และมวี ิธีการให้ขอ้ มูลป้อนกลับที่ทำให้
นกั เรียนสามารถแกไ้ ขจดุ อ่อนหรอื เสรมิ จดุ แขง็ ของตนเองได้
3) การพฒั นาห้องเรียน (1) จดั ห้องเรียนให้มคี วามสะอาด สวยงาม
ปลอดภัย นา่ ดู นา่ อยู่ นา่ เรียน (2) ครูใส่ใจในการปรบั เปลีย่ นนกั เรยี นให้เปน็ บคุ คลแหง่ การเรียนรู้ มคี วามสอดคลอ้ ง
กับแนวทางการดำเนินชวี ิตปจั จบุ นั มที กั ษะทจี่ ำเปน็ ในศตวรรษท่ี 21 (3R8C) สรา้ งความสนใจในการเข้าเรียนของ
นักเรยี น การร่วมมอื กนั ของครูผสู้ อน ครทู ปี่ รกึ ษา ดแู ลนกั เรยี นกลุ่มพิเศษให้สามารถเรียนรูไ้ ดอ้ ย่างมีความสขุ เสริม
วินยั ในตนเอง ปอ้ งกนั ปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงทางสงั คมท่ีจะเกิดขึน้ มาในภายหลงั
4) การพัฒนาหลักสูตรทางเลือกของสถานศึกษา (1) บรหิ ารจัดการ
หลักสูตรการเรียนรูใ้ หส้ อดคล้องกับความสนใจ ความถนัด ความตอ้ งการ ความพรอ้ มและโอกาสของนักเรยี นด้าน
วิชาการ ศิลปะ ดนตรี กีฬา ภาษาและเทคโนโลยี บูรณาการศาสตร์ด้านต่างๆ ให้ครอบคลุมทงั้ ด้านรา่ งกาย จิตใจ
อารมร์ สังคมและสติปญั ญาของนกั เรยี น อย่างสมดุล รวมถึงสร้างทกั ษะพ้ืนฐานในการประกอบอาชพี (2) พัฒนา
หลักสูตรและกระบวนการเรียนรทู้ เ่ี ชอ่ื มโยง กับภูมสิ งั คม มีหลากหลายรแู บบ จัดให้มีการศกึ ษาตามอัธยาศัย
(อัธยาศัยศกึ ษา) รวมถงึ สรา้ งโอกาสทางการศกึ ษา
และเพ่อื ตอบสนองนโยบายตามประกาศสำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา
เขต 32 โรงเรยี นไดม้ กี ารแตง่ ตงั้ คณะกรรมการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาแนวคิด No Child Left Behind เพ่ือ
กำหนดกรอบทส่ี อดคล้องกับบรบิ ทของโรงเรยี น และไดจ้ ดั ทำประกาศเพม่ิ ในบางสว่ น แต่ก็ยังยดึ หลักประกาศของ
สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 32 ตามประกาศโรงเรียนกู่สวนแตงพิทยาคม เร่ือง การพัฒนา
๑๓๔
คุณภาพการศึกษาแนวคดิ No Child Left Behind ไม่มเี ดก็ คนใด ถกู ทอดทิง้ ไวข้ า้ งหลงั แนวปฏิบัติ การให้การบา้ น
และมอบหมายงานให้นกั เรยี น ดงั น้ี
1. การให้การบา้ นนักเรียน มีแนวปฏบิ ตั ดิ งั น้ี
1.1 ใหค้ รูผู้สอนในแต่ละระดับชัน้ ประชุม เพ่ือดำเนินการวิเคราะห์ผเู้ รียนในช้ัน่ี
ตนเองสอน เพอ่ื แบ่งเดก็ ออกเป็น 4 กลมุ่ ท่ีโรงเรียนกำหนด ไว้ ดงั น้ี 1)กลุ่มเดก็ พิเศษ 2) กลุ่มเดก็ ออ่ น 3) กล่มุ เดก็
เกง่ และ 4) กลุ่มเดก็ ทม่ี ีความเปน็ เลิศ
1.2 ลดจำนวนครัง้ และจำนวนข้อของการบ้านทใี่ ห้ โดยเด็กทัง้ 4 กลุม่ จะไดร้ ับ
มอบหมายการบ้านในลกั ษณะที่แตกตา่ งกนั
1.3 ระดับความยากงา่ ยของการบา้ น ครูผู้สอนจะการบา้ นแกน่ ักเรียนท้งั 4 กลุ่ม
ในระดับความยากง่ายที่แตกต่างกนั
1.4 กำหนดเกณฑ์การให้คะแนนการบ้านสำหรับนกั เรยี นทงั้ 4 กลมุ่ ในระดับที่
แตกตา่ งกัน
1.5 ใหค้ รผู ู้สอนดำเนนิ การทุกอยา่ งให้เสร็จสิน้ ภายในชั่วโมงทส่ี อน ทงั้ การสอน
การทำกิจกรรม การทำแบบ กึ หัด
2. การมอบหมายงานหรือช้ินงาน มแี นวทางการดำเนนิ การ ดงั น้ี
2.1 ครผู สู้ อนระดบั ช้ัน ร่วมกันวางแผนในการท่จี ะมอบหมายงานให้นักเรียน โดย
ยึดหลักลดภาระชิ้นงานในแตล่ ะวชิ าท่สี อนลงไปใหม้ ไี ม่เกนิ 1 ชน้ิ หรือมีการบูรณาการระหวา่ งวชิ าที่กำหนดชิน้ งาน
รว่ มกนั โดยช้ินงานท่ีมอบหมายใหน้ ักเรยี นต้องคำถึงถึง ความยากง่าย งบประมาณ ระยะเวลาในการทำ
เกณฑก์ ารประเมิน และอ่ืนๆ ตามความเหมาะสม
4.2.3.2 Implementing นำกลยุทธ์สู่การปฏบิ ัติ โดย KSTSMILE MODEL
4.2.4 ขนั้ ท่ี ๔ Documenting Progress เปน็ ขัน้ ตอนการประเมินรวบรวมเอกสารหลกั ฐาน ท่ี
แสดงถึงความก้าวหนา้ ของงานตามเปา้ หมาย
* อยูร่ ะหวา่ งการดำเนินการ
5. ผลการดำเนินงาน ผลสมั ฤทธแ์ิ ละประโยชน์ท่ไี ดร้ บั
* อย่รู ะหว่างการดำเนนิ การ
๑๓๕
6. ปจั จัยแห่งความสำเร็จ
เมอ่ื พจิ ารณาความสำเรจ็ ในการยกระดบั ผลการทดสอบระดบั สถานศกึ ษา และผลการทดสอบทาง
การศึกษาระดบั ชาติขน้ั พื้นฐาน (O-NET) ของโรงเรียนกสู่ วนแตงพิทยาคม ตามปจั จัยหลกั ของการบริหารจดั การ 4
Ms อันประกอบไปด้วย คน (Man) วัสดุ(Material) เงนิ (Money) และ การจัดการ(Management) จดั ลำดับความ
พรอ้ มและศกั ยภาพของปจั จัยแต่ละด้านจากมากไปหานอ้ ย วิเคราะห์ปัจจยั ความสำเรจ็ ไดด้ ังนี้
ปจั จยั ด้านคนหรือบุคลากร (Man) ในการจดั การเรยี นรู้ให้ผูเ้ รียนสามารถบรรลคุ วามสำเร็จตาม
มาตรฐานตัวชีว้ ดั ตามหลกั สตู ร ตลอดจนเปน็ เยาวชนทีม่ ีคณุ ภาพของสงั คมและประเทศ บุคลากรในโรงเรียน
ไดแ้ ก่ ผบู้ รหิ าร ครู เจา้ หนา้ ท่ธี ุรการ นกั การภารโรง และแมบ่ า้ น แมแ้ ต่ผู้ประกอบการร้านค้า เป็นผู้ทมี่ ีบทบาท
สำคัญทจ่ี ะขับเคลอ่ื นกระบวนการที่ไดผ้ ่านการ รว่ มคิด รว่ มทำ ร่วมแก้ไข จนประสบความสำเร็จ “คร”ู เปน็
สว่ นสำคญั ยง่ิ ที่เป็น “แบบอยา่ ง” แก่ผู้เรยี นผา่ นทั้งจิตรสู้ านกึ และจติ ไร้สำนึกได้ ความตงั้ ใจ ท่มุ เท ในการ
พฒั นาผเู้ รยี นท้งั ในและนอกหอ้ งเรียน เปน็ สงิ่ ท่ผี ู้เรยี นรบั ร้ไู ด้ เมอื่ ผู้เรียนรบั รู้ ประทบั ใจ ในการจดั การเรยี นรู้ที่
เน้นผเู้ รียนเป็นสำคัญอยา่ งต่อเนือ่ งของครู ผเู้ รยี นจึงเห็นคุณค่าของบทบาททตี่ นรับผดิ ชอบ ต้ังใจทบทวน
ความรู้ ตงั้ ใจสอบอยา่ งเต็มความสามารถของตน
ปจั จยั ด้านการบริหารจัดการ (Management) โรงเรยี นกู่สวนแตงพทิ ยาคมเน้นการบริหารจัดการ
โดยการมสี ่วนร่วมจากทกุ าย รวมถงึ รบั ฟงั ความคิดเหน็ จากผู้เรยี น ทำใหก้ ารออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้ตรง
กบั ความต้องการของผู้เรยี น มีบรรยากาศการเรยี นที่กระตือรอื ร้น สร้างเยาวชนทเี่ ปน็ active citizen
ปจั จยั ด้านวสั ดุอปุ กรณ์ (Material) ในการจัดการเรยี นร้แู ละบรกิ ารแหลง่ เรียนรู้ใหแ้ กผ่ ูเ้ รียน ยึด
หลกั ความพอเพียง ใช้ทรัพยากรทมี่ อี ยใู่ ห้เกดิ ประโยชนส์ งู สุด สอนให้ผ้เู รียนรูค้ ณุ ค่าของทรพั ยากรการศึกษาที่
มี สนบั สนนุ การใช้สอื่ เทคโนโลยีเข้ามาชว่ ยให้การจดั การเรียนรเู้ กิดประสิทธภิ าพมากขึน้ ภายใตก้ ารออกแบบ
การเรยี นร้ทู เี่ นน้ ผ้เู รียนเป็นสำคญั จดั กระบวนการเรียนรู้ทผ่ี เู้ รียนสร้างองคค์ วามรู้จากส่ือท่ีประกอบการเรยี น
ปจั จัยด้านเงินงบประมาณ (Money) ข้อจำกัดด้านเงินงบประมาณสำหรับโรงเรยี นมธั ยมศึกษา
ขนาดกลาง ตามท่ีได้รบั จัดสรรจากจำนวนรายหัวนกั เรยี น เปน็ ปจั จยั ที่ทำใหโ้ รงเรียนยงั ไมส่ ามารถพัฒนาการ
จดั การเรยี นรไู้ ดเ้ ต็มประสทิ ธิภาพ อย่างไรกต็ ามไดพ้ ยายามวางแผนจัดสรรงบประมาณสำหรับกิจกรรม
โครงการทีเ่ ป็นประโยชนต์ อ่ การพฒั นาการเรยี นรขู้ องผูเ้ รียน เปน็ ความสำคญั ลำดับแรก การจดั ซอ้ื วัสดอุ ปุ กรณ์
ครภุ ณั ฑส์ ำหรับห้องปฏบิ ตั กิ ารตา่ งๆ และประจำห้องเรียน ยงั คงเปน็ ความขาดแคลนที่สง่ ผลให้ “โอกาสของ
“ผูเ้ รยี น” ในโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษาขนาดกลางไม่เท่าเทยี มกบั โรงเรยี นที่ไม่ขาดแคลนงบประมาณ
ปัจจยั สนับสนนุ อนื่ ๆ
1) โรงเรยี นกู่สวนแตงพทิ ยาคมมีแนวทางการบรหิ ารทส่ี อดคล้องกบั การพฒั นาการจัดเรยี นรใู้ นปจั จุบนั
2) การสร้างกรอบแนวคดิ KSTSMILE Model ทเ่ี ชื่อมโยงสงิ่ สำคัญทโ่ี รงเรยี นพงึ ระลกึ ถึงในการจดั การ
เรียนรูใ้ หป้ ระสบความสำเรจ็
K : Knowledge ความรู้ การสรา้ งองค์ความรู้ที่เกิดขนึ้ จากการเรียนการสอน การคน้ คว้า
ความค้นุ เคยความเช่ียวชาญ ประสบการณ์ เป็นต้น.
S : Service การบริการ การใหบ้ ริการแก่ผูม้ ีส่วนได้สว่ นเสีย เชน่ ผปู้ กครอง สมาคม ผปู้ กครอง
ผู้ปฏบิ ัติงาน คณะกรรมการสถานศึกษา สมาคมศิษย์เก่า
๑๓๖
T : Technology เทคโนโลยี การบริหารจัดการสถานศึกษา การจัดการเรียนการสอนท่ใี ช้เทคโนโลยี
มาบรู ณาการให้สอดคลอ้ งกับการจัดการศึกษาในศตวรรษท่ี 21
S – Sufficiency Economy ศาสตรพ์ ระราชา หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
M – Morality คณุ ธรรม
I – Immunity สร้างภูมคิ ุม้ กนั ทักษะชวี ิตแก่ผูเ้ รียน
L – Learning by doing เรยี นรู้ดว้ ยการลงมือท า
E – Environment ตระหนัก อนรุ กั ษ์ และพัฒนาส่ิงแวดล้อม
3) การทำงานเปน็ ทีมด้วยความทมุ่ เทของผู้บรหิ าร ครู และบุคลากร
4) การสร้างความตระหนกั ทักษะชีวิต คุณค่าในตนเองใหแ้ กผ่ ู้เรยี น ท าให้ผ้เู รยี นพฒั นาทุกดา้ น
5) ความร่วมมือที่เข้มแข็งของหนว่ ยงานในชุมชนและเครือข่ายผู้ปกครอง
7. บทเรียนทไี่ ดร้ บั
ผลของการใช้ Child Centric Learning และ No child and Left Be hide ด้วย KSTSMILE
Model สู่การยกระดับผลการสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นและผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ น้ั พนื้ ฐาน (O-NET)
ของโรงเรยี นกสู่ วนแตงพิทยาคม ในระหวา่ งปกี ารศึกษา 2561-2562 แสดงให้เห็นวา่
1) ความต้งั ใจ ทุ่มเท ของครูทกุ คน ดว้ ยความเปน็ มืออาชีพ ส่งผลให้ผู้เรียนต้งั ใจ ทุ่มเท ใหก้ ับการเรียนและ
การเตรียมตวั สอบ เม่อื ถึงวันสอบเป็นวันสำคัญที่ผู้เรียนเองม่งุ มนั่ ท่จี ะน าวชิ าความรูไ้ ปใชแ้ ละรอฟังผลสอบดว้ ย
ความตนื่ เต้น เมอ่ื ภาพรวมของโรงเรยี นออกมาบรรลุเป้าหมาย ผู้เรียนดใี จและรู้สึกว่าเป็นผูส้ ร้างความสำเรจ็ จาก
ความต้งั ใจเปน็ ระยะเวลายาวนาน
2) กระบวนการจดั การจดั การเรยี นร้ขู องแต่ละกลุ่มสาระฯ ท่ียดึ หลกั Child Centric Learning
ประสบผลสำเรจ็ ทำให้ผู้เรยี น active มีความรู้ที่คงทน และสามารถพฒั นาตอ่ เปน็ วิธีการสอนท่ี
หลากหลายตามการเปลีย่ นแปลงของสภาพสังคม
3) KSTSMILE Model ที่ใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานยกระดบั ฯ ครงั้ นี้ สามารถเป็นกรอบแนวคิดท่ี
ครอบคลมุ เช่ือมโยงส่วนต่างๆ ที่จ าเปน็ เข้าด้วยกัน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การน้อมนำศาสตรพ์ ระราชาสูก่ ารเรียนร้ขู อง
ผู้เรยี น
การพฒั นาตอ่ ไปในอนาคต
จากการใช้ Child Centric Learning และ No child and Left Be hide ดว้ ย KSTSMILE Model
ส่กู ารยกระดับผลการทดสอบระดับชาติ ระหว่างปีการศกึ ษา 2558-2559 โรงเรียนกสู่ วนแตงพิทยาคมวางแผน
พฒั นาในปีการศึกษา 2564 โดยกำหนดโครงการกจิ กรรมลงในแผนปฏบิ ัตริ าชการประจำปี มีการดำเนินงานตดิ ตาม
ชว่ ยเหลือ การนิเทศภายในอยา่ งเปน็ กลั ยาณมิตร การดำเนนิ งาน Professional Learning Community: PLC ใน
ลกั ษณะต่างๆ อยา่ งตอ่ เน่ืองนำไปสู่การจัดการความรู้ (KM) และการสร้างสรรคร์ ปู แบบการพฒั นาผู้เรยี นใหมๆ่ มี
การรบั ฟังความคิดเห็นและเปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นมีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมตา่ งๆ มากข้ึน
รบั ฟังข้อเสนอแนะจากผมู้ สี ่วนไดส้ ่วนเสีย เช่น เครือขา่ ยผู้ปกครอง ผ้นู ไชมุ ชน หน่วยงานต่างๆ ในท้องถ่ิน
สรา้ งสรรคโ์ ครงการกจิ กรรมท่ีเน้นการบูรณาการการเรยี นรใู้ นสาขาวชิ าต่างๆ ลดการเรียนแบบ passive
เพ่มิ อตั ราสว่ นการเรียนแบบ active learning มากข้นึ การน าศาสตร์พระราชาสู่การเรียนรู้ เป็นตน้
๑๓๗
ข้อจำกัดทีต่ ้องการการหนุนเสรมิ จากหนว่ ยงานตน้ สังกัด
ท้งั นี้ ยงั คงมขี อ้ จำกัดทท่ี างโรงเรียนไดว้ ิเคราะห์จากบทเรยี นที่ผา่ นมา อันส่งผลให้การจดั การเรยี นรู้
เพ่อื พัฒนาผเู้ รียนไม่สามารถเป็นไปได้อย่างเตม็ ประสิทธภิ าพ ขอ้ จำกัดทสี่ ำคัญ ไดแ้ ก่
1) ขาดการสนบั สนุนงบประมาณที่เพียงพอเพอื่ จดั สถานทที่ ่ีจำเปน็ และอปุ กรณก์ ารเรยี นรู้ ท่ี
เหมาะสมกับการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21
2) ขาดการจัดสรรอตั ราบุคลากรให้ครบตามวิชาเอก ซ่ึงจำเปน็ สำหรบั โรงเรียนมัธยมศกึ ษา
8. ภาคผนวก
* อยู่ระหวา่ งการดำเนนิ การ
๑๓๘
ภาคผนวก
๑๓๙
ประกาศโรงเรยี นกสู่ วนแตงพิทยาคม
เร่อื ง ประกาศใช้มาตรฐานการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน โรงเรียนกู่สวนแตงพิทยาคม
..................................................................................
โดยทมี่ กี ารประกาศใชก้ ฎกระทรวงวา่ ดว้ ย ระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพทางการศกึ ษา
พ.ศ. ๒๕๖๑ ท่ีปรบั ปรุงใหม่ ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการเรือ่ ง ใหใ้ ช้มาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษาระดับ
การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน เพื่อการประกนั คุณภาพภายในของสถานศึกษาตามประกาศ ณ วันท่ี ๖ สงิ หาคม ๒๕๖๑
ประกาศเรื่องนโยบายการปฏริ ปู การศกึ ษาในทศวรรษที่สองทีก่ ำหนดเปา้ หมายและยทุ ธศาสตรใ์ นการพัฒนา
คณุ ภาพคนไทยและการศกึ ษาไทยในอนาคตรวมท้ังอัตลกั ษณ์ และจดุ เนน้ ของสถานศึกษา โรงเรียนกสู่ วนแตงพิทยา
คม จงึ กำหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษาและ
การมีสว่ นรว่ มของผู้เก่ียวขอ้ งทง้ั บุคลากรในโรงเรียนและผปู้ กครอง เพ่ือเปน็ เปา้ หมายในการพฒั นาคณุ ภาพตาม
มาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาระดับการการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน ตลอดจนส่งเสริมและสนบั สนุน กำกับ ดแู ล และ
ตดิ ตามตรวจสอบคุณภาพการจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษา
ดงั น้ันโรงเรียนกสู่ วนแตงพิทยาคมจงึ ประกาศให้ใช้มาตรฐานการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน ฉบับลงวนั ท่ี ๑๕
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓ มาตรฐาน ซึ่งประกอบด้วย มาตรฐานคุณภาพของผู้เรยี น มาตรฐาน
กระบวนการบริหารและการจดั การ มาตรฐานกระบวนการจัดการเรยี นการสอนที่เน้นผเู้ รียนเป็นสำคญั โดยมี
รายละเอียดดงั น้ี
มาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพอ่ื การประกันคุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา
โรงเรียนกู่สวนแตงพทิ ยาคม
มาตรฐานการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานโรงเรยี นกสู่ วนแตงพิทยาคม เพ่อื การประกันคณุ ภาพภายในของ
สถานศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๓ มจี ำนวน ๓ มาตรฐาน ไดแ้ ก่
มาตรฐานที่ ๑ คุ ภาพของผเู้ รยี น
๑.๑ ผลสัมฤทธิท์ างวิชาการของผเู้ รยี น
๑.๒ คุ ลกั ษ ะทพ่ี ึงประสงค์ของผ้เู รยี น
มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบริหารและการจัดการ
มาตรฐานที่ ๓ กระบวนการจดั การเรียนการสอนทเี่ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ
มาตรฐานที่ ๑ คุ ภาพของผเู้ รียน
๑.๑ ผลสัมฤทธทิ์ างวชิ าการของผ้เู รียน
๑๔๐
๑) ความสามารถในการอา่ น เขียน การสอ่ื สาร และการคดิ คำนวณ
๒) ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ คดิ อยา่ งวิจารณญาณ อภิปรายแลกเปลี่ยนความ
คิดเห็นและ แก้ปญั หา
๓) ความสามารถในการสรา้ งนวตั กรรม
๔) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร
๕) มผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา
๖) มีความรู้ ทักษะพน้ื ฐานและเจตคติท่ดี ตี ่องานอาชพี
๑.๒ คุ ลกั ษ ะทพ่ี งึ ประสงค์ของผูเ้ รียน
๑) มคี ุณลักษณะและค่านิยมที่ดตี ามที่สถานศึกษากำหนด
๒) ความภูมิใจในท้องถน่ิ และความเป็นไทย
๓) ยอมรับท่ีจะอยรู่ ่วมกนั บนความแตกตา่ งและความหลากหลาย
๔) สุขภาวะทางรา่ งกาย และจติ สงั คม
มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ
๑) การมเี ป้าหมาย วิสยั ทัศน์ และพันธกิจ ที่สถานศึกษากำหนดชัดเจน
๒) มีระบบบรหิ ารจัดการคุณภาพของสถานศึกษา
๓) ดำเนินงานพฒั นาวชิ าการท่ีเน้นคณุ ภาพของผู้เรยี นรอบดา้ นตามหลักสตู รสถานศึกษา
และทกุ กล่มุ เป้าหมาย
๔) พฒั นาครูและบคุ ลากรให้มคี วามเช่ียวชาญทางวชิ าชีพ
๕) จัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสงั คมท่ีเออ้ื ต่อการจดั การเรียนรอู้ ยา่ งมคี ุณภาพ
๖) จดั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื สนบั สนุนการบรหิ ารจดั การและการจัดการเรยี นรู้
มาตรฐานที่ ๓ กระบวนการจดั การเรยี นการสอนทเี่ น้นผเู้ รียนเป็นสำคญั
๑) จดั การเรียนร้ผู ่านกระบวนการคดิ และปฏิบัติจริงและสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตได้
๒) ใช้สอ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศ และแหลง่ เรียนรูท้ เี่ อือ้ ต่อการเรยี นรู้
๓) มีการบริหารจัดการชั้นเรียนเชงิ บวก
๔) ตรวจสอบและประเมนิ ผเู้ รยี นอย่างเป็นระบบและนำผลมาพัฒนาผเู้ รียน
๕) มีการแลกเปล่ียนเรียนรแู้ ละให้ขอ้ มลู สะทอ้ นกลับเพอ่ื พัฒนาและปรับปรุงการจัดการเรียนรู้
๑๔๑
การกำหนดคา่ เป้าหมาย แนบทา้ ยประกาศโรงเรยี นกู่สวนแตงพิทยาคม
เรอื่ ง การกำหนดคา่ เปา้ หมายการศึกษาของสถานศึกษาระดบั การศึกษาข้นั พนื้ ฐาน
เพอื่ การประกนั คุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓
มาตรฐาน / ตัวบ่งช้ี กำหนดคา่ เปา้ หมายการพฒั นา
คุ ภาพของมาตรฐานและตวั
บง่ ชี้
มาตรฐานท่ี ๑ คุ ภาพของผู้เรยี น
๑.๑ ผลสัมฤทธ์ิทางวิชาการของผูเ้ รยี น คา่ เปา้ หมาย แปล
รอ้ ยละ ความหมาย
๑. ความสามารถในการอา่ น เขยี น การสื่อสาร และการคดิ คำนวณ ระดับ
คุ ภาพ
ร้อยละ ๘๐
ดีเลศิ
๒. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างวิจารณญาณ อภิปรายแลกเปลยี่ น ดเี ลศิ
ความคดิ เหน็ และ แก้ปัญหา ร้อยละ ๗๐ ดีเลิศ
ดีเลศิ
๓. ความสามารถในการสรา้ งนวัตกรรม ร้อยละ ๗๐ ดีเลิศ
ดีเลิศ
๔. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร รอ้ ยละ๗๐ ดเี ลิศ
๕. มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา ร้อยละ ๘๐
๖. มีความรู้ ทกั ษะพนื้ ฐานและเจตคติที่ดตี ่องานอาชีพ รอ้ ยละ ๘๐
ผลรวมของคะแนนเฉลีย่ มาตรฐานที่ ๑.๑ รอ้ ยละ ๘๐
๑.๒ คุ ลกั ษ ะทีพ่ งึ ประสงคข์ องผู้เรยี น
๑. มคี ุณลักษณะและคา่ นยิ มที่ดีตามทสี่ ถานศกึ ษากำหนด ร้อยละ ๘๐ ยอดเยย่ี ม
๒. ความภมู ิใจในท้องถิน่ และความเปน็ ไทย รอ้ ยละ ๘๐ ยอดเยย่ี ม
๓. ยอมรบั ทจ่ี ะอย่รู ่วมกันบนความแตกตา่ งและความหลากหลาย ร้อยละ ๘๐ ยอดเยย่ี ม
๔. สุขภาวะทางรา่ งกาย และจิตสงั คม ร้อยละ ๘๐ ยอดเยีย่ ม
รอ้ ยละ ๘๐
ผลรวมของคะแนนเฉลี่ยมาตรฐานที่ ๑.๒ รอ้ ยละ ๘๐ ดีเลศิ
ผลรวมของคะแนนเฉลี่ยมาตรฐานท่ี ๑.๑ และ ๑.๒ ดเี ลิศ
๑๔๒
มาตรฐาน / ตวั บง่ ชี้ กำหนดคา่ เป้าหมายการพฒั นา
คุ ภาพของมาตรฐานและตัว
มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบริหารและการจัดการ
บ่งชี้
๑. การมเี ป้าหมาย วิสัยทัศน์ และพนั ธกจิ ทส่ี ถานศึกษากำหนดชัดเจน แปล
๒.มีระบบบริหารจดั การคุณภาพของสถานศกึ ษา
๓.ดำเนินงานพัฒนาวชิ าการทเ่ี นน้ คุณภาพของผเู้ รียนรอบด้านตาม คา่ เป้าหมาย ความหมาย
ผลสำเรจ็ (ขอ้ ) ระดบั
หลกั สูตรสถานศึกษาและทุกกลุม่ เป้าหมาย
๔. พฒั นาครแู ละบคุ ลากรใหม้ ีความเชี่ยวชาญทางวชิ าชพี คุ ภาพ
๕. จดั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสงั คมที่เออื้ ตอ่ การจดั การเรยี นรู้ ๕ ยอดเย่ยี ม
๕ ยอดเย่ียม
อยา่ งมีคณุ ภาพ ๔ ดีเลิศ
๖.จัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื สนบั สนุนการบรหิ ารจัดการและการ
๔ ดีเลิศ
จัดการเรยี นรู้ ๓ ดี
ผลรวมของคะแนนเฉลย่ี มาตรฐานท่ี ๒
๔ ดเี ลศิ
มาตรฐานท่ี ๓ กระบวนการจัดการเรยี นการสอนทเ่ี นน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคัญ
๔ ดีเลิศ
๑.จดั การเรียนรู้ผ่านกระบวนการคดิ และปฏบิ ตั ิจริงและสามารถนำไประยกุ ต์ใช้ ๘๕ ดีเลิศ
๒. ใช้สอ่ื เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรียนร้ทู ่ีเอือ้ ตอ่ การเรียนรู้ ๘๕ ดีเลิศ
๓. มกี ารบริหารจดั การช้ันเรียนเชิงบวก ๘๕ ดีเลิศ
๔. ตรวจสอบและประเมนิ ผู้เรียนอยา่ งเปน็ ระบบและนำผลมาพฒั นาผูเ้ รยี น ๘๕ ดีเลิศ
๕. มีการแลกเปลีย่ นเรียนรู้และให้ขอ้ มูลสะทอ้ นกลับเพอื่ พัฒนาและปรับปรุงการ ๘๕ ดีเลิศ
จัดการเรยี นรู้ ๘๕ ดีเลิศ
ผลรวมของคะแนนเฉลี่ยมาตรฐานท่ี ๒ ๘๕ ดีเลิศ
ผลรวมของคะแนนเฉลี่ยมาตรฐานท่ี ๓
การกำหนดคา่ เป้าหมายการศึกษาของสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพอ่ื การประกนั คณุ ภาพ
ภายในของโรงเรยี นกู่สวนแตงพทิ ยาคม ตามมาตรฐานการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน ๓ มาตรฐาน ปรากฏวา่ มีคา่ เปา้ หมาย
เฉล่ีย รอ้ ยละ ๘๕ ระดบั คุณภาพดีเลิศ
๑๔๓
เก ฑก์ ารตัดสินระดบั คุ ภาพแต่ละมาตรฐาน
๑. ตารางเทียบคะแนนจากระดับคุ ภาพของแต่ละประเด็นใน ๓ มาตรฐาน
ค่ารอ้ ยละ ระดับคุ ภาพ
นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ระดับกำลังพัฒนา
ระดับปานกลาง
รอ้ ยละ ๖๐-๖๙
ร้อยละ ๗๐-๗๙ ระดบั ดี
รอ้ ยละ ๘๐-๘๙ ระดบั ดเี ลิศ
ร้อยละ ๙๐ ข้ึนไป ระดับยอดเยย่ี ม
๒. การสรุประดับคุ ภาพ
๒.๑ การหาคะแนนเฉล่ยี รายองคป์ ระกอบ มสี ตู รคำนว ดงั นี้
ผลรวมของคะแนนท่ไี ดแ้ ต่ละประเด็นการตดิ ตามตรวจสอบ
จำนวนประเดน็ การติดตามตรวจสอบ
๒.๒ การหาคะแนนเฉลีย่ ภาพรวมของระบบการประกันคุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา มีสตู ร
คำนว ดังนี้
ผลรวมของคะแนนเฉลย่ี ทุกองค์ประกอบ
จำนวนองค์ประกอบ
๓. เก ฑ์การตัดสนิ คุ ภาพของมาตรฐานมี ๕ ระดบั
ระดบั ยอดเยี่ยม รอ้ ยละ ๙๐ ขน้ึ ไป
ระดบั ดีเลิศ ร้อยละ ๘๐-๘๙
ระดบั ดี ร้อยละ ๗๐-๗๙
ระดบั ปานกลาง ร้อยละ ๖๐-๖๙
ระดับกำลังพัฒนา นอ้ ยกว่าร้อยละ ๖๐
ทั้งน้ใี หม้ ผี ลการดำเนินงาน ตงั้ แต่ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
ลงชื่อ
(นายไทยรัฐ วงษ์ทอง)
ผู้อำนวยการโรงเรยี นกู่สวนแตงพทิ ยาคม
๑๔๔
คณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พน้ื ฐานโรงเรียนกสู่ วนแตงพิทยาคม ได้พจิ ารณามาตรฐานการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานของ
โรงเรยี นกสู่ วนแตงพทิ ยาคมแล้ว มีมตเิ ห็นชอบในมาตรฐานการศึกษาข้นั พืน้ ฐานของโรงเรยี นกสู่ วนแตงพทิ ยาคม
ซงึ่ ประกอบด้วยมาตรฐานคุณภาพของผู้เรยี น มาตรฐานกระบวนการบริหารและการจดั การ มาตรฐาน
กระบวนการจัดการเรียนการสอนทเี่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั รวมทง้ั สิน้ ๓ มาตรฐาน จึงประกาศใช้มาตรฐาน
การศึกษาขน้ั พื้นฐานของโรงเรยี นกู่สวนแตงพิทยาคม ดังกล่าว
ลงช่อื
(นายไชยยศ เวหน)
ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน
โรงเรยี นก่สู วนแตงพิทยาคม
๑๔๕
คำสัง่ โรงเรียนกสู่ วนแตงพิทยาคม
ท่ี ๑๒๐ / ๒๕๖๓
เร่ือง แต่งต้ังค ะกรรมการประเมินคุ ภาพภายในของสถานศกึ ษา
ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓
__________________________
โดยที่มกี ารประกาศใช้กฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ นโยบายปฏริ ูปการศกึ ษา
ในทศวรรษทส่ี องทก่ี ำหนดเป้าหมายและยทุ ธศาสตร์ในการพัฒนาคณุ ภาพคนไทยและการศึกษาไทยในอนาคต
ประกอบกับมนี โยบายให้ปฏิรปู ระบบการประเมินและการประกนั คุณภาพทั้งภายในและภายนอกของทุกระดับ
จำเป็นต้องปรับปรุงมาตรฐานการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐานให้สอดคล้องกัน
ดงั นนั้ เพื่อใหเ้ ป็นไปตามนโยบายดงั กลา่ วและเป็นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา โรงเรยี น
กู่สวนแตงพิทยาคมจึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู และ
บุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียน
กูส่ วนแตงพทิ ยาคม ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ดังรายนามต่อไปน้ี
๑. ค ะกรรมการอำนวยการ ประกอบด้วย
๑. นายไทยรฐั วงษท์ อง ผูอ้ ำนวยการโรงเรียน ประธานคณะกรรมการ
๒. นายสมศกั ด์ิ ศรพี ฤกษ์ รองผอู้ ำนวยการโรงเรยี น รองประธานคณะกรรมการ
๓. นางภัสส์มณณิ ทริ์ แจะไธสง รองผอู้ ำนวยการโรงเรยี น กรรมการ
๔. นายชยั วัฒน์ พลธรรม ครปู ฏบิ ตั ิหน้าที่รองผู้อำนวยการโรงเรยี น กรรมการ
๕. นางสาวกาญจนา นาคไธสง ครู กรรมการและเลขานุการ
๖. นายนฐั วฒุ ิ โบราณมูล ครู กรรมการและผชู้ ่วยเลขานกุ าร
มีหนา้ ท่ี อำนวยการ วางแผน กำหนดมาตรฐานคุณภาพการศกึ ษาของโรงเรียน และนโยบายการ
ดำเนนิ งาน แนะนำและให้ คำปรึกษา อำนวยความสะดวกในการจัดทำรายงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
เพื่อใหก้ ารดำเนินงานเป็นไปดว้ ยความเรียบร้อยและบรรลุวัตถปุ ระสงค์
๒. ค ะกรรมการประเมนิ คุ ภาพภายใน มาตรฐานท่ี ๑ คุ ภาพผูเ้ รียน ดา้ นท่ี ๑.๑ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น
ด้านท่ี ๑.๒ คุ ลกั ษ ะทพี่ ึงประสงค์ของผเู้ รยี น ประกอบดว้ ย
๑. นายชยั วฒั น์ พลธรรม ครปู ฏิบตั ิหน้าที่รองผ้อู ำนวยการโรงเรยี น ประธานคณะกรรมการ
๒. นางลดั ดา เสาไธสง ครู รองประธานคณะกรรมการ
๓. นางบัวแก้ว มงคลมะไฟ ครู กรรมการ
๑๔๖
๔. นางพนติ ตา พงษ์รตั นสริ กิ ุล ครู ครู กรรมการ
๕. นางประภัสสร ผาสุข กรรมการ
ครู
๖. นางสรสิ ดุ า จกั รไชย ครู กรรมการ
๗. นางพีระพร พลอยจะบก กรรมการ
ครู
๘. นางสาวกาญจนา นาคไธสง ครู กรรมการ
๙. นายศราวุธ โสมวงศ์ ครู กรรมการ
๑๐. นายกฤษฎา พทิ กั ษา กรรมการ
ครู
๑๑. นางสาวนงคเ์ ยาว์ นามไธสง ครู กรรมการ
๑๒. นางสาวธนาวรรณ ประจุดทะศรี กรรมการ
ครู
๑๓. นายสันติสขุ สมพร ครู กรรมการ
๑๔. นายบรพิ ตั ร บญุ ฤทธิ์ ครู กรรมการ
๑๕. นางสาวกานดา ตรงไธสง กรรมการ
ครู
๑๖. นางสาวบรุ ัสกร พราหมณ์หริ ัญ ครู กรรมการ
๑๗. นางสาวกุสุมา คนธี กรรมการ
ครู
๑๘. นางสาวชญานิศ รตั นชีวพงศ์ ครู กรรมการ
๑๙. นางยุพาพร เทวรัตน์ กรรมการและเลขานกุ าร
มีหนา้ ที่ รวบรวมขอ้ มูล เอกสาร ร่องรอยหลกั ฐาน และสรุปรายงานผลการดำเนนิ งานตาม
กิจกรรม โครงการ ตามมาตรฐานท่ี ๑ คณุ ภาพผู้เรยี น ๑.๑ ด้านผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ตัวบ่งชท้ี ี่ ๑,๒,๓,๔,๕,๖
๑.๒ คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ของผเู้ รียน ตวั บง่ ช้ีท่ี ๑,๒,๓,๔ นำผลการดำเนินงานตามมาตรฐานที่รับผิดชอบสรปุ ส่ง
ายงานประกันคุณภาพการศกึ ษา เพื่อจัดทำรายงานพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของโรงเรียนกู่สวนแตงพทิ ยาคม
ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓
๓. ค ะกรรมการประเมินคุ ภาพภายใน มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ
ประกอบดว้ ย
๑. นายสมศกั ด์ิ ศรีพฤกษ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียน ประธานคณะกรรมการ
๒. นายชัยวฒั น์ พลธรรม ครูปฏบิ ตั ิหนา้ ทรี่ องผู้อำนวยการโรงเรยี น รองประธานกรรมการ
๓. นางลดั ดา เสาไธสง ครู กรรมการ
๓. นางณฐินพี ร กนกชูสทิ ธพิ์ งษ์ ครู กรรมการ
๔. นางสาวสพุ รรณิการ์ ศรที า ครู กรรมการ
๕. นายมรกต วรจักร ครู กรรมการ
๖. นางภัสสม์ ณนิ ทร์ิ แจะไธสง รองผ้อู ำนวยการโรงเรยี น กรรมการและเลขานกุ าร
มีหน้าท่ี รวบรวมข้อมูล เอกสาร ร่องรอยหลกั ฐาน และสรปุ รายงานผลการดำเนินงานตาม
กจิ กรรม โครงการ มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ ตัวบง่ ช้ีท่ี ๑,๒,๓,๔,๕,๖ นำผลการ
๑๔๗
ดำเนินงานตามมาตรฐานทรี่ บั ผิดชอบสรุปสง่ ายงานประกันคุณภาพการศึกษา เพ่ือจดั ทำรายงานพฒั นาคุณภาพ
การศกึ ษาของโรงเรียนก่สู วนแตงพิทยาคม ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓
๔. ค ะกรรมการประเมินคุ ภาพภายใน มาตรฐานท่ี ๓ กระบวนการจัดการเรยี นการสอนทเี่ นน้ ผเู้ รยี นเป็น
สำคญั ประกอบด้วย
๑. นายชยั วัฒน์ พลธรรม ครูปฏบิ ัตหิ นา้ ท่รี องผู้อำนวยการโรงเรยี น ประธานคณะกรรมการ
๒. นางลดั ดา เสาไธสง ครู รองประธานคณะกรรมการ
๓. นางบัวแกว้ มงคลมะไฟ ครู กรรมการ
๔. นางปณั ฑติ า รง้ิ ไธสง ครู กรรมการ
๕. นางประภสั สร ผาสุข ครู กรรมการ
๖. นางสาวนงค์เยาว์ นามไธสง ครู กรรมการ
๗. นางสาวจงกรณ์ ชมภูวงศ์ ครู กรรมการ
๘. นางณฐนิ ีพร กนกชสู ทิ ธพิ์ งษ์ ครู กรรมการ
๙. นางสุดารัตน์ หลงพิมาย ครู กรรมการ
๑๐. นางสาวประภาศรี สวิ่ ไธสง ครู กรรมการ
๑๑. นางพนิตตา พงศ์รตั นสริ กิ ลุ ครู กรรมการ
๑๒. นางสาวสุพรรณกิ าร์ ศรที า ครู กรรมการ
๑๓. นางพรี ะพร พลอยจะบก ครู กรรมการ
๑๔. นางสาวสุภาวรรณ คำพิลา ครู กรรมการ
๑๕. นางสริ ิสดุ า จักรไชย ครู กรรมการ
๑๖. นายนกุ ลู พัดไธสง ครู กรรมการ
๑๗. นางกชพรรณ สุระศรี ครู กรรมการ
๑๘. นางสาวจันจิรา ธลุ ี ครู กรรมการ
๑๙. นางดวงใจ ฉาบไธสง ครู กรรมการ
๒๐. นายกฤษฎา พทิ ักษา ครู กรรมการ
๒๑. นายณรงค์ ไชยภูมิ ครู กรรมการ
๒๒. นายมรกต วรจกั ร ครู กรรมการ
๒๓. นางมตกิ า ยุชิววิ ฒั นไ์ ชโยกลุ ครู กรรมการ
๒๔. นางสาวธนาวรรณ ประจุดทะศรี ครู กรรมการ
๒๕. นางสาวมณีรตั น์ กลิ่นตนั ครู กรรมการ
๒๖. นางสาวกรี ติกร หนูตอ ครู กรรมการ
๒๗. นายสนั ตสิ ุข สมพร ครู กรรมการ
๒๘. นางสาวกาญจนา นาคไธสง ครู กรรมการ
๒๙. นายศราวุธ โสมวงศ์ ครู กรรมการ
๓๐. นายพเิ ชษฐ์ แกว้ กล้า ครู กรรมการ
๓๑. นายขจรศกั ด์ิ มีแกว้ ครู กรรมการ
๑๔๘
๓๒. นางสาวอภิญญา สดสร้อย ครู กรรมการ
๓๓. นางสาวปาณิศา กระจายกลาง ครู กรรมการ
๓๔. นางณัฐฐิราภรณ์ แก้วมา ครู กรรมการ
๓๕. นายสมทบ สริ ติ ครู กรรมการ
๓๖. นายบรพิ ตั ร บญุ ฤทธิ์ ครู กรรมการ
๓๗. นางสาวกานดา ตรงไธสง ครู กรรมการ
๓๘. นางสาวปัญญาพร สสี นั งาม ครู กรรมการ
๓๙. นางกนิษฐา เที่ยงสูงเนนิ ครู กรรมการ
๔๐. นายนฐั วุฒิ โบราณมลู ครู กรรมการ
๔๑. นางสาวสุภัคชญา สุศิลา ครู กรรมการ
๔๒. นางทศั นียา โจระสา ครู กรรมการ
๔๓. นางสาวบรุ ัสกร พราหมหิรัญ ครู กรรมการ
๔๔. นางสาวกสุ ุมา คนธี ครู กรรมการ
๔๕. นางสาวสนุ ัดดา แพเอีย่ มทรัพย์ ครู กรรมการ
๔๖. นางสาวรำไพ กองพลี ครู กรรมการ
๔๗. นางสาวชญานศิ รตั นชวี พงศ์ ครู กรรมการ
๔๘. นางจีรนันท์ สืบสำราญ พนกั งานราชการ กรรมการ
๔๙. นายปิยวฒั น์ ออดไธสง พนกั งานราชการ กรรมการ
๕๐. นางสาวจติ รลดา มาลานนท์ ครูอตั ราจ้าง กรรมการ
๕๑. นางยพุ าพร เทวรัตน์ ครู กรรมการและเลขานกุ าร
มีหน้าที่ รวบรวมข้อมูล เอกสาร รอ่ งรอยหลกั ฐาน และสรปุ รายงานผลการดำเนนิ งานตาม
กจิ กรรม โครงการ ตามมาตรฐานท่ี ๓ กระบวนการจัดการเรยี นการสอนทีเ่ น้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ ตัวบ่งช้ีที่
๑,๒,๓,๔,๕ นำผลการดำเนนิ งานตามมาตรฐานท่ีรับผดิ ชอบสรุปส่ง ายงานประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา เพือ่ จัดทำ
รายงานพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาของโรงเรียนกู่สวนแตงพทิ ยาคม ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓
ใหผ้ ู้ไดร้ บั แตง่ ต้ังเปน็ คณะกรรมการ ายตา่ ง ๆ ตามคำส่ังนี้ ปฏบิ ัตหิ น้าทด่ี ว้ ยความวริ ยิ ะ อุตสาหะ
เต็มความรู้ความสามารถ เพือ่ ให้บงั เกดิ ผลดีต่อนกั เรียน โรงเรียน ชมุ ชน และประเทศชาติสืบไป
สงั่ ณ วนั ท่ี ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
(นายไทยรัฐ วงษท์ อง)
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนกู่สวนแตงพทิ ยาคม
๑๔๙
คำส่งั โรงเรยี นกู่สวนแตงพทิ ยาคม
ท่ี ๑๒๑ / ๒๕๖๓
เรอื่ ง แตง่ ต้งั ค ะกรรมการดำเนินงานพฒั นาระบบการประกันคุ ภาพภายในของสถานศึกษา
ในแต่ละมาตรฐาน ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓
__________________________
โดยทีม่ กี ารประกาศใชก้ ฎกระทรวงการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ นโยบายปฏิรปู การศึกษา
ในทศวรรษท่ีสองทีก่ ำหนดเป้าหมายและยุทธศาสตรใ์ นการพฒั นาคณุ ภาพคนไทยและการศกึ ษาไทยในอนาคต
ประกอบกบั มนี โยบายใหป้ ฏริ ูประบบการประเมนิ และการประกนั คณุ ภาพทั้งภายในและภายนอกของทุกระดับ
จำเป็นต้องปรับปรงุ มาตรฐานการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานใหส้ อดคลอ้ งกนั
ดังน้นั เพอื่ ให้เปน็ ไปตามนโยบายดงั กลา่ วและเป็นการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาของสถานศึกษา โรงเรยี น
กู่สวนแตงพทิ ยาคมจึงอาศยั อำนาจตามความในมาตรา ๒๗ แหง่ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู และ
บุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๗ แต่งตัง้ คณะกรรมการจดั ทำรายงานการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาประจำปขี อง
โรงเรยี นกูส่ วนแตงพทิ ยาคม ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ดงั รายนามตอ่ ไปนี้
๑. ค ะกรรมการอำนวยการ ประกอบด้วย
๑. นายไทยรัฐ วงษท์ อง ผูอ้ ำนวยการโรงเรียน ประธานคณะกรรมการ
๒. นายสมศกั ด์ิ ศรีพฤกษ์ รองผอู้ ำนวยการโรงเรยี น รองประธานคณะกรรมการ
๓. นางภัสส์มณินทร์ แจะไธสง รองผู้อำนวยการโรงเรียน กรรมการ
๔. นายชยั วัฒน์ พลธรรม ครปู ฏบิ ัตหิ นา้ ทร่ี องผู้อำนวยการโรงเรยี น กรรมการ
๕. นางสาวกาญจนา นาคไธสง ครู เลขานุการ
๖. นายนัฐวฒุ ิ โบราณมลู ครู กรรมการและผ้ชู ่วยเลขานกุ าร
มีหนา้ ท่ี อำนวยการ วางแผน กำหนดมาตรฐานคุณภาพการศกึ ษาของโรงเรยี น และนโยบายการ
ดำเนนิ งาน แนะนำและให้ คำปรกึ ษา อำนวยความสะดวกในการจดั ทำรายงานการพฒั นาคุณภาพการศึกษา
เพอ่ื ใหก้ ารดำเนนิ งานเปน็ ไปดว้ ยความเรียบร้อยและบรรลวุ ตั ถุประสงค์
๑๕๐
๒. ค ะกรรมการตดิ ตาม ตรวจสอบ ประเมนิ ผล และนเิ ทศการศกึ ษา การประเมินคุ ภาพการ ศึกษา
ตามมาตรฐานการศึกษา ประกอบด้วย
๑. นายสมศักด์ิ ศรพี ฤกษ์ รองผ้อู ำนวยการโรงเรยี น ประธานคณะกรรมการ
๒. นางภัสสม์ ณินทร์ แจะไธสง รองผู้อำนวยการโรงเรียน รองประธานคณะกรรมการ
๓. นายชัยวฒั น์ พลธรรม ครูปฏบิ ัติหน้าที่รองผู้อำนวยการโรงเรียน กรรมการและเลขานกุ าร
มีหนา้ ที่ กำกับ ติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและนเิ ทศการศกึ ษา ตามมาตรฐานการศึกษาท่ไี ดร้ ับ
มอบหมาย สรุปผลการประเมนิ ตนเอง และควบคุมการดำเนนิ งานใหเ้ ป็นไปดว้ ยความเรยี บร้อย และบรรลุ
วตั ถุประสงค์การประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาตามมาตรฐานการศกึ ษา
๓. ค ะกรรมการรับผดิ ชอบมาตรฐานและประกันคุ ภาพภายในสถานศึกษา โรงเรยี นกสู่ วนแตงพทิ ยาคม
มาตรฐานที่ ๑ มาตรฐานด้านคุ ภาพผเู้ รียน
๑.๑ ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรยี น (มี ๖ ตัวบง่ ชีย้ อ่ ย) ประกอบด้วย
๑) ความสามารถในการอ่าน เขยี น การสอื่ สาร และการคิดคำนวณ
๒) ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คดิ อยา่ งวิจารณญาณ อภปิ รายแลกเปลี่ยนความคิดเหน็
และ แก้ปญั หา
๓) ความสามารถในการสร้างนวัตกรรม
๔) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร
๕) มผี ลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา
๖) มีความรู้ ทกั ษะพ้ืนฐานและเจตคติท่ีดีตอ่ งานอาชพี
ค ะกรรมการรบั ผดิ ชอบ ประกอบดว้ ย
๑. นายชยั วัฒน์ พลธรรม ครูปฏิบัติหน้าทร่ี องผูอ้ ำนวยการโรงเรียน ประธาน
คณะกรรมการ
๒. นางลดั ดา เสาไธสง ครู รองประธานคณะกรรมการ
๓. นางบัวแก้ว มงคลมะไฟ ครู กรรมการ
๔. นางพนิตตา พงษร์ ัตนสิริกุล ครู กรรมการ
๕. นางประภัสสร ผาสขุ ครู กรรมการ
๖. นางสรสิ ุดา จกั รไชย ครู กรรมการ
๗. นางพีระพร พลอยจะบก ครู กรรมการ
๘. นางสาวกาญจนา นาคไธสง ครู กรรมการ
๙. นายศราวธุ โสมวงศ์ ครู กรรมการ
๑๐. นายกฤษฎา พทิ ักษา ครู กรรมการ
๑๑. นางสาวนงค์เยาว์ นามไธสง ครู กรรมการ