ชุดกิจกรรมการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104
ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6
ชุดที่ 4 เรื่อง การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี
นางมงคล จันทราภรณ์
ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ
โรงเรยี นแก้งเหนือพทิ ยาคม อาเภอเขมราฐ จงั หวัดอบุ ลราชธานี
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั อุบลราชธานี
ชดุ ที่ 4 การแประสัณฐานของแผน่ ธรณี ก
คำนำ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 จัดทาขึ้นเพ่ือเป็นสื่อนวัตกรรมประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104 เพ่ือให้ผู้เรียนใช้ประกอบกิจกรรมการ
เรยี นการสอนและสามารถเรียนรูด้ ้วยตนเอง นาไปใช้ในการเรียนการสอนซ่อมเสริมได้ หรือใช้ใน
การสอนแทนได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจและพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรี ย น ของผู้ เรี ย น กลุ่ มส าร ะการ เรี ยน รู้ วิทย าศาส ตร์ เป็น น วัตกรร มที่ช่ว ยล ดบทบาทของครู
ตามแนวทางการปฏิรูปการเรียนรู้ท่ียึดผู้เรียนเป็นสาคัญ เป็นกิจกรรม การเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้
ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทาเป็น คิดเป็น แก้ปัญหาได้ สามารถพัฒนาตนเอง ได้เต็ม
ตามศักยภาพ ซง่ึ สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ
ปรับปรุง พ.ศ.2560) ท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาท้ังด้านความรู้ กระบวนการคิด
กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา ความสามารถในการส่ือสาร การตัดสนิ ใจ การนา
ความรู้ไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ตลอดจนสง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รียนมีจติ วทิ ยาศาสตรค์ ณุ ธรรมและค่านิยมท่ี
ถกู ต้องเหมาะสม
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์นี้จะทาให้ผู้เรียน
มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องโลกและการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกได้เป็นอย่างดี มีทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และมผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น สามารถใชเ้ พื่อศึกษาค้นคว้า
ด้วยตนเองเป็นส่ือท่ีมีประสิทธิภาพ สามารถอานวยประโยชน์ต่อการเรียนการสอนให้บรรลุ
วตั ถุประสงคข์ องหลักสูตรได้
มงคล จันทราภรณ์
โดย : นางมงคล จันทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรยี นแกง้ เหนือพทิ ยาคม
ชุดท่ี 4 การแประสัณฐานของแผน่ ธรณี ข
สำรบัญ
เรอื่ ง หน้ำ
คำนำ ก
สำรบัญ ข
คำชี้แจงเกีย่ วกบั กำรใชช้ ุดกจิ กรรมกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ ค
แผนภมู ิลำดบั ขัน้ ตอนกำรใชช้ ดุ กิจกรรมกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ ง
คำชแี้ จงกำรใช้ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์สำหรบั ครู จ
คำช้ีแจงกำรใช้ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์สำหรับนักเรยี น ช
1
สาระการเรยี นรู้ / มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด 2
จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2
แนวความคดิ ต่อเนอื่ ง 4
สาระสาคญั 5
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 8
บตั รเนือ้ หา ชดุ ท่ี 4 เรื่อง การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี 34
บตั รกิจกรรมที่ 4.1 เรอื่ ง การเคล่ือนทขี่ องแผ่นธรณี 37
บัตรกจิ กรรมท่ี 4.2 ผงั มโนทศั น์ เร่อื ง การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี 38
บตั รกิจกรรมท่ี 4.3 ถอดบทเรียน เรื่อง การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี 39
แบบฝกึ หดั เรอื่ ง การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี 41
แบบทดสอบหลงั เรยี น 44
กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น 45
บรรณำนุกรม 46
ภำคผนวก 47
เฉลยบัตรกจิ กรรมที่ 4.1 เรื่อง การเคล่ือนทข่ี องแผ่นธรณี 50
เฉลยบตั รกิจกรรมท่ี 4.2 ผงั มโนทศั น์ เร่ือง การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี 51
เฉลยบัตรกิจกรรมที่ 4.3 ถอดบทเรยี น เร่อื ง การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี 52
เฉลยแบบฝึกหดั เรือ่ ง การแบง่ ชน้ั โครงสร้างโลก 54
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน 55
ประวตั ยิ อ่ ผจู้ ัดทำ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ โรงเรียนแกง้ เหนอื พิทยาคม
ชุดท่ี 4 การแประสัณฐานของแผน่ ธรณี ค
คำช้ีแจงเกยี่ วกบั ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์
. ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่ือง กระบวนการเปล่ยี นแปลง
ภายในโลก กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพ่ือใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้
รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยให้
สอดคล้องตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
2560) กระทรวงศึกษาธิการ หลักจิตวิทยาการเรียนรู้ ยึดแนวทางการฝึกท่ีเหมาะสมกับระดับและ
วัย เพื่อให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้น มีความสุขในการทากิจกรรมการเรียนรู้ และเพื่อสง่ เสริม
เจตคติที่ดี นกั เรยี นจะไดพ้ ัฒนากระบวนการคิด กระบวนการตัดสนิ ใจ กระบวนการแก้ปัญหา และ
สามารถนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ เข้าใจหลักการ
ทางวิทยาศาสตร์ เกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีสารวจตรวจสอบข้อมูล การคิด
แก้ปัญหา ตลอดจนการเสริมสร้างจิตวิทยาศาสตร์ ซ่ึงประกอบด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จานวน
9 ชุด ดงั นี้
ชดุ ท่ี 1 เรอ่ื ง ข้อมูลในการศกึ ษาและแบ่งชน้ั โครงสรา้ งโลก
ชุดที่ 2 เรอ่ื ง แนวคดิ ของทฤษฎีทวีปเลื่อนและหลกั ฐานสนับสนุน
ชดุ ท่ี 3 เรื่อง แนวคดิ ของทฤษฎีการแผ่ขยายพ้ืนสมุทรและหลกั ฐานสนับสนนุ
ชดุ ท่ี 4 เรื่อง การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี
ชุดที่ 5 เรอื่ ง ธรณีสณั ฐานและโครงสร้างทางธรณีทีเ่ กิดจากการเคลื่อนทข่ี องแผ่นธรณี
ชุดที่ 6 เรอ่ื ง ภเู ขาไฟระเบดิ
ชดุ ที่ 7 เรื่อง แผ่นดนิ ไหว
ชุดท่ี 8 เรอ่ื ง สึนามิ
2. ชดุ กิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์นี้เป็น ชดุ ที่ 4 เร่ือง กำรแปรสัณฐำนของแผ่นธรณี
ใช้เวลำ 2 ช่ัวโมง
3. ผู้ใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์น้ีควรศกึ ษาข้นั ตอนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
อย่างละเอียดก่อนใช้
ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ชุดน้ี จะมีประโยชน์ต่อ
นักเรียนและผู้สนใจท่ีจะนาไปใช้สอนและฝึกเด็กในปกครองในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
วทิ ยาศาสตร์ให้มคี ณุ ภาพมากยง่ิ ข้ึนต่อไป
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรียนแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสัณฐานของแผน่ ธรณี ง
แผนภูมิลำดับขน้ั ตอนกำรใช้ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์
อ่านคาชี้แจงและคาแนะนาในการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์
ศึกษาตวั ชว้ี ัดและจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เสรมิ พ้นื ฐำน
ทดสอบกอ่ นเรียน ผมู้ ีพ้ืนฐำนตำ่
ศึกษาชุดกิจกรรมการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ตามข้นั ตอน
ประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรูจ้ ากชุดกิจกรรม
ไมผ่ ำ่ น ทดสอบหลงั เรยี น
กำรทดสอบ
ผำ่ นกำรทดสอบ
ศกึ ษาชดุ กิจกรรมการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์เรอ่ื งต่อไป
แผนภูมิลำดับขนั้ ตอนกำรเรยี นโดยใช้ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นร้วู ทิ ยำศำสตร์
ชุดที่ 4 เรื่อง กำรแปรสณั ฐำนของแผน่ ธรณี
โดย : นางมงคล จันทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรียนแกง้ เหนือพทิ ยาคม
ชุดที่ 4 การแประสัณฐานของแผน่ ธรณี จ
คำชีแ้ จงกำรใช้ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตรส์ ำหรบั ครู
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ที่ครูผู้สอนไดศ้ ึกษาต่อไปนี้คือ ชุดท่ี 4 เรื่อง กำรแปร
สัณฐำนของแผ่นธรณี ใช้เวลำในกำรทำกิจกรรม 2 ชั่วโมง ซ่ึงนักเรียนจะได้สารวจ สังเกตและ
รวบรวม ข้อมูลมาสรุปเป็นองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการสืบค้นข้อมูล
กระบวนการทางสังคม ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการเผชิญสถานการณ์และ
แก้ปัญหา ผ่านทางกระบวนการกลุ่ม เพื่อช่วยให้การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้บรรลุ
จุดประสงค์และมีประสทิ ธภิ าพ ครผู ้สู อนควรดาเนินการดงั น้ี
1. ครูผู้สอนต้องศึกษาและทาความเข้าใจเกี่ยวกับคาชี้แจงการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
สาหรับครู และแผนการจัดการเรยี นรู้ เพอื่ ที่ครูผู้สอนสามารถนาชดุ กิจกรรมการเรียนร้ไู ปใช้ในการ
จดั กจิ กรรมการเรยี นรไู้ ด้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
2. ครูผู้สอนเตรยี มสื่อการเรยี นการสอนให้พรอ้ ม
3. ก่อนดาเนินการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ครูต้องเตรียมชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไว้
บนโต๊ะประจากลุ่มให้เรียบร้อยและเพียงพอกับนักเรียนในกลุ่มซึ่งนักเรียนจะได้รับคนละ 1 ชุด
ยกเว้นสื่อการสอนที่ต้องใชร้ ่วมกนั
4. ครูต้องชี้แจงใหน้ ักเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของนักเรียนในการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
ดังนี้
4.1 ศกึ ษาบทบาทของนกั เรียนจากการปฏิบัติกิจกรรมให้เข้าใจก่อนการเรยี นรู้โดยใช้
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้
4.2 ปฏิบัติกิจกรรมตามลาดับข้ันตอน อ่านคาชี้แจงจากใบกิจกรรม เพื่อจะได้ทราบ
วา่ จะปฏิบัตกิ จิ กรรมอะไร อยา่ งไร
4.3 นักเรียนต้องต้ังใจปฏิบัติกิจกรรมอย่างเต็มความสามารถ ต้องให้ความร่วมมือ
ช่วยเหลือซงึ่ กนั และกนั ไม่รบกวนผู้อนื่ และไม่ชกั ชวนเพอื่ นใหอ้ อกนอกลนู่ อกทาง
4.4 หลังจากปฏิบตั ิกิจกรรมแลว้ นกั เรยี นจะตอ้ งจดั เก็บอุปกรณท์ กุ ชิ้นให้เรยี บรอ้ ย
4.5 เมอ่ื มกี ารประเมนิ ผลนักเรียนต้องปฏิบตั ติ นอยา่ งตั้งใจและรอบคอบ
5. การดาเนินการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบวัฏจกั รการเรียนรู้ 7 ขั้น (7E) แบ่งออกเป็น
7 ขัน้ ตอน ดงั น้ี
5.1 ขัน้ ที่ 1 ข้ันตรวจสอบความรเู้ ดิม
5.2 ข้ันที่ 2 ขั้นสร้างความสนใจ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรยี นแกง้ เหนือพทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสัณฐานของแผน่ ธรณี ฉ
5.3 ขน้ั ที่ 3 ขน้ั สารวจและคน้ หา
5.4 ขั้นท่ี 4 ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ
5.5 ข้ันท่ี 5 ขัน้ ขยายความรู้
5.6 ขัน้ ที่ 6 ขน้ั ประเมนิ
5.7 ข้นั ท่ี 7 ขั้นนาความรูไ้ ปใช้
6. ขณะท่ีนักเรียนทุกกลมุ่ ปฏิบตั ิกิจกรรม ครูไม่ควรพูดเสียงดัง หากมีอะไรจะพูดต้องพูด
เปน็ รายกลมุ่ หรือรายบุคคล ตอ้ งไม่รบกวนกิจกรรมของนักเรยี นกลมุ่ อน่ื
7. ครูผู้สอนต้องเดินดูการทางานของนักเรียนแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด หากมีนักเรียนคน
ใดหรือกลุม่ ใดมีปัญหาควรเข้าไปใหค้ วามชว่ ยเหลือจนปญั หาน้ันคลคี่ ลายลง
8. การสรุปผลท่ีไดจ้ ากกิจกรรมการเรียนรู้ควรเปน็ กิจกรรมร่วมของนักเรียนทุกกลุ่มหรือ
ตวั แทนของกลุ่มร่วมกัน ครคู วรเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นแสดงออกใหม้ ากที่สุด
9. ประเมินผลการเรยี นรู้ของนกั เรยี น เพ่ือตรวจสอบผลการเรียนรูข้ องนกั เรยี น
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ โรงเรียนแกง้ เหนอื พิทยาคม
ชุดที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี ช
คำช้ีแจงกำรใช้ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตรส์ ำหรับนกั เรยี น
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ท่ีนักเรียนได้ศึกษาต่อไปน้ีคือ ชุดที่ 4 เรื่อง กำรแปร
สัณฐำนของแผ่นธรณี ซึ่งนักเรยี นจะได้สารวจ สงั เกต และรวบรวมข้อมูลมาสรุปเป็นองค์ความรู้
โดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการทางสังคม ทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ กระบวนการเผชิญสถานการณ์ และแก้ปัญหา ผ่านทางกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิด
ประโยชนส์ ูงสดุ นักเรยี นควรปฏบิ ัติตามคาช้ีแจง ดงั ต่อไปนี้
1. ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชุดท่ี 4 เรอ่ื ง กำรแปรสัณฐำนของแผ่นธรณี
ใช้เวลำในกำรทำกิจกรรม 2 ชวั่ โมง
2. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น จานวน 10 ขอ้
3. นักเรียนทากิจกรรมเป็นรายกลมุ่ และศกึ ษาวิธดี าเนนิ กิจกรรมใหเ้ ขา้ ใจ
4. นักเรยี นปฏบิ ัติกิจกรรมในชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
5. นักเรยี นทากิจกรรมในชุดกจิ กรรมการเรียนรูใ้ ห้ครบ
6. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน จานวน 10 ข้อ
โดย : นางมงคล จันทราภรณ์ ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ โรงเรียนแกง้ เหนือพทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 11
ชุดท่ี 4
การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี
มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชี้วดั
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ
เปล่ียนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการ
เปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิศาสตร์โลก รวมทั้งผลต่อส่ิงมีชีวิต
และสง่ิ แวดล้อม
ตวั ช้วี ดั
ว 3.2 ม.6/2 อธิบายหลักฐานทางธรณวี ิทยาที่สนับสนุนการเคล่ือนท่ขี องแผ่นธรณโี ดย
ใช้แบบจาลอง
ว 3.2 ม.6/3 ระบุสาเหตุ และอธิบายรูปแบบแนวรอยต่อของแผ่นธรณที่สัมพันธ์กับ
การเคล่ือนที่ของแผ่นธรณี พร้อมยกตัวอย่างหลักฐานทางธรณีวิทยา
ทพี่ บ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 22
จุดประสงคก์ ารเรียนรสู้ ตู่ ัวชี้วดั
1. อธิบายสาเหตุ และกระบวนการเคล่อื นที่ของแผ่นธรณี และระบผุ ลที่เกดิ จากการ
เคลอ่ื นท่ีของแผน่ ธรณีได้ (K)
2. ทดลองและอธบิ ายสาเหตุท่ีทาให้เกดิ การเคล่ือนที่ของแผน่ ธรณไี ด้ (P)
3. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ ายและสรปุ เกย่ี วกับกระบวนการเคลื่อนท่ขี องแผ่นเปลือกโลก (P)
4. อธบิ ายรูปแบบการเคลื่อนทขี่ องแผ่นธรณีท่สี มั พันธ์กับการเกดิ ธรณสี ัณฐานและโครงสร้าง
ทางธรณีวทิ ยาแบบต่าง ๆ (K)
5. ประยุกต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเกย่ี วกับการแปรสัณฐานของแผ่นธรณีในการ
ร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนและนาความรู้ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวัน (A)
6. มคี วามสนใจใฝเ่ รียนรู้หรืออยากรู้อยากเห็น ทางานร่วมกับผอู้ ื่นอยา่ งสรา้ งสรรค์ ยอมรบั
ความคิดเหน็ ของผู้อ่นื ได้ (A)
ลาดับความคดิ ตอ่ เนอื่ ง
การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี
ธรณีภาคซ่ึงเป็นช้ันนอกสุดของโครงสร้างโลก แบ่งออกเป็นแผ่นธรณี (plate)
หลายแผน่ ซ่งึ เคลอ่ื นทไ่ี ปบนฐานธรณภี าคทา ใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงทางธรณอี ยู่ตลอดเวลา
ทฤษฎีทวีปเลอ่ื น คือ แนวความคดิ ท่ีกล่าวว่า ในอดีต ณ ช่วงเวลาหน่งึ ทวีปต่าง ๆ
ไม่ได้มีตาแหน่ง เหมือนกับในปัจจุบัน แต่เคยอยรู่ วมกันเป็นแผ่นดนิ ใหญ่เพยี งแผ่นดนิ เดยี วท่ี
เรยี กวา่ พนั เจีย (Pangaea)
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 33
หลักฐานที่สนับสนุนว่าทวีปเคยอยู่ติดกันมาก่อน ได้แก่ รูปร่างของขอบทวีป
ซากดึกดาบรรพ์ ความคล้ายกันของกลุ่มหินและแนวเทือกเขา หลักฐานจากรอยครูดบนหิน
ท่ีเกดิ จากการเคล่อื นตวั ของธารน้า แข็งบรรพกาล
ทฤษฎีการแผ่ขยายพ้ืนสมุทร เป็นการพบหลักฐานบนพื้นสมุทรท่ีสนับสนุนการ
เคล่ือนท่ีของแผ่นธรณี ได้แก่ สันเขากลางสมุทร อายุของหินบะซอลต์บนพ้ืนมหาสมุทร
ภาวะแม่เหล็กบรรพกาล
นกั วิทยาศาสตร์รวบรวมหลักฐานและแนวคดิ จากทฤษฎีทวีปเลื่อน ทฤษฎีการแผ่
ขยายพื้นสมทุ ร นา มาสรุปเป็นทฤษฎกี ารแปรสัณฐานของแผ่นธรณี ซึ่งกล่าวถึงการเคลือ่ นที่
และการเปลี่ยนลักษณะของแผ่นธรณีอันเนื่องมาจากวงจรการพาความร้อนของแมกมา
ภายในเนอื้ โลก
การเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณีสัมพันธ์กับ แนวรอยต่อของแผ่นธรณี 3 รูปแบบ คือ
แนวแผ่นธรณีแยกตวั แนวแผ่นธรณีเคล่ือนท่ีหากัน แนวแผ่นธรณเี คล่ือนผ่านกันในแนวราบ
แต่ละรูปแบบ ส่งผลให้เกิดธรณีสัณฐาน โครงสร้างทางธรณีแบบต่าง ๆ และปรากฏการณ์
ทางธรณตี ่าง ๆ บนโลก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 44
สาระสาคญั
นักวทิ ยาศาสตรไ์ ด้รวบรวมหลักฐานแนวคิด และทฤษฎีต่าง ๆ ตง้ั แต่ทฤษฎที วปี เล่ือน ทฤษฎี
การแผ่ขยายพ้ืนมหาสมุทร และแนวคิดการพาวงจรความร้อน มาสรุปเป็นทฤษฎีเรียกว่า ทฤษฎีการ
แปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี ซ่ึงกล่าวถึงการเคลอ่ื นท่ีและการเปล่ียนแปลงลกั ษณะ เชน่ ขนาด ตาแหน่ง
ของแผ่นธรณี โดยมีวงจรการพาความร้อนภายในโลกเป็นกลไกสาคัญในการขับเคลื่อนให้แผ่นธรณีมี
การเคลอ่ื นท่ีในรูปแบบต่าง ๆ การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีจะส่งผลตอ่ การเกิดและการเปลี่ยนปลงของ
ทวีปและมหาสมุทร รวมทั้งธรณีสัณฐานและโครงสร้างทางธรณี แผ่นธรณีแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
แผน่ ทวีป และแผน่ มหาสมุทร แผน่ ธรณภี าคเหล่าน้ีมีการเคลอื่ นทอ่ี ยตู่ ลอดเวลา นักวทิ ยาศาสตรแ์ ละ
นักธรณวี ิทยาไดศ้ ึกษารอบต่อของแผน่ ธรณภี าคอย่างละเอียด และสามารถสรุปลักษณะการเคลอ่ื นที่
ของแผน่ ธรณภี าคได้ดังน้ี
1. ขอบแผน่ ธรณภี าคแยกออกจากกนั
2. ขอบแผ่นธรณภี าคเคล่อื นเขา้ หากนั
3. ขอบแผน่ ธรณีภาคเคลือ่ นทผ่ี ่านกนั
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 55
แบบทดสอบกอ่ นเรียน ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6
เร่อื ง การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี
รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหสั วชิ า ว30104
คาชแ้ี จง 1. แบบทดสอบฉบบั นี้ จานวน 10 ขอ้ คะแนนเตม็ 10 คะแนน เวลาทใี่ ช้ 10 นาที
2. จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกต้องที่สดุ แลว้ เขียนเครอื่ งหมาย ลงในกระดาษคาตอบ
1. ทฤษฎีที่ใช้อธิบายถงึ กาเนดิ ของแผ่นดิน มหาสมุทร และสิ่งมชี ีวติ ท่ีตายทับถม อย่ใู นหินบน
เปลือกโลก คือขอ้ ใด
ก. ทฤษฎีการเลื่อนไหลของทวีป
ข. ทฤษฎีการขยายตัวของพื้นทวีป
ค. ทฤษฎกี ารแปรสณั ฐานแผน่ ธรณภี าค
ง. ทฤษฎีการขยายตวั ของพนื้ มหาสมุทร
2. ผนื แผน่ ดินแผ่นเดียวกนั บนโลกต่อมาแยกเปน็ ทวปี ใหญ่ 2 ทวีป คือข้อใด
ก. เอเชยี และยโุ รป
ข. ยโุ รปและอเมริกา
ค. ออสเตรเลียและอัฟริกา
ง. ลอเรเซียและกอนด์วานา
3. จากการพบหนิ บะซอลต์ทร่ี อยแยกบริเวณเทือกเขากลางมหาสมทุ ร แอตแลนติก อายุของ
หนิ อยู่บริเวณดังกลา่ วเป็นอย่างไร
ก. หนิ บะซอลต์ทอี่ ยู่ไกลจากรอยแยกมีอายุมากกวา่ หินบะซอลต์ ที่อยใู่ กลร้ อยแยก
ข. หินบะซอลต์ที่อยู่ไกลจากรอยแยกมีอายนุ ้อยกว่าหินบะซอลต์ ที่อยู่ใกล้รอยแยก
ค. หนิ บะซอลต์ที่อยู่ไกลจากรอยแยกมีอายนุ ้อยกวา่ หนิ บะซอลต์ ทีอ่ ยูใ่ นรอยแยก
ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
4. สนามแม่เหล็กโลกโบราณใช้เปน็ หลักฐานเพอื่ พิสจู น์ทฤษฎีอะไร
ก. การแปรสณั ฐานแผ่นธรณภี าค
ข. การเคล่ือนท่ขี องแผน่ ธรณีภาค
ค. แม่เหลก็ โลกในปจั จุบนั
ง. ขอ้ ก. และ ข. ถูก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 66
5. แผ่นดินของทวีปอเมรกิ ากบั ทวีปยโุ รป และทวีปแอฟรกิ า แยกหา่ งกนั มากขึ้นตลอดเวลา
เพราะสาเหตใุ ด
ก. เกิดการแทรกตัวของภเู ขาไฟและแผน่ ดนิ ในบริเวณชนั้ นีบ้ ่อยครั้ง
ข. แผ่นเปลอื กโลกเคลื่อนทเ่ี นื่องจากการไหลของแมกมาในชัน้ เนอ้ื โลก
ค. หนิ หนืดในชน้ั เน้อื โลกดันแทรกขน้ึ มาตามรอยแตกระหวา่ งเปลือกโลก
ง. ข้อ ก. และ ข. ถูก
6. ปัจจบุ นั แผน่ เปลอื กโลกท่ีรองรบั ทวปี อเมริกา ทวีปยุโรป และทวีปแอฟริกา มกี ารเคลอ่ื นท่ี
อยา่ งไร
ก. เคลอ่ื นทเี่ ขา้ หากัน
ข. เคลอ่ื นที่แยกออกจากกนั
ค. เคล่ือนทใ่ี นทศิ ท่ีแตกต่างกนั
ง. ยังไมม่ ีการเคลื่อนที่แตอ่ ยา่ งไร
7. เทอื กเขาแอลป์ในทวีปยโุ รป เกดิ จากแผ่นธรณภี าคใด
ก. แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทรกบั แผน่ ธรณภี าคใต้มหาสมุทร
ข. แผน่ ธรณีภาคใตม้ หาสมุทรกบั แผน่ ธรณภี าคพน้ื ทวปี
ค. แผน่ ธรณีภาคใตม้ หาสมุทรกบั แผ่นธรณีใตม้ หาสมทุ ร
ง. แผน่ ธรณภี าคพื้นทวปี กับแผน่ ธรณภี าคพ้ืนทวีป
8. สาเหตทุ ่ีทาให้เปลอื กโลกเคลือ่ นท่ี คอื ข้อใด
ก. การไหลของหนิ หนดื ในชน้ั เนื้อโลก
ข. การประทุของหนิ แข็งในชน้ั เปลือกโลก
ค. การเคลื่อนท่ีของแร่ธาตุในแก่นโลกชน้ั ใน
ง. การแทรกตวั ขนึ้ มาของแร่ธาตุจากแกน่ โลกชั้นนอก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 77
9. การท่ีแผ่นธรณีภาคในแต่ละส่วนมีอัตราการเคล่ือนท่ีไม่เท่ากัน นักเรียนคิดว่าเกิดจาก
สาเหตใุ ด
ก. ความรอ้ นจากชัน้ เนื้อโลกถ่ายเทอุณหภูมิไมเ่ ท่ากัน
ข. ความหนาแนน่ ของช้ันธรณีภาคและเนื้อโลกเท่ากัน
ค. อตั ราการเคล่อื นตัวของแมกมาในชน้ั เนื้อโลกไม่เทา่ กนั
ง. ความหนาแน่นของชน้ั ธรณภี าคและเน้ือโลกไม่เท่ากัน
10. สาเหตสุ าคัญทท่ี าใหธ้ ารน้าแขง็ เคลื่อนท่ีลงสู่ที่ต่าจนทาให้เปลือกโลกเปลยี่ นแปลงคืออะไร
ก. แรงดงึ ดูดของโลก
ข. ความลาดเอยี งของภูมิประเทศ
ค. ความกดดนั ของธารนา้ แขง็ ดา้ นบน
ง. การเปล่ยี นแปลงของอุณหภมู ริ อบๆ ธารนา้ แขง็
ท่มี า : https://www.google.com/search?sxsrf=ALiCzsZ8eHAM1GG_t_
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 88
บัตรเนื้อหา
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์
ชดุ ที่ 5 การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี
การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี (plate tectonics)
จากทฤษฎีทวีปเล่ือนและทฤษฎีการแผ่ขยายพ้ืนสมุทรทาให้ทราบว่าทวีปและพื้นมหาสมุทร
มีการเคล่ือนที่ แต่ทวีปและพ้ืนมหาสมุทรเป็นส่วนบนของธรณีภาคการเคลื่อนท่ีของทวีปและพ้ืน
มหาสมทุ รจงึ มคี วามเก่ียวข้องกับธรณภี าคโดยรอยแยกทเ่ี กดิ ข้นึ บนพ้ืนมหาสมุทรเปน็ รอยแตกในธรณี
ภาคซ่ึงทาให้ธรณีภาคแตกออกเป็นแผ่นย่อย ๆ เรียกว่าแผ่นธรณี (plate หรือ lithospheric plate)
แผ่นธรณีแต่ละแผ่นอาจรองรับทั้งพื้นมหาสมุทรและพื้นทวีปแผ่นธรณีท่ีสาคัญในปัจจุบัน เช่น
แผ่นยเู รเซีย แผ่นแปซิฟิก แผ่นอินเดีย-ออสเตรเลีย แผ่นอเมริกาเหนือ แผ่นอเมริกาใต้ แผน่ แอฟริกา
แผน่ แอนตารก์ ติกา ดังรูป 5.1
รูปท่ี 4.1 แผ่นธรณขี องโลก
ทมี่ า : หนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตรฯ์ วชิ าวิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ (หนา้ 126)
สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 99
ดังนั้นการเคล่ือนท่ีของพื้นมหาสมุทรจากรอยแยกบริเวณสันเขากลางสมุทรจึงเป็นการ
เคล่ือนท่ีของแผ่นธรณีซึ่งจะพาทวีปเคล่ือนท่ีไปด้วย แต่แผ่นธรณีนั้นมีความหนาประมาณ 100
กิโลเมตร และมีขนาดใหญ่มาก แผ่นธรณีเคล่ือนที่ได้เพราะเหตุใด และมีกระบวนการอย่างไร
นักเรยี นจะได้ศกึ ษาจากกจิ กรรม 5.1 (หนา้ 33)
แผ่นธรณีเคลื่อนที่ได้เน่ืองจากกระบวนการพาความร้อนภายในโลกโดยกระบวนการนี้เกิด
จากความรอ้ นจากแกน่ โลกท่สี ่งผ่านเนอ้ื โลกตอนล่างมาถึงเนอ้ื โลกตอนบนเมอื่ เน้ือโลกตอนบนสูญเสีย
ความร้อนบางส่วนให้กับธรณีภาคอุณหภูมิของเน้ือโลกตอนบนจึงลดต่าลงและไหลวนลงสู่ด้านล่าง
กลับมารับพลังงานความร้อนเพ่ิมจากแก่นโลกอีกครั้งเกิดการเคล่ือนที่หมุนวนจนเป็นวงจรเรียกว่า
วงจรการพาความร้อน (convection cell) ดงั รปู 5.2
รูปที่ 4.2 วงจรการพาความรอ้ นภายในโลก
ท่ีมา : หนงั สือเรียนรายวชิ าเพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 1 (หน้า 51)
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
นักวิทยาศาสตร์ได้รวบรวมหลักฐานแนวคิดและทฤษฎีต่าง ๆ ต้ังแต่ทฤษฎีทวีปเล่ือนทฤษฎี
การแผ่ขยายพื้นมหาสมุทรและแนวคิดวงจรการพาความร้อนมาสรุปเป็นทฤษฎีเรียกว่าทฤษฎีการ
แปรสัณฐานของแผ่นธรณี (plate tectonics) ซ่ึงกล่าวถึงการเคลื่อนท่ีและการเปลี่ยนแปลงลักษณะ
เช่นขนาดตาแหน่งของแผ่นธรณีโดยมีวงจรการพาความร้อนภายในโลกเป็นกลไกสาคัญในการ
ขบั เคลอื่ นให้แผ่นธรณีมีการเคล่อื นที่ในรปู แบบต่าง ๆ การเคลอื่ นทีข่ องแผน่ ธรณีนอกจากจะสง่ ผลต่อ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 1100
การเกิดและการเปลย่ี นแปลงของทวีปและมหาสมุทรแล้วยังส่งผลต่อธรณีสัณฐานและโครงสร้างทาง
ธรณี
การแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค เป็นทฤษฎีเชิงธรณีวิทยาท่ีถูกพัฒนาขึ้นเพื่ออธิบายถึง
หลักฐานจากการสังเกตการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่ โดยทฤษฎีนี้ได้พัฒนาต่อ
ยอดจากทฤษฎีการเลื่อนไหลของทวีปเดมิ ท่ีถูกเสนอข้ึนมาระหวา่ ง พ.ศ. 2443-2493 ทฤษฎีธรณีแปร
สัณฐานนี้ได้รับการยอมรับเป็นท่ีแพร่หลายหลังจากการเสนอแนวคิดที่เกี่ยวกับการกระจายของพื้น
ทะเลในคริสตท์ ศวรรษท่ี 1960 (ชว่ งตน้ พ.ศ. 2500)
โครงสร้างส่วนนอกของโลกนั้นแบ่งตามคุณสมบัติของช้ันหินต่อคลื่นไหวสะเทือนได้สองช้ัน
ชั้นท่ีอยู่นอกสุดคือชั้นธรณีภาคช้ันดินแข็ง (lithosphere) อันประกอบด้วยเปลือกโลกและเนื้อโลก
(mantle) ช้ันบนซึ่งมีอุณหภูมิต่าและแข็งเกร็ง ช้ันล่างลงไปคือช้ันฐานธรณีภาค ช้ันดินอ่อน
(asthenosphere) ซึ่งมีสถานะเป็นของแข็งแต่มีความยืดหยุ่นค่อนข้างต่าและขาดความแข็งแรง
อีกทั้งยังสามารถเคล่ือนที่ได้คล้ายของเหลวเม่ือพิจารณาในช่วงระยะเวลาเชงิ ธรณีวิทยา ช้ันแมนเทิล
ท่ีอยู่ลึกลงไปภายใต้ช้ันดินอ่อนน้ันจะมีความแข็งมากขึ้นอีกครั้ง กระน้ันความแข็งดังกล่าวไม่ได้มา
จากการเย็นลงของอุณหภมู ิ แตเ่ นือ่ งมาจากความดนั ท่มี อี ยูส่ ูง
ธรณีภาคแบ่งเป็นแผ่นเปลือกโลกหลายแผ่นประกอบกัน ในกรณีของโลกสามารถแบ่งเป็น
แผน่ ขนาดใหญ่ไดเ้ จด็ แผ่น และแผน่ ขนาดเล็กอีกจานวนมาก แผ่นเปลือกโลกเหล่าน้ีเคล่อื นที่สัมพนั ธ์
กับแผ่นเปลือกโลกอื่นๆ ขอบของเปลือกโลกสามารถแบ่งได้เป็นสามประเภทตามลักษณะการ
เคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกสัมพัทธ์ของแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นนั้น คือ ขอบเปลือกโลกที่มีการชน
กันหรือบรรจบกัน ขอบเปลือกโลกท่ีมีการแยกตัวออกจากกันหรือกระจายจากกัน และขอบเขตที่มี
การแปลงสภาพ ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาต่างๆ ได้แก่แผ่นดินไหว ภูเขาไฟปะทุ การก่อตัวของ
ภูเขา และการเกิดขึ้นของเหวสมุทรน้ันจะเกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของขอบเขตแผ่นดิน
การเคลอื่ นตวั ด้านข้างของแผ่นดนิ นนั้ มอี ตั ราเรว็ อยูร่ ะหวา่ ง 0.66 ถงึ 8.50 เซนตเิ มตรต่อปี
แผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่
แผ่นเปลือกโลกท่ีมขี นาดใหญ่ ได้แก่
1. แผน่ แอฟริกา ครอบคลุมทวีปแอฟริกา เป็นแผน่ ทวีป แอฟริกา เป็นทวีปท่มี ขี นาดใหญ่
ท่ีสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากทวีปเอเชีย ท้ังในแง่ของพ้ืนที่และจานวนประชากร ด้วยพื้นที่
ประมาณ 30.2 ล้านตารางกิโลเมตร (11.7 ล้านตารางไมล์) รวมท้ังเกาะต่าง ๆ ท่ีอยู่ข้างเคียง ทวีป
แอฟริกามีพ้ืนที่ประมาณร้อยละ 6 ของพ้ืนผิวโลกท้ังหมด และนับเป็นพื้นท่ีประมาณร้อยละ 20.4
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 1111
ของพื้นดินท้ังหมด ประชากรกว่า 1,100 ล้านคน (พ.ศ. 2556) ในดินแดน 61 ดินแดน นับเป็น
รอ้ ยละ 14.72 ของประชากรโลก
ทวีปแอฟริกาถูกล้อมรอบด้วยทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนเหนือ คลองสุเอซ และทะเล
แดง บริเวณคาบสมุทรไซนายทางตะวันออกเฉียงเหนือ มหาสมุทรอินเดียทางตะวันออกเฉียงใต้
และมหาสมุทรแอตแลนตกิ ทางตะวันตก ประกอบด้วย 54 รัฐ
รปู ท่ี 4.3 ทวปี แอฟรกิ า
ทีม่ า : https://th.wikipedia.org/wiki/
ทวีปแอฟริกาเป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็น
พรมแดนระหว่างทวีปยุโรปทางตอนเหนือ และมีคลองสุเอซเป็นพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียทาง
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ จุดเด่นของทวีปแอฟริกาคือ มที ่ีราบสงู ถึง 2 ใน 3 ของทวีป โดยเฉพาะทางภาค
ตะวันออกของทวีป เป็นท่ีราบสูงโดยเฉล่ียประมาณ 1,500 - 2,000 เมตรจากระดับน้าทะเล มีแนว
ภูเขาไฟทดี่ บั แลว้ มีแนวทะเลสาบขนาดใหญ่ แล้วจะลาดตา่ ไปทางตะวันตก มเี กาะมาดากัสการ์
1. เทอื กเขา แบง่ ออกเป็น 2 เขตคือ
1. เขตภูเขาทางภาคเหนือ เป็นเขตเทือกเขาเกิดใหม่อายุราวพอ ๆ กบั เทือกเขาแอลป์ใน
ทวีปยุโรป เรียกว่า เทือกเขาแอตลาส ขนานไปกบั ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในเขตพื้นท่ีประเทศ
โมร็อกโก แอลจเี รยี และตูนิเซีย
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 1122
2. เขตภูเขาทางภาคใต้ ได้แก่ เทอื กเขาดราเคนสเบิรก์ ในประเทศแอฟริกาใต้และเลโซโท
2. ทะเลทราย แบ่งเปน็ 2 เขตคอื
1. เขตทะเลทรายตอนเหนือ ได้แก่ ทะเลทรายสะฮารา (ซ่ึงเป็นทะเลทรายท่ีมีขนาดใหญ่
ทีส่ ุดในโลก) และทะเลทรายลิเบยี บริเวณนีจ้ ะเกดิ ลมรอ้ นในทะเลทรายสะฮารา เรียกว่า ซริ ็อกโก
2. เขตทะเลทรายตอนใต้ ได้แก่ ทะเลทรายนามบิ และทะเลทรายคาลาฮารี
3. แมน่ ้า
1. แม่น้าไนล์ เป็นแม่น้าสายที่ยาวท่ีสุดในโลก ต้นน้าคือทะเลสาบวิกตอเรีย ไหลลงทะเล
เมดิเตอร์เรเนียน
2. แมน่ า้ คองโก เปน็ แมน่ ้าเขตศนู ยส์ ูตร ไหลลงมหาสมทุ รแอตแลนตกิ
3. แม่น้าไนเจอร์ อยู่ในส่วนแอฟรกิ าตะวันตก ต้นนา้ อยู่ที่ประเทศเซียรร์ าเลโอน ไหลลงสู่
อ่าวกนิ ี
4. แม่น้าแซมเบซี อยู่ทางด้านตะวันออกของทวีปมีแอ่งน้าตก น้าค่อนข้างไหลเช่ียว ไหล
ลงมหาสมุทรอินเดยี ทีป่ ระเทศโมซมั บิก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 1133
รูปที่ 4.4 แผนท่ดี าวเทียมแสดงส่วนประกอบทางภูมศิ าสตรข์ องทวปี แอฟริกา
ท่ีมา : https://th.wikipedia.org/wiki/
2. แผ่นแอนตาร์กติก ครอบคลุมทวีปแอนตาร์กติกา เป็นแผ่นทวีป แอนตาร์กติกา
(Antarctica) เป็นทวีปท่ีอยู่ใต้สุดของโลกต้ังอยู่ในภูมิภาคแอนตาร์กติกในซีกโลกใต้และเป็นที่ตั้งขั้ว
โลกใต้ทางภูมิศาสตร์ เกือบท้ังหมดอยู่ในวงกลมแอนตาร์กติกและล้อมรอบด้วยมหาสมุทรใต้ มีพ้ืนท่ี
ประมาณ 14 ล้านตารางกิโลเมตร เปน็ ทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกใหญ่กว่าทวปี ออสเตรเลียถึง
2 เท่า พ้ืนท่ี 98% ของทวีปปกคลุมด้วยน้าแข็งหนาเฉลี่ย 1.9 กิโลเมตร ซ่ึงครอบคลุมพ้ืนท่ีท้ังหมด
เว้นแต่ส่วนเหนือสุดของคาบสมทุ รแอนตาร์กติก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 1144
รปู ท่ี 4.5 ทวีปแอนตาร์กติกา
ท่มี า : https://th.wikipedia.org/wiki/
โดยค่าเฉล่ียแล้วแอนตารก์ ติกาเป็นทวีปท่ีหนาวท่ีสดุ แห้งแล้งที่สดุ ลมแรงท่ีสดุ และมีความสูง
โดยเฉล่ียมากท่ีสุด แอนตาร์กติกาเป็นทะเลทรายที่มีหยาดน้าฟ้าเฉล่ีย 200 มิลลิเมตรต่อปีตามแนว
ชายฝั่งและพื้นท่ีภายใน ในช่วงไตรมาสท่ีสามซ่ึงเป็นช่วงที่หนาวสุดของปีจะมีอุณหภูมิเฉลี่ย -63 °C
แต(่ ทส่ี ถานวี อสตอค ของรสั เซีย) อุณหภูมิทวี่ ัดได้เคยต่าถงึ -89.2 °C (และเคยวัดได้ถึง -94.7 °C โดย
เป็นการวัดจากดาวเทียมในอวกาศ บางสถานที่มีคนราว 1,000 ถึง 5,000 คนอาศัยในสถานีวิจัยท่ี
กระจายอยู่ทั่วทั้งทวีปตลอดท้ังปี สิ่งมีชีวิตในแอนตาร์กติกาจะเป็นพวกสาหร่าย แบคทีเรีย เห็ด
รา พืช โพรทิสต์และสัตว์บางชนิดเช่นตัวเห็บ ตัวไร หนอนตัวกลม เพนกวิน สัตว์ตีนครีบและหมีน้า
ส่วนพืชก็จะเป็นพวกทนั ดรา
แม้ว่ามีตานานเล่าขานเก่ียวกับการมีอยู่ของดินแดนใต้ตั้งแต่ยุคโบราณ แอนตาร์กติกาถูกระบุ
วา่ เป็นดินแดนสุดท้ายบนโลกในประวัติศาสตร์ท่ีถูกคน้ พบ เพราะไม่มีใครเคยพบเลยจนกระทั่ง พ.ศ.
2363 นักสารวจชาวรัสเซียเฟเบียน ก็อทลีป ฟอน เบลลิ่งเชาเซนและมิคาอิล ลาซาเรฟที่อยู่บนเรือ
สลุบวอสตอค และเรือสลุบเมอร์นีย์ ได้สังเกตเห็นหิ้งน้าแข็งฟิมโบลแต่ก็ไม่ได้สนใจเนื่องจาก
สภาพแวดล้อมท่ีไม่เป็นมิตรต่อมนุษย์ ขาดแคลนทรพั ยากรในการสารวจและความห่างไกลของพื้นท่ี
ตอ่ มาพ.ศ. 2438 ทีมสารวจชาวนอร์เวย์ไดร้ ับการยืนยันการมาเยอื นดนิ แดนแหง่ นเี้ ปน็ ครั้งแรก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 1155
ทวีปแอนตาร์กติกาเป็นดินแดนใต้การปกครองร่วมโดยพฤตนิ ัยตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบสนธิสัญญาแอนตาร์กติกที่ลงนามคร้ังแรกโดย 12 ประเทศใน
พ.ศ. 2502 และตามด้วยการลงนามอีกเพ่ิม 38 ประเทศ ระบบสนธิสัญญาน้ีห้ามมิให้มีการทาเหมือง
แร่ กิจกรรมทางทหาร ทดลองระเบิดนิวเคลียร์และการกาจัดกากนิวเคลียร์ แต่จะสนับสนุนการวิจัย
ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละปกป้องชน้ั โอโซนของทวีป ทาใหม้ ีการทดลองอยา่ งต่อเนอ่ื งโดนนักวิทยาศาสตร์
4,000 คนจากหลายประเทศบนทวปี น้ี
รปู ที่ 4.6 ภาพถา่ ยดาวเทยี มของทวีปแอนตาร์กตกิ า
ทีม่ า : https://th.wikipedia.org/wiki/
3. แผ่นออสเตรเลีย ครอบคลุมออสเตรเลีย (เคยเช่ือมกับแผ่นอินเดียเมื่อประมาณ 50-55
ล้านปกี ่อน) เปน็ แผ่นทวปี
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 1166
รูปท่ี 4.7 ทวีปออสเตรเลยี
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/
ออสเตรเลีย (Australia) หรือช่ือทางการคือ เครือรัฐออสเตรเลีย (Commonwealth of
Australia) เป็นประเทศซ่ึงประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย
และเกาะอื่น ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และมหาสมุทรใต้ ออสเตรเลียเป็นประเทศท่ีใหญ่เป็น
อันดับหกของโลกเม่ือนับพื้นที่ท้ังหมด ประเทศเพื่อนบ้านของออสเตรเลี ประกอบด้วย
อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินีและติมอร์-เลสเตทางเหนือ หมู่เกาะโซโลมอน วานูอาตู และนิวแคลิโดเนีย
ทางตะวนั ออกเฉยี งเหนือ และนิวซีแลนด์ทางตะวนั ออกเฉียงใต้
เป็นเวลาอย่างน้อย 40,000 ปี ก่อนที่จะตั้งถ่ินฐานคร้ังแรกของอังกฤษในศตวรรษที่
18 ประเทศออสเตรเลียเป็นทอ่ี ยู่อาศยั ของชาวออสเตรเลยี พ้นื เมือง ท่ีพูดภาษาที่แบ่งออกได้เป็นกลุ่ม
ประมาณ 250 ภาษา หลังจากการค้นพบของทวีปโดยนักสารวจชาวดัตช์ในปี ค.ศ. 1606, ครึ่งหน่ึง
ของฝ่ังตะวันออกของออสเตรเลียถูกอ้างว่าเป็นของสหราชอาณาจักรในปี ค.ศ. 1770 และต้ังรกราก
ในขั้นต้นโดยการขนส่งนักโทษมายังอาณานิคมของนิวเซาธ์เวลส์จากวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1788
จานวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทศวรรษท่ีผ่านมา ทวีปถูกสารวจ และอีกห้าอาณานิคม
ปกครองตนเองของพระมหากษตั รยิ ์ถูกจดั ตั้งข้นึ
เมื่อวันท่ี 1 มกราคม ค.ศ. 1901 หกอาณานิคมถูกตั้งขึ้นเป็นสหพันธ์, รวมตัวกันเป็นเครือรัฐ
ออสเตรเลีย. ต้ังแตน่ ้ันมา ออสเตรเลียยังคงรักษาระบบการเมืองเสรีนิยมประชาธิปไตยท่ีมั่นคง ที่ทา
หน้าที่เป็นรัฐสภาประชาธิปไตยของรัฐบาลกลางและพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ สหพันธ์
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 1177
ประกอบด้วยหกรัฐ และอีกหลายพื้นที่ ประชากร 23.1 ล้านคน อยู่ในเมืองเป็นสว่ นใหญ่และมีความ
หนาแนน่ อยา่ งมากในรัฐทางตะวนั ออก
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และเป็นหนึ่งในประเทศท่ีร่ารวยที่สุดในโลกที่มี
เศรษฐกิจ ใหญ่ท่ีสุดเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ในปี ค.ศ. 2012 ออสเตรเลียมีรายได้ต่อหัวท่ีสูงท่ีสุด
อันดับห้าของโลก[14] คา่ ใช้จ่ายทางทหารของออสเตรเลยี มากท่สี ุดเป็นอันดับที่ 13 ของโลก ด้วยดัชนี
การพัฒนามนุษย์ท่ีสูงที่สุดอันดับท่ีสองท่ัวโลก, ออสเตรเลียถูกจัดอันดับที่สูงในการเปรียบเทียบ
ระหว่างประเทศจานวนมากของประสิทธิภาพการทางานในระดับชาติ เช่น คุณภาพชีวิต, สุขภาพ,
การศึกษา, เสรีภาพทางเศรษฐกิจ, และการปกป้องเสรีภาพของพลเมืองและสิทธิทางการ
เมือง ออสเตรเลียเปน็ สมาชกิ ของสหประชาชาติ, G20, เครือจกั รภพแหง่ ชาติ, ANZUS, องค์การเพื่อ
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD), องค์การการค้าโลก, ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
เอเชียแปซฟิ ิกและหมเู่ กาะแปซิฟิกฟอร่ัม
รปู ท่ี 4.8 แผนทด่ี าวเทยี มแสดงสว่ นประกอบทางภูมิศาสตรข์ องทวีปออสเตรเลีย
ทีม่ า : https://sites.google.com/site/tor42273/thwip-xxsterleiy
4. แผ่นยูเรเชีย ครอบคลุมทวีปเอเชยี และยโุ รป เป็นแผน่ ทวีป
แผ่นยูเรเชีย (Euresian Plate) คือแผ่นเปลือกโลกท่ีรองรับพ้ืนที่เกือบท้ังหมดของทวีป
ยูเรเชียแต่ไม่ได้รองรับประเทศอินเดีย อนุภูมิภาคอาหรับและพ้ืนท่ีทางตะวันออกของเทือกเขา
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 1188
เชอร์สกีทางตะวันออกของไซบีเรีย นอกจากนี้ยังมีส่วนทร่ี องรบั มหาสมทุ รแอตแลนติกทางตอนเหนือ
ไปจนถึงเทือกเขากลางสมุทรแอตแลนติกและเทือกเขาการ์กเกิลทางตอนเหนือและมีพ้ืนที่ประมาณ
67,800,000 ตารางกิโลเมตร
การปะทุของภูเขาไฟท้ังหมดในไอซ์แลนด์อยา่ งเช่นการปะทุของภูเขาไฟแอลเฟจในปี 1973
การปะทุของภูเขาไฟลาไคปี 1783 และการปะทุของเอยาฟยาตลาเยอคุตล์ พ.ศ.2553 ล้วนเกิดจาก
การแยกตวั ออกจากกนั ของแผน่ อเมริกาเหนอื กับแผน่ ยเู รเชีย
ธรณีพลศาสตร์ของเอเชียกลางมักเป็นผลมาจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างแผ่นยูเรเชียและแผ่น
อนิ เดีย
ทวีปเอเชีย เป็นทวีปใหญ่และมีประชากรมากทีส่ ุดในโลก พ้ืนท่สี ่วนมากต้ังอยูใ่ นซีกโลกเหนือ
และตะวันออก ทวีปเอเชียตั้งอยู่ในทวีปยูเรเชียรวมกับทวีปยุโรป และอยู่ในทวีปแอฟโฟร-ยูเรเชีย
ร่วมกับยุโรปและแอฟริกา ทวีปเอเชียมีพ้ืนท่ีท้ังหมดประมาณ 44,579,000 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น
30% ของแผ่นดินท่ัวโลกหรือคิดเป็น 8.7% ของผิวโลกท้ังหมด ทวีปเอเชียเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์
มานานและเป็นแหล่งกาเนิดอารยธรรมแรก ๆ ของโลกหลายแห่ง เอเชียไม่ได้เพียงแค่มีขนาดใหญ่
และมีประชากรเยอะแต่ยังมีสถานท่ี และท่ีตั้งถ่ินฐานหนาแน่นและมีขนาดใหญ่เช่นเดียวกับท่ียังมี
บริเวณท่ีประชากรตั้งถิ่นฐานเบาบางด้วย ทั้งนี้ทวีปเอเชียมีประชากรราว 4.5 พันล้านคน คิดเป็น
60% ของประชากรโลก
รูปท่ี 4.9 ทวปี เอเชีย
ทีม่ า : https://th.wikipedia.org/wiki/
โดยทั่วไปทางตะวันออกของทวีปติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ทางใต้ติดมหาสมุทรอินเดีย
และทางเหนือติดกับมหาสมุทรอาร์กติก บริเวณชายแดนระหว่างเอเชียและยุโรปมีประวัติศาสตร์
และโครงสรา้ งวฒั นธรรมมากมายเพราะไมม่ ีการแยกกันด้วยลกั ษณะทางภูมศิ าสตร์ทช่ี ัดเจน จึงมีการ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 1199
โยกย้ายติดต่อกันในช่วงสมัยคลาสสิก ทาให้บริเวณน้ีแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม
ภาษา ความแตกต่างทางชาติพันธุ์ของตะวันออกกับตะวันตกและแบ่งจากกนั อย่างเด่นชัดกว่าการขีด
เส้นแบ่ง เขตแดนท่ีเด่นชัดของเอเชียคือตั้งแต่ฝั่งตะวันออกของคลองสเุ อซ แม่น้ายูรัล, เทือกเขายูรัล
ช่องแคบตุรกี ทางใต้ของเทอื กเขาคอเคซสั ทะเลดาและทะเลแคสเปียน
รูปท่ี 4.10 แผนท่ดี าวเทยี มแสดงส่วนประกอบทางภูมศิ าสตร์ของทวีปเอเชีย
ทม่ี า : https://th.wikipedia.org/wiki/
จีนและอินเดียเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกต้ังแต่คริสต์ศักราชที่ 1 ถึง 1800
จีนเป็นประเทศที่มีอานาจทางเศรษฐกิจที่สาคัญและดึงดูดผู้คนจานวนมาก ให้ไปทางตะวันออก
และตานาน ความมั่งคั่งและความรุ่งเรืองของวัฒนธรรมโบราณของอินเดียกลายเป็นสัญลักษณ์ของ
เอเชียส่ิงเหล่านี้จึงดึงดูดการค้า การสารวจและการล่าอาณานิคมของชาวยุโรป การค้นพบเส้นทาง
ขา้ มมหาสมทุ รแอตแลนติกโดยบังเอิญจากยุโรปไปอเมริกาของโคลัมบัสในขณะท่ีกาลังค้นหาเส้นทาง
ไปยังอินเดียแสดงให้เห็นความดึงดูดใจเหล่านี้ เส้นทางสายไหมกลายเป็นเส้นทางการค้าหลักของฝั่ง
ตะวันออกกับฝั่งตะวันตกในขณะท่ีชอ่ งแคบมะละกากลายเป็นเสน้ ทางเดินเรอื ท่ีสาคญั ชว่ งศตวรรษท่ี
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 2200
20 ความแข็งแรงของประชากรเอเชียและเศรษฐกิจ (โดยเฉพาะเอเชียตะวันออก) เติบโตเป็นอย่าง
มากแตก่ ารเตบิ โตของ ประชากรโดยรวมลดลงเรื่อย ๆ เอเชยี เปน็ แหลง่ กาเนดิ ของศาสนาหลกั บนโลก
หลายศาสนา อาทิศาสนาคริสต์, ศาสนาอิสลาม, ศาสนายูดาห์ ศาสนาฮินดูพระพุทธศาสนา
ลทั ธิขงจือ๊ ลัทธเิ ต๋า ศาสนาเชน ศาสนาซิกข์ ศาสนาโซโรอัสเตอร์และศาสนาอ่ืน ๆ อีกมากมาย
เนื่องจากเอเชียมีขนาดใหญ่และมีความหลากหลายทางแนวคิด ภูมินามวิทยาของเอเชียมี
ต้ังแต่สมัยคลาสสิกซึ่งคาดว่าน่าจะต้ังตามลักษณะผู้คนมากกว่าลักษณะทางกายภาพ เอเชียมีความ
แตกต่างกันอย่างมากทั้งด้านภูมิภาค กลุ่มชาติพันธุ์ วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม เศรษฐศาสตร์
ประวัตศิ าสตร์และระบบรัฐบาล นอกจากนี้ยังมสี ภาพอากาศทีแ่ ตกต่างกันอย่างมาก เช่น พ้ืนเขตร้อน
หรือทะเลทรายในตะวันออกกลาง ภูมิอากาศแบบอบอุ่นทางตะวันออก ภูมิอากาศแบบกึ่ง
อารกตกิ ทางตอนกลางของทวปี และภมู ิอากาศแบบขว้ั โลกในไซบีเรีย
ทวีปยโุ รป เป็นทวปี ทต่ี ้ังอย่ใู นซีกโลกเหนือและส่วนมากอยูใ่ นซกี โลกตะวนั ออก ทางทิศเหนือ
ติดกับมหาสมุทรอาร์กติก ทางทิศใต้ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางทิศตะวันออกติดกับทวีป
เอเชีย ทางทศิ ตะวันตกตดิ กบั มหาสมุทรแอตแลนติก เปน็ อนทุ วีปทางด้านตะวนั ตกของทวีปยูเรเชยี
รูปท่ี 4.11 ทวีปยุโรป
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/
ต้ังแต่ประมาณ 1850 การแบ่งยุโรปกับเอเชียมักยึดตามสันปันน้าของเทือกเขายูรัล
และเทือกเขาคอเคซัส แม่น้ายูรัล ทะเลแคสเปียน ทะเลดาและช่องแคบตุรกี แม้คาว่า "ทวีป"
จะหมายถึงภูมิศาสตร์กายภาพของผนื ดินขนาดใหญ่ท่ีไม่มีการแบง่ อย่างแน่นอนและชัดเจน จึงมีการ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 2211
โยกย้ายติดต่อกันในช่วงสมัยคลาสสิก ทาให้บริเวณชายแดนยุโรปกับเอเชียของยูเรเชียน้ันแสดงให้
เห็นความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม ภาษา ความแตกต่างทางชาติพันธุ์ของตะวันออกกับตะวันตก
และแบง่ จากกนั อย่างเดน่ ชัดกวา่ การขีดเส้นแบ่งเขตแดน เสน้ แบ่งเขตแดนของทวีปไม่ไดแ้ บ่งตามเส้น
แบง่ เขตแดนทางการเมืองทาให้ตรุ กี รัสเซยี และคาซัคสถานเป็นประเทศขา้ มทวีป
รปู ที่ 4.12 แผนทดี่ าวเทียมแสดงส่วนประกอบทางภมู ิศาสตร์ของทวปี ยโุ รป
ทมี่ า : https://th.wikipedia.org/wiki/
ยุโรปมีพ้ืนท่ีประมาณ 10,180,000 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2% ของผิวโลก (6.8%
ของผืนดิน) ในทางการเมืองยุโรปมีรฐั อธิปไตยและเขตปกครองกว่า 50 รัฐ ซึ่งมีรสั เซียเป็นประเทศท่ี
ใหญ่และมีประชากรมากท่ีสุด โดยกินพื้นที่ทวีปยุโรป 39% และมีประชากรทั้งหมด 15% ของทวีป
ใน พ.ศ. 2560 ยุโรปมีประชากรประมาณ 741 ล้านคน (หรือ 11% ของประชากรโลก) ภูมิอากาศ
ยุโรปส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากกระแสน้าอุ่นในมหาสมุทรแอตแลนติกทาให้ภายในทวีปจะมี
อากาศหนาวจัดในฤดูหนาวและร้อนในฤดูร้อนแม้ในละติจูดเดียวกันในเอเชียกับอเมริกาเหนือจะมี
สภาพอากาศท่ีรนุ แรง ยุโรปภาคพื้นทวปี จะเหน็ ความแตกตา่ งตามฤดกู าลไดช้ ัดเจนกว่าบริเวณชายฝง่ั
ทวีปยุโรปโดยเฉพาะกรีซโบราณเป็นแหล่งกาเนิดวัฒนธรรมตะวันตก การล่มสลายของ
จักรวรรดิโรมันตะวันตกใน ค.ศ 476 และสมัยการย้ายถิ่นช่วงต่อมา เป็นจุดจบของสมัยโบราณและ
เป็นจุดเร่ิมต้นของสมัยกลาง มนุษยนิยมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ยุคแห่งการสารวจ ศิลปะและ
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 2222
วิทยาศาสตร์อันเป็นเป็นรากฐานนาไปสู่สมัยใหม่ ต้ังแต่ยุคแห่งการสารวจเป็นต้นมาน้ันยุโรปมี
บทบาทสาคัญระดับโลกในด้านเศรษฐกิจ ระหว่างศตวรรษที่ 16 ถึง 20 ประเทศในยุโรปมีอานาจ
ปกครองหลาย ๆ คร้ังในทวีปอเมริกา เกือบทั้งหมดของแอฟริกาและโอเชียเนียร่วมถึงพื้นท่ีส่วนใหญ่
ของเอเชีย
ยุคเรืองปัญญาหลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศสและสงครามนโปเลียนส่งผลให้เกิดการปฏิรูป
วัฒนธรรม การเมืองและเศรษฐกิจในช่วงปลายศตวรรษท่ี 17 ถึงครึ่งแรกของศตวรรษท่ี 19 การ
ปฏิวัติอุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักรช่วงปลายศตวรรษท่ี 18 ก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงทาง
เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคมเป็นอย่างมากในยุโรปตะวันตกและขยายไปทั่วท้ังโลกในเวลา
ต่อมา สงครามโลกทั้ง 2 ครั้งมีสมรภูมิส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรปนั้น ทาให้ช่วงกลางศตวรรษที่
20 สหภาพโซเวียตและสหรัฐขึ้นมามีอานาจในขณะท่ีประเทศยุโรปตะวันตกส่วนใหญ่มีอานาจลดลง
[7] ระหว่างสงครามเย็นยุโรปถูกแบ่งด้วยม่านเหล็กระหว่างเนโททางตะวันตกกับกติกาสัญญาวอร์ซอ
ในตะวันออก จนกระท่งั ส้ินสดุ ลงหลงั การปฏิวตั ิ ค.ศ. 1989และการล่มสลายของกาแพงเบอรล์ ิน
ใน ค.ศ. 1949 สภายุโรปก่อต้ังขึ้นตามคาปราศรัยของ เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล ซ่ึงมีแนวคิดใน
การรวมยุโรปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน ทุกประเทศในยุโรปเป็นสมาชิกยกเว้น
เบลารุส คาซคั สถานและนครรัฐวาตกิ ัน การบูรณาการยโุ รปอืน่ ๆ อย่างการรวมกลุ่มโดยบางประเทศ
นาไปสู่การก่อต้ังสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเป็นสหภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองซ่ึงมีรูปแบบ
สมาพันธรัฐและสหพันธรัฐ[8] สหภาพยุโรปก่อตั้งขึ้นในยุโรปตะวันตกแต่เร่ิมเพ่ิมสมาชิกในยุโรป
ตะวันออกต้ังแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 ประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป
ส่วนใหญ่ใช้สกุลเงนิ ยูโรซ่ึงชาวยุโรปนิยมใช้กันทั่วไป; และในเขตเชงเกน้ ของอียูจะยกเลกิ การควบคุม
ชายแดนและการอพยพระหว่างประเทศสมาชิก เพลงประจาสหภาพยุโรปคือ "ปีติศังสกานท์"และมี
วนั ยุโรปเพอ่ื การเฉลมิ ฉลองสนั ตภิ าพและเอกภาพประจาปใี นทวปี ยโุ รป
5. แผ่นอเมริกาเหนือ ครอบคลุมทวีปอเมริกาเหนือและทางตะวันออกเฉียงเหนือของ
ไซบเี รยี เป็นแผน่ ทวปี
แผ่นอเมริกาเหนือ (อังกฤษ: North American Plate) คือแผ่นเปลือกโลกที่รองรับทวีป
อเมริกาเหนือ กรีนแลนด์ คิวบา บาฮามาส เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือไอร์แลนด์ และบางส่วนของ
ไอซแ์ ลนด์ แผน่ เปลอื กโลกนีร้ องรับทั้งทวีปและมหาสมทุ ร
ทวีปอเมริกาเหนือ เป็นทวีปท่ีมีพื้นที่ท้ังหมดอยู่ในซีกโลกเหนือและเกือบทั้งหมดในซีกโลก
ตะวันตก เป็นอนุทวีปทางเหนือของทวีปอเมริกา ทางเหนอื ติดกบั มหาสมุทรอาร์กตกิ ทางตะวันออก
ตดิ มหาสมุทรแอตแลนติก ทางตะวนั ตกตดิ มหาสมุทรแปซิฟิก ทางใตต้ ิดกับทวีปอเมริกาใต้และทะเล
แคริบเบียน
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 2233
รูปท่ี 4.13 ทวีปอเมริกาเหนือ
ท่มี า : https://th.wikipedia.org/wiki/
ทวีปอเมริกาเหนือมีประชากรมนุษย์เป็นครัง้ แรกในชว่ งยุคนา้ แขง็ คร้ังลา่ สดุ โดยเดินทางผ่าน
สะพานแผ่นดินเบริงเจียเมื่อประมาณ 40,000 ถึง 17,000 ปีก่อน ประชากรมนุษย์กลุ่มนี้รู้จักกันใน
ช่ือพาลีโอ-อินเดียนซ่ึงอยู่ในช่วง 10,000 ปีก่อน (จุดเริ่มต้นของยุคอาร์เคอิกหรือเมสโซ-
อินเดียน) คลาสสิกสเตจมีช่วงเวลาประมาณคริสต์ศตวรรษ 6 ถึง 13 ศตวรรษ ยุคก่อนโคลัมเบียน
ส้ินสุดใน ค.ศ. 1492 และเร่ิมมีการอพยพและการเข้ามาต้ังถ่ินฐานของชาวยุโรปในช่วงยุคแห่งการ
สารวจและช่วงต้นของยุคกลางทาให้รูปแบบวัฒนธรรมและชาติพันธ์ุในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึง
ปฏิสัมพันธ์ของการตั้งอาณานิคมของยุโรปในอเมริกาเหนือ เช่น ชาวผิวขาว ชาวพ้ืนเมือง ทาสชาว
แอฟริกาและกลุ่มชนรุ่นหลงั
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 2244
รูปท่ี 4.14 แผนทด่ี าวเทียมแสดงสว่ นประกอบทางภูมศิ าสตร์ของทวีปอเมรกิ าเหนือ
ท่ีมา : https://th.wikipedia.org/wiki/
6. แผ่นอเมริกาใต้ ครอบคลุมทวปี อเมริกาใต้ เป็นแผ่นทวีป
ทวีปอเมริกาใต้ เป็นทวีปที่เส้นศูนย์สูตรพาดผ่าน พ้ืนที่ส่วนใหญ่อยู่ในซีกโลกใต้ ขนาบ
ข้างด้วยมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติก ในทางภูมิศาสตร์ ทวีปอเมริกาใต้เพิ่งจะ
เคลื่อนมาบรรจบกับทวีปอเมริกาเหนอื เมื่อไม่นานมาน้ี ทาให้เกิดคอคอดปานามา เทอื กเขาแอนดีสที่
มีอายุน้อยและไม่หยุดน่ิงพาดผ่านเขตด้านตะวันตกของทวีป ดินแดนทางตะวันออกของเทือกเขา
แอนดสี คอื แอ่งแม่นา้ แอมะซอน ซ่ึงส่วนใหญ่เปน็ เขตป่าดิบชืน้
ทวีปอเมริกาใต้มีพ้ืนท่ีกว้างใหญ่เป็นอันดับ 4 รองจากเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาเหนือ
ตามลาดบั สว่ นจานวนประชากรเป็นอันดับ 5 รองจากเอเชีย แอฟรกิ า ยโุ รป และอเมรกิ าเหนอื
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 2255
รูปท่ี 4.15 ทวีปอเมริกาใต้
ทมี่ า : https://th.wikipedia.org/wiki/
ทวีปอเมริกาใต้ตั้งอยู่บนซีกโลกใต้เป็นส่วนมากโดยอยู่ระหว่างละติจูดท่ี 12 องศาเหนือ
ถึง 56 องศาใต้ และลองจิจูด 35 องศาตะวันออก ถึง 117 องศาตะวันตก มีเน้ือท่ีประมาณ 17.8
ล้านตารางกิโลเมตร หรือคดิ เปน็ ร้อยล่ะ 14 ของแผ่นดินโลก ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก และมีเน้ือที่
แผ่นดินติดต่อกันทาให้ชายฝ่ังของทะเลมีน้อยเมื่อเทียบกับขนาดของทวีป โดยทวีปอเมริกาใต้มี
แผ่นดนิ ใหญร่ ูปร่างคลา้ ยสามเหล่ียม
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 2266
รูปท่ี 4.16 แผนทีด่ าวเทียมแสดงส่วนประกอบทางภูมิศาสตรข์ องทวีปอเมริกาใต้
ทีม่ า : https://th.wikipedia.org/wiki/
7. แผ่นแปซฟิ กิ ครอบคลุมมหาสมทุ รแปซฟิ กิ เป็นแผ่นมหาสมุทร
แผ่นแปซิฟิก คือแผ่นเปลือกโลกมหาสมุทรที่ครอบคลุมพ้ืนที่ส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิก
มีพ้ืนที่ประมาณ 103 ลา้ นตารางกโิ ลเมตรจงึ ถอื ว่าเป็นแผน่ เปลอื กโลกทใ่ี หญ่ท่ีสุด
แผน่ แปซิฟกิ มีจุดร้อนภายในทที่ าใหเ้ กดิ หมเู่ กาะฮาวาย
แผ่นแปซิฟิกกาลังเคล่ือนตัวเพื่อปรับสมดุลทางธรรมชาติ เพราะน้าแข็งข้ัวโลกละลายและ
ได้ไหลเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก จึงทาให้น้าในมหาสมุทรแปซิฟิกมีมากเกินไปจนเสียสมดุล ซ่ึงการ
เคลื่อนตัวของแผ่นแปซิฟกิ อาจทาใหพ้ ้ืนทท่ี ี่ตดิ กับทะเลหายไปได้
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 2277
รูปที่ 4.17 แผ่นแปซิฟกิ
ท่มี า : https://th.wikipedia.org/wiki/
นอกจากน้ี ยังมีแผ่นเปลือกโลกท่ีมีขนาดเล็กกว่า ได้แก่ แผ่นอินเดีย แผ่นอาระเบีย
แผน่ แคริบเบยี น แผน่ ฮวนเดฟกู า แผน่ นาสกา แผ่นทะเลฟิลปิ ปินส์ และแผน่ สโกเชยี
การเคลื่อนท่ีของแผ่นเปลอื กโลกนัน้ มีสาเหตมุ าจากการรวมตัวและแตกออกของทวีปเม่ือผ่าน
ช่วงเวลาหนึ่ง ๆ รวมถึงการรวมตัวของมหาทวีปในบางครั้ง ซึ่งได้รวมทุกทวีปเข้าด้วยกัน มหาทวีป
โรดิเนีย (Rodinia) น้ันคาดว่าก่อตัวขึ้นเม่ือหนึ่งพันล้านปีท่ีผ่านมา และได้ครอบคลุมผืนดินส่วนใหญ่
บนโลก จากนั้นจึงเกิดการแตกตัวไปเป็นแปดทวีปเม่ือ 600 ล้านปีที่แล้ว ทวีปท้ังแปดนี้ต่อมาเข้า
มาร่วมตัวกันเป็นมหาทวีปอีกคร้ัง โดยมีชื่อว่า แพงเจีย (Pangaea) และในที่สุด แพงเจียก็แตก
ออกไปเป็นทวีปลอเรเชีย (Laurasia) ซ่ึงกลายมาเป็นทวีปอเมริกาเหนือและยูเรเชีย และทวีป
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 2288
กอนด์วานา (Gondwana) ซ่ึงกลายมาเปน็ ทวีปอืน่ ๆ นอกเหนือจากท่ไี ด้กลา่ วข้างต้น ดังท่ีเห็นกนั อยู่
ทกุ วันน้ี
รูปที่ 4.18 แผนท่ีแสดงแผ่นเปลือกโลก
ทมี่ า : https://th.wikipedia.org/wiki/
การเคลือ่ นท่ีของแผ่นเปลอื กโลกนัน้ มสี าเหตุมาจากการรวมตัวและแตกออกของทวีปเมื่อผ่าน
ช่วงเวลาหน่ึง ๆ รวมถึงการรวมตัวของมหาทวีปในบางครั้ง ซึ่งได้รวมทุกทวีปเข้าด้วยกัน มหาทวีป
โรดิเนีย (Rodinia) นั้นคาดว่าก่อตัวข้ึนเม่ือหนึ่งพันล้านปีท่ีผ่านมา และได้ครอบคลุมผืนดินส่วนใหญ่
บนโลก จากนั้นจึงเกิดการแตกตัวไปเป็นแปดทวีปเม่ือ 600 ล้านปีท่ีแล้ว ทวีปทั้งแปดนี้ต่อมาเข้า
มาร่วมตัวกันเป็นมหาทวีปอีกคร้ัง โดยมีช่ือว่าแพงเจีย (Pangaea) และในที่สุด แพงเจียก็แตก
ออกไปเป็นทวีปลอเรเชีย (Laurasia) ซึ่งกลายมาเป็นทวีปอเมริกาเหนือและยูเรเชีย และทวีป
กอนด์วานา (Gondwana) ซึ่งกลายมาเป็นทวีปอื่น ๆ นอกเหนือจากท่ีได้กล่าวข้างต้น ดังที่เห็นกัน
อยู่ทุกวนั น้ี
การเคลอื่ นท่ขี องแผน่ เปลือกโลก (plate motion) คือลักษณะการเคล่ือนท่ขี องแผ่นเปลือก
โลก 2 แผน่ ทอ่ี ยตู่ ิดกัน สามารถจาแนกได้ออกเป็น 3 รปู แบบ ตามลักษณะการเคล่ือนท่ีสมั พทั ธ์กนั
ระหวา่ งแผ่นเปลอื กโลกท้ังสอง ไดด้ งั ต่อไปน้ี
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 2299
การเคลอื่ นทข่ี องแผ่นเปลือกโลกแบบเคล่ือนผ่านกัน
การเคลอ่ื นทีข่ องแผน่ เปลือกโลกแบบเคล่ือนแยกจากกัน
การเคลือ่ นทข่ี องแผน่ เปลือกโลกแบบชนเข้าหากนั
รูปที่ 4.19 แผนทแ่ี สดงแผ่นเปลือกโลก
ท่ีมา : https://th.wikipedia.org/wiki/
การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี
ธรณีแปรสัณฐาน เป็นการศึกษาด้านธรณีแปรสัณฐาน ท่ีนักธรณีวิทยาตั้งข้อสงสัยไว้หลาย
ร้อยปีมาแล้วถึงลักษณะของพื้นผิวโลกที่มีลักษณะธรณีสัณฐานที่แตกต่างกันไปในแต่ละพ้ืนที่ บ้างก็
เป็นลักษณะเทือกเขาสงู ชนั บ้างก็เป็นที่ราบกินอาณาบริเวณกวา้ งใหญไ่ พศาล หรอื ทรี่ าบในบางแห่ง
ก็เป็นท่ีราบไหล่ทวีปใกล้ชายฝ่ังทะเล บ้างก็พบเกาะกลางมหาสมุทร รวมถึงร่องลึกกลางมหาสมุทร
โดยในช่วงประมาณ ค.ศ. 1960 เมื่อ B.C. Heezen, H.H. Hess และ R.S. Dietz ได้เสนอทฤษฎี
เก่ียวกับการแยกตัวของพื้นมหาสมุทร (Seafloor Spreading) กล่าวถึงการแยกตัวที่พื้นมหาสมุทร
ออกจากกนั เปน็ แนวยาวโดยมีแมกมาจากใต้ชน้ั เปลอื กโลกแทรกข้นึ มาเย็นตัวและแข็งตัว เกิดเป็นพ้ืน
มหาสมุทรใหม่แล้วก็แยกจากกันออกไปอีกเร่ือยๆ นอกจากนั้นยังมีการพูดถึงการหดตัวของโลกอัน
เนื่องมาจากการสูญเสียพลังงานความร้อนทาให้การหดตัวเกิดขึ้นไม่เท่ากันในแต่ละบริเวณ บริเวณที่
มีการหดตัวมากอาจเป็นเป็นร่องลึก อยู่ต่าลงไป แต่บริเวณที่มีการหดตัวน้อยก็อาจเห็นเป็นเทือกเขา
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 3300
สูงได้เนื่องจากบริเวณโดยรอบมีการหดตัวท่ีมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่สามารถอธิบายถึงแนว
รอ่ งหุบเขาที่เกิดข้ึนได้ นักธรณีวทิ ยายังคงศึกษาถึงเหตกุ ารณ์ต่างๆอยา่ งต่อเนอื่ ง เช่น สนามแม่เหล็ก
โลกโบราณ ซากดึกดาบรรพ์ต่างๆท่ีแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก ทาให้ปัจจุบันได้มีการกล่าวถึง
ทฤษฎีอยู่ 2 ทฤษฎี ท่จี ะมาอธิบายเหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ไดแ้ ก่
1. ทฤษฎีทวปี เลอ่ื น (Continental Drift)
2. ทฤษฎีแผ่นเปลอื กโลกเคล่ือนที่ (Plate Tectonics)
ในค.ศ. 1620 ฟรานซิส เบคอน ได้ตั้งข้อสังเกต ถึงการท่ีสองฟากมหาสมุทรแอตแลนติกมี
ลักษณะสัณฐานวิทยาท่ีสอดคล้องกันต่อมา P.Placet 1668 พยายามอธิบายว่าสองฟากมหาสมุทร
แอตแลนติกน่าจะเชื่อมกันมาก่อน แต่ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลใดสนับสนุน นอกจากอาศัยลักษณะ
คล้ายคลึงสอดคล้องกันของชายฝ่ังมหาสมุทรเท่านั้น จากน้ันในปี 1858 Antonio Sniderได้อาศัย
ขอ้ มูลช้ันหินในยุค Carboniferous ในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือมาเชื่อมโยงกันซึ่งสามารถสรุปได้
วา่ ก่อนหน้านท้ี วีปท้งั หมดเคยเป็นทวีปผนื เดยี วกันมากอ่ น แล้วจงึ คอ่ ยๆ แยกออกจากกนั ในภายหลัง
ในปี 1908 Frank B. Taylor ได้อธิบายถึงของการท่ีมหาทวีป 2 ทวีปซ่ึงเคยวางตัวอยู่ใกล้ข้ัวโลก
เหนือและใต้แยกออกเป็นทวีปเล็กๆ และเคลื่อนที่มาในทิศเข้าหาเส้นศูนย์สูตร นั่นคือมหาทวีปลอเร
เซีย (Laurasia) ซ่ึงอยู่ทางเหนือและมหาทวีปกอนด์วานา (Gondwanaland) ซ่ึงอยู่ทางใต้ โดยเป็น
การเคล่ือนท่ีของเปลือกโลกไซอัลเท่าน้ัน ต่อมาในปี 1910 Alfred Wegene ได้สร้างแผนที่มหาทวีป
ใหม่ โดยอาศยั รูปรา่ งแผนที่ของ Snider และต้ังช่ือว่ามหาทวปี พันเจีย ซงึ่ ถกู ล้อมรอบด้วยมหาสมุทร
พันธาลาสซา (Panthalassa) แล้วเกิดการแยกออกและเคลื่อนที่ไปอยู่ ณ ตาแหน่งท่ีเห็นอยู่ใน
ปัจจุบัน โดยขณะเคล่ือนที่ก็เกิดเทือกเขาขึ้น ต่อมา Taylor ได้อธิบายว่ารอยชิ้นทวีปที่ขาดหล่น
ปรากฏเปน็ เกาะแก่ง หรอื รอยฉีกท่ีพบเปน็ ร่องลกึ ยังปรากฏอยบู่ นพืน้ มหาสมุทร
รปู ท่ี 4.20 แผนท่แี สดงแผน่ เปลือกโลก
ท่ีมา : https://sites.google.com/site/maneeprapayotakaree10219/6
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 3311
เม่ือกว่าหลายทศวรรษท่ีผ่านมา นักธรณีวิทยาได้ให้ข้อสังเกตไว้ว่าแผ่นทวีปต่างๆ บนโลกนั้น
น่าจะสามารถนามาต่อกันได้เพราะแผ่นทวีปเหล่านี้เคยเป็นแผ่นเดียวกันมาก่อน จากการสังเกตครั้ง
นน้ั ร่วมกบั การค้นพบซากดกึ ดาบรรพ์ชนดิ เดยี วกันบนชายฝั่งอเมรกิ าเหนือและแอฟริกาในเวลาต่อมา
ในช่วง 1950s ถึง 1960s นักธรณีวิทยาได้มีการศึกษาทางสุมทรศาสตร์อย่างจริงจังเพื่อหา
ข้อสนับสนุนแนวความคิดต่างๆ ในอดีต และได้ก่อให้เกิดทฤษฎีของเพลตเทคโทนิก (Plate
Tectonics) ข้ึนในเวลาต่อมา ทฤษฎีดังกล่าวอธิบายว่าการเคลื่อนท่ีของแผ่นเปลือกโลก (Plates)
นั้นสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพื้นผิวโลกตลอดช่วงธรณีกาล แผ่นเปลือกโลก Lithosphere
(ซึ่งประกอบด้วยเปลือกโลกและแมนเทิลส่วนบน) ลอยตัวและไหลอยู่บนชั้นหินหนืด (ชั้นแมนเทิล
ท่ีสามารถไหลได้คล้ายของเหลวเรียกว่า Asthenosphere) สามารถเคล่ือนไปได้ประมาณ
หนึ่งน้ิวต่อปี และก็ได้เป็นคาตอบของสาเหตทุ ่ีทาใหแ้ ผ่นเปลือกโลกเคล่ือนทน่ี ่ันเอง โดยนักธรณีได้ให้
ข้อสรุปไว้ว่าแผน่ เปลอื กโลกสามารถเคลอื่ นท่ีไดส้ ามแบบได้แก่
1. เคลื่อนที่แยกออกจากกัน (Divergent)
2. เคลื่อนทเ่ี ขา้ ชนกัน (Convergent)
3. เคลื่อนผ่าน (Transform)
เคลอ่ื นที่แยกออกจากกนั
เม่ือแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนท่ีแยกออกจากกัน ที่บริเวณแนวแผ่นเปลือกโลกแยกตัว
(Divergent Boundaries) หินหนืดร้อน (Hot Magma) จากชั้นแมนเทิลจะแทรกตัวขึ้นมาตาม
ช่องว่างตามแนวรอยแตก เมื่อหินหนืดเย็นตัวก็จะกลายเป็นแผ่นเปลือกโลกใหม่ การแทรกตัวข้ึนมา
ของหินหนืดจะทาให้แนวแยกตัวนั้นสูงข้ึนกลายเป็นแนวเทือกเขากลางมหาสมุทร (Mid-Ocean
Ridges) แสดงถึงขอบของแผ่นเปลือกโลกในมหาสมุทร เปลือกโลกใหม่ท่ีถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องมี
อตั ราเรว็ ในการเกิดประมาณ 20 ลูกบาศกก์ ิโลเมตรต่อปี
แนวเทอื กเขากลางสมทุ ร
มีลักษณะเป็นแนวเทือกเขาเตี้ยวางตัวทอดยาวไปบนพื้นมหาสมุทรคล้ายกับเทือกเขาบน
ทวปี เทอื กเขากลางสมุทรที่สาคัญได้แก่ Mid-Atlantic Ridge และ East Pacific Rise เป็นตน้ กลาง
เทือกเขามีลักษณะพิเศษคือมีร่องลกึ อนั เกดิ จากรอยเลื่อนทอดตัวตลอดความยาวของเทอื กเขา โดยมี
ลักษณะคล้ายคลึงกับร่องหุบเขาท่ีปรากฏอยู่บนแผ่นดินหลายแห่ง เช่น ร่องหุบเขาทางด้าน
ตะวันออกของทวีปแอฟริกา หรือร่องหุบเขาบริเวณแม่น้าไรน์ในยุโรป เป็นต้น บนเทือกเขากลาง
สมุทรมีการยกตัวข้ึนมาของหินหลอมละลายที่ลึกลงไปในชั้นเน้ือโลกทาให้เกิดเป็นหินอัคนีพุจาพวก
Basalt และ Ultramafic หินอคั นีพุเหล่านี้แสดงหลกั ฐานเปน็ แถบบันทกึ สนามแม่เหล็กโลกซ่ึงเกดิ ข้ึน
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 3322
ขณะที่หนิ หลอมละลายกาลังเย็นตวั แถบบนั ทึกน้ีแสดงใหเ้ หน็ ว่าสนามแม่เหล็กโลกได้เกดิ การกลบั ข้ัว
ไปมาตลอดเวลา นอกจากนี้ยงั พบว่าแถบบันทึกสนามแม่เหล็กโลกนป้ี รากฏอยู่บนหนิ ที่ประกอบเป็น
พื้นมหาสมุทรทั้งสองฟากของเทือกเขากลางสมุทรด้วย และพบว่ายิ่งห่างออกไปจากแนวกลางของ
เทือกเขาชุดหินจะมีอายุแก่ข้ึนเรื่อย ๆ ดังน้ันจึงอธิบายได้ว่าหินเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนที่กลางเทือกเขา
แล้วค่อยเคล่ือนที่ออกจากกันเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา จากการคานวณการเคลื่อนที่ทาให้กาหนด
ความเร็วของการแยกตัวได้ว่าอยู่ระหว่าง 1 ถึง 15 เซนติเมตรต่อปี ดังน้ันเราสามารถระบุขอบของ
แผน่ เปลอื กโลกในส่วนท่กี าลังแยกตวั ออกจากกันจากบรเิ วณเทือกเขากลางสมุทรได้
เคลือ่ นท่เี ขา้ ชนกนั
เมื่อแผ่นเปลือกโลกมหาสมุทรใหม่มีการเย็นตัวเป็นเวลากว่าสิบล้านปี ความหนาแน่นก็จะ
คอ่ ยๆ เพิ่มมากข้ึนจนมีความหนาแน่นมากกว่าช้ันหินหนืดท่ีอยู่ด้านลา่ ง จากน้ันจึงมุดตวั ลงไปใต้โลก
เรียกวา่ Subduction การมุดตัวน้จี ะเกิดขึน้ ในบริเวณแนวแผ่นเปลือกโลกลู่เข้าหากัน (Convergent
Plate Boundaries) ซ่ึงแผ่นเปลือกโลกทั้งสองแผ่นมีการเคลื่อนท่ีเข้าชนกัน แผ่นเปลือกโลก
มหาสมุทรท่ีมีความหนาแน่นมากกว่าจะเข้าชนและมุดตัวใต้แผ่นเปลือกโลกภาคพื้นทวีปท่ีความ
หนาแน่นน้อยกว่า เม่ือแผ่นเปลือกโลกมุดตัวลงไปในโลก จะเกิดการบีบอัดและหลอมเป็นบางส่วน
(Partially Melting) เน่ืองจากอุณหภูมิและความดันที่สูงข้ึน ทาให้เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟ ขึ้น
เหนอื บริเวณทีม่ กี ารมุดตวั โดยการเคลื่อนที่แบบ Convergence จะทาให้เกดิ ลักษณะธรณีสัณฐาน 3
แบบ ไดแ้ ก่
1. การสร้างเทือกเขา
แรงดันจากการมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกมหาสมุทรทาให้แผ่นเปลือกภาคพื้นทวีปท่ีมี
ความหนาแน่นน้อยกว่าท่ีเคล่ือนที่ต้านแรงดังกล่าวเกิดการโก่งตัวเกิดเป็นแนวเทือกเขาขนาดใหญ่
(Mountain Ranges) เช่น เทือกเขาหิมาลยั เทอื กเขารอ๊ กก้ี
2. รอ่ งลึกมหาสมุทรและหมูเ่ กาะ
เมื่อแผ่นเปลือกโลกมหาสมุทรสองแผ่นเคล่ือนที่ชนกันและการมุดตัว บริเวณท่ีมีการมุด
ตัวจะเกิดร่องลึกมหาสมุทร (Oceanic Trenches) และแนวหมู่เกาะภูเขาไฟ (Volcanic Island
Chains)
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 3333
3. ร่องลกึ ก้นสมุทร
ร่องลึกน้ีถูกพบที่ใต้มหาสมุทรใกล้ขอบของทวีป และมักพบว่ามีแนวเกาะภูเขาไฟรูปโค้ง
อยู่ด้านอยู่ใกล้ขอบทวีป หินภูเขาไฟท่ีเกิดข้ึนตามแนวเกาะภูเขาไฟน้ีเป็นจาพวกหิน Andesite
ซึ่งแตกต่างไปจากหินอัคนีที่เกิดบริเวณเทือกเขากลางสมุทรที่ส่วนใหญ่เป็นหิน Basalt นอกจากนั้น
บริเวณน้ียังพบว่าเป็นบริเวณที่มีความร้อนสูงและมีการเกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยคร้ัง พบว่าตาแหน่ง
จุดกาเนิดแผ่นดินไหว มีลักษณะเอียงเทลงไปจากแนวร่องลึกลงไปถึงช้ันฐานธรณีภาค ท่ีประมาณ
ความลึกถึง 700 กิโลเมตร เรียกแนวแผ่นดินไหวเอียงเทนี้ว่าเขตเบนนิออฟ (Benioff Zones)
จากการศึกษากลไกการเกิดแผ่นดินไหวที่พบในท่ีลึกพบว่ามีแผ่นดินไหวจานวนหนึ่งน่าจะเกิดจ าก
รอยเลือ่ นทมี่ ีลักษณะสอดคล้องกับการเอียงของ Benioff Zone โดยแสดงเป็นลักษณะของรอยเลอื่ น
ย้อน ดังนั้นจึงเกิดเป็นสมมติฐานว่าบริเวณนี้แผ่นเปลือกโลกกาลังมุดตัวเอียงลง และถูกกลืนหายไป
ในชั้นฐานธรณีภาค ขณะเดียวกันแนวเกาะภูเขาไฟและเขตความร้อนพิภพสูงก็อธิบายว่าได้เกิดการ
หลอมตัวของแผ่นเปลือกโลกในที่ลึกจนกลายเป็นมวลหินหลอมเหลว ซึ่งมวลหินหลอมเหลวค่อยๆ
หาทางเคล่อื นทีข่ ึ้นข้างบนมาเย็นตัวเป็นมวลหินอคั นที ้ังหินอคั นีพุและหินอคั นีแทรกดนั นอกจากน้ใี น
บรเิ วณใกลเ้ คียงทีข่ อบของแผ่นเปลอื กโลกด้านใดด้านหน่ึงหรือทั้งสองดา้ นน่าจะเกิดการเขา้ ชนกันทา
ให้เกิดการคดโค้งโก่งงอพร้อมกับรอยเลื่อนย้อนมากมายจนทาให้วัสดุถูกยกตัวขึ้นเป็นแนวแคบยาว
ขนานไปตามแนวชนกนั ของขอบแผ่นเปลือกโลกนัน่ คือการเกิดเปน็ แนวเทือกเขาน่นั เอง
เคลื่อนผา่ น
แผ่นเปลือกโลกมีการเคลื่อนท่ีผ่านซ่ึงกันและกันในบริเวณแนวรอยเลื่อนแปรสภาพ
(Transform Boundaries) มักพบในแผ่นเปลือกโลกมหาสมุทร ซ่ึงเป็นสาเหตุทาให้แนวเทือกเขา
กลางมหาสมุทรเลื่อนเหลื่อมออกจากกัน บางบริเวณก็พบว่าตัดผ่านแผ่นเปลือกโลกภาคพื้นทวีปด้วย
ในมหาสมุทรแนวดังกล่าวนี้มักจะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวกาลังไม่มากอยู่เป็นประจา ส่วนในภาคพื้น
ทวีปแนวดังกล่าวมักถูกจากัดทาให้เกิดการสะสมพลังงานและก่อให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในเวลา
ตอ่ มาเมือ่ เกิดการเลอ่ื นอยา่ งฉับพลนั ซงึ่ ก่อให้เกดิ ความเสียหายได้ ดังเชน่ รอยเลื่อนซานแอนเดียส
รอยเลื่อนระนาบด้านข้าง
เป็นลักษณะของรอยเลื่อนแนวระดับ (Strike-Slip Fault) ซึ่งพบตัดแนวเทือกเขากลาง
สมุทรและทาให้แนวเทือกเขาเหลื่อมกันและจากข้อมูลแผ่นดินไหวพบว่า แนวรอยเล่ือนนี้อยู่ลึก
ประมาณ 300 กิโลเมตร รอยเลื่อนชนิดน้ียังไม่ทราบถึงสาเหตุของการเกิด แต่สามารถใช้ระบุ
ขอบเขตของแผ่นโลกท่ีเกิดได้รวมท้ังบอกถึงการเคลื่อนตัวเฉียดผ่านกันของแผ่นเปลือกโลกท่ีอยู่ชิด
กนั ด้วย
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 3344
บตั รกจิ กรรมท่ี 4.1
เร่ือง การเคลอ่ื นท่ขี องแผน่ ธรณี
จดุ ประสงคก์ จิ กรรม
อธิบายสาเหตทุ ี่ทาใหแ้ ผน่ ธรณีเคลอื่ นทโ่ี ดยใชแ้ บบจาลอง
วสั ดุ-อุปกรณ์ จานวน / หนว่ ย
ท่ี รายการ 700 มลิ ลิลิตร
1 น้ามนั พชื
2 แผน่ วัสดเุ บา ลอยบนน้ามันได้ และทนความร้อน เช่น แผ่นโฟม 2 แผ่น
บาง ไมบ้ ัลซา ขนาด กวา้ ง 4 เซนตเิ มตร ยาว 8 เซนตเิ มตร
3 บกี เกอร์ขนาด 1,000 มลิ ลิลติ ร 1 ใบ
4 ผงวัสดทุ ีแ่ ขวนลอยอยู่ได้ในนา้ มัน เชน่ ผงพริกป่น ขีเ้ ลื่อย
5 ชดุ ตะเกียงแอลกอฮอล์ 1 ชดุ
6 แท่งแกว้ คนสาร 1 แท่ง
7 ชอ้ น 1 คัน
* หมายเหตุ : ศึกษาวธิ ีทากจิ กรรมได้จาก QR Code
วิธีการทากิจกรรม
1. เทน้ามนั พืชลงในบีกเกอร์ และนา้ บีกเกอรต์ งั้ บนชดุ ตะเกยี งแอลกอฮอล์
2. ใสผ่ งวสั ดลุ งตรงกลางบีกเกอรใ์ ช้แท่งแก้วกดให้ผงวัสดแุ ขวนลอยอยใู่ นช้นั นา้ มนั พืช
3. วางแผ่นโฟมท่ีตัดเป็นรูปร่างของแผ่นธรณี 2 แผ่น โดยวางให้ชิดกันและ อยู่ตรงกลาง
ของบกี เกอร์
4. สงั เกตการเคลื่อนท่ีของผงวัสดุและแผ่นโฟมก่อนจดุ ไฟ
5. จุดไฟท่ตี ะเกยี งแอลกอฮอล์
6. สังเกตการเคลื่อนที่ของผงวัสดุและแผ่นโฟม และบันทึกผลการสังเกต โดยวาดภาพ
และเขยี นบรรยาย
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 3355
ผลการทากจิ กรรม
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
คาถามทา้ ยกจิ กรรม
1. เมื่อให้ความร้อนกับน้ามัน น้ามันและแผ่นโฟมมีการเปล่ียนแปลงอย่างไร สังเกตได้จาก
ส่งิ ใด
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. นาน้ามันมันพืช แผ่นโฟม และความร้อนท่ีให้ในกิจกรรมเปรียบเทียบได้กับอะไรใน
ธรรมชาติ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 3366
3. กิจกรรมนีเ้ ปรียบกบั การเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณไี ด้อยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 3377
บตั รกจิ กรรมที่ 4.2
แผนผงั มโนทัศน์ เร่อื ง การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี
คาชี้แจง ให้นักเรียนสรปุ ความรทู้ ี่เกย่ี วกบั “การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี” เป็นแผนผงั มโนทัศน์
(Concept Mapping) ในกระดาษท่แี จกใหแ้ ล้วนาเสนอผลงานหน้าช้นั เรียน
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 3388
บตั รกิจกรรมท่ี 4.3
ถอดบทเรียน เร่ือง การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี
คาชี้แจง ให้นักเรียนถอดบทเรียนท่ีเกี่ยวกับ “การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี” ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงเป็น ในกระดาษชาร์ตที่กาหนดให้แล้วนาเสนอผลงาน โดยนาไปติดป้ายนิเทศ
หน้าชั้นเรียน
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 3399
แบบฝกึ หดั
เร่อื ง การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี
1. แผน่ ทวปี ใดทด่ี ูเหมือนว่าเคยเปน็ แผน่ ดินเดยี วกันมาก่อน เพราะเหตุใด
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. การคน้ พบซากดึกดาบรรพ์ของพชื ตระกลู เฟนิ ท่ีชื่อ กลอสซอพเทอรสิ ในแผน่ ดนิ ของทวีปแอฟริกา
เอเชียและออสเตรเลยี สามารถบอกอะไรเกี่ยวกับความเปน็ มาของแผน่ ทวีปได้บ้าง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. จากภาพในหนังสือเรยี นหน้า 60 จงอธิบายเกีย่ วกบั เปลือกใต้มหาสมทุ รตามความเขา้ ใจ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. เพราะเหตุใด ปรากฏการณภ์ เู ขาไฟระเบิดและแผน่ ดินไหว มกั เกิดตามแนวการมุดตวั ของแผน่
ธรณีภาค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ที่ 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 4400
6. นักเรยี นมคี วามเขา้ ใจเกี่ยวกับทฤษฎกี ารแปรสณั ฐานแผน่ ธรณีภาคอย่างไรบ้าง จงอธบิ าย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
7. รอยคดโค้ง รอยแตก รอยเลือ่ นในหิน มีลักษณะเหมอื นกันหรอื ไม่ เกดิ ข้นึ ได้อย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
8. จากการศึกษาแผนที่โลก ภูมิประเทศของโลกมีลกั ษณะอยา่ งไรบ้าง และลกั ษณะเหล่านนั้ เกิดข้ึน
ได้อย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 4411
แบบทดสอบหลังเรียน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
เรือ่ ง การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี
รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104
คาชแ้ี จง 1. แบบทดสอบฉบบั น้ี จานวน 10 ขอ้ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลาทใี่ ช้ 10 นาที
2. จงเลือกคาตอบที่ถกู ต้องท่ีสดุ แลว้ เขียนเครอ่ื งหมาย ลงในกระดาษคาตอบ
1. แผน่ ดินของทวีปอเมริกากบั ทวีปยโุ รป และทวีปแอฟริกา แยกห่างกันมากขึ้นตลอดเวลา
เพราะสาเหตุใด
ก. เกดิ การแทรกตัวของภูเขาไฟและแผน่ ดินในบริเวณชนั้ น้บี ่อยครง้ั
ข. แผน่ เปลือกโลกเคล่ือนที่เนื่องจากการไหลของแมกมาในช้ันเนอื้ โลก
ค. หนิ หนดื ในชน้ั เนอื้ โลกดันแทรกข้ึนมาตามรอยแตกระหว่างเปลือกโลก
ง. ข้อ ก. และ ข. ถกู
2. ทฤษฎีท่ีใช้อธิบายถึงกาเนิดของแผ่นดิน มหาสมุทร และสิ่งมีชีวิตทต่ี ายทับถม อยู่ในหินบน
เปลอื กโลก คือขอ้ ใด
ก. ทฤษฎกี ารเล่อื นไหลของทวีป
ข. ทฤษฎีการขยายตัวของพนื้ ทวีป
ค. ทฤษฎกี ารแปรสณั ฐานแผน่ ธรณภี าค
ง. ทฤษฎกี ารขยายตัวของพื้นมหาสมทุ ร
3. จากการพบหนิ บะซอลต์ทร่ี อยแยกบรเิ วณเทือกเขากลางมหาสมทุ ร แอตแลนติก อายุของ
หนิ อยบู่ รเิ วณดงั กลา่ วเป็นอยา่ งไร
ก. หนิ บะซอลต์ท่อี ยู่ไกลจากรอยแยกมีอายนุ ้อยกว่าหนิ บะซอลต์ ทีอ่ ย่ใู กล้รอยแยก
ข. หินบะซอลต์ทอี่ ยู่ไกลจากรอยแยกมีอายมุ ากกว่าหินบะซอลต์ ที่อยู่ใกลร้ อยแยก
ค. หินบะซอลต์ทอี่ ยู่ไกลจากรอยแยกมีอายุนอ้ ยกว่าหนิ บะซอลต์ ทอ่ี ย่ใู นรอยแยก
ง. ขอ้ ข. และ ค. ถูก
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแก้งเหนอื พทิ ยาคม
ชดุ ท่ี 4 การแประสณั ฐานของแผน่ ธรณี 4422
4. เทือกเขาแอลปใ์ นทวีปยุโรป เกิดจากแผน่ ธรณีภาคใด
ก. แผน่ ธรณีภาคพนื้ ทวีปกับแผน่ ธรณภี าคพ้ืนทวปี
ข. แผน่ ธรณภี าคใตม้ หาสมุทรกับแผน่ ธรณีใตม้ หาสมทุ ร
ค. แผน่ ธรณภี าคใต้มหาสมุทรกับแผ่นธรณีภาคพ้ืนทวปี
ง. แผ่นธรณภี าคใต้มหาสมุทรกบั แผ่นธรณีภาคใต้มหาสมุทร
5. สนามแมเ่ หล็กโลกโบราณใชเ้ ป็นหลกั ฐานเพ่อื พสิ ูจนท์ ฤษฎอี ะไร
ก. การแปรสัณฐานแผน่ ธรณภี าค
ข. การเคล่ือนทขี่ องแผน่ ธรณีภาค
ค. แม่เหลก็ โลกในปจั จุบัน
ง. ข้อ ก. และ ข. ถกู
6. ปัจจุบันแผ่นเปลอื กโลกท่ีรองรบั ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และทวปี แอฟรกิ า มีการเคลอ่ื นที่
อย่างไร
ก. เคล่อื นทีเ่ ขา้ หากนั
ข. เคลื่อนทีแ่ ยกออกจากกัน
ค. เคล่ือนทใี่ นทิศที่แตกตา่ งกัน
ง. ยงั ไม่มีการเคล่ือนท่ีแต่อย่างไร
7. สาเหตุทีท่ าใหเ้ ปลือกโลกเคล่อื นท่ี คือข้อใด
ก. การไหลของหินหนืดในชั้นเนื้อโลก
ข. การประทุของหนิ แข็งในช้ันเปลอื กโลก
ค. การเคล่อื นท่ีของแรธ่ าตใุ นแก่นโลกช้นั ใน
ง. การแทรกตัวขึ้นมาของแรธ่ าตุจากแก่นโลกชั้นนอก
8. ผืนแผ่นดินแผ่นเดียวกันบนโลกต่อมาแยกเปน็ ทวปี ใหญ่ 2 ทวปี คือข้อใด
ก. เอเชียและยโุ รป
ข. ยุโรปและอเมริกา
ค. ออสเตรเลียและอัฟริกา
ง. ลอเรเซยี และกอนดว์ านา
โดย : นางมงคล จนั ทราภรณ์ ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นแกง้ เหนอื พทิ ยาคม