The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookchon, 2024-05-23 13:42:53

พว11001

พว11001

201 5) คีมปอกสายใชส้า หรับปอกฉนวนของสายไฟฟ้า สายเกลียวอ่อน และสายส่ง กา ลงัไฟฟ้าคีมปอกฉนวนจะใชก้บัสายไฟที่มีขนาดของลวดตวันา เฉพาะเท่าน้นัคีมปอกสายควรหุม้ดว้ย ฉนวน เช่น พลาสติกเพื่อป้องกนัไฟฟ้ารั่ว หรือไฟฟ้าดูด 2.4 สว่าน ใชใ้นการเจาะยดึอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สวิตซ์ โคมไฟฟ้ า แป้ นไม้ ซึ่งยึดด้วยน๊อต หรือสกรูจา เป็นตอ้งเจาะรูการเจาะสามารถทา ไดโ้ดยใชส้วา่น หรือบิดหล่า สวา่นที่ใชม้ี3แบบ คือ 1) สวา่นขอ้เสือ 2) สวา่นเฟือง 3) สวา่นไฟฟ้า การเลือกใชส้วา่น และดอกสวา่น ควรเลือกใชใ้หเ้หมาะสมกบัขนาดของอุปกรณ์ ไฟฟ้าและขนาดของงาน การเจาะประเภทเบา ๆ เช่น การเจาะแป้นไม้สามารถใชส้วา่นเฟือง หรือสวา่น ขอ้เสือได้ถา้เป็นการเจาะโลหะ หรือคอนกรีต หรือพ้ืนปูน ตอ้งใชส้วา่นไฟฟ้า


202 2.5 ค้อน ใช้ในงานตอกตะปู เพื่อยึดเข็มขัดรัดสาย (clip) ใหต้ิดกบัผนงัหรืองานนา ศูนย์ สา หรับการเจาะโลหะคอนกรีต พ้ืนปูน คอ้นที่ใชจ้ะมีขนาด และน้า หนกัแตกต่างกนัแต่ที่นิยมใชจ้ะมี น้า หนกั200กรัม ข้อควรระวัง ในการใชง้านหวัคอ้นจะตอ้งอดัเขา้กบัดา้มคอ้นที่เป็นไมใ้หแ้น่น และหวัคอ้นจะตอ้ง ผา่นการชุบผวิแขง็มาเรียบร้อยแลว้ 3.วสัดุอุปกรณ์ทใี่ช้ในวงจรไฟฟ้า 3.1 สายไฟ เป็นอุปกรณ์สา หรับส่งพลงังานไฟฟ้าจากที่หน่ึงไปยงัอีกที่หน่ึงโดยกระแสไฟฟ้า จะนา พลงังานไฟฟ้าผา่นไปตามสายไฟจนถึงเครื่องใชไ้ฟฟ้า สายไฟทา ดว้ยสารที่มีคุณสมบตัิเป็นตัวน า ไฟฟ้า (ยอมใหก้ระแสไฟฟ้าไหลผา่นไดด้ี) ไดแ้ก่ 1) สายไฟแรงสูง ทา ดว้ยอะลูมิเนียม เพราะอะลูมิเนียมมีราคาถูกและน้า หนกัเบากวา่ ทองแดง 2) สายไฟทวั่ ไป (สายไฟในบา้น) ทา ดว้ยโลหะทองแดง เพราะทองแดงมีราคาถูกวา่ โลหะ เงิน ก. สายทนความร้อน มีเปลือกนอกเป็ นฉนวนที่ทนความร้อน เช่น สายเตารีด ข. สายคู่ใช้เดินในอาคารบ้านเรือน ค. สายคู่มีลกัษณะอ่อน ใช้กบัเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น วทิยุ โทรทัศน์ ง. สายเดี่ยว ใช้เดินในท่อร้อยสาย


203 3.2 ฟิ วส์ เป็นอุปกรณ์ที่ทา หนา้ที่ป้องกนัไม่ใหก้ระแสไฟฟ้าไหลผา่นเขา้มามากเกินไป ถา้มี กระแสผา่นมามากฟิวส์จะตดัวงจรไฟฟ้าโดยอตัโนมตัิฟิวส์ทา ดว้ยโลหะผสมระหวา่งตะกวั่กบัดีบุก และบิสมทัผสมอยู่ซ่ึงเป็นโลหะที่มีจุดหลอดเหลวต่า มีความตา้นทานสูงและมีรูปร่างแตกต่างกนัไป ตามความต้องการใช้งาน 3.3 สวิตซ์ เป็นอุปกรณ์ที่ตดัหรือต่อวงจรไฟฟ้าในส่วนที่ตอ้งการ ทา หนา้ที่คลา้ยสะพานไฟ โดยต่ออนุกรมเขา้กบัเครื่องใชไ้ฟฟ้า สวติซ์มี2 ประเภท คือ สวติซ์ทางเดียวและสวติซ์สองทาง 3.4 สะพานไฟ เป็นอุปกรณ์สา หรับตดัหรือต่อวงจรไฟฟ้า ประกอบดว้ยฐาน และคนโยกที่มี ั ลกัษณะเป็นขาโลหะ2ขา ซ่ึงมีที่จบัเป็นฉนวน เมื่อสับคนัโยกลงไปในช่องที่ทา ดว้ยตวันา ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าจากมาตรไฟฟ้าจะไหลเขา้สู่วงจรไฟฟ้าและเมื่อยกคนัโยกข้ึนกระแสไฟฟ้าจะหยดุไหล


204 3.5 สตาร์ตเตอร์ (Starter) หมายถึงอุปกรณ์นอกเหนือสวิตช์หลกัทา หนา้ที่ต่อหรือตดัวงจรอุ่น ไส้ก่อนของหลอด สตาร์ตเตอร์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประเภท 1 สตาร์ตเตอร์ไม่มีขีดจา กดัระยะเวลาการทา งาน ประเภท 2 สตาร์ตเตอร์มีขีดจา กดัระยะเวลาการทา งาน ซ่ึงแบ่งเป็น 3 ชนิด ดงัต่อไปน้ี 1) ชนิดไม่สามารถต้งัใหม่ได้ 2) ชนิดต้งัใหม่ได้ 3) ชนิดต้งัใหม่ไดอ้ตัโนมตัิโดยการกระตุ้นด้วยสวิตช์หลัก หรือวิธีการอื่นๆ ที่ออกแบบไว้โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อการจุดหลอด 3.6 บัลลาสต์(Ballast) ทา หนา้ที่เพิ่มความต่างศกัยไ์ฟฟ้า มีความตา้นทานต่อไฟฟ้ากระแสสลบั สูง บลัลาสตท์ ี่ใชแ้บ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ1.บลัลาสตแ์ม่เหล็กไฟฟ้า 2.บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ 1) บัลลาสต์แม่เหล็กไฟฟ้ า (Electromagnetic Ballast) เป็ นบัลลาสต์ที่ใช้ขดลวดพันรอบแกน เหล็กเพื่อท างานเป็ น Reactor ต่ออนุกรมกบัหลอด ภาพแสดงบลัลาสตแ์ม่เหล็กไฟฟ้า 2) บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์(Electronic Ballast) เป็ นบัลลาสต์ที่ใช้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ท างาน จะมีราคาค่อนขา้งแพง แต่มีขอ้ดีกวา่บลัลาสตแ์ม่เหล็กไฟฟ้าหลายขอ้คือ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ หลอด ไม่เกิดการกระพริบหรือเกิดแสงวาบ สามารถเปิดติดทนัทีไม่ตอ้งใชส้ตาร์ตเตอร์เพิ่มอายกุารใช้ งานของหลอด และไม่ตอ้งปรับปรุงเรื่องตวัประกอบกา ลงั (Power Factor P.F.) นอกจากน้ียงัไม่มีเสียง รบกวน และน้า หนกัเบาอีกดว้ย


205 ภาพแสดงบัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ 3.7 มิเตอร์ไฟฟ้ า เราสามารถตรวจสอบกระแสไฟฟ้ าในเส้นลวดได้โดยแขวนแท่งแม่เหล็กใกลๆ้เส้นลวด แล้ว สังเกตการเบนของแท่งแม่เหล็ก แนวความคิดน้ีนา ไปสู่การสร้างเครื่องวดั(มิเตอร์)การเบนของเข็มบน สเกลจะบอกปริมาณของกระแสไฟฟ้าเป็นเครื่องวดัความต่างศกัยไ์ฟฟ้าได้ แกลแวนอมิเตอร์ (Galvanometer) เป็ นเครื่องมือที่ใช้ตรวจหากระแสตรงใช้หลักการของผล ทางแม่เหล็ก เครื่องมือที่ง่ายที่สุด คือเข็มทิศวางไวใ้กลเ้ส้นลวดเพื่อตรวจดูว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน เส้นลวดหรือไม่แกลแวนอมิเตอร์แบบขดลวดเคลื่อนที่ใช้หลักการผลทางมอเตอร์ในการแสดงการเบน ของเข็ม แอมมิเตอร์ (Ammeter) เป็ นเครื่องมือใช้วัดกระแสไฟฟ้ า ท าด้วยแกลแวนอมิเตอร์ชนิดขดลวด มีการออกแบบทา ให้เข็มเบนไปตามสเกลในการวดักระแสไฟฟ้าค่าสูงๆ ตอ้งเพิ่มชันต์เขา้ไปเพื่อให้ กระแสไฟฟ้าสูงทา ใหเ้ขม็เบนเตม็สเกลใหม่ โวลต์มิเตอร์ (Voltmeter) เป็นเครื่องมือที่ใชว้ดัความต่างศกัยไ์ฟฟ้าระหวา่งจุด 2 จุด ท าจากแกล แวนอมิเตอร์ที่ต่ออนุกรม กบัความตา้นทานสูงความต่างศกัยข์นาดหน่ึงให้กระแสไฟฟ้าที่ทา ให้เข็มเบน ไปเต็มสเกล ในการวดัความต่างศกัยสูงมากๆ์ ต้องใช้มัลติไพลเออร์ มัลติมิเตอร์ (Multimeter) เป็นแกลแวนอมิเตอร์ที่ต่อกบัชนัต(์ดูแอมมิเตอร์)และมลัติไพลเออร์ (ดูโวลตม์ ิเตอร์)ใชว้ดักระแสไฟฟ้าและความต่างศกัยไ์ฟฟ้า มิเตอร์ชนิดแท่งเหล็กเคลื่อนที่(Moving iron meter) เป็ นมิเตอร์ที่ใช้วัดกระแสไฟฟ้ าซึ่งท าให้ เกิดการเหนี่ยวนา แม่เหล็กในแท่งเหล็ก2 อนัดูดหรือผลกักนัทา ใหเ้กิดการเบนของแท่งเหล็กน้นั


206 4.การต่อวงจรไฟฟ้ า วงจรไฟฟ้าเป็นเส้นทางเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้าการเคลื่อนที่จะเกิดข้ึนไดจ้ะตอ้งมี แหล่งกา เนิดพลงังานไฟฟ้าต่อเชื่อมเขา้กบัเส้นลวดตวันา และอุปกรณ์ไฟฟ้าหน่ึง หรือสองชนิด เช่น สวิตซ์ความต้านทาน แอมมิเตอร์โวลด์มิเตอร์ หรือหลอดไฟฟ้ า เป็ นต้น กระแสไฟฟ้ าจะไหลออกจาก แหล่งกา เนิดไปโดยรอบวงจรที่ต่อเชื่อมกนั วงจรไฟฟ้าที่มีอุปกรณ์ต่อเชื่อมกนัและแผนผงัวงจรไฟฟ้า นกัวทิยาศาสตร์นิยมใชส้ ัญลกัษณ์เป็นตวัแทนอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ในวงจรไฟฟ้าเพื่อใหว้าดง่าย และทา ความเขา้ใจไดใ้นเวลาอนัรวดเร็วโดยใชส้ ัญลกัษณ์ที่ใชแ้ทนอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ แสดงไวด้งั ตาราง


207 การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบต่าง ๆ มี 2 ลักษณะ ดังนี้ 1. การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม การต่อแบบอนุกรมเป็นวงจรที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าเชื่อมต่อกนักบัแหล่งกา เนิดไฟฟ้า จากอุปกรณ์ หน่ึงไปยงัอุปกรณ์อื่น ๆ โดยตรง มีรูปแบบเป็นวงจรเดียวขอ้เสียของการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบอนุกรม ก็คือถา้อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หน่ึงเสียก็จะทา ให้กระแสไฟฟ้าในวงจรหยุดไหลไม่สามารถใชอุ้ปกรณ์อื่น ได้ สรุปลกัษณะส าคัญของการต่อความต้านทานแบบอนุกรม 1. สามารถหาค่าความตา้นทานไดโ้ดยการรวมกนัดงัน้นัความตา้นทานรวมจะมีค่ามากข้ึน 2. ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผา่นตวัตา้นทานแต่ละตวัเท่ากบักระแสไฟฟ้าในวงจร 3. ความต่างศกัยร์ะหวา่งปลายท้งัสองของตวัตา้นทานจะเท่ากบัผลบวกของความต่างศกัยไ์ฟฟ้า ระหวา่งปลายท้งัสองของตวัตา้นทานจะเท่ากบัผลบวกของความต่างศกัยไ์ฟฟ้าระหวา่งปลายท้งัสองของ ตวัตา้นทานแต่ละตวั 2. การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบขนาน การต่อแบบขนานเป็นวงจรไฟฟ้าที่แยกอุปกรณ์แต่ละชนิดในการเชื่อมต่อกนักบัแผล่งกา เนิด ไฟฟ้า มีลกัษณะของรูปแบบวงจรหลาย ๆ วงจรในวงจรรวมดงัแผน ขอ้ดีของการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบ ขนานก็คือถา้อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หน่ึงเสีย หรือชา รุด อุปกรณ์อี่นก็ยงัมีกระแสไฟฟ้าไหลผา่นได้ การต่อหลอดไฟฟ้า 2 หลอด ที่ต่อโดยใหข้้วัท้งัสองของหลอดไฟฟ้าหลอดหน่ึงคร่อมข้วัท้งัสอง ของอีกหลอดหน่ึง เราเรียกวา่การต่อแบบขนาน กระแสไฟฟ้าจากแหล่งกา เนิดที่ไหลเขา้ไปในวงจรจะ ถูกแบ่งใหไ้หลเขา้ไปในอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ดว้ยปริมาณที่ไม่เท่ากนัข้ึนอยกู่บัความตา้นทานของ อุปกรณ์ไฟฟ้าถา้อุปกรณ์ไฟฟ้ามีความตา้นทานสูงก็จะมีปริมาณกระแสไฟฟ้าไหลอยา่งนอ้ยแต่ถา้ อุปกรณ์ไฟฟ้ ามีความต้านทานต่า จะมีปริมาณกระแสไฟฟ้าไหลผา่นมากและกระแสไฟฟ้าที่ไหลผา่น


208 อุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละอนัรวมกนัแลว้จะเท่ากบักระแสไฟฟ้าที่ไหลออกจากแหล่งกา เนิด เราใช้หลักการ และความสัมพันธ์จากกฎของโอห์มมาค านวณหาความต้านทาน และปริมาณกระแสไฟฟ้ าที่ไหลใน วงจรเมื่อต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนานได้ สรุปสาระส าคัญของการต่อความต้านทานแบบขนาน 1. ความต้านทานรวมของวงจรมีค่านอ้ยลงและนอ้ยกวา่ความตา้นทาน ตวัที่นอ้ยที่สุดที่นา มา ต่อขนานกนั 2. ปริมาณกระแสไฟฟ้ารวมของวงจรมีค่าเท่ากบัผลบวกของกระแสไฟฟ้าของวงจรยอ่ย 3. ความต่างศกัยร์ะหวา่งปลายท้งัสองของตวัตา้นทานแต่ละตวัมีค่าเท่ากนัและเท่ากบัความต่าง ศกัยไ์ฟฟ้าระหวา่งปลายท้งัสองของตวัตา้นทานที่ต่อขนานกนั 5.กฎของโอห์ม กระแสไฟฟ้ าที่ไหลในวงจรไฟฟ้าไดน้ ้นัเกิดจากแรงดนัไฟฟ้าที่จ่ายใหก้บัวงจรและปริมาณ กระแสไฟฟ้าภายในวงจรจะถูกจา กดัโดยความตา้นทานไฟฟ้าภายในวงจรไฟฟ้าน้นัๆ ดงัน้นั ปริมาณ กระแสไฟฟ้าภายในวงจรจะข้ึนอยกู่บัแรงดนัไฟฟ้าและค่าความตา้นทานของวงจร ซ่ึงวงจรน้ีเรียกวา่ กฎของโอห์ม กล่าววา่กระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรจะแปรผนัตรงกบัแรงดนัไฟฟ้าและแปรผกผนักบั ความตา้นทานไฟฟ้า โดยเขียนความสัมพนัธ์ไดด้งัน้ี Current = Resistance Voltage I = R V ตัวอย่าง จงคา นวณหาค่าปริมารกระแสไฟฟ้าของวงจรไฟฟ้าที่มีแรงดนัไฟฟ้าขนาด 50 โวลต์และมีค่า ความตา้นทานของวงจรเท่ากบั5โอห์ม วิธีท า จากสูตร I = R V แทนค่า I = 50 50V I = 10 แอมแปร์ อุปกรณ์ทดลอง 1. เครื่องจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงปรับค่าได้0.30 V 2. มัลติมิเตอร์ 3. ตวัตา้นทานขนาดต่าง ๆ จา นวน 3 ตัว 4. สายไฟ


209 การทดลอง 1. นา ตวัตา้นทานแหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงที่ปรับค่าไดต้่อวงจร ดงัรูป 2. ปรับค่าโวลตท์ ี่แหล่งจ่ายไฟประมาณ 5ค่าและแต่ละคร้ังที่ปรับค่าโวลตใ์หว้ดัค่ากระแสไฟ ที่ไหลผา่นวงจร บนัทึกผลการทดลอง 3. หาค่าระหวา่ง 4. นา ค่าที่ไดไ้ปเขียนกราฟระหวา่ง V กบั1 ดังรูป 5. หาค่าความชนัเปรียบเทียบกบัค่าที่ไดใ้นขอ้3 เปรียบเทียบตวัตา้นทาน และท าการทดลอง เช่นเดียวกนักบัขอ้1 – 4 ค าถาม ค่า I V ที่ทดลองไดเ้ป็นไปตามกฎของโอห์มหรือไม่เพราะเหตุใด 6.การเดินสายไฟฟ้ า วิธีการเดินสายไฟฟ้ าแบ่งออกได้2 แบบ คือแบบเดินบนผนังและแบบฝังในผนัง 6.1การเดินสายไฟบนผนัง การเดินสายไฟแบบน้ีจะมองเห็นสายไฟ อาจทา ใหดู้ไม่เรียบร้อยไม่สวยงาม หากช่างเดิน สายไฟไม่เรียบตรงยงิ่จะเสริมใหดู้ไม่เรียบร้อยตกแต่งห้องใหดู้สวยงามยาก มีขอ้ดีที่ค่าใชจ้่ายถูกกวา่ แบบฝังในผนัง สามารถตรวจสอบและซ่อมแซมไดง้่าย ขั้นตอนที่ 1 กา หนดรูปแบบจุดตา แหน่งของปลกั๊ที่ตอ้งการเพิ่มและแนวการเดินสายไฟ ควรให้อยใู่นแนว เดิมของสายทีู่เดินอยแู่ลว้ ในกรณีที่มีสายแบบเดินลอยอยแู่ล้วใหใ้ชแ้นวสายไฟเดิมก็ได้แลว้ค่อยแยก เขา้ตา แหน ู่งที่ตอ้งการ ขั้นตอนที่ 2 การเดินแนวใหม่ควรเดินลากจากจุดต่อข้ึนบนเพดาน ก่อนแลว้จึงเดินลงตา แหน่งที่ตอ้งการวดั ระยะจากข อบผนัง แล้วตีแนวสายไฟด้วยด้ายตีเส้น


210 ขั้นตอนที่ 3 ตอกตะปูเขม็ขดัสายไฟตามแนวที่ตีเส้นเขา้ที่ผนงัและแนวที่จะลงตา แหน่งที่ติดต้งัใหม่ดว้ยโดย พับ เข็มขัดทับหัวตะปูเพื่อจับขณะตอก ขั้นตอนที่ 4 เวน้ระยะห่างของเขม็ขดัรัดสายไฟประมาณ 10-15ซม. ใ นส่วนโคง้หรือหกัมุมของเพดานให้ ตอกเขม็ขดัถี่ประมาณช่องละ1-2 ซม. เพื่อที่จะรัดสายไฟใหแ้นบสนิท กบัผนงัไม่โก่งงอ ขั้นตอนที่ 5 ติดต้งัเตา้เสียบที่ตา แหน่งใหม่เจาะยดึตวับล็อคดว้ยสวา่นไฟฟ้าและขนัดว้ยสกรูยดึใหแ้น่น หากเ ป็ นผนังไม้ควรหาโดรงไมท้าบในผนงัก่อนเพื่อความแขง็แรง ขั้นตอนที่ 6 เดินสายไฟในแนวตอกเขม็ขดัไวแ้ละรัดสายไฟเขา้กบัเข็มขดัใหแ้น่น ต่อสายใส่เขา้กบัเตา้เสียบ ใหม่ใ หเ้รียบร้อยประกอบเขา้บล็อค ขั้นตอนที่ 7 ปิดเมนสวทิช์ก่อนเช็คดูวา่ ไม่มีไฟเขา้ปลกั๊ที่จะต่อพว่งโดยใชไ้ขควงเช็คไฟเช็คดูวา่ ไม่มีแสง ไฟใ นดา้มไขควงแลว้จึงทา การพว่งสายไฟเขา้กบั ปลกั๊เ ดิม และทดลองเปิดสวทิช์แลว้ใชไ้ขควงเช็คไฟ ที่ปลกั๊จุดใหม่ 6.2การเดินแบบฝังในผนัง การเดินแบบฝังในผนงัเป็นการเดินสายไฟโดยร้อยสายผ่านท่อสายไฟซ่ึงฝังในผนงัอาคาร ท าให้ดู เรียบร้อยและตกแต่งห้องไดง้่ายเพราะมองไม่เห็นสายไฟจากภายนอก การเดินท่อร้อยสายตอ้งทา ควบคู่ไป พร้อมการก่อ-ฉาบ ไม่ควรประหยดัหรือปล่อยให้มีการลกัไก่โดยการเดินสายไฟแบบฝังในผนงัโดยไม่ร้อย ใส่ท่อร้อยสายไฟ เพราะหากเกิดไฟรั่วอาจเกิดอุบตัิเหตุกบัผอู้าศยัเมื่อไปสัมผสักา แพง การติดต้งัมีค่าใชจ้่าย สูงกวา่แบบเดินสายบนผนงัการติดต้งัมีความยงุ่ยากและซบัซ้อน การเปลี่ยนแปลงและซ่อมแซมภายหลงัจาก ที่ไดต้ิดต้งัไปแลว้ทา ไดย้ากและเสียค่าใชจ้่ายมากกวา่แบบแรกมาก การเดินสายไฟมักจะใช้วิธีเดินสาย ลอยตามผนังอาคาร ขณะที่การเดินท่อน้า จะเดินท่อลอยตาม ขอบพ้ืนและขอบผนงัเมื่อใช้งานไป หากเกิดการชา รุดเสียหายข้ึนการตรวจสอบและการซ่อมแซมก็ สามารถทา ไดไ้ม่ยาก แต่ในปัจจุบนับา้นเรือนสมยัใหม่ มีความพิถีพิถัน ในดา้นความสวยงามมากข้ึน การเดินสายไฟมกัจะใชว้ิธีเดินสายร้อยท่อ ซ่ึงฝังอยภู่ายในผนงั หรือเหนือเพดานขณะที่การเดินท่อน้า จะใชว้ธิีเดินท่อฝัง อยภู่ายในผนงัหรือใตพ้ ้ืน เพื่อซ่อนความรกรุงรัง ของสายไฟ และท่อน้า เอาไว ้การ เดินสายไฟและท่อน้า แบบฝังน้ีแมจ้ะเพิ่มความสวยงาม และความเป็ นระเบียบเรียบร้อย ให้แก่ตวับา้น แต่ก็มีขอ้เสียแฝงอย ู่เพราะถา้เกิดปัญหาไฟช็อต ไฟรั่ว หรือท่อน้า รั่ว ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจาก การใช้ วัสดุที่ด้อยคุณภาพ การติดต้งัอย่างผิดวิธี หรือการชา รุดเสียหายอนัเนื่องมาจากการใช้งานก็ตาม การ


211 ตรวจสอบ หรือการซ่อมแซมยอ่มทา ไดล้า บาก อาจถึงข้นัตอ้งทา การร้ือฝ้าเพดานร้ือกา แพงหรือพ้ืนที่ บางส่วนเพื่อทา การตรวจสอบและ แกไ้ขปัญหาที่เกิดข้ึน ซ่ึงทา ใหเ้กิด ความเสียหายต่อตวับา้น เสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายสูงในการวางระบบไฟฟ้า วิธีหลีกเลี่ยงปัญหาขา้งตน้อยา่งง่ายๆวิธีหน่ึงก็คือการเลือก เดินสายไฟแบบลอย ซ่ึงอาจจะดูไม่เรียบร้อยนกั และเหมาะส าหรับ อาคารบา้นเรือนขนาดเล็กเท่าน้นั แต่สา หรับผทู้ี่ตอ้งการความประณีตสวยงามหรือบา้นขนาดใหญ่ที่มีการเดินสายไฟ เป็ นจ านวนมาก การ เดินสายไฟแบบฝัง ดูจะมีความเหมาะสมกวา่อยา่งไรก็ตาม ปัญหาต่างๆ ดงักล่าวอาจจะป้องกนัหรือทา ให้ ลดน้อยลงได้โดยการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ ใช้วัสดุที่ถูกต้อง และมีขนาดที่เหมาะสม รวมท้งัมี การติดต้งัอยา่งถูกวธิีและมีระบบ แบบแผน ข้อแนะน าในการออกแบบระบบวงจรไฟฟ้ าภายใน ระบบวงจรไฟฟ้าภายในบา้นควรแยกวงจรควบคุมพ้ืนที่ต่างๆ เป็นส่วนๆ เช่น แยกตามช้นัหรือ แยกตามประเภทของการใช้ไฟฟ้ า ทา ใหง้่ายต่อการซ่อมแซมในกรณีไฟฟ้าขดัขอ้ง ห้องควรแยกไว้ตะ หากเพราะหากต้องดับไฟในบ้าน เพื่อซ่อมแซมจะไดไ้ม่ตอ้งดบัไฟหอ้งครัวที่มีตูเ้ยน็ที่แช่อาหารไว้ อาหารจะไดไ้ม่เสีย 7.การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ าอย่างง่าย ไฟฟ้ าแสงสว่าง - ติดต้งัจา นวนหลอดไฟฟ้าเท่าที่จา เป็นและเหมาะสมกบัการใชง้าน - ใชห้ลอดไฟฟ้าชนิดที่ใชแ้สงสวา่งมากแต่กินไฟนอ้ย และมีอายกุี่ใชง้านยาวนานกวา่เช่น หลอดฟูออเรสเซนต์ หลอดคอมแพคท์ เป็ นต้น - ท าความสะอาดหลอดไฟฟ้ าหรือโคมไฟเป็ นประจ า - ตกแต่งภายในอาคารสถานที่โดยใชส้ีอ่อนเพื่อเพิ่มการสะทอ้นของแสง - ปิ ดสวิตซ์หลอดไฟฟ้ าทุกดวงเมื่อเลิกใช้งาน พัดลม - เลือกขนาดและแบบให้เหมาะสมกบัการใชง้าน - ปรับระดับความเร็วลมพอสมควร - เปิดเฉพาะเวลาที่จา เป็นเท่าน้นั - หมนั่บา รุงดูแลรักษาใหอ้ยใู่นสภาพที่ดี เครื่องรับโทรทัศน์ - ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกบัครอบครัวและพ้ืนที่ในห้อง - ควรเลือกชมรายการเดี่ยว หรือเปิ ดเมื่อถึงเวลาที่มีรายการที่ต้องการชม


212 - ถอดปลกั๊เครื่องรับโทรทศัน์ทุกคร้ังเมื่อไม่มีคนชม เครื่องเป่ าผม - ควรเช็ดผมใหห้มาดก่อนใชเ้ครื่องเป่าผม - ควรขย้แีละสางผมไปดว้ยขณะใชเ้ครื่องเป่าผม - เป่าผมดว้ยลมร้อนเท่าที่จา เป็น เตารีดไฟฟ้ า - พรมน้า เส้ือผา้แต่พอสมควร - ปรับระดบัความร้อนใหเ้หมาะสมกบัชนิดของเส้ือผา้ - เริ่มตน้รีดผา้บาง ๆ ขณะที่เตารีดยงัร้อนไม่มาก - เส้ือผา้ควรมีปริมาณมากพอสมควรในการรีดแต่ละคร้ัง - ถอดปลกั๊ก่อนเสร็จสิ้นการรีด 2-3 นาที เพราะยังคงมรความร้อนเหลือพอ หม้อชงกาแฟ - ใส่น้า ใหม้ีปริมาณพอสมควร - ปิดฝาใหส้นิทก่อนตม้ - ปิดสวติซ์ทนัทีเมื่อน้า เดือด หม้อหุงข้าวไฟฟ้า - เลือกใช้ขนาดที่เหมาะสมกบัครอบครัว - ถอดปลกั๊ออกเมื่อขา้วสุกหรือไม่มีความจา เป็นตอ้งอุ่นให้ร้อนอีกต่อไป ตู้เยน็ - เลือกใชข้นาดที่เหมาะสมกบัครอบครัว - ต้งัวางตูเ้ยน็ ใหห้ ่างจากแหล่งความร้อน - ไม่ควรนา อาหารที่ร้อนเขา้ตูเ้ยน็ทนัที - ไม่ควรใส่อาหารไวใ้นตูเ้ยน็มากเกินไป - หมนั่ละลายน้า แขง็ออกสัปดาห์ละคร้ัง - หมนั่ทา ความสะอาดแผงระบายความร้อน - ไม่ควรเปิดประตูตูเ้ยน็บ่อย ๆ หรือปล่อยใหเ้ปิดทิ้งไว้ - ดูแลยางขอบประตูตู้เย็นให้ปิ ดสนิทเสมอ


213 เครื่องท าความร้อน - เลือกใชข้นาดที่เหมาะสมกบัครอบครัว - ไม่ควรปรับระดบัความร้อนสูงจนเกิดไป - ควรปิดวาลว์บา้งเพื่อรักษาน้า ร้อนไวข้ณะอาบน้า - ไม่ควรใชเ้ครื่องทา ความร้อนในฤดูร้อน - ปิดวาลว์น้า และสวติซ์ทนัทีเมื่อเลิกใชง้าน เครื่องปรับอากาศ - หอ้งที่ติดต้งัเครื่องปรับอากาศ ควรใชฝ้้าเพดานที่มีคุณสมบตัิเป็นฉนวนป้องกนัความร้อน - เลือกขนาดของเครื่องให้เหมาะสมกบัขนาดพ้ืนที่หอ้ง - เลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่ไดร้ับการรับรองคุณภาพและช่วยประหยดัพลงังาน - ปรับระดบัอุณหภูมิและปริมาณลมใหเ้กิดความรู้สึกสบายในแต่ละฤดูกาล - หมนั่ดูแลบา รุงรักษาและทา ความสะอาดชิ้นส่วนอุปกรณ์และเครื่องให้อยใู่นสภาพที่ดีอยเู่สมอ - ดูแลประตูหนา้ต่างใหป้ิดสนิทเสมอ - ใชพ้ดัลมระบายอากาศเท่าที่จ าเป็ น - ปิดเครื่องก่อนเลิกใชพ้ ้ืนที่ปรับอากาศประมาณ 2-3 นาที เครื่องซักผ้า - ในการซกัแต่ละคร้ังควรใหป้ริมาณเส้ือผา้พอเหมาะกบัขนาดเครื่อง - ควรใช้วิธีผึ่งแดดแทนการใช้เครื่องอบผ้าแห้ง - ศึกษาและปฏิบตัิตามวธิีการในคู่มือการใช้ 8. ความปลอดภัยและอุบัติเหตุจากอาชีพช่างไฟฟ้ า 1) ก่อนลงมือปฏิบตัิงานกบัอุปกรณ์ไฟฟ้า ใหต้รวจหรือวดัดว้ยเครื่องมือวดัไฟฟ้าวา่ ในสายไฟ หรืออุปกรณ์น้นัมีไฟฟ้าหรือไม่ 2) การทา งานกบัอุปกรณ์ไฟฟ้าในขณะปิดสวติช์ไฟหรือตดัไฟฟ้าแลว้ตอ้งต่อสายอุปกรณ์น้นั ลงดินก่อนทา งานและตลอดเวลาที่ทา งาน 3) การต่อสายดินใหต้ ่อปลายทางด้าน" ดิน "ก่อนเสมอจากน้นัจึงต่อปลายอีกขา้งเขา้กบัอุปกรณ์ไฟฟ้า 4) การสัมผสักบัอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงดนัต่า ใดๆ หากไม่แน่ใจใหใ้ชอุ้ปกรณ์ทดสอบไฟวดัก่อน 5) การจับต้องอุปกรณ์ที่มีไฟฟ้ า จะต้องท าโดยอาศัยเครื่องมือ-อุปกรณ์และวธิีการที่ถูกตอ้งเท่าน้นั 6) เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทา งานกบัอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น คีม ไขควง ต้องเป็ นชนิดที่มีฉนวนหุ้ม 2 ช้นัอยา่งดี


214 7) ขณะทา งานตอ้งมนั่ใจวา่ ไม่มีส่วนใดส่วนหน่ึงของร่างกายหรือเครื่องมือที่ใชอ้ยสู่ ัมผสักบั ส่วนอื่นของอุปกรณ์ที่มีกระแสไฟดว้ยความพล้งัเผลอ 8) การใชกุ้ญแจป้องกนัการสับสวติช์การแขวนป้ ายเตือนห้ามสับสวิตช์ตลอดจนการปลด กุญแจและป้ายตอ้งกระทา โดยบุคคลคนเดียวกนัเสมอ 9) การข้ึนที่สูงเพื่อทา งานกบัอุปกรณ์ไฟฟ้าตอ้งใชเ้ขม็ขดันิรภยัหากไม่มีการใชเ้ชือกขนาด ใหญ่คลอ้งเอาไวก้บัโครงสร้างหรือส่วนหน่ึงส่วนใดของอาคาร 10) การทา งานเกี่ยวกบัไฟฟ้าหากเป็นไปไดค้วรมีผชู้่วยเหลืออยดู่ว้ย 8.1 ข้อควรระวังในการท างานเกี่ยวกับไฟฟ้ าทั่ว ๆ ไป - เมื่อพบวา่ ฝาครอบ หรือกล่องสวติช์ชา รุด หรือตกเสียหายและควรรีบเปลี่ยนและซ่อมแซมทันที -รักษาความสะอาดของพ้ืนบริเวณที่ซ่ึงสวติช์อยใู่กล้ๆ - หมนั่ส ารวจตรวจตราภายในแผงสวิตช์ ตู้ควบคุมทางไฟฟ้ า ไม่ให้มีเศษผงทองแดงหรือ โลหะที่นา ไฟฟ้าอยแู่ละอยา่นา ชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในตูค้วบคุม เช่น ฟิ วส์ออกจากตู้ควบคุม - การเปลี่ยนฟิ วส์ ควรใชฟ้ิวส์เฉพาะงานน้นัๆ และก่อนเปลี่ยนตอ้งสับสวิตช์(ให้วงจรไฟฟ้ า เปิดใหเ้รียบร้อยก่อน) -อยา่ ใชฝ้าครอบที่ทา ดว้ยสารที่สามารถลุกติดไฟได้เปิ ดฝาครอบสวิตช์ - สวติช์แต่ละอนัควรมีป้ายแสดงรายละเอียดดงัน้ี * ใชก้บักระแสไฟตรง หรือกระแสสลับ * ความต่างศกัยท์างไฟฟ้า (หรือแรงดัน/แรงเคลื่อนไฟฟ้ า) * กระแสไฟฟ้ า * เครื่องมือเครื่องใชท้างไฟฟ้าที่ต่อกบัสวติช์น้นั * ชื่อผู้รับ - ต้องสับสวิตช์ให้วงจรไฟฟ้ าเปิ ด เมื่อตอ้งการตรวจสอบหรือซ่อมแซมเครื่องจกัรแลว้ให้ทา สัญลกัษณ์หรือป้ายที่สวิตช์ว่า "กา ลงัซ่อม"- ก่อนสับสวิตช์ให้วงจรไฟฟ้าปิด ตอ้งแน่ใจว่าทุกอย่าง เรียบร้อยและได้รับสัญญาณถูกต้อง และก่อนเปิดทดลองเดินเครื่องควรตรวจดูว่าเครื่องจกัรน้นั ไม่มี วตัถุอื่นใดติดหรือขดัอยู่ -การส่งสัญญาณเกี่ยวกบัเปิด-ปิ ดสวิตช์ ควรท าด้วยความระมัดระวัง -อยา่ ปิด-เปิดสวติช์ขณะมือเปียกน้า -การสับสวติช์ใหว้งจรไฟฟ้าปิดตอ้งแน่ใจวา่สัญญาณน้นัถูกตอ้ง -การขันสลักเกลียวเพื่อยึดสายไฟฟ้ า ต้องขันใหแ้น่น -อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชา รุดอยา่ ฝืนใชง้านจะเกิดอนัตรายได้ 8.2 ข้อที่ไม่ควรกระท าในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้ า


215 -ไม่ควรถอดปลกั๊ไฟดว้ยการดึงสายไฟ -ไม่ควรใชเ้ครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชา รุด -ไม่ควรใชป้ลกั๊ไฟที่ชา รุด -ไม่ควรต่อพว่งไฟเกินกา ลงั -ไม่ควรต่อปลกั๊ผดิประเภท -ไม่ควรซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้าดว้ยตนเองถา้หากไม่มีความรู้อยา่งแทจ้ริง 8.3 ความปลอดภัยเกยี่วกบัตัวผู้ปฏิบัติงาน การแต่งกาย - เครื่องแบบที่เหมาะสมในการปฏิบตัิงานเกี่ยวกบเครื่องจักร ั คือ เส้ือและกางเกงที่เป็นชิ้น เดียวกนัซ่ึงอยใู่นสภาพที่เรียบร้อย เส้ือผา้ที่ฉีกขาดไม่ควรนา มาใช้เพราะจะทา ใหเ้ขา้ไปติดกบั เครื่องจกัรที่กา ลงัหมุนได้ - ติดกระดุมทุกเม็ดให้เรียบร้อย -ไม่ควรใส่เครื่องประดบัเช่น สร้อยคอ นาฬิกา แหวน - ต้องใส่รองเทา้หุม้ ส้น หรือรองเท้าบู๊ด เพื่อป้องกนัเศษโลหะทิ่มตา -ควรสวมแวน่ตา เพื่อป้องกนัเศษโลหะกระเด็นเขา้ตา เช่น การเจียระไนงาน หรือแสงจาก การเชื่อมโลหะ -ควรสวมหมวกในกรณีที่ปฏิบตัิงานเกี่ยวก -ไม่ควรไวผ้มยาวหรือมิฉะน้นัควรสวมหมวก - สภาพการท างานที่มีเสียงดัง ควรสวมที่ครอบหู


216 9. การบริหารจัดการและการบริการที่ดี บริการที่ดีหมายถึงความต้งัใจและความพยายามในการให้บริการต่อผูร้ับบริการ มีระดบัการ ปฏิบตัิดงัน้ี ระดับที่ 1 สามารถให้บริการแก่ผู้รับบริการ ด้วยความเต็มใจ o ให้บริการที่เป็ นมิตรภาพ o ใหข้อ้มูลข่าวสารที่ถุกตอ้งชดัเจนแกผ้รู้ับบริการ o แจง้ใหผ้รู้ับบริการทราบความคืบหนา้ในการดา เนินเรื่อง หรือข้นัตอนงานต่าง ๆ ที่ใหบ้ริการอยู่ o ประสานงานใหแ้ก่ผรู้ับบริการไดอ้ยา่งต่อเนื่องและรวดเร็ว ระดับที่2 ช่วยแก้ปัญหาให้แก่ผู้รับบริการ o ช่วยแกป้ ัญหาหรือหาแนวทางแกไ้ขปัญหาที่เกิดข้ึนแกผ้รู้ับบริการอยา่งรวดเร็วไม่บ่ายเบี่ยง ไม่ แกต้วัหรือปัดภาระ o ผู้รับบริการได้รับความพึงพอใจและน าข้อขัดขอ้งที่เกิดจากการให้บริการไปพฒั นาให้การ บริการดียงิ่ข้ึน ระดับที่ 3 ให้บริการที่เกินความคาดหวัง แม้ต้องให้เวลาหรือความพยายามอย่างมาก o ใหเ้วลาแก่ผรู้ับบริการเป็นพิเศษ เพื่อช่วยแกป้ ัญหาใหแ้ก่ผรู้ับบริการ o น าเสนอวิธีการในการให้บริการที่ผุรับบริการจะได้รับประโยชน์สูงสุด ระดับที่ 4 เข้าใจและให้บริการทตี่รงตามความต้องการทแี่ท้จริงของผู้รับบริการได้ o พยายามทา ความเข้าใจด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อให้บริการได้ตรงตามความต้องการที่แท้จริงของ ผู้รับบริการ o ใหค้า แนะนา ที่เป็นประโยชน์แกผ้รู้ับบริการ เพื่อตอบสนองความตอ้งการ ระดับที่ 5 ให้บริการทเี่ป้นประโยชน์อย่างแท้จริงให้แก่ผู้รับบริการ o คิดถึงประโยชน์ของผู้รับบริการในระยะยาว o เป็นที่ปรึกษาที่มีส่วนช่วยในการตดัสินใจที่ผรู้ับบริการไวว้างใจ o สามารถให้ความเห็นที่แตกต่างจากวีการหรือข้นัตอนที่ผูร้ับบริการตอ้งการให้สอดคลอ้งกบั ความจ าเป็ น ปัญหา โอกาส เพื่อประโยชน์อยา่งแทจ้ริงของผรู้ับบริการ


217 10. โครงงานวทิยาศาสตร์สู่อาชีพ อาชีพช่างไฟฟ้า เป็นอาชีพส าคญัจา เป็นกบัสังคมเทคโนโลยีในทุกยุคทุกสมยัผูม้ีอาชีพช่าง ไฟฟ้า ตอ้งมีความชา นาญเฉพาะทาง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สร้างผลงาน นอกเหนือจากการติดต้ง ั ซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้าและยงัสามารถสร้างสรรคผ์ลงานเป็นอุปกรณ์เครื่องใชไ้ฟฟ้า ส าหรับครัวเรือน เพื่อความสะดวกสบายในชีวิตประจา วนัของมนุษย์ดงัน้นัช่างไฟฟ้า นอกจากเป็นอาชีพเพื่อบริการ ยงั นา ไปสู่เพื่อการพาณิชยไ์ดด้ีโดยผเู้รียนนา ความรู้ผลงาน จากโครงงานเรื่องไฟฟ้า ไปต่อยอดสู่อาชีพ ไดอ้ย่างหลากหลาย อาทิเช่น การประดิษฐ์โคมไฟเพื่อประดบัตกแต่ง โคมไฟเพื่ออ่านหนังสือเครื่อง เตือนภยัน้า ท่วมอยา่งง่าย ฯลฯ ตัวอย่างที่ 1 การประดิษฐ์โคมไฟเพื่อประดับตกแต่ง วสัดุทใี่ช้ 1. สวิทซ์ไฟ ส าหรับเปิ ดปิ ด ราคาประมาณ 30 บาท 2. หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์แบบยาว ราคาประมาณ 79 บาท 3. แผน่ซีดี61 แผน่นา กลบัมาใชใ้หม่(reuse) 4. สายไฟ 1.8 เมตร ราคาประมาณ 30 บาท วิธีท าโคมไฟจากแผ่นซีดี วธิีทา โคมไฟจากแผน่ซีดีแผน่ซีดีที่เสียแลว้ใครจะเชื่อวา่สามารถนา มาทา โคมไฟอนัสวยหรู มีระดบัอยา่งที่ใครนึกไม่ถึงมากก่อน สนใจละซิลองมาทา ดูวา่เขาทา กนัอยา่งไรทา ใหไ้ดโ้คมไฟ สวยสดุดใจโดยใช้ต้นทุนประมาณ 139 บาท ดงัน้ี


218 หลอดไฟที่ใช้ ถอดส่วนประกอบหลอดไฟออกเพื่อจะไดแ้ยกเอาสวทิซ์กบัหลอดไฟ ไวส้า หรับติดนอกกล่องโคมไฟ น ามากะระยะวา่สวทิซ์กบัหลอดไฟจะอยตู่า แหน่งไหน


219 ตดัแผน่ ไมอ้ดัหนาขนาด 3/8 นิ้ว เป็นรูปวงกลมขนาด แผน่ซีดีจา นวน 18 แผน่ แผน่ ไม้อัดที่ตัดออกมา ทาดว้ยกาวร้อน แลว้ใชส้กรูอดัใหแ้น่น ทิ้งไวใ้หก้าวแหง้ ประมาณ 20 นาที


220 ใชส้วา่นเจาะช่องตรงกลางไมใ้หใ้ส่หลอดไฟได้เจาะช่องใหส้ายไฟ กบัสวทิซ์ไฟใส่ได้ วางหลอดไฟใส่ลงไปในช่องน้ี


221 ใส่สวทิซ์ไฟ กบัสายไฟตามช่องที่เจาะไว้ เจาะรูตรงกลางแผน่ซีดีใหก้วา้งพอที่จะใส่หลอดไฟได้ เจาะใหใ้ส่หลอดไฟไดแ้บบน้ี


222 จบัแผน่ซีดีสองแผน่มาจบัคู่ประกบกนั โดยหนัดา้นที่มนัวาวออกท้งัสองดา้น แลว้ใชก้าวร้อน ทาทิ้งไวใ้หแ้หง้ แล้วเจาะรู 3 รูไวส้า หรับใส่น็อตยาวเป็นเสาขา 3 ขา ดังภาพ ช้นัแรกใส่แผน่ เดียว จากน้นัค่อยใส่วงแหวน รองเพื่อให้เป็นช้นัๆ มีช่องวา่งใหแ้ สงกระจายออกใส่ไปเรื่อยๆจนถึง ช้นัสุดทา้ย ใชแ้ผน่ซีดี4 แผน่ทากาวประกบกนั ปิดเป็นฝาขา้งบน เวลาจะเปลี่ยนหลอดไฟข้างใน ก็ไขน็อตออกแลว้หยบิหลอดไฟมาเปลี่ยน ประกอบเสร็จแล้ว เมื่อเปิดไฟ จะไดภ้าพดงัน้ี ที่มา http://www.yousaytoo.com/tensionnot/how-to-make-a-cool-cd-lamp/4877


223 ตัวอย่างที่ 2 สิ่งประดิษฐ์เครื่องเตือนภัยน ้าท่วมอย่างง่าย วสัดุทใี่ช้ 1. สวิทซ์และกริ่งไฟฟ้าแบบไร้สาย ราคาประมาณ 100-150 บาท 2. เศษโฟม นา กลบัมาใชใ้หม่(reuse) 3. ถุงพลาสติก นา กลบัมาใชใ้หม่(reuse) วิธีท า 1. หาซ้ือกริ่งประตูบา้นแบบไร้สายมีขายเกือบทุกหา้ง (ราคาประมาณร้อยกวา่บาทถึงหา้ร้อย บาท) เอาแบบกดคา้งแลว้ร้องต่อเนื่อง นอนหลบัแลว้จะไดต้ื่น (บางยหี่ ้อกดคา้งแลว้ร้องคร้ังเดียว) 2. หาอุปกรณ์ดงัน้ีตระกร้าทรงเต้ีย แผน่ โฟม ซองซิปกนัน้า เทปกาว กาวสองหน้า กอ้นอิฐ หรือหิน 3. นา กริ่งตวัลูก(สวิตซ์ที่กดกริ่ง)มาติดกาวสองหนา้บริเวณที่กดใหท้ ี่กดนูนข้ึน(ไม่ตอ้งลอก กระดาษอีกด้านออก) แลว้ใส่ซองซิปไม่ใหน้ ้า เขา้ 4. ตดัโฟมใหม้ีขนาดเล็กกวา่ตะกร้าเล็กนอ้ย นา กริ่งตวัลูกที่อยใู่นซองซิปไปวางกลางโฟมแลว้ ติดเทปกาวบนโฟม


224 5. หาที่เหมาะๆวางโฟมที่พ้ืน ที่ตอ้งการทราบวา่น้า ท่วมแลว้เช่นประตูร้ัว ครอบโฟมด้วย ตะกร้า ทบัตะกร้าดว้ยอิฐหรือหิน (ระยะสัญญาณประมาณ100เมตรจากตวัแม่) 6. เสียบปลกั๊ตวัแม่(สัญญาณกระดิ่ง)ไวใ้นบา้น 7. เมื่อน้ าท่วมโฟมจะลอยตัวดันสวิตซ์ที่กดกริ่งกับก้นตะกร้าที่ถูกทับไวด้ ้วยอิฐหรือหิน ท าให้สัญญาณร้องเตือน ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=653105


225 11. ค าศัพท์ทางไฟฟ้ า ช่างไฟฟ้าทุกคนจะตอ้งเขา้ใจคา จา กดัความทวั่ ไปของคา ศพัทท์ ี่ใชใ้นทางช่างไฟฟ้ า เพื่อให้การ สั่งวสัดุอุปกรณ์และการอ่านรายละเอียดของวสัดุอุปกรณ์ของบริษทัผผู้ลิตอยา่งมีประสิทธิภาพ ผสู้ ั่ง และผอู้่านจะตอ้งมีความคุน้เคยกบัภาษาที่ใชใ้นทางช่างไฟฟ้าดว้ย ดงัน้นัจึงควรอ่านคา จา กดัความแต่ละ คา อยา่งระเอียดให้เขา้ใจ และควรพลิกดูคา เหล่าน้ีทุกครั่งเมื่อมีความจา เป็น นอกจากน้ียงัมีรายละเอียด เกี่ยวกบัคา นิยามของคา ศพัทเ์หล่าน้ีเพิ่มเติมในทา้ยเล่มของหนงัสือเล่มน้ีดว้ย พลังงาน (energy) : ความสามารถในการท างาน ก าลังม้า (horsepower) : หน่วยวดัการทา งานของเครื่องจกัรกลพวกมอเตอร์และเครื่องยนต์เรา จะใช้อักษรยอ่ HP หรือ hp แทน โดยทวั่ ไปกา ลงัมา้น้ีจะใชบ้ ่งบอกเอาทพ์ุทของมอเตอร์ไฟฟ้า ไฟฟ้ า (electricity) : การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนผา่นตวันา ไฟฟ้า ตัวน าไฟฟ้ า (conductor) : สสารที่ยอมใหก้ระแสไฟฟ้าไหลผา่นตวัมนัเองไดง้่าย ความน าไฟฟ้ าหรือความเป็ นสื่อไฟฟ้ า (conductance) : ความสะดวกสบายต่อการไหลผา่นของ กระแสไฟฟ้ าในวงจร ฉนวนไฟฟ้ า (insulator) : วัตถุที่มีคุณสมบัติด้านต้านทานการไหลของกระแสไฟฟ้ า อาจจะ กล่าวไดว้า่สสารน้นั ขัดขวางการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน อ านาจแม่เหล็ก(magnetism) : คุณสมบตัิอยา่งหน่ึงของสสารที่แสดงอา นาจดึงดูดเหล็กได้ ขั้วไฟฟ้ า (polarity) : คุณสมบัติของประจุไฟฟ้ าที่แสดงออกมา ซ่ึงจะมีค่าเป็นบวกหรือเป็นลบ แม่เหล็กไฟฟ้ า (electromagnet) : ขดลวดตวันา ไฟฟ้าที่แสดงอา นาจหรือคุณสมบตัิทางแม่เหล็ก เมื่อมีกระแสไฟฟ้ า ไหลผา่นขดลวดน้นั ขดปฐมภูมิ(primary) : ขดลวดของหม้อแปลงไฟฟ้ า ซึ่งต่ออยู่กบัแหล่งจ่ายไฟฟ้าและรับ พลังงาน น้นัก็คือดา้นรับไฟฟ้าขา้วของหมอ้แปลงไฟฟ้า ขดทุติยภูมิ(secondary) : ขดลวดของหมอ้แปลงไฟฟ้าที่ติดอยกู่บัโหลด (ภาระทางไฟฟ้า) โดย จะรับพลงังานดว้ยหลกัการเหนี่ยวนา ทางอา นาจแม่เหล็กไฟฟ้าจากขดลวดปฐมภูมิไปสู่โหลดน้นัก็คือ ด้านจ่ายไฟออกของหมอ้แปลงไฟฟ้า ก าลังไฟฟ้ า (electric power) : อตัราการผลิตหรือใชพ้ลงังานทางทาวงไฟฟ้าในหน่ึงหน่วยเวลา วัตต์ (watt) : หน่วยวดักา ลงัไฟฟ้า เราเรียนอกัรยอ่ตวัพิมพใ์หญ่W แทน กา ลงัไฟฟ้ามีจะเป็น อกัษรบอกพลงังานไฟฟ้าที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละตวัในการทา งาน อยา่งเช่น หลอดไฟ 1,000 วัตต์ เครื่อง ปิ้งขนมปัง 1,000 วัตต์ กิโลวัตต์ (kilowatt) : หน่วยกา ลงัไฟฟ้าที่มีค่าเท่ากบั 1,000 วตัต์เราใชต้วัยอ่วา่ KW เพราะเหตุ วา่ ในทางปฏิบตัิน้นั โหลด หรือภาระทางไฟฟ้ามีจา นวนมากๆ จึงมีค่าวตัตส์ูงๆ หน่วยวตัตซ์ ่ึงทา ให้การ เรียกหรือบันทึกค่ายุง่ยากและเสียเวลา เราจึงนิยมใชก้ิโลวตัตซ์ ่ึงเป็นหน่วยที่ใหญ่ข้ึนน้ีแทน และยังมี


226 หน่วยใหญ่กวา่กิโลวตัตอ์ีกก็คือเมกกะวตัต์(megawatt) ซ่ึงเท่ากบั 1,000 กิโลวตัต์หรือเขียนยอ่ๆ วา่ 1 MW กิโลวัตต์ – ชั่วโมง (kilowatt – hour) : หน่วยวดัการใชก้า ลงัไฟฟ้าในเวลา 1 ชวั่ โมง เราจ าใช้ อกัษรย่อพิมพต์วัใหญ่KWH แทน ปกติแลว้การใช้พลงังานไฟฟ้าตามบา้นจะวดัค่าออกจากเครื่องวดั พลังงาน (หรือที่เราเรียกกนัวา่หมอ้มิเตอร์) มีหน่วยเป็นกิโลวตัต์– ชวั่ โมง หรือที่เรียกกนัวา่ยนูิต (unit) แลว้คิดราคาไฟฟ้าที่เราตอ้งจ่ายเท่ากบั จ านวนยนูิตที่เราตอ้งใชคู้ณดว้ยราคาไฟฟ้าต่อหน่ึงยนูิต ไฟฟ้ ากระแสสลับ (alternating current) : ระบบไฟฟ้าที่ทิศทางการวิ่งของอิเล็กตรอนมีการ สลับไปมาตลอดเวลา เราใชส้ ัญลกัษณ์แทนดว้ยอกัษรตวัพิมพใ์หญ่AC และมักนิยมใช้เป็ นระบบไฟฟ้ า ตามบ้าน อาคารโรงงานทวั่ๆ ไป ไฟฟ้ ากระแสตรง (direct current) : ระบบไฟฟ้าที่อิเล็กตรอนมีการวิ่งไปทางเดียวกัน ตลอดเวลา และต่อเนื่องกนัมกัจะพบว่าใช้กนัอยู่ทวั่ๆ ไป ก็คือ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่รถยนตเ์ป็นตน้ ใชอ้กัษรตวัพิมพใ์หญ่DC เป็ นสัญลักษณ์แทน วงจรไฟฟ้ า (circuit) : ทางเดินไฟฟ้าที่ต่อถึงกัน และไฟฟ้าไหลผ่านได้ดี วงจรอนุกรมหรือวงจรอันดับ (series circuit) : วงจรไฟฟ้ าที่มีทางเดินไฟฟ้ าได้เพียงทางเดียว จาก แหล่งจ่ายไฟฟ้าผา่นวงจรไฟฟ้าไปครบวงจรอีกข้วัของแหล่งจ่ายไฟ และในวงจรน้ีอาจจะมีอุปกรณ์พวก ฟิวส์สวติซ์เซอร์กิต – เบรกเกอร์โดยต่อเป็นวงจรอนัดบัเขา้ไปเพื่อป้องกนัและควบคุมวงจร วงจรขนาน (parallelcircuit):วงจรไฟฟ้าที่มีทางเดินไฟฟ้าของกระแสไฟฟ้าผา่นไดม้ากกวา่ 1 ทางเดินข้ึนไป และจะมีอุปกรณ์เช่นพวกเตา้เสียบหลอดไฟต่อขนานกนัและขอ้ดีของวงจรก็คือ ถ้า อุปกรณ์ตวัหน่ึงตวัใดไม่ทา งาน ขดัขอ้งหรือเสียข้ึนมาวงจรทางเดินไฟฟ้าจะไม่ขนาน ซ่ึงตรงกนัขา้มกบั วงจรอนุกรม อุปกรณ์ในวงจรขนานตัวอื่นๆ ยงัคงทา งานไดต้่อไปดงัรูปที่2 รูปวงจรขนาน วงจรเปิ ด (open circuit) : สภาวการณ์ที่ทางเดินไฟฟ้าเกิดขาดวงจร เกิดวงจร หรือไม่ตลบวงจร ทา ใหก้ระแสไฟฟ้าไหลไม่ได้ วงจรลัด (short circuit) : สภาวการณ์ที่เกิดมีการลดัวงจรทางเดินของกระแสไฟฟ้า อัน เนื่องมาจากรอยต่อของสายต่างๆ พลาดถึงกนัมีกระแสไฟฟ้ารั่วต่อถึงกนั เป็ นต้น แอมแปร์ (ampere) : หน่วยการวดัค่าอตัราการไหลของไฟฟ้าที่ผา่นตวันา เราจะใช้อกัษรย่อ ตวัพิมพใ์หญ่A หรือ amp แทน ปกติแล้วหน่วยแอมแปร์น้ีนิยมใชร้ะบุขอบของการใชก้ระแสไฟฟ้าดา้น


227 สูงสุดในการทา งานของอุปกรณ์เครื่องใชไ้ฟฟ้าน้นัอยา่งปลอดภยัอยา่งเช่น เตา้เสียบ 15 แอมแปร์ ฟิ วส์ 30 แอมแปร์ เฮิร์ตซ์ (hertz) : หน่วยความถี่มีค่าเป็นรอบต่อวินาทีการที่อิเล็กตรอนวิ่งไปในทิศทางหน่ึงแลว้ วกกลับมาสู่แหล่งจ่ายไฟฟ้าจากน้นัก็มีอิเล็กตรอนวิ่งออกมาจากแหล่งจ่ายไฟไปในทิศทางหน่ึงวกกลบั มาโดยทิศทางการวิ่งของอิเล็กตรอนท้งั 2 คร้ังวิ่งสวนทางกนั (หรือพูดอีกนบัหน่ึงก็คือวิ่งสลบัไปสลบั มาน้นัเอง) เราเรียกว่า 1 รอบ ความถี่ของระบบไฟฟ้ าบ้านเราใช้ความถี่ 50 เฮิร์ตซ์ใช้สัญลักษณ์ HZ แสดงแทน โอห์ม (ohm) : หน่วยความตา้นทานทางไฟฟ้าใชส้ ัญลกัษณ์แทนดว้ยตวัโอเมกา้ ( ? ) ความ ตา้นทานจะพยายามต่อตา้นการไหลของกระแสไฟฟ้าความตา้นทานเป็นไดท้ ้งัผทู้า งานให้หรือขดัขวาง การท างานให้ผู้ใช้ไฟ มันท างานให้ในขณะที่ใช้มันเป็ นฉนวนหรือใช้ควบคุมวงจร ตวัอยา่งเช่น เทปพนั สายไฟ เตา้เสียบที่ทา จากพลาสติกจะป้องกนัอนัตรายให้กบัผใู้ชไ้ฟได้และใช้ความต้านทานแบบปรับ ค่าได้(rheostat) ปรับความสวา่งของหลอดไฟฟ้าแต่มนัจะขดัขวางการทา งานเมื่อผใู้ชไ้ฟ ใชส้ายไฟเส้น เล็ก และยาวมากๆ หรือมีสนิมตามจุดสัมผสัต่างๆ ของตวันา จะเป็นสาเหตุของการเพิ่มค่าความตา้นทาน ทา ใหเ้กิดความร้อนมากเกินไป พร้อมท้งัเกิดการสูญเสียกา ลงัไฟฟ้าไปในสายตวันา ดว้ย กฎของโอห์ม (Ohm’s law) : กฎที่วา่ดว้ยความสัมพนัธ์ระหว่างแรงดนักระแส และความ ตา้นทานในวงจรไฟฟ้ากฎน้ีกล่าววา่ค่ากระแสไฟฟ้า (I) จะเป็นสัดส่วนโดยตรงกบัค่าแรงดนั ไฟฟ้า (E) และเป็นสัดส่วนผกผนักบัค่าความตา้นทาน (R) สูตร I = E / R โวลต์ (volt) : หน่วยวดัแรงดนั ไฟฟ้า แรงดนั ไฟฟ้าหรือแรงดนัที่ทา ให้เกิดมีการเคลื่อนที่ของ อิเล็กตรอนภายในตัวน าไฟฟ้ า เราใชต้วัยอ่แทนแรงดนั ไฟฟ้าดว้ย V, E หรือ EMF ปกติจะใช้E และ EMF แทนแรงดนัที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้าหรือelectromotive force (ซึ่งเป็ นอีกนิยามหนึ่ง ของคา ว่า โวลต์) เช่นเดียวกับคา ว่า แอมแปร์แรงดันซึ่ งระบุไว้ที่ตัวอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ าจะเป็ น ตวักา หนดขอบเขตการใชแ้รงดนั ไฟฟ้าขณะทา งานไดโ้ดยปลอดภยัเช่น มอเตอร์ 220 โวลต์ เครื่องเป่ า ผม 110 โวลต์เราจะตอ้งใชอุ้ปกรณ์ไฟฟ้ากบัแรงดนัไฟฟ้าตามที่ระบุไวเ้ท่าน้นั แอมมิเตอร์(ammeter) : เป็ นเครื่องวัดทางไฟฟ้ าชนิดหนึ่ง ใชว้ดัค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจร ที่เราต้องการวัด โดยปกติเราจะใช้เครื่องมือน้ีต่ออนุกรมกบัวงจรที่เราตอ้งการวดัค่ากระแส แต่ก็มี เครื่องมือวดัชนิดพิเศษที่ไม่ตอ้งต่อวงจรอนัดบัเขา้กบัวงจรไฟฟ้าน้นัจะไดก้ล่าวถึงในบทต่อๆ ไป โอห์มมิเตอร์ (ohm meter) : เป็ นเครื่องวัดทางไฟฟ้ าชนิดหนึ่ง ใชว้ดัค่าความตา้นทานไฟฟ้า เวลาใชจ้ะตอ้งไม่มีการจ่ายไฟจากแหล่งจ่ายไฟใดในวงจรไฟฟ้าน้นั โวลต์มิเตอร์(volt meter) : เป็ นเครื่องมือวัดทางไฟฟ้ าชนิดหนึ่ง ใชว้ดัค่าแรงดนัไฟฟ้า มัลติมิเตอร์ (multimeter) : เป็นเครื่องมือวดัทางไฟฟ้าชนิดหน่ึงที่สามารถวดัค่าแรงดนักระแส และความตา้นทานไดใ้นเครื่องวดัตวัเดียวกนั


228 National Electric Code : เป็นหนงัสือคู่มือรวบรวมขอ้แนะนา และกฎขอ้บงัคบั ในการติดต้งั อุปกรณ์ไฟฟ้ าให้มีความปลอดภัย แมว้า่จะมีเน้ือหามากมายแต่หนงัสือคู่มือน้ีก็ไม่มีจุดมุ่งหมายส าหรับ การสอน หรือใช้แก่บุคคลที่ไม่เคยผ่านการอบรมมาก่อน ส่วนของไทยเราก็มีคู่มือพวกน้ีหลายแห่ง ดว้ยกนัเช่น คู่มือของการไฟฟ้านครหลวงการพลงังานแห่งชาติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซ่ึงหลกัการและ กฎขอ้บงัคบัส่วนใหญ่ก็คลา้ยๆ กบัของ NEC (National Electric Code) ของต่างประเทศนนั่เอง สวิตซ์อัตโนมัติหรือเซอร์กิตเบรกเกอร์ (circuit breaker) : เป็นอุปกรณ์ป้องกนัที่ใช้จา กดั กระแสไฟฟ้ าสูงสุดในวงจร เมื่อกระแสเกินค่าจา กดัเซอร์กิตเบรกเกอร์จะเปิดวงจรไม่ให้กระแสไฟฟ้า ไหลสู่วงจรอีก จนกว่าจะกดปุ่มทา งานใหม่ ปัจจุบนั ใช้แทนสวิตซ์ฟิวส์กนัมาก เนื่องจากสามารถต่อ วงจรเขา้ไปใหม่ไดท้นัทีในขณะที่ฟิวส์ตอ้งสลบัเปลี่ยนตวัใหม่เขา้ไปแทน และยิ่งในระบบไฟฟ้า 3 เฟส ดว้ยแลว้ถา้เกิดขาดที่ฟิวส์เพียงเส้นเดียวเหลือไฟฟ้ามาแค่2 เฟสเท่าน้นัอาจเกิดการเสียหายไหมข้้ึนที่ มอเตอร์ 3 เฟสได้ หลกัการทา งานของเซอร์กิตเบรกเกอร์จะทา งานโดยอาศยัอา นาจแม่เหล็ก เมื่อมี กระแสไฟฟ้าในวงจรไหลเขา้มามากๆ สนามแม่เหล็กจะดึงสวิตซ์ให้ตดัวงจรออก และบางแบบจะมีตัว ป้องกนักระแสเกินขนาดดว้ยความร้อนต่อร่วมมาดว้ยโดยอาศยัการที่มีกระแสไหลผา่นความตา้นทาน ของตัว ไบเมตอลลิก (bimetallic) (ไบเมตอลลิก เป็นโลหะที่ขยายตวัเมื่ออุณหภูมิสูงข้ึนและหดตวัเมื่อ อุณภูมิต ๋าลง) เมื่อกระแสไหลผ่านมากจะเกความร้อนมาก ตวัไบเมตอลลิกจะขยายตวัดึงให้สวิตซ์ตัด วงจรออกเราใชต้วัอกัษรยอ่แทนเซอร์กิตเบรกเกอร์ดว้ย CB ฟิ วส์ (fuse) เป็นอุปกรณ์ป้องกนัที่ใชจ้า กดักระแสไฟฟ้าสูงสุดในวงจร เมื่อกระแสเกินค่าจา กดั ฟิวส์จะเกิดความร้อนมากข้ึนจนกระทงั่หลอมละลายขาดจากกนัวงจรก็จะเปิด ฟิวส์จะตอ้งอยา่งอนุกรม กบัวงจร หม้อแปลง (transformer) : เป็นอุปกรณ์ที่ใชเ้ปลี่ยนแรงดนั ไฟฟ้าให้สูงข้ึนหรือต่า ลง เพื่อให้ ตรงกบัแรงดนัที่ใชก้บัอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่น มีเครื่องซกัผา้แรงดนั 110 โวลต์แต่มีไฟฟ้าแรงดนั 220 โวลต์เราก็ตอ้งใช้หมอ้แปลงแรงดนั 220 โวลต์ ให้เป็ นแรงดัน 110 โวลต์ จึงจะใช้เครื่องซักผ้าได้ นอกจากน้ีเรายงันิยมใชห้มอ้แปลงกบัเครื่องติดต่อภายใน และระบบเสียงกริ่งเรียกเป็ นต้น เฟส (phase) : หมายถึงชนิดของระบบไฟฟ้าที่ใชม้ีท้งัระบบ 1 เฟส 2 สาย แล 3 เฟส 4 สาย อุปกรณ์ไฟฟ้ า 1 เฟส 2 สายจะใชต้ามบา้นที่อยอู่าศยัส่วนระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สาย นิยมใชก้บัธุรกิจ ใหญ่กบัโรงงานอุตสาหกรรม


229 บรรณานุกรม การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย. (2551). ระบบไฟฟ้ า การเดินสายไฟฟ้ าภายในบ้านแบบติดผนังลอยตัว. กรุงเทพฯ. ------------. (2551). ระบบไฟฟ้ า การเดินสายไฟฟ้ าภายในอาคารแบบติดผนังลอลอดท่อ. กรุงเทพฯ. จินดา ภัทรพงษ์ และอัจฉริยา ทองป้ อง. (2551). สื่อและสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น การศึกษานอกโรงเรียน. พิมพ์ที่ 3 กรุงเทพฯ. หน้า 221-223. บัญชา แสนทวี และคณะ. (2550). สื่อการเรียนรู้ การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) หมวดวิชาวิทยาศาสตร์ SC 20 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. บริษัทวัฒนาพานิช จา กดั,กรุงเทพฯ. หน้า 241. สราวุธ ญาณยุทธ. (2547). หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้ พื้นบาน กลุ่มสาระการเรี ยนรู้ ช่วงชั้นที่ 3 ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น การงานอาชีพและเทคโนโลยี งานช่าง. สา นกัพิมพแ์มค๊จา กดั. หนา้ 59-62. ส านักงาน กศน. (2547). ชุดการเรี ยนทางไกล หมวดวิชาพัฒนาอาชีพ รหัส พอ20 ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น. โรงพิมพอ์งคก์รการรับส่งสินคา้และพสัดุภณัฑ, ์กรุงเทพฯ. หน้า 70, 79 – 81. ------------. (2553). หนังสือเรียนสาระทักษณะความรู้ พื้นฐาน รายวิชาวิทยาศาสตร์ พว.11001 หลักสูตร การศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์คร้ังที่1/2553. บริษทัเอกพิมพไ์ท จา กดักรุงเทพฯ. หนา้159 – 160. สุชาติ วงศ์สุวรรณ.(2546). การเรี ยนรู้ ส าหรับศตวรรษที่ 21 การเรียนรู้ ที่ผู้เรี ยนเป็ นผู้สร้ างความรู้ ด้วย ตนเองโครงงานเอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาการจัดกระบวนการ เรียนรู้ แบบบูรณาการ. โรงเรียนหาดใหญ่วทิยาลยัสมบูรณ์กุลกนัยา จงัหวดัสงขลา.


230 ภาคผนวก 1. แนวทางการพัฒนาศักยภาพทางวิทยาศาสตร์เพื่อการประกอบอาชีพ การประกอบอาชีพมีความสา คญัต่อการดา รงชีวติของมนุษยเ์ป็นอนัมาก ท้งัน้ีเพราะอาชีพไม่ใช่ จะสนองตอบความต้องการของมนุษย์เพียงดา้นเศรษฐกิจเท่าน้นัแต่ยงัสนองความตอ้งการดา้นอื่น เช่น ด้านสังคม และจิตใจ เป็ นต้น การเลือกอาชีพจึงมีความส าคญัต่อชีวิตของบุคคล ถ้าเราเลือกอาชีพได้ เหมาะสมก็มีแนวโนม้ที่จะประสบความส าเร็จในการประกอบอาชีพมีความเจริญกา้วหนาเป็ นอันมาก ้ ในทางตรงกนัขา้ม ถา้เลือกอาชีพไดไ้ม่เหมาะสมโอกาสที่จะประสบความลม้เหลวในการประกอบอาชีพ ก็มีมาก ซ่ึงไดก้า หนดแนวทางแท่งหลกัสูตรของ 5 กลุ่มอาชีพ ดงัน้ี ตาราง วิเคราะห์การพัฒนาศักยภาพทางวิทยาศาสตร์เพื่อการประกอบอาชีพ ด้านกลุ่มอาชีพ ลักษณะอาชีพ เนื้อหาตามสาระ อาชีพที่เกี่ยวข้อง 1. เกษตรกรรม 1. กสิกรรม หมายถึง การ เพาะปลูกพืช เช่น การทา นา การทา สวน การทา ไร่เป็นตน้ 2. ปศุสัตว์ หมายถึง การ ประกอบอาชีพเล้ียงสัตวบ์น บกเช่น เล้ียงววัเล้ียงหมู หรือเล้ียงสัตวจ์า พวกสัตวป์ีก เป็ นต้น 3. การประมง หมายถึง การ ประกอบอาชีพการเกษตร ทางน้า เช่น การเล้ียงสัตวน์ ้า การจบัสัตวน์ ้า เป็นตน้ 4. ด้านป่ าไม้ หมายถึง การ ประกอบอาชีพเกี่ยวกบั ป่า เช่น การปลูกป่าไมเ้ศรษฐกิจ การน าผลผลิตจากป่ ามาแปร รูปใหเ้กิดประโยชน์เป็นตน้ 1. กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ในการน า ความรู้เกี่ยวกบักระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์และ โครงงานไปใช้ เทคโนโลยี กบัชีวติ 2. สิ่งมีชีวติและสิ่งแวดลอ้ม ในการจดักลุ่มของสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ม การอนุรักษ์ภู มิปัญาทอ้งถิ่น และ เทคโนโลยีชีวภาพ 3. พลังงานใน ชีวิตประจ าวันและการ อนุรักษ์พลังงาน 4. ดาราศาสตร์เพื่อชีวิต ความสัมพนัธ์ระหวา่งดวง 1.ปศุสัตว์ ตวัอยา่งอาชีพทางดา้นการ ปศุสัตว์ฟาร์มขนาดใหญ่ ไดแ้ก่เล้ียงไก่พนัธุ์พ้ืนเมือง เล้ียงหมูเล้ียงโคเน้ือ โคนม เล้ียงผ้งึเล้ียงแพะ เล้ียงกบ เล้ียงหอยแมลงภู่แบบแขวน เชือก หอยนางรม เล้ียงไหม เกษตรเล้ียงปลาเกา ในกระดง้ ปลาดุก ปลาตะเพียน เล้ียง เป็ ดเทศ เป็ นต้น 2.ทา ไร่ทา สวน 3.ท านา ตวัอยา่งอาชีพการทา ไร่ทา สวน เช่น การทา ไร่ออ้ย ไร่กระชาย สวนส้มโอ สวน มะม่วง สวนมงัคุด สวน ทุเรียน สวนมะลิ สวนไม้


231 ด้านกลุ่มอาชีพ ลักษณะอาชีพ เนื้อหาตามสาระ อาชีพที่เกี่ยวข้อง อาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ และปรากฎการณ์ ดอกไม้ประดับ ปลูกพืชสวน ครัว เป็ นต้น 2. อุตสาหกรรม 1. อาชีพช่างอุตสาหกรรม เกษตรเช่นฟาร์มโคนม การ ปลูกพืชไร้ดิน โรงงานผลิต ล าไยกระป๋ องและ อุตสาหกรรมแปรรูปผลิตผล ทางเกษตรฯลฯ 2. อาชีพช่างอุตสาหกรรม ผลิตสินคา้สา เร็จรูป เช่น โรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ า โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ โรงงานผลิตรถจักรยาน ฯลฯ 3. อาชีพช่างอุตสาหกรรม ผลิตวตัถุดิบ เช่น โรงงานผลิตยางดิบ โรงงานผลิตน้า มนั ปาลม์ 4. อาชีพช่างอุตสาหกรรม ผลิตสินคา้อุตสาหกรรม เช่น โรงงานผลิตเส้นใยสังเคราะห์ โรงงานผลิตเหล็กรีดร้อนและ เหล็กรีดเย็น 5. อาชีพช่างอุตสาหกรรม น้า มนัเช่น การสา รวจแหล่ง น้า มนัและการขดุเจาะน้า มนั โรงกลนั่น้า มนัเพื่อผลิตน้า มนั ชนิดต่าง ๆ ฯลฯ 6. อาชีพช่างอุตสาหกรรม เครื่องจกัรกลเช่น โรงงานผลิต คอมเพลสเซอร์ เครื่องปรับอากาศ 1. กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ในการน า ความรู้เกี่ยวกบักระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์และ โครงงานไปใช้ เทคโนโลยี กบัชีวติ 2. สิ่งมีชีวติและสิ่งแวดลอ้ม ในการจดักลุ่มของสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดลอ้มและการอนุรักษ์ ภูมิปัญาทอ้งถิ่น และ เทคโนโลยีชีวภาพ 3. สารเพื่อชีวิต ธาตุ สารประกอบ สารละลาย สารและผลิตภัณฑ์ในชีวิต สารสังเคราะห์ ผลกระทบที่ เกิดจากสารและผลิตภณัฑ์ ที่มีต่อสิ่งแวดลอ้ม 4. แรงและพลังงานเพื่อชีวิต การอนุรักษ์พลังงาน และ พลังงานทดแทน 1. การผลิตสินค้าแปรรูป ผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมหรือ หัตถกรรมในครัวเรือน 2. การผลิตสินค้าจ าพวก อะไหล อุปกรณ์ไฟฟ้ า และ ซ่อมบา รุง 3. การผลิตสินค้าในครัวเรือน เช่นน้า มนัพืช ปาลม์ฯลฯ 4. การผลิตเครื่องนอน การ ผลิตตุ๊กตาผ้า 5. การผลิตสินค้าพลาสติก ผงซกั ฟอกขวดน้า ฯลฯ 6. การรับช่วงงานบาง ข้นัตอนของการผลิตมา ด าเนินการ ตวัอยา่งการผลิตสินค้าด้าน


232 ด้านกลุ่มอาชีพ ลักษณะอาชีพ เนื้อหาตามสาระ อาชีพที่เกี่ยวข้อง โรงงานผลิตปั๊มน้า โรงงานผลิตเครื่องยนต์เล็ก โรงงานประกอบ รถจักรยานยนต์ เป็ นต้น 7. อาชีพช่างอุตสาหกรรม รถยนต์เช่น โรงงาน ประกอบรถยนต์ โรงงาน ประกอบตัวถังรถยนต์ ฯลฯ อุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น ทอผา้ตีนจก,ผ้ามัดหมี่,ผ้า ไหม จักรสาน ,ทอเสื่อ เย็บ ผา้ใบ ทา ยางแผน่ทา เส้ือยดื ผ้าปาติก ประดิษฐ์ที่ติดผม ประดิษฐส์ ิ่งของจากกระดาษ สา ประดิษฐ์ของที่ระลึกและ ของชา ร่วย ร้อยพวงมาลัย ดอกพุดส่งร้านขายพวงมาลยั เยบ็เส้ือสา เร็จรูป เผาถ่าน ท า ไส้กรอกอีสาน ท าขนมจีบ เป็ นต้น 3. พาณิชยกรรม การคา้และบริหารที่เกี่ยวกบั การคา้ทุกชนิดไม่วา่จะเป็น การคา้ปลีกคา้ส่งการส่งออก การธนาคารการประกนัภยั และปัญญาประดิษฐ์ในวงการ คอมพิวเตอร์เพื่อพาณิชย กรรม 1. กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ในการน า ความรู้เกี่ยวกบักระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์และ โครงงานไปใช้ 2. สิ่งมีชีวติและสิ่งแวดลอ้ม ในการจดักลุ่มของสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดลอ้มและการอนุรักษ์ 3. พลังงานใน ชีวิตประจ าวันและการ อนุรักษ์พลังงาน 4. เทคโนโลยี 1.ค้าขายสินค้า รับท าจ้าง บัญชี 2.บริการ ผลิตอาหารสา เร็จรูป เช่น - ค้าขายของที่ระลึก ขายสินค้า พ้ืนเมือง ขายก๋วยเตี๋ยวขาย อาหาร ขายสินค้าเบ็ดเตล็ด ขายของช า ขายสินค้า ส าเร็จรูป ขายขนม ขายผลไม้ ขายอาหารและเครื่องดื่ม ขาย ลอตเตอรี่ ขายตุ๊กตา ข่าย ปาท่องโก๋ขายอาหารทะเล สด 3.เป็นคนกลางรับซ้ือ-ขาย ตวัอยา่งอาชีพคา้ขาย เช่น อาชีพพอ่คา้แม่คา้คนกลาง การบริการลูกค้า ขายสัตวเ์ล้ียงขายตวั๋ เครื่องบิน ขายเฟอร์นิเจอร์


233 ด้านกลุ่มอาชีพ ลักษณะอาชีพ เนื้อหาตามสาระ อาชีพที่เกี่ยวข้อง 4. เวชภณัฑ์เช่น ขายยา ขายเครื่องส าอาง ขาย เครื่องประดับท าด้วยเงิน ขายทองรูปพรรณ ขาย ดอกไมส้ด ขายแก็สหุงตม้ ขายตรงเครื่องส าอาง ขายผลผลิตทางการเกษตร สินค้าอุตสาหกรรมที่ตนเอง เป็ นผู้ผลิต เป็ นต้น 4. ความคิด สร้างสรรค์ กลุ่มอาชีพที่ส่งเสริมความคิด สร้างสรรค์” (Creative Profession) 1) ประเภทมรดกทาง วัฒนธรรม (Heritage or Cultural Heritage) เป็นกลุ่ม อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกบั ประวัติศาสตร์ โบราณคดี วัฒนธรรม ประเพณี ความ เชื่อ และสภาพสังคม เป็ นต้น แบ่งออกเป็น 2กลุ่ม คือกลุ่ม การแสดงออกทางวัฒนธรรม แบบด้งัเดิม (Traditional Cultural Expression) เช่น ศิลปะและงานฝี มือ เทศกาล งานและงานฉลอง เป็ นต้น และกลุ่มที่ต้งัทางวฒันธรรม (Cultural Sites) เช่น โบราณสถาน พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด และการแสดง นิทรรศการ เป็ นต้น 2) ประเภทศิลปะ (Arts) 1. กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ในการน า ความรู้เกี่ยวกบักระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์และ โครงงานไปใช้ เทคโนโลยี กบัชีวติ 2. สิ่งมีชีวติและสิ่งแวดลอ้ม ในการจดักลุ่มของสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดลอ้มและการอนุรักษ์ 3. สารเพื่อชีวิต ธาตุ สารประกอบ สารละลาย สารและผลิตภัณฑ์ในชีวิต สารสังเคราะห์ ผลกระทบที่ เกิดจากสารและผลิตภัณฑ์ ที่มีต่อสิ่งแวดลอ้ม 4. แรงและพลังงานเพื่อชีวิต การอนุรักษ์พลังงาน และ พลังงานทดแทน 5. พลังงานใน ชีวิตประจ าวันและการ แบ่งออกเป็น 9กลุ่มไดแ้ก่ 1) งานฝี มือและหัตถกรรม (Crafts) 2) งานออกแบบ (Design) 3) แฟชนั่(Fashion) 4) ภาพยนตร์และวิดีโอ (Film & Video) 5) การกระจายเสียง (Broadcasting) 6) ศิลปะการแสดง (Performing Arts) 7) ธุรกิจโฆษณา (Advertising) และ ธุรกิจการพิมพ์(Publishing) 9) สถาปัตยกรรม (Architecture)


234 ด้านกลุ่มอาชีพ ลักษณะอาชีพ เนื้อหาตามสาระ อาชีพที่เกี่ยวข้อง เป็นกลุ่มอุตสาหกรรม สร้างสรรคบ์นพ้ืนฐานของ ศิลปะและวฒันธรรม แบ่ง ออกเป็ น 2กุล่ม คืองาน ศิลปะ (Visual Arts) เช่น ภาพวาด รูปป้ัน ภาพถ่ายและ วตัถุโบราณ เป็นตน้รวมท้งั ศิลปะการแสดง (Performing Arts) เช่น การแสดงดนตรี การแสดงละคร การเต้นร า โอเปร่าละครสัตว์และการ เชิดหุ่นกระบอกเป็นตน้ 3) ประเภทสื่อ (Media) เป็น กลุ่มสื่อผลิตงาน สร้างสรรคท์ ี่สื่อสารกบัคน กลุ่มใหญ่แบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม คืองานสื่อสิ่งพิมพ์ (Publishing and Printed Media) เช่น หนงัสือ หนงัสือพิมพ์และสิ่งตีพิมพ์ อื่นๆ เป็ นต้น และงานโสต ทัศน์ (Audiovisual) เช่น ภาพยนตร์โทรทัศน์ วิทยุ และ การออกอากาศอื่นๆ เป็ นต้น 4) ประเภทสร้างสรรค์งาน (Functional Creation) เป็ น กลุ่มของสินค้าและบริการที่ ตอบสนองความต้องการของ ลูกคา้ที่แตกต่างกนัแบ่ง ออกเป็ น 3กลุ่ม คือ กลุ่มการออกแบบ (Design) อนุรักษ์พลังงาน


235 ด้านกลุ่มอาชีพ ลักษณะอาชีพ เนื้อหาตามสาระ อาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่น การออกแบบภายใน กราฟิคแฟชนั่อญัมณีและ ของเด็กเล่น เป็นตน้ ส่วนกลุ่ม New Media ไดแ้ก่ ซอฟต์แวร์ วิดีโอเกม และ เน้ือหาดิจิตอลเป็นตน้ และกลุ่มบริการทางความคิด สร้างสรรค์ (Creative Services) ไดแ้ก่บริการทาง สถาปัตยกรรม โฆษณา วัฒนธรรมและนันทนาการ งานวิจัยและพัฒนา และ บริการอื่นที่เกี่ยวขอ้งกบั ดิจิตอล และความคิด สร้างสรรค์ เป็ นต้น 5. บริหารจัดการ และบริการ อาชีพการให้บริการ (Service Sector) เป็ นอาชีพที่ ผู้ประกอบการมีสินค้าเป็ น การบริการ เพื่ออ านวยความ สะดวกใหแ้ก่ผซู้้ือบริการหรือ ลูกค้า คุณภาพของสินค้า บริการ คือความพึงพอใจจาก การใชบ้ริการน้นัๆ รายได้ คือค่าตอบแทนที่ไดจ้ากการ บริการ การประกอบอาชีพ ประเภทน้ีตอ้งการเงินลงทุน ไม่มากนกัเมื่อเทียบกบการั ลงทุนด้านการผลิตสินค้า กระบวนการไม่ซบัซอ้น เพียงแต่ผใู้หบ้ริการตอ้งเป็นผู้ ที่มีความรู้ความสามารถและ 1. กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ในการน า ความรู้เกี่ยวกบักระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์และ โครงงานไปใช้ เทคโนโลยี กบัชีวติ 2. สิ่งมีชีวติและสิ่งแวดลอ้ม ในการจดักลุ่มของสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดลอ้มและการอนุรักษ์ 3. สารเพื่อชีวิต ธาตุ สารประกอบ สารละลาย สารและผลิตภัณฑ์ในชีวิต สารสังเคราะห์ ผลกระทบที่ เกิดจากสารและผลิตภณัฑ์ ตวัอยา่งอาชีพบริการ ช่างซ่อม เช่น ช่างซ่อม มอเตอร์ไซด์ ช่างซ่อม รถยนต์ ช่างเคาะปะผแุละพน่ สีรถยนต์ ช่างซ่อมเบาะ รถยนต์ ช่างซ่อมโทรทัศน์ วิทยุ ช่างซ่อมเครื่องใชไ้ฟฟ้า ช่างเชื่อมโลหะ ช่างทา หลังคาอะลูมิเนียม เสริมสวยความงาม เช่น ช่าง ตดัเยบ็เส้ือผา้ช่างเสริมสวยช่างแต่งหนา้นวดหนา้ช่าง ท าผม ช่างตดัผมบุรุษ ช่างศิลป์ช่างเขียน ภาพเหมือน ช่างศิลป์ทา


236 ด้านกลุ่มอาชีพ ลักษณะอาชีพ เนื้อหาตามสาระ อาชีพที่เกี่ยวข้อง มีประสบการณ์ หรือ เชี่ยวชาญในอาชีพ ที่มีต่อสิ่งแวดลอ้ม 4. แรงและพลังงานเพื่อชีวิต การอนุรักษ์พลังงาน และ พลังงานทดแทน พลังงาน ไฟฟ้ า พลังงานแสง พลังงานเสียง พลังงานใน ชีวิตประจ าวันและการ อนุรักษ์พลังงาน โปสเตอร์โฆษณา ช่าง ก่อสร้าง ช่างจดัดอกไมส้ด, ดอกไม้แห้ง รับจา้งทวั่ ไป เช่น รับเล้ียงเด็ก อ่อน บริการซักอบรีด บริการใหเ้ช่าวดีีโอ,หนังสือ อ่านเล่น บ้านพักตาก อากาศ,หอพัก สกูตเตอร์ชาย หาด,รถเช่า ขับรถแท็กซี่, มอเตอร์ไซด์รับจ้าง,รถรับจ้าง ระหวา่งหมู่บา้น,สามล้อ บริการถ่ายเอกสาร,รับพิมพ์ รายงาน เล่นดนตรีใน ร้านอาหาร รับเหมาแกะหอย นางรม รับเหมาสับตระไคร้ ส่งโรงงาน รับเหมาก่อสร้าง เป็ นต้น


237 บรรณานุกรม สา นกังานพฒันาวทิยาศาสตร์และเทคโนโลยแีห่งชาติ. 2549. รู้ใช้รู้เทคนิค ในห้องปฏิบัติการ. กรุงเทพ ฯ : รักลูกแฟมิลี่กรุ๊ป จา กดั. เอกรินทร์ สี่มหาศาล และคณะ. วิทยาศาสตร์ ป.6 .กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์ อจท. จา กดั. http://www.nc.ac.th/WEB%20E_BOOK/unit1_4_4.htm http://my.thaimail.com/mywebboard/readmess.php3?user=mr.neo&idroom=2&idforum=45&login=& keygen=&nick= http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php http://www.school.net.th/library/create-web/10000/science/10000-6250.html http://www.maceducation.com/e-knowledge/2412212100/16.htm http://th.wikipedia.org/wiki http://gotoknow.org/file/chiew-buncha/salt_farm.jpg http://media.photobucket.com/image/ http://www.thaitambon.com/thailand/Trat/230103/0683184742/FB849_1674A.jpg http://www.boatbook.co.th/prdimg/600-6075.jpg http://www.bloggang.com/data/oordt/picture/1228099928.jpg http://www.thaidbmarket.com/uploads/20090309-130917-.jpg http://www.siamonlineshop.com/picpost/Qshow51637.jpg http://www.thaitarad.com/shop/kaisong/images/product/711996b4c4e3881b5dd42c07395cc02e.jpg http://www.lancome-th.com/upload/product/thumbnail/pm-299-5421.jpg http://www.igetweb.com/www/shoppergirl/catalog/p_32791.jpg http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php http://www.dbh2008.com/lesson/show.php?id=21


238 คณะผ ู้จดัท า ที่ปรึกษา 1. นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการ กศน. 2. นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองเลขาธิการ กศน. 3. นายวัชรินทร์ จ าปี รองเลขาธิการ กศน. 4. นางวัทนี จันทร์โอกุล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาสื่อการเรียนการสอน 5. นางชุลีพร ผาตินินนาท ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะดา้นเผยแพร่ทางการศึกษา 5. นางอัญชลี ธรรมวิธีกุล หวัหนา้หน่วยศึกษานิเทศก์ 6. นางศุทธินี งามเขตต์ ผอู้า นวยการกลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน ผู้เขียนและเรียบเรียง 1. นายสงัดประดิษฐ์สุวรรณ์ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2. นายประกิต จันทร์ศรี ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสมุทรสาคร 3. นายสุชาติ มาลากรรณ์ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา 4. นายชยักิจ อนันตนิรัติศัย ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาตรัง ผู้บรรณาธิการและพฒันาปรับปรุง 5. นายสงัดประดิษฐ์สุวรรณ์ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 6. นายประกิต จันทร์ศรี ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสมุทรสาคร 7. นายสุชาติ มาลากรรณ์ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา 8. นายชยักิจ อนันตนิรัติศัย ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาตรัง 9. นางธัญญวดี เหล่าพาณิชย์ ข้าราชการบ านาญ 10. นางสาวชนิตา จิตต์ธรรม ข้าราชการบ านาญ คณะท างาน 1. นายสุรพงษ์ มนั่มะโน กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 2. นายศุภโชค ศรีรัตนศิลป์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 3. นางสาววรรณพร ปัทมานนท์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 4. นางสาวศริญญา กุลประดิษฐ์ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน 5. นางสาวเพชรินทร์ เหลืองจิตวัฒนา กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน


239 คณะบรรณาธิการและพัฒนาปรับปรุง ครั้งที่ 2 1. นายสงัด ประดิษฐสุวรรณ ผู้อ านวยการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2. นายมาโนชฐ์ ลาภจิตร รองผู้อ านวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครราชสีมา 3. นางจันทร์ศรี อาจสุโพธ์ิ รองผู้อ านวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาอุบลราชธานี 4. นางณัฐพร มนูประเสริฐ ครูช านาญการพิเศษ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาขอนแก่น 5. นางอัญอฑิกา คชเสนีย์ ครูช านาญการพิเศษ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสมุทรสาคร 6. นายชัยพัฒน์ พันธุ์วัฒนสกุล นักวิชาการศึกษาช านาญการพิเศษ กลุ่มพฒันาการศึกษานอกโรงเรียน


Click to View FlipBook Version