The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebookchon, 2022-11-21 15:27:54

รายงานโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคล

รายงานโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคล

รายงานการประเมนิ โครงการ
ส่งเสริมการอ่านห้องสมดุ เคล่อื นทน่ี ำความรสู้ ู่ชุมชน

(Lidray Deliery)
ประจำปีงบประมาณ 2565

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอเชยี งขวัญ

สำนกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัดร้อยเอ็ด
สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย
สำกนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธกิ าร

ประเมินโครงการ
ส่งเสริมการอ่านหอ้ งสมดุ เคล่ือนที่นำความรู้สูช่ ุมชน

(Lidray Deliery)
ประจำปีงบประมาณ 2565

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอเชียงขวญั

สำนักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั ร้อยเอ็ด
สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย
สำกนกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธกิ าร

คำนำ

เอกสารประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคล่ือนทน่ี ำความรู้สชู่ ุมชน (Lidray Deliery)
ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ สำนักงานส่งเสริมการการศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการดำเนิน
โครงการ โดยการประเมินโครงการในครั้งนี้ ผู้ประเมินได้ทำการประเมินในรูปแบบ CIPP MODEL
ซึ่งประเมินในดา้ นต่าง ๆ ของโครงการ ประกอบด้วย ประเมินสภาวะแวดล้อม ได้แก่ การประเมินหลกั การ
วัตถุประสงค์ของโครงการ เป้าหมายของโครงการ และการเตรียมการภายในโครงการ ประเมินปัจจัย
นำเข้า ได้แก่ การประเมนิ ความเหมาะสมของหลักสตู ร เนื้อหาและระยะเวลา และประเมินทรพั ยากร ได้แก่
งบประมาณ สถานที่ บคุ ลากร สอ่ื เทคโนโลยี วัสดุอปุ กรณ์ ทใ่ี ช้ในโครงการ ประเมนิ กระบวนการ ไดแ้ ก่ การ
ประเมินการดำเนินงานของโครงการ โดยประเมินว่ากิจกรรมของโครงการเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
หรือไม่ รวมทั้งประเมินถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินกิจกรรมของโครงการ ประเมินผลผลิต ได้แก่
การประเมินผลคณุ ภาพผู้รว่ มโครงการเพื่อนำไปใชใ้ นการตรวจสอบผลการดำเนนิ โครงการสง่ เสริมการอา่ น
ห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery)า ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศยั อำเภอเชยี งขวัญ สำนกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดร้อยเอ็ด
และเพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำ
ความรู้สชู่ ุมชน (Lidray Deliery) ของศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอเชียงขวัญ
สำนักงานส่งเสริมการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งผลที่ได้จากการ
ประเมินโครงการในคร้ังนี้ ผ้ปู ระเมนิ จะไดน้ ำไปพฒั นาและปรับปรุงการจัดทำโครงการในครัง้ ต่อ ๆ ไป

ขอขอบคุณ ท่านผู้ทรงคุณวุฒิที่ให้คำปรึกษาแนะนำ และขอขอบคุณผู้เข้าร่วมโครงการ และผู้
ดำเนินโครงการทีใ่ ห้ความร่วมมือในการใหข้ ้อมูลในการประเมินโครงการในครงั้ นี้ ทำให้การดำเนนิ งานบรรลุ
เป้าหมายตามวัตถุประสงค์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
อำเภอชยี งขวญั และผทู้ ่ีเกยี่ วข้องในการพฒั นางานให้มคี วามก้าวหนา้ ตอ่ ไป

นายเทพพร ธานีวรรรณ
บรรณารักษ์หอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอเชยี งขวญั

บทคัดย่อ

ช่ือเรือ่ ง โครงการส่งเสรมิ การอา่ นหอ้ งสมุดเคลื่อนท่นี ำความร้สู ู่ชุมชน (Lidray Deliery)

ผ้รู บั ผิดชอบ นายเทพพร ธานวี รรณ
บรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชนอำเภอเชยี งขวญั

วตั ถุประสงคข์ องการประเมินโครงการ
1. เพื่อประเมินสภาวะแวดล้อม (context Evaluation) เป็นการประเมินหลักการ วัตถุประสงค์

ของโครงการ เป้าหมายของโครงการ และการเตรียมการภายในโครงการ
2. เพือ่ ประเมินปจั จยั เบื้องต้น (Input Evaluation) เปน็ การประเมินความเหมาะสมของหลักสูตร

ได้แก่ เนื้อหาและระยะเวลา และประเมินทรัพยากร ได้แก่ งบประมาณ สถานที่ บุคลากร สื่อเทคโนโลยี
วัสดุอปุ กรณ์ ทใ่ี ชใ้ นโครงการ

3. เพือ่ ประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) เปน็ การประเมินการดำเนนิ งานของโครงการ
โดยประเมินว่ากิจกรรมของโครงการเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้หรือไม่ รวมทั้งประเมินถึงปัญหาอุปสรรค
ในการดำเนินกิจกรรมของโครงการ

4. เพ่อื ประเมินผลผลิต (Product Evaluation) เปน็ การประเมินความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับผู้ร่วม
โครงการสง่ เสริมการอ่านห้องสมุดเคล่ือนท่ีนำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery) และการนำความรู้ใช้ได้จริง
และสามารถเผยแพร่ให้กับผู้อื่นได้ ซึ่งเป็นประเมินความรู้ของผู้ร่วมโครงการ ทั้งก่อนและหลังการเข้ารับ
การรว่ มโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมดุ เคลื่อนที่นำความรู้ส่ชู ุมชน (Lidray Deliery) ของศูนย์การศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ สำนักงานส่งเสริมการการศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ร้อยเอด็

วธิ ดี ำเนนิ การประเมินโครงการ
การประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery) ของ

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด ดำเนินการในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึง 31
มีนาคม 2565 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ได้มาโดยแบบเจาะจง (Purposive Random
sampling) รวม 50 คน ได้แก่ ผรู้ ่วมโครงการ จำนวน 00 คน และครู บุคลากร เจา้ หน้าที่ ศูนย์การศกึ ษา
นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอเชยี งขวัญจำนวน 13 คน โดยดำเนินการประเมนิ โครงการตาม
รูปแบบ CIPP MODEL

รูปแบบการประเมนิ โครงการ
การประเมินโครงการโดยใชแ้ นวคิดเกย่ี วกบั การประเมินผลโครงการตามรูปแบบ CIPP MODEL

เครือ่ งมอื ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมลู คือ การวเิ คราะหผ์ ลการประเมินโครงการ โดยใช้ X , S.D. และ
เปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์เฉลี่ย

ผลการประเมินโครงการ

ผลการประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery)
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ โดยรวมเฉลี่ยทุกด้านอยู่ในระดับ
มากที่สุด และมีคะแนนเฉลี่ยในแต่ละด้าน ดังนี้คือ ด้านสภาวะแวดล้อม มีค่าคะแนนเฉลี่ย 4.49 ค่า S.D.
เท่ากับ 0.75 ด้านปัจจัยเบื้องต้น มีคะแนนเฉลี่ย 4.57 และมีค่า S.D. เท่ากับ 0.65 ด้านกระบวนการ มี
คะแนนเฉลี่ย 4.49 ค่า S.D. เท่ากับ 0.78 ด้านผลผลิต มีคะแนนเฉลี่ย 4.57 และมีค่า S.D. เท่ากับ 0.67
และจากการสำรวจความพึงพอใจของผรู้ ่วมกจิ กรรม กศน. ของศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด
รอ้ ยเอ็ด มีผลการประเมนิ ความพงึ พอใจโดยรวมเฉล่ียทุกด้านอยู่ในระดับ มาก และมีคะแนนเฉล่ียในแต่ละ
ด้านดังนี้คอื ดา้ นวิชาการมีคะแนนเฉล่ีย 4.55 คา่ S.D. 0.71 ด้านครู วิทยากร ผูถ้ ่ายทอดความรู้ มีคะแนน
เฉลยี่ 4.48 คา่ S.D. 0.76 และด้านอาคารสถานทีจ่ ัดกจิ กรรม มีคะแนนเฉล่ีย 4.42 คา่ S.D. 0.85

สารบญั หนา้

บทคัดยอ่ 1
บทที่ 1 บทนำ
1
ความเปน็ มาของการประเมินโครงการ 2
วัตถปุ ระสงคข์ องการประเมินโครงการ 3
ขอบเขตของการประเมินโครงการ 4
ระยะเวลาการประเมนิ โครงการ 5
กรอบแนวคิดในการประเมนิ โครงการ 6
นิยามศพั ท์
8
ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ 9
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กยี่ วขอ้ ง
10
รายละเอียดโครงการสง่ เสริมการอา่ นหอ้ งสมุดเคลือ่ นท่นี ำความรสู้ ชู่ ุมชน (Lidray Deliery) 14
แนวคิดและหลกั การเก่ียวกับการประเมินโครงการ 19
แนวคดิ เกยี่ วกับการจดั กจิ กรรมสง่ เสริมการอา่ น 21
ทฤษฏีท่เี ก่ยี วกบั ความพงึ พอใจ 24
ข้อมลู พ้นื ฐานศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอเชยี งขวญั 31
การจดั กจิ กรรมส่งเสรมิ การอ่าน 35
เอกสารงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง 37
บทที่ 3 วธิ กี ารประเมินโครงการ
37
รูปแบบการประเมนิ โครงการ 38
ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 38
เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการประเมินโครงการ 41
การวิเคราะหข์ ้อมูล 41
สถิติทีใ่ ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล 43
บทที่ 4 ผลการประเมินโครงการ
43
ผลการประเมินโครงการ 43
ผลการประเมินโครการตามรูปแบบ CIPP Model 44
ผลการประเมนิ โครงการด้านปัจจยั เบ้ืองต้น 45
ผลการประเมนิ โครงการด้านกระบวนการ หลงั การดำเนินการ

ระดบั ความพึงพอใจของผู้ร่วมโครงการส่งเสรมิ การอา่ น 48

สารบญั (ต่อ) หนา้
51
บทที่ 5 สรปุ ผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ 51
วตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ โครงการ 51
ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 52
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน 53
อภปิ รายผล 54
ขอ้ เสนอแนะ
56
ภาคผนวก 57
ภาคผนวก ก รายนามผูเ้ ชยี่ วชาญ 58
ภาคผนวก ข แผนการใชจ้ า่ ยงบประมารณ 62
ภาคผนวก ค โครงการ 66
ภาคผนวก ง คำสงั่ โครงการ 67
ภาคผนวก จ แบบประเมนิ โครงการ 73
ภาคผนวก ช รายช่ือผู้ร่วมกจิ กรรม 79
ภาพกิจกรรม
ประวตั ผิ ทู้ ำวิจยั

สารบญั ตาราง

ตาราง หนา้

ตารางที่ 1 แสดงความสัมพันธ์ ระหว่างประเภทของการประเมนิ ประเภทการตดั สนิ ใจ 18
และการนำไปใช้ ประโยชน์ 25

ตารางที่ 2 แสดงจำนวนบคุ ลากรในศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอเชยี งขวัญ

ตารางที่ 3 แสดงจำนวน กศน.ตำบลในสังกัดศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั 26
อำเภอเชยี งขวัญ

ตารางที่ 4 แสดงจำนวนและร้อยละนกั ศึกษากิจกรรมการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ปีงบประมาณ 2564 29

ตารางท่ี 5 แสดงจำนวนและร้อยละนักศึกษากิจกรรมการจดั การศึกษาต่อเนื่อง ปีงบประมาณ 2564 29

ตารางที่ 6 แสดงจำนวนและร้อยละผู้รับบริการการเรียนรตู้ ามอัธยาศยั ปงี บประมาณ 2564 30

ตารางท่ี 7 แสดงจำนวน กจิ กรรม ผเู้ รยี น ผ้รู ับบรกิ าร พน้ื ที่ดำเนินการ การจัดกิจกรรมการการศกึ ษาตาม 30

อัธยาศัย ปีงบประมาณ 2564

ตารางที่ 8 ผลการประเมินโครงการดา้ นสภาวะแวดลอ้ ม 43

ตารางท่ี 9 ผลการประเมนิ โครงการดา้ นปัจจัยเบ้ืองต้น 44

ตารางท่ี 10 ผลการประเมนิ โครงการดา้ นกระบวนการ 45

ตารางที่ 11 ผลการประเมินโครงการดา้ นผลผลติ 46

ตารางท่ี 12 แสดงจำนวนรอ้ ยละของขอ้ มลู ท่ัวไปผู้ตอบแบบสอบถาม 47

ตารางที่ 13 ระดับความพึงพอใจของผู้ร่วมโครงการ 48

ตารางท่ี 14 ระดบั ความพงึ พอใจของผรู้ ว่ มโครงการ 49

สารบญั ภาพ

ภาพ หนา้
5
ภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ ในการประเมินโครงการส่งเสรมิ การอ่านหอ้ งสมดุ เคลื่อนทน่ี ำความรู้ส่ชู มุ ชน
(Lidray Deliery) 37

ภาพที่ 2 กรอบแนวคิดการประเมนิ โครงการในรูปแบบ CIPP

บทที่ 1

บทนำ

ความเป็นมาของการประเมนิ โครงการ

การอ่านเป็นสิ่งท่ีมนุษยเ์ ราสรา้ งสรรค์ข้ึนเพื่อตอบสนองความอยากรู้เร่ืองราวส่ิงต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นใน
ชีวติ และอยรู่ อบ ๆ ตัวเราเอง และมีผู้บันทึกไว้ด้วยตัวหนังสอื ในภาษาที่เผ่าพันธนุ์ ้นั ๆ ประดษิ ฐข์ ้นึ ใชส้ ่ือสาร
เมือ่ มีภาษาจงึ เกิดการถ่ายทอดด้วยการใช้ขีดเขียน บันทึกและสอนจากรนุ่ ส่รู ุ่นต่อ ๆ ไปแตบ่ างคนเรียนอ่าน
ยาก จำเป็นต้องอาศัยการแนะนำ สั่งสอน ด้วยกลวิธีที่หลากหลาย รวมทั้งต้องฝึกฝนตนเองด้วยใหไ้ ด้รับรส
ของการอ่าน เห็นประโยชน์ที่เกิดจากอ่าน การอ่านมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนโต และ
จนกระทั่งถึงวัยชรา การอ่านทำให้รู้ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันเป็นโลกของข้อมูลข่าวสารต่าง
ๆ ทั่วโลก ทำให้ผู้อา่ นมีความสขุ มีความหวัง และมีความอย่ากรู้อยากเห็น อันเป็นความต้องการของมนุษย์
ทกุ คน การอา่ นมปี ระโยชน์ในการพัฒนาตนเอง คือ พฒั นาการศึกษา พัฒนาอาชพี พัฒนาคณุ ภาพชีวิต ทำ
ให้เป็นคนทนั สมัย ทันตอ่ เหตุการณ์ณ์ และมคี วามอยากรู้อยากเห็น การท่จี ะพฒั นาประเทศให้เจริญรุ่งเรื่อง
กา้ วหน้าได้ ตอ้ งอาศัยประชาชนท่ีมีความรคู้ วามสามารถ ซ่ึงความรู้ตา่ ง ๆ ก็ได้มาจาการอ่าน

สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยได้กำหนดนโยบายและจุดเน้น
การดำเนินงาน สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยประจำปีงบประมาณ
พ.ศ.2565 โดยมีวิสัยทัศน์ กศน. เพื่อประชาชน “ก้าวใหม่ : ก้าวแห่งคุณภาพ” มุ่งเน้นการสร้าง
สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ การพัฒนาเด็กตั้งแต่ช่วงการตั้งครรภ์
จนถึงปฐมวัย การพฒั นาช่วงวยั เรียน/วยั รุ่น การพฒั นาและยกระดับศักยภาพวัยแรงาน รวมถึงการส่งเสริม
ศักยภาพวัยผู้สูงอายุ ประเด็นการพัฒนาการเรียนรู้ ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษท่ี 21 และ
พหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย ประกอบกับแผนการปฏิรูป ประเทศด้านการศึกษา นโยบายรัฐบาลทั้ง
ในส่วนนโยบายหลักด้านการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ และการพัฒนาศักยภาพ คนตลอดช่วงชีวิต และ
นโยบายเร่งด่วนเรื่องการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ตลอดจนแผนพัฒนาประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยคาดหวังว่าการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ประชาชนจะได้รับ การพัฒนาการเรียนรู้ให้เป็นคนดี
คนเก่งมีคุณภาพ และมีความพร้อมร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
การศึกษาตามอัธยาศัยสร้างสมรรถนะและทักษะคุณภาพ การจัดการศึกษาตลอดชีวิตที่เน้นการพัฒนา
ทักษะที่จำเป็นสำหรับแตล่ ะช่วงวัยและการจดั การศึกษาและการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
และบริบทพื้นที่ ด้านองค์กร สถานศึกษา และแหล่งเรียนรู้คุณภาพ ปรับรูปแบบกิจกรรมในห้องสมุด
ประชาชน ที่เน้น Library Delivery เพื่อเพิ่มอัตราการอ่าน และการรู้หนังสือของประชาชน สามารถนำไป
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันรวมถึงการแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างสร้างสรรค์ (นโยบายและ
จดุ เนน้ การดำเนนิ งาน สำนกั งาน กศน. ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 : 3)

2

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญและห้องสมุดประชาชน
อำเภอเชียงขวัญ ซึ่งทำหน้าที่ในการจัดและส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่มี
คุณภาพ เพื่อยกระดับการศึกษา พัฒนาทักษะการเรียนรู้ของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมทุก
ช่วงวัย พรอ้ มรับการเปล่ยี นแปลงบรบิ ททางสังคม และสรา้ งสงั คมแห่งการเรียนรู้ ประชาชนได้รับการสร้าง
และส่งเสริมให้มีนิสัยรักการอ่านเพื่อการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ
เพื่อผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีนิสัยรักการอ่านและเพิ่มอัตราการอ่าน การรู้หนังสือ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี
ทางการศึกษา และนำเทคโนโลยีมาพัฒนาเพื่อเพิ่มช่องทางและโอกาสการเรียนรู้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้
ในชีวิตประจำวันรวมถึงการแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างสร้างสรรค์ สร้างเสริมประสบการณ์
และพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมายให้เกิดความงอกงามทางสติปัญญานำสู่ความเจริญด้านสังคมและ
ประเทศชาติ

วตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ โครงการ

การดำเนนิ การประเมนิ โครงการในครงั้ นผ้ี ู้ประเมินได้ดำเนินการประเมนิ โดยใช้รปู แบบซิป โมเดล
( CIPP Model ) ในการประเมิน 4 ดา้ น ดังนี้

1. เพื่อประเมินสภาวะแวดล้อม (context Evaluation) เป็นการประเมินหลักการ วัตถุประสงค์
ของโครงการ เปา้ หมายของโครงการ และการเตรียมการภายในโครงการ

2. เพือ่ ประเมินปัจจัยเบ้ืองต้น (Input Evaluation) เป็นการประเมนิ ความเหมาะสมของหลักสูตร
ได้แก่ เนื้อหาและระยะเวลา และประเมินทรัพยากร ได้แก่ งบประมาณ สถานที่ บุคลากร สื่อเทคโนโลยี
วสั ดุอปุ กรณ์ ท่ีใชใ้ นโครงการ

3. เพอ่ื ประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) เป็นการประเมินการดำเนินงานของโครงการ
โดยประเมินว่ากิจกรรมของโครงการเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้หรือไม่ รวมทั้งประเมินถึงปัญหาอุปสรรค
ในการดำเนินกจิ กรรมของโครงการ

4. เพอ่ื ประเมนิ ผลผลติ (Product Evaluation) เป็นการประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผู้รว่ ม
โครงการสง่ เสรมิ การอ่านห้องสมดุ เคล่ือนทีน่ ำความรู้สู่ชมุ ชน (Lidray Deliery) และการนำความรใู้ ชไ้ ดจ้ ริง
และสามารถเผยแพรใ่ ห้กบั ผ้อู ่ืนได้ ซึง่ เป็นประเมินความรู้ของผรู้ ว่ มโครงการ ท้ังก่อนและหลงั การเข้ารบั
การรว่ มโครงการสง่ เสรมิ การอ่านห้องสมุดเคลื่อนทนี่ ำความรสู้ ชู่ ุมชน (Lidray Deliery) ของศูนยก์ ารศกึ ษา
นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอเชียงขวญั สำนกั งานส่งเสรมิ การการศึกษานอกระบบและ
การศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวัดรอ้ ยเอด็

3

ขอบเขตการประเมนิ โครงการ

1. ขอบเขตการประเมิน การประเมินครั้งนี้เป็นการรายงานการประเมินโครงการส่งเสริมการ
อ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery) ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศยั อำเภอเชยี งขวญั สำนกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดร้อยเอ็ด
โดยใช้รปู แบบซิป โมเดล (CIPP Model)

ในการประเมนิ 4 ด้าน ดงั นี้
1.1 การประเมนิ สภาวะแวดล้อม (Context Evaluation) ซึ่งจะชว่ ยในการตัดสินใจ

เกีย่ วกับการวางแผนในการกำหนดวัตถปุ ระสงค์
1.2 การประเมินปัจจัยเบื้องตน้ (Input Evaluation) เป็นการตดั สนิ ใจเก่ยี วกบั โครงสรา้ ง

เพ่ือกำหนดรปู แบบของโครงการ
1.3 การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) เปน็ การตดั สนิ ใจในดา้ นการ

ประยกุ ตใ์ ชเ้ พอ่ื ควบคุมการดำเนนิ การของโครงการ
1.4 การประเมินผลผลติ (Product Evaluation) จะชว่ ยในการตัดสินใจเพ่ือตดั สนิ และดู

ผลสำเรจ็ ของโครงการ

2. ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง
2.1 ประชากรในการประเมินคร้งั น้ี รวมจำนวนประชากรทง้ั หมด 73 คน ประกอบดว้ ย
2.1.1 ขา้ ราชการครู กศน. ประจำศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย

อำเภอเชียงขวญั สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวัดรอ้ ยเอด็
จำนวน 3 คน

2.1.2 ครูอาสาสมัครฯ กศน. ประจำศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย
อำเภอเชยี งขวญั สำนกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด
จำนวน 2 คน

2.1.3 ครู กศน.ตำบล ประจำศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอ
เชียงขวญั สำนักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั ร้อยเอ็ด จำนวน 6
คน

2.1.4 ครูผูส้ อนคนพิการ ประจำศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั
อำเภอเชียงขวัญ สำนักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดร้อยเอ็ด
จำนวน 1 คน

2.1.5 บรรณารักษห์ ้องสมุดประชาชนอำเภอเชียงขวญั ประจำศนู ย์การศกึ ษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชยี งขวญั สำนกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตาม
อธั ยาศยั จังหวดั รอ้ ยเอด็ จำนวน 1 คน

2.1.6 ผรู้ ว่ มโครงการสง่ เสรมิ การอ่านห้องสมุดเคลอ่ื นท่นี ำความรสู้ ชู่ มุ ชน (Lidray Deliery
จำนวน 50 คน

4

2.2 กลุม่ ตัวอย่างทใี่ ช้ในการประเมินครัง้ น้ไี ด้มาแบบเจาะจง (Purposive Random sampling)
รวมจำนวนกลมุ่ ตัวอย่างในการประเมินโครงการครั้งน้ที ้งั หมด 73 คนประกอบด้วย

2.2.1 ข้าราชการครู กศน. ประจำศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
อำเภอเชียงขวัญ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด
จำนวน 3 คน

2.2.2 ครูอาสาสมัครฯ กศน. ประจำศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
อำเภอเชียงขวัญ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด
จำนวน 2 คน

2.2.3 ครู กศน.ตำบล ประจำศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอ
เชียงขวัญ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 6
คน

2.2.4 ครผู ้สู อนคนพกิ าร ประจำศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอ
เชียงขวัญ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 1
คน

2.2.5 บรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชนอำเภอเชียงขวัญ ประจำศูนย์การศึกษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อธั ยาศยั จงั หวัดรอ้ ยเอ็ด จำนวน 1 คน

2.2.6 ผู้ร่วมโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery
จำนวน 50 คน

ระยะเวลาการประเมนิ โครงการ

วนั ที่ 1 เดอื น ตุลาคม พ.ศ. 2564 ถึง วันท่ี 31 เดือน มนี าคม พ.ศ. 2565

5

กรอบแนวคดิ ในการประเมนิ โครงการ

การประเมินโครงการครัง้ นี้ ไดก้ ำหนดกรอบแนวคดิ ในการประเมนิ ดงั น้ี

กรอบแนวคิดในการประเมินโครงการ

ประเมิน ประเมนิ ประเมิน ประเมิน
สภาวะแวดลอ้ ม ปัจจัยเบ้ืองต้น กระบวนการ ผลผลติ

1.ความตอ้ งการ 1.ความพรอ้ มของ 1.การศึกษาสภาพ 1.มีการบริหารจดั การแบบ
จำเป็น บุคลากร ท้งั ดา้ น ความตอ้ งการ มีสว่ นรว่ ม
2.ความสอดคล้อง จำนวนและ 2.การวางแผนใน 2.ผ้บู ริหารครูผู้สอน
ของวตั ถุประสงค์ ความรู้ การดำเนินงาน ผู้เรียนและชมุ ขนมมี นุษย
3.ความเหมาะสม ความสามารถ 3.ข้ันตอนการเนนิ สมั พนั ธ์ทดี่ ซี งึ่ กันและกนั
ของวตั ถุประสงค์ 2.ความพรอ้ มของ งาน 3..สถานศึกษาเปน็ แหลง่
4.บรรยากาศใน อาคารสถานที่ 4.การนเิ ทศ เรยี นรูต้ ามหลกั ปรชั ญา
การดำเนนิ งาน 3.ความพร้อมของ กำกับ ติดตามการ ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
5.ความรว่ มมือใน งบประมาณ ดำเนนิ งาน 4.ครูผ้สู อนมคี วามรู้
การดำเนินงาน 4.ความพร้อมของ 5.การวเิ คราะห์ ความสามารถในการจดั
วัสดุ อุปกรณ์ และนำผลการ กิจกรรมการเรยี นรู้ตาม
ประเมินมาพฒั นา หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
4.ผู้เรียนมีผลสมั ฤทธิ์
ทางการเรยี นเฉลยี่ ตาม
เกณฑ์

ข้อมลู สารสนเทศเพ่ือแกไ้ ข/ปรบั ปรงุ
เขียนรายงาน

6

ภาพท่ี 1 กรอบแนวคิดในการประเมินโครงการสง่ เสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนทน่ี ำความรูส้ ่ชู ุมชน
(Lidray Deliery ของศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวญั สำนกั งาน
ส่งเสริมการการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวดั ร้อยเอ็ด

นิยามศัพทเ์ ฉพาะ

1. โครงการ หมายถึง โครงการส่งเสริมการอา่ นห้องสมดุ เคลือ่ นท่นี ำความรูส้ ชู่ ุมชน (Lidray
Deliery) ของศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอเชียงขวัญ สำนกั งานสง่ เสริม
การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อเพ่มิ ช่องทางและโอกาสการเรยี นรู้
สามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำวันรวมถึงการแก้ปัญหาและพฒั นาคุณภาพชวี ติ ได้อย่างสรา้ งสรรค์
สร้างเสริมประสบการณ์ และพฒั นาคุณภาพชวี ติ กลมุ่ เปา้ หมายใหเ้ กดิ ความงอกงามทางสติปญั ญานำสูค่ วาม
เจรญิ ด้านสังคมและประเทศชาติ

2. ส่งเสริมการอา่ น หมายถึง การกระทำตา่ ง ๆ เพอ่ื ให้กลุม่ เป้าหมายเกดิ ความสนใจในการ
อา่ น เห็นความสำคัญและความจำเป็นของการอ่าน เกิดความเพลดิ เพลินในการอา่ น พยายามพฒั นาการ
อา่ นของตนให้ถงึ ระดับการอา่ นเปน็ และอ่านจนเปน็ นิสยั ของหอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอเชยี งขวญั และ
บุคลากรงานการศึกษาตามอัธยาศยั ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเชยี งขวญั
สำนกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดร้อยเอ็ด

3. หอ้ งสมุดเคลื่อนที่ หมายถึง การบริการสารสนเทศเคล่ือนที่ การจดั บริการและกิจกรรมใน
เชิงรุก เพ่อื ส่งเสริมการอ่านและการให้ความรู้และความบนั เทงิ แกผ่ ทู้ ห่ี ่างไกลจากแหล่งข้อมลู โดยนำ
ทรพั ยากรสารสนเทศไปยังชุมชน ของห้องสมดุ ประชาชนอำเภอเชียงขวัญ และบุคลากรงานการศึกษาตาม
อัธยาศยั ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอเชียงขวญั สำนกั งานสง่ เสริมการศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั รอ้ ยเอด็

4. ชมุ ชน หมายถงึ พ้ืนทอี่ ำเภอเชียงขวัญ จำนวน 6 ตำบล พื้นทีบ่ ริการของห้องสมดุ ประชาชน
อำเภอเชียงขวัญ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอเชียงขวัญ สำนกั งานส่งเสรมิ
การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั ร้อยเอด็

5. ผ้บู รหิ าร หมายถึง ผอู้ ำนวยการประจำศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
อำเภอเชียงขวญั สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดร้อยเอ็ด

6. ข้าราชการ หมายถึง ข้าราชการครู กศน. ประจำศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศยั อำเภอเชยี งขวญั สำนักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัด
ร้อยเอด็

7. ครูอาสาสมัครฯ หมายถงึ ครอู าสาสมัครฯ กศน. ประจำศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและ
การศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอเชียงขวญั สำนกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย
จงั หวัดรอ้ ยเอ็ด

7

8. ครู กศน.ตำบล หมายถงึ ครู กศน.ตำบล ประจำศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัยอำเภอเชยี งขวญั สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั
ร้อยเอด็

9. ครผู ้สู อนคนพิการ หมายถึง ครูผู้สอนคนพกิ าร ประจำศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและ
การศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอเชยี งขวญั สำนกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
จังหวัดร้อยเอ็ด

10. บรรณารกั ษห์ ้องสมุด หมายถงึ บรรณารักษ์ประจำหอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอเชียงขวญั ศนู ย์
การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเชยี งขวัญ สำนักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบ
และการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั ร้อยเอด็

11. กลุ่มเป้าหมาย หมายถึง กลุ่มคนที่ต้องการโอกาสทางการเรียนรู้การศึกษาตามอัธยาศัย
อำเภอเชียงขวญั สำนกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั ร้อยเอ็ด

12. การประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลอื่ นทน่ี ำความรสู้ ชู่ ุมชน (Lidray Deliery)
หมายถึง กระบวนการวดั ทม่ี ีการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะหข์ ้อมูลอย่างเปน็ ระบบ ในการศกึ ษาสภาพ
ความสำเรจ็ ของการดำเนินงานของศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเชียงขวัญ
สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดเอด็ โดยใชร้ ปู แบบจำลอง ซปิ
โมเดล (CIPP Model) ในการประเมนิ ท้ัง 4 ดา้ น คือ

12.1 ด้านสภาวะแวดล้อมการดำเนนิ โครงการ (Context Evaluation) หมายถึง สภาพ
ทว่ั ๆ ไป และสถานการณต์ ่างๆ ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษาอาจจะมผี ลกระทบหรือมอี ิทธิพลต่อ
การดำเนนิ โครงการสง่ เสริมการอา่ นหอ้ งสมุดเคลื่อนทน่ี ำความรู้สชู่ มุ ชน (Lidray Deliery) ศนู ย์การศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอเชียงขวัญ สำนกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดรอ้ ยเอด็ ไดแ้ ก่การประสานงานระหว่างบคุ คล สภาพของโครงการส่งเสริมการ
อ่านหอ้ งสมุดเคลื่อนทน่ี ำความรู้ส่ชู มุ ชน (Lidray Deliery) ทจ่ี ะสรา้ งคุณลกั ษณะที่ดี ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ
ประสงคใ์ หแ้ กผ่ เู้ รยี นใหม้ ีพฤติกรรมแบบพอเพยี งและพฒั นาสถานศกึ ษาให้มีแหล่งเรียนรู้ มฐี านเรียนรทู้ ่ีเป็น
ประโยชนส์ ำหรบั ประชาชน ชมุ ชนได้ศึกษาเรยี นรู้ และความเหมาะสมสอดคล้องของหลักการ วัตถปุ ระสงค์
เปา้ หมาย วิธีการ ระยะเวลา ตลอดจนถงึ การจัดบรรยากาศในการดำเนนิ โครงการ

12.2 ดา้ นปัจจยั เบอื้ งตน้ ในการดำเนนิ โครงการ (Input Evaluation) หมายถึง สภาพ
ท่วั ไปทใ่ี ช้ประกอบในการดำเนนิ โครงการสง่ เสริมการอ่านห้องสมุดเคลอ่ื นทีน่ ำความร้สู ู่ชุมชน (Lidray
Deliery) ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอเชียงขวญั สำนกั งานส่งเสริม
การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั รอ้ ยเอ็ด ได้แก่ ความรู้ความเขา้ ใจในการปฏิบัติ
กิจกรรมโครงการสง่ เสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนท่นี ำความรู้สู่ชมุ ชน (Lidray Deliery) ของบุคลากร
อาคารสถานท่ี วัสดุอปุ กรณ์ เคร่อื งมือ และงบประมาณทจี่ ะใชใ้ นการดำเนนิ โครงการ

12.3 ด้านกระบวนการในการดำเนนิ โครงการ (Process Evaluation) หมายถงึ
กระบวนการจัดกจิ กรรมโครงการส่งเสริมการอา่ นห้องสมดุ เคลือ่ นทีน่ ำความรูส้ ชู่ มุ ชน (Lidray Deliery)
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอเชยี งขวัญ สำนกั งานส่งเสริมการศึกษานอก

8

ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด ได้แก่ การศกึ ษาสภาพปัจจบุ นั ปัญหา และความต้องการ
ในการพฒั นา การจดั ทำกรอบแนวคิดและกำหนดจุดพฒั นา ครูและบุคลากร มีสว่ นร่วมกำหนดแผนงาน
กิจกรรมการพัฒนาภายใน มีการแบ่งงานตามหนา้ ท่ี แต่ละบุคคลรับผิดชอบการดำเนินการตามข้นั ตอนที่
วางไว้ มกี ารนิเทศตดิ ตาม กำกบั การดำเนนิ โครงการตามขั้นตอนทุกกจิ กรรม การมสี ว่ นรว่ มในการ
ประเมนิ ผล การวิเคราะหแ์ ละนำผลมาพฒั นางานอย่างต่อเนอ่ื ง

12.4 ด้านผลผลิตของโครงการ (Product Evaluation) หมายถึง ผลการดำเนินงาน
โครงการ และคุณภาพผูเ้ รยี นเพือ่ นำไปใชใ้ นการตรวจสอบผลการดำเนนิ งานโครงการส่งเสริมการอา่ น
ห้องสมดุ เคล่ือนท่นี ำความรู้สู่ชมุ ชน (Lidray Deliery) เปน็ การเพ่ิมอัตราการอ่าน และการรหู้ นังสอื ของ
ประชาชนในพนื้ ที่อำเภอเชียงขวญั ผเู้ ข้ารว่ มกิจกรรมมนี ิสยั รัการอ่านและสามารถนำไปประยุกตใ์ ชใ้ น
ชวี ติ ประจำวนั รวมถงึ การแก้ปัญหาและพฒั นาคุณภาพชวี ิตได้อยา่ งสร้างสรรค์

13. ผลการประเมนิ โครงการ หมายถึง ผลทีเ่ กดิ จากการดำเนนิ โครงการสง่ เสริมการอา่ น
หอ้ งสมดุ เคลื่อนทีน่ ำความรู้สู่ชมุ ชน (Lidray Deliery) สำนกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวัดรอ้ ยเอ็ด ปีงบประมาณ 2564 ในด้านต่างๆ ดังน้ี

13.1 ด้านสภาวะแวดล้อม (Context) ประกอบด้วย หลกั การ วตั ถุประสงค์ เปา้ หมายของ
โครงการ และการเตรยี มการดำเนินการ

13.2 ด้านปัจจยั นำเขา้ (Input) ประกอบด้วย บคุ ลากร วัสดุอุปกรณ์ เครอื่ งมือ เคร่ืองใช้
และงบประมาณ

13.3 ด้านกระบวนการดำเนนิ งาน (Process) ประกอบดว้ ย การดำเนนิ งาน กจิ กรรมการ

ดำเนินงานตามโครงการ การนเิ ทศติดตามผล

13.4 ด้านผลผลติ (Product) หมายถึง ผลการดำเนนิ งานตามโครงการ และคุณภาพ
ผเู้ รียนเพอื่ นำไปใชใ้ นการตรวจสอบผลการดำเนนิ โครงการส่งเสริมการอา่ นห้องสมุดเคลื่อนทนี่ ำความรู้สู่
ชุมชน (Lidray Deliery) ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอเชยี งขวญั
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวัดร้อยเอ็ด

ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รับ

1. ผลการประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery)
ใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนากระบวนการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นคนดี
คนเก่ง มีความสุข เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ และพัฒนาการดำเนินงานตามโครงการอย่าง
ต่อเนอ่ื ง

2. ผลที่ได้จากการประเมินโครงการเป็นความรูใ้ หมท่ ีส่ ามารถนำไปใช้อ้างอิง ในการพัฒนาโครงการ
หรือกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย หรือคิดค้นพัฒนากระบวนการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ
ได้กระบวนการจดั การเรยี นการสอน เพอื่ สร้างองคค์ วามรูใ้ หมๆ่ ได้

3. ผลการประเมินโครงการสามารถนำไปใช้ปรบั ปรงุ พฒั นาและขยายผลการดำเนินงาน ทม่ี บี รบิ ท
คล้ายกันได้ และเผยแพร่ผลการพฒั นาใหแ้ พรห่ ลาย

9

บทที่ 2

เอกสารและงานวิจยั ทเ่ี ก่ียวข้อง

การดำเนินการครั้งนี้เป็นการประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่
ชุมชน (Lidray Deliery) ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ
สำนักงานส่งเสริมการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด โดยผู้ประเมินได้
ศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยทเี่ กี่ยวข้องที่เปน็ ประโยชน์และมีความสำคัญต่อการประเมนิ โครงการสง่ เสริมการ
อา่ นห้องสมุดเคล่ือนทีน่ ำความรูส้ ชู่ ุมชน (Lidray Deliery) ของศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ สำนักงานส่งเสริมการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด
รอ้ ยเอด็ ดังนี้

1. รายละเอยี ดโครงการพัฒนาสถานศึกษาพอเพยี งเพ่ือเป็นศนู ย์การเรียนรตู้ ามหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งด้านการศึกษา

1.1 หลักการและเหตุผลโครงการ
1.2 วัตถปุ ระสงคโ์ ครงการ
1.3 เป้าหมายของโครงการ
1.4 งบประมาณ
1.5 ปจั จยั ในการดำเนนิ โครงการ
1.6 กจิ กรรมในการดำเนนิ โครงการ
1.7 ระยะเวลาในการดำเนินงานตามโครงการ
1.8 ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะได้รบั
2. แนวคิดและหลักการเกย่ี วกบั การประเมนิ โครงการ
2.1 ความหมายของการประเมนิ โครงการ
2.2 ความสำคัญของการประเมินโครงการ
2.3 รูปแบบของการประเมนิ โครงการ

3. แนวคิดเก่ียวกบั หลักการอ่าน
3.1 การอ่านกฎจราจรสำคญั ในชีวิตประจำวัน
3.2 การอา่ นผ่านสื่อสง่ เสริมการอา่ นออนไลน์
3.3 DIY งา่ ย ๆ ทำไดใ้ ห้เลย “การทำสายคล้องแมส”

4. ทฤษฏีทีเ่ ก่ยี วกับความพึงพอใจ
5. ขอ้ มลู พืน้ ฐานศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวญั สำนกั งาน
สง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดรอ้ ยเอ็ด

7.1 ขอ้ มูลทวั่ ไปของสถานศึกษา

10

7.2 ขอ้ มลู พืน้ ฐานการศึกษา
7.3 รายงานผลการจัดกจิ กรรม

6. การดำเนินงานการสง่ เสริมการอ่านห้องสมดุ เคล่ือนทีน่ ำความรูส้ ูช่ ุมชน (Lidray Deliery)
6.1 การประชาสัมพนั ธ์ห้องสมดุ แนะนำหนังสือ การใช้บริการและสมัครสมาชกิ ห้องสมุด
6.2 การอ่านกฎจราจรสำคัญในชีวิตประจำวนั
6.3 การอ่านผ่านส่อื สง่ เสริมการอา่ นออนไลน์
6.4 การแบ่งปันความรสู้ รปุ เน้ือหาจากหนังสือ
6.5 การทำ DIY งา่ ย ๆ ทำได้ใหเ้ ลย “การทำสายคล้องแมส”

7. เอกสารงานวิจยั ทีเ่ ก่ียวข้อง
9.1 งานวิจยั ในประเทศ
9.2 งานวจิ ยั ตา่ งประเทศ

รายละเอียดโครงการส่งเสรมิ การอา่ นห้องสมุดเคลอ่ื นที่นำความรสู้ ู่ชมุ ชน (Lidray Deliery

1. หลักการและเหตผุ ลโครงการ
ด้วยสำนักงาน กศน. เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา

ตามอธั ยาศยั ตระหนกั ถึงความสำคญั ของการพัฒนาคนตลอดชว่ งชีวติ ได้มงุ่ ม่นั ขับเคลื่อนภารกิจหลักตาม
แผนพัฒนาประเทศ และนโยบาย และจดุ เน้นของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ท่ีคำนงึ ถงึ หลักการบรหิ ารจัดการท้ัง
ในเรื่องหลักธรรมาภิบาล หลักการกระจาย อำนาจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการ
ส่ือสาร การม่งุ เนน้ ผลสมั ฤทธิ์ และปฏบิ ตั กิ ารด้านข้อมูลข่าวสาร การสร้างบรรยากาศในการทำงานและการ
เรียนรู้ ตลอดจนการใช้ทรัพยากรด้านการจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ โดยเน้น การพัฒนาคุณภาพ
การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาต่อเนื่อง และการศึกษาตามอัธยาศัย ได้กำหนด
นโยบายและเน้นการดำเนินงาน สำนักงาน กศน. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 การจัดการศึกษาตาม
อัธยาศัย ด้านที่ 2 การสร้างสมรรถนะและทักษะคุณภาพ ข้อที่ 2.2 ส่งเสริมการจัดการศึกษาตลอดชีวิตที่
เนน้ การพฒั นาทักษะทจี่ ำเป็นสำหรบั แตล่ ะช่วงวยั และการจดั การศึกษาและการเรียนรทู้ ่เี หมาะสมกับแต่ละ
กลุ่มเป้าหมายและบริบทพื้นที่ และด้านที่ 3 ด้านองค์กร สถานศึกษา และแหล่งเรียนรู้คุณภาพ ข้อที่ 3.3
ปรับรูปแบบกิจกรรมในห้องสมุดประชาชน ที่เน้น Library Delivery เพื่อเพิ่มอัตราการอ่าน และการรู้
หนังสือของประชาชน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันรวมถึงการแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพ
ชีวติ ได้อยา่ งสรา้ งสรรค์

เพื่อเป็นการแปลงนโยบายและจดุ เน้นการดำเนนิ งาน สำนักงาน กศน. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
2565 สู่การปฏิบัติและเพื่อให้ประชาชนอำเภอเชียงขวัญ ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกช่วงวัย ได้รับโอกาสทาง
การศึกษาและการเรียนรตู้ ลอดชีวติ มีนสิ ัยรกั การอ่าน แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และนำความรู้ไปใช้ในการ
พัฒนาคุณภาพชีวิตของตนให้เกิดความเจริญงอกงามทางสติปัญญาพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงบริบททาง

11

สังคมและประเทศชาติ ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอเชียงขวญั โดยห้องสมุด
ประชาชนอำเภอเชยี งขวญั จงึ ไดจ้ ดั ทำโครงการส่งเสริมการอา่ นห้องสมดุ เคลน่ื อที่นำความรู้สชู่ ุมชน ขน้ึ

2. วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ

เคล่อื นที)่ 2.1 เพื่อเพิ่มรูปแบบการให้บริการห้องสมุด ที่เน้น Library Delivery (การบริการห้องสมุด

2.2 เพอื่ เพ่ิมอัตราการอ่าน และการรู้หนงั สือของประชาชนในพื้นทีอ่ ำเภอเชยี งขวญั
2.3 เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีนิสัยรัการอ่านและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

รวมถึงการแก้ปญั หาและพฒั นาคุณภาพชีวิตได้อย่างสรา้ งสรรค์

3. เปา้ หมายของโครงการ

3.1 เป้าหมายด้านปรมิ าณ
- ประชาชนท่วั ไป จำนวน ๕๐ คน

3.2 เชงิ คณุ ภาพ
- ห้องสมดุ ประชาชนอำเภอเชยี งขวญั มีการจัดกิจกรรมในรูปแบบการให้บรกิ าร

ห้องสมุด ท่เี น้น Library Delivery (การบรกิ ารห้องสมดุ เคลอ่ื นท)่ี เพม่ิ อัตราการอ่าน และการรหู้ นังสือ
ของประชาชนในพื้นทอ่ี ำเภอเชียงขวัญ ผูเ้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมมีนิสยั รัการอา่ นและสามารถนำไปประยุกตใ์ ชใ้ น
ชีวิตประจำวนั รวมถึงการแกป้ ัญหาและพฒั นาคุณภาพชีวติ ไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์

4. งบประมาณ

จำนวน 7,800 บาท (เจ็ดพันแปดร้อยบาทถ้วน) โดยใช้เงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ
2565 แผนงาน : พื้นฐานด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ผลผลิตที่ 5 ผู้รับบริการ
การศึกษาตามอัธยาศัย กิจกรรมจัดการศึกษาตามอัธยาศัย งบดำเนินงาน ค่าบริหารห้องสมุด รหัส
งบประมาณ 2000236005000000 รหัสกิจกรรมหลัก 200024500Q2599 แหล่งของเงิน ค่าวัสดุ
6411230

5. ปจั จยั ในการดำเนนิ โครงการ

5.1 วัสดุอุปกรณ์ ในการดำเนินโครงการ ประกอบด้วย สื่อที่ใช้ในการจัดกจิ กรรมส่งเสริมการ
อ่าน อุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดกิจกรรม DIY และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการ
ดำเนินงานโครงการสง่ เสริมการอา่ นหอ้ งสมดุ เคลอื่ นท่ีนำความรสู้ ชู่ มุ ชน (Lidray Deliery)

5.2 เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องอำนวยความสะดวก ในการดำเนินโครงการประกอบด้วย ส่ือ
สำหรบั ส่งเสริมการอ่านกฎจราจรสำคญั ในชวี ติ ประจำวนั สือ่ ออนไลนใ์ นการจดั กจิ กรรม

5.3 บคุ คลทร่ี ว่ มดำเนินโครงการ ประกอบดว้ ย ผู้บรหิ าร ครูและบคุ ลากร อาสาสมัครส่งเสริม
การอา่ นหอ้ งสมุดประชาชนอำเภอเชยี งขวัญ ผู้นำชุมชน

5.4 เอกสารการจดั กิจกรรมได้แก่ กฎจราจรสำคัญในชีวติ ประจำวัน ส่อื ออนไลน์การอา่ น
5.5 สถานที่ในการดำเนนิ โครงการได้แก่ พ้ืนท่ีอำเภอเชียงขวญั 6 ตำบล

12

6. กิจกรรมในการดำเนนิ งานโครงการ

ขั้นเตรียมการ
(1) ประชุมครู เพื่อชี้แจงความสำคัญ ในการจัดทำโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุด
เคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery) เพื่อสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทั้งด้านหลักการ และ
กระบวนการการจดั กิจกรรม
(2) แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน
(Lidray Deliery) ตามความเห็นชอบของคณะครู เพื่อมอบหมายภาระงานและหน้าที่รับผิดชอบให้
สอดคลอ้ งกบั ความรแู้ ละความสามารถของแต่ละบุคคลตามความถนดั

ข้ันวางแผนการดำเนินการ
(1) ประชมุ คณะกรรมการโครงการส่งเสรมิ การอ่านห้องสมุดเคลอื่ นทนี่ ำความรูส้ ชู่ มุ ชน

(Lidray Deliery) เพื่อศึกษาสภาพปัจจบุ ัน ปัญหาและความต้องการ จัดทำโครงการและกำหนดกิจกรรม
การพัฒนาสถานศึกษา และวิเคราะห์ หาทางเลือกในการพัฒนาสถานศึกษาที่มีความสอดคล้องกับบริบท
ของสถานศึกษา

(2) คณะกรรมการโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray
Deliery) จัดทำเครอ่ื งมือในการจัดกจิ กรรม และปฏทิ นิ ปฏิบตั งิ าน

ข้ันดำเนนิ การตามแผน

(1) ดำเนินการตามปฏิทินปฏิบัติการจัดโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำ
ความร้สู ชู่ มุ ชน (Lidray Deliery)

- การประชมุ เตรียมการดา้ นการวางแผน 2 คร้งั
- จัดทำเอกสารท่เี กย่ี วขอ้ งกับการอ่าน 1 สปั ดาห์
- ชี้แจงแนวทางการจดั กจิ กรรม 1 ครั้ง
(2) ผูบ้ ริหาร ครูและบุคลากรรว่ มประชุม 2 ครัง้
(3) ประชมุ ผู้บรหิ าร ครูและบุคลากร เพ่อื ปรับปรุงแก้ไขปญั หาและพัฒนาการจัดกจิ กรรม 1
คร้ัง
(4) นำผลจากการประชมุ มาปรับปรงุ กิจกรรมต่าง ๆ
ข้ันประเมินผล สรุปและรายงาน

(1) ประเมนิ ผลการจัดโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมดุ เคลื่อนท่นี ำความรู้สู่ชุมชน (Lidray
Deliery)

(2) สรุปผลการดำเนินจัดโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน
(Lidray Deliery)

13

(3) รายงานผลตอ่ หนว่ ยงานต้นสงั กัด และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณชน

7. ระยะเวลาในการดำเนินงานตามโครงการ ระหวา่ ง เดือน ตุลาคม 2564 – เดือนมนี าคม 2565
โดยมีปฏิทินการปฏิบัตงิ านโครงการดังนี้

ท่ี กจิ กรรมทปี่ ฏบิ ตั ิ ระยะเวลาดำเนินการ ผรู้ บั ผดิ ชอบ
บรรณารักษ์
1 ประบคุ ลากร กศน.อำเภอเชียงขวญั เพ่ือชแ้ี จง ตุลาคม 2564
ผูบ้ ริหาร
ความสำคญั และวางแผนการการจดั กิจกรรมส่งเสรมิ คณะกรรมการ

การอ่าน คณะกรรมการ

2 แต่งตง้ั คณะกรรมการโครงการส่งเสริมการอา่ น ธันวาคม 2565 คณะกรรมการ
ห้องสมดุ เคลื่อนที่นำความรสู้ ู่ชมุ ชน (Lidray Deliery) คณะกรรมการ

3 ประชมุ คณะกรรมการโครงการสง่ เสรมิ การอ่าน มกราคม 2565 คณะกรรมกา
ห้องสมุดเคลื่อนทน่ี ำความรสู้ ู่ชมุ ชน (Lidray Deliery) คณะกรรมกา
เพ่อื ศึกษาสภาพปจั จุบนั ปญั หาและความต้องการ คณะกรรมกา
เพอ่ื นำข้อมูลมาจดั ทำโครงการและกำหนดกจิ กรรม
สง่ เสรมิ การอ่าน

4 คณะกรรมการโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุด มกราคม 2565
เคลือ่ นทน่ี ำความรู้สชู่ มุ ชน (Lidray Deliery) จดั ทำ
แผนการดำเนนิ กิจกรรม

5 คณะกรรมการโครงการส่งเสริมการอ่านหอ้ งสมดุ มกราคม 2565

เคล่อื นที่นำความร้สู ชู่ มุ ชน (Lidray Deliery)

ดำเนินงานตามแผนงาน

6 ประชุมคณะกรรมการโครงการส่งเสรมิ การอ่าน กุมภาพันธ์ 2565

หอ้ งสมุดเคลื่อนท่ีนำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery)

รายงานผลการจัดกิจกรรมตามแผนงาน

7 สรปุ ผลโครงการ กุมภาพันธ์ 2565

8 ประเมนิ โครงการ มนี าคม 2565
9 รายงานและเผยแพร่ผลงาน มีนาคม 2565

14

8. ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะได้รบั
8.1 ผลการดำเนนิ โครงการเป็นข้อมลู สำคัญในการจัดกิจกรรม และการดำเนนิ งานตาม

โครงการทกุ ข้นั ตอน
8.2 ผลการดำเนินโครงการสร้างความรู้ แนวคดิ การพฒั นางานใหแ้ กผ่ รู้ ับผิดชอบโครงการและ

ผรู้ ่วมงานในการพฒั นางานอย่างมีประสทิ ธภิ าพ
8.3 ผลการดำเนินงานโครงการเพ่ือเพมิ่ อตั ราการอ่าน และการรหู้ นงั สือของประชาชนในพื้นท่ี

อำเภอเชียงขวญั ผเู้ ข้ารว่ มกจิ กรรมมนี สิ ยั รัการอา่ นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจำวนั รวมถึง
การแกป้ ัญหาและพัฒนาคุณภาพชวี ติ ได้อย่างสร้างสรรค์

แนวคิดและหลกั การเกย่ี วกับการประเมินโครงการ

สภาพการดำเนินงานภายในองค์กร ปัจจุบันการดำเนินงานต่างๆ มีลักษณะเป็นรูปแบบและ
แผนงานประกอบเข้าด้วยกัน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีการประเมินเพื่อตรวจดูผลที่ได้รับจากการ
ดำเนนิ งานตามโครงการว่ามผี ลงานหรือมีความสำเรจ็ เกิดข้นึ ได้มากหรือน้อยเพยี งไร ทำให้การประเมินเป็น
ส่วนหนึ่งของการดำเนินงาน หรือผลที่ได้จากการประเมินจะสามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงแก้ไขการ
ดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สาเหตุที่ต้องทำการประเมินเป็นเพราะต้องการทราบว่าสิ่งที่ได้
ดำเนินการไปแล้วมีการปฏิบัติมากหรือน้อยเพียงใด และเมื่อดำเนินการไปแล้วพบปัญหาอุปสรรค
อะไรบ้าง ประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหวังเอาไว้หรือไม่ ตอบสนองความต้องการคณะกรรมการ
ดำเนินงานมากหรือน้อยเพียงใด ควรดำเนินการต่อไปหรือควรปรับปรุง หรือควรยุติโครงการพัฒนา
สถานศึกษาพอเพียงเพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงดา้ นการศกึ ษานั้น ซึ่ง
เท่ากับเป็นการตัดสินคุณค่าของสิ่งที่กำลังดำเนินการไปแล้ว นอกจากการประเมินมีผลทางตรงต่อ
ความสำเร็จของแผนงานโครงการต่างๆ ยังส่งผลทางอ้อมหากการประเมินมีคุณภาพ ก็จะทำให้การ
บรหิ ารงานเปน็ ไปตามแผนที่ได้กำหนดอย่างมคี ณุ ภาพไปด้วย

1. ความหมายของการประเมินโครงการ
พิสณุ ฟองศรี (2550 : 4) ได้กล่าวว่า การประเมิน หมายถึง กระบวนการตัดสินคุณค่าของสิ่ง
หน่งึ สงิ่ ใด โดยการนำสื่อสารสนเทศหรือผลจากการวดั มาเปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์ที่กำหนด
สุวิชา พระโคตร (2550 : 30) ให้ความหมาย การประเมินโครงการ หมายถึง กระบวน
การศึกษาการจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มารวบรวม วิเคราะห์
เปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์ แล้วตัดสินใจเกีย่ วกับการปรบั ปรงุ และพฒั นาแกไ้ ขการดำเนนิ โครงการใหเ้ หมาะสม
เพื่อให้โครงการนนั้ บรรลตุ ามวัตถุประสงค์

15

สมหวัง พิธยานุวัฒน์ (2553 : 3) ได้กล่าวว่า การประเมินค่าหรือการประเมินผล หมายถึง การ
ตัดสินคุณค่าของสิ่งใด สิ่งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นนิยามพื้นฐานในทางการจัดการ นิยามการประเมินค่าหรือการ
ประเมินผลว่าเป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ การตัดสินใจเลือกทางเลือกโดย
อาศัยสารสนเทศท่ถี ูกตอ้ ง เหมาะสม เม่ือผ่านการสงั เคราะหใ์ ห้เปน็ องคค์ วามรู้ จะทำให้เกดิ ปัญญาได้

เชาว์ อินใย (2553 : 4) ได้ให้ความหมายของการประเมิน หมายถึง กระบวนการพิจารณาตัดสิน
คุณค่าของสิ่งใด สิ่งหนึ่งว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด โดยนำสารสนเทศหรือผลจากการวัดมา
เปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อช่วยในการตัดสินใจ ตีค่าผลการดำเนินการนัน้ ๆ ว่าบรรลุวัตถุประสงค์
หรือไม่ ใช้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการ ส่วนคำว่า โครงการ หมายถึง ส่วนย่อยส่วนหนึ่งของแผน
ซึ่งประกอบด้วย ชุดของกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างเป็นระบบ มีการกำหนดทรัพยากรในการดำเนินงาน
ระยะเวลาดำเนนิ งานไว้อย่างชดั เจน โดยออกแบบมาเพ่ือให้บรรลเุ ปา้ หมายตามต้องการ

ศิริรัตน์ นิลนาก (2562 : 21) ให้ความหมาย การประเมินโครงการ หมายถึง กระบวนการเกบ็
รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลหรือสารสนเทศต่าง ๆ มาใช้เป็นแนวทางการ
พัฒนา หรือปรับปรุงคุณภาพของการดำเนินงาน หรือนำไปประกอบการพิจารณาตัดสิน ผลสำเร็จของ
โครงการว่าตรงตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย หรอื สอดคลอ้ งกับมาตรฐานตามท่ีหน่วยงานต้นสงั กดั ได้กำหนด
ไว้หรอื ไมม่ ี คุณภาพหรือประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ลมากนอ้ ยเพียงใด

กล่าวโดยสรุป การประเมินโครงการ หมายถึงการ ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ในการจัด
กระบวนการศึกษา การจัดเก็บข้อมูลหรือสารสนเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการ เพื่อนำ
ข้อมูลที่ได้มารวบรวม วิเคราะห์ เปรียบเทียบกับเกณฑ์แล้วตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับปรุง และพัฒนา
แก้ไข การดำเนินโครงการให้เหมาะสม เพ่ือให้โครงการนั้นบรรลตุ ามวตั ถุประสงค์เป้าหมายของหน่วยงาน

2. ความสำคญั ของการประเมินโครงการ

การประเมินโครงการเป็นกลยุทธส์ ำคญั อย่างหนง่ึ ในการบริหารจัดการโครงการ เพราะ เป็นการ
ตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินงานที่ปฏิบัติอยู่และผลสำเร็จ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่อาจ เกิดขึ้น ดังที่
นกั การศึกษา นักประเมินไดก้ ลา่ วถงึ ความสำคญั ของการประเมินโครงการไว้ ดงั นี้

ถวัลย์ มาศจรัส และเชาวฤทธิ์ จงเกษกรณ์ (2547 : 200-201) ได้สรุปว่าการประเมิน
โครงการมคี วามสำคญั 7 ประการ ดงั นี้

1. สรา้ งสรรค์โครงการที่มีคณุ ภาพ โครงการต่างๆ มีจำนวนมากหากนำมาปฏบิ ัติ ทุกแผน/
โครงการ คงจำกันไม่ไหว ไมท่ ันเวลา จงึ ตอ้ งมกี ารกลั่นกรองโครงการที่มีอยู่ที่พอทำได้ การประเมินจะมี
ความสำคญั มากท่ีจะชว่ ยให้เกิดการวิเคราะหต์ ดั สินใจในความเป็นไปได้ของ โครงการ ทำใหไ้ ดโ้ ครงการท่ีมี
คุณภาพเม่อื ดำเนินการแล้วเกดิ ประโยชน์คุ้มคา่

2. ป้องกัน แก้ไขปัญหาอุปสรรคได้ดี เมื่อเริ่มต้นโครงการ หากมีการประเมินสภาพปัญหา
ทอ่ี าจเปน็ ขอ้ จำกัดของการทำงาน จะทำให้คาดการณ์ไดว้ ่าปญั หาอุปสรรคใดอาจเกดิ ข้นึ ได้ ทำให้ สามารถ
หาแนวทางที่จะป้องกันไม่ให้ปัญหานั้นเกิดขึ้น และในระหว่างที่ปฏิบัติงานตามแผน หากมี การประเมิน
อย่างต่อเนื่อง จะทำให้ทราบผลสำเร็จและความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกขั้นตอน ทำให้ทราบว่ ามี
อะไร สิ่งใดเกิดขึ้น เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ผู้รับผิดชอบสามารถนำส่ิงท่ีเป็นผลสำเร็จ เป็นสิ่งที่ดีไปใช้ให้เกิด

16

ประโยชนใ์ นการทำงานต่อไป และสงิ่ ใดท่เี ป็นปัญหาหรือสงิ่ ใดไม่มี ผูร้ บั ผิดชอบกส็ ามารถที่จะขจัดหรือหา
แนวทางแก้ไข เพื่อใหโ้ ครงการดำเนินไปสเู่ ป้าหมาย อย่างราบรืน่ และเกดิ ผลดี

3. บริหารงานอย่างมีคุณภาพ การประเมินทำให้ผู้บริหารทราบข้อมูลต่าง ๆ ของการ
ทำงานกบั ขอ้ มูลที่เปน็ ผลสำเร็จและความลม้ เหลว ข้อมลู ทเ่ี ปน็ สว่ นเสริมงานและสว่ นผลักดนั ให้งาน ตกต่ำ
ทำให้ผู้บริหารสามารถพิจารณาใคร่ครวญ ตัดสินใจสั่งการในการดำเนินงานได้อย่างถูกต้อง เป็นประโยชน์
ต่อการบรหิ ารงาน

4. ใช้ทรพั ยากรใหเ้ กดิ ประโยชน์อยา่ งประหยัด กระบวนการทำงานท่ีมปี ระสิทธภิ าพ ม่งุ หวัง
ที่จะใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า มีผลงานที่ออกมาได้ผลมากกว่าทรัพยากรที่ลงทุนไปการประเมิน ช่วยให้ทราบ
ว่าโครงการนั้น ใช้ทรัพยากรไปมากน้อยเท่าไร และผลงานที่ออกมามีปริมาณคุณค่า มากน้อยเพียงไร
คุ้มค่าต่อการลงทนุ หรือไม่ และสมควรทีจ่ ะทำต่อไปหรอื ไม่

5. ทำใหท้ ราบผลการปฏิบัตงิ าน งานทุกชนิดเมื่อไดไ้ ปแล้วผู้ปฏิบัตทิ ุกคนย่อมต้องการท่ีจะ
ทราบผลการทำงานนั้น ต้องการทราบความก้าวหน้าว่างานที่ได้ทำไปแล้วมีสิ่งใดที่เพิ่มขึ้นมา ตรงตาม
วัตถุประสงค์หรือไม่ และเมื่อสิ้นสุดการทำงานแล้วผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นอย่างไร มีผลดี สัมฤทธิ์ผล
มีปริมาณมากพอคุ้มกับสิ่งที่ป้อนเข้าไปหรือไม่ การประเมินจะช่วยให้ทราบถึงผล การปฏิบัติงาน เพ่ือ
นำไปแก้ไขปรบั ปรุงใหม่ให้ดีกวา่ เดมิ

6. ก่อให้เกิดการพัฒนา การพัฒนาถือได้ว่าเป็นการส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าให้แก่
องค์การ บุคคล และสังคม โครงการเพื่อการพัฒนาต่างๆ นั้นมุ่งที่จะให้เกิดการพัฒนาต่อองค์การ ต่อ
บุคคลและสังคมทั้งนั้น การประเมินโครงการจะช่วยให้เกิดการวิเคราะห์พิจารณาแนวทางการพัฒนาที่ดี
และเมอ่ื ทำโครงการแล้วมีสงิ่ ใดทต่ี ้องไดร้ บั การพฒั นาทดี่ ที ี่สุด ซึ่งกต็ ้องอาศยั การประเมินที่มีคุณภาพ

7. ผลการรายงานน่าเชื่อถือ การรายงานการประเมินโครงการ เป็นภาระหน้าที่อย่างหนึ่ง
ของผู้รับผิดชอบงานที่ต้องทำเพื่อให้ผู้รับผิดชอบหน่วยเหนือทราบ เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนต่อไป
รายงานที่น่าเชื่อถือ มีเหตุมีผล จึงจะสามารถชี้แจง จูงใจให้โครงการกระทำต่อไปได้รับการ สนับสนุน
การทีจ่ ะทำใหร้ ายงานโครงการถูกต้องน่าเชื่อถือได้นัน้ จำเปน็ ต้องอาศัยการประเมิน เขา้ มาช่วย เพื่อให้
ได้ข้อมูลมาวิเคราะห์ตัดสินคุณค่าของงานที่กระทำลงไปว่าดีหรือไม่อย่างไร อันจะทำให้ผู้รับผิดชอบ
ระดบั สงู พิจารณาตัดสินใจสนับสนนุ โครงการนัน้ ตอ่ ไป

สวุ ชิ า พระโคตร (2550 : 40) กล่าวโดยสรุป ความสำคญั ของการประเมนิ โครงการเปน็ การ
กระตนุ้ เพอ่ื ชี้ให้เห็นถึงความจำเปน็ ในการดำเนนิ งานโครงการว่าดำเนนิ การตามวัตถปุ ระสงค์ทีก่ ำหนดไว้
เปน็ ไปได้มากน้อยเพียงใดของการดำเนนิ งานโครงการ เพ่ือจะได้หาวิธีการปรบั ปรงุ ขอ้ บกพร่องของการ
ดำเนินงานและแนวทางแก้ไข เพ่ือทจี่ ะดำเนนิ งานโครงการต่อไป

พิสณุ ฟองศรี (2551 : 36) ได้สรปุ ความสำคญั ของโครงการไว้ดังนี้

1. เป็นแนวทางหรือวิธีการที่จะนำไปสู่ปรากฏการณ์ ที่ต้องการจะให้เกิดข้ึน ในอนาคตอย่าง
มีระบบ โดยมกี ารกำหนดวัตถปุ ระสงค์ เปา้ หมาย และกจิ กรรมตา่ ง ๆ ไว้

17

2. ทำให้การกำหนดลำดับชั้นของกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะต้องทำให้ต่อเนื่องสอดคล้องกัน อย่าง
มปี ระสทิ ธิภาพ ประหยัดทรัพยากรต่าง ๆ และมีประสิทธิผล

3. ทำให้เกิดการประสานระหว่างผู้ปฏิบัติงานหรือหน่วยงานในการปฏิบัติ ท่ีเกี่ยวข้องไม่ให้
กจิ กรรมบางอยา่ งขาดหายไปหรือซ้ำซอ้ นกัน

4. ทำให้เกิดการประเมินผลอย่างมีขั้นตอน และมีคุณภาพที่ดี ทำให้ได้สารสนเทศ จากการ
ประเมนิ ท่เี ปน็ ประโยชน์

กัลยา ศรีวิเชียร (2557 : 15) การประเมินโครงการมีความสำคัญยิ่ง เปรียบเสมือนเข็มทิศของ
การดำเนินโครงการทำให้ทราบว่าควรดำเนินโครงการไปในทิศทางใด เนื่องจากการประเมินโครงการทำให้
ทราบข้อมลู ตา่ ง ๆ เพื่อนำไป ประกอบการตดั สินใจทจี่ ะดำเนนิ การต่อไป หรอื ยตุ โิ ครงการ โดยการประเมิน
โครงการ มคี วามสำคัญ ดงั นี้

1. ช่วยในการกำหนดวัตถปุ ระสงคใ์ หค้ วามชัดเจนเหมาะสม
2. ทำให้ทราบว่าการดำเนนิ งานนนั้ บรรลุวัตถุประสงคห์ รือไม่
3. ทำใหท้ ราบถึงขอ้ ดแี ละข้อบกพร่องตา่ ง ๆ ของวิธกี ารดำเนนิ งาน ซึง่ จะใช้เป็น แนวทางใน
การกำหนดวิธีการดำเนนิ งานที่เหมาะสมในคร้งั ต่อ ๆ ไป
4. ทำให้ทราบว่าการดำเนินงานโครงการมีประสิทธภิ าพหรือไม่คุ้มคา่ กบั การลงทุน หรือไม่
5. เปน็ การเร่งรัดปรับปรงุ การดำเนนิ งานให้เกิดประสทิ ธิภาพ และช่วยควบคมุ การดำเนนิ งาน
ให้มคี ุณภาพได้
กล่าวโดยสรุปว่า ความสำคัญของการประเมินโครงการเป็นการกำกับติดตามตรวจสอบขั้นตอน
หรือวิธีการดำเนินงานและผลสำเร็จของการดำเนินโครงการว่าดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
มากน้อยเพียงใดมีปัญหาอุปสรรคใดเกิดขึ้นบ้าง เพื่อจะได้หาวิธีแนวทางการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง
เพ่อื ให้โครงการดำเนนิ ไปสู่เปา้ หมายตามวตั ถปุ ระสงค์ที่ต้งั ไว้อยา่ งราบรนื่ และเกิดผลดี

3. รปู แบบของการประเมนิ โครงการ

สำหรับรปู แบบทผ่ี รู้ ายงานเลือกใช้ในการประเมินโครงการครั้งน้ี คือ รปู แบบการประเมิน
แบบสตฟั เฟลิ บมี (Stufflebeam 1967, อ้างถงึ ใน สมคิด พรมจ้ยุ . 2542 : 49) ซงึ่ มีรายละเอียด ดังนี้

แดเนียล แอล สตัฟเฟิลบมี และคณะ (อา้ งถึงใน สวุ ิมล ตริ กานนั ท์ 2543 : 45) ได้เสนอแนวคิด
เกีย่ วกับรูปแบบการประเมินเรียกว่า ซิปโมเดล (CIPP Model) เป็นการประเมนิ ทมี่ ีกระบวนการต่อเนื่อง
โดยมีจดุ เนน้ ท่ีสำคัญคือ ใชค้ วบคกู่ ับการบรหิ ารโครงการ เพอื่ หาข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างต่อเนื่อง
ตลอดเวลา วัตถุประสงค์ของการประเมิน คือ การได้ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจหาทางเลือกที่
เหมาะสมสำหรับการดำเนินการของโครงการตา่ งๆ

คำวา่ CIPP ยอ่ มาจาก คำวา่
C = Context บริบทหรือสภาวะแวดล้อม
I = Input ปัจจัยเบื้องต้น
P = Process กระบวนการ
P = Product ผลผลิต

18

1. การประเมินบริบทหรือสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation) เป็นการประเมินความ
ตอ้ งการ และความจำเป็นทั้งในด้านเศรษฐกจิ สงั คม การเมือง การปกครอง และการศกึ ษา ตลอดจนศึกษา
ปัญหา อุปสรรค ทั้งในและนอกระบบการบริหาร ระบบการจัดการ เพื่อการวิเคราะห์ทางเลือกที่เหมาะสม
ทีส่ ดุ กับทรัพยากรทม่ี ีอยู่ และเปน็ ทางเลือกทม่ี ีโอกาสทำให้บรรลุวัตถปุ ระสงค์ตามโครงการได้มากท่ีสุด

2. การประเมินปัจจัยเบื้องต้น (Input Evaluation) เป็นการตรวจสอบความพร้อมของปจั จัย
ต่างๆ ทั้งในด้านกำลังคน วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณ ตลอดจนระบบการบริหาร ระบบการจัดการ เพื่อ
การวิเคราะห์ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดกับทรัพยากรที่มีอยู่ และเป็นทางเลือกที่มีโอกาส ทำให้บรรลุ
วัตถุประสงคต์ ามโครงการได้มากที่สดุ

3. การประเมนิ กระบวนการ (Process Evaluation) เป็นการประเมินการดำเนินงาน เมอ่ื นำ
โครงการที่วางแผนไว้ปฏิบัติ เพื่อศึกษาว่าการดำเนินงานตามโครงการจะมีปัญหาและอุปสรรคอย่างไร
เพอ่ื ทีจ่ ะได้สามารถปรับปรุงแกไ้ ขได้ทันท่วงที

4. การประเมินผลผลิตหรือผลงาน (Product Evaluation) เป็นการประเมินเพื่อให้ทราบว่า
โครงการนั้นประสบผลสำเร็จหรือไม่ โดยพิจารณาว่า ผลที่ได้รับบรรลุตามวัตถุประสงค์ ที่กำหนดไว้
หรือไม่ หรือดูว่าผลจากโครงการคุ้มค่าหรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างการประเมินการตัดสินใจและการ
นำไปใชป้ ระโยชน์ ดังตารางภาพท่ี 1

ตารางที่ 1 แสดงความสมั พันธ์ ระหว่างประเภทของการประเมิน ประเภทการตัดสนิ ใจ และการนำไปใช้

ประโยชน์

ประเภทการประเมิน ประเภทการตดั สนิ ใจ การนำไปใชป้ ระโยชน์

Context Planning Decision ใช้กำหนดนโยบายหรือเปา้ หมายใชค้ ัดเลือก
Evaluation โครงการทเ่ี หมาะสม
Input Evaluation Structuring กำหนดโครงสร้างการดำเนินงาน ยุทธวิธี วธิ ีการ
Decision แผนการดำเนนิ งาน
Process Implementation ตดิ ตามและกำกบั การดำเนนิ งานตามแผน
Evaluation Decision ปรบั ปรงุ วิธีการดำเนนิ งาน รายงานความกา้ วหน้า
ของโครงการ
Product Recycling Decision ยุติ ชะลอ หรือขยายโครงการ
Evaluation

แหลง่ ทม่ี า : สวุ ิมล ตริ กานันท์. การประเมนิ โครงการ : แนวทางส่กู ารปฏบิ ัต.ิ กรุงเทพมหานคร :
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั , 2543 : 45

จากการศึกษารปู แบบการประเมนิ โครงการต่าง ๆ สรปุ ได้ว่า รปู แบบแตล่ ะรปู แบบมจี ุดเดน่ และ
จดุ ดอ้ ยแตกต่างกนั ดงั น้นั จงึ ต้องพิจารณารูปแบบของการประเมินใหเ้ หมาะสมกับโครงการท่จี ะทำการ
ประเมนิ แตล่ ะโครงการ หรอื อาจประยกุ ตห์ ลายๆ รปู แบบ เพ่อื ให้ไดม้ าซ่ึงประโยชน์สูงสุดของข้อมลู ท่ี
ต้องการทราบ และนำมาพัฒนาโครงการให้มีประสิทธภิ าพย่ิงขึน้ ในการประเมินผลครงั้ นี้ผูป้ ระเมนิ ใช้

19

รปู แบบการประเมนิ แบบซปิ โมเดล (CIPP Model) เพราะตอ้ งการทราบผลการจัดทำโครงการต้ังแต่ก่อน
เริ่มจัดทำโครงการ การกำหนดกิจกรรมในโครงการ การดำเนนิ โครงการ จนกระทั่งการปฏิบตั งิ านใน
โครงการวา่ ประสบผลสำเร็จตามจุดม่งุ หมาย ทต่ี ัง้ ไว้หรอื ไม่ มปี ญั หาอุปสรรค และข้อเสนอแนะอย่างไร
เพอื่ ทจ่ี ะนำผลการประเมนิ ไปพัฒนาปรับปรุงและบริหารโครงการใหม้ ปี ระสทิ ธิผลตามวตั ถปุ ระสงค์และ
เปา้ หมายของโครงการส่งเสริมการอ่านหอ้ งสมดุ เคล่ือนท่นี ำความรู้ส่ชู มุ ชน (Lidray Deliery) ทต่ี ้งั ไวซ้ ึ่ง
สอดคล้องกับรูปแบบการประเมนิ ของ สตฟั เฟลิ บมี (Daniel L. Stufflebeam) ซึ่งก็คอื รปู แบบการ
ประเมินแบบซิป (CIPP Model) นน่ั เอง

แนวคดิ เกย่ี วกับการจดั กจิ กรรมส่งเสริมการอา่ น

3. ความหมายของการจดั กิจกรรมสง่ เสรมิ การอ่าน

กรรมการบริหารสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ (อ้างถงึ นางสาวพลู สุข ปรวิ ตั รวรวฒุ ิ.
https://hs.pbru.ac.th/phocadownloadpap/CHE/2558/2_3/2.3-33.pdf ) ได้ให้ความหมายของการ
จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านว่า เป็นการกระทำตา่ ง ๆ เพ่ือให้กลุ่มเปา้ หมายเกิดความสนใจในการอา่ น เห็น
ความสำคญั และความจำเป็นของการอ่าน เกิดความเพลดิ เพลินในการอ่าน พยายามพัฒนาการอ่านของตนให้
ถงึ ระดบั การอ่านเปน็ และอา่ นจนเปน็ นิสยั

ลกั ษณะสำคญั ของกจิ กรรมส่งเสรมิ การอ่าน
1. เร้าใจ ให้บคุ คลท่ีเปน็ เป้าหมายเกดิ ความอยากอา่ นหนังสือ

2. จงู ใจ ให้บคุ คลเกดิ ความพยายามทจี่ ะอา่ นใหแ้ ตกฉาน

3. กระตนุ้ โดยแนะนำให้อยากร้อู ยากเหน็ เรอ่ื งราวต่าง ๆ ท่ีมีอยูใ่ นหนังสือ
4. สรา้ งบรรยากาศการอ่าน ในบ้าน รร. และสงั คม

5. สรา้ งและพัฒนาแหลง่ วสั ดุการอ่านให้เพยี งพอ มีการบรู ณาการอา่ นในการเรยี นการสอน และ
การตดั สนิ ใจเพ่ือดำเนินการต่าง ๆ
ทำไมต้องมกี จิ กรรมส่งเสริมการอ่าน

1. การอา่ นมิใช่ทักษะที่เกดิ เองตามธรรมชาติ

2. การอา่ นเป็นพฤติกรรมการส่ือสารและรับสารอย่างหน่ึง

3. ความอยากร้เู รื่องราวตา่ ง ๆ ให้มากและหลากหลายขึน้
เป้าหมายของการจดั กิจกรรมสง่ เสริมการอ่าน

1. เปา้ หมายบคุ คล
2. เป้าหมายของการอา่ น

3. การกำหนดเปา้ หมายของการอ่าน

4. บันไดแหง่ การอา่ น มี 3 ข้นั คอื อา่ นออก อ่านได้ และอ่านเป็น

20

การเตรียมตวั เพื่อจัดกจิ กรรม

1. อา่ นหนงั สือและวัสดกุ ารอ่านอ่นื ๆ อยเู่ นืองนิตย์
2. รูจ้ ักบคุ คลทีเ่ ป็นเป้าหมาย
3. ร้วู ธิ ีดำเนนิ การ การตดิ ตามผลและวัดผล

กิจกรรมเพือ่ ส่งเสริมการอา่ น มหี ลายแบบดงั นี้

1. กิจกรรมซึ่งเรา้ โสตประสาท ชวนใหฟ้ งั
2. กิจกรรมซึ่งเร้าจักษุประสาท
3. กิจกรรมซง่ึ เร้าโสตและจกั ษปุ ระสาทในขณะเดยี วกนั
4. กจิ กรรมซง่ึ ใหผ้ ูเ้ ปน็ เป้าหมายได้ร่วมดว้ ย
ประโยชน์ของการจัดกจิ กรรมสง่ เสริมการอา่ น

1. เพอ่ื ปลกู ฝังนิสยั รักการอา่ นให้แกก่ ลุ่มเปา้ หมาย
2. เพ่ือให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักแสวงหาความรูแ้ ละความเพลิดเพลินจากการอ่านในยามว่าง
3. เพือ่ ให้กลมุ่ เปา้ หมายรู้จักศึกษาค้นคว้าได้ตามความต้องการและตามความสนใจ
วธิ กี ารสร้างความสนใจในการอา่ นใหเ้ กิดขึ้น

1. เรยี นและฝกึ ฝนจนอา่ นได้คลอ่ งแคลว่ ตอ้ งอา่ นให้มาก และอา่ นเรื่องราวตา่ ง ๆ อยา่ ง
หลากหลาย

2. ประสบการณใ์ นชวี ิต
3. อยา่ งปล่อยจติ ใจใหซ้ ึมเซา ท้อแท้ เบอ่ื หนา่ ย
4. สร้างนิสยั อยากรู้อยากเห็น
5. หัดอา่ นให้เร็วและอ่านใหแ้ ตกฉาน
6. หาทางใชค้ วามรู้ท่ีได้จากการอา่ นและไตร่ตรองแลว้
สรุปได้ว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านพัฒนาคนไทยทุกช่วงวัยให้มีทักษะความสามารถใน
การอา่ นคดิ วิเคราะห์ พฒั นาคนไทยทุกชว่ งวัยให้มีทักษะและนสิ ัยรักการอ่านและการเรียนรตู้ ลอดชวี ิต ด้วย
กจิ กรรมสง่ เสริมการอ่านทุกรปู แบบ การจัดกิจกรรมส่งเสรมิ การอ่านในรูปแบบต่างๆ เปน็ การเพม่ิ อัตราการ
อ่านของประชาชน เพื่อพัฒนาให้ประชาชนมีคุณภาพ สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องทันเหตุการณ์
นำความรทู้ ไ่ี ดร้ บั ไปใช้ปฏบิ ัติจริงในชีวติ ประจำวนั ส่งเสรมิ การเรยี นรู้เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและพัฒนา
ความสามารถในการอ่าน และศักยภาพการเรียนรู้ของประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ส่งเสริมการอ่านอย่าง

21

ต อ บ ส น อ ง ค ว า ม ต้องการท้ังทางด้านร่ า ง ก า ย แ ล ะ จิ ต ใ จ ข อ ง ผู้ ร่ ว ม กิ จ ก ร ร ม จ น ท ำ ใ ห้ เ กิ ด ทั ศ น ค ติ ที่
ดีของผู้ร่วมโครงการ ต่อการจัด โครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray
Deliery) ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ สังกัดสำนักงาน
สง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวดั รอ้ ยเอด็

ทฤษฎที ่ีเก่ยี วกบั ความพึงพอใจ

ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานในระดบั สูงเป็นส่ิงที่พึงปรารถนาสำหรบั ผู้บริหารทุกคนเพราะจะ
ช่วยให้การบริหารเป็นไปอย่างราบรื่น และการปฏิบัติงานของบุคลากรในหน่วยงานเป็นไปอย่างมี
ประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล การสร้างความพึงพอใจในการปฏิบัติงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งส ำหรับ
ผู้บริหารทุกคน ดังนั้นผู้บริหารจะต้องศึกษากระบวนการและเทคนิคต่างๆในการสร้างแรงจูงใจให้ถ่องแท้
และอาศัยแรงจูงใจเป็นเครื่องมอื สำคัญในการทีจ่ ะกระตุ้นให้บคุ ลากรปฏบิ ตั ิงานในหน้าที่ท่ีได้รับมอบหมาย
ด้วยความศรัทธาและเต็มใจเพื่อผลสำเร็จของงาน การสร้างแรงจูงใจน้ันเกิดขึ้นจากพื้นฐานความต้องการ
ของมนุษย์เป็นสำคัญ ซง่ึ การบริหารตามแนวทางพฤติกรรมศาสตร์เนน้ เร่ืองน้เี ป็นอย่างมากต่อการนำไป
ประยกุ ตใ์ ช้ไว้มากมาย ในทน่ี ี้ จะขอเสนอแนวคิดหรอื ทฤษฎที ่ีเกีย่ วขอ้ งดังนี้

1. ทฤษฏีของเมนารด์ เซลล่ี
มนาร์ด เซลลี่ (Maynard Shelly) ได้กล่าวถึงทฤษฎีความพงึ พอใจว่าเปน็ ความรู้สกึ สองแบบของ
มนุษย์ ความรู้สึกทางบวกและความรู้สึกทางลบ ความรู้สึกทางบวกเป็นความรู้สึกที่เมื่อเกดิ ข้ึนแล้วจะทำให้
เกิดความสุข ความสุขนี้เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากความรู้สึกทางบวกอื่น ๆ กล่าวคือเป็นความรู้สึกที่มี
ระบบย้อนกลับความสุขสามารถทำให้เกิดความสุขหรือความรู้สึกทางบวกเพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้น จะเห็นได้วา่
ความสุขที่สลับซับซ้อนและความสุขนี้จะมีผลต่อบุคคลมากกว่าความรู้สึกทางบวกอื่น ๆ สิ่งหนึ่งที่ทำให้
ความรู้สึกพอใจของมนุษย์ ได้แก่ ทรัพยากร หรือสิ่งเร้า การวิเคราะห์ระบบความพึงพอใจ คือการศึกษาว่า
ทรัพยากรหรือสิง่ เร้าแบบใดเปน็ สงิ่ ทต่ี ้องการท่จี ะทำใหเ้ กิดความพอใจและความสขุ แก่มนุษย์ ความพอใจจะ
เกิดได้มากที่สุดเมื่อมีทรัพยากรทุกอย่างที่เป็นความต้องการครบถ้วน (Maynard Shelly อ้างใน ธนวรรธ
ตงั้ สนิ ทรพั ยศ์ ิร.ิ 2550 : 162)
2. ทฤษฎขี องแมกเกรเกอร์
แมกเกรเกอร์ (McGregor) ได้เสนอสมมติฐานเกี่ยวกับตัวคนที่จะได้รับการตอบสนอง
สิ่งจูงใจมากหรือน้อย โดยแบ่งการทำงานของคนไว้ 2 แบบ (McGregor อ้างใน ธนวรรธ ตั้ง
สนิ ทรพั ย์ศริ ิ. 2550 : 168) คอื
แบบที่ 1 เรียกว่า ทฤษฎี X ทฤษฎีนี้เชื่อว่ามนุษย์มีสัญชาตญาณที่จะหลีกเลี่ยงการทำงาน
ดังน้นั จึงต้องใช้การบังคับ ควบคุม ลงโทษ เพื่อให้งานสำเร็จตามวตั ถุประสงค์ ทัง้ นเี้ พราะพื้นฐาน
ของคนทุกคนมีความทะเยอทะยานน้อย ต้องการเพียงความปลอดภัยมากกว่าสิง่ อื่น จึงเป็นการจงู ใจ
ในทางลบและใช้ได้น้อยในปัจจุบัน เพราะการบังคับควบคุมและการลงโทษผู้ปฏิบัติงานจะก่อให้เกิด

22

ปฏิกิริยารุนแรงขึ้นและเป็นผลร้ายต่อการบริหารงานในที่สุด ทฤษฎี X ใช้วิธีควบคุม และการสั่งการอย่าง
เข้มงวด เพราะมที ัศนคตติ ่อสมาชิกและ มนษุ ยโ์ ดยทั่วไป ดังนี้

1. มนษุ ย์มกั ขเี้ กียจ
2. มนษุ ย์ชอบหลกี เล่ียงงาน
3. มนุษยต์ อ้ งการที่จะถูกควบคุมและรับคำสัง่
4. ควรใชว้ ินยั จากภายนอก
5. มนุษยห์ ลีกเลีย่ งความรับผิดชอบ
6. มนุษย์ขาดความคดิ รเิ ริ่มและขาดความเฉลียวฉลาด
แบบที่ 2 เรียกว่าทฤษฎี Y ทฤษฎีนี้มีความเชื่อว่าในการทำงานของคนไม่ได้มีความต้องการให้ได้
เงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่เป็นสิ่งจูงใจให้พึงพอใจในการทำงาน ทั้งนี้เพราะคนจะไม่
หลีกเลี่ยงทำงานเสมอไป การบังคับข่มขู่มิใช่วิธีที่จะทำให้งานสำเร็จแต่การเปิดโอกาสให้คนแสดง
ความสามารถรับผิดชอบ ควบคุมตนเอง จะเป็นผลให้ผู้ปฏิบัติงานผูกพันกับหน่วยงาน และหากได้จัด
อย่างเหมาะสมแล้ว ผู้ปฏิบัติงานจะยอมรับในสิ่งที่ได้รับมอบหมายและยินดีรับผิดชอบในผลสำเร็จของงาน
อีกด้วย ทฤษฎี Y ใช้วิธกี ารจงู ใจ เพราะมคี วามเชอ่ื ในสิง่ ทด่ี ขี องมนษุ ย์
1. การทำงานมธี รรมชาตเิ หมือนการละเล่นและการพักผอ่ น
2. มนษุ ยจ์ ะกระตนุ้ ตวั เองให้ทำงาน
3. มนษุ ย์มวี ินัยในตนเอง
4. มนษุ ยแ์ สวงหาความรบั ผดิ ชอบ
5. มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์และมสี มรรถภาพในการทำงาน
สรุปได้ว่าทฤษฎี X และ Y เป็นทัศนคติของผู้บริหาร หรือองค์การที่มีต่อบุคลากรในองค์การนั้น
ซง่ึ ทัศนคตนิ จ้ี ะเป็นตวั กำหนดวธิ กี ารบรหิ ารเพ่อื ใหง้ านมีประสทิ ธภิ าพ
3. ทฤษฎลี ำดับข้ันความตอ้ งการของมนษุ ยข์ องมาสโลว์
มาสโลว์ (Maslo) มีสาระของทฤษฎีคือ มนุษย์มีความต้องการอยู่เสมอไม่สิ้นสุดเมื่อคว าม
ต้องการใดได้รับการตอบสนองแล้วความต้องการอย่างอื่นจะเข้ามาแทนที่ กระบวนการนี้ไม่
สิ้นสุดและเริม่ ตง้ั แต่เกดิ จนตาย ความตอ้ งการที่ไดร้ ับการตอบสนองแล้วจะไม่เป็นส่ิงจูงใจของพฤติกรรมอีก
ต่อไปและความต้องการของมนุษย์มีลำดับขั้นตาความสำคัญ (Needs hierarchy theory) กล่าวคือ
เมื่อความต้องการระดับต่ำได้รับการตอบสนอง แล้วความต้องการระดับสูงจะเรียกร้องให้มี
การตอบสนองทันที มีอยู่ 5 ระดับด้วยกนั (Maslo, อ้างใน วริ ัตน์ ดวงมาลา. 2547 : 98) คือ

1. ความต้องการทางร่างกาย (Physiological needs) เป็นความต้องการขน้ั พ้นื ฐาน
ของมนษุ ย์ และเป็นสงิ่ จำเปน็ ทส่ี ดุ ของการดำรงชวี ิต หากร่างกายไดร้ ับการตอบสนองแล้วชีวติ จะดำรงอยู่ได้
ความตอ้ งการเหลา่ น้ี คอื อาหาร เคร่อื งนงุ่ ห่ม ท่ีอยู่อาศัย ยารกั ษาโรค และความตอ้ งการทางเพศ

2. ความต้องการความปลอดภัย (Safety needs) เป็นความต้องการเกี่ยวกับความมั่นคง
ปลอดภัย จากการได้รบั ภัยอันตรายทางกายและจิตใจ

3. ความต้องการทางสังคม (Social needs) เมื่อความต้องการ 2 ประการแรกได้รับการ
ตอบสนองแล้ว ความต้องการทางสังคมจะเข้ามาแทนที่ เช่น ความต้องการที่จะเข้าร่วมและได้รับการ
ยินยอมความเปน็ มิตรภาพและความรกั จากเพ่ือนร่วมงาน

23

4. ความตอ้ งการทจี่ ะได้รับการยกย่องในสังคม (Esteem needs) เป็นความตอ้ งการทีเ่ กี่ยวกับ
ความรู้สึกเป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรี เช่น การได้รับการยกย่องจากสังคม ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสำเร็จ
ความรู้ความสามารถการนับถือตนเองความเป็นอิสระและเสรีภาพ และความต้องการฐานะดีเด่นการมีต่ำ
เหน่งสงู ในองคก์ าร

5. ความต้องการความสมหวังในชีวิต (Self actualization) ความต้องการขั้นนี้เป็นความ
ต้องการความสำเร็จสมหวังตามอุดมการณ์ ความเจริญก้าวหน้า การใช้ความรู้คว ามสามารถ เต็ ม
ศักยภาพและความสมบูรณ์ในชีวิต เช่น ผู้ชายต้องการเป็นนักบริหาร อีกคนต้องการเป็นนักชก
เหรียญทองโอลิมปิก อีกคนหน่ึงต้องการเปน็ นกั รอ้ งลูกทงุ่ ผู้มีชอ่ื เสียง เป็นต้น

มาสโลว์ (Maslow) ได้แบง่ ความต้องการ 5 ขนั้ เป็นสองระดับคือ ความตอ้ งการทางร่างกายและ
ความปลอดภัยเป็นความต้องการระดับต่ำ และความต้องการทางสังคม เกียรติยศ ชื่อเสียง และความ
สมหวังของชีวิตเป็นความต้องการระดับสูง โดยการแบ่งขั้นความต้องการออกเป็น 2 ระดับนี้เกิดจาก
สมมุติฐานที่ว่า ความต้องการระดับสูงตอบสนองภายใน ขณะที่ความต้องการระดับต่ำจะถูกตอบสนองจาก
ภายนอกจากข้อมูลจะเห็นได้ว่า ความสำคัญของทฤษฎีลำดับขั้นตอนของความต้องการของ Maslow
คอื ความต้องการทั้ง 5 ขน้ั ของมนุษย์นั้นมีความสำคัญไม่เท่ากัน และเมื่อใดก็ตามที่ความต้องการ
ข้นั ต่ำไดร้ บั การตอบสนองจนเปน็ ท่ีพอใจแลว้ มนุษยก์ ็จะมีความต้องการขั้นสูงข้ึนไปเรื่อย ๆ แต่ในขณะ
ที่มนุษย์มีความต้องการขน้ั สูงข้ึนไปนน้ั มิได้หมายความว่าความต้องการขั้นต่าง ๆ จะหมดไปเพียงแต่
วา่ ความต้องการขัน้ ตำ่ ได้รับการตอบสนองเพยี งพอแลว้

แนวคิดเกี่ยวกับความพึงพอใจ
1. ความหมายของความพึงพอใจ
ความพงึ พอใจในงาน (Job satisfaction) น้ี มีผู้ให้ความหมายไวต้ ่าง ๆ กันแต่โดย

ใจความสำคญั แล้วมคี วามหมายคล้ายคลึงกัน ดงั น้ี
ปราณี อาระศาสตร์ (2545 : 148) กล่าวว่าความพึงพอใจในงานเป็นผลรวมขององค์กรเพิ่มเติมต่าง ๆ ซ่ึง
สนองความต้องการและเป็นศกั ยภาพท่เี จรญิ ข้ึนเปน็ เจตคติทแี่ ฝงอยู่
วิรัตน์ ดวงมาลา (2547 : 74) ได้ให้ความหมายความพึงพอใจในงานโดยทั่วไปไว้ว่าเป็นอารมณ์ที่ชืน่ ชมอนั
เกดิ จากผลงานทีต่ นเองไดป้ ระเมินโดยประสบการณ์ของตนเองแล้วเหน็ วา่ งานน้นั สมั ฤทธิผลและมีคณุ คา่

2. องค์ประกอบหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดความพึงพอใจ การที่บุคคลในองค์กรจะเกิดความรู้สึกพึง
พอใจในการปฏิบัติงานมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของสิ่งจูงใจที่องค์กรมีอยู่ ถ้าองค์กรมี
ปัจจัยทีม่ ีแรงจูงใจในการปฏิบัติงานบคุ คลในองค์กรน้ันย่อมเกิดความพึงพอใจมาก ซง่ึ ได้มีนักวิชาการหลาย
ท่านได้ทำการศึกษาวจิ ยั ไว้ดังนี้

ฉวีวรรณ ธุรรัตน์ (2545 : 28) ได้กล่าวถึงปัจจัยที่ส่งผลของบุคคลที่มีความพึงพอใจในงานจะ
แสดงพฤติกรรมดังต่อไปนี้

1. มีความเอาใจใสต่ ่องาน ขยันตดิ ตามผลงานท่ไี ด้มอบหมายอยเู่ สมอเมื่อพบขอ้ บกพร่อง
เสียหายกพ็ ยายามแกไ้ ขหรอื รบี แจง้ ใหผ้ บู้ ังคับบัญชาทราบ

2. ความเหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นร่วมมากกวา่ ประโยชนส์ ่วนตัวยอมเสียสละเวลาและความสขุ
ส่วนตัวเพอ่ื งานโดยไม่ต้องชกั ชวนหรอื รอ้ งขอ

3. มคี วามสามัคคีเป็นน้ำหน่งึ ใจเดยี วกนั ไมแ่ ตกแยกเปน็ กก๊ เป็นเหล่า

24

4. ไม่ขาดงานหรือหยุดงานโดยไม่จำเป็น มีความสบายใจที่ได้มาทำงานและอยู่ร่วมกับเพื่อน
รว่ มงาน

สง่า ภู่ณรงค์ (2551 : 9) ได้กล่าวว่าความพึงพอใจหมายถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น เมื่อได้รับ
ความสำเร็จ ตามความม่งุ หมาย หรอื เปน็ ความรสู้ ึกขั้นสุดทา้ ยทไี่ ด้รับผลสำเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค์

สรุปได้ว่า ผู้บริหารที่อยู่ในหน่วยงานแต่ละแห่งควรจะทำ การศึกษาถึงองค์ประกอบและ
ปั จ จั ย ส ำ คั ญ ข อ ง ค ว า ม พึ ง พ อ ใ จ เ พื่ อ เป็นแนวทางการเสริมพลังให้บุคคลมีกำลังกายและกำลังใจที่จะ
สรา้ งสรรคแ์ ละพฒั นางานใหบ้ รรลุตามวตั ถุประสงค์ขององค์กรต่อไป และความพงึ พอใจ คือ ความรู้สึกหรือ
เจตคตทิ ี่ดที ี่มีต่อการเขา้ รว่ มกจิ กรรมและเปน็ ความรสู้ ึกหรือทัศนคตทิ ่ีเปน็ ไปในทางบวกของบุคคลท่ีช่ืนชอบ
ต่อกิจกรรม ตามโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery) ที่ได้
ตอบสนองความต้องการทั้งทางดา้ นร่างกายและจิตใจของบุคลากรจนทำให้เกิดทัศนคติที่ดีของผู้
ร่วมโครงการ ต่อการจัดกิจกรรมของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียง
ขวัญ สังกดั สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ร้อยเอ็ด

ขอ้ มลู พนื้ ฐานศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอเชียงขวญั

สำนกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวดั ร้อยเอด็

1. ขอ้ มลู ท่วั ไปของสถานศกึ ษา

วนั ท่ี 27 สงิ หาคม 2536 กรมการศึกษานอกโรงเรียนไดป้ ระกาศจัดตงั้ ศนู ยบ์ ริการ
การศึกษานอกโรงเรียนกิ่งอำเภอเชียงขวัญ เป็นสถานศึกษาโดยการกำกับดูแลของศูนย์การศึกษานอก
โรงเรียนจังหวัดร้อยเอ็ด เดิมใช้อาคารศูนย์การเรียนชุมชนตำบลบ้านเขือง หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเขือง
บรเิ วณวดั ป่าสทุ ธปิ ระชาสามคั คี เป็นทที่ ำการชั่วคราว ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2543 อำเภอเชยี งขวญั โดยนาย
นิคม ปัญจวัฒน์ นายอำเภอเชียงขวัญ ได้อนุญาตให้ใช้ที่ดินสาธารณะประโยชน์ บ้านดอนยาง หมู่ที่ 2
ตำบลพระธาตุ เป็นที่ตั้งถาวร เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2551 สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนได้
ประกาศใช้พระราชบญั ญตั ิส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 จงึ มผี ลทำ
ให้ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอเปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ มีฐานะเป็นสถานศึกษาสังกัดราชการส่วนกลาง มีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน
ประสานงานภาคีเครือขา่ ย พัฒนาแหลง่ เรยี นรู้ และภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ในการจดั การเรยี นการสอน

บทบาทหน้าที่ของ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ คือจัด
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้กับกลุ่มเป้าหมาย ที่อยู่นอกระบบโรงเรียน สนับสนุน
ส่งเสริมให้หน่วยงาน องค์กรท้ังภาครฐั และเอกชน จัดการศกึ ษานอกโรงเรยี น และกำกับดูแลติดตามผล
การดำเนินงานของ กศน.ตำบลและศนู ย์การเรียนชมุ ชน รวมทั้งสิ้น จำนวน 6 แห่ง

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ มีผู้บริหารตั้งแต่เริ่มต้น
จนถึงปัจจุบัน จำนวน ทั้งสิ้น 5 คน ผู้บริหารคนปัจจุบัน คือ นางธันยพร สิทธิราช ดำรงตำแหน่ง
ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ ซึ่งย้ายมาดำรง
ตำแหน่งต้ังแตว่ ันที่ 2 เดือน มกราคม พ.ศ. 2563 จนถงึ ปัจจุบัน

25

2. ข้อมลู พ้นื ฐานการจัดการศึกษา
2.1 บุคลากรในศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ

มีครูและบคุ ลากรจำนวนทั้งส้ิน 13 คน

ตารางท่ี 2 แสดงจำนวนบคุ ลากรในศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั
อำเภอเชยี งขวัญ

ท่ี ชื่อ-สกุล ตำแหนง่ วฒุ ิ วชิ าเอก

1 นางธันยพร สิทธริ าช ผอ.กศน.อำเภอ ป.โท (ศษ.ม.) การบรหิ ารการศึกษา

2 นายโกวิทย์ ศรีทองจนั ทร์ ครู ป.โท (ศษ.ม.) การบรหิ ารการศึกษา

3 นายพลวฒั น์ จันทะคัด ครูผู้ชว่ ย ป.ตรี (น.บ.) นิตศิ าสตรบ์ ณั ฑิต

4 นางสำเนยี ง เพ่มิ ผล ครอู าสาสมัครฯ ป.โท (ศษ.ม.) การบรหิ ารการศึกษา

5 น.ส.อนงคเ์ ยาว์ หงษศ์ รีเมือง ครูอาสาสมัครฯ ป.ตรี (คบ.) เกษตรกรรม

6 นายประพจน์ ศรีมงคล ครู กศน.ตำบล ป.ตรี (ศศ.บ.) สง่ เสริมการเกษตร
7 นายเอนกพงษ์ เพ่ิมผล ครู กศน.ตำบล และสหกรณ์

ป.ตรี (คบ.) เอกประถมศึกษา

8 นายอานนท์ พนั ธะไชย ครู กศน.ตำบล ป.ตรี (รบ.) รัฐศาสตร์บณั ฑติ

9 นางสาวอรวรรณ ธงงาม ครู กศน.ตำบล ป.ตรี (คบ.) สงั คมศึกษา

10 นายกฤตวิภพ เนตรวงษ์ ครู กศน.ตำบล ป.ตรี (บธ.บ.) คอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ

11 นายทวี แน่นอดุ ร ครูผสู้ อนคนพกิ าร ป.ตรี (วท.บ.) วทิ ยาศาสตร์การกีฬา

12 นายเทพพร ธานีวรรณ บรรณารกั ษ์ ป.ตร(ี รป.บ.) รัฐประศาสนศาสตร์

2.2 จำนวน กศน.ตำบลและศูนยก์ ารเรียนชุมชน ของศนู ย์การศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอเชียงขวัญ มี กศน.ตำบล จำนวนทงั้ ส้นิ 6 แห่ง ที่ต้งั อยู่ในพนื้ ท่ี ดงั น้ี

26

ตารางที่ 3 แสดงจำนวน กศน.ตำบลในสงั กัดศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั
อำเภอเชยี งขวัญ

ท่ี กศน. ประจำตำบล ท่ตี งั้ หมู่ที่ บ้าน ตำบล

1 กศน.ตำบลเชยี งขวัญ อาคารเอกเทศ 4 ดอนแดง เชยี งขวญั

2 กศน.ตำบลบา้ นเขือง อาคารเอกเทศวัดป่าสุทธิ 12 ทงุ่ สว่างสามคั คี บ้านเขือง
ประชาสามคั คี

3 กศน.ตำบลพระธาตุ อาคารศาลาประชาคมหลงั เก่า 2 ดอนยาง พระธาตุ

4 กศน.ตำบลพระเจ้า อาคาร กศน.ตำบล 1 หวายหลึม พระเจา้

5 กศน.ตำบลหมูม้น อาคารเอกเทศ 3 ไผ่ หมมู น้

6 กศน.ตำบลพลบั พลา อาคารเอกเทศ 3 โพธศ์ิ รี พลบั พลา

2.3 ยุทธศาสตรก์ ารดำเนนิ งานศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอ
เชียงขวัญ

1. ปรชั ญา “ คิดเปน็ ทาํ เป็น แก้ปัญหาเป็น ”

2. วิสยั ทัศน์ “ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยเชียงขวัญ
จัดกจิ กรรมรว่ มกับเครือข่ายในการยกระดับการศึกษาสำหรบั ประชากรวยั แรงงานและผู้พลาดโอกาสทาง
การศึกษา อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวติ ให้มีคุณภาพ ภายใต้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”

3. อัตลกั ษณ์ “ผูเ้ รียนดำเนินชวี ติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
4. เอกลกั ษณ์ “สถานศกึ ษาพอเพยี ง”
5. กศน.อำเภอเชยี งขวัญ มคี า่ นยิ มองคก์ ร คือ “Team Wins” เพ่อื ให้ บุคลากร
กศน.อำเภอเชียงขวัญ มกี ารทำงานเป็นทมี มุ่งไปส่ชู ยั ชนะ ตามพันธกจิ และเปา้ ประสงคข์ ององคก์ ร” ดงั น้ี
5.1 T Teamwork การทำงานเป็นทีม หมายถงึ บุคลากร กศน.อำเภอเชยี งขวัญ
มีความสามัคคี ประสานงานกันทำงานเพื่อองค์กร มีการระดมความคิดในการแก้ปัญหาร่วมกัน พัฒนางาน
ร่วมกัน มีลักษณะเป็นหนึ่งเดียวในด้านการบริหารจัดการ การปฏิบัติงาน และด้านกฎหมาย มีทีมงานท่ี

27

สามารถนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้พัฒนาการทำงานขององค์กร ชักชวนให้คนในองค์กรช่วยกันขับเคลื่อน
ใหเ้ กดิ การปฏบิ ัตจิ รงิ เพื่อการทำงานทนี่ ำไปสูเ่ ปา้ ประสงคข์ ององค์กร

5.2 E Equality of Work ความเสมอภาคในการทำงาน หมายถึง ผบู้ ริหารให้
ความสำคัญในการปฏิบัติงานของบุคลากร กศน.อำเภอเชียงขวัญทุกคน โดยให้ความเสมอภาคและความ
เป็นธรรม สรา้ งขวัญกำลังใจทีด่ ใี ห้กับผู้ปฏบิ ตั งิ าน

5.3 A Accountability ความรบั ผิดชอบต่อผลสำเร็จของงานและต่อสาธารณะ
หมายถึง บุคลากร กศน.อำเภอเชียงขวัญ มีความรับผิดชอบต่องานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และงานที่
ต้องมีส่วนร่วมต่างๆ ปฏิบัติด้วยความตั้งใจอย่างเต็มความสามารถ บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย ตระหนัก
ในความรับผิดชอบ พร้อมที่จะให้ตรวจสอบ สามารถอธิบายถึงพฤติกรรมการกระทำของตนเองหรือ
หน่วยงานได้ รวมถึงความรับผิดชอบในผลการปฏิบตั งิ านใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายได้

5.4 M Morality and Integrity การมศี ีลธรรมและมีความซ่ือสตั ย์ หมายถงึ
บุคลากร กศน.อำเภอเชียงขวัญปฏิบัตหิ นา้ ที่ดว้ ยความซ่ือสตั ย์ สจุ รติ และถกู ต้องเพ่ือนำพาองค์กรให้เป็นท่ี
น่าเชอื่ ถอื และก้าวไปขา้ งหน้าอย่างภาคภูมิ

5.5 W Willful มีความมงุ่ มน่ั ตัง้ ใจทำงานอย่างเต็มศักยภาพ หมายถงึ บคุ ลากร
กศน.อำเภอเชียงขวัญ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเต็มใจ เต็มความรู้ เต็มความสามารถ และเต็มเวลา เพื่อมุ่งสู่
ความสำเร็จขององคก์ ร

5.6 I Improvement การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนอื่ งสม่ำเสมอ หมายถงึ
บุคลากร กศน.อำเภอเชียงขวัญหมั่นแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
และพฒั นางานในหนา้ ที่ให้มปี ระสิทธภิ าพ

5.7 N Network and Communication การเป็นเครือข่าย ทมี่ ปี ฏิสมั พนั ธ์ท่ีดี
ต่อกัน หมายถึง บุคลากร กศน.อำเภอเชียงขวัญในองค์กรทุกคน ยิ้มแย้มต่อกันและกัน กล่าวคำทักทาย
ซึ่งกันและกันเมื่อพบหน้ากันทุกครั้ง มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โดยไม่คำนึงว่ามาจากที่ใด ทุกคน ให้ความ
ร่วมมือแก่คน ที่มาติดต่อในองค์กร เป็นอย่างดี บุคลากร กศน.อำเภอเชียงขวัญนำข่าวสารใหม่ ๆ ดี ๆ มา
เผยแพร่ เล่าสู่กันฟัง มีการจัดให้มีการพบปะสังสรรค์ระหว่างบุคลากรในองค์กรอย่างน้อยเดือนละคร้ัง
ตลอดท้ังย้ิมแยม้ แจ่มใสต่อผมู้ าใช้บริการ

5.8 S Service Mind การมีจิตมุ่งบริการ หมายถึง บุคลากร กศน.อำเภอเชียงขวัญ
ให้บริการแก่ทุกคนทีม่ าติดต่อด้วยความเต็มใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส มีใจในการใหบ้ ริการด้วยกลั ยาณมิตร มีการ
ประสานสัมพันธก์ นั ในองค์กร พรอ้ มใจบรกิ ารเพอ่ื ความพงึ พอใจผูใ้ ช้บริการ

6. พนั ธกจิ

6.1 จดั การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย
6.2 ส่งเสริมสนบั สนุนและประสานภาคเี ครือข่าย เพอ่ื จดั การศึกษานอกระบบ และ
การศกึ ษาตามอธั ยาศยั
6.3 จดั ส่งเสรมิ สนับสนนุ พฒั นาแหล่งเรยี นรู้และภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ิน
6.4 กํากบั ดูแล ตรวจสอบ นเิ ทศภายใน ตดิ ตามประเมนิ ผลและรายงานผล การ
ดําเนินงานการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย
6.5 พัฒนาครูและบคุ ลากรทางการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั และภาคี
เครือข่าย

28

6.6 ระดมทรัพยากรเพื่อใช้ในการสง่ เสริมสนับสนนุ การจดั และพฒั นาการศึกษา นอก
ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย

6.7 ดําเนนิ การประกันคุณภาพภายในใหส้ อดคลอ้ งกับระบบหลกั เกณฑ์และ วิธกี าร
ประเมินคุณภาพการศึกษา

7. เป้าประสงค์
7.1 ประชาชนผู้ด้อย ผู้พลาด และผู้ขาดโอกาสทางการศึกษารวมทั้งประชาชนทั่วไปได้รบั

โอกาสทางการศึกษาในรูปแบบการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาต่อเนื่องและ
การศึกษาตามอัธยาศัยที่มีคุณภาพ อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง เป็นไปตามสภาพ ปัญหา และความต้องการ
ของแตล่ ะกลมุ่ เป้าหมาย

7.2 ประชาชนได้รับการยกระดับการศึกษา สร้างเสริมและปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และความ
เป็นพลเมืองอันนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความเขม้ แข็งใหช้ ุมชน เพื่อพัฒนาไปสู่ความ
ม่นั คงและยั่งยนื ทางดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม ประวตั ศิ าสตร์ และสิ่งแวดล้อม

7.3 ประชาชนได้รับโอกาสในการเรียนรู้และมีเจตคติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่
เหมาะสมสามารถคิด วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจำวัน รวมทั้งแก้ปญั หาและพัฒนาคณุ ภาพชีวิตได้อยา่ ง
สร้างสรรค์

7.4 ประชาชนไดร้ บั การสรา้ งและส่งเสริมให้มีนสิ ยั รักการอ่านเพื่อการแสวงหาความรู้ด้วย
ตนเอง

7.5 ชุมชนและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมจัด ส่งเสริม และสนับสนุนการดำเนินงาน
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย รวมทัง้ การขบั เคล่ือนกจิ กรรมการเรียนรู้ของชมุ ชน

7.6 สถานศึกษาพัฒนา เทคโนโลยีทางการศึกษา เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการยกระดับ
คณุ ภาพในการจดั การเรยี นรู้และเพ่มิ โอกาสการเรียนรู้ให้กบั ประชาชน

7.7 สถานศึกษาพัฒนาสื่อและการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนา
คุณภาพชีวิต ที่ตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงบริบทด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม
ประวตั ิศาสตร์ และสิง่ แวดล้อม รวมท้ังตามความตอ้ งการของประชาชน และชุมชนในรปู แบบทีห่ ลากหลาย

7.8 บุคลากรของสถานศึกษาได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการปฏิบัติงาน
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างมีประสิทธภิ าพ

7.9 สถานศึกษามรี ะบบการบริหารจัดการตามหลกั ธรรมาภบิ าล

3. รายงานผลการจัดกิจกรรม

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเชยี งขวญั สำนักงานสง่ เสริม
การศกึ ษาตามอัธยาศยั และการศกึ ษานอกระบบจงั หวัดร้อยเอด็ ไดป้ ฏบิ ัติงานตามนโยบาย ยุทธศาสตร์
และจดุ เนน้ การดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2564 ดังน้ี

1. กิจกรรมจดั การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน ได้ปฏบิ ตั ิงานตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และจดุ เน้นการ
ดำเนนิ งาน ประจำปีงบประมาณ 2564 โดยดำเนินการจัดกิจกรรมการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน ดงั น้ี

1.1 ระดับประถมศึกษา

1.2 ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น

29

1.3 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย

ตารางที่ 4 แสดงจำนวนและร้อยละนักศึกษากิจกรรมการจัดการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน ปงี บประมาณ
2564

กจิ กรรมการจดั การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน เปา้ หมายท้ังปี ผลการดำเนินงาน ร้อยละ

สง่ เสริมผ้ไู มร่ ู้หนงั สือ 30 30 100.00

ระดับประถมศึกษา 136 136 100.00
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 362 362 100.00
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 579 579 100.00
1,107 1,107 100.00
รวม

2. กิจกรรมจดั การศึกษาต่อเนือ่ ง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอ
เชยี งขวัญ สำนักงานส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศยั และการศกึ ษานอกระบบจงั หวดั ร้อยเอ็ด ไดป้ ฏิบัตงิ าน
ตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และจุดเนน้ การดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2564 โดยดำเนินการจัดกิจกรรม
การศึกษาต่อเนอื่ ง ดงั น้ี

2.1 การศกึ ษาเพื่อพัฒนาอาชีพ
2.1.1 แบบชั้นเรยี นวิชาชีพ หลักสตู ร 31 ชว่ั โมงขึ้นไป
2.1.2 แบบกลุ่มสนใจ หลกั สูตรตั้งแต่ 6 ช่วั โมงขึน้ ไป
2.1.3 แบบ 1 อำเภอ 1 อาชพี หลกั สูตรต้ังแต่ 31 ชว่ั โมงข้นึ ไป
2.2 การศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชวี ติ
2.3 การศกึ ษาเพื่อพฒั นาสังคมและชุมชน
2.4 การเรยี นร้ตู ามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ตารางที่ 5 แสดงจำนวนและร้อยละนักศึกษากจิ กรรมการจัดการศกึ ษาต่อเนอ่ื ง ปงี บประมาณ 2564

30

ที่ กจิ กรรมการจดั การศกึ ษาตอ่ เนอ่ื ง เปา้ หมายทง้ั ปี ผลการดำเนินงาน ร้อยละ

1 การศกึ ษาเพ่อื พัฒนาอาชีพ 569 คน 589 คน 103.51
123 คน 123 คน 100.00
2 การศึกษาเพือ่ พฒั นาทักษะชวี ิต 100 คน 100 คน 100.00
43 คน 43 คน 100.00
3 การศึกษาเพื่อพฒั นาสังคมและชมุ ชน
4 การเรียนรตู้ ามหลกั ปรัชญาของ 835 คน 855 คน 102.40

เศรษฐกจิ พอเพียง
รวม

3. กจิ กรรมการเรียนร้ตู ามอัธยาศยั ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย
อำเภอเชียงขวัญ ได้ปฏบิ ตั ิงานตามนโยบาย ยทุ ธศาสตร์ และจุดเนน้ การดำเนินงาน ปงี บประมาณ 2564
โดยดำเนนิ การจัดกจิ กรรม

3.1 หอ้ งสมดุ ประชาชน

3.2 กศน.ประจำตำบล

3.3 บ้านหนังสอื ชมุ ชน

3.4 หอ้ งสมุดเคล่ือนท่ี

3.5 ห้องสมุดสำหรับชาวตลาด

ตารางที่ 6 แสดงจำนวนและร้อยละผ้รู บั บรกิ ารการเรยี นรตู้ ามอธั ยาศยั ปงี บประมาณ 2564

ที่ กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามอธั ยาศัย เปา้ หมายท้ังปี ผลการดำเนินงาน ร้อยละ

1 ห้องสมุดประชาชน 6,000 คน 6,363 คน 106.05
2 กศน.ประจำตำบล 2,400 คน 2,460 คน 102.50
3. บ้านหนังสือชมุ ชน 1,200 คน 1,280 คน 106.66
4. หอ้ งสมดุ เคล่ือนที่ 1,200 คน 1,250 คน 104.16
5. ห้องสมดุ สำหรบั ชาวตลาด 800 คน 850 คน 106.25
11,600 คน 12,203 คน 105.19
รวม

ตารางที่ 7 แสดงจำนวน กิจกรรม ผู้เรียน ผรู้ บั บรกิ าร พ้ืนท่ดี ำเนินการ การจัดกิจกรรมการการศึกษา
ตามอธั ยาศัย ปีงบประมาณ 2564

31

ที่ โครงการ / กจิ กรรม ผู้เรียน/ พน้ื ทดี่ ำเนินการ

ผู้รับบริการ

1. กิจกรรมสง่ เสรมิ การอ่านและนทิ รรศการ 750 คน พ้นื ที่อำเภอเชียงขวัญ
ความรเู้ รอ่ื งไวรสั โคโรนา (Covide-19) พน้ื ท่ีอำเภอเชียงขวญั

2. กิจกรรมส่งเสรมิ การอ่านห้องสมดุ 600 คน
เคลือ่ นทน่ี ำความร้สู ู่ชุมชน กจิ กรรมอ่าน
ดสี ร้างอาชพี

ที่ โครงการ / กิจกรรม ผูเ้ รียน/ พ้ืนทดี่ ำเนนิ การ
พน้ื ที่อำเภอเชยี งขวญั
ผูร้ บั บรกิ าร

3. กิจกรรมสง่ เสรมิ การอ่านห้องสมดุ 350 คน
เคลื่อนทนี่ ำความรูส้ ชู่ มุ ชน กจิ กรรม
เสริมสรา้ งความรู้หลักประชาธปิ ไตย

4. กจิ กรรมส่งเสรมิ การอ่านด้านสขุ ภาพและ 120 คน พน้ื ที่อำเภอเชียงขวัญ
จิตใจ รว่ มกับโครงการจัดกิจกรรม
ผ้สู งู อายุเพื่อพัฒนาทางการและจติ ใจ

5. กิจกรรมส่งเสริมการอ่านผา่ นส่ือออนไลน์ 1,200 คน พน้ื ท่ีอำเภอเชียงขวัญ
พ้ืนท่ีอำเภอเชียงขวญั
6. กิจกรรมส่งเสริมการอ่านห้องสมดุ 850 คน พื้นที่อำเภอเชยี งขวัญ
เคล่อื นท่สี ำหรับชาวตลาด
พน้ื ที่อำเภอเชยี งขวญั
7 โครงการส่งเสรมิ การอา่ นห้องสมุด 700 5,770 คน
ประชาชนอำเภอเชยี งขวัญเคลื่อนท่ี

8 กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอ่านบ้านหนงั สือ 1,200
ชมุ ชน

รวมจำนวนผูเ้ รยี น/ผรู้ ับบรกิ าร ทง้ั ส้ิน

การดำเนินงานโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery)
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ สำนักงานส่งเสรมิ การศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวดั รอ้ ยเอ็ด

เพื่อให้การดำเนินงานโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray
Deliery) ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ สำนักงานส่งเสริม

32

การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ดประสบผลสำเร็จ ทางศูนย์การศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอเชียงขวัญ ได้ดำเนินการโดยกำหนดกระบวนการ ดังน้ี

1. การใหค้ วามรู้กบั คณะครูเก่ียวกับโครงการส่งเสรมิ การอา่ นหอ้ งสมดุ เคลอ่ื นทีน่ ำ
ความรูส้ ชู่ มุ ชน (Lidray Deliery)

1.1 ศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการอ่านและ
การประเมินผลโครงการเพื่อให้ได้แนวทางในงานดำเนินงานโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำ
ความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery) ที่ประสบผลสำเร็จ ก่อนดำเนินโครงการ ผู้ประเมินได้ศึกษาหลักการ
แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อกับการอ่านและการประเมินผลโครงการ บทบาทของผู้บริหารและ
คณะครทู ีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับการจัดกิจกรรมส่งเสรมิ การอ่าน การประเมินผลโครงการและงานวจิ ยั ที่เกยี่ วขอ้ ง

1.2 ผรู้ ายงาน ได้จดั ประชมุ อบรมเพื่อสร้างความเขา้ ใจร่วมกันแก่คณะครู โดยทำความ
เข้าใจใหค้ วามร้เู ก่ยี วกับแนวคิด ทฤษฏี ความรู้พ้นื ฐานเก่ยี วกบั การสง่ เสรมิ การอ่าน

2. การแต่งต้งั คณะกรรมการรับผิดชอบโครงการส่งเสรมิ การอ่านหอ้ งสมุด
เคลื่อนทน่ี ำความรสู้ ชู่ ุมชน (Lidray Deliery)

ผู้รายงานได้ดำเนินการประชุมครู เพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการส่งเสริมการอ่าน
ห้องสมดุ เคล่ือนทน่ี ำความรู้สู่ชมุ ชน (Lidray Deliery) โดยเป็นประธานในการประชุม ไดเ้ ปดิ โอกาสใหค้ ณะ
ครูได้แสดงความคิดเห็นอย่างกวา้ งขวางและเสนอบุคคลทเี่ หมาะสมโดยคัดเลือกบคุ ลากรท่ีเหมาะสมกับงาน
แต่ละฝ่าย แต่ละหน้าที่ จากนั้นได้ออกคำสั่งแต่งตั้งและมอบหมายให้คณะกรรมการโครงการส่งเสริมการ
อ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery) ตามคำสั่งของศูนย์การศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอเชยี งขวญั

3. การศึกษาประเดน็ และกำหนดแนวทางในการจดั กิจกรรมส่งเสรมิ การอ่าน

คณะกรรมการโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery)
ได้ดำเนินการศึกษาประเด็นและกำหนดแนวทางในการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงเพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้
ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งด้านการศึกษา ดังนี้

3.1. ดา้ นบุคลากร

3.2. ด้านการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพ

3.3. ดา้ นสอ่ื /นวัตกรรม/แหลง่ เรยี นรตู้ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

3.4. ด้านความสัมพนั ธ์กับหน่วยงานภายนอก

จากการศึกษาประเด็นในการพัฒนา ควรมีการพัฒนาเริ่มจากด้านบุคลากรเพือ่ ให้มีความรู้ความ
เข้าใจในเรื่องการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ด้านสื่อ/นวัตกรรม/แหล่งเรียนรู้ และด้านความสัมพันธ์กับ
หนว่ ยงานภายนอกควบค่กู ันไป

33

4. การปฏิบัติการโครงการสง่ เสริมการอา่ นห้องสมดุ เคลื่อนทีน่ ำความรู้สชู่ ุมชน (Lidray
Deliery)

เพื่อให้การจัดโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery)
ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยผู้บริหารและคณะกรรมการโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำ
ความร้สู ่ชู มุ ชน (Lidray Deliery) ไดป้ ฏบิ ตั งิ านตามคำส่ังดงั น้ี

4.1. ประชุมผู้เกี่ยวข้องและคณะทำงาน ทำความเข้าใจในรายละเอียดและขั้นตอนการ
ปฏิบตั ิกจิ กรรมให้ตรงกนั

4.2. กำหนดกิจกรรมที่จะปฏิบตั ิ ว่ามีอะไรบ้างที่ทำได้โดยเรียงลำดับการปฏิบัตกิ ่อนหลังไว้
เป็นข้อ ๆ เช่น กิจกรรมที่จัด สิ่งที่ควรเตรียมก็คือการจัดสถานท่ี วัสดุอุปกรณ์ และสื่อการอ่าน ต่างๆ ไว้
ให้บรกิ ารแก่ผู้เกยี่ วข้อง

4.3. แบ่งงานกันรับผิดชอบ โดยแบ่งและแจ้งให้ทราบว่าใครจะทำหน้าที่อะไร เวลาใด
ใช้เวลามากน้อยเพียงใดให้ชัดเจน และควรเตรียมการไว้ด้วย ถ้ามีปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติ ควรที่
จะมบี ุคคลหนึง่ บคุ คลใดมาปฏิบตั ิแทนโดยไม่ให้เกดิ ความเสียหาย

4.4. ทำความเข้าใจประเดน็ และแนวทางในการจัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ การอ่านแต่ละตำบล เพือ่
ไม่ใหเ้ กดิ ความผดิ พลาดหรือขอ้ บกพร่อง อันจะก่อให้เกิดการขาดความเชอ่ื ถือต่อผู้ปฏิบตั ิงาน

4.5. ตกลงกำหนดแนวทางร่วมกันเกีย่ วกับระบบข้อมูล โดยรวบรวมข้อมูลของ แต่ละคนที่
รับผิดชอบให้เป็นแนวทางเดียวกันข้อมูลนั้นมีความสำคัญและเป็นหลักฐานสำหรับข้อมูลย้อนกลับ
สถานศกึ ษาไดท้ ราบผลการปฏบิ ัตติ อ่ ไป

4.6. ปฏิบัติงานโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray
Deliery) ตามประเด็นและเปา้ หมายของกิจกรรม ดงั น้ี

ด้านบุคลากร

สถานศึกษากำหนดให้ครแู ละบุคลากรได้พฒั นาเพ่มิ ประสิทธิภาพของครูและบุคลากร ทาง
การศึกษา ในรปู แบบของการอบรม ประชุมเชงิ ปฏิบตั ิการ การสมั มนา ศึกษาจัดนิทรรศการศกึ ษาดูงาน
แลกเปลยี่ นเรียนรู้

ด้านการจัดเตรียมสถานท่ี

การจดั เตรียมสถานที่ การจัดกิจกรรมจำนวน 6 ครง้ั ได้แก่
- ตำบลพระเจา้ สถานท่จี ดั กจิ กรรม ณ วัดบ้านดงพิกุล
- ตำบลหมมู น้ สถานท่จี ดั กจิ กรรม ณ ศาลาหมู่ 10 ตำบลหมูมน้
- ตำบลเชยี งขวญั สถานท่จี ดั กิจกรรม ณ บา้ นหนังสือชมุ ชน หมู่ 10 ตำบลเชยี งขวัญ
- ตำบลบ้านเขือง สถานท่ีจัดกิจกรรม ณ กศน.ตำบลบ้านเขือง
- ตำบลพระธาตุ สถานที่จัดกิจกรรม ณ บ้านหนังสือชมุ ชน หมู่ที่ 6 ตำบลพระธาตุ

34

- ตำบลพลบั พลา สถานที่จัดกิจกรรม ณ กศน.ตำบลพลบั พลา

ด้านสื่อ/นวัตกรรม ส่งเสรมิ การอา่ น

1) จัดเตรียมสอ่ื สง่ เสรมิ การอ่านท่มี ีอยู่ในห้องสมดุ เชน่ หนงั สือ วารสาร ฯลฯ

2) จัดเตรยี มสอ่ื ส่งเสริมการอ่านทจี่ ำเป็นในการจัดกิจกรรม เชน่ สอ่ื กฎจราจรสำคัญใน
ชีวติ ประจำวนั สอื่ การทำสายคล้องแมส

3) ออกแบบสื่อส่งเสรมิ การอา่ นออนไลนท์ ีใ่ ช้ในการจัดกิจกรรม เชน่ สอ่ื หนังสอื พิมพ์ออนล์
สื่อการทำ DIY

4) จดั ทำแบบประเมนิ แบบสำรวจสื่อ รูปแบบออนไลน์

ด้านความสมั พันธก์ ับหน่วยงานภายนอก

1) ประสานสัมพนั ธ์กับชมุ ชนให้มีสว่ นรว่ ม ในการจดั กจิ กรรม

2) สร้างเครอื ข่ายสง่ เสริมการอ่านหอ้ งสมดุ
3) สรา้ งความสมั พนั ธ์อนั ดีกับหน่วยงานตา่ ง ๆ
4) สรา้ งเครอื ข่ายกับหนว่ ยงานอื่น ๆ

4.7. มีการประชุมทบทวนบทบาทของการปฏิบัติงานในแต่ละขั้นตอนและหน้าที่ที่ได้รับ
มอบหมายของแต่ละบคุ คลอยา่ งสมำ่ เสมอ เพือ่ ปรบั ปรุงประสทิ ธภิ าพของโครงการส่งเสริมการอา่ นหอ้ งสมุด
เคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery) อยู่อย่างเป็นระยะเพื่อช่วยเหลือเมือ่ เกิดปัญหาอุปสรรคและ
การเปล่ียนแปลงใหส้ อดคล้องกับการปฏิบตั งิ านยงิ่ ขึ้น

4.8. ประชุมคณะปฏิบัติงานโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน
(Lidray Deliery) เพื่อสรุปผลโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray
Deliery) เมื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติการตามโครงการ ประเมินผลและสรุปการปฏิบัติงานรวบรวมข้อมูล
ปญั หาใหค้ รบถ้วน

4.9. การนำขอ้ มลู ทง้ั หมดมาใช้ ขอ้ มูลทั้งหมดทไ่ี ด้จากการพฒั นาสถานศึกษาพอเพียงเพ่ือ
เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา จะต้องนำไปประมวลสรุป
วิเคราะห์ วิจัย เพือ่ รายงานผลให้ผ้เู ก่ียวข้องรบั ทราบ เพือ่ นำไปใชป้ ระโยชน์ในการปรับปรุงและพัฒนาให้
มปี ระสิทธภิ าพยิ่งขนึ้ ต่อไป

5. การประเมินผลและการรายงานผลโครงการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงเพื่อเป็นศูนย์การ
เรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศกึ ษา

35

การประเมินผลและการรายงาน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุด
เคล่ือนที่นำความรสู้ ู่ชุมชน (Lidray Deliery) มแี นวทางในการประเมนิ ผลและรายงานผลโครงการส่งเสริม
การอา่ นห้องสมุดเคลื่อนทน่ี ำความรู้สชู่ มุ ชน (Lidray Deliery) ดงั นี้

การประเมินผลโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery)
หมายถึง การตรวจสอบความสำเร็จของโครงการกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยครอบคลุม
ถงึ การประเมนิ งาน ดังตอ่ ไปน้ี

การประเมินก่อนการดำเนินการ เป็นการดูความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของงานหรือ
โครงการ รวมท้ังดูเหตุผลความสอดคลอ้ งในตวั โครงการทีเ่ ขยี นไว้ดว้ ย

การประเมินระหว่างดำเนินงาน เป็นการประเมินทั้งกระบวนการและผลงานในช่วงต่าง ๆ
เพื่อปรบั ปรุงแกไ้ ขอยู่ตลอดเวลาในระหวา่ งดำเนนิ งาน

การประเมินขั้นสุดท้ายของการดำเนินงาน เป็นการประเมินเพื่อดูว่าผลที่ได้รับเป็นไปตาม
วตั ถุประสงคเ์ พยี งใด

ผู้มีหน้าที่ในการประเมินผล คือ ผู้บริหารและคณะกรรมการดำเนินงานพัฒนาสถานศึกษาโดย
เปดิ โอกาสใหค้ ณะครูได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการจดั ทำแบบประเมนิ โครงการด้วย

ขอบข่ายกจิ กรรมทต่ี อ้ งปฏิบตั ิในการประเมินควรมีดงั น้ี

5.1. ประเมินผลสำเร็จของโครงการตามวตั ถุประสงค์และเป้าหมาย

5.2. ประเมินความคดิ เห็นเพือ่ ทราบความพึงพอใจของผูเ้ กี่ยวข้อง

5.3. ประเมินกระบวนการโครงการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงเพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงดา้ นการศึกษาทกุ ขน้ั ตอน

5.4. สรปุ ผลการประเมินเพ่ือใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู สำหรับการปรบั ปรุงการปฏบิ ัติงานต่อไป

เอกสารงานวจิ ัยทีเ่ กี่ยวขอ้ ง

1. งานวจิ ัยในประเทศ

ผู้รายงาน ได้รวบรวมงานวิจัยในประเทศที่ศึกษาเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
เพ่อื เป็นแนวทางในการศึกษาได้ ดังนี้

นิรันดร์ สุขปรีดี (2540 : 1) ให้ความหมายของการอ่านว่า การอ่านคือ การเข้าใจความหมายของ
ตัวละคร หรือสัญลักษณ์ ซึ่งจะต้องอาศัยความสามารถในการแปลความ การตีความ การขยายความ
การจบั ใจความสำคัญและการสรุปความ

เรวดี อาษานาม (2537 : 77-78) ได้ให้ความหมายของการอ่าน ดังนี้ การอ่าน หมายถึง
กระบวนการในการแบ่งความหมายของตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ที่มีการจดบันทึกอย่างมีเหตุผลและเข้าใจ
ความหมายของส่งิ ท่ีอ่าน ตลอดจนการพิจารณาเลือกความหมายทดี่ ีทส่ี ุดข้นึ ไปใช้เป็นประโยชนด์ ว้ ย จะเห็น

36

ไดว้ ่าการอา่ นไมใ่ ชก่ ารรบั เอาความคิดจากหนังสือที่อา่ นเฉยๆ ผอู้ า่ นไมใ่ ช่ผู้รบั แตเ่ ปน็ ผ้กู ระทำ สรปุ ไดว้ า่ เป็น
ผู้ใช้ความคิดไตร่ตรองเรื่องราวที่ตนเองอ่านเสียก่อน แล้วจึงรับเอาใจความของเรื่องทีต่ นอ่านไปเก็บไว้หรอื
นำไปใชใ้ ห้เป็นประโยชน์ตอ่ ไป ดงั นั้นหวั ใจของการอ่านจึงอย่ทู ก่ี ารเข้าใจความหมายของคำ

สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2550 : ภาคผนวก 2/8) ได้ให้ความหมายการเขียนว่า
หมายถึง การสื่อสารด้วยตัวอักษรเพื่อถ่ายทอดความรู้ ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกประสบการณ์ ข่าวสาร
และจิตนาการ โดยการใชภ้ าษาทีถ่ ูกตอ้ งเหมาะสมตามหลักการใช้ภาษาและ
ตรงตามเจตนาของผู้เขยี น

วรรณี โสมประยูร (2544 : 139) ให้ความหมายของการเขียนว่าเป็นเครื่องมือการถ่ายทอด
ความรู้สกึ นึกคิดและความตอ้ งการของบุคคลออกมาเป็นสัญลักษณ์หรือตัวอักษรเพ่ือสื่อความหมายให้ผู้อน่ื
ได้เข้าใจได้ เพราะการเขียนเป็นทักษะการส่งออกตามหลักของภาษาศิลป์จากความหมายของการเขียน
ดังกล่าว ทำให้มองเห็นความสำคัญของการเขียนว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
เช่นนักเรียนใช้การเขียนบันทึกความรู้ ทำแบบฝึกหัดและตอบข้อสอบบุคคลทั่วไปใช้การเขียนเพื่อเขียน
จดหมาย ทำสัญญา พินัยกรรม การค้ำประกนั เปน็ ต้น

2. งานวจิ ัยต่างประเทศ

ผู้รายงานได้รวบรวมงานวิจัยต่างประเทศที่ศึกษาเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
เพื่อเปน็ แนวทางในการศึกษาได้ ดงั นี้

Burton (Burton, 1997) นักปรัชญาชาวอังกฤษ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการอ่านว่า การอ่าน
ทาให้คนเป็นคนโดยสมบูรณ์สาหรับการเรียนภาษาอังกฤษ ทักษะที่จาเป็นและสำคัญสาหรับคนไทยในยุค
การสื่อสารผ่านข้อมูลข่าวสารนี้คือ ทักษะการอ่าน เพราะการอ่านเป็นทักษะที่จาเป็นอย่างยิ่งต่อการศึกษา
หาความรู้และพัฒนาชีวิต ผู้เรียนจาเป็นจะต้องใช้ทักษะการอ่านในการติดต่อสื่อสาร และการแสวงหา
ความร้จู ากแหลง่ ตา่ งๆ

จากการศึกษาค้นคว้างานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ เกี่ยวข้องกับการจัดกิจ กรรม
ส่งเสริมการอ่าน บูรณาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม การนำกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
ไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรม ตลอดจนการพัฒนาความรู้ เพื่อให้เกิดผลทางปฏิบัติในทุก
ระดับอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และการนำเอาคุณธรรมจริยธรรมเข้าไปเป็นพื้นฐานของ
กระบวนการเรียนรู้ เชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างการจัดกิจกรรม สถาบันครอบครัวชุมชน ศาสนา ให้มี
ส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเกิดความรูท้ ักษะ เจตคติที่ดี และปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์
ให้สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวนั ไดอ้ ยา่ งพอเพยี ง สมดุล และยั่งยืน

37

บทท่ี 3
วิธีการประเมนิ โครงการ

รูปแบบการประเมนิ โครงการ

การประเมินโครงการครั้งน้ีเป็นการประเมินโครงการส่งเสริมการอา่ นห้องสมุดเคล่ือนที่นำความรู้สู่
ชุมชน (Lidray Deliery) (ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 31 มีนาคม 2565) ของศูนย์การศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา
ตามอัธยาศัยจังหวัดรอ้ ยเอ็ด สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงาน
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ โดยการประเมินโครงการ ใช้รูปแบบการประเมินโครงการ
CIPP Model ของสตัฟเฟลบมี (D.L. Stufflebeam, 1997, P. 261-265) ดังนี้

ประเมินสภาวะแวดล้อม • หลกั การ
(Context Evaluation) • วตั ถปุ ระสงค์ ของโครงการ
• เปา้ หมายของโครงการ
• การเตรยี มการภายในโครงการ

ประเมนิ ปจั จยั เบื้องต้น • บคุ ลากร
(Input Evaluation) • วสั ดอุ ุปกรณ์
• เครอ่ื งมอื เคร่ืองใช้
• งบประมาณ

• การดำเนนิ โครงการ
• กิจกรรมการดำเนนิ งานตาม

38

ภาพที่ 3 กรอบแนวคิดการประเมินโครงการในรูปแบบ CIPP MODEL

การจัดทำรายงานการประเมนิ โครงการคร้งั นี้ วตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ประเมินโครงการส่งเสรมิ การอ่าน
ห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery) ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัยอำเภอเชยี งขวญั สำนกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดร้อยเอ็ด
เพือ่ ให้การดำเนินงานบรรลุวตั ถุประสงค์ ผู้ประเมนิ ไดใ้ ชว้ ิธีการและข้นั ตอนตา่ ง ๆ ในการประเมนิ โครงการ
ดังต่อไปนี้

ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง

ประชากรและกลุ่มตวั อย่างในการประเมินครงั้ น้ีได้แก่
1. ประชากร
ประชากรในการประเมินครั้งน้ี รวมจำนวนประชากรท้งั หมด 50 คน ประกอบดว้ ย ผ้รู ่วม
โครงการส่งเสริมการอา่ นห้องสมดุ เคลอ่ื นทน่ี ำความรสู้ ู่ชมุ ชน (Lidray Deliery) จำนวน 50 คน
2. กลมุ่ ตัวอยา่ ง
กลุ่มตวั อยา่ งท่ใี ชใ้ นการประเมินครั้งนไี้ ดม้ าโดยการสมุ่ แบบเจาะจง (Purposive Random
sampling) รวมจำนวนกลุม่ ตัวอยา่ งในการประเมนิ โครงการคร้งั น้ีท้ังหมด 50 คนประกอบดว้ ย ผ้รู ่วม
โครงการสง่ เสริมการอา่ นห้องสมดุ เคลื่อนทีน่ ำความรสู้ ่ชู มุ ชน (Lidray Deliery)

เครอื่ งมือทใี่ ชใ้ นการประเมนิ โครงการ

เคร่อื งมือท่ีใช้ในการประเมินโครงการส่งเสรมิ การอ่านห้องสมุดเคลื่อนทีน่ ำความรู้สู่ชมุ ชน
(Lidray Deliery) ของศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอเชยี งขวัญ มีจำนวน 2
ฉบบั ดงั นี้

39

1. แบบประเมินโครงการสง่ เสริมการอ่านหอ้ งสมุดเคล่ือนที่นำความรู้สู่ชุมชน (Lidray Deliery)
ของศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวญั โดยใชแ้ บบประเมนิ CIPP
MODEL มี 4 ดา้ น จำนวน 26 ขอ้ ดังน้ี

- ดา้ นสภาวะแวดลอ้ ม ( Context ) จำนวน 5 ขอ้
- ดา้ นปจั จัยเบอ้ื งต้น ( Input ) จำนวน 5 ข้อ
- ด้านกระบวนการ ( Process ) จำนวน 8 ขอ้
- ดา้ นผลผลิต ( Product ) จำนวน 8 ขอ้

การจัดทำและการศึกษาประสิทธิภาพของเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินโครงการ ผู้ประเมิน
โครงการได้ดำเนนิ การ ดงั น้ี

1.1 ศึกษาเอกสารทางวิชาการที่เกี่ยวกับการประเมินโครงการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียง
เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยเฉพาะเอกสารและ
งานวจิ ยั ท่เี กีย่ วขอ้ งอน่ื ๆ

1.2 ศึกษาหลักการ ทฤษฎี เกี่ยวกับการประเมินโครงการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงเพื่อ
เป็นศนู ย์การเรยี นรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงดา้ นการศึกษา

1.3 สร้างแบบสอบถามการประเมนิ โครงการ ตามรปู แบบการประเมนิ แบบซิป ( CIPP
Model ) ตามรูปแบบของแดเนียล แอล สตัฟเฟิลบีม ( Daniel L. Stufflebeam ) ซึ่งประกอบไปด้วย
รูปแบบการประเมนิ 4 ด้าน คือ การประเมินสภาวะแวดล้อม การประเมินปจั จยั เบื้องต้น การประเมิน
กระบวนการ และการประเมนิ ผลผลิต

1.4 ตรวจสอบความถูกตอ้ งของแบบสอบถามการประเมินโครงการตามกรอบทกี่ ำหนด
1.5 นำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นเสนอผู้ทรงคุณวุฒิตรวจพิจารณาความตรงเชิงเนื้อหาโดยวิธี
หาคา่ ดชั นีความสอดคล้อง (วนิ ิจ เทอื กทอง, 2555 : 16-20) ซงึ่ ผู้ทรงคุณวฒุ ดิ ังกล่าว เปน็ ผมู้ คี วามรคู้ วาม
เช่ยี วชาญทเี่ กี่ยวข้องกับการประเมนิ โครงการทางการศึกษา มีรายนามดงั น้ี

1) นางธันยพร สิทธิราช ผู้อำนวยการ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อธั ยาศยั อำเภอเชยี งขวัญ

2) นายโกวิทย์ ศรีทองจันทร์ ครู ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
อำเภอเชยี งขวญั

3) นายพลวฒั น์ จันทะคัด ครูผ้ชู ว่ ย ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
อำเภอเชยี งขวญั

40

ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินความสอดคล้อง ระหว่างข้อคำถามกับลักษณะเฉพาะกลุ่มพฤติกรรม
โดยใช้สูตร IOC (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 96) ผลปรากฏว่าแบบสอบถามได้ค่า IOC อยู่ระหว่าง 0.60 -
1.00 อยใู่ นเกณฑ์ท่ีใช้ได้

1.6 การนำแบบประเมนิ โครงการไปใช้กับกลุ่มเปา้ หมาย ท่ไี มใ่ ช้ประชากรกลุ่มตัวอย่างดำเนิน
โครงการ จำนวน 30 คนแล้วนำมาหาค่าความเที่ยงโดยใช้สัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha) ของครอนบัค
(Cronbach) ได้ค่าความเท่ียงเทา่ กบั 0.93

1.7. จัดพิมพ์แบบประเมินโครงการส่งเสริมการอ่านห้องสมุดเคลื่อนที่นำความรู้สู่ชุมชน
(Lidray Deliery) เปน็ ฉบับจริง จำนวน 50 ขอ้

1.8. นำไปใชจ้ รงิ กับประชากรกลมุ่ ตัวอยา่ งตามทกี่ ำหนด

2. แบบสอบถามความพึงพอใจของโครงการส่งเสริมการอา่ นห้องสมุดเคล่อื นที่นำความรูส้ ูช่ ุมชน
(Lidray Deliery) ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ ประจำปี
งบประมาณ 2565 ณ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเชียงขวัญ ดำเนินการ
สร้างดังนี้

2.1 ศึกษาเทคนิคที่ใช้ในการสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล การสร้างแบบสอบถามและ
เทคนคิ ในการรวบรวมข้อมลู และวิธตี รวจสอบมาตราส่วนประมาณค่า (บญุ ชม ศรสี ะอาด. 2545 : 69-73)

2.2 วิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องการวัด โดยพิจารณาว่าจะวัดความพึงพอใจของโครงการพัฒนา
สถานศึกษาพอเพียงเพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงดา้ นการศึกษาของศูนย์
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอเชียงขวัญ

2.3 กำหนดรูปแบบของคำถาม ขอ้ ความท่ีจะถามเปน็ ข้อความท่เี กยี่ วกับความรู้สึก ของผู้ตอบ
เป็นขอ้ ความส้นั เขา้ ใจงา่ ย และชัดเจน

2.4 สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของโครงการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงเพื่อเป็นศูนย์
การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาของศูนย์การศึกษานอกระบบและ
การศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอเชียงขวญั

2.5 นำแบบสอบถามความพึงพอใจที่สร้างขึ้น เสนอต่อผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อพิจารณาข้อคำถาม
และการใชภ้ าษา แล้วนำมาปรบั ปรงุ แก้ไขตามคำแนะนำ

2.6 นำแบบสอบถามความพึงพอใจที่ปรับปรุงแก้ไขแล้ว เสนอผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมเพ่ือ
พิจารณาค่าความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวตั ถปุ ระสงค์ โดยใช้สูตร IOC (บุญชม ศรีสะอาด, 2545 :
96) และความเหมาะสมด้านภาษาในแต่ละข้อ พบว่าแบบสอบถามความพึงพอใจมีค่า IOC ระหว่าง 0.6-
1.0 อยู่ในเกณฑท์ ี่ใชไ้ ด้

2.7 นำแบบสอบถามความพงึ พอใจใชก้ บั กลุ่มทีไ่ มใ่ ชก่ ล่มุ ตวั อยา่ ง

2.8 นำค่าคะแนนที่ได้จากการตอบแบบสอบถามมาหาค่าความเชื่อมั่นโดยใช้สัมประสิทธิ์
แอลฟา (Alpha-Conefficent) ของครอนบัค (Cronbach) ได้ค่าความชือ่ มน่ั เทา่ กับ 0.93


Click to View FlipBook Version