ธรรมทาน
หากมที า่ นผู้ศรัทธาพมิ พแ์ จกเปน็ ธรรมทาน
ผเู้ ขียนมคี วามอนุโมทนายนิ ดดี ้วยทุกโอกาส
กรณุ าทราบตามนยั ท่ีเรียนมาแลว้ น้ี
จะไมเ่ ป็นกงั วลในการตอ้ งขออนุญาตอกี ในวาระต่อไป
แตก่ ารพมิ พ์จำ�หนา่ ยนน้ั ขอสงวนลขิ สทิ ธิ์
ดงั ทเ่ี คยปฏิบตั ิมากบั หนังสอื ทุกเลม่ ทผ่ี ู้เขยี นเป็นผเู้ รียบเรยี ง
เพราะมงุ่ ประโยชนแ์ ก่โลกดว้ ยความบริสทุ ธใิ์ จ
ไมป่ ระสงคใ์ หม้ ีอะไรเปน็ เคร่ืองผกู พนั
จึงขอความเห็นใจมาพรอ้ มน้ดี ว้ ย
ขอความเปน็ สริ มิ งคลที่โลกปรารถนา
จงเกิดมแี ต่ทา่ นผูอ้ ่านผฟู้ งั
และทา่ นผปู้ ฏิบัตติ ามท้ังหลายโดยทวั่ กนั
คำ�นำ�
หนังสอื แวน่ ดวงใจ เปน็ หนงั สอื ที่หนาเล่มหนึ่ง ซง่ึ ยากแก่การขวนขวายเพ่ือจัดพมิ พอ์ ยู่
ไมน่ ้อย แตก่ ็ยังมีทา่ นผ้ศู รทั ธาพิมพแ์ จกทานเรอื่ ยมา หากขาดไปบา้ งก็เปน็ ครั้งคราว บดั นีก้ ็ได้
มที ่านผ้ศู รทั ธาประสงค์จะพิมพ์แจกทานแกท่ า่ นผู้สนใจธรรมปฏิบัติ ซงึ่ นับวา่ เปน็ การทมุ่ เทกำ�ลงั
ทรัพย์ ก�ำ ลังศรทั ธา เมตตามหาคุณค�้ำ จนุ โลกผหู้ วงั พึง่ ใบบุญอยไู่ มน่ ้อยเลย ผู้เขยี นจึงขอขอบคณุ
และอนโุ มทนาในเจตนาศรทั ธาอนั แรงกล้าของทา่ นท้ังหลายมาพรอ้ มน้ี ดว้ ยความซาบซึ้งเปน็
อยา่ งยิง่
ขอความสวสั ดีมชี ัยจงเกิดมแี ก่ทา่ นผ้ศู รทั ธา และท่านผอู้ ่านโดยท่วั กนั เทอญ ฯ
(คำ�นำ�ของทา่ นอาจารยพ์ ระมหาบวั ญาณสัมปนั โน
จากการพมิ พค์ ร้ังก่อน ๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๕)
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบา้ นตาด จังหวดั อุดรธานี
เม่ือวันที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศกั ราช ๒๕๓๗
“...หนังสอื น้ีอยา่ เอาไปโยนข้นึ หง้ิ แลว้ เก็บส่งั สมหนงั สอื เอาไว้ว่า เรามีหนงั สอื เท่าน้ันเลม่
เท่านเ้ี ล่ม ไมน่ อ้ ยหนา้ ใคร แต่ไม่ได้อา่ นดูตวั เองนนั่ ซี อ่านหนงั สือไม่อา่ น เอาไปโยนขึน้ หิ้งใชไ้ ม่ได้นะ
ไมเ่ ห็นคณุ ค่าของหนงั สือ พระพทุ ธเจา้ สลบ ๓ หนกว่าจะไดเ้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ ครูบาอาจารย์
แตล่ ะองคท์ จี่ ะได้นำ�หนังสอื มาแจกพวกเรานีแ้ ทบเป็นแทบตายท้ังนน้ั ละ ไมม่ ีองค์ไหนสบายๆ
มาแหละ มแี ต่องคเ์ ดนตายมา เราเอาไปโยนขึ้นห้ิงมนั เข้ากันได้ไหมละ่ เขา้ ไม่ไดน้ ะ
ถ้าอยากเปน็ คนดใี หเ้ อาไปอา่ น อา่ นหนังสอื แลว้ ก็อา่ นตวั เองเทียบกันไป หนังสือทา่ นว่า
ยังไงๆ เราปฏบิ ัตติ วั เรายังไงๆ ดูตรงไหนควรแกไ้ ขยงั ไงๆ ใหร้ ีบแก้ไข อ่านไปสงั เกตตวั เองไป
ตรวจตราดูตัวเองไป แก้ไขตัวเองไปเร่อื ยๆ เป็นคนดไี ด้ ไม่ไดด้ เี ฉยๆ ไม่ได้ชัว่ เฉยๆ นะ มเี หตุมี
ผลทค่ี วรจะดจี ะช่ัว ถา้ ทำ�ตัวให้ดกี ็เปน็ คนดี ท�ำ ตวั ใหช้ ั่วก็เปน็ คนเลวไปเลย ไมใ่ ช่อย่ๆู ก็ดี อยๆู่
กช็ ่ัว มเี หตุมผี ลควรดี ควรช่ัว....”
โดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสมั ปันโน
คุณค่าของหนงั สอื ธรรมะ
นำ้�ใจเป็นของสำ�คญั มากกว่าสิง่ ใดๆ เป็นของทีม่ ีคุณคา่ มาก เราหมายนำ�้ ใจคนมาเกี่ยวขอ้ งกบั เรา
เราไม่หมายถงึ สิ่งอะไรเร่อื งโลกามิส คดิ ดซู หิ นงั สือเราเขยี นทกุ เลม่ เราเคยจำ�หนา่ ยทไ่ี หน กเ็ พอ่ื
น้�ำ ใจ เขามาซื้อลิขสทิ ธ์ิเราไปพิมพจ์ ำ�หน่ายขายเป็นแสนๆ เปน็ ล้านๆ เราไม่เหน็ คุณคา่ ของเงิน
ล้านย่งิ กวา่ หวั ใจคน
ขอเดนิ แบบปา่ ๆ ยังงเ้ี ถอะเราวา่ ง้ี เรากเ็ ดินของเราเรื่อยมาอยา่ งน้ี ไม่สนใจกับสิ่งนนั้
หากวา่ เขาซือ้ ลขิ สิทธิ์ของเราไปแลว้ โดยท่ีเราเหน็ แก่เงนิ แก่ทองแล้ว เขาไปขายเล่มหน่ึงสกั เทา่ ไหร่
ขายจนกระทั่งถึงลกู ถึงเตา้ หลานเหลนถงึ ไหน เขาก็เป็นกรรมสทิ ธติ์ ลอดไป เงนิ สักก่ีลา้ นแตล่ ะ
เลม่ ๆน่ันแหละ เขาหวังเงนิ ล้านในหนังสือแตล่ ะเล่มๆ หวั ใจเรามันไมม่ ี ของเราท�ำ ไมไม่ขาย
มันก็ออกจากหัวใจ ความรู้สกึ ต่างกัน การแสดงออกก็ตอ้ งต่างกนั เราท�ำ ไม่ไดอ้ ยา่ งน้ัน เราถอื
หวั ใจสำ�คัญ
(หลกั ใจ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๒๑)
ทา่ นพระอาจารย์เสาร์ กันตสโี ล
โอวาทธรรม
ทา่ นพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล
ความเกี่ยวเนอ่ื งแหง่ มรรคและผล
เมื่อไม่มีสมาธิ ไมม่ ีฌาน ไมม่ ฌี าน ไมม่ ีวิปัสสนา
การกำ�หนดหมายสิ่งปฏิกูลนา่ เกลียด หรอื ก�ำ หนดหมายรู้โครงกระดกู
แลว้ ก็ก�ำ หนดหมายรู้ ธาตุ ๔ ดนิ น้�ำ ลม ไฟ เป็นสมถกรรมฐาน
สว่ นความรู้ทว่ี า่ สตั ว์ บคุ คล ตัวตน เรา เขามีทีไ่ หน เป็นวปิ ัสสนากรรมฐาน
เพราะฉะนนั้ ท่านนักปฏบิ ตั ทิ งั้ หลาย สมถกรรมฐาน วปิ ัสสนากรรมฐาน
เป็นคณุ ธรรมอาศยั ซงึ่ กันและกัน
เมอ่ื ไม่มสี มาธิ ไมม่ ีฌาน
ไมม่ ีฌาน ไม่มีวิปสั สนา
เมื่อไม่มวี ิปัสสนา ก็ไม่มวี ิชชา ความร้แู จ้งเหน็ จรงิ
เมือ่ ไม่รแู้ จง้ เห็นจรงิ จติ ไมป่ ล่อยวาง กไ็ ม่เกิดวิมตุ ติความหลดุ พ้น
สายสัมพนั ธ์มนั กไ็ ปกันอย่างน้ัน
บันทกึ ตามคำ�บอกเล่าของทา่ นเจ้าคณุ พระราชสังวรญาณ (หลวงพอ่ พุธ ฐานโิ ย)
ทา่ นพระอาจารยม์ ั่น ภรู ทิ ัตตเถระ
โอวาทธรรม
ทา่ นพระอาจารยม์ น่ั ภูรทิ ัตตเถระ
บาปอยู่ที่ไหน บุญอย่ทู ไ่ี หน
ธรรมอยทู่ ีไ่ หน กิเลสอย่ทู ไี่ หน
ดินเปน็ ดิน นำ้�เปน็ น้ำ� ลมเป็นลม
ไฟเป็นไฟ ท้องฟา้ อากาศ
โลกธาตเุ ป็นโลกธาตุ
ไมใ่ ชบ่ าปใชบ่ ุญ ไม่ใช่นรกสวรรค์
ไมใ่ ช่กิเลสตัณหา ไมใ่ ช่อรรถใช่ธรรม
ตวั บาปตัวบุญจรงิ ๆ รวมอยู่ท่ใี จเป็นผกู้ ่อเหตุ
กิเลสอยทู่ ่ใี จ มรรคผลนพิ พานอยูท่ ใี่ จ
ใหท้ า่ นขดุ ค้นลงทนี่ ่ี สงิ่ เหลา่ น้ัน
เปน็ สภาพตา่ งๆ ของเขา
เขาไมไ่ ดม้ คี วามสุข ความทกุ ข์ เหมือนใจดวงนี้
ใจดวงนี้มคี วามสขุ เพราะมีธรรมครองใจ
ใจดวงนี้มีความทกุ ข์ เพราะมกี เิ ลสบบี บอ้ี ยู่ท่ีภายในใจ
จงชำ�ระจิตใจดวงนี้ด้วยจิตภาวนา
เอาใหเ้ นน้ หนักเตม็ ท่ีเตม็ ฐานอย่าออ่ นขอ้
ทา่ นจะเหน็ มรรคผลนิพพานขน้ึ ทใ่ี จของทา่ นเอง
โดยไมต่ อ้ งไปถามใครเลย
บนั ทกึ โดยทา่ นอาจารยพ์ ระมหาบัว ญาณสัมปนั โน
ทา่ นพระอาจารยม์ หาบวั ญาณสมั ปนั โน
โอวาทธรรม
ทา่ นพระอาจารยม์ หาบวั ญาณสมั ปนั โน
ตามธรรมดาแล้วกิเลสทุกประการตอ้ งฝนื ธรรมดาดง้ั เดิม
คนทค่ี ล้อยตามมันจงึ เปน็ ผู้ลืมธรรมไมอ่ ยากเชื่อฟงั และท�ำ ตาม
โดยเหน็ ว่าลำ�บากและเสียเวลาทำ�ในสงิ่ ท่ตี นชอบ
ทัง้ ทีส่ ่ิงนั้นใหโ้ ทษ
ประเพณขี องนักปราชญ์ผฉู้ ลาดมองเหน็ การณ์ไกล
ย่อมไมห่ ดตัวม่ัวสุมอยเู่ ปลา่ ๆ
เหมือนเตา่ ถกู น�ำ้ รอ้ นไม่มที างออก
ต้องยอมตายในหม้อท่กี ำ�ลงั เดือดพล่าน
โลกเดอื ดพลา่ นอยู่ดว้ ยกเิ ลสตัณหาความแผดเผา
ไมม่ ีกาลสถานท่ที พี่ อจะปลงวางลงได้
จ�ำ ตอ้ งยอมทนทุกขท์ รมานไปตามๆ กัน
โดยไมน่ ิยมสัตว์น้ำ� สตั วบ์ ก สตั ว์อยบู่ นอากาศและใตด้ ิน
เพราะส่งิ แผดเผาเรา่ ร้อนอย่กู ับใจ
ความทกุ ข์จึงอยูท่ ่ีน้ัน
ดินแดนอรยิ ธรรม
ณ วัดป่าบ้านตาด ต�ำ บลบา้ นตาด อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวัดอุดรธานี
ภายในขอบเขตแห่งขัณฑสมี าอาราม ทีม่ ชี ่อื อย่างเป็นทางการวา่ “เกษรศีลคุณ”
ถกู สร้างข้นึ เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ด้วยเหตเุ พ่ือโปรดและสนองคุณมารดาผูใ้ ห้กำ�เนิด
ในยามดวงอาทิตยอ์ ุทยั ...ภาพแห่งพระมหาเถระผ้เู ฒ่า ผสู้ งู อายุกา้ วผา่ นปนู ปลายปัจฉิมวยั รปู หนง่ึ
ซึ่งทุกคนเรียกติดปากวา่ ”หลวงตามหาบวั ” เดินดุ่มเพอ่ื จารกิ บณิ ฑบาตโปรดเวไนยนิกรเพยี งล�ำ พงั
มีผู้รอถวายอาหารเป็นแหง่ ๆ เป็นภาพท่คี ้นุ ตาของประชาชนท่ีเลื่อมใสอย่เู สมอ
เพราะนีค่ ือ ทสั สนานุตตรยิ ะ....
การเหน็ อย่างยอดเย่ียม หมู่พระภิกษุครองผ้ากาสายะ ๒ ช้ัน สหี มองคล้�ำ
เดนิ สำ�รวมเพอ่ื จาริกบิณฑบาตอย่างรวดเร็วเปน็ ทิวแถว มีความมงุ่ มน่ั เดนิ ตามรอยแหง่ พ่อแมค่ รู
อาจารย์ เสียงเทศนาธรรมในตอนเชา้ ...กล่อมเกลาจิตประชาชน...วนั แลว้ วนั เลา่ ...มิไดข้ าด
เสยี งเจ้ือยแจว้ ของไก่ นก และสตั วอ์ ่ืน ๆ มีใหไ้ ด้ยินอยตู่ ลอดเวลา ท่ามกลางธรรมชาตทิ ีร่ ่มเย็น
ทุกชีวติ ตา่ งมาพ่งึ ใบบญุ ของหลวงตา องค์ทา่ นไมไ่ ดใ้ ห้เฉพาะภายในวัดนเี้ ท่านัน้
หากยงั เผ่ือแผเ่ มตตาไปทุกหย่อมหญ้าท่ีเดือดร้อน ไมว่ า่ จะเป็นโรงพยาบาล โรงเรียน
สถานทเ่ี ล้ียงเดก็ ก�ำ พร้า ฯลฯ หลวงตาใหค้ วามอนเุ คราะหท์ ้ังน้ันฯ
สารบญั
บรรพชติ
พระธรรมเทศนา บรรพชติ
กัณฑท์ ่ี ๑ สมบัตขิ องมีคา่ ในพระศาสนา วัดปา่ บ้านตาด อุดรธาน ี (๒๒ กรกฎาคม ๒๕๐๕) ๒๓๑
๒๔๔
กณั ฑ์ท่ี ๒ ศีล สมาธิ ปัญญา-อิทธบิ าทส่ ี วดั ปา่ บา้ นตาด อุดรธานี (๓๑ กรกฎาคม ๒๕๐๕) ๒๕๘
๒๖๙
กณั ฑท์ ่ี ๓ ความสงดั -ความเพยี ร วดั ปา่ บ้านตาด อุดรธานี (๑๐ สิงหาคม ๒๕๐๕) ๒๘๑
๒๙๖
กัณฑท์ ี่ ๔ หลกั ใจกบั สติและปญั ญา วัดป่าบา้ นตาด อุดรธานี (๒๐ สิงหาคม ๒๕๐๕) ๓๐๙
๓๒๓
กัณฑ์ท่ี ๕ สติปัฏฐานสี่ วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี (๒๕ สิงหาคม ๒๕๐๕) ๓๓๘
๓๕๓
กัณฑ์ที่ ๖ ครอู าจารย์ของนกั ปฏบิ ตั ิ วัดปา่ บา้ นตาด อดุ รธานี (๒ กันยายน ๒๕๐๕) ๓๖๗
๓๘๐
กัณฑ์ท่ี ๗ ข่าวของพระพุทธเจา้ และสาวก วดั ปา่ บ้านตาด อุดรธานี (๔ กนั ยายน ๒๕๐๕) ๓๙๑
๔๐๐
กณั ฑท์ ่ี ๘ ทรพั ยภ์ ายใน-ทรพั ยภ์ ายนอก วดั ปา่ บา้ นตาด อุดรธานี (๑๐ กนั ยายน ๒๕๐๕) ๔๑๒
๔๒๓
กณั ฑ์ที่ ๙ มัชฌิมาปฏปิ ทา วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี (๑๘ กนั ยายน ๒๕๐๕) ๔๓๓
๔๔๒
กัณฑ์ท่ี ๑๐ หลักแหง่ การปฏบิ ตั ิธรรม วดั ปา่ บา้ นตาด อตุ รธานี (๒๑ กนั ยายน ๒๕๐๕) ๔๕๓
๔๖๔
กณั ฑ์ท่ี ๑๑ มิจฉาสมาธิและสัมมาสมาธิ วดั ปา่ บา้ นตาด อดุ รธานี (๓o กนั ยายน ๒๕๐๕) ๔๗๓
กณั ฑท์ ่ี ๑๒ สติปฏั ฐานส่ี วดั ป่าบ้านตาด อดุ รธานี (๑๒ ตลุ าคม ๒๕๐๕)
กัณฑท์ ่ี ๑๓ อรยิ สจั สี่ วัดปา่ บา้ นตาด อุดรธานี (๒๘ ตลุ าคม ๒๕๐๕)
กณั ฑท์ ่ี ๑๔ บว่ งแห่งวฏั ฏทุกข์ วัดป่าบ้านตาด อดุ รธาน ี (๘ กันยายน ๒๕๐๖)
กัณฑท์ ี่ ๑๕ กรรมดี กรรมชัว่ วดั ป่าบ้านตาด อดุ รธานี (๒๕ ธนั วาคม ๒๕๐๖)
กัณฑท์ ่ี ๑๖ ความเพยี รของนกั ปฏิบตั ิ วัดปา่ บ้านตาด อุดรธานี (๒๖ ธันวาคม ๒๕๐๖)
กัณฑท์ ่ี ๑๗ ตนเป็นทีพ่ งึ่ แหง่ ตน วัดปา่ บา้ นตาด อุดรธานี (๒๑ มกราคม ๒๕๐๘)
กัณฑ์ที่ ๑๘ ครูอาจารยเ์ ป็นหลกั ยดึ วัดปา่ บา้ นตาด อุดรธานี (๒๒ มกราคม ๒๕๐๘)
กณั ฑ์ท่ี ๑๙ อัฐขิ องพระอรหันต์ วัดป่าบา้ นตาด อุดรธานี (๑๘ มนี าคม ๒๕๐๘)
กัณฑ์ท่ี ๒๐ พระธรรมวนิ ัย-อวิชชา วัดป่าบา้ นตาด อุดรธานี (๓ กรกฎาคม ๒๕๐๘)
กัณฑ์ท่ี ๒๑ ศิษย์พระตถาคต วดั ป่าบา้ นตาด อดุ รธานี (๒๙ กรกฎาคม ๒๕๐๘)
อธภบรารรมคมเบทศร๒นราพชติ
กัณฑ์ที่ ๑ ๑๙๗
สเทมเศทบนศัตนออ์ขิบบรอรมงมพพมรีคะา่ ณณในววดัพดั ปรา่ ะบา้ศา นนาตตสาาดดนา
เมอ่ืเมวอื่ นั วทันี่ท๒ี่ ๒๒กรกกรกฎฏาาคคมม พพุททุ ธศกักรราาชช ๒๒๕๕๐๐๕๕
สมบตั มิ ีคา ในพระศาสนา
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมมฺ าสมพฺ ทุ ธฺ สสฺ
วสิ งฺขารคตํ จิตตฺ ํ ตณหฺ าณํ ขยมชฺฌคาติฯ
เราบวชมาในพระศาสนา จะออกมาจากตระกูลใดกต็ าม พงึ ทราบวาเขา มาสูตระกูล
ท่เี รียกวา ศากยตระกลู คือตระกูลแหงกษัตรยิ เพราะองคสมเดจ็ พระผมู พี ระภาคเจา ทาน
เสดจ็ ออกจากศากยตระกลู ทรงสละราชสมบตั ทิ กุ ๆ ช้นิ แมทสี่ ุดคูพระบารมี คอื พระชายา
และพระโอรสซึง่ เปน เสมอื นดวงหทยั ของพระองคก ท็ รงสละไดทัง้ สิน้ เพอ่ื พระอนตุ รสัมมา
สมั โพธญิ าณ การท่ีองคสมเด็จพระผมู พี ระภาคเจา ไดเ สด็จออกตงั้ แตเ บอื้ งตน จนถงึ ความ
เปนพระพุทธเจานนั้ ในระยะทางที่พระองคผานไป ลว นแลวแตอปุ สรรคทจี่ ะทรงฝาฝน ทกุ
ๆ กรณี ทางเดินแหงองคสมเด็จพระผมู ีพระภาคเจา ทกุ ๆ พระองค เดินไปดว ยความยาก
ลาํ บาก ผไู มมคี วามพากเพยี รจริง ๆ แลวไมสามารถจะรอดพน บว งแหง มารไปได
บรรดาเราทัง้ หลายซึ่งเปนศิษยข องพระพทุ ธเจา จงพจิ ารณาวา พระองคไ ดดําเนนิ ไป
อยา งใด จงเปนผมู จี ติ ใจมงุ หวังอยางมนั่ คง เพื่อกา วไปตามรอยพระบาทแหงพระองค คํา
วา สปุ ฏปิ นฺโน อุชุปฏิปนฺโน ญายปฏิปนฺโน สามีจิปฏปิ นฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ลว นแลว
แตพระองคทรงวางรอ งรอยไวเ พือ่ ใหบ รรดาสาวกทงั้ หลายเดนิ ตาม จงึ จะสมชอ่ื สมนามวา
สาวกสงโฺ ฆ คือเปนสาวกขององคส มเด็จพระผมู ีพระภาคเจา จริงๆ คาํ วา สาวกแปลวา ผู
สดบั สดับท้ังทางตา สดับท้งั ทางหู คดิ ท้งั ทางใจ วนั หนง่ึ ๆ ไมน ง่ิ นอนในความคิดท่จี ะคน
หาเหตผุ ลเพ่อื ระวงั สาํ รวมตน ใหเ ปน ไปเพื่อความเปน ผูมีศลี บรสิ ุทธิ์ มีสมาธเิ พอื่ ความสงบ
แนว แนเปน ลาํ ดบั ไป เพอ่ื ปญ ญาหาความรคู วามฉลาดใสต น ไมเ ปนเชนนนั้ จะเรียกวา สาวก
ของพระผมู พี ระภาคเจา ไมไ ด
บดั นีก้ จิ การงานของเราท้งั หลายไดละแลว ตงั้ แตวนั อปุ สมบทเขามาในพระศาสนา
กิจการบานเรือนซ่ึงฆราวาสเขาจัดทําอยปู ระจําวนั เราไดล ะมาเสยี ทกุ ประการ ไมไดม ีความ
เกี่ยวขอ งกงั วลกับกิจการทัง้ หลายเหลา นัน้ มีหนา ที่จะตอ งปฏิบัติตนใหเปน สปุ ฏปิ นฺโน
เปนผปู ฏิบตั ดิ ดี วยกาย ปฏบิ ัตดิ ดี ว ยวาจา ปฏบิ ัตดิ ีดว ยใจ อุชุปฏิปนฺโน เปนผตู รงตอทาง
ตรสั รู ท้งั ทางกาย ทางวาจา และทางใจ ญาย เปน ผมู ุงประสงคเ พ่อื ความตรสั รซู งึ่ เญยธรรม
แวน ดวงใจ กณั ฑ์เทศน์ท่ี ๑ : -ส๑ม๒๙บ๓๗ัต๑ขิ อ-งมคี ่าในพระศาสนา
แวน่ ดวงใจ : -ภา๒ค๓๒๒ -อบรมบรรพชติ
๑๙๙
เวลานี้เราเปนนกั บวชและเปน ลูกศษิ ยพ ระตถาคต พระตถาคตเปน ผูม คี วามองอาจ
กลา หาญตอ เหตุการณทุกอยาง ท้ังท่เี ปน ฝา ยชัว่ และฝา ยดี เปน ผมู คี วามขยนั หม่ันเพยี ร
เปนผูอดทนตอความลําบากตรากตรําทกุ ๆ อยาง ซึ่งจะมาเผชิญหนา พระองค ไมเ ปน ผู
เกยี จครา น ไมเปน ผนู อนต่นื สาย ไมเ ปน ผเู หน็ แกตวั เหน็ แกความพนทกุ ขอยูตลอดเวลา น่ี
เปนหลักที่จะเปนพระพทุ ธเจา ทานเปนผูทรงไวซ ่ึงหลักธรรม เราจะเปน ผูรูผูฉลาดและตาม
รองรอยแหงพระองคไ ด กต็ อ งเปนผูทรงไวซงึ่ ธรรมเหลา นีเ้ หมอื นกัน ไมใ ชจ ะทรงไวซงึ่
ความเกยี จคราน ความเห็นแกป ากแกทอ ง ความมักงา ย ความนอนต่ืนสาย ความเห็นแก
ตวั โดยถา ยเดยี ว น้ไี มใ ชหลักธรรมทีจ่ ะเปนไปเพอื่ ความพน ทุกข ใหเ ราท้ังหลายพึงทราบไว
อยา งนี้
การพจิ ารณาใครกาํ หนดเรอ่ื งอะไร เคยพจิ ารณาเร่ืองอะไร ตงั้ ใจพจิ ารณาใหเห็นชัด
ในสวนแหง ธรรมท่ตี นพจิ ารณาหรือกาํ หนดเอาไวน ั้น อยา เปนคนไมมีหลกั หรือเปนคน
ลอยลม หาหลักฐานยดึ เหน่ยี วไมได สติตั้งลงท่ตี รงไหนยอ มเปน ธรรมขนึ้ มาที่ตรงนั้น ถา
ไมมีสติ ยอมไมเปน ธรรมทงั้ วนั ท้ังคืน สติเปน ของสําคัญสาํ หรับความเพียร ใหพ งึ ทราบเอา
ไว ใจจะปลอ ยใหมีความสงบโดยลาํ พงั ตนเอง ตลอดวันตายจะไมป รากฏผลใหเราท้งั หลาย
ไดร บั ตามธรรมดาของใจยอ มมีเครอื่ งหุมหอ อยูเ สมอ เครอื่ งหุมหอของใจนั้นทานใหชือ่ วา
กเิ ลส ไมใชเกดิ มาจากทไี่ หน นอกจากจะเกดิ ข้ึนจากใจของตนเองเทา น้ัน และการฝก ฝน
ทรมานทจี่ ะทําตัวเราใหเ ปนไปเพอ่ื ความสงบ หรอื หมดพยศจากส่ิงท้ังหลายเหลานี้ ก็ตอง
อาศยั เปนผูมคี วามพากเพียร
พยายามดูจติ ใจของตนเสมอ ถา สว นใดเปน ทางชวั่ ตอ งฝน ใจละ จนกระทง่ั ละได
เปนลําดบั ถงึ กับละขาดไมม อี ันใดเหลอื สง่ิ รบกวนเหลานน้ั จะไมมารังควานจติ ใจไดอ ีกตอ
ไป เมื่อเราละไดเด็ดขาดแลว การทาํ ตวั ของเราจะใหพ นจากอปุ สรรค ตองมีการฝนบา งเปน
ธรรมดา ไมวาพระพุทธเจา ไมว า สาวก หรอื ไมวาครบู าอาจารยองคใด ๆ ทท่ี า นปรากฏชื่อ
ลือนามมา ลว นเปนผูฝาฝนอปุ สรรคมาดวยกันทงั้ น้นั ทุกขเรากท็ ราบแลว วา เปน อรยิ สจั ถา
เราไมพจิ ารณาใหเ หน็ ทุกขแ ลว เราจะหลกี เวน จากทุกขไ ปไดท่ไี หน สมทุ ัย เปนแดนเกดิ
แหงทกุ ข เกดิ ขนึ้ ท่ไี หนกเ็ กดิ ข้นึ ท่ีความปรุงของใจ ความปรุงของใจนโ้ี ดยมากถา ไมไ ดร ับ
การอบรมแลวตองปรงุ ไปในทางท่ชี ว่ั เสมอ ในทางท่ีจะสั่งสมกิเลสใหมีหรอื ใหม ากข้ึนภาย
ในใจ เพราะฉะน้นั อุบายวธิ กี ําหนดจิตใจ ซง่ึ เรยี กวา ภาวนาน้ี จึงเปนแนวทางท่จี ะแกส ่ิงทง้ั
หลายที่เปน เครอ่ื งกดถวงจติ ใจของตนใหค อยหมดไปเปนลาํ ดับ
แวน ดวงใจ ๑๙๙
กัณฑ์เทศน์ท่ี ๑ : -สม๒บ๓ตั ๓ิขอ-งมีค่าในพระศาสนา
๒๐๐
ใจเม่ือไมส งบยงั จะไมเหน็ คณุ แหง พระศาสนา แมต ัวเราเองก็ไมเ ห็นวามีคุณคาแต
อยา งใด ตอ เมือ่ เราไดฝกฝนทรมานจติ ใจใหเ ปนไปเพือ่ ความสงบแลว น่ันแหละจึงจะเหน็
วาธรรมเปน ของมคี ุณคา พระศาสนาเปน ของประเสรฐิ แมต ัวเราเองก็รสู กึ วา จะเริ่มเปน ผมู ี
คุณคา ขึ้นมา ฉะน้นั การพจิ ารณาจติ ใจเปนของสําคญั หนาท่ที ่ีเราจะละถอนสงิ่ ทเี่ ราไดส่ังสม
ไวน ้ี เปนกจิ สําคญั ย่งิ กวากิจการใด ๆ ความเพยี รก็เชน เดยี วกัน เพียรพยายามจนเหน็ เหตุ
ผลในสิง่ ทีพ่ ัวพันจิตใจของตน กําหนดดูใหชดั ตาเหน็ รูปจะตองเกิดความรสู กึ ข้ึนภายในใจ
หูฟงเสยี งก็เชน เดยี วกนั แลวคลีค่ ลายดูส่งิ ทัง้ หลายเหลานน้ั ใหเห็นชดั ประจกั ษดว ยปญญา
ของเรา จติ ใจเม่อื ไดเ หน็ สิ่งใดดวยปญ ญาแลว จะยึดถอื หรือมั่นหมายส่ิงนน้ั ๆ ตอไปอีกไม
ได จะปลอยวางสิง่ เหลา นน้ั ทนั ที นี่การปลอ ยวางตอ งปลอยวางดวยสตกิ ับปญ ญา ถาไมมี
สตกิ บั ปญ ญาเปน เครื่องรกั ษาเปน เครอ่ื งแกไขแลว ไซร ใจจะไมมวี นั พนทุกขไ ปได
เกดิ มาชาติน้ีเราก็มีทุกขข นาดท่เี รารูอยูดวยใจของเรา เฉพาะวนั น้กี ร็ ูอยเู ทา น้ี วนั
หนา ก็ตอ งเปนเชน นี้ ชาตนิ ้กี ็ตอ งเปนอยอู ยา งนี้ ชาติหนาไมตองสงสยั วาใครจะเปน ผทู กุ ข
พึงทราบวา ใครเปน ผูสงั่ สมกองทุกข หรอื เหตใุ หเ กิดทกุ ขเ อาไว ผนู ั้นแลเปน ผูจ ะไดเ สวย
ทุกขใ นวนั น้ี วนั หนา ในชาตินชี้ าตหิ นา เปนผูจะเวียนวา ยตายเกดิ ในวัฏสงสาร รบั ความ
ทุกขความทรมานอยไู มรกู ก่ี ปั กี่กลั ป เปน หนทางท่ียดื ยาวมาก จนไมม ีใครสามารถจะนบั
อานไดว า ทางจากตนทาง คอื ความเกิดเบอ้ื งตนนี้ ถึงปลายทางคอื วิมตุ ตพิ ระนพิ พานนั้น
เปนระยะทางสกั ก่ีเสน สกั ก่ีไมล ไมม ใี ครสามารถท่ีจะวดั ได เพราะธรรมชาติอนั นเี้ ปนธรรม
ชาติของวัฏฏะ คือหมนุ รอบตัวอยูตลอดเวลา เราจะวดั ใหเ ปน เสน เปนไมล เปน กิโลเมตร
ไมได
แตก ารพจิ ารณากต็ องพจิ ารณาตามลกั ษณะของวัฏฏะทีห่ มุนอยูร อบตวั น้ี ถาใคร
พจิ ารณาวฏั ฏะซ่งึ หมุนรอบตวั อันเกดิ กับใจนอ้ี ยเู สมอแลว ผูนน้ั แลจะเปน ผแู กไ ขวฏั ฏะคือ
ตวั หมุนอนั นอี้ อกจากใจได จะถงึ แดนแหง ความพนทุกขท ที่ านเรียกวาพระนพิ พานขึ้นทใ่ี จ
ดวงนีเ้ อง หลักสําคญั มอี ยทู น่ี ี่ ขอใหพ ากันตง้ั อกตั้งใจพินจิ พจิ ารณา อยา เหน็ แกค วามทอ
แทอ อนแอ สตเิ มือ่ ตงั้ ไวก ับอาการอันใด อาการอันนนั้ จะเปน ธรรมอบรมจติ ใจ หรือเปน
เคร่อื งเยยี วยาจติ ใจของเราใหเปน ไปเพือ่ ความสงบเสมอ ปญญากเ็ ชน เดียวกนั เมื่อกาํ หนด
ลงในสภาวธรรมอนั ใดเราจะตอ งรูอบุ ายตา ง ๆ จากสภาวธรรมน้นั ๆ เปน ลาํ ดบั ไป เพราะ
ฉะนนั้ สติกบั ปญญาจึงเปนธรรมจาํ เปนในพระศาสนา
การทาํ ความพากเพยี รไมเหน็ ปรากฏในจติ ใจวา เปนไปเพือ่ ความสงบน้ี ข้นึ อยูก บั
ความเปนผมู ีจติ ลอย เดนิ กเ็ ดนิ ไปอยา งนั้น น่ัง ยนื นอน ก็ไมม คี วามจําเพาะเจาะจงกับสติ
แวนดวงใจ ๒๐๐
แวน่ ดวงใจ : -ภา๒ค๓๔๒ -อบรมบรรพชิต
๒๐๑
และปญญา ความสงบของใจจงึ เปน ไปไมไ ด เพราะการปลอยจิตใหเ ปนไปตามอารมณน น้ั
ๆ เราระบายหรอื ปลอยไปอยูต ลอดเวลา ไมเคยยบั ย้ัง หรือหวงหา มบงั คับจติ ใจของตนให
เขาสกู รอบแหง สติและปญ ญา ถาเราบงั คับจิตใจใหอยใู นธรรมบทใดบทหนึ่ง หรอื ใน
อาการแหง กายทงั้ หมดจะเปน อาการใดก็ตามดว ยสติ และลา มดวยปญญาใหเ ทยี่ วอยใู น
สรรพางครา งกายอันนี้ ชวงสน้ั ยาวก็ขึ้นอยูกับปญญาของเราท่จี ะพิจารณาไดล กึ ต้นื หยาบ
ละเอยี ดแคไหน ถาเราพจิ ารณาอยเู ชนนไ้ี มนานจะเปนไปเพื่อความสงบ จะเปน ไปเพอ่ื
ความผอ งใส เปน ไปเพื่ออบุ ายแยบคายเปน ลาํ ดบั
นเ้ี ปนเพราะเหตุใด ปฏิบัติมาเปน เวลานานจงึ ไมเหน็ ความรคู วามวเิ ศษขึ้นภายในใจ
ใหเราทัง้ หลายทราบในวันนี้วา สตกิ ับปญ ญาของเราไมต้งั ใจ โดยเจตจาํ นงจริง ๆ ตัง้ ไวชว่ั
วนิ าทหี นึง่ แลว ใหส ูญหายไปเสยี เปน เวลาต้ังชวั่ โมง เม่อื เปน เชนนัน้ รายจา ยกับรายรบั ไม
เพียงพอกัน รายจา ยมากกวา รายรบั พงึ ทราบวา คนนั้นจะตองลมจม การปลอ ยจิตใจให
เปนไปตามอาํ นาจของวฏั ฏะมีมาก การรักษาจิตใจของเราไวดวยสติกับปญญาใหเ ปน ไป
ตามทางววิ ัฏฏะนัน้ มจี ํานวนนอยกวา การปลอยจิตใจใหเปนไปตามกระแสของวฏั ฏะ
เพราะฉะนน้ั ใจของเราจงึ ไมเปน ไปเพือ่ ความสงบ ไมเปนไปเพอื่ ความฉลาด ใหท ราบกันไว
เดี๋ยวน้ี ไมเชนน้นั จะเกิดความเหลวไหลตอ ไปอกี
วนั หนึ่งคนื หนง่ึ เราไมต องยงุ กบั เรอื่ งอะไรทั้งนัน้ ใหด ูหนา ท่ีของตน ดูความเคลอื่ น
ไหวของตนเอง เรือ่ งของครูบาอาจารยหรือหมูเพอ่ื น ไมตองถอื วาเปน ภาระทเ่ี ราจะตอง
เกรงกลัว หรอื จะตองกลาหาญหรือจะรบั อารมณอ ันใดจากทาน ผดิ อยา งใดทา นตอ งสอน
อยางน้นั แนะนําในทางถกู และบอกในทางผดิ เสมอไป จงต้งั หนา ดูตามเร่ืองทที่ า นสอนไว
เทา นนั้ อยามาถอื เปน อารมณ อารมณสําคัญทีส่ ุดใหด คู วามเคลอ่ื นไหวของใจ ซ่งึ เปน ตัว
อารมณอ ยตู ลอดเวลา ไมเ ชนน้ันจะเปนไปเพอ่ื ความสงบไมได แลวเสยี ไปวนั หนึ่ง ๆ หลาย
วนั ตอ หลายวันกก็ ลายเปน หลายเดือนขึ้นมา หลายเดือนตอหลายเดือนกก็ ลายเปน หลายป
ขึ้นมา ชีวติ จิตใจนับวนั จะสั้นเขา ทกุ วัน ผลประโยชนจะพงึ ไดจากคณุ งามความดีกม็ เี พียง
นิดหน่ึงเทา นั้น ไมสมกับเราเปน ลกู ของพระตถาคตปรากฏตัวในวงของพระศาสนา
หลักความจรงิ มอี ยูในกายในจติ เราก็กาํ หนดสติกบั ปญญาลงในหลกั แหง กายและ
จติ น้ี ทาํ ไมจะรูไมไ ด กายกับจิตเปน ธรรมท่รี ับรอง หรอื เปน ธรรมท่ีควรแกส ตปิ ญญาอยู
แลว แตกาลไหนๆ พระพุทธเจาพิจารณาดกู ายทกุ ช้ิน ท้งั ทเ่ี ปนสว นทุกข ทง้ั ทีเ่ ปนสวน
อนจิ จัง ทั้งทเี่ ปนสวนอนัตตา เหตใุ ดจงึ มคี วามเฉลยี วฉลาดรแู จงดว ยปญ ญาในสิง่ ทงั้ หลาย
แวนดวงใจ ๒๐๑
กณั ฑ์เทศน์ท่ี ๑ : -สม๒บ๓ตั ๕ขิ อ-งมีคา่ ในพระศาสนา
๒๐๒
ไดเลา กายพระพทุ ธเจากับกายของเราไมม ีความแตกตางกนั แตอ ยา งใด สตกิ บั ปญ ญาของ
พระพทุ ธเจา ก็คือความฉลาดอนั เดยี วกัน มีแตว ากวางแคบหรือลกึ ตน้ื ตางกนั เทา น้นั
เหตุใดพระพทุ ธเจานําสตปิ ญ ญามาคน ควา ในกายน้ี และรแู จง เห็นจรงิ ในสภาว
ธรรมทงั้ หลายเหลา น้ีได สวนพวกเราทง้ั หลาย สภาวธรรมคอื กายและจติ นม้ี อี ยแู ลว โดย
สมบูรณด วยกัน เหตใุ ดจึงไมปรากฏผลขนึ้ จาํ เพาะตน เรอ่ื งของทุกขจะเปน ทกุ ขทางกายก็
ตาม ทุกขทางใจก็ตาม ประกาศอยแู ลว ทุกขณะ ซ่ึงผูมสี ติกับปญญาจะตอ งสะเทอื นอยเู สมอ
ในความทกุ ขท่มี าสมั ผสั ระหวา งจิตกบั ความทกุ ข และกบั สตแิ ละปญญาซึ่งเปนของมอี ยูใน
สภาพอนั เดยี วกนั เหตใุ ดจงึ ไมสามารถรไู ดในส่งิ ท่มี ี และไมล ล้ี ับแตอ ยา งใดดว ย ทุกขจะ
เกดิ จากอวัยวะแหงใดก็ตาม จะลลี้ บั ไปจากจิตผรู บั รูไมได จะเกดิ ข้ึนภายในจิตกจ็ ะลล้ี บั ไป
จากจติ ผรู บั ผนู ั้นไปอกี ไมไ ดเหมือนกนั
ถา เรามสี ตคิ อยกาํ หนดดูเรอ่ื งของทกุ ขใ หช ัดเจน ไตรตรองดดู ว ยปญญาใหเห็นชดั
วา ทุกขน้เี กดิ ขน้ึ เพราะเหตใุ ด และเกดิ ขนึ้ มาไดอ ยา งไร ทุกขน ีเ้ ปน เราหรอื เราเปน ทกุ ข
หรอื อวยั วะสวนใดสว นหนงึ่ ในกายนเี้ ปนทุกข หรือวา ทัง้ หมดเปนทุกข หรอื ใครเปน ผูห ลง
ตามทกุ ขน ี้เลา ถาเราใชปญ ญาอยเู ชน นี้ เรอ่ื งความแยบคายอนั จะเกิดข้นึ จากใจหรอื จาก
ปญ ญาของเรา จะเปนไปไมไ ดอยางไรเลา นก่ี เ็ พราะความลอยลมของใจนน้ั เอง ไมต ั้งเปน
หลักเปน ฐาน มีความกลวั ตอเร่อื งของทุกข จงึ ไมสามารถจะรแู จง เหน็ ทุกข แลว ควา เอาสขุ
ข้ึนมาเปน สมบัติของใจได ทุกขจะเกิดมากเกดิ นอย จะต้ังอยหู รอื ดับไป ใหพ งึ ทราบวา ทกุ ข
ก็คือทุกขน่นั เอง ผูท ร่ี วู าส่ิงเหลานเี้ ปน ทุกข และผทู พ่ี ิจารณาสงิ่ เหลา นี้ใหเ หน็ จริงตามความ
เปนจริงของทกุ ข ก็คอื เรื่องของใจกับปญ ญานน่ั เอง
ทําความเพียรมากว่ี ัน กี่ป กี่เดือน ยงั ไมเ ห็นปรากฏผล เหมอื นทกุ ขซ ึ่งเปนของจริง
ไปเทย่ี วลล้ี บั อยูตามถ้ําตามเหว ไมไ ดอ ยภู ายในกายในจติ ของเราเลย ปลาน้ันมีจรงิ ในน้ํา
สมบัติมีจรงิ ในแผน ดนิ แตท ่เี ราไมไดปลาหรือสมบัติมาเปน ของเรา ขอนีข้ นึ้ อยกู บั เรา
สมบัติในพระศาสนาเรม่ิ ตนแต ศลี สมบัติ สมาธสิ มบัติ ปญญาสมบัติ วิมุตติสมบัติ และ
วมิ ุตติญาณทสั สนสมบัติ สมบัติเหลา นข้ี ้นึ อยูกบั ผูป ฏบิ ัติแตละราย ซง่ึ เปนผูมคี วามสามารถ
ในการปฏบิ ัตหิ นกั เบากวา กนั อยูบาง ผลจะพึงไดร บั จงึ มคี วามเหล่อื มล้ําตา่ํ สูงตามความ
หนกั เบาแหง เหตทุ ีท่ ําไว เราผมู าบวชในพระศาสนา ปรากฏเปนลูกพระตถาคตเต็มภมู ิใน
คําวา ศากยบุตร และเปน ผสู มควรอยางย่ิงท่จี ะเปน เจา ของในโลกตุ รสมบัติเปน ช้นั ๆ ข้นึ ไป
ในบทธรรมทานกลา วไววา โสดาปตตมิ รรค โสดาปตติผล สกทาคามิมรรค
สกทาคามิผล อนาคามมิ รรค อนาคามิผล และอรหตั มรรค อรหตั ผล สมบัติท้งั หมดน้ี รวม
แวน ดวงใจ ๒๐๒
แว่นดวงใจ : ภ- า๒ค๓๒๖ -อบรมบรรพชิต
๒๐๓
ลงในวิมตุ ตญิ าณทัสสนสมบัติ อนั ไดแกน พิ พานสมบตั ิ สมบตั ิในพระศาสนาซึ่งอยูในวง
แหง สวากขาตธรรม ที่พระพทุ ธเจา ตรัสไวชอบแลว และเปนนยิ ยานกิ ธรรม สามารถนํา
สตั วทม่ี ุงดาํ เนินตามพระองคใหพ น จากทุกขไ ปไดโ ดยลาํ ดบั ถานกั บวชผมู ีนามวานักปฏิบัติ
ยงั ไมสามารถทําตนใหสมควรแกธ รรมน้ไี ดแลว กไ็ มท ราบวาใครจะเปนผูสมควรในธรรม
ของพระองคได เพราะสมณะผูเปน นกั บวชเปน ผใู กลชิดตอ พระองค ทั้งความเปนผมู กี จิ
ธุระเคร่ืองกงั วลนอย ทง้ั ปฏิปทาเคร่อื งดําเนินก็สามารถจะทาํ ไดตามแบบทพ่ี ระองคทรง
ดาํ เนิน
เฉพาะอยางยง่ิ ผอู ยใู นปาซ่งึ เปนที่สงดั วเิ วกตลอดเวลาดว ยแลว จัดเปนผูมีโอกาส
เต็มที่ในทางความเพยี รเพ่ือศลี สมาธิ ปญญา วมิ ตุ ติ และวิมุตติญาณทัสสนสมบตั ใิ หเ กดิ
ข้ึนเปนข้ัน ๆ ตงั้ แตข้นั หยาบจนถึงข้ันละเอยี ด เพราะศีลและธรรมทุกข้นั จะเปน ไปเพื่อ
ความหมดจดสดใสไดต ามขน้ั โดยมากยอมอาศยั การอยูในทสี่ งัด ปราศจากฝงู ชนทัง้
คฤหัสถและบรรพชติ เราจะเหน็ ไดจ ากพระพทุ ธเจา และสาวกพาดาํ เนนิ มา ปรากฏวาทาน
เห็นภัยในทางคลุกคลี และกจิ การทจ่ี ะใหเกิดกังวล และเปนขา ศึกตอ สมณธรรมเพื่อความ
อยสู บายในทฏิ ฐธรรมของพระองคแ ละสาวกทาน ในขณะเดยี วกนั ทรงเห็นคุณและทรง
สรรเสรญิ ในความสงดั มาก เพราะฉะนัน้ ในพระอริ ยิ าบถ ๔ ของพระองคเจา และอริยสาวก
จึงเตม็ ไปดว ยความเพยี รในทีส่ งดั ทง้ั น้นั
ธรรมชอบเกดิ ในทีส่ งดั ถา ยังไมส งัดท้งั ภายนอกและภายในใจ ธรรมกย็ ังไมเกิด
เม่ือความสงัดทง้ั สองไดปรากฏข้ึนในทา นผูใด พงึ ทราบวา ธรรมเร่มิ ปรากฏข้นึ ในทานผนู ั้น
คือศีลก็เรม่ิ บริสุทธ์ิ สมาธิก็เร่มิ ปรากฏข้นึ มาในใจเปน ข้นั ๆ ของสมาธิ ปญ ญาก็เรมิ่ ไหวตวั
ขึ้นมาในขณะท่สี มาธเิ รมิ่ ปรากฏเปน ชัน้ ๆ ของปญญา ตามแตผูบําเพญ็ จะเรง ตามความ
ปรารถนาของตน โดยไมม อี ปุ สรรคใด ๆ มากีดขวาง เพราะปราศจากสง่ิ ซึง่ มากอกวนให
จติ เอนไปสคู วามกงั วลในอารมณทีม่ ากระทบนั้น ๆ เม่ือสรปุ ความแลว ธรรมชอบเกดิ ข้นึ ใน
ท่ีสงัดและในเวลาอนั สงัด แมผทู รงธรรมมพี ระพุทธเจา เปน ตน กช็ อบประทบั อยูในทีส่ งดั
ตลอดเวลา หากจะมอี ยูบางก็สมัยที่พระองคท รงทาํ หนา ท่ีพระพทุ ธเจา เสด็จเพือ่ โปรด
เวไนยสัตวเปนบางกาลเทานั้น ทท่ี รงเห็นสมควรจะทรงอนุโลมผอ นผัน เพ่ือเวไนยผคู วรจะ
ไดรับประโยชนจากพระองค เมือ่ เสร็จพทุ ธกจิ แลวกท็ รงงดทนั ที ไมทรงพรา่ํ เพร่อื เหมือน
อยา งสามญั ชนทัว่ ไป
บรรดาเราทั้งหลายท่ีโลกใหน ามวากรรมฐานหรอื นกั ปฏิบตั ิ ควรสาํ นึกตนอยางไร
บา ง ถาตอ งการพทุ ธะทบ่ี รสิ ทุ ธ์ิและฉลาดไวครองหัวใจ กค็ วรดดั แปลงจิตใจ กาย วาจา ไป
แวนดวงใจ ๒๐๓
กณั ฑ์เทศน์ที่ ๑ : -สม๒บ๓ัต๗ิขอ-งมคี า่ ในพระศาสนา
๒๐๔
ตามแนวทางท่พี ระพุทธเจาพาดาํ เนนิ จะกลายเปนสาวกทบี่ รสิ ุทธข์ิ ้นึ มาทด่ี วงใจของเราโดย
ไมตองสงสัย ถาชอบประดิษฐเ ร่อื งของธรรมลามกขึน้ ครองหวั ใจ กจ็ ะเห็นนอกลนู อกทาง
ไปวา ธรรมชอบเกดิ ในกลางตลาด เกิดในถนนส่ีแพรง เกิดในชุมนุมชนคนมาก เชน ในโรง
ลเิ ก ละคร โรงภาพยนตร วิทยุ และโทรทัศน เหลานใี้ หโลกเขาไดราํ่ ลือวาเปน กรรมฐานเอก
เพราะมนี ยั นตาขางเดยี ว หมดความหวั่นไหว แมเขาจะเอากระดูกมาแขวนคอเปนพวง ๆ
กเ็ หน็ วา เปน การประดับเกียรติ นธ่ี รรมลามก ชอบเกดิ กับความคิดเห็นอนั ลามกเชน เดยี ว
กัน แมจ ะไมแสดงออกมาภายนอกจนเปน ของนาเกลยี ดก็ตาม แตแสดงความพอใจอยภู าย
ในใจของผูนัน้ กเ็ ปนของนา เกลยี ดเชนเดยี วกัน
ขอใหเราท้งั หลายจงทราบไวอยางนี้ แลวดดั แปลงกาย วาจา ใจ ของตนใหเ ขา กับ
หลกั ธรรมของพระองค ปลงธรรมสังเวชในความเกดิ แก เจบ็ ตาย พยายามละกเิ ลสตัณหา
อวชิ ชาทเี่ ปนตวั ขา ศึกแกเ ราตลอดเวลา อยานอนใจในอิริยาบถของตน จงสงเสริมอบรมสติ
และปญ ญาอนั เปน เชน กบั ดาบไวใ หเ พียงพอ จะไดต อ สกู บั กเิ ลสตณั หาอาสวะซ่ึงเปน ตวั
ขาศึก และกดข่บี งั คบั จติ ใจของเราทกุ ขณะใหส ิ้นสญู ไปในวันหนึ่งจนได ผใู ดอยใู นอริ ยิ าบถ
ดวยความมีสติและปญ ญาประจําตนตลอดเวลา ผูนนั้ แลจะเปน เจาของสมบัตอิ ันเลศิ คือ
มรรค ผล นพิ พาน ในชาตินี้
ขอยาํ้ อกี คร้ังใหทานท้งั หลายไดท ราบเสยี ในวันนี้วา การบําเพญ็ ธรรมของทกุ ๆ ทา น
สติกบั ปญญาเปนธรรมจาํ เปนอยางย่ิง ซง่ึ จะขาดไปเสยี ไมไดแมแตขณะเดียว เพราะสติ
ปญ ญาเปนธรรมเคร่อื งต่ืนและรอบรูอยูกบั ความเพยี ร ขณะท่ีอารมณเ กิดข้ึนภายในใจ หรอื
ผา นมาจากภายนอก สตกิ บั ปญ ญาจะตอ งทําหนา ทต่ี ออารมณท ่มี าเกย่ี วขอ ง อารมณท ม่ี า
สมั ผัสกบั ใจ แทนทจี่ ะเปน ขา ศกึ จะกลายเปนคุณไปได เพราะอาํ นาจของสตแิ ละปญ ญารูเ ทา
ทัน การตงั้ สติเร่มิ เปน ของจาํ เปน แตว นั เร่ิมฝก หดั ภาวนา เราจะบริกรรมธรรมบทใดมพี ุทโธ
เปนตน จงต้ังสติเขา ใกลชดิ ตอ ธรรมบทน้ันในลกั ษณะเอาเปนเอาตายจริง ๆ ผลจะปรากฏ
เปนความสงบขนึ้ มาประจักษใ จโดยไมถวงเวลาใหเนน่ิ นาน
ผูป ฏิบัตโิ ดยมากที่ทาํ เวลาใหเสยี ไป โดยไมไดรบั ผลประโยชนภ ายในใจเทาท่คี วรก็
เพราะความนอนใจ ไมรบี เรง ตักตวงความเพยี รดวยสติและปญญาในเวลาอายุพรรษายงั
นอย ปลอยใจใหไปตามกระแสโลก จนไรค วามสํานึกในหนาท่ขี องตน และทาํ ตวั ใน
ลักษณะขายกอ นซือ้ ซึ่งเปน สงิ่ ท่ผี ิดประเพณที างโลกและทางธรรม กอนจะรูสึกตัวเวลาจงึ
สายไป ความจรงิ ผจู ะเปนพอ คาเขาลงมือซ้ือในราคาถูก แลวจึงจะขายในราคาแพง พอจะ
แวน ดวงใจ ๒๐๔
แวน่ ดวงใจ : ภาค ๒ อบรมบรรพชติ
- ๒๓๘ -
๒๐๕
เปนผลกาํ ไรคา ครองชีพและกลายเปน ตนทนุ หนนุ กันไป ผูเจรญิ ในทรัพยส มบตั ิเขาทํากนั
อยางนนั้
ทางธรรมเลา กอนพระองคจ ะเปน ครสู อนโลกปรากฏวา ไดทรงพยายามฝกฝน
ทรมานพระองคมา บางคร้ังถึงกับสลบไสลหมดความรูส กึ ในพระองคกม็ ี ซ่งึ ไมเ คยมี
ประวตั ิของสาวกหรอื ใคร ๆ จะสามารถทําไดเหมอื นอยา งพระองค และทรงทาํ อยา งน้นั มา
โดยไมลดละความพยายามถงึ ๖ ป ไมม ีใครทราบวา พระองคจ ะเปนหรอื จะตายในเวลาได
รบั ความทุกขทรมานเชนน้ันจนถงึ วนั ตรสั รู ความเพยี รไมเ คยขาดวรรคขาดตอนในพระ
องคเ ลย นี่เรียกวา ทรงทาํ ประโยชนส วนพระองคใ หส มบูรณก อน แลวจึงทรงทาํ หนาที่ของ
พระพุทธเจาในเวลาตอ มา
แมส าวกเม่ือไดสดับธรรมจากพระองคเ จาแลวก็มงุ หนา ตอ ความเพยี ร แสวงหาท่ี
สงัดเพือ่ กําจดั กเิ ลสอาสวะออกจากใจ โดยไมม งุ โลกามิสใด ๆ เปน ผูเหน็ ภยั ในความเกดิ
ตายซ้าํ ๆ ซาก ๆ อยทู กุ ขณะลมหายใจเขา ออก เพราะความเพียรกลา ซง่ึ เกดิ จากใจท่ีเหน็
ภยั ในทุกขม าจนเพยี งพอแลว ประคองสติปญ ญาใหเ ปนไปในกายในจิตตลอดเวลาใน
อริ ยิ าบถไมลดละ กส็ ามารถถอดถอนกเิ ลสอาสวะออกจากใจไดด วยสมจุ เฉทปหาน ถึงพระ
นพิ พานท้ังเปนในขณะนนั้ นเ้ี รยี กวาสาวกทําประโยชนข องตนโดยสมบูรณ แลว จงึ เร่มิ ทาํ
ประโยชนเ พ่อื โลกเทาทีค่ วร และเพื่อเปน การชวยพทุ ธภาระใหเ บาลงไป
นี่คือแนวทางของพระพุทธเจา และสาวกทรงดําเนนิ มา มิไดทรงทําในลกั ษณะขาย
กอ นซอื้ ถาหากจะทรงทําในลักษณะเชนนนั้ แลว อยา งไรก็ไมเ ปน ศาสดาของโลกแน ๆ แม
สาวกถาไมดาํ เนนิ ตามทพี่ ระพทุ ธองคด าํ เนนิ มา จะเปน สาวกอรหันตข ึน้ มาใหโลกกราบไหว
และถอื เปน สรณะที่สามกไ็ มไ ดเ หมือนกนั แตการสงเคราะหกนั และกนั พอประมาณระหวาง
โลกกบั ธรรม จัดเปนสามจี ิกรรมในทางโลก ไมเปนความเสยี หายแตอ ยา งใด นอกจากจะทํา
จนเลยเถิด ลมื หนาที่หรือการงานของตนไปเทาน้นั กบ็ รรดาเราทง้ั หลายจะดาํ เนนิ แบบไหน
เพอื่ สามีจิกรรมในธรรมชั้นสูงขึ้นไป เพือ่ ประโยชนต นและโลกเทา ท่คี วร เรมิ่ ตดั สินใจของ
ตนเสยี ในบดั นี้ เดี๋ยวจะสายเกนิ ไป
ถา เราจะถือ พทุ ฺธํ ธมมฺ ํ สงฺฆํ สรณํ คจฉฺ ามิ ใหถ ึงใจจริง ๆ กค็ วรรบี ตามพระพุทธ
องคดว ยขอปฏิบตั ิ แลว ฝก หดั จิตใจของตนใหอยใู นกรอบแหงสติและปญ ญา อยา ปลอยให
กิเลสอาสวะฉดุ ลากจิตใจของเรา ขา มศีรษะเราไปตอหนาตอตานกั เลย รีบเอาสตปิ ญญา
ความเพยี รตามยือ้ แยงจติ มาจากกเิ ลสเสียบา ง ไมเ ชน น้ันจะหมดเน้อื หมดตัว ไมมีอะไร
เหลืออยูในความเปนสรณะ ส่งิ ท่เี หลือจะมีแตศีรษะโลน ๆ ซง่ึ ไมเปนของแปลก ใครทําข้นึ
แวน ดวงใจ ๒๐๕
กณั ฑเ์ ทศน์ที่ ๑ : สมบัติของมคี า่ ในพระศาสนา
- ๒๓๙ -
๒๐๖
เมอ่ื ไรกไ็ ด อยาพากนั ประมาทเหน็ วากเิ ลสเปนของดี และมีประมาณนอ ย ความทุกข
ทรมานทกุ หยอ มหญา ทีเ่ ปนอยูในสัตวและสงั ขารท่วั ไป จนทนไมไ หวกแ็ ตกและตายกองกัน
อยูเ ต็มโลกใหเ ราเห็นอยูต อ หนาตอ ตา กเ็ พราะสาเหตมุ าจากกเิ ลสทง้ั น้ัน เปนสิ่งผลกั ดนั ให
เปนไป อยา เหน็ วา เปนมาจากอะไร จงรีบปลุกสติปญญาที่หลบั อยูใหตนื่ ข้นึ ตามแยงจิตมา
จากกเิ ลสใหจงได เราจะเปนอยหู ลับนอนเปน สขุ สมกบั ความเปนสมณะ ซง่ึ เปนเพศท่เี ย็น
ของโลก เขาไดก ราบไหวบ ชู าทกุ วนั
ไดกลา วแลว วา เมอื่ สตกิ บั ปญญากํากับความเพยี ร จิตจะไดรับความสงบสุขไมเ น่นิ
นาน เม่ือใจสงบลงไดแลว จงเรงความเพียรในบทธรรมของตนตามแตถนัดดวยสติ จนเปน
ความสงบไดท ุกโอกาสที่ตองการ เมอ่ื จิตถอนขน้ึ มาจงเร่มิ พจิ ารณาโดยทางปญ ญา โดยถือ
อาการของกายเปน ทที่ อ งเทีย่ วของปญญา ในอาการของกายเราจะพิจารณาไปหมดหรือ
เฉพาะ แลว แตจ รติ ของเราไตรต รองดู สว นแหง กายลงในไตรลักษณใดมากนอ ยแลว แต
ความถนัด แตใหเหน็ ชัดดวยปญญาเปน ใชไ ด
สตเิ ปน ของสําคัญมาก อยา ใหพ ลงั้ เผลอไดท ุกเวลายงิ่ ดี จะเปนเคร่ืองหนนุ ท้งั สมาธิ
และปญญาใหมีกาํ ลังขึน้ อยา งรวดเรว็ นักปฏบิ ัติผูใดพยายามรักษาสตไิ วไ ด ผนู ้นั จะเปน ไป
ไดเร็วในธรรมทกุ ชัน้ แมค วามเคลอ่ื นไหวทุก ๆ อาการ จงทําสตใิ หเ ปนพเ่ี ลีย้ งอยเู สมอ จิต
จะเหนอื อํานาจไปไมได เพราะบอแหงอํานาจวาสนาท่ีจะทําใจใหพ น จากทุกขใ นชาติน้ี ขึ้น
อยกู บั สติกบั ปญ ญาเปน ของสําคญั จงพยายามทําสตธิ รรมดานีใ้ หกลายเปน มหาสตขิ น้ึ มา
และจงทําปญ ญาธรรมดาใหก ลายเปนมหาปญ ญาข้นึ มาท่ีดวงใจของเรา เมื่อสติมีกําลงั จน
เพียงพอแลว เราจะเดินปญ ญาพจิ ารณา แมก ิเลสจะหนาแนนเหมือนภเู ขาทง้ั ลกู ก็ตองทะลุ
ไปไดโดยไมตองสงสัย
อาการของกายทุกสว นในกองรปู เวทนา สัญญา สงั ขาร และวิญญาณ พึงทราบวา
เปนหินลบั สตแิ ละปญ ญาใหคมกลาไดเ ปน ลาํ ดบั เมือ่ สตกิ บั ปญ ญามีการสัมพนั ธอยูกับ
อาการเหลา น้ไี มขาดวรรคขาดตอน เราไมตองสงสัยวา จะไมม สี ติและปญญาอนั คมกลา ขอ
ใหต้งั สติและคดิ คน ปญญาลงไปในสภาวธรรมทีก่ ลา วมาน้ี ความสงบของใจแตข้นั หยาบจน
ถงึ ขั้นละเอียด และความแยบคายของปญ ญาจากขั้นตาํ่ จนถึงขัน้ สงู สุด จักปรากฏขึ้นกบั ใจ
ดวงเดียวน้ี อาสวะซง่ึ หมกั หมมอยกู ับใจมาเปนเวลานาน จะตองแตกทลายลงไปโดยไมมี
อะไรเหลอื เชนเดียวกบั ความมดื แมจะเปนของเคยมมี าเปน เวลานาน พอถูกแสงสวา งเขา
กาํ จัดก็หายไปในทันทีฉะนั้น
แวน ดวงใจ ๒๐๖
แว่นดวงใจ : ภ- า๒ค๔๐๒ -อบรมบรรพชติ
๒๐๗
เพราะฉะนนั้ ถาเราเบอ่ื ตอ ความเกิดตายซํา้ ๆ ซาก ๆ ไมม จี บสิน้ จงรีบจบั อาวุธคือ
สติปญญาใหแ นบสนิทกับความเพยี ร อยาลดละ เราจะเห็นตน เหตุทใ่ี หเ กิดภพชาตขิ ้นึ มา
จนกลายเปน ปาชาของสัตวแ ละของเราขึ้นทใ่ี จดวงน้ี ทีน่ าขยะแขยงนาสลดสังเวชอยา งเตม็
ที่ ไมมคี วามเห็นโทษใดที่เราผา นมาแลวเหมือนดวยความเห็นโทษแหง ดวงจิตท่ฝี ง ยาพษิ
คืออวิชชา อันเปนเชอ้ื แหงความเกดิ ไวใ นตน จนนานหลายกปั นับไมถวน เม่ือไดเหน็
ประจกั ษดว ยปญญาถงึ ขนาดนแ้ี ลว ใครเลาจะกลืนยาพิษลงไปสงั หารตัวเองท้ัง ๆ ทรี่ วู า ยา
พิษ นอกจากจะสลัดทิง้ ดว ยความเห็นภัยจนตัวสัน่ ไปเทา น้ัน ความเห็นโทษของวัฏจติ ซง่ึ
อาบยาพิษหมดทัง้ ดวงดวยปญ ญา ยอมจะปลอยวางในทันที โดยจะยอมทนถอื ไวว า เปน ตน
ตอ ไปอกี ไมไ ดเ ชนเดยี วกัน
เพราะโทษใดไมเทยี มเทา โทษของจิตท่ถี กู อวิชชาเอาเหลก็ แหลมปกหลังไว ปลอย
ใหร ะเหเรร อ นไปตามภพนอยภพใหญ เกดิ ๆ ตาย ๆ ไมม ใี ครจะมาตดั สินปลอยตวั ออก
จากทุกข คือวัฏจักรนไ้ี ด เหมือนเขาปลอ ยตวั นักโทษออกจากเรือนจําฉะนนั้ เพราะฉะน้นั
พระพุทธเจา และสาวกทั้งหลายเม่ือทา นไดพนไปแลว จงึ เปลง อทุ านคลายกบั เปนการทา
ทายวฏั จักรวา นายชา งเรอื นคือตณั หา ไมส ามารถสรา งเรอื นคอื รูปกายใหเราไดอกี แลว
เพราะชอ ฟา คืออวิชชาเราไดทาํ ลายแลว บัดนจ้ี ิตของเราไดถึงแลวซง่ึ วสิ งั ขาร คอื พระ
นพิ พาน อุทานนพี้ ระองคทรงเปลง ขึ้นเม่อื ตรสั รใู หม ๆ
สว นพวกเราเม่อื ไรจึงจะไดเ ปลง อุทานเหมือนอยา งพระองคทานบาง หรือจะให
กเิ ลสตณั หาเปลงอทุ านเยยหยนั ทาทายเราทกุ วนั อวัยวะและสติปญญาก็มอี ยูก ับตัวของเรา
เราไมเจบ็ ปวดแสบรอ นในคําเยยหยันทา ทายของกเิ ลสตณั หาบา งหรอื จะมวั นง่ั ฟงนอนฟง
คําเยยหยนั ของเขาดวยความเคลิบเคลิ้มจนลมื ตวั เปนการสมควรแกพวกเราซึ่งประกาศตัว
วาเปน ศิษยของพระตถาคตเจา แลวหรอื จะควรแกไ ขปญ หากับกิเลสอาสวะอยางไรบา ง
เปนเรือ่ งควรคํานงึ และตน่ื ตัวดว ยความเพียร พระพทุ ธเจา และสาวกแกป ญ หากบั กิเลสซ่ึง
เกิดกบั พระองคอยางไรบา ง จงึ ทรงไดช ัยชนะและสนิ้ สุดกนั ลงได เราควรรบี นาํ วธิ นี น้ั มาแก
ไขกบั กิเลสซ่ึงเกดิ ขึ้นกับหัวใจของเรา จนไดช ัยชนะอยางพระองค จะสมนามวาเปนศิษย
พระตถาคตแท
อนงึ่ สติกับปญ ญาเปนธรรมซง่ึ ควรประดษิ ฐข ้นึ ไดในใจของพวกเรา จึงไมควรนัง่
คอยนอนคอยสติกับปญญา และมรรค ผล นิพพาน อันสําเรจ็ รปู มาจากพระพทุ ธเจา พระ
สาวก และครูอาจารยโ ดยถา ยเดียว สงิ่ ใดซึง่ สําเร็จรูปมาจากคนอืน่ นาํ มาใชโ ดยเราไมฉลาด
หาอุบายคดิ ทาํ ขึ้นเองบา ง ถึงคราวจําเปนขึ้นมาหาทางอาศัยคนอ่ืนไมไ ด เราจะมแิ ยไปหรอื
แวน ดวงใจ ๒๐๗
กัณฑเ์ ทศน์ที่ ๑ : -สม๒บ๔ัต๑ิขอ-งมีคา่ ในพระศาสนา
๒๐๘
เร่ืองสตปิ ญ ญา ตลอดจนมรรค ผล นิพพาน ถาเราคอยเอาความสําเรจ็ รูปจากพระพทุ ธเจา
หรอื ครอู าจารยม าเปนสมบตั ิของเราโดยถา ยเดียว ไมไ ดห าอุบายคดิ คนพลกิ แพลงขึ้นดว ย
สติปญญาของตนเอง หากมคี วามจาํ เปนซงึ่ อาจเกิดขึ้นไดท กุ ระยะกาล หรือเกิดปญหา
เฉพาะหนา ขึ้น เราจะควา หาทางไหนมาไดท นั ทวงที เพราะเราไมเคยตระเตรยี มไวแตต น มอื
เราตองยอมเสยี เปรยี บกเิ ลสหรือเหตกุ ารณนัน้ ๆ โดยไมต อ งสงสัย
อนง่ึ พระพุทธเจา หรอื ครูอาจารย ไมเคยชมเชยผทู ีฉ่ ลาดเพราะการทอ งจาํ มาไดจ าก
ธรรม หรือสิง่ สาํ เรจ็ รปู มาจากคนอืน่ โดยถายเดียว แตทรงชมเชยบุคคลผูมีสติปญ ญาอันคิด
คนขึน้ มาโดยลาํ พังตนเอง และรักษาตนเองใหป ลอดภยั ดวยความฉลาดนัน้ เทา น้นั แม
อุบายวิธที ีจ่ ะทําศลี ใหบ ริสุทธ์ิก็ดี ทาํ สมาธิใหเ กดิ ข้นึ กด็ ี และอุบายทําปญ ญาใหเ กดิ ขึ้นเพ่ือ
มรรค ผล นพิ พานก็ดี พระองคตรัสไวพ อประมาณเทาน้นั สว นอุบายหรือวธิ ีการความแยบ
คายตา งออกไปเปน พิเศษน้นั เปนความแยบคายของโยคาวจรแตละราย จะสนใจหาความ
ฉลาดแกไ ขตนเอง จะพงึ คิดคนขนึ้ มาเอง แมม รรค ผล นิพพานอนั ผูปฏบิ ัติจะพึงไดรบั ก็
ควรจะทราบไววา ไมไ ดเกิดขน้ึ อยา งลอยลม คือปราศจากเหตผุ ล โดยไมม สี ตปิ ญ ญาศรทั ธา
ความเพียรเปน กญุ แจ คือเคร่อื งมอื สาํ หรบั แกไ ข
ธรรมทั้งหลายทก่ี ลา วมาน้ี ขอใหทา นท้ังหลายจงตระหนกั ใจตนเองวา พระพุทธเจา
เปนผูม ธี รรมคือหลักเหตผุ ลประจาํ องคของศาสดา ไมทรงเอนเอียงไปตามกระแสแหง
ความกดดันใด ๆ ที่มากระทบ ดํารงพระองคอยดู วยหลกั ธรรมตลอดมาแตต น ถึงวันตรสั รู
จนถึงวนั นพิ พาน ฉะนัน้ ควรทราบหวั ใจแหง นักบวชของเรา คอื การพลชี พี ทกุ ขณะลม
หายใจเขา ออกเพอ่ื พระพทุ ธเจา พรอ มทง้ั พระธรรมและพระสงฆอ งคป ระเสริฐสุดของโลก
ดว ยความกลา หาญตอความเพยี ร ในขณะเดียวกันองคแ หง พุทธะ ธรรมะ และสงั ฆะท่ี
บรสิ ทุ ธิ์อันเปน เครือ่ งตอบแทนจากพระศาสนา จะเปน สมบัติอันลน คาของเราแตผ เู ดียว
วนั น้ีไดแ สดงสมบัติของมคี า ในพระศาสนา ใหบ รรดาทานผฟู ง ท้งั หลายทราบจะได
ปลาบปลืม้ ใจในความเปน เจาของแหงสมบัตินั้น ๆ กน็ บั วาสมควรแกเวลา ขอยตุ ลิ งดวย
เวลาเพียงเทาน้ี
www.Luangta.com or www.Luangta.or.th
แวนดวงใจ ๒๐๘
แว่นดวงใจ : -ภา๒ค๔๒๒ -อบรมบรรพชติ
ศาลาวดั ป่าบา้ นตาด จงั หวดั อดุ รธานี
เมอื่ เศมวเื่อนัลีทวทเศันที่ ทสนศ๓ี่นอม๑๓อ์บ๑าบกรธรมรกมิกรพกพกฎปณัรรฏาะะญัาคฑคณมณญม์ทวพี่ พาวดั๒ัดทุ -ปปธอา่าศศทิบบกัักา้ารธรนนาาิบชตตชาาาด๒๒ดท๕๕ส๐๐๕ี่ ๕ ๒๐๙
รากฐานของพระศาสนา
ครง้ั องคส มเดจ็ พระผมู ีพระภาคเจา ก็ดี บรรดาพระสาวกท้ังหลายก็ดี ทรงนําพระ
ศาสนา นําไปเพือ่ ปลีกจากเคร่อื งกงั วลท้ังหลาย และนาํ ไปเพ่ือความพนทกุ ขโดยถา ยเดยี ว
เราจะเห็นไดเมื่อพระสาวกทงั้ หลายเขามาบวชในสาํ นกั ของพระองคทานแลว แมจะออก
จากตระกลู ใด ๆ ก็ตาม สาวกเหลานน้ั ไมเคยมีความเกาะเกีย่ วกังวลในตระกูลของตน ๆ
ตลอดยศศักดบิ์ ริวารความมัง่ มดี เี ดน อนั จะเปน บอ เกดิ แหงทิฐมิ านะ ส่ิงเหลานีไ้ มเ คย
ปรากฏในสงั คมแหงสาวก เมอื่ ไดออกปฏญิ าณตนเปนศิษยของพระพุทธเจาแลว มคี วาม
มงุ หนา ตอ การประกอบความเพยี ร โดยไมค าํ นงึ ถึงอาหาร ไมคาํ นงึ ถึงสถานทอี่ ยู และสงิ่
บาํ รงุ บาํ เรอทง้ั หลาย วา จะเปน ไปเพ่ือความสะดวกหรือไม ขออยางเดยี ว คือ ใหเ ปน ไปเพื่อ
ความสะดวกในการประกอบความพากเพียรเทานั้นก็เปนท่พี อใจ
กิจการในครัง้ น้ันรสู ึกจะมนี อย สว นมากเปนกิจทจ่ี ะเปน ไปเพ่ือความปลดเปลอื้ ง
กเิ ลสเครอื่ งกงั วลภายในใจ ไมคอยจะมีกิจทแ่ี ฝงเขามาใหเ ปนการกงั วลมากเหมือนทกุ วนั นี้
สมยั ทกุ วันนไ้ี มวาท่ีไหน ๆ รูสึกจะเต็มไปดว ยสงิ่ ท่ีจะใหเกิดความกงั วล แทรกเขามาในวง
พระศาสนา อนั เปนสถานท่แี ละเครื่องชาํ ระความกงั วลทง้ั หลาย กิจท่ีแทรกดังกลาวนพี้ วก
เราปรากฏวา ถือเปน กจิ สาํ คญั ยิง่ กวา กจิ ภายใน คือการชาํ ระกิเลสอาสวะ ถา ไดประกอบกิจ
การงานภายนอก มีการกอ รา งสรางวัด สรา งกุฎี วหิ าร ศาลาโรงธรรมสวนะ และตดิ ตอการ
งานกับประชาชน หรือจตุปจ จยั ไดมากเทาไร ถอื วาเปนเกียรติ ถอื วาเปน ความดีความชอบ
ถือวา เปน ประโยชนอันสําคัญของตน และพระศาสนา และถอื วา เปน มงคลของพระศาสนา
อีกดวย
เมื่อเปนเชนน้ี กจิ ท่ีจาํ เปน ซึง่ เปน กจิ ทีพ่ ระพทุ ธเจา ทรงประสงคก็ดี ท่ีพระสาวกท้งั
หลายพาดาํ เนนิ มาก็ดี จึงเปน เหตุใหดอยลงทางภายใน ไมเ ปน ไปเพือ่ ความเปนผูม ีศีล
บริสุทธิ์ ไมเ ปนไปเพ่อื ความเปนผมู ีสมาธิ คอื หลักของใจ และไมเปนไปเพือ่ ความเฉลียว
ฉลาดในทางปญ ญา เพ่ือถอดถอนตนใหพ นจากทุกขไ ปไดโ ดยลําดับ ใหสมกับตนไดบวช
มาในพระพุทธศาสนา เปนศิษยข องพระตถาคตผปู รากฏเดน ในทางความเพยี รและไดทรง
พาดาํ เนินมา
แวน ดวงใจ แว่นดวงใจ : ภ-๒า๒ค๐๔๙๔๒ -อบรมบรรพชิต
๒๑๐
เมือ่ ความรูส ึกและธุระหนาท่ขี องพวกเราผเู ปนนักบวชและเปน นกั ปฏบิ ตั ิ มคี วาม
แปลกตางจากหลกั ธรรมทพ่ี ระองคพ าดาํ เนนิ มา ผลที่จะพึงไดรับกต็ องแปลกตา งกนั และ
จะกลายเปน เร่อื งพระศาสนาสองเร่อื งไป คาํ วา คนั ถธุระ กับ วิปสสนาธรุ ะ ทป่ี ระทานไวน ้ัน
ครัง้ พระองคยังทรงพระชนมอยคู งไมเ ปน คนั ถธุระ และวปิ ส สนาธรุ ะจนเปนบอเกดิ แหง
ความกงั วล เปน บอเกิดแหง ความบอบชํา้ เปนบอ เกดิ แหง ความกระทบกระเทือน และเปน
บอ เกิดแหงความอดิ หนาระอาใจของศรทั ธาประชาชน ผใู หจ ตุปจ จยั เครือ่ งสนับสนนุ เพอื่
คันถธรุ ะและวปิ สสนาธุระนน้ั ๆ คงเปนไปพอประมาณ สมกบั พระศาสนาส่ังสอนพุทธ
บรษิ ทั ใหร ูจัก มตตฺ ฺุตา สทา สาธุ ความรูจักประมาณยงั ประโยชนใหสําเร็จทกุ โอกาส
คงไมเปนเชน พวกเราเปน ๆ กันอยทู กุ วันนี้
บางรายในสมณะและนักปฏิบตั เิ ราเคยไดรบั ความครหานินทาวา ไปทไี่ หนเทยี่ วเรยี่
ไร (แผ) จตุปจจัยมาเรอ่ื ย ๆ จนกลายเปน อาจิณหรอื เปน นสิ ัยของทานผูน้นั การเร่ียไร
จตปุ จ จัยไดมาจากศรทั ธาญาตโิ ยม ทีแรกกไ็ ดมาเพอื่ การกอสรางเปน ประโยชนสาธารณะ
จรงิ แตครั้นนาน ๆ มาก็เลยกลายไปวาไดมาเพือ่ ตัว สั่งสมขน้ึ โดยแอบอางการกอสรางเปน
โลบ งั หนา ท้ังนเ้ี คยไดยินเสมอความเปนเชนน้ี แทนทจี่ ะทําพระศาสนาใหเ จรญิ รงุ เรอื งยิง่
ๆ ขน้ึ ไป จึงกลายเปน การเหยยี บยํ่าพระศาสนาใหเส่ือมโทรมลงในขณะเดยี วกนั
การดาํ เนินพระศาสนาตง้ั แตค รงั้ พระพทุ ธเจา แลสาวกทั้งหลายทานยังอยู แมจะมี
คนั ถธรุ ะ และวิปส สนาธรุ ะเปน คเู คียงกันมาก็ตาม คงไมถ ึงกบั จะดาํ เนินใหเปน ไปเพ่อื
ความชอกชาํ้ แกผูทะนบุ ํารงุ และถือเปน กจิ จาํ เปน จนเหลือประมาณ เชนพวกเราพาใหเปน
อยเู วลานี้ ทุกวันนรี้ ูส ึกจะถือเร่ืองเหลานี้เปน เร่ืองสาํ คญั ของพระศาสนาเสยี มาก เม่อื ถือ
เร่ืองเหลาน้เี ปนเรือ่ งสาํ คัญของพระศาสนาก็แสดงวา ถือดานวตั ถเุ ปน ของสาํ คัญเปนเคร่อื ง
ประดับ และเปนความจริงของพระศาสนา เปน ของอัศจรรยของพระศาสนา เปน สงา ราศี
ของพระศาสนาไปเสยี เทานัน้
หลักความจรงิ อันเปน หวั ใจของพระศาสนาท่ีพระพุทธเจาประทานไว เพื่อจะยังพุทธ
บริษทั ทงั้ หลายใหไดร ูเหน็ อยา งจรงิ จัง ไดแกอริยสจั ส่ี คือ ทุกข สมทุ ยั นโิ รธ มรรค เลย
คอยเสือ่ มสูญ หรอื อับเฉาลงไปโดยไมร สู ึก บรรดาเราซงึ่ เปนนกั บวชและเปน นักปฏิบตั ดิ ว ย
แลว ควรจะตระหนกั เรือ่ งนใ้ี หมากในจิตใจของแตล ะทาน อยา เปนผูล ืมตนในปฏปิ ทา
เครือ่ งดาํ เนิน วาถูกตองตามแนวทางของพระพทุ ธเจา พาดําเนินหรือไม การงานเมอ่ื เราได
ทาํ ลงไปอยางใด ผลก็ตองปรากฏเปนเคร่อื งตอบแทนขึน้ มาอยางนั้น
แวน ดวงใจ ๒๑๐
กณั ฑเ์ ทศนท์ ี่ ๒ : ศ-ลี ๒ส๔ม๕าธ-ิ ปญั ญา-อิทธิบาทสี่
๒๑๑
กิจการภายในคอื ศีล สมาธิ ปญญา ถาเราถือเปน ขอหนกั แนน ถือเปน กจิ สําคญั เชน
พระพุทธเจาพาดําเนนิ มาแลว ศีลจะไมเปน ไปเพื่อความบรสิ ทุ ธิใ์ นพวกเราอยางไร สมาธิ
ตอ งเปนไปเพ่อื ความสงบ ปญญาตอ งเปน ไปเพอ่ื ความฉลาด เพราะสวากขาตธรรมที่พระ
องคต รสั ไวไ มม ตี นไมมีปลาย เปนมชั ฌมิ าปฏิปทาอยตู ลอดเวลา ไมเ คยเรียวแหลมหรือ
เสอื่ มสูญอันตรธานไปทีไ่ หน นอกจากจะเรยี วแหลมและเสือ่ มสูญอยูก ับผไู มส นใจ ใครทจี่ ะ
ปฏิบตั เิ พื่อศลี สมาธิ ปญญา ใหเกดิ ขนึ้ ภายในตนเปน ราย ๆ ไปเทานน้ั
ฉะนั้น การปฏิบัตพิ ระศาสนาเพอ่ื เห็นผลประจกั ษใจจรงิ ๆ สมกับธรรมเปน นยิ ยา
นิกธรรม ผูปฏิบตั ิจงึ ควรคาํ นึงธรรมและพระพุทธเจา ผูเปน เหมือนเขม็ ทิศ อยาไดลมื คาํ วา
พระพุทธเจาผเู ปน ครูสอนโลกน้นั เปนอยูตลอดพระอิริยาบถ ไมเ คยบกพรอ งจากความ
เปน ศาสดา เพราะเหตุนัน้ พระอาการเคลอื่ นไหวทางกายวาจาของพระองค จึงเปน ศาสดา
ของสตั วโลกอยตู ลอดเวลา สาํ หรับผูสนใจใครตอ การศึกษาจากพระองคทานมาไดเ หน็ ได
ยนิ ท่ที รงแสดงการเคลือ่ นไหวดวยพระอาการตา งๆ จะเปนคตเิ ครือ่ งเตอื นใจใหไดรับ
ประโยชนโดยทวั่ หนากัน สวนจะมากนอยข้ึนอยกู ับความสนใจ และสตปิ ญ ญาลึกตน้ื ท่จี ะ
ยดึ จากพระองคท านมาเปนครสู อนตน
คาํ วา ศาสดา ไมเ พยี งแตการเสดจ็ เทย่ี วประกาศพระศาสนาโดยการแนะนําพร่าํ สอน
ประชาชนดว ยพระโอวาทเทาน้ัน ยงั เปน ศาสดาของโลกทกุ พระอาการท่เี คลอื่ นไหว พระ
พุทธเจาไมเคยเคลื่อนไหวดวยพระอาการใด ๆ ใหผิดจากความเปนศาสดา มรรยาททุก ๆ
พระอาการ ลว นแตเ ปนประโยชนแกบรรดาสตั วผูสนใจท้งั นนั้ ทั้งเปน เคร่ืองประกาศพระ
องควาอาการท้งั หมดน้ีเปน อาการของศาสดา ไดแกค รูสอนโลกน่ันเอง
ฉะนัน้ โปรดไดคาํ นึงดคู วามเคลอื่ นไหวของเรา ผเู ปน ศิษยข องพระตถาคตเสมอ
อยา ใหเปน โมฆบุรุษในเพศแหงนักบวชและนกั ปฏิบตั ิ โดยปราศจาก สติ ปญญา ศรัทธา
ความเพยี ร อนั เปน รากเหงาแหงธรรม เครอ่ื งถอดถอนกเิ ลสทุกประเภท และโปรดทราบไว
เสมอวา เราอยูเ ปนหมูเปน คณะคือเก่ยี วกับสังคม เพราะมนุษยเ ปน มนษุ ยประเภทท่อี ยูคน
เดียวไมได ตองเกย่ี วกบั สงั คมคอื หมูเพอื่ นเสมอไป เราตอ งคิดถึงตวั เองเสมอวา คนเรา
แทบทกุ รายยอ มมีการเขา ตัวเสมอ แตธรรมของพระพุทธเจานนั้ เขา กับหลักเหตผุ ล เมอื่ เรา
เปน ศิษยข องพระตถาคตแลว ตอ งเปน ผหู นกั แนนในเหตุผล คือเปน ผูส นใจใครต อ หลกั
เหตุผล ตนทาํ ลงไป พูดออกไป คดิ ลงไป ถูกกบั หลักเหตผุ ล คือธรรมของพระพทุ ธเจาหรอื
ไม อยาเอาตนเขา ไปเปนผมู ีอาํ นาจเหนอื เหตุผลนัน้ ๆ จะเปนความผิด และจะเปนเหตุให
เกิดความกระทบกระเทอื นแกสงั คม คอื หมเู พอ่ื นดว ยกนั ผิดตองยอมรับวาผิด ถูกตอง
แวน ดวงใจ ๒๑๑
แวน่ ดวงใจ : ภาค ๒ อบรมบรรพชิต
- ๒๔๖ -
๒๑๒
ยอมรับวา ถูก และยอมจาํ นนปฏิบัตติ ามดว ยความเต็มใจตอ หลกั ธรรมคือ เหตุผล อันเปน
ศาสดาแทนพระพุทธเจา
หลักแหง การปฏบิ ตั เิ พ่ือถึงแดนแหง ความเจริญรุงเรืองในตนเองและสว นรวม ตอง
เปนผมู ีศาสดาประจาํ การเคลอ่ื นไหวของตนทกุ เวลา ศาสดาคอื หลกั เหตผุ ลน่ันเอง ถา เรา
เอาเราไปสวมเขาในกจิ การใด ๆ พงึ ทราบวา กจิ การนัน้ ๆ จะไมสาํ เรจ็ เรยี บรอยไปดว ย
ความมีเหตุผล แตจ ะเปน ไปเพ่อื ความกระเทอื น เพราะเหตแุ หงการเขาตัวเสมอไป ในนสิ ยั
ของบุคคลเปนเชนน้ี เราเปนนักปฏิบตั ติ อ งเปน ผมู ีเหตผุ ล เทากบั เรามศี าสดาประจําตน
คอื ตองใครครวญในกิจการทท่ี าํ ทพ่ี ดู ทีค่ ิด ซึง่ เคลือ่ นออกจากกาย วาจา ใจ ของตน ให
ถกู ตามหลักธรรมวินัยที่ศาสดาตรสั สอนไว จะเปนผูรมเยน็ ภายในใจของเราดว ย จะเปนไป
เพื่อความรม เย็นแกหมเู พ่ือนท่ีอยูรวมกันดว ย จะทําพระศาสนาใหเ จรญิ
อนง่ึ ศีลของเรามีเก่ียวของกับหมเู พอื่ นเหมอื นกนั สมาธิปญ ญาก็เก่ยี วกับหมเู พ่ือน
เชนเดียวกนั เพราะเราอยูกบั หมเู พ่ือนตอ งไดพ ูด พูดไมถ ูกทางกผ็ ดิ ศีลของเรา จติ ก็เก่ยี ว
กับหมูเพ่อื นท่ีอยูดวยกนั ถา คดิ ไมถ ูกทางกเ็ ปนเหตุใหเกิดความกังวล และทาํ ลายสมาธใิ ห
มีความสงบไมไ ด ตามองเหน็ หมเู พ่ือนทาํ ผดิ หรอื ถูกตามความรูสกึ ของตน ถา ปญญาไม
รอบคอบในการเหน็ การไดย นิ อาการแหง การกระทาํ และการพดู ของคนอืน่ แลว แทนทีเ่ ขา
จะเปน คนผดิ เราก็มากลายเปน ผผู ดิ เสยี เอง เพราะฉะนัน้ เร่อื งศลี ก็ดี สมาธกิ ด็ ี ปญญาก็ดี ที่
เก่ียวกบั สงั คมคือหมูเ พ่อื น อนั เปน เหตทุ ่จี ะทําตวั เราใหเสยี ไปดว ย จึงมที างเสียไดอยา งน้ี
ดังนน้ั โปรดไดน ําเหตผุ ลอนั เปน ธรรมของพระพุทธเจาเขาไปตัง้ ไวที่หัวใจของเรา
ขบั ไลคาํ วา “เรา”ออกเสยี จากท่ีน่นั ใหเหลอื แตหลักธรรมคอื เหตุผลไวทีใ่ จ ผนู ้นั ไปท่ไี หน
มาท่ใี ด อยทู ีใ่ ด จะเปน ที่รม เยน็ ของตนเองและหมูเพ่ือนเสมอไป โดยมากทเ่ี กิดการทะเลาะ
เบาะแวงกัน เนื่องจากเอา “เรา” เขาไปต้ังไวบ นหวั ใจ หรือเอา “เรา” เขาไปต้งั ไวบ นหลัก
เหตุผล คือธรรมของพระพทุ ธเจา เมอ่ื เอา “เรา” ซึง่ เปนตัว “โลก” ลว น ๆ เขาไปต้งั ไว
บนหลกั เหตุผล อนั เปนธรรมของพระพุทธเจาแลว หลกั เหตุผลคือธรรมก็ไมมีอาํ นาจ และ
แตกกระจัดกระจายออกจากหัวใจ เหลือแตค ําวา “เรา” ซงึ่ เปน โลกลวน ๆ ฝง อยูกับจติ ใจ
ของบคุ คลผูนนั้
เม่อื ระบายออกจากคาํ วาเราหรอื เพราะเราเปนเหตุ เปนผมู อี าํ นาจนนั้ ไดระบาย
ออกมาทางมรรยาทคําพดู จา จงึ เปนเหตใุ หผ ิดและกระทบกระเทอื น ใหเ กดิ การทะเลาะ
เบาะแวงกันขึน้ บางรายถึงกับฆากัน ตีกัน ลมตาย ฉบิ หายและลมจมปนปไ ป ใหเ ราเหน็ อยู
ตอหนา ตอ ตาทุกหนทกุ แหง ไมวา นอกวดั ในวัด เพราะเหตแุ หง ความเหน็ แกต ัวคอื เราเปน
แวน ดวงใจ ๒๑๒
กัณฑเ์ ทศนท์ ี่ ๒ : ศีล สมาธิ ปัญญา-อทิ ธบิ าทส่ี
- ๒๔๗ -
๒๑๓
ของสาํ คัญ ฉะนน้ั ผบู วชในพระศาสนาตองถอื หลักเหตผุ ลเปน เจา ครองหัวใจ และถอื ยง่ิ
กวาดวงหทัย และชวี ิตจิตใจของเราเสียอีก แมช วี ิตจะฉบิ หายตายไปกต็ าม ขอใหไดทรงไว
ซ่ึงหลักเหตุผล คอื ธรรมของพระพทุ ธเจา อยา งสมบูรณ ผูน้นั แลจะเปน ผทู รงและยังพระ
ศาสนาใหเ จรญิ รงุ เรอื ง
แมตายไปแลวรา งกายแตกสลาย กิตติศัพท กิตติคุณ ก็เฟอ งฟูขจรไปทกุ แหงทุกหน
ไมเ สื่อมสูญอนั ตรธานไปตามสรรพางครางกาย เชน องคส มเดจ็ พระผมู ีพระภาคเจา แล
สาวกทั้งหลาย ตลอดครอู าจารยท ี่ปรากฏชอ่ื ลอื นาม ลว นแตทานหนักในเหตุผลคอื หลัก
ธรรม เปน เจาครองหวั ใจ ไมไ ดถือเราเปนเจาครองอํานาจหวั ใจ จึงเปนท่กี ราบไหวเคารพ
บูชาของเทวดาแลมนุษยทกุ ช้นั อยางแนบสนิทได เราทกุ ทานซึง่ เปนผูจะตั้งหนา ดาํ เนินตาม
แนวทางแหง สวากขาตธรรมของพระพทุ ธเจา พงึ สํานกึ ตนเสมอ และพึงทําจิตใหมศี าสดา
คอื หลกั ธรรมเปน ครสู อนอยตู ลอดเวลา
ศีล อยาพงึ เขา ใจวาเปนหนา ทีข่ องใคร เราคือผจู ําเปนทจ่ี ะปลดเปล้ืองส่ิงมัวหมอง
คอื กิเลสอาสวะทกุ ประเภทออกจากกาย วาจา ใจ ของตน ๆ อะไรเลา เปน เครอ่ื งชําระส่ิงมัว
หมอง คือ ศีล สมาธิ ปญญานเ่ี อง ซงึ่ ติดแนบอยูก ับตัวของเรา และจะตองพยายามอบรม
รกั ษาใหเ กดิ มขี ึ้นในกาย วาจา ใจ ของตน ศีลจะมคี วามบรสิ ทุ ธ์ิได ตอ งเปนผมู ีอิทธบิ าทท้งั
ส่คี อื
ฉนั ทะ พอใจในการรกั ษาศีล จะเปนศลี ขอ ใดกต็ ามที่พระองคป ระทานไวเพอ่ื เปน
สมบัติของเรา เรานอ มรับดว ยความยินดีและเต็มใจ ใครตอการปฏิบัติรักษาใหเ ปน ไปเพอ่ื
ความบรสิ ทุ ธ์ิทุก ๆ ขอ ไมมีความระอาตอ ธรุ ะหนา ทีข่ องตน
วริ ยิ ะ พยายามรักษาอยูเสมอทง้ั ท่ีแจงและที่ลบั ตลอดอิรยิ าบถ ไมม คี วามลดละ
ในทางความเพยี รเพื่อความเปนผมู ศี ลี บริสทุ ธ์ิ
จิตตะ มีใจฝกใฝตอศีลของตน ไมทาํ ใจใหห า งไกลจากศีล พยายามระมัดระวงั
รักษาศีล เชน เดียวกับเขารกั ษาสมบตั อิ ันมคี าในบาน แมชวี ติ ก็ยอมสละไดเ พ่ือสมบตั ิ
ประเภทนน้ั
วิมงั สา คือเรื่องของปญญา ตองเปนผมู ีความเฉลยี วฉลาด คอยตรวจตราดศู ีลของ
ตนเสมอ ไมใหด างพรอยไปไดแมแตข อ เดยี ว
อทิ ธิบาททัง้ สน่ี ้ีเปน หลักธรรมคํ้าประกนั บคุ คลผมู ีความใครต อธรรมนี้ ใหไดก าวเขา
สคู วามเจริญท้ังทางโลกและทางธรรม แตขัน้ ต่ําจนถงึ ข้ันสงู สดุ คอื วมิ ตุ ตพิ ระนิพพาน จะ
เวน จากธรรมทัง้ สนี่ ้ีไปไมได เพราะเหตุนั้นจงึ ควรจะกลาวไดว า อิทธิบาทท้งั สนี่ ี้เปน ราก
แวนดวงใจ ๒๑๓
แว่นดวงใจ : ภ- า๒ค๔๘๒ -อบรมบรรพชิต
๒๑๔
เหงาของพระศาสนาดว ย เปน รากเหงา ของโลกดวย โลกและธรรมจะเจรญิ รงุ เรืองไดเ พราะ
อทิ ธบิ าททง้ั ส่นี ้เี ปนรากฐานสําคญั สมาธิก็ดี พงึ ทราบไดวาจะเกดิ ขึน้ ไดเ พราะอิทธิบาทน้ี
แมป ญ ญาถา ไมมอี ทิ ธบิ าทท้ังสามขางตนเปน เครื่องสนับสนนุ แลว จะเปน ปญ ญาทเ่ี ฉลยี ว
ฉลาดจนสามารถถอดถอนตนใหพน จากทุกขไ ปไมไ ดอ ีกเชนเดียวกนั
เพราะอทิ ธิบาทท้ังส่ีนเี้ ปนธรรมเกี่ยวเนือ่ งกนั จึงเปน ธรรมทมี่ ีกําลัง คือพอใจในการ
คนคิดหาเหตผุ ล พยายามสอดสองดเู หตุการณท ่จี ะมาเก่ียวขอ งกบั เรื่องของปญญา ผกู ําลัง
ทําหนาท่ีใหเ ปนไปเพื่อความรอบคอบตอ ตนเองและสิง่ เก่ียวขอ ง เอาใจฝก ใฝต อการ
พจิ ารณา จนสามารถรเู หตผุ ลตน ปลายของส่ิงเกย่ี วขอ ง ไมย อมใหป ญญานิ่งนอนใจ จน
กลายเปน ไมซ งุ ทงั้ ดุน ทง้ิ จมดนิ อยูเปลา โดยปราศจากประโยชน วิมังสาเม่ือมธี รรมทง้ั สาม
ขอน้ีเปน เครอื่ งสนบั สนุน ยอ มมกี าํ ลังและสามารถทําหนาทขี่ องตนใหส ําเรจ็ ไดโดยสมบูรณ
ฉะนน้ั เราบวชมาในพระศาสนา พึงคํานึงถงึ แนวทางทพี่ ระพุทธเจาแลพระสาวกได
ดาํ เนินไปแลว และไดส ง่ั สอนไวแ ลว ใหห นกั แนน ยง่ิ กวาเร่ืองใด ๆ ทง้ั น้ัน เราอยา เหน็ เรอ่ื ง
ของเราวาเปน เรอื่ งสาํ คญั กวา เร่ืองของธรรม ถาเห็นเรื่องของเราเปน เรือ่ งใหญโตและสาํ คญั
กวา เรอ่ื งธรรมของพระพทุ ธเจา แลว เรอื่ งล้ินเร่อื งปากมันกส็ าํ คญั เร่ืองทองมนั กส็ ําคัญ
เร่ืองการหลับนอน การเกียจครา นกส็ ําคญั เรอ่ื งการเห็นแกตัวมนั กส็ าํ คญั การทกุ อยา งที่
เปนไปเพื่อกเิ ลสตัณหาจะพอกพนู หัวใจมนั เปนเรอื่ งของเรา และจะกลายเปนเรื่องสาํ คัญ
ขนึ้ ตาม ๆ กันทงั้ นัน้
น้แี ลถาเราเห็นวาธรรมของพระพทุ ธเจาไมเปน ของสาํ คญั แตป ลอ ยใหเ รอ่ื งของเรา
สําคัญยิ่งกวา ธรรมของพระพทุ ธเจาแลว ผูน ัน้ จะเอาตวั รอดไปไมไ ด ตอ งเปนผูลม จม เปน ผู
เหลวแหลกทางความประพฤติและสมบตั อิ ันมีคา ตลอดคุณธรรมภายในใจ แมจะยังไม
ตายกเ็ ปน คนหมดคา หมดราคา ไมม ีคุณคา ในตวั แมแตนอ ย ฉะนนั้ เราเปนลูกศิษยข อง
พระตถาคตโปรดเห็นวา ธรรมท่พี ระองคท รงเมตตาส่ังสอนไวท กุ ๆ ขอ วาเปน สมบัติเพือ่
เราจะรับไวเ ทดิ ทูนพระองคท า น และเพื่อประโยชนสาํ หรับเราเองทุก ๆ ขอไป ผมู ีความ
ใครเชน น้ีจะเปนผเู จรญิ ในพระศาสนา จะเปนผูสามารถรือ้ ฟน พระศาสนาใหเ จริญรุง เรือง
ข้ึนภายในจติ ใจของตนดว ย ใหเ จริญรุง เรืองแกสว นรวมซงึ่ เปนประโยชนอ ันย่ิงใหญไ พศาล
ดว ย ชือ่ วาเปน ผูทําหนาที่แทนองคพ ระพทุ ธเจาแลสาวกทัง้ หลายอยา งเต็มภมู ดิ วย
คาํ วา นกั บวช เปน ผเู ต็มภมู ิแลว ในการจะประกอบหนา ทกี่ ารงานในดา นพระ
ศาสนา เพอ่ื รอ้ื ฟนตนใหพ นจากหลม ลกึ คอื บอแหง กิเลสตณั หาอาสวะ ความโงเ ขลาเบา
ปญญา โผลต ัวข้นึ มาสคู วามเฉลียวฉลาด ข้ึนมาสูข อ วัตรปฏบิ ตั อิ นั ดีงาม ศลี กด็ ี สมาธิก็ดี
แวน ดวงใจ ๒๑๔
กัณฑ์เทศน์ท่ี ๒ : ศ-ีล๒ส๔ม๙าธ-ิ ปญั ญา-อิทธบิ าทสี่
๒๑๕
ปญญาก็ดี อยาเห็นวาเปน หนาท่ีของใคร นอกจากจะเปนหนา ที่ของเราคนเดยี ว ซึ่งมุงตอ
แดนพนทกุ ขอยแู ลว ตอ งอาศยั ศลี สมาธิ ปญญา เปน ธรรมเคร่อื งแกเสมอไป ถา ขาดจาก
ธรรมะทัง้ สามประเภทนแี้ ลว จะเปนไปเพื่อความสมหวังไมได ฉะนัน้ ธรรมะทง้ั นีจ้ งึ เปน
หนา ที่ของเราทุก ๆ ทา น จะพยายามบาํ รงุ ใหสมบรู ณขึ้นในกาย วาจา ใจ ของตน
ศีล เคยไดท ราบแลว วา รักษาอยา งไรเปน ศีล เพราะเคยรกั ษาตัง้ แตวนั บวชมา สมาธิ
คือความสงบใจ ตา งไดพยายามกระทําใจของตนใหสงบอยแู ลว และคําวา สมาธิมีหลายขัน้
และแปลไดห ลายนยั แปลวาความสงบก็ได แปลวา ความมน่ั คงกไ็ ด แปลวาความมงุ มนั่ ก็
ได ตามแตขนั้ ของจิตทเ่ี ปน ไปในทางสมาธิ วิธีทําใจใหเ ปนสมาธินมี้ มี าก ตามจรติ นิสยั ของ
ผบู าํ เพญ็ มีตา ง ๆ กัน แตท่ีน้ีจะอธบิ ายพอประมาณเทา ทจี่ าํ เปน คอื
การบรกิ รรมดว ยบทธรรม คอื พทุ โธ ธมั โม สังโฆ หรอื กําหนดลมหายใจเขา ออก
เปนอารมณข องใจ มีสตคิ วบคุมอยกู บั บทธรรมทตี่ นบริกรรม ไมใหพ ลัง้ เผลอจากบทธรรม
น้ัน ๆ ใหจ ิตอาศยั อยกู บั บทธรรมตลอดเวลาท่ีทาํ อยู จติ เมื่อไมมีหนาท่อี ืน่ ทาํ รับรอู ยกู บั
บทธรรมโดยเฉพาะแลว จะเปนไปเพ่ือความสงบ ปราศจากสง่ิ รบกวนที่เคยเปน มา ปรากฏ
เปน ความสขุ ขน้ึ มาในขณะนั้น เพราะการภาวนาหนง่ึ ความสงบหนึ่ง และความสขุ หนงึ่ เปน
ผลตกทอดตอกันมาเปน ลาํ ดบั อยา งน้ี
ผูใครต อ สมาธคิ อื ความสงบแหง ใจ พงึ ถือการภาวนาเปน กจิ จาํ เปน และสําคญั ทุก
โอกาส แมท ี่สุดไปบิณฑบาตไมควรยอมปลอยวางใหจ ิตสงไปตามอารมณต าง ๆ ผานเขา
มา มีความมงุ มน่ั อยูกบั คาํ บริกรรมภาวนา หรอื พจิ ารณาสภาวธรรมตามข้ันแหง จติ ของผู
บาํ เพญ็ ดาํ เนินอยูเทานัน้ ไมย อมลดละ ไมยอมใหพลง้ั เผลอ นับแตข ณะที่กาวออกจากวดั
ไปถึงหมูบ า นแลว กา วกลับออกมาถึงวัด จิตของเรามคี วามพลัง้ เผลอไปกี่ครง้ั ผมู คี วามสน
ใจถึงขนาดน้ี ตอ งรูท เี ดียววา จติ ของตนไดเ ผลอไปก่ีครัง้ และพยายามทาํ เชน น้จี นมคี วาม
เคยชนิ ตอการรักษาจติ ดวยสติ พจิ ารณาดวยปญญา ผนู ี้แลจะเปนผูสามารถทาํ สมาธิและ
ปญญาใหเ กดิ ข้นึ ไดโดยรวดเรว็ อยางไมมีปญหา และจะไมม ีอุปสรรคใด ๆ มากีดขวางได
เพราะการทาํ ศีลใหบ ริสทุ ธก์ิ ็ดี การทาํ สมาธิใหเ ปนไปกด็ ี และการทาํ ปญ ญาใหเปน ไปก็ดี
พงึ ทราบวาออกจากหลกั อทิ ธิบาทท้งั สท่ี อ่ี ธบิ ายมาแลวทงั้ สนิ้ ถา ขาดธรรมเหลา น้ีแลวทาํ อัน
ใดก็ไมเปน ช้นิ เปนอนั แมจะสําเรจ็ ก็ไมส มบูรณ
ถาใจกา วเขา สูความสงบไมไดเปนเพราะเหตุใด ขอใหค นดูรากฐานของจติ ที่ไมยอม
สงบโดยทางสตแิ ละปญญา เปนของสาํ คัญกวาอน่ื คือใชป ญญาสอดสอ งดูวามีอะไรเปน ตัว
เหตุใหใ จฟุง ซา นวนุ วาย นกั ปฏบิ ตั ิแลวตอ งทําอยางน้ี ตองไมทอดธุระในหนาที่ของตน ชีวติ
แวน ดวงใจ ๒๑๕
แวน่ ดวงใจ : ภ- า๒ค๕๐๒ -อบรมบรรพชิต
๒๑๖
จิตใจคอื ความเปน อยูทกุ อยาง มอบไวก ับชาวบา นผรู ักษาศาสนาเชน เดียวกบั เรา ทุก ๆ ชน้ิ
ในปจจยั สี่ คือจีวรเครอ่ื งปกปดกาย บณิ ฑบาต เสนาสนะ และคลิ านเภสชั คอื ยาแกไ ข มอบ
ไวก บั ชาวบานทงั้ นัน้ ไมตองไปกังวล แตเ รอ่ื งของศลี กด็ ี สมาธิกด็ ี ปญญาก็ดี ซงึ่ เปน ทาง
หลดุ พนจากกองทกุ ขท ้ังมวลแลว ใหถ อื เปนเร่ืองสําคัญอยางยง่ิ ตลอดอริ ยิ าบถ และตลอด
วันตายดว ย อยาทอถอย และระอาตอความเพยี ร อยา งไรจะเปน ไปเพ่อื ความสงบ ขอได
ทุม เทกาํ ลงั สติ ปญญา ความเพียร ลงไปอยางสดุ กําลงั จติ จะเหนอื อาํ นาจธรรมเหลา น้ไี ป
ไมได
พระพุทธเจา ก็ดี พระสาวกกด็ ี ไมเ คยปรากฏเปน ผบู ริสทุ ธพ์ิ ุทโธออกมาพรอมขณะ
ประสูติจากพระครรภของพระมารดา พระองคแ ละพระสาวกเปน ผูม กี ิเลสอาสวะเชน เดยี ว
กับพวกเราท้ังนัน้ ไมทกุ ตน ท่ีนาํ มาทาํ เปนบา นเรอื น เปนกฎุ ศี าลาซงึ่ พวกเรานั่งอยู ณ บดั น้ี
ไมไ ดสาํ เร็จรูปเปน บา นเรอื นมาจากปาทเี ดียว แตส ําเรจ็ ขึน้ มาจากการกระทาํ ของนายชาง
เขาโคน ไมลม ลงแลว ตัดตน ตัดปลาย ควรถากกต็ อ งถาก ควรเลอ่ื ยก็เล่ือย ควรไสกบลบ
เหลี่ยมกต็ อ งทาํ ควรทาํ เปนตนเสา เปน ขอื่ เปน แป เปนคาน เปนกระดาน ดาดฟาหรือควร
ลงรกั ทาสี ท้งั นีแ้ ลว แตนายชาง จะทาํ เอาตามความตองการและความฉลาดของตน ไมทุก
ชิน้ ก็ตอ งแปรรูปไปตามการกระทําของนายชาง จะเหนือเขาไปไมไ ด ผลสุดทา ยก็สาํ เรจ็ เปน
บา นเรอื น ตึก หา ง เปน ศาลา โรงธรรมสวนะ
เชนเรานั่งอยูขณะนี้ พึงทราบวาไมไ ดสาํ เรจ็ รูปมาดวยไมท ง้ั เปลือก ทั้งกระพี้ ทั้งกิ่ง
กาน รากแกว รากฝอย แตส ําเร็จรปู ขนึ้ จากนายชางผูฉ ลาดและชาํ นาญ สามารถแปรไมทงั้
ตนจนสําเรจ็ รูปเปน บา นเรอื นขน้ึ มาได นีม้ ีอปุ มาฉันใด เรือ่ งของพวกเรากม็ อี ุปมัยฉันนัน้
พระพทุ ธเจา แลสาวก ทานกเ็ ทียบเหมอื นไมตนหนงึ่ แตพระองคและสาวกตา งกเ็ ปน นาย
ชา ง สามารถเจียระไนองคท านใหเ ปน ผูมศี ีล มีสมาธิและมปี ญญาข้นึ มาจนกลายเปน ศาสดา
ของพระองค และเปน ครูของโลก พระสาวกก็กลายขน้ึ มาเปนสรณะท่สี ามใหเราท้งั หลายได
กราบอยทู กุ วันน้ี เราพงึ ยดึ เอาพระพุทธเจา แลสาวกมาเปน แบบฉบับ คือ สรณํ คจฉฺ ามิ
คาํ วา พทุ ธฺ ํ ธมมฺ ํ สงฺฆํ สรณํ คจฉฺ ามิ นไี้ มเพียงกราบไหวพอเปน พิธี แลว ใหส าํ เรจ็
ประโยชนเ พยี งเทานัน้ เพราะการถึงสรณะยงั มหี ลายขัน้ ข้นั ของพระสาวกอรหันต กราบ
ไหวพ ระพุทธเจา และพระธรรมนน้ั เปน ขน้ั หนงึ่ ขนั้ ของผูมุงทางพนทกุ ขอ ยางเตม็ ใจเปนขนั้
หนงึ่ กราบไหวดวยความสนิทตดิ ใจดวย กราบไหวดว ยถือเอาพระพทุ ธเจา พระธรรม พระ
สงฆม าเปน แบบฉบับและเปน คูชีวติ หรอื เหนือชวี ิต ครองชีวิตของตนจริง ๆ ดว ย ไดแก
เอาแบบของทานมาดําเนนิ ตาม
แวน ดวงใจ ๒๑๖
กณั ฑ์เทศนท์ ่ี ๒ : ศ-ลี ๒ส๕ม๑าธ-ิ ปัญญา-อทิ ธิบาทสี่
๒๑๗
เราขณะนี้ก็เทียบกับไมซุงทั้งทอ น ไดอาศัยเครอ่ื งมือจากพระพทุ ธเจา มาเจยี ระไน
คอื มาเปนเลือ่ ย เปน ส่ิว เปน ขวาน สาํ หรบั ฟาดฟน หรือไสกบในตวั ของเราใหต กออกมา
เปนศลี ท่บี รสิ ุทธิ์ ตกออกมาเปน สมาธิ คือความสงบเปนชัน้ ๆ ของสมาธิ และตกออกมา
เปน ปญญา เปน ช้ัน ๆ ของปญญา จนสําเร็จประโยชนอ ยา งเต็มที่ เชนเดียวกับนายชางแปร
รปู ไมต า ง ๆ ใหส าํ เรจ็ เปน บา นเรอื น เทียบกบั ธรรมะของผบู าํ เพญ็ ยอมสาํ เร็จผลข้ึนมาเปน
ชน้ั ๆ ตามแถวแหง ธรรม พระพทุ ธเจา ตรัสไววา สําเร็จพระโสดา สาํ เร็จพระสกทิ าคา
สําเรจ็ พระอนาคา และสําเรจ็ พระอรหันต เม่ือเทยี บกบั บา นเรอื นทร่ี วมท้งั สมั ภาระแลว
สําเรจ็ รปู ขน้ึ มา น้กี เ็ พราะรวมคุณธรรมทงั้ หลายทไ่ี ดอาศยั เครือ่ งมอื จากพระพุทธเจามา
เจยี ระไนตัวเราเองใหสาํ เร็จเปน ศลี เปน สมาธิ และเปน ปญ ญาขึ้นมา จนกลายเปนวมิ ุตติ
พุทโธข้ึนทด่ี วงใจของผูบาํ เพญ็ ตนดว ยความองอาจกลาหาญ ถาเปน บา นเรือนก็เปน เต็มที่
เปน ตกึ เปน หา งกเ็ ปน เต็มที่ นี้ถาเปนวิมุตติพระนิพพานก็เปน เตม็ ท่ี และปรากฏข้ึนทด่ี วง
ใจของนกั ปฏิบัตผิ มู ีความเพียร
ฉะนน้ั โปรดไดคาํ นึงถงึ เหตุคือขอปฏบิ ัตมิ ากกวา ส่งิ อนื่ ใด เพราะกิเลสไมไดส นิ้ ไป
จากใจเอาเฉย ๆ โดยปราศจากเหตุคอื การชาํ ระ แมแ ตบ า นเรือนกย็ ังตอ งอาศยั เหตุ คือ
การปลกู สรางจึงสําเร็จเปน ทอ่ี ยูอ าศยั ได ใจจะใหเปนไปเพอื่ ความบริสุทธิ์หลุดพน ก็ตอง
อาศัยเราเปนผดู ดั แปลงซักฟอกส่ิงมวั หมองใหห มดไปเปนลาํ ดบั เรม่ิ ตง้ั แตศ ลี ขนึ้ ไปเปน
สมาธิความมั่นคง การเดินจงกรมก็มั่นคง นัง่ ภาวนาก็มัน่ คง การทําความเพียรทุกประโยค
ก็มน่ั คง ความเคลอ่ื นทกุ อาการกม็ น่ั คงดว ยสตแิ ละปญญา ทั้งนี้เรียกวา สมาธิ คือความมั่น
คงตอหนาทกี่ ารงานของตน ทําอะไรไมงอ นแงน คลอนแคลน จนกลายเปนองคข องสมาธิที่
แทจ รงิ ขนึ้ มา คอื ความแนน หนาม่นั คงของใจ ไมเ อนเอยี ง ไมว อกแวกคลอนแคลน
เม่อื มตี น ทุนคือความสงบเยือกเย็นแลว พยายามฝก คน โดยทางปญ ญาพจิ ารณา
สว นแหงรา งกาย นับแตผ วิ หนังเขา ไปถงึ สว นภายใน ตามอาการของสวนแหง รา งกายตาง
ๆ ท่มี อี ยูในรางกาย แยกสวนแบงสวนแหง อาการน้นั ๆ ออกจากความเปน สตั ว เปนบุคคล
เปนหญิง เปนชาย เปน เรา เปนเขา แยกออกจากความเปน ของเราของเขา ใหเหน็ สักแตวา
อาการหน่ึง ๆ ประชุมกนั เขาแลวใหชือ่ ตา งออกไปเทานนั้ ไมม ีสัตว บุคคล เรา เขา หญิง
ชาย ที่แทจ รงิ อยใู นทอนแหง รา งกายนี้เลย
อันดบั ตอ ไปกําหนดใหแปรสภาพจากความเปน อาการน้ัน ๆ ลงสธู าตเุ ดิม คือ ดิน
น้ํา ไฟ ลม จนหมดความสําคัญม่ันหมายวา เปนอาการของรางกายทกุ สวนตามทเ่ี คยเปน
มา และหมดความสําคญั วา หญงิ ชาย สัตว บุคคล เรา เขา ไปปรากฏตวั อยใู นธาตุสน่ี ้ัน ให
แวนดวงใจ ๒๑๗
แว่นดวงใจ : -ภา๒ค๕๒๒ -อบรมบรรพชิต
๒๑๘
เห็นชัดวา แทจ ริงเปนธาตลุ ว น ๆ ไมม ีสง่ิ ใดจะปรากฏตัวออกมาจากธาตุส่นี ั้น พอจะใหเกดิ
ความนารักนา ยนิ ดีแมแตช้นิ เดียว หากเปน เพราะความสาํ คญั ผิดของใจ ซึ่งไมมีปญญา
ความสวางเปน เครื่องสองทางตามหลักความจรงิ ของสง่ิ เหลานเี้ ทา นั้น จิตจงึ ไดล มุ หลงกอง
ธาตสุ ว นหยาบ ๆ ซ่ึงมองเหน็ ไดด วยตาเนอ้ื นว้ี า เปน สัตว เปน บุคคล เปน เรา เปนเขา เปน
ของนา รกั ใครชอบใจ จนกลายเปนบอกังวลอนั ใหญห ลวงไปทั่วไตรโลกธาตุ ไมม ีขอบเขต
แตเมอ่ื แยกออกดูดวยปญ ญาแลว ถาจะวาอาการกส็ ักแตอ าการอนั หนึ่ง ๆ ที่
ประชมุ กนั เขา ถา จะวาธาตกุ ็สกั แตธ าตอุ นั หนงึ่ เทา นน้ั ไมมสี วนใดจะเปนไปเพอ่ื ความนา รกั
นากาํ หนดั ยินดี ถา จะพจิ ารณาเร่อื งทกุ ขกม็ ีอยใู นรางกายอันเปนทร่ี วมของธาตุ เม่อื กระจาย
จากกันไปแลว ทุกขก็ไมปรากฏ ทกุ ขย อมสลายตวั ไปเชน เดียวกับกองธาตุสลาย ถา จะ
พิจารณาเรื่อง อนจิ จฺ ํ ความไมเ ที่ยง ก็ไดแ กร า งกายอันเปน กองธาตุ เปนตวั อนจิ จฺ ํ อยทู กุ
ขณะ ทุกขปรากฏขนึ้ มากนอยกเ็ พราะกองธาตกุ อนนี้แปรปรวน ถา กองธาตกุ อนนี้คงอยู
ทุกขก ห็ าทางเกดิ ขึน้ ไมไ ด เรากไ็ มต อ งเสวยทกุ ข และไมต องบน วา กนั ทัว่ โลก
เพราะใครเกดิ มาในโลกนีไ้ มไ ดม งุ หนามาเกิดเพอ่ื จะบน หรือเปนถอยเปนความกัน
กับทุกข แตเ พราะกอ นธาตุอันเปนกอนแหงทุกข มนั เปน ตัวเปนตนของเรา เราจงึ เปนผู
ทุกข ทัง้ เปนผเู สวยทุกข เราจงึ บน กับทุกขซ ่งึ เปน เร่ืองของเราคนเดยี ว เพราะเรากบั ทุกขม ัน
แยกกันไมออก เรื่องบนกับทกุ ขวนั ยังคาํ่ คนื ยังรงุ ตลอดป ทุกคนจึงแยกไมออก คดิ ดูแลว ก็
นา ทเุ รศ สงสารตัวเราผเู ปนกองทกุ ขด ว ยกัน เพราะตางกแ็ ยกทกุ ขจ ากเรา แยกเราจากทกุ ข
ไมออก ทุกขก ับเราจงึ กอดคอกนั ตาย ไมยอมพลดั พรากจากกันได นพ่ี รรณนาเรอ่ื ง อนจิ จฺ ํ
กับเร่อื ง ทกุ ฺขํ
สว นเรอ่ื ง อนตตฺ า ก็คอื กอ นธาตุอันน้ี ปฏเิ สธคําสมมตุ ินยิ มของโลกอยูต ลอดเวลา
ในกายอันน้ีเอง ถารางกายยังครองตวั อยูตราบใด อนตตฺ า ก็ยงั ครองตวั อยบู นรา งกายน้ี
ตราบนน้ั เพราะไตรลักษณอยูในที่แหง เดียวกนั ไมเ คยแยกทางกนั เดนิ แตไหนแตไ รมา ผมู ี
ปญญาโปรดพจิ ารณารางกายน้ี ใหไ ดม องเหน็ หนาเห็นตาของไตรลักษณ ซง่ึ แสดงตนอยู
อยางเปดเผย ในรา งกายของเราทุกทา น และโปรดพิจารณาซา้ํ ๆ ซาก ๆ จนเกิดความ
ชํานาญในการพจิ ารณา เห็นรา งกายนเ้ี ปน กองแหงธาตุ เปนกองแหงทกุ ขอ ยา งเปดเผยข้ึน
กับใจ ไมม ีสิ่งใดจะสามารถมาปด บงั ลล้ี บั ปญญาไดเ ลย
เมื่อปญ ญากเ็ ห็นชัด จติ กเ็ ชอ่ื งตอ อารมณ ยอมเปนโอกาสของจติ จะรวมสงบลงได
โดยสะดวกสบาย เมื่อถอนขน้ึ มาจากสมาธแิ ลว ปญ ญาก็ทําหนาทีพ่ จิ ารณารา งกายตาม
ความเคยชินมาแลว รา งกายทั้งทอ นจะเปนที่ทองเที่ยวของปญญา จนมคี วามสามารถเตม็ ที่
แวนดวงใจ ๒๑๘
กัณฑ์เทศนท์ ่ี ๒ : ศ-ีล๒ส๕ม๓าธ-ิ ปัญญา-อทิ ธิบาทสี่
๒๑๙
แลว อุปาทานในสวนแหงกายจะขาดกระเด็นออกเพราะกําลังของปญญา จิตกบั กายและกบั
กองทุกขใ นรา งกายก็แยกทางกันเดิน ไมเปน บอ แหงความกังวล ดงั ทีเ่ คยเปน มา
สว นเวทนาในจติ ไดแกสขุ ทุกข เฉย ๆ สญั ญาความจําหมาย สังขาร ความปรุง
ความคิดภายในใจ วญิ ญาณ ความรบั รูในส่งิ ท่มี าสมั ผสั ทง้ั ส่ขี ันธน ีเ้ ปนกองแหง ไตรลักษณ
เชน เดียวกับรางกาย ถา คาํ วา จิต อนั เปนตัวสมมุตยิ งั มอี ยตู ราบใด ขันธท้งั สี่และไตรลกั ษณ
ท้งั สามยงั เขาครองตวั อยใู นจิตนน้ั ตราบนั้น ฉะนน้ั ตอ งตามคน หาขันธท ั้งสไี่ ลตะลอ มลงรวม
ในไตรลกั ษณใหไ ดดวยอํานาจของปญญา โดยคน หาตัวสัตว บุคคล หญิง ชาย เรา เขา ใน
ขันธท ั้งสน่ี ้โี ดยละเอียดถ่ีถว น เราจะไมเหน็ สตั วบุคคลเปน ตน แมร ายหนึง่ แฝงอยใู นเวทนา
สญั ญา สังขาร วญิ ญาณนน้ั เลย จะปรากฏ อนจิ จฺ ํ ทุกขฺ ํ อนตตฺ า ลว น ๆ เตม็ อยใู นขนั ธน ั้น
ๆ
และการพิจารณานามขันธเ หลาน้ีก็มีลักษณะเชน เดยี วกบั การพิจารณากาย พจิ ารณา
กลบั ไปกลบั มาอยา งซ้ําๆ ซาก ๆ ถงึ กับปญญารูชัดวาไมม อี ะไรนอกจากไตรลกั ษณล ว น ๆ
เต็มอยใู นขนั ธส เ่ี หลานี้เทา นนั้ ปญ ญาจะหมดความสงสัยในขันธทงั้ ปวง เพราะความฉลาด
และคลองแคลว ของปญ ญาจะสามารถตามคนเขา ไปถึงรากฐาน ซง่ึ เปนบอ เกดิ แหงขนั ธท้ัง
หา คือรูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ กจ็ ะไปพบจติ ดวงสมมตุ อิ ันเปนจุดรวมแหง
อวิชชาเตม็ อยใู นทน่ี ้ัน สติปญ ญากบั อวชิ ชาก็จะกลายเปนสนามรบกนั ในท่นี ้ันเอง
อวชิ ชา คือยอดสมมุติ กับ สติ ปญญาอันเปนยอดของมรรค คอื ทางแหง วิมตุ ติ ได
ทาํ หนาที่ของตนตอ กันจนสดุ กาํ ลัง ผลปรากฏวา ไดพบบอเกดิ แหงขันธ คอื รปู เวทนา
สัญญา สงั ขาร วิญญาณ เกิดขนึ้ จากจุดเดยี วนี้ทัง้ นัน้ และบอ แหง ไตรลกั ษณ คอื อนจิ จฺ ํ ทกุ ฺ
ขํ อนตฺตา กร็ วมอยูในจติ ดวงสมมตุ นิ ี้ดวย จิตดวงสมมุตนิ แี่ ลทา นใหน ามวา อวชิ ชา คอื
ความรจู อมปลอม คาํ วา สัตว บคุ คล ตัวตน เรา เขา หญงิ ชาย เกิดไปจากจุดเดียวนี้ เรอื่ ง
เกดิ แก เจ็บ ตาย และเรอื่ งทกุ ขเปนเรา เราเปนทุกข จนแยกจากกันไมออกตลอดกัป
ตลอดกัลป เกดิ จากจุดเดยี วนี้ทงั้ น้นั
จึงควรจะกลา วไดวา แมพ ิมพข องโลกท้ังมวลคือธรรมชาตอิ นั นี้ บดั นปี้ ญญาที่ทัน
สมยั ไดค น หาตัวแมพิมพของวัฏฏะ ไดพ บกันอยา งเปดเผยในสถานท่อี วชิ ชาเคยซอ นตวั จงึ
ทาํ ลายธรรมชาตนิ ล้ี งดว ยอาํ นาจของปญ ญาคมกลาซึ่งฝก ซอ มมาจนชํานาญ แมพิมพของ
วัฏจักรไดถูกทาํ ลายแตกกระเด็นลงในขณะเดียวเทา น้นั ววิ ัฏฏะไดปรากฏข้ึนอยางเตม็ ท่ี
โดยไมมีส่ิงใดปด บัง ปญ ญาท้งั หมดไดสนิ้ สุดลงในขณะอวิชชาดับลงไป ศลี กด็ ี สมาธกิ ด็ ี
ปญญาก็ดี ไดต ามสง เราไปถึงจดุ นน้ั กเิ ลสทงั้ มวลกจ็ ะรบกวนเราไปถงึ แคนัน้ ความโลภ
แวน ดวงใจ ๒๑๙
แว่นดวงใจ : ภ- า๒ค๕๔๒ -อบรมบรรพชิต
๒๒๐
โกรธ หลงก็หมดฤทธิ์หมดอํานาจ จะไมสามารถทาํ เราใหห มนุ เวียนอกี เชน เคยเปน มา แม
ขนั ธซ ่งึ เคยเปน บริวารของอวชิ ชา กก็ ลับกลายมาเปน ขันธล วน ๆ ไมเ ปน กเิ ลสอาสวะแต
อยางใด ศีล สมาธิ ปญญา กท็ ราบชัดวา เปนเครื่องมือสาํ หรับแกกเิ ลสอาสวะ ที่เปนขาศึก
ตอ ตัวเรา เพราะรเู ทาเหตุรูเ ทาผลอยางแจม แจง แลวปลอ ยวางไวตามเปน จริง
รเู ทา เหตุ คอื เหตุแหงทกุ ข ไดแกสมุทัย มกี ามตณั หา ภวตัณหา วิภวตณั หาเปนตน
ดว ย รเู ทาเหตุแหง สขุ คือ ศีล สมาธิ ปญ ญาดวย รเู ทาผล คอื ทกุ ขท เ่ี กิดขนึ้ จากสมทุ ยั ดว ย
และรูเ ทา ผล คอื นโิ รธทเ่ี กิดข้นึ จากเหตุแหง สุข คอื มรรคดวย ผรู ูเทาสจั จะของจรงิ ท้ังส่นี ้ัน
นนั่ แลเปนธรรมพเิ ศษ จึงควรใหนามวา วิมตุ ติธรรม เพราะนอกจากสมมุติสัจจะไปแลว
เปนธรรมตายตวั เดนชัดอยดู วยความเปนอสิ ระในตัวเอง ไมข น้ึ อยูก บั สมมุติใด ๆ เปน ธมฺ
โม ปทีโป อยางสมบรู ณ (ความสวางแหง ธรรม) เชน เดยี วกบั พระอาทติ ยท่ปี ราศจากเมฆ
กาํ บังแลว ยอมสองแสงสวา งไดอ ยา งเตม็ ที่ฉะนน้ั ในขณะเดียวกนั พุทโธ ธัมโม สังโฆ อัน
เปนอัตสมบตั ิอยา งประเสรฐิ ไดปรากฏขึ้นในใจของผูม ชี ยั โดยสมบูรณ
สมเดจ็ พระผูมพี ระภาคเจา ทานตดั สินกนั กับวัฏจักร ในคนื ของวันเพญ็ เดือนหก
สว นพวกเราจะไปตดั สินกนั วันไหน เราจะปลอ ยใหความเกียจครานตดั สินเอาเสยี ทกุ วันนน่ั
หรอื หรอื จะมอบดวงใจอันมคี ณุ คามหาศาลน้ใี หก เิ ลสตัณหาเอาไปทําเปน ครวั ไฟ หองนํ้า
หองสว ม ทช่ี าํ ระขบั ถา ยทุกวนั น่ันหรือ ถา เราไมต องการใหส ่ิงเหลา นตี้ ัดสินชข้ี าดเอาตาม
ความตองการของเขา เทา ท่ีเคยเปนมาแลวหลายภพหลายชาติ เราก็ควรต่ืนตวั ตอความ
เพยี ร ศีล สมาธิ ปญญา กบั ความเพยี รอยาใหห างจากใจ คาํ วา วมิ ตุ ติ พทุ โธ จะไมเกดิ ขนึ้
ในทีใ่ ด ๆ แตจะเกิดขน้ึ ท่ีดวงใจของผูมีธรรม
เพราะพระพทุ ธเจา ทกุ ๆ พระองค และพระสาวกของพระพทุ ธเจาทกุ ๆ พระองค
ไมเ คยปรากฏข้ึนจากทอ่ี นื่ ใดทั้งนน้ั แมจ ะตรสั รใู นทตี่ า ง ๆ และเวลาอนั ตางกนั กต็ าม แต
ตองตรัสรูใ นกรอบแหงหลักธรรม คือมัชฌิมาปฏิปทา อันเปนธรรมสายกลางนเ้ี ทา นนั้ จะ
ไมต องตรสั รดู ว ยกาลสถานท่ี แตจ ะตรัสรูด ว ยธรรม คือมัชฌิมา ฉะนัน้ จงึ ควรจะกลา วไดว า
พระพทุ ธเจา ทง้ั หลายพรอมทั้งพระสาวก ทานทรงอุบัติข้นึ จากพระธรรมทั้งนัน้ บรรดาทา น
ผูปฏิบตั ิจงึ ไมควรไปสนใจกบั กาลและสถานท่ีใหม ากกวา ความสนใจในหลักธรรม อันจะนํา
ผูป ฏิบัติใหพ นผานอุปสรรคไปไดโดยลําดับ จนถึงความพน ทกุ ขไ ปโดยสิ้นเชงิ
เราลองคิดดูเรื่องของกเิ ลสทุกประเภท ทเ่ี คยพอกพูนหวั ใจของสตั วม านานแสน
นาน ไมเคยเหน็ เขาปลอยตวั ใครออกไปเปน อสิ ระ เพราะกาลเวลาและสถานทีเ่ ปน เหตุแม
แตร ายเดียว เขายงั เปน เจาครองอาํ นาจบนหัวใจของสตั วต ลอดกาล ไมเห็นมีวันปลอ ยตวั
แวน ดวงใจ ๒๒๐
กัณฑเ์ ทศนท์ ี่ ๒ : ศ-ลี ๒ส๕ม๕าธ-ิ ปญั ญา-อิทธบิ าทส่ี
๒๒๑
เพราะถึงเวลาเลย ถา เปนนกั โทษ แมจ ะมโี ทษหนักก็ยงั ขึน้ อยกู บั เวลา และมวี ันปลดปลอย
ตวั ออกมาเปนอสิ ระได เราเปนผูนับถอื พระพทุ ธศาสนาในวงแหงสวากขาตธรรม จึงควร
คาํ นงึ ถึงธรรมทท่ี รงประกาศสอนไว พระองคไมต รัสวา เราตถาคตมอบใหม ้อื วนั ป เดือน
ตัดสินกเิ ลสออกจากหวั ใจของสตั วเลย แตต รัสมอบไวก บั พระธรรมท่ผี เู ชื่อธรรมจะนาํ ไป
ปฏบิ ตั แิ กไขตนเองไปเปน ลําดับ จนถงึ ความพน ทุกขไ ปไดเ พราะพระธรรมเทา นั้น
ธรรมทงั้ หลายท่ีไดอ ธบิ ายในวนั น้ี โปรดทราบวา มีอยูก บั ตวั ของเราทุกทาน และพระ
พุทธเจา ทานนําเรือ่ งของเราออกแสดงใหเ ราฟง อยา พึงเขาใจวาเปน เรอ่ื งใคร เพราะดีกบั
ชัว่ เปน เร่อื งของเราเคยทาํ มาจนช่ําชองดว ยกัน จึงไมค วรสงสัยในเรอ่ื งของตน ถา เราเบอ่ื
หนา ยตอการเกดิ ตายอนั เปรยี บกบั หลมุ ถานเพลิงนีแ้ ลว จงพยายามบาํ เพญ็ ตนดวยความ
ไมป ระมาทนอนใจในส่งิ ท่เี ปนขา ศกึ ตอ ตนเองทกุ ประเภท สติปญ ญาโปรดใหแ นบสนิทอยู
กับใจ และอารมณทเี่ กดิ ข้ึนจากใจของตน อารมณนแี้ ลเปนตัวกอเหตุสําคญั จงนาํ สติ
ปญ ญาตามวนิ ิจฉยั และแกไ ขเหตกุ ารณเ หลานใ้ี หสิน้ สุดลงไปได
การประกอบความเพียรในวนั หน่งึ ๆ ไมเปน ของยากลาํ บากเหมือนเราทอ งเที่ยว
เกิด ตาย อยูในสงสารอันเปน ความทุกขท รมานแสนสาหัส การเพียรพยายามเพ่อื ร้ือถอน
ตนออกจากทุกข ไมเปนของยากลาํ บากถึงขนาดน้ัน จงึ ควรพยายามบําเพญ็ ตนใหเปน เนอ้ื
นาบญุ ของตน เมอ่ื สมบรู ณเ ต็มทีแ่ ลว ตอ ไปจะไดเ ปน ประโยชนแ กโ ลกสงสาร เนื่องจากเรา
ทําตัวใหร มเย็นพอโลกจะพ่ึงเราได เขาใหทานมาเล็กนอ ยกม็ ผี ลมาก เพราะเนือ้ นาดี และ
เตม็ ไปดวยปยุ คอื ศีล สมาธิ ปญญา วิมตุ ติ พุทโธ ฉะน้นั โปรดพากนั รบี เรง ความเพียร อยา
ลดละตลอดอิรยิ าบถ จะปรากฏส่งิ มหัศจรรยเกดิ ข้ึนจากใจของผมู คี วามเพียร โดยไมม ีสิ่ง
ใดมากีดขวางไวไ ด
วนั น้ีไดอธบิ ายธรรมเกีย่ วกับเรือ่ งศีล สมาธิ ปญญา และอทิ ธบิ าททัง้ ส่ี ซ่ึงเปนราก
ฐานของพระศาสนาใหทา นนักปฏบิ ัติทง้ั หลายฟง โปรดไดน ําไปพจิ ารณาและปฏิบัตใิ หส ดุ
ขีดความสามารถ ดวยความองอาจกลาหาญตอความเพยี ร เพอื่ ถึงแดนแหง ความพนทกุ ข
โดยถา ยเดียว คําวา นพิ พฺ านํ ปรมํ สุ ญฺ ํ นพิ พฺ านํ ปรมํ สขุ ํ ซึง่ เคยเปน ขอ ของใจมานาน
จะสิ้นปญหาลงในจิตของผมู ธี รรมคมุ ครองตนดว ยความเพียรโดยไมตองสงสยั
ในทส่ี ดุ แหงการแสดงธรรม ขอความสมหวังทั้งการดาํ เนินและผลอนั จะเกดิ ข้ึนตาม
ความจาํ นง จงเปนของทา นทัง้ หลายโดยทว่ั หนากนั เทอญ
www.Luangta.com or www.Luangta.or.th
แวน ดวงใจ ๒๒๑
แวน่ ดวงใจ : ภ- า๒ค๕๖๒ -อบรมบรรพชิต
กฏุ ทิ า่ นอาจารยพ์ ระมหาบวั ญาณสัมปนั โน
วัดป่าบา้ นตาด จังหวดั อดุ รธานี
๒๒๒
เมือ่ วเทันศเททคน่ีศ๑อวน๐บอ์าบรมสมริงสมพหกพงราัณรัดคะะฑม-ณณค์ทพววี่ วุทดั ๓าัดธปปมศา่าเกับบพรา้า นานียชตตราา๒ดด๕๐๕
เมือ่ วทนั ทาํ ่ี ต๑๐ัวเสหงิ หมาคือมนพแทุ ธมศักเ รนาช้ือ๒๕๐๕
พระพุทธเจา นับแตเร่มิ เสด็จออกทรงผนวช แสวงหาวิเวกสงัดเปน หลักฐาน
ประจําศาสดา บาํ เพ็ญพระองคใ นปา สําเรจ็ พระอริ ยิ าบถในปา และตรัสรูในปา เวลา
ปจ ฉมิ ยามอนั เปนยามสงัดอยา งยง่ิ บรรดาพระสาวกก็ตามเสด็จในทางสายเดยี วกนั มี
ความเปน อยูอยางสงดั ทั้งทางกายและทางใจ ไมม ีการคลุกคลกี บั ฝูงชนทุกชัน้ ทั้งคฤหัสถ
และบรรพชติ ตา งกม็ งุ ตอ ความสงัดวเิ วกประจําตน เมื่อไมม ีสิง่ เก่ยี วของ จติ ยอ มมีความ
สงบไดเ ร็ว เพราะฉะน้ัน กายวิเวกจงึ เปนบาทฐานสาํ คัญทจ่ี ะทาํ ใจใหไ ดร ับความสงบเปน
อยางดี
พุทธประเพณที รงดาํ เนนิ แตตนถงึ วันตรัสรู ไมท รงสนพระทยั กับส่งิ ใดอนั จะเปน
เหตุกอกวนความเพียรทางใจ ขณะทรงบําเพ็ญไมป รากฏวาสนพระทยั กับผใู ด และแสวง
หาใครมาเปน เพ่ือน ทรงแสวงหาที่สงัดจริง ๆ แมต รสั รูแลว จะทรงทาํ หนา ทขี่ องพระ
พุทธเจาเพอ่ื โปรดเวไนย ก็ไมทรงทอดธุระในสถานที่ดงั กลาวน้ี และทรงถือประจําพระ
อิริยาบถตลอดวนั นพิ พาน เพราะฉะนน้ั ความวเิ วกสงดั จงึ เปน สิ่งจําเปนอยา งย่งิ สาํ หรบั ผู
มุงตอแดนนพิ พาน
แตค วามสงัดมหี ลายประเภท ความสงัดธรรมดาท่ีอยู ๆ กันอยางหนงึ่ ความสงดั
ซึ่งอยูเปล่ยี ว ๆ ทเี่ ต็มไปดวยสตั วรายนานาชนดิ อันเปนเหตุใหระวงั ภยั ท้ังกลางวนั กลาง
คนื อยา งหน่งึ เราอยดู วยกันหลายคนแมจ ะไมม กี ารพดู สนทนา ตางคนตางอยูใ นที่ของ
ตน จดั เปน กายวิเวกขนั้ หยาบ การอยใู นสถานท่เี ปล่ยี วและระวังภยั รอบดา นนัน่ แล จดั
เปนกายวิเวกสว นละเอียด เพราะไมมองเหน็ ใครทัง้ ดานตาและดานความรูสึก
ฉะน้นั อนศุ าสนทีป่ ระทานไว จึงเปนหลักธรรมสาํ คัญประจาํ พระศาสนา เราจะ
เห็นไดจ ากสถานทีส่ งดั ธรรมดาและมหี มูคณะอยดู วยกนั ความรสู ึกจะมลี ักษณะทอื่ ๆ
และประมาทนอนใจชอบกล แตพ อจากหมคู ณะไปอยใู นสถานทีเ่ ปล่ยี วและนากลัว ทงั้
อยูคนเดยี วดวยแลว ความรสู กึ จะเปลี่ยนข้นึ ทันที ความสนใจในธรรมะจะมีมาก เพราะ
ความกลวั บงั คับ จาํ ตองแสวงหาทพี่ ง่ึ ไมว า ทางโลกทางธรรมยอมมลี ักษณะเชนเดยี วกัน
สตจิ ะไดเ คยอบรมหรอื ไมเ คยอบรมก็ตาม แตขณะท่ีส่ิงแวดลอ มบงั คับเชน นั้น จาํ ตองมี
สติขึน้ มาทนั ที พระพุทธเจา พระธรรม พระสงฆ ตามปกติไมท ราบวา อยูทีไ่ หน แตใน
แวนดวงใจ แวน่ ดวงใจ : -ภ๒า๒ค๕๒๘๒๒-อบรมบรรพชิต
๒๒๓
เวลาเชน นน้ั จิตเรมิ่ ระลกึ ยึดเอามาเปนที่พึ่งทนั ทีโดยไมย อมใหพ ล้ังเผลอ เพราะถาเผลอ
ไปในขณะนนั้ เกิดมีอนั ตรายแกช วี ิตขน้ึ มาตอ งเสยี ที
ดังนัน้ ผอู ยใู นสถานท่ีเปล่ียวและนา กลวั ตอ ภยั จงึ เปนผจู ะต้ังสตบิ ังคบั ใจใหเ ขา สู
ความสงบไดเร็วกวา ปกตทิ จ่ี ะเปน ได สว นจติ ท่มี คี วามสงบไดบ างและจิตที่เปน สมาธิแลว
กย็ ิ่งมีกาํ ลังเพ่มิ ข้นึ และรวดเรว็ กวา ปกตธิ รรมดา สาํ หรบั ผกู า วเขา สปู ญ ญาและผมู ีปญ ญา
คลองแคลวพอประมาณ กย็ ง่ิ จะเพ่มิ กําลงั ความแยบคายข้ึนทั้งภายในภายนอก ฉะน้ัน
นกั บวชผูมุงปฏิบตั ธิ รรมข้ันสูงจึงควรเหน็ และสนใจในทส่ี งัดเปน ที่บําเพ็ญเพยี ร เพราะ
จะทําใหผ เู ขาอาศยั ไดรบั ผลประจกั ษใ จ ท้ังดานสมาธแิ ละดานปญญา อนั จะเกิดจากการ
ระวังสงั วรอยูตลอดเวลา ยิ่งเปน ผกู ลา หาญตอ ความเปน ความตายเพ่อื พระสทั ธรรมจริง
ๆ แลว สถานที่เชน นนั้ และผูเชน น้นั แล จะเปน ไปไดงายและรวดเรว็ ทง้ั สมาธแิ ละปญ ญา
พระพุทธเจา กด็ ี พระสาวกก็ดี ผูมีพระนามกระเดอ่ื งเลื่องลือในไตรภพ ทา น
บําเพญ็ ในสถานท่สี งัดทั้งนั้น จงึ ควรจะกลา วไดวา ธรรมชอบเกดิ ในสถานทีส่ งดั และเวลา
อนั สงัด
แตผูข้ีขลาดหวาดกลวั และมคี วามทอแทออ นแอ เพราะความเห็นแกต วั มากกวา
ธรรม ก็ย่งิ จะเพ่มิ กิเลสอาสวะใหม ากมูนขน้ึ ในใจ หรืออาจเปนบา เปนบอไป เพราะสถาน
ทเ่ี ชน น้นั กไ็ ด สว นผูจะถวายตวั เปนลกู ศษิ ยพระตถาคตโดยชอบ ตองเปน ผกู ลาหาญตอ
ความจริง คอื การเปน การตายเปนคติธรรมดา ไมม ีใครจะขา มพนไปไดในรางอนั น้ี ท้งั ผู
กลา ผกู ลัวจาํ ตอ งเดนิ ทางสายมรณะ คอื เกิดแลว ตองตายดวยกัน เวลาน้ที ุกทา นไดค าด
เคร่ืองรบไวอยา งเต็มตวั และเตรียมพรอ มแลว ทจี่ ะทาํ สงครามกบั กเิ ลสอันเปน ขา ศึกภาย
ใน
คําวา เครื่องรบ คอื บรขิ ารแปด อนั เปน เครื่องแบบของผจู ะกาวเขา สูสงคราม
และศลี สมาธิ ปญญา ตลอดขอ วัตรปฏบิ ตั ทิ กุ ประเภท น่ีคือเคร่ืองมอื ในการรบ เคร่อื ง
รบท้งั น้โี ปรดทราบวา เปนเครือ่ งรบของทานผกู ลา หาญ ของทา นผมู คี วามเพยี รกลา ไม
ถอยทัพกลบั ตวั เปนคนออนแอขขี้ ลาด มีความหวาดกลวั ตอขา ศกึ เปน เคร่อื งรบของทา น
ผูกลาตายในสงคราม เปนเครือ่ งรบของทา นผผู า นชยั ชนะ และนําธงชยั มาสูโลกดว ย
ความองอาจตอผลทีค่ รองอยวู าเปน ความจรงิ โดยสมบูรณ และสามารถจะประกาศความ
จริงเหลานแี้ กปวงชนทวั่ ทง้ั ไตรโลกธาตอุ ยา งไมมคี วามขยาดหวน่ั ไหว และรื้อขนหมูช น
ท้งั ทวยเทพใหหลดุ พนไปตามได ทานผนู ้นั คือ พทุ ฺธํ สรณํ คจฉฺ ามิ ของหมูชน ผลทีท่ รง
ไดร บั จากชัยชนะใหโ ลกไดเห็นเปน ขวญั ตาขวัญใจนน้ั คอื ธมมฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ ของ
แวนดวงใจ กณั ฑ์เทศนท์ ่ี ๓ ๒: ค๒วาม๓สงดั -ความเพียร
- ๒๕๙ -
๒๒๔
เวไนย และผทู าํ การรบตามเสดจ็ จนไดร ับชยั ชนะอยางสมบูรณต ามท่ปี ระทานแนวทางไว
นั้น คือ สงฆฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ ของพวกเรา
เพราะฉะนนั้ เครือ่ งแบบและเคร่ืองรบท่คี รองอยกู ับตัวของทุกทา น จงึ เปนสิ่ง
ศกั ดิส์ ิทธว์ิ ิเศษ และมีคณุ คาอนั หาประมาณมไิ ด มิใชเครอื่ งบริขารของคนเกียจคราน
นอนต่ืนเอาตามอาํ นาจของกเิ ลสอาสวะบังคบั หนักไปในความเห็นแกต วั ไมม องดูธรรม
อันเปน ทางเส่ือมเสียโดยถายเดียว เร่อื งทง้ั นจี้ งึ ควรเกลียดกลัวในวงปฏิบัติ เพราะเพศนี้
เปนเพศท่กี า วหนาดวยความเพียรท่ีชอบ บําเพ็ญตนดวยความหา วหาญร่ืนเริงตอแดน
พนทุกข มีสติระมดั ระวงั เพราะสมณะยอ มเปน ผูงามดว ยมธี รรมเหลาน้เี ปนเคร่อื ง
ประดบั ถาความสาํ รวมระวังไดดอยลงหรอื ขาดไปในขณะใด ยอ มขาดความเปนสงาราศี
และสวยงามลงในขณะนัน้ ไมมีใครจะฝนชมวาดแี ละงามตาเลย
คนผูมคี วามสํารวมระวังประจําตน ยอ มเปนผงู ามในหมูชน ทงั้ นกั บวชและ
ฆราวาส ยอ มถอื สงั วรธรรมประจําตนและสงั คมทัว่ ๆ ไป ทง้ั เปน ธรรมประกนั สังคมใหม ี
คุณภาพเปนท่นี า ดู ผขู าดสังวรธรรมแลว จะไมม คี วามงามเหลืออยเู ลย ดงั นัน้ ผูเ ปน ศษิ ย
พระตถาคตผปู รากฏงามเดน ในหมูชนดว ยสังวรธรรม จงึ ควรนอมรบั มาเปน มรดกและ
ประดบั ตนใหง ามทัง้ ภายนอกภายใน จะเปนผูงามในเพศไมม ีวนั จืดจาง
อนั ดับตอไปคอื ความเพยี ร เปน ธรรมประจาํ องคข องพระผูเตม็ ไปดว ยความ
เพยี ร เพราะพระพทุ ธเจา และพระสาวกปรากฏเปนผมู ีความเพียรกลา ในกิจทช่ี อบทุก
กรณี ไมเ คยเหยียบรองรอยความทอ แทอ อ นแอเปน แบบพิมพแกโลกไวท่ีไหนเลย ถา
โลกเราพยายามหดั เขยี นหัดอานตามแบบพมิ พของพระพทุ ธเจาจนชินตอนิสัยแลว โลก
และธรรมจะมีความเจริญรงุ เรอื งขน้ึ เปนลาํ ดบั ทง้ั ดานจิตใจและโภคทรพั ย
แตใ นที่นีจ้ ะอธบิ ายเฉพาะความเพียรทางใจ อนั จะยังผลใหเกดิ ขนึ้ แกผ ปู ฏิบัติ
ตามเปน ลาํ ดบั จําตอ งมสี ติควบคุมในการทําทุก ๆ ประโยค อยาใหพรากจากใจ มีสติรับ
รอู ยกู บั กิจการน้ัน น่เี ปน สาเหตจุ ะใหความเพียรติดตอ เพราะสตเิ ปนเครื่องรับรูกับสง่ิ
สมั ผัสทกุ ประเภท อนั เปนตน เหตใุ หเกิดอารมณทางภายใน ถาขาดสติซ่ึงเปน ธรรม
สําคัญแลว อารมณย อมทาํ การตดิ ตอ กับใจไดอยางเตม็ ที่ เพราะขาดธรรมเครอ่ื งตาน
ทานขัดขวาง โดยมากทีไ่ ดรับความทุกขร อนภายในใจอยางหนกั ถงึ กับระบายออกมา
ทางกาย วาจา และบางคร้ังจนหาทางออกไมไ ด เลยตดั สนิ ใจไปในทางผิดเพิ่มเขา อกี ทัง้
นล้ี วนเปน สาเหตมุ าจากความขาดสตโิ ดยสน้ิ เชิง
แวนดวงใจ แว่นดวงใจ : ภ-๒า๒ค๖๒๐๒๔-อบรมบรรพชติ
กณั ฑ์เทศนท์ ี่ ๓-: ๒ค๖ว๑าม-สงดั -ความเพยี ร
๒๒๖
ไปเที่ยวหากินทีไ่ หนตามความจาํ เปน บังคับ แมเ น้ือไมเคยนอนใจตอสถานท่แี ละ
อันตราย แมทีส่ ดุ กําลงั กลนื ผลไมหรอื กดั กินหญาอยู ยังตองระวังอนั ตราย แมเนอ้ื ปฏบิ ัติ
ตอตนเองดงั ทกี่ ลาวมา
เราผเู ปนศิษยของพระพุทธเจา ผูฉ ลาดรอบคอบในสง่ิ ท้ังปวง ควรทาํ ตัวเหมอื น
แมเนอ้ื จะสมนามวา ศิษยม คี รู ไมค วรทาํ ความสนิทติดใจกับสิ่งใดจนเกนิ ไป จะเปนเหตุ
ใหล มื ตวั และเปน ทางเส่ือมเสียโดยไมร สู ึก การฝก หัดสตริ ะมัดระวังเพ่อื รูสาเหตุของ
ความผิดชอบช่วั ดี และฝกหัดปญ ญาตรวจตรา และไตรตรองดูสิง่ ท่ผี านเขา ผา นออกจาก
ทวาร คอื ตา หู กาย ใจ ฯลฯ จนสามารถรชู ดั ตามสิง่ ดีและชั่วแลว รีบแกไขดวยความไม
นอนใจนนั้ เปน ทางเดินของผูเห็นภัยในวฏั ฏะ เพราะพระพทุ ธเจา ผพู น ภยั และทรงบรรลุ
ถึงความรม เยน็ อยางสมบรู ณ ทานดําเนินอยางนที้ ้ังนัน้ ไมใชแ บบนอนจมอยูกบั อารมณ
ทํานองสตั วนอนจมกองมตู รกองคูถโดยไมคดิ หาทางออกเชนนั้น และวธิ ีฝกหัดสติ
ปญ ญาใหมีความเคยชินตอเหตกุ ารณท ุกระยะนั้น
พึงทาํ ความพยายามกับการเคล่อื นไหวไปมา และเวลานง่ั ภาวนาทาํ ความรสู กึ ให
ติดตอกัน และพยายามทําเสมอ เชนเดียวกบั เด็กฝก น่งั ยนื เดิน เบ้ืองตน กม็ กี ารลม ลุก
คลุกคลาน ตอไปเด็กยอมมคี วามชํานาญเพราะการฝก หดั เสมอ จนกลายเปน อิรยิ าบถ
ของผใู หญข้นึ มาในตัวของเดก็ ลกั ษณะของสติปญ ญายอ มมที างเจรญิ และชาํ นาญไดด วย
วธิ ีฝกหดั ในทาํ นองเดียวกนั คนมสี ตปิ ญญาประจาํ ใจยอมมที างรูเรอื่ งของตัว จะพิจารณา
อาการของกายหรือสภาวธรรมภายนอก กย็ อ มเปนธรรมและมีอุบายแยบคายเพิ่มข้ึนทุก
ระยะ และมที างเอาตวั รอดไปไดโ ดยลําดับ ฉะนัน้ สตกิ ับปญญาจึงเปน ธรรมจําเปน ทจ่ี ะ
แนบกับกิจการทกุ แขนงท้งั ทางโลกและทางธรรม ผบู กพรอ งหรอื ขาดสติอยา งเต็มที่
ยอมกลายเปนคนบาคนบอไปตามทเี่ ห็น ๆ กันอยู ท้งั น้ีลวนเปนผลมาจากความขาดสติ
ทง้ั นน้ั อยาพงึ เขาใจวาเปนมาจากเรือ่ งอะไรอนื่
เราไมเ ปน คนเชน น้นั แตกเ็ ปนคนในลกั ษณะขาดสติประจาํ ความเพียร ผลที่
ปรากฏขึน้ จึงเปน ความรมุ รอนภายในใจ ทําใหทก่ี ินอยูห ลับนอนคับแคบไปหมด วนั คนื
เดือน ป ดินฟาอากาศ อาหารหวานคาว เคร่ืองหลอเล้ียงชีวิต ตลอดญาตมิ ิตรเพ่ือนฝงู
อันเปนท่ฝี ากชีวิตจติ ใจ ฝากเปน ฝากตาย ก็กลายเปนขาศึกไปเสียส้นิ ไมมีส่งิ ใดจะเปน ที่
เจรญิ หู เจริญตา เจรญิ ใจ แตกลบั กลายเปน ศตั รูตอ ตนทางความรสู กึ มองดโู ลกทีเ่ คยอยู
อาศยั ก็กลายเปน กองเพลงิ ไปท่วั ดินแดน เพราะความทุกขร อนภายในมกี าํ ลังกลา ปกปด
กําบังทางเดินเพอ่ื ความปลอดภยั ไวเสยี ทุกดา น แลว เปด ทางโลกวินาศไวคอยตอนรับ
แวน ดวงใจ แว่นดวงใจ : -ภ๒า๒ค๖๒๒๒๖-อบรมบรรพชติ
๒๒๗
ผลจงึ กลายเปน ความพนิ าศไปตามสาเหตุ ฉะนนั้ โปรดทราบไวแ ตตน ทางวา เรือ่ งทีก่ ลาว
มาท้ังนีไ้ มใ ชเรือ่ งเล็กนอ ย และเรือ่ งสติปญญาซง่ึ เปน ทาํ นบกั้นกางโลกวนิ าศเหลา น้ี จึง
ไมใ ชเรอื่ งเลก็ นอ ยพอจะนิ่งนอนใจไมนาํ พา เพราะเร่อื งความเสอื่ มความเจริญอนั จะ
ปรากฏขน้ึ กบั เราแตล ะทา น จึงเปน เร่ืองเกยี่ วกบั สตปิ ญญาโดยตรง
การกลาวเพือ่ บาํ รุงสตปิ ญ ญาซา้ํ ๆ ซาก ๆ ก็เพราะเห็นภยั ซ่ึงเคยเกิดข้นึ ทั้งแก
ตนและแกทา น อยางซบั ซอนแหลกเหลวจนประมาณมิได เพราะความขาดธรรม คือ สติ
ปญ ญาเคร่อื งแกไขบัน่ ทอน การฝกฝนสติจนมคี วามเคยชนิ ยอ มเปน ผลดีทงั้ ทางดาน
สมาธแิ ละดา นปญญา ทงั้ จะเปนไปอยา งรวดเร็วและทันกบั เหตกุ ารณ เพราะจิตไมมที าง
เล็ดลอดออกทําการตดิ ตอ กับอารมณ ใหเ ปน ความมวั หมองและเส่ือมโทรม เชนเดียวกบั
โจรท่มี เี จาหนา ทคี่ วบคุมอยู เขาจะคอยกลายเปน คนดตี อ ไป ขณะท่เี ขาเปน โจรไปเที่ยว
ปลนหรอื ขโมยของใคร ๆ นัน้ ไมม ใี ครรูแ ละควบคมุ เขา เขาจงึ ทาํ ความช่ัวไดในขณะน้ัน
ใจซง่ึ เปนโจรภายในกเ็ ชนเดยี วกัน ขณะท่มี สี ตคิ วบคมุ อยู จิตจะทาํ ความเสยี หาย
ข้นึ มาไมไ ด ตอ เมื่อเผลอนน่ั แล จิตจะทาํ ความเสียหายจนปรากฏผล คอื ความทกุ ขรอน
ขึ้นมาในขณะนั้น แตถ ามีสตคิ วบคมุ บงั คับไมใ หเกยี่ วขอ งและสนใจกับสิง่ ที่เปนขาศกึ
พยายามดัดแปลงใหเ ขาสกู รอบแหง หลักธรรมทีต่ ้ังไว มอี าการ ๓๒ ของกาย อาการใดก็
ได ลมหายใจก็ได พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ ก็ได ตามจรติ ชอบ จิตจาํ ตอ งทาํ งานตามลาํ ดับ
ของสติท่ตี ดิ ตอกันในระยะส้ันหรือยาว ความสงบทง้ั นจี้ ะเปน เชือ้ และสื่อใหเ กิดศรทั ธา
ความเช่อื ความเลอ่ื มใสตอการดําเนินของตน และเชอื่ ในมรรคผลแจมชัดขึ้นกบั ใจ ความ
เพียรกน็ บั วนั มีกาํ ลังขน้ึ ทุกประโยค ความเพยี รจะมจี ุดท่หี มายเปน เครื่องดึงดดู ใจ ใหเ รง
รีบตอการดาํ เนินของตน ผลยง่ิ แสดงเปน ความแปลกประหลาดและอัศจรรยข้นึ ทุกวนั
ทง้ั ดา นความสงบและความสุขจะทรงตัวอยูไดนาน ผูปฏบิ ตั ิทําความพยายามยิง่ ข้ึน ผล
จําตอ งสนองตามวาระของความเพยี ร จนมีความชาํ นาญทางดานสมาธิ คือใหพักและ
ถอนไดตามความตอ งการ
อนั ดบั ตอไป ควรใชป ญ ญาใครค รวญในสภาวธรรม มีกายเปนตน ในเวลาจติ
ถอนจากสมาธิแลว เพอื่ สมาธกิ บั ปญญาจะไดเ ปนคเู คียงกนั ไปตามหนาทแ่ี ละโอกาส วิธี
ใชป ญ ญาข้ันตน ตอ งอาศยั การฝกหัดเชน เดียวกับทางสมาธิ โดยพาพจิ ารณาไตรต รอง
ตามธาตุขันธอ ายตนะ อันเตม็ ไปดวยความเปลย่ี นแปลงแปรปรวน ทง้ั ภายนอกภายใน
เตม็ ไปดว ยสิง่ ผสมนานาประการ ไมม ีแมส ิ่งเดียวจะเปนท่พี งึ ใจและคงอยูต ลอดไป แม
แวนดวงใจ กณั ฑ์เทศนท์ ี่ ๓-๒: ๒ค๖๒ว๓าม๗-สงดั -ความเพียร
๒๒๘
อารมณดี ช่ัว สขุ ทกุ ขท่ีเกีย่ วของกบั จิตอยูทุกขณะก็เตม็ ไปดวยวิปรณิ ามธรรม มคี วาม
แปรปรวนเสมอกนั คําวา อนจิ จฺ ํ ทุกฺขํ อนตฺตา คือสิง่ เหลา นี้ท้ังนนั้
มองลงไปที่กาย ทใ่ี จ จะพบแตเ รอื่ งไตรลักษณท าํ งานอยูทุกขณะ ท้งั ภายในภาย
นอกไมมีชอ งวางแมเ ทา จดุ เม็ดทราย พิจารณาทาํ นองนี้จนกวาปญญาจะเคยชินตอหนา ท่ี
และสาเหตุที่เก่ยี วของกบั ตน นบั วนั จะเปนความสะดวกในการพจิ ารณา เชน เดยี วกับจติ
ทีเ่ คยเปน สมาธแิ ลว ยอมมีทางจะเปนสมาธไิ ปเรอ่ื ย ๆ จติ ทเ่ี คล่อื นออกทางปญญาแลว
ยอมมีทางจะเปนปญ ญาไปเรือ่ ย ๆ จากความเพียรท่คี อยหนนุ หลังเสมอ เมื่อถึงปญญา
ขน้ั ละเอียดแลว อยูท่ีไหนก็เปนปญ ญา ในอริ ิยาบถทงั้ สจ่ี ะไหวตัวดวยปญญา เพราะส่ิง
สัมผสั ซงึ่ เกีย่ วของกับอายตนะอันเปนทํานองเตอื นสตปิ ญ ญา ใหส ะดงุ ตวั รับรแู ละตรอง
ตามนัน้ มีอยูท ุกระยะ ไมเ ลือกวัน คืน เดอื น ป จิตจะหาเวลาวา งจากสิ่งสมั ผสั ไมไดเลย
เพราะตามธรรมดา จติ เปน บอ อารมณอ ยแู ลว ยิง่ มสี ิง่ เกี่ยวขอ งก็ย่ิงถอื วามงี านทํา
ฉะนั้นงานของจติ จึงไมมีวนั เสาร วันอาทติ ย วนั พระ วันโกน แตเ ปน วนั งานไปเสียทัง้ วัน
ทั้งคืน ทง้ั หลับท้งั ตื่น หนาทีข่ องสตปิ ญญาที่เตรียมฝกซอ มมาแลวดว ยความเพียร จํา
ตองรสู กึ ตัว และพิจารณาทนั ทีที่สง่ิ นัน้ ๆ มากระทบ เรอ่ื งสภาวธรรมกับจิต และเร่ือง
ของสติปญ ญาทําหนาทีต่ อ กันไมมีเวลาวา ง เชนเดยี วกับเร่ืองสมทุ ัยทาํ การสัง่ สมทกุ ขใน
คราวเขามอี ํานาจฉะนัน้ ไมเ ชน นั้นจะไมท นั กบั การถอดถอนทุกขส มทุ ัย ซึ่งเคยต้งั ราก
ฐานบา นเรือนอยบู นหัวใจของเรามานาน การคุย เขย่ี ขดุ คน ของปญญาท่เี คยชินตอ หนาที่
ของตนในข้นั นี้ ผูปฏบิ ัติอาจจะเพลินจนลืมพกั จติ ในสมาธติ ามโอกาสอันควรกไ็ ด ดังนั้น
เพอ่ื ความราบรื่นและสม่าํ เสมอจงึ ควรสนใจในสมาธกิ ับปญ ญาเทา ๆ กัน ไมเชนนัน้ อาจ
จะหนักเบาไปในทางใดทางหนึ่ง ซึง่ เปนเหตใุ หเ น่นิ ชาตอ ทางดําเนนิ ที่ควรจะสะดวกและ
รวดเรว็ เพราะสมาธกิ ับปญญาทําหนา ทไี่ มก ลมเกลียวกัน
ปญ ญาข้นั นีแ้ มจะมีความเพลินตอ การพจิ ารณาสภาวธรรมเปน อยางมาก กค็ วร
หยุดพกั ในสมาธิเปนบางเวลา ถงึ จะไมนานกย็ งั มีกาํ ลังหนุนปญ ญาเพอ่ื การพจิ ารณาตอ
ไป การติดสมาธิไมยอมถอนตัวออกเพื่อปญญาก็ดี การเพลดิ เพลินในปญญาจนลืมตัวไม
ยอมพักจิตในสมาธกิ ด็ ี ทง้ั ทเี่ คยถูกพระอาจารยม่นั ซึง่ เปนทีเ่ คารพเลือ่ มใสยง่ิ เตือนมา
แลว แตเพราะทิฐิเรามนั สูงไมยอมรับทา น มหิ นาํ ยังกลบั อวดฉลาดเถยี งทา นวาตน
ดําเนินถูกไมยอมรบั ผิด ทา นกด็ เุ อาบาง แมเ ชนน้นั ยังไมยอมลงรอยกบั ทา น เพราะถอื วา
ตนถูกน่ันเอง เปน เพียงยึดคาํ พูดของทานไวพิจารณา ยงั ไมป ฏบิ ัตติ ามดวยความเช่ือและ
เต็มใจ
แวนดวงใจ แวน่ ดวงใจ : ภ-๒า๒ค๖๒๔๒๘-อบรมบรรพชิต