The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ธรรมชุดเตรียมพร้อม (๑)
(เรากับกิเลส)
พระธรรมวิสุทธิมงคล
(หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)
วัดป่าบ้านตาด(วัดเกษรศีลคุณ) จ.อุดรธานี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ebook.luangta, 2021-10-01 09:26:07

ธรรมชุดเตรียมพร้อม (๑)

ธรรมชุดเตรียมพร้อม (๑)
(เรากับกิเลส)
พระธรรมวิสุทธิมงคล
(หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)
วัดป่าบ้านตาด(วัดเกษรศีลคุณ) จ.อุดรธานี

Keywords: หลวงตามหาบัว ,ธรรมะ

๓๔

นเี่ ทศนส อนฆราวาสทานสอนอยา งนี้ และเขากนั ไดท ัง้ ฝายพระดวย เพราะธรรม
เปนกลาง ๆ ใชไ ดท ่ัวไป แลวแตจะยดึ มาปฏิบตั ิใหเหมาะสมกับตนในธรรมข้นั ใด หรอื
จะใหเปนไปตามจิตใจของผปู ฏิบตั ิขัน้ ใดไดท้งั นัน้

เวลาสอนพระยง่ิ มีความเขม แขง็ มากขึ้น ไมใหมคี วามประมาทอบุ ายวิธที จ่ี ะก้ัน
ความร่ัวไหลเขามาแหงกิเลสทัง้ หลาย เพราะเทา ท่ีมีอยูนี้ก็มากตอมากจนลน หัวใจ ใน
บางเวลาตอ งระบายออกทางกิริยา จนเปนสงิ่ นา กลวั มาก และพยายามฉุดลากมันออก
ยากยิง่ กวาสิง่ ใดอยูแลว ไมมอี ันใดท่จี ะเหนียวแนนยิ่งกวา กเิ ลสภายในจิตใจของสัตว วิธี
ถอดถอนกเิ ลสนี้กต็ องลาํ บากยากยิง่ กวา ถอดถอนส่ิงใด ทานจงึ สอนพยายามระมัดระวงั
ไมใ หกิเลสทย่ี ังไมม หี ลง่ั ไหลเขา มา ท่ีมอี ยูแลวกใ็ หพยายามรอ้ื ถอนมันออกดวยความ
พากเพยี รความอตุ สาหพ ยายาม ดวยความขยัน ความเฉลยี วฉลาด ไมใ หนอนใจกบั
กิเลสชนดิ ใดท้งั สิน้ ใน อปณ ณกปฏปิ ทา ที่ทา นสอนไวสําหรบั ผปู ฏบิ ัติ เฉพาะอยางย่ิง
คือสอนพระ อปณณกปฏิปทาคือการปฏบิ ัตไิ มผ ิด ปฏบิ ตั ิโดยความสมํา่ เสมอ คือ

ตั้งแตป ฐมยามไปใหประกอบความเพยี ร จะเดนิ จงกรมกไ็ ดจะน่งั สมาธิภาวนาก็
ได พอถึงมัชฌิมยามก็พักผอนนอนหลับ พอปจ ฉิมยาม กต็ นื่ ขึน้ เดนิ จงกรมนง่ั สมาธิ
ภาวนาเรอ่ื ย ๆ ไป ตอนกลางวนั กท็ ํานองเดียวกนั หากจะมกี ารพักผอ นบางในตอน
กลางวันก็พกั ได แตต อ งระมัดระวังใหปด ประตู รักษามารยาทในการพักนอน ทานสอน
ไวโดยละเอียด แตอธบิ ายเพยี งยอ ๆ เทา นน้ั การปฏิบัติโดยสม่ําเสมอเชนนีช้ ่ือวา
อปณณกปฏิปทา

ผทู ี่จะรบี เรงยิง่ กวาน้ใี นบางกาลกย็ ิง่ เปนความชอบยิ่งขน้ึ ไป แตห ยอ นกวานน้ั
ทานไมไดสอน วา ใหห ยอ นกวา นไ้ี ด กินแลวอยากหลบั อยากนอนเมือ่ ใดก็นอนเอาตาม
ใจชอบเถอะ อยากกินอยากขบอยากฉันอะไรก็ฉนั ไปเถอะเลยี้ งไปเถอะ ตถาคตไดตรสั รู
ดวยวธิ นี แี้ หละ เรอื่ งของธาตขุ นั ธนเ้ี ล้ยี งใหม ันมคี วามอม่ิ หนําสําราญใหม คี วามบริบูรณ
แลว เอาไปแขงหมตู วั กาํ ลังจะขึ้นเขียง นี่ทา นไมไ ดว า

สาํ คัญที่หลอ เลยี้ งจิตใจ นําธรรมเขา มาหลอ เล้ียงจิตใจใหมคี วามชมุ เยน็ การ
หลอ เล้ียงจติ ใจดว ยอรรถดวยธรรมนี้มคี วามชมุ เยน็ จนกระทงั่ รางกายกพ็ ลอยมคี วาม
ผาสุกไปดวยใจที่เปนหลักใหญของกาย แตก ารหลอเลยี้ งรางกายโดยไมเก่ียวของกบั
ธรรมเลยน้นั ไมผดิ กับท่ีเขาเลยี้ งหมูไวสําหรบั ขน้ึ เขยี ง เพือ่ หอมกระเทยี มจะไดเ ปน
ญาติกันสนทิ ดี ถาใครตอ งการผกู ญาติมิตรอันสนทิ กับหอมกระเทียมละกใ็ หเรง การกนิ
การนอนความข้เี กยี จเขา ใหม าก มีหวงั ไดข ้นึ เวทคี ลกุ เคลา กบั หอมกระเทยี มโดยไม
สงสยั

ธรรมชดุ เตรยี มพรอม ภาค ๑ “เร๓า๗๓กบั ๔กเิ ลส’’

๓๕

ศาสนธรรมทีป่ ระทานไวน ้ันจึงหาท่แี ทรกหาทคี่ ดั คานไมไ ด ไมวา จะเปนธรรมขน้ั
ใด อุบายวิธที รงสง่ั สอนไวเ พื่อปดกัน้ กิเลส เพือ่ ขบั ไลกเิ ลส ไมม ีอุบายของผใู ดทจี่ ะมี
ความฉลาดแหลมคมยง่ิ กวาอบุ ายของพระพทุ ธเจาทที่ รงนาํ มาส่งั สอนสตั วโลก เพราะ
การขับไลกิเลส การหักหามใจทก่ี าํ ลังมีกเิ ลสครอบงาํ พระพทุ ธเจา ไดท รงดาํ เนินมาแลว
จนไดผลเปน ที่พอพระทยั ถึงขนั้ ศาสดา เมื่อไดท รงประสบพบเหน็ มาดว ยขอ ปฏบิ ตั หิ รือ
อบุ ายใด พระองคก ็ทรงนาํ ขอ ปฏิบตั ิหรืออุบายน้นั ๆ มาส่ังสอนโลก ดว ยความถูกตอง
แมนยําไมผ ิดพลาดคลาดเคลอ่ื น ถา ปฏบิ ตั ิตามแนวทางที่พระองคท รงแสดงไวแ ลว
เรยี กวาดําเนินตามหลักมัชฌิมา คือเหมาะสมอยา งยิง่ กับการแกก ิเลสทกุ ประเภท ดว ย
อุบายวิธตี า ง ๆ ตามข้นั ของกิเลสท่หี ยาบละเอยี ด

เพราะคาํ วา มชั ฌมิ านัน้ เหมาะสมกับการแกก ิเลส โดยทางสติปญญาศรัทธาความ
เพียร ซ่งึ อยูในองคมรรคของมัชฌิมาทปี่ ระทานไวแลว กเิ ลสประเภทหนาแนน หรอื
เหนยี วแนน แกนแหง วัฏฏะก็ตองทําใหหนกั มือ เชน เดยี วกับเขาถากไม ไมทีต่ รงไหนคด
งอมากก็ตองถากใหหนักมือเพื่อใหตรง ถาที่ไหนตรงอยูแลวก็ไมตอ งถากมากมายนกั ที่
ไหนตรงอยูแ ลว จะถากมากกเ็ สียไม ถากพอไดส ดั ไดสวนกพ็ อแลว

เรอ่ื งกเิ ลสนก้ี เ็ ชนเดยี วกนั บางข้นั บางตอนหรือบางประเภทของกเิ ลส หรือบาง
เวลาท่กี ิเลสแสดงออกมาอยางผาดโผนรนุ แรงมาก ตองใชความเพียรอยา งแข็งแกรง
และแกกันอยา งหนัก จะออนแอทอถอยไมได ถึงจะพอกันหรือเหนอื กวา กิเลสประเภท
น้นั ๆ ถึงจะยอม ถึงคราวจะทาํ อยางนก้ี ็ตองทาํ จะผดั เพย้ี นเลอ่ื นเวลาวา เชา สายบา ย
เย็นอยไู มไ ด ความเพียรชนดิ เอาเปน เอาตายเขาวากันเชน นี้ทานก็เรยี กวา มัชฌิมา
สําหรับกิเลสประเภทที่แสดงขึน้ เฉพาะกาลน้ีเวลานเี้ กิดขนึ้ ลักษณะน้ี เราตองใชว ิธกี าร
แบบนีถ้ ึงจะทนั กัน หรือสามารถปราบปรามกนั ไดดว ยวิธกี ารนี้ วธิ ีนเี้ รยี กวา มชั ฌิมาของ
กเิ ลสประเภทนเ้ี ชนเดียวกัน

คําวา มชั ฌิมาจึงมหี ลายขนั้ เปน คปู รับกนั กับกิเลสประเภทตา ง ๆ เชนเดยี วกับ
เครอ่ื งมือทาํ งานของนายชา งตองมีหลายชนดิ ดวยกนั เพือ่ สะดวกแกง านและควรแกการ
ปลกู สรางนัน้ ๆ กิเลสประเภทหยาบก็ตองใชมัชฌิมาแบบแผลงฤทธ์ิใหทนั กันกับกิเลส
ประเภทหยาบนั้นจึงเรยี กวา มัชฌิมา สว นหยาบ สวนกลางก็ใชสติปญ ญาศรทั ธาความ
เพียรแหง มชั ฌมิ าใหเ ปนไปตามนั้น เพอื่ ใหกิเลสหลดุ ลอยไปดว ยขอ ปฏิบัตนิ ้ัน ๆ นกี่ ็
เรียกวา มชั ฌิมาสาํ หรบั กเิ ลสขน้ั น้ัน ถงึ ข้ันละเอยี ดสตปิ ญญาก็ตอ งละเอยี ด ความเพยี รก็
ตองละเอียดลออ นั่งอยทู ่ใี ด ยนื เดนิ อยทู ใ่ี ดอยูใ นอริ ยิ าบถใด กเ็ ปนความเพยี รอยูในทา
นั้น ๆ

ธรรมชดุ เตรียมพรอ ม ธรรมะชดุ ๓เ๓ต๘ร๕ียมพรอ้ ม

๓๖

ไมใชวา เดนิ จงกรมจงึ จะเรียกวา เปนความเพยี ร น่งั สมาธจิ งึ จะเรยี กวา เปนความ
เพียร นง่ั อยกู ็ตาม ยืนอยูก ต็ าม เดนิ อยกู ต็ าม ไมว าอิรยิ าบถใด ๆ เวน แตห ลับเทานนั้
ตองเปนความเพยี รโดยตลอด ไมม ีระยะใดท่จี ะไมม คี วามเพยี ร ดว ยสติปญญาซึ่งเปน
อตั โนมตั ิเกิดข้นึ กับตนเพือ่ แกก เิ ลสซ่ึงมีอยูภายใน น่ีเรียกวามชั ฌมิ าขัน้ ละเอยี ด คือสติ
ปญญาไหลรินอยูดวยความคิดตลอดเวลา เชน เดียวกบั น้าํ ซบั น้ําซึมท่ีไหลรินอยูทัง้ หนา
แลงหนาฝนไมม ีเวลาเหือดแหง ไหลซมึ อยูตลอดกาลเวลาฉะนน้ั การแกกเิ ลสประเภทน้ี
ก็เปนเชนน้ันเหมือนกัน สตปิ ญญากล็ ะเอียด พินิจพิจารณากันอยางละเอยี ดอยภู ายใน
นเี่ รียกวา มชั ฌมิ า

การปฏิบตั ิ ถา ปฏบิ ัตไิ มถกู ตอ งเหมาะสมตามวธิ กี ารของการแกก ิเลสประเภท
นัน้ ๆ ก็ไมไ ดผ ล ขณะกิเลสกําลงั หนา ๆ ความข้ีเกียจมนั ตอ งมีมากข้ึน ความออนแอ
มันกต็ องมาก ความมาก ๆ เหลาน้ลี วนแตเปนกองทัพของกิเลสดวยกนั เมอ่ื เปน เชน นี้
ความเพยี รก็ตองดอยถอยกาํ ลังแลวมันจะเขากันไดอ ยา งไร กิเลสหนาน่ันเองมันถงึ ทํา
ใหคนข้เี กียจและมีทุกขม าก ถากิเลสเบาบางบางความทุกขก็นอ ยลง ความพากเพียรก็
ไหวตัวและตง้ั หนา ทํางานเตม็ เม็ดเตม็ หนวยไปโดยลําดบั ไมอ ยดู วยความอบั จนแบบ
คนข้ีคกุ

ตอนท่ีจะทํากเิ ลสท่ีกาํ ลังหนา ๆ ใหเ บาบางลงไปจะทาํ ดวยวธิ ีใด ความเพยี ร
เพยี งจะนั่งแค ๑๐ นาทกี ็เอาละ เทานี้พอแลว ถาขนื ทาํ มากกวา นีจ้ ะผดิ หลกั มชั ฌมิ า ทํา
๑๐ นาทีน้ีถกู ตองกบั มชั ฌิมาแลว ซง่ึ เปน อุบายของกเิ ลสมนั หลอกเราตา งหากวา พอ
แลว ๆ น่ีคือมัชฌมิ าของกิเลสไมใ ชมัชฌมิ าของธรรม นักปฏบิ ัตจิ ึงควรทราบไวแ ละตืน่
ตวั วา ถูกหลอกแลว เพราะอบุ ายแกกิเลสไมทราบวา เปนอยา งไรบางไมปรากฏ เมือ่ เปน
เชน นีก้ ็มีแตเรื่องกิเลสใหอบุ ายโดยถายเดยี ว เขาจะเอาอุบายแหง ธรรมย่นื ใหเราน้นั อยา
หวงั ถาเปน มดี พราเขากย็ น่ื ทางปลายมาใหเ รา เขาจะจบั ทางดามไวแลว ฟนเราโดย
ถา ยเดียว

ทําความเพยี รก็กเิ ลสเปน คนสัง่ ใหทํา ไมใชธ รรมเปน ผูสัง่ ใหทาํ นัง่ ทําสมาธิ
ภาวนาก็ใหก ิเลสเปนผสู ัง่ ใหท ํา นง่ั สมาธิ เอา นง่ั เสยี ประมาณ ๑๐ นาทีเอาละนะ เดีย๋ ว
วนั พรงุ น้จี ะเหนอ่ื ยลาํ บากลําบน นั่งมากกวานี้สขุ ภาพจะไมด ีเดย๋ี วเกดิ โรค จะอดนอน
ผอ นอาหารบา งกเ็ ดีย๋ วสขุ ภาพทรุดโทรมนะจะวา ไมบอก น่ันรไู หมเหน็ ไหมอบุ ายของ
กิเลสมันหลอกนะ อะไร ๆ กต็ องทาํ ตามกเิ ลสหลอก ทีนี้กิเลสมันจะหลุดลอยไปได
อยา งไร ก็อุบายของมนั เพ่อื สงเสรมิ มนั เอง ไมใ ชอ บุ ายของธรรมเพื่อกาํ ราบปราบปราม
มนั ใหห ายซากลงไปนี่

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๓า๙ก๓บั ๖ กเิ ลส’’

๓๗

เพราะฉะนน้ั เพื่อผลกําไรชัยชนะ จึงตองใชอ ุบายของธรรมตามหลักที่พระพุทธ
เจา ทรงส่ังสอน ไมเอาอุบายของกิเลสดงั ทกี่ ลา วมานี้มาใชม าทาํ ความพากเพยี ร จะเปน
การเพ่ิมกิเลสโดยไมร สู ึกตัว เพราะเหตใุ ด กเ็ พราะเวลานง่ั ทําความเพยี รเรากค็ อยนบั
เอาเวลาํ่ เวลา วาเราน่งั ไดเ ทานนั้ นาทเี ทานนี้ าที นีเ่ ปนความเพียรของเรา แลวกเิ ลสมนั
หายไปสักก่ตี วั ละ พอเคลื่อนทข่ี ยบั ๆ บางสกั ตวั ไหม ไมป รากฏเลย เรากไ็ ดแตเวลํา่
เวลาวา นงั่ ไดเทา น้ันเทานี้ เวลาเทานน้ั นาทเี ทานชี้ ั่วโมง สว นกเิ ลสเพียงหนังถลอกปอก
เปกบางเพราะความถไู ปไถมาไมมเี ลย

หลังจากนงั่ นับเวลานาทแี ลวก็เอะอะขึน้ มาวา เอ นงั่ เวลานานขนาดน้ีไมเ ห็นได
เรื่องไดร าวอะไรนี่ จติ ใจไมเ หน็ สงบ จะนั่งไปทําไม นกี่ ็เปน อุบายของกิเลสหลอกยา้ํ เขา
ไปอีก สวนอบุ ายของธรรมทีจ่ ะทาํ ลายกิเลสเลยไมมี นแ่ี หละทเ่ี ราเสยี เปรยี บกเิ ลสนะ
เสียเปรยี บอยางน้เี อง อบุ ายท่ีคิดในแงใ ดกต็ ามถาสติปญ ญาไมท ันกลมายาของกิเลส
ตองถูกตมถกู ตนุ อยรู ่ําไป

การพดู ท้งั นไี้ มไ ดพูดดว ยเจตนาจะตําหนติ เิ ตยี นทา นผหู นง่ึ ผใู ด มิไดต ําหนิ
ศาสนาหรอื ตาํ หนิอรรถตําหนธิ รรมแตอยางใด แตเ รือ่ งของกิเลสตอ งตาํ หนอิ รรถตําหนิ
ธรรม เพราะกเิ ลสกบั ธรรมเปน ขาศึกกัน สาํ หรบั บุคคลน้นั ไมม ีความรสู ึกวา กเิ ลสพา
ตาํ หนธิ รรม เชน วา น่ังเทาน้นั ชัว่ โมงเทานน้ี าทไี มเ หน็ ไดเรือ่ งไดร าวอะไรเลย ทาํ ไปเสีย
เวลาํ่ เวลาเปลา ๆ ทาํ ไปทาํ ไม หยุดเสียดีกวา นนั่ ลว นแลว แตเ ปน เร่อื งของกิเลสทง้ั หมด
ทีน้ตี วั เองก็อยูในกรอบของกิเลสหาทางออกไมได เพราะอุบายไมทันมัน เน่อื งจากกเิ ลส
มเี ลห เหล่ียมรอ ยสันพนั คมไมย อมลม จมเพราะเรางาย ๆ ถา ไมเ อาจรงิ ๆ จัง ๆ กบั มนั
ใหเ ราทราบไวว าลวนแลว แตเ ปน อุบายของกิเลสทีจ่ ะพอกพนู ใจเราและทาํ ลายเรา โดย
การเพม่ิ กาํ ลังของตนตามลําดบั ดวยอุบายหลอกเราใหห ลงเช่อื อยางสนิทตดิ จม

ผูป ฏบิ ตั พิ ึงคาํ นงึ ศาสนธรรมคือคาํ สง่ั สอนของพระพุทธเจา เฉพาะอยางยิ่งพึง
คํานึงถงึ พระพทุ ธเจาผูทรงเปนบรมศาสดา ทา นเปนบรมศาสดาไดเพราะเหตุใด ได
เพราะความนบั เวลาํ่ เวลา ไดเ พราะความทอ ถอยออ นแอ ไดเพราะความโงเขลาเบา
ปญญา หรือไดเ พราะความขยันหมนั่ เพียร ไดเพราะความอดความทน ไดเ พราะความ
ฉลาดแหลมคม พระพุทธเจาไดเ ปน ศาสดาดว ยการฆากิเลสตายไปโดยลาํ ดบั ๆ จนไมมี
เหลือในพระทัย ทา นฆาไดโ ดยวิธีใด ทานปราบกิเลสดว ยวิธใี ด ดว ยความเพยี รนน่ั เอง

ฟง แตว า ความเพยี รเถดิ เพยี รอยา งไมถอย ตดิ ตามเรอื่ ย ๆ กเิ ลสออกชอ งไหน
ตามรูตามเหน็ ไปเรอ่ื ย ๆ ความโลภเกดิ ข้นึ ตดิ ตามความโลภใหรวู า มันเกิดขึน้ เพราะ
เหตุไร ท่มี ันไปโลภไปโลภอยากไดอ ะไร อยากไดไปทําไม เทา ทม่ี อี ยูเ พราะความโลภไป
เท่ียวกวา นเอามาก็หนกั เหลอื กําลังอยแู ลว ยงั หาทปี่ ลงวางไมไดนี่ ในใจเต็มไปดวย

ธรรมชุดเตรียมพรอ ม ธรรมะชดุ ๔เ๓ต๐ร๗ียมพร้อม

๓๘

ความโลภคอื ความหิวโหยไมม ีเวลาอม่ิ พอ เม่อื คิดคน ยอนกลับไปกลบั มาก็จะมาถงึ ตัว

คอื ใจซึง่ เปนผูด น้ิ รนหวิ โหย

ความโกรธเกิดขน้ึ ก็เหมอื นกัน ไมเ พง เล็งผทู ่ถี กู เราโกรธ ตอ งยอ นเขา มาดูตวั

โกรธซง่ึ แสดงอยูท ี่ใจและออกจากใจ วา ไมม ีอันใดทีจ่ ะรนุ แรง ไมมีอนั ใดท่ีจะใหเ กิด

ความเดือดรอ นเสยี หายยง่ิ กวา ความโกรธที่เกิดขน้ึ ภายในใจเรา ทําลายเรากอ นแลว ถงึ

ไปทาํ ลายคนอื่น เพราะไฟเกิดทนี่ ี่และรอนทนี่ ีแ่ ลวจงึ ไปทาํ ผอู ื่นใหร อ นไปตาม ๆ กนั

เมื่อพิจารณาอยา งนี้ไมลดละตนเหตุของผกู อ เหตุ ความโลภกด็ ี ความโกรธกด็ ี ความ

หลงก็ดี ยอ มระงับดบั ลง เพราะการยอ นเขา มาพจิ ารณาดับทตี่ นตอของมัน ซ่ึงเปนจดุ ท่ี

ถกู ตอ งและเปน จุดท่สี าํ คญั ทค่ี วรทําลายกิเลสประเภทตาง ๆ ได

พระพุทธเจาทานเคยทรงชําระอยางนีม้ าแลว เรอ่ื งเปนเร่อื งตาย เร่ืองกลวั อยาง

โนน กลัวอยา งนี้ทา นไมเ คยคดิ และสง เสริมใหคดิ เพราะนัน่ เปนเร่อื งของกิเลส ทา นเคย

มที า นเคยรูและเหน็ พษิ ของมนั มาเปนเวลานาน ทา นจงึ ทรงพยายามละเตม็ ความ

สามารถทุกวิถีทาง กระทั่งละไดและไดเ ปนศาสดาขึ้นมาดวยความขยันหมัน่ เพียร ดว ย

ความอดทน ดวยความเปนนกั รบ โดยอุบายสติปญญาอันแหลมคมทันกับการแกกเิ ลส

หรอื ปราบปรามกิเลสทั้งหลายใหหลุดลอยไปจากพระทัย กลายเปน ความบรสิ ุทธ์ิขึ้นมา

ลว น ๆ

พวกเราเปน ศากยบตุ รพทุ ธชโิ นรสคอื เปนพุทธบริษัท เรยี กวา เปน ลูกเตา เหลา

กอของพระพุทธเจา ถาไมดาํ เนนิ ตามรอยของพระพทุ ธเจา จะดาํ เนินอยางไร ถึงจะสม

ชือ่ สมนามวา เปน ศากยบุตรเปนพุทธชิโนรสท่ปี รากฏตัววา เปน พทุ ธบริษทั จําตอง

ดาํ เนนิ แบบลกู ศษิ ยม คี รูสอนและเดนิ ตามครรู ตู ามครหู ลดุ พนตามครู เพราะกเิ ลสกเ็ ปน

ประเภทเดียวกนั ซึง่ จะตองดําเนนิ แบบเดียวกัน เปนแตวา มีมากมีนอ ยตางกัน ความ

เพียรเพ่อื ละกิเลสกจ็ ะตอ งดําเนินไปตามกาํ ลังหรอื สตปิ ญ ญาของตน เทา ท่กี เิ ลส

ประเภทนน้ั ๆ จะสงบตวั ลงไปและขาดกระเดน็ ออกไปจากใจ ดวยความพากเพยี รของ

ศิษยทม่ี คี รฝู ก สอนวชิ ารบ ใครจะนาํ ไปปฏบิ ตั ิก็นําไปปฏิบัตเิ ถดิ

ตามที่กลาวมาเหลา น้ีเปนสวากขาตธรรม แนน อนตอ ความพนทกุ ขไ มมที าง

สงสยั การดาํ เนนิ ตามธรรมน้ีจะไมหนจี ากรอ งรอยของพระพทุ ธเจา จะไมหนีจากรอ ง

รอยของพระสาวก ที่ทานแกก ิเลสไดดวยอุบายใด เราก็จะแกไดด ว ยอบุ ายน้นั ทา นถงึ

ไหนเรากจ็ ะถงึ นน้ั ตา งกันเพียงชา หรอื เร็วเทา น้ันไมเปน อยา งอน่ื และสมนามวา สวาก

ขาตธรรมแท ผูป ฏิบตั ิตามสวากขาตธรรม ไมปลีกจากรอ งรอยแหง ธรรม กิเลสตอง

หลดุ ลอยจากใจโดยลาํ ดบั ดวยอํานาจแหง ธรรมน้โี ดยไมตองสงสัย เพราะนเ่ี ปน ธรรม

ตายตวั การปฏิบัตจิ ะแยกแยะธรรมเปน อยางอน่ื ตามชอบใจของตนไมไ ด

ธรรมชุดเตรยี มพรอม ภาค ๑ “เร๔า๑๓กบั๘ กิเลส’’

๓๙

เพราะความชอบใจคนเรา รอ ยทง้ั รอ ยมกั เปนความชอบใจของกเิ ลสผลกั ดันให
เปน ไป โดยท่ีเราไมร ูว าเราเปนกเิ ลสและความคดิ ของเราเปนกิเลส ความอยากของเรา
เปน กเิ ลส ความตองการของเราเปน กเิ ลส ความจรงิ มนั เปนกเิ ลสดวยกนั ท้ังนัน้ นอก
จากจะเลอื กเฟนดวยวิจารณปญญาคนหาเหตผุ ล แมจะไมช อบและฝนใจอยูก็ตาม เมื่อ
เห็นวา น้ันเปนธรรมแลว น้นั เปนเครื่องแกก เิ ลสไดโ ดยตรงแลว จะตอ งยดึ น้นั เปน หลกั
แลวฟาดฟนเปลือกกระพ้ที ีห่ ุมหอธรรมลงไป ใหเ หน็ เหตุเห็นผลกันจริง ๆ แบบนกี้ ิเลส
กลวั มาก

ผดู าํ เนินอยา งนี้กิเลสกลัว ผูมีเคร่ืองมอื อยางน้ีกิเลสกลวั เพราะเคร่อื งมอื นเี้ ปน
ธรรมเพชฌฆาต ธรรมนี้เคยปราบปรามกเิ ลสมาแลวนับแตพระพุทธเจาองคไหน ๆ มา
เพราะอยา งนน้ั กิเลสจงึ กลวั และยอมทงั้ ส้นิ เหตทุ ย่ี อมก็เพราะกิเลสเหน็ อาํ นาจของ
ธรรมแลว วา ไมส ามารถจะตา นทานหรือตอ สไู ด ตองถูกทลายลงไปดวยอาํ นาจของธรรม
น้ัน ๆ ไมส งสยั ผูปฏบิ ัติทต่ี อ งการเรืองอาํ นาจเหนอื กิเลสตอ งทาํ แบบนี้ คอื เปน ก็เปน
ตายกต็ ายในทาตอสู ไมย อมถอยทพั กลับแพ

นอกจากนี้มกั เปน เรอ่ื งของกเิ ลสเรอื งอาํ นาจ ทงั้ ทผ่ี ปู ฏบิ ัตินนั้ ๆ เขาใจวาตนมี
ความเพยี รดี ผมู คี วามเพียรที่กเิ ลสกลวั บา งไมกลวั บา งนัน้ คือขณะที่กิเลสกลัวน่งิ หรือ
หมอบ ใจกส็ งบเย็นเปน สมาธิ ขณะมนั สูเราไมไดม นั กว็ ง่ิ หนหี าทห่ี ลบซอ น ขณะเราสมู ัน
ไมไดเรากว็ ่ิงหนเี ชนกันจะวา ยังไง เราวง่ิ หนคี อื อยางไร วิง่ หนจี ากทางจงกรมบาง ว่งิ หนี
จากการนง่ั สมาธภิ าวนาบา ง ว่ิงหนีจากความความพากความเพยี รทา ตาง ๆ บา ง คือ
ความเพยี รลดนอยถอยกําลงั ลงเปนลาํ ดบั ๆ นี่แลท่เี รียกวาวิง่ หนี ความไมสู ความออน
แอหมดกาํ ลังเปน การวิ่งหนีทั้งน้ันแหละ

สูมันไมไดก็ถอย ๆ ถอยเทา ไรมนั ย่ิงตามเหยยี บยํา่ ทําลายลงไปเปน ลาํ ดบั ๆ เรา
อยา เขา ใจวา ถอยแลว จะพน การถอยกเิ ลสไมมีทางพน นอกจากจะสูเทา นัน้ จึงจะพน
จากอาํ นาจของกิเลส กลวั อยางอน่ื วิง่ หนียงั พอเอาตัวรอดได แตก ารวงิ่ หนกี เิ ลสนัน้ นัน้
แลคอื การเอาคอเขา ไปสวมใหก ิเลสฟนเอา ๆ ฟนเอาแหลกไปหมด เราจะหาอบุ ายใด
เปน ทางออก

วัฏวนนเี้ คยเกิดมาก่ภี พก่ีชาติแลว แมจ ะจําไมไดก็ตาม เราถอื หลักปจจุบนั อัต
ภาพปจจบุ ันนกี้ ็พอจะทราบไดแ ลววา เบ้อื งหลงั ท่ีเคยผา นมาแลวเคยมี อดีตเคยมีมา
แลว จงึ ตอ งมอี ยางน้ีได ฉะน้นั กาลขางหนามันจะตอ งมอี ยา งนไ้ี ด เชนเดียวกบั เมื่อวานนี้
มแี ลว วันน้ีทําไมจะมีไมได แลว วนั พรงุ นเ้ี ดือนนปี้ ห นาทําไมจะมไี มไ ด เพราะมนั สบื
เน่อื งไปจากอนั เดยี วกนั น้ี

ธรรมชุดเตรยี มพรอม ธรรมะชุด๔เต๒๓ร๙ยี มพรอ้ ม

๔๐

เฉพาะในชาตปิ จ จบุ ันยงั ดีอยูเราเปน มนุษย มีสิทธมิ ีอํานาจยิ่งกวาบรรดาสัตว จงึ
พอมคี วามสขุ ความสบายบาง นี้เราก็ทราบวาอยูใ นโลกอนิจจัง เปนของแนนอนเมอื่ ไร
แตก อ นเราอาจเปนภพเปน ชาตอิ ะไรมาก็ได มาปจจุบนั นี้เรามาเปน มนษุ ย แมในอตั
ภาพน้มี นั ยงั มคี วามเปลี่ยนแปลงใหเ ราเห็นอยู ต้ังแตว นั แรกเกิดข้ึนมาจนถึงทุกวันน้ี
มันคงเสนคงวาเมื่อไร สังขารรา งกายกําลงั วงั ชาสตปิ ญญาอะไรมันก็ทรุดโทรมเปลี่ยน
แปลงของมนั ไปเรอื่ ย ๆ ตอจากน้กี เ็ ปลยี่ นไปจนถึงท่สี ดุ ของมัน สุดทายกล็ งธาตุเดมิ
แลวจติ น่ีมกี าํ ลังมากนอยเพยี งใด ท่จี ะสามารถทรงตวั ไวไ ดใ หอยใู นภูมินีห้ รือภมู ิสงู ย่งิ
กวา นี้ ก็เปนเรื่องของเราจะคดิ หาอุบายชว ยตัวเองในทางดตี อไปไมน ่งิ นอนใจ ท่ีเรยี กวา
เตรยี มพรอ มเพ่อื ตัวเองทงั้ ปจ จุบันและอนาคต ไมใหอับจนในสถานท่ีและกาลใด ๆ

จงทําการสง เสรมิ กาํ ลังในทางดีของเราใหมากขนึ้ อยางนอ ยเพ่อื รับอนาคต หาก
จะยังเปน ไปอยูใ นวัฎสงสาร ซง่ึ เปรยี บเหมือนหองขังนกั โทษท่มี กี เิ ลสย่ํายีนี้ พอไดอ ยใู น
ฐานะท่ดี บี าง หากวา พอจะผา นพน ไปไดเ พราะมีกาํ ลงั สตปิ ญ ญาพอตัว เหยยี บยาํ่ ทาํ ลาย
กิเลสอันเปน กงจักรใหท อ งเทย่ี วในวฏั วนนีไ้ ปได กท็ าํ ลายใหส ิ้นซากไปในชาติปจ จุบนั น้ี
อยา เขา ใจวา สตปิ ญญาเราจะไมม ี มีอยดู ว ยกนั ทุกคนถา ทําใหม ี ความเพียรอยาเขาใจวา
ไมมี ถาเราจะทําใหมีมีไดท้งั นัน้ นอกจากมีกิเลสเปนผูก้นั กางกดี ขวางไมใหม คี วาม
เพยี ร ไมใหม ีสตปิ ญ ญา ใหม แี ตค วามทอแทออ นแอเปน เจา เรือน ความดีทง้ั หลายจงึ หา
ทางเกิดขน้ึ ไมไ ด

เร่อื งความดีท้ังหลายหาทางเดินไมคอยไดนัน้ มักข้ึนอยูกับกิเลสเปนเครอื่ งกดี
กันไมใ ชอ นั ใด ไมใชอาํ นาจไมใชว าสนา ไมใชม ื้อวนั เดอื นป ไมใ ชกาลสถานท่ี แตเ ปน
เรื่องของกิเลสโดยตรงเปนผกู ดี กนั และหกั หาม อยา งลกึ ลับบาง อยางเปดเผยบา ง แต
เรามันตาบอดมองไมเ ห็นความลกึ ลับ ความเปดเผยของกเิ ลสทแี่ สดงตัวกีดกนั หวงหา ม
อยูตลอดเวลา เพราะกลัวจะพนจากเขา เขาเปนเจา อาํ นาจครองใจมานาน พอขยับออก
มาอีกนิดหนง่ึ แสดงกริ ยิ าจะออกจากเขานดิ หนึ่งเขาก็หาม เรากเ็ ชื่อ เช่อื มันเสียแลว มัน
ไมตองยกบทบาทคาถาบาลอี ะไรมาแสดงเลย

กเิ ลสสอนมนุษยน ะสอนงายจะตายไป แตมนษุ ยจ ะสอนมนั บา ง เด๋ยี วเดยี วถกู
มันเอาคมั ภีรวัฏจกั รฟาดหวั เอาหมอบและหลบั ครอก ๆ ไมม ีทางสู นอกจากหมอบบน
หมอน ฉะนนั้ ศาสตราจารยข องวฏั จกั รก็คือกิเลสบนหัวใจสตั วนนั้ แล การเรยี นรมู ากรู
นอ ยจะตองถูกกลอ มมนั ทัง้ น้ันแหละ นอกจากวชิ าธรรมดังที่พระพทุ ธเจาทรงสง่ั สอน
ตามทท่ี รงดาํ เนนิ มาและสาวกทานดาํ เนนิ มา ทานเอาจริงเอาจงั ลงถึงเหตุถึงผลถงึ ความ
สตั ยค วามจรงิ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอม ภาค ๑ “เร๔า๓๔กับ๐ กิเลส’’

๔๑

ไมเ พียงแตจ าํ ชอ่ื ของกิเลสไดแ ลว ก็จะสําเร็จประโยชน หาเปน เชน น้นั ไม การจํา
ช่ือจําไดกันทงั้ นัน้ แหละ เชนเดียวกบั เราจําชอื่ ของเสือนน้ั เสอื น้ี มีกีร่ อยก่พี นั เสือกต็ ามท่ี
มนั กอความวุนวายใหแกบ า นเมือง เราจาํ ช่อื ของมันไดเ ทา นนั้ ยงั ไมพอ จาํ ไดก ระทั่ง
โคตรแซมนั ก็ตาม ถา ยังจบั ตัวเสอื นน้ั ๆ ไมไ ดเ มอื่ ไรบา นเมอื งจะหาความรมเย็นเปน สุข
ไมได เสอื ตัวทจี่ าํ ช่ือมันไดนัน้ แลกอ ความวุน วายใหแ กบา นเมอื ง นอกจากเราจับมนั ได
แลวจะทําอะไรกบั มันกท็ าํ ได ทีนีบ้ า นเมอื งกไ็ ดรับความสขุ สงบรมเย็น ไมมเี สอื รายมา
กอ กวนลวนลามเขยาขวญั ประชาชนดงั ท่ีเคยเปน มา

เรือ่ งกิเลสทานวา กิเลสพนั หา ตณั หารอ ยแปด อยาวาแตร อ ยแปด พันแปด หม่ืน
แปดกต็ ามเถดิ ถา เราตามจับตัวมันไมไ ด ปราบมันไมได ทําลายมันไมไดแลว เราจาํ ได
แตชื่อมัน จําไดส กั เทา ไรกไ็ มม ีปญ หาพอสะเทือนขนมันเลย คือไมม ีผลดอี ะไรเกิดขึ้น
เพราะการจาํ ไดนั้นเลย เพราะฉะนน้ั เราตอ งทําลายมนั ดว ยความพากเพยี รจนใหถ งึ
ความจริงของกิเลส ถงึ ความจริงของธรรม จะช่อื วา จับตัวเสอื รายมาประหารได จากน้นั
ก็นอนหลับเตม็ ตา อาปากพูดไดเต็มเม็ดเตม็ หนวย

คําวา กเิ ลสแตละประเภทนมี้ ันแสดงอาการอยางไร กอนทีม่ นั จะแสดงผลขึน้ มา
มนั แสดงเหตขุ นึ้ มาอยา งไรบา ง จงตามรแู ละฆามนั ดวยสตปิ ญ ญา สวนมากก็แสดงขนึ้
ในขนั ธน่ีแหละไมไ ดแสดงขึ้นท่ไี หน ออกทางตากเ็ กี่ยวกบั รูป ออกทางเสยี งกเ็ ก่ียวกับหู
จมกู ลน้ิ กาย มนั สืบเน่ืองกบั จติ และเคร่ืองสัมผัส ผลสุดทายก็เกี่ยวกับเบญจขันธข อง
เราเอง รปู กแ็ สดงขนึ้ อยางหนึ่ง เวทนาก็แสดงอยางหนง่ึ สัญญาแสดงข้นึ อยา งหนง่ึ
สงั ขารแสดงขึ้นอยา งหนงึ่ วญิ ญาณแสดงขน้ึ อยา งหนึง่ จากกิเลสเปนผูบญั ชาออกมา เรา
กค็ ลอ ยตามหลงตาม หลงตามมนั อยเู ร่อื ย ๆ หลงตามมนั มาเทาไรแลว ลวนแลวแตก ล
มายาของกเิ ลสทัง้ นั้น ทกุ ขท้ังมวลเรายังไมท ราบวา มนั เปน พิษของกิเลส จะใหม คี วาม
ฉลาดแหลมคมไดอ ยางไร แลวยงั เขาใจวา ตนมคี วามฉลาดแหลมหลักนักปราชญชาตกิ วี
อยหู รือ ไมอ ับอายกเิ ลสทีค่ อยหัวเราะเยาะเยย อยูเบอ้ื งหลังบางหรือ มนั นาอบั อายจรงิ
ๆ น่ี

การทจ่ี ะฉลาดแหลมคมพอรทู ันกิเลสกต็ อ งคนดูกิเลสใหด ี ทุกขเวทนาเกิดขึ้นที่
ไหน เอา คนลงไป เอาใหเ ห็นฐานเกดิ ของมนั วา เกิดเพราะเหตไุ ร คนตายแลวมเี วทนา
ไหม เอา ดซู ิ ถาทุกขเวทนาเกดิ ขน้ึ ภายในรางกาย และกายเปน ตัวทราบเวทนาจรงิ ๆ
เวลาคนตายแลว ทุกขเวทนามีไหม เอาไปเผาไฟกายวา อยา งไร เอาไปฝงดนิ กายวายงั ไง
มนั ไมว ายังไง แลวทําไมถอื มันเปน ตวั ทุกขอยลู ะเมือ่ ยังเปนอยู กเ็ พราะจิตนน่ั แลเปนผู
รบั รแู ละทรงไว ความยึดมนั่ สําคัญวาขนั ธ ๕ เปน ตนกเ็ พราะกิเลสน้นั แลเปน ผูกระซิบ
เปน ผหู ลอกลวงใหย ึดม่นั ถือมั่น ใหส าํ คญั วา เวทนาเปน ตนเปนของตน ใหถอื วากายน้ี

ธรรมชดุ เตรยี มพรอม ธรรมะชดุ ๔เต๔๔ร๑ยี มพร้อม

๔๒

เปน เราเปน ของเรา เม่อื มันมอี ะไรมากระทบกระเทือนสิง่ ที่เรารกั เราสงวนและปก ปน
เขตแดนเอาไว กเ็ กดิ ความกระทบกระเทอื นทุกขรอนขนึ้ ภายในใจ เพราะกิเลสมนั
หลอกอยางนี้

เมือ่ แยกแยะพจิ ารณาใหถ งึ ฐานของความจริงดวยสตปิ ญญาจรงิ ๆ แลว สิ่ง
เหลาน้กี ็หมดปญ หาไปเอง ใจก็หายสงสยั ความเปน ขาศกึ ตอ กนั ระหวางขันธก บั จิตกไ็ ม
มี เพราะสตปิ ญญาเปน ผพู ิพากษาวินิจฉยั ตัดสินโดยถกู ตอ งใหเ ลกิ แลว กันไป รูปก็รกู ัน
แลว วา รปู ซง่ึ เปน ความจรงิ ของรางกายทกุ สว น เวทนาท่ีเกดิ ขึน้ ภายในรางกายของเรา
สว นใด นนั่ กท็ ราบวาเปนความจริงของตน ๆ สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ แตละอยา งกเ็ ปน
ความจริงแตล ะอยา งของมันอยูแ ลว จิตจะมคี วามกระทบกระเทือนเพราะอะไรกันอกี
เพราะจติ เปน ผูรูและรูดว ยปญญาอยา งประจกั ษแ ลว นน่ั แหละทา นเรยี กวา เหน็ ความ
จริงคือสจั ธรรมที่มอี ยูกับตวั จะไปรเู ห็นท่ไี หน เหน็ ในแบบกเ็ ปน แบบ เห็นในคัมภรี ก็
เปนคัมภีร เหน็ ในหนังสอื กเ็ ปน ตัวหนังสอื ไมใชต ัวกเิ ลส มันไมใ ชส จั ธรรมท่ีแทจริง

ที่แทจรงิ มนั อยูท ีก่ าย ทเ่ี วทนา ท่ีจิต ท่ตี วั ของเรานีเ่ ทา น้ัน ความทกุ ขทั้งมวลท่ี
เกย่ี วกบั กายก็แสดงขึน้ ท่ีนี่ การที่พิจารณาทุกขก ็พจิ ารณากันที่น่ี รูเ ทา เรอื่ งทกุ ขเ รอื่ ง
สมุทยั ทงั้ หลายกร็ ูเทา กนั อยา งเปด เผยทน่ี ่ี รูแจงแทงตลอดก็รูกันท่นี ่ี พน ทุกขกันท่ีน่ี นี่
ทานเรียกวารูส ัจธรรมแทร ูอยางนี้ ไมตอ งรูท ี่ไหน ไมว าคร้ังพุทธกาลหรือคร้ังไหน ๆ สจั
ธรรมมอี ยูท่กี ายทใี่ จของสัตวโลกเทา นน้ั การเรียนจึงเรียนยอนเขามาทน่ี ่ี ปฏบิ ตั ิใหรวู ถิ ี
จติ ทเี่ ปน ไปดว ยอํานาจของกิเลสอาสวะอนั เปน ตัวสมทุ ยั เมื่อรูอนั น้แี ลว จะไปสงสยั อะไร
ทไ่ี หนกนั อกี โลกวิทูรแู จงโลก ก็คือรแู จงธาตแุ จงขนั ธร ูแจง จิตใจของตนเปน สําคญั

นแ่ี ลอุบายวธิ ีแกก ิเลสปราบปรามกเิ ลส ปราบปรามลงที่ตรงน้ี อยาไปลูบไปคลํา
ท่ีอ่ืนใหเ สยี เวลาเปลาประโยชน รวมลงทน่ี ่ีหมด พระไตรปฎกกอ็ ยทู ่ีนี่ ไตรจกั รก็อยูทีน่ ่ี
วัฏจักรไตรจักรมันอยูที่นแี่ ล เวลาธรรมไมเ กดิ สตปิ ญญาไมสามารถ จติ ก็เปน ไตรจักร
ไตรภพ และหมุนไปใน ๓ ภพ คอื กามภพ รปู ภพ อรูปภพ พอสติปญญาเพียงพอแก
ไขไตรจักรนอี้ อกไดห มดก็เปน ความบรสิ ทุ ธ์ขิ ้นึ มา หรอื เปน ธรรมจักรหมนุ รอบตัวขึ้นมา
ภายในจติ ทงั้ วัฏจักร ธรรมจักรและววิ ฏั จักร มอี ยทู ใี่ จนไี้ มอ ยูไ หน จงพจิ ารณากนั ที่นี่
ปฏิบตั ิใหเ ขาใจ

เรียนอะไรก็ไมยากเหมือนเรียนเร่อื งของจิตเลย จติ นี้สลบั ซับซอ นละเอยี ดลออ
มาก ตองใชความพนิ จิ พจิ ารณา ตองใชสตปิ ญญา ใชค วามพากเพยี ร ความอดความทน
เต็มสตกิ าํ ลังความสามารถ บางครง้ั แทบจะตายเราก็ยอมเสียสละชวี ติ เพราะความ
อยากรอู ยากเขาใจความจริงท้ังหลาย ดังที่พระพุทธเจาไดร ูไดเขาใจแลว เปน ความ
ประเสริฐอยางยงิ่ เราอยากเหน็ ความจรงิ เปน สมบตั สิ าํ หรบั เราเอง ไมเพยี งแตไ ดย ิน

ธรรมชดุ เตรียมพรอม ภาค ๑ “เร๔า๕๔กบั๒กเิ ลส’’

๔๓

กิตติศพั ทกติ ติคุณทา นวาประเสรฐิ ทานหลุดพนอยางนนั้ ทานประเสรฐิ อยางน้เี ทานัน้
เรายังไมพ อใจ ยังอยากทราบทกุ สิ่งทุกอยา งบรรดาธรรมทท่ี านรูท านเห็นดว ยจิตใจของ
เราเอง เมือ่ อยากทราบและดาํ เนินตามทา นเราก็ตอ งทราบ ท้ังธรรมฝายต่ําฝายสงู ท้งั
ฝา ยดฝี ายช่วั

ในวงสัจธรรมนีท้ กุ ข สมทุ ยั เปนฝายต่าํ นิโรธคอื ความดับทุกขเ ปนฝา ยสูง มรรค
คือขอปฏิบตั ิเพ่ือถอดถอนกิเลสเปนฝา ยสูง เราอยากทราบความจรงิ ของสจั ธรรมทง้ั สี่น้ี
ประจักษใจเราเอง และการพน จากกิเลสอาสวะเพราะรูรอบในสัจธรรมน้นั เรากอ็ ยากจะ
พน ดว ยความประจกั ษใ จเราเอง ไมอยากทราบอยางอืน่ ใหมากไปกวา อยากจะทราบ
เรอ่ื งของเรา

เพราะเราเปนกองทุกข เราเปน กงจักร เราเปน ผมู ดื หนาสาโหด เราตอ งการ
ความฉลาด เราตองการความแหลมคมภายในจิตใจ เราตองการความหลุดพน เราจงึ
พยายามเต็มความสามารถในทางความเพียร เพ่อื รูและละสจั ธรรม ใจถกู บีบถกู บงั คับ
ถูกผกู ถกู มดั ถูกจาํ จองอยทู ต่ี รงไหน จงแกมนั ดว ยสตปิ ญ ญา ฟาดฟนลงไปท่ตี รงนน้ั จน
แหลกแตกกระจายไมมชี น้ิ ใดเหลอื ใจถงึ ความจริงลว น ๆ น้ันแลทานเรยี กวา หลดุ พน
หลุดพน แลว จากกิเลสซ่ึงเคยเปนนายเรามากี่กัปก่กี ัลป หรอื เคยเปนศาสตราจารยพรํ่า
สอนเรามาเปน เวลานาน ไดเ หน็ โทษของมันและถอดถอนมนั ออกไปหมดโดยสน้ิ เชงิ
แลว ใจเปน อสิ ระเต็มภมู ิ นแ้ี ลคือท่ีสดุ แหง ทกุ ข ที่สุดแหงธรรม ที่สุดแหงวัฏจกั ร สน้ิ สดุ
ที่ใจนเี้ องไมสน้ิ สดุ ในทอ่ี นื่ ใด เพราะกเิ ลสและธรรมไมม อี ยูท่อี น่ื จึงขอใหยอนจิตเขา มา
พจิ ารณาในกายในใจดว ยดี ความสมหวงั ทเี่ คยหวังมานานจะสมบูรณใ นใจทช่ี ําระถึงข้ัน
บรสิ ทุ ธเ์ิ ต็มท่แี ลว

ขอยาํ้ อีกครั้ง จงเรยี นจติ ใหร ู เรยี นจิตรทู ่ัวถงึ แลวไมมอี ะไรสงสยั ในโลกน้ี กวา ง
แคบไมสําคัญ สาํ คญั ทเ่ี รียนจติ ใหร ูเ รื่องของจิต รูกิเลสชนดิ ตาง ๆ ทีแ่ ทรกอยูภายในจติ
จริง ๆ เปนพอกับความตองการ พระพทุ ธเจา เม่ือถึงนแ่ี ลว ไมต องการอะไรอกี สาวกท้งั
หลายพอ ใคร ๆ ก็พอ เมอ่ื ถึงข้นั เพยี งพอแลว พอ พอทง้ั นน้ั เพราะเปนจิตเปนธรรมที่
สมบูรณเ ตม็ ทแี่ ลว ตลอดอนนั ตกาล

จงึ ขอยตุ ธิ รรมเทศนาเพยี งเทา น้ี

ธรรมชุดเตรยี มพรอ ม ธรรมะชดุ ๔เต๖๔ร๓ยี มพรอ้ ม



๔๔

มายากเิ ลส เทศนโ ปรดคุณเพาพงา วรรธนะกลุ ณ วดั ปา บา นตาด

เเมทอื่ศวนันโ์ ปทรี่ ด๑ค๓ณุ กเมุพภาาพพงันาธว์ รพรทุ ธธนเศมะกั กื่อรลุ วาันชณท๒ี่ ว๑๕ดั ๑๓ป๙่ากบมมุา้ นภาตายาพดานั กธเิ พลุทสธศักราช ๒๕๑๙

การฟงธรรมทางดานปฏิบัติ ทั้งผูเทศนท ้งั ผูฟง สวนมากไมคอยมคี าํ วา “พธิ ี”
เชน ฟง พอเปนพิธี เทศนพอเปนพิธี อยางน้ที างภาคปฏบิ ัติไมไ ดนํามาใชกัน สําหรับผู
มุงอรรถมุงธรรมจริงๆ ไมน าํ มาใช ถามุงโลกามิสอยแู ลว อาจนาํ มาใช แตถ ามุง ตอ

โลกามสิ กไ็ มเ รียกวา “ปฏบิ ัติ” มนั ขดั กันตรงนี้.
ทางดา นปฏบิ ตั ิแลว ไมม พี ิธีอะไรมาก ผเู ทศนต งั้ ใจเทศนใหผ ูฟง ไดร บั ความเขา

ใจจรงิ ๆ ดว ยเจตนา ผฟู ง กต็ งั้ ใจฟง ดว ยความสาํ รวมระวงั จิตของตน ไมใ หสงไปทอ่ี น่ื ๆ
ในขณะท่ฟี ง ทําความรูสึกอยูกบั ใจของตนเทา นนั้ โดยไมจาํ เปน ตองสง กระแสจติ ออก
มาภายนอกเพือ่ รบั เสียง เชน สง ออกมาสผู เู ทศน เปน ตน อยางนไ้ี มค วร เพราะจะขาด
กาํ ลงั ภายในใจ ทจ่ี ะพึงไดร ับจากการฟง ดว ยจติ จดจอ ตอ เนอ่ื งกนั อยเู ฉพาะภายใน

เม่ือไดตั้งจิตไวเ ฉพาะหนา คอื มคี วามรสู กึ อยูกับตัว น้นั แลถา จะเทยี บกค็ ือคนอยู
ในบา น แขกคนมาจากทไี่ หนเขา มาเกี่ยวขอ งในบา นน้ัน เจาของกร็ บั ทราบวาแขกนน้ั มา
ธุระอะไรบา ง นอกจากเจาของไมอยูบา นเสยี เทานน้ั แมเ ขาจะมาขโมยของไปกช่ี ิ้น ก่ี
รอ ยกพ่ี ันอยาง ก็ไมทราบไดเ ลย

จิตที่อยกู ับตัว ขณะทา นแสดงธรรมหนกั เบา จะตองรบั ทราบทุกระยะ เพราะใจ
อยกู บั ตวั เหมอื นคนอยใู นบา น ถาความรูสกึ ไดส ง ออกไปจากตัวเสีย การฟงเทศนก็ไม
เขาใจ ไมคอ ยรเู รอื่ ง ผลไมค อ ยเกดิ ถา เปนกเิ ลสลว งเขาไป เอาอะไรไปหมด เหมอื นกบั
โจรผรู า ยขโมยของอะไรภายในบา นก็ไมร ู เราไมเคยทําจริงทําจัง จะไปตําหนิติเตยี นตู

โทษพระพุทธเจา พระสาวก และพทุ ธบริษทั ท้ังหลายวา “เวลาพระพุทธเจาทรงเทศน

คนไดสําเร็จมรรค ผล นิพพาน” จะสําเร็จอยางไรเพียงเทศนเ ทา นัน้ โดยผฟู ง ไมต งั้ ใจ
ฟง นอกจากคุยกนั แขง พระเทศนเ ทา น้ัน บางคนไมเชื่อก็มีวาผูเทศนจะสามารถยังผฟู ง
ใหสาํ เร็จ มรรค ผล นิพพาน ได และผูฟ งกไ็ มสามารถจะบรรลุธรรมไดใ นขณะทีฟ่ ง

นเ้ี ปนความคิดเหน็ ของคนประเภทลอยลม หาหลักเกณฑไมได สักแตว า เทาน้ัน
ตามความลอยลมของตน ถอื ศาสนากส็ กั แตว า ถอื ถามวา ถอื ศาสนาอะไร ถอื ศาสนา
พทุ ธ กม็ ีแตช ือ่ ของพระพทุ ธเจา เต็มปากเตม็ คอ แตไ มเ คยมธี รรมเขา ไปเก่ยี วของกบั หัว
ใจเลย ขน้ึ ชื่อวาพุทธ วา ธรรม วา สงฆ ไมใ ชเ ปน ของเลก็ นอย ไมใ ชเ ปนของเลน ไมใช
ของพิธี ทจ่ี ะนาํ มาทาํ เลน ๆ อยา งนน้ั ประเภทที่เลนๆ น้แี ลเปนประเภททีท่ ําลายศาสนา
ไดอยา งแทจ รงิ ดังทเ่ี ราทราบๆ กนั จะมเี จตนาหรือไมม ีไมสาํ คัญ เชนไมห ลดุ จากมอื

ธรรมชดุ เตรียมพรอ ม ๔๔
ธรรมะชดุ ๔เต๘รียมพรอ้ ม

๔๕

เราตกลงไปทับเทาของเรามนั กเ็ จ็บได ท้ังๆ ท่เี จา ของไมม เี จตนา หรอื มดี ถูกมอื เจา ของ
โดยไมมีเจตนา หรือฟน มือกเ็ จบ็ ไดเ ปนแผลได คําพูดทเ่ี ปน ภยั ตอศาสนากเ็ ปนได
ทาํ นองเดยี วกนั น้ี

ทา นปฏบิ ัติจริงๆ พระพุทธเจากป็ ฏิบตั จิ ริง เอาเปนเอาตายเขา วา กันจริงๆ พระ
สาวกกป็ ฏบิ ัตจิ ริงๆ ฟง จรงิ ๆ พระพุทธเจาทรงแสดงธรรมดวยพระเมตตา มเี จตนาเพ่ือ
สัตวโ ลกใหร ูแจง เหน็ จรงิ ในธรรมตามกาํ ลังความสามารถสัตวโลก ทกุ ระยะแหง การ
แสดงธรรมของพระองค ไมท รงลดละเจตนาทีห่ วงั จะใหส ัตวโ ลกไดร บั ผลประโยชนจาก
การฟงนั้นเลย ทา นเต็มเม็ดเตม็ หนว ยในการปฏบิ ตั ิ เวลาตรัสรธู รรมก็เตม็ เมด็ เตม็
หนว ย โลกท้งั หลายไมมีใครท่จี ะสามารถทําไดอ ยางพระองค

นโ่ี ลกปจจบุ นั คอื พวกเราอาจจะลบลาง คอื ปฏเิ สธก็ไดว า “ไมจริง”
ทานทาํ ถงึ ขนาดนัน้ แตเ ราวา “ไมจ รงิ ” เพราะเราไมเคยทําอยางทานจะเอา
ความจริงมาจากไหน เหน็ คนอ่นื ทําเราก็คดั คาน เห็นคนอน่ื ขยันเราข้ีเกียจ ก็ไปคดั คา น
เขา เขาฉลาด เราโง กไ็ ปตําหนิเขา ทัง้ ทเี่ ราไมมีความสามารถอยางนน้ั
พระพุทธเจาทา นทรงสามารถทัง้ ดา นปฏบิ ตั ิ สามารถทง้ั ความรคู วามเห็นเตม็ ภมู ิ
ของพระองค การประทานพระโอวาทแกสัตวโ ลก จึงตองประทานเต็มพระสติปญญา
ความสามารถทุกสงิ่ ทกุ อยาง ใหส มภูมกิ บั คําวา “ศาสดาของโลก” แมผฟู งก็ฟง ดวย
เจตนาอยางน้ันดวย ผลไมเปนไปตามเจตนา ไมเ ปนไปตามการกระทาํ ทีถ่ กู ตองดีงาม
จะเปนอื่นไปไดอ ยางไร ? เพราะเหตกุ บั ผลเปนความเกย่ี วเนอื่ งกนั เปน ลาํ ดับอยแู ลว
การทําเต็มเมด็ เตม็ หนว ย ผลจะไมเต็มเม็ดเต็มหนวยไดอยางไร ตอ งเตม็ ! ตอ งได !
เพราะฉะน้ัน ครั้งพทุ ธกาล ทานแสดงธรรม ผบู รรลธุ รรมจึงมีเปน จาํ นวนมาก ดวยเหตุ
ผลดงั ท่ีกลา วมาน้ี
คร้ันตกมาสมยั ทุกวนั น้ี ศาสนาซงึ่ เปน ของแทของจรงิ ของทา นผวู ิเศษ ของทา น
ผูทําจรงิ รูจ รงิ เห็นจริง ส่ังสอนสตั วโ ลกจริงดว ยธรรมนน้ั ๆ แตธรรมเหลาน้ถี ูกกลายเปน
“ธรรมพธิ ไี ปตามโลก ซึ่งเปนโลกพิธี ผูนับถอื กันเปน พธิ ี ผลกเ็ ปนไปแบบรางๆ อยา ง
นน้ั แล อะไรๆ เลอื นๆ รางๆ จางไปหมด ปลอมไปหมด เพราะหัวใจเราใหปลอม ถา
หัวใจไมจริงเสียอยางเดียว อะไรกป็ ลอมไปหมด
เวลานศี้ าสนธรรมกําลังอยใู นระยะหรอื จุดน้ี ! สว นพวกเราจะอยใู นจดุ ไหน
ระยะใด จะเปนแบบน้ีหรือเปนแบบไหน !
ถาเราตอ งการเปนแบบแกตวั เองตามหลกั ความจริง ท่ที านสอนไวด ว ยความจรงิ
เราก็ตองทาํ จรงิ ปฏิบัติใหจ รงิ นี่เปน การเตือนใหเ ราทงั้ หลายซ่ึงเปน กนั เอง ไดทราบถึง

ธรรมชุดเตรียมพรอ ม ภาค ๑ “เร๔า๙๔กับ๕กเิ ลส’’

๔๖

ขอเทจ็ จรงิ ของศาสนาและผูปฏบิ ตั ิศาสนา วาผลจะเปนจริงและไดรับมากนอยเพียงไร
หรอื กลายเปน โมฆะไปหมด เพราะเหตุผลที่กลา วมานีไ้ มเ ปนความจรงิ

การฟง ธรรมซ่ึงเปน หลกั สาํ คัญท่ีปฏเิ สธไมไ ดใ นการรับผล ก็คอื ฟงดวยความตัง้
อกตง้ั ใจ มีความรูกับมสี ติกาํ กับอยกู ับตวั เปน หลกั ใหญ ชื่อวาไดต ั้งภาชนะไวเ รยี บรอย
แลว การแสดงธรรมถาทานผูร ูจรงิ เห็นจรงิ แสดง จะไมหนีธรรมของจริง ของจริงกับ
ของจรงิ ตองเขา กันได ผูฟ ง ฟง จรงิ ๆ ผูแสดง แสดงจริงๆ แสดงดวยอรรถธรรมอนั เปน
ขอเท็จจริงจริงๆ ไมไ ดควา หรือลูบๆ คลาํ ๆ มาแสดง ตองเขา ใจตามหลักธรรมนั้นๆ

ธรรมท้งั หมดทานมีไวเ พือ่ อะไร ? ถา เปน นํา้ กม็ ไี วสาํ หรับอาบดื่มใชสอย ซัก
ฟอกหรอื ลางสิง่ สกปรกโสมมทงั้ หลาย ธรรมก็เปนเชนนั้นเหมอื นกัน เพราะพวกเราเปน
พวกสกปรกทงั้ นนั้ บรรดาจติ ใจทีม่ กี ิเลสเปนจติ ใจทีส่ กปรก กายวาจาทเ่ี ปน รวงรังของ
กิเลส และจิตท่ีเปน รวงรงั ของกิเลส มนั จึงเปน เร่ืองสกปรกไปตามๆ กันกบั กิเลสซ่งึ มีอยู
ภายใน ทา นจึงตอ งหาน้าํ ที่สะอาดคอื ธรรมมาสั่งสอน หรือชะลางจิตใจของพวกเรา

ธรรมทสี่ ะอาดกค็ อื “สวากขาตธรรม” ตรัสไวช อบแลว น่ีแสดงวาสะอาดเต็มท่ี
แลว “นยิ ยานิกธรรม” เปนธรรมที่รองรับ เหมือนกบั น้าํ เปน เครื่องรองรับ ชะลา งสง่ิ
สกปรกท้งั หลายใหสะอาด เชน นน้ั ไดไมเปนอยา งอืน่ ธรรมก็เปน ธรรมชาตทิ ส่ี ะอาดเชน
นน้ั สําหรบั ชะลา งส่ิงสกปรกในหวั ใจของสตั วใหส ะอาด ขอใหห ัวใจนีจ่ ดจอ เพือ่ ความ
สะอาดเถอะ ผลการฟงจะทําใหใจสงบระงบั และสะอาดผองใสไดไ มส งสยั เม่ือใจสงบ
ผอ งใส กาย วาจา หากคอยเปนไปเอง เพราะน่ีเปนเคร่ืองมอื เทา น้ัน

ท่ีสําคัญจรงิ ๆ กค็ อื ใจซง่ึ เปน ตวั การ หากใจยอมรบั ความจริง ใจยอมรับท่จี ะซัก
ฟอกตวั เองแลว ตอ งมวี นั สะอาดข้นึ สกั วนั หนง่ึ จนได จากนํ้าสะอาดคือ “ธรรม” พระ
พุทธเจาทรงประกาศสอนโลก และทรงใชต อโลกมานานแลว ไดร ับผลทพี่ อใจมาโดย
ลาํ ดับ แมค าํ วา “สงฺฆํ สรณํ คจฉฺ ามิ” เรากลา วถึงทา นเพ่อื ประโยชนอะไร ถา ไมใช
เปน ผูส ะอาดหมดจดเต็มท่ีแลวจาก “นาํ้ ” คือพระสัจธรรมของพระพุทธเจา ชําระเสยี
จนสะอาด “ธมมฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ” ซึ่งเปนธรรมที่บริสุทธิ์แท ไมออกมาจากพระทัยที่
บริสุทธิข์ องพระพุทธเจาจะออกมาจากไหน พระทยั ทจ่ี ะบริสุทธ์ไิ ด เพราะการชําระ
สะสาง การขดั เกลา การชาํ ระลา งดว ยอรรถดว ยธรรม เปนความจริงมาโดยลําดับๆ จน
กระท่ังถึงปจจบุ ันเรานี้ ธรรมก็เปน ธรรมชาติทส่ี ะอาดอยูเสมอมา สาํ หรับลา งสง่ิ สกปรก
โสมมของสัตวโ ลก

ถาเราคดิ ตามธรรมดาอยางเผนิ ๆ อยางโลกที่สมมตุ ิทั่วๆ ไปกว็ า เรานีส้ ะอาดท่ี
สุดไมม ีใครจะหยง่ิ ย่ิงกวา คนโง ไมมใี ครจะสะอาดย่ิงกวา คนโงทสี่ กปรก ถา พดู ตาม
ธรรมแลวเปนอยางน้ี เม่ือเราทราบวา เราสกปรกทางใจ ซึ่งเต็มไปดวยกิเลสโสมมแลว

ธรรมชดุ เตรยี มพรอม ธรรมะชดุ ๕เต๔๐ร๖ยี มพรอ้ ม

๔๗

เราตองเปนผูมงุ ตอ อรรถตอ ธรรมเปนเครือ่ งชะลาง ดงั ที่ทา นท้ังหลายไดอตุ สา หส ละ
เวลาํ่ เวลาหนา ทก่ี ารงาน ตลอดจนชีวิตจติ ใจมาเพอ่ื บําเพ็ญตนเชนน้ี จงึ เปนความถูก
ตอ งตามแนวทางท่พี ระพทุ ธเจาทรงดําเนินมาท่ีเรยี กวา “อริยประเพณ”ี ประเพณีของ
พทุ ธบริษัททีด่ ีงามของพระพทุ ธเจา ทา นดาํ เนนิ มาอยางนั้น จึงขอขอบคุณขออนุโมทนา
กับทา นทง้ั หลายไวในโอกาสนี้ดวย นอกจากเปน ความดสี าํ หรบั ตนแลว ยังเปน คตติ วั
อยา งแกอ นชุ นรุน หลังอีกไมมสี น้ิ สุด

คําทวี่ า พวกเราสกปรกนก้ี พ็ อจะทราบกนั ได คาํ วา สกปรก สกปรกเพราะอะไร?
เพราะขี้โลภ ขโ้ี กรธ ขห้ี ลง ขสี้ ามกองนี้เตม็ อยูบนหวั บนหวั อะไร กบ็ นหวั ใจนน้ั แล นี้
นักปราชญทง้ั หลายทานตาํ หนติ ิเตยี น ทา นขยะแขยงมาก แตพวกเราชอบจึงไมร สู กึ ตัว
เมอื่ ไมร ูสึกตวั กไ็ มร ูสึกสนใจในส่งิ ทีจ่ ะนํามาชาํ ระลาง เห็นผปู ระพฤตปิ ฏบิ ัตธิ รรมกด็ ูถูก
เหยียดหยาม มีเยอะสมยั จรวดน้จี ะวา ยงั ไง? เพราะความเหน็ ผิด ตองผิดไปเรอ่ื ยๆ
อะไรทาํ ใหเ ห็นผิด? ถาไมใชห วั ใจท่ีเตม็ ไปดว ยกเิ ลสซึง่ เปน ตวั ผิดทัง้ เพน้ัน ถา จติ ใจผดิ
ไปดว ยก็พาใหแ สดงออกทกุ แงทุกมุมผดิ ไปตามๆ กนั จนกระทงั่ กาย วาจา ทแี่ สดงออก
ผดิ ไปท้ังน้นั เพราะส่ิงท่ที ําผดิ ท่มี ีอยภู ายในจิตใจนั้นไมตองมากมายอะไรเลย ตวั นน้ั
เปน ตวั การ

พระพุทธเจา ทานจงึ สอนใหช าํ ระใหลาง การฟงเทศนฟงธรรมก็เปน การชะลา ง
จิตใจของตนดว ยธรรม คือในขณะทฟี่ ง ธรรม ทานวา มอี านิสงสเ กดิ ขน้ึ จากการฟงธรรม
อานสิ งสคือ ผลที่เกดิ ข้นึ ในขณะที่ฟง นัน้ แล ทําจิตของเรา อยา งนอ ยมีความสงบเยน็ ใจ
รูเหตุรูผล รทู างดีทางชวั่ และรวู ธิ ีจะปฏิบัติตอตนเอง ขอ สาํ คญั ใจมีผอ งใสขึ้น ไดรบั
ความรม เยน็ ในขณะฟง น่คี ือผลทเี่ กดิ ขนึ้ จากการฟงธรรม ทา นวา มอี านสิ งส ๕ เราจะ
คอยเอาอานสิ งสท ไ่ี หน ถา ไมเอาในขณะทฟี่ ง เพราะการฟง ก็คอื การบําเพญ็ อยูแลว ผล
ตอ งเกดิ ตามมาในขณะน้นั ๆ มีความสงบเยน็ ใจเปนตน

หากวา กเิ ลสอาสวะเปน วตั ถุ และเปน ตัวขา ศึก เชน เสือรา ยเปน ตน แลว คนเราจะ
อยใู นโลกดวยกันไมไ ดเ ลย มองดูคนไหนกเ็ ห็นแตเ สอื รา ย ทงั้ เหยียบย่าํ ทั้งเดินเพนพาน
ท้ังนงั่ ทัง้ นอน ทง้ั ขับถาย ทัง้ หยอกเลน กนั ทง้ั กดั ฉกี และถลกหนงั เลน อยบู นหวั เหมอื น
กนั หมด คนทงั้ คนมีแตเ สือรา ยที่จดจอ งยองกดั อยบู นหัวคน แลว กก็ ดั ฉกี หวั คนลงไป
เรอ่ื ยๆ ไมห ยดุ นอนอยกู ก็ ดั ยนื อยกู ก็ ดั เดนิ อยกู ็กัด นง่ั อยกู ฉ็ กี อะไรๆ กฉ็ กี ทง้ั นั้น
กิริยาความเคล่ือนไหวตางๆ มีแตเ สอื รายมันกดั มนั ฉกี อยตู ลอดเวลา จะหาเนื้อหาหนงั
หาเอน็ หากระดกู มาจากทีไ่ หน ใหต ิดใหต อกันเปนรูปเปน กาย เปนหญงิ เปน ชาย เปน
สตั วเ ปน บคุ คล เปน เราเปน ทานอยางทเ่ี ปนอยนู ไ้ี ดเ ลา มองดคู นนน้ั กเ็ ปน แบบน้ี มองดู

ธรรมชุดเตรยี มพรอม ภาค ๑ “เร๕า๑๔กบั ๗กิเลส’’

๔๘

คนนีก้ ็เปนแบบนนั้ เยม้ิ ไปดวยบพุ โพโลหติ นํา้ เนานาํ้ หนอง เพราะถูกเสอื มันกัดมนั ฉกี
มันทําลายอวยั วะสวนตางๆ ของมนุษยเรา

กรณุ าดลู วดลายของกเิ ลสมนั แสดงออกกบั โลกทว่ั ๆ ไป เปนอยา งน้ี ถา กเิ ลสมนั
เปนตวั เปน ตนอยา งนี้ แตม นั ไมไ ดเ ปนตนเปนตัวอยา งนี้ โลกจงึ ไมเ ห็นโทษของมัน และ
กลับเหน็ วา เปน ของดีเสียอกี เม่ือไปเสกสรรมนั วา เปนของดี คอื เห็นของช่ัววาเปนของดี
เหน็ ของดีวา เปนของช่ัวแลว ผลกต็ อ งกลบั ตาลปต รกันไป สงิ่ ทีค่ วรจะไดรบั เปนความ
สุข แตมนั กลายเปน ความทุกขไปหมด ท่ีโลกรอ น รอนเพราะอะไร? ถา ไมใ ชเ พราะ
กิเลสเพราะความโลภมาก เพราะความเห็นแกตัวมาก เปนตน

ทกุ วันน้เี ขาพูดวา “โลกเจรญิ ” มันเจริญทีต่ รงไหน? ถาพูดตามหลกั ความจรงิ
แลวมนั เจริญท่ีตรงไหน คนกาํ ลงั จะถกู เผาทง้ั เปน กนั อยแู ลว เพราะความทกุ ขม นั สุมหวั
ใจเวลาน้ี จะหาความเจรญิ มาจากไหน ความเจริญกต็ อ งเปนความสงบสุข ความสะดวก
สบาย ความเปนอยูสบาย หนา ทก่ี ารงานสะดวกสบาย การคบคา สมาคมสะดวกสบาย
อยดู วยกนั เปนหมูเ ปน คณะมจี าํ นวนมากนอย เปน ความสะดวกสบาย ไมท ะเลาะเบาะ

แวง ไมแขงดบิ แขง ดที ีเ่ รยี กวา “แขงกิเลสกัน” ไมฆา ไมตี ไมแยงไมช งิ ไมคดไมโกง ไม
กดขีบ่ งั คับ ไมรีดไมไถ ซง่ึ กันและกัน อันเปนการทาํ ลายสมบตั ิและจิตใจของกนั และกนั

ในขณะเดียวกัน ตางก็เห็นอกเห็นใจกัน เมตตาสงสารกนั เฉล่ยี เผือ่ แผ ใหค วาม
เสมอภาคดว ยความมีเมตตากรุณาตอกนั ไมอ ิจฉาริษยากนั ไมเบียดเบยี นกนั อยดู ว ย
กนั ฉันพนี่ องเลอื ดเนื้ออนั เดยี วกนั จะเรียกวาโลกเจริญไดตามความจริง โลกไดร บั ความ
สงบสขุ ทวั่ หนากัน ทงั้ คนมีคนจน คนโงค นฉลาด โลกไมด ูถูกเหยยี ดหยามกนั และกนั
นําความยม้ิ แยมแจม ใสออกทกั ทายกนั ไมแสดงอาการบูดบึ้งใสกัน ตางคนตางมีเหตุมี
ผลเปน หลกั ดาํ เนนิ

เม่อื พดู ตามความเปน จริงแลว ทุกวนั นโี้ ลกเปนอยา งนไ้ี หม? ถา เปน อยางนเ้ี รียก

วาโลกเจริญจริง แตท ง้ั ๆ ที่วา “เวลาน้ีโลกกาํ ลังเจริญ”จงึ ทาํ ใหส งสยั วา มันเจริญอะไร
บา ง? เจริญที่ตรงไหน?

ถา เจริญดวยวตั ถุเคร่ืองกอสรา ง จะสรางเทาไหรก็ได ถาไมแ บกกองทุกขเพราะ
อะไรทวมหวั นะ

ทนี ย้ี อนเขามาหาตัวของเรา วันหนึ่งคนื หน่ึงต้งั แตตื่นข้นึ มา หมุนตัวเปน เกลยี ว
อยตู ลอดเวลาเหมอื นกงจักร การทีก่ ายและใจหมนุ เปนกงจักร ไมมีเวลาพกั ผอนตวั บาง
เลยเชนนเ้ี ปน ความสขุ หรือ? คนเดนิ ทางไมหยดุ คนวิง่ ไมม เี วลาหยดุ เปนความสุข
หรอื ? ความจรงิ ตอ งมเี วลาพักผอ นนอนหลบั ใหส บายบา ง คนเราถงึ จะมีความสขุ การ

ธรรมชุดเตรยี มพรอ ม ธรรมะชุด๕เต๔๒ร๘ียมพรอ้ ม

๔๙

คดิ มากตอ งวุน มากทกุ ขมาก ถา หนักเขาตองเปน โรคประสาท ธาตขุ นั ธทเี่ ต็มไปดว ยโรค
ภยั ไขเจ็บ ทัง้ เจ็บหัว ปวดทอง เตม็ อวัยวะ คนนัน้ มีความสุขหรอื ?

กเิ ลสมนั ชอนมนั ไชมนั กดั มนั ฉกี อยตู ลอดเวลา ทกุ อาการท่เี คลือ่ นไหวแหง จิตใจ
นั่นมีความสุขหรอื ? โลกเจริญแลวหรืออยางน้นั ? ความกัดฉีกของกเิ ลส ผลทเ่ี กดิ ขนึ้
จากการกดั การฉีกของกิเลสมนั กม็ แี ตก องทุกขทง้ั นน้ั หาความสุขไมมี เมอื่ เปนเชนนจี้ ะ
เอาความสุขมาจากไหน? เวลาท่ยี อ นเขามาดทู ีต่ ัวเรา มันก็เปน ไฟอยูภายในจติ ใจ

เพราะกเิ ลสกอ ไฟเผาใจอยูต ลอดเวลา “ราคคฺคินา โทสคคฺ ินา โมหคฺคนิ า” นน่ั ฟง

ซ!ิ “ไฟคอื ราคะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ” ไฟคอื ความโลภ ความโกรธ ความหลง มัน
เผาอยูทีใ่ จ

ขน้ึ ชอ่ื วา “ไฟ” ไมว าจะกอทไ่ี หนเวลาใดมนั รอ นท่ีนน่ั ถาไฟทม่ี นั ลกุ โพลงขึน้ มา
ภายในจติ ใจ คอื ไฟโลภะ โทสะ โมหะ มนั ตองเผาที่จติ ใจ แมก ายก็จาํ ตอ งรับทกุ ขไ ป
ดว ย รับประทานไมไ ด นอนไมห ลบั ไมมีแรง

ตามหลกั ธรรมทานสอนไวว า “โก นุ หาโส กมิ านนโฺ ท นิจฺจํ ปชชฺ ลเิ ต สติ อนฺธ

กาเรน โอนทฺธา ปทปี  น คเวสถ” เปนตน เมื่อโลกสันนิวาสนี้ เตม็ ไปดวยความมืดมน
อนธการ เพราะอํานาจแหง กเิ ลสตณั หามันแผดเผาอยูตลอดเวลา พวกทา นทง้ั หลาย
เพลิดเพลินหัวเราะราเริงกันหาอะไร? ทาํ ไมจงึ ไมร บี แสวงหาท่พี ่งึ มาเพลนิ อยูกบั ไฟ

ทําไมกนั เพราะ “ความลมื ตัว ประมาท” นนั่ ! ทา นสอนฟงซิ ถึงใจไหม? พระพุทธเจา
สอนโลกนะ

ถาเราฟง เพือ่ ถอดถอนกิเลส มันถงึ ใจจนนา ละอายตวั เอง เม่อื ฟงดวยความถงึ ใจ
แลว ทําไมจิตใจจะไมเห็นโทษ และมีความกระหย่ิมตอคณุ งามความดีทงั้ หลาย ทําไมจะ
ไมมีความพอใจแกกเิ ลสตณั หาอาสวะ ซง่ึ ลกุ เปน ไฟท้ังกองอยใู นจิตใจอยางเตม็ เมด็ เต็ม
หนวยเลา และกเิ ลสทาํ ไมจะไมห ลุดลอยออกไป เม่อื ไดทาํ ความเพยี รถอดถอนมนั ดว ย
ความถึงใจ ดวยความเห็นโทษของกเิ ลสอยา งถงึ ใจ ของผูแ สวงหาความจริงอยา งเตม็ ใจ

นแ่ี หละบรรดาสาวกและพทุ ธบริษทั ทง้ั หลายที่ทานรเู หน็ ธรรม เวลาทานเห็น
โทษก็เห็นอยางถึงใจจริงๆ การทําความเพยี รพยายามถอดถอน กท็ าํ อยา งถงึ ใจ เวลารู
จึงรถู ึงเหตุถึงผลถงึ จิตถึงใจจรงิ ๆ และถึงความหลุดพน ไปดว ยความถึงใจ ไมใ ชเ ปน

เรือ่ ง “พิธี” เชน รับศลี กร็ ับศลี พอเปน พธิ ี อะไรๆ ก็ทาํ เปนพธิ ี ฟงธรรมกพ็ อเปนพิธี
ประพฤติปฏบิ ัตธิ รรมซึ่งเปน ของประเสริฐกพ็ อเปน พธิ ี เหมอื นกบั เดก็ เลน ตกุ ตากนั

แตศ าสนาไมใ ชเ ดก็ และไมใชเร่ืองของเด็ก จงึ เขา กันไมไ ด
พระพุทธเจา ทั้งพระองคเ ปน ผปู ระทานศาสนาไว พระพทุ ธเจา ไมใชเดก็ ศาสน-
ธรรมไมใชศาสนธรรมของเด็ก ผปู ฏบิ ตั ศิ าสนาคอื พทุ ธบริษัท จงึ ไมควรนําเรอ่ื งของเดก็

ธรรมชดุ เตรียมพรอ ม ภาค ๑ “เร๕า๓๔กับ๙ กเิ ลส’’

๕๐

เขา มาแทรกกับตวั เอง ในกริ ิยาแหงการทําเก่ียวกบั ศาสนา “พอเปนพธิ ี” นี้ โลกเลย
เปน พิธไี ปหมดในทางศาสนา แลวจะหาผลอันแทจริงมาจากไหน? เมื่อมีแตพ ธิ ีเต็มจิต
เต็มใจ เต็มอาการทกุ สิ่งทกุ อยางทีเ่ ก่ียวของกับศาสนาในงานตา งๆ พากนั ทราบหรือยัง
วา กิเลสมันมีพิธีทีไ่ หน เวลามนั จะกดั หวั คน มนั มีพิธไี หม? เราดซู ี มนั ตั้งทา ตัง้ ทางยก
ครยู กคนั ทําพิธรี ตี องตา งๆ กอ นไหม เวลามนั จะขยห้ี วั ใจคนนะ

ความโลภมันเกิดขน้ึ มาทนั ที เมอื่ ไดโอกาสทม่ี นั จะแสดงความโลภ แสดงความ
โกรธ ความหลง มนั แสดงอาการออกมา ออกมาดว ยกเิ ลสประเภทตา งๆ ทันที มันไม
ไดค อยหาพิธรี ีตองเหมือนกับพวกเราทจี่ ะคอยฆา มัน และแลว กฆ็ า พอเปน พธิ ี ตีเพียง
หนบั ๆ พอใหม นั หวั เราะเยาะเยยวา “มนษุ ยนม้ี ันชางกลวั เราเสยี จริงๆ ยง่ิ กวา หมากลวั
เสอื มาหยอกเราเลน เพยี งหนับๆ แลวก็รบี วงิ่ ใสหมอน นอนคอยเราตํานา้ํ พริกไปจม้ิ กนั
ท่นี ั่น ชนิดหมอบราบไมม ีทางตอสเู ลย” น่นั ฟงดูซิ ความเพยี รเราเพือ่ จะฆา กิเลส มันจะ
เขา กนั ไดไหม? เรากลวั บา งไหม? ถา กิเลสเปน เหมอื นกบั เสือรา ยสกั ตัวหนึง่ อยบู นหวั
ใคร หวั เราทุกคน มีแตเ สือรมุ กดั อยทู ้ังวนั ทงั้ คืน ยืน เดิน นัง่ นอน มองไปทางไหนก็มี
แตเ สือรุมกดั อวัยวะจนแทบไมมเี หลอื ทง้ั กัดทง้ั ฉีก ไปไหนมนั ก็กัดกฉ็ ีกไปเรือ่ ย เดินไป

มันก็กัดก็ฉกี ไปเร่อื ย เราจะดไู ดไหม? ตอบแทนวา “ดูไมไดเลย” ตองพากนั วง่ิ แนบ
ยง่ิ กวา หมากลวั เสอื นน่ั แล ท้ังจะมีอะไรบางกไ็ มท ราบจะหลดุ เรีย่ ราดไปตามทางนะ คดิ
เอาเองเถอะ ขเ้ี กยี จบอกเสียทุกแงทุกมมุ

แตน่กี เิ ลสมันไมเปน ตนเปนตวั เชน นัน้ มนั กัดมนั ฉกี อยูภายใน เรายงั นอนเคลม้ิ
ใหม นั กดั มนั ฉกี อยา งสบายไปอกี แลว จะหาทางแกกิเลสไดอ ยา งไร เมือ่ ไมทราบวากเิ ลส
ไมทราบความกัดของกเิ ลส และไมท ราบความทกุ ขที่กิเลสสรางขน้ึ บนหวั ใจ เราจะหา
ทางแกกเิ ลสไดอยา งไร น่แี หละทพ่ี วกเราไมทนั กลมายากเิ ลส เราเปน คนอาภพั กอ็ าภพั
เพราะกเิ ลสมันบงั คับนแี่ ล ธรรมแทไ มเคยทําคนใหอ าภพั นอกจากสง เสรมิ คนใหดี
อยา งเดยี ว

ถา แกก เิ ลสออกจากใจไดเ ปน ลาํ ดบั แลว วาสนาไมต อ งบอกจะคอ ยดขี น้ึ มาเอง
ดดี ขน้ึ ดวยความดีของเราทที่ าํ อยเู สมอ การใหท านกเ็ ปน การสรา งวาสนา การรกั ษาศีลก็
เปนการสรา งวาสนา การเจรญิ เมตตาภาวนากเ็ ปนการสรา งวาสนา ถา ทาํ ดวยเจตนาอนั

ถกู ตอ ง ไมท ําสกั แตวา “ พอเปนพิธ”ี
ทานถา ทาํ พอเปน พธิ ีเฉยๆ กส็ กั แตว า ทาน ไมมผี ลมาก ศลี กส็ กั แตวา พอเปนพิธี

แตเ วลาลว งเกินศลี ไมลวงพอเปน พธิ ี มันลวงเกินจรงิ ๆ ทําศีลใหข าดจรงิ ๆ ภาวนากพ็ อ
เปนพิธี แตเวลางว ง ความงว งเขา มาครอบงาํ นไี่ มใชพธิ ี ลมตูมลงจริงๆ ถาหมอนไมรบั
ไว กเิ ลสตองยุงเผาศพ เพราะไมไดน อนพอเปนพธิ นี ี่ มันนอนหลบั เสียจรงิ ๆ หลบั

ธรรมชุดเตรยี มพรอ ม ธรรมะชดุ ๕เต๔๕ร๐ยี มพร้อม

๕๑

ครอกๆ เหมอื นคนตาย มนั ไมเ ปน พิธี เม่อื ถึงเวลาสิ่งเหลา นีเ้ ขา มาเกย่ี วของแลว แต
เวลาบําเพญ็ ธรรมนนั้ ทําพอเปนพิธี นี่แหละมันจึงไมท ันการ ไมทันกลมายาของกเิ ลส
จงึ ตองยอมเปน พลพรรคของกเิ ลส ใหก เิ ลสยาํ่ ยขี ดู รีดกดข่บี งั คบั ทั้งวันท้ังคืนท้ังปทง้ั
เดือน ทั้งภพทั้งชาติ ตลอดกปั ตลอดกลั ป ยงั ไมส ามารถจะทราบไดวา วนั ไหนเราพอจะ
รจู ักเงาของกิเลสบา ง มันทําเราดวยวิธใี ดบา ง มันมีเงาไหม? ถา ไมเ ห็นตัวมนั พอเหน็ เงา
บางกย็ ังดี เชน กเิ ลสมันตง้ั หมดั ตง้ั มวยใสเรา พอมองเห็นเขาบา งก็ยงั นาดู แมไ มเ ห็นตวั
ตนเขาแตพ อมองเห็นเงามนั ก็ยังนาดู แตนี่เราไมเห็นจนกระทงั่ เงาของกิเลสท่มี นั ฆาคน
ทาํ ลายคน เบยี ดเบยี นคน ทรมานคน กดขบ่ี ังคบั คน แลว เราจะไปแกก เิ ลสไดท ีต่ รง
ไหน? เมื่อเงามันเรายังไมเห็นเลย ไมต องพูดถึงตัวมนั วาอยทู ไี่ หนและทําลายคนดว ยวธิ ี
ใดบา ง

เอา! ทีนเ้ี พอื่ ใหร ู เพอื่ ใหท ราบเงาของมันและตวั ของมนั จงกําหนดความรูคอื
จิต สตเิ ปนเครื่องกํากบั เขา สูภายในกายภายในใจของตน หจู ะออกไปรับกบั เร่อื งอะไร
เจาของหูนค่ี ือความรู สติปญ ญามีมันออกไปกระทบกับเร่อื งอะไร รูป เสียง กลิน่ รส
เครือ่ งสมั ผัส เขา มาสัมผสั จะเขา มาสัมผสั จติ ใจทัง้ หมดซงึ่ เปนผรู ับทราบ นอกจากตา หู
จมกู ล้นิ กาย และใจเปน ตวั การสําคัญ ซึ่งเปนผรู ับผดิ ชอบและรับผลโดยประการทง้ั
ปวงจากอายตนะเหลา นี้ ซง่ึ ไปกอ เรอ่ื งกอ ราว แลวนาํ ผลโยนมาใหจ ิตเปนผรู บั บาปหาบ
ทกุ ขไ มมวี นั เวลาปลงวางเทา น้นั ถา กาํ หนดอยา งน้ี เราจะทราบทง้ั เงาของกเิ ลสทัง้ ตวั
ของกิเลส วามันมาดว ยเหตุใดผลใด มันมาดว ยอาการอะไร ผทู ีอ่ อกตอนรบั คอื ใจเรา
มนั ออกตอ นรบั กเิ ลส ยอมรบั กิเลส มันยอมรบั ดว ยเหตใุ ด เราจะทราบในขณะเดียวกนั
เม่อื ทราบแลว ก็มที างทแ่ี กไ ขและถอดถอนได

เอา ต้ังสตลิ งทต่ี ัวรู คือใจน้ันแล ตัวคะนองอยตู รงนนั้ ทาํ ไมใจจึงคะนอง เพราะ
กเิ ลสทาํ ใหค ะนอง พาใหด ิน้ รนกวดั แกวง และแสดงขนึ้ มาจากตรงน้ัน เมือ่ มีสตแิ ลวจะรู
ความกระเพอ่ื มของจติ เบอื้ งตนเรากําหนดรูอยางนี้ พยายามกาํ หนดใหรโู ดยมีบท
ธรรมกํากับ ไมคอยตี อาศยั ไมค อื ธรรมบทนัน้ ๆ คอยกาํ กบั ไมใหมนั โผลข ้นึ มาได ตี

ดวยบทธรรมใหถี่ยบิ ลงไป เชน “พุทโธ ๆ” เปนตน แลวจติ จะมคี วามสงบ เม่ือสงบ
แลวจะเย็นลงไป ๆ สงบแนว ลงจริงๆ นัน่ แหละคุณคา แหงความสงบจะเหน็ ประจักษ
ในขณะเดียวกันจะเห็นโทษแหง ความฟงุ ซานของจิต วาเท่ยี วกอ ความทุกขใ หเ รามาก
นอยเพียงไร เพราะความฟุงซาน

นี่เปนสาเหตุที่จะใหเ ราทราบในวาระตอไปของกิเลสประเภทตางๆ วา เงาก็พอ
ทราบหรอื วาตวั กพ็ อทราบแลว ความฟุงซานเราก็ทราบวามนั เปน ภัย ความสงบเราก็
ทราบวา เปนคณุ จะสงบดว ยวิธีใดก็ทราบ คอื ดว ยวิธีการภาวนาดวยความมีสติ

ธรรมชุดเตรยี มพรอม ภาค ๑ “เร๕า๕๕ก๑บั กเิ ลส’’

๕๒

เมอ่ื ทราบในเง่อื นหนง่ึ แลว ตอไปก็จะทราบไปโดยลําดับ เพราะสติยอ มมคี วาม
แกก ลาขน้ึ ไดในเมอ่ื ไดรับการบาํ รงุ สงเสรมิ อยูเสมอ ปญญากส็ ามารถได เฉลียวฉลาดได
คนเราไมใชค นโงอ ยตู ลอดเวลา ถึงคราวจะฉลาดฉลาดได ถา เจาของสนใจเพอื่ ความ
ฉลาด นอกจากจะนอนอยูเฉยๆ เหมือนหมอู ยูใ นเลา ในตมในโคลนเทานั้น จะหาความ
ฉลาดไมไ ดจ นกระทงั่ วนั ตาย และตลอดกัปตลอดกัลป จะจมอยใู น “วฏั สงสาร”ตลอด
ไปเพราะความโงพาใหจม เราไมใชผตู องการจะจมดวยความโงเ ชน นั้น เรามาเสาะแสวง
หาความฉลาดเพอ่ื จะปลดเปล้ืองความโงข องตน ใหใ จดดี ข้ึนจากตมจากโคลนทั้งหลาย
คือกเิ ลสอาสวะประเภทตา งๆ กลายเปนอิสรเสรขี ึ้นมา เราตอ งทําความพยายามใหเตม็
เม็ดเต็มหนวย จติ สงบดว ยการบังคับ ดว ยความมสี ติ โดยอาศยั บทธรรมเปน เครือ่ ง
กาํ กบั เปน ผลข้ันหนงึ่ ขนึ้ มาแลว

แตคาํ วา “ขั้นน้ันขั้นน”ี้ ไมอยากจะเรียกใหเ สยี เวลา สงบหรอื ไมส งบมันกท็ ราบ
ภายในตัวเองนัน้ แล เหมอื นเรารบั ประทานอาหาร มนั ถึงขัน้ ไหนแลวเวลาน?ี้ เรากไ็ ม
เห็นถามกันนีน่ า เรมิ่ รบั ประทานเบอ้ื งตนสําเร็จข้ันไหนไมเ หน็ วา รับประทานไปๆ จน
กกระทง้ั อม่ิ กร็ เู อง ไมจ ําเปนตองเอาขนั้ เอาภมู ไิ ปหาความอม่ิ อนั นี้กเ็ หมอื นกันใจรู ไมมี
อะไรทจี่ ะรูย่ิงกวาใจ ทกุ ขก ็รู สุขก็รู ดีรู ชั่วรู รอนรู หนาวรู รูไ ปท้งั น้นั เปนผูรอู ยตู ลอด
เวลา ใจนแ่ี หละเปนผรู ับรู

เมือ่ ไดส รา งสตปิ ญญาเปน เครอ่ื งกาํ กบั ใจดวยดแี ลว ใจจะเดนขึ้นดว ยความรู
ความสงบ และมีความชาํ นชิ าํ นาญไปโดยลาํ ดับ เอา จะพิจารณาแยกแยะเหตุผลตา งๆ
ท่ีจติ ไปตดิ พนั เกีย่ วขอ งกบั เรอื่ งอะไรจึงกลายเปนไฟข้นึ มาเผาตัวเอง ก็จะทราบท้งั รอ ง
รอยและตัวเหตตุ ัวผลของมันอกี ดว ย จติ มีความรอู นั เดียวเทา นั้น

สตมิ คี วามระลกึ แลว ดบั ไป ๆ เรยี กวา สติ ปญ ญาคอื ความสอดสอ ง ความ
ใครครวญ ใครค รวญก็ใครครวญเรอ่ื งของตวั เองนน่ั แหละ

“อนจิ จฺ ํ” ทา นวา นี่เปนแผนทขี่ องปญญานะ “ทกุ ขฺ ํ อนตตฺ า” นี่เปนแผนท่ี
แนวทางเดนิ ของปญ ญา จึงเรียกวา “หนิ ลบั ปญ ญา”

พิจารณาเร่อื ง “อนจิ ฺจ”ํ มนั เปนอะไร อนจิ ฺจํ น?่ี ไตรตรองไปเรื่อยๆ นับจาก
ช้ินหนง่ึ สองชน้ิ สามชน้ิ จนกระทั่งรอบตวั รอบโลกธาตแุ ตล ะอยา งๆ เปนอนิจจฺ ทํ ัง้ สน้ิ
นีก่ ท็ ราบดวยปญญา เมือ่ ทราบชัดดว ยปญ ญาวา ทุกส่งิ ทุกอยา งเปน อนิจจฺ ํหมดแลว
เราจะไปนอนใจตายใจติดกับสิ่งเหลา น้นั ไดอ ยางไร ท้ังทรี่ ูวามนั เปนอนจิ ฺจอํ ยา งประจกั ษ
ใจ การพิจารณาธรรมใหประจักษใจเปนอยางนี้

ทกุ ขฺ กํ ท็ ราบ มันแสดงอยูตลอดเวลา มันเปน ภยั จรงิ ๆ กท็ ราบ แลว ใจจะชินกบั
ทุกขไดอยา งไร ไมชิน ไมเ คยไดย ินวาใครเคยชนิ กบั ความทกุ ข ถา เราอยากรชู ัดๆ กล็ อง

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชุด๕เต๕๖ร๒ยี มพรอ้ ม

๕๓

เอามอื จอเขาไปในไฟดซู ิ มันจะชินไหม? เราอยูกับไฟมาต้งั แตวนั เกิดจนกระทงั่ บดั นี้
มนั ชนิ กับความรอ นที่จะทําใหเราทกุ ขน นั้ ไหม? ไมเคยชนิ พอมอื จอ ลงไปปบมนั กจ็ ะ
ถอนมือทันที มอื ยอ นกลบั ปบ ทนั ที กระตุกตวั เองทนั ที เพราะความรอนมนั แผดเผา
ทนอยไู มได นั่น! มนั ชินไปไดย งั ไง? พิจารณาใหเ หน็ ชดั ดวยปญ ญาอยา งถงึ ใจจริง

คาํ วา “อนตตฺ า” มนั วา งไปหมด เราเสกสรรเอาเฉยๆ วา น้ันเปน ตัว น่ันเปนตน
นน่ั เปน สตั ว นัน่ เปน บุคคล แมแ ตก อนธาตุท่อี ยใู นรา งกายของเรานี้ มนั กว็ า งจากความ
เปน ตนเปนตัวอยูแลว โดยธรรมชาติของมัน แตเ รามาเสกสรรเอาวา มนั เปน กอนเปน
กลุม จากนน้ั กว็ า “เปนเราเปนของเรา” ธรรมชาติจริงๆ แลว อนตฺตา มนั วางจาก
ความเปนตนเปน ตวั เปน สตั วเ ปน บุคคลไปหมดอยูแลว จงพิจารณาใหเห็นตามหลัก
ธรรมชาติอยางนี้ จติ จะไดถ อยตัวเขามาจากความลมุ หลงนัน้ ๆ แลวปลอยความกังวลได
ในสภาวะทงั้ หลายซึ่งเปน “อนจิ ฺจํ ทกุ ขฺ ํ อนตตฺ า”

ทราบโดยทาง “ปญ ญา” ทราบอยา งถงึ ใจ จิตเม่ือไดถอดถอนตวั หรือไดเปด
เผยร้อื ฟน ตนจากสงิ่ ทปี่ ด บงั ทง้ั หลาย โดยความรูช ดั วา ส่งิ เหลาน้ีเปน อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺ
ตา แลว ทาํ ไมจิตจะไมโ ลง ทําไมจติ จะไมสวางไสว ทําไมจิตจะไมเบา ทําไมจิตจะไม
อัศจรรย ทําไมจิตจะไมผ องใสและเปน ส่งิ ท่นี าอัศจรรย ตอ งเปนของอศั จรรยอยางแน
นอนไมตองสงสัย

ทจี่ ติ ไมแสดงความอศั จรรยใหเ จาของเหน็ เลย กเ็ พราะมแี ตส ง่ิ สกปรกโสมม
ท่ีหาคุณคาไมไ ดม นั ครอบจิตอยู จิตจงึ กลายเปนนกั โทษทัง้ ดวง แลวจะมีคณุ คาที่
ไหน เพราะมันเปนนักโทษทั้งดวง เพราะธรรมชาติทีเ่ ปนโทษมนั อยกู บั จิต คอื กิเลสทง้ั
หลายน้นั แล

พอเปดออกไป ๆ อุปาทานการยึดมั่นถือมน่ั เปดเผยตวั ออกไปโดยลําดับๆ
ความสวา งกระจางแจง ของจติ ความเปนอสิ ระของจิตตามขัน้ นั้นๆ ไมต อ งถาม เบาหวิว
เลย อยูทไ่ี หนกเ็ พลนิ และเบาไปหมด แตก อนเคยแบกหามจนหนกั แยก ็หาทป่ี ลงวางไม
ได นอนกแ็ บก นง่ั กแ็ บก ยนื กแ็ บก แบกอยอู ยา งนน้ั แหละ แบกอปุ าทานความหนกั ภู
เขาทงั้ ลกู วา มนั ใหญโ ตมนั หนัก เราไดเคยแบกมันบางแลว หรือ? เราถงึ จะทราบวามัน
หนกั เรายังไมเคยแบกเรายังไมหาญพูดได ดูตวั ท่มี ันหนักๆ คือ “เบญจขันธนน่ี ะ ”
มันหนักอยูตรงนี้ ย่งิ มีความเจ็บไขไ ดปวยแลวยิ่งลกุ ไมข ึน้ เอาเลย ตอ งใหคนอ่ืนชวย
พยงุ ชว ยกเ็ จบ็ หนกั เขา อกี ดว ยการเจบ็ ปวยในอวัยวะตางๆ มันท้งั หนัก ทั้งเจ็บทั้งปวด
เลยเพิ่มเปนเรื่องหนักไปหมด น้แี ลตวั หนกั จรงิ ๆ ทา นจึงวา “ภารา หเว ปจฺ กขฺ นฺ

ธรรมชดุ เตรียมพรอม ภาค ๑ “เร๕า๗ก๕ับ๓กเิ ลส’’

๕๔

ธา” ภาระอันหนกั จรงิ ๆ ก็คอื เบญจขนั ธ ทา นไมไ ดบ อกวา ภาระอนั หนักจริงคือภูเขา
ทานไมเหน็ วา

เราพจิ ารณาใหเหน็ จรงิ อยา งนี้ อันนแ้ี ลเปน เครื่องทบั จติ ใจเรา พจิ ารณาใหรใู น
อาการทง้ั ๕ น้ี มนั คอื ไตรลักษณท ัง้ นน้ั เราอยาไปอาจหาญ อยา ไปเออ้ื ม อยาไปจบั
อยา ไปยดึ อยา ไปแบกหามมันหนกั เขาไปแบกมนั หนักจรงิ ๆ ถา ปลอยเสียมันกเ็ บา
ปลอ ยดวยปญญาใหร ูชัดตามความเปนจรงิ จติ จะเพลนิ มคี วามรื่นเริงบันเทงิ อยทู ่ีไหน
ก็รนื่ เริง อยใู นปา ในเขาอดอม่ิ เปน ตายอะไร มแี ตความรืน่ เริงบนั เทงิ ในธรรมทงั้ หลาย

“ธมมฺ ปต ิ สขุ ํ เสต”ิ ผูมีปต ใิ นธรรมยอมอยูเปน สุข อันน้ียงั หยาบไป เมื่อเขา
ถึงขน้ั นีแ้ ลว คอื วาละเอียดอยา งย่ิง มีความสขุ ละเอียดเปน พ้นื ฐาน นอนกเ็ ปนสุข นง่ั ก็
เปนสุข ยืน เดนิ อยกู ็เปน สุขทัง้ นนั้ อดอ่มิ เปน สุข สบายไปหมด หมดความกังวล หมด
ภาระเปนเครื่องกดถวงจิตใจ

เอา ! เพ่ือใหกเิ ลสทง้ั มวลส้นิ ซากไปเสยี ไมใ หมีอะไรเหลือ ตนไมเราตัดกิ่งตัด
กานตดั ตนมนั ออกหมด ยงั เหลอื แตห ัวตอ รากแกว รากฝอย ขุดตนมันขน้ึ มา เอาเผาไฟ
เสยี ใหสน้ิ ซากหมดเทา นน้ั ตน ไมต น นั้นไมม ที างเกิดไดอ กี เลย

จิตก็เหมือนกัน ถอนรากแกว ซง่ึ อยภู ายในจิต ทานเรียก “อวชิ ชา” ใจปลอ ย
อะไรๆ หมด แตตัวเองกม็ าอัศจรรยอ อยอิง่ อยูก ับความสงา ผาเผย ความละเอียดลออ
ซึ่งเปน เร่ืองของกเิ ลสประเภทละเอยี ด พิจารณาเขา อกี ใหพ อ นี่กค็ ือกองไตรลักษณอ กี
เชน เดยี วกนั อยา ถือวาเปน เรา มันเราอะไรกนั เปนกอง อนจิ ฺจํ ทกุ ฺขํ อนตฺตา อนั
ละเอยี ดตา งหากน่ี กเิ ลสตัวรา ยยงั วาเปนเราอยูห รอื ? ความผองใสท่คี วรจะผา นไปได
ถอื ไวทําไม อันนเี้ ปน กเิ ลสประเภทหน่ึงท่ลี ะเอยี ดมากเกินกวา สติปญ ญาธรรมดาจะรู
เห็นได ตองเปนสติปญ ญาอตั โนมัตกิ ําจดั มัน

นี่เวลายอนจติ เขา มา เมื่อไมม ีทพี่ จิ ารณาจริงๆ กต็ อ งยอ นจติ เขา มาพจิ ารณา
ธรรมข้นั ละเอยี ดสุดน่ันคือ กเิ ลสตัวละเอยี ดอันเปน จุดสุดทาย “สพเฺ พ ธมฺมา นาลํ อภิ
นเิ วสาย”ธรรมทัง้ ปวงไมค วรถือมน่ั นน่ั เมอ่ื ถงึ จดุ สดุ ทา ยแลว ก็ “สพเฺ พ ธมมฺ า อนตฺ
ตา” ธรรมทัง้ ปวงเปน อนตฺตา ทง้ั สิ้น ไมว า จะเปนสวนหยาบสวนละเอยี ด ตลอดความ
ผองใส ความเศรา หมองทง้ั ส้นิ ท่ีมีอยูภายในจติ โดยเฉพาะ เปน อนตฺตา ทงั้ สิ้น

ผปู ฏิบตั ิจงพิจารณาจติ ดวงผองใส ใหเห็นเชน เดียวกับสภาวธรรมทัง้ หลาย
ธรรมทัง้ ปวงเปน อนตตฺ า ธรรมทัง้ ปวงจึงไมค วรถือมัน่ จากส่งิ นี้เองท่ไี มควรถือม่นั พอ
พจิ ารณาเต็มท่ีเตม็ ภูมขิ องปญ ญาแลว สลัดพบั เดียวหมด เม่ือสมมตุ ทิ ง้ั ปวงไมว าหยาบ

ธรรมชุดเตรยี มพรอ ม ธรรมะชดุ ๕เต๘๕ร๔ียมพรอ้ ม

๕๕

กลาง ละเอียดไดส ้ินสุดไปจากใจแลว ปญ หาอะไรทจ่ี ะมอี กี ตอไป? ไมม ี! หมด! น่ัน
แหละทา นผหู มดทกุ ขทา นหมดอยา งนี้ นแ้ี ลผเู หนือกเิ ลส

กเิ ลสมากดั มาฉกี เหมอื นเสอื โครง ดงั ทก่ี ลา วมาแลว น้ี เปนอนั ยุติกันเพยี งเทา น้ี
เพราะถูกฆา หมดฉบิ หายไมมเี หลอื เลย กเิ ลสทกุ ประเภททีท่ านเปรียบเหมอื นเสือโครง
ถกู ฆา ดว ยสติปญญาอนั แหลมคม คอื มหาสติมหาปญ ญา สน้ิ ซากไปหมด เสวย อมต
ธรรม โดยหลกั ธรรมชาติ น่คี อื ผลแหงการปฏบิ ัตอิ ยางแทจ ริงเปน อยา งนี้ เพราะธรรม
เปน ธรรมชาติท่ถี ึงใจของสตั วโลก ธรรมเปนของจริง ผสู อนจงึ สอนดวยความจริง ผู
ปฏบิ ตั ปิ ฏบิ ตั จิ ริงๆ จังๆ ฟงจริงๆ จังๆ แกก เิ ลสตณั หาสวะซง่ึ เปนภยั อยางจรงิ จงั
เพราะเห็นวา เปนภยั อยางจรงิ ใจ แกอ ยางจรงิ ๆ จังๆ ก็พนไดจริงๆ อยา งน้ีไมเปน อืน่
เพราะ “สวากขาตธรรม” นัน้ ทา นเรยี กวา “มชั ฌิมา” ทันตอ เหตุการณอ ยูต ลอดเวลา
ไมวากาลใดอาการใดของกิเลสที่แสดงขนึ้ มา “มัชฌิมาปฏิปทา” เปน อาวธุ ทีท่ ันสมยั
ฟาดฟน กเิ ลสใหแหลกกระจายไปหมดไมมีอะไรเหลือเลย ทา นจงึ เรียกวา “มชั ฌิมา”
เหมาะสมตลอดเวลากับการแกกเิ ลสกองทุกขท ี่มอี ยภู ายในใจของสตั วโลก

การแสดงธรรมกเ็ ห็นวา สมควร ขอยตุ ิ

ธรรมชุดเตรยี มพรอม ภาค ๑ “เร๕า๙๕ก๕ับ กิเลส’’



๕๖

กิเลสฝังในจติเทศนโ ปรดคณุ เพาพงา วรรธนะกลุ ณ วดั ปา บา นตาด
เมอ่ื วนั ที่ ๘ ธนั วาคมเพทศุทนธ์โศปรกั ดรคาุณช เ๒พา๕พ๑ง๘า วรรธนะกลุ ณ วัดป่าบา้ นตาด
กเิ ลสฝงในจิต เมอื่ วันที่ ๘ ธนั วาคม พทุ ธศักราช ๒๕๑๘

ศาสนาในขน้ั เร่ิมแรกทพ่ี ระพุทธเจา ทรงประกาศเอง มีสาวกชวยพทุ ธภาระให
เบาบางลง ในครัง้ นน้ั ศาสนาไมค อ ยกวา งขวาง มแี ตเนือ้ ๆ คร้ันตอมานานเขา ๆ เนอ้ื ก็
ไมค อ ยปรากฏ มักมีน้ําๆ แลว เลยกลายเปนมีแตเปลอื ก มีแตก ระพี้ไป คอื มแี ตพ ิธรี ี
ตอง ไปไหนมแี ตพ ิธี ศาสนาจรงิ ๆ มองไมคอ ยเห็น มีแตพธิ ีเต็มไปหมดในงานตา งๆ
เกีย่ วกับศาสนา เมอื่ เปนเชนนั้นผูทจี่ ะยดึ เอาเปนหลกั เปนเกณฑกับศาสนาจรงิ ๆ กเ็ ลย
ยึดไมไ ด ไมท ราบวา อะไรเปนศาสนา คือแกนแท อะไรเปนกระพ้ี เปนเปลือก คือพิธีรี
ตองตางๆ เพราะการแสดงออกแหง พิธีน้ันๆ มีมากตอมาก ผยู ังไมเขาใจก็เขาใจวา เปน
เรือ่ งศาสนาทั้งน้นั พธิ รี ตี องเลยทาํ ใหผ ตู ั้งใจตอ ศาสนาจริงๆ ยุง และสบั สนไปหมด ไม
อาจจะยดึ ศาสนาอันแทจ รงิ ได

นเ่ี ปน ปญ หาหนงึ่ ในเวลานซ้ี ่งึ มมี ากมาย และถือเปนหลกั เปน เกณฑเสียดว ยไม
ใชธรรมดา พิธีตางๆ ซง่ึ แฝงศาสนากลายเปนหลักเกณฑข้ึนมา สว นท่เี ปนหลกั เกณฑ
จรงิ ๆ จงึ คลา ยกับคอ ยเสอื่ มคอ ยหายไปเปน ลําดบั ถาไมม กี ารปฏบิ ตั ิเขา ไปเกี่ยวของ ถา
พูดตามแบบโลกๆ กว็ า การปฏิบัตธิ รรมกบั พธิ ีรีตองกําลงั เปน คแู ขง กัน โดยไมม เี จตนา
หรือมีกไ็ มอาจทราบได เพราะเวลานก้ี ําลงั อยใู นความสบั สนปนเปกนั ระหวางพิธีรีตอง
ตางๆ กับการปฏบิ ตั ิ อาจไมท ราบวาอะไรจรงิ อะไรไมจริง อะไรแทอ ะไรปลอม อะไร
เปนเปลอื กอะไรเปนกระพี้ อะไรเปนแกน หากไมม ีการปฏิบตั ิเก่ยี วของไปดว ยแลว
อยางไรๆ เปลอื ก กระพจี้ ะตองถูกเสกสรรขน้ึ มาเปนแกนเปน หลัก เปน ความจรงิ ของ
ศาสนาโดยไมสงสัย ทัง้ ๆทไี่ มใชความจริงเลย น่เี ปน เร่อื งท่ีนาวิตกอยูม าก

ศาสนาแทๆ ทานไมม อี ะไรมากมายกา ยกอง นอกจากสิ่งท่จี าํ เปน ทาํ ลงไปแลว
เกิดประโยชนเ ทา น้ัน สมยั ตอ มาชอบยุงไมเ ขาเรอ่ื ง เชน รับศีล กต็ อ งยุง ไปหมด มาไม

ทันรบั ศีลก็เสียใจ นนั่ ! ฟงดูซิ อะไรๆ ก็รับศลี รับศีลอยตู ลอดเวลา ดงั

“มยํ ภนฺต ตสิ รเณน สห ปจฺ สีลานิ ยาจาม” ขอวนั ยังคาํ่ แตก ารรักษาศลี ไม
ทราบวารกั ษาอยา งไร เหน็ แตการขอรับศลี สมาทานศีลอยทู ํานองนัน้ ไมว าทีไ่ หน ๆ ยุง
ไปหมด

การรบั ศลี ก็มีเจตนาอยภู ายในใจเปน ผูช ้ขี าด หรือการรับรองในศีลของตน
ดว ยเจตนาวิรตั ิ เรอื่ งกม็ ีเทานน้ั เปน สําคัญ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๖า๑๕ก๖ับ กิเลส’’

๕๗

ถาเปนฆราวาสทว่ั ๆ ไปและศีลท่ัวๆ ไป เชน ศีลหา ศลี แปด ก็ควรรบั ไวเ พ่อื
รกั ษาศลี จริงๆ จะมปี ระโยชน

สวนศลี ทเี่ ปน ศีลของพระของเณรนัน้ เพ่ือประกาศเพศของตนใหโ ลกทราบ จึง
ทําอยางมกี ฎเกณฑไปตามหลกั ธรรมหลกั พระวนิ ัย เชน ศลี เณร ศีลพระ แตส ดุ ทา ยก็
เจตนาอันเดียวกัน ไมไดม ากมายอะไรนกั ทาํ พธิ ีก็ เอา!

ถวายทาน ก็ฟาดกนั จนหมดคัมภีร ผูน ่ังฟงจนหาวนอน จะนอนหลับคานง่ั คํา
ถวายทานนี้ก็ไมทราบวา ถวายอะไรตออะไร เปน คมั ภีรๆ ไลม าหมดโลกธาตุ ดีไมด ี
อยากจะอวดภูมิของตัวเองดว ยวาไดเ รียนมามากและรูมาก ใหค นอ่นื เขาอศั จรรยเสียม่ัง
ภูมินํ้าลาย นนั่ ! อยา งนีเ้ ปนตน

เม่อื ไดผานการปฏบิ ตั มิ าพอสมควร ไดเห็นวาอะไรทําใหเ สียเวลํา่ เวลา อะไรจรงิ
อะไรปลอม หรืออะไรมนั ยืดเยือ้ กวา จะเขา ถงึ ตวั จรงิ ละโอโ ห เปนชั่วโมงๆ อยางน้ไี ม
ทราบวา ทําเพื่ออะไร เพราะฉะนัน้ ในวงกรรมฐานทานจึงไมค อ ยมีพธิ ีรีตองอะไรนัก
อยากจะพูดวา “ไมม ”ี แตพูดวา “ไมค อยมี” นนั้ เปนความเหมาะสม เพราะบางทกี ็
ตอ งอนุโลมผอ นผันท้ังๆ ทีก่ ็ทราบอยูแ ลว เพ่อื จิตใจคนผูยงั ใหมต อ ศาสนา แมเ ชน นน้ั ก็
ควรนาํ ของจรงิ มาโชวก ัน อวดพิธกี นั ใหโ กห รูไป แตเ อาของปลอมมาโชว! เมื่อพอ
ผอนผนั สนั้ ยาวก็ผอ นไปบา งทง้ั ท่ีขวางใจขวางธรรม ในวาระตอ ไปคอยบอกกนั ใหรเู ร่อื ง
รรู าวในความจรงิ และหลกั เกณฑข องพระพทุ ธศาสนา

จะเห็นไดในขณะทีพ่ ระพุทธเจา ทรงสงั่ สอนสาวกต้งั แตเริม่ เขา บวช พระองค
เรมิ่ มีความจรงิ จังขึ้นในขณะบวชทเี ดยี ว ครงั้ แรกพระองคท รงบวชเองดว ยพระวาจาวา
“เอหิภิกขุอุปสัมปทา”.ทานจงเปน ภกิ ษุเถิด นี่เปน วาระแรก ตอ มาก็ “ตสิ รณู
อปุ สมั ปทา” ถึงสรณะสาม คอื พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ แลว กส็ ําเร็จเปน พระข้ึนมา
ถึงวาระท่สี ามนก้ี ย็ กใหส งฆเ ปนใหญ ใหส าํ เรจ็ ในสงฆ ตอนนท้ี า นประกาศ “รกุ ขฺ มูล
เสนาสนํ” ใหเปนท่อี ยอู าศัยของพระเพอ่ื ประพฤติพรหมจรรย เพ่ือความสิ้นทกุ ขโดย
ชอบ ท้ังๆ ที่แตก อ นก็สอนใหอ ยรู ุกขมลู รม ไมอยแู ลว แตไ มไดย กขึ้นเปน กฎเปน เกณฑ
ในการบวช พอตอ มาวาระทส่ี ามนข้ี น้ึ เปน กฎเกณฑเ ลย

“รกุ ขฺ มูลเสนาสน”ํ อปุ ช ฌายจ ะไมสอนอยา งนี้ไมไ ด ผิด ตอ งสอนใหถ กู ตอง
ตามนี้ อปุ ชฌายใ ดก็ตาม แมเจา ของจะไมชอบ “รกุ ฺขมูลเสนาสน”ํ ขนาดไหน การบวช
กลุ บุตรตอนสดุ ทายภายหลงั กต็ อ งบวชตอ งสอนอยา งน้ี มี “รุกขฺ มูลเสนาสนํ” ข้ึน
หนาอนศุ าสน ไมเลือกวา ใครหรอื นกิ ายไหน เพราะคาํ วา “นิกาย” ก็เปนเพยี งช่อื อนั
หนง่ึ เทาน้นั หลกั ใหญค อื การบวชนนั่ เอง

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชุด๖เต๒๕รยี ๗มพรอ้ ม

๕๘

ทา นเอาจรงิ เอาจงั สอนแลวไลเ ขา ปาเขา เขาไปเลยเพ่อื ประพฤตปิ ฏบิ ัติ จนได
บรรลธุ รรมแลว แมท า นจะออกประกาศธรรมสอนประชาชน กใ็ หเ ปน ไปตามอธั ยาศัย
ของทา นผูมีอํานาจวาสนามากนอ ย มีความรูความฉลาดลึกตื้นหยาบละเอียดมากนอ ย
เพียงไร กส็ ัง่ สอนประชาชนไปตามภูมนิ ิสัยวาสนาของตน

องคใดที่ทา นไมมนี ิสยั เกี่ยวของ วาสนาทานไมมีในทางนนั้ ทานกไ็ มเกย่ี ว เชน
พระอัญญาโกณฑัญญะ ไปอยทู ่สี ระ “ฉทั ทันต” มชี า ง “ฉัททันต” เปน หัวหนา โขลง
อุปถมั ภอ ุปฏ ฐากทาน ตัง้ สบิ เอด็ ป ผาสบงจีวรยอ มดว ยดินแดง ถงึ วาระแลวก็มาทูลลา
พระพุทธเจาเขา สูนิพพานไปเลย องคนป้ี รากฏวา ไดส อนเฉพาะ “พระปณุ ณมันตานี
บุตร” ซ่งึ เปน หลานชายเทา นัน้ สอนองคเดียว และพระปณุ ณมนั ตานบี ตุ ร ปรากฏวา
เปน “ธรรมกถึกเอก” นอกน้ันทา นไมส นใจกบั ใครเลย พระอญั ญาโกณฑัญญะ เปน
“รัตตัญ”ู เปนพระสาวกองคแรกทีไ่ ดบ รรลธุ รรมพระศาสดาใดในตนพทุ ธกาล

องคที่ทานมีอาํ นาจวาสนาในทางใด ทา นกเ็ ปนไปตามเรอ่ื งของทานเอง เชน
“พระสารบี ตุ ร” “พระโมคคลั ลาน” เปน ผทู ม่ี อี ํานาจวาสนามากเก่ยี วกบั บรษิ ทั บริวาร
มคี วามรคู วามฉลาดมากดงั “พระสารีบุตร” การแนะนําสง่ั สอนกก็ วางขวางลกึ ซึง้ ทุก
สง่ิ ทุกอยางเตม็ ไปดว ยความเหมาะสม เพราะฉลาดในการสั่งสอน “พระโมคคลั ลาน”
กเ็ ปน ผทู รงฤทธทิ์ รงเดช เปน ไปตามนสิ ยั วาสนาของทานทีเ่ กยี่ วของกับบริษัทบริวาร
พระเณร เมื่อถึงขัน้ “อรหัตภมู ิ” แลว เปนนิสัยวาสนาลว นๆ ไมม กี เิ ลสเจือปน ทา นจะ
อบรมสัง่ สอนประชาชนมากนอ ยเพยี งไร ยอมเปนไปตามอธั ยาศัยของทา น ไมม ีกิเลส
เขา เคลอื บแฝง ไมลมุ ๆ ดอนๆ สงู ๆ ต่ําๆ เพราะทานสอนทา นไดแลวคอ ยมาสอนคน
อื่น จึงไมมคี วามผาดโผนโลดเตน แฝงอยใู นองคท า น เวลาเก่ียวของกับประชาชนท่ีมา
พง่ึ รม เงาแหง ธรรมทาน

ในเบอ้ื งตนทา นฝก อบรมใจทาน การอบรมสง่ั สอนคนทานทาํ อยา งเตม็ ที่ ทาน
ฝก ฝนทรมานตนอยา งเต็มฝม ือ ไมล บู ๆ คลาํ ๆ การฝกอบรมตนดวยวธิ ีตา งๆ เพอ่ื แก
กเิ ลสทัง้ มวล กต็ อ งเปนการทรมานตัวอยูโ ดยตรง ถา ไมทําอยา งนัน้ กิเลสกไ็ มยอมจํานน
และหมดไปจากใจ การทรมานกเิ ลสกับการทรมานตนในขณะนัน้ จะเรียกวาเปน
“ความทกุ ขใ นคนๆ เดียวกนั ” กไ็ ดไ มน า จะผดิ เพราะขณะที่ทมุ เทกําลงั เพ่ือ “การรบ
รากับกิเลส” หรอื “เพ่อื แกกิเลส” นั้น ตอ งใชค วาม “อตุ สาหพยายาม” อยา งเตม็ ท่ี
ตองไดร บั ความทกุ ขมาก สมกับข้นึ เวทีเพอื่ ชยั ชนะโดยถา ยเดียว แมทุกขมากนอยหรอื
จะถงึ ขัน้ ตาย เจา ของตอ งยอมรับ ไมยอมรบั ไมไ ดช ยั ชนะมาครอง มีบางองคทา นเดนิ
จงกรมจนฝา เทา แตก นัน่ เหน็ ไหม! ทั้งๆ ท่ีฝา เทานัน้ ไมใชก ิเลส แตจ าํ เปน กต็ องไดรบั

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๖า๓๕กับ๘ กเิ ลส’’

๕๙

ความกระทบกระเทือนไปดวย ถงึ ฝา เทา แตกดว ยการรบกเิ ลส บางองคก ็ตาแตก “พระ

จักขบุ าล” ตาแตกท้งั สองขาง เพราะไมน อนเปนเวลาตงั้ สามเดอื น ทา นฝกทรมานอยา ง
เต็มท่ีจนตาท้ังสองขางแตก แตใ จสวางจา ขึน้ มาในขณะน้นั เพราะบรรลุขั้นอรหัตธรรม

ถึงคราวที่จะตองรบั ความทกุ ขลาํ บาก เพราะการประกอบความเพียรเพอื่ แก
กเิ ลส ก็ตอ งยอมรบั กนั จะไมยอมรบั ไมได ตองยอมรับ เม่อื ถึงขนั้ ยอมรบั เพื่อชยั ชนะ

อนั ใหญหลวง พระพทุ ธเจาก็ทรงยอมรับ พระสาวกทงั้ หลายกวา จะไดมาเปน “สรณะ”
ของพวกเรา ทานกย็ อมรับความทกุ ขความลาํ บากในการฝก ฝนทรมานตนเพ่อื ฆากเิ ลส
ทง้ั นนั้ เพราะกิเลสอยูก ับตัว การฟน กิเลส ถา ไมฟน เขา ไปถกู ตัวดวยก็ไมกระทบ
กระเทอื นกิเลสทีอ่ ยกู ับตวั ฉะนน้ั การห้าํ หั่นกิเลสไมก ระทบกระเทอื นตัวดวยจึงไมไ ด
ตองมีการกระทบกระเทอื นตัวเปน ธรรมดา

พวกเรากเ็ หมอื นกนั ถาจะใหก เิ ลสมันอยหู องโนน เรามาอยูหองน้ี ขงั กิเลสไวใ น
หองโนน เรามาอยใู นหอ งน้ี มันเปน ไปไมได ถา เปน ไปไดพ ระองคต อ งทรงทราบกอน
ใครๆ ในโลก เราอยใู นหองไหนกเิ ลสกอ็ ยูในหองนัน้ การฝกทรมานเราตรงไหนกเ็ ปน
การฝกทรมานกิเลสตรงนน้ั และในขณะเดยี วกันก็เปน ความทุกขใ นการแกกเิ ลสเชน
เดยี วกนั คือเราตองยอมรับทกุ ข เชน นัง่ มากก็ทุกข เดนิ มากกท็ กุ ข นอนมากกท็ ุกข คือ
นอนพิจารณาเพ่ือแกกิเลสนะ ไมใ ชน อนแบบหมขู ้นึ เขียง เวลากาํ หนดภาวนามนั ทกุ ข

ดว ยกันท้งั นั้น ชอ่ื วา “ประโยคพยายามท่จี ะแกกเิ ลส”แลว มนั เปนความทกุ ขด วยกนั ท้งั
น้ัน ฉะนัน้ จึงไมค วรทอใจออนใจ กเิ ลสจะแขง็ ขอ ตอ สูเอาจะวา ไมบ อก

แมจ ะเปน การอดนอนผอ นอาหาร มันกเ็ ปนเรอ่ื งความทุกขทง้ั นัน้ แหละ แต
เพ่อื ดับเชือ้ ของกิเลสนะ ทุกขก็ตองยอมรับ การขาดตกบกพรอ งในสิ่งใดบรรดาท่ี
อาศยั เปน ความฝดเคอื งกับสง่ิ ใดกย็ อมรับ อะไรจะขาดตกบกพรอ งตองยอมรบั ๆ เมื่อ
เข็มทิศอนั ใหญย ิ่งมุงตออรรถตอ ธรรม คือแดนแหง ความพนทุกขอ ยูแลว อะไรๆ กต็ อ ง
ยอมรบั ตองยอมรับท้ังนน้ั ไมกังวล ไมย อมรับไมได กเิ ลสมันอยกู ับเรา เราไมย อมรบั
ความกระทบกระเทอื น ความทกุ ขความลาํ บากดวยเพราะการแกกิเลส ยอมไมได ตอ ง
ยอมรับ

เอา! ทุกขก ท็ กุ ข ยอมทุกข ลาํ บากก็ยอม ขอใหก เิ ลสมนั คอยหมดไป ๆ เพราะ
กเิ ลสเปนเครื่องกอกวนภายในจติ ใจ จําพวกบอ นทาํ ลายกค็ อื กเิ ลสนแ่ี หละ อยา งภาย
นอกที่เราเห็นนน่ั แหละ ลวนแลว แตกิเลสบงการ เพ่อื ความมักใหญใฝส งู เกนิ มนุษยมนา
เทวดาอินทรพ รหม ไมย อมมองดูตัว เดย๋ี วสไตรคท ี่น่ัน สไตรค ท่นี ี่ เดินขบวนที่นัน่ เดิน
ขบวนที่น่ี กค็ อื พวกบอ นทาํ ลาย ทําลายบา นเมือง ทําลายทน่ี ่ันทาํ ลายทีน่ ี่ ทาํ ลายหลาย

คร้งั หลายหนมนั กแ็ หลกไปเอง นั่น!

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชุด๖เต๔ร๕ีย๙มพร้อม

๖๐

กิเลสมันทาํ ลายเรามนั ทาํ ลายอยา งนนั้ มนั บอ นทตี่ รงนน้ั มนั บอ นท่ตี รงน้ี แตเรา
ไมทราบวามนั บอนทาํ ลายเราซิ เราเลยหลงไปเขาขางมันเสีย แลวก็แย! ตวั เรากเ็ ลยเปน
กองทุกขข้ึนมาโดยไมเห็นโทษของตัว

เพราะฉะนัน้ จงึ ตอ งใชป ญ ญาแยกแยะออก เจตสิกธรรมอันใดเปน ไปเพอื่ ความ
กอทกุ ขความลําบากแกตน ใหระมัดระวังวา เจตสิกธรรมคือความคดิ ประเภททผี่ ดิ
พยายามแกไ ขโดยถูกทาง กจ็ ะมีความสุขเยน็ ใจ ผูเกย่ี วขอ งก็มีความผาสกุ เย็นใจเชน
เดยี วกนั ทงั้ นข้ี ึ้นอยูกับอบุ ายแหง การแกกเิ ลสของแตล ะรายจะขวนขวายใสตน

คาํ วา “กเิ ลส” เราอยา คิดวา มนั อยทู ีไ่ หน กค็ ือความคิดความปรุงน่แี หละ เปน
เครือ่ งมอื ของกิเลสโดยตรง กเิ ลสจรงิ ๆ มีฝง อยูในใจ ฝง อยา งจมมิด ไมทราบวา ใจคือ
อะไร กิเลสคืออะไร เพราะมันเปนอนั เดยี วกนั ในขณะนีม้ นั เปนอันเดยี วกัน มันเปน
อยางนนั้ จรงิ ๆ กระเทอื นใจก็กระเทือนกเิ ลส

เมือ่ แยกแยะกนั ไปโดยลําดับดวยความเพยี รพยายาม เราถึงจะทราบวา กเิ ลส

เปน ชนดิ ใด ใจแทห รือ “จิตแท” เปน อยางไร เพราะอาํ นาจของปญญาเปนเครอ่ื ง
ทดสอบ สตเิ ปน เคร่ืองระลึกรูในวงงานนัน้ ๆ ปญญาเปนผูคลีค่ ลายพจิ ารณาใหท ราบวา
ผิดหรือถูกโดยทางเหตุผล แลวกแ็ กกันไปไดตามลาํ ดับของกเิ ลสทม่ี ปี ระเภทตา งๆ กนั
เราจะทราบวา อนั ไหนเปนเรอ่ื งของกิเลส อันไหนเปน เร่อื งของธรรม ก็คอยทราบไป
เร่ือยๆ โดยภาคปฏบิ ัตจิ ิตตภาวนา แตเรอ่ื งความทุกขเพราะความเพยี ร กย็ อ มมเี ปน
ธรรมดาของการทาํ งาน ไมวาจะเปน ความเพยี รเพ่ือแกกิเลสข้นั ตา่ํ ขน้ั กลาง หรอื ขัน้
ละเอียด เม่อื กิเลสยงั มอี ยู ความทุกขในการฝก ฝนทรมานตนก็ตอ งมีอยูโดยดี ถงึ จะมีก็
ตาม พึงทราบวาการทาํ งานไมว า งานชนิดใด งานเล็กงานใหญตอ งเปนความทุกขตาม
ความหนกั เบาของงาน แตค ุณคา นนั้ สงู สมกบั งาน

ผูห วังพน ทุกขตอ งมคี วามเขม แข็ง ไมเขมแข็งไมไ ด การฉดุ การลากจติ ออกจาก
สง่ิ มัวหมอง ออกจากกเิ ลส ออกจากสิ่งสกปรกโสมมน้ี เปนของทาํ ไดยาก เพราะฉะนน้ั
โลกจงึ ไมอ ยากทาํ กนั สนู อนจมอยูกับกิเลสไมได กจ็ ําเปนตอ งนอน นอนจมอยูน่ันแล
นอนบน อยูน่ันแหละ เฝากองทกุ ข บนทุกขบ น ยาก บน วา ลําบากรําคาญ แตไ มมที างที่
จะแยกทุกขออกจากตัวได แมบนกันกระทั่งวนั ตายกต็ ายไปเปลาๆ ไมไดร บั ประโยชน
อะไร ฉะนนั้ การมแี ตบ นใหท กุ ขและระบายทกุ ขอ อกดวยการบน จงึ ไมเกิดผลอะไร แตก ็
จาํ เปน ตองระบายตามนสิ ัยที่เคยบน กนั แกไ มตก ไดร ะบายใหใ ครฟง นิดหนงึ่ ก็ยังคดิ วา
ไดเ ปล้ืองทุกขบาง ทั้งทท่ี กุ ขย งั มีอยูอยางเดมิ เพราะนน่ั ไมใชการแกทกุ ข! ถา ไมแ ก
กเิ ลสซง่ึ เปน ตวั กอทุกขใ หเบาบางและสนิ้ ไป! การบน เพื่อระบายทกุ ข เปนการเพ่มิ พนู
กเิ ลสขน้ึ เสยี อกี ไมใชอ ุบายแกทกุ ข!

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๖า๖๕๐กับ กเิ ลส’’

๖๑

ถา เดนิ ทางสติปญ ญาโดยจติ ตภาวนา ใครค รวญไตรต รอง กม็ ที างแกกิเลสและ
กองทุกขไดด ังทา นพาดาํ เนินมาแลว มพี ระพุทธเจา และพระสาวกเปน ตวั อยาง ทานแก
กเิ ลสกองทกุ ขดวยวธิ ปี ฏบิ ัตติ อ จิตใจ

ศาสนาในครั้งพทุ ธกาลทา นปฏบิ ัตแิ ละสอนอยางน้ี ทา นสอนเขา ในวงจติ โดย
เฉพาะ การแสดงออกทางกายทางวาจานั้น เปนกิริยาที่สอ ออกมาจากใจ เมื่อใจไดร ับ
การอบรมดีแลว อันไหนถูกอนั ไหนผิดใจยอมทราบเอง

ขอสาํ คญั ใหจติ ไดร บั ธรรมคอื เหตผุ ลเขา สดู วงใจ ทุกสงิ่ ทกุ อยา งแสดงออกจะ
เปนดว ยเหตดุ ว ยผลและเปนความราบรนื่ ดงี าม การแกกิเลสถา ไมมีเหตผุ ลเปน เคร่ือง
มอื แก เชน โกรธใคร ก็พึงยอนจติ เขามาดตู วั ผูกําลงั โกรธอันเปน ตนเหตุไมดี เปนตน
คนเรายอมจะเห็นโทษของตัว ความโกรธก็ระงับไป ไมใ ชไปเพง เล็งผูถ กู โกรธ ซึง่ เปน
การเพิ่มพูนกิเลสและกองทุกขใ หแ กตวั มากข้ึน

อา นคัมภรี ไหนก็วาแตเ รื่องกิเลส เราเลยเขา ใจวากิเลสไปอยใู นคมั ภรี น ัน้ ๆ เสยี
น่ันซีมันผดิ นะ อันหนึ่งความโลภ ความโกรธ ความหลง หรอื กเิ ลสพันหาตัณหารอ ย
แปด อะไรทาํ นองน้ี เขาใจวามนั อยูในคัมภรี  การอา นชือ่ กิเลสไดม ากๆ เรียนจําได
มากๆ กว็ า ตวั นีร้ แู หลมหลกั นกั ปราชญช าติกวีไปเสีย แนะ มนั ผดิ ไปแลว น่ัน มนั ผดิ
จากหลกั ธรรมและเจตนาของพระพทุ ธเจา ที่ทรงสัง่ สอนเพ่ือแกก เิ ลสซ่งึ มอี ยกู ับตัว
คอื อยกู บั ใจ การเขา ใจดงั ทว่ี า นน้ั มนั เปน การสง่ั สมกเิ ลสโดยไมรูส ึกตวั เลย เชนสาํ คญั

วากเิ ลสอยใู นคมั ภีร ไปจาํ ชือ่ กิเลสน้นั แลว กว็ าตัวรตู วั เขา ใจตัวฉลาดเสีย แนะ!ทั้งๆ ท่ี
ไมไดใ หใจแตะตองหรือเขยาพอใหกิเลสตกใจบา งสกั ตัวเดยี ว หรือพอใหม ันหนังถลอก
ไปบาง กเิ ลสยังอยูเตม็ หวั ใจ และมากกวา ทีย่ ังไมไดเ รียนช่ือของมนั เสียอกี ท้ังน้ีมันผิด
พระประสงคข องพระพุทธเจา !

เพอ่ื ถูกตามความเปน ไปของธรรม หรือนโยบายของพระพทุ ธเจา กเิ ลสตวั ใดก็
ตาม เรียนรูชือ่ มนั อยูในคัมภีรใ ดกต็ าม นั่นเปน ชือ่ ของมนั แตกเิ ลสอยภู ายในใจคน หวั
ใจสตั ว ความโลภช่ือมนั อยใู นคมั ภรี  ตัวโลภอยใู นใจคน ความโกรธในคมั ภรี ไ มไดโกรธ
แตห ัวใจคนมันโกรธตางหาก ความลมุ หลงคมั ภีรไมไ ดลุมหลง ชอ่ื ของกเิ ลสไมไ ดล มุ
หลง ตวั กเิ ลสทอ่ี ยภู ายในตวั ของเรานเ้ี อง เปน ตัวใหล มุ หลงตางหาก

การแกก เิ ลสจงึ ตอ งแกทน่ี ่คี อื ใจ แกท อ่ี นื่ ไมถ ูกไมเกดิ ผล การแกถ กู หลกั ถกู วธิ ี
กิเลสจะคอ ยเบาบางลงและหมดไปจากใจ ผูป ฏบิ ัตจิ ิตตภาวนาจึงควรดใู จตัวเองและ
แกก เิ ลสทีใ่ จเปน สําคัญ ดูภายนอกแลว กย็ อนทบทวนเขาดูภายในจึงชอื่ วา “เรยี นธรรม

ปฏบิ ตั ธิ รรม” อยาดแู บบโลกๆ ท่ีดไู ปรกั ไปชังไปเกลียดไปโกรธ อันเปนการสง่ั สมกเิ ลส
ใหมากมูนจนลมื เน้ือลมื ตัว

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชดุ ๖เต๖๖ร๑ียมพรอ้ ม

๖๒

ถา ดเู ขามาในตัวดูออกไปขา งนอก เทียบเคียงเหตุเทียบเคียงผลเพื่อหาทางแก
ยอ มมสี วนท่ีจะลงกันและแกกิเลสไดเ ปน พกั ๆ ไป ใจก็สบายและเบา ไมหนกั อ้ึงดว ย
การแบกการหามกเิ ลสทั้งโคตรแซปยู าตาทวดดังทีเ่ คยแบกหามมา วันหนึ่ง ๆ ให
พิจารณาทบทวนมากๆ ทบทวนเรอื่ งของตัว พจิ ารณาเรือ่ งของตัวใหมาก ดวยสติ
ปญ ญาพจิ ารณายอ นหนายอ นหลังเพือ่ รูความจรงิ เพราะวันเวลาหน่ึงๆ ใจผลติ ความยงุ
เหยิงวนุ วายขน้ึ มาภายในตัวไมไดห ยดุ ถาเราเผลอ แมแตไ มเ ผลอกิเลสมนั ยงั โผลออก
มาไดซ่งึ ๆ หนาอยางกลาหาญตามสนั ดานทหี่ ยาบคายของมัน บางทมี ันยงั แสดงลวด
ลายออกมาตอ หนาตอ ตาแกมันไมไ ดก ็มี เพราะกาํ ลังของเราไมเ พียงพอ ขณะนน้ั จาํ ตอ ง
ยอมไปกอ น อันไหนอยูใ นวสิ ยั ก็พยายามแกม ันไป

นแ่ี หละการแกก ิเลส ทที่ านดาํ เนนิ มา ทานไมท อถอยและยอมมนั เอางายๆ จะ
ทกุ ขย ากลําบากกท็ นเอา เพราะเปน งานของตัวโดยเฉพาะ คนอ่ืนชวยไมได ท้งั นก้ี เ็ พอ่ื

ร้อื สงิ่ ทเี่ ปน เส้ียนหนามอยูภ ายในใจออกน่นั แล เพราะข้นึ ชอื่ วา “กเิ ลส” แลว มันเปน
เส้ียนหนามทมิ่ แทงจติ ใจทั้งนนั้ แหละ จงพยายามถอดถอนออกไปโดยลาํ ดับ จนไมม ี

อะไรทิ่มแทงใจตอไป และเปน ใจที่ “สมบูรณแบบแท”
ประการสาํ คัญกค็ อื ชีวติ จิตใจมันหมดไปทุกวนั ๆ เมอ่ื วานนกี้ ห็ มดไปแลววนั

หนึง่ มนั มีแตห มดไปเรอื่ ยๆ หมดจนกระทัง่ ไมม เี หลอื ชวี ิตสังขารผา นไปเรอ่ื ยๆ จนไม

มีอะไรเหลอื ติดตวั เมื่อไมม ลี มหายใจเหลือติดตัวแลว เขาเรียกวา “คนตาย” กันท้งั น้นั
คนตายสัตวตายท่ไี มมกี ศุ ลผลบญุ ตดิ เน้ือติดตัว ยง่ิ เปนความทกุ ขอยา งหาท่ปี ลง

วางไมไ ด ฉะนัน้ จึงตองรบี เรงขวนขวายกอสรางคณุ งามความดซี ึ่งจะไมสญู หายไปไหน
เสียแตบ ัดนี้ ความดนี จ้ี ะติดแนบกับใจไปในภพหนา ไมล ดละปลอยวางเจา ของผู

บําเพญ็ การสรางคณุ งามความดที านเรียกวา “สรา งวาสนาบารม”ี

“วาสนา” กค็ อื ธรรมเครอ่ื งอยูน น่ั เองจะเปนอะไรไป คือธรรมเครอ่ื งอยูเครอ่ื ง
อาศยั เครือ่ งพ่งึ พงิ เครอ่ื งสงเสริมจิตใจ เหมอื นคนมบี า นมีเรอื นเปน ที่อยอู าศยั ยอม
สบาย ถาไมมีก็ลําบาก บา นเมืองเขามที ่ีอยทู ี่อาศยั แตเ ราไมมี ซ่งึ เราไมใ ชกระจอน
กระแต ไมใ ชส ัตว จงึ ไมส มควรอยางยงิ่ แมแตสตั วเขายังมรี วงรงั มนษุ ยเราไมมบี านมี

เรือนอยูไดเหรอ? มนั ลาํ บากแคไ หน จิตใจไมมหี ลักมีเกณฑ ไมม ีเหตุมผี ล ไมม ที พ่ี ง่ึ พงิ
อาศยั ไมมที เี่ กาะทีย่ ึดเหน่ยี ว อยูโ ดยลาํ พงั ไมมีสรณะ จะเปน ทกุ ขเ พยี งไร ลองวาดภาพ
ดูกไ็ ด ภาพของคนทกุ ขเปน อยา งไร

เราเคยเหน็ ทัง้ คนและสัตวเปน ทุกขทรมานจนตายตอ หนาตอ ตากเ็ คยเหน็ มันนา

ยนิ ดีเมอ่ื ไหร! เม่อื มบี ารมธี รรมก็พอมคี วามรม เย็นเปนสขุ ภายในใจบาง ยงั ดกี วามแี ต
ทกุ ขลว นๆ อนั เปนไฟท้งั กองบนรางกายและจติ ใจเปนไหนๆ เฉพาะอยางยง่ิ ใหส รางสติ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๖า๗๖กบั๒กิเลส’’

๖๓

ปญ ญาขึน้ ใหม าก แกก ิเลสในปจจุบนั นนั่ แหละ ใหเ ห็นชดั ๆ กบั ใจ แกไปไดมากนอยกร็ ู
เอง กิเลสมันเตม็ อยูท่ีในจิตนีแ้ หละไมเ คยบกพรอ งเลย แมโ ลกจะพากนั บน วา สิง่ น้ีบก
พรอ งสิง่ น้ันบกพรอง หรือวาโลกบกพรอง มันวงิ่ ออกทาง “ขนั ธ” และทาง
“อายตนะ” คือทางตา ทางหู ทางจมกู ทางลน้ิ ทางกาย ทางใจ อยตู ลอดเวลา ไมเคย
บกพรองกับใครถาไมทําลายมนั

แมเวทนาจะเกิดขึ้น มนั กไ็ มเกิดเฉพาะเวทนาเทา น้ัน กิเลสมันเกดิ ดวยถาสตไิ ม
มี ทาํ ใหเ กิดความเดือดรอ นเสียใจ เพราะเปนทกุ ขที่นัน่ เจบ็ ปวดท่ีนี่ ความเสยี ใจนน้ั เกดิ
ขน้ึ จากความหลงขนั ธห ลงอายตนะวา เปนตนเปนของตน กเิ ลสจงึ เกิดขึ้นตรงน้ี ความ
ทกุ ขทางใจจงึ เกิดขึน้ ได เชนเกดิ ความกระวนกระวายภายในใจวา ทุกขเ กิดขน้ึ ทนี่ น่ั ที่น่ี
บา ง กลัวทกุ ขจ ะไมห ายบาง กลวั ตนจะตายบา ง เหลานม้ี แี ตเร่อื งสง เสริมกเิ ลสใหเ กดิ ข้นึ
ซา้ํ เตมิ เจา ของ เพราะความโงเ ขลาเบาปญญาตามไมทันมนั นน่ั แล!

ถาจะเปน ศษิ ยพระตถาคตจรงิ ไมเปนศิษยป ลอมละก็ตายซ!ี้ เราเรยี นความรู
เรยี นเพื่ออะไร ก็เพอ่ื ความรอบรูในส่งิ เหลา น้ีเอง เปน ก็เปนมาแลวตั้งแตวนั เกิดจน
กระทงั่ บดั นี้ ทราบทกุ ระยะอยแู ลว เวลาตายทาํ ไมจะไมทราบ เพราะอยใู นอวัยวะอนั
เดียวกัน เอา ตายเดีย๋ วน้ีก็ใหท ราบกันเด๋ยี วน้ีซิ จิตไมเคยอาภพั ความรแู ตไหนแตไรมา

เรื่องความเปน ความตายเปนเรอ่ื งของธาตขุ นั ธ การรูความเปนความตายของตวั
เองเปนหลกั วิชา คอื สตปิ ญ ญาทางพทุ ธศาสนา เมอื่ รแู ลว ตวั เองก็ไมเ สียทาเสียทไี ปกับ
สิง่ ที่เกดิ ขึน้ ดับไป มีเวทนาเปนตน หรือรา งกายทป่ี รากฏขนึ้ แลว สลายตวั ลงไป จติ ใจมี
ความมนั่ คงไมหวั่นไหวโยกคลอนไปตาม จติ มหี ลกั เกณฑเปน ทอี่ ยูอาศยั มคี วามมน่ั คง
ภายในตวั เอง ไมวุนวายไปกบั ธาตขุ นั ธท่ีมันจะสลายตัวไป ทกี่ ิเลสมันแทรกขน้ึ ไดนั้น
เพราะความสาํ คญั มน่ั หมายของจิตเปน ตน เหตุ วา ความทกุ ขท นี่ น่ั ความเจบ็ ปวดทนี่ ่ี
กายเราทุกขต รงนน้ั ขาเราเจ็บตรงนี้ ศรี ษะเราปวดขา งน้นั ทองเราเดนิ ไมห ยุด กลัวจะ
ไมห าย กลัวจะตาย กลวั จะตายวนั นนั้ กลวั จะตายวนั น้ี หาเรอ่ื งคิดไปไมม เี วลาจบส้นิ
ท้ังนม้ี แี ตเ รอ่ื งกอความทุกขความลําบากใหแ กรา งกายและจติ ใจ รับภาระหนกั ซ้าํ เขาไป
อกี ดไี มด โี รคเสยี ใจเมอ่ื เกิดมากขึน้ กท็ าํ ใหต ายเรว็ กวาทค่ี วรจะเปน จึงไมใ ชข องดี ไม
ใชเร่ืองแกก ิเลสใหระงบั หรอื สนิ้ ไป แตเ ปนเรอ่ื งสง เสรมิ กิเลสใหซ ํา้ เตมิ ทั้งรางกายและ
จิตใจใหหนักเขาโดยลําดับ จึงควรคาํ นงึ ใหมากในเวลาไมส บาย

การแกกิเลสคืออยางไร? เอา! อะไรเกิดข้ึนก็ใหร ูเรือ่ งความเกดิ ขน้ึ ของสง่ิ นัน้
เจบ็ ก็ใหท ราบวามันเจบ็ ขนาดไหน จะรใู หถ งึ ความจรงิ ขนาดนัน้ เรอ่ื งของความเจบ็ เปน
อันหนง่ึ ตา งหาก ผูรเู จบ็ เปน อันหน่งึ ตา งหาก ไมใ ชอ ันเดยี วกนั น้ี จะตายก็ใหท ราบถงึ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชดุ ๖เต๘๖ร๓ียมพร้อม

๖๔

ขณะตาย อนั ไหนตายก็ใหมันตายไป ผูไมตายคือผูรู ก็ใหร วู าไมตาย เพราะผทู ีร่ ไู มได
ตายไมมีปาชา เปน “อมตํ” (อะมะตัง)

อมตํ ก็หมายถงึ จติ น้เี อง แมมีกเิ ลสอยูใ จกเ็ ปน “อมต”ํ ของมนั กเิ ลสสน้ิ ไป
แลวก็เปน อมตํ แตเ ปน “อมตํ” ที่ตางกนั เทา นน้ั เอง อมตํอันหนึ่งเปน อมตํวฏั ฏะ คือ
ตัวหมนุ เวียนอยา งนัน้ เร่ือยๆไป อมตอํ กี อนั หน่ึงไมเกิดตอ ไปอีกและไมตายดวย นีเ่ ปน
อมตํของความบริสทุ ธิแ์ หง ใจ มอี ยสู องอยา งจงเรยี นใหร ู อันใดทมี่ าเกย่ี วขอ งมาทาํ ลาย
จิตใจ ใหท ราบวา อนั น้ันคือขา ศกึ ใหร ีบแกไ ขทันที

นีแ่ หละเรียนธรรม คือเรียนเร่อื งธาตเุ รื่องขนั ธ เรอื่ งอายตนะ สาํ คญั ท่ีสดุ ก็คือ
ขันธ ระหวา งขันธก บั จิตน่ี มันกระทบกระเทือนกนั อยทู ง้ั วันทง้ั คนื ยนื เดินนง่ั นอน หรือ
ทุกอริ ิยาบถ มนั กระทบกระเทอื นกันอยูเสมอไมเคยมีเวลาสงบตวั เลย

ถา มีสตปิ ญญา สง่ิ เหลานนั้ กเ็ ปนหนิ ลับอยูเ สมอ ความกระเทอื นทง้ั นเ้ี ปน หนิ ลบั
ปญญา คอื เปน เครอื่ งปลกุ สติปญ ญาใหต่นื ทันกับเหตุการณ และใหรรู อบขอบชิดตอส่งิ
นนั้ ๆ ส่ิงเหลา นนั้ ก็ไมซึมซาบเขาภายในและปลอ ยยาพษิ เขาไปในใจได ใจก็ไมเ ดือด
รอนกระวนกระวาย

เอา! ถงึ วาระจะตายกต็ ายไปอยา ง “สุคโต” เพราะความรรู อบคอบแลว ความ
จรงิ กเ็ ปนอยางน้นั เรียนธรรมปฏบิ ัตธิ รรมทําอยางนแี้ หละ กเิ ลสทง้ั หลายถึงจะกลัวและ
ลา ถอย ไมต ัง้ หนาย่าํ ยจี ิตใจดังที่เคยเปนมา

กิเลสกค็ ือความสาํ คญั มน่ั หมายตา งๆ นแ่ี หละ ซ่งึ เกิดขน้ึ จากจติ ดวงเดียว แกให
ทนั กับเหตกุ ารณทป่ี รากฏข้นึ ย่ิงเวลาจนตรอกเขา จริงๆ เวทนามมี ากเทาไหร จะโหมตวั
เขามาอยางเตม็ ทเ่ี วลาน้ัน แตพ ึงทราบวา “นน่ั ตวั เวทนา” อยา เขาใจวาเวทนาเปนตน
สาํ คัญมาก!

จงพิจารณาใหเ หน็ ความจริงของเวทนา แมท ุกขม ากนอ ยเพียงไรกใ็ หรู เอาจติ
กําหนดอยูตรงนั้น พจิ ารณาอยตู รงน้ัน จนรูความจรงิ ของเวทนา จิตเปนธรรมชาตริ ู
เวทนาเปน สงิ่ ทีแ่ สดงขนึ้ เกิดขึ้นแลวดบั ไปตามธรรมชาติของมนั เอง ผทู ร่ี ูใหร ูเ วลา
เวทนาเกดิ และดับ ถาจะตายก็ใหรวู า มันตาย อะไรมนั ตายกใ็ หรู สง่ิ ทไี่ มตายกอ็ ยู คือผูรู
น!่ี

ใหท นั กันอยูทุกเวลา แลวกไ็ มว ติ กกังวล การเปนการตายเปนเรื่อง ธรรมดา
ธรรมดา! ถาทราบตามหลักธรรมชาติแลว จะไมมีปญหากับเรื่องการเปนการตายอะไร
เลย การจะกอ ปญหาขนึ้ มา กค็ ือกิเลสเปน ผูส รางปญหาขึน้ มา แลวกม็ าพัวพนั จิตใจให
เกิดความเดือดรอนวุนวายไปดว ย

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๖า๙๖ก๔ับ กเิ ลส’’

๖๕

ทั้งๆ ที่ยงั ไมตายก็เดือดรอนแลว กลวั ตาย แนะ ! เวลาจะตายจริงๆ ยิ่งเดือด
รอนใหญ ซงึ่ ไมเ กดิ ประโยชนอ ะไร มแี ตความทกุ ขเ ตม็ ตัว ตายแลวก็เสียทา เสยี ทเี พราะ
ความรอนเปน เหตุอีกนนั่ แหละ เพราะเหตุน้นั จงึ ตอ งแกความเดอื ดรอน ดวยความรู
ความเขา ใจในธาตุในขนั ธในอวยั วะตางๆ ซึง่ อยูในกองขันธก องสมมตุ ทิ ั้งมวล

เราอาศัยกองสมมุตินี้ จะใหก องสมมตุ นิ ้ีเปนตวั เราไดอ ยา งไร? มนั ก็ตอ งเปน
เร่อื งของเขาอยูน่นั เอง ธาตุก็เปนธาตุ ขนั ธก เ็ ปน ขนั ธ ดินเปน ดนิ น้าํ เปนนา้ํ ลมเปน ลม
ไฟเปนไฟ จะใหม าเปน “เรา” มนั เปน ไมได จะใหตัง้ อยยู นื นานถาวรตามทค่ี วามคาด
หมายความสาํ คญั แหง ใจ ก็เปน ไปไมได เพราะหลักธรรมชาตขิ องมันเปน อยางนัน้ มา
ดั้งเดิม ผูเ รียนวิชาธรรมะจึงตอ งเรยี นใหร ตู ามหลักธรรมชาติ แลว อยตู ามหลกั ธรรมชาติ

ตา งอนั ตา งจรงิ ก็สบาย ไมม อี ะไรมากอกวน นแี่ หละช่ือวา “เรียนธรรม” ชอ่ื วา
“แกก ิเลส” ปฏิบตั เิ พ่อื แกก ิเลส แกอ ยา งน้ี

ถึงเวลาเรงตองเรงเตม็ ที่ เปน กับตายไมถือเปน ภาระความกงั วล เพราะเพื่อ
ความรูค วามหลุดพนอยา งเดียว อะไรอน่ื ๆ ไมเกีย่ ว จนรเู ทาและปลอยวางไวตามสภาพ
ของสิ่งทัง้ ปวง

ความดเี หลา น้ีแหละ จะเปน เครอ่ื งสนบั สนนุ จติ ใหพ น จากโลกได พนดว ยอํานาจ
แหง ความดนี แ้ี ล

นีห่ ลักศาสนาสว นใหญท า นสอนลงทนี่ ่ี แตเ ราอยา พากันเดินจงกรมแตพอเปน
พิธีก็แลวกนั การทาํ พอเปน พธิ นี ้นั คอื น่งั ก็สกั แตว า นงั่ สติสตังไมม ีเลย นง่ั สัปหงกงกงนั
แลว หลบั ครอกๆ อยกู ับทา นั่ง นน่ั แหละมนั พิธีอะไรไมรลู ะ พิธบี านะ !จะวายังไง? ผู
เปนคนดฟี งเอง!

เดนิ จงกรมกเ็ ดิน เดินไปยังงน้ั แหละ สติสตงั ไมทราบไปอยไู หน แลว กม็ านบั
คะแนนเอาเองวา “วนั น้ีเราเดินจงกรมไดเทา น้ันนาทเี ทา นนี้ าที ดใี จ!” ดใี จกับลมกับ
แลงไป ไมไดเรื่องอะไรเลย!

พระพุทธเจา พระอรหนั ต ตลอดครูอาจารย ทา นเบอื่ เจาพิธีแทบจะอยูก บั โลก
พิธีไมได ไมไ ดคดิ บางหรอื วา กเิ ลสมนั ไมใ ชเ จา พธิ เี หมอื นพวกเรานน่ี า มันคอื ตวั
เหยียบยาํ่ ทาํ ลายผเู ปนเจาพิธีโดยตรง ฉะนั้นตอ งแกม นั ลงทใี่ จนนั้ แกท ต่ี รงนั้น โดยถกู
ทางแลวดวยสติปญ ญาอันแหลมคม อยูไหนกเ็ ปนความเพยี ร น่ังอยูกเ็ ปนความเพยี ร
ถา มีสติปญญารักษาจติ ใจอยูโดยสมํ่าเสมอ อริ ยิ าบถทง้ั สเ่ี ปนความเพียรดว ยกันทงั้ ส้นิ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชุด๗เต๐ร๖ยี ๕มพร้อม

๖๖

เอา! ใหม คี วามเพียรกนั จรงิ ๆ จังๆ นะ น่แี หละเรยี กวา “เดนิ ทางศาสนาแบบ
ศาสดา” เดนิ ตามแนวทางของผแู กกิเลส เราจะสิ้นกิเลสดว ยแบบนี้ สนิ้ ในลกั ษณะนี้ ไม
ส้ินในแบบอนื่ ลกั ษณะอื่น

พระพุทธเจา ทานสิ้นไปเพราะเหตุน้ี สาวกทานสน้ิ ไปดวยอบุ ายวธิ นี ้ี ดวยปฏิปทา
อนั น้ี กเิ ลสมปี ระเภทเดยี วกัน การดาํ เนนิ แบบเดยี วกนั กิเลสจะตอ งหลดุ ลอยไปโดย
ลาํ ดบั ๆ เชนเดยี วกัน และถึงความพน ทกุ ขเชน เดยี วกัน จงึ ขอใหเ ปน ทล่ี งใจในการ
ปฏิบัติของตน

ขอยุติเพียงเทา น้ี

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๗า๑๖ก๖ับ กเิ ลส’’



๖๗

ปลกุ ใจสู้กิเลสเทศนโปรดคณุ เพาพงา วรรธนะกุล ณ วดั ปา บา นตาด
เม่ือวันท่ี ๒ กมุ ภาพนั ธเท พศนุท์โธปศรดกั ครณุาชเพ๒าพ๕ง๑า๙วรรธนะกุล ณ วดั ป่าบา้ นตาด
ปลกุ ใจสกู เิ ลส เมือ่ วนั ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศกั ราช ๒๕๑๙

ความสขุ กด็ ี ความทกุ ขก็ดี ไมม ีอะไรจะสขุ หรือทุกขย ่งิ กวาใจ ความสกปรกกด็ ี
ความสะอาดกด็ ี ไมม ีอะไรจะสกปรกและสะอาดยง่ิ กวาจติ ใจ ความโงก ็ดี ความฉลาดกด็ ี

กค็ อื ใจ ทา นสอนไวว า “มโน ปุพพฺ งฺคมา ธมมฺ า มโนเสฏฐ า มโนมยา” ส่ิงท้งั หลาย
สาํ คญั อยทู ี่ใจ สาํ เร็จแลวดว ยใจ

ศาสนากส็ อนลงทใ่ี จ ศาสนาออกกอ็ อกจากใจ รูกร็ ทู ใี่ จ พระพุทธเจารูกร็ ูทใี่ จ นํา
ออกจากใจน้ีไปสอนโลก ก็สอนลงทใ่ี จของสตั วโลก ไมไ ดสอนท่ีอ่ืนใดเลย

ในโลกธาตนุ ้จี ะกวา งแคบขนาดไหนไมสําคัญ ธรรมมีจุดหมายลงท่ีใจแหง เดียว

ใจทคี่ วรกบั ธรรมอยูแลว กเ็ ขา ถึงกันไดโ ดยลาํ ดับ ทีท่ า นวา “มอี ปุ นสิ ยั ” นน้ั หมายถงึ ผู
ควรอยแู ลว เหน็ ไดอยา งชดั เจน ผูม นี สิ ัยสูงตํ่าตางกนั อยางไรพระองคท รงทราบ เชน ผู
มอี ุปนิสยั ทีจ่ ะสามารถบรรลถุ ึงท่ีสดุ แหงธรรม ควรจะเสด็จไปโปรดกอนใครๆ เพราะ
เกย่ี วกบั ชวี ติ อันตรายทจี่ ะมาถงึ ผูน น้ั ในกาลขา งหนา เรว็ กวาธรรมดาทคี่ วรจะเปน ก็รีบ

เสด็จไปโปรดคนนน้ั กอน ทท่ี านวา “ทรงเลง็ ญาณดูสัตวโลก” ผทู ่มี าเกยี่ วขอ งกับ “ตา

ขาย” คือพระญาณของพระองค

คาํ วา “เล็งญาณดูสัตวโลก” น้นั ทา นเลง็ ญาณดูจติ ใจนน่ั เอง ทานไมไดเล็ง
ญาณดูตนไมภูเขา ดนิ ฟา อากาศ ซงึ่ เปน วตั ถุหยาบๆ และใหญโตยิ่งกวา คนและสตั ว แต
เมือ่ เก่ยี วกับธรรมแลว ใจเปน สิง่ ทีใ่ หญโ ตมากกวา สง่ิ ใดในโลก และเหมาะสมกบั ธรรม
อยางยิ่ง การเล็งญาณก็ตอ งเลง็ ดทู ่ใี จ การสั่งสอนกต็ อ งสง่ั สอนลงท่ใี จ ใหใจรูแ ละเขา ใจ
สงิ่ ตา งๆ ซ่งึ มอี ยูกบั ใจเอง

สําหรบั เจาของไมส ามารถทจี่ ะรไู ดว า อะไรผิดอะไรถูก การแกไขจะแกดว ยวิธีใด
กไ็ มท ราบทางแกไ ข วธิ แี กไขพระองคก ็สอน ไมใชสง่ิ ทนี่ ํามาสอนน้นั ไมมีอยูก ับจิตใจ
ของสัตวโ ลก เปน สง่ิ ที่มอี ยดู ว ยกนั เปนแตเ พียงผูน้นั ยังไมท ราบ ถกู ปด บังหมุ หออยู
ดว ยสงิ่ สกปรกทงั้ หลาย ดงั ท่กี ลา วมาแลว ขา งตนวา ไมมอี ะไรท่ีจะสกปรกย่ิงกวาใจ และ
สกปรกไมม ีวันสะอาดเลยถาไมช าํ ระซกั ฟอกดว ยการบาํ เพญ็ ธรรม รางกายเราสกปรก
ยังมวี ันชะวนั ลางใหสะอาดได เสอ้ื ผา กางเกงสถานทีส่ กปรก ยงั มีการชาํ ระซักฟอกเช็ดถู
ลางใหสะอาดสะอา นไดต ามกาลเวลา

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๗า๓กับ กเิ ลส’’
๖๗

๖๘

แตจ ิตใจทส่ี กปรกโดยท่ีเจาของไมไ ดสนใจนัน้ นะ มนั สกปรกมาต้ังแตเมอ่ื ไหร
และสกปรกไปตลอดกาลตั้งแตว ันเกดิ จนกระทงั่ วันตาย ภพน้ีถงึ ภพนั้น ภพไหนกภ็ พ
ไหน มีแตเ รือ่ งสกปรกพาใหเปนไป พาใหเ กิดพาใหต ายเรื่อยๆ ไปอยา งนั้น หาเวลา

สะอาดไมได ทานเรียกวา “ใจสกปรก” สง่ิ ทส่ี กปรกมนั จะพาไปดีไดอ ยางไร? อยกู อ็ ยู
กบั ความสกปรก ไมใ ชข องดี ผลแหงความสกปรกกค็ ือความทกุ ขค วามลําบาก คติท่ีไป
กล็ าํ บาก สถานทอ่ี ยกู ล็ าํ บาก กาํ เนิดทเ่ี กิดกล็ าํ บาก มแี ตของลาํ บาก ลําบากหมดเพราะ
ความสกปรกของใจ จึงไมใ ชเปนของดี ควรจะเห็นโทษของใจที่สกปรก ไมมีสิง่ ใดทีน่ า
สะอดิ สะเอยี นยิ่งกวาใจทส่ี กปรก อยา งอนื่ ทส่ี กปรกไมค อยไดม คี รูมอี าจารยสอนกนั
เหมอื นใจสกปรก

สวนจติ ใจท่ีสกปรกนี้ ตองหาผสู าํ คญั มาสอนจึงจะสอนได ใครจะมาสอนเร่ือง
การซกั ฟอกจติ ใจทสี่ กปรกนใ้ี หส ะอาดสะอา นไมไ ด นอกจากธรรมของพระพทุ ธเจา
แตละพระองคที่ทรงรูทรงเห็น และทรงสละเปน สละตายในการบําเพญ็ เพื่อรูทั้งพระ
ทัยของพระองคเองตลอดถึงวธิ ีแกไข แลว กน็ าํ มาสง่ั สอนโลกไดถ กู ตอ ง ตามวธิ ที ี่พระ
องคทรงบําเพ็ญและไดท รงเห็นผลน้นั มาแลว ใจจงึ ตองมีครูอาจารยสอนอยา งนี้

ความทุกขม ันก็เปน ผลมาจากสิ่งที่สกปรกนั้นเอง ออกมาจากความโง โงต อตวั
เองแลว ก็โงตอ สิ่งตางๆ ไปเรอ่ื ยๆ ตัวเองโงอยแู ลว สิ่งที่มาเก่ียวขอ งกไ็ มทราบวาอะไร
ถกู อะไรผดิ แมไ มช อบใจก็ตอ งไดย ดึ ตองไดค วา คนเราจึงตองมีทุกขทั้งๆ ทไ่ี มตองการ
กนั เลย แตทําไมจงึ ตอ งเจอกนั อยทู กุ แหงทุกหนทุกเวล่ําเวลา ทุกสัตวท กุ บคุ คล กเ็ พราะ
ไมสามารถทีจ่ ะหลบหลีกปลีกตัวออกได ดว ยอุบายตา งๆ แหง ความฉลาดของตน นัน้
แลจงึ ตอ งอาศยั คําส่ังสอนของพระพทุ ธเจา ไดรับการซักฟอกดวยความดที ้ังหลายเปน
ลาํ ดบั ๆ มา

ทานกเ็ ปน การซกั ฟอกกเิ ลสประเภทหนงึ่ ศลี กเ็ ปน การซกั ฟอกกิเลสประเภท
หน่งึ ภาวนากเ็ ปน การซกั ฟอกกิเลสประเภทตางๆ รวมตวั เขา มาอยใู นองคภ าวนาน!ี่

ลว นแตเปน “นาํ้ สะอาด” ทซ่ี กั ฟอกส่ิงสกปรกซึง่ รกรงุ รงั อยภู ายในจิตใจของสัตวโ ลกนี้
แล

อบุ ายวธิ ีตางๆ พระพทุ ธเจาจงึ ไดส อนกันมาเปน ลําดบั ลําดา องคน ้ีผา นไปแลว
องคน ัน้ ก็มาตรสั รู ตรัสรกู ต็ รสั รูในธรรมอนั เดียวกนั ความจรงิ อันเดียวกัน เพอ่ื จะแก
กเิ ลสตัณหาอาสวะของสัตวโลกอยา งเดยี วกนั เพราะฉะนั้นโอวาทของพระพุทธเจาทั้ง
หลายจึงเหมอื นๆ กนั

น่เี รานับวาเปน ผูม ีวาสนา ไดเ ปนผใู ครต อ ศลี ตอ ธรรม ซึ่งเปน “นาํ้ ท่สี ะอาดท่ี

สุด” สําหรับชะลา งสิง่ ทส่ี กปรกท่ีมอี ยภู ายในใจของตน คนท่ีไมม ีความสนใจกบั ธรรม

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชดุ ๗เต๔๖ร๘ียมพร้อม

๖๙

ไมเชื่อธรรมและไมเชื่อศาสนา เหลานม้ี จี ํานวนมากมาย เราไมไดเขากบั คนประเภทน้นั
กน็ บั วา “เปนวาสนาอยางย่ิง”

แมคนดีมีธรรมในใจจะมีจํานวนนอ ย ก็มีเราคนหน่ึงทีม่ สี วนอยดู ว ย สําหรับผทู ี่
ใครตออรรถตอธรรม มคี วามเช่อื ความเลอื่ มใสพระโอวาทของพระพุทธเจาทที่ รงส่งั
สอนไว นบั วา เปนผูท ีม่ ีวาสนา นแี่ หละวาสนาของเรา! คอื อนั นเี้ องเปน พนื้ ฐานทจ่ี ะให
เราไดบําเพ็ญความดีสบื เนื่องกันเปน ลาํ ดบั มา เปนความเจริญรุงเรือง จิตใจกจ็ ะไดมี
ความสะอาดสะอา นขนึ้ เมือ่ จติ ใจมีความสะอาดขึน้ โดยลําดบั ความสุขกป็ รากฏขึน้ เปน
เงาตามตัว ความเพลนิ อันใดจะเหมือนความเพลนิ ของใจ ท่ีรืน่ เริงไปดวยอรรถดวย
ธรรม มีความรักใครใ ฝใจในธรรม การประพฤติปฏบิ ัติกเ็ ปนไปดวยความอุตสา ห
พยายาม ผลกป็ รากฏข้นึ มาใหเ ปน ความสงบรม เยน็ เปน ความเพลนิ อยภู ายในจิตใจ
ทานจึงวา “รสอะไรก็สูรสแหงธรรมไมได” “รสแหง ธรรมชาํ นะซึง่ รสท้งั ปวง” คือรส
อันน้ีไมมีวันจดื จาง ไมม เี บื่อ ไมม ชี ินชา เปน รสหรอื เปน ความสขุ เปนความร่นื เรงิ ดดู
ดื่มไปโดยลาํ ดับลาํ ดา แมทส่ี ดุ จนมาถงึ ขนั้ วิมุตตพิ ระนิพพานแลว ความสุขนัน้ ยง่ิ มี
ความสมํา่ เสมอตัว คือคงที่ คงเสนคงวา ตายตัว

การพยายามจะยากหรืองา ยข้นึ อยกู บั ความพอใจ เราพอใจแลว งานอะไรมนั กท็ ํา
ไดท ้งั นั้น สําคญั อยูท่คี วามพอใจ เลง็ ดเู หตดุ ูผลเขา กนั ไดแ ลว ความพอใจหากมาเอง ถงึ
ไมมกี ็บงั คบั ได เราบังคับเรา บงั คับคนอ่ืนยงั ยากยิง่ กวา เราบังคับเรา เราอยกู บั ตัวเรา
เอง จะบงั คบั ใหทําอะไรกไ็ ด

“เอา! นง่ั ภาวนาวนั นก้ี น็ ง่ั ” “เอา เดินจงกรมก็ได” เอา ทาํ บญุ ใหท าน เอา
รักษาศีลนะ ไดท ง้ั น้ัน เราเปนเจาของเราเปนหัวหนา เปน ผบู ังคับบญั ชาจติ ใจ เราเปน
เจา ของ เจา ของทกุ สวนภายในรางกายเรา อาการเคลื่อนไหวท้งั ภายนอกภายในเราเปน
ผูรบั ผดิ ชอบ เราเปนผรู ะมดั ระวัง เราเปน ผรู กั ษาเอง ควรหรอื ไมควรอยา งไร เปนหนา
ทขี่ องเราจกั ตองบังคบั บัญชาหรอื สง เสรมิ เราเอง ในส่งิ ท่ีควรหรอื ไมค วร เราทราบอยู
ดว ยดี

หากเราไมสามารถปกครองตนเองไดในขณะนแ้ี ลว เราจะเอาความสามารถมา
จากไหนในวันหนา เดือนหนาปหนา ชาตหิ นา ภพหนา ? เราตองทําความเขาใจไวกับ
ปจ จุบนั ดว ยดตี ง้ั แตบดั น้ี ปจ จบุ ันนแ้ี ลเปน รากฐานสําคญั ทจี่ ะสง ไปถึงอนาคตใหมี
ความเจริญรุงเรืองขนาดไหน ตองไปจากปจ จบุ ันซ่ึงบําเพญ็ อยทู กุ วัน เจรญิ อยทู กุ วนั
สง เสริมอยูทุกวัน บํารุงอยูทุกวัน เจริญขนึ้ ทุกวัน นีแ่ หละหลกั ปจ จุบันอยทู ่เี ราเวลานี้

วันเดือนป ภพชาตินะ มนั เปนผลพลอยไดทีจ่ ะสืบเนอื่ งกนั โดยลาํ ดับ เชน เดยี ว
กับเมอ่ื วานน้สี บื เนอื่ งมาถงึ วันน้ี แลวกส็ บื เนอ่ื งไปถงึ พรุง น้ี สวนผลท่จี ะไดรับดีช่วั มนั ข้นึ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๗า๕ก๖บั ๙ กิเลส’’

๗๐

อยกู บั เรา เราเปนผูรบั ผิดชอบ จึงตองพจิ ารณาใหเ ห็นประจกั ษเสยี แตบัดนี้ท่ยี งั ควรแก
กาลอยู

ธรรมของพระพุทธเจาเปน “สนทฺ ิฏฐ ิโก” ประกาศอยตู ลอดเวลาต้ังแตวันพระ
องคทรงประกาศธรรมสอนโลก ก็ประกาศเรอ่ื ง “สนทฺ ฏิ ฐ โิ ก” นีด้ วยกันตลอดมาจน
ปจจุบัน เปนสิ่งทผ่ี ปู ฏบิ ัติจะพงึ รูพึงเหน็ ภายในใจของตวั เอง กาํ ลังเรามีเทาไรเราก็ทราบ
ผลทีไ่ ดรบั มากนอยเพยี งไรกท็ ราบภายในจติ ใจ เพราะใจเปนผคู อยรับทราบอยูตลอด
เวลาอยแู ลวทาํ ไมจะไมท ราบ บกพรอ งทีต่ รงไหนเรง เขาไป การเรงอยูโดยสม่ําเสมอ
ความบกพรองนั้นก็คอ ยสมบูรณขน้ึ เปน ลําดับ จนกระท่งั สมบรู ณเ ตม็ ที่ได ไมใชส มบูรณ
ดว ยความทอ ถอย ความทอถอยเปน เรอ่ื งท่จี ะตัดทอนสง่ิ ทีม่ อี ยูแ ลว ใหลดลงไป และเปน
สิง่ ท่ีกีดกนั สิง่ ทยี่ ังไมเ กดิ ไมใหเกิดขึน้ บรรดาสง่ิ ที่เราพึงใจท้ังหลายจะไมม ีทางเกิดขึ้นได
เพราะไมมีการสงเสริมอันเปนเหตุใหผลเกิดขึ้นได!

โงเราก็โงมาพอ จะเอาไปแขง กันไดยงั ไง เพราะตา งคนตา งโงเตม็ ตวั อยูภ ายใน
ใจดว ยกนั จะเอาไปแขงกันไดอยางไร ไมใ ชเรื่องจะแขงขนั กัน เพราะตางก็มดี วยกนั ทุก
คน สกปรกก็สกปรก ทุกขก ็ทุกขด ว ยกนั รดู วยกันทกุ คน ตางคนตา งทุกข ตางคนตางรู
ตา งคนตา งรบั ภาระเหลานี้ดว ยกัน ไมใชเรอื่ งท่ีจะมาแขง ขันกนั ได เราไมม คี วามสงสยั ใน
เร่อื งเหลาน้ี

เอาใหฉ ลาด ไมฉ ลาดกวา ใครก็ตาม ขอใหฉลาดเหนอื เรือ่ งที่เคยมีอยใู นจติ ใจ
ของเราซ่ึงเคยหลอกลวงเรามานาน เราคลอยตามสง่ิ เหลานมี้ านานแลว ใหพ ยายามทาํ
ความฉลาดใหท ันกันกบั เรอ่ื งของตัวเองนีแ่ หละสาํ คญั ! เม่ือทนั กับเร่อื งของตวั เองแลว
จะเรียกวา “ชนะตัวเอง” ดังที่ทานพดู ไวในหลักธรรมก็ไมผดิ น่ี ชนะอะไรกต็ าม ที่ทา น
พูดไวใ นธรรมบทหนง่ึ วา “โย สหสสฺ ํ สหสเฺ สน สงคฺ าเม มานเุ ส ชเิ น, เอกจฺ
เชยยฺ มตตฺ าน,ํ ส เว สงคฺ ามชุตฺตโม” การชนะสงครามท่คี ูณดว ยลา น ถงึ ขนาดนนั้
ลวนแตเปนการกอเวรทัง้ น้นั ไมใชเ ปนของดเี ลย การชนะตนนเ่ี พียงผูเดยี วเทา นั้นเปน
ของประเสริฐสุด”

ชนะตนหมายถึงอะไร? กห็ มายถึงชนะสิ่งท่ีตัวเราเคยแพมาอยูภายในใจของเรา
นแ้ี ล เราแพอ ะไรบาง เราทราบเราเองเรื่องอยางนี้ กิเลสท้ังหมดไมวาแงใ ด ลูกมันเราก็
แพ หลานมนั เรากแ็ พ เหลนมันเราก็แพ พอแมของมนั เรากแ็ พ ปูยา ตายายของมนั เรา
ก็แพ เราแพเ สยี ทงั้ หมด แพอยา งหลดุ ลยุ ยงั ง้ี อะไรๆ ของมนั แพห มด ถาสมมตุ ิวามันมี
มูตรคูถเหมือนอยางคนเราธรรมดานี้ มตู รคูถของมนั เราก็แพอ ีก แตน่มี ันไมม ี ก็มแี ต
“ขโี้ ลภ ขี้โกรธ ขีห้ ลง” วา ไปยังง้นั เสีย เราแพมนั แลว ท้ังนน้ั น่ี

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชุด๗เต๖๗รีย๐มพร้อม

๗๑

ความแพน ่ีมันเปน ของดีหรือ? อยกู บั ผใู ดไมม ดี เี ลย คําวา “แพ” นง่ั อยูก็แพ
นอนอยกู แ็ พ ยนื อยูกแ็ พ เดนิ อยกู แ็ พ หาเวลาชนะไมมีเลย มีศักดศ์ิ รีทไ่ี หน! มแี ต
ความแพเ ตม็ ตวั คนเรามสี าระทไ่ี หน ถาเปนธรรมดาแบบโลกๆ เขาแลว อยากจะไปผกู
คอตายนน่ั แหละ แตน ม่ี นั เปนเร่ืองธรรมดา มันสุดวสิ ัย เราจะวายงั ไงละ พูดกนั ใหเ หน็
อยา งนแ้ี หละ ไมย กขน้ึ มาอยางน้ไี มเหน็ โทษจะวายังไง?

นําธรรมมาตีพวกเรานแี้ หละ พวกนักแพนี่แหละ แพอ ยูท กุ เวลํ่าเวลา เราไมเหน็
โทษของความแพของเราบางหรือ? น่เี ปนวิธปี ลกุ จิต เราหมายถึงวธิ ปี ลุกจติ ใจเรา เรา
ยังจะแพอ ยอู ยา งนีต้ ลอดไปหรือ? แพอยางหลุดลยุ นะ จะแพร าบอยา งน้เี รอื่ ยๆ ไม
ตองการชัยชนะบางหรือ?

พระพุทธเจาเปน ผมู ชี ยั ชนะ สาวกอรหตั อรหันตท า นเปนผูชนะ พระอริยเจาทาน
เปน ผูชนะไปโดยลาํ ดบั สรณะของเราท้งั สาม “พุทฺธํ ธมมฺ ํ สงฺฆํ สรณํ คจฉฺ ามิ” ลว น
แลว ต้ังแตช ยั ชนะทง้ั นัน้ ทเ่ี รานกึ นอมถึงทา น ตัวเราแพอ ยา งราบตลอดเวลา สมควรแลว
หรือจะเปน ลูกศิษยตถาคตนะ ? นน่ั วา อยา งน้นั ซี นแ่ี หละวธิ ปี ลกุ จติ เจา ของปลกุ อยา งน้ี
ใหล ุกขึน้ ตอ สูเ พอ่ื ชยั ชนะ ไมจมอยูกับความแพอยา งราบคาบเรอ่ื ยไป

จติ มนั เปน สง่ิ ทสี่ งเสริมได กดขี่บังคับได เหยยี บยาํ่ ทาํ ลายได สาํ คญั ทเ่ี ราเองเปน
ผหู าอุบายคิดในแงตา งๆ ท่ีจะปลุกจิตปลุกใจของเราใหเกิดความอาจหาญราเริง ตอสู
ในส่ิงท่เี ปน ประโยชน ท่ีจะเอาชัยชนะขึ้นมาสตู นดว ยอบุ ายตางๆ ดังท่กี ลา วมาน้ี

น่แี หละเปนทางเดินของพระพุทธเจา เปน ทางเดินของผูจะกา วเขา สชู ยั ชนะ ชนะ
ไปวนั ละเล็กละนอ ยเร่ือย ๆ ไป ผลสุดทา ยก็ชนะจนไมมอี ะไรเหลอื เลย ปญหานแ้ี หละ
สาํ คญั มาก

สตกิ บั ปญ ญาเปน ธรรมอนั สาํ คญั อยา งยง่ิ สมั มาทฏิ ฐิ สมั มาสังกปั โป ขึ้นตน
นะ พจิ ารณาเอาใหไ ดชัยชนะสิ่งที่แวดลอมเราอยตู ลอดเวลา คอยตบคอยตเี ราอยตู ลอด
เวลา คืออะไร ? มันมที ่ีไหน ?

มนั มีแตร ูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ นเ้ี ทานนั้ ตวั สาํ คัญจรงิ มนั อยูท่ีตรง
น้ี ตา หู จมูก ลิ้น กาย มันเปน ทางเดินเขามาแหงอารมณตา งๆ แลวเขา มาหาสัญญา
อารมณซ ึง่ เปนกองขันธนเี่ อง สดุ ทา ยกก็ องขนั ธน แ่ี หละรบกบั เรา หรอื มนั ไมไ ดร บก็
ไมทราบ เราหมอบราบอยแู ลวก็ไมท ราบวา จะมารบกับอะไร นอนทับถา ยรดไปเลยไมมี
ปญหาอะไร เพราะยอมมันอยา งราบคาบแลว น!ี่

ทนี ้ีเราจะไมใ หเปน อยา งน้นั เราแกต ัวเรา เราใหเ ปนเทาทเ่ี ปนมาแลว เทาน้นั
เวลานี้เราไดศ าตราวุธ คอื อรรถธรรม สติปญ ญาแลว เราจะตอสู พิจารณาเอาใหไ ดช ยั
ชนะภายในตัวเรา ไมเอาชัยชนะกบั ผใู ดเลย เอากบั ผูใ ดจะเปนเรื่องกอเวรกับผูน้ัน เอา

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๗า๗๗กับ๑ กเิ ลส’’

๗๒

กับสัตวตวั ใดก็เปนเร่ืองกอเวรกบั สัตวตวั น้นั ขน้ึ ชอ่ื วา “อ่นื นอกไปจากตวั เอง”แลว มี
แตเรอ่ื งกอ กรรมกอเวร ไมเ ปน ของดีเลย สง่ิ ท่ีเลิศประเสรฐิ สุดกค็ ือ “เอกจฺ เชยฺยมตฺ
ตานํ ส เว สงคฺ ามชุตตฺ โม” การชนะเรอ่ื งของเราน่เี ทา นนั้ เปน เรื่องประเสริฐสดุ ในโลก
พระพุทธเจาก็ชนะแบบน้ี สาวกอรหตั อรหันตท านชนะแบบน้ี ทานเปนผไู มกอ เวรกอ
กรรม นอกจากน้นั สัตวโลกยงั ไดอาศัยทานมาเปน ลาํ ดบั จนกระทง่ั บัดน้ี ทา นเอาชนะ
ตรงนี้

“เอา พจิ ารณา มันเคยหลงอะไรอยเู วลานี้ ?” พิจารณาใหเห็นชัด สิง่ เหลา นไ้ี ม
ปด บงั ลีล้ ับ มอี ยูภายในตัวเรา รา งกายกเ็ ตือนเราอยตู ลอดเวลา เจ็บนน้ั ปวดน้ี ความ
สลาย ความแปรสภาพ แปรท่ีไหนกระเทอื นท่ตี รงนัน้ แปรไปนานเทาไหร ก็กระเทือน
มากขนึ้ ๆ เวทนากับความแปรสภาพมนั เปนคเู คียงกนั อะไรวิปริตผิดไปนิดหนงึ่
เวทนาจะเตอื นบอกข้นึ มาเรือ่ ยๆ เตือนบอกสตปิ ญ ญาของผูปฏบิ ัติ ของผตู ง้ั ใจจะสง
เสรมิ สติปญญาใหม กี าํ ลงั เพ่ือรเู ทา ทนั กับส่ิงเหลาน้ี จึงเหมือนกบั แสดงธรรมเทศนาอยู
ทง้ั วันท้งั คืน ไมจ ําเปน จะตอ งใหพระทานขึน้ ธรรมาสน “นโม ตสสฺ ะ ภควโต”

สงิ่ เหลานเ้ี ปน “ธรรมเทศนา” สอนเราตลอดเวลาอยูแลว เอา! ทุกขเ กดิ ขึน้ ท่ี
ตรงไหน ต้ังธรรมาสนท ี่ตรงน้ัน วนิ จิ ฉยั กนั ปจุ ฉา วสิ ชั นา กนั ลงไป นี่แหละเทศนาสอง
ธรรมาสน ระหวางขันธก ับจิต ขนั ธใ ดกต็ าม รูปขันธ เวทนาขนั ธ สญั ญาขนั ธ สงั ขารขันธ
วญิ ญาณขันธ น่ีแหละปุจฉา วสิ ชั นา ใหเขา ใจชัดเจนตามสงิ่ เหลานี้ท่ีมอี ยู รูปแปร แปร
มาโดยลําดบั น่เี ราอยูด ว ยกนั นกี่ วี่ ัน กี่วันน้ันคอื ลวงไปแลว เสียไปแลว ยกตวั อยา งเชน
ทานอาจารยหมออุดมทานไปกรงุ เทพฯ ไปวันท่ี ๑๗ ทา นกลบั มาวนั นว้ี นั ท่ี ๒ กลบั มา
วนั นี้ ทานไมไ ดว นั สมบรู ณม าเหมือนแตกอ น ต้งั แตว นั ท่ี ๑๗ ไปจนถึงวันท่ี ๒ เปนกี่วนั
แนะ ลว งไปเทาน้นั วนั ทานขาดวนั น้ไี ปแลว เราอยนู ่กี ข็ าดไปเชน เดียวกันกับทาน น่ี
แหละเราอยดู วยความบกพรอ งไปทุกวนั ๆ นะ ไมไดอยดู ว ยความสมบูรณ วันน้ีขาดไป
วันนัน้ ขาดไป วันหนาขาดไป วนั หลังขาดไป ขาดไปเรอื่ ยๆ

เราบกพรองไปเรื่อยๆ เร่ืองธาตเุ ร่ืองขนั ธเ ราเรยี นอยา งนแ้ี หละ เรยี นธรรม เรา
ไมไ ดอยูดวยความสมบรู ณ อยดู ว ยความ “หมดไป” ทกุ วัน ๆ นน่ี ะ แลว เราจะนอนใจ
ไดอยางไร เมอื่ เปนนกั ธรรมะท่ีปฏิบตั เิ พอื่ เอาตัวรอดเปนยอดคนแลว ตองใหเปนยอด
แหงความรูท่จี ะแกส ถานการณซ ึ่งมีอยใู นตวั ของเราน้ี ใหรตู ามเปนจริงโดยลาํ ดับ เรา
พบกนั วนั น้ี วนั หลงั มาพบกัน บกพรอ งมาแลว ขาดไปเทานั้นวัน ขาดไปเทานชี้ ่ัวโมง ผู
อยกู ข็ าด ผไู ปกข็ าด กลบั มากข็ าด อยูประจาํ ท่กี ็ขาด ตางคนตา งขาด มแี ตตางคนตา ง

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชุด๗เ๗ต๘ร๒ยี มพร้อม

๗๓

บกพรอ งไปทกุ ๆ วนั ขาดไปทกุ วัน แลว ขาดไป ๆ ขาดไปจะไปถงึ ไหน? มนั กไ็ ปถงึ ท่ี
สุดปลายทางแหงความขาดสะบ้ันเทาน้ันเอง!

น่!ี มันตา งกันแต “มดื ” กบั “แจง ” ที่ลวงไปวันน้ันวันนีเ้ ทานั้นแหละ ชา เร็ว
ตางกัน มีนดิ เดียวเทา นั้น จะตองไปถงึ ความขาดสะบ้นั เชน เดียวกันหมด เวลานีย้ ังไม
ขาดเปนแตว าเตือนๆ เรา นาทีเตอื น วนิ าทเี ตอื น ชั่วโมงเตอื น หมดไปเทานัน้ วินาที
เทา นั้นนาที เทา น้นั ชว่ั โมง เทานน้ั วนั เตอื นอยูเ สมอ เทาน้นั เดือน เทา น้ันป เรื่อย สดุ
ทายก็หมด มีเทา ไรกห็ มด เพราะมันหมดไปทกุ วันน่ีเอาอะไรมาเหลือ!!!

น่ีเปน สตปิ ญญาอนั หน่งึ ท่ีจะตอ งพจิ ารณา ส่ิงทม่ี ันเหลืออยนู ีน้ ะ ทพ่ี อจะได
ประโยชนจากสงิ่ ที่เหลืออยู ธาตุขนั ธของเราอันใดทมี่ ันเปลี่ยนแปลงมันก็หมดไป เราก็
หมดหวังในอันนัน้ เวลานีอ้ ะไรยงั อยบู าง? อะไรที่มนั ยังอยพู อท่ีจะทาํ ประโยชนได เอา
ส่งิ ทีก่ าํ ลังมีพอท่จี ะทาํ ประโยชนอยนู ่นี ะ มาทําประโยชนเสียแตบดั นี้ “อชเฺ ชว กจิ ฺจ
มาตปปฺ  โก ชญฺ า มรณํ สเุ ว” ความเพียรท่จี ะทําใหเปนประโยชนแกตน ควรทําเสีย
ในวันน้ี ใครจะไปรูเ รอ่ื งความตายจะมาถงึ เมือ่ ไร! ทานวา ไปอยา งน้นั บอกไมใหเ รา
ประมาท

เอา พจิ ารณารูป มัน “เหลอื ”อยูเ ทาไรเวลานี้ มันเจ็บกย็ ังมีเหลอื อยบู าง มนั
สลายหรือมนั แปรสภาพไป สว นท่ยี ังอยูก็ยังมีอยูบาง พยายามพิจารณาใหทนั กับเหตุ
การณท่มี นั ยงั เหลอื อยู รูเ ทา ทันดว ยปญ ญา เวทนา ต้งั สติปญญาพจิ ารณาใหช ัดเจน
เรื่องเวทนากม็ เี ทากับเวทนาที่มอี ยนู ัน่ แหละ ไมเลยจากน้ัน ผรู ู รไู ปหมด มันจะเทาภูเขา
ก็สามารถรเู วทนาเทา ภูเขา ไมม อี นั ใดท่ีจะเหนือผรู ไู ปได มนั จะใหญโ ตขนาดไหน เร่ือง
ทุกขเวทนามันจะเหนือความรนู ี้ไปไมได ความรูนจี้ ะครอบเวทนาทง้ั หมด นถี่ า มสี ติรูนะ
ถา ไมไดสติ ก็เลื่อนลอยเหมือนกับวาวไมม เี ชือก เชอื กขาด แลว แตมันจะไปทางไหน

นเี่ ราไมใ ชว าวเชือกขาดนี่ เรามสี ตปิ ญ ญา พิจารณาใหเ ห็นชดั ตามความเปน จริง
เอา เกิดกเ็ กดิ เกิดขน้ึ มา เร่ืองทุกขเวทนาเปนธรรมเทศนาประกาศสอนเราอยแู ลว เรา
เปน นักธรรมะ เอา ฟงดวยดี ดวยสติปญ ญาตามความจริงของมันแลว แยกตัวออก เมื่อ
เขา ใจแลว จะไมย ดึ ไมถอื กนั ไมเปน กังวลกบั เรอ่ื งทุกขเวทนา เรือ่ งสญั ญา เรื่องสงั ขาร
เรอื่ งวญิ ญาณ จะปลอ ยวางไปดว ยกนั โดยสิ้นเชิง

สง่ิ ทเ่ี หลอื คอื อะไร ? คือความบริสทุ ธิ์ ความรอบตวั นแ้ี ลเปน สาระเปน แกน
สาร ถาจะพดู กว็ า “เรา” นแ่ี หละ “เรา” แทโดยหลกั ธรรมชาติ ไมใ ชเราโดยความ
เสกสรร ถาเปนความสุขกเ็ ปนความสขุ ในหลกั ธรรมชาติ ไมใชความสขุ ทีค่ อยแตจะมี

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๗า๙๗กบั๓ กเิ ลส’’

๗๔

ความทกุ ขมาแบงเอาไปกิน ๆ เหมือนอยางวันคนื ปเ ดือน แบง เอาจากรา งกายและจิตใจ
ของเรา สงั ขารของเราไปกนิ

นี่ถาพจิ ารณาใหเ ห็นตามความเปนจริง อะไรจะแตกก็แตก ก็เรอื่ งมนั แตก มนั
เคยแตกมาต้งั ก่ีกัปก่กี ัลป ทางเดินของคติธรรมดาเปน อยา งน้ี จะไปแยกแยะหรอื ไปกดี
ขวางไมใ หมนั เปน ไดท ไี่ หน จะไปก้นั กางไมใ หมันเดินไดอยา งไร “อนจิ จฺ ํ ทุกฺขํ อนตฺ
ตา” มนั ไปในสายเดียวกนั พอวา อนิจจฺ ํ ทกุ ฺขํ อนตฺตา ก็มาพรอ มกัน มันไปดว ยกัน
ใหร ูความจริงของมนั พรอ มๆ กนั ไป แลวปลอยวางพรอ มกนั หมด ไมใชวาจะปลอยแลว
ในสว น อนิจฺจํ ยังทกุ ขฺ ํ ยังอนตฺตา ไมใ ช พจิ ารณารอบแลวมนั ปลอ ยไปพรอ มๆ กนั
บรสิ ุทธพิ์ รอมในขณะที่ปลอ ยวางโดยสนิ้ เชิง

ความบริสุทธไ์ิ มต องถามหาวามาจากไหน ! น้ันแลคอื ความฉลาดเต็มภูมิ ความ
สะอาดเต็มภมู ิ ความสขุ เตม็ ภมู ิ ความสกปรกหายไป ความโงหายไป ความทุกขห ายไป
หายทีต่ รงน้ีแหละ ตรงทแี่ บกทุกข แบกความโง แบกความสกปรกนแ่ี หละ สิ่งเหลา นี้
หายไปหมดเพราะอํานาจของปญญา อาํ นาจของสติ อาํ นาจของความเพยี ร เปนธรรม
ชาตทิ ชี่ ะลางไมม สี ่งิ ใดเหลอื เลย ผนู แ้ี ลเปน ผไู มห มดไมส น้ิ

อะไรจะหมด หมดไปตามสมมุตินิยมโทษ รางกายจะหมดก็หมดไป เวทนา
สัญญา สังขาร วญิ ญาณ จะแปรสภาพไปไหนกแ็ ปรไปเถะ เม่ือรูตามเปน จรงิ แลว ส่งิ นนั้
จะเปนไปตามธรรมดาของเขา ซง่ึ เขาไมมคี วามหมาย ไมมีความรสู ึกเลยวาเขาไดแ ปรไป
มแี ตจิตของเราไปรบั ทราบวา เขาไดแ ปรไป ถา ไมย ึดถอื แลว เพยี งรบั ทราบเทา นัน้ เราก็
ไมแ บกทุกขก บั ความยดึ ถือในอะไรท้ังหมดเราก็สุขสบาย นแ่ี ลทา นวา “เอกจฺ
เชยฺยมตฺตานํ ส เว สงคฺ ามชตุ ตฺ โม” ไมก อ เวรกอกรรมกับอะไรทง้ั หมด แมแ ตก ับ
กิเลสก็ไมกอ กิเลสแพเรา กิเลสไมม ากอ กบั เราได เหมอื นคนแพค น เราชนะคน ชนะ
อะไรกต็ ามกอกรรมกอเวรไดว ันยังคา่ํ ชนะไปมากเทาไหรกอ กรรมมากเทาน้นั คดิ ดูคูณ
ดว ยลา น นน่ั แหละ! คือความกอกรรมกอ เวรคูณดวยลาน

อนั น้ีไมม ีเลย! ความสบายคือความชนะตนเองเทา นัน้ นเ่ี ปนจดุ สาํ คัญของผู
ปฏบิ ัติ จะหาศาสนาใดมาสอนพวกเราใหเหน็ ถึงขนาดน้ีรขู นาดน้ี และจะใหผใู ดเปนผู
ปฏิบตั ิ ใหร ใู หเ หน็ อยา งทีว่ า นี้ นอกจากเราเทาน้นั จะเปน ผปู ฏบิ ัติสาํ หรบั ตวั เราเอง
เพราะโงก็เราเปนคนโงเอง จะหาความฉลาดใสตนดว ยการแกความโงเขลาออก กจ็ ะ
เปนใครถาไมใชเรา ทกุ ขก เ็ ราเปนคนทกุ ขเอง จะเปลยี่ นแปลงตัวเองดว ยความฉลาดให
เปนความสขุ ขน้ึ ภายในใจน้ี ทําไมเราจะเปลี่ยนแปลงไมได น่นั ! เปลย่ี นแปลงไดท ั้งนั้น
ไมอยางนั้นพระพทุ ธเจา หรือสาวกทงั้ หลาย ทานจะถงึ ความบรสิ ุทธิ์ไมไ ด ถา ธรรมะชะ

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชุด๘เต๐๗ร๔ยี มพรอ้ ม

๗๕

ลางสง่ิ สกปรกไมไ ดด ว ยความสามารถของเรา เรากเ็ ปนผหู นงึ่ ในพุทธบริษทั ซึง่ เปน ลกู
เตาเหลา กอของพระพทุ ธเจา ถึงจะไมม ีมากคนก็ขอใหเราเปน “คนหนง่ึ ในจาํ นวนนอ ย
คน” นน้ั นะ ช่ือวาเราเปน ผูมีสวนแหง พทุ ธบรษิ ทั อนั แทจ ริง ลกู ของพระพทุ ธเจา กค็ อื
อยา งนเ้ี อง พระพุทธเจาเดินอยางไร เราเดนิ แบบศษิ ยม คี รู รูอยา งไร เรารูอยางศิษยม ี
ครู รแู บบครรู ไู ปโดยลําดบั ๆ จนถึง “วิมตุ ติหลดุ พน” สมกับเปน ลูกศษิ ยม คี ร!ู

การแสดงธรรมวันนี้กเ็ ห็นวา สมควร ขอยตุ ิเพียงเทา นี้

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๘า๑๗กับ๕กเิ ลส’’



๗๖

ปราบ-ขู่เทศนโ ปรดคณุ เพาพงา วรรธนะกลุ ณ วดั ปา บา นตาด
เมือ่ วนั ที่ ๑ มกปรารคามบเทพศ-ทุ นขธ์โปูศรักดรคาุณเชมเพ่อื๒วา๕นัพ๑ทงาี่๙๑วรมรกธรนาะคกมลุ พณทุ ธวศดัักปราา่ ชบา้ ๒น๕ต๑าด๙

ในมงคลสตู รทานกลาวไวพวกเราฟง จนชนิ หู สวดสาธยายจนชนิ ปาก คอื “อเส
วนา จ พาลาน”ํ แปลความวา การไมคบคนพาลสนั ดานหยาบ การคบบณั ฑิตผู
ประพฤตชิ อบดว ยกายวาจาใจ “เอตมมฺ งฺคลมตุ ฺตม”ํ ทา นวาเปน มงคลอนั สงู สดุ

เราอาจคิดแตใ นแงภ ายนอก คบคนพาลสนั ดานหยาบนอกๆ อยา งนนั้ นั่นก็ถกู
ในการเกี่ยวกับสังคม เพราะมนษุ ยเ ราอยูคนเดียวไมได ตองมเี พอ่ื นฝูงญาตมิ ิตรเกีย่ ว
ขอ งกบั สังคมมากนอย นท่ี า นสอนแงห นง่ึ แตอ าจคดิ ในแงเ ดยี วเทานน้ั สาํ หรบั ตนเอง
เปน พาลหรือเปนบณั ฑติ น้ันเลยลืมคิด ถาหากเราคดิ แตเพยี งแงเ ดยี ว เรากล็ มื คิดเร่ือง
ตัวเรา เปนแตเ พยี งไมไปคบคนพาลภายนอกแลวกถ็ ือวาดี แตการทีเ่ ราคบคนพาลภาย
ในคือใจเราเองนนั้ เราไมท ราบวา คบกนั มานานเทาไร ความจริงคบกันมาตั้งแตว นั เกิด
จนกระท่ังบดั นี้

คนพาลภายในหมายถึงอะไร ? หมายถงึ ตวั เราเอง ซ่ึงเปน คนๆ หน่ึงทมี่ จี ติ
เปน พาล คอยกดี กนั คอยฉดุ ลาก คอื กดี กนั ในทางที่ดี ไมใ หทาํ ความดีไดโ ดยสะดวก
สบาย หาเร่ืองน้ันมาขัดขอ ง หาเร่ืองนมี้ ายแุ หยใหล ม เหลวไปตามมันจนไดเ รอื่ ยๆ มาที่
เรียกวา “พาลภายใน” คาํ วา “พาล” นนั้ ทางพทุ ธศาสนาทา นหมายถงึ ความคดิ ท่ี
ทาํ ใหตนและผูอ่ืนเดอื นรอนเสียหาย ทานเรยี กวาคนพาลหรอื คนเขลา จะมีความรู
ความฉลาดมากนอ ยเพียงไรไมส าํ คญั ถายงั ทาํ ตนและคนอืน่ ใหเดือดรอ นอยแู ลว ความ
รนู ้ันทานไมเรียกวาเปน ความรูท ีด่ ีทฉี่ ลาด เพราะเปนความรูท ี่ยงั ผูนน้ั ใหเ ปน คนเลวลง
ทางความประพฤติที่แสดงออก ตลอดคนอน่ื ใหไ ดร บั ความเดอื นรอ นเสยี หายดว ยความ
คิดเปนโจร ความคดิ เปน ขา ศกึ ความคิดแอบทําสิง่ ไมดีแกตนอยเู นืองๆ และคลอ ย
ตามความคิดเหน็ น้นั โดยไมยอมเหน็ โทษของมนั บางครง้ั ถงึ กับแสดงออกใหคนอื่นรู
และรงั เกียจ น่ที า นเรียกวา “ใจพาลภายใน”ซึง่ มีอยกู ับทกุ คน จะตา งกนั บา งก็เพยี ง
มากหรอื นอย แสดงออกหรอื ไมแสดงออกใหค นอ่ืนรหู รือไมเทา นั้น ซ่งึ เปนสิ่งสําคญั
มากทมี่ อี ยูกับตัวเราตลอดมา เราเคยคบคา สมาคมกับพาลตัวน้มี านานแสนนานจนบดั
น้ี เรากย็ งั มีความสนมิ กับพาลของเราอยู โดยไมร สู ึกตวั วา เรามีพาล เราคบกบั พาลคือ
ความคิดและการกระทําท่เี ราไมร ูสึกตวั วาเปน ความผดิ ทา นเรยี กวา “พาลภายใน”

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๘า๓กบั กเิ ลส’’
๗๖

๗๗

จงพยายามเลอื กเฟนความคิดทเี่ ห็นวาไมด ี ทง้ั สว นหยาบ สว นกลาง สว น
ละเอียดทมี่ ีอยูภ ายในใจอนั นี้ อยาปลอยใหใจสั่งสมความเปน พาล และตงั้ บา นเรอื นอยู
บนหวั ใจไปนาน ความคิดใดท่ีไมดี เปน ไปบนหัวใจตลอดกาล บานเรอื นคือรา งกาย เจา
ของคอื ใจท่ีอาศยั อยูดว ยกนั จะเสียความม่ันคง ทรงความดีไวไมได

ความคดิ ใดท่เี ปน ไปเพอ่ื สงั่ สมทกุ ขข ้นึ มา ความคิดนน้ั ทานเรยี กวา “เปนพาล”
การเช่อื หรอื คลอ ยตามความคดิ ที่ไมด ไี มถูกนน้ั ทา นเรียกวา “คบคนพาลภายใน” ซ่งึ
แยกตวั ออกหา งยากกวา พาลภายนอก ผูเปนบัณฑติ ทานเหน็ โทษทง้ั พาลภายในท้ังพาล
ภายนอก และหลีกเวนไมค บและเช่ือถือ ท้ังคอยระวังอยา งอยางเขม งวดกวดขนั ไม
สนิทตดิ จมอยูกบั คนพาลทัง้ สองจาํ พวกนน้ั

ปกติคนเราทุกคนมีพาลรอบดา นท้ังภายในภายนอก ความเปน อยู ความเคล่อื น
ไหว ทกุ คนอยใู นทา มกลางแหงพาลท้ังสองจําพวกดงั กลาวมา ผูต อ งการความสงบสขุ
ทง้ั ทางสวนตน ครอบครัวและสวนรวม จึงควรระวังภัยจากมารทงั้ สองจําพวกน้นั
เฉพาะอยางยง่ิ มารภายในทเี่ กดิ กบั ใจตวั เองสําคัญมาก ควรระวงั เสมอ ชอ่ื วา เปน ผเู หน็
ภัยของคนพาลทงั้ ภายนอกภายใน และจงคบบัณฑิตนกั ปราชญ ซ่ึงหมายถึงภายนอก
ดวยภายในดวย ดังทเี่ ราคบครูอาจารยเพ่อื นฝูงทีม่ คี วามรูด ี ความประพฤติดีงาม
สม่ําเสมอ ไมเ อียงซายเอียงขวา เอียงหนา เอียงหลัง อนั เปน อาการแหง “อคตสิ ่ี” ซ่งึ
เปนของไมดี จะเปน ญาตเิ ปน มิตรหรือเพ่ือนฝูงอะไรก็ได สาํ คญั ทต่ี อ งเปน คนดเี ช่ือถอื
ได หรือฝากผฝี ากไขฝ ากเปนฝากตายไดย งิ่ เปน การดมี าก

ในบรรดาบัณฑติ ทีค่ วรคบคาสมาคม ตลอดถึงครอู าจารยท ีใ่ หอ บุ ายส่งั สอนอนั ดี
งามแกเรา ชอ่ื วา บณั ฑติ ไมต อ งมีความรูความฉลาดถงึ ขนาดตองแบกตูพระไตรปฎ กมา
ยืนยัน หรือมีความรคู วามฉลาดขัน้ ปริญญาตรี โท เอก กต็ าม สําคญั อยูท ค่ี วามคิดความ
เหน็ การประพฤตติ ัวเปน ธรรม ซงึ่ เปนเครื่องชักจูงใหคนอืน่ ไดค ตแิ ละไดร ับประโยชน
อันชอบธรรม และเหน็ เปน ความถกู ตอ งดงี ามไปดว ย เหลานีท้ า นเรยี กวา “บณั ฑติ ”
เปนผูควรแกการคบคาสมาคมระยะส้ันหรอื ยาว ยอ มเปน มงคลแกผคู บ ไมเสียหายลม
จมแตอ ยางใด ยงั จดั วาผูร ูจ กั เลอื กคบ เปน ผมู ชี ีวติ ชีวาอนั อุดมมงคลเสยี อีก ทางพระ
พุทธศาสนาทา นหมายคนอยา งนน้ั วา “บณั ฑิต”

สว น “บณั ฑติ ภายใน” ไดแ กความคิดอุบายวิธตี างๆ ทีจ่ ะเปน ไปเพอื่ คุณงาม
ความดแี กตนและผูอืน่ นบั แตพ้นื ความคดิ เหน็ อันเปนเหตจุ ะใหเ กดิ คณุ งามความดี จน
กระทงั่ ถึงสตปิ ญ ญาที่จะถอดถอนกิเลสออกจากจิตใจเปนลาํ ดบั ๆ เปน ขน้ั ๆ ของสติ
ปญญา เรยี กวา “บณั ฑติ , นักปราชญ” เปน ช้ันๆ ไปจนถึงขัน้ “มหาบณั ฑติ ”

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชุด๘เต๗๔ร๗ียมพร้อม

๗๘

“มหาบัณฑิต” ไดแกท านผทู รงมหาสตมิ หาปญญานนั่ แล เลยข้ัน
“มหาบณั ฑติ ”ไปแลว กถ็ งึ “วมิ ตุ ติ” เรียกวา “จอมปราชญ” หรอื “อคั รมหาบณั ฑติ ”
เลยขน้ั มหาบัณฑติ ไปแลวก็เปน “จอมปราชญ” ไดแ กผ ูเ ฉลยี วฉลาดรอบตวั ภายในใจ
คอื พระอรหนั ต ส้ินกเิ ลสอาสวะโดยประการท้งั ปวง น่เี ปนมงคลอนั สูงสุดท้งั สองอยาง
คือ “อเสวนา จ พาลานํ” ไมใหค บคนพาลภายนอก ทัง้ คนพาลภายใน “ปณฺฑิตานจฺ
เสวนา” ใหคบบัณฑติ นักปราชญผ ูเ ฉลยี วฉลาดทงั้ ภายนอกและภายใน พยายามฝก ตวั
ใหมีความเฉลียวฉลาดทนั กับเหตุการณตางๆ ที่เกิดข้นึ ตลอดสงิ่ ท่ีเปนขาศกึ ตอ ใจของ
ตนน้ี เรยี กวา “บณั ฑติ นักปราชญ” ใหค บผนู ี้ เพอ่ื จะไดสัง่ สมสงเสรมิ ความเปน
ปราชญใหมกี ําลงั มากขึน้ โดยลําดบั ๆ เพราะอาศยั ทา นผดู ีมีสตปิ ญ ญาฉลาด “เอตมมฺ งฺ
คลมุตฺตม”ํ เปนมงคลอนั สงู สุดอกี ขอ หนง่ึ

อกี ขอ หนง่ึ ทา นกลา ววา “สมณานฺจ ทสสฺ นํ เอตมมฺ งคฺ ลมุตฺตมํ” การเหน็
สมณะผสู งบกายวาจาใจ เปน มงคลอันสงู สุดเชนเดยี วกนั

คาํ วา “สมณะ” ตามหลักธรรมทที่ านแสดงไว มี ๔ ประเภท
“สมณะที่ ๑ ไดแก พระโสดาบนั สมณะที่ ๒ ไดแก พระสกทิ าคามี
สมณะที่ ๓ ไดแ ก พระอนาคามี สมณะท่ี ๔ ไดแ ก พระอรหนั ต

การเห็นสมณะเหลานชี้ ือ่ วา เปน มงคลอันสงู สุด นี่เปน มงคลขัน้ หนง่ึ เปน สมณะ
ข้นั หน่งึ ๆ จากภายนอก

ทีนี้เราพยายามทําใหแจงซง่ึ มรรคผลท้งั สนี่ นั้ หรอื สมณะทงั้ สนี่ น้ั ไดแกพ ระ
โสดา สกิทา อนาคา อรหตั ผล ขึ้นภายในจิตใจของตน นชี้ ื่อวา เปนผทู าํ ใหแจง ซึ่งมรรค
ผลทัง้ ๔ รวมเปน ๘ เปน มงคลอนั สงู สดุ

ในมงคลสตู รท่ที านแสดงไวนม้ี ีแตธรรมสําคญั ๆ ทั้งน้ัน แตม ีแยกดงั ทวี่ านี้ จง
แยกแยะพิจารณาขา งนอกพิจารณาขางในเทยี บเคยี งกนั

เทวดาทง้ั หลายมปี ญ หาถกเถยี งกนั อยถู งึ ๑๒ ป ไมม ีใครสามรถแกป ญหานไ้ี ด
เลย จึงพากนั มาทลู ถามปญ หาน้ีกบั พระพุทธเจา โดยทที่ ราบวาพระพุทธเจาไดต รสั รขู ้นึ
แลว ในโลก และเปนผสู ามารถช้ีแจงอรรถธรรมหรอื ปญ หาในแงต างๆ ใหเปน ที่เขา ใจ
แกผ ูข องใจทง้ั หลาย จงึ ไดพากนั มาทลู ถามพระพุทธเจา ตามมงคลสูตรทท่ี า นยกไวเบอ้ื ง
ตน

แตเวลาทท่ี านสวดมนตท า นยกเอาตั้งแต “อเสวนา จ พาลานํ”เร่ือยมาเลย ไม
ไดกลา วถึงเรอื่ งเทวดาทัง้ หลายจากโนน จากนีม้ ากมาย มาเฝา พระพทุ ธเจาทูลถามปญหา

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ภาค ๑ “เร๘า๕๗กับ๘ กิเลส’’

๗๙

ทา นตัดออกเสยี หมด เอาแตเ นื้อๆ คอื มงคลสตู ร ๓๘ ประการนี้ เปน คณุ แกท ้งั เทวดา
และมนษุ ยท้ังหลายจนกระท่งั ทุกวันน้ี เราจึงควรเจริญมงคลสูตรนี้

สูตรใดกต็ ามเปน ทแี่ นใจ หรอื เปนทสี่ นทิ กบั จริตนสิ ยั ดังทกี่ ลาวใน ๒-๓ บท
เบื้องตนนั้นวา “ไมค บคนพาลและใหคบบณั ฑติ , การเหน็ สมณะใหป รากฏขึน้ ภายใน
จติ ใจ ชือ่ วาเปนผูทรงคณุ ธรรมอันสงู สุดไวภ ายในใจ

คาํ วา “เทวดา” ตั้งแตวนั เกิดมาเราไมเคยรเู คยเหน็ คดิ ดซู มิ นุษยด วยกนั แม
พระพทุ ธเจา ก็เปน มนษุ ยค นหนึ่ง สาวกอรหตั อรหันตท า นกเ็ ปนมนุษยค นหนึง่ ๆ แต
ทําไมทา นสามารถรูเหน็ เทวดา จนถึงกบั แนะนําสัง่ สอนเทวดาใหไดส ําเรจ็ มรรคผล
นพิ พานเปน จํานวนลา นๆ ไมใชทําธรรมดา!

บางเร่อื งกลา วไวในสูตรตา งๆ วา “เทวดามาฟงเทศนพระพุทธเจา ไดสําเรจ็
มรรคผลนิพพานเปนโกฏิๆ แลว ไมใชเ พียงแตเ ทศนว ันหน่ึงวันเดียว เทศนจ นกระท่ัง
พระองคปรินิพพาน ฟง “พทุ ธกิจ” ทา นแสดงไวว า “อฑฒฺ รตเฺ ต เทวปหฺ าก”ํ ตัง้
แตหกทุม ลว งไปแลว ทรงแกป ญ หาหรือแนะนําส่งั สอนเทวดาช้ันตางๆ ที่มาทลู ถาม
ปญหา ทา นถอื เทวดาเหมือนกบั มนษุ ยท ้ังหลาย สอนเทวดาเหมือนกบั สอนมนุษยท ัง้
หลายนเ่ี อง ทา นถอื เปน ธรรมดาธรรมดาเชนเดียวกบั เรามองเหน็ คนทว่ั ไปโดยธรรมดา
พระพุทธเจา ทรงมองเห็นพวกเทวบตุ รเทวดาช้ันตางๆ ประจกั ษดว ยพระญาณของพระ
องคคือตาทพิ ย เชน เดยี วกับเรามองเห็นสิ่งตา งๆ หรอื มนษุ ยสัตวทงั้ หลายดวยตาเน้ือ
ของเรา

แตเ ม่อื เราไมมีตาทิพยเหมอื นพระพทุ ธเจา ไมส ามารถมองเห็นเทวดาท้ังหลาย
จึงกลายเปน ปญหาโลกแตกอยางทกุ วนั น้ี ทพี่ ระพุทธเจา แสดงอยางนัน้ ดว ยพระจักขุ
ญาณของพระองค กับทเี่ รามาดน เดาและคาดคะเนดวยความมืดบอดของเรา จึงเปนที่
นา สลดสังเวชอยา งย่ิงทเี ดียว

นี่แหละระหวา งคนตาดีกับคนตาบอด ระหวา งคนโงก บั คนฉลาด มันผดิ กันอยาง
น้ี ทั้งๆ ท่เี ปน มนษุ ยดวยกันก็ตาม พระองคส ามารถสอนเทวดาอินทรพรหมยมยักษ
ตลอดถึงสัตวน รก เปรต อมนษุ ยมนา ไมม ีจํากัดขอบเขตมีมากมายกายกอง พุทธภาระ
จงึ หนักมากสาํ หรบั พระพุทธเจา ตามพทุ ธวสิ ัยคอื วิสัยของพระพุทธเจา ทที่ าํ ประโยชน
แกโลก

พวกเราเปนคนหหู นวกตาบอด ไมส ามารถมองเหน็ ทงั้ เทวบุตรเทวดาอินทร
พรหมอะไรตออะไร แมทีส่ ุดจะส่ังสอนตวั เองกย็ งั ไมได แลวเราจะเอาความรูอนั มืด
บอดนีไ่ ปเทียบกับพระพทุ ธเจาหรอื ? ขอน้ีจะเปน ไปไดอยางไร พระพุทธเจาทรงมีพระ
ภาระมากขนาดไหน ยงั สามารถนาํ ภาระนน้ั ไปไดต ลอดทั่วถงึ จนกระทั่งวันปรินิพพาน

ธรรมชดุ เตรยี มพรอ ม ธรรมะชดุ ๘เต๖๗ร๙ยี มพรอ้ ม


Click to View FlipBook Version