แนวทางการพฒั นาสิงคโปร์สู่ความยัง่ ยืน
กรณีศึกษาการจดั การนา้ และการจัดการความรู้
การบรหิ ารงานอดุ มศึกษา
สายสนบั สนนุ ระดบั สงู (นบสส.)”
ร่นุ ท่ี 20
คำนำ
ประเทศสิงคโปร์เปน็ ประเทศที่มีความแตกต่างของประชากรท่ีมีหลายเชอื้ ชาติและภาษา ทั้งคนจีน
คนมาเลเซยี และคนอินเดีย ซง่ึ นาํ มาสู่วัฒนธรรมทางสังคมท่ีหลากหลาย ในขณะเดยี วกันเรื่องเศรษฐกจิ
กลายเป็นอีกปัญหาสาํ คัญหนึ่งของประเทศ ซึ่งประเทศสิงคโปร์ทีม่ ีลักษณะภูมิศาสตร์เป็นเกาะ มีพื้นท่ี
ขนาดไม่ใหญ่ ปัญหาที่สําคัญที่สุดคือด้านทรัพยากรทางธรรมชาติและปัจจัยการผลิตที่สําคัญในทาง
เศรษฐกจิ ปญั หาดา้ นโครงสรา้ งพ้ืนฐานท่ีสําคัญตอ่ การพฒั นาประเทศ คอื ปัญหามลพษิ ทางนา้ํ ปัญหา
การขาดแคลนนํ้าและปัญหานํ้าท่วม ทําให้ประเทศต้องกําหนดเป้าหมายให้ทุกคน ทุกภาคส่วนจะ
ยึดถือเป้าหมายนี้เป็นสําคัญ และพยายามขับเคลื่อนแนวคิดที่กําหนดทิศทางการพัฒนาในช่ว ง
ระยะเวลา 40 – 50 ปี ข้างหนา้ การพัฒนาประเทศของสงิ คโปรเ์ ป็นการพฒั นาแบบองคร์ วมในทุกมิติ
ทงั้ มิติ เศรษฐกิจ มิตสิ ังคม และมิตสิ ่ิงแวดลอ้ ม การออกแบบนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน และสร้าง
พนื้ ที่สาธารณูปโภคให้ตอบสนองชมุ ชนสําหรับคนทกุ เพศทกุ วัยและทกุ เชอ้ื ชาติได้ทํากิจกรรมร่วมกัน
พยายามอย่างมุ่งมั่นที่จะปกป้องแหล่งนํ้าทั้งในด้านของปริมาณและคุณภาพในระยะยาว และสร้าง
นวัตกรรมในการบริหารจัดการนํ้าให้อยู่ในมาตรฐานรองรับการใช้งานในประเทศ รวมถึงพัฒนาพืน้ ที่
สีเขียวให้กับชุมชน ให้มีพื้นที่เพื่อให้ประชาชนได้เพลิดเพลิน ภูมิทัศน์ทางธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
รวมถงึ การพฒั นาองคค์ วามรู้ การเรียนรู้ในประเทศโดยผา่ นการศึกษา เพอื่ สรา้ งแรงจูงใจในการเรียน
เพื่อพฒั นาตนเอง เพื่อใหท้ ุกคนจะได้รับโอกาสทางการศกึ ษาโดยทัว่ ถึงรวมท้ังประชาชนทกุ คน ไม่ว่า
ผู้ใช้บริการจะมีเชื้อชาติใด ใช้ภาษาใด และอายุที่แตกต่างกัน ให้สนับสนุนการใช้เครื่องมือและ
เทคโนโลยีพืน้ ฐานไดอ้ ยา่ งเทา่ เทียมในการพัฒนาประเทศสิงคโปรใ์ หเ้ จริญก้าวหนา้ ย่ิงขนึ้
ผู้จดั ทาํ ขอขอบพระคุณ สํานกั งานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ทไ่ี ด้จัดหลักสูตรการฝึกอบรมการบรหิ ารงานอดุ มศกึ ษาสายสนบั สนนุ ระดบั สงู (นบสส.) รนุ่ ที่ 20 และ
ขอบพระคุณรองศาสตราจารย์ชุมพจต์ อมาตยกุล ผู้อํานวยการหลักสูตร นบสส. อาจารย์สมสุณีย์
ดวงแข ผูช้ ่วยผูอ้ าํ นวยการหลกั สูตร นบสส. และบคุ ลากรของสํานกั งานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งทุกทา่ น ทใี่ หค้ วามอนุเคราะห์และอํานวยความสะดวกใน
การศกึ ษาดูงานในคร้งั น้ี
คณะผู้จัดทํารายงานหวังเปน็ อยา่ งยิ่งวา่ รายงานการศกึ ษาข้อมูลฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อ
ผู้ที่ศึกษาหรือผู้สนใจทุกท่าน หากข้อมูลมีความคลาดเคลื่อนประการใด คณะผู้จัดทํารายงานใคร่ขอ
อภัยมา ณ โอกาสน้ี
นบสส.รนุ่ ที่ 20
สำรบัญ
หนำ้
แนวทางการพัฒนาสงิ คโปร์สคู่ วามยั่งยืน กรณศี กึ ษาการจดั การนาํ้ และการจดั การความรู้ 1
ยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนแม่บทของการจดั การน้ํา กรณศี กึ ษา New Water,
Marina Bay Sand, Marina Barrage, Garden by the Bay และแนวทาง
การจัดการความร้เู พอ่ื รองรับ 5
กรณศี กึ ษา : Marina Barrage ตน้ แบบมาตรฐานการใช้เทคโนโลยีแกป้ ัญหา
นํ้าท่วมและสาํ รองนา้ํ ใช้ Marina Barrage : Rooftop Park and
Dam in Singapore 19
นวตั กรรมการจดั การคณุ ภาพน้ําเพอื่ นํากลบั มาใช้ใหมด่ ้วยเทคโนโลยีทท่ี ันสมัย :
The NEWater Visitor Centre (NVC) 30
กรณศี กึ ษา Gardens by the Bay : From a “Garden City” to a
“City in a Garden” 38
Jurong Regional Library 53
เอกสารอา้ งองิ 76
รายชื่อผเู้ ขา้ รับการอบรมหลักสตู รการบรหิ ารการอุดมศกึ ษาสายสนับสนนุ ระดับสูง
(นบสส.) รนุ่ ที่ 20 79
1
แนวทางการพฒั นาสงิ คโปร์สคู่ วามย่ังยนื กรณศี ึกษาการจัดการน้าและการจดั การความรู้
จากการศึกษาหน่วยงานของสาธารณรัฐสิงคโปร์โดยผ่านสื่อสารสนเทศ ทั้ง 5 หน่วยงาน ได้แก่ (1) The
Urban Redevelopment Authority ( 2) Marina Barrage ( 3) The NEWater Visitor Centre ( 4) Gardens by
the Bay และ (5) Jurong Regional Library สามารถนาความรู้ที่ได้จากแต่ละหน่วยงานดังกล่าวไปประยุกต์ใช้กับ
หน่วยงานไดด้ งั น้ี
(1) The Urban Redevelopment Authority (URA)
1. ด้านการสารวจปัญหาและวิเคราะห์ปัญหา : การสารวจโครงสร้างพื้นฐานทางทรัพยกรทาง
ธรรมชาติที่องค์กรมีอยู่เพือ่ นาข้อมูลมาวิเคราะหเ์ พื่อปรับปรุงแกไ้ ขทรัพยากรเดิมให้มีประสิทธิภาพมายิ่งข้ึน รองรับ
ความตอ้ งการของผูร้ ับบรกิ าร
2. ด้านยุทธศาสตร์และการวางแผน : การจัดทาแผนยุทธศาสตร์จะคานึงถึงเป้าหมายที่อยากเป็น
และต้องได้รบั การยอมรบั จากคนในสงั คม เช่นตอ้ งมีการทาประชาวิจารณ์ สอื่ สารให้ทุกคนเหน็ จุดหมายของการพฒั นา
เดียวกัน และสิ่งสาคัญคือผู้บริหารต้องขับเคลื่อนต่อเนื่องเชื่อมโยงกันตามแผนยุทธศาสตร์ไม่วา่ จะส้ินสุดวาระก็ตาม
ตอ้ งดาเนนิ งานตามแผนน้ัน องคก์ ารจงึ จะเกดิ การพัฒนาได้อย่างตอ่ เนื่อง โดยการวางแผนจะตอ้ งกาหนดเป้าหมายการ
พฒั นาใหค้ รบทกุ มติ ใิ นภาพรวมตามภารกจิ ขององค์กร ทั้งระยะสน้ั และระยะยาว โดยมกี ารทบทวนเปน็ ระยะๆ ให้คน
ในองค์กรได้แสดงความคดิ เหน็ เพ่อื นาไปปรบั ปรุงแผนฯ
3. ด้านการพฒั นาเทคโนโลยีและการนานวัตกรรมมาประยุกตใ์ ช้ : การลดจานวนแรงงาน โดยการ
นานวตั กรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ เพือ่ ให้งา่ ยตอ่ การบริหารจัดการ รวมถงึ เพ่ิมประสิทธิงานให้สามารถมี
ความแม่นยามากยิ่งขึ้น นอกจากนใ้ี นระดับมหาวทิ ยาลัยสามารถนามาปรับใช้ได้ในเร่ืองการนาวัตกรรมต่าง ๆ ท่ีเรามี
มาใช้ประโยชน์อย่างจรงิ จังมิใชค่ ิดค้นขึ้นมาแลว้ ก็ไม่ถูกนาไปใช้ปฏิบัตอิ ย่างจริงจงั ก็จะไม่เกิดประโยชน์ ส่วนในเรื่อง
เมืองสีเขียวมหาวิทยาลัยสามารถนาแนวคิดการปลูกต้นไม้และพันธ์ไม้ที่เหมาะสมกับพื้นที่ในมหาวิทยาลัยในแต่ละ
ภมู ิภาคให้เป็นพนื้ ทส่ี เี ขียวหรือ Green University ได้
4 ด้านการจัดการทรัพยากรน้า : การนาระบบบาบัดน้าเสียและระบบนามากลับมาใช้ใหม่ โดย
เทคโนโลยีด้านการจัดการน้าใช้ ตอบสนองทิศทางความต้องการของผู้รับบริการที่มีจานวนเพิ่มขึ้น ในขณะที่แหล่ง
ทรัพยากร และงบประมาณมอี ยู่จากดั
5. การบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มหาวิทยาลัยสามารถนาแนวคิดนี้มาใช้ในการ
จัดสรรพื้นที่และสิ่งอานวยความสะดวกภายในมหาวิทยาลัยให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสยี
หรอื ผู้เขา้ มาใช้บรกิ ารของมหาวทิ ยาลยั ได้
2
(2) Marina Barrage
ประเทศสิงคโปรไ์ ด้ให้ความสาคัญกับการกาหนดนโยบายแกไ้ ขปญั หาน้าเพอื่ ความย่งั ยืนโดยบรรจุไว้
ในแผนพฒั นาประเทศ และให้ประชาชนได้มีส่วนรว่ มในการรับรู้รับทราบแผนการดาเนนิ งานเป็นระยะ ทาให้ประเทศ
สิงคโปร์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหน่ึงในผู้นาในดา้ นการจัดการน้า และประสบความสาเร็จในการเสริมสร้างจิตสานึกในเรื่อง
ของการใช้ทรัพยากรน้าอย่างคุ้มค่าและใช้ทรัพยากรน้าอย่างประหยัดเป็นอย่างมากซึ่งส่งผลให้ประชากรที่อยู่ใน
ประเทศสิงคโปร์นั้นเห็นถึงความสาคัญและให้ความร่วมมือในการใช้ทรัพยากรน้าอย่างคุ้มค่าภายในครัวเรือน โดย
ประเทศสิงคโปร์ได้แสดงให้ประชากรภายในประเทศเห็นได้ถึงการที่ในปัจจุบันประเทศของพวกเขาไม่ต้องเผชิญกบั
ปัญหาการขาดแคลนน้าแลว้ โดยผ่านการจดั การและการบริหารการบรโิ ภคทรัพยากรน้าของทกุ คนในประเทศ ซ่ึงการ
ทาเช่นนี้จะเป็นการปลูกฝังจิตสานึกให้กับคนในชาติให้ทาเช่นน้ีต่อไป เพื่อให้ประชากรท่ีเป็นคนรุ่นใหม่ในอนาคตไม่
ต้องมาเผชญิ กบั ปญั หาการขาดแคลนนา้ อีก และมนี า้ ใช้โดยไม่ตอ้ งพงึ่ พาใคร ประกอบกับการดาเนินงานตามนโยบาย
การสร้างพื้นที่สีเขียวรอบเขื่อนมารีน่า จึงมีการสร้างอาคารให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยหลังคาสีเขียวทาจาก
พลาสติกรีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์, สวนดาดฟ้าขนาดใหญ่ที่เป็นฉนวนกันความรอ้ นอยา่ งดีจากธรรมชาติ, แผงกระจก
ตัวตึกสองชั้นชว่ ยกนั ความร้อน, สวน Solar Park พื้นที่ตดิ ต้ังแผงพลงั งานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สดุ เปลี่ยนแสงอาทติ ย์
เป็นไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ระบบประตูน้าและอาคารปฏิบตั ิการ และ Pump House ที่ใช้กระจกและบานเกล็ดช่วยให้แสง
ธรรมชาติส่องเข้าได้เป็นการลดการใช้ไฟฟ้าในอาคาร จนได้รับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมจาก AAEE ประเทศอเมริกา
แสดงให้เห็นถงึ การวางแผนการใช้ประโยชนพ์ ้นื ทใี่ หเ้ กิดความคมุ้ ค่า ภายใต้ทรพั ยากรที่มอี ยู่อย่างจากดั
1. การกาหนดนโยบายแก้ไขปัญหาน้าเพื่อความยั่งยืนโดยบรรจุไว้ในแผนพัฒนาประเทศ: กรณีมี
โครงการหรือรายการที่สาคญั ตอ้ งบรรจุไว้ในแผนพัฒนามหาวทิ ยาลัยหรอื แผนปฏิบตั ิงานของหน่วยงาน
2. ประชาชนไดม้ ีส่วนรว่ มในการรบั รรู้ ับทราบแผนการดานนิ งานเป็นระยะ : ใหบ้ ุคลากรหรือตัวแทน
ของบุคลากรมีส่วนร่วมในการจัดทาแผนตั้งแต่กระบวนการเริ่มตั้น และมีการสร้างการรับรู้การดาเนินงานตามแผน
อยา่ งสมา่ เสมอ อาจถา่ ยทอดลงไปตามสายงาน เชน่ ระดับมหาวทิ ยาลัย → หัวหน้าส่วนราชการภายในมหาวิทยาลัย
→ หวั หน้างาน → บุคลากร
3. การวางแผนการใช้ประโยชน์พ้ืนที่ใหเ้ กิดความคุม้ คา่ ภายใตท้ รพั ยากรท่ีมีอยอู่ ยา่ งจากัด : สารวจ
การใช้งานประโยชน์จากอาคารที่มีอยู่ เพอื่ นามา วางแผนการใชง้ านพ้นื ท่ี อาคาร ให้เกดิ ความคุ้มค่า สูงสุด ปรับปรุง
อาคาร วสั ดอุ ุปกรณ์ เพื่อช่วยประหยดั พลังงาน
3
4. การเสริมสร้างจิตสานึกในเรื่องของการใช้ทรัพยากรน้าอย่างคุ้มค่าและใช้ทรัพยากรน้าอย่าง
ประหยัด: กาหนดเป็นนโยบายของหน่วยงาน และสนับสนุน ส่งเสริม การเสริมสร้างจิตสานึกในเรื่องของการใช้
ทรัพยากรตา่ งๆ อยา่ งคมุ้ คา่ และประหยัด
(3) The NEWater Visitor Centre (NVC)
1. การสร้างวินัยในตัวเอง การใช้น้าอย่างรู้คุณค่าให้กับบุคลากรในองค์กร ให้เห็นความสาคัญของ
การมนี ้าสะอาดในการใชอ้ ุปโภค บรโิ ภค เพือ่ ให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันในการดูแลทรัพยากรน้า หมนั่ ดแู ลป้องกัน
การรั่วไหลของนา้ ปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมทใ่ี ช้นาอยา่ งสน้ิ เปลอื ง
2. สามารถนาเทคโนโลยีและเทคนคิ ต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้และปรบั ปรุงกระบวนการบรหิ ารจัดการน้า
เพอื่ การบรโิ ภคและอุปโภค รวมถึงการผลิตและจาหนา่ ยนา้ ด่ืมในมหาวิทยาลัย
3. นาไปเผยแพร่ให้กับบุคลากรและนักศกึ ษา เกดิ ความตระหนกั ในการอนรุ ักษ์ทรัพยากรน้า โดยจัด
กจิ กรรมสร้างสรรค์และนันทนาการ การเรียนรถู้ ึงความสาคัญของน้าท่ีผกู พนั กับวิถีชีวิตในการใช้น้าในชีวิตประจาวัน
สิ่งแวดล้อมทางนา้ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้ประโยชน์จากนา้ อย่างฟุม่ เฟอื ย และแหล่งน้าเสื่อมโทรม เป็น
การสรา้ งและปลูกฝงั ความคดิ ให้ตระหนักถงึ คุณค่าของทรพั ยากรนา้ ให้เกิดขึ้นในองค์กร และสูช่ มุ ชนโดยรอบ โดยจัด
กิจกรรม ดงั นี้
1) ติดโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์การอนุรักษ์น้าบริเวณจุดใช้น้ารอบๆ องค์กร หรือจัด Info
graphic บน website องค์กร
2) การรณรงค์การอนุรักษ์น้าโดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมกิจกรรม จัดกิจกรรมให้รางวัลกับ
หน่วยงานท่ีประหยัดนา้ ไดม้ ากท่สี ุด
(4) Gardens by the Bay
1. พฒั นาประสิทธภิ าพระบบการนาน้าท่ีใช้แล้วกลับมาใชใ้ หม่ใหม้ ีปริมาณที่มากขึ้น เพ่ือนาไปใช้รด
น้าตน้ ไม้ให้ทว่ั ถงึ ท้งั มหาวิทยาลัย และปรบั ให้มคี ุณภาพใหน้ ามาใชใ้ นชีวติ ประจาวนั เพอ่ื ลดค่าใช้จา่ ย
2. ตดิ ต้ังพลังงานทดแทน โซล่าเซล เพอื่ นามาใชร้ ะบบส่องสวา่ งในกลางคนื เพือ่ ลดคา่ ใชจ้ า่ ย โดยนา
องค์ความรู้ หรืออาจารย์ นกั ศึกษาด้านวศิ วกรรมมารว่ มมือกันวางระบบ
3. ก าหนดนโยบายหลักเกณฑ์ในดูแลและการตัดต้นไม้ เช่น ต้นไม้ที่จะตัดหากมีขนาด
เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 30 ซม.หา้ มตดั หากจาเปน็ ตอ้ งตัดตอ้ งขออนุญาตและผา่ นความเหน็ ของรกุ ขกร การดูแลต้นไม้ ด้วย
การฝังชิบ (chip) ไว้สาหรับการติดตามดูแลตน้ ไม้ นบั จานวนต้นไม้ ทาใหม้ หาวิทยาลัยรวู้ ่ามีต้นไม้ กี่ต้น ต้นอะไรบ้าง
4
วิธีการดูแลต้นไม้แต่ละชนิด ซึ่งจะเปน็ ฐานข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้ท้ังหมดของมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับนโยบาย Green
Campus ของมหาวทิ ยาลัย และจัดทาข้อมลู ใหศ้ ึกษาผา่ นการ Scan QR code
4. วางแผนการปลูกตน้ ไม้ที่ก่อให้เกิดรายได้ เชน่ ปลูกไม้เศรษฐกิจ เนอ่ื งจากมหาวิทยาลัยยังมีพ้ืนที่
เหลืออีกจานวนมาก
5. จากกรณี สวนกลุ่ม Heritage Garden เป็นโซนทีจ่ ะมีการจัดสวนแบ่งเป็น 4 สไตล์ ตามเชื้อชาติ
ตน้ กาเนดิ ของประเทศสิงคโปร์ นั่นกค็ อื จีน มาเลเซีย อินเดีย ในมิตมิ หาวิทยาลัย มภี ารกิจดา้ นการเรียนการสอนและ
บรกิ ารวิชาการ โรงพยาบาลแพทยแ์ ผนไทย คณะเภสชั ศาสตร์จึงมองว่าหากสามารถปลูกปลูกพืชสมนุ ไพรไทยพื้นเมือง
ของแต่ละภาคหรอื สมนุ ไพรหายาก เพื่อใช้ในให้บรกิ ารนวดประคบการนวด การอบตัว หรือสกัดสารจากสมุนไพรเพื่อ
การวิจัย หรอื เพ่ือการรกั ษา โดยจดั ใหเ้ ปน็ สวนหรอื โดมการเพาะปลูก เปน็ ระบบ Organic มกี ารควบคมุ แสงสวา่ ง การ
ให้น้า การให้ปุ๋ย ที่นาระบบเทคโนโลยีมาใข้ทั้งระบบ เพื่อลดจานวนเจ้าหน้าที่ ปุ๋ยที่นามาดูแลต้นไม้จะทาจากขยะ
ใบไม้ เศษอาหาร การใชน้ า้ จากน้าท่ีผา่ นการบาบดั แล้ว ซ่ึงจะทาใหม้ หาวิทยาลัยลดตน้ั ทุนในระยะยาว ทัง้ นย้ี งั สามารถ
จัดเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวได้ มีร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม การจาหน่ายผลิตภัณฑ์จากผลผลิตที่ได้เพ่ือ
ก่อใหเ้ กิดรายได้
(5) Jurong Regional Library
1. การปรับปรุงสถานที่ทางานและสภาพแวดล้อมเพื่อให้มบี รรยากาศที่น่าอยูแ่ ละเหมาะสมสาหรับ
การปฏิบัติงานและการให้บริการ เช่น การจัดห้องให้คาปรึกษาสาหรับผู้รับบริการ จัดจุดพักผ่อนและบริการ
สารสนเทศสาหรับผรู้ ับบรกิ าร หรอื การจดั หอ้ งพกั และผอ่ นคลายสาหรับผู้ปฏบิ ัติงาน เป็นต้น
2. การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนการปฏิบัติงานหรือการให้บริการ เช่น
ระบบการบันทึกผลการปฏิบัตงิ านรายบุคคล ระบบฐานขอ้ มูล/เอกสารสาคญั หรือระบบการวิเคราะหภ์ าระงาน เป็นตน้
3. การเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ การสื่อสารกิจกรรมที่สาคัญหรือกิจกรรมที่จะประชาสัมพันธ์ให้
ผบู้ ริหารและบุคลากรได้ทราบ โดยผา่ นชอ่ งทางของระบบดิจิทัลเทคโนโลยีตา่ งๆ
4. กิจกรรมส่งเสริมการอ่านในรูปแบบออนไลน์ เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ส่งเสริมให้
ผู้อ่านสามารถอ่านในรูปแบบออนไลน์ที่สามารถใช้ภาพและเสียง เพื่อให้เด็ก ๆ หรือนักศึกษาให้มีความเข้าใจและ
หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีลักษณะคล้ายหนังสือจริง สามารถเปิดอ่านได้ในเครื่องคอมพิวเตอร์
และมีลกั ษณะพิเศษ คือสามารถสื่อสารกบั ผ้อู ่าน ในลักษณะของมัลตมิ ีเดียได้ ได้แก่ขอ้ ความ ภาพนงิ่ ภาพเคล่ือนไหว
และเสยี ง
5
ยทุ ธศาสตร์และแผนแมบ่ ทของการจัดการน้า กรณีศึกษา New Water, Marina Bay Sand,
Marina Barrage, Garden by the Bay และแนวทางการจัดการความรูเ้ พื่อรองรับ
ความเปน็ มาและปัญหาของประเทศสิงคโปร์
จากการแยกตัวเป็นอิสระของสิงคโปร์มาจากมาเลเซีย ปัญหาสาคัญของสิงคโปร์ คือ ความแตกต่างของ
ประชากรที่มีหลายเชื้อชาติและภาษา ทั้งคนจีน คนมาเลเซียและคนอินเดีย ซึ่งนามาสู่วัฒนธรรมทางสังคมที่
หลากหลาย ในขณะเดยี วกนั เร่ืองเศรษฐกิจกลายเป็นอกี ปญั หาสาคญั ท่รี อการแก้ไข เพราะรฐั บาลสิงคโปร์ไม่มีเงินสด
เงนิ สารองภายในประเทศ และเงินสารองระหว่างประเทศขาดแคลน อตั ราการว่างงานของคนในประเทศเพิ่มสูงมาก
คุณภาพชีวิตของประชากรไม่สู้ดีนักในเรื่องที่อยู่อาศัย เรื่องระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และเรื่องมาตรฐาน
การศึกษา การทสี่ ิงคโปร์เปน็ ประเทศทมี่ ลี กั ษณะ ภมู ศิ าสตรเ์ ปน็ เกาะ มีพนื้ ทข่ี นาดไม่ใหญ่นัก กลายเป็นปัญหาทีส่ าคัญ
ทส่ี ุดเพราะทาให้ปราศจากทรพั ยากรทางธรรมชาติและปจั จยั การผลิตทีส่ าคญั ในทางเศรษฐกิจ ปัญหาเหลา่ นก้ี ลายเป็น
สงิ่ ท้าทายสาหรับ ลกี วน ยู ซง่ึ ในขณะนั้นเปน็ นายกรัฐมนตรีและทาหนา้ ท่ีบริหารประเทศ โดย ลีกวน ยู พยายามสร้าง
ชาติให้เกดิ ขึ้นอย่างเปน็ เอกภาพท่ามกลางความหลากหลายดงั กล่าว เพื่อให้เปน็ พนื้ ฐานในการแก้ไขปัญหาและพัฒนา
ประเทศต่อไป
เนือ่ งมาจากการขยายตวั ของพืน้ ทเ่ี มือง อยา่ งรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษแรก หลงั การแยกตัว ปัญหา
เหล่านป้ี ระกอบดว้ ย ปญั หาการว่างงานสูง ปญั หาการขาดแคลน ท่ีอยู่อาศยั ปญั หาดา้ นโครงสร้างพ้ืนฐานทีสาคัญต่อ
การพัฒนาประเทศ ปัญหามลพิษทางน้า ปัญหาการขาดแคลนน้าและปัญหาน้าท่วม ในระยะเวลาเพียง 5 ทศวรรษ
หลงั การประกาศเอกราช สิงคโปร์สามารถก้าวขา้ มปัญหาและพัฒนาประเทศอย่างรวดเรว็ ทง้ั ดา้ นการพฒั นาเศรษฐกิจ
การมีงานทา การยกระดับคุณภาพชีวิต และ การสรา้ งทอ่ี ยูอ่ าศัยให้แก่ประชากร รวมทง้ั การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
การแก้ปัญหา มลพิษ การบริหารจัดการน้า โดยประเทศสิงคโปร์มีพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านเศรษฐกิจ การ
คมนาคมและระบบการจัดการทรัพยากรที่ดี มีระบบการบาบัดน้าเสียและนาน้ากลับมาใช้ใหม่ และนวัตกรรมอีก
มากมาย ความสาเร็จของการพัฒนานี้สง่ ผลใหส้ งิ คโปร์กลายเป็นประเทศต้นแบบในการพฒั นาประเทศ
โดยปัจจัยที่เอื้อให้สิงคโปร์ประสบความสาเร็จในการเอาชนะความท้าทายของประเทศ สรุปได้ดังน้ี
ประการที่ 1 การกาหนดวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์การพฒั นาประเทศอย่าง ชัดเจน สิงคโปร์ มีการกาหนด
Overall long term vision ซึ่งเป็นการกาหนดเป้าหมาย การพัฒนาประเทศทุกมติ ิในภาพรวม ซึ่งการกาหนดนี้เกดิ
จากการมองไปข้างหนา้ วิเคราะห์คาดการณ์สถานการณข์ องโลกและของประเทศท่จี ะเกิดขนึ้ และกาหนดส่งิ ท่ีต้องการ
ให้ประเทศซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการให้ประเทศมี เมื่อกาหนดเป้าหมายแล้ว ทุกคน ทุกภาคส่วนจะยึดถือเป้าหมายนี้เป็น
สาคัญ และพยายามขับเคลื่อนงาน เพอ่ื ใหถ้ งึ เป้าหมายผ่านการกาหนดยุทธศาสตร์ ท้ังในระดบั The Concept Plan
ซึ่งเป็นแนวคิดที่กาหนดทิศทางการพัฒนาในช่วง ระยะเวลา 40 – 50 ปี ข้างหน้า โดยมีการทบทวนทุก 10 ปี และ
6
ระดบั The Master Plan ซึ่งเป็นแผนแมบ่ ทในการพฒั นาประเทศระยะกลางในระยะ 10 – 15 ปีข้างหน้า เป้าหมาย
ของแผนจะเป็นไปตาม The Concept Plan โดยมีการทบทวนทุก 5 ปี ท้งั นี้ในการทบทวนแผนท้งั 2 ระดบั สิงคโปร์
จะมีการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา ณ ขณะนั้น และดาเนินการปรับประเดน็ งานสาคัญและกลยุทธ์ เพื่อให้เกิดการ
พัฒนาประเทศไปขา้ งหน้า และเตรียมพรอ้ มสาหรับอนาคต ทักษะท่ีจาเป็นและเปน็ ปัจจยั ความสาเร็จของสิงคโปร์ใน
การวิเคราะห์ ปัญหา คาดการณ์อนาคต รวมทั้งกาหนดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์คือ กระบวนการ คิดเชิงออกแบบ
(Design Thinking) ซ่ึงทกั ษะนเ้ี ปน็ ทักษะทร่ี ัฐบาลสงิ คโปร์ให้ ความสาคัญและเปน็ แนวคิดหลักในการพัฒนาประเทศ
ดังกลา่ ว
ประการที่ 2 การดาเนินงานแบบบรู ณาการในทุกมิติ การพัฒนาประเทศของสิงคโปร์เป็นการพฒั นาแบบองค์รวม
ในทุกมิติ ทงั้ มติ ิ เศรษฐกิจ มติ สิ ังคม และมติ สิ ่งิ แวดล้อม การออกแบบนโยบายเรอ่ื งใดเร่อื งหน่ึงน้นั เป็นไปเพ่ือให้เกิด
ประโยชนส์ ูงสดุ ในทุกมิติ ซึ่งกระบวนการบูรณาการต้งั แต่ขนั้ ตอนการกาหนดนโยบายนี้ ส่งผลให้การพฒั นาประเทศใน
ทุกมิติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตัวอย่าง The Urban Redevelopment Authority (URA) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่
รับผิดชอบ ออกแบบและวางแผนการพัฒนาแห่งชาติ วางแผนและอนรุ ักษ์การใช้ที่ดนิ ของสิงคโปร์ การพัฒนาดา้ นที่
อยู่อาศัย สิงคโปร์มีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาเคหะแห่งชาติ (Housing and Development Board – HDB)
เพือ่ ดาเนินนโยบายดา้ นการเคหะของประเทศ โดยมนี โยบายในการพัฒนาท่ีอย่อู าศยั ให้มีมาตรฐานเพื่อรองรับการอยู่
อาศัยที่มีคุณภาพของประชาชน ปัจจุบันสามารถ สร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ประชากรได้ถึงร้อยละ 85 ของประชากร
นอกจากการสร้างที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานแล้ว HDB ยังมุ่งสร้างความเป็นชุมชน ด้วยการสร้างพื้นที่ส่วนกลางของ
ชมุ ชน เพอื่ ใหป้ ระชาชนทีพ่ กั อาศัยในพื้นที่เดยี วกันมกี ารปฏิสมั พนั ธใ์ กล้ชดิ และมีความสัมพันธ์อนั ดีระหว่างกันมากข้นึ
และเป็นที่ตั้งของสถานพยาบาล ศูนย์ดูแลเด็ก ศูนย์การค้า ร้านค้าปลีก สวนไม้ดอก ไม้ประดับ ลานเด็กเล่น ยิมเนเซี่ยม
พื้นที่การเรียนรู้ และสิ่งอานวยความสะดวกอื่น ๆ อยู่ภายในอาคารเดียวกัน เพื่อให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางของชุมชน
สาหรับคนทุกวัย และทุกเชื้อชาติได้ทากิจกรรมร่วมกัน จากตัวอย่างการดาเนินนโยบายด้านการเคหะแห่งชาติจะพบ
ได้ว่าในการออกแบบที่อยู่อาศัยนั้น HDB และรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวงั เพียงการมีที่อยูอ่ าศัยเพียงพอต่อจานวนประชากร
เท่านน้ั หากยงั คานึงถึงการให้ ท่อี ยอู่ าศัยสามารถกอ่ ใหเ้ กิดประโยชนต์ อ่ ประเทศในทุกมิติ
ประการที่ 3 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สิงคโปร์ให้ความสาคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างมาก
โดยเฉพาะวยั เยาวชน ดว้ ยตระหนักว่าการมที รพั ยากรมนุษยท์ ่มี คี ุณภาพจะนาไปสู่การพฒั นาประเทศอย่างม่ันคง การ
พัฒนาคนของสิงคโปร์มุ่งเน้นทั้งในมติ ิดา้ นการศึกษา/ศักยภาพ และมิติด้านคุณลกั ษณะของคน สิงคโปร์ ในมิติด้าน
การศึกษา/ศักยภาพ สิงคโปร์มีระบบการเรยี นการสอนและการกระจายทรัพยากรการศกึ ษาทีม่ ี มาตรฐานและท่วั ถงึ
ของภาครฐั ซงึ่ จดุ เด่นที่สาคญั ของการศกึ ษาของสิงคโปรม์ ี 5 ประการ คอื
1) บคุ ลากรครคู ณุ ภาพสูง
7
2) การเรียนการสอนสองภาษา รัฐบาลสิงคโปร์กาหนดให้การเรียนการสอนทุกวิชาเป็น ภาษาอังกฤษ แต่
นกั เรียนทุกคนตอ้ งเลือกเรียนวชิ าภาษาทางการของเชอ้ื ชาตขิ องตนดว้ ย ซ่ึงรฐั บาลสงิ คโปรไ์ ดก้ าหนดไว้ 3 ภาษา ได้แก่
จนี แมนดารนิ มาเลย์ หรอื ทมฬิ ท้งั นี้ ภาษาที่เลอื กเรียนไม่จาเปน็ ตอ้ งเปน็ ภาษาทใี่ ชจ้ ริงในครอบครัว
3) โอกาสทางการศึกษาทเี่ ท่าเทียม
4) เทคโนโลยกี ารเรยี นการสอนท่ีทนั สมัย
5) ระบบการเรียนการสอนทีย่ ืดหยนุ่ สามารถถ่ายโอนนักเรียนระหว่างสายวิชาชีพกบั สายสามัญเพอ่ื เพิม่ ความ
กระตือรือรน้ ในการเรียน
นโยบายการพัฒนาท่อี ย่อู าศยั ในแผนพฒั นาชาตขิ องประเทศสงิ คโปร์
ถงึ แมว้ า่ แผนพฒั นาชาติของประเทศสิงคโปร์จะมีการกาหนดเป้าหมายไวร้ ะยะยาว แตจ่ ะมกี ารปรับปรุงและ
ออกแผนพฒั นาชาตฉิ บบั ย่อยทุก ๆ 5 ปี ในแผนพัฒนาชาตแิ ตล่ ะฉบบั จะมกี ารระบถุ ึงนโยบายเกย่ี วกบั การพัฒนาเมือง
และท่ีอยูอ่ าศยั โดยไดส้ รุปประเดน็ นโยบายการพฒั นาท่ีอยู่อาศัยในแผนพฒั นาชาตมิ าได้ดงั น้ี
8
1. แผนพฒั นาชาติฉบบั ท่ี 1 (ค.ศ.1961-1965)
ปัญหาจานวนทอ่ี ยู่อาศัยขาดแคลนและเศรษฐกิจซบเซาเป็นสองปัญหาหลักทีร่ ัฐบาลจะต้องเรง่ แก้ไข รัฐบาล
จงึ ใช้ภาคการอุตสาหกรรมเพื่อเป็นแนวทางการแก้ปัญหาเมืองใหมใ่ นแผนฯ นจี้ ึงมกี ารจัดสรรพนื้ ท่ไี ปยงั ท่ีอย่อู าศัยและ
อุตสาหกรรมเป็นหลัก แต่ยังไม่พบการวางผังเป็นระบบชมุ ชน เมืองใหม่ที่ได้รับการพัฒนาตามแผนฯ นี้ ได้แก่ เมืองใหม่
ควนี สท์ าวน์
2. แผนพัฒนาชาติฉบบั ท่ี 2 (ค.ศ.1965-1970)
ปัญหาที่อยู่อาศัยขาดแคลนเริ่มคลี่คลายแต่ยังไม่หมดไป และยังมีปัญหาการแบ่งแยกเชื้อชาติและความ
ไม่สามัคคีกันในประเทศ รัฐบาลจึงมีการกาหนดนโยบายการสร้างชาติขึ้น โดยการสร้างแผนความเป็นเจ้าของบ้าน
สาหรับประชาชน เพอ่ื ให้เกิดสานกึ ความเปน็ เจา้ ของ จึงมกี ารออกแบบเมอื งใหม่ในแผนฯ นี้ใหม้ สี ดั ส่วนของท่ีอยู่อาศัย
มากที่สุด แต่เนื่องจากย่านอุตสาหกรรมหลายแห่งถูกสร้างในแผนฯ ฉบับท่ีหนึ่งแล้ว สัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมจงึ
ลดลง เมืองใหม่ในแผนฯ น้ี มโี ครงสร้างการวางผังที่ชัดเจนขน้ึ มกี ารแบง่ เขตย่านและถนน เมอื งใหมท่ ี่ไดร้ ับการพัฒนา
ตามแผนฯ นี้ ไดแ้ ก่ เมอื งใหม่เกลัง และเทาพาโย
3. แผนพัฒนาชาตฉิ บับที่ 3 (ค.ศ. 1971-1975)
ในแผนฯ น้ี รัฐบาลพบว่ามีประชากรสว่ นใหญ่มีรายไดป้ รับตัวสูงขึ้น ทาให้คุณสมบัติเกนิ สิทธิ์ที่จะซ้ือห้องชดุ
จาก HDB แต่ยังไม่มากพอที่จะซื้อห้องชุดจากโครงการเอกชนได้ รัฐบาลจึงกาหนดนโยบายท่ีอยู่อาศัยสาหรับชนชั้น
กลางขึน้ เพื่อใหโ้ ครงการทีอ่ ยู่อาศัยของ HDB มคี วามทัดเทยี มกบั โครงการเอกชน ให้สอดคล้องกบั ความต้องการและ
รายได้ โดยเริม่ มกี ารใชแ้ นวคดิ Garden City1 เพื่อยกระดบั คณุ ภาพชวี ิตของประชากร มีการวางผังแบบหน่วยชุมชน
ละแวกบ้านทีม่ รี ะบบชุมชนที่ชัดเจนมากขึ้น มีการเพิ่มสดั ส่วนพื้นทีส่ ีเขียว และมีการแบ่งพื้นทีส่ าหรับการทา mixed
use นอกจากนัน้ ยังมีการปรับปรงุ ห้องชดุ เกา่ เพ่ือให้ตรงกับความตอ้ งการของตลาด อกี ทงั้ เริม่ กาหนดใหใ้ ช้กองทุนสาร
องเลี้ยงชีพสาหรับการซื้อที่อยู่อาศัยของ HDB เมืองใหม่ที่ได้รับการพัฒนาตามแผนฯ นี้ ได้แก่ เมืองใหม่วูดส์แลนด์
อังมอเคียว เบอด๊อก บูกติ เมรา และเคลเมนที
4. แผนพัฒนาชาตฉิ บบั ที่ 4 (ค.ศ.1976-1980)
ปญั หาการแบ่งแยกตามเชอ้ื ชาติยงั คงมอี ยู่ และลักษณะครอบครัวมีขนาดใหญ่ จานวนประชากรเพิ่มข้ึนอย่าง
รวดเร็ว รัฐบาลจงึ มีการกาหนดโครงการให้มีขนาดใหญข่ ้ึน มนี โยบายส่งเสริมใหเ้ ปน็ ครอบครวั ขยาย โดยให้สมาชิกใน
ครอบครัวเดียวกันมีสิทธ์ิซอ้ื ห้องชุดในโครงการเดียวกันเพ่ิม ในราคาที่ถูกลงเพอ่ื ให้สมาชกิ ในครอบครัวได้อยู่ในละแวก
เดียวกัน และนโยบายการประสานกลมกลนื ทางเชอื้ ชาติ โดยกาหนดสัดสว่ นของผอู้ ย่อู าศัยตามแต่ละเชอ้ื ชาติในอาคาร
พักอาศัย เพื่อรองรับกับจานวนประชากรโดยยังคงวางผังแบบยึดแนวคดิ หน่วยชุมชนละแวกบา้ น ห้องชุดในแผนฯ นี้
มีความทันสมัยและสวยงาม เทียบเท่ากับโครงการของเอกชน โดยมีสวนขนาดใหญ่สาหรับพักผ่อนหย่อนใจใหค้ นใน
ชุมชนอีกด้วย เมืองใหม่ที่ได้รบั การพัฒนาตามแผนฯ นี้ ได้แก่ เมืองใหม่ย่ีชุน เมืองใหม่อ่าวกัง เมืองใหม่กาลาง เมือง
ใหมแ่ ทมปเิ นส จูร่งอีส และจูร่งเวสต์
9
5. แผนพฒั นาชาติฉบับที่ 5 (ค.ศ.1981-1985)
ประชากรมีความต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ และมีการเริ่มที่จะพัฒนาพื้นทีใ่ นเขตชานเมืองเนื่องจาก
พื้นทใ่ี นเขตเมอื งไดถ้ ูกพฒั นาไปจนหมดแลว้ เมืองใหม่ในแผนฯ น้ีจงึ มกี ารวางผังระบบโครงข่ายถนนควบคู่ไปกับระบบ
ขนส่งมวลชนในเขตชุมชนภายในโครงการ รัฐบาลยังมีการสนับสนุนนโยบาย Garden City อย่างเต็มตัว โดยการ
กอ่ สร้างเมืองใหมใ่ นแผนฯ น้ีจะเน้นการรกั ษาธรรมชาติ และคงสภาพพนื้ ทเี่ ดมิ มีพ้ืนทเี่ ปิดโล่งและพนื้ ท่สี าหรบั พกั ผ่อน
หย่อนใจ สัดส่วนพื้นที่สีเขียวจึงมีมากขึ้น เมืองใหม่ที่ได้รับการพัฒนาตามแผนฯ นี้ ได้แก่ เมืองใหม่
บกู ิตพันจงั เซรงั กนู พาเซอ่ รสิ บกู ติ บาต๊อก และเชาชูกงั
6. แผนพัฒนาชาตฉิ บับที่ 6 (ค.ศ.1986-1990)
ในแผนฯ นี้จะเรม่ิ เปน็ การเปลีย่ นแปลงแนวคิดการพฒั นาประเทศจากแนวคิด “Garden City” ให้เปน็ “City
In A Garden” ประชากรเริ่มมีความต้องการใหพ้ ืน้ ที่ชุมชนและที่อยูอ่ าศัยมีความสะดวกสบาย หรูหรา และทันสมัย
มากขึ้น จึงมีการปรับปรุงด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง มีการเพิ่มสิ่งอานวย
ความสะดวกภายในชุมชน มสี ถานศกึ ษากระจายอยู่ทวั่ เมอื งใหม่ โดยสัดสว่ นของที่อยู่อาศัยยงั คงมีมากที่สุด และยังมี
การเริ่มต้นการออกแบบพื้นที่สีเขียวบนอาคารสูงอีกด้วย เมืองใหม่ที่ได้รับการพัฒนาตามแผนฯ น้ี ได้แก่ เมืองใหม่
บชิ าน
7. แผนพัฒนาชาติฉบับท่ี 7 (ค.ศ.1991-1995)
ประชาชนมีความต้องการใหย้ ่านทีพ่ กั อาศัยมีความทนั สมยั และหรูหราเทยี บเทา่ กับกบั คอนโดมิเนยี มระดับสูง
ท่ีพฒั นาโดยบรษิ ัทเอกชน อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้เล็งเหน็ ถงึ การปรับปรงุ เมอื งใหม่เดิมทีม่ ีความเสือ่ มโทรม จึงเกิดเป็น
นโยบายการบูรณะเมืองใหม่ในยคุ ก่อนหน้า (New Town Upgrading Program) ขึน้ ซ่งึ เปน็ การบูรณะพื้นที่ภายนอก
ห้องชุดพักอาศยั ตัวอาคาร และพน้ื ท่ีตา่ ง ๆ ภายในเมืองใหม่ แตจ่ ะไม่มกี ารเปลยี่ นแปลงผงั โครงการ เมืองใหม่ที่ได้รับ
การฟ้ืนฟตู ามแผนฯ น้ี ได้แก่ เมอื งใหม่ควนี สท์ าวน์ และองั มอเคยี ว
8. แผนพัฒนาชาตฉิ บับท่ี 8 (ค.ศ.1996-ปัจจบุ นั )
เนื่องจากข้อจากัดด้านพื้นที่สาหรับการพัฒนาเมืองใหม่ในเขตเมือง จึงมีการถมที่ดินเพื่อพัฒนาเมืองใหม่
รวมถึงการใช้แนวคิดใหม่ ๆ ในการพัฒนา เช่น แนวคิดอีโค่ทาวน์ (Eco Town) และยังมีการสนับสนุนให้หน่วยงาน
เอกชนเข้ามามี ส่วนร่วมในการก่อสร้างและออกแบบ ในแผนนี้จึงมีการวางผังเมืองใหม่ให้มีระบบการแบ่งย่านและ
โครงข่ายถนนอย่างชัดเจน มีการสร้างรถไฟฟ้าสายเบา (Light Rail Transit - LRT) เชื่อมต่อจากสายหลักไปยังเมือง
ใหม่ เพื่ออานวยความสะดวกให้กบั คนในชุมชน เมอื งใหมท่ ไ่ี ด้รับการพัฒนาตามแผนฯ นี้ ได้แก่ เมืองใหม่เซงกงั เซมบา
วัง และพองกอล
จากแผนพัฒนาชาตฉิ บบั ท่ี 3 (ค.ศ. 1971-1975) ในปี 1974 ไดม้ ีการจัดตัง้ Urban Redevelopment
Authority (URA) เปน็ หน่วยงานท่ีรบั ผิดชอบ ออกแบบและวางแผนการพฒั นาแห่งชาติ ทาหนา้ ท่ใี นการวางแผน
ระยะยาว เพื่อกาหนดแผนกลยุทธ์ เช่น Concept Plan และ Master Plan เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาทาง
10
กายภาพอย่างยัง่ ยนื แผนและนโยบายมุ่งเนน้ ไปที่การบรรลุถึงสภาพแวดลอ้ มการอย่อู าศัยท่ีมีคุณภาพของสงิ คโปร์ ซึ่ง
ในการเปลี่ยนแผนและวสิ ัยทัศน์ให้เปน็ จริง URA ต้องมีบทบาทที่หลากหลาย ประเมินและใหก้ ารอนุมัติการวางแผน
สาหรบั การพฒั นาผ่านแนวทางการควบคุมการพัฒนา การออกแบบเมอื ง และการอนรุ กั ษ์ แนวปฏิบัติน้ีอานวยความ
สะดวกในการพฒั นาอยา่ งเปน็ ระเบียบและสรา้ งความมั่นใจว่าการพฒั นาจะเข้ากันไดก้ ับพ้นื ที่ใกล้เคียง สอดคล้องกับ
ความตง้ั ใจในการวางแผนระยะยาว
ภารกิจของ URA คือ 'ทาให้สิงคโปร์เป็นเมืองที่น่าอยู่ ทางาน และสนุกสนาน' มุ่งมั่นที่จะสร้างบ้านที่น่ารัก
และเมืองที่มีชีวิตชีวาและยั่งยืนผ่านการวางแผนและนวัตกรรมระยะยาวร่วมกับชุมชน แม้ว่าจะมีรากฐานมาจาก
แผนกฟื้นฟูเมืองซึ่งก่อตั้งโดยคณะกรรมการการเคหะและการพัฒนา (HDB) ในปี 1960 โดยหนึ่งในภารกิจของคือ
"การทาให้สงิ คโปรเ์ ป็นเมืองท่นี ่าอยู่ ทางาน และสนกุ สนาน" และมหี นา้ ท่หี ลกั ในการวางแผนและอานวยความสะดวก
ในการพัฒนาทางกายภาพของสงิ คโปร์ ปจั จุบันตั้งอยทู่ ี่ The URA Center ที่ถนน Maxwell 3
พันธกิจของ URA ไม่ได้จากัดเฉพาะการวางผังเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
สาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวพันกับการดารงชีวิตของประชาชนในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย
สวนสาธารณะ การคมนาคมขนส่ง การใช้ที่ดินและอาคารเพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม การสร้างแหล่งเก็บน้า
และสถานที่ฝึกด้านกลาโหม พื้นที่สาธารณะสาหรับกิจกรรมชุมชนและวัฒนธรรม และการสร้างสาธารณูปโภค เช่น
โรงไฟฟ้า รวมทั้งการบูรณะอาคารอนุรักษ์ต่าง ๆ โดย URA มีจุดเด่นคือ การนานวัตกรรมมาใช้ในการวางผังและ
พัฒนาเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบ digitalization โดยใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลด้านภูมิศาสตร์ เพื่อให้ได้
ฐานข้อมลู ที่ถกู ตอ้ งแม่นยา และนาไปสผู่ ลการวิเคราะห์รูปแบบการพัฒนาเมืองทีม่ ี
ความรบั ผิดชอบของ URA
1 การวางแผนการใช้ท่ีดิน
URA วางแผนทั้งแผนการใชท้ ่ดี นิ เชิงกลยทุ ธ์ในระยะยาวและแผนระยะกลางซึ่งมีการทบทวนทกุ ๆ ห้าถึงสิบปี
แผนเหล่านี้กาหนดใช้ที่ดินและความหนาแน่นของเมืองเพื่อความสมบรู ณ์ของสิงคโปร์ซึ่งจะแบ่งตาม URA ลงใน 55
พ้ืนที่การวางแผน
2 การควบคุมการพฒั นา
URA รับผิดชอบในการประเมินและใหค้ วามเห็นชอบการวางแผนสาหรับโครงการพัฒนาจากประชาชนและ
ภาคเอกชน ในการใชแ้ อปพลิเคชันการพฒั นา URA ระบุเปา้ หมายคอื เพ่ือส่งเสริมการพัฒนาท่ีเป็นระเบียบตามแนวทางการ
วางแผนตามที่ระบุไว้ในแผนแม่บทตามกฎหมายและปัจจัยควบคุมที่มีอยู่ URA พยายามให้บริการที่มีคุณภาพเม่ือ
ทางานรว่ มกบั ผเู้ ช่ยี วชาญดา้ นอุตสาหกรรมการก่อสรา้ งและประชาชนทัว่ ไปเพือ่ ส่งเสรมิ การพฒั นา
11
3 การออกแบบเมอื ง
URA รับผิดชอบการออกแบบเมืองของเมือง สาหรับพื้นที่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เช่นบริเวณแม่น้าสิงคโปร์
แหลง่ ชอ้ ปปง้ิ บนถนนออร์ชาร์ดและMarina Bay URA ได้จดั ทาแผนการออกแบบเมืองและการใช้ท่ีดนิ ในระยะสั้นและ
ระยะกลางโดยเฉพาะ นอกจากนย้ี งั ทางานร่วมกบั หน่วยงานภาครฐั อ่นื ๆในการปรับปรงุ การออกแบบเมอื งของเมือง
4 การอนุรักษอ์ าคาร
การอนุรักษ์อาคารในสิงคโปร์เป็นความรับผิดชอบของ URA ซึ่งออกแผนแม่บทการอนุรักษ์ในปี 1989
แผนน้กี าหนดแนวทางและกระบวนการในการอนุรักษ์อาคารทีม่ ีความสาคญั ทางวฒั นธรรมและประวัติศาสตร์ อาคาร
มากกวา่ 7000 แหง่ ในสงิ คโปรไ์ ดร้ ับการประกาศใหเ้ ป็นอาคารอนุรกั ษ์
5 ขายทีด่ ิน
URA ยังขายที่ดินโดยประกวดราคาในนามของรัฐบาลสิงคโปร์เพื่อตอบสนองความต้องการจากนักพัฒนา
เอกชน URA เกี่ยวขอ้ งกับการประมูลทดี่ นิ ของรฐั บาลและการขอซ้อื ท่ีดนิ สงวน
6 การจัดการทจ่ี อดรถ
URA มีบทบาทสาคญั ในการจดั การท่ีจอดรถสาธารณะทั้งหมดนอกนิคมอตุ สาหกรรมการเคหะ ให้ข้อมูลและ
บริการแก่ประชาชนเกี่ยวกับที่จอดรถคูปอง ที่จอดรถตามฤดูกาล และที่จอดรถยานพาหนะหนัก URA ยังกาหนด
ข้อบังคบั เกี่ยวกับการละเมิดที่จอดรถและค่าปรบั
บทบาทที่หลากหลายของ URA รวมถึงการเปน็ ตวั แทนขายที่ดนิ หลักของรฐั บาล ดงึ ดูดและสร้างช่องทางการ
ลงทุนภาคเอกชนเพื่อพัฒนาไซต์ที่สนับสนุนการวางแผน วัตถุประสงค์ทางเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ยังเป็น
พันธมติ รกบั ชมุ ชนเพอื่ ทาให้พนื้ ท่ีสาธารณะของเรามีชวี ิตชวี าข้นึ เพื่อสร้างเมอื งทเ่ี ปน็ มิตรกับผู้คนและน่าอยู่สาหรับทุก
คน ในการสร้างเมืองทีโ่ ดดเด่น URA ยังส่งเสริมความเป็นเลิศด้านสถาปตั ยกรรมและการออกแบบเมือง
หน่วยงานทีเ่ ก่ียวขอ้ ง
การดาเนินการของ Urban Redevelopment Authority (URA) ภายใต้กระทรวงการพัฒนาแห่งชาติ
(Ministry of National Development: MND) มีหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน ได้แก่ หน่วยงานอาคารและการ
ก่อสร้าง (BCA) สภาตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ (CEA) คณะกรรมการพัฒนาที่อยู่อาศัย (HDB) คณะกรรมการอุทยาน
แห่งชาติ (NParks)
ในส่วนของรายได้จาการดาเนินการงานของ URA จะมีรายได้จากการวางแผนและบริการอื่น ๆ
คา่ ธรรมเนยี มตัวแทนและท่ปี รกึ ษารายได้จากการควบคุมการพฒั นา คา่ จอดรถและคา่ บริการท่เี กย่ี วข้อง รายได้ค่าเช่า
รายไดจ้ ากการดาเนนิ งานอ่ืน
หน่วยงานหลักสองหน่วยงานที่มีบทบาทสาคัญในการพัฒนาเมือง ได้แก่ Urban Redevelopment
Authority (URA) และ Housing and Development Board (HDB) ส่งผลให้เกิดความร่วมมือและการ
12
ประสานงาน ระหว่างหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบใน ภารกิจด้านเดียวกันอย่างมีเอกภาพและคล่องตัว รวมถึง
แนวนโยบายของหน่วยงาน ดังกล่าวจะได้มีลักษณะองค์รวมในด้านการ พัฒนากายภาพ สิ่งแวดล้อมเมืองแบบครัน
ครอบคลุม ตั้งแต่ในระดับที่พักอาศัยไปจนถึงระดับเมือง และการสร้างความเหนียวแน่นในชุมชน การปรับปรุงการ
วางแผนและการดาเนินงาน และการพัฒนาของประเทศ ในกรณขี องสงิ คโปร์จะมีหนว่ ยงานที่เกีย่ วข้องในการวางแผน
และดาเนินการในเชงิ กายภาพสามมิติกลา่ วคอื มิติระดับนโยบาย ไดแ้ ก่ รฐั บาลกลาง มิตใิ นระดบั ควบคมุ ไดแ้ ก่ Smart
Nation and Digital Government Group ( SNDGG) และมติ ิในระดับปฏิบัติการ ได้แก่ Urban Redevelopment
Authority (URA) และ Housing and Development Board (HDB)
จากหน้าที่ของ URA ในด้านของการทาหน้าทีอ่ อกแบบเมือง ประกอบกับยุทธศาสตร์และกลยทุ ธ์ในการ
จัดการนา้ ของประเทศสิงคโปร์ ทาใหเ้ กดิ เปน็ ยทุ ธ์ศาสตร์ 4 แหลง่ นา้ เพือ่ ความยง่ั ยืน (Four National Tap)
โดยปัจจุบันประเทศสงิ คโปร์มกี ารใช้น้าในปจั จุบนั มาจาก 2 สว่ น คอื ภาคในประเทศ 45% และภาคที่ไมใ่ ช่ใน
ประเทศ 55% และคาดวา่ ภายในปี 2060 ความต้องการน้าโดยรวมจะสงู ข้ึน โดยที่ภาคที่ไมใ่ ช่ในประเทศจะมีสัดส่วน
เพม่ิ เปน็ 70% ความต้องการใชน้ า้ ที่เพม่ิ ข้นึ และการเติบโตทางเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่า ตอ้ งมีการจัดการด้านอุปทาน
น้าอยา่ งเขม้ ขน้ ในอนาคต
Four National Tap หรือแหล่งนา้ ทั้ง 4 แหล่งประกอบดว้ ย
1) นาเข้าจากมาเลเซีย
2) แหล่งน้าในประเทศ การกกั เก็บนา้ ฝน และอา่ งเกบ็ น้า
3) การแปลงน้าทะเลใหเ้ ปน็ น้าจดื
4) นาน้าใช้แล้วท้งิ มาบาบัด ในโครงการ NEWater
น้าดื่มในสงิ คโปรม์ ากกวา่ ครงึ่ หน่ึงมาจากแหลง่ นา้ นาเข้าจากมาเลเซยี สิงคโปร์จึงตอ้ งมที างเลอื กอืน่ เพราะการมีแหล่ง
นา้ จานวนนอ้ ยและการพึ่งพามาเลเซยี จะสรา้ งปัญหาซบั ซ้อนใหก้ บั ประเทศ โดยเฉพาะในด้านการประมาณการณ์การ
เพิ่มขึ้นของประชากรและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ระดับน้าในอ่างเก็บน้ายะโฮร์ ลิงกีลดลงจาก
84% ในปี 2015 ลงมาที่ 27% ในเดอื นมกราคม ปี 2017 กอ่ นทจ่ี ะเพมิ่ ขึน้ กลับมาที่ 63% ในเดอื นมีนาคม 2018
จากการศึกษาทเ่ี น้นไปยังแหล่งน้าจากนา้ ฝนและการพ่ึงพาแหลง่ นา้ นาเขา้ แลว้ พบว่าแหล่งน้าดื่มสาคัญของ
สงิ คโปร์ในอนาคตจะมาจากการแปลงน้าทะเลให้เป็นนา้ จดื และการนาน้าใชแ้ ลว้ มาบาบดั เพอ่ื ใชใ้ หม่ (NEWater)
13
ท่มี าภาพ: https://www.pub.gov.sg/watersupply/fournationaltaps/newater
นา้ ทิง้ น้าใชแ้ ลว้ และนา้ ทะเล เพือ่ ผลิตน้าประปาสะอาดระดบั โลก
สงิ คโปรม์ คี วามพยายามอย่างมุง่ มั่นที่จะปกป้องแหล่งน้าทง้ั ในด้านของปริมาณและคุณภาพในระยะยาว ด้วย
การขยายแหล่งน้าทเ่ี ป็นไปได้ พฒั นาเทคโนโลยเี พอ่ื เพม่ิ การเขา้ ถึงนา้ พัฒนาการจดั การคณุ ภาพน้า และลดคา่ ใช้จ่ายใน
การผลิตและบรหิ ารลงอย่างค่อยเปน็ คอ่ ยไป ตลอดช่วงเวลาท่ผี า่ นมาสิงคโปร์มคี วามพยายามท่ีจะใหค้ วามสาคัญกับการ
บริหารแหล่งกักเก็บน้าเพ่ิมขึ้น ด้วยการกาหนดขอบเขตและไดร้ ับการคุ้มครองตามกฎหมายอย่างชัดเจนทั้งแหล่งกัก
เก็บนา้ ที่ไดร้ ับการปกปอ้ งและแหล่งกกั เกบ็ น้าท่ีไดร้ ับการปกปอ้ งบางส่วน ทาใหไ้ ม่สามารถทากิจกรรมท่ีก่อมลภาวะได้
ในพน้ื ทเี่ หลา่ นนั้ ในปัจจบุ นั พืน้ ท่ีครึ่งหนง่ึ ของสิงคโปรไ์ ดร้ ับการพิจารณาเป็นเป็นแหล่งกักเกบ็ น้าท่ไี ด้รับการปกป้องและ
แหล่งกกั เกบ็ น้าที่ไดร้ บั การปกป้องบางส่วนเพิม่ ขนึ้ ในอัตราเปน็ สองในสามภายในปี 2009
นอกจากเพม่ิ แหลง่ กกั เก็บน้าที่เป็นต้นเหตสุ าคญั ของปัญหานา้ แลว้ สิงคโ์ ปร์ยงั มนี โยบายเพิ่มความหลากหลาย
ของแหล่งผลิตน้าดว้ ยการผลิตน้าประปาจากการสลายความเคม็ น้าทะเล และการนานา้ ทิ้งหรือน้าทีใ่ ช้แล้วมาบาบดั
เป็นน้าประปา ในช่วงแรกนั้นการสลายความเค็มน้าทะเลเป็นกระบวนการสาคัญที่ผลิตน้าประปาให้แก่สิงคโปร์
เน่อื งจากเทคโนโลยีการบาบัดน้าเพือ่ เปน็ น้าประปายงั ไม่มีประสิทธภิ าพและน่าเชอ่ื ถอื (ความพยายามที่จะเริ่มบาบัด
น้ากลบั มาเปน็ นา้ ประปาเรมิ่ ในทศวรรษที่ 1970)
จนกระทั่งปี 2002 หลังจากการทดลองและตรวจสอบคุณภาพน้าจากโรงงานบาบัดน้าต้นแบบ กลุ่ม
ผู้เชี่ยวชาญรับรองในคุณภาพน้าที่ปลอดภัยและดื่มได้ ซึ่งคุณภาพของน้าที่ผ่านการบาบัดนี้ผ่านคุณสมบัติขั้น
พื้นฐานของสานักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (Environmental Protection Agency of the
14
United States) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ย่งิ ไปกว่านัน้ น้าท่ีบาบัดนยี้ งั มีความ
บรสิ ุทธ์ิทสี่ งู มากจนสามารถนาไปใช้ผลิตสารกึ่งตวั นาท่ีต้องการน้าท่ีมีความบรสิ ทุ ธิ์มากได้
นอกจากคุณภาพของนา้ บาบัดที่ดีกว่านา้ จากการสลายความเคม็ แลว้ ต้นทนุ การผลติ ของนา้ บาบดั นี้ยังมีราคา
ต่ากว่านา้ จากการสลายความเค็มถึง 2 เท่า จากข้อมูลการบาบัดน้าในปีแรกของโรงบาบัดน้าอูลู ปันดัน มีต้นทุนการ
ผลิต 30 ดอลลารส์ ิงคโปร์ตอ่ นา้ 1 ลูกบาศก์เมตร ในขณะทีโ่ รงงานสลายความเคม็ ทแู อสอันเป็นโรงงานสลายความเค็ม
นา้ ทะเลระดบั เมอื งแห่งแรก มตี ้นทุนการผลิตอยทู่ ่ี 0.78 ดอลลาร์สิงคโปรต์ อ่ ลูกบาศก์เมตร
ในอนาคตรัฐบาลสิงคโปร์มแี ผนจะเพ่ิมโรงงานบาบัดน้าเน่ืองจากมตี ้นทุนต่ากว่าอีกทัง้ ยงั มอี ุตสาหกรรมหลาย
ท่ใี ชน้ ้าบาบดั น้าน้ีทาให้ปรมิ าณนัน้ หมุนเวียนกลับไปบาบัดเพ่มิ ขึ้น น้าประปาท่ไี ดจ้ ากการบาบัดน้ีนอกจากจะนาไปใช้
อุปโภคบรโิ ภคแลว้ ก็ยังนาน้าบางส่วนกลบั เขา้ สู่แหล่งกกั เก็บนา้ อกี ด้วย
ปัจจุบันแหล่งน้าจากน้าทะเลมีสัดส่วน 25% ของน้าดื่มในสิงคโปร์ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% ภายในปี
2060 โดยมีโรงงานแปลงน้าทะเลเป็นน้าจืด 3 แห่ง คือ สิงคโปร์สปริงที่ตั้งขึ้นในปี 2005 ทูแอสสปริงก่อตั้งปี
2013 และทูแอสในปี 2018 อกี ทงั้ ยงั มแี ผนก่อสร้างอกี 2 โรงในปี 2020 ท่ี มารินาอสี ต์และเกาะจูรง่
PUB ยังส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่โรงงานทูแอส เพราะการสลายความเค็มของน้าทะเล
สามารถทาได้หลายวิธี เช่น ระบบการกรองแบบ reserve osmosis (RO) หรือการระเหย (flash evaporation) แต่
ไม่ว่าวิธีการใดต้องใช้พลังงานสูงมากกว่าการบาบัดน้าทิง้ หรือนา้ ใช้แล้ว อีกวิธีหนึ่งหนึ่งคือใช้กระแสไฟฟ้าแยกเกลือ
และนา้ ออกจากกัน (electrochemistry)
สาหรบั แหลง่ น้าจากน้าทง้ิ นา้ ใช้แล้ว หรอื นิววอเตอร์ (NEWater) ถอื เปน็ การจัดการน้าอย่างย่ังยืนในสิงคโปร์
ทาให้สามารถตอบสนองความต้องการน้าทั้งประเทศได้ถึง 40% ด้วยเทคโนโลยี NEWater และคาดว่าจะเพิ่มเป็น
55% ในปี 2060
สิงคโปร์โดย PUB ได้สร้างอุโมงค์ระบายน้าใต้ดิน (deep tunnel sewerage system - DTSS) เพื่อความ
ยง่ั ยืน ซ่งึ DTSS เป็นส่วนหน่ึงของเสน้ ทางน้าทงั้ หมด และเปรยี บเสมือทางดว่ นของน้าใชแ้ ล้วไปยังแหล่งกักเก็บกลาง
เพือ่ บาบัด น้าทบี่ าบัดแล้วนี้จะสง่ กลบั ไปท่ี NEWater และส่วนหนึง่ ปล่อยให้ไหลลงทะเล
15
ท่ีมาภาพ: https://www.pub.gov.sg/watersupply/fournationaltaps/desalinatedwater
NEWater เป็นรากฐานสาคัญของการจัดการน้าของสิงคโปร์ และยังคงได้รับความสนใจมากขึ้นใน
อนาคต NEWater เป็นการรีไซเคิลน้าใช้แล้วให้กลับเป็นน้าที่ผ่านการบาบัดคุณภาพสูง เรียกได้ว่าสะอาด
ปราศจากเชื้อโรค (ultraclean) และสามารถดื่มได้ ด้วยเทคโนโลยี 3 ขั้นตอนของ NEWater ที่ได้มาตรฐาน
องคก์ ารอนามยั โลก
สงิ คโปร์มีโรงงานบาบดั น้า NEWater 5 แหง่ ซ่ึง 2 แห่งแรกเปิดในปี 2003 ที่ ครนั จิ และเบโดะก์ และน้าที่ได้
จากบาบดั นน้ี าไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมและระบบทาความเยน็ เป็นส่วนใหญ่ แตใ่ นช่วงหน้าแลง้ น้าจาก NEWater จะ
ถูกสง่ ไปอา่ งเก็บน้าและผสมกบั แหลง่ นา้ ดิบก่อนท่ีจะนากลับมาผลิตเปน็ นา้ ประปาดื่มได้อกี คร้ัง สิงคโปร์มีการจัดการ
น้าทิ้งและน้าฝนด้วยองคก์ รที่มีประสิทธิภาพประกอบกับสภาพแวดล้อมทีเ่ อื้ออานวยด้วยเจตนารมณ์ทางการเมืองท่ี
เขม้ แขง็ กฎหมาย และกฎระเบียบท่มี ีประสทิ ธิภาพ อีกทงั้ แรงงานท่มี ปี ระสบการณ์และมีแรงกระตนุ้
การบริหารน้าทั้งหมดของสิงคโปร์ขึ้นอยู่กับ คณะกรรมการสาธารณูปโภคสาธารณะ (PUB) ซึ่งเป็น
องค์กรภาครัฐท่ีเคยมีภาระหนา้ ทีบ่ ริหารจัดการนา้ ด่มื ไฟฟ้า และกา๊ ซ จนกระทั่งปี 2001 กระทรวงสิ่งแวดล้อมได้
เพม่ิ ภาระหนา้ ที่ของ PUB ให้ครอบคลุมการบรหิ ารจดั การระบบท่อระบายนา้ และนา้
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีน้าสญู หายไปจากระบบน้อยมากเพียงแค่ 4.5% เท่านั้นซึง่ เปน็ จานวนทีน่ ้อยที่สุดใน
โลก ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนมนี ้าสูญหายจากระบบถึง 40-60% จากความครอบคลุมน้ีทาให้สามารถ
16
พัฒนาและใช้นโยบายแบบองค์รวม ประกอบด้วยการปกป้องและขยายแหล่งน้าได้แก่ การกักเก็บน้า
อปุ สงคใ์ นนา้ การบรหิ ารจัดการน้าฝนและนา้ ทิ้ง การสลายความเค็มของนา้ การให้การศึกษาเกย่ี วกับน้า และโครงการ
เพอื่ ความตระหนกั เก่ยี วกับนา้
ในปัจจบุ ัน PUB มศี นู ยข์ องตนเองสาหรบั เทคโนโลยีเกี่ยวกับนา้ ทกี่ ้าวหน้าพรอ้ มดว้ ยเจ้าหนา้ ท่ีผู้เชีย่ วชาญ 50
คน ที่พร้อมให้งานวิจัยที่จาเป็นและการสนับสนุนเกี่ยวกับการพัฒนา ในด้านของบุคลากร PUB เป็นองค์กรที่ให้
เงินเดือนสูงและมีสวัสดิการที่ตอบโจทย์กับสภาพตลาดแรงงานจึงสามารถดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถ เข้ามา
ทางานได้ ประกอบกับการทางานที่โปร่งใสปราศจากทุจริตอันเป็นแบบฉบับของสิงคโปร์ก็ยิ่งทาให้องค์กรนี้มี
ประสิทธิภาพยิ่งข้ึน
พระราชบัญญัติสาธารณูปโภคกาหนดให้ PUB รับผิดชอบงานบริการน้าทุกด้าน ทั้งการติดตั้ง การก่อสร้าง
การติดตั้ง การบารุงรักษาการจัดตั้งการซ่อมแซมหรือการทดแทนบริการติดตั้งน้า พระราชบัญญัติฉบับนี้เริ่มใช้ในปี
2001 และมีการแก้ไขในปี 2002 อกี ทัง้ เก่ียวข้องกบั ภาษนี ้าและกาหนดให้คณะกรรมการมสี ิทธทิ ่ีจะหยุดหรือระงบั การ
จา่ ยน้า คณะกรรมการฯ ยงั กาหนดหลกั เกณฑเ์ กีย่ วกับคุณภาพน้า มาตรฐานนา้ ดื่ม ภาษีนา้ และการจัดหาน้า พร้อม
จัดทาคูม่ อื การใช้นา้ แกบ่ รษิ ทั กอ่ สร้าง สถาปนิก ช่างประปา หน่วยงานรัฐและวิศวกรท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั การนา้
ทีม่ าภาพ: https://www.pub.gov.sg/watersupply/singaporewaterstory
สิงคโปร์ออกพระราชบัญญัติการระบายน้าทิ้งที่บังคับใช้ปี 1999 และแก้ไขปี 2001 เป็นรากฐานของการ
ก่อสร้างการวางระบบท่อน้าทิ้งระบบการระบายน้า รวมทั้งให้อานาจคณะกรรมการฯ ในการวางมาตรฐานควบคุม
17
ตรวจสอบการระบายน้าทิ้งทกุ ด้าน กฎหมายยังใหข้ ้อมูลเก่ียวกับการปกป้องแหล่งนา้ ที่เชื่อมโยงกับการระบายน้าท้งิ
ตลอดจนการขึน้ ทะเบียน แนวปฏบิ ัตแิ ละการออกใบรบั รอง
Urban Redevelopment Authority (URA) ในการดาเนินงานเกยี่ วกับ Singapore River
แม่น้าสิงคโปร์ และอ่าวคัลลัง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นเลือดใหญ่ และหัวใจสาคัญของการสัญจรทางน้า
ตลอดจนการค้าขาย และการใชช้ ีวติ ประจาวันของชาวสิงคโปรใ์ นอดีต เคยมสี ภาพน้าเนา่ เสยี และจัดเปน็ หนึ่งในแม่น้า
ทม่ี มี ลภาวะมากที่สุดแหง่ หนึง่ ของโลกแตกต่างจากที่เป็นอยใู่ นปจั จบุ ัน สาหรบั สาเหตุท่ีทาใหแ้ ม่น้าสายนี้มีคุณภาพน้า
และสภาพแวดล้อมที่ย่าแย่ เกิดจากการใช้งานอย่างหนักจากทั้งผู้สัญจรไปมากลางลาน้า และประชาชนที่อาศัยอยู่
ตลอดรมิ สองฝั่งแมน่ า้ โดยเฉพาะในชว่ งทป่ี ระเทศกาลงั มกี ารพฒั นา และการขยายตัวของเขตเมอื งอยา่ งรวดเร็ว
ในปี ค.ศ.1977 นายลีกวนยู นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในสมัยนั้น ได้ประกาศเริ่มต้นโครงการพัฒนา และทา
ความสะอาดแม่น้าสิงคโปร์ รวมถึงอ่าวคัลลังครั้งใหญ่ โดยโครงการที่ว่านี้ใช้งบประมาณทั้งหมด 200 ล้านดอลลาร์
สิงคโปร์ หรือราว 5 พันล้านบาท โดยวิธีการแก้ปญั หาเร่ิมจากการเปลี่ยนแปลงระบบสาธารณูปโภค และขจัดต้นตอ
ของปญั หา น่นั คอื ความแออดั ของชมุ ชนริมสองฟากฝงั่ แมน่ า้ ท่ีขยายตัวอยา่ งรวดเรว็
นอกจากนี้ กิจกรรมท่ีถือเป็นต้นตอสาคัญของปญั หานา้ เน่าเสยี ในสิงคโปร์ คือ การปล่อยนา้ ทิง้ ลงแม่นา้ โดย
ไม่ผา่ นการบาบัด ตลอดจนการสรา้ งโรงงานอตุ สาหกรรมรมิ แมน่ า้ รวมถึงเศษขยะจากตลาดสด และของเสยี จากฟาร์ม
เลย้ี งหมู และเป็ดในบริเวณดังกล่าว รฐั บาลสงิ คโปรไ์ ด้แกไ้ ขปัญหานด้ี ้วยการโยกย้ายประชาชนในชุมชนสองฝั่งแม่น้า
ไปยังทพี่ กั แหง่ ใหม่ ซ่ึงเปน็ แฟลตท่ีรัฐบาลสร้างขนึ้ โดยสถานที่ดงั กล่าวมรี ะบบกาจัดขยะ และน้าเสียที่มีประสิทธิภาพ
มากกว่าชุมชนแออัดที่พวกเขาเคยอาศัยในอดีต ส่วนโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนตลาดสด และฟาร์มเลี้ยงสัตว์
บางส่วน ก็ได้รับการร้องขอให้โยกย้ายออกจากพื้นที่ โดยในรายที่ต้องการตั้งสถานประกอบการบริเวณจุดที่ตั้งเดิม
ต่อไป รฐั บาลสิงคโปรไ์ ดอ้ อกกฎบังคบั ให้ต้องปรับปรงุ ระบบกาจัดขยะ และบาบดั น้าเสียใหไ้ ดม้ าตรฐานตามท่ีทางการ
รองรับ สาหรับกระบวนการแก้ไขปญั หาน้าเน่าเสียในแมน่ ้าสิงคโปร์ และอ่าวคัลลังที่กลา่ วมานี้ ใช้ระยะเวลาทั้งหมด
10 ปี และถือเป็นหนึ่งในโครงการแก้ไขปัญหามลภาวะทางน้าที่ประสบความสาเร็จมากที่สุดโครงการหนึ่ง โดย
นอกจากปัจจุบนั แม่นา้ สงิ คโปร์ และอ่าวคัลลัง จะกลบั มามีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม และไรซ้ ึง่ มลภาวะอีกครั้งหน่ึงแล้ว
สายนา้ แหง่ นีย้ ังมสี ตั วน์ า้ หลายชนดิ กลบั มาใช้เปน็ ที่อย่อู าศยั และเป็นแม่นา้ สายทมี่ ีชวี ติ ชวี ามากข้นึ อีกดว้ ย
การจัดการความร้เู รอื่ งการจดั การนา้
สิงคโปร์มีการจัดทาแผนการจัดการประสิทธิภาพน้า (WEMP) เปิดตัวในปี 2010 เป็นโครงการริเริ่มที่ PUB
นามาใช้เพือ่ ชว่ ยเหลอื ธรุ กจิ ต่างๆในการจัดการการใช้นา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ โดยหลักแลว้ จะทาหนา้ ที่ในการแจกแจง
รายละเอยี ดการใชน้ ้าอย่างชดั เจนระบพุ ืน้ ทีท่ ีเ่ ป็นไปได้สาหรับการปรับปรุงและร่างกลยุทธ์เพือ่ ปรับปรุงกระบวนการ
ดาเนินงานทางธุรกิจ ตั้งแต่ปี 2558 ผู้บริโภคน้าจานวนมากซึ่งมีธุรกิจใช้น้ามากกว่า 60000 ลูกบาศก์เมตรจะต้อง
ตดิ ตง้ั มาตรวัดน้าเพ่ือตรวจสอบการใชน้ า้ ธรุ กิจเหลา่ น้ีจะต้องส่ง WEMP ไปยัง PUB ทกุ ปีเปน็ เวลา 3 ปขี ้างหน้าเพอ่ื ให้
แน่ใจว่าเปน็ ไปตามขอ้ กาหนด โดยมกี ารส่งเสริมดา้ นการจัดการความรตู้ ่าง ๆ ดังนี้
18
1. Best Practice Guide in Water Efficiency – Buildings
การจัดการความรูเ้ รื่องนา้ ของสิงคโปร์ Best Practice Guide in Water Efficiency - Buildings จากปรมิ าณ
การใช้น้าของสิงคโปร์อยู่ที่ 430 ล้านแกลลอนต่อวันกับภาคภายในประเทศคิดเป็น 45% ของการใช้น้าทั้งหมด
ในขณะที่ 55% ที่เหลือมาจากภาคนอกประเทศภายในปี 2060 ปริมาณการใช้น้าของสิงคโปร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น
สองเท่า โดยภาคส่วนทีไ่ มใ่ ช่ในประเทศสงู ถงึ 70% ของความต้องการใชน้ ้าทัง้ หมด ดงั น้ันจึงเปน็ เรื่องสาคัญทพ่ี ันธมิตร
ของ PUB ในต่างประเทศภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนการอนุรักษ์น้าและลดความต้องการใช้น้า สิ่งนี้จะช่วยสิงคโปร์ใน
เสน้ ทางความยัง่ ยนื ของนา้
จุดมงุ่ หมายของแนวทางปฏิบตั ทิ ีด่ ีที่สุดในการใชน้ า้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ - อาคารคอื การให้ความเปน็ มืออาชีพ
วิศวกร นกั พัฒนา เจ้าของอาคาร ผูจ้ ัดการส่ิงอานวยความสะดวก และตัวแทนการจดั การที่เกยี่ วขอ้ งกับน้าการจัดการ
ดว้ ยความรู้พนื้ ฐานด้านการออกแบบ การบารงุ รกั ษา และการดาเนนิ งานน้าอย่างมปี ระสิทธภิ าพอาคาร เราได้รวบรวม
แนวทางปฏิบัติดา้ นประสทิ ธภิ าพการใชน้ า้ ท่ดี ีท่สี ดุ ในเอกสารฉบับนี้เพื่อชว่ ยในเส้นทางสู่การใชน้ ้าอย่างมีประสทิ ธภิ าพ
2. แหล่งรวบรวมความรู้
• คณะกรรมการสาธารณูปโภคสาธารณะ (PUB) ได้จัดทาคู่มือการใช้น้าอย่างมีประสิทธิภาพสาหรบั
ประชาชน ผู้ประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม โดยมีการจัดทา Hand Book และ Best Practice
สาหรับผ้มู สี ่วนไดส้ ว่ นเสีย
• การจดั ต้งั หอ้ งสมดุ และพิพิทธภัณฑ์กระจายอยู่ทกุ พ้นื ท่ี โดยมีท้ังแบบออนไลน์และอยใู่ นพ้ืนที่ต่าง ๆ
ของประเทศ
• เว็บไซต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการรวบรวมความรู้ที่ประชาชนหรือหน่วยงานต่าง ๆ ต้องรับทราบ
รวมถึงแนวปฏบิ ัติทด่ี ีเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการบรหิ ารจัดการองค์กรและชวี ิตของประชาชน
จากการวางแผนยุทธศาสตรแ์ ละกลยุทธ์ของ URA นาไปสู่การบรหิ ารจดั การนา้ และการจดั การความรู้ทา
ให้การดาเนินการต่าง ๆ บรรลุวัตถุประสงค์ ทั้งโครงการ New Water Marina Bay Sand Marina Barrage
และ Garden by the Bay
19
กรณีศึกษา : Marina Barrage ต้นแบบมาตรฐานการใชเ้ ทคโนโลยแี กป้ ัญหาน้าทว่ มและสารองนา้ ใช้
Marina Barrage : Rooftop Park and Dam in Singapore
สาเหตแุ ละปัญหาจากการขาดแคลนน้าของสงิ คโปร์
ประเดน็ แรก คือสาเหตทุ างด้านภูมิศาสตร์และภูมิประเทศของประเทศสิงคโปร์ กลา่ วคอื อนั เน่ืองมาจากการ
ทีป่ ระเทศสงิ คโปร์เป็นประเทศในภมู ิภาคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ท่เี ปน็ เกาะขนาดเล็กที่สดุ โดยมพี ้นื ที่ประมาณ 710
ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิอากาศของประเทศสิงคโปร์น้ันมีฝนตกตลอดเกือบท้ังปี (สานักข่าวกรองแห่งชาติ, 2563).
ซึ่งถ้าพิจารณาดูแล้วปริมาณน้าฝนที่ตกลงมานั้นก็น่าจะเพียงพอสา หรับปริมาณความต้องการน้าของประชากร ทั้ง
ประเทศ แต่ด้วยสาเหตุที่ประเทศมีพื้นที่ขนาดเล็กและมีพื้นที่ที่จากัด ทาให้เป็นอุปสรรคในการกักเก็บน้าฝนไว้ใช้
ประกอบกับประเทศสงิ คโปร์มีแหล่งนาจดื ตามธรรมชาตินอ้ ย (VOA, 2021). จงึ สง่ ผลใหก้ ารผลิตน้านั้นไม่เพียงพอต่อ
ความต้องการน้าของประชากรในประเทศ และด้วยเหตุผลเหล่าน้ีจึงทาให้ประเทศสงิ คโปร์นั้นประสบปัญหาการขาด
แคลนนา้ จืดอยา่ งรุนแรง
ประเด็นท่ีสอง คือประเดน็ ปัญหาท่ีทางประเทศสงิ คโปรม์ องว่าอาจเป็นการนามาซง่ึ ปัญหาทางด้านอ่ืน ๆ ของ
ประเทศ กลา่ วคอื ประเด็นทางด้านการเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศ อันเนอ่ื งมาจากปริมาณน้าจืดท่ีประเทศ
สงิ คโปร์มอี ยู่นนั้ มีปรมิ าณท่จี ากดั จึงทาใหป้ ระเทศสิงคโปรน์ นั้ พ่งึ พาการนาเข้านา้ จืดจากรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซยี ซ่ึง
ทั้งทางประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์ได้มีการทาข้อตกลงเกี่ยวกับการนาเข้าน้าจืดถึง 2 ฉบับด้วยกัน โดย
ขอ้ ความตกลงแรกน้นั ได้ส้ินสุดไปในเดอื นสงิ หาคม ค.ศ. 2011 ท่ีผา่ นมา และอกี หนึ่งฉบบั จะหมดอายุในปี ค.ศ. 2061
(Thaipublica, 2020). ซงึ่ ทางประเทศสิงคโปรน์ น้ั เล็งเห็นว่าการพ่งึ พงิ การนาเขา้ ทรพั ยากรเพยี งอยา่ งเดียวจะส่งผลให้
ประเทศนน้ั ขาดเสถียรภาพและความมน่ั คงทางทรพั ยากรทางน้าได้ (Thaipublica, 2020). รวมถึงอาจเปน็ ช่องทางให้
ประเทศมาเลเซียอาศัยประเด็นการพึ่งพิงทรัพยากรของสิงคโปร์เป็นข้อต่อรองในการตกลงทางการเมืองอื่น ๆ ใน
อนาคตได้ และดว้ ยสาเหตุเหลา่ น้จี ึงทาใหป้ ระเทศสิงคโปร์ตดั สินใจแก้ไขปญั หาน้ีอย่างจรงิ จงั
การบริหารจดั การน้าอยา่ งยั่งยืนมคี วามสาคัญต่อสิงคโปร์ อนั เปน็ ประเทศขนาดเลก็ มีลกั ษณะเปน็ เกาะ โดยมี
พน้ื ที่เพยี งแค่ 710 ตารางกโิ ลเมตร ซึ่งเลก็ กว่ากรงุ เทพมหานครถงึ สองเทา่ แตม่ ปี ระชากรอาศยั อยู่รวมกนั กว่า 5 ล้านคน
ทาใหส้ ิงคโปร์มขี ้อจากดั เรื่องทรัพยากรด้านตา่ ง ๆ แมจ้ ะอย่ใู นพน้ื ทีเ่ ขตศนู ย์สูตรท่ีมีฝนตกชุกสิงคโปร์เผชิญกับปัญหา
เกี่ยวกับความมั่นคงของน้าอุปโภคและบริโภคเนื่องจากพื้นที่ที่น้อยทาให้มีแหล่งกักเก็บน้าที่ไม่เพียงพอทาให้จนไม่
สามารถจัดสรรน้าให้เพียงพอต่อความต้องการในหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์จึงต้องนาเข้าน้า จากมาเลเซีย
บรเิ วณรฐั ยะโฮร์
20
รัฐบาลสิงคโปร์ให้ความสาคญั กับปญั หาน้ีเป็นอยา่ งมากเพราะเป็นปญั หาอ่อนไหวต่อความมัน่ คงของประเทศ
เพราะสัญญาซือ้ น้าจากมาเลเซียฉบับที่ 2 ตั้งแต่ปี 1962 จะสิ้นสุดลงปี 2061 ซึ่งในสัญญาฉบับน้ีสิงคโปร์สามารถขนนา้
จากอา่ งเกบ็ น้ายะโฮร์ ลงิ กี มาเลเซยี ได้วนั ละ 1,100,100 ลูกบาศก์เมตร กอ่ นหนา้ นี้สิงคโปร์ทาสัญญาซ้ือขายน้าจาก
มาเลเซยี ในราคาถกู เปน็ เวลายาวนานมาแล้ว 1 ฉบบั ปี 1961 ถงึ ปี 2011
สิงคโปร์จึงต้องหาวธิ ีจัดการนา้ อย่างครบวงจรและเป็นรูปธรรม จนกระทั่งปัจจุบันสิงค์โปรไ์ ดก้ ้าวขึ้นมาเป็น
หนงึ่ ในผนู้ าด้านการจดั การน้าของโลก เหน็ ได้ชดั เจนจากปจั จบุ นั ทส่ี ิงคโปรข์ ายนา้ ประปาทผี่ ลติ จากน้าดบิ จากมาเลเซีย
กลับไปยงั มาเลเซีย และขนนา้ จากมาเลเซยี เพียงวนั ละ 60% ของความตอ้ งการน้าใช้ในนา้ แต่ละวนั ในสิงคโปร์
หนึ่งในเหตผุ ลหลักทท่ี าให้สงิ คโปรป์ ระสบความสาเรจ็ ในการจดั การทรัพยากรน้าคือมุ่งเนน้ การจัดการอุปสงค์
และอปุ ทานของน้าไปพร้อมกัน
การบริหารจัดการอุปสงคน์ า้
สิงคโปร์เป็นประเทศที่ประสบความสาเร็จอย่างมากในการลดการใช้น้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือน จากปี
1995 ถงึ 2005 ปริมาณการใชน้ ้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือนลงจาก 172 ลิตรตอ่ วนั ตอ่ ครัวเรอื นเหลอื 160 ลติ รต่อวัน
ต่อครัวเรือน หากมองในการใช้น้าในครัวเรือนต่อเดือนของสิงคโปร์นั้นลดลงถึง 10% จาก 21.7 ลูกบาศก์เมตรต่อ
เดือนในปี 1995 เหลอื 19.3 ลกู บาศก์เมตรตอ่ เดอื นในปี 2004
21
เหตทุ ีส่ ิงคโปร์ประสบความสาเร็จในการลดการใช้น้าอุปโภคบริโภคในครัวเรอื นลดลงนั้นเนื่องจากสิงคโปร์ใช้
กลไกภาษีในการลดความตอ้ งการใช้น้าลงด้วยด้วยภาษที ่ีค่อนข้างสงู และแยกประเภทตามกลุ่มต่างๆ เปน็ อย่างดี โดย
คิดภาษีเปน็ อัตราโดยอัตราแรกคอื ไม่เกนิ 40 ลูกบาศก์เมตรตอ่ เดอื น สาหรบั ครวั เรือนและไม่ใช่ครัวเรอื นในราคา 1.17
ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อประลูกบาศก์เมตร และอัตราที่สองคือเกิน 40 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือนในราคา 1.40 ดอลลาร์
สิงคโปร์ต่อลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้อัตราที่สองนี้มีไว้ใช้สาหรับในครัวเรือนเท่านั้น เพื่อเป็นการลดการใช้น้าประปาใน
ครัวเรือนลง
รัฐบาลได้ประกาศขนึ้ ราคานา้ อีก 30% ในปี 2017 หลังจากท่ไี มไ่ ดป้ รบั ขึ้นเลยตง้ั แต่ปี 2000 เพ่อื ลดการใช้น้า
ส่งผลให้การใช้น้าไม่เกนิ 40 ลูกบาศก์เมตรตอ่ เดือน มีราคา 2.39 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อลกู บาศก์เมตร แต่หากเกนิ 40
ลกู บาศก์เมตรตอ่ เดือนจะมีราคา 3.21 ดอลลาร์สิงคโปร์ตอ่ ลกู บาศกเ์ มตร
สิงคโปร์ยังมีภาษีอนุรักษ์น้า (Water Conservation Tax) ที่เก็บจากปริมาณการใช้น้า เพื่อสร้างความ
ตระหนกั รวู้ า่ น้ามีความสาคัญตั้งแต่หยดแรก ซึง่ เก็บถึง 30% ใน 40 ลูกบาศก์เมตรแรก และ 45% หากใชน้ า้ เกิน 40
ลกู บาศก์เมตรตอ่ เดอื น ภาษีนีย้ ิ่งทาใหล้ ดปรมิ าณการใชน้ ้าของครวั เรือนสงิ คโปร์ลงอกี และยงั มคี ่าลาเลียงนา้ (water-
borne fee) เพื่อชดเชยต้นทุนการบาบัดน้าใช้แล้วและการบารุงรักษาเส้นทางลาเลียงน้า ซึ่งเก็บในอัตราคงที่ 0.30
ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อลูกบาศก์เมตร สาหรบั การใช้ในครวั เรือน แมว้ ่าจะเก็บภาษใี นอตั ราทส่ี ูงแตร่ ฐั บาลสงิ คโปร์ได้มีการ
ชดเชยราคาใหส้ าหรับประชากรท่ีมีฐานะทางเศรษฐกิจไมด่ ีนัก
ปัจจบุ ันความตอ้ งการน้าในสิงคโปร์ตกวันละ 430 ลา้ นแกลลอนหรอื เทียบเท่าสระว่ายน้าโอลมิ ปิก 782 สระ
การใชน้ า้ ตอ่ ครวั เรือนในประเทศลดลงในหลายปที ี่ผ่านมาจาก 172 ลิตรในปี 1995 มาที่ 143 ลติ รในปี 2017 รัฐบาล
มีเป้าหมายลดการใช้นา้ ต่อครัวเรอื นลงเป็น 130 ลิตรในปี 2030
การกาหนดราคาใช้น้าเป็นอานาจของคณะกรรมการสาธารณูปโภคสาธารณะ (Public Utilities Board -
PUB) และเป็นมาตรฐานเดียวกนั ทั่วประเทศ
Water Demand and Supply
22
จากประเดน็ ปญั หาจงึ นามาส่ยู ุทธศาสตรช์ าตขิ องประเทศ ในยทุ ธ์ศาสตร์ 4 แหล่งนา้ เพื่อความยงั่ ยืน
การใช้น้าในปัจจุบันมาจาก 2 ส่วน คือ ภาคในประเทศ 45% และภาคที่ไม่ใช่ในประเทศ 55% และคาดว่า
ภายในปี 2060 ความต้องการน้าโดยรวมจะสูงขึ้น โดยที่ภาคที่ไม่ใช่ในประเทศจะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 70% ความ
ต้องการใชน้ ้าทเ่ี พ่ิมขึ้นและการเตบิ โตทางเศรษฐกิจแสดงให้เหน็ ว่า ตอ้ งมีการจดั การด้านอุปทานน้าอยา่ งเข้มขน้ ในอนาคต
สิงคโปร์ยงั วางรากฐานอุปทานในประเทศท่ียงั่ ยืน เพอื่ รองรบั สาหรบั ความต้องการน้าท่เี พ่ิมข้นึ ดว้ ยกลยุทธ์ 4
แหลง่ หรอื “Four National Tap”
กลยุทธ์ Four National Tap หรอื แหลง่ นา้ ทงั้ 4 แหล่งประกอบด้วย
1) นาเขา้ จากมาเลเซีย
2) แหลง่ น้าในประเทศ การกกั เก็บนา้ ฝน และอา่ งเก็บนา้
3) การแปลงน้าทะเลใหเ้ ปน็ นา้ จดื
4) นานา้ ใชแ้ ลว้ ทง้ิ มาบาบัด ในโครงการ NEWater
น้าดื่มในสิงคโปร์มากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากแหล่งน้านาเข้าจากมาเลเซยี สิงคโปร์จึงตอ้ งมีทางเลือกอ่ืน เพราะ
การมีแหล่งน้าจานวนน้อยและการพึ่งพามาเลเซีย จะสร้างปัญหาซับซ้อนให้กับประเทศ โดยเฉพาะในด้านการ
ประมาณการณก์ ารเพิ่มขึ้นของประชากรและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ระดับน้าในอา่ งเก็บน้ายะโฮร์
ลิงกีลดลงจาก 84% ในปี 2015 ลงมาที่ 27% ในเดือนมกราคม ปี 2017 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นกลับมาที่ 63% ในเดือน
มนี าคม 2018
จากการศกึ ษาทีเ่ นน้ ไปยังแหล่งน้าจากน้าฝนและการพ่ึงพาแหลง่ นา้ นาเขา้ แล้ว พบว่าแหล่งน้าดื่มสาคัญของ
สิงคโปร์ในอนาคตจะมาจากการแปลงนา้ ทะเลให้เปน็ น้าจืดและการนานา้ ใช้แลว้ มาบาบดั เพ่อื ใช้ใหม่ (NEWater)
23
น้าท้งิ นา้ ใช้แลว้ และนา้ ทะเล เพอื่ ผลิตนา้ ประปาสะอาดระดับโลก
สงิ คโปร์มคี วามพยายามอย่างมุ่งมนั่ ที่จะปกป้องแหล่งน้าทัง้ ในด้านของปริมาณและคุณภาพในระยะยาว ด้วย
การขยายแหลง่ น้าท่ีเปน็ ไปได้ พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพ่มิ การเขา้ ถึงน้า พัฒนาการจดั การคุณภาพน้า และลดค่าใช้จ่าย
ในการผลติ และบริหารลงอยา่ งค่อยเป็นคอ่ ยไป
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาสิงคโปร์มีความพยายามที่จะให้ความสาคัญกับการบริหารแหล่งกักเก็บน้าเพิ่มข้ึน
ด้วยการกาหนดขอบเขตและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายอย่างชัดเจนทัง้ แหล่งกักเก็บนา้ ที่ได้รับการปกป้องและ
แหล่งกักเก็บน้าที่ได้รับการปกป้องบางส่วน ทาให้ไม่สามารถทากิจกรรมที่ก่อมลภาวะได้ในพื้นท่ีเหล่านั้น ในปัจจุบนั
พื้นที่ครึ่งหนึ่งของสิงคโปร์ได้รับการพิจารณาเป็นเป็นแหล่งกกั เก็บน้าที่ได้รับการปกป้องและแหล่งกักเก็บนา้ ที่ได้รบั
การปกป้องบางส่วน คาดการณ์ว่าจะเพ่ิมอัตรานีเ้ ปน็ สองในสามภายในปี 2009
นอกจากเพ่มิ แหลง่ กกั เกบ็ นา้ ท่ีเป็นตน้ เหตสุ าคัญของปญั หาน้าแล้ว สิงคโ์ ปร์ยงั มีนโยบายเพิม่ ความหลากหลาย
ของแหล่งผลิตน้าดว้ ยการผลิตน้าประปาจากการสลายความเคม็ น้าทะเล และการนาน้าทิ้งหรือน้าที่ใช้แล้วมาบาบดั
เป็นน้าประปา ในช่วงแรกนั้นการสลายความเค็มน้าทะเลเป็นกระบวนการสาคัญที่ผลิตน้าประปาให้แก่สิงคโปร์
เน่อื งจากเทคโนโลยีการบาบดั น้าเพือ่ เป็นน้าประปายังไม่มีประสิทธภิ าพและน่าเชอื่ ถอื (ความพยายามท่ีจะเริ่มบาบัด
น้ากลบั มาเป็นนา้ ประปาเรม่ิ ในทศวรรษท่ี 1970)
จนกระทั่งปี 2002 หลังจากการทดลองและตรวจสอบคุณภาพน้าจากโรงงานบาบัดน้าต้นแบบ กลุ่ม
ผู้เชี่ยวชาญรับรองในคุณภาพน้าที่ปลอดภัยและดื่มได้ ซึ่งคุณภาพของน้าท่ีผ่านการบาบัดนี้ผ่านคณุ สมบัติขั้นพื้นฐาน
ของสานักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (Environmental Protection Agency of the United
States) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ยิ่งไปกว่านั้น น้าที่บาบัดนี้ยังมีความบริสุทธิ์ที่สูง
มากจนสามารถนาไปใชผ้ ลติ สารก่งึ ตวั นาท่ตี ้องการน้าทมี่ คี วามบริสทุ ธม์ิ ากได้
ผลจากการบริหารจัดการน้าของประเทศสิงคโปร์ ที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ของประเทศ คือแหล่งน้าเพ่ือ
ความยั่งยืน ทาให้สิงคโปร์บริหารจัดการน้าเพื่อให้สามารถนาไปใช้ประโยชน์ให้ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอต่อความ
ตอ้ งการของประชากร รวมถึงแหล่งอตุ สาหกรรมต่าง ๆ ด้วยการบรหิ ารจดั การลงสู่แหลง่ เก็บกักนา้ ที่สาคญั ๆ อีก 21
แหลง่ ในประเทศ ดงั น้ี
1. Singapore River
2. Bukit Timah Canal
3. Rochor Canal
4. Geylang River
5. Kallang River
6. Stamfford Canal
24
7. Whampoa River
8. Sungei Pinang
9. Sungei Blukar
10. Sungei Peng Siang
11. Sungei Kangkar
12. Sungei Tengah
13. Sungei Panda
14. Sunger Ulu Pandan
15. Sungei Tongkang
16. Sungei Seletar
17. Sungei Seletar Simpang Kiri
18. Sungei Lanchar
19. Sungei Ulu Pandan
20. อา่ งเก็บนา้ Mount Emily
21. อา่ งเกบ็ นา้ Keppel Hill
แหล่งเกบ็ กกั นา้
25
นอกจากคณุ ภาพของนา้ บาบัดทด่ี กี ว่านา้ จากการสลายความเคม็ แลว้ ต้นทนุ การผลติ ของน้าบาบัดนี้ยังมีราคา
ต่ากว่านา้ จากการสลายความเค็มถึง 2 เท่า จากข้อมูลการบาบัดน้าในปแี รกของโรงบาบดั น้าอลู ู ปันดัน มีต้นทุนการ
ผลติ 30 ดอลลาร์สงิ คโปรต์ อ่ น้า 1 ลูกบาศกเ์ มตร ในขณะทโ่ี รงงานสลายความเค็มทแู อสอนั เปน็ โรงงานสลายความเค็ม
น้าทะเลระดบั เมอื งแห่งแรก มตี น้ ทนุ การผลติ อย่ทู ี่ 0.78 ดอลลารส์ ิงคโปร์ตอ่ ลกู บาศก์เมตร
ในอนาคตรฐั บาลสิงคโปร์มแี ผนจะเพม่ิ โรงงานบาบัดนา้ เนื่องจากมตี ้นทนุ ต่ากว่าอีกทง้ั ยงั มีอุตสาหกรรมหลาย
ทีใ่ ช้น้าบาบดั น้าน้ีทาให้ปริมาณนน้ั หมุนเวียนกลบั ไปบาบดั เพมิ่ ข้นึ นา้ ประปาท่ไี ด้จากการบาบัดน้ีนอกจากจะนาไปใช้
อปุ โภคบริโภคแล้วกย็ งั นาน้าบางสว่ นกลบั เข้าส่แู หลง่ กกั เกบ็ น้าอีกดว้ ย
Marina Barrage
จากความพยายามอย่างมุ่งมัน่ ท่ีจะแกป้ ัญหาน้าท่วมและปกปอ้ งแหล่งน้าทั้งในด้านของปริมาณและคุณภาพ
ในระยะยาว และใส่ใจกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อคุณภาพชีวิตที่เป็นสุขของประชาชน ความมุ่งมั่นในการ
แก้ปัญหาทั้งประเทศ รวมถึงความมั่นคงทางการเมือง ประกอบกับการมุ่งมั่นในการเป็นต้นแบบการพัฒนาและการ
บริหารจัดการเรื่องน้าอย่างยั่งยนื ซึ่งสอดคล้องกบั แนวทางการพัฒนาอยา่ งยั่งยืนตามเป้าประสงค์ SDGs ที่ 6.3 6.4
6.5 6.6 6.b (น้าสะอาด) 7.1 7.2 7.b (พลงั งานสะอาด) และ 11.6 11.7 11.a 11.b 11.c (ผงั เมอื งทยี่ ั่งยืน) จึง
เปน็ ทม่ี าของ Marina Barrage
Marina Barrage เกิดจากวิสัยทัศน์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู ที่ได้ให้แนวคิดที่ต้องการแก้ปัญหาน้า
ท่วมบริเวณที่ราบต่ากลางเมืองที่เป็นปัญหากว่า 20 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการเตรียมจัดหาแหล่งน้าสะอาดสารองไว้
สาหรับจานวนประชากรที่เพม่ิ ข้นึ ทุกปี และเป็นการเพมิ่ พื้นทส่ี เี ขียวให้เปน็ แหลง่ พักผ่อนหย่อนใจ
Marina Barrage สรา้ งขึน้ บริเวณปากน้าของร่องนา้ Marina (มารนิ ่า) ท่กี ว้าง 350 เมตร โดยเป็นเแหล่งเก็บ
นา้ แห่งท่ี 15 ของประเทศ และมีพื้นที่กวา้ งขวางถงึ 10,000 เฮกตาร์ เข่อื นแหง่ นส้ี รา้ งเสรจ็ ในปี ค.ศ. 2008 ตัวอาคาร
แบง่ ออกเปน็ 3 ช้ัน คอื ช้นั พ้ืนดนิ ชั้นสอง และช้นั ดาดฟ้าที่เป็นจุดชมวิวท่ีสวยงาม ซ่งึ เป็นเข่อื นแห่งแรกในใจกลางเมือง
อยู่บริเวณช่องแคบมารีน่าซึ่งเป็นที่รวมของเส้นทางน้าถึง 5 สายที่มาบรรจบกัน ได้แก่ แม่น้าสิงคโปร์ คลองแสตมฟอร์ด
คลองโรชอว์ แม่น้ากาลัง แมน่ า้ กลี งั กลายเปน็ ที่กกั เก็บนา้ ทใี่ หญท่ ีส่ ดุ และมคี วามเปน็ เมืองมากทสี่ ุด
26
ภาพแสดงช่องแคบ Marina
ภาพแสดงแมน่ ้า 5 สาย บรเิ วณชอ่ งแคบ Marina
วตั ถุประสงค์ของการสรา้ ง มีรายละเอียดดังน้ี
1. “สารองน้าจืด” สรา้ งโดยการเปิดปากช่องแคบมารนี า่ เพ่ือสร้างเปน็ อ่างเก็บน้าจืดและเป็นต้นแบบในการ
ผลติ นา้ สะอาดไว้ใชภ้ ายในประเทศ จดั หาแหล่งนา้ สะอาดสารองไวส้ าหรบั จานวนประชากรที่เพิ่มขน้ึ ทุกปี มคี วามกว้าง
350 ม. ก้ันคลองมาริน่า ท่ีสามารถชว่ ยขยายพ้นื ทร่ี องรบั น้าฝนเปน็ 60 % ของเกาะสิงคโปร์ และเพ่ือลดการพ่งึ พาการ
นาเข้านา้ สะอาดจากประเทศเพอ่ื นบ้าน
2. “ก้ันนา้ เค็ม” การแก้ปญั หานา้ ท่วมบรเิ วณท่ีราบตา่ กลางเมือง ปรับลดระดับน้าในช่วงน้าท่วม เพ่ือปล่อย
น้าออกสทู่ ะเล เมือ่ กระแสน้าอยู่ในระดบั ต่า และเมื่อกระแสนา้ อยใู่ นระดบั สูง จะมปี ม๊ั สบู นา้ ทางานรวดเร็วเพ่ือระบาย
น้าออกสู่ทะเล
27
หลกั การเปิด-ปิดประตูนา้ ของ The Marina Barrage มี 3 กรณี ดังน้ี
1. เม่อื มฝี นตกหนกั และน้าในเข่ือนมมี ากจนเกินระดับรับได้ จะมกี ารเปดิ ประตูเข่ือนจานวน 9 บาน
เพ่อื ปล่อยนา้ สว่ นเกินออกสทู่ ะเล แต่มีข้อแมว้ ่าระดับนา้ นอกเขอ่ื น (ทะเล) จะต้องอยู่ในระดบั ท่ีต่ากวา่ น้าในเขอื่ น
2. เม่อื ฝนตกนอ้ ยในขณะทน่ี ้าทะเลหนนุ สูงประตนู ้าจะถกู ปิดเพื่อกนั้ มิให้น้าทะเลไหลเข้าท่วมชุมชน
เมอื งทีอ่ ยู่รมิ แม่นา้ วธิ นี ีป้ อ้ งกนั น้าท่วมไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
3. เมื่อมีฝนตกหนักและน้าในเขือ่ นมีระดับสงู ขึ้นประกอบกบั น้าทะเลหนุนสูงประตนู ้าจะถูกปิดเพ่อื
กันมิให้น้าทะเลไหลเข้ามาในเขื่อนในขณะเดียวกันจะมีการใช้ปั๊มขนาดใหญ่จานวน 7 ตัวสูบน้าในเขื่อน ออกสู่ทะเล
เพ่อื ระบายน้าไมใ่ หท้ ว่ มชมุ ชนเมือง
หลกั การทางานเปดิ -ปดิ ประตนู า้ ของ Marina Barrage ทงั้ 3 กรณี
3. “แหลง่ พักผ่อนหย่อนใจ” แผนการสรา้ งพ้นื ที่สเี ขียวรอบเขอ่ื นมารีน่า จึงมกี ารสร้างอาคารให้เป็นมิตรกับ
สิ่งแวดล้อมโดยหลังคาสีเขียวทาจากพลาสติกรีไซเคิล 100 เปอร์เซ็นต์, สวนดาดฟ้าขนาดใหญ่ที่เป็นฉนวนกันความ
ร้อนอย่างดีจากธรรมชาติ, แผงกระจกตัวตึกสองชั้นช่วยกันความร้อน, สวน Solar Park พื้นที่ติดตั้งแผงพลังงาน
แสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุด เปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ระบบประตูน้าและอาคารปฏิบัติการ และ Pump
House ที่ใช้กระจกและบานเกล็ดช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้าได้เป็นการลดการใช้ไฟฟ้าในอาคาร และเคยได้รับ
รางวัลด้านสิ่งแวดล้อมจาก AAEE ประเทศอเมริกา นอกจากนี้อาคารดังกล่าวยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่มี
กิจกรรมทางน้า อาทิเช่น ล่องเรือ พายเรือคายัค พายเรือมังกร นับเป็นความมหศั จรรย์ทางวิศวกรรมทีเ่ ป็นการรวม
สามประโยชน์เข้าไว้ด้วยกัน และชั้นดาดฟ้าที่เปน็ จุดชมววิ ทีส่ วยงามสาหรับการพักผอ่ นหย่อนใจสาหรับคนเมืองดว้ ย
สนามหญ้าขนาดเต็มพื้นที่ชั้นดาดฟ้าอาคาร (Green Roof) และภายในอาคารยังเป็นที่ตั้งของ Sustainable
Singapore Gallery พิพิธภัณฑ์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่บอกเล่าเรื่องราวของการจัดการน้าในประเทศ และแนวทาง
การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งเป็นสถานที่ที่รัฐบาลสิงคโปร์นาโดย Public Utilities Board (PUB) ใช้
เทคโนโลยีมัลตมิ ีเดียและการออกแบบท่ีล้าสมัย บอกเลา่ วสิ ยั ทศั น์การจัดการน้าเพอื่ รบั มอื กบั โลกอนาคต ทาใหเ้ รารู้ว่า
PUB มีกระบวนการกลั่นนา้ จืดจากน้าทะเลอย่างไร/วธิ กี ารผนั น้าจากอ่างเก็บน้าท่วั เกาะ/และนวัตกรรมที่สาคัญอย่าง
28
NEWater ซึ่งเป็นการบาบดั น้าเสียด้วยการกรองและฆ่าเชื้อด้วยอัลตร้าไวโอเลต เพื่อนาน้ากลับมาใช้ใหม่ การมีชีวติ
อยา่ งยัง่ ยนื ไปพร้อมกบั สิ่งแวดล้อมคอื โจทยส์ าคญั ของสิงคโปร์ที่ถูกบรรจอุ ยใู่ นแผนแมบ่ ทและถูกนาเสนอในพิพิธภัณฑ์
แหง่ น้ดี ว้ ย
ซงึ่ ในปัจจบุ นั ปัญหาการขาดแคลนนา้ ของสงิ คโปรน์ น้ั ได้มีการดาเนินการแก้ปญั หาจนประสบความสาเร็จเป็น
อยา่ งมาก ซง่ึ จากการศกึ ษาขอ้ มูลสถานการณ์ทรัพยากรน้าในปจั จบุ นั ของสงิ คโปร์พบวา่ ปัจจุบันสิงคโปร์ได้ก้าวข้ึนมา
เป็นหนง่ึ ในผูน้ าด้านการจดั การนา้ โดยจะเห็นได้จากการทส่ี งิ คโปรข์ ายนา้ ประปาทีผ่ ลิตจากนา้ ดบิ จากมาเลเซียกลับไป
ยังมาเลเซีย และยังขนส่งนา้ จากมาเลเซยี เพียงวันละ 60% ของความต้องการน้าในการอปุ โภคบริโภคในแต่ละวันใน
สิงคโปร์ (Thaipublica, 2020) จากประเด็นดังกล่าวก็จะสามารถอนุมานได้ว่า สถานการณ์การขาดแคลนน้าของ
สิงคโปร์นน้ั ไดร้ บั การแก้ไขปญั หาจนสามารถคล่ีคลายประเดน็ ปัญหาดังกล่าวได้ และยงั สามารถนาน้าที่เกิดจากความ
ต้องการภายในประเทศนั้นไปขายกลับคืนให้กับมาเลเซีย ซึ่งกาลังประสบกับปัญหามลพิษทางน้าอยู่ได้ การขายน้า
ให้กับมาเลเซียนั้นนับว่าเป็นการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ เนื่องจากในปัจจุบันมาเลเซียนั้นกาลังประสบกับปัญหา
มลพิษทางนา้ อันเนอ่ื งมาจากแม่น้ายะโฮร์ของมาเลเซียมีการปนเป้อื นของสารเคมีและเช้อื แบคทีเรยี จากการลักลอบท้ิง
ขยะมีพิษลงในแม่น้า และนา้ ท่ีปนเปื้อนมลพิษส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนภายในประเทศมาเลเซียเป็นอย่าง
มาก (Amir Yusof, 2019). ดงั น้นั จึงสง่ ผลให้มาเลเซียจาเปน็ ต้องนาเข้าน้าสะอาดจากสงิ คโปร์เพ่มิ ข้ึน จากการศึกษา
ขอ้ มูลพบว่า ปจั จบุ นั สงิ คโปร์มรี ายได้จากการขายน้าท่ีบาบัดแล้วอยู่ท่ี 1.9 ลา้ นริงกติ ตอ่ วนั โดยมีค่าใช้จ่ายการบาบัด
น้าเก่า 30,400 ริงกิตต่อวันที่ขายคืนยะโฮร์ จากการทาสัญญาซื้อขายน้าประปา หากเป็นการบาบัดน้าดิบและขาย
ให้กับผู้บริโภคในมาเลเซีย (วัชราทิตย์ เกษศรี, ม.ป.ป.) ซึ่งจากรายได้ดังกล่าวทาใหส้ ิงคโปร์ท่ีมีสัญญาซ้ือขายน้าจาก
มาเลเซียอยู่นั้นเหมือนไม่เสียค่าใช้จ่ายในการซื้อน้าเลย และในจุดนี้ทาให้มาเลเซียค่อนข้างเสียเปรียบ (The Straits
times, 2019)
นอกจากประเด็นดังกล่าวสถานการณ์เกี่ยวกับทรพั ยากรน้าในสิงคโปร์ในปัจจุบันมีประเด็นที่เกีย่ วกับการลด
การใชน้ ้าในการอปุ โภคบริโภคภายในครัวเรือนดว้ ย โดยจากการทส่ี ิงคโปร์มีมาตรการกลไกภาษีเขา้ มาใช้เพ่ือลดความ
ต้องการใช้น้าของประชากรในประเทศลง (Thaipublica, 2020) โดยจากการศึกษาข้อมูลพบว่าสิงคโปร์สามารถลด
ความต้องการใชน้ า้ ลงไดโ้ ดยในปจั จบุ ันความตอ้ งการใชน้ ้าลดลงเฉล่ียวันละ 430 ล้านแกลลอน หรือเทียบเท่าสระว่าย
น้าโอลิมปกิ 782 สระ โดยการใช้น้าในภาคครัวเรอื นของประเทศสิงคโปรน์ น้ั มีอตั ราท่ีลดลงอยา่ งเหน็ ได้ชัด โดยจะเห็น
ไดว้ ่านบั ต้งั แต่ปี 1995 มอี ตั ราการใช้นา้ อยทู่ ี่ 172ลติ ร และลดลงอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจนกระทง่ั ในป2ี 017 ลดลงมาอยทู่ ่ี 143
ลิตร (Thaipublica, 2020) ซง่ึ นบั วา่ ประสบผลสาเร็จเป็นอย่างมากในการดาเนินการในการจัดการนา้ ภายในสงิ คโปร์
ยงิ่ ไปกว่านัน้ ปัจจบุ ันสิงคโปร์ยงั ประสบความสาเร็จในการเสริมสร้างจิตสานกึ ในเรื่องของการใช้ทรัพยากรน้า
อย่างคุ้มค่าและใชท้ รัพยากรน้าอย่างประหยัดเป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้ประชากรที่อยู่ในสิงคโปร์เห็นถึงความสาคัญ
และให้ความรว่ มมอื ในการใช้ทรัพยากรน้าอย่างคุม้ ค่าภายในครัวเรอื น โดยจะเห็นไดจ้ ากการลดลงของอตั ราการใช้น้า
ภายในครัวเรือนตา่ ง ๆ ที่มีการลดลงอยา่ งตอ่ เนื่องไปในอนาคต (Thaipublica, 2020). โดยประเทศสิงคโปรไ์ ด้แสดง
29
ใหป้ ระชากรภายในประเทศเห็นไดถ้ งึ การท่ใี นปัจจุบนั ประเทศของพวกเขาไม่ต้องเผชิญกบั ปัญหาการขาดแคลนน้าแล้ว
โดยผ่านการจัดการและการบริหารการบริโภคทรัพยากรนา้ ของทุกคนในประเทศ ซึ่งการทาเช่นนี้จะเป็นการปลูกฝัง
จติ สานึกให้กับคนในชาตใิ ห้ทาเชน่ นีต้ ่อไปเพอื่ ใหป้ ระชากรทเี่ ปน็ คนรุน่ ใหมใ่ นอนาคตไม่ต้องมาเผชญิ กบั ปัญหาการขาด
แคลนนา้ อกี และมีน้าใชโ้ ดยไมต่ อ้ งพึง่ พาใคร
Marina Barrage เป็นสิ่งสะท้อนถึงความพยายามของมนุษย์ที่อยากรักษาทรัพยากรน้าจืดไว้ในช่วง เวลาที่
โลกกาลังขาดแคลนน้าจืดมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะสิงคโปร์ที่เป็นประเทศเกาะขนาดเล็กมแี หล่งน้าจืดเปน็ ของตัวเอง
น้อยมากพวกเขาจึงพยายามทุกวิถีทางทจี่ ะรกั ษาน้าจืดไวถ้ ึงกับสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาลสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ปิด
ปากอ่าว (ทะเล) ก้าวข้ามผ่านความลาบากทุกอย่าง เพื่อที่จะได้มีแหล่งน้าจืดไว้ผลิตน้าประปา เพื่อการอุปโภค –
บริโภคอย่างเพียงพอในอนาคต ในทางกลับกันประเทศไทยซึ่งในอดีตมีความอุดมสมบูรณ์และแหล่งน้าจืดมากกว่า
ประเทศสิงคโปร์อย่างเทียบไม่ได้ แตใ่ นปัจจบุ นั เน่ืองจากมีการใช้น้าอยา่ งฟุ่มเฟือยประกอบกบั ไม่มีการบริหารจัดการ
ทรัพยากรนา้ จืดทดี่ ีเปน็ ผลให้จานวนและคุณภาพของแหลง่ นา้ จืดในประเทศไทยลดลงในทุกๆ ปีซ่ึงสง่ ผลกระทบอย่าง
มากต่อการเกษตรและการผลิตนา้ ประปา ดังนั้นจึงควรมกี ารกาหนดวิธกี ารบรหิ ารจัดการน้าที่ถูกต้องอย่างรีบด่วน ทา
ในขณะทาสถานการณ์ยังไม่เลวร้ายจนเกินไป เพราะถ้าหากปลอ่ ยให้ลกุ ลามถงึ ขนั้ ทไ่ี ม่สามารถนาแหล่งน้าจืดมาใช้ได้
อีกเราอาจจาเปน็ ต้องสรา้ งเข่ือนกนั้ อา่ วแบบสงิ คโปรท์ าก็เปน็ ได้
"เข่อื นมารีน่า (Marina Barrage)" เป็นสถานทีเ่ ก็บนา้ สะอาดขนาดใหญ่ของชาวเมอื งสิงคโปร์ ทสี่ ามารถสร้าง
คุณค่ามหาศาลทางเศรษฐกจิ และสังคมใหก้ ับประเทศไดอ้ ยา่ งลงตัว จากแผนนโยบายน้าเพ่อื สร้างคุณประโยชน์ในการ
"ก้นั นา้ เค็ม-สารองน้าจืด-เปน็ แหลง่ พักผ่อนหยอ่ นใจ"
เขื่อนมารีน่าสามารถปิดกั้นน้าจากมหาสมุทร ป้องกันน้าท่วมในช่วงที่มีพายุหรือฝนตกหนัก (levee) และ
ปอ้ งกันการเพิม่ ขึ้นของระดับน้าทะเล อีกคณุ ประโยชน์ที่สาคัญท่ีสดุ คือ ความสามารถในการกักเก็บน้าจืดได้ในปริมาณ
ท่ีมากเพียงพอต่อการใชง้ าน จงึ ทาใหส้ ิงคโปรส์ ามารถลดปริมาณการนา้ เข้านา้ จืดจากประเทศมาเลเซยี ได้
ด้วยแผนการสร้างพื้นที่สีเขียวรอบเขื่อนมารีน่า จึงส่งผลให้ชาวสิงคโปร์กว่า 6 ล้านคนได้รับประโยชน์จาก
พื้นที่มากขึ้นสาหรับการพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด โดยพื้นที่นี้ได้รับความนิยมในกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น นั่ง
ปิคนคิ วง่ิ ออกกาลงั กาย เลน่ วา่ ว ปัน่ จักรยาน พายเรือหรือแมแ้ ต่ถ่ายภาพเตรยี มงานแต่งงานก็เป็นที่นยิ มเช่นกัน
"ก้ันน้าเค็ม-สารองนา้ จดื -เป็นแหล่งพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ"
30
นวตั กรรมการจัดการคุณภาพนำ้ เพอื่ นำกลบั มาใชใ้ หม่
ดว้ ยเทคโนโลยีท่ที ันสมัย : The NEWater Visitor Centre (NVC)
นวตั กรรมบาบดั นา้ เสียเพ่อื นากลบั มาใชใ้ หม่ดว้ ยเทคโนโลยีการ ลตทที่ นั สมยั : The NEWater Visitor Centre (NVC)
ค
น กร ทรว คกก บรหาร หน่วย านสั กดั The NEWater Visitor Centre
ยทุ าสตร ส่ วดล้อม ล สา ารณ โภค อ การ ร า
าา า ม า ทรัพยากรน้า
า า มา มที่ มมี าี า า มี ท ี า า ท าา่
จัดการการอุ ส ค พั นา สาเหตุ นา้ เสยี มาจาก ภาค ร ชาชน นา้ ใชท้ ้ มา รั ล ทุน ลต
ล อุ ทาน เทคโนโลยี ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเก ตรกรรม บาบัด น้า
การตกต กอน Microfitration Reverse การใช้รั สอี ัลตรา
นา้ Osmosis วเลต
การ ยก วนลอย ล การบาบดั ทา ชีวภาพ ่าเช้ือโรค
พ าพ า ร ชาชน ภาครั ภาคอตุ สาหกรรม
อุ โภค บรโภค
Water BEER
อนเมชัน่ ่ม อนเมชั่น วดโี อ า าม หอ้ สมุดภาพ า นที่ า ่ ม ท่ ทมี่ ี า ี
า า า
นยกลา การ ลดการพ พาจาก อ กันนา้ เสีย หลล ท เล ราย ด้ ้นาการจดั การ
เรียนร้ ต่า ร เท นา้ อ โลก
มาตร านอ คการอนามยั โลก ความย่ั ยืนดา้ นน้าเพ่อื การอุ โภค บรโภค อนุรกั สภาพ วดลอ้ มทา รรมชาต
สงิ คโปร์เผชิญกับปญั หาเก่ียวกับความัน่ คงงของนา้ อปุ โภคและบริโภค เนื่องจากมพี น้ื ทนี่ ้อยและไม่มีแหล่งกัก
เก็บนา้ จงึ สง่ ผลใหไ้ ม่สามารถจัดสรรน้าให้เพียงพอต่อการบริโภคและอุปโภคของประชาชน ดังนน้ั สิงคโปร์ต้องหาวิธี
จดั การนา้ อยา่ งครบวงจรและเป็นรปู ธรรม
แนวคิดในการบรหิ ารจดั การน้า
การบริหารจัดการน้าอย่างย่ังยืนมคี วามสาคัญต่อสิงคโปร์ โดยการจัดการทรัพยากรน้าคอื มุ่งเนน้ การจัดการ
อุปสงคแ์ ละอุปทานของน้าไปพร้อมกนั ซงึ่ ลดการใช้น้าอุปโภคบริโภคในครวั เรอื น จากปี 1995 ถึง 2005 ปริมาณการ
ใช้น้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือนลงจาก 172 ลิตรต่อวันต่อครัวเรือนเหลือ 160 ลิตรต่อวันต่อครัวเรือน และลดมาที่
143 ลติ รในปี 2017 รัฐบาลมีเปา้ หมายลดการใชน้ ้าตอ่ ครวั เรอื นลงเปน็ 130 ลิตรในปี 2030
31
การใช้น้าในปัจจุบันมาจาก 2 ส่วน คือ ภาคในประเทศ 45% และภาคที่ไม่ใช่ในประเทศ 55% และคาดว่า
ภายในปี 2060 ความต้องการน้าโดยรวมจะสูงขึ้น โดยที่ภาคที่ไม่ใช่ในประเทศจะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 70% ความ
ต้องการใช้น้าที่เพิ่มขึ้นและการเติบโตทางเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่า ต้องมีการจัดการด้านอุปทานน้าอย่างเข้มข้นใน
อนาคต ดังนัน้ สงิ คโปรจ์ ึงวางรากฐานอปุ ทานในประเทศทีย่ ่ังยนื เพื่อรองรับสาหรบั ความตอ้ งการน้าที่เพ่ิมข้ึนด้วย
กลยทุ ธ์ 4 แหลง่ นา้ “Four National Tap” ประกอบดว้ ย
1) นาเขา้ จากมาเลเซีย
2) แหลง่ นา้ ในประเทศ การกกั เก็บนา้ ฝน และอ่างเก็บนา้
3) การแปลงน้าทะเลใหเ้ ปน็ น้าจดื
4) นาน้าใชแ้ ล้วทง้ิ มาบาบัด ในโครงการ NEWater
น้าดื่มในสิงคโปร์มากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากแหล่งนา้ นาเข้าจากมาเลเซยี สิงคโปร์จึงตอ้ งมีทางเลือกอ่ืน เพราะ
การมีแหล่งน้าจานวนน้อยและการพึ่งพามาเลเซีย จะสร้างปัญหาซับซ้อนให้กับประเทศ โดยเฉพาะในด้านการ
ประมาณการณ์การเพ่มิ ขน้ึ ของประชากรและการเปล่ียนแปลงสภาพภมู อิ ากาศ จากการศกึ ษาทเ่ี น้นไปยังแหล่งน้าจาก
นา้ ฝนและการพึง่ พาแหลง่ น้านาเข้าแลว้ พบว่าแหลง่ น้าดืม่ สาคัญของสิงคโปรใ์ นอนาคตจะมาจากการแปลงน้าทะเลให้
เปน็ น้าจืดและการนาน้าใช้แลว้ มาบาบดั เพอ่ื ใช้ใหม่ (NEWater)
NEWater เป็นโรงงานนาน้าเสียกลับมาใช้ใหม่ ที่ได้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1998 ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง
สาธารณูปโภคแห่งสิงคโปร์ และกระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้า เพื่อให้ NEWater เป็นแหล่งผลิตน้าสาหรบั
การอปุ โภคในประเทศสงิ คโปร์ โดยผา่ นกระบวนการผลติ ที่ทันสมัย จนได้น้าที่มคี ุณภาพสูง สงิ คโปรม์ กี ารสร้างโรงงาน
ที่ช่วยเปลี่ยนน้าเสียให้กลายเป็นน้าดื่ม เพื่อลดมลพิษทางทะเลภายใต้กลยุทธ์หลัก “เก็บทุกหยดเพื่อนากลับมาใช้
อยา่ งไมส่ ้นิ สดุ ” สงิ คโปรเ์ ป็นประเทศเล็ก ๆ ทีใ่ ช้ทรัพยากรนา้ จากดั และพึ่งพานา้ จากเพอ่ื นบ้านจากประเทศมาเลเซีย
มาอยา่ งยาวนาน และเพอื่ เป็นการพึง่ พาตัวเองมากย่ิงขน้ึ รฐั บาลจงึ ได้พัฒนาระบบขั้นสูงกบั การบาบดั น้าเสีย ซึง่ ระบบ
ท่ีทางานเก่ยี วข้องกับเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดนิ ต่าง ๆ และโรงงานท่ีใชเ้ ทคโนโลยีขน้ั สูง นา้ ทน่ี ากลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่
ตอบโจทย์ความต้องการน้าในสิงคโปร์ได้ 40% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 55 % ภายในปี ค.ศ.2060 ในขณะที่น้า
ส่วนใหญ่นามาใชใ้ นภาคอตุ สาหกรรม และยงั มีบางสว่ นทีน่ ามาเพ่ิมเปน็ น้าดืม่ ในอ่างเก็บนา้ ต่าง ๆ และช่วยลดมลพิษ
ทางน้าทะเลได้ เพราะมีปรมิ าณน้าบาบดั จานวนน้อยมากท่ีถกู ปล่อยลงทะเล ซึ่งต่างจากประเทศอืน่ ๆ ร้อยละ 80%
ของน้าเสีย ไหลกลับลงสู่ระบบนิเวศ โดยไม่มีการบาบัด หรือหมุนเวียนนากลับมาใช้ใหม่ ส่วนกลางระบบน้าน้ามา
หมุนเวียนใช้ใหม่ของสิงคโปร์ คือโรงงานบาบัดน้าแบบใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่บริเวณชางฮี ฝั่งตะวันออกของสิงคโปร์
โรงงานแห่งนีเ้ ป็นท่อเหล็กชัน้ ใต้ดนิ ระบบกรองน้าและเคร่ืองจักรต่าง ๆ ที่สามารถบาบัดน้าเสียได้มากที่สุดถึง 900
ลา้ นลิตร มากกวา่ ท่จี ะใช้เติมในสระนา้ แขง่ ขนั โอลิมปิคทกุ 24 ชว่ั โมง นานถงึ หน่ึงปี
โครงการ NEWater ณ ชางฮี ซึ่งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะ ส่วนหนึ่งของโรงงานตั้งอยู่ใต้ดิน มีความ
ลึกลงไปเท่ากับอาคาร 25 ชั้น รับน้าเสียที่ไหลผ่านมาทางอุโมงค์ยักษ์ ที่มีความยาว 48 กิโลเมตร เชื่อมต่อกับบ่อนา้
32
เสยี ตา่ ง ๆ ภายในโรงงานเหมือนเขาวงกต ทัง้ ท่อเหลก็ ถังเหล็ก ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ อกี ทงั้ ระบบกรอง เครือ่ งจักร ที่
สามารถบาบดั น้าเสียได้ถึง 900 ลา้ นลติ รตอ่ วนั น้าเสียท่ีส่งเขา้ มาเพอ่ื บาบัดท่ีโรงงาน เข้าส่ขู ัน้ ตอนการกรองเบ้ืองต้น
ก่อนที่จะสง่ ต่อน้าเสียไประบบงานบนดนิ เพือ่ การบาบดั ในข้นั ตอนต่อไป การทาความสะอาดเพื่อกาจัดเช้อื ต่าง ๆ ทงั้
แบคทีเรีย ไวรัส ผา่ นกระบวนการกรอง รวมทัง้ การฆ่าเชือ้ ด้วยรังสอี ลั ตรา้ ไวโอเลต
เป้าหมายในการใช้แหล่งน้าจาก NEWater ได้เพิ่มจาก 40 % ของปริมาณน้าใช้ทั้งหมดในปี ค.ศ.2010 เป็น
55 % ในปี ค.ศ. 2060 นั่นหมายถึงในอนาคตไม่ไกลนี้ NEWater จะถูกกาหนดให้เป็นแหล่งน้าหลักของประเทศ
ดังนั้นกาลังการผลิตของ NEWater จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างสอดคล้องกัน เมื่อถึงปี ค.ศ. 2060 จะมีโรงงานผลิตน้า
NEWater ท้งั สิน้ 5 แห่ง
ขั้นตอนการผลิตนา้ ให้มีคุณภาพ NEWater
ปัจจุบัน น้าที่ได้รับการบาบัดเพื่อนามาใช้ใหม่นัน้ ถูกนาไปใช้เพื่อประโยชน์ทางด้านอุตสาหกรรมส่วนใหญ่
และที่เหลือถกู สง่ ไปยังอ่างเกบ็ น้าของประเทศที่มีประชากร 5.7 ล้านคน ระบบที่สิงคโปรน์ ามาใช้บาบัดน้าเสียให้เป็น
น้าคุณภาพดียังสามารถช่วยลดปัญหามลพิษทางน้าด้วย เนื่องจากมีการปล่อยน้าที่ได้รับการบาบัดแล้วเป็นจานวน
เพียงเล็กน้อยเท่านั้นกลับคืนลงสู่ทะเล ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่เกือบทุกประเทศทั่วโลกทาอยู่ ดังแสดงในภาพ
กระบวนการบาบดั น้าเสยี
กระบวนการบาบัดน้าเสยี ประกอบด้วย 3 ขน้ั ตอนทส่ี าคญั ดังนี้
1. ไมโครฟลิ เตรชัน (Microfiltration) เพือ่ กาจัดสารแขวนลอย แบคทเี รียทก่ี อ่ ให้เกิดโรคไวรัสบางชนิด และ
โปรโตซัวร์
2. รเี วอรส์ ออสโมซิส (Reverse Osmosis) กรองส่ิงปนเปอ้ื น เช่น แบคทเี รีย ไวรัส โลหะหนกั ไนเตรต คลอไรด์
ซลั เฟต จะทาให้น้าปราศจากไวรสั แบคทเี รยี มีเกลอื และอินทรยี ว์ ตั ถใุ นระดับต่ามาก ในข้ันตอนน้ี นา้ จะมคี ุณภาพดืม่ ได้
33
3. ใชร้ งั สีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet Disinfection) ฆา่ เชอื้ ด้วยรงั สียวู ี เพือ่ ให้แนใ่ จวา่ ปราศจากสิ่งมีชีวิต
และรับประกันความบรสิ ทุ ธ์ขิ องนา้ หลังจากเตมิ สารอัลคาไลน์ เพือ่ คนื สมดุลค่า pH
หลักการดาเนินงาน
ข้นั ตอนที่ 1 Microfiltration
เป็นประเภทของการกรองกระบวนการทางกายภาพที่ของเหลวที่ปนเปื้อนจะถูกส่งผ่านพิเศษ ผ่านรูขุมขน
ขนาดเมมเบรน (membrane) ที่แยกเชื้อจุลินทรีย์และอนุภาคแขวนลอยจากกระบวนการของเหลว เป็นที่นิยมใช้
ร่วมกับกระบวนการแยกอื่น ๆ เช่น กรองและดูดซึมกลับเพื่อให้กระแสผลิตภัณฑ์ที่เป็นอิสระที่ไม่พึงประสงค์สาร
ปนเป้อื น
หลักการทางาน : โมเลกลุ ของน้าสามารถผ่านการกรองเย่อื ไมโครฟิวเตรชนั ได้ ส่วนทแี่ ยกออกมาคอื โมเลกลุ ท่มี ีขนาด
ใหญ่ เชน่ เซลของแบคทเี รีย โมเลกุลของไขมนั ซง่ึ มีขนาดใหญ่กวา่ ขนาดรูของเยอื่ สว่ นโมเลกลุ ของแร่ธาตุ เกลือตา่ ง ๆ
รวมทั้งโมเลกลุ ของโปรตีน น้าตาลแลคโตส จะผา่ นได้บางสว่ น บางสว่ นจะถกู แยกออกมา เพ่ือแยกตะกอนขนาดใหญ่
บางส่วนออก ก่อนผ่านไปกรองระดับทีล่ ะเอยี ดกวา่ เช่น ultrafiltration
ขั้นตอนที่ 2 Reverse Osmosis
ระบบรีเวอร์สออสโมซิส (Reverse Osmosis RO) เป็นระบบการกรองทมี่ ีความละเอยี ดสงู ทาให้เช้อื โรค ส่ิง
สกปรก สารปนเปอ้ื นทม่ี ีโมเลกุลขนาดใหญ่-เล็ก ไมส่ ามารถผ่านการกรองไปได้ ซึ่งมแี ต่น้าสะอาดบริสทุ ธิ์แล้วเท่านั้นที่
จะผา่ นช้นั กรองน้ีไปได้
34
หลักการทางาน : โดยนานา้ ท่ผี ่านการอปุ โภคบริโภคแลว้ มาสกู่ ระบวนการกรองนา้ ผา่ นใสก่ รองท่ีมีความละเอียดสูง
ถงึ 5 ไมครอน ซ่ึงใช้ป๊ัมแรงดนั สงู สง่ น้าให้ไหลเข้าส่ไู สเ้ มมเบรน เพือ่ คัดแยกนา้ สะอาดและน้าบรสิ ทุ ธ์ทิ ผ่ี า่ นการกรองน้า
น้ไี ปได้ ผา่ นทอ่ ไปสูก่ ระบวนการฆา่ เช้อื ด้วยแสงอัตราไวโอเลต ประกอบดว้ ยขัน้ ตอนต่าง ๆ ดงั น้ี
1. เริ่มต้นกรองน้าผ่านไส้กรอง ปล่อยน้าให้ไหลผ่านบริเวณไส้กรอง ที่สามารถกรองได้ละเอียดมากถึง 5
ไมครอน ทาให้สามารถกรองสิ่งสกปรกออกไปได้ทั้งหมด แม้แต่สิ่งสกปรกท่ีมีขนาดค่อนข้างเล็กก็ไมส่ ามารถเล็ดลอด
ออกไปได้เช่นเดยี วกัน จงึ ทาใหน้ า้ ที่ไดน้ ัน้ บริสุทธ์มิ ากที่สุด
2. ใช้ปั๊มแรงดันสูงเพื่อเตรียมแยกน้า ผลักเอาน้าที่ผ่านขั้นตอนการกรอง ให้ไหลเข้าสู่เมมเบรน เป็น
เครอื่ งมอื ทช่ี ่วยอานวยความสะดวกและช่วยให้การคัดแยก และนานา้ ที่ผ่านกระบวนการกรอง เขา้ สู่กระบวนการตอ่ ไป
ไดง้ ่ายและสะดวกมากย่ิงขึน้
3. กรองนา้ ผา่ นเมมเบรน (Membrane) เมอื่ น้ามาถงึ เมมเบรน จะเกดิ การคดั แยกน้าข้ึนมาอกี ขั้นตอนหนึ่ง
เพื่อให้สามารถจัดการกับน้าที่ผ่านตัวเคร่ืองกรองหรือผา่ นระบบ RO ทั้งหมด โดยเมมเบรนนีจ้ ะเป็นตัวที่กรองนา้ ข้ัน
สดุ ทา้ ย เปน็ ไส้กรองทช่ี ่วยกรอง และส่งผา่ นน้าทงั้ หมดไปยงั ข้นั ตอนการแยกประเภทตอ่ ไป
4. คัดแยกประเภทของน้า น้าที่ได้ผ่านการกรองและส่งต่อมาเรื่อย ๆ จะถูกนาไปคัดแยกประเภทของน้า
เพื่อการใช้งานต่อไป ซึ่งประเภทของน้าที่ได้หลังจากผ่านการกรอง แบ่งได้เป็นประเภทหลัก 2 ประเภท ได้แก่ น้า
บรสิ ุทธ์ิ และนา้ เข้มข้น
5. ปล่อยน้าที่ปนเปื้อนทิ้ง น้าเสียที่ได้นั้นเป็นน้าที่ไม่สามารถผ่านการกรองด้วยไส้กรองได้ ก็จะเป็นน้าที่
จาเป็นต้องนาไปทิ้ง โดยน้าที่เหลืออยู่นั้นเป็นน้าทีเ่ จือปนสิ่งสกปรก สารเคมี แบคทีเรีย แร่ธาตุ โลหะหนัก ซึ่งจะถกู
ส่งไปทช่ี ดุ ควบคมุ ปริมาณน้าท้ิง เพื่อตรวจสอบปริมาณน้าที่ต้องนาไปทง้ิ จากนน้ั กจ็ ะนานา้ เสียทั้งหมดไปท้ิง ผ่านโซลี
นอยล์วาลว์ (Solenoid Valve) เป็นส่วนที่กาจัดน้าออกไป โดยถูกนาไปอยู่ในทอ่ ระบบน้าทิ้ง เพื่อนาเอาน้าเสียทีไ่ ม่
สามารถใชไ้ ดน้ ั้นออกจากตัวเครื่อง น้าเสยี ท่ีปนเป้ือนส่ิงสกปรกและส่ิงปฏิกูลตา่ ง ๆ กจ็ ะถกู คัดแยกไปในส่วนระบบน้า
ทิ้ง RO เพ่อื นาไปใช้ประโยชน์ด้านการรดนา้ ตน้ ไม้ การทาเกษตร
6. นาน้าสะอาด ไปใช้เพื่อการอุปโภคและบริโภค น้าจากระบบ RO เป็นน้าที่ปราศจากแร่ธาตุ และใน
ขณะเดียวกันก็เป็นน้าที่ปราศจากสารปนเปื้อนที่เป็นพิษต่อร่างกาย จะถูกคัดแยกไปในส่วนระบบน้ารีไซเคิล ท่ี
เหมาะสมกบั การอปุ โภคบริโภค ทง้ั การภาคอุตสาหกรรมและครวั เรอื น
หลกั การทางานระบบ RO เหมาะสมกับการนาไปผลิตน้าด่มื อย่างมาก เพอื่ ให้ได้นา้ ดืม่ ที่สะอาด มีคุณภาพ และได้
มาตรฐาน
35
ัน้ ตอนที่ 3 Ultraviolet Disinfection
การบาบัดด้วยรังสอี ัลตราไวโอเลตเกี่ยวข้องกับการใช้แสงอัลตราไวโอเลต (UV) ในการฆา่ แบคทีเรียเช้ือราใน
ระบบนา้ หรือท่อระบายน้า กระบวนการน้ไี มจ่ าเป็นตอ้ งใชส้ ารเคมอี ันตรายเชน่ คลอรีน โดยท่ัวไปไม่มีผลตอ่ รสชาติหรือ
คณุ ค่าทางโภชนาการของน้า
หลักการทางาน : รังสอี ลั ตราไวโอเลตจะถูกสร้างขึน้ ในหลอดไฟ UV และวางไว้ในห้องไหลซึ่งคล้ายกับอุโมงค์ เมื่อน้า
ไหลผ่านแสงอัลตราไวโอเลตจะแทรกซึมฆ่าสิ่งมีชีวิตและเชื้อโรค ที่เป็นอันตราย รังสียูวีสามารถเจาะผิวน้าได้อย่าง
งา่ ยดายเม่ือไหลอยู่ใตโ้ คมไฟ เมื่อเกิดเหตกุ ารณ์น้ีกรด deoxyribonucleic (DNA) ของเชือ้ แบคทเี รียไวรสั เช้ือรามีการ
เปลี่ยนแปลงเพือ่ ไมใ่ ห้เกิดซา้ ทาให้สิ่งมีชวี ติ เหลา่ นี้ตายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบบาบดั น้าอัลตราไวโอเลตจะอยู่
ขน้ั ตอนสุดท้ายของการบาบัดนา้
36
เมือ่ ผ่านกระบวนการบาบัดนา้ เสยี ทง้ั 3 ข้นั ตอนแล้วน้าทไ่ี ดจ้ ากบาบัดนี้ถกู สง่ ผ่านไปตามอุโมงค์น้าเพ่ือส่งไป
ผลิตนา้ ดื่ม และนาไปใชใ้ นภาคอุตสาหกรรม ทั้งน้ีสิงคโปรเ์ ป็นประเทศท่มี ีนา้ สญู หายไปจากระบบน้อยมากเพียงแค่ 4.5%
เทา่ นั้นซ่งึ เป็นจานวนทีน่ อ้ ยทส่ี ุดในโลก ในขณะท่ีประเทศเพ่ือนบ้านในอาเซียนมีนา้ สูญหายจากระบบถึง 40-60%
น้าประปาของสิงคโปร์สามารถดื่มได้โดยตรงจากก๊อก มีการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพน้าตลอด
กระบวนการผลิตตั้งแต่น้าดิบจนถึงน้าประปาในระบบจ่ายน้า ในแต่ละเดือนมีการวิเคราะห์คุณภาพน้ามากกว่า
80,000 ครั้ง และวิเคราะห์สารเคมีในน้ามากกว่า 290 รายการ ซึ่งมากกว่าที่ WHO กาหนดไว้ถึง 130 รายการ
การจัดการด้านคุณภาพน้าของ PUB ได้รับการทบทวนปีละ 2 ครั้ง โดยผู้ตรวจสอบอิสระภายนอกที่ประกอบไป
ด้วยผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ นอกจากน้ี PUB ได้ดาเนินโครงการอนุรักษ์นา้ และการรณรงค์ต่าง ๆ เพื่อให้
ความรู้แก่ประชาชนถึงความจาเป็นในการประหยัดและอนุรักษ์ทรัพยากรน้า และนาไปปฏิบัติจนเป็นนิสัยใน
ชีวิตประจาวัน
จนกระทั่งปี 2002 หลังจากการทดลองและตรวจสอบคุณภาพน้าจากโรงงานบาบัดน้าต้นแบบ กลุ่ม
ผู้เชี่ยวชาญรบั รองในคุณภาพน้าที่ปลอดภัยและด่ืมได้ ซึ่งคุณภาพของน้าท่ีผ่านการบาบัดนีผ้ ่านคุณสมบัติขั้นพ้ืนฐาน
ของสานักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (Environmental Protection Agency of the United
States) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ยิ่งไปกว่านั้น น้าที่บาบัดนี้ยังมีความบริสุทธิ์ที่สูง
มากจนสามารถนาไปใช้ผลิตสารกึ่งตัวนาที่ต้องการน้าที่มีความบริสุทธิ์มากได้ มีการประชาสัมพันธ์ด้วยการแสดง
กระบวนการขั้นตอนให้ผู้บริหารระดับประเทศเห็น ผู้บริหารสาธิตและใช้จริงให้ประชาชนเห็น จึงเกิดความเชื่อม่ัน
อยา่ งทว่ั ถงึ ท้งั ประเทศ
The Public Utilities Board (PUB)
การบริหารน้าทั้งหมดของสิงคโปรข์ ึ้นตรงกับ คณะกรรมการสาธารณูปโภคสาธารณะ (PUB) ซึ่งเป็นองค์กร
ภาครัฐที่เคยมีภาระหน้าที่บริหารจัดการน้าดื่ม ไฟฟ้า และก๊าซ จนกระทั่งปี 2001 กระทรวงสิ่งแวดล้อมได้เพ่ิม
ภาระหนา้ ทขี่ อง PUB ใหค้ รอบคลุมการบรหิ ารจัดการระบบท่อระบายนา้ และนา้ คณะกรรมการสาธารณปู โภค (PUB)
เปน็ คณะกรรมการตามกฎหมายในปี 2506 เพ่ือประสานงานการจัดหาไฟฟ้า ก๊าซท่อและน้าสาหรับสิงคโปร์ และในปี
2544 PUB ไดร้ บั การจัดตั้งขึน้ ใหม่เพื่อเป็นหนว่ ยงานด้านนา้ แห่งชาตขิ องสงิ คโปร์ โดยดูแลระบบนา้ ท้ังหมด
37
การสร้างความเช่ือมั่นให้กบั ประชาชนในการใชด้ ่มื น้า
การใช้แหล่งเก็บน้าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นศูนย์รวมชุมชน เพื่อชักนาให้ประชาชนเข้ามามี
ส่วนร่วม ทาให้ประชาชนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของทรัพยากรน้า เกิดความหวงแหนและตระหนักในคุณค่าของน้า
เนื่องจากสิงคโปร์ใช้กลไกราคาในการส่งเสริมให้ประชาชนประหยัดน้า สิงคโปร์ลงทุนอย่างมากกับโครงสร้าง
พ้ืนฐานและกาหนดอัตราค่าน้าประปาในสิงคโปร์เป็นราคาที่สะท้อนความหายากของน้าในฐานะท่ีเป็นทรัพยากรที่
ขาดแคลนของประเทศ โดยโครงสร้างค่าน้าประกอบด้วย ค่าน้า ค่าภาษีอนุรักษ์น้า ค่าบาบัดน้าเสีย และ
ค่าธรรมเนียมสุขภัณฑ์ การกาหนดราคาค่าน้าอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการตอกยา้ ว่านา้ ทุกหยดมีค่า ทาให้เกิดการ
ใช้นา้ อย่างมีประสิทธิภาพและย่ังยืน นอกจากน้ัน รายได้ค่าน้ายังนามาใช้ในการวิจัยและพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ ที่มี
ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการผลิตและสูบจ่ายนา้ ประปา และก่อสร้างแหล่งกักเก็บนา้ เพิ่มเติมให้เพียงพอกับความ
ต้องการใช้น้าในอนาคต
The NEWater Visitor Centre เป็นหน่วยงานที่บริหารจัดการโดยคณะกรรมการบริหารสาธารณูปโภค
กระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรนา้ ของสิงคโปร์ เป็นศูนย์กลางการศึกษาที่สง่ เสริมความยั่งยืนของน้าในสิงคโปร์
เป็นศูนย์การเรียนร้กู ารผลิตนา้ จากน้าทใ่ี ชแ้ ล้ว ใช้เทคโนโลยขี น้ั สูงด้วยกลยุทธก์ ารศึกษาสาธารณะที่สร้างขึ้นมาอย่างดี
เพ่ือสรา้ งความตระหนักถงึ ความจาเปน็ ทีเ่ กิดขน้ึ อย่างรวดเร็วในการจัดการทรัพยากรนา้ ของสงิ คโปรใ์ นลักษณะท่ีย่ังยืน
มากข้นึ โดยใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทัล เกมคอมพวิ เตอร์ ภาพ และวิดโี อ สิง่ อานวยความสะดวกจะอธิบายการใช้น้าและการ
38
นากลับมาใช้ใหม่ในลักษณะที่สนุกสนาน กระตุ้น และโต้ตอบ นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับนิทรรศการดิจิทัลและ
ภาพน่งิ แล้ว ผูเ้ ขา้ ชมยังสามารถชมการผลติ NEWater ได้อย่างปลอดภัยจากทางเดินทหี่ ้มุ ด้วยกระจกสูง
กรณศี ึกษา Gardens by the Bay : From a “Garden City” to a “City in a Garden”
แผนแม่บท และแผนระยะยาว
การบรหิ ารจัดการของประเทศสิงคโปร์ วางแผนยทุ ธศาสตรก์ ารขยายเมืองไวใ้ นแผนแมบ่ ทและแผนระยะยาว
แผนแม่บท Master Plan
แผนแม่บท (MP) เป็นแผนการใช้ที่ดินตามกฎหมายซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาที่ดินและทรัพย์สิน ของ
สงิ คโปร์ในระยะกลางในช่วง 10 ถงึ 15 ปขี า้ งหนา้ มกี ารทบทวนทกุ ๆ ห้าปี
แผนระยะยาว Long Term Plan
ซ่ึงเป็นแนวทางในการพัฒนาของสิงคโปร์ในชว่ ง 40 ถงึ 50 ปีข้างหน้า และครอบคลมุ การใช้ที่ดินเชิงกลยุทธ์
และการขนส่ง ช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีที่ดินเพียงพอต่อความต้องการของประชากรในระยะยาวและการเติบโตทาง
เศรษฐกิจ สมดุลกบั สภาพแวดลอ้ มการดารงชีวิตทีม่ คี ณุ ภาพ แผนการใชท้ ่ดี ินระยะยาวที่ยั่งยนื
การวางแผน
ในการวางแผนการใช้ที่ดนิ ของสงิ คโปร์ ใชแ้ นวทางตามแผนระยะยาวในการเพมิ่ ประสิทธิภาพพนื้ ท่ีจากัดของ
ประเทศ และเพื่อให้มั่นใจว่าความต้องการในปัจจุบันและอนาคตของประชาชนจะได้รับการตอบสนอง การบริหาร
จัดการที่ดินสาหรับความต้องการที่หลากหลาย และการกาหนดจังหวะ ทิศทางการพัฒนาโดยรวมของสิงคโปร์ ส่ิง
เหล่านี้นาไปสู่การวางแผนโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรที่จาเป็นเพื่อสนับสนุนการใช้ที่ดิน ด้วยการสร้างสมดุล
ระหว่าง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เป้าหมายคือการสร้างสิงคโปร์ที่ยั่งยืนคือการสร้างสภาพแวดล้อมการ
39
ดารงชวี ิตทมี่ คี ณุ ภาพ ใหโ้ อกาสในการเตบิ โตและการจ้างงานทีอ่ ุดมสมบูรณ์สาหรับผู้คน และปกปอ้ งภูมิทัศน์ท่ีสะอาด
และเขยี วขจขี องประเทศ
กระบวนการวางแผน
ในการวางแผนการใชท้ ี่ดนิ ของสิงคโปร์จะใช้แนวทางระยะยาวเปน็ กรอบแนวทางเพ่ิมประสทิ ธิภาพพื้นที่จากัด
ของประเทศ และเพื่อให้มั่นใจว่าความต้องการในปัจจุบันและอนาคตของประชาชนจะได้รับการตอบสนองด้วย
Green and Blue Plan
นโยบายการสร้างพื้นทีส่ ีเขยี ว
Green and Blue Plan
Multi-Functional Green และ Blue Spaces
Green and Blue Plan แผนพัฒนาพื้นที่สีเขียวและสีน้าเงิน ให้สามารถใช้ปประโยชน์ได้หลากหลายผ่าน
การผ่านการออกแบบที่สร้างสรรค์ บูรณาการกับสภาพแวดล้อมในเมือง และปรับแต่งให้เข้ากับชุมชน สิ่งนี้จะเพิ่ม
ประสิทธภิ าพการใช้ที่ดนิ ในขณะที่เพิ่มการเช่อื มต่อทางนิเวศวิทยาและความเป็นอยู่ตลอดจนตอบสนองความต้องการ
ทางสงั คมและนนั ทนาการ
40
1. การปกป้องพื้นท่ที างนิเวศวทิ ยาหลกั โดยการพฒั นาสวนกันชุมชนให้มีสวนรอบ ๆ พ้ืนทเี่ พือ่ ใหป้ ระชาชนได้
เพลิดเพลินได้นานที่สุด ภูมิทัศน์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นเพื่อดึงดูดความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างความ
เชื่อมโยงทางนิเวศวิทยาจะถูกนาเสนอผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การสร้างใหม่ และยังคงร่วมมือกับชุมชนในการ
ออกแบบ
2. การนาเสนอเชงิ พื้นทีใ่ นวงกว้างเกีย่ วกบั วธิ ีการท่ีเราพยายามเสริมสร้างความยืดหย่นุ ทางนเิ วศวิทยา สังคม
และสภาพภูมอิ ากาศในระยะยาวของสิงคโปรผ์ า่ นพ้ืนทส่ี เี ขียวและสีนา้ เงิน
3. การดูแลทุนธรรมชาติ พยายามที่จะดูแลพื้นที่สีเขียวและสีฟ้าตามธรรมชาติ ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์
เพอ่ื เสริมสรา้ งการอนุรักษค์ วามหลากหลายทางชวี ภาพพืน้ เมือง และความสมดลุ ของการอนุรกั ษ์และการพัฒนา
“เมืองสเี ขียว” (Green City)
“เมืองสีเขียว” (Green City) ของสิงคโปร์ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1967
โดย ลี กวน ยู อดีตผู้นาประเทศสิงคโปร์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปลี่ยนประเทศสิงคโปร์ให้เปน็ เมอื งที่เตม็ ไปด้วยพื้นทีส่ ี
เขียวและมีสภาพแวดล้อมที่สะอาด โดยสิงคโปร์เริ่มดาเนินนโยบาย “Garden City” ในรูปแบบโครงการปลูกต้นไม้
แบบเรง่ รัดในพ้ืนทข่ี ้างถนน ซึ่งหลงั จากผ่านไปเพยี ง 3 ปี สงิ คโปรม์ ตี ้นไมป้ ลกู ใหม่กวา่ 55,000 ต้น
41
การบูรณาการพื้นทส่ี ีเขียวและสีน้าเงนิ ภายในภมู ิทศั น์เมือง
สงิ คโปร์ไดพ้ ยายามท่ีจะรวมพ้ืนที่สเี ขียวและสนี ้าเงินเข้าดว้ ยกนั ในลักษณะท่ีเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของ
เมอื ง เพอ่ื ให้พนื้ ทด่ี งั กล่าวสามารถชว่ ยตอบสนองความตอ้ งการทางสงั คมและสันทนาการและเพ่มิ ความสามารถในการ
ดารงชีวิตในขณะทป่ี รบั ปรงุ ผลลพั ธ์ทางนิเวศวทิ ยา
1. การเสริมสร้างความยดื หยุ่นของสภาพอากาศ
สิงคโปร์พยายามทีจ่ ะนาพ้นื ทสี่ ีเขียวและสีน้าเงนิ มาใช้เป็นส่วนหน่งึ ของโซลูชั่นแบบบูรณาการเพื่อเพ่ิมความ
ยดื หยนุ่ ของสภาพอากาศ ซง่ึ รวมถึงการจัดหาพ้นื ทีส่ เี ขยี วในเมอื งใหม้ ากข้นึ เพอ่ื ลดความรอ้ นในเมอื ง และสารวจวา่ โซลู
ชันทอี่ ิงกับธรรมชาติสามารถผสานรวมกบั โซลชู ันทางวิศวกรรมในการวางแผนเพอื่ บรรเทาอุทกภัยได้อยา่ งไร
2. การเปน็ พนั ธมติ รกบั ชุมชน
ในการกาหนดกลยุทธ์ระยะยาวสาหรับพื้นที่สีเขียวและสีฟ้าของสิงคโปรไ์ ด้ทางานร่วมกับชุมชน ผู้มีส่วนได้
ส่วนเสยี เช่น จากกลุ่มนกั วชิ าการ อตุ สาหกรรม และกลมุ่ ผลประโยชน์ท่ีเข้าร่วมการสนทนากลุ่ม ตามหลักการมีส่วน
รว่ มกบั ชมุ ชนและผู้มีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี
42
นโยบายการบรหิ ารและจดั การพื้นทส่ี เี ขยี วและน้า (Green and Blue Plan)
เขอ่ื น Marina Barrage ในสงิ คโปร์เป็นเข่ือนกัน้ น้าทสี่ ร้างข้นึ เพอ่ื ชว่ ยบรรเทาอุทกภัยในพืน้ ท่ลี ุ่มตอนล่างของ
เกาะ ในชว่ งท่ีมีฝนตกหนักจะมีการเปดิ ประตยู อดเก้าบานเพื่อปลอ่ ยน้าส่วนเกนิ ลงสู่ทะเลเมือ่ น้าลงต่า เมอื่ นา้ ข้ึนสูงปั๊ม
ขนาดยักษ์เจ็ดเครื่องที่สามารถสูบน้าสระวา่ ยนา้ ขนาดโอลิมปิกหนึ่งสระต่อนาทีจะไหลลงสู่ผิวน้าเพือ่ ระบายนา้ ลงสู่
ทะเล Gardens by the Bay มีการนาพลงั งานนา้ มาใช้อย่างมีประสิทธภิ าพเพราะมีการออกแบบที่คานงึ ถึงความยั่งยืนของ
พลังและน้าเป็นหลัก Marina bay เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายดังกล่าว โดยมี Marina Bay Sands ประกอบด้วย
Marina Bay Sands Hotel และ Garden by the Bay
Marina Bay Sands Singapore คือโปรเจ็คยักษ์ใหญ่ที่เป็นการจับมือกันของรัฐบาลสิงคโปร์และทาง Las
Vegas Sands Corporation โดยรวมเอาโรงแรมชั้นนาระดับโลกสุดหรู และศูนย์รวมความบันเทิงชัน้ นามากมาย ทั้ง
คาสิโนท่ใี หญเ่ ป็นอันดบั 2 ของโลก แหลง่ ชอ้ ปปิง้ อย่าง The Shoppes และอีกมากมาย
เร่ิมจาก Marina Bay Sands Hotel ตกึ สูงใหญ่ตั้งตระหงา่ น สรา้ งเป็นรูปไพ่ 3 สารับเรียงกนั แลว้ วางทบั ด้วย
เรอื อย่ดู ้านบนทเี่ รียกกนั ว่า Sands Sky Park ทีเ่ ปน็ สระว่ายนา้ กลางแจ้งทส่ี งู ท่สี ดุ ในโลก
ถัดมาทางซ้ายมอื คอื ตึกรปู ดอกบัวรูปทรงสวยงาม เป็น The Art Science Museum ทีน่ อกจากจะสวยงาม
แล้ว ยังออกแบบให้มีประโยชนใ์ ช้สอยอยา่ งดี ท้งั รองรับนา้ ฝนใหไ้ หลลงมารตู รงกลาง เพ่อื นาไปรีไซเคลิ เป็นน้าสาหรับ
ทาเป็นน้าตก และนา้ ใชใ้ นหอ้ งน้า และแตล่ ะกลีบของดอกบวั กถ็ ูกตกแต่งใหเ้ ปน็ แกลลอรีใ่ ห้ผู้คนเข้าไปชม
ริมอ่าวยังมีลาน Promenade อันกว้างใหญ่ ให้เดินกินลมชมวิว เพลิดเพลินกับบรรยากาศโดยรอบได้อย่าง
สบายใจ
สะพาน Helix เป็นสะพานรูปเกลียวที่เชื่อมต่อจากฝั่งโรงละคร Esplanade ไปยังฝั่ง Marina Bay Sands
เป็นอีกจุดชมววิ ที่คนมักมาถ่ายรูปกัน โดยเฉพาะรูปสะพานเกลียวอยู่ด้านหน้า โดยมีตึกสูงเป็นฉากหลัง ระหว่างเดนิ
ข้ามสะพานกส็ ามารถแวะชมวิวได้ตลอดทาง โดยเฉพาะยามคา่ คืนจะสวยงามมาก
43
มีโรงละคร Esplanade รปู ร่างเหมอื นโดมรปู ทุเรียน
Clarke Quey เป็นย่านรวมร้านอาหารดงั ๆ ประเภทผับ บาร์ เหมาะแก่การนั่งกินลมชมววิ เคล้าบรรยากาศ
ยามค่าคนื นอกจากนกี้ ย็ งั มีร้านคา้ ทง้ั ของกนิ ของท่ีระลึกให้เดินเลน่ ชอ้ ปปิง้
ประเทศสิงคโปร์ เปน็ ตัวอย่างของการไมห่ ยุดนิ่งท่ีจะพัฒนาตวั เองของประเทศเล็กๆ ที่รวยทสี่ ดุ แห่งหน่ึง ใน
เมอื่ ทรพั ยากรมจี ากดั ปา่ กไ็ มม่ ี สวนกม็ นี อ้ ย แตม่ ีเงินกับสมอง สิงคโปร์จงึ สร้างโครงการ Garden by the Bay จะเป็น
สวนที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ และเป็นศูนย์กลางในโครงการพัฒนา Marina Bay อย่างต่อเนื่อง บริหารโครงการโดย
คณะกรรมการดแู ลอุทยานแห่งชาติ (National Park) ของรฐั บาลสงิ คโปร์
44
สิงคโปร์ได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองในสวน หรือ Garden City ตามแนวคิดของอดีต นายกรัฐมนตรี
ลี กวน ยู ตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2511 ที่ตอ้ งการให้มกี ารพัฒนาเมอื งทเ่ี ป็นมติ รกบั สิ่งแวดล้อม นับต้ังแต่ประเทศมีการประกาศ
อิสรภาพ โดยมีการวางแผนให้มีต้นไม้สาหรับทุกถนนและมีสวนสาธารณะในหลายพื้นที่ของเมือง สิ่งที่น่าสนใจคือ
ต้นไม้แต่ละต้นจะมีการบันทึกข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์เพื่อให้รู้ว่าต้นไม้ต้นนั้นยังอยู่และไม่โดน ลักลอบตัดขาย
เนอื่ งจากสงิ คโปร์มีตน้ ไม้เพียงประมาณ 1 ลา้ นต้น จงึ มกี ารให้ความสาคัญกับพืน้ ท่ีสเี ขยี ว โดยสร้างพน้ื ท่สี ีเขียวทดแทน
ส่วนท่ีถูกทาลายจากการปรับปรุงพัฒนาเมอื ง รวมทัง้ วางผังให้พนื้ ที่สีเขยี วตา่ ง ๆ เช่อื มโยง ตอ่ เนื่อง โดยสวนสาธารณะ
ของสิงคโปร์หรอื พืน้ ทีส่ เี ขียวต่าง ๆ จะมกี ารเชือ่ มโยงกนั เป็นแนวยาว ซ่ึงขณะน้ีสามารถเชื่อมตอ่ กนั ไดถ้ ึง 61 กโิ ลเมตร
การขยายตัวของพื้นที่สีเขียวรวมทั้งการจัดวางผังเมืองที่มีการแบ่ง ประเภทกิจกรรมทางเศรษฐกิจและกลุ่มอาคาร
ส่งผลใหม้ พี น้ื ท่ีสีเขียวและพ้ืนทีอ่ นรุ กั ษ์ธรรมชาติเป็นจานวนมาก
Gardens by the Bay เปน็ สวนพฤกษศาสตร์ที่มขี นาดใหญ่กว่า 101 เฮกเตอร์ (250 เอเคอร)์ ท่ีสร้างข้ึนบน
พื้นท่ีท่มี ีการถมทะเล โดยอยใู่ นบรเิ วณพื้นทสี่ าคัญอยา่ ง Marina Bay เปน็ ส่วนหน่งึ ของแผนการของรฐั บาลสิงคโปร์ ใน
การที่จะเปลี่ยนแปลงสิงคโปร์จากเมืองที่มีสวนในเมือง ให้เป็น เมืองแห่งสวน “City in a Garden” ซึ่งอยู่ในแผน
แม่บทพฒั นาเมือง ปี 2557-2573 และแผนแม่บทการลงทนุ พ.ศ.2573 ภายใต้แนวคดิ “More Land, More homes,
More Greenery” และความต้องการพื้นที่สาธารณะสีเขียวในบริเวณพื้นที่เมืองของสิงคโปร์มีเพิ่มขึ้น จากการที่
Singapore Botanic Gardens ถูกใช้ทั้งเพื่อการพักผ่อน งานวิจัย และเพื่อการศึกษามากเกินความสามารถในการ
รองรับเป้าหมาย แผนการนี้ถูกประกาศครั้งแรกโดยนายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุง ในงาน National Day Rally ในปี
2558 โดยมกี ารตงั้ เปา้ หมาย
▪ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และปลูกดอกไม้เพิ่มในเมือง เพราะพื้นที่สีเขียว
เปรียบเสมอื น “ปอด” ที่ทาหน้าท่ีบาบัดอากาศเสีย และเปรยี บเสมอื น “เครื่องปรับอากาศ” ทาหน้าที่
ลดความรอ้ น เมื่อการออกแบบคานงึ ถึงผ้อู ยู่อาศยั เปน็ หลัก ผลท่ีเกดิ ขนึ้ คอื ประชากรมีคุณภาพชวี ติ ทดี่ ีขึ้น
▪ ต้ังเปา้ ที่จะให้ Gardens by the Bay เปน็ Singapore’s premier urban outdoor recreation space
และเปน็ สัญลกั ษณข์ องประเทศ
▪ ตั้งเปา้ ที่จะให้สวนแหง่ น้ีเป็นคู่แขง่ กบั Central Park ของนวิ ยอร์ค และ Kew Gardens ของลอนดอน
▪ เปา้ หมายของ Gardens by the Bay จงึ ถกู วางให้เปน็ พื้นทสี่ เี ขยี วในการพกั ผอ่ นหย่อนใจของประชาชน
ชาวสิงคโปร์ รวมไปถึงชาวต่างชาติท่ีทางานและอาศัยอยใู่ นประเทศสิงคโปร์ ขณะท่ี Botanic Gardens
จะถูกใชเ้ พอื่ การศกึ ษา การวจิ ยั และการอนุรักษเ์ ปน็ หลกั
แตผ่ ลพลอยไดก้ ลับเป็นการที่ Gardens by the Bay กลายเปน็ หนงึ่ ในสถานท่ที อ่ งเท่ยี วยอดนิยมอันดับตน้ ๆ
ของประเทศสิงคโปร์ ท่นี ักท่องเทยี่ วตา่ งชาติทมี่ าเทย่ี วต้องเข้าชมด้วยความแปลกใหม่และนวตั กรรมที่ทันสมัยที่ดึงดูด
นกั ท่องเท่ยี ว เกิดการดึงดดู ทางเศรษฐกจิ ซึ่งชว่ ยกระตุน้ มูลคา่ ทางการค้าในการพฒั นาพืน้ ทร่ี อบๆ
45
Gardens by the Bay เปน็ การอนรุ กั ษ์ท่นี าพืชพื้นเมืองมาปลูกในสภาพภูมอิ ากาศที่อบอนุ่ มากข้นึ รวมไปถึง
สวนตน้ ไม้ท่ีมธี ีมท่นี าเสนอประเพณีทางวฒั นธรรมทแี่ ตกต่างกนั ออกไป ประกอบไปดว้ ยสวนสามแหง่ ท่ีติดริมน้า ท่ีโดด
เด่นแตกต่างกัน คือ Bay East Garden, Bay Central Garden และ Bay South Garden สองสว่ นแรกสรา้ งเสร็จใน
ปี 2554 โดยเปดิ ใชง้ านในรปู แบบสวนสาธารณะริมอ่าวมารีน่า
สวนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ Bay South Garden ที่มีขนาด 54 เฮกเตอร์ (130 เอเคอร์) มูลค่าการก่อสร้าง
ของ Bay South ถกู แก้ปญั หาผ่านการใชเ้ ทคโนโลยีท่ีชว่ ยประหยดั คา่ ใช้จา่ ย และการระดมทนุ เพม่ิ จากภาคประชาชน
และการช่วยเหลือจากภาคธุรกิจ Bay South ได้เปิดต่อสาธารณชนในวันที่ 29 มิถุนายน 2555 ซึ่งมีทั้งส่วนทีเ่ ปิดให้
เข้าชมฟรีและส่วนที่ต้องซื้อบัตรเข้าชมคือ Cloud Forest, Flower Dome และทางเดินลอยฟ้า OCBC Skyway มี
ทงั้ หมด 8 โซนยอ่ ย ดังนี้
➢ Cloud Forest โดมเรือนกระจกรูปทรงภูเขาที่เป็นไฮไลท์แห่งหน่ึงของ Gardens by the Bay ภายในมี
5 ชั้น เปน็ การจาลองบรรยากาศปา่ ดิบชื้นและพชื เมืองรอ้ นโดยมีนา้ ตกจาลองขนาดใหญ่ท่ีมีความสูงกว่า
25 เมตรเป็นจุดเด่น และยังมีวีดีโอจาลองสภาพของโลกในอนาคตหากไมร่ กั ษาสิ่งแวดล้อมด้วย สาหรับ
การชมบรรยากาศนน้ั สามารถขึน้ ลฟิ ทไ์ ปยังชนั้ บนสดุ แลว้ จึงคอ่ ยๆ เดินวนลงมาจนถงึ ชั้นล่าง ระหว่างทาง
นักท่องเทยี่ วจะได้ชมพืชพรรณนานาชนดิ อยา่ งใกล้ชิด
46
ภาพ:https://www.visitsingapore.com/th_th/see-do-singapore/architecture/modern/gardens-by-the-bay/
➢ Flower Dome โดมเรือนกระจกที่จัดแสดงไม้ดอกสวยงามจากทัว่ ทุกมุมโลก โดยมีการควบคุมอุณหภมู ิ
ให้อยู่ระหว่าง 23-25 องศา ภายในโดมแบ่งเป็น 9 โซน ได้แก่ สวนออสเตรเลีย สวนแอฟริกาใต้ สวน
อเมรกิ าใต้ สวนแคลิฟอร์เนยี สวนเมดิเตอรเ์ รเนียน สวนมะกอก จดุ ท่ีเปน็ ไฮไลทค์ ือสวนดอกไม้ตรงกลาง
โดมที่มีทั้งสวนฝรั่งเศส สวนทิวลิป สวนเปอร์เซียน และสวนญี่ปุ่นที่จะมีการหมุนเวียนไม้ดอกไปตาม
ฤดูกาลและตามธีมพิเศษของแต่ละเทศกาลด้วย เรือนกระจกในรม่ คืออาณาจกั รของประวัติศาสตร์และ
จนิ ตนาการ แตล่ ะโซนจากทงั้ หมดสีโ่ ซนท่ีมลี ักษณะเฉพาะแตกต่างกนั นบ้ี อกเลา่ เร่อื งราวท่ีน่าสนใจ ต้ังแต่
เทพนยิ ายปรัมปราและสวนลอยแหง่ บาบโิ ลน (Hanging Gardens of Babylon) ซ่งึ มโี พรงขนาดใหญ่ รูป
แกะสลกั จากไมท้ ีง่ ดงามนา่ ท่ึง และงานศิลปะจากดอกไม้
ภาพ https://www.visitsingapore.com/th_th/see-do-singapore/nature-wildlife/parks-gardens/gardens-by-the-bay/
47
เรือนกระจกปรับอากาศ Flower Dome (ฟลาวเวอรโ์ ดม) และ Cloud Forest (คลาวด์ฟอเรสต)์ ซงึ่ มีชื่ออยู่
ในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์เมื่อปี 2558 ในฐานะเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังคากระจกที่ไม่มีอะไรค้าน้ี
ครอบคลุมพื้นที่กว้างโล่งซึ่งไม่มีเสาต้นใหญ่ขวางกั้นแต่อย่างใด นอกจากการออกแบบอันล้าสมัยแล้ว เรือนกระจก
เหล่านี้ยังใช้เทคโนโลยอี นั ทันสมยั เพือ่ ประสิทธภิ าพดา้ นพลังงานที่ดีย่ิงข้นึ
ภาพ : https://www.thaiza.com/travel/foreign/464801/
➢ Supertree Grove ตน้ ไม้ยกั ษ์ท่ีสร้างจากคอนกรีตและเหล็กทถ่ี ูกจัดแตง่ ให้เปน็ เหมือนหลังคาขนาดใหญ่
ที่ให้รม่ เงาในยามกลางวัน ทง้ั หมด 18 ตน้ มีความสูงประมาณ 25 – 50 เมตร บนยอดของตน้ ไม้บางตน้ มี
แผงโซลาร์เซลล์ที่จะนาพลงั งานแสงอาทิตย์มาใช้สาหรับพชื อนุรักษ์ด้านล่าง ส่วนลาต้นของ Supertree
นั้นห่อหุ้มด้วยโครงเหล็กที่มีต้นกาฝาก ไม้ดอก และเฟิร์นหลากหลายชนดิ เลื้อยพนั อยู่ และที่เป็นไฮไลท์
ของโซนนี้ก็คือทางเชื่อมระหว่าง Supertree ที่เรียกว่า OCBC Skyway ทางเดินลอยฟ้าที่มีความยาว
128 เมตร สงู จากพื้นดนิ ประมาณ 22 เมตร นกั ท่องเทีย่ วจะสามารถมองเห็นเสน้ ขอบฟ้าของอ่าวมารีน่า
ได้จากด้านบน และในยามค่าคืนสวนแห่งนี้จะมีชีวิตชีวาด้วยการแสดงแสงสีเสียงจากไฟประดับ
Supertree ทเ่ี รยี กว่า Garden Rhapsody ทจ่ี ะสร้างความตน่ื ตาตื่นใจและประทับใจให้แก่นักท่องเท่ียว
โดยจะมกี ารเปดิ ไฟ 2 รอบดว้ ยกันคือเวลา 19.45 น. และ 20.45 น. รอบละประมาณ 15 นาที