The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tritapohnj, 2022-03-22 08:05:33

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษพื้นฐาน

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 จานวน
2 คาบ
รหัสวชิ า อ21101 รายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน จานวน 1.5 หน่วยกิต
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5

ช้ัน มธั ยมศึกษาทป่ี ี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564
โรงเรียนสภาราชินี จงั หวัดตรัง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- ตอบคาถามจากการอา่ นได้
- เปรียบเทยี บการตาแหน่งของคาในประโยคภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทย
- พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั สัตวเ์ ล้ียงของตนเอง
- เขียนบรรยายเกย่ี วกบั สตั วเ์ ล้ียงของตนเองได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพ่อื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ
อ่านบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้ัน
มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มลู เกย่ี วกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ ่าง ๆ
ในชีวิตประจาวนั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน

ตวั ช้ีวดั พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม
ต 1.3 ม. 1/1 ใกลต้ วั

สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา

กับวฒั นธรรมไทยและนามาใช้อย่างถกู ต้องเหมาะสม
ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 1/1 บอกความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ การใช้

เคร่ืองหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาต่างประเทศ
และภาษาไทย
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเป็นเครื่องมือพ้ืนฐานในการศกึ ษาต่อ การประกอบอาชีพ และ
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กบั สังคมโลก
ตวั ช้ีวดั
ต 4.2 ม. 1/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ /คน้ ควา้ ความรู/้ ขอ้ มลู ต่าง ๆ จากส่ือและแหลง่ การ
เรียนรู้ตา่ ง ๆ ในการศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชีพ

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเขยี นเรียงความเป็นรูปแบบการเขียนอย่างหน่ึง ซ่ึงใช้เขยี นใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกบั ตนเองและเร่ือง

ตา่ ง ๆ ใกลต้ วั

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Nouns (hard scales, sharp teeth)
Adjectives (unusual, afraid of)
Preposition (beside)
Grammar: positions of adjectives
Functions: Talking about your pet

What is it?

It is a hamster.

2) Language Skills
Reading:
อา่ นเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ

Speaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ยี วกบั สตั วเ์ ล้ยี งของตนเอง

Writing: เขียนเกยี่ วกบั สัตวเ์ ล้ียงของตนเอง

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทางาน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
1. ครูทบทวนคาศพั ท์ โดยให้นกั เรียนเลม่ เกม Noughts and Crosses ครูเขยี นตาราง 9 ชอ่ งบนกระดาน

และเขยี นคาศพั ทช์ ื่อสัตวล์ งในตารางชอ่ งละ 1 คา จากน้นั ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น
2 ทีม ใหแ้ ข่งกนั เลน่ เกม โดยผลดั กนั เลือกคาศพั ทช์ ่ือสัตวแ์ ละพูดประโยคบอกว่าสตั วช์ นิดน้นั เป็น
สัตวเ์ ล้ยี ง สัตวป์ ่ า หรือสตั วท์ ีอ่ ยใู่ นฟาร์ม เช่น Bears are wild animals. ทมี ใดแต่งประโยคไดถ้ ูกตอ้ ง
มากท่สี ุดจะเป็นผชู้ นะ
2. ครูสุ่มถามคาถามนักเรียนเก่ียวกบั สตั วเ์ ล้ยี ง โดยถามวา่ Have you got any pet? What is it? What is
its name? เช่น

T: Aon, have you got any pets?
Aon: Yes, I have.
T: What is it?
Aon: It’s a rabbit.

T: What is its name?
Aon: Its name is Ruby.

ข้นั Presentation
1. ครูเขียนประโยค My dog is big. It has got brown fur. It is friendly. บนกระดาน โดยขดี เส้นใตค้ าว่า

big, brown, friendly และถามนกั เรียนว่าท้งั 3 คาน้ีเป็นคาชนิดใด (adjective) จากน้นั ครูให้นกั เรียนดู
ตาแหน่งของ adjective ทลี ะคา และบอกครูวา่ adjective ถูกวางไวใ้ นตาแหน่งใดบา้ ง (หลงั verb to
be และหนา้ คานาม)
2. ให้นกั เรียนอา่ น Study Skills เกย่ี วกบั ตาแหน่งของ adjectives ในประโยค แลว้ ครูยกตวั อยา่ ง
ประโยคเพิม่ เตมิ เช่น My cat is cute. It has got white fur. จากน้นั ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั คดิ วา่ ใน
ภาษาไทยจะวางตาแหน่งของ adjectives หรือคาคณุ ศพั ทใ์ นประโยคเหมือนกบั ภาษาองั กฤษหรือไม่

ข้นั Practice
1. ใหน้ กั เรียนดูรูปภาพและอา่ นประโยคแรกของบทอา่ น และเดาว่าเร่ืองทจ่ี ะไดอ้ ่านน่าจะเก่ยี วกบั อะไร

(someone has got an unusual pet)
2. หนังสือเรียน หน้า 65 Ex. 2 ให้นกั เรียนอ่านคาถามขอ้ ท่ี 1-6 แลว้ สรุปความหมายพร้อมแนวโนม้

ของคาตอบ หลงั จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทอ่านตามไปดว้ ย เม่อื ฟัง CD จบ ให้
นกั เรียนตอบคาถามที่กาหนดให้ เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ

1 Kheng is a crocodile.
2 It has got short legs, hard scales and very sharp teeth.
3 No, it can’t.
4 Kheng eats a lot of meat.
5 Kheng sleeps beside Prayoon’s bed.
6 Because Kheng sleeps next to Prayoon’s bed every night.

3. ครูถามคาถาม What animals do you think are unusual pets? ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความ-คิดเห็น
เชน่ I think snakes are unusual pets. ครูรวบรวมความคิดเห็นของนักเรียนและเขียนบนกระดาน

แลว้ ครูถามนักเรียนวา่ เราควรนาสัตวเ์ หล่าน้ีมาเป็นสัตวเ์ ล้ยี งหรือไม่ จากน้นั ใหน้ กั เรียนพิจารณา
ลกั ษณะของสัตวเ์ หลา่ น้ี และบอกครูว่าทาไมเราไมค่ วรนามาเป็นสัตวเ์ ล้ยี ง
4. หนังสือเรียน หน้า 65 Ex. 3 ใหน้ กั เรียนเรียงลาดบั คาท่กี าหนดให้เป็นประโยคท่ถี ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู
ตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยคคนละ 1 ประโยค

1 My rabbit is white.
2 Joe’s dog has got thick fur.
3 Grandma’s budgie is yellow.
4 My cat has got a long tail.
5 Your horse is beautiful.

ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 65 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนอ่านคาถามที่กาหนดให้ และชว่ ยกนั พดู คาถามเป็นภาษาไทย

แลว้ ครูให้เวลานกั เรียนเตรียมคาตอบ ถา้ ใครไมม่ สี ัตวเ์ ล้ยี ง ครูใหส้ มมตสิ ัตวเ์ ล้ียงของตนเอง จากน้นั
ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั พดู ถาม-ตอบเกยี่ วกบั สัตวเ์ ล้ยี งของตนเอง

1 It is a hamster.
2 Its name is Lucky.
3 It is two years old.
4 It has got white fur, big black eyes and sharp claws.
5 It can run very fast.
6 It eats nuts.
7 It is really cute.
8 I love it a lot.

2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 43 Exs. 1-2 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงที่ 2
ข้นั Warm up

ครูให้เวลานกั เรียน 1 นาที เขียนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั สตั วท์ ่เี ป็นสัตวเ์ ล้ยี งให้ไดม้ ากท่ีสุด เมื่อหมดเวลาให้
นกั เรียนเปรียบเทียบกบั เพอื่ นขา้ งเคียง จากน้นั ครูให้นกั เรียนทเ่ี ขยี นคาศพั ทไ์ ดม้ ากที่สุดอา่ นใหเ้ พอื่ น
ฟัง

ข้นั Pre-writing
1. ครูเอาภาพสตั วเ์ ล้ยี งมา 1 ภาพ เชน่ แมว แลว้ ครูเขียนหัวขอ้ ลงบนกระดาน พรอ้ มคาตอบ
Type of pet: cat

Name: Koko
Age: 4 months

What it looks like: long white hair, big black eyes, sharp teeth
What it can do: jump to the high wall

What it eats: fish
Your feeling about it: cute and friendly, love it very much

ครูให้นกั เรียนดูขอ้ มลู แลว้ เขยี นเป็นย่อหนา้
ย่อหนา้ ที่ 1 type of pet, name และ age
ย่อหนา้ ที่ 2 what it looks like, what it can do และ what it eats

ย่อหนา้ ที่ 3 your feelings about it
I’ve got a pet. It’s a cat. Its name is Koko and it is four months old.

It has got long white hair, big black eyes and sharp teeth. It can jump to the
wall. It eats fish.

It is very cute and friendly. I love it very much.
ครูให้นกั เรียนศกึ ษาประโยคในแต่ละย่อหนา้ แลว้ ให้สงั เกตคาท่ขี ีดเสน้ ใตข้ อง

ย่อหนา้ ท่ี 1 cat คือ type of pet Koko คือ name
four months old คอื age

ยอ่ หนา้ ท่ี 2 long white hair, big black eyes and sharp teeth คือ what it looks like
jump to the wall คอื what it can do fish คอื what it eats

ยอ่ หนา้ ที่ 3 cute and friendly และ love it very much คือ your feelings
2. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 65 Ex. 5 วา่ นกั เรียนจะไดเ้ ขยี นบรรยายส้นั ๆ เก่ยี วกบั สัตว์

เล้ียงของตนเองตามโครงร่างทีก่ าหนดให้ โดยใชค้ าตอบจาก Ex. 4 เป็นขอ้ มลู ในการเขยี น ความยาว
50-70 คา

ข้นั Writing
หนงั สือเรียน หน้า 53 Ex. 5 นกั เรียนเขียนบรรยายส้ัน ๆ เกี่ยวกบั สตั วเ์ ล้ยี งของตนเองตามโครงสร้าง
ที่กาหนดให้ เมือ่ นกั เรียนเขียนเสร็จแลว้ ให้ต้งั ช่ือเรื่องดว้ ย

My Furry Friend
I’ve got a pet. It’s a hamster. Its name is Lucky and it is two years old.
It has got white fur, big black eyes and sharp claws. It can run very fast.
It eats nuts.
It is really cute and I love it a lot.

ข้นั Post-writing
1. นกั เรียนตรวจทานงานเขยี นของตนเอง โดยดูการสะกดคา ไวยากรณ์ การใช้ capital letters การใช้

เครื่องหมายวรรคตอน และปรับแกง้ านเขยี นใหเ้ รียบร้อย โดยครูแจกกระดาษ A4 ใหน้ กั เรียนคนละ
1 แผน่ ให้นกั เรียนลอกงานเขยี นทแี่ กไ้ ขเรียบร้อยแลว้ ลงในกระดาษ และวาดภาพตกแตง่ เพือ่ เพม่ิ
ความน่าสนใจ โดยอาจจะตดิ ภาพสตั วเ์ ล้ยี งดว้ ยกไ็ ด้ เมือ่ ทางานเสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน
ออกมาอ่านให้เพอื่ นฟังท่หี นา้ ช้นั แลว้ นกั เรียนรวบรวมผลงานส่งครูตรวจ
2. นกั เรียนทา Self-Check 5 ในหนงั สือเรียน หนา้ 117
3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 43 Exs. 3-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวัดและการประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
วิธกี ารวดั

สงั เกตการเปรียบเทยี บการตาแหน่ง แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
ของคาในประโยคภาษาองั กฤษกบั
ภาษาไทย

สงั เกตการพดู ขอและให้ขอ้ มูล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
เกย่ี วกบั สัตวเ์ ล้ียงของตนเอง

ประเมนิ การเขียนบรรยายเกย่ี วกบั แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้
สตั วเ์ ล้ียงของตนเอง

สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน

ในการทางาน อนั พึงประสงค์

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1
3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7 จานวน
รหัสวชิ า อ21101 รายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน จานวน 1.5 หน่วยกิต 2 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5
ช้ัน มธั ยมศึกษาท่ีปี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564

โรงเรียนสภาราชินี จงั หวดั ตรัง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- ตอบคาถามจากการอ่านได้
- พูดอภิปรายเกีย่ วกบั ความหลากหลายทางชีวภาพได้
- คน้ ควา้ เกย่ี วกบั เก่ียวกบั เขต/พ้นื ท่คี ุม้ ครองในประเทศไทยและเขียนนาเสนอได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพือ่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหัวขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ
อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธิภาพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 1/5 พดู และเขียนแสดงความรู้สึก และความคดิ เห็นของตนเองเกีย่ วกบั เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั

กิจกรรมต่าง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตผุ ลส้นั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด

และการเขยี น
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 1/2 พูด/เขียนสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ (theme) ทไ่ี ดจ้ ากการวเิ คราะห์เรื่อง/

เหตกุ ารณ์ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม
สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อ่ืน

มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อนื่ และเป็ น
ตวั ช้ีวดั พ้ืนฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ต 3.1 ม. 1/1
คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจริงทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรูอ้ ่ืน
จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขยี น

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรูเ้ กย่ี วกบั ความหลากหลายทางชีวภาพ จะช่วยใหเ้ หน็ ถงึ ความสาคญั ของพนั ธุพ์ ชื และสัตว์

กอ่ ใหเ้ กดิ การอนุรกั ษแ์ ละความหวงแหนในการรักษาใหค้ งอยู่

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions
Vocabulary: Verbs (exist, preserve, cause)
Nouns (biodiversity, root, purpose)

Functions: Talking about biodiversity
What is biodiversity?

Biodiversity is different kinds of living things that live together in

2) Language Skills different natural surroundings.

Speaking: พดู อภิปรายเก่ียวกบั ความหลากหลายทางชีวภาพ

Reading: อ่านเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขยี นให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั เขต/พ้นื ทค่ี มุ้ ครองในประเทศไทย

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการใชค้ ดิ
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้

2) มุง่ มน่ั ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ครูถามนกั เรียนวา่ What countries in ASEAN have lots of sea animals? What countries have lots of
wild animals? Do you know natural sightseeing in ASEAN countries?

ข้นั Pre-reading
1. หนังสือเรียน หน้า 66 Ex. 1 นกั เรียนอ่านคาศพั ท์ 1-5 ครูบอกว่าคาศพั ทเ์ หล่าน้ีเป็นคาศพั ทท์ อ่ี ย่ใู น

บทอา่ น แลว้ ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่คาศพั ทก์ บั ความหมาย a-e เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ แลว้ ใหน้ กั เรียน
ช่วยกนั บอกความหมายของคาศพั ทเ์ ป็นภาษาไทย

1e 2c 3a 4b 5d

2. ครูนาเสนอคาศพั ทค์ าอน่ื ๆ ไดแ้ ก่ biodiversity, exist, root, purpose, preserve, cause โดยเขยี น
คาศพั ทบ์ นกระดาน พร้อมประโยคตวั อยา่ งและความหมาย หลงั จากน้นั ครูให้นกั เรียนบอก
ความหมายเป็นภาษาไทย สาหรบั ห้องที่มีนกั เรียนเก่งครูใหน้ กั เรียนขดี เสน้ ใตค้ าศพั ทใ์ นบทอ่าน
แลว้ ฝึกเดาความหมายจากบริบทขา้ งเคยี ง

ข้นั Reading
หนังสือเรียน หน้า 66 Ex. 2 ให้นกั เรียนอ่านประโยคที่กาหนดให้ และขีดเสน้ ใตค้ าสาคญั ในประโยค
จากน้นั อ่านบทอา่ นเพือ่ มองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาทีม่ คี วามหมายตรงกนั ขา้ ม
(opposite) หรือกลมุ่ คา/วลี ทีม่ คี วามหมายเหมือนกนั หรือตา่ งกนั กบั คาสาคญั ทขี่ ดี เสน้ ใตไ้ ว้ จากน้นั
ตอบว่าประโยคถกู หรือผดิ

1T 2T 3F 4T 5F

ข้นั Post-reading

1. หนงั สือเรียน หน้า 66 Ex. 3 ให้นกั เรียนหาคาศพั ท์ 3 คา ที่ข้ึนตน้ ดว้ ย “bio” พรอ้ มท้งั ความหมายใน
พจนานุกรม เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5 คน บอกคาศพั ทท์ ี่ตนเองคน้ หาได้

1 Biochemistry
It means the scientific study of the chemistry of living things.

2 Biodiesel
It means a type of fuel made from plant or animal material and used
in diesel engines.

3 Biography
It means the story of a person’s life written by somebody else.

2. หนงั สือเรียน หน้า 66 Ex. 4 ครูใหน้ กั เรียนอ่านคาถามพร้อมกนั แลว้ ครูช่วยอธิบายคาถามทน่ี กั เรียน
ไมเ่ ขา้ ใจ จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั พูดอภปิ รายคาถามเหล่าน้ี

A: What is biodiversity?
B: Biodiversity is different kinds of living things that live together in different

natural surroundings.
A: Why must we preserve it?
B: Because it’s important for living things. They must rely on each other.
A: That’s right. Animals need food. The loss of a plant can cause the other animals.
B: Do you think what the causes of the loss of biodiversity are?
A: I think cutting down trees. It causes the animals don’t have food and habitats.

What about you?
B: I think changing climate. Rising temperature can be dangerous plants and

animals.
A: What can we do to help protect biodiversity?
B: Plant the trees.
A: Recycle, reuse and reduce plastic bags.

กิจกรรมเพิม่ เตมิ
ครูใหน้ กั เรียนอภิปรายร่วมกนั วา่ เราจะช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพไวไ้ ดอ้ ย่างไร เช่น ลด
การใชพ้ ลงั งาน ลดการใชก้ ระดาษและถุงพลาสตกิ เขา้ ร่วมกจิ กรรมของโรงเรียนหรือชมุ ชนท่ีมี
วตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ช่วยปลกู ป่ า เมื่ออภปิ รายเสร็จแลว้ ครูแนะนาใหน้ กั เรียนนาวธิ ีทีร่ ่วมกนั อภปิ รายไป
ปฏิบตั ิ เพ่ือเป็นแบบอย่างใหค้ นใกลต้ วั แลว้ ครูบอกนกั เรียนว่าการมสี ่วนร่วมเพ่อื ทาประโยชน์ให้
ส่วนรวมแสดงวา่ นกั เรียนเป็นผทู้ มี่ ีจิตสาธารณะ

3. หนังสือเรียน หน้า 66 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 3-4 คน คน้ ควา้ ขอ้ มูลจากอนิ เทอร์เนต็
เกีย่ วกบั เขต/พ้ืนท่ีคมุ้ ครองในประเทศไทย แลว้ นาขอ้ มูลมาเขียนบรรยาย นกั เรียนอาจจะหาภาพมา
ตดิ ประกอบดว้ ยก็ได้ จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 4-5 กลุ่ม นาเสนอหนา้ ช้นั เรียน

In Thailand, there are many protected areas. One of them is the Thungyai Naresuan
Wildlife Sanctuary and Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuary in Uthai Thani,
Kanchanaburi and Tak Provinces. They were listed as a UNESCO World Heritage
Site in 1991. They have various rare and endangered animals, such as wild
buffaloes, rhinoceros, wild elephants, tapirs, leopards, wild bulls etc.

7. การวดั และการประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
วธิ ีการวัด

ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น สมดุ นกั เรียน ร้อยละ 60

สังเกตการพูดอภิปรายเกีย่ วกบั ความ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
หลากหลายทางชีวภาพ

ประเมินการคน้ ควา้ และเขียนนาเสนอ แบบประเมนิ การสารวจ/คน้ ควา้ ระดบั คุณภาพ พอใช้
เกยี่ วกบั เขต/พ้นื ท่ีคมุ้ ครองในประเทศ
ไทย

สังเกตความใฝ่เรียนรูแ้ ละความมุ่งมน่ั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน

ในการทางาน อนั พึงประสงค์

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 3) พจนานุกรมออนไลน์
1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 4) อนิ เทอร์เนต็
2) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8 จานวน
รหสั วชิ า อ21101 รายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน จานวน 1.5 หน่วยกิต 2 คาบ

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5
ช้ัน มธั ยมศกึ ษาที่ปี 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2564

โรงเรียนสภาราชินี จังหวัดตรัง

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- ทบทวนคาศพั ทแ์ ละไวยากรณท์ เ่ี รียนมาแลว้ ในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 5
- เขยี น quiz เก่ยี วกบั เน้ือหาท่ีเรียนมาแลว้ ได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพื่อการสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ วั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ

อา่ นบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้ัน
สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้

อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 1/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ

2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การรูแ้ ละเขา้ ใจคาศพั ท์ โครงสร้างภาษา ชว่ ยให้พดู /เขียนส่ือสาร และเขา้ ร่วมกจิ กรรมทางภาษาได้

อย่างเหมาะสม

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: คาศพั ทใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 5

Grammar: ไวยากรณใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 5
2) Language Skills

Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ

Writing: เขยี น quiz เกี่ยวกบั เน้ือหาที่เรียนมาแลว้

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- มุง่ มน่ั ในการทางาน

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm up
ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคาศพั ทท์ ี่เรียนในหน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5 แลว้ ครูใหน้ กั เรียนเลน่ เกม Beginning
with โดยแบ่งนกั เรียนออกเป็น 5 ทีม จากน้นั ครูอธิบายวา่ ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคาศพั ทช์ ื่อสตั ว์
หรือส่วนตา่ ง ๆ ของสัตวท์ ่ีข้ึนตน้ ดว้ ยตวั อกั ษรท่ีครูบอก เช่น
T: Can you tell me an animal beginning with E? Team A
Team A: Eagle
T: Can you tell me a part of animal beginning with F? Team B
Team B: Fur

ข้นั Presentation
1. ให้นกั เรียนบอกไวยากรณท์ ี่เรียนในหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 แลว้ ครูเขียนบนกระดานในรูปของ

mind map จากน้นั ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั บอกโครงสร้างและหลกั การใช้

Adverbs of ไวยากรณ์ Adverbs of
degree หน่วยการ frequency
เรียนรู้ที่ 5 Prepositions
Comparatives
& Superlatives of time

2. ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทีม แลว้ ครูพดู adjective ใหแ้ ตล่ ะทีมผลดั กนั แต่งประโยคเปรียบเทยี บ
หรือแตง่ ประโยคโดยใช้ adverbs of degree ทมี ใดแต่งประโยคถูกตอ้ งจะได้ 1 คะแนน สุดทา้ ย
ทีมที่ไดค้ ะแนนมากท่สี ุดจะเป็นผชู้ นะ เชน่
T: Strong, Team A
Team A: An elephant stronger than a giraffe.
T: Correct. Team A gets 1 point.
Fast, Team B
Team B: A cheetah is extremely fast.

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 68 Ex. 1 ใหน้ กั เรียนอา่ นคาใบแ้ ละเตมิ คาลงในตารางอกั ษรไขว้ จากน้นั ครู

สุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ พร้อมท้งั สะกดคา

Across Down
3 sheep 1 horse
5 cow 2 chimpanzee
7 squirrel 4 chicken
8 hamster 6 bear

10 eagle 9 elephant
11 rabbit

2. หนังสือเรียน หน้า 68 GAME ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทีม เพื่อเลน่ เกม โดยใหท้ มี หน่ึงบอกขอ้ มลู
เกีย่ วกบั สตั ว์ 1 ชนิด ทเี่ รียนในหน่วยการเรียนรู้น้ี และใหอ้ ีกทีมหน่ึงทายว่าคือสตั วช์ นิดใด ทีมใด
ทายชื่อสัตวถ์ กู ตอ้ งจะได้ 1 คะแนน ทีมท่ีไดค้ ะแนนมากท่ีสุดจะเป็นผชู้ นะ

Team A S1: It is the national animal of Australia?
Team B S1: The Kangaroo.

3. หนังสือเรียน หน้า 68 Ex. 2 นกั เรียนทา quiz โดยห้ามเปิดดูเน้ือหา เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนเปรียบเทยี บ
คาตอบกบั เพ่ือน จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ

1T
2 F (The Giant Panda is the national animal of China.)
3T
4T
5 F (Puffer fish are small and round.)
6 F (Kangaroos can hop fast.)

4. หนังสือเรียน หน้า 68 Ex. 4 ครูให้เวลานกั เรียน 1 นาที เขียนคาศพั ทช์ ่ือสัตวใ์ หไ้ ดม้ ากทส่ี ุด เม่ือหมด
เวลาครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน อ่านคาศพั ทข์ องตนเอง

tiger, hamster, elephant, bear, chicken, flamingo, rabbit, eagle, squirrel, cow, sheep,
horse, parrot etc.
จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเพลงและดเู น้ือเพลงตามไปดว้ ย เม่อื ฟังเพลงจบครูถามวา่ Which
animals are in the song? Which animals are in the pictures? แลว้ ครูเปิ ด CD อกี คร้ัง ให้นกั เรียนรอ้ ง
เพลงตาม

6. หนังสือเรียน หน้า 67 O-NET practice ครูให้เวลานกั เรียนทาขอ้ สอบ เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบร่วมกนั
ถา้ นกั เรียนไมเ่ ขา้ ใจ ให้ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ

Ex. 1 1 A b, B d 2 A c, B c 3 A d, B c 5a
Ex. 2 1 c 2 a 3 d 4 c

ข้นั Production
หนงั สือเรียน หน้า 68 Ex. 3 นกั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ครูแจกกระดาษใหค้ ูล่ ะ 1 แผ่น ใหแ้ ต่ละคูค่ ดิ
คาถาม quiz 5-6 ขอ้ เกย่ี วกบั เน้ือหาในหน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5 เชน่ A giraffe has a short neck. (F) ครูให้
นกั เรียนเปิ ดดเู น้ือหาได้ และใหน้ กั เรียนเขียนคาตอบไวด้ า้ นหลงั กระดาษ เมื่อทุกคคู่ ดิ คาถามเสร็จ
แลว้ ให้แลกกนั ทา quiz กบั คูอ่ ่นื

1 Goats have horns. (T)
2 Octopuses have two hearts. (F)
3 Kangaroos live in Australia. (T)
4 Ypres is in France. (F)
5 The Elephant Festival takes place in China. (F)
6 The Lionfish has poisonous spines. (T)

7. การวดั และการประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
วธิ กี ารวัด รอ้ ยละ 60

ตรวจการเขียน quiz เกยี่ วกบั เน้ือหา - ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
ในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 5

สังเกตความมุง่ มนั่ ในการทางาน แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ

อนั พึงประสงค์

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชดุ SPARK 1 ม. 1

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 จานวน
1 คาบ
รหัสวิชา อ21101 รายวิชา ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน จานวน 1.5 หน่วยกิต
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5

ช้ัน มธั ยมศึกษาที่ปี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564
โรงเรียนสภาราชินี จงั หวัดตรัง

1 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพื่อการส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้ัน ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การ
อา่ น
ต 1.1 ม. 1/3 เลอื ก/ระบปุ ระโยคและขอ้ ความให้สัมพนั ธ์กบั ส่ือท่ไี มใ่ ชค่ วามเรียง (non-text
information) ที่อา่ น
ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ วั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ
อ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธิภาพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลีย่ นขอ้ มูลเกย่ี วกบั ตนเอง กจิ กรรม และสถานการณต์ ่าง ๆ
ในชีวิตประจาวนั
ต 1.2 ม. 1/4 พูดและเขียนเพอ่ื ขอและให้ขอ้ มูล และแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั เร่ืองทฟ่ี ังหรืออา่ น
อย่างเหมาะสม
ต 1.2 ม. 1/5 พดู และเขยี นแสดงความรูส้ ึก และความคดิ เหน็ ของตนเองเกีย่ วกบั เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั
กจิ กรรมตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ใหเ้ หตุผลส้ัน ๆ ประกอบอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน

ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขยี นบรรยายเกีย่ วกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม

ใกลต้ วั
ต 1.3 ม. 1/2 พดู /เขยี นสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ (theme) ทไ่ี ดจ้ ากการวิเคราะหเ์ ร่ือง/

เหตกุ ารณท์ ่อี ยู่ในความสนใจของสังคม
ต 1.3 ม. 1/3 พดู /เขียนแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั กิจกรรมหรือเรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั พรอ้ มท้งั ให้

เหตุผลส้นั ๆ ประกอบ
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้

อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตวั ช้ีวดั
ต 2.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกริ ิยาท่าทางสุภาพเหมาะสมตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรม

ของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ม. 1/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ

มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม

ตวั ช้ีวดั
ต 2.2 ม. 1/1 บอกความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดตา่ ง ๆ การใช้

เครื่องหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสรา้ งประโยคของ
ภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย
สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อืน่
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื และเป็ น
พน้ื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจริงทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรูอ้ ื่น
จากแหลง่ การเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขยี น
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชมุ ชน และสังคม
ตวั ช้ีวดั
ต 4.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองทเี่ กดิ ข้ึนในหอ้ งเรียนและ
สถานศกึ ษา

มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมือพ้ืนฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ
การแลกเปล่ยี นเรียนรู้กบั สังคมโลก

ตวั ช้ีวดั ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ /คน้ ควา้ ความรู้/ขอ้ มูลต่าง ๆ จากสื่อและแหลง่ การ
ต 4.2 ม. 1/1 เรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชีพ

2 สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเรียนรู้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้างภาษา จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจและบอกรายละเอยี ดของเร่ืองท่ี

อา่ นและฟังได้ นอกจากน้ียงั สามารถนาสิ่งทีเ่ รียนรู้ไปใชใ้ นการพูดและเขยี น แลกเปลี่ยนขอ้ มลู เก่ียวกบั
ตนเอง ผูอ้ ่นื สตั ว์ และส่ิงใกลต้ วั ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม รวมถึงเป็นพ้นื ฐานในการคน้ ควา้ หาขอ้ มลู
เพิม่ เติมเก่ยี วกบั เทศกาล ตลอดจนเหน็ ถงึ ความสาคญั ของการอนุรกั ษพ์ นั ธุพ์ ชื และสัตว์ และมีความเขา้ ใจ
ในมารยาทและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

3 สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Animals (cow, horse, eagle, bear, sheep, fox, chimpanzee, rabbits,
squirrel, duck, elephant, chicken, hamster)
Parts of animals (mouth, eyes, fin, tail, scales, horns, ears, body, legs,
fur, hooves, head, beak, feathers, claws, wings, tail, mouth, nose, ears,
teeth, neck)
Adjectives describing animals (long, small, sharp, big, thick, wide, thin)
Expressing fear (I’m afraid of …, Get it away from me!, Are you sure it’s
safe?, Oh my goodness!)
Calming down (Don’t be silly!, Would you like to try?)
Verbs (hide, wear, cover, let off fireworks, crown, respect, compete in,
last, perform, do tricks, hop, kick, exist, preserve, cause)
Nouns (spikes, stomach, beak, coral reefs, rocks, pyjamas, coat, spines,
weekend, treasure hunt, parade, colourful floats, music band, forests,

Grammar: grasslands, plants, claws, bamboo, hard scales, sharp teeth, biodiversity,
Functions: root, purpose)
Adjectives (unique, poisonous, clumsy, colourful, historic, national,
Pronunciation: strong, hard, heavy, round, sharp, unusual, afraid of)
Preposition (beside)
Quantifier (millions)
Phrases (home to, don’t miss it)

Adverbs of frequency
Prepositions of time
Comparatives & Superlatives
Adverbs of degree
positions of adjectives

Describing animals
There’s a poster, a bed, pillows, a desk, a wardrobe and a bookcase in
the bedroom.
Talking about habits
How often do you eat fish?
I sometimes eat fish.
Talking about festivals
The Cat Festival takes place in Ypres, Belgium.
Expressing fear
What’s wrong?
I’m afraid of snakes.
Talking about your pet
What is it?
It is a hamster.
Talking about biodiversity
What is biodiversity?
Biodiversity is different kinds of living things that live together in
different natural surroundings.
/ɔ:/: boring, chore

/ɑ:/: park, arm

2) Language Skills
Listening:
ฟังเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ

Speaking: พดู ขอและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั สตั ว,์ พดู เปรียบเทียบสตั ว,์ พูดขอและให้

ขอ้ มูลเก่ยี วกบั นิสัยในการทาส่ิงต่าง ๆ, พูดนาเสนอเกีย่ วกบั เทศกาลที่
เกี่ยวขอ้ งกบั สตั ว,์ พูดสนทนาตามสถานการณท์ ่ีกาหนด, พดู ขอและให้

ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สตั วเ์ ล้ยี งของตนเอง, พูดอภิปรายเก่ียวกบั ความหลากหลาย
ทางชีวภาพ

Reading: อา่ นเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ, อา่ นออกเสียงบทสนทนา

Writing: เขียนบรรยายเกีย่ วกบั สตั ว,์ เขยี นเกยี่ วกบั นิสยั ของสมาชิกในครอบครัว,

เขียนเปรียบเทยี บสัตว,์ เขียนให้ขอ้ มลู เกยี่ วกบั เทศกาลจากเรื่องที่อ่าน, แต่ง

บทสนทนาตามสถานการณ์ทก่ี าหนด, เขียนบรรยายเกี่ยวสัตวป์ ระจาชาติ
ของไทย, เขยี นเก่ยี วกบั สตั วเ์ ล้ียงของตนเอง, เขียนใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั เขต/
พ้นื ท่คี ุม้ ครองในประเทศไทย

4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน

1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1) ใฝ่เรียนรู้
2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน

6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

1) คน้ ควา้ ขอ้ มูลเกยี่ วกบั สัตวท์ ีช่ ่ืนชอบ แลว้ เขยี น fact file
2) คน้ ควา้ และพูดนาเสนอเกย่ี วกบั เทศกาลทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั สัตว์
3) อา่ นออกเสียงบทสนทนา
4) แตง่ บทสนทนาตามสถานการณท์ กี่ าหนด
5) พูดสนทนาตามสถานการณท์ ีก่ าหนด
6) เขยี นบรรยายเกย่ี วกบั สัตวป์ ระจาชาตขิ องไทย

7) คน้ ควา้ ขอ้ มูลเกี่ยวกบั สตั วป์ ระจาชาติของประเทศสมาชิกอาเซียนและพดู นาเสนอ
8) เขยี นบรรยายเกย่ี วกบั สัตวเ์ ล้ยี งของตนเอง
9) คน้ ควา้ และเขยี นนาเสนอเก่ียวกบั เขต/พ้นื ท่คี มุ้ ครองในประเทศไทย
7 การวดั และการประเมินผล

7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน
7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
7.3 การประเมนิ หลงั เรียน
7.4 การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 จานวน
รหสั วชิ า อ21102 รายวิชา ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน จานวน 1.5 หน่วยกติ 2 คาบ

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 5
ช้ัน มธั ยมศึกษาที่ปี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564

โรงเรียนสภาราชินี จังหวัดตรัง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- ตอบคาถามและเขยี นใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกบั เร่ืองท่อี า่ นได้
- เขยี นบรรยายเกย่ี วกบั สัตวไ์ ด้
- คน้ ควา้ และเกย่ี วสตั วป์ ระจาชาตขิ องประเทศอ่ืนและนาเสนอได้
- พูดขอและใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั สัตวไ์ ด้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ
อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธิภาพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง กจิ กรรม และสถานการณต์ า่ ง ๆ
ในชีวติ ประจาวนั
ต 1.2 ม. 1/4 พดู และเขยี นเพื่อขอและใหข้ อ้ มลู และแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั เร่ืองท่ีฟังหรืออ่าน
อยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด
และการเขียน

ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม

ใกลต้ วั
สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื และเป็ น

พื้นฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตวั ช้ีวดั
ต 3.1 ม. 1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจริงทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรูอ้ ่นื

จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเรียนรูค้ าศพั ทเ์ ก่ียวกบั สตั ว์ จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจและบอกรายละเอียดของเร่ืองทอี่ ่านได้ นอกจากน้ี

ยงั สามารถนาคาศพั ทท์ เ่ี รียนไปใชพ้ ูดและเขียนให้ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สัตวท์ ่ชี ื่นชอบไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: Animals (cow, horse, eagle, bear, sheep, fox, chimpanzee, rabbits,
squirrel, duck, elephant, chicken, hamster)
Parts of animals (mouth, eyes, fin, tail, scales, horns, ears, body, legs,
fur, hooves, head, beak, feathers, claws, wings, tail, mouth, nose, ears,
teeth, neck)
Adjectives describing animals (long, small, sharp, big, thick, wide, thin)
Verbs (hide, wear, cover)
Nouns (spikes, stomach, beak, coral reefs, rocks, pyjamas, coat, spines)
Adjectives (unique, poisonous, clumsy, colourful)
Quantifier (millions)
Phrase (home to)
Functions: Describing animals
There’s a poster, a bed, pillows, a desk, a wardrobe and a bookcase in
the bedroom.

2) Language Skills

Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ

Speaking: พูดขอและให้ขอ้ มลู เกยี่ วกบั สัตว์

Reading: อ่านเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขียนบรรยายเกยี่ วกบั สัตว์

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1) ใฝ่เรียนรู้
2) มุ่งมนั่ ในการทางาน

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงท่ี 1

ข้นั Warm up
1. ใหน้ กั เรียนอ่านชื่อหน่วยการเรียนรู้ (Great Animals) ในหนงั สือเรียน หนา้ 57 แลว้ เดาว่าน่าจะได้

เรียนเกีย่ วกบั อะไร
2. Find the page numbers for หน้า 57 นกั เรียนอ่านคาท่กี าหนด แลว้ ครูอธิบายคาวา่ fact file และ

quotation
fact file (n) = a piece of information that is known to be true (ขอ้ มูลทเ่ี ป็นจริง)
quotation (n) = a sentence or phrase taken from a book, play, speech and repeated
because it is interesting or useful (คาพดู ท่ียกมาจากหนงั สือ บทละคร
สุนทรพจน์)

จากน้นั ให้นกั เรียนหาว่าภาพทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั คาเหล่าน้ีอยู่ในหนงั สือเรียนหน้าใด เม่อื หาพบแลว้ ครู
ถามคาถามเพอื่ ดึงความสนใจของนกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน

a quiz (p. 68)
Do you like to do quizzes? Are you good at quizzes?
a fact file about a bird (p. 59)
Where can you see fact files? What do they tell us?
a quotation (p. 62)
Do you know any famous quotations? Which ones?
Do you think quotations are useful? Why (not)?

ข้นั Pre-reading
1. หนงั สือเรียน หน้า 57 Ex. 1 ครูเปิด CD ใหน้ กั เรียนฟังคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั สตั วแ์ ละออกเสียงตามพรอ้ ม

กนั 2 คร้งั จากน้นั ชว่ ยกนั บอกชื่อสัตวเ์ หลา่ น้ีเป็นภาษาไทย
2. หนงั สือเรียน หน้า 57 Ex. 2 ครูเขยี นหวั ขอ้ domestic, wild, pet บนกระดาน และอธิบายความหมาย

แลว้ ใหน้ กั เรียนลอกหัวขอ้ เหล่าน้ีลงในสมดุ และแยกสัตวใ์ นภาพตามหัวขอ้ ให้ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู
เฉลยคาตอบบนกระดาน ให้นกั เรียนแลกกนั ตรวจกบั เพือ่ น

domestic: cow, horse, sheep, duck, chicken
wild: horse, eagle, bear, fox, chimpanzee, rabbit, squirrel, elephant
pet: rabbit, hamster

จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน ใหพ้ ูดบอกวา่ สตั วแ์ ตล่ ะชนิดอาศยั อยู่ท่ีใด

Cows are domestic animals. They live on a farm.
Horses are domestic animals. They live on a farm.
Eagles are wild animals. They live in the wild.

Bears are wild animals. They live in the wild.
Elephants are wild animals. They live in the wild.
Hamsters are pets. They live in a house.
3. หนังสือเรียน หน้า 57 Ex. 3 ครูเปิด CD ให้นกั เรียนฟังเสียงสตั ว์ และระบวุ ่าเสียงที่ไดย้ ินเป็นเสียง
ของสตั วช์ นิดใดบา้ ง

cow, horse, duck, chicken, sheep, elephant

4. นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 58 และชว่ ยกนั อธิบาย
ความหมาย ถา้ คาใดนกั เรียนไมร่ ู้ ครูชว่ ยอธิบายหรือใหน้ กั เรียนเปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม
เชน่
unique (adj) = being the only one of its kind (มีลกั ษณะเฉพาะ)
spike (n) = a thin object with a sharp point (หนามแหลม)
clumsy (adj) = moving or doing things in a very awkward way (งมุ่ ง่าม, เชื่องชา้ )
beak (n) = the hard part of a bird's mouth (จงอยปากนก)
pyjamas (n) = a loose jacket and trousers worn in bed (ชดุ นอน)
spine (n) = any of the sharp pointed parts like needles on some plants and animals
(หนาม)

5. หนังสือเรียน หน้า 58 Ex. 1 นกั เรียนดูภาพปลาชนิดต่าง ๆ ครูถามว่ารู้จกั ชื่อหรือขอ้ มลู เก่ยี วกบั ปลา
เหลา่ น้ีหรือไม่ แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั ต้งั คาถามเกี่ยวกบั ปลาเหล่าน้ี ชนิดละ 1 คาถาม โดยครูเขียน
คาถามบนกระดาน

Can the puffer fish swim fast? No, it can’t.
Where does the parrotfish live? The parrotfish lives near coral reefs.
Is the lionfish dangerous? Yes, the lionfish has poisonous spines.

ข้นั Reading
1. ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทอ่านตามไปดว้ ย เพ่ือหาคาตอบของคาถามบนกระดาน แลว้ ครู

ถามวา่ มีคาตอบหรือไม่ ถา้ มี ให้นกั เรียนรายงานคาตอบ

2. หนงั สือเรียน หน้า 58 Ex. 2 นกั เรียนอ่านคาถามท่ีกาหนดให้ และชว่ ยกนั บอกว่าแต่ละขอ้ จะตอบ
เกีย่ วกบั อะไร จากน้นั นกั เรียนอ่านบทอา่ นเพือ่ หาเน้ือเร่ืองส่วนทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั คาถาม เม่อื พบแลว้ อา่ น
ใหเ้ ขา้ ใจและตอบคาถาม เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ

1 They are small and round with spikes.
2 They puff themselves up like a big balloon and frighten other fish away.
3 It looks like a parrot’s beak.
4 They live near coral reefs.
5 They sleep under or between rocks.
6 They hunt at night.
7 It has got poisonous spines.

ข้นั Post-reading
1. หนังสือเรียน หน้า 58 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นประโยค แลว้ เลือกคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words

มาเติมลงในชอ่ งวา่ ง เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ

1 home to 2 spikes 3 coral reefs
4 hide 5 spines

2. หนงั สือเรียน หน้า 58 Ex. 4 นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน แลว้ จบั คกู่ บั เพื่อนช่วยกนั คดิ และเขียนขอ้ มูลท่ี
จาไดจ้ ากบทอ่าน จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน พูดขอ้ มูลทีจ่ าไดใ้ หเ้ พื่อนในช้นั ฟัง

Puffer fish are poisonous. They have spikes. They are clumsy but clever.
The parrotfish has a lot of teeth. They live near coral reefs. They hide under
rocks.
The lionfish has got lots of spines. They live alone and hunt at night.

3. ใหน้ กั เรียนอ่านขอ้ ความในกรอบ Amazing Fact! แลว้ ครูถามว่ามีขอ้ มูลอะไรเกี่ยวกบั สัตวท์ ี่นกั เรียน
รู้และอยากจะแบ่งปันกบั เพ่ือนในช้นั ใหน้ กั เรียนเสนอขอ้ มลู ได้

4. นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 3-4 คน แลว้ ให้แต่ละกลมุ่ ไปคน้ ควา้ คาศพั ทเ์ ก่ยี วกบั สตั วก์ ล่มุ ละ 10 คา
เชน่ camel, seal, leopard แลว้ จดั ทาเป็นบตั รภาพคาศพั ทข์ นาด 6 × 6 นิ้ว โดยให้นกั เรียนวาดภาพ
หรือติดภาพสัตวไ์ วด้ า้ นหนา้ และเขียนคาศพั ทไ์ วด้ า้ นหลงั บตั ร

5. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 36 Ex. 1 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

ชั่วโมงที่ 2
ข้นั Warm up

ครูถามความคิดเหน็ ของนักเรียนเก่ียวกบั ปลาท้งั 3 ชนิดในบทอ่าน หนา้ 58 โดยเขยี นคาถาม Which
fish is the most dangerous? Which fish is the most beautiful? Which fish does look funny? บน
กระดาน จากน้นั สุ่มถามคาถาม โดยให้นกั เรียนพูดแสดงความคิดเหน็ โดยใชโ้ ครงสรา้ ง I think …

T: Which fish is the most dangerous?
S1: I think lionfish is the most dangerous.

ข้นั Presentation
1. หนังสือเรียน หน้า 59 Ex. 5 ครูเปิด CD ใหน้ กั เรียนฟังคาศพั ทเ์ กีย่ วกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของสตั ว์ แลว้ ออก

เสียงตามพรอ้ มกนั พรอ้ มท้งั ดูภาพและทีละคน จากน้นั ให้นกั เรียนพูดส่วนต่าง ๆ ของสตั วเ์ ป็น
ภาษาไทย
2. ครูนาเสนอ adjectives ท่ใี ชบ้ อกลกั ษณะของสัตว์ ไดแ้ ก่ long, short, small, sharp, big, thick, wide,
thin โดยให้นกั เรียนดูภาพสตั วใ์ นหนงั สือเรียน หนา้ 57 แลว้ ครูพดู บอกลกั ษณะของสตั ว์ เชน่ An
elephant has got big ear. An eagle has got sharp claws. แลว้ ใหน้ กั เรียนสรุปความหมาย หาก
นกั เรียนสรุปไมไ่ ด้ ครูอธิบายเพมิ่ เติมพรอ้ มท้งั ช้ีส่วนต่างๆ ของสตั วต์ ามทพี่ ดู ดว้ ย จากน้นั ครูสุ่มเรียก
นกั เรียน 3-4 คน พูดบอกลกั ษณะของสัตวค์ นละ 1 ประโยค

ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 59 Ex. 6a ใหน้ กั เรียนดภู าพ และใชค้ าคุณศพั ทท์ ี่กาหนดใหเ้ ตมิ ลงในช่องวา่ งให้

เหมาะสมกบั ลกั ษณะส่วนตา่ ง ๆ ของสัตว์ เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ

Parrot 3 sharp claws 5 thick fur
1 sharp beak 4 long tail
2 small body
Bear 3 small ears
1 wide mouth 4 sharp teeth
2 big nose
3 small head
Giraffe 4 long legs
1 long neck
2 thin tail

2. หนังสือเรียน หน้า 59 Ex. 6b ให้นกั เรียนเลือกสตั วไ์ วใ้ นใจคนละ 1 ชนิด แลว้ จบั คู่กนั พดู ถาม-ตอบ
เพื่อทายว่าสตั วท์ ี่คู่ของตนเลือกคืออะไร กอ่ นทากิจกรรมครูให้นกั เรียนอ่านตวั อยา่ งการถาม-ตอบ
พรอ้ มกนั และให้นกั เรียนใชค้ าศพั ทท์ ่เี รียนใน Ex. 5 และ Ex. 6a ในการถามคาถาม ครูเดนิ สังเกต
รอบ ๆ ช้นั เรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 4-5 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบท่ีหนา้ ช้นั

A: Has it got a long neck?
B: No, it hasn’t.
A: Has it got thick fur?
B: Yes, it has.
A: Has it got a wide mouth?
B: Yes, it has.
A: Is it a bear?
B: Yes, it is.

3. หนังสือเรียน หน้า 59 Ex. 7 ใหน้ กั เรียนดูขอ้ มูลในกรอบ fact file แลว้ คิดว่าขอ้ มลู อะไรทขี่ าดหายไป
ในแตล่ ะชอ่ ง (1 colour, 2 a part of animal, 3 adjective 4 a part of animal, 5 weight, 5 food,

6 number) จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและเติมขอ้ มูลที่ขาดหายไป ครูอาจเปิ ด CD ใหน้ กั เรียน
ฟัง 2 คร้ัง เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ ให้นกั เรียนแลกกนั ตรวจกบั เพอื่ น

1 black 4 wings 7 20-30
2 beak 5 65
3 (very) sharp 6 fish

ข้นั Production
1. หนงั สือเรียน หน้า 59 Ex. 8 ให้นกั เรียนคน้ ควา้ ขอ้ มูลของสัตว์ 1 ชนิด ท่ีตนเองชื่นชอบจาก

อนิ เทอร์เนต็ หรือสารานุกรม แลว้ นาขอ้ มลู มาเขียน fact file โดยดู fact file ใน Ex. 7 เป็นตน้ แบบ
ครูอาจใหน้ กั เรียนเตรียมขอ้ มูลไวแ้ ลว้ เมอ่ื เขยี นเสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลายๆ คน ออกมา
นาเสนอที่หนา้ ช้นั

Name: penguin
Colour: black and white
Has got: thick feathers, big body, wings, small head, long beak
Can/Can’t: can swim, can’t fly
Eats: fish
Lives for: about 20 years

Penguins are black and white. They have got thick feathers, a big body, wings, a
small head and a long beak. They can swim but they can’t fly. They eat fish and
they live about 20 years.

2. นกั เรียนทา Language Review 5a Exs. 1-2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 109 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 36-37 Exs. 2-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวดั และการประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
แบบฝึกหดั (Workbook) รอ้ ยละ 60
วิธกี ารวดั สมดุ นกั เรียน -

ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน บตั รภาพคาศพั ท์ -
ตรวจการเขยี นให้ขอ้ มลู ทจี่ าไดจ้ าก
บทอา่ น แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ตรวจการทาบตั รภาพคาศพั ทเ์ กย่ี วกบั
สัตว์ แบบประเมินการสารวจ/คน้ ควา้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
สังเกตการพูดขอและให้ขอ้ มลู เกยี่ วกบั
เก่ียวกบั สตั ว์ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน
ประเมนิ การคน้ ควา้ ขอ้ มูลเกีย่ วกบั สัตว์ อนั พงึ ประสงค์
ท่ชี ื่นชอบ แลว้ เขียน fact file

สังเกตความใฝ่เรียนรูแ้ ละความมงุ่ มนั่
ในการทางาน

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1
2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชดุ SPARK 1 ม. 1
3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1
4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ
5) พจนานุกรมออนไลน์
6) อนิ เทอร์เนต็

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 จานวน
รหสั วิชา อ21101 รายวิชา ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน จานวน 1.5 หน่วยกติ 1 คาบ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
ช้ัน มธั ยมศึกษาที่ปี 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2564

โรงเรียนสภาราชินี จงั หวดั ตรัง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกีย่ วกบั นิสยั ในการทาส่ิงตา่ ง ๆ ได้
- เขยี นเกยี่ วกบั นิสัยของสมาชิกในครอบครวั ได้
- พดู และเขียนเปรียบเทียบสัตว์

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด

สาระท่ี 1 ภาษาเพือ่ การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น

อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/3 เลอื ก/ระบุประโยคและขอ้ ความ ให้สัมพนั ธ์กบั สื่อทไี่ มใ่ ชค่ วามเรียง (non-text

information) ทีอ่ ่าน
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ

ความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กจิ กรรม และสถานการณต์ ่าง ๆ

ในชีวติ ประจาวนั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด

และการเขียน
ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กจิ วตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

การรู้และเขา้ ใจโครงสรา้ งภาษา ช่วยให้สามารถพดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั ตนเอง ผอู้ ื่น และ
ส่ิงใกลต้ วั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions

Grammar: Adverbs of frequency
Prepositions of time

Comparatives & Superlatives
Adverbs of degree

Functions: Talking about habits
How often do you eat fish?

2) Language Skills I sometimes eat fish.

Speaking: พูดเปรียบเทยี บสัตว,์ พูดขอและให้ขอ้ มลู เกยี่ วกบั นิสยั ในการทาส่ิงตา่ ง ๆ

Writing: เขียนเก่ยี วกบั นิสัยของสมาชิกในครอบครัว, เขยี นเปรียบเทยี บสัตว์

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด

5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
- ใฝ่เรียนรู้

6. กิจกรรมการเรียนรู้

ช่ัวโมงที่ 1

ข้นั Warm up
ครูทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั สัตว์ โดยแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทมี แลว้ ครูพดู บรรยายลกั ษณะของสตั ว์
ให้แต่ละทมี ทายว่าคอื สัตวช์ นิดใด เชน่
T: It’s got a small head, a long neck and long legs. What is it?

Team A: It’s a giraffe.

T: Correct.

ข้นั Presentation
1. ครูพดู และเขียนประโยคบนกระดาน
I usually get up early.
I’m always at home on Sundays.

แลว้ ขดี เสน้ ใต้ usually, always และอธิบายว่าคาที่ขีดเสน้ ใตเ้ รียกว่า adverbs of frequency ใชบ้ อก
ความบ่อย/ถขี่ องการกระทา แลว้ ครูเขียน adverbs of frequency คาอ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ sometimes, often,

never และอธิบายค่าความถ่ี
always ทาเป็นประจา สมา่ เสมอ (100%) sometimes ทาเป็นบางคร้งั (25%)
usually ทาเป็นปกติ (75%) never ไม่เคยทา (0%)
often ทาบ่อยๆ (50%)

จากน้นั ใหน้ กั เรียนสังเกตตาแหน่งของ adverbs of frequency ในประโยคบนกระดาน และครูถามว่า
adverbs of frequency จะวางไวท้ ีใ่ ด (หนา้ กริยา และหลงั verb to be) แลว้ ครูอธิบายพร้อมท้งั
ยกตวั อยา่ งให้นกั เรียนฟังอีกคร้งั

- adverbs of frequency จะวางไวข้ า้ งหนา้ กริยาหลกั ของประโยค เช่น She often
goes to the cinema.

- ถา้ ในประโยคมี verb to be จะวางไวข้ า้ งหลงั verb to be เช่น She’s usually late
for school.

- ถา้ ในประโยคมกี ริยาช่วย จะอยหู่ ลงั กริยาชว่ ย เช่น He can’t always work at the
weekend.

2. ครูถามนกั เรียนว่า How often do you go to the market? แลว้ ครูเขียนประโยคบนกระดาน และบอก
นกั เรียนว่าเราใช้ How often ในการถามความบอ่ ย/ถี่ของการกระทา (adverbs of frequency) จากน้นั
ครูสุ่มถามคาถามนักเรียน เชน่
T: May, how often do you go to the market?
May: I sometimes go to the market.
T: Top, how often do you play computer games?
Top: I often play computer games.

3. ครูนาเสนอ prepositions of time: at, in, on โดยยกตวั อย่างบนกระดาน เชน่ at 9 o’clock, at noon, in
May, in the autumn, in 2016, on Sunday, on 1st January ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั สรุปการใช้
preposition
- at ใชก้ บั เวลา เช่น at 6 o’clock, at noon, at midnight, at night, at the weekend
- in ใชก้ บั เดือน เช่น in September ใชก้ บั ฤดูกาล เชน่ in the winter ใชก้ บั ปี เช่น in 2015
ใชก้ บั ชว่ งเวลาของวนั เชน่ in the morning, in the afternoon, in the evening และใชก้ บั
ระยะเวลา เชน่ in the Ice Age, in an hour
- on ใชก้ บั วนั เชน่ on Friday, on Christmas Day และใชก้ บั วนั ท่ี เช่น on 10th October
จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนแตง่ ประโยคโดยใช้ prepositions of time เช่น
S1: I go shopping on Sunday.
S2: We get up at 6 o’clock.
S3: My brother plays football in the evening.

4. หนังสือเรียน หน้า 60 Ex. 1 นกั เรียนอ่านตวั อยา่ งประโยคในตาราง แลว้ ครูถามคาถาม เชน่ Which
word is the verb in the first sentence? (are) Which is the adverb of frequency? (always) Where is
the adverb of frequency in the first sentence before or after the verb? (after) Which word is the
verb in the second sentence? (eat) Which is the adverb of frequency? (usually) Where is the
adverb of frequency in the second sentence before or after the verb? (before) จากน้นั ใหน้ กั เรียน
เติมกฎการใช้ adverbs of frequency เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ และใหน้ กั เรียนพูด adverbs of
frequency เหลา่ น้ีเป็นภาษาไทย

Adverbs of frequency usually go before the main verb, but after the verb to be.

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 60 Ex. 2 ให้นกั เรียนอ่านประโยค และใช้ adverbs of frequency เตมิ ลงในชอ่ งว่าง

ครูย้าใหน้ กั เรียนเติมประโยคตามความเป็นจริง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยค คนละ 1
ประโยค

1 I often walk to school.
2 My friend sometimes watches TV in the afternoon.
3 My parents never go to the cinema.
4 I usually meet my friends after school.
5 My mum always cooks dinner.
6 I often have a shower in the morning.

2. หนงั สือเรียน หน้า 60 Ex. 3 ให้นกั เรียนจบั คกู่ นั พดู ถาม-ตอบเก่ยี วกบั ความบ่อย/ถใ่ี นการทากจิ กรรม
ตา่ งๆ ตามทก่ี าหนดให้ ก่อนทากจิ กรรมครูถามวา่ คาถามทใ่ี ชถ้ ามความบ่อย/ถีจ่ ะถามว่าอยา่ งไร
(How often?) แลว้ ให้นกั เรียนอ่านตวั อย่างการถาม-ตอบ จากน้นั ให้นกั เรียนทากจิ กรรม ครูเดนิ
สงั เกตรอบ ๆ ช้นั เรียน และสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบทห่ี นา้ ช้นั

A: How often do you eat fish?
B: I sometimes eat fish.
A: How often do you go swimming?
B: I usually go swimming on Saturdays.
A: How often do you watch TV?
B: I sometimes watch TV in the evening.
A: How often do you play tennis?
B: I never play tennis.
A: How often do you tidy your room?
B: I always tidy my room on Saturdays?
A: How often do you go to the theatre?
B: I never go to the theatre.
A: How often do you get up early?
B: I often get up early.
A: How often do you go to bed late?
B: I sometimes go to bed late.

3. หนงั สือเรียน หน้า 60 Ex. 4 ให้นกั เรียนเขียนประโยคเก่ยี วกับตนเองโดยใช้ adverbs of frequency
และวลที ก่ี าหนดให้ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยคท่ตี นเองแตง่

1 I usually get up at 7 in the morning.
2 I never walk to school.
3 I often watch TV in the evening.
4 I sometimes go to the cinema with my friends.
5 I never go jogging in the evening.

4. หนังสือเรียน หน้า 60 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนเขียนเตมิ ประโยคเกยี่ วกบั ตนเองตามความเป็นจริง โดยใช้
adverbs of frequency เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนผลดั กนั อ่านประโยคให้เพือ่ นขา้ งๆ ฟัง

1 On Mondays, I usually play badminton in the evening.
2 At school, I always have lunch with my friends at canteen.
3 At weekends, I usually get up late.
4 In the afternoon, I sometimes play computer.
5 In the evening, I always watch TV with my family.

5. หนังสือเรียน หน้า 60 Ex. 6a นกั เรียนอา่ นตวั อย่างการใช้ prepositions of time แลว้ ปิ ดหนงั สือเรียน
จากน้นั ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยยกตวั อยา่ ง และให้นกั เรียนบอก prepositions of time
ทถี่ กู ตอ้ ง เชน่
T: He goes out ….. night.
Ss: He goes out at night.
T: She was born ….. July.
Ss: She was born in July.

6. หนงั สือเรียน หน้า 60 Ex. 6b ใหน้ กั เรียนอา่ นขอ้ ความ และเตมิ prepositions of time ลงในชอ่ งวา่ ง
ให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนบอกคาตอบ พรอ้ มท้งั บอกเหตุผลในการเลือก preposition of time
มาเติม

2 at 5 At 8 at 11 at
3 in 6 at 9 On
4 at 7 in 10 at

ข้นั Production
1. ให้นกั เรียนเขียนเกีย่ วกบั นิสัยของสมาชิกในครอบครวั ของตนเอง โดยใช้ adverbs of frequency

มา 5 ประโยค เสร็จแลว้ ผลดั กนั อ่านใหเ้ พื่อนขา้ ง ๆ ฟัง
2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 38 Exs. 1-4 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น

ช่ัวโมงที่ 2

ข้นั Warm up
ครูทบทวน adverbs of frequency ดว้ ยการเขยี นตาราง 9 ชอ่ ง บนกระดาน และเขียน adverbs of
frequency ลงไปชอ่ งละ 1 คา ใหเ้ ขียนคาซ้ากนั จนครบทกุ ช่อง จากน้นั แบ่งนักเรียนออกเป็น 2 ทมี
ให้แขง่ กนั เล่นเกม Noughts and Crosses โดยผลดั กนั พดู ประโยคจาก adverbs of frequency ใน
ตาราง ถา้ ทีมใดพดู ประโยคถูกตอ้ งจะไดท้ าสัญลกั ษณ์ X หรือ O ในตาราง ทีมท่ีทาสัญลกั ษณ์เรียงตอ่
กนั ในแนวต้งั แนวนอน หรือแนวทแยงไดก้ อ่ นจะเป็นผชู้ นะ

ข้นั Presentation
1. ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ ก่ยี วกบั สัตวเ์ พม่ิ เติม ไดแ้ ก่ cheetah (เสือชีตาห์), condor (แรง้ ), ostrich

(นกกระจอกเทศ), puma (เสือพมู า), flamingo (นกฟลามงิ โก), chimp (ลงิ ชิมแปนซี), peacock
(นกยงู ), pigeon (นกพริ าบ) โดยเขยี นคาศพั ทบ์ นกระดาน พร้อมท้งั ขีดเสน้ ใตค้ าทเ่ี นน้ เสียงหนัก แลว้
ออกเสียงคาศพั ท์ ใหน้ กั เรียนออกเสียงตามโดยเนน้ เสียงหนกั ใหถ้ ูกตอ้ ง จากน้นั ครูนาภาพสัตว์
เหลา่ น้ีมาแสดงใหน้ กั เรียนดู แลว้ ให้นกั เรียนพดู ช่ือสัตวเ์ หลา่ น้ีเป็นภาษาไทย
2. ครูสอนการเปรียบเทียบโดยเขียนคาว่า comparative และ superlative บนกระดาน และอธิบายว่า
comparative (คาคุณศพั ทข์ ้นั กวา่ ) ใชเ้ ปรียบเทยี บคน 2 คน สิ่งของ 2 ส่ิง ฯลฯ แลว้ ครูให้นกั เรียน 2
คนทีส่ ูงต่างกนั ออกมายืนหนา้ ช้นั และพดู ว่า (Jan) is taller than (Pat). ครูเขยี นประโยคบนกระดาน
และช้ีใหน้ กั เรียนดโู ครงสรา้ ง comparative A + verb to be + comparative + than + B

ต่อมาครูอธิบายวา่ superlative (คาคณุ ศพั ทข์ ้นั สูงสุด) ใชเ้ ปรียบเทยี บคน ส่ิงของ ฯลฯ ท่ีอยู่ในกลุม่
เดยี วกนั แลว้ ให้นกั เรียน 1 คนทสี่ ูงกวา่ สองคนแรกออกมาหนา้ ช้นั ครูถามนกั เรียนในช้ันว่า 3 คนน้ี
ใครสูงท่สี ุด แลว้ ครูพดู วา่ (Dan) is the tallest of all. และเขยี นประโยคบนกระดาน จากน้นั ให้
นกั เรียนที่สูงที่สุดในช้นั ยนื ข้นึ และครูพดู ว่า (Bom) is the tallest boy in the class. พร้อมท้งั เขียน
ประโยคบนกระดาน แลว้ ครูช้ีให้นกั เรียนดูโครงสร้าง superlative A + verb to be + the +
superlative + of/in
3. ครูชปู ากกาข้ึนมา 2 ดา้ ม ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั พดู เปรียบเทียบความยาวของปากกาท้งั 2 ดา้ ม แลว้ ครูชู
ไมบ้ รรทดั เพิ่มเขา้ มา ใหน้ กั เรียนพูดเปรียบเทยี บส่ิงของท้งั 3 ชิ้น (เชน่ The blue pen is longer than
the red pen. The ruler is the longest of all.)
4. ครูอธิบายหลกั การเปลยี่ นคาคณุ ศพั ทเ์ ป็นข้นั กวา่ และข้นั สูงสุด พร้อมท้งั ยกตวั อย่างบนกระดาน

1) คาคุณศพั ท์ 1 พยางค์ และ 2 พยางค์ ใหเ้ ติม -er เม่อื เป็นข้นั กว่า และเตมิ -est เม่อื เป็นข้นั
สูงสุด เช่น big - bigger - biggest

2) คาคุณศพั ทท์ ่ีมีมากกวา่ 2 พยางค์ ให้เพิ่ม more ขา้ งหนา้ เมือ่ เป็นข้นั กว่า และเพม่ิ most
เม่ือเป็นข้นั สูงสุด เชน่ expensive - more expensive - most expensive

3) คาคณุ ศพั ทบ์ างคาเมื่อเป็นข้นั กว่าและข้นั สูงสุดจะเปลยี่ นรูป เรียกวา่ irregular adjectives
เชน่ good - better - best, much - more - most

ครูย้ากบั นกั เรียนว่าคาคุณศพั ทข์ ้นั สูงสุดจะตอ้ งมี the อย่ขู า้ งหนา้ เสมอ เช่น the shortest, the most
beautiful
5. ครูชสู มดุ ให้นกั เรียนดู พรอ้ มกบั พดู ว่า The notebook is not very thick. แลว้ ชหู นงั สือเรียน พรอ้ มกบั
พดู ว่า The book is quite thick. สุดทา้ ยครูชู dictionary พร้อมกบั พูดว่า The dictionary is very thick.
แลว้ ครูเขยี นประโยคท่ีพูดบนกระดาน และถามนกั เรียนวา่ คาใดคือ adjective (thick) แลว้ ครูขีดเส้น
ใตค้ าว่า not very, quite, very และอธิบายวา่ คาเหล่าน้ีเรียกวา่ adverbs of degree ใชบ้ อกระดบั หรือ
ปริมาณของ adjective แลว้ ครูถามวา่ ตาแหน่งของ adverbs of degree ในประโยคจะวางไวท้ ใ่ี ด
(ขา้ งหนา้ adjective)
6. ครูนาเสนอ adverbs of degree ที่นกั เรียนจะไดเ้ รียน พรอ้ มบอกความหมาย ไดแ้ ก่ not very (ไม่มาก/
ไม่ค่อยจะ), quite (ค่อนขา้ งจะ), very, extremely (อย่างมาก, อย่างย่ิง) แลว้ ให้นกั เรียนพูดประโยคบน
กระดานเป็ นภาษาไทย

จากน้นั ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยให้นกั เรียนแตง่ ประโยคจาก adjective ที่ครู
กาหนดให้ เชน่

T: expensive
Ss: The house is extremely expensive.
T: beautiful
Ss: The girl is very beautiful.

ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 61 Ex. 7 นกั เรียนอ่านคาคุณศพั ทใ์ นตาราง แลว้ ช่วยกนั คดิ ว่าในภาษาไทยมกี าร

เปลี่ยนรูปคาคุณศพั ทใ์ นการเปรียบเทียบหรือไม่ จากน้นั ให้นกั เรียนพูดคาคุณศพั ทใ์ นตารางเป็น
ภาษาไทย
2. หนังสือเรียน หน้า 61 Ex. 8 ให้นกั เรียนเปลย่ี นคาคณุ ศพั ทใ์ นวงเล็บให้อยู่ในรูปข้นั กวา่ ใหถ้ ูกตอ้ ง
เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ

1 faster 3 thinner 5 stronger
2 more 4 longer 6 more powerful

3. หนังสือเรียน หน้า 61 Ex. 9 ใหน้ กั เรียนเปลย่ี นคาคุณศพั ทใ์ นวงเลบ็ ให้อยใู่ นรูปข้นั สูงสุดให้ถูกตอ้ ง
เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ

1 biggest 3 largest 5 most unusual
2 heaviest 4 strongest 6 most aggressive

4. หนงั สือเรียน หน้า 61 Ex. 10 ครูให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม ให้นกั เรียนฝึกพูดประโยคเปรียบเทยี บโดยใช้
คาท่ีกาหนดให้ ก่อนทากิจกรรมครูให้นกั เรียนอ่านตวั อยา่ งพรอ้ มกนั จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คกู่ บั
เพอ่ื นพดู เปรียบเทียบ ครูเดินสังเกตว่านกั เรียนพูดประโยคถกู ตอ้ งหรือไม่ และคอยใหค้ วามช่วยเหลอื
จากน้นั ครูสุ่มเรียก 2 คู่ ออกมาพดู เปรียบเทยี บให้เพอ่ื นฟังทห่ี นา้ ช้นั

2 A: Cats are friendly.
B: Yes, but dogs are friendlier than cats.
A: Rabbits are the friendliest of all.

3 A: Foxes are dangerous.
B: Yes, but bears are more dangerous than foxes.
A: Pumas are the most dangerous of all.

4 A: Eagles are beautiful.
B: Yes, but parrots are more beautiful than eagles.
A: Flamingos are the most beautiful of all.

5 A: Dolphins are funny.
B: Yes, but puffer fish are funnier than dolphins.
A: Chimps are the funniest of all.

6 A: Lionfish are colourful.
B: Yes, but parrotfish are more colourful than lion fish.
A: Peacocks are the most colourful of all.

7 A: Rabbits are small.
B: Yes, but squirrels are smaller than rabbits.
A: Hamsters are the smallest of all.

5. หนงั สือเรียน หน้า 61 Ex. 11 ให้นกั เรียนอ่านตวั อย่างประโยคที่ใช้ adverbs of degree ในตาราง แลว้
ครูถามวา่ adverbs of degree ใชเ้ พือ่ อะไร (ใชบ้ ง่ บอกระดบั หรือปริมาณของ adjective) และตาแหน่ง
ของ adverbs of degree ในประโยคจะอยู่ขา้ งหนา้ หรือขา้ งหลงั คาคุณศพั ท์ (อย่ขู า้ งหนา้ ) จากน้นั ให้
นกั เรียนใชค้ าทก่ี าหนดให้และ adverbs of degree แตง่ ประโยคให้ถูกตอ้ ง โดยครูช้ีให้นกั เรียนสงั เกต
เครื่องหมาย และ ในแต่ละขอ้ ซ่ึงสมั พนั ธก์ บั adverbs of degree ในตาราง เม่ือนกั เรียนแตง่
ประโยคเสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยค และครูตรวจคาตอบอกี คร้งั

2 Rabbits have got quite small bodies.
3 Pigeons have not got very long tails./Pigeons’ tails are not very long.
4 Sheep have got very big horns.
5 Elephants have got extremely big ears.

แกะบิก๊ ฮอร์น (Bighorn sheep) เป็นแกะภเู ขา พบในเทือกเขาร็อกก้ใี นอเมริกาเหนือ
มขี นสีน้าตาลออ่ น สะโพกและบริเวณปากและจมูกมขี นสีขาว มเี ขาท้งั เพศผแู้ ละเพศ
เมีย แตเ่ ขาของเพศผจู้ ะใหญก่ วา่ ชื่อของแกะบก๊ิ ฮอร์นมาจากเขาทีโ่ คง้ ใหญข่ องมนั
อ้างอิงจาก: http://www.enchantedlearning.com/subjects/mammals/sheep/
Bighornsheep.shtml

ข้นั Production
1. หนังสือเรียน หน้า 61 Ex. 12 ใหน้ กั เรียนเขยี นเปรียบเทียบสตั ว์ 3 ชนิดท่ีกาหนดให้ โดยใช้

คาคณุ ศพั ทท์ ใ่ี ห้มา ครูย้าวา่ ให้นกั เรียนเปรียบเทยี บตามความเป็นจริง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน
อ่านให้เพ่ือนฟัง

Sheep are heavier than rabbits.
Bears are the heaviest of all.
Sheep are stronger than rabbits.
Bears are the strongest of all.
Sheep are thinner than bears.
Rabbits are the thinnest of all.
Bears are the most dangerous of all.
Rabbits are faster than sheep.

2. นกั เรียนทา Grammar Bank 5 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 77 ร่วมกนั ในช้นั
3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 38-39 Exs. 5-10 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น

7. การวดั และการประเมินผล

วิธีการวัด เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน
รอ้ ยละ 60
ตรวจการเขยี นเก่ียวกบั นิสยั ของ กระดาษผลงานนกั เรียน
ระดบั คุณภาพ พอใช้
สมาชิกในครอบครวั
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
สงั เกตการพดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ยี วกบั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ -
ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน
นิสัยในการทาส่ิงตา่ ง ๆ
สังเกตการพูดเปรียบเทยี บสตั ว์ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้

ตรวจการเขียนเปรียบเทยี บสัตว์ สมุดนกั เรียน

สงั เกตความใฝ่เรียนรู้ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1
2) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 จานวน
รหัสวชิ า อ21101 รายวิชา ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน จานวน 1.5 หน่วยกิต 1 คาบ

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 5
ช้ัน มธั ยมศึกษาที่ปี 1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564

โรงเรียนสภาราชินี จงั หวัดตรัง

จุดประสงค์การเรียนรู้
- ตอบคาถามและเขยี นให้ขอ้ มูลเก่ยี วกบั เร่ืองท่ีฟังได้
- คน้ ควา้ ขอ้ มูลเกย่ี วกบั เทศกาลทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั สัตวแ์ ละพูดนาเสนอได้

1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวดั
ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ

อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ

ความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั
ต 1.2 ม. 1/4 พดู และเขยี นเพอ่ื ขอและให้ขอ้ มลู และแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่ฟี ังหรืออ่าน

อย่างเหมาะสม

มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู
และการเขยี น

ตวั ช้ีวดั
ต 1.3 ม. 1/2 พูด/เขยี นสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ (theme) ท่ไี ดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ รื่อง/

เหตุการณ์ทีอ่ ยูใ่ นความสนใจของสังคม
สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื

มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็น
ตวั ช้ีวดั พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั นข์ องตน
ต 3.1 ม. 1/1
คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จริงที่เกยี่ วขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อืน่
จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การอา่ นเรื่องเกย่ี วกบั เทศกาลที่เกยี่ วขอ้ งกบั สตั ว์ ทาให้รูถ้ ึงความสาคญั ของสัตว์ สามารถนาความรู้

ท่ีเรียนไปใชพ้ ดู /เขยี นสื่อสารและคน้ ควา้ เพ่มิ เติมได้

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions

Vocabulary: Verbs (let off fireworks, crown, respect, compete in, last, perform, do
tricks)

Nouns (weekend, treasure hunt, parade, colourful floats, music band)
Adjective (historic)

Phrase (don’t miss it)

Functions: Talking about festivals
The Cat Festival takes place in Ypres, Belgium.
2) Language Skills

Speaking: พูดนาเสนอเกยี่ วกบั เทศกาลทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั สตั ว์

Reading: อ่านเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ

Writing: เขยี นใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกบั เทศกาลจากเร่ืองที่อ่าน

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์


Click to View FlipBook Version