The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-11-14 05:39:38

E- book ตำบลลีเล็ด

ตำบลลีเล็ด

ตำบลลีเล็ด

อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

Leeled Subdistrict




สาขารัฐประศาสนศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

นางสาวนันทิกานต์ ช่วยยิ้ม
นางสาวจันทิมา เพ็งดำ
นายณัฐพงษ์ วิวัชชนะ

พระราชดำรัส

ป่ า ช า ย เ ล น มี ป ร ะ โ ย ช น์ ต่ อ ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ข อ ง พื้ น ที่
ป่าชายฝั่งทะเล และอ่าวไทย แต่ปัจจุบันป่าชาย

เ ล น ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย เ ร า กำ ลั ง ถู ก บุ ก รุ ก แ ล ะ
ทำ ล า ย ล ง ไ ป โ ด ย ผู้ แ ส ว ง ห า ผ ล ป ร ะ โ ย ช น์ ส่ ว น ต น
จึ ง ค ว ร ห า ท า ง ป้ อ ง กั น อ นุ รั ก ษ์ แ ล ะ ข ย า ย พั น ธุ์ เ พิ่ ม
ขึ้น โดยเฉพาะต้นโกงกาง เป็นไม้ชายเลนที่
แปลก และขยายพันธุ์ค่อนข้างยาก เพราะต้อง

อ า ศั ย ร ะ บ บ น้ำ ขึ้ น น้ำ ล ง ใ น ก า ร เ ติ บ โ ต ด้ ว ย

พ ร ะ ร า ช ดำ รั ส พ ร ะ บ า ม ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ จ้ า อ ยู่ หั ว
รั ช ก า ล ที่ ๙
ณ ส ว น จิ ต ร ล ด า

เ มื่ อ วั น ที่ 1 0 พ ฤ ษ ภ า ค ม พ . ศ . 2 5 3 4

คำนำผู้เขียน

หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อการสำเร็จการศึกษาของนักศึกษาระดับปริญญาตรีสาขา
รัฐประศาสนศาสตร์วิชาการฝึกประสบการณ์วิชาชีพทางรัฐประศาสนศาสตร์(BPA0602)โดย
มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับของประวัติศาสตร์ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน จังหวัด
สุราษฎร์ธานี ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานตำบล โครงสร้างของชุมชน
โครงสร้างเศรษฐกิจและอาชีพ สถานที่สำคัญ การวิเคราะห์ศักยภาพชุมชน หนังสือเล่มนี้
สามารถดำเนินการจนประสบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเนื่องจากได้รับความอนุเคราะห์และ
สนับสนุนเป็นอย่างดียิ่งจากอาจารย์สิทธพันธ์ พูนเอียด ที่ได้สละเวลาอันมีค่าแก่คณะผู้จัดทำ
เพื่อให้คำปรึกษาและแนะนำตลอดจนตรวจทานแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆด้วยความเอาใจใส่เป็น
อย่างยิ่งจนหนังสือเล่มนี้สำเร็จสมบูรณ์ลุล่วงได้ด้วยดี คณะผู้จัดทำขอกราบขอบพระคุณเป็น
อย่างสูงไว้ ณ ที่นี้

ขอขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่ช่วยเหลือและให้กำลังใจในการทำหนังสือครั้งนี้จน
ประสบความสำร็จลุล่วงไปด้วยดี

ขอขอบคุณผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตำบลตลอดจนอำนวยความสะดวกในการลงพื้น
ที่รวมทั้งประสบการณ์ดีๆที่ได้ทำร่วมกับชุมชน

ขอขอบคุณสาขารัฐประศาสนศาสตร์ที่มอบความรู้อันเป็นประโยชน์รวมทั้ง
ประสบการณ์ดีๆในการจัดทำหนังสือประวัติศาสตร์ตำบลลีเล็ด

สุดท้ายนี้คณะผู้จัดทำหวังว่าหนังสือเล่มนี้คงเป็นประโยชน์สำหรับหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจศึกษาต่อไป

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ หน้า

เรื่อง ข
คำนำ ค
สารบัญรูปภาพ 9
สารบัญตาราง 10
ส่วนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐาน 11
12
ประวัติความเป็นมาของตำบล 14
ขนาดและที่ตั้งของหมู่บ้าน 15
ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ 17
ลักษณะภูมิประเทศ/ภูมิอากาศ 20
การเดินทาง/การคมนาคม 22
ส่วนที่ 2 โครงสร้างของชุมชน 22
ด้านการเมืองการปกครอง 29
ข้อมูลประชากร 30
ด้านการศึกษา/ศาสนา/วัฒนธรรม 31
บริบททางสังคม/ความเป็นอยู่ 34
ความเชื่อ/ประเพณีและพิธีกรรม
ส่วนที่ 3 โครงสร้างเศรษฐกิจและอาชีพ
แหล่งทุนทางธรรมชาติ
แหล่งอาหาร
ผลิตภัณฑ์ชุมชน/ของดี/ของขึ้นชื่อ
สถานภาพทางเศรษฐกิจของประชาชน

สารบัญ หน้า

เรื่อง 38
45
ส่วนที่ 4 สถานที่สำคัญ 46
แหล่งท่องเที่ยว 49
แหล่งโบราณสถาน 51
ศาสนสถานของทุกศาสนา 51
แหล่งเรียนรู้/โรงเรียน/หอ้งสมุด 52
52
ส่วนที่ 5 การวิคราะห์ศักยภาพชุมชน 53
สิ่งที่ชุมชนทำได้ดี(จุดแข็ง) 54
สิ่งที่ชุมชนต้องพัฒนา (จุดอ่อน)
โอกาสของชุมชน
อุปสรรคและความท้าทาย

บรรณานุกรม/อ้างอิง
ภาคผนวก

สารบัญตาราง หน้า
15
เรื่อง 16
ตารางที่ 1 เขตการปกครอง 17
ตารางที่ 2 โครงสร้างผู้บริหาร 18
ตารางที่ 3 ข้อมูลประชากร 20
ตารางที่ 4 จำนวนประชากร
ตารางที่ 5 การศึกษา

สารบัญรูปภาพ

เรื่อง หน้า
รูปที่ 1 ป่าชายเลน 29
รูปที่ 2 อาหารท้องถิ่น 30
รูปที่ 3 เสวียนหม้อ 31
รูปที่ 4 กะปิลีเล็ด 32
รูปที่ 5 การทำกะปิ 33
รูปที่ 6 ลูกจากลอยแก้ว 34
รูปที่ 7 ใบจากตากแห้ง 34
รูปที่ 8 โครงการป่าในเมือง 39
รูปที่ 9 ป่าชายเลน 40
รูปที่ 10 วัดบางพลา 44
รูปที่ 11 วัดบางใหญ่ 47

ส่วนที่ 1
ข้อมูลพื้นฐาน

ประวัติความเป็นมาของตำบล



ความเป็นมาของตำบลลีเล็ด ในสมัยที่มีหัวเมืองไชยาเป็นศูนย์กลางการปกครอง
ขึ้นตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยา (ก่อน พ.ศ. 2439) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
(ร.5) ทรงเสด็จไปบ้านดอน (ทางเรือ) ทรงเห็นว่าคลองสายนี้เป็นทางลัดที่ใกล้กว่า
ซึ่งทรงเสด็จไปตามคลองสายนี้ และได้ให้ชื่อว่า "คลองลัด " ชาวบ้านในคลองลัดซึ่ง
ส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ข้าว มีชาวจีนมาล่องเรือรับซื้อข้าวอยู่เป็นประจำ ชาวจีนจึงเรียก
คลองลัดเพี้ยนไปเป็นคลองเล็ด ต่อมามีการปกครองระบบหัวเมือง ได้มีการตั้งหัว
เมืองพุนพินขึ้นตรงกับเมืองไชยาโดยมีหลวงประเทศสาคร (คร่ำ เครือรัตน์) เป็นผู้
ปกครอง

ต่อมาในปี พ.ศ. 2439 สมัย ร.5 ทรงปฏิรูปการปกครองท้องถิ่นโดยรวม
อำนาจเข้ากับส่วนกลางทรงริเริ่มระบบปกครองแบบหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และ
จังหวัด เป็นครั้งแรกที่บางปะอิน จังหวัดอยุธยา ในปี พ.ศ. 2445 มีการตั้งเป็น
ตำบลลีเล็ด มีขุนลีเล็ดลัทธกิจ (นาค ธดากุล) เป็นกำนันคนแรก ในสมัยนี้ชาวบ้าน
ในตำบลลีเล็ดจากที่เคยมีอาชีพทำไร่ข้าวปนกันสวนมะพร้าวเริ่มหันมาทำนา การทำ
ไร่จึงหมดไป ส่วนในคลองชาวบ้านไม่กล้าลงไปหาปลาเพราะมีจระเข้ชุกชุมมากชาว
บ้านที่อยู่ริมคลองต้องใช้ไม้กั้นเป็นคอกเพื่อลงไปอาบน้ำ ต่อมาไม่นานก็มีพวกแขกมา
รับซื้อจระเข้ ชาวบ้านจับจระเข้ ขายจนหมด ในที่สุดก็สูญพันธุ์ เมื่อในคลองไม่มี
จระเข้ชาวบ้านก็เริ่มหันมาทำอาชีพประมงพื้นบ้าน นาข้าว เป็นสวนมะพร้าวจนมาถึง
ปัจจุบัน

9

ส่วนในคลองชาวบ้านไม่กล้าลงไปหาปลาเพราะมีจระเข้ชุกชุมมากชาวบ้านที่อยู่ริม
คลองต้องใช้ไม้กั้นเป็นคอกเพื่อลงไปอาบน้ำ ต่อมาไม่นานก็มีพวกแขกมารับซื้อจระเข้
ชาวบ้านจับจระเข้ ขายจนหมด ในที่สุดก็สูญพันธุ์ เมื่อในคลองไม่มีจระเข้ชาวบ้านก็
เริ่มหันมาทำอาชีพประมงพื้นบ้านนาข้าว ลายเป็นสวนมะพร้าวจนมาถึงปัจจุบันอาชีพ
ที่สำคัญของชาวเล็ดคือ การทำประมงกับวัดเก่าแก่ของตำบลสีเล็ดคือ วัดบางพลา เดิม
ชื่อ "วัดแก้วประดิษฐาราม"
สมัยนั้นบริเวณวัดมีต้นพลาชุกชุมชาวบ้านจึงเรียกว่าวัดบางพลาจนติดปากสันนิษฐาน
ว่ามีอายุประมาณ 1 ปี โบสถ์หลังการฝังลูกนิมิต 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดเสมาวิบัติบวช
พระไม่เป็นองค์ ประมาณปี พ.ศ. 2450 จึงมีการขุดลูกนิมิตขึ้นมาแล้วทำพิธีฝังลง
ใหม่ ซึ่งมีพ่อท่านครื้นเป็นเจ้าอาวาสในสมัยนั้นองค์เจดีย์นั้นมีอายุประมาณ100 กว่าปี
เช่นกัน ชาวจีนชื่อ เซ็ก ดายดิ้น เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างตำบลลีเล็ด

ขนาดและที่ตั้งของตำบล

มีเนื้อที่ประมาณ 26.66ตารางกิโลเมตร หรือ 16,661 ไร่ ตั้งอยู่ทางเหนือของที่
ว่าการอำเภอพุนพิน ห่างจากตัวอำเภอพุนพินโดยทางรถยนต์ประมาณ๑๔ กิโลเมตร
การเดินทางจากอำเภอมาทางถนนพุนพิน- ไชยา ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร
ถึงสามแยกทุ่งโพธิ์ เสี้ยวขวามาทางถนนทุ่งโพธิ์ - บางพลา ประมาณ 12กิโลเมตรก็
จะถึงองค์การบริหารส่วนตำบลลีเล็ดตั้งอยู่ทางด้านขวา (วัดบางพลา) หมู่ที่ 5 ตำบล
ลีเล็ด อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

10

ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ

ทรัพยากรธรรมชาติในเขตพื้นที่ตำบลลีเล็ดเป็นป่าชายเลนและสัตว์น้ำที่อุดม
สมบูรณ์ชุมชนในตำบลร่วมกันจัดการและดูแลทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ความรับ
ผิดชอบของตนเอง ส่งผลให้ เกิดป่ารุกทะเล คือการเกิดป่าชายเลนรุกไปในทะเลเพิ่ม
ขึ้นทุกปี จากเดิมปี 2534 มีป่าชายเลนเหลือเพียง 3,400ไร่ และปี 2548เพิ่มเป็น
5,085ไร่ และในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเกือบ 4,000 ไร่ และสัตว์น้ำมีการ ขยายพันธุ์เพิ่ม
ขึ้น ทรัพยากรธรรมชาติอย่างป่าชายเลนให้เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่ของเหล่าสัตว์น้ำ
นานาชนิด แมกไม้ชายฝั่งอย่างโกงกาง แสม ลำพูน ไม่เพียงแต่ป้องกันแรงลมทะเล
เท่านั้น ยังเป็นบ้านหลังน้อยของเหล่าหิ่งห้อยตัวจ้อยที่พากันมาอวดแสงในยามค่ำคืน

11

ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ

ลักษณะภูมิประเทศ

สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปของตำบลลีเล็ดมีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็น
ที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำไหลผ่าน ได้แก่ คลองพุนพิน ซึ่งเป็นคลองขนาดใหญ่และเป็นสาย
สำคัญ และบางส่วนอยู่ติดกับทะเล มีน้ำเค็มท่วมถึง เป็นพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อม
ทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ในอดีตแต่ละหมู่บ้านจะใช้เส้นทางทางน้ำในการสัญจร
ไปมา ซึ่งนับว่ามีเป็นร้อยสายเพราะลักษณะสภาพพื้นที่ที่เป็นเช่นนั้นทำให้ประชากร
ที่อาศัยบริเวณที่ราบลุ่มประกอบอชีพทำสวนมะพร้าวส่วนผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ติด
กับทะเลจะทำประมงพื้นบ้านเป็นอาชีพนอกจากอาชีพการทำสวนมะพร้าวและประมง
พื้นบ้านแล้วในปัจจุบันยังมีการทำนากุ้งเลี้ยงปลา ร่วมด้วย

อาณาเขต

ทิศเหนือ ติดต่อ อ่าวบ้านดอน อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
ทิศใต้ ติดต่อ ตำบลศรีวิชัย อำเภอพุนพิน
ทิศตะวันออก ติดต่อ คลองพุนพิน
ทิศตะวันตก ติดต่อ ตำบลศรีวิชัย อำเภอพุนพิน ตำบลท่าเคย
อำเภอท่าฉาง

12

ลักษณะภูมิอากาศ

ลักษณะของภูมิอากาศจะมี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อนและฤดูฝนเป็นเพราะได้รับ
อิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งทำให้ดูร้อน
และฤดูฝนมีระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันภาคใต้ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเถียงใต้
ซึ่งเกิดบริเวณทะเลอันดามันบ้างเป็นครั้งเนื่องจากมีแนวเทือกเขาตะนาวศรีเทือกเขา
ภูเก็ต และเทือกเขานครศรีธรรมราช แถบบริเวณจังหวัดระนอง จังหวัดชุมพร
จังหวัดพังงาจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นแนวช่วยลดอิทธิพล ดัง
กล่าว ตำบลลีเล็ดจะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือปกติจะมีแหล่งกำเนิด

บริเวณทะเลจีนใต้และอ่าวไทยทำให้ตำบลลีเล็ดได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม
ตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านอ่าวไทยและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากมหาสมุทร
อินเดีย จึงมีช่วงฤดูฝนยาวนานระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเตือนมกราคมโดยในที่
ตำบลลีเล็ดมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 21.16 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงเฉลี่ย
34.51องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝน 1.578มิลลิเมตร

13

การเดินทาง/การคมนาคม

ตำบลลีเล็ดมีการคมนาคมชนส่งทางบกโดยสัญจรทางถนนเป็นหลักดังนั้นจึงมี
การก่อสร้างถนนภายในตำบลให้สามารถเดินทางสัญจรไปมาและขนส่งผลผลิต
ทางการเกษตรและการประมงไปสู่ตัวเมืองให้มีความรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น และ
ยังใช้การคมนาคมขนส่งรวมถึงเดินทางทางน้ำเป็นรองมาจากการใช้ถนน เนื่องจาก
คนบางส่วนประกอบอาชีพประมงยังคงใช้การเดินทางโดยใช้ทางเรือ

14

ส่วนที่ 2
ด้านโครงสร้างของชุมชน

การเมืองการปกครอง

เขตการปกครอง

ที่มา : ที่ทำการปกครองอำเภอพุนพิน ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2562

การเลือกตั้ง

คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้กำหนดเขตการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
จำนวน 8 เขต ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 2,520 คน จำนวนสมาชิกสภา
องค์กรบริหารส่วนตำบลเขตละ 6 คน รวม จำนวน 16 คน และนายกองค์การบริหาร
ส่วนตำบล จำนวน 1 คน รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลมาจาก การแต่งตั้ง
จำนวน 2 คน และเลขาสภาองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวน 1 คน มาจากการแต่ง
ตั้ง

15

โครงสร้างผู้บริหารและสภาองค์การบริหารส่วนตำบลลีเล็ดที่มาจากการเลือกตั้ง

ที่มา : โครงสร้างผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลลีเล็ด

16

ข้อมูลประชากร

ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนประชากร

ที่มา : สำนักงานทะเบียนอำเภอพุนพิน ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2562

ตำบลลีเล็ดมีประชากรจำนวน4,122 คน ชาย 2,072 คน หญิง 2,050 คน
จำนวนประชากรดังกล่าว เป็นประชากรที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน แต่อาจไม่ใต้อาศัย
อยู่จริงในพื้นที่ พบว่าหมู่ที่ 2 บ้านคลองรางจะมี ประชากรมากที่สุด รองลงมาคือหมู่ที่
5 บ้านบางพลา สำหรับจำนวนประชากรตำบลลีเล็ด มีการเพิ่มขึ้นร้อย ละ 5 ทุกปี
เนื่องจากตำบลลีเล็ดเป็นตำบลที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจมี
ความมั่นคงประชากรมีรายได้ค่อนข้างสูง ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในธุรกิจและสถาน
ประกอบการ

17

ส่งผลให้ ประชากรในตำบลลีเล็ดมีงานทำเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ยังมีประชากรแฝง
ซึ่งอพยพจากภาคอีสานและแรงงานพม่ามาทำงานเป็นลูกจ้างกับกลุ่มนายทุนประมง
นากุ้ง และสวนปาล์ม ในพื้นที่อีกด้วย แต่ไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านให้ ถูกต้อง ทำให้
ตำบลลีเล็ดมีประชากรแฝงประมาณ 500 คน

ช่วงอายุและจำนวนประชากร

ที่มา : ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐานระดับตำบล ปี 2562

18

ประชากรในตำบลลีเล็ดจากข้อมูลความจำเป็นพื้นฐานระดับตำบลจะมีครัวเรือน
ทั้งหมด 1,136 ครัวเรือน จำนวนประซากรที่อาศัยอยู่จริง 3,036 คน เป็นเพศชาย
1,543 คน เพศหญิง 1,493 คนประชากร ส่วนใหญ่อายุ 35 ปี - 49 ปี จำนวน
768 คน คิดเป็นร้อยละ 25.30 รองลงมาอายุ 60 ปี ขึ้นไป จำนวน 642 คน คิด
เป็น ร้อยละ 21.15 ของประซากรทั้งตำบล

19

ด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม

การศึกษา ตำบลลีเล็ด มีสถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน
แห่ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 1 แห่ง และการศึกษานอกระบบและการศึกษา
ตามอัธยาศัย จำนวน 1 แห่ง ส่งผลให้นักเรียนในพื้นที่เข้ามาศึกษา เพิ่มขึ้นในทุก ๆ
ปี รายละเอียด ดังนี้

ที่มา : ข้อมูลเด็กนักเรียน ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2562

ประชากรในตำบลสีเล็ดส่วนใหญ่เด็กอายุ 3-5ปีได้รับบริการเลี้ยงดูเตรียมความ
พร้อมจำนวน 3 – 5 ปี ได้รับบริการเลี้ยงดูเตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน จำนวน
79 คน คิดเป็นร้อยละ 100 เด็กอายุ 6 - 14 ปี ได้รับการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี
จำนวน 352 คน ผ่านเกณฑ์ 342 คน คิดเป็นร้อยละ 97.1

20

เด็กจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ได้เรียนต่อชั้น ม.4 หรือเทียบเท่า จำนวน 4 คน
คิดเป็นร้อยละ 1.0 ประซากรอายุ 15 - 59 ปี สามารถอ่านออกเขียนได้ จำนวน
1,938 คน ผ่านเกณฑ์ 1,534 คน คิดเป็นร้อยละ 99.79 (ที่มา : ข้อมูลความ
จำเป็นพื้นฐานระดับตำบล ปี 2562)

การนับถือศาสนา

ตำบลลีเล็ดมีวัดจำนวน 5 วัด ได้แก่ วัดบางใหญ่ ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 วัดบางพลา ตั้ง
อยู่หมู่ที่ 5 วัดตรีธารา ราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 วัดคลองกอ ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 และวัดบางบุตร
ศรีวนาราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ประชาชนตำบลลีเล็ด ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธคิดเป็น
ร้อยละ 99.91 และศาสนาอิสลาม คิดเป็นร้อยละ 0.09

21

บริบททางสังคม

ความเป็นอยู่ ประชาชนตำบลลีเล็ดส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพประมงรองลงมาก็
จะเป็นเกษตรกร เช่น สวนมะพร้าว สวนปาล์ม กล้วย พืชล้มลุกและการปลูกพืชตาม
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงรายได้ส่วนมากมาจากการทำการเกษตรและมีรายได้จาก
การเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น การเลี้ยงกุ้งในบ่อ เลี้ยงปลาในบ่อ และการทำประมงพื้นบ้าน
ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ตามสภาพแวดล้อม

ความเชื่อ ประเพณี พิธีกรรม

ประเพณีและงานประจำปีของหมู่บ้านในตำบลลีเล็ดได้แก่ การทำบุญตักบาตร
ฟังธรรมเทศนา ในวัน สำคัญทางศาสนา และวันสำคัญอื่น ๆ เช่น วันส่งท้ายปีเก่า
ต้อนรับปีใหม่ สรงน้ำพระ รดน้ำผู้สูงอายุ ประเพณีสวดหมู่บ้าน สวดคลอง สืบชะตา
แม่น้ำงานจบปี จบเดือน ประเพณีวันรับตายาย ประเพณีทอดผ้าป่า ฯลฯ

22

ภูมิปัญญาท้องถิ่น

ภูมิปัญญาท้องถิ่น ในพื้นที่ตำบลลีเล็ด มี ดังนี้

ภูมิปัญญาท้องถิ่น การเย็บตับจาก

นางสนิท ผุดบ่อนน้อย อายุ 71 ปี เกิดปี พ.ศ. 2493 ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลข
ที่ 47 หมู่ที่ 2 บ้านคลองราง ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความ
สามารถด้านการเย็บตับจาก นางสนิท ผุดบ่อนน้อย เรียนรู้การเย็บจากสำหรับมุง
หลังคาตั้งแต่เด็ก ซึ่งส่วนใหญ่เด็กในชุมชนมักเย็บได้ เนื่องจากเรียนรู้จากบิดามารา
ดาและคนในชุมชนการเย็บจากคือ การนำใบจากมาเย็บรวมกันเรียกว่า “ตับจาก”
เพื่อใช้มุงหลังคาบ้านซึ่งนิยมใช้กันมากในอดีตบ้านที่มุงจากจะรู้สึกว่าเย็นสบาย
ปัจจุบันความนิยมลดน้อยลง ยังคงพบตามหมู่บ้านชายทะลที่มีต้นจาก

ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะเย็บขายผ่านพ่อค้าคนกลางซึ่งมักนำไปขายให้เจ้าของรีสอร์ท
หรือร้านค้าต่างๆ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบด้วยใบจากไม้ไผ่ยาวประมาณ 1.5 เมตร
แล้วนำมาคล้านำมาผ่าเป็นเส้นยาวเรียก“ตอก” สำหรับใช้เย็บ โดยทั่วไปแต่ละวันคน
ที่มีความชำนาญในการเย็บสามารถเย็บได้ถึง 50 ตับ ตับจากที่เย็บได้มีพ่อค้า
คนกลางรับซื้อในราคาประมาร 100 ตับ ต่อ 160 บาท

23

ภูมิปัญญา การทำใบจาก

นางอุไร ประตูใหญ่ อายุ 72 ปี เกิดปี พ.ศ.2492 ปัจจุบันอาศัยอยู่ บ้าน
เลขที่ 32 หมู่ที่1 บ้านบางใหญ่ ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นางอุไรประตูใหญ่กล่าวว่ากลุ่มทำใบจากบ้านลีเล็ดได้ก่อตั้งเมื่อพ.ศ.2520 โดย
มีนางอุไร เป็นประธานมีสมาชิก 15 คนมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพของใบ
จากป้องกันการกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง และเพื่อสร้างอาชีพแก้ปัญหาความ
ยากจนให้คนในชุมชนวิธีดำเนินการของกลุ่มใบจากคือให้สมาชิก แต่ละคนผลิต
และนำใบจากมาขายร่วมกันในนามใบจากราคาดอกมะลิ

ต้นจากในพื้นที่ตำบลลีเล็ดมีความชุกชุมมากตลอดลำคลองลีเล็ดชาวบ้านสามารถ
ไปเก็บหาได้ตลอดทั้งปีใบจากที่นำมาหอยาสูบใช้ใบอ่อนตัดมาตากแดดหนึ่งถึงสอง
วันเมื่อแห้งแล้วลอกเอาเฉพาะผิวใบด้านนอกแล้วนำมาตัดกับเกย์(อุปกรณ์ใช้ตัดใบ
จากให้ได้ขนาดต้องการ)ให้มีขนาดความยาว 8 เซนติเมตรซึ่งเป็นขนาดที่คนนิยม
จากนั้นนำมามัดรวมกันเป็นมัดเล็กเรียกไปโดยหนึ่งแปะมีใบจากประมาณ50 ใบ
นำใบจาก 25 แปะมามัดรวมกันเป็นมัดใหญ่ซึ่งมัดใหญ่แต่ละมัดเรียกว่า “ตีนช้าง”

24

ภูมิปัญญาท้องถิ่น การทำกะปิ

นางกัญญา สวนพลอย อายุ 65 ปี เกิดวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2499
ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่14/3 หมู่ที่ 7 บ้านคลองกอ ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี นางกัญญาสวนพลอย เรียนรู้และสืบทอดวิธีการทำกะปิจาก
บิดามารดามาตั้งแต่วัยเด็กและได้คิดลองผิดลองถูกด้วยตนเองจนได้กะปิที่มี
รสชาติดีและผลิตขายจริงจัง เมื่อประมาณ 7 ปีที่ผ่านมาต่อมาประมาณปี พ.ศ.
2546

สมาชิกในชุมชนได้มีการรวมกลุ่มทำกะปิขายเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้
สมาชิกในชุมชนโดยมี นางกัญญา สวนพลอยเป็นประธานมีสมาชิกประมาณ 10 คน
กะปิของชุมชนลีเล็ดทำมาจากกุ้งหัวมันซึ่งมีมากในพื้นที่โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายน
กะปิที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะมีพ่อค้าคนกลางมาซื้อและบางส่วนขายภายในชุมชนรวมทั้ง
ขายให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมชมชุมชนลีเล็ด

25

ภูมิปัญญาท้องถิ่น ปรัชญา ศาสนา ประเพณี และ การแพทย์แผนไทย

นายชื่น เรืองทิพย์ อายุ 87 ปี เกิดวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2477 ปัจจุบันอาศัย
อยู่ บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 1 บ้านบางไทร ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน จังหวัด
สุราษฎร์ธานี มีความสามารถด้านพิธีกรรมต่างๆ นายชื่นสนใจวิธีกรรมต่างๆเช่นการ
ตั้งศาลพระภูมิจึงได้เรียนรู้จากอาจารย์สมบัติยอดเมฆใช้เวลาศึกษาประมาณหนึ่งปีหก
เดือนจากนั้นได้ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองจากตำราต่างๆและสอบถามผู้รู้ปัจจุบันมี
ความประสบการณ์การทำงานด้านนี้มาแล้วไม่น้อยกว่า 20 ปี มีลูกศิษย์ที่ได้ถ่ายทอด
ความความรู้ให้จนสามารถประกอบอาชีพได้หนึ่งคนนายชื่นกล่าวว่าสาดนี้ยังคงเป็นที่
ต้องการของคนในชุมชนเนื่องด้วยวิถีชีวิตวัฒนธรรมของคนไทยมีความเชื่อในเรื่องสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์สิ่งเหนือธรรมชาติและมีคนสนใจศึกษาน้อยในอนาคตอาจสูญหายได้

26

ภูมิปัญญาท้องถิ่น หมอสมุนไพร

นายสนั่น เทพพิพิธ อายุ 78 ปี เกิดปี พ.ศ.2486 ปัจจุบันอาศัยอยู่ บ้านเลข
ที่ 10 หมู่ที่ 6 บ้านบางใน ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มี
ความสามารถด้านหมอสมุนไพร นายสนั่นศึกษาความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยจาก
จากการบวชเป็นพระเมื่ออายุประมาณ 20 ปีซึ่งขณะนั้นนายสนั่นได้บวชพระด้วยเช่น
กันแรงจูงใจที่ทำให้สนใจศึกษาสมุนไพรเนื่องจากการช่วยเหลือคนให้หายป่วย
ปัจจุบันมีผู้ป่วยมาหาที่บ้านน้อยกว่าในอดีตนายสนั่นกล่าวว่าส่วนใหญ่คนป่วยมากไป
หาหมอที่โรงพยาบาลก่อนหากไม่หายหรือไม่ดีขึ้นจึงมาหาหมอบ้านดังนั้นการรักษาจึง
ไม่ได้มากนักประกอบกับสมุนไพร ไม่เป็นที่นิยมดังนั้นความนิยมในการใช้สมุนไพรจึง
ลดลงเรื่อยเรื่อยเนื่องจากมีคนรักษาด้วยสมุนไพรน้อยแล้วยังกล่าวว่าตอนนี้คนสนใจ
ศึกษาหรือมาสืบทอดองค์ความรู้ด้านนี้น้อยด้วยในอนาคตอาจสูญหายได้

27

ภูมิปัญญาท้องถิ่น การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

นายประเสริฐ ชัญจุกรณ์ อายุ 53 ปี เกิดวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2511
ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ที่5 บ้านบางพลา ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายประเสริฐเป็นผู้นำชุมชนในการทำกิจกรรมด้านการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติทั้งการอนุรักษ์ป่าชายเลนการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำมีการนำให้มี
กฎหมายและกฎชุมชนมาใช้ได้อย่าประสิทธิภาพโดยเฉพาะกฎชุมชนซึ่งมีบทบาท
ทำให้คนในชุมชนมีความสามัคคีมีส่วนร่วมใจกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติ

ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติชุมชนลีเล็ดมีความอุดมสมบูรณ์ประชาชนมีรายได้เพิ่ม
ขึ้นประธานกลุ่มชุมชนลีเล็ดนำเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์ซึ่งเป็นโครงการที่ประสบความ
สำเร็จมากจนมีหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศมาศึกษาดูงานและนำไปใช้
เป็นตัวอย่างต้นแบบในการพัฒนาชุมชนชุมชนลีเล็กได้รับรางวัลต่างๆหลายรางวัลเช่น
รางวัลมาตรฐานโฮมสเตย์ ปีพ.ศ. 2549 และปีพ.ศ. 2551

28

ส่วนที่ 3
โครงสร้างเศรษฐกิจและอาชีพ

แหล่งทุนธรรมชาติ

ทรัพยากรธรรมชาติ น้ำ ที่ใช้ในการอุปโภคเป็นน้ำประปา น้ำฝน และน้ำดิบจาก
คลองพุนพิน สำหรับน้ำใต้ดินมี ปริมาณน้อย ไม่สามารถนำขึ้นมาใช้ให้พอเพียงได้และ
บางแห่งเค็ม ไม่สามารถอุปโภคได้น้ำที่ใช้ในการบริโภคเป็นน้ำประปาที่ได้ติดตั้ง
เครื่องกรองน้ำดื่ม และน้ำฝน นอกจากนี้ยังมีโรงผลิตน้ำดื่มชุมชุนได้แก่หมู่ที่ 5 และ
หมู่ที่ 4 สำหรับแหล่งน้ำที่ใช้ในการเกษตร ใช้น้ำจากแม่น้ำลำคลองซึ่งไหลผ่านทุก
หมู่บ้าน ป่าไม้ ในเขตตำบลลีเล็ดจะมีป่าไม้ ได้แก่ ป่าชายเลนมากกว่า 4,000 ไร่ มี
ความอุดม สมบูรณ์มาก ภูเขา ในเขตตำบลลีเล็ดไม่มีภูเขา

29

แหล่งอาหาร

แหล่งอาหารหลักของตำบลจะเป็นพวกสัตว์ทะเลเช่น กุ้ง หอย ปู ปลา เพราะมีทั้ง
การทำประมงและการเลี้ยงสัตว์น้ำ (บ่อนากุ้ง) ส่วนพืชผัก ผลไม้ก็มีการเพาะปลูกด้วย
น้ำในพื้นที่ เป็นน้ำผสมสองน้ำ ทำให้ผลไม้มีจุดเด่นด้านรสชาติ นอกจากนี้ก็เป็นการ
หาซื้อจากร้านค้าและตาม ตลาดนัด

อาหารท้องถิ่น

พร้าวคั่วกุ้ง เสิร์ฟพร้อมความเผ้ดร้อนของสมุนไพรที่โขลกแบบพริกแกงใต้
หวานนิด มันหน่อยจากหัวกุ้งสดๆ นุ่ม หนึบยามสัมผัสเนื้อมะพร้าวสองน้ำของตำบลลี
เล็ด

ข้าวมันคั่วขาม เมล็ดข้าวนิ่มๆที่มาพร้อมความหอมของกะทิ เจือกลิ่นกระเทียม
อ่อน รสชาติหวานมัน ตัดด้วยความเปรี้ยวเผ็ดของน้ำพริกมะขามอ่อน เคียงด้วยปลา
แดดเดียวและผักสดรสชาติที่ต้องมาชิม

"ขนมจาก" ทำด้วยแป้งข้าวเหนิยว ส่วนมากนิยมใช้ข้าวเหนียวดำ มะพร้าว
ทึนทึกขุดหยาบ ๆ น้ำตาลมะพร้าว และเกลือผงเล็กน้อย ที่เยกว่าขนมจาก เพราะ
เป็นขนมที่ห่อด้วยใบจากสด ที่ได้จากต้นจาก ขนมจากทำให้สุกด้วยการย่างไฟจะใช้
ความร้อนเพียงพอประมาณ

30

ผลิตภัณฑ์ชุมชน ของดี ของขึ้นชื่อ

ด้านการแพทย์ ได้แก่ ความสามารถในการจัดการป้องกันและรักษาสุขภาพของ
คนในชุมชน โดยเน้นให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองทางด้านสุขภาพและอนามัยได้เช่น
ยาจากสมุนไพรที่อยู่หลากหลาย อาทิ การใช้ใบกระเพราแก้ขับลม ท้องอืด ท้องเฟ้อ
การนวดแผนโบราณและการประคบที่ใช้สมุนไพรประกอบการนวดการทำน้ำมันสกัด
เย็น การดูแลและรักษาสุขภาพแบบพื้นบ้าน เช่น หมอกระดูก หมอ จับเส้น หมอ
ตำแย เป็นต้น

ด้านศิลปหัตถกรรม ได้แก่ ความสามารถในการนำความรู้มาผสมผสานก
ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาทำศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน ได้แก่ การนำ
ก้านจากมาสานเสวียนหม้อ ไม้ กวาดจากก้านจากนำใบจากมาทำตับจากมุงหลังคา
การทำกระเป๋าจากต้นจูดด้านการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้แก่ความสามารถเกี่ยวกับการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อม
ทั้งการอนุรักษ์ พัฒนา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่าง
สมดุลและยังยื่น เช่น การบวชป่า สืบชะตาแม่น้ำ การทำแนวปะการังเทียม การ
อนุรักษ์ป่าชายเลน

เสวียนหม้อ

31

ด้านศิลปกรรม ได้แก่ ความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแขนงต่าง
ๆ โดยการนำศิลปะของภาคใต้มาผสมผสานเพื่อประกอบท่าทางออกกำลังกายในพื้นที่
ตำบลลีเล็ด เช่น โนราบิค นาฏมวย ไทยรำไม้พลองกลองยาว เพิ่งกระติบ รำวงย้อน
ยุค ระบำผ้าขาวม้า บาสโลพ ด้านโภชนาการ เนื่องจากตำบลลี เล็ดมีความอุดม
สมบูรณ์ด้านอาหารทะเล และเป็นพื้นที่ติดชายทะเล จึงมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ จึง
นำเอา วัตถุดิบมาแปรรูปอาหาร ได้แก่ หอยกันสามรส ลูกจากลอยแก้ว กะปิสำหรับ
ภาษาถิ่น ใช้ภาษาถิ่นปักษ์ใต้

สินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึก ตำบลลีเล็ดมีผลิตภัณฑ์จากก้านจาก ได้แก่
เสวียนหม้อ ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป ได้แก่ หอยกันสามรส กะปิ ผลิตภัณฑ์
ด้านโภชนาการ ได้แก่ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น

ผลิตภัณฑ์ชุมชนของดีของขึ้นชื่อ

กะปิลีเล็ด

ผลิตภัณฑ์จากความความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติตำบลลีเล็ด ผสม
ผสานกับภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำให้กะปิลีเล็ดมีรสชาติละมุน รสเค็มแต่ไม่จัด มีกลิ่น
หอมเป็นพิเศษ แตกต่างจากกะบีที่อื่นๆ จนกลายเป็นสินค้าของฝากที่ได้รับความ
สนใจจากผู้มาเยือน

32

วัตถุดิบในการทำกะบี

เริ่มจากการคัดกุ้งเคยตัวเท่านิ้วก้อย โดยแยกเอาขยะหรือปลาตัวเล็กตัวน้อยที่
ผสมมากับกุ้งเคย ออกให้หมด (ต้องใช้กุ้งเคยร้อยเปอร์เซ็นต์) นำไปตากแดด
ประมาณ 4 ชั่วโมง แล้วนำมาตำหยาบๆ กับเกลือ ในอัตราส่วนกุ้ง 10 กิโลกรัมต่อ
เกลือ 1 กิโลกรัม เมื่อตำเสร็จแล้วนำไปหมัก 2 วันและนำไปตากแดด อีกครั้ง 4
ชั่วโมง จากนั้นนำมาตำให้ละเอียด และหมักอย่างน้อย 15 วัน ถึง 1 เดือน (ยิ่งหมัก
นานยิ่งดี) เมื่อเปิดถังหมัก นำไม้เสียบลูกขึ้นมาชัดเอาน้ำออกจากเนื้อกะปิ ยิ่งจะช่วย
เพิ่มความหอมของกะปิได้มากชั้น

33

"ลูกจากลอยแก้ว"

"ลูกจาก"นี้สามารถหาได้ตามริมคลองตามแม่น้ำที่มีต้นจากขั้นอยู่ถ้าที่ไหนมีความ
อุดมสมบูรณ์ก็จะมีลูกจากที่สามารถนำมาทำเมนูของหวานได้หลายอย่าง เช่น ·ำลูก
จากลอยแก้ว ที่เป็นอีกหนึ่งของดีอีกนิ่งอย่างที่นำมาทำเป็นของหวานหรือนำมาทำลูก
จากเชื่อมน้ำตาล ที่มีรสชาติแสนอร่อย และหาทานได้ไม่ยากนัก โดยจะมีเนื้อที่นิ่ม
หวานน้อย ไม่ใส่สีแต่งกลั่น สามารถใส่น้ำแข็งได้ตามใจชอบ

ใบจากตากแห้ง

วัตถุดิบจากธรรมชาติที่นำมาแปรูปใบจากสดตากแห้ง ไม่อบน้ำยา ไม่รมกำมะถัน
ตากแดดล้วนๆในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งจะได้รับความนิยมอย่างทั่วไปและแพหลายเป็นสินค้า
ที่สามารถเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้ชาวข้านได้นับล้านต่อปี"ไม่อบกำมะถัน สูขนุ่ม ไม่แสบคอ
ไร้สารพิษ"

34

สถานภาพทางเศรษฐกิจของประชาชน

ระบบเศรษฐกิจ
การเกษตร

ตำบลลีเล็ดมีประชาชนที่ประกอบอาชีพด้านการเกษตรได้แก่ ปลูกมะพร้าว ปลูก
ปาล์มน้ำมัน และเกษตรผสมผสาน มีการปลูกมะนาว กล้วย และพืชผักสวนครัวตาม
หลักเศรษฐกิจพอเพียง

การประมง

ตำบลลีเล็ดมีประชาชนที่ประกอบอาชีพด้านการประมงได้แก่ การเลี้ยงกุ้ง เลี้ยง
ปลา และ หอยแครง และการทำประมงพื้นบ้านทั่วไปตามเขตชายฝั่งทะเล

35

การปศุสัตว์

ตำบลลีเล็ดมีประชาชนประกอบอาชีพด้านการปศุสัตว์ได้แก่ เลี้ยงไก่ เลี้ยง
เป็ด เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว

การบริการ

ตำบลลีเล็ดมีประชาชนที่ประกอบธุรกิจงานด้านบริการได้แก่ ร้านเสริมสวย ร้าน
ซักอบรีด ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ซ่อมเครื่องยนต์ รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ คาร์
แคร์ ปั้มน้ำมัน ห้องเช่า ฯลฯ

การท่องเที่ยว

ตำบลลีเล็ดมีทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์สวยงามและเป็น
แหล่งพันธุ์ สัตว์น้ำที่อุดมสมบูรณ์ มีการเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของหอยแครงหอย
แมลงภู่ เป็นจำนวนมากนอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาหารทะเลสดๆ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นครัว
ทะเลของอำเภอพุนพิน ทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลลีเล็ด เป็นที่รู้จักในเรื่องของ
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติป่าชายเลนและการชิมอาหารทะเลสด ๆ หลากหลาย
การปลูกป่าชายเลน การชมหิ่งห้อย ชมนก ลิงหางยาว การล่องเรือชมทัศนียภาพและ
วิถีชีวิตของชาวประมง การชมหมู่บ้านโฮมสเตย์ การเดิน walk way เพื่อศึกษาระบบ
นิเวศป่าชายเลน

36

การเยี่ยมชมกลุ่มอาชีพที่สำคัญของชุมชน โดยชุมชนนำทรัพยากรที่มีอยู่ในท้อง
ถิ่นมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนได้แก่ การทำกะปิ การทำใบจากยาสูบ การเย็บจาก
มุงหลังคา การแปรรูปหอยกัน การทำน้ำมันมะพร้าวสะกัดเย็น เสวียนหม้อ ในแต่ละ
ปี จึงมีนักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา และองค์กรต่าง ๆ สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้
และร่วมทำกิจกรรมจำนวนมาก องค์การบริหารส่วนตำบลลีเล็ดได้จัดตั้งเครือข่ายท่อง
เที่ยวของชุมชน เรียกว่า “กลุ่มชุมชนลีเล็ดนำเที่ยว เพื่อการอนุรักษ์” เพื่อเป็นแหล่ง
ข้อมูลข่าวสารและการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สนใจท่องเที่ยวและทำกิจกรรม

อุตสาหกรรม

ตำบลลีเล็ดมีโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราในพื้นที่ หมู่ที่ 4

การพาณิชย์และกลุ่มอาชีพ

การพาณิชย์ ในพื้นที่ตำบลลีเล็ดมีการทำธุรกิจหลากหลายประเภทกระจายกันทุก
หมู่บ้าน ได้แก่ ร้านขายของทั่วไป มินิมาร์ท ขายวัสดุก่อสร้าง ขายผลิตภัณฑ์ทางการ
เกษตร จำนวน 40แห่ง ขายอาหาร และเครื่องดื่ม จำนวน 4 แห่ง ร้านเสริมสวย
จำนวน 8 แห่ง ร้านซ่อม จำนวน 12 แห่งห้องเช่า จำนวน 7 แห่ง ปั้มน้ำมัน 1 แห่ง
ลานปาล์ม จำนวน 2 แห่ง โรงมะพร้าว จำนวน 5 แห่ง ตลาดนัด 2 แห่ง คาร์แคร์
จำจำนวน 1 แห่ง ฟาร์มกุ้ง จำนวน 25 แห่ง ฟาร์มปลา จำนวน 10 แห่ง ฟาร์มไก่
จำนวน 2 แห่ง ฟาร์มเป็ด จำนวน 3 แห่ง ฟาร์มหมู จำนวน 1 แห่ง ฟาร์มหอย
จำนวน 50 แห่ง แพปลา จำนวน 4 แห่ง

37

กลุ่มอาชีพ

กลุ่มอาชีพที่สำคัญของตำบล ได้แก่ กลุ่มทำกะปิ กลุ่มจักสานจากก้านจากและ ก้าน
มะพร้าว

แรงงาน

ในพื้นที่ตำบลลีเล็ดมีแรงงานที่เป็นประชาชนในพื้นที่เองนอกจากนี้ยังมีแรงงาน
อพยพมาจาก ภาคอีสานและแรงงานต่างด้าว (พม่า) ซึ่งแรงงานอพยพและแรงงาน
ต่างด้าวจะมาทำงานกับกลุ่มนายทุนที่ ประกอบธุรกิจนากุ้ง ฟาร์มหอย ฯลฯ

38

ส่วนที่ 4
สถานที่สำคัญ ๆ

แหล่งท่องเที่ยว

ตำบลลีเล็ดมีทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์สวยงามและ
เป็นแหล่งพันธุ์สัตว์น้ำ ที่อุดม สมบูรณ์ มีการเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของหอยแครง
หอยแมลงภู่ เป็นจำนวนมากนอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาหารทะเลสด ๆ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น
ครัวทะเลของอำเภอพุนพิน ทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลลีเล็ดเป็นที่รู้จักในเรื่อง
ของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติป่าชายเลนและการชิมอาหารทะเลสดๆ หลาก
หลาย การปลูก ป่าชายเลน การชมหิ่งห้อย ชมนก ลิงหางยาว การล่องเรือชม
ทัศนียภาพและวิถีชีวิตของชาวประมง การชม หมู่บ้านโฮมสเตย์ การเดิน walk way
เพื่อศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลนการเยี่ยมชมกลุ่มอาชีพที่สำคัญของ ชุมชน โดยชุมชน
นำทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนได้แก่ การทำกะปิ การ
ทำใบจาก ยาสูบ การเย็บจากมุงหลังคา การแปรรูปหอยกัน การทำน้ำมันมะพร้าว
สกัดเย็น เสวียนหม้อ ในแต่ละปีจึงมี นักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา และองค์กร
ต่าง ๆ สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ และร่วมทำกิจกรรมจำนวนมากองค์การบริหารส่วน
ตำบลลีเล็ดได้จัดตั้งเครือข่ายท่องเที่ยวของชุมชน เรียกว่า “กลุ่มชุมชนลีเล็ดนำเที่ยว
เพื่อ การอนุรักษ์” เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลข่าวสารและการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้
สนใจท่องเที่ยวและทำกิจกรรม

39

กลุ่มชุมชนลีเล็ดนำเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์

ประวัติ

กลุ่มล่องเรือตามรอยเสด็จรัชกาลที่5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสตรวจราชการแผ่น
ดินผ่านคลองลัดไปยังเมืองสุราษฎร์ธานี ก่อนคลองลัดจะถูกเรียกเพี้ยนเป็นคลองเล็ด
และในภายหลังเป็นชื่อตำบลลีเล็ดชุมชนลีเล็ดนำเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติโดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อการนำเที่ยวโดยชุมชนเป็นเครื่องมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรนั้นชม
ระบบนิเวศป่าชายเลนอันสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ที่คนในชุมชนร่วมกัน
ปกป้องไม่ให้ถูกทำลาย ป่าชายเลนเกิดมากขึ้นจนรุกไปในทะเลทุกปี กลายเป็นผืนป่า
ชายเลนกว้างกว่า 3,000 ไร่ เรียกว่า “ป่ารุกทะเล” ป่าเกิดใหม่ที่มีความอุดมสมบูรณ์
นี้ช่วยทำให้น้ำสะอาด เป็นแหล่งอาหารของสิ่งมีชีวิตมากมายและทำให้ชุมชนลีเล็ดเป็น
แหล่งเพาะพันธุ์หอยกันมากที่สุดในประเทศกล่าวได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากไม่
ว่าจะเป็นด้านทรัพยากรป่าชายเลนที่มีต้นไม้เกิดขึ้นใหม่โดยที่ชุมชนไม่ต้องลงแรงปลูก

40

เมื่อมีแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์เพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้สัตว์น้ำ กุ้ง หอย ปู ปลา ก็เพิ่มตามมา
รายได้ของผู้คนในชุมชนก็เพิ่มขึ้น อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ น้ำในแม่น้ำลำคลองใช้
ในการอุปโภคได้เป็นอย่างดีไม่มีสิ่งปนเปื้อน และกลายเป็นชุมชนท่องเที่ยวที่ได้รับ
ความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ

Story •ป่าในเมืองบ้านห้วยทรัพย์
ปี พ.ศ.2548 ตั้งกลุ่มชุมชนลีเล็ดนำเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์ และสำรวจจุดเด่น
ของทุกหมู่บ้าน ซึ่งหมู่ที่ 4 มีจุดเด่นคือ ป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์ การ
เดินทางสะดวก สบาย มีความพร้อม
นายสมชาย รักเดช และนางเพ็ญศรี รักเดช ได้บริจาคที่ดินซึ่งติดกับเขตป่า
ชายเลน เพื่อทำการท่องเที่ยว
ปี พ.ศ.2548-2549 ใช้งบประมาณ SML จำนวน 200,000 บาท สร้างเส้น
ทางศึกษาธรรมชาติ Walk Way
ปี พ.ศ.2549 เป็นต้นมา ได้รับงบพัฒนาจังหวัดก่อสร้างเส้นทางศึกษา
ธรรมชาติ Walk Way ระยะทางประมาณ 300-400 เมตร

41

ปี พ.ศ.2551 กองประกวด Miss Universe Thailand ใช้พื้นที่ป่าชายเลนบ้าน
ห้วยทรัพย์เป็นสถานที่ทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลน
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานกองทุนหมู่บ้าน ส่ง
เสริมการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ชุมชน และส่งเสริม
อบต.ลีเล็ด สนับสนุนงบประมาณสร้างห้องน้ำ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดส่งมอบ
ถนน และทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลน
หอดูนก เป็นงบพัฒนาจังหวัด จำนวนเงิน 4,000,000 บาท
ปี พ.ศ.2561 หมู่ที่ 4 รวมกลุ่มของคนในชุมชนและทำท่องเที่ยว โดยเริ่ม
ก่อสร้างศาลาริมน้ำ มีเรือถีบ เรือเป็ด เรือแคนู ให้บริการนักท่องเที่ยว
ปี พ.ศ.2561 พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดป่าในเมืองบ้านห้วย
ทรัพย์สุราษฎร์ธานี “ส่วนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย” เพื่อมอบเป็น
สถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้แก่ชาวสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิง
นิเวศน์ และปอดแห่งใหม่ของเมืองสุราษฎร์ธานี
เปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติตั้งแต่ปี2548 จนถึงปัจจุบัน

42

ชุมชนลีเล็ด มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ได้ชื่อว่าเป็น “ป่าอเมซอนเมืองไทย” มี
ระบบนิเวศแบบ 2 น้ำ หรือเรียกว่า “น้ำกร่อย” ทำให้มีความหลากหลายทางชีวภาพ
ทั้งพรรณไม้และพันธุ์สัตว์น้ำ โดยเฉพาะมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์ อีกทั้งป่าชายเลนยัง
ให้ประโยชน์ทั้งช่วยป้องกันภัยธรรมชาติและยังเอื้อประโยชน์ให้แก่คนในชุมชน เวลา
น้ำขึ้น ชาวบ้านจะไป ตัดจาก, หาหอย, จับปูเปี้ยว,ดักอวน, ช่วงน้ำลงก็ หาหอย, ถีบ
กระดานหาหอย, ตกเบ็ด และหาปู

ลักษณะเด่นของป่าชายเลนบ้านห้วยทรัพย์คือมีตะกอนแลนมาสะสม ทำให้เกิด
พื้นที่ดินเลนงอกใหม่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ปีละหลายสิบไร่ และเกิดเป็นผืนป่าชายเลนขึ้น
บริเวณปากแม่น้ำ มีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำนานาชนิด พันธุ์ไม้ส่วนใหญ่เป็นต้น
ลำพู ลำแพน และแสม มีการอนุรักษ์ป่าชายเลนโดยชุมชนซึ่งเกิดจากความร่วมมือของ
ส่วนราชการและกลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์จนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ทรัพยากรป่าชายเลน
ที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ศูนย์เรียนรู้และศึกษาธรรมชาติ เกิดจาก
การที่ชาวบ้านหมู่ที่ 4 ร่วมแรงร่วมใจกันนำเงินจากโครงการ SML ของหมู่บ้าน มาส
ร้างเป็นศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลน เพื่อให้เป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้
ของคนทั้งภายในและนอกชุมชน รวมทั้งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หลังจากการ
ก่อสร้างศูนย์แล้วเสร็จ ทางอำเภอและจังหวัดได้สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมในการ
ก่อสร้างทางเดินศึกษาธรรมชาติในป่าชายเลน (Walk Way)

43

มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งการเดินชมเส้นทางธรรมชาติในป่าโกงกางระยะ
ทาง800เมตรสามารถเดินชมป่าชายเลนตามวอคเวย์ และจะมีฝูงลิงแสมคอยนั่ง
ต้อนรับไปตลอดเส้นทาง และที่เป็นไฮไลท์ท่องเที่ยวทางน้ำที่กำลังเป็นที่นิยมคือการ
ปั่นจักรยานน้ำ ที่มีทั้งหัวเป็ด หงษ์ ปลาฉลาม ปลาโลมา เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆที่มา
กันเป็นครอบครัว และพายเรือแคนนู ชมบรรยากาศสองฝั่งคลองบางปอ ได้สัมผัสวิถี
ชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านอีกด้วย

ความสมบูรณ์ของป่าชายเลนที่ชุมชนลีเล็ดหลังจากที่ชุมชนพร้อมใจกันดูแล
ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นระบบปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่ของ
สัตว์น้ำหลายชนิด แมกไม้ชายฝั่งที่ชุมชนช่วยกันปลูกสมทบ อย่างต้นโกงกาง แสม
ลำพู ฯลฯขึ้นเขียวขจีมีระเบียบดูสวยงาม ไม่เพียงแต่ป้องกันแรงลมเท่านั้น ยังเป็น
บ้านหลังน้อยของเหล่าหิ่งห้อยได้พักพิง แม้ว่าป่าชายเลนจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก
ของชุมชน แต่โบราณสถานสมัยอาณาจักรศรีวิชัยก็มองข้ามไม่ได้ทีเดียวไม่ว่าจะเป็น
เขาศรีวิชัย เขาพระอานนท์ ที่มีอายุมากกว่าพันปี ให้นักท่องเที่ยวได้ค้นคว้าศึกษา
ประวัติความเป็นมาโดยเฉพาะลูกปัดโบราณที่นี่ก็มีมากเช่นกันปัจจุบันมีหลงเหลืออยู่
บ้างที่ชาวบ้านนำไปเก็บไว้ ด้านที่พักที่นี่เขาก็มีโฮมสเตย์ของชุมชนไว้บริการถึง 13
หลังสามารถรับนักท่องเที่ยวได้50 คนต่อวัน ห้องน้ำ ห้องนอนสะดวกสบาย สำหรับ
อาหารการกินที่นี่เขามีอาหารทะเลพื้นบ้านรสจัดแบบปักษ์ใต้ไว้บริการ

44

การจัดการทรัพยากรของชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว

เส้นทางการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ, ต้นลำพูเกิดใหม่นับล้านต้นโดย
ไม่ต้องปลูก, เส้นทางศึกษาธรรมชาติศูนย์เรียนรู้ชุมชน,กิจกรรมสาธารณประโยชน์,
สัมพันธภาพอันดีงามของป่าชายเลน, กิจกรรมอนุรักษ์เพื่อความยั่งยืนของอนาคต
กลุ่มอาชีพต่างๆ เช่น กลุ่มมะพร้าว, กลุ่มทำนากุ้ง, กลุ่มเย็บจากทำหลัง, กลุ่มทำใบ
จากยาสูบ, กลุ่มทำกะปิ, ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศ แหล่งท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียง
เช่น เขาศรีวิชัย, สวนโมกขพลาราม ซึ่งนำเสนอเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดูแลโดยชุมชน

การเดินทาง

สามารถใช้เส้นทางถนนสายพุนพิน-สุราษฎร์ธานีเลี้ยวซ้ายไปตามถนนข้ามสะพาน
พระจุลจอมเกล้าข้ามแม่น้ำตาปี แล้วกลับรถใต้สะพานข้ามทางรถไฟขับรถมุ่งไปถึงสาม
แยกวัดดอนกฐินแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนพุนพิน-ไชยาสายล่างถึงสามแยกเลี้ยวขวา
ไปตามถนนทุ่งโพธิ์-ลีเล็ดประมาณ 9 กิโลเมตรก็ถึงชุมชนบ้านบางพลา ตำบลลีเล็ด
สำหรับท่านที่สนใจต้องการจะเข้าไปเที่ยวติดต่อสอบถามได้ที่ กำนันประเสริฐ ชัยจุ
กรณ์ บ้านเลขที่ 109 หมู่ที่ 5 ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
หมายเลขโทรศัพท์ 077-491081,081-2710017

45

แหล่งโบราณสถาน

แหล่งโบราณสถานในตำบลลีเล็ดที่ยังคงอยู่ในวัดบางพลาหมู่ที่ 4 ตำบลลีเล็ด
อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

วัดบางพลา เดิมชื่อ”วัดแก้วประดิษฐาราม” สมัยนั้น บริเวณวัดมี ต้นพลา ชุกชุม
ชาวบ้านจึงเรียกว่าวัด บางพลา จนติดปาก สันนิษฐานว่ามีอายุประมาณ 100 ปี
โบสถ์หลังเก่ามีการฝังลูกนิมิต 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดเสมาวิบัติบวชพระไม่เป็นองค์ ประ
มาณปีพ.ศ.2450 จึงมีการขุดลูกนิมิตขึ้นมาแล้วทำพิธีฝังลงใหม่ ซึ่งมีพ่อท่านครื้นเป็น
เจ้าอาวาสในสมัยนั้นองค์เจดีย์มีอายุประมาณ100 กว่าปีเช่นกัน ชาวจีนชื่อ เช็ก ดาย
ดิ้น เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง

46


Click to View FlipBook Version