รหสั วิชา
ท 22101
ครผู ้สู อน นางสาวปยิ ะนชุ สิมพิลา
บทเสภาสามัคคีเสวก
ตอน วิศวกรรมา
และสามคั คเี สวก
สาระการเรยี นรู้
ความเปน็ มา ลักษณะคาประพนั ธ์
ประวัตผิ ูแ้ ต่ง เร่อื งย่อ
* จากภาพเปน็ เรอื ชนดิ ใด
* เม่อื นกึ ถงึ ภาพเรอื ทอี่ ยทู่ า่ มกลางพายแุ ละคลนื่ ลม นักเรยี นนกึ ถงึ สง่ิ ใด
แนวคาตอบ
เรือสาเภา
แนวคาตอบ
อปุ สรรคในการดาเนนิ ชีวติ ความร่วมมอื
การช่วยเหลือซ่งึ กนั และกนั
- แต่งขึ้นสาหรับขับอธิบายนาเรื่องในการฟ้อนรา
ตอนตา่ ง ๆ
- เนื้อหาในแต่ละตอนเป็นการนาเสนอแนวคิด ท่ี
สาคัญ คือ ความสาคัญของศิลปกรรม ความสามัคคี
และความจงรกั ภกั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
- พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระ
ราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อคั่นระหว่างตอนระบาสามัคคีเสวก
ในคราวที่เสด็จไปพักพระราชอิริยาบถที่พระราชวัง
สนามจนั ทร์ จังหวดั นครปฐม
พระราชวังสนามจันทร์
ตั ้ ง อ ยู ่ ใ น ต า บ ล ส น า ม จั น ท ร์
อาเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
ห่างจากวัดองค์พระปฐมเจดีย์ประมาณ
2 กโิ ลเมตร สรา้ งขึ้นโดย
พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ม ง กุ ฎ เ ก ล ้ า
เจ้าอย่หู วั
หลั งจ ากพระ องค์สวรรค ต
พระราชวังสนนามจันทร์ใช้เป็นที่ทา
การของส่วนราชการต่าง ๆ ของจังหวัด
นครปฐม รวมทั้งเป็นวทยาเขตหนึ่ง
ของมหาวิทยาลยั ศลิ ปากร
ผแู้ ต่ง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อย่หู ัว
ทรงเปน็ พระมหากษตั รยิ ล์ าดบั ที่ 6 แหง่ ราชวงศ์จักรี
ทรงพระราชนพิ นธ์ข้นึ เม่ือ พ.ศ. 2457
ผแู้ ตง่
ตลอดระยะเวลการครองราชย์ 15 ปี (พ.ศ.2453-
2468) พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพและทรงบาเพ็ญ
พระราชกรณียกิจหลายด้าน ทั้งด้านการเมือง การ
ปกครอง การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข การ
ต่างประเทศ แต่โดดเด่นที่สุดคือด้านวรรณกรรมและ
อกั ษรศาสตร์
ผ้แู ตง่
ได้รับการถวายพระราชสมญั ญาวา่
“สมเดจ็ พระมหาธรี ราชเจ้า”
มีความหมายวา่
ปราชญผ์ ูย้ ิ่งใหญ่
นอกจากน้ียงั ทรงไดร้ ับการยกย่องจากUNESCO
ใหท้ รงเปน็ 1 ใน 5 ของนกั ปราชญไ์ ทย
ใน พ.ศ. 2515
ลักษณะคาประพนั ธ์
กลอนเสภา เป็นกลอนท่แี ตง่ ข้นึ เพอ่ื เล่านทิ านเปน็ ทานอง
โดยใช้ “กรับ” เปน็ เครอ่ื งประกอบจงั หวะ
กลอนเสภาขนาดส้นั (จานวน 4 ตอน)
มลี กั ษณะคาประพนั ธ์เหมือนกลอนแปด
แต่ไม่บงั คบั หรือเสียงสูง-ต่า
บทเสภา
บทเสภาโดยทั่วไปมักจะแต่งเป็นเรื่องราว
เช่ือกันว่าการขบั เสภามาจาก การเล่านิทาน เมื่อฟัง
นิทานที่เล่าด้วยร้อยแก้วจนเบื่อ จึงมีผู้คิดแต่งเป็น
ร ้ อ ย ก ร อ ง แ ล ้ ว ใ ช ้ ขั บ เ ป ็ น ล า น า โ ด ย มั ก มี ก รั บ ใ ห้
จงั หวะ
ตอนที่ 1 : กจิ การแหง่ พระนนที
บทเสภา ตอนท่ี 2 : กรนี ริ มติ
สามคั คีเสวก
ตอนท่ี 3 : วิศวกรรมา
ตอนท่ี 4 : สามคั คีเสวก
บทเสภา ตอนท่ี 1 : กิจการแหง่ พระนนที
สามคั คีเสวก กจิ การแหง่ พระนนที
กล่าวสรรเสริญพระนนที ผู้เป็นเทพ
เสวก เวลาพระอิศวรจะเสด็จไปไหน พระนน
ทีก็จะแปลงเป็นโคอุสุภราชให้ประทับ ถือ
เป็นการแสดงตัวอยา่ งของเสวกท่ีดี
บทเสภา ตอนท่ี 2 : กรีนิรมิต
สามคั คเี สวก กรีนริ มติ
กล่าวสรรเสริญพระคเณศ ผู้เป็น
เทพเจ้าแห่งศิลปวิทยา และเป็นผู้สร้างช้าง
ตระกูลต่าง ๆ ในแผ่นดินเพื่อประดับพระยศ
ของพระมหากษัตรยิ ์
บทเสภา ตอนที่ 3 : วิศวกรรมา
สามคั คีเสวก วิศวกรรมา
กล่าวสรรเสริญพระวิศวกรรม ผู้เป็น
เทพเจา้ แหง่ การกอ่ สร้างและการช่างนานาชนิด
กลา่ วถึงความสาคัญของศลิ ปะทม่ี ีต่อชาติ
บทเสภา ตอนที่ 4 : สามคั คเี สวก
สามัคคเี สวก สามัคคเี สวก
ก ล ่ า ว ถึ ง ก า ร ส ม า น ส า มั ค คี ใ น ห มู่
ข ้ า ร า ช ก า ร ผู ้ ส ว า มิ ภั ก ดิ ์ ใ ต ้ เ บื ้ อ ง ยุ ค ล บ า ท
จงรักภักดี ซื่อตรง และขยันต่อการงาน ให้
รกั ษาเกียรติของขา้ ราชการอยา่ ให้เส่ือมเสยี
รหสั วิชา
ท 22101
ครผู ้สู อน นางสาวปยิ ะนชุ สิมพิลา
บทเสภาสามัคคีเสวก
ตอน วิศวกรรมา
และสามัคคีเสวก
สาระการเรียนรู้
คาศพั ท์
ถอดคาประพนั ธ์
รายวิชาภาษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2
ตอนท่ี 3 : วศิ วกรรมา
ตอนที่ 4 : สามัคคีเสวก
บทเสภาสามคั คเี สวก
ตอนที่ 3 วิศวกรรมา
วศิ วกรรมา บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วศิ วกรรมา
อันชาติใดไร้ศานติสขุ สงบ
ตอ้ งมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่
ณ ชาตนิ ้นั นรชนไมส่ นใจ
ในศลิ ปะวิไลละวาดงาม
แต่ชาตใิ ดรุ่งเรอื งเมอื งสงบ
ว่างการรบอรพิ ลอนั ล้นหลาม
ยอ่ มจานงศิลปาสง่างาม
เพือ่ อรา่ มเรอื งระยบั ประดับประดา
ถอดคาประพนั ธ์
ประเทศใดที่แผ่นดินมีแต่ศึกสงคราม ไม่มีความสงบสุข
ประชาชนในประเทศนน้ั ย่อมไมส่ นใจความงดงามของศิลปะ
แต่หากชาตใิ ดสงบสุข ปราศจากสงคราม ประชาชนก็จะหัน
มา ทานุบารุงงานดา้ นศลิ ปกรรมใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื ง
วศิ วกรรมา บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน วิศวกรรมา
อันชาติใดไรช้ า่ งชานาญศลิ ป์
เหมอื นนารนิ ไร้โฉมบรรโลมสงา่
ใครใครเหน็ ไมเ่ ป็นท่ีจาเริญตา
เขาจะพากนั เย้ยใหอ้ บั อาย
ศิลปกรรมนาใจใหส้ ร่างโศก
ชว่ ยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหอื ดหาย
จาเริญตาพาใจให้สบาย
อีกร่างกายกจ็ ะพลอยสขุ สราญ
ถอดคาประพันธ์
ชาติใดที่ไม่มีช่างศิลป์ก็เปรียบเสมือนผู้หญิงที่ไร้ความงาม
ไม่เป็นทถ่ี กู ใจของใคร มีแตจ่ ะถูกเยาะเยย้ ใหอ้ บั อาย
ศิลปะนั้นช่วยทาให้จิตใจคลายเศร้าโศก ช่วยทาให้ความ
ทกุ ข์หมดไป เมอื่ ไดเ้ หน็ สงิ่ สวยงาม จิตใจกม็ ีความสขุ สง่ ผลให้
รา่ งกายแขง็ แรง
วศิ วกรรมา บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน วิศวกรรมา
แม้ผู้ใดไมน่ ยิ มชมสง่ิ งาม
เมื่อถงึ ยามเศรา้ อรุ าน่าสงสาร
เพราะขาดเครือ่ งระงบั ดับราคาญ
โอสถใดจะสมานซ่ึงดวงใจ
เพราะการชา่ งนีส้ าคัญอันวิเศษ
ทุกประเทศนานาทง้ั น้อยใหญ่
จึงยกยอ่ งศิลปะกรรม์นน้ั ทวั่ ไป
ศรีวิไลวิลาศดเี ป็นศรเี มอื ง
ถอดคาประพันธ์
หากใครไม่เหน็ คุณคา่ ความงามของศิลปะ เมื่อเผชิญความทุกข์
กไ็ ม่มีสิง่ ใดมาเป็นยาช่วยรกั ษาบาดแผลทางใจได้
เพราะความรู้ทางช่างศิลป์ นานาอารยประเทศจึงนิยมยกย่อง
คุณคา่ ของศิลปะวา่ เปน็ เกยี รตยิ ศ เปน็ ความรุง่ เรืองของแผน่ ดนิ
วศิ วกรรมา บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา
ใครดถู กู ผู้ชานาญในการชา่ ง
ความคดิ ขวางเฉไฉไม่เข้าเร่อื ง
เหมือนคนปา่ คนไพรไมร่ ุง่ เรือง
จะพูดดว้ ยน้นั ก็เปลืองซง่ึ วาจา
แต่กรงุ ไทยศรีวไิ ลทนั เพอ่ื นบา้ น
จง่ึ มชี า่ งชานาญวเิ ลขา
ท้ังช่างป้นั ชา่ งเขยี นเพยี รวิชา
อีกชา่ งสถาปนาถกู ทานอง
ถอดคาประพนั ธ์
คนที่ไม่เห็นคุณค่าหรือความงามของศิลปะก็เหมือนคนป่า
ปว่ ยการอธิบาย พูดดว้ ยกเ็ ปลอื งน้าลายเปล่า
แต่ประเทศไทยของเรานั้นเห็นคุณค่าของงานศิลป์ จึงมี
ชา่ งศิลปห์ ลากหลาย ทง้ั ชา่ งป้ัน ช่างเขยี น ช่างกอ่ สรา้ ง
วศิ วกรรมา บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน วศิ วกรรมา
ท้งั ชา่ งรปู พรรณสวุ รรณกิจ
ชา่ งประดิษฐร์ ัชดาสง่าผ่อง
อีกช่างถมลายลักษณะจาลอง
อกี ชา่ ชองเชิงรัตนะประกร
ควรไทยเราชว่ ยบารงุ วิชาช่าง
เครื่องสาอางแบบไทยสโมสร
ชว่ ยบารุงชา่ งไทยใหถ้ าวร
อยา่ ใหห้ ย่อนกว่าเขาเราจะอาย
ถอดคาประพนั ธ์
ช่างทองรูปพรรณ ช่างเงิน ช่างถม และช่างอัญมณี
(นอกจากน้ียงั มชี า่ งในแขนงอ่ืน ๆ อีก เรียกว่า ช่างสิบหมู่)
ชาวไทยควรช่วยส่งเสริมงานช่างศิลป์เหล่านี้ให้
กา้ วหนา้ รุ่งเรือง อย่าใหน้ ้อยหนา้ กว่านานาประเทศ
วศิ วกรรมา บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา
อนั ของชาติไพรชั ชา่ งจดั สรร
เป็นหลายอย่างต่างพรรณเขา้ มาขาย
เราต้องซื้อหลากหลากและมากมาย
ต้องใชท้ รพั ยส์ รุ ุ่ยสุร่ายเป็นกา่ ยกอง
แมพ้ วกเราชาวไทยต้งั ใจช่วย
เอออานวยช่างไทยให้ทาของ
ชา่ งคงใฝ่ใจผกู ถูกทานอง
และทาของงามงามข้นึ ตามกาล
ถอดคาประพนั ธ์
ชาวต่างชาติมักนาสินค้าต่าง ๆ (ราคาแพง) เข้ามาขาย
ในไทยทาให้สน้ิ เปลืองเงินมาก
แตถ่ า้ ชาวไทยหันมาอุดหนุนผลงานของช่างไทย ฝีมือ
ของชา่ งชาวไทยกจ็ ะย่ิงพัฒนาย่งิ ขนึ้
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา
วิศวกรรมา เราชว่ ยชา่ งเหมือนอย่างช่วยบ้านเมือง
ให้ประเทอื งเทศไทยอนั ไพศาล
สมเปน็ เมอื งใหญ่โตมโหฬาร
พอไม่อายเพอื่ นบา้ นจง่ึ จะดี
ถอดคาประพันธ์
การช่วยสนับสนุนงานศิลปกรรมก็เหมือนกับการช่วยพัฒนา
ชาติให้เจริญรุ่งเรืองสมกับเป็นเมืองที่เจริญแล้ว ไม่น้อยหน้า
ประเทศเพอื่ นบา้ น ช่างศิลปะไทยจึงเท่ากับได้ช่วยพัฒนาชาติให้
เจรญิ อย่างถาวรทดั เทยี มนานาประเทศ
ความรเู้ พม่ิ เตมิ
“ช่างสบิ หม”ู่ ตามพจนานกุ รมศพั ทศ์ ลิ ปกรรม ฉบับ
ราชบณั ฑติ สถาน หมายถงึ “ช่างหลวง”
ในอดตี ชา่ งสบิ หมมู่ หี นา้ ทโ่ี ดยตรงในการสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปกรรมตา่ งๆ แก่ราชการใน
สว่ นพระองค์
ในปจั จบุ นั ชา่ งสิบหมูม่ ีหนา้ ที่ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ โดยรวบรวมหลักฐานงานทุก
ชิน้ ทม่ี ลี ักษณะเปน็ งานช่างสิบหมู่ และทาการวจิ ยั ทดลอง ซอ่ มแซม พรอ้ มกบั สร้างใหม่
ในเชงิ อนรุ กั ษศ์ ลิ ปกรรม บรกิ าร ให้ความรู้ วธิ ีการดา้ นงานออกแบบศลิ ปกรรมไทยโบราณ
พฒั นาฝีมอื และผลงานใหเ้ ปน็ งานประยกุ ตผ์ ลงานในอดตี ให้เขา้ กนั กบั ปัจจุบัน
ช่างสิบหมู่
๑. ชา่ งเขยี น ๒. ชา่ งแกะ ๓. ชา่ งหนุ่
๔. ชา่ งปนั้ ๕. ช่างปนู
ชา่ งสบิ หมู่
๖. ช่างรกั ๗. ช่างบุ ๘. ช่างกลงึ
๙. ช่างสลกั ๑๐. ชา่ งหลอ่
วศิ วกรรมา เกรด็ ความรชู้ ่างสบิ หมู่
1. หมู่ช่างเขียน เป็นงานแม่บทในกระบวนช่าง
ท้ังหลาย จะต้องอาศัยการเขยี น
2. หมู่ช่างแกะ หรือช่างแกะสลัก ทั้งยังหมายรวม
ไปถงึ ช่างเงนิ ช่างทองและช่างเพชรพลอยอกี ด้วย
3. ช่างหุ่น เป็นช่างที่ทาสร้างให้เป็นตัวหรือเป็น
รูปรา่ งขน้ึ มา
4. หมู่ช่างปั้น ช่างปั้นจะมีความสัมพันธ์กับช่างปูน
ชา่ งหล่อเปน็ อย่างมาก และผลงานช่างปั้นก็มักจะออกมาในรูป
ของผลงานของช่างท้ัง 2 หมู่
5. หมู่ช่างปูน ลักษณะงานของช่างปูนจะมีทั้งงาน
ซ่อมและงานสร้าง ช่างปูนจะแบ่งออกเป็นพวกปูนก่อ พวก
ปูนฉาบ และพวกปนู ปั้น
วศิ วกรรมา เกร็ดความรูช้ า่ งสบิ หมู่
6. หมชู่ ่างรกั คือ การลงรักปิดทองเปน็ ขั้นสดุ ทา้ ย
7. หมู่ช่างบุ เป็นช่างตีแผ่ให้เป็นแผ่นแบน ๆ ซึ่ง
อาจจะแบนออกมาเป็นรูปตา่ ง ๆ หรอื เป็นแผน่ แบนธรรมดาก็ได้
8. หมชู่ า่ งกลึง งานของช่างในหมู่ช่างกลึงนี้จะเป็นการ
กลึงใหก้ ลมและผิวเรยี บแล้ว ยังรวมไปถึงการประดับตกแต่งสิ่ง
ทก่ี ลงึ แลว้ อีกดว้ ย
9. หมู่ช่างสลัก เป็นการสลักเสลาให้สวยงาม จึงต้องมี
ความประณตี บรรจง
10. หมู่ช่างหล่อ งานหล่อของไทยจึงเน้นหนักไปใน
การหลอ่ พระพทุ ธรูป
คณุ คา่ ดา้ นเนอื้ หา
ตอน วศิ วกรรมา
ชีใ้ ห้เห็นความสาคัญและคณุ ค่าของศลิ ปะแขนงต่าง ๆ
ประโยชน์ตอ่ ตนเอง ศลิ ปกรรมนาใจใหส้ ร่างโศก
ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย
จาเรญิ ตาพาใจใหส้ บาย
อกี ร่างกายกจ็ ะพลอยสขุ สราญ
แม้ผใู้ ดไมน่ ยิ มชมส่ิงงาม
เมอื่ ถึงยามเศรา้ อรุ าน่าสงสาร
เพราะขาดเครอื่ งระงับดบั ราคาญ
โอสถใดจะสมานซง่ึ ดวงใจ
คาประพันธ์ข้างต้นชี้ให้เห็นประโยชน์ของศิลปกรรมที่ช่วยให้คลายความ
โศกเศรา้ ช่วยทาใหส้ บายใจ และมคี วามสขุ
คณุ คา่ ดา้ นเนอื้ หา
ตอน วิศวกรรมา
ชใี้ หเ้ หน็ ความสาคัญและคุณคา่ ของศิลปะแขนงตา่ ง ๆ
ประโยชน์ต่อประเทศชาติ อนั ชาตใิ ดไร้ศานติสุขสงบ
ตอ้ งมวั รบราญรอนหาผ่อนไม่
ณ ชาติน้ันนรชนไม่สนใจ
ในศลิ ปะวไิ ลละวาดงาม
แต่ชาตใิ ดรุ่งเรืองเมอื งสงบ
วา่ งการรบอริพลอนั ลน้ หลาม
ย่อมจานงศลิ ปาสงา่ งาม
เพอ่ื อรา่ มเรอื งระยับประดับประดา
คาประพันธ์ข้างต้นชี้ให้เห็น ศิลปกรรม เป็นสิ่งบ่งชี้ให้เห็นความร่มเย็นเป็นสุขและแสดงเกียรติภูมิ
ของประเทศ เน่อื งจากประเทศท่ไี ม่มีสงคราม ย่อมตอ้ งพฒั นาบ้านเมืองใหม้ คี วามสวยงาม เจรญิ ตาเจริญใจ
คุณค่าดา้ นสงั คม
แสดงถึงเอกลักษณ์ของศลิ ปกรรมไทยและการสืบทอดศิลปกรรมในสาขาต่าง ๆ
ใหค้ งอยู่ค่กู ับชาติ แต่กรุงไทยศรวี ิไลทนั เพื่อนบ้าน
จงึ่ มชี า่ งชานาญวเิ ลขา
ทง้ั ชา่ งปั้นช่างเขยี นเพยี รวิชา
อกี ชา่ งสถาปนาถูกทานอง
ทัง้ ชา่ งรปู พรรณสวุ รรณกจิ
ช่างประดิษฐร์ ชั ดาสงา่ ผ่อง
อกี ช่างถมลายลกั ษณะจาลอง
อีกช่าชองเชิงรตั นะประกร
ควรไทยเราช่วยบารุงวิชาช่าง
เคร่อื งสาอางแบบไทยสโมสร
ช่วยบารงุ ช่างไทยให้ถาวร
อยา่ ให้หยอ่ นกว่าเขาเราจะอาย
คุณคา่ ดา้ นแนวคดิ
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา มีคุณค่า
ทางด้านแนวคิด คือ ศิลปกรรมของไทยเป็นมรดกท่ี
สะท้อนถึงความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของชาติ
จึงควรค่าแก่การบารุงรักษาช่างไทยและศิลปกรรมของ
ไทยใหย้ งั่ ยืนสบื ไป
1
คุณค่าดา้ นวรรณศลิ ป์
การใชก้ ารเปรยี บเทยี บให้เห็นภาพอปุ มา เชน่
อนั ชาตใิ ดไรช้ ่างชานาญศิลป์
เหมือนนารินไรโ้ ฉมบรรโลมสง่า
ใครใครเหน็ ไมเ่ ป็นท่จี าเรญิ ตา
เขาจะพากนั เย้ยใหอ้ บั อาย
“ประเทศทไ่ี ม่มีช่างฝีมอื เหมือนกับหญิงอปั ลักษณท์ ่ไี มเ่ จรญิ ตา”
คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์
การใชก้ ารเปรยี บเทียบใหเ้ ห็นภาพอุปมา เชน่
ใครดถู กู ผ้ชู านาญในการชา่ ง
ความคิดขวางเฉไฉไมเ่ ข้าเรื่อง
เหมือนคนปา่ คนไพรไม่รุ่งเรือง
จะพดู ด้วยนั้นกเ็ ปลืองซ่ึงวาจา
“ผู้ทีไ่ มเ่ หน็ คุณคา่ ของช่างศลิ ปกรรมเหมอื นคนปา่ ท่ยี ังไมเ่ จรญิ ”
คุณค่าดา้ นวรรณศลิ ป์
ใช้การเล่นคาเชิงถามแต่ไมต่ ้องการคาตอบ (ปฏปิ ุจฉา) เชน่
แมผ้ ู้ใดไมน่ ิยมชมสง่ิ งาม
เมอ่ื ถงึ ยามเศรา้ อุราน่าสงสาร
เพราะขาดเคร่ืองระงับดับราคาญ มีการใชค้ าแสดงคาถาม เชน่
โอสถใดจะสมานซ่งึ ดวงใจ ใด ใคร การใชค้ าลกั ษณะนี้
ใครดูถกู ผู้ชานาญในการช่าง เป็นการกระตนุ้ ใหผ้ อู้ า่ นสนใจ
ความคดิ ขวางเฉไฉไมเ่ ขา้ เรื่อง มากกวา่ ตอ้ งการคาตอบ
เหมือนคนปา่ คนไพรไม่ร่งุ เรอื ง
จะพูดดว้ ยนน้ั ก็เปลอื งซ่งึ วาจา
คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์
การเล่นเสียงพยญั ชนะ เช่น ตอ้ งมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่
ในกจิ ศลิ ปะวไิ ลละวาด
อันชาตใิ ดไร้ศานติสุขสงบ
ณ ชาตินั้นนรชนไมส่ นใจ ช่วยบรรเทาทกุ ข์ในโลกใหเ้ หือดหาย
การเล่นเสียงสระ เชน่ อีกร่างกายกจ็ ะพลอยสุขสราญ
ศลิ ปกรรมนาใจใหส้ รา่ งโศก
จาเรญิ ตาพาใจใหส้ บาย
ความรจู้ ากวรรณคดี
1. ความรู้เกี่ยวกับการช่างสาขาต่าง ๆ เช่น ช่างเขียน
ชา่ งทอง ช่างป้ัน
2. การช่างมีคุณค่าทาให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง มีความ
งดงาม ผู้พบเห็นสบายตาสบายใจคลายความเศร้าหมอง
ทกุ ประเทศจงึ ยกยอ่ งศลิ ปกรรม
ขอ้ คดิ นาชวี ติ
1. ศิลปกรรมทาให้โลกสดใสสวยงามและแสดงถึงความ
เจรญิ รงุ่ เรืองของประเทศ
2. ควรยกย่องวิชาชีพต่าง ๆ และช่วยกันบารุงช่างไทยให้
ร่งุ เรือง เพ่ือใหป้ ระเทศพัฒนาทดั เทยี มอารยประเทศ
3. ในฐานะที่เป็นคนไทยควรศึกษางานช่างของไทย
ตามความรู้ความสามารถของตน และควรฝึกหัดการช่างที่
นา่ สนใจเม่ือมโี อกาส
รหสั วิชา
ท 22101
ครผู ้สู อน นางสาวปยิ ะนชุ สิมพิลา
บทเสภาสามัคคีเสวก
ตอน วิศวกรรมา
และสามัคคีเสวก
สาระการเรียนรู้
คาศพั ท์
ถอดคาประพนั ธ์
บทเสภาสามคั คเี สวก
ตอนที่ 4 สามคั คเี สวก
บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน สามคั คเี สวก
ประการหนงึ่ พึงคิดในจติ มัน่
วา่ ทรงธรรม์เหมือนบดิ าบงั เกดิ หัว
ควรเคารพยาเยงและเกรงกลวั
ประโยชนต์ วั นึกน้อยหนอ่ ยจะดี
ควรนกึ วา่ บรรดาข้าพระบาท
ลว้ นเป็นราชบริพารพระทรงศรี
เหมอื นลกู เรอื อยใู่ นกลางหวา่ งวารี
จาต้องมีมิตรจติ รสนิทกนั
ถอดคาประพันธ์
สิ่งหนึ่งที่เราควรมีไว้ในจิตใจ คือ พระเจ้าแผ่นดินเปรียบเสมือนพ่อ
บังเกิดเกล้าที่เราควรเกรงใจและเคารพนับถือ เราไม่ต้องเห็นแก่ประโยชน์
สว่ นตวั มากเกนิ ไป
ควรนึกว่าพวกเราก็เป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าแผ่นดินคนหนึ่ง เหมือน
ลูกเรือท่ีอยใู่ นเรือกลางทะเลจาเป็นทจี่ ะตอ้ งมคี วามสามคั คตี ่อกนั
สามคั คเี สวก บทเสภาสามคั คเี สวก ตอน สามคั คเี สวก
แม้ลกู เรือเชือ่ ถอื ผูเ้ ป็นนาย
ต้องมุ่งหมายช่วยแรงโดยแขง็ ขัน
คอยตงั้ ใจฟังบังคบั กัปปติ ัน
นาวานน้ั จ่ึงจะรอดตลอดทะเล
แมล้ ูกเรืออวดดีมีทิฐิ
และเริ่มรเิ ฉโกยุ่งโยเส
เมื่อคลนื่ ลมแรงจัดซดั โซเซ
เรอื จะเหล่มระยาควา่ ไป
ถอดคาประพันธ์
ถ้าลูกเรือเชื่อฟังกัปตันก็จะต้องช่วยกัปตันอย่างแข็งขัน ต้องตั้งใจฟัง
คาสงั่ ของกปั ตนั เรอื กจ็ ะรอดไปถึงจุดหมาย
แต่ถ้าลูกเรือไม่เชื่อฟังกัปตันและเริ่มแตกคอกัน เวลาคลื่นลมแรงเรือก็
จะโคลงเคลง ต่อมาเรือก็จะจม
สามัคคเี สวก บทเสภาสามคั คีเสวก ตอน สามัคคีเสวก
แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง
นายเรือจะเอาแรงมาแตไ่ หน
แมไ้ มถ่ ือเคร่งคงตรงวินยั
เม่อื ถึงคราวพายุใหญ่จะครวญคราง
นายจะสง่ั สิง่ ใดไมเ่ ขา้ จติ
จะตอ้ งตดิ ตนั ใจใหข้ ัดขวาง
จะยุ่งแลว้ ยงุ่ เล่าไมเ่ ข้าทาง
เรอื กค็ งอบั ปางกลางสาคร
ถอดคาประพันธ์
ถ้าลูกเรือมัวแต่ทะเลาะกัน กัปตันก็จะไม่มีกาลังมาต่อสู้ ถ้าไม่เคร่งครัด
ตอ่ กฎระเบียบเวลาท่ีเกดิ ภัยอะไรขึ้นจะเดอื ดร้อน
กัปตันสั่งอะไรก็ไม่ฟังพอถึงเวลาก็มีข้อขัดแย้งต่อมาก็จะเกิดเหตุการณ์
วุน่ วายข้นึ ในทสี่ ดุ เรือก็จะลม่ กลางทะเล
สามัคคเี สวก บทเสภาสามัคคเี สวก ตอน สามคั คีเสวก
ถงึ เสวีทเ่ี ปน็ ขา้ ฝา่ พระบาท
ไมค่ วรขาดความสมคั รสโมสร
ในพระราชสานักพระภูธร
เหมอื นเรือแล่นสาครสมุทรไทย
เหล่าเสวกตกท่ีกะลาสี
ควรคิดถงึ หนา้ ที่นั้นเปน็ ใหญ่
รักษาตนเคร่งคงตรงวินัย
สมานใจจงรกั พระจักรี
ถอดคาประพันธ์
เป็นข้าราชการไม่ควรขาดความสามัคคีปรองดองกัน เหตุการณ์ใน
พระราชสานกั กเ็ ปรียบเสมือนเรอื ที่แล่นอยตู่ ามทะเลมหาสมุทร
เหล่าขา้ ราชการในราชสานักกเ็ หมอื นเป็นกะลาสีควรนกึ ถงึ หนา้ ทเ่ี ป็นหลัก
มีระเบียบวนิ ัยและจงรักภักดีตอ่ พระเจ้าแผน่ ดนิ