1 | ห น้ า
2 | ห น้ า ค ำน ำ รายงานโปรแกรมระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ (Big Data) จัดท าเพื่อพัฒนา โปรแกรมระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ (Big Data) ให้เป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศ ในการให้บริการผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ใช้ข้อมูลในรูปแบบออนไลน์ รวมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่สนใจ ได้รับทราบและเข้าถึงข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียน และภาพรวมของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชัยภูมิ เขต 2 ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนองนโยบาย จุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ในการเปิดโอกาสเข้าถึงการจัดการศึกษาให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนา คุณภาพการศึกษา คณะผู้จัดท าหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานโปรแกรมระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหาร จัดการ (Big Data) เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ส าหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และผู้ที่สนใจ เพื่อใช้ข้อมูลในการบริหารจัดการศึกษาให้บรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลต่อการจัดการศึกษา ต่อไป ศุภลักษณ์ ไปนาน และคณะ ก
3 | ห น้ า สำรบัญ หน้ำ ค ำน ำ ก สำรบัญ ข บทที่ 1 บทน ำ 1 1.1 ที่มาและความส าคัญ 1 1.2 วัตถุประสงค์ 1 1.3 เป้าหมาย 2 1.4 ขอบเขตของงาน 2 1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2 บทที่ 2 เอกสำรที่เกี่ยวข้อง 3 2.1 ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ประกาศนโยบายและจุดเน้นของ กระทรวงศึกษาธิการ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 3 2.2 ประกาศส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง นโยบายและจุดเน้น ของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 8 2.3 การขับเคลื่อนแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานสู่การปฏิบัติ แผนพัฒนาการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2566-2570 ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 10 2.4 ระบบข้อมูลสารสนเทศของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 11 2.5 การน าเอาข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา 15 2.6 การบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศระดับเขตพื้นที่การศึกษา 15 บทที่ 3 กำรด ำเนินงำน 3.1 การบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศด้วยกระบวนการบริหารจัดการ “5 ขั้นตอน” 16 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล 18 บทที่ 4 ผลกำรด ำเนินงำน 19 4.1 ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ 19 4.2 การเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ โปรแกรมระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร จัดการศึกษา (Big Data) 45 4.3 คุณภาพและประสิทธิภาพของโปรแกรมระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อ การบริหารจัดการ (Big Data) 47 4.4 การน าโปรแกรมระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ (Big Data) ไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษาในด้านต่างๆ 48 ข
4 | ห น้ า สำรบัญ (ต่อ) หน้ำ 4.5 รายงานผลส ารวจความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ โปรแกรมระบบข้อมูล สารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ (Big Data) 49 บทที่ 5 สรุปผล 54 5.1 สรุปผลการด าเนินงาน 54 5.2 ประโยชน์ต่อบุคคล 55 5.3 ประโยชน์ต่อหน่วยงาน 55 5.4 ปัญหาอุปสรรค 56 5.5 ข้อเสนอแนะ 56 บรรณำนุกรม 57 ภำคผนวก 58 - โครงการการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการบริหารจัดการศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 - แต่งตั้งคณะกรรมการ ส่งเสริมการศึกษาทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (เจ้าหน้าที่ ICT) - แบบประเมินความพึงพอใจออนไลน์ การใช้โปรแกรมระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ (Big Data) - เอกสารประชาสัมพันธ์โปรแกรมระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ (Big Data) ค
1 | ห น้ า บทที่ 1 บทน ำ 1.1 ที่มำและควำมส ำคัญ กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายในการพัฒนาระบบราชการ และการบริการภาครัฐยุคดิจิทัล ขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการ 4.0 ด้วยนวัตกรรม และการน าเทคโนโลยีดิจิทัล มาเป็นกลไกหลัก ในการด าเนินงาน (Digitalize Process) การเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูล (Sharing Data) การส่งเสริมความ ร่วมมือ บูรณาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่ายเทคโนโลยี สารสนเทศให้สามารถใช้งานเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อ รองรับระบบราชการ 4.0 สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ในทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกอุปกรณ์ และทุกช่องทาง รวมทั้ง ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีนโยบายและจุดเน้นน าเทคโนโลยี ดิจิทัลและการจัดการฐานข้อมูล มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการเรียนรู้ ของผู้เรียน ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 เห็นถึงความส าคัญของการพัฒนาระบบ ข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษา ซึ่งต้องมีระบบสารสนเทศที่ถูกต้องและรวดเร็วแม่นย า ดังนั้น ถ้ามีระบบ สารสนเทศที่ดีจะช่วยให้การเก็บรวบรวมข้อมูล การจัดท าสารสนเทศ การรับและส่งต่อข้อมูลและสารสนเทศ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศด าเนินการเชื่อมโยงอย่างมีระบบ เพื่อประโยชน์ใน การเพิ่มประสิทธิภาพในการท างาน การลดเวลาขั้นตอนการท างานสามารถกลั่นกรองสารสนเทศที่ตรงกับ ความต้องการได้ทันที ตลอดจนถึงการใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ในการสร้างมาตรการประกันคุณภาพการศึกษา และเพิ่มคุณภาพในการบริหารจัดการศึกษาขององค์กรให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 จึงได้คิดพัฒนาโปรแกรม “ระบบข้อมูล สารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ (Big Data)” ขึ้น เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลในระบบที่กระจัดกระจายให้เป็น หนึ่งเดียวในรูปแบบสารสนเทศฐานข้อมูลกลางอย่างมีระบบ สามารถน าไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ลดการเก็บข้อมูลที่ซ้ าซ้อน และมีข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษา ครบทั้ง 4 ด้าน คือ ด้าน บริหารงานวิชาการ ด้านบริหารงบประมาณ ด้านบริหารงานบุคคล และด้านบริหารงานทั่วไป ประกอบด้วย ข้อมูลพื้นฐานโรงเรียนในสังกัด ข้อมูลพื้นฐานนักเรียนในสังกัด ข้อมูลพื้นฐานครูและบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนในสังกัด ข้อมูลพื้นฐานอาคาร ที่ดินและสิ่งก่อสร้างโรงเรียนในสังกัด และข้อมูลพื้นฐานด้านคุณภาพ การศึกษา ได้แก่ ผลการเรียน ผลการเรียนเฉลี่ยสะสม ผลการทดสอบระดับชาติ O-NET NT โดยหน่วยงาน โรงเรียนในสังกัด และหน่วยงานอื่นๆ สามารถน าเอาโปรแกรม “ระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ (Big Data)” ไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป 1.2 วัตถุประสงค์ 1.2.1 เพื่อพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศที่มีอยู่เดิมให้เป็นระบบฐานข้อมูลกลางสามารถ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน
2 | ห น้ า 1.2.2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารและการจัดการข้อมูลสารสนเทศให้เกิดประโยชน์ส าหรับผู้ใช้ ในการน าข้อมูลสารสนเทศไปใช้วางแผนการด าเนินงาน และการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิด ประสิทธิผลต่อการจัดการศึกษา 1.3 เป้ำหมำย 1.3.1 เชิงปริมาณ มีระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา (Big Data) จ านวน 1 โปรแกรม 1.3.2 เชิงคุณภาพ มีระบบบริหารจัดการฐานข้อมูลสารสนเทศ ที่สามารถน าข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ วางแผนการด าเนินงานบริหารจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลต่อการ พัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานการจัดการศึกษา 1.4 ขอบเขตของงำน 1.4.1 พัฒนาโปรแกรมข้อมูล “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา (Big Data)” เพื่อเป็น เครื่องมือในการสนับสนุนงานบริหารจัดการใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านบริหารงานวิชาการ ด้านบริหารงบประมาณ ด้านบริหารงานบุคคล และด้านบริหารงานทั่วไป 1.4.2 พัฒนาฐานข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา (Big Data) ของส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 1.4.3 ศึกษาความพึงพอใจของโปรแกรมข้อมูล “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา (Big Data) 1.4.4 กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด 1.5 ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ ผลผลิต (Output) 1.5.1 ข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาของโรงเรียนและส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีความถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ เป็นปัจจุบัน สามารถน าไปใช้ในการตัดสินใจด าเนินการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1.5.2 ระบบการให้บริการข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา สามารถ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างครอบคลุมภารกิจด้านการบริหารจัดการอย่างมีคุณภาพ ผลลัพธ์ (Outcome) ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 มีฐานข้อมูลและสารสนเทศกลาง ที่ชัดเจน สามารถอ้างอิง และน าไปใช้ประกอบการบริหารจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลต่อ การพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา
3 | ห น้ า บทที่ 2 เอกสำรที่เกี่ยวข้อง ในการด าเนินงานพัฒนาโปรแกรมข้อมูล “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา (Big Data)” คณะด าเนินงาน ได้ศึกษาจากเอกสารและการด าเนินงานที่เกี่ยวข้องดังนี้ 2.1 ประกำศกระทรวงศึกษำธิกำร เรื่อง ประกำศนโยบำยและจุดเน้นของกระทรวงศึกษำธิกำร ประจ ำปี งบประมำณ พ.ศ. 2566 กระทรวงศึกษาธิการมุ่งมั่นด าเนินการภารกิจหลักตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561 – 2580) ในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนทุกแผนย่อยในประเด็น 12 การพัฒนาการเรียนรู้ และแผนย่อยที่ 3 ในประเด็น 11 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต รวมทั้งแผนการปฏิรูปประเทศด้าน การศึกษา (ฉบับปรับปรุง) และนโยบายรัฐบาลทั้งในส่วนนโยบายหลักด้านการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ และ การพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย และนโยบายเร่งด่วน เรื่อง การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 และ พหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) โดยเฉพาะหมุดหมายที่ 12 ไทยมีก าลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคตแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 รวมทั้งนโยบายและแผนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนทุกช่วงวัยจะได้รับการ พัฒนาในทุกมิติ ทั้งในด้านโอกาส ความเท่าเทียม ความเสมอภาค ความปลอดภัย และมีสมรรถนะที่ส าคัญ จ าเป็นในศตวรรษที่ 21 และมีความพร้อมร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ดังนั้น ในการเร่งรัดการท างานภาพรวมกระทรวงให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นความ ไว้วางใจให้กับสังคมและผลักดันให้การจัดการศึกษามีคุณภาพและประสิทธิภาพในทุกมิติ กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ก าหนดหลักการส าคัญในการประกาศนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไว้ดังนี้ 1. สร้ำงควำมเชื่อมั่น ไว้วำงใจให้กับสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เรียนและประชาชน โดยให้ทุก หน่วยงานน ารูปแบบการท างานโดยบูรณาการการท างานร่วมกัน และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส ความ รับผิดชอบ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 2. สนับสนุนให้ผู้ปฏิบัติงำนทุกคนด ำเนินกำรตำมภำรกิจด้วยควำมรับผิดชอบ ต่อตนเอง องค์กร ประชาชนและประเทศชาติ โดยให้ความส าคัญกับการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ผ่านกลไกการรับ ฟังความคิดเห็นมาประกอบการด าเนินงานที่เป็นประโยชน์ต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษา 3. ด ำเนินกำรตำมนโยบำยของกระทรวงศึกษำธิกำร ที่ได้ประกำศและแถลงนโยบำยไว้แล้ว เมื่อ วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เพื่อมุ่งเน้นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภาคการศึกษาที่จะก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อผู้เรียนและประชาชนอย่างมีนัยส าคัญ
4 | ห น้ า กระทรวงศึกษำธิกำร ได้ประกำศนโยบำยและจุดเน้นประจ ำปีงบประมำณ พ.ศ. 2566 ดังนี้ 1. กำรจัดกำรศึกษำเพื่อควำมปลอดภัย 1.1 เร่งสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษาเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของสังคม และป้องกันจาก ภัยคุกคามในชีวิตรูปแบบใหม่ และภัยอื่นๆ โดยมีการด าเนินการตามแผนและมาตรการด้านความปลอดภัย ให้แก่ผู้เรียน ครู และบุคลากรในรูปแบบต่างๆ อย่างเข้มข้น รวมทั้งด าเนินการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ติดตาม ประเมินผลการด าเนินการ และแสวงหาสถานศึกษาที่ด าเนินการได้ดีเยี่ยม (Best Practice) เพื่อปรับปรุง พัฒนาและขยายผลต่อไป 1.2 เร่งปลูกฝังทัศนคติ พฤติกรรม และองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง โดยบูรณาการอยู่ใน กระบวนการจัดการเรียนรู้ เพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้และสร้างภูมิคุ้มกันควบคู่กับการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ในเชิงบวกและสร้างสรรค์ พร้อมทั้งหาแนวทางวิธีการปกป้องคุ้มครองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา 1.3 เสริมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ความตระหนัก และส่งเสริมคุณลักษณะและพฤติกรรมที่ พึงประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 1.4 เร่งพัฒนาบทบาทและภารกิจของหน่วยงานด้านความปลอดภัยที่มีอยู่ในทุก หน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการให้ด าเนินการอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ 2. กำรยกระดับคุณภำพกำรศึกษำ 2.1 ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาน าหลักสูตรฐานสมรรถนะไปสู่การปฏิบัติอย่างเต็ม รูปแบบ เพื่อสร้างสมรรถนะที่ส าคัญจ าเป็นส าหรับศตวรรษที่ 21 ให้กับผู้เรียน 2.2 จัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้ค้นพบพรสวรรค์ ความสนใจ ความถนัดในอาชีพของ ตนเอง ด้วยการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) ทั้งในห้องเรียน สถานประกอบการ รวมทั้ง การเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มและห้องดิจิทัลให้ค าปรึกษาแนะน า 2.3 พัฒนาและบูรณาการกระบวนการจัดการเรียนรู้และการวัดประเมินผลฐานสมรรถนะสู่ การปฏิบัติในชั้นเรียน เพื่อสร้างความฉลาดรู้ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สร้างตรรกะความคิด แบบเป็นเหตุเป็นผลให้นักเรียนไทยสามารถแข่งขันได้กับนานาชาติ 2.4 พัฒนาทักษะดิจิทัลและภาษาคอมพิวเตอร์ (Coding) ส าหรับผู้เรียนทุกช่วงวัย เพื่อ รองรับการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมดิจิทัลในโลกยุคใหม่ 2.5 พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและศีลธรรมให้มี ความทันสมัย น่าสนใจ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น และการ เสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง 2.6 จัดการเรียนรู้ตามความสนใจรายบุคคลของผู้เรียนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่หลากหลาย และแพลตฟอร์มการเรียนรู้อัจฉริยะที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อการสอนคุณภาพสูง รวมทั้งมีการประเมินและพัฒนาผู้เรียน
5 | ห น้ า 2.7 ส่งเสริมการให้ความรู้และทักษะด้านการเงินและการออม (Financial Literacy) ให้กับ ผู้เรียน โดยบูรณาการการท างานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารออมสิน สหกรณ์ ฯลฯ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ โครงการ และกิจกรรม ต่าง ๆ และการเผยแพร่สื่อแอนิเมชันรอบรู้เรื่องเงิน รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเชิงพาณิชย์เพื่อให้เกิด ผลตอบแทนที่สูงขึ้น 2.8 ปรับโฉมศูนย์วิทยาศาสตร์และศูนย์การเรียนรู้ ให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย สวยงาม ร่มรื่น จูงใจ ให้เข้าไปใช้บริการ โดยมีมุมค้นหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มุมจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ คิด วิเคราะห์ของผู้เรียน หรือกลุ่มผู้เรียน และการร่วมกิจกรรมกับครอบครัว หรือจัดเป็นฐานการเรียนรู้ด้านต่างๆ ที่ผู้เรียนและประชาชนสามารถมาลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม และได้รับเอกสารรับรองการเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อน าไปใช้ประโยชน์ในส่วนที่เกี่ยวข้องหรือสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Credit Bank) ได้ รวมทั้งมีบริเวณพักผ่อน ที่มีบริการลักษณะบ้านสวนกาแฟเพื่อการเรียนรู้ เป็นต้น 2.9 ส่งเสริมสนับสนุนสถานศึกษาให้มีการน าผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติไปใช้ใน การวางแผนการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน 2.10 พัฒนาระบบการประเมินคุณภาพสถานศึกษาที่เน้นสมรรถนะและผลลัพธ์ที่ตัวผู้เรียน 3. กำรสร้ำงโอกำส ควำมเสมอภำค และควำมเท่ำเทียมทำงกำรศึกษำทุกช่วงวัย 3.1 พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศของนักเรียนเป็นรายบุคคล เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการส่ง ต่อไปยังสถานศึกษาในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะระดับการศึกษาภาคบังคับ เพื่อป้องกันเด็กตกหล่นและเด็ก ออกกลางคัน 3.2 ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กปฐมวัยที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปทุกคน เข้าสู่ระบบการศึกษา เพื่อรับการพัฒนาอย่างรอบด้าน มีคุณภาพ ตามศักยภาพ ตามวัยและต่อเนื่องอย่างเป็นระบบ โดยบูรณาการ ร่วมงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3.3 พัฒนาข้อมูลและทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายพิเศษ และกลุ่ม เปราะบาง รวมทั้งกลุ่ม NEETs ในการเข้าถึงการศึกษา การเรียนรู้ และการฝึกอาชีพ อย่างเท่าเทียม 3.4 พัฒนาระบบสนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว (Home School) และ การเรียนรู้ที่บ้านเป็นหลัก (Home–based Learning) 4. กำรศึกษำเพื่อพัฒนำทักษะอำชีพและเพิ่มขีดควำมสำมำรถในกำรแข่งขัน 4.1 พัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษา และหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น แบบโมดูล (Modular System) มีการบูรณาการวิชาสามัญและวิชาชีพในชุดวิชาชีพเดียวกัน เชื่อมโยงการจัดการอาชีวศึกษาทั้งใน ระบบ นอกระบบและระบบทวิภาคี รวมทั้งการจัดการเรียนรู้แบบต่อเนื่อง (Block Course) เพื่อสะสมหน่วย การเรียนรู้ (Credit Bank) ร่วมมือกับสถานประกอบการในการจัดการอาชีวศึกษาอย่างเข้มข้นเพื่อการมีงานท า 4.2 ขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนาก าลังคนตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และยกระดับสมรรถนะ ก าลังคนตามกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน และมาตรฐานสากล รวมทั้งขับเคลื่อนความเป็นเลิศทางการ อาชีวศึกษา (Excellent Center) โดยความร่วมมือกับภาคเอกชนและสถานประกอบการในการผลิตก าลังคนที่ ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ
6 | ห น้ า 4.3 พัฒนาสมรรถนะอาชีพที่สอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ โดยการ Re-skill Up-skill และ New skill เพื่อให้ทุกกลุ่มเป้าหมายมีการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น พร้อมทั้งสร้างช่องทางอาชีพในรูปแบบ หลากหลายให้ครอบคลุมผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งผู้สูงอายุ โดยมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4.4 ส่งเสริมการพัฒนาแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ตาม สมรรถนะที่จ าเป็นในการเข้าสู่อาชีพ และการน าผลการทดสอบไปใช้คัดเลือกเข้าท างาน ศึกษาต่อ ขอรับ ประกาศนียบัตรมาตรฐานสมรรถนะการใช้ดิจิทัล (Digital Literacy) การขอรับวุฒิบัตรสมรรถนะภาษาอังกฤษ (English Competency) 4.5 จัดตั้งศูนย์ให้ค าปรึกษาการจัดตั้งธุรกิจ (ศูนย์ Start up) ภายใต้ศูนย์พัฒนาอาชีพและ การเป็นผู้ประกอบการ และพัฒนาศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา เพื่อการส่งเสริม และพัฒนา ผู้ประกอบการด้านอาชีพทั้งผู้เรียนอาชีวศึกษาและประชาชนทั่วไป โดยเชื่อมโยงกับ กศน. และสถาน ประกอบการ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพในวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ 4.6 เพิ่มบทบาทการอาชีวศึกษาในการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการและก าลังแรงงานใน ภาคเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรอัจฉริยะ (Smart Farmer) และกลุ่มยุวเกษตรกรอัจฉริยะ (Young Smart Farmer) ที่สามารถรองรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ 4.7 ส่งเสริม และสนับสนุนการผลิตและพัฒนาก าลังคนทุกช่วงวัยเพื่อการมีงานท า โดยบูรณา การความร่วมมือในการจัดการศึกษาร่วมกับหน่วยงาน องค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น และสถาบันสังคมอื่น 4.8 พัฒนาหลักสูตรอาชีพส าหรับกลุ่มเป้าหมายผู้อยู่นอกระบบโรงเรียนและประชาชนที่ สอดคล้องมาตรฐานอาชีพ เพื่อการเข้าสู่การรับรองสมรรถนะและได้รับคุณวุฒิวิชาชีพตามกรอบคุณวุฒิ แห่งชาติ รวมทั้งสามารถน าผลการเรียนรู้และมวลประสบการณ์เทียบโอนเข้าสู่การสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Credit Bank) ได้ 5. กำรส่งเสริมสนับสนุนวิชำชีพครู บุคลำกรทำงกำรศึกษำ และบุคลำกรสังกัด กระทรวงศึกษำธิกำร 5.1 ส่งเสริมสนับสนุนการด าเนินการตามหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะแนวใหม่ Performance Appraisal (PA) โดยใช้ระบบการประเมินต าแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา ระบบ Digital Performance Appraisal (DPA) 5.2 ส่งเสริมสนับสนุนการด าเนินการ พัฒนาสมรรถนะทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลตามกรอบ ระดับสมรรถนะดิจิทัล (Digital Competency) ส าหรับครูและบุคลากรทางการศึกษาระดับการศึกษาขั้น พื้นฐาน และระดับอาชีวศึกษา 5.3 พัฒนาครูให้มีความพร้อมด้านวิชาการและทักษะการจัดการเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยีและ นวัตกรรมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้งให้เป็นผู้วางแผนเส้นทางการเรียนรู้ การประกอบอาชีพ และ การด าเนินชีวิตของผู้เรียนได้ตามความสนใจและความถนัดของแต่ละบุคคล
7 | ห น้ า 5.4 พัฒนาขีดความสามารถของข้าราชการพลเรือนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้มี สมรรถนะที่สอดคล้องและเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต 5.5 เร่งรัดการด าเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ ควบคู่กับ การให้ความรู้ด้านการวางแผนและการสร้างวินัยด้านการเงินและการออม 6. กำรพัฒนำระบบรำชกำร และกำรบริกำรภำครัฐยุคดิจิทัล 6.1 ขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการ 4.0 ด้วยนวัตกรรม และการน าเทคโนโลยีดิจิทัล มา เป็นกลไกหลัก ในการด าเนินงาน (Digitalize Process) การเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูล (Sharing Data) การ ส่งเสริมความร่วมมือ บูรณาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก 6.2 ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศให้สามารถใช้งานเครือข่าย สื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับระบบราชการ 4.0 สามารถ ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ในทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกอุปกรณ์และทุกช่องทาง 6.3 ปรับปรุงระบบการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษา โดยยึดหลักความ จ าเป็นและใช้พื้นที่เป็นฐาน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเป็นส าคัญ 6.4 น าเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในระบบการคัดเลือกข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในต าแหน่งและสายงานต่าง ๆ 6.5 ส่งเสริมสนับสนุนการด าเนินงานของส่วนราชการให้เป็นไปตามกลไกการประเมิน คุณธรรมและความโปร่งใสในการด าเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ 7. กำรขับเคลื่อนกฎหมำยกำรศึกษำและแผนกำรศึกษำแห่งชำติ เร่งรัดการด าเนินการจัดท ากฎหมายล าดับรองและแผนการศึกษาแห่งชาติเพื่อรองรับ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติควบคู่กับการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง แนวทำงกำรขับเคลื่อนนโยบำยสู่กำรปฏิบัติ 1. ให้ส่วนราชการ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ น านโยบายและจุดเน้นของ กระทรวงศึกษาธิการ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ข้างต้น เป็นกรอบแนวทางในการจัดการศึกษา โดย ด าเนินการจัดท าแผนและงบประมาณรายจ่ายประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 2. ให้มีคณะกรรมการติดตาม ประเมินผล และรายงานการขับเคลื่อนนโยบายการจัดการศึกษาของ กระทรวงศึกษาธิการ สู่การปฏิบัติระดับพื้นที่ ท าหน้าที่ตรวจราชการ ติดตาม ประเมินผลในระดับนโยบาย และจัดท ารายงานเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบและ ประเมินผลการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ทราบตามล าดับ 3. กรณีมีปัญหาในเชิงพื้นที่หรือข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน ให้ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลและด าเนินการ แก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ก่อน โดยใช้ภาคีเครือข่ายในการแก้ไขข้อขัดข้อง พร้อมทั้งรายงานต่อคณะกรรมการ ติดตามฯ ตามข้อ 2 ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตามล าดับ 4. ส าหรับภารกิจของส่วนราชการหลักและหน่วยงานที่ปฏิบัติในลักษณะงานในเชิงหน้าที่ (Function) งานในเชิงยุทธศาสตร์ (Agenda) และงานในเชิงพื้นที่ (Area) ซึ่งได้ด าเนินการอยู่ก่อนแล้ว หากมีความ สอดคล้องกับหลักการนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ข้างต้น
8 | ห น้ า ให้ถือเป็นหน้าที่ของส่วนราชการหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งรัด ก ากับ ติดตาม ตรวจสอบให้การ ด าเนินการเกิดผลส าเร็จ และมีประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม 2.2 ประกำศส ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน เรื่อง นโยบำยและจุดเน้นของส ำนักงำน คณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ประจ ำปีงบประมำณ พ.ศ. 2566 ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ได้ก าหนดเป้าหมายการพัฒนาคนในทุกมิติ และทุกช่วง วัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม สร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา มีแนวทาง การพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการ สมรรถนะ และคุณลักษณะที่ดีสมวัยทุกด้านมีการปฏิรูปการเรียนรู้ ส าหรับศตวรรษที่ 21 ปรับบทบาทครูให้เป็นครูยุคใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษาในทุกระดับ และสร้างระบบการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการระดับนานาชาติแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 มีกรอบทิศทางในการจัดการศึกษาให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสและความเสมอภาคใน การศึกษาที่มีคุณภาพ พัฒนาก าลังคนให้มีสมรรถนะในการท างานที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดงาน และการพัฒนาประเทศ สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570) ที่มีเป้าหมายการพัฒนา โดยเฉพาะหมุดหมายที่ 12 ไทยมีก าลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบ โจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต รวมทั้งนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่ได้ก าหนดโดยสอดคล้องกับแผนระดับต่าง ๆ ของประเทศ ดังกล่าวข้างต้น ดังนั้น เพื่อให้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล นโยบายของ กระทรวงศึกษาธิการ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักที่จัดการศึกษาขั้น พื้นฐานของประเทศ จึงมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564- 2565 ได้ก าหนดแนวทางการพัฒนา "การศึกษาขั้นพื้นฐานวิถีใหม่ วิถีคุณภาพ" ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านความ ปลอดภัย ด้านโอกาส ด้านคุณภาพ และด้านประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นการต่อยอดพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้เป็น "วิถีอนาคต วิถีคุณภาพ" จึงก าหนดนโยบายและจุดเน้นของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ดังนี้ นโยบำยของส ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ประจ ำปีงบประมำณ พ.ศ. 2566 1. ด้านความปลอดภัย 1.1 พัฒนาสถานศึกษาให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยของผู้เรียนทุกคน พร้อมเสริมสร้างระบบและ กลไกในการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ให้กับผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา จากโรคภัยต่าง ๆ ภัยพิบัติ และภัยคุกคามทุกรูปแบบ 1.2 ส่งเสริมการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 1.3 สร้างภูมิคุ้มกัน การรู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี ในการด าเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และชีวิตวิถีปกติต่อไป (Next Normal)
9 | ห น้ า 2. ด้านโอกาสและการลดความเหลื่อมล้ าทางการศึกษา 2.1 ส่งเสริม สนับสนุน ให้เด็กปฐมวัยที่มีอายุ 3-6 ปีทุกคน เข้าสู่ระบบการศึกษาสร้าง สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการดูแลปกป้อง เพื่อให้มีพัฒนาการครบทุกด้าน โดยการมีส่วนร่วมของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2.2 จัดการศึกษาให้ผู้เรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้เข้าถึงโอกาส ความเสมอภาค และได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะส าหรับการศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพในอนาคตให้สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดงานและการพัฒนาประเทศ 2.3 จัดการศึกษาให้ผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ ได้รับโอกาสในการพัฒนาเต็มตาม ศักยภาพ 2.4 ส่งเสริมเด็กพิการและผู้ด้อยโอกาส ให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพและจัดหาทางเลือกใน การเข้าถึงการเรียนรู้ การฝึกอาชีพ เพื่อให้มีทักษะในการด าเนินชีวิต สามารถพึ่งตนเองได้ 2.5 พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศของนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นรายบุคคลเพื่อ ใช้เป็นฐานข้อมูลในการบริหารจัดการศึกษา โดยเฉพาะการดูแลและป้องกันไม่ให้นักเรียนหลุดออกจากระบบ การศึกษา และช่วยเหลือเด็กตกหล่น เด็กออกกลางคันให้กลับเข้าสู่ระบบ 3. ด้านคุณภาพ 3.1 ส่งเสริม สนับสนุน สถานศึกษาที่มีความพร้อม ให้น าหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐานที่เน้นสมรรถนะไปใช้ตามศักยภาพของสถานศึกษาให้สามารถออกแบบหลักสูตรที่เหมาะสมกับความ ต้องการและบริบท 3.2 พัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะที่เหมาะสมตามช่วงวัย สามารถจัดการตนเอง มีการคิดขั้น สูงมีความสามารถในการสื่อสาร สามารถจัดระบบและกระบวนการท างานของตนเองและร่วมกับผู้อื่น โดยใช้ การรวมพลังท างานเป็นทีม เป็นพลเมืองที่ดี มีศีลธรรม และอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยั่งยืน ทั้งมีความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข 3.3 จัดการศึกษาให้ผู้เรียนมีทักษะที่จ าเป็นในศตวรรษที่ 21 น าไปสู่การมีอาชีพ มีงานท า และส่งเสริมความเป็นเลิศของผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 3.4 ส่งเสริม และพัฒนาระบบการวัดและประเมินผลคุณภาพผู้เรียน ให้ควบคู่การเรียนรู้ น าไปสู่การพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียนเป็นรายบุคคล รวมทั้งส่งเสริมการน าระบบธนาคาร หน่วยกิตมาใช้ในการเทียบโอนผลการเรียนรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ของผู้เรียนในสถานศึกษา 3.5 พัฒนา ส่งเสริม ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งบุคลากรสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้มีสมรรถนะตามมาตรฐานต าแหน่งและ มาตรฐานวิชาชีพ 4. ด้านประสิทธิภาพ 4.1 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา โดยการกระจายอ านาจและใช้พื้นที่เป็นฐานที่ มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเป็นส าคัญ ตามหลักธรรมาภิบาล
10 | ห น้ า 4.2 น าเทคโนโลยีดิจิทัลและการจัดการฐานข้อมูล มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัด การศึกษาขั้นพื้นฐาน และการเรียนรู้ของผู้เรียน 4.3 ส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนาโรงเรียนคุณภาพ ใช้พื้นที่เป็นฐาน ใช้นวัตกรรมในการ ขับเคลื่อนบริหารจัดการโดยใช้ทรัพยากรร่วมกัน และแสวงหาการมีส่วนร่วมของหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องทุก ระดับเพื่อให้ประสบผลส าเร็จอย่างเป็นรูปธรรม 4.4 ส่งเสริม สนับสนุน การจัดการศึกษาที่มีคุณภาพในโรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะ โรงเรียนที่ตั้งในพื้นที่ลักษณะพิเศษ และโรงเรียนในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 4.5 เพิ่มประสิทธิภาพการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา และปรับกระบวนการ นิเทศ ติดตาม และประเมินผลการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้สอดรับกับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal และชีวิตวิถีปกติ ต่อไป (Next Normal) 2.3 กำรขับเคลื่อนแผนพัฒนำกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนสู่กำรปฏิบัติ แผนพัฒนำกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พ.ศ. 2566-2570 ส ำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำประถมศึกษำชัยภูมิ เขต 2 แนวทำงกำรบริหำรแผนสู่กำรปฏิบัติ แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2566 – 2570) ของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชัยภูมิ เขต 2 จัดท าขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางในการจัดท าแผน ของหน่วยงาน และสถานศึกษาในสังกัด ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ก าหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ตอบสนองความเปลี่ยนแปลงโดยมีเป้าหมายในปี พ.ศ.2570 โดยเชื่อมโยงสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561 – 2580 แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับที่ 13 แผนการปฏิรูป ประเทศด้านการศึกษา (ฉบับปรับปรุง) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560 - 2579 และเพื่อให้การบริหารแผน สู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดที่สอดคล้องกับเป้าหมายการให้บริการทาง การศึกษา และการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 จึงก าหนดแนวทางในการบริหารแผนสู่การปฏิบัติ ดังนี้ 1. สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรในหน่วยงานในสังกัดในความ เป็นมาและความเชื่อมโยงของแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2566 – 2570) ของส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 กับนโยบายและแผนที่ส าคัญอื่น ๆ เพื่อให้เกิดการรับรู้และเข้าใจใน ทิศทางเดียวกัน 2. เน้นย้ าให้ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ให้ ความส าคัญในการพิจารณาแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2566 – 2570) ของส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 เพื่อใช้เป็นกรอบในการก าหนดนโยบาย แผนและกรอบแนวทางในการ ด าเนินงานของสถานศึกษา 3. บูรณาการแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2566 – 2570) ของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 แผนปฏิบัติราชการปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2570 ของหน่วยงาน เพื่อน าไปสู่ การก าหนดมาตรการและโครงการที่เป็นรูปธรรม ส าหรับการด าเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2570
11 | ห น้ า 4. ก ากับ ติดตาม ประเมินผลและรายงานผลการปฏิบัติงาน โดยหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องตามแผนพัฒนา การศึกษาขั้นพื้นฐาน อย่างเป็นระบบ เงื่อนไขควำมส ำเร็จ แผนพัฒนาการศึกษาชั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2566 – 2570) ของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชัยภูมิ เขต 2 มีเงื่อนไขความส าเร็จ ดังนี้ 1. ความต่อเนื่องด้านนโยบายทุกระดับ 2. สถานศึกษาในสังกัดมีแผนและกลยุทธ์สู่การปฏิบัติ ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาการศึกษาชั้นพื้นฐาน ดังกล่าว โดยมีการก าหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ผู้รับผิดชอบ และก าหนดเวลาที่เหมาะสม 3. การได้รับการสนับสนุนทรัพยากรด้านบุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และบริหารจัดการอย่าง ต่อเนื่องและครอบคลุมภารกิจ และน าเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการสนับสนุนทรัพยากร ดังกล่าว 4. การด าเนินการของสถานศึกษาในสังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้หน่วยงาน องค์กร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยผู้บริหาร สถานศึกษาต้องให้ความส าคัญในการบริหารจัดการการติดตาม การประเมินผล โดยมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของงาน และการท างานแบบมีส่วนร่วมที่เอื้อต่อการพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การปฏิบัติงานให้บรรลุตาม วัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ก าหนดไว้ 5. การสร้างและประสานเครือข่ายความร่วมมือในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเป็นระบบทั้ง ภาครัฐ และหน่วยงานภาคเอกชน องค์กรอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการด าเนินงานตามแผนและขับเคลื่อนเป็นไปใน ทิศทางเดียวกัน โดยมีผู้รับผิดชอบการสร้างและประสานเครือข่ายความร่วมมือที่ชัดเจน 6. สถานศึกษาในสังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 น าแผนพัฒนา การศึกษา ขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2566 – 2570) ไปใช้ประกอบการจัดท าหรือปรับเปลี่ยนแผนต่างๆ ของ สถานศึกษา 2.4 ระบบข้อมูลสำรสนเทศของส ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ด าเนินการออกแบบ จัดท าระบบและพัฒนาระบบ บริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศ เพื่อใช้ในการบันทึก ประมวลผล และรายงานผลข้อมูลด้านการศึกษาขั้น พื้นฐานในระบบต่างๆ ซึ่งไม่เชื่อมโยงฐานข้อมูลกัน โดยส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ได้ก ากับ ติดตามโรงเรียนในสังกัดให้จัดเก็บข้อมูลสารสนเทศในระบบต่างๆ ดังนี้ 2.4.1 กำรจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรำยบุคคล (Data Management Center : DMC) ระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (Data Management Center : DMC) หรือ DMC คือ ระบบ จัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายคนที่มีตัวตนในโรงเรียนจริง เฉพาะโรงเรียนที่อยู่ในสังกัดส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เท่านั้น ไม่รวมโรงเรียนสังกัดอื่น อาทิ โรงเรียนเอกชน โรงเรียนสังกัด อปท. โรงเรียนตชด. เป็นต้น DMC จึงเป็นฐานข้อมูลพื้นฐานส าคัญ ที่เชื่อมโยงฐานข้อมูลระบบสารสนเทศอื่นของ สพฐ. ได้แก่ โปรแกรมระบบบริหารจัดการสถานศึกษา (SchoolMIS) ระบบสารสนเทศเพื่อบริหารการศึกษา (EMIS) ระบบปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจน (CCT) และระบบอื่นของสพฐ. อาทิ ระบบจัดเก็บข้อมูลสิ่งก่อสร้าง (B-OBEC) ระบบสารสนเทศเพื่อบริหารการศึกษา (EMIS) ระบบติดตามและประเมินผล การด าเนินงานตาม
12 | ห น้ า นโยบาย (e-MES) ระบบบริหารจัดการข้อมูลโรงเรียนเรียนรวม (SET) ระบบรายงานผลการบริหารงบประมาณ รายจ่ายประจ าปี (e-Budget) เป็นต้น ทั้งนี้ ใน 1 ปีการศึกษาจะมีการจัดเก็บข้อมูล DMC จ าแนก 3 ระยะ ดังนี้ 1) ภาคเรียนที่ 1 (ข้อมูลนักเรียนที่มีตัวตนในโรงเรียนในวันที่ 10 มิถุนายน) 2) ภาคเรียนที่ 2 (ข้อมูลนักเรียนที่มีตัวตนในโรงเรียนในวันที่ 10 พฤศจิกายน) 3) สิ้นปีการศึกษา (ข้อมูลนักเรียนที่มีตัวตนจริง และ เข้าสอบปลายภาคเรียนที่ 2) ความส าคัญของระบบ DMC เป็นระบบที่จัดเก็บข้อมูลในการสนับสนุนการจัดการศึกษา ดังนี้ 1. ใช้จ านวนนักเรียนและขนาดโรงเรียน จัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนนักเรียน 2. ใช้เป็นฐานข้อมูลส่งต่อไปยังระบบอื่น 3. ใช้จ านวนนักเรียน จ าแนกขนาดสถานศึกษา ดังนี้ 3.1 โรงเรียนขนาดเล็ก (นักเรียนตั้งแต่ 120 คนลงมา) 3.2 โรงเรียนขนาดกลาง (นักเรียน 121 – 600 คน) 3.3 โรงเรียนขนาดใหญ่ (นักเรียน 601 – 1500 คน) 3.4 โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ (นักเรียนตั้งแต่ 1501 คนขึ้นไป) 2.4.2 กำรจัดเก็บข้อมูลครุภัณฑ์ (M-OBEC) ระบบ M-OBEC เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลครุภัณฑ์ในโรงเรียน จ าแนกประเภทได้ 4 ประเภท คือครุภัณฑ์ส านักงานโรงเรียน ครุภัณฑ์การศึกษา ครุภัณฑ์งานบ้านและงานครัว และครุภัณฑ์ ยานพาหนะ โดยให้โรงเรียนบันทึกข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียน สามารถตรวจสอบ แก้ไข ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้อมูลของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียน ซึ่งมีหลักการท างาน 3 ส่วนใหญ่คือ การบันทึกข้อมูล การประมวลผล และการรายงานผล โปรแกรม M-OBEC เป็นระบบที่ติดตั้งบน Server Web Site ของส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระบบ การท างานของ M-OBEC สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศด้านครุภัณฑ์ ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น 1. โรงเรียน, ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาสามารถบันทึก แก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันได้ตามต้องการ โดยผ่านทางอินเตอร์เน็ต 2. เป็นระบบฐานข้อมูลกลางที่ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนสามารถใช้ร่วมกันได้ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง 3. ประหยัดงบประมาณของ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนในด้าน Hardware และ Software 4. ส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ด าเนินการปรับปรุงแก้ไขระบบ Data Center ที่เดียว โดยส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียน ไม่ต้องลงโปรแกรมใหม่ 5. โรงเรียน, ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา, ส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน มีฐานข้อมูลเดียวกันและใช้เป็นข้อมูลสารสนเทศในการบริหารจัดการด้านครุภัณฑ์ 2.4.3 กำรจัดเก็บข้อมูลอำคำรที่ดินและสิ่งก่อสร้ำง (B-OBEC) ระบบจัดเก็บข้อมูลสิ่งก่อสร้าง (B-OBEC) เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลออนไลน์พื้นฐานของส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อใช้จัดเก็บข้อมูลอาคาร ที่ดิน และสิ่งก่อสร้างของสถานศึกษา และส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการบริหารจัดการภาพรวมขององค์กรใช้เป็น
13 | ห น้ า ฐานข้อมูลส าหรับการจัดตั้ง จัดสรรงบประมาณ ทั้งในระดับส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา และส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน การจัดท าข้อมูลสิ่งก่อสร้างนอกจากวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้นแล้วยัง ช่วยสามารถอ านวยความสะดวกให้แก่สถานศึกษาในการค้นหาข้อมูลประกอบในการของตั้งงบประมาณ ก่อสร้าง/ปรับปรุงซ่อมแซม ได้รวดเร็ว ทันต่อการใช้งาน ทดแทนการค้นหาข้อมูลจากเอกสารฉบับจริงที่มีอายุ การใช้งานนาน และอาจล่าช้าไม่สามารถเข้าถึงได้ทันทีเหมือนระบบจัดเก็บข้อมูลสิ่งก่อสร้าง (B-OBEC) เมื่อผู้รับผิดชอบระดับสถานศึกษาจัดเก็บข้อมูลรายละเอียดสิ่งก่อสร้างในโรงเรียนผ่านทางระบบ จัดเก็บข้อมูลสิ่งก่อสร้าง (B-OBEC) เสร็จสิ้นแล้ว สถานศึกษาสามารถส่งออกข้อมูล และพิมพ์ข้อมูลเพื่อเก็บ เข้าแฟ้มของโรงเรียนเป็นเอกสารกระดาษเพื่อใช้ตรวจสอบและน าไปใช้งานได้ ส าหรับส านักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน จะใช้ข้อมูลจากการจัดเก็บของสถานศึกษา น ามาประมวลผล และให้ผู้รับผิดชอบดาวน์ โหลดข้อมูลเพื่อน าไปใช้เป็นฐานข้อมูลในการด าเนินงานตามภารกิจ ทั้งข้อมูลรายละเอียดสิ่งก่อสร้าง ภาพถ่าย ป้ายโรงเรียน แผนผังโรงเรียน และการวิเคราะห์ความขาดแคลน ซึ่งเป็นข้อมูลส าคัญใช้ประกอบในการ ด าเนินงานด้านงบประมาณ การวิเคราะห์ความขาดแคลนจัดกระท าข้อมูลโดยการน ารายละเอียดสิ่งก่อสร้าง เปรียบเทียบกับจ านวนนักเรียนในปีการศึกษาปัจจุบัน จากระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (DMC) การวิเคราะห์ข้อมูลจึงได้ข้อมูลที่มีความถูกต้อง ตรวจสอบได้ และมีความน่าเชื่อถือ ส าหรับใช้เป็นฐานข้อมูลใน การพิจารณาจัดตั้ง จัดสรรงบประมาณได้ตรงตามสภาพจริงตามบริบทของสถานศึกษา โดยระบบจัดเก็บข้อมูล สิ่งก่อสร้าง (B-OBEC) ได้วิเคราะห์ความขาดแคลนจ าแนกโรงเรียน 5 กลุ่ม ดังนี้ 1) โรงเรียนที่มีนักเรียน 120 คนลงมา 2) โรงเรียนที่มีนักเรียน 121 – 160 คน 3) โรงเรียนที่มีนักเรียน 161 – 200 คน 4) โรงเรียนที่มี นักเรียน 201 คนขึ้นไป และ 5) โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ระบบจัดเก็บข้อมูลสิ่งก่อสร้าง (B-OBEC) มีก าหนดระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลปีละ 1 ครั้ง (ช่วงเดือน ตุลาคม) อนึ่ง ข้อมูลสิ่งก่อสร้างดังกล่าว จะใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณของ สพฐ. ตลอดปีงบประมาณ ทั้งนี้ สพฐ.ได้ก าหนดข้อมูลประเภทสิ่งก่อสร้างที่สถานศึกษา และส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาต้องบันทึกและปรับปรุงข้อมูล จ านวน 16 รายการ ดังนี้ 1. อาคารเรียน 2. อาคารอเนกประสงค์/ โรงอาหาร/โรงฝึกงาน 3. บ้านพักครู 4. บ้านพักภารโรง 5. ส้วม 6. หอสมุด 7. สนามเด็กเล่น 8. เรือนเพาะช า 9. บ่อเลี้ยงปลา 10. บ่อน้ าตื้น 11. สนามกีฬา 12. ถังเก็บน้ า 13. รั้ว 14. ถนน 15. บ้านพักนักเรียน และ 16. อาคารส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา 2.4.4 กำรจัดเก็บข้อมูลระบบสำรสนเทศเพื่อกำรบริหำรจัดกำรศึกษำ (Education Management Information System : EMIS) ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารการศึกษา (Education Management Information System : EMIS) เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา ที่เว็บไซต์ http://data.bopp-obec.info ประกอบด้วย - ข้อมูลด้านเทคโนโลยีในโรงเรียน - ข้อมูลครุภัณฑ์ในโรงเรียน (M-OBEC) - ข้อมูลครูและบุคลาการทางการศึกษา ครูอัตราจ้าง ลูกจ้างต่าง ๆ ทั้งในงบประมาณและนอ งบประมาณ ที่มีอยู่ในโรงเรียน ณ ปัจจุบัน
14 | ห น้ า - ข้อมูลตามแบบสอบถามการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for All: EFA) เมื่อโรงเรียน ท าการจัดเก็บข้อมูลตามระบบ EMIS ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระบบจะสามารถน าเสนอ ข้อมูลต่าง ๆ ในรูปแบบของระบบเว็บไซต์ของโรงเรียนได้อีกด้วย โดยให้ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ ส านักงานบริหารการศึกษาพิเศษ และโรงเรียนบันทึกข้อมูลผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษา และโรงเรียนสามารถตรวจสอบ แก้ไข ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้อมูลของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียนเองได้ 2.4.5 ระบบสำรสนเทศทำงภูมิศำสตร์ (Geographic Information System : GIS) โปรแกรมระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ เป็นระบบที่น าเอาระบบแผนที่กราฟฟิค (Geographic) มาท างานร่วมกับฐานข้อมูล (Database) ที่สามารถจัดเก็บ แก้ไข ปรับปรุง สืบค้น จัดการ วิเคราะห์ แสดงผล และรายงานผลข้อมูลเชิงพื้นที่ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยอาศัยความสัมพันธ์ทางภูมิศาสตร์มาเชื่อมโยง ความสัมพันธ์กับข้อมูลด้านอื่น ๆ เช่น ข้อมูลพื้นฐานทางการศึกษา 2.4.6 ระบบคัดกรองปัจจัยพื้นฐำนนักเรียนยำกจน (CCT) ภายใต้โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อหลักประกันโอกาสทางการเรียนรู้ โดยส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ด าเนินการพัฒนาแนวทางคัดกรองนักเรียนยากจนที่อยู่ในระบบ การศึกษา เพื่อให้นักเรียนยากจนที่สมควรได้รับการช่วยเหลือตามเกณฑ์ ได้รับการช่วยเหลือทุกคน ตรงกับ สภาพความเป็นจริง และสอดคล้องกับเกณฑ์ความช่วยเหลือ คนยากจนของหน่วยงานอื่น ทางเว็บไซต์ thaieduforall.org 2.4.7 ระบบสำรสนเทศด้ำนกำรศึกษำพิเศษและกำรศึกษำสงเครำะห์ (Special Education Technology : SET) โดยส านักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใช้ในการจัดเก็บ ข้อมูลนักเรียนพิการเรียนรวม ในโรงเรียนสังกัดส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่เว็บไซต์ http://29.172.121/specialbasic 2.4.8 โปรแกรมบริหำรสถำนศึกษำ (SchoolMIS) ใช้บันทึกข้อมูลผลการเรียนของนักเรียนรายบุคคล สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ซึ่งสามารถจัดพิมพ์ ปพ. ให้นักเรียนได้ด้วย ทางเว็บไซต์ http://schoolmis.obec.expert 2.4.9 กำรทดสอบควำมสำมำรถพื้นฐำนของผู้เรียนระดับชำติ (National Test : NT) ระบบการทดสอบความสามารถพื้นฐานของผู้เรียนระดับชาติ (National Test : NT) คือ การประเมิน คุณภาพผู้เรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหน่วยงานที่ ด าเนินการจัดสอบผู้เรียนโดยประเมินความสามารถพื้นฐาน 3 ด้าน คือ ความสามารถด้านภาษา (Literacy) ความสามารถด้านค านวณ (Numeracy) และความสามารถด้านเหตุผล (Reasoning Ability)
15 | ห น้ า 2.4.10 ระบบกำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดับชำติขั้นพื้นฐำน (Ordinary National Educational Test : O-NET) หมายถึง การประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั่วประเทศ ซึ่งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงาน ที่ด าเนินการจัดสอบ โดยประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ใน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) 2.5 กำรน ำเอำข้อมูลสำรสนเทศที่จัดเก็บไปใช้เพื่อประโยชน์ทำงกำรศึกษำ 5.1 เป็นเครื่องมือส าคัญในการตัดสินใจ การแก้ปัญหา อย่างมีหลักการและเหตุผลของผู้บริหาร และ บุคลากรทางการศึกษาทุกระดับ 5.2 เป็นเครื่องมือในการวางแผน การบริหารจัดการศึกษา การจัดตั้งจัดสรรงบประมาณและการ ติดตามประเมินผล 5.3 เป็นเครื่องมือในการก ากับ ควบคุมการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตรงตามแผน หรือเป้าหมาย 5.4 เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การด าเนินงานการจัดการศึกษาของหน่วยงาน 5.5 เป็นเครื่องมือในการสร้างองค์ความรู้ สร้างความเข้าใจ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างองค์กร และบุคลากรในองค์กร และสาธารณชน 5.6 เป็นเครื่องมือส าหรับบุคคลทั่วๆ ไป เช่น นักวิจัย นักวิชาการ หรือนักการศึกษาใช้ประโยชน์ เกี่ยวกับการท างานทางวิชาการ ช่วยในการตัดสินใจที่มีเหตุผล หรือเพื่อแสวงหาความรู้ทฤษฎีใหม่ ๆ เพื่อ ประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษา 2.6 กำรบริหำรจัดกำรข้อมูลสำรสนเทศระดับเขตพื้นที่กำรศึกษำ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ได้ด าเนินงานอย่างเป็นระบบในการวาง แผนการบริหารจัดการข้อมูลของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยให้โรงเรียนจัดเก็บข้อมูลตามปฏิทินและ คู่มือที่ก าหนด และท าการตรวจสอบ ยืนยันข้อมูล ซึ่งส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ได้จัดประชุมชี้แจงแนวทางการจัดเก็บข้อมูลทุกปี เพื่อซักซ้อมแนวปฏิบัติ พัฒนาให้ความรู้และสร้างความเข้าใจ ให้กับผู้รับผิดชอบ รวมทั้งทบทวนผลการด าเนินงานที่ผ่านมา เพื่อน ามาพัฒนาปรับปรุงการจัดเก็บข้อมูล สารสนเทศให้ดีขึ้น ท าให้ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 สามารถจัดเก็บข้อมูลทุก โปรแกรมได้ครบถ้วนถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สามารถน าข้อมูลไปใช้ในการวางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา และ พัฒนาโปรแกรมระบบข้อมูลสารสนเทศ เพื่อการบริหารจัดการ (Big Data) ได้อย่างครบถ้วนต่อไป
16 | ห น้ า บทที่ 3 กำรด ำเนินงำน กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายในการพัฒนาระบบราชการ และการบริการภาครัฐยุคดิจิทัล ขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการ 4.0 ด้วยนวัตกรรม และการน าเทคโนโลยีดิจิทัล มาเป็นกลไกหลัก ในการด าเนินงาน (Digitalize Process) การเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูล (Sharing Data) การส่งเสริมความ ร่วมมือ บูรณาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่ายเทคโนโลยี สารสนเทศให้สามารถใช้งานเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อ รองรับระบบราชการ 4.0 สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ในทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกอุปกรณ์ และทุกช่องทาง รวมทั้ง ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีนโยบายและจุดเน้นน าเทคโนโลยี ดิจิทัลและการจัดการฐานข้อมูล มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการเรียนรู้ ของผู้เรียน ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 จึงได้น าฐานข้อมูลของโรงเรียนและ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 จากหลายโปรแกรมมาจัดท าฐานข้อมูลกลาง โดยการ พัฒนาโปรแกรมน าเสนอข้อมูล “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) เพื่อเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ให้โรงเรียน กลุ่มพื้นที่การศึกษา ศูนย์เครือข่ายการศึกษา ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา และ หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมใช้ข้อมูลในการวางแผนการด าเนินงานในการบริหารจัดการศึกษาของ โรงเรียนในสังกัดให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา โดยอาศัยเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยง และ ประมวลผลข้อมูล เพื่ออ านวยความสะดวก และการเข้าถึงฐานข้อมูลกลางร่วมกันได้อย่างเป็นระบบที่ชัดเจน และประมวลข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว 3.1 กำรบริหำรจัดกำรข้อมูลสำรสนเทศด้วยกระบวนกำรบริหำรจัดกำร “5 ขั้นตอน” ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ได้ใช้กระบวนการท างานแบบมีส่วนร่วมของ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งระดับโรงเรียน ระดับกลุ่มพื้นที่การศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง ซึ่งได้น ากระบวนการบริหารจัดการ “5 ขั้นตอน” มาใช้ในการด าเนินงาน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษำข้อมูลพื้นฐำน 1. ศึกษาปัญหา อุปสรรค การด าเนินงานของปีที่ผ่านมาของโรงเรียนและส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา 2. น าปัญหา อุปสรรค มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ ร่วมกับคณะกรรมการด าเนินงาน เพื่อวางแผนหา แนวทางในการพัฒนา ปรับปรุง การด าเนินงานให้กับโรงเรียนในสังกัด ให้สามารถด าเนินการจัดเก็บข้อมูล สารสนเทศได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง ทันเวลาที่ก าหนด 3. ศึกษาแนวทางการด าเนินงาน นโยบายของหน่วยงานต้นสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ ส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อก าหนด แผนงาน โครงการตามแผนปฏิบัติการให้เป็นการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ขั้นตอนที่ 2 วำงแผน 1. แต่งตั้งคณะกรรมการด าเนินงานจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศของโรงเรียน และส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2
17 | ห น้ า 2. ประชุมคณะกรรมการด าเนินงานจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศ เพื่อวางแผนการด าเนินงานและ ออกแบบการน าเสนอข้อมูลในโปรแกรม “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) 3. ศึกษาความเป็นไปได้ของการเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่จัดเก็บของโรงเรียนในสังกัด และโปรแกรม ข้อมูล “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) เพื่อพัฒนาโปรแกรมให้เป็นฐานข้อมูล กลางไว้ใช้ในการบริหารจัดการศึกษาของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ต่อไป ขั้นตอนที่ 3 ด ำเนินกำร 1. จัดท าโครงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการบริหารจัดการศึกษา เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา มีความรู้ และความเข้าใจ สามารถใช้เทคโนโลยี เพื่อการบริหารจัดการศึกษาได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น และส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาในสังกัดมีระบบสารสนเทศที่ถูกต้อง ทันสมัย ใช้ในการบริหารจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. จัดอบรมพัฒนาครู หรือผู้รับผิดชอบ ตามโครงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการบริหารจัดการศึกษา เพื่อซักซ้อมแนวปฏิบัติในการจัดเก็บข้อมูล เพิ่มพูนความรู้ พัฒนาให้ความรู้และสร้างความเข้าใจให้กับ ผู้รับผิดชอบ รวมทั้งทบทวนผลการด าเนินงานที่ผ่านมา เพื่อน ามาพัฒนาปรับปรุงการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศ ให้ดีขึ้น ท าให้ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 สามารถจัดเก็บข้อมูลทุกโปรแกรมได้ ครบถ้วนถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สามารถน าข้อมูลไปใช้ในการวางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา และพัฒนา โปรแกรมระบบข้อมูลสารสนเทศ (Big Data) ได้อย่างครบถ้วนต่อไป 3. โรงเรียนบันทึกข้อมูลในโปรแกรมต่างๆ ตามปฏิทินที่ก าหนด 4. ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ก ากับ ติดตาม ตรวจสอบการรายงานข้อมูล หากข้อมูลไม่ถูกต้อง ประสานให้โรงเรียนแก้ไขให้ถูกต้องภายในเวลาที่ก าหนด 5. ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษารับรอง ยืนยันความถูกต้อง ตามเวลาที่ก าหนด 6. ออกแบบฐานข้อมูลที่จะน าเสนอในโปรแกรมข้อมูลสารสนเทศ เพื่อน าเสนอให้ทีมบริหารระดับเขต พื้นที่การศึกษาให้ข้อเสนอแนะและปรับปรุง 7. พัฒนาโปรแกรม “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) ตามแนวทางที่ทีม บริหารให้ข้อเสนอแนะ โดยทีมเจ้าหน้าที่ ICT สพป.ชัยภูมิ เขต 2 ขั้นตอนที่ 4 สรุป 1. ทดสอบการใช้งาน โปรแกรม “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) โดยน าเสนอทีมบริหาร สพป.ชัยภูมิ เขต 2 เพื่อปรับปรุง เพิ่มเติมในรายละเอียดข้อมูลต่างๆ 2. ปรับปรุงข้อมูลโปรแกรม “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) ตาม แนวทางที่ทีมบริหารให้ข้อเสนอแนะ โดยทีมเจ้าหน้าที่ ICT สพป.ชัยภูมิ เขต 2 3. สรุปรายงานผลการด าเนินงานพัฒนาโปรแกรม “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) ขั้นตอนที่ 5 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 1. ประชาสัมพันธ์เผยแพร่การให้บริการ โปรแกรม “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) บนเว็บไซต์ สพป.ชัยภูมิ เขต 2 www.chaiyaphum2.go.th หรือที่ลิงค์ https://bigdata2022.chaiyaphum2.go.th/
18 | ห น้ า 2. ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง ใช้บริการข้อมูลสารสนเทศจากโปรแกรม “ระบบ สารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) ตามข้อมูลที่สนใจ และร่วมให้ข้อเสนอแนะในการใช้ ข้อมูลจากโปรแกรมอย่างหลากหลาย เพื่อเป็นแนวทางและข้อมูลในการพัฒนาโปรแกรมต่อไป 3. เผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศจากโปรแกรม “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) ให้ผู้ที่สนใจ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่ต้องการใช้ข้อมูล ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรอบด้าน เพื่อมีส่วน ร่วมในการพัฒนาจัดการศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานต่อไป 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในกำรเก็บข้อมูล 1. เครื่องมือเก็บข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามความพึงพอใจ ที่สร้างขั้นมาสอบถามจากผู้ใช้งานระบบ มี กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียน บุคลากรทางการ ศึกษา (เจ้าหน้าที่เขต) และอื่นๆ โดยแบ่งออกเป็น 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ศึกษาสภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยถามถึง เพศ อายุ ต าแหน่ง และความถี่ในการเข้า ใช้งานระบบข้อมูลของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 ศึกษาสภาพของผู้ตอบ โดยสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจในการใช้งานระบบ ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม โดยเป็นค าถามปลายเปิดเพื่อให้ผู้ตอบแบบสอบถามได้แสดงความ คิดเห็นและข้อเสนอแนะ ที่มีต่อระบบ 2. กำรเก็บรวบรวมข้อมูล จัดท าในรูปแบบสอบถามความพึงพอใจผ่านระบบออนไลน์ Google form โดยมีการประชาสัมพันธ์ ให้ผู้ใช้งานระบบ ท าแบบสอบถามให้คะแนนตามน้ าหนักแต่ละข้อและบันทึกข้อมูลลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือในสมาร์ทโฟน ผ่านระบบออนไลน์ โดยวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Google form จากนั้น น าผลประมวล อัตโนมัติ Google form น ามาวิเคราะห์และสรุปผล 3. กำรวิเครำะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 วิเคราะห์ความถี่ตามแบบสอบถาม ตอนที่ 2 วิเคราะห์โดยคะแนนเฉลี่ย ระดับความพึงพอใจมากที่สุด น้ าหนักคะแนน 5 ระดับความพึงพอใจมาก น้ าหนักคะแนน 4 ระดับความพึงพอใจปานกลาง น้ าหนักคะแนน 3 ระดับความพึงพอใจน้อย น้ าหนักคะแนน 2 ระดับความพึงพอใจน้อยที่สุด น้ าหนักคะแนน 1
19 | ห น้ า บทที่ 4 ผลกำรด ำเนินงำน 4.1 ระบบสำรสนเทศเพื่อกำรบริหำรจัดกำร ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ได้มีการพัฒนาโปรแกรมน าเสนอข้อมูล “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการศึกษา โดยเผยแพร่โปรแกรมผ่านหน้าเว็บไซต์ของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 www.chaiyaphum2.go.th หรือที่ลิงค์ https://bigdata2022.chaiyaphum2.go.th/ ประกอบด้วยข้อมูล สารสนเทศทางการศึกษา 4 ด้าน คือ ข้อมูลพื้นฐาน ข้อมูลนักเรียน ข้อมูลครูและบุคลากรทางการศึกษา และ ข้อมูลคุณภาพการศึกษา มีผลการด าเนินงานจากการจัดเก็บข้อมูลในโปรแกรมต่างๆ ที่ส านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ออกแบบจัดท าระบบในการจัดเก็บข้อมูลให้ทางโรงเรียนและส านักงาน เขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้จัดเก็บและยืนยันในระบบเป็นประจ าทุกปีการศึกษาตามรอบระยะเวลาที่ก าหนด จึงได้น าข้อมูลดังกล่าวมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันด้วยโปรแกรม “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) เพื่อใช้ในการบริหารจัดการศึกษาของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 2 ต่อไป จากการพัฒนาโปรแกรม “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) สามารถแสดง ข้อมูลให้ทราบ ประกอบด้วย 1. ข้อมูลทั่วไป 2. ข้อมูลนักเรียน 3. ข้อมูลด้านบุคลากร 4. ข้อมูลด้านงบประมาณ 5. ข้อมูลด้านวิชาการ 6. ข้อมูลวิเคราะห์ EDU.Analytics 7. ข้อมูล สถิติ/บริการ 8. คณะกรรมการด าเนินงาน
20 | ห น้ า 1. เมนู ข้อมูลโปรแกรม Big Data หน้าเว็บไซต์สพป.ชัยภูมิ เขต 2 www.chaiyaphum2.go.th 2. เมนู ข้อมูลทั่วไป โปรแกรม “ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data) ประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ดังนี้ ภำพที่ 1 แสดงโปรแกรม ข้อมูล Big Data ประชาสัมพันธ์หน้าเว็บไซต์ สพป.ชัยภูมิ เขต 2 ภำพที่ 2 แสดงหน้าหลัก/ข้อมูลทั่วไป โปรแกรม “ระบบ สารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการศึกษา” (Big Data)
21 | ห น้ า ภำพที่ 3 ทะเบียนโรงเรียนในสังกัด แสดงเป็นรายโรงเรียน รหัส โรงเรียน ที่ตั้งโรงเรียน หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ แผนที่โรงเรียน ภำพที่ 4 ข้อมูลที่อยู่และการติดต่อ โรงเรียนในสังกัดทุก โรงเรียน หมายเลขโทรศัพท์ E-mail
22 | ห น้ า ภำพที่ 5 แผนที่ภูมิศาสตร์ และการเดินทางไปยัง โรงเรียน ในสังกัดทุกโรงเรียน ภำพที่6 เครือข่ายเว็บไซต์- อีเมล์โรงเรียน ในสังกัดทุกโรงเรียน
23 | ห น้ า 3. เมนู ข้อมูลนักเรียน แสดงจ านวนนักเรียนภาพรวมของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา แยกเป็น ระดับชั้น ระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และ ระดับมัธยมศึกษาตอน ปลาย ประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ดังนี้ ภำพที่ 7 ข้อมูลนักเรียน แสดงจ านวนนักเรียนภาพรวมของ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา แยกเป็นระดับปฐมวัย ระดับ ประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และ ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลายในแต่ละปีการศึกษา ภำพที่ 8 ข้อมูลนักเรียน แสดงจ านวนนักเรียนภาพรวมของ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา โรงเรียนในสังกัดทุกโรง แยกเป็นรายช่วงชั้น
24 | ห น้ า ภำพที่ 9 ข้อมูลนักเรียน แสดงจ านวนนักเรียนภาพรวมของ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา โรงเรียนในสังกัดทุกโรง แยกเป็นรายชั้นเรียน ภำพที่ 10 ข้อมูลนักเรียนภาพรวมของส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษา จ าแนกตามอายุ ของนักเรียน ในสังกัด
25 | ห น้ า ภำพที่ 11 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามอายุ ของนักเรียน ในสังกัด เป็นรายโรงเรียน ภำพที่ 12 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามความพิการ ภาพรวม ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา
26 | ห น้ า ภำพที่ 13 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามความพิการ เป็นราย โรงเรียน ภำพที่ 14 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามความด้อยโอกาส ภาพรวมส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา
27 | ห น้ า ภำพที่ 15 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามความด้อยโอกาส เป็นรายโรงเรียน ภำพที่ 16 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามสัญชาติ ภาพรวมของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา
28 | ห น้ า ภำพที่ 17 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามสัญชาติ เป็นรายโรงเรียน ภำพที่ 18 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามศาสนา ภาพรวมของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา
29 | ห น้ า ภำพที่ 19 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามศาสนา เป็นรายโรงเรียน ภำพที่ 20 ข้อมูลนักเรียน เดินทางเกิน 3 กิโลเมตร ภาพรวมของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา
30 | ห น้ า ภำพที่ 21 ข้อมูลนักเรียน เดินทางเกิน 3 กิโลเมตร เป็นรายโรงเรียน ภำพที่ 22 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามภาวโภชนาการ-ความสูง ตามเกณฑ์อายุ ภาพรวมของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา
31 | ห น้ า ภำพที่ 23 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามภาวโภชนาการ-ความสูง ตามเกณฑ์อายุ จ าแนกเป็นรายโรงเรียน ภำพที่ 24 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามภาวโภชนาการ-น้ าหนัก ตามเกณฑ์ความสูง ภาพรวมของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา
32 | ห น้ า ภำพที่ 25 ข้อมูลนักเรียน จ าแนกตามภาวโภชนาการ-น้ าหนัก ตามเกณฑ์ความสูง จ าแนกเป็นรายโรงเรียน ภำพที่ 26 ข้อมูลนักเรียน จ านวนนักเรียน จบ ป.6 ศึกษาต่อจ าแนกตามเพศ ภาพรวมของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา
33 | ห น้ า ภำพที่ 27 ข้อมูลนักเรียน จ านวนนักเรียน จบ ป.6 ศึกษาต่อจ าแนกตามเพศ จ าแนกเป็นรายโรง ภำพที่ 28 ข้อมูลนักเรียน จ านวนนักเรียน จบ ม.3 ศึกษาต่อจ าแนกตามเพศ ภาพรวมของส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา
34 | ห น้ า ภำพที่ 29 ข้อมูลนักเรียน จ านวนนักเรียน จบ ม.3 ศึกษาต่อจ าแนกตามเพศ จ าแนกเป็นรายโรง ภำพที่ 30 ข้อมูลนักเรียน จ านวนนักเรียน จบ ม.6 ศึกษาต่อจ าแนกตามเพศ จ าแนกเป็นรายโรง
35 | ห น้ า 4. เมนู ข้อมูลด้ำนบุคลำกร แสดงข้อมูลครูและบุคลากรทางการศึกษา ตารางจ าแนกเพศ ตารางจ าแนก ต าแหน่ง ตารางจ าแนกวิทยฐานะ ตารางจ าแนกวุฒิการศึกษา แผนอัตราก าลังข้าราชการ และ บุคลากรเกษียณอายุราชการ ประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ดังนี้ ภำพที่ 31 ข้อมูลนักเรียน จ านวนนักเรียน จบ ม.6 ศึกษาต่อจ าแนกตามเพศ จ าแนกเป็นรายโรง ภำพที่ 32 ข้อมูลด้านบุคลากร จ าแนกเพศ บุคลากรใน ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา และในโรงเรียน
36 | ห น้ า ภำพที่ 33 ข้อมูลบุคลากร จ าแนกตามต าแหน่ง ภาพรวม ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภำพที่ 34 ข้อมูลด้านบุคลากร จ าแนกต าแหน่งข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา เป็นรายโรงเรียน
37 | ห น้ า ภำพที่ 35 ข้อมูลด้านบุคลากร จ าแนกวิทยฐานะ ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา เป็นรายโรงเรียน ภำพที่ 36 ข้อมูลด้านบุคลากร จ าแนกวุฒิการศึกษา ข้าราชการ ครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นรายโรงเรียน
38 | ห น้ า ภำพที่ 37 แผนอัตราก าลังข้าราชการ โปรแกรม Big data สามารถ ค านวณแผนอัตราก าลังข้าราชการครู สภาพอัตราก าลังโรงเรียน ภำพที่ 38 บุคลากรเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ ต่างๆ
39 | ห น้ า 5. เมนู ข้อมูลด้ำนงบประมำณ โปรแกรม Big Data แสดงข้อมูลรำยงำนบริหำรงบประมำณ และ ข้อมูลอำคำรและสิ่งปลูกสร้ำง ประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ดังนี้ ภำพที่ 39 แสดงข้อมูลรายงานการบริหารงบประมาณ ซึ่งเป็นข้อมูล จากการเชื่อมโยงกับโปรแกรมสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ My Office ท าให้ทราบผลการเบิก-จ่ายงบประมาณในแต่ละโครงการ ตามแผนปฏิบัติการประจ าปี ภำพที่ 40 แสดงข้อมูลอาคารและสิ่งก่อสร้างของโรงเรียนในสังกัด ซึ่งเป็นข้อมูลจากการเชื่อมโยงกับ B-Obec ข้อมูลสิ่งก่อสร้าง
40 | ห น้ า 6. เมนู ข้อมูลด้ำนวิชำกำร โปรแกรม Big Data แสดงข้อมูล O-NET ข้อมูล NT ข้อมูล RT เปรียบเทียบ ผลคะแนนกับปีที่ผ่ำนมำ ประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ดังนี้ ภำพที่ 41 แสดงข้อมูลด้านวิชาการ เปรียบเทียบผลคะแนนผลการ ทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET)เป็นรายโรงเรียน เปรียบเทียบผลต่าง/เขต ผลต่าง/สพฐ. ภำพที่ 42 แสดงข้อมูลด้านวิชาการ เปรียบเทียบผลคะแนนผลการ ทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET)เป็นรายโรงเรียน เปรียบเทียบผลคะแนนกับปีที่ผ่านมา (ย้อนหลัง 5 ปี)
41 | ห น้ า 7. เมนู ข้อมูลด้ำนกำรวิเครำะห์แนวโน้มจ ำนวนนักเรียน ย้อนหลัง 5 ปี ประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ดังนี้ ภำพที่ 43 แสดงข้อมูลการวิเคราะห์แนวโน้ม จ านวนนักเรียน ย้อนหลัง 5 ปี ภาพรวมส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภำพที่ 44 แสดงข้อมูลการวิเคราะห์แนวโน้ม จ านวนนักเรียน ย้อนหลัง 5 ปี จ าแนกเป็นรายโรงเรียน
42 | ห น้ า ภำพที่ 45 แสดงข้อมูลการวิเคราะห์แนวโน้ม จ านวนห้องเรียน ย้อนหลัง 5 ปี ภาพรวมส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภำพที่ 46 แสดงข้อมูลการวิเคราะห์แนวโน้ม จ านวนห้องเรียน ย้อนหลัง 5 ปี จ าแนกเป็นรายโรงเรียน
43 | ห น้ า ภำพที่ 47 แสดงข้อมูลการวิเคราะห์แนวโน้ม ขนาดโรงเรียนย้อนหลัง 5 ปี ภาพรวมส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภำพที่ 48 แสดงข้อมูลการวิเคราะห์แนวโน้ม ขนาดโรงเรียนย้อนหลัง 5 ปี ภาพรวมส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา
44 | ห น้ า 8. เมนู สถิติ/บริกำร ประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ดังนี้ 9. เมนู คณะกรรมกำรบริหำรข้อมูลภำครัฐ (Big Data) ประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ดังนี้ ภำพที่ 49 แสดงข้อมูลสถิติ และการใช้บริการ ของข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา ผู้มีส่วนได้เสีย และผู้ที่สนใจ ภำพที่ 50 คณะกรรมการพัฒนาโปรแกรม Big Data
45 | ห น้ า 4.2 กำรเผยแพร่และประชำสัมพันธ์ โปรแกรมระบบสำรสนเทศเพื่อกำรบริหำรจัดกำรศึกษำ (Big Data) 4.2.1 ประชำสัมพันธ์หน้ำเว็บไซต์ สพป.ชัยภูมิ เขต 2 ที่ www.chaiyaphum2.go.th 4.2.2 ประชำสัมพันธ์กลุ่มไลน์ต่ำงๆ ภำพที่ 51 ภาพประชาสัมพันธ์โปรแกรม Big Data หน้าเว็บไซต์ สพป.ชัยภูมิ เขต 2 ภำพที่ 52 ภาพประชาสัมพันธ์โปรแกรม Big Data ในกลุ่มไลน์ต่างๆ สพป.ชัยภูมิ เขต 2
46 | ห น้ า 4.2.3 ประชำสัมพันธ์หน้ำ facebook สพป.ชัยภูมิ เขต 2 www.facebook.com/cpm2.obec 4.2.4 แจ้งประชำสัมพันธ์ให้ข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำในสังกัด ภำพที่ 52 ภาพประชาสัมพันธ์โปรแกรม Big Data บน facebook สพป.ชัยภูมิ เขต 2 ภำพที่ 52 ภาพประชาสัมพันธ์โปรแกรม Big Data แจ้งหนังสือราชการให้โรงเรียนในสังกัด