แอลเคน
แอลคีน
แอลไคน์
อะโรมาติก
ไฮโดรคาร์บอน
ชือ่ สาร สูตรโมเลกุล โครงสร้างลวิ อิส
อเี ทน C2H6
HH HH
HCCH H–C–C–H
HH
HH H
อีทนี (เอทิลนี ) C2H4 HC CH H C=C H
C2H2 HH H
อไี ทน์ (อะเซทลิ ีน) CH4O
เมทานอล H C C H H–CC–H
CH5N
(เมทิลแอลกอฮอล)์ H H
HCOH H–C–O–H
อะมิโนมีเทน
H H
H H
HCNH H–C–N–H
HH HH
ชื่อสาร สตู รโมเลกลุ สตู รโครงสรา้ ง
C4H10
บวิ เทน C3H6 โครงสรา้ งลิวอสิ โครงสร้างแบบยอ่
C3H6O
โพรพีน C2H6O HHHH CH3CH2CH2CH3 หรอื
(โพรพิลนี ) HCCCCH CH3(CH2)2CH3
โพรพาโนน
(แอซโี ตน) HHHH
H
เอทานอล HCCCH CH2 = CHCH3
HHH
HOH
HCCCH CH3COCH3 หรือ
(CH3)2CO
HH
HH
H C C O H CH3CH2OH
HH
โครงสร้างลิวอิส โครงสรา้ งแบบย่อ โครงสรา้ งแบบเสน้ และมมุ
CH2 = CHCH2CH3
HH
HCCCCH CH3CH(CH2CH3)CH = CHCH3
HC HC CH
HHHH HC HC CH
HH HH
C C H
H H
HCCCCCH
HHHHH
H
HCCCH
HCCCH
H
ชอ่ื สาร สูตรโมเลกุล โครงสรา้ งลวิ อสิ แบบจาลองโมเลกุล 3 มิติ
มีเทน CH4
H
อีเทน C2H6 HCH
โพรเพน C3H8 H
HH
บิวเทน C4H10 HCCH
HH
HHH
HCCCH
HHH
HHHH
HCCCCH
HHHH
ชื่อสาร สตู รโมเลกุล โครงสรา้ งลวิ อสิ แบบจาลองโมเลกุล 3 มิติ
อีทีน C2H4 HH
CC
HH
อไี ทน์ C2H2 HCCH
HH
เบนซนี C6H6
CC
HC CH
CC
HH
~109.5o ~120o ~120o 180o
~120o C2H2
CH4 C2H4
หมู่ฟังก์ชัน ช่อื หมู่ฟังก์ชนั ประเภท หมู่ฟังก์ชนั ชอื่ หมฟู่ ังก์ชัน ประเภท
- - แอลเคน
O แอลคอกซคี ารบ์ อนิล เอสเทอร์
CC พันธะคู่ แอลคีน C OR
ระหว่าง C
CC พันธะสาม แอลไคน์ O คาร์บอกซาลดีไฮด์ แอลดี
ระหว่าง C CH ไฮด์
OH แอลกอฮอล์
OR ไฮดรอกซลิ ฟนี อล O คารบ์ อนลิ คีโตน
O อเี ทอร์ C
C OH แอลคอกซี
กรดอนิ ทรีย์ / NH2 อะมโิ น เอมีน
คาร์บอกซลิ กรดคาร์บอกซลิ กิ O เอไมด์ เอไมด์
C NH2
จานวนอะตอม ชื่อ สูตรโมเลกลุ จดุ หลอมเหลว จุดเดือด
ของคารบ์ อน (oC) (oC)
มีเทน CH4 -182.5 -161.5
1 อเี ทน C2H6 -182.8 -88.6
2 โพรเพน C3H8 -187.7 -42.1
3 บวิ เทน C4H10 -138.3 -0.5
4 เพนเทน C5H12 -129.7 36.1
5 เฮกเซน C6H14 -95.3 68.7
6 เฮปเทน C7H16 -90.6 98.4
7 ออกเทน C8H18 -56.8 125.7
8
จานวนอะตอม ชือ่ ของ สตู รโครงสร้าง สตู รโครงสรา้ ง ช่อื ของ
ของคารบ์ อน แอลเคน ของแอลเคน ของหมแู่ อลคลิ หมแู่ อลคลิ
–CH3
1 มีเทน CH4 –CH2CH3 เมทิล
(methane) –CH2CH2CH3 (methyl)
–CH2CH2CH2CH3
2 อเี ทน CH3CH3 –CH2CH2CH2CH2CH3 เอทิล
(ethane) (ethyl)
โพรพลิ
3 โพรเพน CH3CH2CH3 (propyl)
(propane)
บวิ ทิล
4 บวิ เทน CH3CH2CH2CH3 (butyl)
(butane)
เพนทลิ
5 เพนเทน CH3CH2CH2CH2CH3 (pentyl)
(pentane)
เลอื กสายโซ่ของคาร์บอนที่ตอ่ กันยาวทีส่ ดุ เป็นโซ่หลกั ซึง่ ไมจ่ าเปน็ ต้องแนวเดยี วกนั ตลอด
CH3 CH2 CH3 CH3 CH3 CH2 CH3 CH3
CH3 CH CH C CH3
CH3 CH CH C CH3
C6 ; เฮกเซน (hCeHx3ane)
C5 ; เพนเทน (pCeHn3tane)
ถ้าสามารถเลอื กโซห่ ลกั ทมี่ ีอะตอมของคารบ์ อนต่อกันยาวท่ีสดุ ได้หลายแบบ ใหเ้ ลือกแบบท่มี ี
จานวนหมู่แอลคิลมากกวา่ เป็นโซ่หลัก
CH3 CH3 CH3 CH3
CH3 CH2 CH CH CH2 CH CH3 CH3 CH2 CH CH CH2 CH CH3
CH2 CH2 CH3 CH2 CH2 CH3
C7 ; เฮปเทน (heptane) มหี มูแ่ อลคลิ 2 หมู่ C7 ; เฮปเทน (heptane) มหี มู่แอลคลิ 3 หมู่
กาหนดตัวเลขแสดงตาแหนง่ ของคาร์บอนในโซ่หลัก โดยเรมิ่ จากปลายด้านท่ีทาให้หมู่แอลคลิ
อย่ใู นตาแหนง่ ที่มีตวั เลขน้อย ๆ
1CH3 3CC2HH2 4CCHH3 5CCH3 6CH3 6CH3 4CC5HH2 3CCHH3 2CCH3 C1H3
CH3 CH3
CH3 CH3
เรยี กชื่อหมู่แอลคิลนาหน้าชอื่ แอลเคน โดยระบตุ ัวเลขแสดงตาแหน่งของคารบ์ อนทห่ี มู่แอลคลิ
ตอ่ อยู่ ถา้ หมู่แอลคิลตอ่ อยูก่ บั โซ่หลกั เหมือนกันใหใ้ ช้คานาหนา้ แสดงจานวนหมูแ่ อลคลิ เป็นภาษา
กรกี เชน่ ได ไตร เตตระ โดยเขียนไว้ระหวา่ งช่ือของหมูแ่ อลคิลกบั ตัวเลขแสดงตาแหน่ง
C6H3 4CC5HH2 3CCHH3 2CCH3 C1H3 2,2,3,4–เตตระเมทลิ เฮกเซน
(2,2,3,4–tetramethylhexane)
CH3
CH3
ถ้าหม่แู อลคิลตอ่ อยู่กับโซห่ ลกั ไม่เหมือนกัน ให้เรียกชอ่ื เรียงลาดับหมแู่ อลคิลตามลาดบั
อักษรภาษาองั กฤษ และระบุตวั เลขแสดงตาแหนง่ ไวห้ น้าช่ือหมูแ่ อลคิล
CH3CH2CH2CH3 4 3 2CH31
CH3CCHH253CCHHCC6HH22CC7HHC2C8HH33
C1H3C2H2C3HC4HC5H2C6H2C7H3
4–เอทิล– 2,5–ไดเมทิลออกเทน
3–เมทลิ –4–โพรพลิ เฮปเทน (4–ethyl–2,5–dimethyloctane)
(3–methyl–4–propylheptane)
แอลเคนที่มโี ครงสร้างเป็นแบบวงซ่งึ เรียกว่า ไซโคลแอลเคน การเรียกชอ่ื ไซโคลแอลเคน
ทาได้เชน่ เดียวกับการเรยี กช่ือของแอลเคน แตน่ าหนา้ ด้วยคาว่า ไซโคล
H2C CH2 C4H8 ; ไซโคลบวิ เทน H2C CH2CH2 C5H10 ; ไซโคลเพนเทน
H2C CH2 (cyclobutane) H2C CH2 (cyclopentane)
จานวนอะตอม ชอื่ สตู รโครงสร้าง จดุ หลอมเหลว จุดเดือด
ของคารบ์ อน (oC) (oC)
3 ไซโคลโพรเพน -127.4 -32.8
4 ไซโคลบิวเทน -90.7 12.5
5 ไซโคลเพนเทน -93.9 49.3
6 ไซโคลเฮกเซน 6.6 80.7
พนั ธะระหวา่ งอะตอมของคาร์บอน
ในโมเลกุลเปน็ พันธะเดี่ยวทงั้ หมด
มีสูตรทวั่ ไปเป็น CnH2n+2 ติดไฟงา่ ย มีควนั และเขมา่ น้อย
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ท่ภี าวะปกติอาจมีสถานะเปน็
ประเภทอม่ิ ตวั แก๊ส ของเหลว หรือของแขง็
เป็นโมเลกลุ โคเวเลนต์ไม่มีขวั้ เกดิ ปฏิกิริยาการแทนทีก่ บั
จึงไมล่ ะลายในนา้ ธาตแุ ฮโลเจนในท่สี ว่าง
แนวโน้มของจุดหลอมเหลวและจดุ เดอื ดจะสูงขึน้
ตามจานวนอะตอมของคารบ์ อนทีเ่ พิ่มข้ึน
สารละลายโบรมนี กอ่ นเติมแอลคนี สารละลายโบรมนี หลงั เติมแอลคนี
จานวนอะตอม ชอื่ สูตรโมเลกลุ จดุ หลอมเหลว จดุ เดือด
ของคาร์บอน (oC) (oC)
อที นี C2H4 -169.1 -103.7
2 โพรพนี C3H6 -185.2 -47.7
3 1–บิวทีน C4H8 -185.3 -6.3
4 1–เพนทีน C5H10 -165.2 30.0
5 1–เฮกซีน C6H12 -139.8 63.5
6 1–เฮปทีน C7H14 -119.0 93.6
7 1–ออกทีน C8H16 -101.7 121.3
8
HH H C CH3
CC C
H3C H
H3C CH3
ด้านตรงขา้ มกัน
ด้านเดยี วกนั
ทรานส์ (trans–)
ซิส (cis–) หมายความวา่ อะตอมหรือกลุม่ อะตอม
หมายความวา่ อะตอมหรือกลุม่ อะตอม ทีเ่ หมือนกนั จัดตัวอย่ดู า้ นตรงขา้ มกนั
ทเี่ หมือนกันจัดตัวอยูด่ ้านเดียวกัน
การเรยี กชอ่ื แอลคีนใช้หลกั เกณฑเ์ ดยี วกับแอลเคน แต่ลงท้ายเสยี งเป็น อ-นี และแสดงตาแหน่ง
ของพันธะคูร่ ะหว่างอะตอมของคาร์บอนในโมเลกลุ โดยกาหนดตัวเลขแสดงตาแหนง่ คารบ์ อน
ซ่งึ เริ่มต้นจากปลายโซ่ด้านท่ีทาให้ตาแหน่งของพันธะค่มู ตี ัวเลขน้อยทีส่ ุด
CH2 = CH2 CH2 = CHCH3 C1H2 = C2HC3H2C4H3 C1H3C2H = C3HC4H3
อที ีน (ethene) โพรพีน (propene) 1–บวิ ทีน (1–butene) 2–บิวทนี (2–butene)
5CH3C4H2CC3H=3 C2HC1H3 C1H2 =2CC4HCC3H3H2C5CHH22CC6HH33
3–เมทลิ –2–เพนทีน 3–เอทิล–2–เมทลิ –1–เฮกซนี
(3–methyl–2–pentene) (3–ethyl–2–methyl–1–hexene)
การอ่านชื่อแอลคีนทีม่ ไี อโซเมอร์เปน็ แบบซสิ หรอื ทรานส์ จะใช้คาวา่ ซสิ – หรือทรานส์–
นาหน้าชอ่ื ของแอลคีน และเขียนด้วยตัวเอียง
HH H C CH3 HH H3C C H
CC C CC C
H3C H
H3C CH3 H3C CH2CH3 H CH2CH3
ซิส–2–บวิ ทนี ทรานส์–2–บวิ ทีน ซิส–2–เพนทีน ทรานส์–2–เพนทนี
(cis–2–butene) (cis–2–pentene)
(trans–2–butene) (trans–2–pentene)
แอลคีนทม่ี ีโครงสรา้ งเป็นแบบวงซ่งึ เรียกว่า ไซโคลแอลคีน การเรียกชือ่ ไซโคลแอลคีน
ทาเชน่ เดียวกับการเรียกชื่อของแอลคนี แตน่ าหนา้ ด้วยคาว่า ไซโคล
CH2 C3H4 ; ไซโคลโพรพนี H2C CH2 C4H6 ; ไซโคลบวิ ทนี
HC CH (cyclopropene) HC CH (cyclobutene)
แอลคีนทม่ี ีพนั ธะคู่ 1 พันธะ
มสี ตู รทว่ั ไปเป็น CnH2n
มพี ันธะคู่เป็นหมู่ฟังก์ชนั ติดไฟงา่ ย ใหเ้ ปลวไฟสวา่ ง มีเขมา่
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน แอลคนี ทม่ี ีคาร์บอน 2-4 อะตอม
ประเภทไมอ่ ่มิ ตัว มสี ถานะเปน็ แกส๊ สว่ น 5-8
อะตอมมสี ถานะเปน็ ของเหลว
เป็นโมเลกลุ โคเวเลนต์ไมม่ ขี ้วั
จึงไมล่ ะลายในนา้ ฟอกจางสโี บรมนี และ
โพแทสเซียมเปอรแ์ มงกาเนตได้
แนวโน้มของจุดหลอมเหลวและจุดเดอื ดจะสูงข้ึน
ตามจานวนอะตอมของคาร์บอนทีเ่ พิม่ ข้ึน
จานวนอะตอม ชอื่ สตู รโมเลกุล จุดหลอมเหลว จุดเดอื ด
ของคาร์บอน (oC) (oC)
อีไทน์ C2H2 -80.8 -84.0
2 โพรไพน์ C3H4 -102.7 -23.2
3 1–บวิ ไทน์ C4H6 -125.7 8.0
4 1–เพนไทน์ C5H8 -105.7 40.2
5 1–เฮกไซน์ C6H10 -131.9 71.3
6 1–เฮปไทน์ C7H12 -81.0 99.7
7 1–ออกไทน์ C8H14 -79.3 125.2
8
การเรยี กช่อื แอลไคน์ใชห้ ลกั เกณฑ์เดยี วกับแอลคีน แต่ลงทา้ ยเสียงเป็น ไ-น์ และแสดงตาแหน่ง
ของพนั ธะสามระหวา่ งอะตอมของคารบ์ อนในโมเลกุล โดยกาหนดตัวเลขแสดงตาแหนง่ ของ
คารบ์ อน ซ่งึ เริ่มตน้ จากปลายโซ่ด้านท่ที าให้ตาแหนง่ ของพันธะสามมตี ัวเลขนอ้ ยท่ีสดุ
CH CH CH CCH3 1 23 4 1 2 34
CH CCH2CH3 CH3C CCH3
2–บิวไทน์ (2–butyne)
อไี ทน์ (ethyne) โพรไพน์ (propyne) 1–บิวไทน์ (1–butyne)
C1H3C2 3CC4HC5H3 4–เมทิล–2–เพนไทน์
CH3 (4–methyl–2–pentyne)
แอลไคนท์ ่ีมีพันธะสาม 1 พนั ธะ
มีสตู รทวั่ ไปเป็น CnH2n-2
มีพันธะสามเป็นหมู่ฟังก์ชัน ฟอกจางสีโบรมนี และ
โพแทสเซยี มเปอรแ์ มงกาเนตได้
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน เปน็ โมเลกุลโคเวเลนตไ์ ม่มีขัว้
ประเภทไม่อิ่มตัว จงึ ไมล่ ะลายในนา้
แนวโนม้ ของจดุ หลอมเหลวและจุดเดือดจะสงู ขนึ้
ตามจานวนอะตอมของคาร์บอนทเี่ พมิ่ ข้ึน
โมเลกุลของเบนซนี ประกอบด้วยคาร์บอน 6 อะตอมต่อกันเป็นวง พนั ธะ
ระหว่างอะตอมของคารบ์ อนทง้ั 6 พันธะ มีความยาวเทา่ กันคือ 139 pm ซึ่งเป็น
ค่าระหวา่ งความยาวพันธะของคารบ์ อนทีเ่ ปน็ พนั ธะเดยี่ ว (154 pm) กบั พันธะคู่
(134 pm) ทัง้ น้ีเน่อื งจากอิเลก็ ตรอนเคล่อื นที่ไปมาภายในวงเบนซนี เบนซีนจงึ มี
โครงสรา้ งเรโซแนนซ์ (resonance)
H HH
HCCCH
HCCCH HCCCH หรือ HCCCH
HCCCH HCCCH
H
HH
หรือ
ช่อื สตู รโมเลกุล โครงสรา้ ง จุดหลอมเหลว จดุ เดือด
เบนซนี C6H6 แบบเส้นและมมุ (oC) (oC)
5.5 80.1
แนฟทาลีน C10H8 80.3 217.9
แอนทราซีน C14H10 216.0 340.0
ฟีแนนทรนี C14H10 99.2 340.0
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนทมี่ ีวงเบนซีนเปน็ องคป์ ระกอบ
อยา่ งน้อย 1 วง เรยี กว่า อะโรมาติกไฮโดรคารบ์ อน
มีสถานะเป็นของเหลว ติดไฟงา่ ย ใหเ้ ปลวไฟสว่าง
ท่ีอณุ หภมู หิ อ้ ง มคี วันและเขมา่ มาก
ไมล่ ะลายในน้า และ ไมฟ่ อกจางสโี บรมนี และ
มคี วามหนาแนน่ น้อยกวา่ น้า โพแทสเซยี มเปอรแ์ มงกาเนต
อาจเกิดปฏิกิริยาการแทนท่ี
เมอ่ื มตี ัวเรง่ ปฏกิ ิริยาทเ่ี หมาะสม
ชอื่ สตู รโครงสร้าง จดุ เดอื ด สภาพละลายได้ในน้าที่ 20 oC
(oC) (g/นา้ 100 g)
เมทานอล CH3OH 64.7 ละลายไดด้ ี
เอทานอล CH3CH2OH 78.3 ละลายได้ดี
โพรพานอล CH3(CH2)2OH 97.2 ละลายไดด้ ี
บวิ ทานอล CH3(CH2)3OH 117.7 7.9
เพนทานอล CH3(CH2)4OH 138.0 2.3
พันธะไฮโดรเจน
RO R
H O
OH
R H
O
H
R
การเรียกช่ือแอลกอฮอลท์ ี่เป็นโซ่ตรง ใหเ้ รียกตามจานวนอะตอมของคาร์บอน แลว้ ลงท้าย
เสียงเป็น อ- านอล (-anol)
CH3OH มชี ื่อว่า เมทานอล (methanol ; CH4O)
CH3CH2OH มีชอ่ื วา่ เอทานอล (ethanol ; C2H6O)
CH3CH2CH2OH มีชอื่ วา่ โพรพานอล (propanol ; C3H8O)
CH3CH2CH2CH2OH มีชื่อว่า บิวทานอล (butanol ; C4H10O)
เป็นโมเลกุลมีขวั้ ส่วนท่มี ีขวั้ คอื หมู่ไฮดรอกซลิ (–OH) R O -
H +
และส่วนทไ่ี มม่ ีขว้ั คอื หม่แู อลคลิ (R)
มีสูตรทวั่ ไปเป็น R–OH มหี มไู่ ฮดรอกซิล (-OH)
เปน็ หมู่ฟังก์ชัน
แนวโนม้ ของจดุ เดอื ดจะสูงข้นึ การละลายในนา้ ลดลง
ตามจานวนอะตอม เมอื่ ขนาดโมเลกุลใหญข่ ึน้
ของคาร์บอนทีเ่ พ่มิ ข้ึน
พนั ธะระหวา่ งหมไู่ ฮดรอกซิลกบั หมู่แอลคลิ ในแอลกอฮอลเ์ ปน็ พนั ธะโคเวเลนต์ แต่
พนั ธะระหว่างหมู่ OH- กับโลหะไอออนในโลหะไฮดรอกไซด์เป็นพนั ธะไอออนิก
เป็นไอโซเมอรโ์ ครงสรา้ งกับ
แอลกอฮอลแ์ ละฟีนอล
มหี มู่ออกซี (– O –) ละลายสารประกอบอนิ ทรีย์
เปน็ หมู่ฟังกช์ ัน ไดห้ ลายชนดิ
มสี ตู รทั่วไปเปน็ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ ากบั สารชนิดอ่นื
ROR' ได้ยาก
แยกออกได้งา่ ยเมอื่ ปฏิกิรยิ าสิ้นสดุ
เนื่องจากมีจดุ เดือดต่า
ช่ือ สตู รโครงสรา้ ง จดุ เดอื ด สภาพละลายไดใ้ นนา้ ท่ี 20 oC
(oC) (g/น้า 100 g)
เมทานาล HCHO -19.2 ละลายไดด้ ี
เอทานาล CH3CHO 20.1 ละลายได้ดี
โพรพานาล CH3CH2CHO
บวิ ทานาล CH3(CH2)2CHO 47.9 16
เพนทานาล CH3(CH2)3CHO
74.8 7
103.0 ละลายได้นอ้ ย
การเรียกชื่อแอลดไี ฮด์ให้เรียกตามจานวนอะตอมของคารบ์ อน แล้วลงทา้ ยเสยี งเป็น อ-านาล
(-anal)
CH3CHO มชี ่อื ว่า เอทานาล (ethanal ; C2H4O)
CH3CH2CHO มีชือ่ วา่ โพรพานาล (propanal ; C3H6O)
CH3CH2CH2CHO มชี อื่ วา่ บวิ ทานาล (butanal ; C4H8O)
CH3CH2CH2CH2CHO มชี ือ่ ว่า เพนทานาล (pentanal ; C5H10O)
O
มหี มู่คาร์บอกซาลดีไฮด์ ( C H )
เป็นหมฟู่ ังกช์ นั
มีสูตรทวั่ ไปเป็น แอลดีไฮดก์ ับคีโตน
จะเปน็ ไอโซเมอรก์ นั
O
RCH
เป็นโมเลกุลมีข้วั การละลายในน้าลดลง
สามารถละลายในนา้ ได้ เมื่อขนาดโมเลกุลใหญ่ข้นึ
แนวโนม้ ของจดุ เดอื ดจะสูงข้นึ
ตามจานวนอะตอมของคารบ์ อนทเ่ี พม่ิ ข้นึ
ชอื่ สูตรโครงสรา้ ง จุดเดอื ด สภาพละลายได้ในน้าท่ี 20 oC
(oC) (g/น้า 100 g)
โพรพาโนน CH3COCH3 56.1 ละลาย
บิวทาโนน CH3COCH2CH3 79.6 26.0
เพนทาโนน CH3CO(CH2)2CH3 102.3 6.3
เฮกซาโนน CH3CO(CH2)3CH3 127.2 2.0
การเรียกชอื่ คโี ตนใหเ้ รยี กตามจานวนอะตอมของคารบ์ อน แลว้ ลงทา้ ยเสียงเปน็ อ-าโนน
(-anone)
CH3COCH3 มชี ือ่ วา่ โพรพาโนน (propanone ; C3H6O)
CH3COCH2CH3 มชี ่ือว่า บวิ ทาโนน (butanone ; C4H8O)
CH3COCH2CH2CH3 มีช่ือวา่ เพนทาโนน (pentanone ; C5H10O)
CH3COCH2CH2CH2CH3 มชี อ่ื วา่ เฮกซาโนน (hexanone ; C6H12O)
O
มีหมู่คารบ์ อนลิ ( C )
เป็นหมู่ฟังกช์ นั
มสี ตู รท่วั ไปเปน็ คีโตนกับแอลดไี ฮด์
จะเป็นไอโซเมอรก์ ัน
O
R C R'
เป็นโมเลกลุ มขี ้วั การละลายในน้าลดลง
สามารถละลายในน้าได้ เมื่อขนาดโมเลกุลใหญ่ข้ึน
แนวโน้มของจดุ เดอื ดจะสงู ขึน้
ตามจานวนอะตอมของคารบ์ อนทีเ่ พ่มิ ขน้ึ
ชือ่ สตู รโครงสร้าง มวลโมเลกลุ จดุ เดือด (oC)
CH3CH2CH2CH3 58 -0.5
บวิ เทน CH3CH2CHO
(แอลเคน) 58 47.9
CH3COCH3
โพรพานาล CH3CH2CH2OH 58 56.1
(แอลดไี ฮด์)
60 97.2
โพรพาโนน
(คีโตน)
โพรพานอล
(แอลกอฮอล์)
ชอ่ื สตู รโครงสรา้ ง จดุ เดอื ด สภาพละลายไดใ้ นน้าท่ี 20 oC
(oC) (g/น้า 100 g)
กรดเมทาโนอกิ HCOOH 100.8 ละลายไดด้ ี
กรดเอทาโนอกิ 117.9 ละลายไดด้ ี
กรดโพรพาโนอิก CH3COOH 140.8 ละลายไดด้ ี
กรดบิวทาโนอกิ CH3CH2COOH 163.3 ละลายได้
กรดเพนทาโนอกิ CH3(CH2)2COOH 185.5 3.7
กรดเฮกซาโนอกิ CH3(CH2)3COOH 205.7 1.0
CH3(CH2)4COOH
R CO พนั ธะไฮโดรเจน พนั ธะไฮโดรเจน
OH H
O R
OH OC O
OH OC R OH
OC R R H
O
R H
R
พันธะไฮโดรเจนของกรดคารบ์ อกซิลกิ พันธะไฮโดรเจนของแอลกอฮอล์
การเรียกช่อื กรดคาร์บอกซลิ ิกท่ีเปน็ โซ่ตรง ให้เรียกตามจานวนอะตอมของคาร์บอน แลว้ ลงท้าย
เสียงเปน็ อ- าโนอกิ (-anoic acid)
CH3COOH มีชอื่ วา่ กรดเอทาโนอิก (ethanoic acid ; C2H4O2)
CH3CH2COOH มชี ่อื วา่ กรดโพรพาโนอกิ (propanoic acid ; C3H6O2)
CH3CH2CH2COOH มีชื่อว่า กรดบวิ ทาโนอิก (butanoic acid ; C4H8O2)
CH3CH2CH2CH2COOH มีชือ่ ว่า กรดเพนทาโนอิก (pentanoic acid ; C5H10O2)
เป็นโมเลกลุ มขี ัว้ ในโมเลกลุ ประกอบด้วยหมู่ฟงั ก์ชันที่มขี ัว้ 2 หมคู่ ือ R O+ - +
หม่ไู ฮดรอกซลิ และหมคู่ ารบ์ อนลิ และสว่ นท่ีไมม่ ขี ้วั คอื หม่แู อลคลิ C O H-
O มสี ูตรท่ัวไปเป็น
มีหมู่คารบ์ อกซิล ( C OH ) O
R C OH
เปน็ หมู่ฟังก์ชนั
เป็นกรดออ่ น เมื่อละลายนา้ การละลายในน้าลดลง
แลว้ แตกตวั ให้ H3O+ ได้น้อย เมอ่ื ขนาดโมเลกุลใหญข่ ้ึน
แนวโน้มของจุดเดอื ดจะสงู ขึ้น
ตามจานวนอะตอมของคารบ์ อนท่ีเพมิ่ ขึ้น
สตู รโมเลกุล สตู รโครงสรา้ ง จุดเดือด สตู รโครงสร้าง จุดเดอื ด
(oC) CH3COOH (oC)
C2H4O2 HCOOCH3 CH3CH2COOH 117.9
C3H6O2 31.5 140.8
HCOOCH2CH3 CH3CH2CH2COOH
C4H8O2 CH3COOCH3 54.2 163.3
57.0
HCOOCH2CH2CH3
CH3COOCH2CH3 80.9
CH3CH2COOCH3 77.1
79.8
การเรยี กชอ่ื เอสเทอรใ์ ห้เรียกชื่อหมู่แอลคิลหรอื แอริลท่มี าจากแอลกอฮอล์ แลว้ ตามด้วยชอื่ ของ
กรดคารบ์ อกซิลกิ โดยเปล่ยี นท้ายเสยี งเปน็ เ-ต (-ate)
CH3COOCH3 มีชื่อว่า เมทลิ เอทาโนเอต (methyl ethanoate ; C3H5O2)
CH3COOCH2CH3 มีช่อื ว่า เอทิลเอทาโนเอต (ethyl ethanoate ; C4H8O2)
เมทลิ เอทาโนเอต (เมทิลแอซเี ตต)
O
CH3O C CH3
ส่วนของแอลกอฮอล์ สว่ นของกรดคาร์บอกซิลกิ
O
เมทานอล CH3 O H HO C CH3 กรดเอทาโนอิก
เมทิล เอทาโนเอต
มหี มแู่ อลคOอกซคี าร์บอนิล แนวโนม้ ของจุดเดือดจะสงู ขนึ้
( C OR ) ตามจานวนอะตอม
เปน็ หมู่ฟังกช์ นั ของคาร์บอนทีเ่ พิ่มข้ึน
มีสูตรทั่วไปเปน็ การละลายในนา้ ลดลง
เมือ่ ขนาดโมเลกุลใหญ่ข้ึน
O
R C OR'
ชอ่ื สูตรโครงสรา้ ง จดุ เดือด สภาพละลายไดใ้ นน้าท่ี 20 oC
(oC) (g/น้า 100 g)
เมทานามีน CH3NH2 -6.3 ละลาย
เอทานามีน CH3CH2NH2 16.6 ละลาย
โพรพานามนี CH3(CH2)2NH2 48.5 ละลาย
บวิ ทานามนี CH3(CH2)3NH2 77.9 ละลาย
เพนทานามนี CH3(CH2)4NH2 104.3 ไมล่ ะลาย
เฮกซานามีน CH3(CH2)5NH2 132.8 ไมล่ ะลาย
R .N-. H+ R
H + RNH NH
ส่วนที่ไมม่ ีขัว้ ส่วนที่มขี ั้ว HH
สภาพขว้ั ในโมเลกลุ ของเอมีน พันธะไฮโดรเจน
พนั ธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกลุ ของเอมนี
การเรียกชื่อเอมนี ใหเ้ รยี กตามจานวนอะตอมของคารบ์ อน แล้วลงท้ายเสียงเปน็ อ- านามีน
(-anamine)
CH3NH2 มชี ือ่ วา่ เมทานามนี (methanamine ; CH5N)
CH3CH2NH2 มีชอ่ื วา่ เอทานามนี (ethanamine ; C2H7N)
CH3CH2CH2NH2 มีชื่อว่า โพรพานามนี (propanamine ; C3H9N)
CH3CH2CH2CH2NH2 มีชือ่ ว่า บิวทานามีน (butanamine ; C4H11N)