การจัดการ
ร้านธงฟ้า
 ประชารฐั 
แบบมอื 
                                        อาชีพ!
คำนำ
	 โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รัฐบาลมีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยเหลือประชำชนผู้มี  
รายได้น้อยให้มีฐานะ ทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น มีรายได้เพียงพอกับการครองชีพ โดยใช้นโยบาย
ในรูปกำรเพิ่มกำลังซื้อสำหรับผู้มีรายได้ ต่ำกว่าปีละ 30,000 บาท/คน ในอัตราเดือนละ  
300 บาท/คน สำหรับ ผู้มีรายได้ปีละตั้งแต่ 30,000-100,000 บาท/คน ในอัตราเดือนละ
200 บาท/คน พร้อมให้สิ่งจูงใจโดยการเพิ่มเงินใช้สอยอีกเดือนละ 100-200 บาท/คน ให้กับ
ผู้ที่สมัครใจพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้มีอาชีพที่มั่นคงและรายได้สูงขึ้น โดยมีผู้ที่ได้รับ  
บตั รสวสั ดกิ ารแหง่ รฐั รวม 14.55 ลา้ นคน รา้ นคา้ ธงฟา้ ประชารฐั เปน็ กลไกหนง่ึ ทถ่ี กู กำหนดขน้ึ
เพื่อรองรับนโยบายดังกล่ำวโดยทำหน้าที่เป็น ผู้จัดหาสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ เช่น
ขา้ วสาร อาหารแหง้ สนิ คา้ บรโิ ภคในครวั เรอื น ปจั จยั การผลติ ทาง การเกษตร อปุ กรณก์ ารเรยี น
ยารักษาโรค และสินค้าชุมชนมาจำหน่ายให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชน
ทั่วไป เพื่อใช้ในการซื้อสินค้า ปัจจุบัน (มีนาคม 2562) มีร้านค้าปลีกสมัครเข้าร่วมโครงการ
และติดตั้งเครื่องรดู บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ EDC (Electronic Data Capture) จำนวน
33,448 ร้าน และร้านที่ติดตั้งระบบแอพลิเคชั่น “ถุงเงินประชารัฐ” จำนวน 23,258 ร้าน  
รวม 56,706 รา้ น กระจายตวั อยู่ ในทกุ ตำบลและทกุ ชมุ ชนทว่ั ประเทศ รา้ นคา้ ธงฟา้ ประชารฐั
นอกจากจะต้องทำหน้าที่จัดหาสินค้าที่มีความจำเป็นในการครองชีพจำหน่าย ให้กับผู้ถือ
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในราคาที่ต่ำกว่าตลาดแล้ว ต้องทำหน้าที่เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้า
เกษตร และผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยกรมการค้าภายในจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการ  
เชื่อมโยงสินค้าชุมชนข้ามภูมิภาค เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้ชุมชนและระบบ
เศรษฐกิจฐานราก ภารกิจสำคัญอีกด้าน คือ การพัฒนา ตนเองให้เป็นร้านค้าที่ทันสมัย  
มีมาตรฐาน มีการบริหารจัดการที่ดี เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้สามารถแข่งขัน สู้กับร้านค้า
ปลีกหรือร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ได้ ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐจะบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย  
ทว่ี างไวร้ า้ นคา้ ตอ้ งเพม่ิ พนู ความรเู้ กย่ี วกบั การ บรหิ ารจดั การอยา่ งมอื อาชพี การสรา้ งเครอื ขา่ ย
ในการซื้อขาย ตลอดจนการบริหารด้านการเงิน การบัญชี และการวางแผนด้านภาษีอากรที่ดี
เพื่อรองรับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยเหตุผล ดังกล่าว   
กรมการค้าภายในจึงได้จัดให้มีการอบรมหลักสูตร การเพิ่มศักยภาพร้านธงฟ้าประชารัฐ  
เพื่อให้ ร้านค้าที่เข้าอบรมตามหลักสูตรนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการได้อย่างถูกต้อง
สร้างความมั่นคงให้กับธรุ กิจในระยะยาว กรมการค้าภายในหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารเล่มนี้
จะสามารถใช้เป็นคู่มือในการบริหารจัดการร้าน ให้แง่คิดและแนวทางในการนำพาธุรกิจ   
ค้าปลีกของร้านให้เจริญรุ่งเรือง สามารถยืนหยัดอยู่คู่ชุมชนและแข่งขัน กับผู้ประกอบการ
รายใหญ่ได้ในระยะยาวต่อไป กรมการค้าภายในพฤษภาคม 2562
                                                                     
                                                                                  กรมการค้าภายใน
                                                                                    พฤษภาคม 2562
สารบญั 
1. การจดั การร้านค้าอย่างมอื อาชพี 	                                                  5
                                                                                      6
	 1.1	บทบาทของร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ	                                                   7
	 1.2 เทคนิคการพดู การทำความเข้าใจกับลกู ค้าเพื่อสร้างความประทับใจ	                   10
	 	 และการบริการลูกค้า
	                                                              19
	 1.3	การบริหารจัดการสินค้า การเลือกสินค้าเข้าร้านและแนวทางการสั่งซื้อสินค้า	         27
	 1.4	การตกแต่งร้านค้า จัดเรียงสินค้า และผังร้านค้า	                                  28
	 1.5	การจัดรายการส่งเสริมการขาย	                                                     31
	 1.6	การจัดการสต็อกสินค้า	                                                           34
	 1.7	การสร้างความแตกต่าง	
	 1.8	วิธีการใช้/วิธีการเข้าถึงข้อมลู ร้านธงฟ้าประชารัฐและผู้ผลิตสินค้า (Supplier) 	  36
	 	 ผ่าน QR Code
                                                                     78
2. ปรับระบบคดิ พิชิตบัญชี รทู้ นั ภาษ	ี
3. หลักเกณฑ์ ข้อกำหนด และข้อปฏิบตั ิที่ร้านคา้ ธงฟา้ ประชารัฐตอ้ งทราบ	
4. การเช่ือมโยงและซือ้ ขายผลติ ภัณฑช์ ุมชนและท้องถิ่น	                                83
	 4.1 การเชื่อมโยงและซื้อขายผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่นกับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ	 84   
	 4.2 ความรู้เรื่องการเจรจาธุรกิจ
	     1. การเจรจาจับคู่ธรุ กิจ (Business Matching) คืออะไร ทำไม SME ต้องรู้?	 89
	     2. การเจรจาจับคู่ธรุ กิจ (Business Matching) จับคู่ คู่หู ไปด้วยกัน รุ่งด้วยกัน	90
	     3. 8 เทคนิคการเจรจาต่อรองทางธรุ กิจให้สำเร็จอย่างใจหวัง	                        92
96
5. ผู้ผลิตสินคา้ (Supplier) และศนู ยก์ ระจายสนิ คา้ ระดบั จงั หวดั และอำเภอ	
	 ผู้ผลิตสินค้า (Supplier)	                                                           98
	 ศนู ย์กระจายสินค้าระดับจังหวัดและระดับอำเภอ	                                        105
การจดั การ
     รา้ นค้า
อย่างมอื อาชีพ
1.1 บทบาทของร้านคา้ ธงฟา้ ประชารฐั 
 
 บทบาทของรา้ นค้าปลกี ในปัจจบุ ัน
 
 ตอ้ งเปน็ ผู้ให้ลกู ค้าก่อนเสมอ
 	 •	 ให้ความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ
 	 •	 ให้ความรู้เรื่องสินค้าและข้อมูลการใช้ประโยชน์
 	 •	 ให้บริการที่พอใจ ประทับใจ คงไว้ซึ่งความภักดี
 	 •	 ให้ความรู้สึกปลอดภัย เพลิดเพลิน อยากมาซื้อสินค้าอีก
 	 •	 ให้เป็นที่พึ่งยามจำเป็น ต้องการสินค้าแล้วได้ไม่ผิดหวัง
 	 •	 ให้ความเป็นพันธมิตร เพื่อเป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า
 
       “เมอื่ ใหล้ กู ค้าไดม้ ากเท่าไร 
 ลกู คา้ ก็จะใหท้ า่ นขายไดม้ ากเทา่ นน้ั ”
 
6
1.2 เทคนคิ การพดู การทำความเขา้ ใจกบั ลกู ค้า
เพ่ือสรา้ งความประทบั ใจและการบรกิ ารลกู ค้า
	 หน้าที่สำคัญอันดับแรกของร้านค้า คือการเสนอสินค้าให้ตรงตามความต้องการของ
ลูกค้า จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด ต้องเข้าใจสาเหตุ
ต่างๆ ที่ลูกค้าเลือกซื้อของ เช่น สินค้าชนิดใดยี่ห้อใดขายดีเพราะเหตุใด พฤติกรรมการซื้อ
ของแต่ละกลุ่มลกู ค้าเป็นอย่างไรต้องสนใจให้มาก และนำไปพัฒนาปรับปรุงร้านให้ดีขึ้น
แนะนำและสรา้ งความประทับใจ
	 ลูกค้าจำนวนมากที่ซื้อสินค้าตามคำแนะนำจากเจ้าของร้าน ดังนั้น ร้านค้าควรใช้
ประโยชน์จากการบริการที่เป็นมิตรนี้ ในการแนะนำสินค้าที่มีคุณภาพดีให้กับลกู ค้า ลูกค้าจะ
กลับมาซื้อของที่ร้านอีก เมื่อเขาประทับใจในบริการที่ดี และประทับใจในความเป็นมิตรและ
จริงใจ
การบริการลกู ค้า
“การบรกิ ารแบบ
 เอาใจลกู ค้ามา
    ใส่ใจเราจะ
สามารถดึงดดู
 ลูกค้าให้เขา้ มา
ซอื้ สินค้าหรือใช้
   บริการได”้ 
                                                                                                                         7
คุณสมบตั ขิ องผู้ให้บรกิ ารทีด่ 
ี
 	 •	 มีความรอบรู้ในเรื่องของสินค้าและบริการ
 	 •	 มีจิตสำนึกในการต้อนรับและบริการเสมอ
 	 •	 ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีไมตรีจิต
 	 •	 มีบคุ ลิกดี สุภาพอ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตน
 	 	 มีสัมมาคารวะ แต่งกายสะอาด สภุ าพ
 	 •	 มีศิลปะในการพูด มีปฏิภาณไหวพริบดี
 
 
 เทคนคิ การให้บริการทีด่ ี
 	 •	 มีท่าทีเป็นมิตร ยินดีต้อนรับลูกค้า ยิ้มแย้ม มีน้ำใจ เป็นกันเอง เมื่อลกู ค้าเข้าร้านก็
 ควรทักทายลูกค้าด้วยคำว่า “สวัสดีค่ะ” หรือ “สวัสดีครับ” หรือ “สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วย
 บอกได้นะครับ” ซึ่งการทักทายนี้จะให้ประโยชน์ 2 ทาง คือ ลูกค้าจะรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญได้
 รับการเอาใจใส่ และในขณะเดียวกันก็สามารถส่งผลให้กับผู้ไม่หวังดี ซึ่งอาจจะเข้ามาเพื่อ
 ขโมยสินค้าก็จะรู้สึกตัวว่าไม่สามารถทำได้ เพราะมีคนใส่ใจในพฤติกรรมของตนอยู่
                       	 •	 บริการด้วยความกระตือรือร้น รวดเร็ว ทันต่อความ
                       ต้องการของลูกค้า และมีการตรวจนับสินค้าและเงินทอนอย่าง
                       รอบคอบถูกต้อง ซึ่งอาจจะช่วยขอให้ลูกค้าตรวจดูด้วยคำพูด
                       ว่า “ถูกต้องไหมคะ” หรือ “ครบถ้วนเรียบร้อยนะครับ”
                       เป็นต้น
                       	 •	 ไม่วางตัวเป็นทางการเกินไป ไม่ทำตัวว่ากำลังยุ่ง หรือ
                       กำลังเบื่องาน
                       	 •	 ยินดีตอบคำถามลูกค้าอย่างละเอียด กระชับ ถูกต้อง
                       ไม่ยืดเยื้อเข้าใจยาก
                       	 •	 ยกย่องให้เกียรติลูกค้า ต้อนรับลูกค้าด้วยความ
                       เสมอภาค
                       	 •	 อย่าปล่อยให้ลูกค้ารอ ถ้าลูกค้าต้องรอ ต้องแจ้ง  
                       ให้ทราบ เช่น “กรุณารอสักครู่นะคะ” หรือ “ขอโทษที่ทำให้
                       คอยนะคะ” เป็นต้น
                       	 •	 พยายามจำลกู ค้าและความต้องการของลูกค้าให้ได้
                       	 •	 คำขอบคุณควรจะเป็นคำพูดที่ติดปากเมื่อส่งเงินทอน
                       ให้ลกู ค้าเสมอ
8
การสรา้ งความสมั พนั ธท์ ด่ี ีกับลูกค้า
	 สิ่งสำคัญสำหรับร้านค้าปลีกคือลกู ค้า ซึ่งนอกจากการหาฐานลกู ค้าใหม่แล้ว การรักษา
ฐานลูกค้าเดิมไว้ได้ก็จะทำให้การบริหารจัดการร้านค้าและสินค้าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เนื่องจากทราบข้อมลู และพฤติกรรมของลูกค้าอยู่แล้ว การคาดคะเนยอดขายของสินค้าแต่ละ
ชนิดและขนาด จะสามารถทำได้แม่นยำมากขึ้น ดังนั้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลกู ค้าจึง
เป็นสิ่งที่สำคัญมากและสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การจดจำข้อมูลลูกค้าทั้งชื่อ ชนิดของ
สินค้าที่ลูกค้าต้องการ จะทำให้ลูกค้ารู้สึกอบอุ่น คุ้นเคย หรือคอยถามสารทุกข์สุกดิบของ
ลูกค้าหรือสมาชิกในครอบครัวก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจที่ทางร้านมีให้แก่ลูกค้า เช่น
“สวัสดีค่ะ ระวังลื่นนะคะ” หรือแม้แต่ความใส่ใจที่ทางร้านมีให้แก่ลกู ค้า เช่น ในวันที่ฝนตก
การทักทายเมื่อลูกค้าเดินเข้าร้านก็อาจจะเป็นในรูปแบบที่เปลี่ยนไปเช่น “สวัสดีค่ะ ระวังลื่น
นะคะ” หรือเมื่อลูกค้าชำระเงินแล้ว ก็อาจจะกล่าวลาด้วยคำพูดแสดงความห่วงใยว่า
“ขอบคุณค่ะ รักษาสขุ ภาพด้วยนะคะ” เป็นต้น
	 ถ้ามีสินค้าบางอย่างที่เป็นสินค้าตัวอย่างซึ่งผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายได้ให้ไว้ก็อาจจะแถมให้
ลูกค้า หรือ อาจจะฝากขนมเล็กๆ น้อยๆ ไปให้เด็กๆ สมาชิกในครอบครัวของลกู ค้า ก็จะ
ทำให้ลกู ค้ารู้สึกดี หรือแม้แต่ในเทศกาลปีใหม่ ถ้ามีของขวัญหรือของแถมเล็กๆ น้อยๆ มอบ
ให้กับลกู ค้าประจำก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกดีและไม่อยากไปซื้อสินค้าที่ร้านอื่นๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
	 สิ่งต่างๆ เหล่านี้ แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่ก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
และจะส่งผลที่ดีให้แก่ลกู ค้าในระยะยาวได้
                                                                                                                         9
1.3 การบรหิ ารจดั การสินค้า การเลือกสินค้า
 เขา้ รา้ นและแนวทางการสั่งซ้ือสินคา้ 
 
 การบริหารจดั การสนิ คา้ 
 	 การบริหารจัดการสินค้าประกอบไปด้วย
 	 •	 การสั่งซื้อสินค้า
 	 •	 การบริหารสินค้าคงคลัง
 การสงั่ ซ้ือสนิ ค้า
 	 การสั่งซื้อสินค้าเป็นงานที่สำคัญมากของร้านค้าปลีก ยอดขายของร้านค้าจะมากหรือ
 น้อยขึ้นอยู่กับการซื้อสินค้าเข้ามาขายได้ตรงตามความต้องการของลกู ค้ามากน้อยเพียงใด
 
 ความสำคัญของประเภทสินค้าที่ต้องทำการสั่งซื้อ
 	 •	 สินค้าสด จะเป็นสินค้าที่มีอายสุ ั้น เช่น ขนมปัง ขนมสด นมสด โยเกิร์ต การสั่งซื้อ
 สินค้าเหล่านี้ต้องมีความแม่นยำมากเพราะอายุของสินค้าจะสั้น สินค้าสดจะขายได้ดีและเร็ว
 กำไรดี แต่ต้องระวัง ถ้าสินค้ามีเหลือมากแล้วคืนไม่ได้ก็จะทำให้ขาดทนุ ได้ง่าย
 	 •	 สินค้าหมุนเวียนเร็ว หรือสินค้าขายดีต้องไม่ให้ขาด เพราะสินค้าเหล่านี้จะทำให้
 ลกู ค้าเข้ามาซื้อสินค้าในร้านและสร้างกำไรให้แก่ร้านค้า
 	 •	 สินค้าใหม่ การสั่งซื้อสินค้าใหม่เข้ามาขายในร้านเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะลูกค้าจะ
 รู้สึกไม่จำเจกับสินค้าเก่าๆ และจะทำให้ร้านมีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยตลอดเวลา แต่การสั่ง
 สนิ คา้ ใหมเ่ ขา้ มาขายกม็ คี วามเสย่ี ง ดงั นน้ั ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งรพู้ ฤตกิ รรมของลกู คา้ ของตน
 ค่อนข้างดี
 	 •	 สินค้าหมุนเวียนช้า ซึ่งอาจจะต้องมี เพราะมีความสัมพันธ์กับสินค้าขายดี เช่น
 แปรงขัดต่างๆ เป็นต้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้จะใช้เวลานานกว่าจะมีการสั่งซื้อซ้ำอีก
10
เทคนิคการเลือกซ้ือสนิ ค้า
	 •	 เลือกสินค้าให้หลากหลาย
	 •	 เลือกสินค้าเฉพาะยี่ห้อ สี กลิ่น หรือ รส ที่เป็นที่นิยมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
	 •	 เลือกแค่ 1 หรือ 2 ขนาดตามกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ขอ้ ควรปฏบิ ตั ใิ นการสง่ั ซอ้ื สนิ คา้ 
	 •	 ควรกำหนดระยะเวลาในการสั่งซื้อ หรือรอบการสั่งซื้อสินค้าเพื่อการบริหารจัดการ
สินค้าได้อย่างเป็นระบบ
	 •	 พยายามสั่งซื้อสินค้าจากผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการส่งสินค้าเพื่อลดต้นทุน และภาระ
ในการจัดซื้อสินค้า แต่ทั้งนี้ต้องเปรียบเทียบราคาที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายของการขนส่ง  
สินค้าด้วย
	 •	 สั่งซื้อสินค้าในจำนวนที่พอเหมาะ ควรตรวจนับสินค้าคงเหลือก่อนสั่งเพราะถ้าสินค้า
มีน้อยเกินไปลูกค้าก็จะรู้สึกว่าไม่น่าซื้อ ถ้าสินค้ามีมากเกินไปลูกค้าก็อาจจะรู้สึกว่าเป็นสินค้า
ของเก่าหรือไม่เป็นที่นิยมจึงขายไม่ออก
	 •	 สั่งซื้อสินค้าให้เพียงพอกับรอบการสั่งซื้อ เพื่อลดความเสี่ยงในการที่สินค้าจะหมด
อายุ หรือลดความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงรปู แบบของบรรจภุ ัณฑ์เพราะจะทำให้สินค้าดเู ก่า
ทันที อีกทั้งลดภาระทางด้านต้นทุนของสินค้า และเป็นการใช้เงินทุนหมุนเวียนอย่างมี
ประสิทธิภาพ
	 •	 อย่าสั่งซื้อสินค้าแบบเฉลี่ยสั่ง เช่น ไม่ควรสั่งซื้อสินค้าในปริมาณเท่ากันทุกส ี  
ทุกขนาด ควรตรวจดูประวัติการขายสินค้าและสั่งตามปริมาณการขาย ไม่เช่นนั้นจะทำให ้   
มีสินค้าที่ขายไม่ออกค้างอยู่ในร้านหรือในคลังสินค้ามากขึ้นเรื่อยๆ
	 •	 พื้นที่ขายภายในร้านมีจำกัด ดังนั้นในการนำสินค้าใหม่เข้ามา จึงต้องมีสินค้าเก่า
ออกไป ทั้งนี้เป็นโอกาสที่จะได้ประเมิน เพื่อถอดสินค้าที่ขายไม่ดีออกจากพื้นที่ขาย
	 •	 การตรวจรับสินค้าต้องตรวจรับด้วยความรอบคอบ ต้องดูว่ามีสินค้าเก่าที่จวนหมด
อายุ หรือบรรจภุ ัณฑ์บุบสลายหรือไม่
	 •	 ควรมีข้อตกลงกับผู้จัดจำหน่ายในเงื่อนไขของการคืนสินค้า
                                                                                                                         ��
การบริหารสนิ คา้ คงคลัง
 ต้องหมั่นตรวจนับสินค้าในคลังสินค้าหรือในพื้นที่ขายเพื่อดูว่า
 	 •	 มีสินค้าพอขายหรือไม่
 	 •	 มีสินค้าที่กำลังจะหมดอายุหรือไม่
 	 •	 มีสินค้าอะไรมากเกินไปหรือไม่
 	 •	 มีสินค้าที่ออกมานานมีโอกาสที่ผู้ผลิตกำลังจะเปลี่ยนรูปแบบของบรรจุภัณฑ์หรือไม่
 	 •	 มีสินค้าที่ไม่ตรงกับความต้องการของลกู ค้าหรือไม่
 
 ถ้ามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในคลังสินค้าหรือในพื้นที่ขาย ต้องทำการจัดการกับปัญหาเหล่านี้
 เนื่องจากเหตุเหล่านี้จะส่งผลทำให้
 	 •	 เสียโอกาสในการทำยอดขายและกำไร
 	 •	 มีโอกาสที่เสียลกู ค้าให้คู่แข่ง
 	 •	 ต้นทนุ ขายสงู 
 	 •	 ต้นทุนทางการเงินสูง
12
การเลือกซือ้ สนิ ค้าและบริการเขา้ ร้าน
	 เมื่อวิเคราะห์ทำเลและทราบข้อมูลกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแล้ว ปัจจัยความสำเร็จถัดมาคือ
การเลือกซื้อสินค้าและบริการเข้ามาขายในร้าน ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ร้านค้าที่ดี
ต้องมีสินค้าและบริการหลากหลายตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ได้มากที่สุด การเลือก
จำนวนสินค้าในแต่ละกลุ่มสินค้าที่เหมาะสม ยังสามารถทำให้ร้านค้าได้ยอดขายและกำไร
สูงสุดอีกด้วย กลุ่มสินค้าต่างๆ มีดังนี้
1. สินค้าจำเป็น (เป็นกลุ่มสินค้าหลักเพื่อสร้างยอดขาย)
	 สินค้าที่ขายดีเป็นที่ต้องการของลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นตัวดึงให้ลูกค้าก้าวเข้ามาซื้อของ  
ในร้านเราอยู่เสมอ จึงจำเป็นต้องมีขายตลอดเวลาซึ่งได้แก่กลุ่มสินค้าอปุ โภค และบริโภค
              กล่มุ สนิ คา้ บริโภค
                               ข้าว ซอี ๊วิ น้ำปลา 
                             นำ้ มัน น้ำตาลทราย 
                             อาหารก่งึ สำเรจ็ รปู 
                                 ขนมขบเค้ยี ว 
                           เครอื่ งด่ืม แอลกอฮอล
์
              กล่มุ สนิ ค้าอปุ โภค
                              ผงซกั ฟอก ยาสระผม
                             น้ำยาล้างจาน ยาสฟี นั
                                 กระดาษชำระ สบู่ 
                                   โลช่ันบำรงุ ผวิ 
                                                                                                                         ��
2. สินค้าใหม่ สินค้าเฉพาะ และสินค้าตามเทศกาล 
 	 (เป็นกลุ่มสินค้าพิเศษเพิ่มยอดขายและผลกำไร)
 	 นอกจากสินค้าขายดีที่ต้องมีติดร้านแล้ว สินค้าที่ลูกค้า
 มักถามถึง ได้แก่ กลุ่มสินค้าใหม่ที่มีการออกสื่อโฆษณา สินค้า
 เฉพาะที่หาซื้อยาก หรือสินค้าตามเทศกาล ซึ่งนอกจากจะช่วย
 เพิ่มยอดขายและกำไรแล้ว ยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของร้านว่า
 มารา้ นเราแลว้ ไดส้ นิ คา้ ครบทกุ โอกาส เจา้ ของรา้ นจงึ ควรพจิ ารณา
 นำสินค้ากลุ่มนี้มาจำหน่ายในปริมาณที่เหมาะสม ที่สำคัญต้องมี
 การติดป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อให้ลูกค้าทราบ ว่าร้านมีสินค้า
 กลุ่มใหม่ๆ จำหน่าย
 
 3. การบริการเฉพาะของร้าน  
 	 (เป็นกลุ่มบริการพิเศษเพื่อเพิ่มจำนวนคนเข้าร้าน และเพิ่มกลุ่มลกู ค้าใหม่)
 	 เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และดึงดดู ความสนใจของลูกค้า เจ้าของร้านที่ดีควร
 พิจารณานำบริการเสริมต่างๆ มาให้บริการในร้านด้วย อาทิเช่น ตู้กดน้ำ เครื่องซักผ้าหยอด
 เหรียญ บริการเติมเงิน เป็นต้น แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงพื้นที่ และความพร้อมของร้านด้วย
14
ตัวอย่างสินค้าและบรกิ ารท่ีเหมาะสมกับทำเลท่ีตั้งตา่ งๆ
                              ยา่ นโรงเรยี น
                                     กล่มุ ลูกคา้ : นกั เรียน ผู้ปกครอง คณุ คร
ู
                                     กลุ่มสินคา้ หลักสรา้ งยอดขาย : สินคา้ บรโิ ภค ขนมขบเคีย้ ว
                                     สินค้าพเิ ศษ สินคา้ ฉพาะเพิ่มกำไร : เครื่องเขยี น 
                                     อุปกรณ์การเรยี น อาหารสุขภาพ ของเล่น
                                     บริการพิเศษสรา้ งลกู คา้ ใหม่ : เติมเงนิ เกมออนไลน์
                                     ถ่ายเอกสาร เข้าเล่มรายงาน มมุ ก๊ฟิ ทช์ ็อป 
                                     มมุ อาหารซอ้ื กลับบ้าน
ย่านชมุ ชนโรงงาน
กลมุ่ ลกู คา้ : พนกั งานโรงงาน พนักงานขบั รถ แม่บา้ น คนในชุมชน 
กลมุ่ สนิ คา้ หลกั สร้างยอดขาย : อปุ โภค บรโิ ภค สินคา้ ตู้แช่ 
อาหารกึ่งสำเรจ็ รปู อาหารสำเรจ็ รปู 
สินคา้ พเิ ศษ สินคา้ เฉพาะเพ่มิ กำไร : อุปกรณท์ ำความสะอาด 
ยาสามัญประจำบ้าน ข้าวนึ่ง+กับขา้ วซอ้ื กลับบ้าน
บรกิ ารพิเศษสร้างลูกคา้ ใหม่ : เคร่อื งซกั ผ้าหยอดเหรียญ 
ตกู้ ดนำ้ หยอดเหรียญ บริการเติมเงนิ 
รับสัง่ สนิ ค้าขายตรง
                            ยา่ นสำนกั งาน
                                  กล่มุ ลกู ค้า : พนักงานออฟฟิศ พ่อค้า แม่คา้ 
                                  กลุ่มสินคา้ หลักสร้างยอดขาย : สินคา้ บรโิ ภค เครื่องด่มื 
                                  สินคา้ พิเศษ สนิ คา้ เฉพาะเพ่ิมกำไร : อาหารก่ึงสำเร็จรปู สนิ ค้า
                                  เพื่อสุขภาพ สินคา้ เพ่อื กล่มุ พ่อค้าแมค่ ้านำไปประกอบธรุ กิจ
                                  บริการพิเศษสรา้ งลูกคา้ ใหม่ : รับจ่ายคา่ บรกิ ารตา่ งๆ เติมเงนิ
                                  มอื ถือออนไลน์ มมุ กาแฟและบรกิ าร รบั สง่ั สนิ คา้ หรอื ของกิน
                                  ยอดนยิ มในย่านใกล้เคียง
ยา่ นทพี่ กั อาศยั คอนโดมเิ นียม
กลุ่มลูกคา้ : ครอบครวั ขนาดเลก็ คนทำงาน 
กลุม่ สินค้าหลกั สรา้ งยอดขาย : สนิ ค้าอปุ โภค บริโภค
สนิ ค้าพเิ ศษ สินค้าเฉพาะเพ่ิมกำไร : อุปกรณซ์ อ่ มแซมต่างๆ 
อาหารสดแบ่งขาย สินคา้ สมัยใหม่
บริการพเิ ศษสรา้ งลูกค้าใหม่ : เครอื่ งซักผา้ หยอดเหรยี ญ, 
ตกู้ ดน้ำหยอดเหรียญ รบั จา่ ยคา่ บริการตา่ งๆ 
บรกิ ารสง่ สนิ ค้าถึงหอ้ ง และรบั สัง่ สินคา้ พิเศษ 
เชน่ ของกินยอดนิยมในยา่ นใกลเ้ คยี ง
                                                                                                                             ��
แนวทางการเลอื กสนิ คา้ เพ่ือขายในรา้ นคา้ ปลกี 
 	 •	 เลือกสินค้าให้หลากหลาย
 	 •	 เลือก ยี่ห้อ ตรา ที่เป็นที่นิยม
 	 •	 เลือกขนาดบรรจุที่ขายดี ประมาณ 1 หรือ 2 ขนาด
 	 •	 เลือกสี กลิ่น หรือรส ที่เป็นที่นิยม
 	 •	 เลือกโดยดูจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
 
 การจดั สรรพื้นทีว่ างสนิ คา้ 
 	 การจัดสรรพื้นที่วางสินค้า คือ การทำให้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด
 เกิดประโยชน์สูงสุด โดยพิจารณาจากยอดขาย และความสะดวกของลกู ค้าเป็นหลัก
 	
 หลกั การจดั สรรพื้น
 ทีว่ างสนิ คา้ 
   1. การจัดสรรพ้ืนที่ให้สอดคล้องกับ
   ปรมิ าณการขาย
  	 •	 จัดสินค้าให้เหมาะสมกับปริมาณการขาย 
  	 	 ควรมีสินค้าขายดีจำนวนมากพอที่จะ      	 
  	 	 ไม่ขาดเวลาที่ลูกค้าต้องการ
  	 •	 ในกรณีมีพื้นที่จำกัด ไม่สามารถจัดเรียงพอ 	
  	 	 ควรพิจารณาเลิกจำหน่ายสินค้าบางยี่ห้อ 
  	 	 หรือบางขนาดที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
  	 •	 จัดเรียงสินค้ารุ่นเก่า (สินค้าสั่งเข้ามาก่อน) 
  	 	 ไว้ด้านหน้าให้ลูกค้าหยิบก่อน เพื่อป้องกัน
  	 	 ปัญหาสินค้าเก่าค้างสต๊อก
16
2. การวางตำแหนง่ สินค้าให้เหมาะสม
                    	 	 • ดแู ลสินค้าให้สินค้าทุกสีทุกยี่ห้อหันหน้าออกชัดเจน
                    	 	 • จัดวางสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ เช่น 
                    		 ผงซักฟอกควรจัดให้อยู่ในหมวดเดียวกับ
                    	 	 	 น้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นต้น
                    	 	 • จัดวางสินค้าที่มีขนาดเล็กไว้ด้านบน ขนาดใหญ่
                    	 	   ไว้ด้านล่างเพื่อความสะดวกในการหยิบซื้อ
                    	 	 • จัดวางสินค้าที่ขายดีไว้ระดับสายตาลงมาถึงระดับเอว 
                    			 เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่โดดเด่น สังเกตเห็นได้ง่าย
3. การนำเสนอสินคา้ 
	 	 • ป้ายราคา ควรติดป้ายราคาให้สามารถเห็นได้ชัดเจน เพราะลูกค้าจะได้รู้สึก
	 	   สบายใจในการตัดสินใจซื้อ
	 	 • อปุ กรณ์เสริมการขาย ณ จุดขาย ควรดูแลให้อปุ กรณ์ส่งเสริมการขายต่างๆ 
	      อยู่ในสภาพดี ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา และไม่ควรมีจำนวนมากเกินไปจนดูรก
	 	 • การรักษาความสะอาด หมั่นดแู ลความสะอาดของร้าน และสินค้าให้ดใู หม่ 
	 	   เป็นระเบียบน่าซื้ออยู่เสมอ
                                                                                                                         ��
แนวทางการส่ังซ้ือสินค้า
 	 •	 ระยะเวลาในการสั่งซื้อแน่นอนสม่ำเสมอ เช่น สัปดาห์ละครั้ง
 	 •	 ตรวจนับสินค้าคงเหลือก่อนสั่ง
 	 •	 ตัดสินใจสั่งซื้อจากข้อมูลในอดีต พยากรณ์ยอดขาย
 	 •	 หาข้อมูลใหม่ๆ เพื่อช่วยตัดสินใจเสมอ เช่น ความนิยมของลูกค้า
 	 •	 สั่งซื้อตามจำนวนที่พอจะขายในช่วงเวลาที่กำหนด
 	 •	 ไม่กักตนุ สินค้ามากเกินไป จะทำให้คุณภาพสินค้าตก หากเก็บไม่ดี 
 	 	 และเป็นการเอาเงินไปจมไว้
 	 •	 บริหารสต๊อกอย่าให้สินค้าขาด เพื่อไม่ให้เสียโอกาสการขาย
 	 •	 สั่งซื้อจากแหล่งที่สามารถส่งให้ถึงหน้าร้าน เพื่อประหยัดเวลาและ
 	 	 ลดต้นทุนการเดินทาง
 	 •	 ไม่ซื้อสินค้าจากแหล่งไม่แน่นอน เพราะอาจเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน 
 	 	 หมดอายุ หรือสินค้าผิดกฎหมาย อีกทั้งยังไม่ได้รับการสนับสนนุ  
 	 	 และบริการจากผู้ผลิตอีกด้วย
                                                    ตรวจเชค็ สินค้าสม่ำเสมอ
                                                    ทำใหท้ ราบขอ้ มูลสนิ ค้าคง
                                                    เหลอื เพือ่ พิจารณาบริหาร
                                                    จดั การคำสง่ั ซอ้ื ใหเ้ หมาะสม
                                                    ดังนี้
                                         • สั่งซื้อสินค้าขายดีไม่ให้สต๊อกสินค้า
                                         ขาด จะเสียโอกาสในการขาย
                                         • สินค้าขายไม่ดีควรสั่งแต่น้อย ไม่เก็บ
                                         ไว้นานจนเก่าค้างร้านหรือหมดอาย
ุ
                                         • นำเสนอสินค้าใหม่ๆ เพื่อเป็นทาง
                                         เลือกและดึงดูดใจลกู ค้า
                                         • จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อ
                                         ระบายสินค้าเก่า เช่น สะสมแต้ม  
                                         ของแถม         
 ความเชือ่ ทไี่ มถ่ ูกตอ้ งของรา้ นค้า
 
 	 ร้านค้าจำนวนมากมีความเชื่อว่าการที่วางสินค้าจำนวนมากบนชั้นเป็นสิ่งที่ดี โดยไม่
 สนใจถึงยอดขายของสินค้าแต่ละตัว หากสังเกตยอดขายแล้วพบว่ามีสินค้าเพียงไม่กี่ชิ้น   
 ที่ขายดี ฉะนั้นการวางสินค้าโดยไม่คำนึงถึงปริมาณการขาย จะทำให้เสียพื้นที่การขายไป   
 อย่างน่าเสียดาย
18
1.4 การตกแต่งร้านคา้ จัดเรียงสนิ คา้ 
และผังร้านค้า
	 แผนผังร้านค้าและการจัดเรียง
	 การวางแผนผังร้านค้าที่ดีถือเป็นองค์ประกอบสำคัญอีกส่วนหนึ่งในการจัดการร้านค้า
ปลีกให้มีประสิทธิภาพ และเป็นการบริหารพื้นที่ภายในร้านให้มีประโยชน์สูงสุด ทำให้ลูกค้า
เดินได้สะดวกสบายรอบร้านใช้เวลาในร้านให้นานที่สุดในการเดินเลือกซื้อสินค้า เพื่อเพิ่ม
โอกาสการขายให้กับสินค้าทุกตัวทกุ แผนกภายในร้านเรา
ประโยชน์ของการวางผังร้านค้าที่ดี
	 1. ดึงดดู ลูกค้าเข้าร้านได้มากขึ้น
	 2. เพิ่มความสะดวกสบายให้ลกู ค้า
	 3. เพิ่มโอกาสการขายเนื่องจากลูกค้าใช้เวลาอยู่ในร้านนานขึ้น
	 4. ลดความสญู เสียที่จะเกิดขึ้นจากการจัดเก็บสินค้า
                                                                                                                         ��
เทคนคิ 5 ประการในการวางผังรา้ นคา้ 
	 1.	ทางเดินระหว่างชั้นวางควรกว้างประมาณ 60 – 90 เซนติเมตร หน้าตู้แช่ควรกว้าง
ประมาณ 90 – 120 เซนติเมตร
	 	 •	เพื่อให้ลูกค้าเดินได้สะดวกรอบร้าน และมองสินค้าบนชั้นวางได้กว้างขึ้น ช่วยเพิ่ม
โอกาสในการขาย
	 2.	ความสูงของชั้นวางกลางร้านไม่ควรเกิน 150 เซนติเมตร ชั้นวางริมผนังควรสูง
180 เซนติเมตร
	 	 •	เพื่อให้ร้านดูโล่งโปร่ง ไม่อึดอัด ไม่มีมุมอับในร้าน เจ้าของร้านสามารถมองเห็น
ลกู ค้าได้ทั่วทั้งร้าน
	 3.	ตำแหน่งของตู้แช่ควรอยู่ด้านหลังของร้านโดยวางตำแหน่งให้สามารถมองเห็นได้
ชัดเจน
	 	 •	เมื่อลูกค้าเข้ามาซื้อเครื่องดื่ม ทำให้ต้องผ่านสินค้าตัวอื่นๆ สามารถเพิ่มโอกาส   
ในการขายสินค้าในหมวดอื่นได้ด้วย
	 4.	ตำแหน่งของแคชเชียร์ ควรอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งร้าน และทาง
เข้าออกของร้านควรมีทางเดียว
	 	 •	เพอ่ื ใหเ้ จา้ ของรา้ นสามารถดแู ลรา้ นไดอ้ ยา่ งทว่ั ถงึ ลดโอกาสการสญู หายของสนิ คา้ 
	 5. ควรวางผังร้านแยกของกินออกจากของใช้
	 	 •	เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการเลือกซื้อสินค้า และลดการปนเปื้อนของสารเคมี
ในของกิน
    สวย
    5ส.
สบาย
สะอาด
    สะดวก
  สวา่ ง
20
ส
 วย
จดั แตง่ รา้ นให้สวยงาม
	 •	 ออกแบบหน้าร้าน ใช้สีสันในการตกแต่งหน้าร้านที่สวยสะดุดตา ไม่ตั้งโชว์สินค้า  
ปิดหน้าร้านจนลกู ค้ามองไม่เห็นสินค้าภายในร้านหรือขวางทางเดิน เข้าร้านไม่สะดวก ของโชว์
ควรเลือกเฉพาะตัวชูโรงก็พอ
	 •	 ออกแบบป้ายชื่อร้านให้สวยงาม ลูกค้าจำได้ง่าย และช่วยเสริมภาพลักษณ์   
ชื่อของร้านไม่ควรจะยาวเกินไป และควรจะสะท้อนถึงลักษณะธุรกิจของร้าน เช่นคำว่า   
มินิมาร์ท เป็นต้น หรือสื่อถึงได้ทันทีว่าเราเปิดร้านอะไรอยู่
	 •	 การออกแบบภายในร้านให้สวยงาม ใช้สีสันภายในร้านที่ช่วยทำให้ร้านดูสะอาดขึ้น
สินค้าดูโดดเด่นขึ้น เช่น สีโทนเย็นอ่อนๆ สีขาวนวลหรือที่เรียกว่าสีเทาควันบุหรี่ เป็นต้น
                                                                                                                         ��
จัดวางผังร้านคา้ (Layout) ใหส้ วยงาม
 	 ให้ลูกค้าสามารถเดินได้รอบร้านให้มากที่สุด เพื่อที่สินค้าทุกแผนกจะได้มีโอกาสขาย
 แต่ต้องให้ใช้เวลาสั้นที่สุด เพราะหากลูกค้าใช้เวลาในร้านค้านานจนเกินเหตุก็จะทำให้เกิดการ
 ติดขัด ลูกค้าใหม่เข้าร้านไม่ได้
 	 •	 เส้นทางเดิน ควรจัดให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้ลูกค้าเดินผ่านส่วนต่างๆ ของร้าน
 วางผังเพื่อให้ลูกค้าเดินทางไปยังจุดที่เราต้องการให้เดินเข้าไป หรือเพื่อให้ลูกค้าเดินได้รอบ  
 ทั้งร้าน ไม่ใช่จุดใดเพียงจุดเดียว เช่น บันไดเลื่อนขึ้นลงของห้างสรรพสินค้า มักจะวกวนขึ้น
 ทางลงทาง เพื่อจะดึงให้ลกู ค้าเดินดใู นส่วนอื่นๆ ด้วย
 	 •	 การจัดวางสินค้าที่สร้างความประทับใจ สินค้าที่ถัดจากประตูทางเข้า จะต้องให้
 ความประทับใจ และกระตุ้นลูกค้าให้อยากเดินเข้าไปชมในร้าน ผู้ที่เข้าไปในร้านด้วยความ  
 ไม่ตั้งใจ แต่เมื่อเกิดความประทับใจที่ได้เห็นหรือสัมผัสกับสินค้าในส่วนแรก ตัวอย่าง เช่น  
 ชั้นล่างสุดของห้างสรรพสินค้ามักจะเป็นสินค้าประเภทเครื่องสำอางหรือน้ำหอม เพราะมีกลิ่น
 ที่หอมดึงดูดใจก่อนอยู่เสมอ
 	 •	 ชนิดของการให้บริการ ถ้าร้านค้าปลีกนั้นเป็นลักษณะการเลือกซื้อสินค้า   
 แบบบริการตนเอง หลักสำคัญก็คือสินค้าจะต้องถูกนำมาจัดวางบนชั้นวางสินค้า หรือโต๊ะ  
 ที่ลูกค้าสามารถหยิบดูลองได้
 	 •	 การควบคุมดูแลภายในร้านค้า ตำแหน่งแคชเชียร์ หรือพนักงานเก็บเงิน ควรอยู่ใน
 ตำแหน่งที่สามารถมองเห็นประตูทางเข้าออกได้ชัดเจนที่สุด เพราะถ้าโต๊ะแคชเชียร์อยู่ด้านใน
 อาจไม่สามารถเห็นลูกค้าที่เข้า-ออกร้าน โอกาสที่สินค้าจะสูญหายก็จะเป็นไปได้มาก ควรตั้ง
 โชว์สินค้าวางในแนวขนานของร้าน เพราะจะได้สามารถสังเกตการเคลื่อนไหวของลูกค้า
 ภายในร้านค้าด้วย
 	 •	 อุปนิสัยในการซื้อสินค้าของผู้ซื้อ การจัดผังภายในของร้านค้ายังขึ้นกับอุปนิสัยใน
 การซื้อสินค้าของผู้ซื้อด้วย เช่น ของใช้บุรุษมาไว้ชั้นล่างหรือใกล้ๆ ส่วนของสตรีและเด็กจัด
 ไว้ชั้น 2 หรือลึกเข้าไป เพราะคุณสุภาพบุรุษมีนิสัยไม่ใช้เวลานานกับการซื้อสินค้า   
 ส่วนคณุ สภุ าพสตรีนิยมการช้อปปิ้ง
 
  จัดเรียงและจัดวางสนิ คา้ ภายในรา้ นให้สวยงาม
 	 •	 จัดเรียงสินค้าในมุมมองของผู้บริโภค เช่น สินค้าดูเต็มชั้น จัดให้สินค้าอยู่ใน
 ระนาบเดียวกัน (Front Face) หันด้านหน้าของสินค้าออกเสมอ วางสินค้าให้ชิดกันแต่อย่า
 เกยกัน จัดเรียงให้สินค้าเก่าอยู่หน้าสินค้าใหม่อยู่หลัง
 	 •	 จัดเรียงสินค้าให้สมดุลระหว่างพื้นที่ขายและกำไร เช่น สินค้าสดต้องจัดเรียงสินค้า
 ให้ลูกค้าหาซื้อได้ง่าย สินค้าขายดีควรให้พื้นที่จัดเรียงมากกว่าสินค้าที่ขายรองลงมา สินค้า
22
ราคาสงู หรือสินค้าหาได้ง่ายควรจัดเรียงให้พนักงานเก็บเงินดูแลได้ทั่วถึง
	 • จัดเรียงสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ เช่น สินค้าอุปโภค สินค้าบริโภค สินค้าสำหรับเด็ก
สินค้าสด
	 •	 จัดเรียงวางสินค้าที่ใช้ด้วยกันไว้ใกล้กัน เช่น กาแฟ น้ำตาล ครีมเทียม
	 •	 จัดวางสินค้าให้น่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้าให้อยู่ในร้านได้นานที่สุด เช่น จัดเรียง
สินค้าให้มีสีสันสวยงาม สินค้าที่จงู ใจให้ซื้อ เช่น สินค้าลดราคาก็ใช้ป้ายราคาส่งเสริมการขาย
ที่โดดเด่น หรือสินค้าที่จัดรายการส่งเสริมการขายก็ตั้งอยู่ในบริเวณที่ลูกค้ามองเห็นได้ง่าย
จัดหาสินค้าให้ตรงตามเทศกาลหรือฤดูกาล เป็นต้น
                                                                                                                         ��
ส่งิ ทต่ี อ้ งตระหนกั :
    	 •	 ร้านต้องมีชีวิตชีวา ดูอบอุ่นแต่ทันสมัยเหมาะสมกับกลุ่มลกู ค้าเป้าหมาย
    	 •	 การจัดแต่งร้านหรือจัดเรียงสินค้าต้องมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะ
    ธรรมชาติของคนเราจะเบื่อความซ้ำซากจำเจ แต่ควรเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป
    	 •	 ร้านที่จัดเรียงสินค้าไม่เป็นระเบียบ จะทำให้เกิดการล่อตาล่อใจให้หยิบฉวย
    ความสูญเสียจากยอดของหายจะสูง
สะอาด
 ความสะอาดของร้านมีผลต่อภาพลักษณ์และความรู้สึกของลูกค้า ดังนั้น
 	 •	 หน้าร้านและป้ายชื่อร้านต้องสะอาด
 	 •	 กระจกหน้าร้านต้องใส ไม่ควรมีโปสเตอร์ที่เก่าหมดอายุติดอยู่ เพราะจะทำให้ร้าน
 	 	 ดูเก่าไม่ทันสมัย
 	 •	 พื้นภายในร้านต้องสะอาด แม้แต่ใต้ชั้นวางสินค้าก็ต้องหมั่นตรวจดูเช็ดถใู ห้สะอาด
 	 	 ไม่ให้มีของเหลวต่างๆ หกลงไป ซึ่งอาจจะส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้
 	 •	 ชั้นวางสินค้าและตัวสินค้าต้องสะอาด สินค้าที่สะอาดจะทำให้รู้สึกว่าเป็นสินค้าใหม่
 	 •	 ตู้แช่เครื่องดื่มต้องสะอาดไม่มีกลิ่น มือจับตู้เย็นต้องไม่มีคราบสกปรก
 	 •	 ตู้ไอศกรีมต้องสะอาดไม่มีคราบสกปรก ทั้งจากฝุ่นและจากไอศกรีมที่หกเลอะเทอะ
 	 •	 ถังขยะต้องเก็บทิ้งทุกวัน และทำความสะอาดไม่ให้มีกลิ่น
24
สวา่ ง
ความสว่างที่พอดีมีผลต่อยอดขายของร้านค้าเพราะทำให้ลูกค้า
	 •	 รู้สึกปลอดภัย
	 •	 รู้สึกว่าร้านค้าสะอาด
	 •	 รู้สึกว่าตัวสินค้าสวยงามขึ้น น่าซื้อมากขึ้น มองเห็นสินค้าได้ง่าย
	 •	 สามารถมองเห็นรายละเอียดของสินค้าได้
	 •	 ถ้าไฟดวงไหนดับต้องเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะถ้ามีมมุ มืดโอกาสขายสินค้าที่อยู่ใน
	 	 บริเวณนั้นก็จะลดลงและอาจจะทำให้มีการลักเล็กขโมยน้อยเกิดขึ้นได้
ส
 ะดวก
การให้ความสะดวกกับลูกค้าจะทำให้ลูกค้าอยากกลับมาใช้บริการอีก
	 •	 เดินทางโล่ง ไม่มีสินค้าวางกีดขวางทางเดิน ให้ลกู ค้าสามารถเลือกหยิบสินค้าได้
	 	 อย่างสะดวก
	 •	 มีป้ายราคาชัดเจน ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างสบายใจ
	 •	 เมื่อลูกค้าต้องการก็ควรมีตะกร้าขนาดพอเหมาะให้ลูกค้าได้ใช้ใส่สินค้า
	 	 ขณะเลือกซื้อสินค้า ซึ่งจะทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้มากขึ้น
	 •	 มีถงุ ใส่สินค้าขนาดพอเหมาะเพื่อไว้ใส่สินค้าให้ลกู ค้า
	 •	 มีเงินทอนเพียงพอ เพื่อใช้ทอนให้กับลกู ค้า
                                                                                                                         ��
สบาย
 เมอ่ื ลูกคา้ เขา้ มาในรา้ นแลว้ รู้สกึ สบาย กจ็ ะใช้เวลาเลือกซอ้ื สินคา้ ได้
          นานขึ้น ทำให้มีโอกาสขายสินคา้ ได้มากข้ึน ดังนน้ั 
 
 	 •	 อากาศภายในร้านต้องปลอดโปร่งโล่งสบายไม่อุดอู้ ถ้าใช้พัดลมตัวใบพัดต้อง   
 ไม่มีฝุ่น เพราะจะทำให้เกิดมลภาวะ เมื่อเปิดเครื่อง หรือถ้าใช้เครื่องปรับอากาศก็ต้อง
 ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศไม่ให้ส่งกลิ่นอับหรือเป็นที่แพร่เชื้อโรค
 	 •	 สินค้าต้องไม่ซ้อนกันสูงหลายชั้นจนน่าจะเป็นอันตรายต่อลูกค้าเมื่อเลือกหยิบ   
 ซื้อสินค้า
 	 •	 สร้างบรรยากาศภายในร้านให้ขโมยของได้ยาก โดยไม่ต้องเดินตามลูกค้า  
 ตลอดเวลา เช่น ติดกล้องวงจรปิด หรือติดกระจกไว้คอยสังเกต หรือทำป้ายติดประกาศถึง
 บทลงโทษที่ชัดเจนไม่มีการยกเว้น
 	 •	 ในยุคของการสื่อสารที่ไร้พรมแดน การตั้งราคาขายสำหรับร้านค้าปลีกในปัจจุบัน
 จึงต้องคำนึงถึงราคาตลาดเป็นอย่างมาก การตั้งราคาที่สูงกว่าราคาตลาดที่ลูกค้าส่วนใหญ่
 รับรู้ย่อมส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของร้านค้าว่าเป็นร้านที่ขายสินค้าแพง ดังนั้น การตั้งราคา
 ขายของร้านสะดวกซื้อจึงควรจะตั้งราคาให้ลูกค้าสามารถหาซื้อสินค้าได้อย่างสบายพอเหมาะ   
 ไม่สงู จนเกินไป จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ของร้านค้าได้ดี
26
1.5 การจดั รายการส่งเสรมิ การขาย
	 การจัดรายการส่งเสริมการขายเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อเพิ่มยอดขายโดยวิธีจูงใจลูกค้า
มาซื้อสินค้าที่ร้านให้ได้มากที่สุด รายการส่งเสริมการขายสามารถทำได้หลายรูปแบบและ
หลายช่วงเวลา ที่สำคัญควรให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด จุดประสงค์ของ
การจัดรายการส่งเสริมการขาย
	 1. เพื่อรักษากลุ่มลกู ค้าปัจจุบัน
	 2. เพื่อดึงดูดความสนใจกลุ่มลกู ค้าใหม่
	 3. เพิ่มยอดการซื้อสินค้าต่อครั้ง
	 4. เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าใหม่
				 ลด แลก แจก แถม
หัวขอ้ กิจกรรมหลักในการจัดรายการสง่ เสริมการขาย
อปุ กรณ์ในการทำสือ่ สง่ เสรมิ การขาย
	 การทำสื่อโฆษณาส่งเสริมการขาย เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้รับทราบข้อมลู สินค้าไม่ว่าจะเป็น
ราคาพิเศษหรือสินค้าใหม่ รวมถึงกิจกรรมของร้าน สิ่งที่สำคัญควบคู่ไปกับการจัดรายการ  
ส่งเสริมการขาย คือการทำสื่อโฆษณาควบคู่ทุกครั้ง การทำสื่อส่งเสริมการขายสามารถทำได้
ดังนี้
การทำส่อื สง่ เสริมการขาย “ภายนอกร้าน”
	 ขนาดต้องใหญ่ ติดอยู่หน้าร้าน เพื่อให้เด่นสะดุดตา ยืนอ่านได้สะดวกและเป็น  
จุดนำทางไปยังจุดขายสินค้านั้นๆ และให้ลูกค้าที่ผ่านไปมาทราบถึงสินค้าราคาพิเศษ   
และกิจกรรมที่ทางร้านจัดขึ้นอีกด้วย
การทำส่อื สง่ เสรมิ การขาย “ภายในร้าน”
	 ส่งเสริมการขายภายในร้าน ถือเป็นจุดดึงดูดสายตาและช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้า
ณ จุดขาย การใช้สื่อติดภายในร้านสามารถติดได้หลายที่ เช่น ติดหน้าสินค้าที่เราต้องการ
โปรโมทหรือหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน เป็นต้น
                                                                                                                         ��
1.6 การจดั การสตอ็ กสินค้า 
 
 
 การจัดการสต็อกสนิ คา้ 
 	 ร้านค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จทุกแห่ง นอกจากการเพิ่มยอดขาย เพิ่มกำไร ดัชนี
 วัดผลหลักอีก 1 ตัว คือจำนวนสต็อกสินค้าที่เหมาะสม (ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป)
 เพราะนั่นหมายถึงร้านจะมีเงินทุนหมุนเวียนและลดต้นทุน เพิ่มกำไรอีกทางหนึ่ง ซึ่งเจ้าของ
 ร้านสามารถควบคุมดแู ลได้ด้วยตนเอง ปัจจัยในการควบคุมระดับสินค้าประกอบด้วย
 	 1. ความถี่ของการซื้อสินค้า
 	 	 • สถานที่ตั้งของแหล่งซื้อ (ใกล้หรือไกลจากร้านค้า)
 	 	 • ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
 	 2. อัตราความเร็วของการจำหน่ายสินค้า
 	 3. เงินทนุ หมนุ เวียน (กระแสเงินสด)
 	 4. ความผันผวนของราคาสินค้า
28
สินคา้ ขาดสต็อก			            สนิ คา้ ลน้ สตอ็ ก
• สญู เสียโอกาสในการขาย	 	 	  • สินค้าหมดอาย
ุ
• สญู เสียลูกค้า	 	 	 	       • สินค้ามีตำหนิ
• เสียภาพลักษณ์	 	 	 	        • หาสินค้าไม่เจอ
สตอ็ กต่ำสดุ ทีเ่ หมาะสม คอื กำไรสูงสดุ 
	 การมีสินค้าหลากหลายและเพียงพอ ตรงตามความต้องการของลูกค้า หมายถึง สินค้า
ที่เรามีไว้ขายสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้เร็ว ไม่มีของเหลือมากเกินไป และยังทำให้สินค้า   
ในร้านเรา สะอาด ใหม่สดเสมอ
เทคนคิ 
	 • ไม่เก็บสต็อกสินค้ามากเกินไป
	 • หมั่นสำรวจความต้องการของลกู ค้าเสมอ
	 • ระบายสินค้าที่ขายช้าและนำสินค้าใหม่เข้ามาทดแทน
	 • หาแหล่งซื้อสินค้าที่มีสินค้าครบ เพื่อสะดวกและประหยัดค่าเดินทาง
                                                                                                                         ��
ระบบการจดั เกบ็ สต็อกสินค้า
                              การจดั การ
      เร่อื ง		        การทำบัญชีดว้ ยมือ
  	
	 	   ระบบการจดั การ
                                                   แบบอเิ ล็กทรอนิกส์
                       	 นาน	 	 	 เร็ว
ใช้เวลาในการนับสต็อก	  	 สงู 	 	 	 ต่ำ
ใช้แรงงาน	 	           	 สงู 	 	 	 ต่ำ
การตรวจสอบ	 	          	 ต่ำ	 	 	 สูง
การลงทุน		 	           	 ต่ำ	 	 	 สูง
เวลาในการจัดการระบบ	
 พื้นที่เก็บสตอ็ กสนิ คา้ 
 	 1. มาตรฐานสินค้าในสต็อก
 	 	 80% บนชั้นวางสินค้า
 	 	 20% สำหรับสินค้าในสต็อก
 	 2. ระบบการเบิกสินค้า เข้าก่อน ขายก่อน (FIFO) First In First Out
 	 	 นำเอาสินค้าที่ซื้อเข้ามาเก็บไว้ในสต็อกก่อนออกมาขาย
 	 3. สถานที่ในการเก็บสต็อกสินค้า ควรคำนึงถึง
 	 	 • แยกกลุ่มสินค้าอุปโภค/บริโภค/ส่วนผสมที่เป็นพิษออกจากกัน
 	 	 • น้ำหนักของสินค้า
 	 	 • อัตราความเร็วของการจำหน่ายสินค้า ของขายเร็ว วางใกล้หยิบง่าย
 	 4. การทำเครื่องหมาย/สัญลักษณ์ข้างกล่อง (ง่ายต่อการจัดเก็บและค้นหาสินค้า)
 
 การจดั สต็อกไมด่ ี ทนุ หาย กำไรหด
 	 การจัดการสต็อกสินค้าภายในร้านไม่ดี จะเกิดปัญหา
 	 	 • สินค้าค้างสต็อก
 	 	 • สินค้าเกิดความเสียหาย
 	 	 • สินค้าหมดอายุ
30
1.7 การสร้างความแตกตา่ ง
	 ร้านค้าที่ประสบความสำเร็จในสภาวะการแข่งขันปัจจุบัน เจ้าของร้านที่ดียังต้องหมั่น
ศึกษาวิเคราะห์หาจุดเด่น หรือเอกลักษณ์ของตนเอง เพื่อสร้างความแตกต่างที่มีคุณค่า  
ต่อลกู ค้า และไม่ซ้ำใคร เพื่อให้ลูกค้าประทับใจและมาอดุ หนนุ ร้านเราอย่างต่อเนื่อง
	 การสร้างความแตกต่างแบบท้องถิ่นนี้ อาจเรียกได้ว่า การสร้างแบรนด์ (ยี่ห้อ) ซึ่ง
เจ้าของร้านเท่านั้นที่จะเป็นผู้สร้างความแตกต่างและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้เกิดเป็นแบรนด์
ประจำร้านของตนเอง เพื่อให้ลูกค้าจดจำตลอดไป โดยสามารถพิจารณาสร้างความแตกต่าง
ได้ 3 รูปแบบ
1. แตกตา่ งดว้ ยสนิ คา้ และบริการ
	 นอกจากการมีสินค้าและบริการหลักๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแล้ว
ร้านค้าที่ดี ควรเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและบริการที่มีคุณค่า ซึ่งหาไม่ได้หรือหาได้
ยากจากร้านอื่น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้สูงสุดและครบวงจร นอกจากนั้น
การคัดเลือกสินค้าที่ใหม่ สด สะอาด ได้คุณภาพมาตรฐาน และราคายตุ ิธรรม มาให้บริการ
ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ยังสามารถสร้างความพึงพอใจ และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่ามา
ร้านเราต้องไม่ผิดหวัง อันจะเป็นจุดสูงสดุ ของการให้บริการที่แตกต่างอย่างไม่รู้ลืม
                                                                                                                         ��
2. แตกต่างด้วยการตกแตง่ ร้าน
 	 การตกแต่งร้านทั้งภายในและภายนอก สามารถสร้างจดุ เด่น และเป็นเอกลักษณ์ สร้าง
 ความจดจำให้ลูกค้าได้เป็นอย่างดี การตกแต่งภายในร้าน ต้องไม่ละเลยเรื่องความสะดวก
 สบายในการเดินเลือกซื้อสินค้าภายในร้านเป็นหลัก โดยอาจใช้ชั้นวางสีสดใส และเพิ่ม
 บรรยากาศโดยการเปิดเพลงเบาๆ เพิ่มกลิ่นหอมต่างๆ ส่วนภายนอกร้านอาจเน้นเรื่องสีสัน
 สดใส แปลกตาหรือการนำวัสดุในท้องถิ่นราคาไม่แพงมาตกแต่งร้านแทนการติดกระจก
 เหมือนมินิมาร์ททั่วๆ ไป สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ จะทำให้ลูกค้าประทับใจ และสัมผัสได้  
 ถึงการเอาใจใส่ของเจ้าของร้าน ที่มอบสิ่งดีๆ ให้กับลกู ค้าอยู่เสมอ
 3.การสรา้ งความสัมพันธ์กับลกู คา้ 
 	 สภาพการแข่งขันในปัจจุบันลูกค้ามีทางเลือกมากมาย ลูกค้าไม่ได้ต้องการเพียงสินค้า
 ราคาถูก ร้านสวยงามเท่านั้น ร้านค้าปลีกท้องถิ่นของไทยมีข้อได้เปรียบเรื่องความใกล้ชิดกับ
 ลูกค้ามากกว่าร้านสะดวกซื้อหรือห้างสมัยใหม่ จึงควรใช้จุดแข็งนี้ให้กลายเป็นจุดขาย   
 ที่สามารถมัดใจลกู ค้าได้อย่างเหนียวแน่น โดยคำนึงถึง
 
32
3.1 การสร้างความประทับใจในการให้บริการ (สร้างได้เองง่ายๆ ไม่ต้องลงทุน)
	 • การต้อนรับ ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาทักทายแสดงออกถึงความเอาใจใส่ต่อลูกค้าว่า
คือคนสำคัญ
	 • การค้นหาความต้องการ หมั่นสังเกต และสอบถามความต้องการของลูกค้าอย่าง
สม่ำเสมอ เพื่อให้เข้าใจความต้องการที่แท้จริง ต้องการสินค้าหรือบริการอะไรที่ร้านเรายังไม่มี
	 • การเสนอความช่วยเหลือและให้ข้อมูล ตอบสนองความต้องการของลูกค้า  
ด้วยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือผลประโยชน์ต่อเนื่อง ที่ลูกค้าควรพิจารณา จัดหาสินค้า
หรือบริการที่ลูกค้าต้องการ เพื่อให้ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงสุด เช่น แนะนำรายการชิงโชค
ของสินค้าในช่วงนั้นๆ
	 •	 การประเมินผลความพึงพอใจ ทำการประเมินผลการให้บริการ เช่น สอบถามความ
พึงพอใจที่มีต่อสินค้า หรือบริการที่ลูกค้าได้รับ เพื่อนำผลจากการประเมินมาปรับปรุงแก้ไข
และพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้นในครั้งต่อไป และอย่าลืมแจ้งผลการปรับปรุงนั้นๆ ให้ลูกค้า
ทราบด้วย เช่น ตอนนี้ร้านเราเพิ่มเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญเป็นสองเครื่องแล้ว จะได้ไม่ต้อง
รอนาน
	 3.2 สร้างความสัมพันธ์กับชุมชน
	 ร้านค้าปลีกมักตั้งอยู่ในชุมชน และเป็นจุดศูนย์รวมของการไปมาหาสู่ จับจ่ายใช้สอย
มานาน การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนจึงเป็นจุดแข็งที่เจ้าของร้านจะต้องรักษาเอาไว้ เพื่อสร้าง
ความสัมพันธ์ให้ร้านค้าของเรา ว่าไม่เป็นเพียงร้านค้าขายของทั่วไป แต่เรายังเป็นร้านค้าที่มี
ส่วนร่วมและทำสิ่งดีๆ เพื่อชุมชน อันจะนำมาซึ่งการอุดหนุนร้านของเราอย่างต่อเนื่องและ
ตลอดไป
	 • เป็นศูนย์กลางในการกระจายข่าวสาร มีการติดประกาศข่าวสารของคนในชุมชน
หรือบริการหนังสือพิมพ์ ไว้ให้บริการลกู ค้า เพื่อเป็นแหล่งพบปะพูดคยุ และสร้างโอกาสขาย
สินค้าเพิ่มขึ้น
	 • จัดกิจกรรมคืนกำไรให้ชุมชน เช่น จัดจับรางวัลคืนกำไรในช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือ
จัดโปรโมชั่นสินค้าที่ใช้ในช่วงเทศกาล อาทิ จัดโปรโมชั่นขายแป้งทำขนมและน้ำตาลทราย
ราคาถกู ในเทศกาล งานบุญต่างๆ แจกน้ำแข็งฟรีช่วงเทศกาล เป็นต้น
	 • ร่วมทำบุญ บริจาคในนามลูกค้าและร้านค้าตามโอกาสต่างๆ เช่น งานผ่าป่าสามัคคี
กฐินสามัคคี หรือตั้งตู้บริจาคเพื่อนำเงินไปบริจาคให้โรงเรียนหรือวัดในท้องถิ่น
                                                                                                                         ��
1.8 วิธีการใช้ / วิธกี ารเข้าถงึ ข้อมูล
 ร้านธงฟา้ ประชารฐั 
 และผู้ผลิตสนิ คา้ (Supplier) 
 ผา่ น QR Code
 QR Code (อ่านว่า คิว อาร์ โค้ด) สัญลักษณ์      
 รปู สี่เหลี่ยมสีดำบนพื้นสีขาว เป็นบาร์โค้ดสองมิติ  
 มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ในปี 1994
 QR Code สามารถอ่านได้อย่างรวดเร็วด้วยกล้อง
 โทรศพั ทม์ อื ถอื นำมาใชก้ บั การอา่ นขอ้ มลู เพอ่ื เขา้ สู่
 เว็บไซต์แทนที่การพิมพ์ที่อยู่ของเว็บไซต์ที่มีความยาว
 และจดจำยาก สามารถใช้กล้องโทรศัพท์มือถือ   
 ส่องสแกนอ่าน QR Code เข้าสู่เว็บไซต์ หรือข้อมูล
 ต่างๆ ในเว็บไซต์ได้
 ข้อมลู ร้านค้าธงฟา้ ประชารัฐ ศูนยก์ ระจายสินค้า
 และผผู้ ลิตสินค้ารายใหญ่ (Supplier)           
 	 กระทรวงพาณิชย์ ได้รวบรวมรายชื่อร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่เป็นศูนย์กระจายสินค้า
 ระดับจังหวัด และระดับอำเภอ และรายชื่อผู้ผลิตสินค้า (Supplier) เพื่อให้ร้านค้าธงฟ้า
 ประชารัฐสามารถติดต่อซื้อขายสินค้า สร้างเครือข่าย กระจายสินค้าในจังหวัด นอกจังหวัด
 ข้ามภาค เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนทั่วไป
 	 สินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นแก่การครองชีพราคาถกู ช่วยลดค่าครองชีพประชาชน
 	 สินค้าชุมชนในท้องถิ่น ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนท้องถิ่น
 	 สินค้าเกษตร ช่วยระบายจำหน่ายสินค้าเกษตรล้นตลาดหรือราคาตกต่ำ
 	 สามารถเข้าไปดูรายชื่อร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่เป็นศูนย์กระจายสินค้าระดับจังหวัด
 และระดับอำเภอ และรายชื่อผู้ผลิตสินค้า (Supplier) รายใหญ่ได้ โดยการสแกน   
 QR Code ด้านล่างนี้
                                             รายชื่อติดต่อร้านค้าธงฟ้า
                                             ประชารัฐ ศนู ย์กระจายสินค้า
                                             และผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่
                                             (Supplier)
                 www.shop.moc.go.th/dcshop
34
สามารถอ่านเอกสารออนไลนไ์ ดท้  ่ี          
1. โทรศัพทม์ ือถือ
           วิธีการอ่าน QR Code ด้วยมือถือ Line Application
           วิธีสแกน QR Code ง่ายๆ แค่ 4 ขั้นตอน ดังนี้
1. เข้า line application
 2. เลือก Add friends
                        หรือเพิ่มเพื่อน
      3. เลือก QR Code
                         4. แสกน QR Code
2. เครื่องคอมพวิ เตอร์ 
PC/Note Book 
ทาง เวบ็ ไซต์ 
สามารถใช้ได้ทั้ง Internet Explorer,
Mozilla Firefox, Google Chrome 
โดยพิมพ์เว็บไซต์ URL:
www.shop.moc.go.th/dcshop 
ในช่อง
ปรบั ระบบคดิ 
  พิชติ บญั ชี 
   รทู้ นั ภาษ
ี
รปู แบบกิจการรา้ นธงฟ้าประชารัฐ
	 ร้านธงฟ้าประชารัฐที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐ และติดตั้ง
เครื่องรูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (EDC) แล้ว จำนวน 28,806 ราย เป็นผู้ประกอบการ  
รายเดียวในรูปของบคุ คลธรรมดา จำนวน 26,352 ราย เป็นนิติบุคคล 2,149 ราย โดยอยู่
ในรูปบริษัทจำกัด 1,068 ราย บริษัทมหาชน 1 ราย ห้างหุ้นส่วนจำกัด 357 ราย สหกรณ์   
723 ราย และกองทนุ หมู่บ้าน 305 ราย แต่ละประเภทจะมีวิธีการจัดตั้ง การบริหารจัดการ
การจัดทำบัญชี และวิธีการชำระภาษีอากรที่แตกต่างกัน ดังนี้
                                                                                                                         ��
กจิ การประเภทบุคคลธรรมดา
 
 การจัดตั้ง กิจการประเภทบุคคลธรรมดา คือ กิจการที่มีบุคคลเป็นเจ้าของหรือลงทุน  
 คนเดียว ควบคุมการดำเนินการเอง ได้รับผลประโยชน์และรับการเสี่ยงภัยจากการขาดทุน
 คนเดียว การดำเนินงานมีความคล่องตัวสูงไม่ซับซ้อน ร้านธงฟ้าประชารัฐที่เข้าร่วมโครงการ
 ส่วนใหญ่เป็นกิจการขนาดเล็กกระจายอยู่ในพื้นที่ชนบททั่วไป  
 
 ลกั ษณะของกจิ การเจา้ ของคนเดยี ว
 	 •	 มีเจ้าของเพียงคนเดียว ใช้เงินลงทนุ น้อย
 	 •	 เจ้าของกิจการรับผิดชอบในหนี้สินทั้งหมดไม่จำกัดจำนวน 
 	 •	 ควบคุมการดำเนินงาน ได้รับผลตอบแทนทั้งกำไรและขาดทุนคนเดียว 
 
 หน้าทีท่ ี่รา้ นค้าประเภทบคุ คลธรรมดาต้องปฏิบัต
ิ
 	 1. จดทะเบียนพาณิชย์ต่อนายทะเบียนขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อบต.
 เทศบาล อบจ. กทม. และเมืองพัทยา โดยมีค่าธรรมเนียม 50 บาท และต้องแสดง   
 ใบทะเบียนหรือใบแทนไว้ ณ สำนักงานในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย
 	 2. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมลู ค่าเพิ่มประจำเดือน (กรณีเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบ
 การจดทะเบียนภาษีมลู ค่าเพิ่ม)  
 	 3. ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
 	 4. ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน รวมทั้งภาษีป้าย
38
ขอ้ ดีขอ้ เสยี ของธรุ กจิ ประเภทบุคคลธรรมดา
	         ขอ้ ดี				                 ขอ้ เสีย
• จัดตั้งง่าย ใช้ทุนน้อย
• มีอิสระในการตัดสินใจ รวดเร็ว 
  • มีข้อจำกัดในการขยายกิจการ
                                  • อาจเกิดความผิดพลาดในการตัดสินใจ 
  คล่องตัวสูง ไม่มีความขัดแย้ง
   • เจ้าของกิจการต้องรับภาระหนี้สิน
  ในการดำเนินการ
                   แบบไม่จำกัด
• ได้รับผลกำไรคนเดียว
            • มีข้อจำกัดในการใช้ความคิด 
• รักษาความลับของกิจการได้ดี
       และการบริหารจัดการ
• มีข้อบังคับทางกฎหมายน้อย
       • การบริหารขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเป็นสำคัญ 
• การเลิกกิจการทำได้ง่าย
           มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงและยั่งยืน
                                  
ภาษีท่ีเกี่ยวขอ้ ง
	 •	 ภาษีมูลค่าเพิ่ม   (Value Added Tax : VAT) เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากการ
ซื้อสินค้าหรือรับบริการ โดยจัดเก็บเฉพาะจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นตอน   
การผลิต การจำหน่าย หรือการให้บริการ สำหรับประเทศไทยมีการนำภาษีมูลค่าเพิ่มมา
ใช้ในปี พ.ศ. 2535 กำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ร้อยละ 10 แต่ได้มีการออก   
พระราชกฤษฎีกาลดเหลือร้อยละ 7
                                                                       ��
ผ้มู หี น้าท่ีจดทะเบียนภาษมี ูลค่าเพม่ิ 
ผมู้ หี น้าทจี่ ดทะเบียน
                                        กำหนดเวลาการจดทะเบยี น
1. ผู้ประกอบกิจการที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการ        ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภายใน 30 วัน
เป็นปกติธุระเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี
                           นับแต่วันที่มีรายรับเกิน
                                                                
2. ผู้ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ซึ่งมีแผนงานที่         ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภายในกำหนด
สามารถพิสูจน์ได้ว่า ได้มีการดำเนินการและเตรียมการประกอบ          6 เดือน ก่อนวันเริ่มประกอบกิจการ
กิจการ อันเป็นเหตุให้ต้องมีการซื้อสินค้า หรือรับบริการที่อยู่ใน  เว้นแต่มีสัญญาหรือหลักฐานจะ
บังคับ ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การก่อสร้างโรงงาน            ดำเนินการก่อสร้างภายในเวลาที่
ก่อสร้างอาคารสำนักงาน หรือการติดตั้งเครื่องจักร
                 เหมาะสม
3. ผู้ประกอบการอยู่นอกราชอาณาจักร และได้ขายสินค้าหรือ
ให้บริการในราชอาณาจักร เป็นปกติธุระโดยมีตัวแทนอยู่ในราช
อาณาจักร ให้ตัวแทนเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบการจดทะเบียน
 ผู้ประกอบการที่ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
 1. มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
 2. ขายสินค้าหรือให้บริการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย
 3. ให้บริการจากต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
 4. อยู่นอกราชอาณาจักรและเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักร
    เป็นครั้งคราว 
 5. ผู้ประกอบการอื่นตามที่อธิบดีกรมสรรพากรจะประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร
 
 กิจการที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย แต่สามารถขอจดทะเบียน  
 ภาษีมลู ค่าเพิ่มได้
 1. กิจการขายพืชผลทางการเกษตร สัตว์ ไม่ว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ปุ๋ย ปลาป่น อาหารสัตว์ 
    ยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน ฯลฯ
 2. กิจการขายสินค้าหรือให้บริการ ซึ่งมีรายรับไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
 3. การให้บริการขนส่งในราชอาณาจักร โดยอากาศยาน
 4. การส่งออกของผู้ประกอบการในเขตอตุ สาหกรรมส่งออก
 5. การให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อในราชอาณาจักร
40
ขน้ั ตอนการชำระภาษมี ลู ค่าเพ่มิ 
	 1. เรียกเก็บภาษีมลู ค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ 
         (รวมอยู่ในราคาสินค้าและบริการแล้ว)
	 2. ออกใบกำกับภาษี
	 	 2.1 การออกใบกำกับภาษีด้วยกระดาษ 
	 	 2.2 การออกใบกำกับภาษีด้วยอิเล็กทรอนิกส์
	 3. จัดทำรายงานตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งได้แก่
	 	 3.1 รายงานภาษีซื้อ 
	 	 3.2 รายงานภาษีขาย 
	 	 3.3 รายงานสินค้าและวัตถดุ ิบ
	 4. ช่องทางการยื่นแบบ
	 	 4.1 การยื่นแบบฯ และชำระภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต 
	 	 4.2 การยื่นแบบฯ และชำระภาษีที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา
	 	 4.3 การยื่นแบบฯ และชำระภาษีที่ธนาคารพาณิชย์ไทย
วิธกี ารคำนวณภาษีมูลค่าเพมิ่ 
		 	ภาษที ่ตี ้องชำระ    =   ภาษีขาย - ภาษีซอ้ื 
			
	 ตัวอย่าง ซื้อสินค้ามาขาย จำนวนเงินซื้อสินค้า 20,000.00 บาท และจ่ายค่าโทรศัพท์
เพื่อใช้ในกิจการ 1,500 บาท และขายสินค้าได้  40,000 บาท  คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้
			
		 ภาษีขาย		
                = 40,000×7%     = 2,800 บาท		
		 ภาษีซอื้ 		  = ค่าสนิ ค้า (20,000×7%) + คา่ โทรศัพท์ (1,500×7%)	
					           = 1,400 + 105 = 1,505 บาท
		 ภาษที ี่ตอ้ งชำระ	 = 2,800 – 1,505 = 1,295 บาท
                                                                   ��
แบบภาษีมูลค่าเพม่ิ ท่ตี ้องทราบ
	 •	 แบบ ภพ. 01  แบบคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
	 •	 แบบ ภพ. 20  ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
	 •	 แบบ ภพ. 30  แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผมู้ หี น้าทจ่ี ดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่มิ 
                    คำนวณภาษี
ผปู้ ระกอบการทต่ี อ้ งจดทะเบยี นภาษมี ลู คา่ เพม่ิ ไดแ้ ก่
  หน้าที่ของผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมลู ค่าเพิ่ม 
• ผปู้ ระกอบการทม่ี รี ายไดไ้ มเ่ กนิ 1.8 ลา้ นบาทตอ่ ปี
    • เรียกเก็บภาษีมลู ค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้า หรือ
• ผู้ประกอบการที่ต้องมีการซื้อสินค้าหรือรับบริการ  
                                                               ผู้รับบริการ โดยเรียกเก็บเพิ่มแยกจากราคาสินค้า
  ที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมลู ค่าเพิ่ม
                     หรือบริการ หรือบวกรวมกับราคาสินค้าหรือบริการ
• ผู้ประกอบการที่อยู่นอกประเทศไทยและได้ขาย
                  • ออกใบกำกับภาษี
                                                             • จัดทำรายงานตามที่กฎหมายกำหนด
  สินค้าหรือให้บริการในประเทศเป็นปกติและมี
                  • ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีมลู ค่าเพิ่ม
  ตัวแทนอยู่ในประเทศไทย
   ร้อยละ 7 
ของราคาขาย
    ย่ืนแบบแสดงรายการ 
                                      ชำระเงนิ 
    (e-Filing & e-Payment)
                                                             สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา
   ผู้ประกอบการสามารถศึกษาข้อมลู การยื่น                     ธนาคารพาณิชย์/(Counter/ATM/
   แบบแสดงรายการทางออนไลน์ได้ที่หัวข้อ
                      Internet/Tele/Phone/Mobile/Tax
   “การยื่นภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต”
                            smart card)
   การยื่นชำระภาษี : ภายในวันที่ 15 ของเดือน                 e-Payment/ATM on internet  
   ถัดไป ไม่ว่าเดือนภาษีนั้นจะมีรายรับหรือไม่
               Internet Credit Card
                                                             ที่ทำการไปรษณีย์/Tesco/7-eleven
42
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไป รายได้ที่เกิดขึ้นในปีใดๆ   
ผู้มีรายได้ต้องนำไปแสดงรายการตามแบบแสดงรายการภาษีที่กำหนดภายในเดือนมกราคม
ถึงมีนาคมของปีถัดไป สำหรับผู้มีเงินได้บางกรณีกฎหมายกำหนดให้ยื่นแบบฯ เสียภาษี  
ตอนครึ่งปี เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีที่ต้องชำระ บางกรณีกฎหมายกำหนดให้ผู้จ่าย   
ทำหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินได้ที่จ่ายบางส่วน เพื่อให้มีการทยอยชำระภาษีขณะที่มีเงิน
ได้เกิดขึ้นอีกด้วย
ผูม้ ีหนา้ ทเ่ี สยี ภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา
	 1. บคุ คลธรรมดา 
	 2. ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบคุ คล 
	 3. ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี 
	 4. กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง 
	 5. วิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชมุ ชน เฉพาะที่เป็น
	 	 ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบคุ คล
หนา้ ท่ขี องผมู้ หี นา้ ที่เสียภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา
	 ยื่นแบบแสดงรายการปกติปีละ 1 ครั้ง เงินได้ของปีใดให้ยื่นแบบฯ ภายในวันที่ 31
มีนาคมของปีถัดไป เว้นแต่เงินได้บางลักษณะ เช่น เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน วิชาชีพ
อิสระ การรับเหมา ธรุ กิจการพาณิชย์ จะต้องยื่นแบบฯ ตอนกลางปี สำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้น
ใน 6 เดือนแรก ภายในเดือนกันยายนของทุกปี
                                             TAX
                                                                                                                         ��
การคำนวณภาษเี งินไดบ้ คุ คลธรรมดา
ภาษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา
          ภาษีที่เสีย = เงนิ ได้สุทธิ x อัตราภาษ
ี
เงินได้สุทธิ = เงนิ ไดท้ ั้งหมด - ค่าใชจ้ า่ ย - ค่าลดหยอ่ น
บคุ คลธรรมดาสามารถ                  อตั ราภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดาปี 2561
เลือกหกั ค่าใช้จ่ายได ้      
2 แบบคือ
                                  เงินไดส้ ุทธ	ิ 	     อัตราภาษ
ี
1. หักค่าใช้จ่ายตามอตั รา
		        0 - 150,000		  ได้รบั การยกเวน้ 
		
     เหมาจา่ ย
2. หกั คา่ ใชจ้ ่ายตามท่จี ่ายจริง  150,001 - 300,000		        5%
     -> คุณจะตอ้ งมกี ารบนั ทึก
     รายการคา่ ใชจ้ ่ายและเก็บ
     300,001 - 500,000		        10%
     เอกสารประกอบการลง
     รายการใหส้ รรพากรตรวจ
         500,001 - 750,000		        25%
                                    750,001 - 1,000,000		      20%
                                    1,000,001 - 2,000,000		    25%
                                    2,000,001 - 5,000,000		    30%
                                    5,000,001 เป็นตน้ ไป		     35%
	 
 คำจำกดั ความเก่ียวกบั ภาษเี งนิ ได้
 บุคคลธรรมดาทค่ี วรทราบ
 
 เงินได้ท้ังหมด
 เงินได้ประเภทที่ 1 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ได้แก่
 	 •	 เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ
 	 •	 เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากนายจ้าง
 	 •	 เงินที่คำนวณได้จากมลู ค่าของการได้อยู่บ้าน ซึ่งนายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า
 	 •	 เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใดๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ
 	 •	 เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้  เนื่องจากการจ้างแรงงาน 
 	 เช่น มลู ค่าของการได้รับประทานอาหาร เป็นต้น 
44
เงินไดป้ ระเภทท่ี 2 
	 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็น
	 • ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด
	 • เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชมุ บำเหน็จ โบนัส
	 • เงนิ คา่ เชา่ บา้ นทไ่ี ดร้ บั เนอ่ื งจากหนา้ ทห่ี รอื ตำแหนง่ งานทท่ี ำ หรอื จากการรบั ทำงานให้
	 • เงินที่คำนวณได้จากมลู ค่าของการได้อยู่บ้าน ที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า
	 • เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใดๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ
	 • เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ
	   	หรือจากการรับทำงานให้นั้น ไม่ว่าหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรืองานที่รับทำให้นั้น
	   	จะเป็นการประจำหรือชั่วคราว 
เงนิ ได้ประเภทที่ 3  
	 ได้แก่  ค่าแห่งกู๊ดวิลล์  ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงินได้ที่มีลักษณะ
เป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล
เงนิ ได้ประเภทที่ 4 
	 ได้แก่  ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร เงินลดทุน เงินเพิ่มทุน ผลประโยชน์   
ที่ได้จากการโอนหุ้น ฯลฯ เป็นต้น 
	 (ก) ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงิน  
กู้ยืม ไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว ้   
ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่
จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว หรือผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอน กับราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือ
ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เป็นผู้ออก
และจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอน รวมทั้งเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับ
ดอกเบี้ย ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่นๆ ที่ได้จากการให้กู้ยืมหรือจากสิทธิเรียกร้องใน
หนี้ทกุ ชนิด ไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม
	 (ข)  เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของกำไรหรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือ   
ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กองทุนรวม หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายไทยให้จัดตั้งขึ้น   
โดยเฉพาะสำหรับให้กู้ยืมเงิน ฯลฯ 
     	(ค) เงินโบนัสที่จ่ายแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบคุ คล
     (ง) เงินลดทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไรและ
เงินที่กันไว้รวมกัน
                                                                                                                         ��
(จ) เงินเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งตั้งจากกำไรที่ได้มาหรือรับช่วง
 กันไว้รวมกัน
 	 (ฉ) ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากันหรือ  
 รับช่วงกัน หรือเลิกกัน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน
 	 (ช) ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วนหรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือ  
 ตั๋วเงิน หรือ ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น
 เป็นผู้ออก ทั้งนี้เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน
 
 	 เงินได้ประเภทที่ 4 ในหลายๆ กรณี กฎหมายให้สิทธิที่จะเลือกเสียภาษีโดยวิธีหักภาษี
 ณ ที่จ่าย แทนการนำไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่นตามหลักทั่วไป ซึ่งจะทำให้ผู้มีเงินได้ที่ต้อง
 เสียภาษีตามบัญชีอัตราภาษี ในอัตราที่สูงกว่าอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย สามารถประหยัด  
 ภาษีได้
  
  
เงนิ ไดป้ ระเภทที่ 5
 	 เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เงินหรือประโยชน์อย่างอื่น ที่ได้เนื่องจากการให้เช่า
 ทรัพย์สิน การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนซึ่งผู้ขายได้รับคืน
 ทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้น โดยไม่ต้องคืนเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว
 
  
เงนิ ได้ประเภทที่ 6
 	 ได้แก่ เงินได้จากวิชาชีพอิสระ  คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม
 สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอื่นซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกา
 กำหนดชนิดไว้
 
  
เงนิ ได้ประเภทที่ 7
 	 ได้แก่ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระ ในส่วน
 สำคัญนอกจากเครื่องมือ
 
  
เงินได้ประเภทท่ี 8
 	 ได้แก่ เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การ
 ขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่ 7 แล้ว 
46
การหักคา่ ใชจ้ ่าย
ประเภทเงินได้
                                  หกั ค่าใชจ้ า่ ย
1. เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส เบี้ยเลี้ยง
         50% ไม่เกิน 100,000 บาท หากมีเงินได้
2. เงินได้จากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือ     ประเภทท่ี 1 และ 2 ใหน้ ำเงนิ ไดท้ ง้ั 2 ประเภท
   จากการรับทำงานให้ ค่าธรรมเนียม 
             รวมกนั แตห่ กั ไดไ้ มเ่ กนิ 100,000 บาท
   ค่านายหน้า ฯลฯ
                              
3. ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิ
   อย่างอื่น
                                   50% ไม่เกิน 100,000 บาท หรือตามจริง
4. ดอกเบี้ย เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไร ฯลฯ
         
5. รายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน การผิด
   สัญญาเช่าซื้อ การผิดสัญญาซื้อขาย
                     หักค่าใช้จ่ายไม่ได้
   เงินผ่อน
                                    
	 บ้าน โรงเรียน สิ่งปลกู สร้าง แพ
                     ตามจริงหรืออัตราเหมา
	 ที่ดินที่ใช้ในการเกษตร
                       			 
	 ที่ดินที่มิได้ใช้ในการเกษตร
                  	 	 	     30%
	 ยานพาหนะ
                                     	 	 	     20%
	 ทรัพย์สินอื่น
                                	 	 	     15%
6. วิชาชีพอิสระ
                                	 	 	     30%
	 ประกอบโรคศิลปะ
                               	 	 	     10%
	 กฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม 
	   บัญชี ประณีตศิลปกรรม
                           ความจริงหรืออัตราเหมา
7. รับเหมาก่อสร้าง
                             	 	 	     60%
8. รายได้อื่นๆ นอกเหนือจาก 1-7*
                	 	 	     30%
                                                
*ตามพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 629) พ.ศ. 2560
      ตามจริงหรืออัตราเหมา 60%
                                                ตามจริงหรืออัตราเหมา 40% และ 60%
                                                                    ��
รายได้อื่น นอกเหนอื จาก 1-7* ตามพระราชกฤษฎกี า 
(ฉบับที่ 629) พ.ศ.2560 หกั ค่าใชจ้ ่ายเหมาจ่ายได้ดังน
้ี
ประเภทเงินได้พึงประเมิน					          รอ้ ยละ
(1) การเก็บค่าต๋ง หรือค่าเกมจากการพนัน การแข่งขัน หรือ การเล่นต่างๆ	 60
(2) การถ่าย ล้างอัด หรือขยายรูปภาพยนตร์รวมทั้งการขายส่วนประกอบ	 60
(3) การทำกิจการคานเรือ อู่เรือ หรือซ่อมเรือที่มิใช่ซ่อมเครื่องจักรเครื่องกล	 60
(4) การทำรองเท้า และเครื่องหนังแท้ หรือหนังเทียม รวมทั้งการขายส่วนประกอบ	60
(5) การตัด เย็บ ถักปักเสื้อผ้า หรือสิ่งอื่นๆ รวมทั้งการขายส่วนประกอบ	  60
(6) การทำ ตกแต่ง หรือซ่อมแซมเครื่องเรือน รวมทั้งการขายส่วนประกอบ	 60
(7) การทำกิจการโรงแรม หรือภัตตาคารหรือการปรุงอาหาร หรือเครื่องดื่มจำหน่าย	60
(8) การดัด ตัด แต่งผม หรือตกแต่งร่างกาย	 	 	 	 60
(9) การทำสบู่ แชมพู หรือเครื่องสำอาง	 	 	 	 	 60
(10) การทำวรรณกรรม	 	 	 	 	 	 60
(11) การค้าเครื่องเงิน ทอง นาก เพชร พลอย หรืออัญมณีอื่น 
     รวมทั้งการขายส่วนประกอบ 	 	 	 	 	 60
(12) การทำกิจการสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล 
    เฉพาะที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน รวมทั้งการรักษาพยาบาล 	 	 
    และการจำหน่ายยา	 	 	 	 	 	 60
(13) การโม่หรือย่อยหิน	 	 	 	 	 	 60
(14) การทำป่าไม้ สวนยาง หรือไม้ยืนต้น		 	 	 	 60
(15) การขนส่ง หรือรับจ้างด้วยยานพาหนะ	 	 	 	 60
(16) การทำบล็อกและตรา การรับพิมพ์ หรือเย็บสมดุ เอกสาร 
    รวมทั้งการขายส่วนประกอบ 	 	 	 	 	 60
(17) การทำเหมืองแร่	 	 	 	 	 	 60
(18) การทำเครื่องดื่มตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเครื่องดื่ม (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502	 60
48
