The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการวิเคราะห์ผลการทดสอบระดับชาติด้านอาชีวศึกษา VNETปีการศึกษา 2565 กรณีศึกษา กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pasupit17.moe, 2023-03-16 21:12:54

VNETปีการศึกษา 2565

รายงานการวิเคราะห์ผลการทดสอบระดับชาติด้านอาชีวศึกษา VNETปีการศึกษา 2565 กรณีศึกษา กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1

Keywords: VNETปีการศึกษา2565

บทสรุปผู้บริหาร รายงานการวิเคราะห์ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับ ปวช. กรณีศึกษา กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ปีการศึกษา 2565 มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ คุณภาพการศึกษา (Quality) ด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับชั้น ปวช. ประชากรในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักศึกษาระดับชั้น ปวช. ปีที่ 3 ในสังกัดกระทรวง ศึกษาธิการ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ที่เข้าสอบประเมินคุณภาพระดับการศึกษาระดับชาติปีการศึกษา 2565 ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ผลการทดสอบระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับ ชั้น ปวช. ปีที่ 3 ปีการศึกษา 2565 ของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) วิธีการดำเนินการ ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการศึกษาค้นคว้าลักษณะของการ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) โดยใช้ ค่าเฉลี่ย สัดส่วนและร้อยละ สรุปผลการศึกษา การศึกษาและวิเคราะห์ด้านคุณภาพการศึกษา (Quality) ด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ชั้น ปวช. กรณีศึกษา กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ปีการศึกษา 2565 ดังนี้ 1. เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับ ปวช. กับเกณฑ์ร้อยละ 50 2. เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับ ปวช. ปีการศึกษา 2565 กับปีการศึกษา 2564 3. เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับ ปวช. ปีการศึกษา 2565 กับ 3 ปีการศึกษาเฉลี่ย (2562 – 2564) 1. เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับ ปวช. กับเกณฑ์ร้อยละ 50 1.1 ปีการศึกษา 2565 พบว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีค่าเฉลี่ยคะแนนต่ำกว่าร้อยละ 50 ( = 38.22) เมื่อจำแนกเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนสูงสุด คือ จังหวัดพิษณุโลก ( = 41.63) รองลงมา คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ ( = 40.49) จังหวัดสุโขทัย ( = 38.87) และจังหวัดตาก ( = 37.82) ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนต่ำสุด คือ จังหวัดอุตรดิตถ์( = 32.66) 1.2 ปีการศึกษา 2564 พบว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีค่าเฉลี่ยคะแนนต่ำกว่าร้อยละ 50 ( = 41.07) เมื่อจำแนกเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนสูงสุด คือ จังหวัดอุตรดิตถ์ ( = 42.93) รองลงมา คือ จังหวัดสุโขทัย ( = 42.01) จังหวัดเพชรบูรณ์ ( = 40.77) และจังหวัดตาก ( = 40.65) ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนต่ำสุด คือ จังหวัดพิษณุโลก ( = 39.98) 1.3 ปีการศึกษา 2563 พบว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีค่าเฉลี่ยคะแนนต่ำกว่าร้อยละ 50 ( = 37.69) เมื่อจำแนกเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนสูงสุด คือ จังหวัดพิษณุโลก ( = 38.42) รองลงมา คือ จังหวัดอุตรดิตถ์ ( = 38.05) และจังหวัดตาก ( = 37.27) ตามลำดับ ส่วนจังหวัด ที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนต่ำสุด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ ( = 36.52)


1.4 ปีการศึกษา 2562 พบว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีค่าเฉลี่ยคะแนนต่ำกว่าร้อยละ 50 ( = 42.88) เมื่อจำแนกเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนสูงสุด คือ จังหวัดพิษณุโลก ( = 44.04) รองลงมา คือ จังหวัดอุตรดิตถ์ ( = 43.33) จังหวัดสุโขทัย ( = 43.22) และจังหวัดตาก ( = 42.17) ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนต่ำสุด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ ( = 41.73) 2. เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับ ปวช. ปีการศึกษา 2565 กับปีการศึกษา 2564 เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนน ระดับ ปวช. ปีการศึกษา 2565 กับ ปีการศึกษา 2564 พบว่า กลุ่ม จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีค่าเฉลี่ยคะแนนลดลง (-2.85) และมีค่าระดับคะแนนเท่ากับ 1 เมื่อจำแนกเป็น รายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนเพิ่มขึ้นและมีค่าระดับคะแนนเท่ากับ 5 คือ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนลดลงและมีค่าระดับคะแนนเท่ากับ 2 คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดที่มีค่าเฉลี่ย คะแนนลดลงและมีค่าระดับคะแนนเท่ากับ 1 คือ จังหวัดตาก จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์ 3. เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับ ปวช.ปี การศึกษา 2565 กับ 3 ปีการศึกษาเฉลี่ย (2562 – 2564) เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนระดับ ปวช. ปีการศึกษา 2565 กับ 3 ปีการศึกษาเฉลี่ย (2562 – 2564) พบว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีค่าเฉลี่ยคะแนนลดลง (- 2.33) และมีค่าระดับคะแนนเท่ากับ 1 เมื่อจำแนกเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนเพิ่มขึ้นและมีค่าระดับคะแนนเท่ากับ 4 คือ จังหวัด พิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนลดลงและมีค่าระดับคะแนนเท่ากับ 1 คือ จังหวัด ตาก จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์ อภิปรายผล จากการศึกษาผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา ปีการศึกษา 2565 เปรียบเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 50, ปีการศึกษา 2564 และ 3 ปีการศึกษาเฉลี่ย (2562 – 2564) พบว่า กลุ่ม จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีค่าเฉลี่ยคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์และมีแนวโน้มลดลง ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ ควรมีการศึกษาหาสาเหตุและการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนให้สูงขึ้น ควรสื่อสารให้ผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา รับรู้ถึงวัตถุประสงค์ของการสอบ V-NET เพื่อ เตรียมความพร้อมในการเข้าสู่โลกอาชีพ ทักษะในศตวรรษที่ 21 และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ระบบการศึกษาด้านอาชีวศึกษาในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ควรยกระดับสมรรถนะที่ จำเป็นในการเข้าสู่อาชีพอย่างเร่งด่วน ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป การพัฒนาดิจิทัลเพื่อการบริหารจัดการศึกษา เพื่อส่งเสริม สนับสนุน อำนวยการ และพัฒนา ยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษา


สารบัญ หน้า คำนำ บทสรุปผู้บริหาร 1 บทนำ 1 ความเป็นมา 1 วัตถุประสงค์ของการศึกษา 2 ขอบเขตของการศึกษา 3 นิยามศัพท์เฉพาะ 3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3 กรอบแนวคิดการวิเคราะห์ 4 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 5 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) 6 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่สิบสาม (พ.ศ. 2566 – 2570) 9 นโยบายรัฐบาล 13 นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 14 แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 19 นโยบายของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 27 นโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 28 หลักการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษา 31 สถานบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) 33 การจัดสอบ V-NET 34 โครงสร้างและรูปแบบของแบบทดสอบ V-NET 35 สภาพทั่วไปของสำนักงานศึกษาธิการภาค 17 40 สภาพทั่วไปของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 41 สภาพการศึกษาของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 42


สารบัญ (ต่อ) บทที่ หน้า 3 วิธีดำเนินการวิจัย 43 ประชากร 43 ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ 43 การวิเคราะห์ข้อมูล 43 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการนำเสนอข้อมูล 45 4 ผลการวิเคราะห์ 46 เปรียบเทียบผลการทดสอบระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับชั้น ปวช. ปีการศึกษา 2565 กับเกณฑ์ร้อยละ 50 47 เปรียบเทียบผลการทดสอบระดับชาติด้านอาชีวศึกษา ระดับชั้น ปวช. ปีการศึกษา 2565 กับ ปีการศึกษา 2564 51 เปรียบเทียบผลการทดสอบระดับชาติด้านอาชีวศึกษา ระดับชั้น ปวช. ปีการศึกษา 2565 กับ 3 ปีการศึกษาย้อนหลัง (2562 – 2564) 52 5 บทสรุป 53 สรุปผลการศึกษา 53 อภิปรายผล 54 ข้อเสนอแนะ 54 เอกสารอ้างอิง ภาคผนวก


สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 1 แสดงจำนวนนักศึกษา ปวช. ปีที่ 3 จำแนกรายจังหวัด 35 2 แสดงแสดงองค์ประกอบและน้ำหนัก (ร้อยละ) ตามสมรรถนะที่จำเป็นในการเข้าสู่อาชีพ ปีการศึกษา 2565 36 3 แสดงกำหนดการสอบ (V-NET) ปีการศึกษา 2565 39 4 แสดงเกณฑ์ระดับคะแนน ปีการศึกษา 2565 39 5 แสดงจำนวนประชากรจำแนกรายจังหวัด กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 42 6 แสดงจำนวนสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (อาชีวศึกษา) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ตอนล่าง 1 42 7 แสดงค่าเฉลี่ยคะแนน ระดับ ปวช.ปีการศึกษา 2565 47 8 แสดงค่าเฉลี่ยคะแนน ระดับ ปวช. ปีการศึกษา 2564 48 9 แสดงค่าเฉลี่ยคะแนน ระดับ ปวช. ปีการศึกษา 2563 49 10 แสดงค่าเฉลี่ยคะแนน ระดับ ปวช. ปีการศึกษา 2562 50 11 แสดงเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนน ระดับ ปวช. ปีการศึกษา 2565 กับ ปีการศึกษา 2564 51 12 แสดงเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนระดับ ปวช. ปีการศึกษา 2565 กับ 3 ปีการศึกษาเฉลี่ย (2562 – 2564) 52


สารบัญแผนภูมิ ภาพ หน้า 1 กรอบแนวคิดการวิเคราะห์ 4 2 แผนที่พื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานศึกษาธิการภาค 17 41


บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมา จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติได้ดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) เพื่อใช้เป็นกรอบ แนวทางการพัฒนาประเทศในระยะ 20 ปี โดยกำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมายและยุทธศาสตร์ ดังนี้วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง” หรือเป็นคติพจน์ประจำชาติว่า “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โดยมีเป้าหมายการพัฒนาประเทศ คือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม ฐาน ทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน” โดยยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ พัฒนาคนในทุกมิติและในทุก ช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม สร้างการเติบโตบนคุณภาพ ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) มีสถานะเป็นแผนระดับที่ 2 ซึ่งเป็นกลไกที่ สำคัญในการแปลงยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ และใช้เป็นกรอบสำหรับการจัดทำแผนระดับที่ 3 เพื่อให้ การดำาเนินงานของภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องสามารถสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ ตาม กรอบระยะเวลาที่คาดหวังไว้ได้ ในการกำหนดทิศทางของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ให้ประเทศสามารถก้าวข้าม ความท้าทายต่าง ๆ เพื่อให้ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนา ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ตามเจตนารมณ์ของยุทธศาสตร์ชาติ ได้อาศัยหลักการและแนวคิด 4 ประการ ดังนี้ 1. หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยสืบสาน รักษา ต่อยอดการพัฒนาตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ผ่านการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศอย่างมีเหตุผล ความพอประมาณ ภูมิคุ้มกันบน ฐานของความรู้ คุณธรรม และความเพียร 2. การสร้างความสามารถในการ “ล้มแล้ว ลุกไว” โดยมุ่งเน้นการ พัฒนาใน 3 ระดับ ประกอบด้วย 1) การพร้อมรับ หรือ ระดับ “อยู่รอด” ในการแก้ไขข้อจำกัดหรือจุดอ่อนที่มี อยู่ รวมถึงการสร้างความพร้อมในทุกระดับในการรับมือกับสภาวะวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นให้สามารถฟื้นคืนสู่ภาวะ ปกติได้อย่างรวดเร็ว 2) การปรับตัว หรือ ระดับ “พอเพียง” ในการปรับเปลี่ยนปัจจัยที่จำเป็นเพื่อเสริมสร้าง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงปรับทิศทาง รูปแบบ และแนวทางการพัฒนาให้สอด รับกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ และ 3) การเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน หรือ ระดับ “ยั่งยืน” ในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในมิติต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความสามารถ ของบุคคลและสังคมในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อสนับสนุนให้ประเทศสามารถเติบโตได้อย่างมี คุณภาพและยั่งยืน 3. เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติโดยกำหนดทิศทางการพัฒนาที่อยู่บน พื้นฐานของแนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” มุ่งเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งในมิติของ การมีปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานที่เพียงพอ การมีสภาพแวดล้อมที่ดี การมีปัจจัยสนับสนุน ให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ การมีโอกาสที่จะใช้ศักยภาพของตนในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดี และการมุ่งส่งต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดีไปยังคนรุ่นต่อไป 4. การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว โดยให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์


2 เทคโนโลยีสมัยใหม่ และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาความสมดุล ระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากฐานทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึง การปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต การให้บริการและการบริโภคเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แผนการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 กำหนดวิสัยทัศน์ คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมี คุณภาพ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลก ศตวรรษ ที่ 21 โดยกำหนดเป้าหมายการพัฒนาการศึกษา 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา (Access) ด้านความเท่าเทียมทางการศึกษา (Equity) ด้านคุณภาพการศึกษา (Quality) ด้านประสิทธิภาพ (Efficiency) และด้านการตอบโจทย์บริบทที่เปลี่ยนแปลง (Relevancy) อันจะนำไปสู่การสร้างความผาสุก ร่วมกันในสังคมของชนในชาติ และพัฒนาประเทศไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วในอีก 20 ปีข้างหน้า คำสั่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 ลงวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาค ของกระทรวงศึกษาธิการ ให้สำนักงานศึกษาธิการภาค 17 สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อ ปฏิบัติภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการในระดับพื้นที่ ทำหน้าที่ ขับเคลื่อนการศึกษาในระดับภาคและจังหวัด โดยอำนวยการ ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการศึกษาแบบร่วมมือและบูรณาการกับหน่วยงานในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอื่นหรือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้น ๆ และประกาศสำนักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เรื่อง การแบ่งหน่วยงานภายในสำนักงาน ศึกษาธิการภาคและสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้สำนักงาน ศึกษาธิการภาค 17 มีหน้าที่ ศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดทำดัชนีทางการศึกษาระดับภาค รวมทั้ง สื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวงในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการในระดับพื้นที่ ซึ่งทำหน้าที่ ขับเคลื่อน การศึกษาในระดับภาคและจังหวัด เกิดผลอย่างมีประสิทธิผล เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 คำสั่งหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 ประกาศสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560 และเพื่อประโยชน์ของทางราชการ สำนักงานศึกษาธิการภาค 17 จึงจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลการทดสอบ ทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับชั้น ปวช. กรณีศึกษา กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ปีการศึกษา 2565 วัตถุประสงค์ของการศึกษา เพื่อศึกษาและวิเคราะห์คุณภาพการศึกษา (Quality) ด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับชั้น ปวช.


3 ขอบเขตของการศึกษา 1. ขอบเขตด้านเนื้อหา การวิเคราะห์ครั้งนี้ มุ่งศึกษาเกี่ยวกับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ของนักศึกษาระดับชั้น ปวช. กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ที่เข้าสอบประเมินคุณภาพระดับ การศึกษาระดับชาติ ปีการศึกษา 2565 โดยวิเคราะห์สมรรถนะที่จำเป็นในการเข้าสู่อาชีพ 2. ขอบเขตประชากร ป ระช าก รที่ ใช้ใน ก ารวิเค ราะห์ ค รั้งนี้ คื อ นั กศึ ก ษ าระดั บ ชั้ น ป วช . ใน สั งกั ด กระทรวงศึกษาธิการ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ที่เข้าสอบประเมินคุณภาพระดับการศึกษาระดับชาติ ปีการศึกษา 2565 นิยามศัพท์เฉพาะ สอศ. หมายถึง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา V-NET หมายถึง การทดสอบการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา พล. หมายถึง จังหวัดพิษณุโลก พช. หมายถึง จังหวัดเพชรบูรณ์ ตก. หมายถึง จังหวัดตาก สท. หมายถึง จังหวัดสุโขทัย อต. หมายถึง จังหวัดอุตรดิตถ์ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 หมายถึง จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์จังหวัดตาก จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. มีข้อมูลคุณภาพการศึกษา (Quality) ด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับชั้น ปวช. 2. นำไปใช้ขับเคลื่อนการศึกษาในระดับภาคและจังหวัด โดยกำหนดเป็นนโยบาย เป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ของกระทรวงศึกษาในพื้นที่


4 กรอบแนวคิดในการวิเคราะห์ การศึกษาครั้งนี้ ได้นำผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับชั้น ปวช. ของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) มากำหนดเป็นกรอบแนวคิดใน การวิเคราะห์ ดังแผนภูมิที่ 1 แผนภูมิที่ 1 กรอบแนวคิดการวิเคราะห์ เปรียบเทียบกับเกณฑ์(ร้อยละ 50) เปรียบเทียบเกณฑ์ (ระดับคะแนนเฉลี่ย 3 ปีการศึกษาย้อนหลัง) เปรียบเทียบเกณฑ์ (ระดับคะแนนเฉลี่ยปีการศึกษา 2564) ระดับกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง กลุ่ม 1 ระดับจังหวัด สถานศึกษาอาชีวศึกษา ปีการศึกษา 2565 ผลการทดสอบ V-NET ปวช.


5 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ปีการศึกษา 2565 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 3 (ปวช.3) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ได้ศึกษาเอกสารที่ เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) 2. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่สิบสาม (พ.ศ. 2566 – 2570) 3. นโยบายรัฐบาล 4. นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 5. แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 6. นโยบายของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 7. นโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 8. หลักการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษา 9. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) 10. การจัดการสอบ (V-NET) 11. โครงสร้างและรูปแบบของแบบทดสอบ V-NET 12. สภาพทั่วไปของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 13. สภาพทั่วไปของสำนักงานศึกษาธิการภาค 17 14. สภาพการศึกษาของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1


6 1. ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติได้ดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาประเทศในระยะ 20 ปี โดยกำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมายและยุทธศาสตร์ ดังนี้ วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง” หรือเป็นคติพจน์ประจำชาติว่า “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ความมั่นคง หมายถึง หมายถึง การมีความมั่นคงปลอดภัยจากภัยและการเปลี่ยนแปลง ทั้งภายในประเทศ และภายนอกประเทศในทุกระดับ ทั้งระดับประเทศ สังคม ชุมชน ครัวเรือน และปัจเจกบุคคล และมีความมั่นคงในทุกมิติ ทั้งมิติทางการทหาร เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง เช่น ประเทศ มีความมั่นคงในเอกราชและอธิปไตยมีการปกครองระบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มีความเข้มแข็งเป็นศูนย์กลางและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของประชาชน มีระบบการเมืองที่มั่นคงเป็นกลไกที่นำไปสู่การบริหารประเทศที่ต่อเนื่องและโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล สังคม มีความปรองดองและความสามัคคี สามารถผนึกกำลังเพื่อพัฒนาประเทศ ชุมชนมีความเข้มแข็ง ครอบครัว มีความอบอุ่น ประชาชนมีความมั่นคงในชีวิต มีงานและรายได้ที่มั่นคง พอเพียงกับการดำรงชีวิต มีการออมสำหรับ วัยเกษียณ ความมั่นคงของอาหาร พลังงาน และน้ำ มีที่อยู่อาศัย และความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ความมั่งคั่ง หมายถึง ประเทศไทยมีการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน จนเข้าสู่ กลุ่มประเทศรายได้สูง ความเหลื่อมล้ำของการพัฒนาลดลง ประชากรมีความอยู่ดีมีสุขได้รับผลประโยชน์จากการ พัฒนาอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น และมีการพัฒนาอย่างทั่วถึงทุกภาคส่วนมีคุณภาพชีวิตตามมาตรฐาน ขององค์การสหประชาชาติ ไม่มีประชาชนที่อยู่ในภาวะความยากจน เศรษฐกิจในประเทศมีความเข้มแข็ง ขณะเดียวกันต้องมีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ทั้งในตลาดโลกและตลาดภายในประเทศ เพื่อให้สามารถสร้างรายได้ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ตลอดจนมีการสร้างฐานเศรษฐกิจและสังคม แห่งอนาคตเพื่อให้สอดรับกับบริบทการพัฒนาที่เปลี่ยนแปลงไป และประเทศไทยมีบทบาทที่สำคัญในเวทีโลก และมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าอย่างแน่นแฟ้นกับประเทศในภูมิภาคเอเชีย เป็นจุดสำคัญของ การเชื่อมโยงในภูมิภาคทั้งการคมนาคมขนส่ง การผลิต การค้า การลงทุนและการทำธุรกิจ เพื่อให้เป็นพลัง ในการพัฒนา นอกจากนั้น ยังมีความสมบูรณ์ในทุนที่จะสามารถสร้างการพัฒนาต่อเนื่องไปได้ได้แก่ ทุนมนุษย์ ทุนทางปัญญา ทุนทางการเงิน ทุนที่เป็นเครื่องมือเครื่องจักรทุนทางสังคม และทุนทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน หมายถึง การพั ฒ นาที่ สามารถสร้างความเจริญ รายได้ และคุณ ภาพชีวิต ของประชาชนให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่อยู่บนหลักการใช้ การรักษา และการฟื้นฟูฐานทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ไม่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติจนเกินพอดี ไม่สร้างมลภาวะ ต่อสิ่งแวดล้อมจนเกินความสามารถในการรองรับและเยียวยาของระบบนิเวศ การผลิตและการบริโภค เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทรัพยากรธรรมชาติมีความอุดม สมบูรณ์มากขึ้น และสิ่งแวดล้อมมีคุณภาพดีขึ้น คนมีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความเอื้ออาทร เสียสละ เพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม รัฐบาลมีนโยบายที่มุ่งประโยชน์ส่วนรวมอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน และทุกภาคส่วนในสังคมยึดถือและปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาอย่างสมดุล มีเสถียรภาพและยั่งยืน


7 โดยมีเป้าหมายการพัฒนาประเทศ คือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่าง ต่ อเนื่อง สั งคมเป็ นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติ ยั่งยืน” โดยยกระดั บศั กยภาพของประเทศ ในหลากหลายมิติ พัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ สร้างโอกาสและ ความเสมอภาคทางสังคม สร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีภาครัฐของประชาชนเพื่อ ประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม โดยการประเมินผลการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วย 1) ความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทย 2) ขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้ 3) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ 4) ความเท่าเทียมและความเสมอภาคของสังคม 5) ความหลากหลายทางชีวภาพ คุณภาพสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ 6) ประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการเข้าถึงการให้บริการของภาครัฐ ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ.2561-2580) มี 6 ยุทธศาสตร์ซึ่งเกี่ยวข้องกับภารกิจของสำนักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญ คือ ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เน้นการบริหารจัดการสภาวะแวดล้อมของประเทศให้มีความมั่นคง ปลอดภัย เอกราช อธิปไตย และมีความสงบเรียบร้อยในทุกระดับตั้งแต่ระดับชาติสังคม ชุมชน มุ่งเน้นการพัฒนาคน เครื่องมือ เทคโนโลยี และระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ให้มีความพร้อมสามารถรับมือกับภัยคุกคามและภัยพิบัติได้ ทุกรูปแบบ และทุกระดับความรุนแรง ควบคู่ไปกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ใช้กลไกการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการทั้งกับส่วนราชการ ภาคเอกชน ประชาสังคม และองค์กรที่ไม่ใช่รัฐ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศ ทั่วโลกบนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล เพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อการดำเนินการของยุทธศาสตร์ชาติ ด้านอื่นๆ ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ ตามทิศทางและเป้าหมายที่กำหนด 2. ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน มีเป้าหมายการพัฒนา ที่มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ บนพื้นฐานแนวคิด 3 ประการ ได้แก่ 1) “ต่อยอดอดีต” โดยมองกลับไปที่รากเหง้าทางเศรษฐกิจ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถี ชีวิต และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย รวมทั้งความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของประเทศ ในด้านอื่นๆ นำมาประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้สอดรับกับบริบทของเศรษฐกิจ และสังคม โลกสมัยใหม่ 2) “ปรับปัจจุบัน” เพื่อปูทางสู่อนาคต ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ในมิติต่างๆ ทั้งโครงข่ายระบบคมนาคมและขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และดิจิทัล และการปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการอนาคต 3) “สร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต” ด้วยการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่ รวมถึง ปรับรูปแบบธุรกิจ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ผสมผสานกับยุทธศาสตร์ที่รองรับอนาคต บนพื้นฐานของการต่อยอดอดีตและปรับปัจจุบัน พร้อมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐ ให้ประเทศไทย สามารถสร้างฐานรายได้และการจ้างงานใหม่ ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนใน เวทีโลก ควบคู่ไปกับ การยกระดับรายได้และการกินดีอยู่ดี รวมถึงการเพิ่มขึ้นของคนชั้นกลางและลดความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศได้ ในคราวเดียวกัน


8 3. ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์มีเป้าหมายการพัฒนา ที่ สำคั ญ เพื่ อพั ฒ นาคนในทุ กมิ ติ และในทุ กช่ วงวัยให้ เป็ นคนดี เก่ ง และมี คุ ณ ภาพ โดยคนไทย มีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารีมีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติ มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 มีทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 และอนุรักษ์ ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตสู่การเป็น คนไทยที่มีทักษะสูง เป็น นวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอื่นๆ โดยมีสัมมาชีพตามความถนัดของตนเอง 4. ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม มีเป้าหมาย การพัฒนาที่สำคัญที่ให้ความสำคัญการดึงเอาพลังของภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคเอกชน ประชาสังคม ชุมชน ท้องถิ่น มาร่วมขับเคลื่อน โดยการสนับสนุนการรวมตัวของประชาชน ในการร่วมคิดร่วมทำเพื่อส่วนรวม การกระจายอำนาจ และความรับผิดชอบไปสู่กลไกบริหารราชการแผ่นดินในระดับท้องถิ่น การเสริมสร้าง ความเข้มแข็ง ของชุมชนในการจัดการตนเอง และการเตรียมความพร้อมของประชากรไทยทั้งในมิติ สุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และ สภาพแวดล้อมให้เป็นประชากรที่มีคุณภาพ สามารถพึ่งตนเองและทำประโยชน์แก่ครอบครัว ชุมชน และสังคมให้ นานที่สุด โดยรัฐให้หลักประกันการเข้าถึงบริการและสวัสดิการที่มีคุณภาพอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง 5. ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญเพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งมิติด้าน สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ธรรมาภิบาล และความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างกันทั้งภายในและภายนอกประเทศ อย่างบูรณาการ ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งในการกำหนดกลยุทธ์และแผนงาน และการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เข้ามา มีส่วนร่วมในแบบทางตรงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยเป็นการดำเนินการ บนพื้นฐานการเติบโตร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลทั้ง 3 ด้าน อันจะนำไปสู่ความยั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อไปอย่างแท้จริง 6. ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒ นาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญเพื่อปรับเปลี่ยนภาครัฐที่ยึดหลัก “ภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชน และประโยชน์ ส่วนรวม” โดยภาครัฐต้องมีขนาดที่เหมาะสมกับบทบาทภารกิจ แยกแยะบทบาท หน่วยงานของรัฐ ที่ทำหน้าที่ในการกำกับหรือในการให้บริการในระบบเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันมีขีดสมรรถนะสูง ยึดหลักธรรมาภิบาล ปรับวัฒนธรรมการทำงานให้มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ส่วนรวมมีความทันสมัยและพร้อมที่จะปรับตัว ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำนวัตกรรม เทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบการทำงานที่เป็นดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่า และปฏิบัติงานเทียบได้กับมาตรฐานสากล รวมทั้ง มีลักษณะเปิดกว้าง เชื่อมโยงถึงกันและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อตอบสนองความต้องการ ของประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส โดยทุกภาคส่วนในสังคมต้องร่วมกันปลูกฝังค่านิยม ความซื่อสัตย์สุจริต ความมัธยัสถ์ และสร้างจิตสำนึกในการปฏิเสธไม่ยอมรับการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างสิ้นเชิง นอกจากนั้น กฎหมายต้องมีความชัดเจน มีเพียงเท่าที่จำเป็นมีความทันสมัย มีความเป็นสากล มีประสิทธิภาพ และ นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำและเอื้อต่อการพัฒนา โดยกระบวนการยุติธรรมมีการบริหารที่มีประสิทธิภาพ เป็น ธรรม ไม่เลือกปฏิบัติและการอำนวยความยุติธรรมตามหลักนิติธรรม (สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2565. ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี)


9 2. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) มีสถานะเป็นแผนระดับ ที่ 2 ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญในการแปลงยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ และใช้เป็นกรอบสำหรับการจัดทำแผน ระดับที่ 3 เพื่อให้การดำเนินงานของภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องสามารถสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายตาม ยุทธศาสตร์ชาติตามกรอบระยะเวลาที่คาดหวังไว้ได้ ในการกำหนดทิศทางของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๓ ให้ ประเทศสามารถก้าวข้ามความท้าทายต่าง ๆ เพื่อให้ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศ พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ตามเจตนารมณ์ของยุทธศาสตร์ชาติ ได้ อาศัยหลักการและแนวคิด 4 ประการ ดังนี้ 1. หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยสืบสาน รักษา ต่อยอดการพัฒนาตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ผ่านการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศอย่างมีเหตุผล ความพอประมาณ ภูมิคุ้มกันบน ฐานของความรู้ คุณธรรม และความเพียร 2. การสร้างความสามารถในการ “ล้มแล้ว ลุกไว” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาใน 3 ระดับ ประกอบด้วย 1) การพร้อมรับ หรือ ระดับ “อยู่รอด” ในการแก้ไขข้อจำกัดหรือจุดอ่อนที่มีอยู่ รวมถึงการสร้าง ความพร้อมในทุกระดับในการรับมือกับสภาวะวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นให้สามารถฟื้นคืนสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว 2) การปรับตัว หรือ ระดับ “พอเพียง” ในการปรับเปลี่ยนปัจจัยที่จำเป็นเพื่อเสริมสร้างความ มั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงปรับทิศทาง รูปแบบ และแนวทางการพัฒนาให้สอดรับกับ กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ และ 3) การเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน หรือ ระดับ “ยั่งยืน” ในการผลักดันให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในมิติต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความสามารถของบุคคลและสังคมในการพัฒนาอย่าง ต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อสนับสนุนให้ประเทศสามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพและยั่งยืน 3. เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยกำหนดทิศทางการพัฒนาที่อยู่บนพื้นฐาน ของแนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” มุ่งเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งในมิติ 4. การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว โดยให้ความสำคัญกับการ ประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสมัยใหม่ และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากฐาน ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต การให้บริการ และการบริโภคเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บทบาท ความสำคัญ และสถานะของแผน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 โดยมาตรา 65 ภายใต้หมวดแนวนโยบายแห่งรัฐ ได้ กำหนดให้รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อใช้ เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่างๆ และกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องและบูรณาการกัน เพื่อให้ เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมายการพัฒนาประเทศที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งนี้ การถ่ายทอด ยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติให้มีความสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบนั้น ยุทธศาสตร์ชาติซึ่งเป็นแผนระดับที่ 1 จะทำหน้าที่เป็นกรอบทิศทางการพัฒนาประเทศในภาพรวมที่ครอบคลุมการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนา ประเทศด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาค ส่วน โดยมีแผนระดับที่ 2 เป็นกลไกสำคัญในการถ่ายทอดแนวทางการขับเคลื่อนประเทศในมิติต่าง ๆ ของ ยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งประกอบด้วย แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ทำหน้าที่ ในการถ่ายทอด


10 เป้าหมายและประเด็นยุทธศาสตร์ของยุทธศาสตร์ชาติลงสู่แผนระดับต่าง ๆ โดยคำนึงถึงประเด็นร่วมหรือ ประเด็นตัดข้ามระหว่างยุทธศาสตร์และการประสานเชื่อมโยงเป้าหมายของแต่ละแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ ชาติให้มีความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน แผนการปฏิรูปประเทศ ทำหน้าที่เป็นแผนที่มุ่งเน้นการ ปรับเปลี่ยน แก้ไขปัญหา อุปสรรคเร่งด่วนเชิงโครงสร้าง กลไก หรือกฎระเบียบ เพื่อให้รากฐานการพัฒนา ภายในประเทศมีความเหมาะสม เท่าทันกับบริบทการพัฒนาที่ประเทศต้องการมุ่งเน้น ขณะที่นโยบายและแผน ระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติทำหน้าที่เป็นกรอบหรือทิศทางในการดำเนินการป้องกัน แจ้งเตือน แก้ไข หรือ ระงับยับยั้งภัยคุกคามเพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงแห่งชาติ และมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทำหน้าที่เป็น แผนระบุทิศทางและเป้าหมายการพัฒนาที่ประเทศควรให้ความสำคัญและมุ่งดำเนินการของ ยุทธศาสตร์ชาติโดยคำนึงถึงพลวัตและเงื่อนไขการพัฒนาที่ประเทศเผชิญอยู่เพื่อเป็นแนวทางให้ภาคส่วนที่ เกี่ยวข้องปรับจุดเน้นการดำเนินงานมุ่งสู่การเสริมสร้างความสามารถของประเทศให้สอดรับ ปรับตัวเข้ากับ เงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไป โดยระบุทิศทางการพัฒนาอย่างชัดเจน ส่งผลให้การพัฒนาประเทศตั้งแต่ระดับ ทิศทาง โครงสร้าง นโยบาย ตลอดจนกลยุทธ์และกลไกในการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติมีความเชื่อมโยงกันทุก ระดับ และจะเป็นพลังในการนำพาประเทศไปสู่การบรรลุเป้าหมายระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ประเด็น การพัฒนาที่สำคัญนอกเหนือจากที่ระบุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะยังคงได้รับการเน้นย้ำให้ ความสำคัญและขับเคลื่อนผ่านแผนระดับ 2 อื่น ๆ ที่อยู่ในระนาบเดียวกันโดยแผนระดับที่ 2 ทั้ง 4 แผน จะ เป็นกลไกที่ช่วยถ่ายทอดแนวทางการขับเคลื่อนประเทศในมิติต่าง ๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติใน แผนระดับที่ 3 ซึ่งเป็นแผนเชิงปฏิบัติที่ระบุการดำเนินงานภายใต้แผนงานโครงการที่มีความชัดเจนตามภารกิจ ของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อที่จะสนับสนุนให้แผนระดับที่ 2 และยุทธศาสตร์ชาติให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ บนความสอดคล้องเชื่อมโยงกันของแผนทุกระดับ ดังนั้น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) จึงได้ถูกจัดทำขึ้น ให้เป็นแผนที่มีความชัดเจนในการกำหนดทิศทางและเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่ต้องการมุ่งเน้น โดยเริ่มต้น จากการสังเคราะห์ วิเคราะห์แนวโน้ม พร้อมทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นทั้งภายในประเทศ ภูมิภาค และระดับโลก เพื่อประเมินความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาประเทศภายใต้บริบทเงื่อนไข ข้อจำกัดที่ประเทศไทยต้องเผชิญอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยพิจารณาองค์ประกอบของการ พัฒนาประเทศในมิติด้านต่าง ๆ ที่มีความเชื่อมโยงหรือเป็นองค์ประกอบของประเด็นยุทธศาสตร์ที่ระบุไว้ใน ยุทธศาสตร์ชาติอย่างรอบด้าน ก่อนนำมาสู่การกำหนดจุดเน้นเชิงเป้าหมายที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญ และมุ่งเน้นดำเนินงานให้บรรลุผลในระยะของแผนพัฒนาฯ เพื่อให้ประเทศพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถ บรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติได้อย่างสัมฤทธิ์ผล 1. วัตถุประสงค์และเป้าหมายการพัฒนา แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 มีวัตถุประสงค์เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยสู่ “สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้าง มูลค่าอย่างยั่งยืน” ซึ่งหมายถึง การสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับโครงสร้าง นโยบาย และ กลไก เพื่อมุ่งเสริมสร้างสังคมที่ก้าวทันพลวัตของโลก และเกื้อหนุนให้คนไทยมีโอกาสที่จะพัฒนาตนเองได้อย่าง เต็มศักยภาพ พร้อมกับการยกระดับกิจกรรมการผลิตและการให้บริการให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นโดย อยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และมีเป้าหมายหลักของการพัฒนาจำนวน 5 ประการ ดังนี้ 1.1 การปรับโครงสร้างภาคการผลิตและบริการสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม มุ่งยกระดับขีด ความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการสำคัญ ผ่านการผลักดันส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มโดย ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ ที่ตอบโจทย์พัฒนาการของสังคมยุคใหม่และเป็นมิตรต่อ


11 สิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจท้องถิ่นและผู้ประกอบการรายย่อยกับห่วงโซ่ มูลค่าของภาคการผลิตและบริการเป้าหมาย รวมถึงพัฒนาระบบนิเวศที่ส่งเสริมการค้าการลงทุนและนวัตกรรม 1.2 การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่ มุ่งพัฒนาให้คนไทยมีทักษะและคุณลักษณะที่เหมาะสมกับโลก ยุคใหม่ ทั้งทักษะในด้านความรู้ ทักษะทางพฤติกรรม และคุณลักษณะตามบรรทัดฐานที่ดีของสังคมและเร่งรัด การเตรียมพร้อมกำลังคนให้มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และเอื้อต่อการปรับ โครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ภาคการผลิตและบริการเป้าหมายที่มีศักยภาพและผลิตภาพสูงขึ้น รวมทั้งให้ ความสำคัญกับการสร้างหลักประกันและความคุ้มครองทางสังคมที่สามารถส่งเสริมความมั่นคงในชีวิต 1.3 การมุ่งสู่สังคมแห่งโอกาสและความเป็นธรรม มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมทั้งใน เชิงรายได้ พื้นที่ ความมั่งคั่ง และการแข่งขันของภาคธุรกิจ ด้วยการสนับสนุนช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและ ผู้ด้อยโอกาส ให้มีโอกาสในการเลื่อนสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม กระจายโอกาสทางเศรษฐกิจและจัดให้มี บริการสาธารณะที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมในทุกพื้นที่ พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของภาค ธุรกิจให้เปิดกว้างและเป็นธรรม 1.4 การเปลี่ยนผ่านการผลิตและบริโภคไปสู่ความยั่งยืน มุ่งลดการก่อมลพิษ ควบคู่ไปกับการผลักดัน ให้เกิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับขีดความสามารถในการรองรับของ ระบบนิเวศ ตลอดจนลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลาง ทางคาร์บอนภายในปี 2593 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 1.5 การเสริมสร้างความสามารถของประเทศในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงภายใต้ บริบทโลกใหม่ มุ่งสร้างความพร้อมในการรับมือและแสวงหาโอกาสจากการเป็นสังคมสูงวัย การเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ ภัยโรคระบาด และภัยคุกคามทางไซเบอร์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกลไกทางสถาบันที่เอื้อ ต่อการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างและระบบการบริหารงานของภาครัฐให้สามารถ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีได้อย่างทันเวลา มีประสิทธิภาพ และมีธรรมาภิบาล ตารางที่ 1 แสดงเป้าหมายหลักจำแนกตามตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายในปี 2570 เป้าหมายหลัก ตัวชี้วัด สถานะปัจจุบัน ค่าเป้าหมายในปี ๒๕๗๐ 1.การปรับโครงสร้าง ภ า ค ก า ร ผ ลิ ต แ ล ะ บริการสู่เศรษฐกิจ ฐาน นวัตกรรม รายได้ประชาชาติต่อหัว 7,097 เห รี ย ญ ส ห รั ฐ ต่ อ ปี (227,000 บาท) ในปี2564 9,300 เหรียญสหรัฐต่อปี (300,000 บาท) 2.ก า ร พั ฒ น า ค น สำหรับโลกยุคใหม่ ดัชนี ค วาม ก้าวห น้ าของค น (ประกอบด้วยตัวชี้วัดใน 8 ด้าน ได้แก่ สุขภาพ การศึกษา ชีวิต การงาน รายได้ที่อยู่อาศัยและ สภาพแวดล้อม ชีวิตครอบครัว และชุมชน การคมนาคมและ การสื่อสาร และการมีส่วนร่วม) 0.6501 (ความก้าวหน้าของคน อยู่ ในระดับปานกลาง) ในปี 2563 0.7209 (ความก้าวหน้าของ คน อยู่ในระดับสูง)


12 3.การมุ่งสู่สังคมแห่ง โอกาสและความ เป็น ธรรม ความแตกต่างของความเป็นอยู่ (รายจ่าย) ระหว่างกลุ่มประชากร ที่ มีฐานะทางเศรษฐกิจสูงสุด ร้อยละ 10 และต่ำสุดร้อยละ 40 5.68 เท่า ในปี 2563 ต่ำกว่า 5 เท่า 4.การเปลี่ยนผ่าน การ ผลิตและบริโภค ไปสู่ ความยั่งยืน ปริมาณการปล่อย ก๊าซเรือน กระจก ในปี 2562 การปล่อย ก๊าซเรือน กระจก ในภาคพลังงานและ ขนส่ง ลดลงร้อยละ 17 เมื่อ เทียบกับ ปริมาณการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก ในกรณีปกติ การปล่อย ก๊าซเรือนกระจก โดยรวม (ครอบคลุม ภาค พลังงาน/คมนาคม และ ขนส่ง/กระบวนการ ทาง อุตสาหกรรม/ การจัดการ ของเสีย) ลดลงไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับ ปริมาณ การปล่อยก๊าซ เรือน กระจกในกรณีปกติ 5.ก า ร เ ส ริ ม ส ร้า ง ค ว า ม ส า ม า ร ถ ข อ ง ประเทศในการ รับมือ กับการ เปลี่ยนแปลง และ ความเสี่ยงภายใต้ บริบทโลกใหม่ ดัชนีรวมสะท้อนความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ประกอบด้วย 4 ตัวชี้วัดย่อย ได้แก่ 1) ขี ด ค ว า ม ส า ม าร ถ ข อ ง ก าร ป ฏิ บั ติ ต าม ก ฎ อ น ามั ย ระหว่างประเทศและการเตรียม ความพร้อมฉุกเฉินด้านสุขภาพ ร้อยละ 85 ในปี 2563 ร้อยละ 90 โดยสมรรถนะ หลัก แต่ละด้านไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 80 2) อั น ดั บ ค ว า ม เสี่ ย งด้ า น ภูมิอากาศ อันดับเฉลี่ย 5 ปี (2558-2562) เท่ากับ 36.8 อันดับเฉลี่ย 5 ปี(2566- 2570) ไม่น้อยกว่า 401 3) อันดับความสามารถ ในการ แข่งขันด้านดิจิทัล อันดับที่ 38 ในปี 2564 อันดับที่ ๓๐ 4) อันดับประสิท ธิภาพ ของ รัฐบาล อันดับที่ 20 ในปี 2564 อันดับที่ 15 1 ตัวเลขอันดับที่น้อย แสดงถึง ระดับผลกระทบจากสภาพอากาศที่สูง ทั้งนี้ ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายของแต่ละเป้าหมายหลัก เป็นตัวชี้วัดร่วมที่ต้องการอาศัยการดำเนินงาน จากหลายหมุดหมายการพัฒนาประกอบกัน และใช้ในการวัดผลสัมฤทธิ์ของแผนในภาพรวม 2. หมุดหมายการพัฒนา แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๓ ได้กำหนดหมุดหมายการพัฒนา จำนวน 13 หมุดหมาย ซึ่งเป็นการบ่งบอก ถึงสิ่งที่ประเทศไทยปรารถนาจะ “เป็น” หรือมุ่งหวังจะ “มี” เพื่อสะท้อนประเด็นการพัฒนาที่มีลำดับ ความสำคัญสูงต่อการพลิกโฉมประเทศไทยสู่ “สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน” โดยหมุดหมาย ทั้ง 13 ประการ แบ่งออกได้เป็น 4 มิติ ดังนี้ 1. มิติภาคการผลิตและบริการเป้าหมาย หมุดหมายที่ 1 ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 2 ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน หมุดหมายที่ 3 ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก หมุดหมายที่ 4 ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 5 ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค


13 หมุดหมายที่ 6 ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและอุตสาหกรรมดิจิทัลของ อาเซียน 2. มิติโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม หมุดหมายที่ 7 ไทยมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขัน ได้ หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน หมุดหมายที่ 9 ไทยมีความยากจนข้ามรุ่นลดลง และมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอเหมาะสม 3. มิติความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมุดหมายที่ 10 ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ หมุดหมายที่ 11 ไทยสามารถลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ 4. มิติปัจจัยผลักดันการพลิกโฉมประเทศ หมุดหมายที่ 12 ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่ง อนาคต หมุดหมายที่ 13 ไทยมีภาครัฐที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชน การพัฒนาที่กำหนดขึ้นเป็นประเด็นที่มีลักษณะเชิงบูรณาการที่ครอบคลุมการพัฒนาตั้งแต่ในระดับ ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำและสามารถนำไปสู่ผลพัฒนาทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน ทำให้หมุดหมายแต่ละประการสามารถสนับสนุนเป้าหมายหลักได้มากกว่าหนึ่งข้อ นอกจากนี้การพัฒนาภายใต้แต่ละหมุดหมายไม่ได้แยกขาดจากกัน แต่มีการสนับสนุนหรือเอื้อประโยชน์ซึ่งกัน และกัน (สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 2565. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570). 3. นโยบายรัฐบาล (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 รวม 12 นโยบายหลัก และ 12 นโยบายเร่งด่วน ซึ่งภารกิจสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการมีส่วน เกี่ยวข้อง รวม 10 นโยบายหลัก 5 นโยบายเร่งด่วน ดังนี้ 10 นโยบายหลัก นโยบายหลัก ที่ 1 การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ นโยบายหลัก ที่ 2 การสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ และความสงบสุขของ ประเทศ นโยบายหลักที่ 3 การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม (3.2 ปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดี ทั้งด้านคุณธรรม จริยธรรม กตัญญู ความซื่อสัตย์ การมีวินัย เคารพกฎหมาย มีจิตสาธารณะและการมีส่วนร่วม ทำประโยชน์ให้ประเทศและการเป็นพลเมืองดี) นโยบายหลักที่ 4 การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก (4.2 สร้างความเป็นปึกแผ่นของอาเซียน) นโยบายหลักที่ 6 การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค (6.1 ส่งเสริมพื้นที่ เศรษฐกิจพิเศษเพื่อเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเอเชีย 6.2 ส่งเสริมและเร่งรัดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ ทั่วประเทศ)


14 นโยบายหลักที่ 8 การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย (8.1 ส่งเสริมการพัฒนาเด็กปฐมวัย 8.2 พัฒนาบัณฑิตพันธุ์ใหม่ 8.5 วิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การพัฒนา ประเทศ 8.6 ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทุกช่วงวัย 8.7 จัดทำระบบปริญญาชุมชนและการจัดอบรม หลักสูตรระยะสั้น) นโยบายหลักที่ 9 การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม (9.4 สร้างหลักประกันทาง สังคม) นโยบายหลักที่ 10 การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่าง ยั่งยืน นโยบายหลักที่ 11 การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ นโยบายหลักที่ 12 การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และกระบวนการ ยุติธรรม 6 นโยบายเร่งด่วนที่ นโยบายเร่งด่วนที่ 6 การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต นโยบายเร่งด่วนที่ 7 การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 นโยบายเร่งด่วนที่ 8 การแก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ นโยบายเร่งด่วนที่ 9 การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ นโยบายเร่งด่วนที่ 10 การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน (สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. 2565. แผนปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566. นโยบาย รัฐบาล) 4. นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 หลักการตามนโยบาย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กระทรวงศึกษาธิการมุ่งมั่นดำเนินการภารกิจหลักตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนทุกแผนย่อยในประเด็น 12 การพัฒนาการเรียนรู้ และ แผนย่อยที่ 3 ในประเด็น 11 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต รวมทั้งแผนการปฏิรูปประเทศด้าน การศึกษา (ฉบับปรับปรุง) และนโยบายรัฐบาลทั้งในส่วนนโยบายหลักด้านการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ และ การพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย และนโยบายเร่งด่วน เรื่อง การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 และ พหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่าง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) โดยเฉพาะหมุดหมายที่ 12 ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 รวมทั้งนโยบายและแผนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียน ทุกช่วงวัยจะได้รับการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งในด้านโอกาส ความเท่าเทียม ความเสมอภาค ความปลอดภัย และมี สมรรถนะที่สำคัญจำเป็นในศตวรรษที่ 21 และมีความพร้อมร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่ง คั่งและยั่งยืน ดังนั้น ในการเร่งรัดการทำงานภาพรวมกระทรวงให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นความ ไว้วางใจให้กับสังคมและผลักดันให้การจัดการศึกษามีคุณภาพและประสิทธิภาพในทุกมิติ กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้กำหนดหลักการสำคัญในการประกาศนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไว้ดังนี้


15 1. สร้างความเชื่อมั่น ไว้วางใจให้กับสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เรียนและประชาชน โดยให้ทุก หน่วยงานนำรูปแบบการทำงานโดยบูรณาการการทำงานร่วมกัน และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส ความ รับผิดชอบ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 2. สนับสนุนให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนดำเนินการตามภารกิจด้วยความรับผิดชอบ ต่อตนเอง องค์กร ประชาชนและประเทศชาติ โดยให้ความสำคัญกับการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ผ่านกลไกการรับ ฟังความคิดเห็นมาประกอบการดำเนินงานที่เป็นประโยชน์ต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษา 3. ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ประกาศและแถลงนโยบายไว้แล้ว เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เพื่อมุ่งเน้นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภาคการศึกษาที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ ผู้เรียนและประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ นโยบายและจุดเน้นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 1. การจัดการศึกษาเพื่อความปลอดภัย 2. การยกระดับคุณภาพการศึกษา 3. การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาทุกช่วงวัย 4. การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 5. การส่งเสริมสนับสนุนวิชาชีพครู บุคลากรทางการศึกษา และบุคลากรสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 6. การพัฒนาระบบราชการ และการบริการภาครัฐยุคดิจิทัล 7. การขับเคลื่อนกฎหมายการศึกษาและแผนการศึกษาแห่งชาติ 1. การจัดการศึกษาเพื่อความปลอดภัย 1.1 เร่งสร้างความปลอดภัยในสถานศึกษาเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของสังคม และป้องกันจากภัยคุกคามใน ชีวิตรูปแบบใหม่ และภัยอื่นๆ โดยมีการดำเนินการตามแผนและมาตรการด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้เรียน ครู และบุคลากรในรูปแบบต่างๆ อย่างเข้มข้น รวมทั้งดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ติดตามประเมินผลการ ดำเนินการ และแสวงหาสถานศึกษาที่ดำเนินการได้ดีเยี่ยม (Best Practice) เพื่อปรับปรุง พัฒนาและขยายผล ต่อไป 1.2 เร่งปลูกฝังทัศนคติ พฤติกรรม และองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง โดยบูรณาการอยู่ในกระบวนการจัดการ เรียนรู้ เพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้และสร้างภูมิคุ้มกันควบคู่กับการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในเชิงบวกและ สร้างสรรค์ พร้อมทั้งหาแนวทางวิธีการปกป้องคุ้มครองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน ครูและบุคลากร ทางการศึกษา 1.3 เสริมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ความตระหนัก และส่งเสริมคุณลักษณะและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 1.4 เร่งพัฒนาบทบาทและภารกิจของหน่วยงานด้านความปลอดภัยที่มีอยู่ในทุกหน่วยงาน ในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการให้ดำเนินการอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ 2. การยกระดับคุณภาพการศึกษา 2.1 ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษานำหลักสูตรฐานสมรรถนะไปสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อ สร้างสมรรถนะที่สำคัญจำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ให้กับผู้เรียน 2.2 จัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้ค้นพบพรสวรรค์ ความสนใจ ความถนัดในอาชีพของตนเอง ด้วยการ เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) ทั้งในห้องเรียน สถานประกอบการ รวมทั้งการเรียนรู้ ผ่าน แพลตฟอร์มและห้องดิจิทัลให้คำปรึกษาแนะนำ


16 2.3 พัฒนาและบูรณาการกระบวนการจัดการเรียนรู้และการวัดประเมินผลฐานสมรรถนะสู่การปฏิบัติใน ชั้นเรียน เพื่อสร้างความฉลาดรู้ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สร้างตรรกะความคิดแบบเป็นเหตุ เป็นผลให้นักเรียนไทยสามารถแข่งขันได้กับนานาชาติ 2.4 พัฒนาทักษะดิจิทัลและภาษาคอมพิวเตอร์ (Coding) สำหรับผู้เรียนทุกช่วงวัย เพื่อรองรับการ เปลี่ยนแปลงสู่สังคมดิจิทัลในโลกยุคใหม่ 2.5 พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและศีลธรรมให้มีความทันสมัย น่าสนใจ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น และการเสริมสร้างวิถี ชีวิตของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง 2.6 จัดการเรียนรู้ตามความสนใจรายบุคคลของผู้เรียนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มที่หลากหลายและ แพลตฟอร์มการเรียนรู้อัจฉริยะที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อการสอนคุณภาพสูง รวมทั้งมีการประเมินและพัฒนาผู้เรียน 2.7 ส่งเสริมการให้ความรู้และทักษะด้านการเงินและการออม (Financial Literacy) ให้กับผู้เรียน โดย บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารออมสิน สหกรณ์ ฯลฯ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ โครงการ และกิจกรรมต่าง ๆ และการเผยแพร่สื่อแอนิเมชันรอบรู้เรื่องเงิน รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเชิงพาณิชย์เพื่อให้เกิดผลตอบแทน ที่สูงขึ้น 2.8 ปรับโฉมศูนย์วิทยาศาสตร์และศูนย์การเรียนรู้ ให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย สวยงาม ร่มรื่น จูงใจ ให้เข้า ไปใช้บริการ โดยมีมุมค้นหาความรู้ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย มุมจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ของผู้เรียน หรือกลุ่มผู้เรียน และการร่วมกิจกรรมกับครอบครัว หรือจัดเป็นฐานการเรียนรู้ด้านต่างๆ ที่ผู้เรียนและ ประชาชนสามารถมาลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม และได้รับเอกสารรับรองการเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อนำไปใช้ ประโยชน์ในส่วนที่เกี่ยวข้องหรือสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Credit Bank) ได้ รวมทั้งมีบริเวณพักผ่อนที่มีบริการ ลักษณะบ้านสวนกาแฟเพื่อการเรียนรู้ เป็นต้น 2.9 ส่งเสริมสนับสนุนสถานศึกษาให้มีการนำผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติไปใช้ในการวาง แผนการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน 2.10 พัฒนาระบบการประเมินคุณภาพสถานศึกษาที่เน้นสมรรถนะและผลลัพธ์ที่ตัวผู้เรียน 3. การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาทุกช่วงวัย 3.1 พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศของนักเรียนเป็นรายบุคคล เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการส่งต่อไปยัง สถานศึกษาในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะระดับการศึกษาภาคบังคับ เพื่อป้องกันเด็กตกหล่นและเด็กออกกลางคัน 3.2 ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กปฐมวัยที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปทุกคน เข้าสู่ระบบการศึกษา เพื่อรับการ พัฒนาอย่างรอบด้าน มีคุณภาพ ตามศักยภาพ ตามวัยและต่อเนื่องอย่างเป็นระบบ โดยบูรณาการร่วมงานกับ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3.3 พัฒนาข้อมูลและทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายพิเศษ และกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งกลุ่ม NEETs ในการเข้าถึงการศึกษา การเรียนรู้ และการฝึกอาชีพ อย่างเท่าเทียม 3.4 พัฒนาระบบสนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว (Home School) และการเรียนรู้ ที่บ้านเป็นหลัก (Home–based Learning) 4. การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน


17 4.1 พัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษา และหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น แบบโมดูล (Modular System) มีการบูร ณาการวิชาสามัญและวิชาชีพในชุดวิชาชีพเดียวกัน เชื่อมโยงการจัดการอาชีวศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบและ ระบบทวิภาคี รวมทั้งการจัดการเรียนรู้แบบต่อเนื่อง (Block Course) เพื่อสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Credit Bank) ร่วมมือกับสถานประกอบการในการจัดการอาชีวศึกษาอย่างเข้มข้นเพื่อการมีงานทำ 4.2 ขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนากำลังคนตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และยกระดับสมรรถนะกำลังคน ตามกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน และมาตรฐานสากล รวมทั้งขับเคลื่อนความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) โดยความร่วมมือกับภาคเอกชนและสถานประกอบการในการผลิตกำลังคนที่ตอบโจทย์ การพัฒนาประเทศ 4.3 พัฒนาสมรรถนะอาชีพที่สอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ โดยการ Re-skill Up-skill และ New skill เพื่อให้ทุกกลุ่มเป้าหมายมีการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น พร้อมทั้งสร้างช่องทางอาชีพในรูปแบบหลากหลายให้ ครอบคลุมผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งผู้สูงอายุ โดยมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง 4.4 ส่งเสริมการพัฒนาแบบทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ตามสมรรถนะที่ จำเป็นในการเข้าสู่อาชีพ และการนำผลการทดสอบไปใช้คัดเลือกเข้าทำงาน ศึกษาต่อ ขอรับประกาศนียบัตร มาตรฐานสมรรถนะการใช้ดิจิทัล (Digital Literacy) การขอรับวุฒิบัตรสมรรถนะภาษาอังกฤษ (English Competency) 4.5 จัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาการจัดตั้งธุรกิจ (ศูนย์Start up) ภายใต้ศูนย์พัฒนาอาชีพและการเป็น ผู้ประกอบการ และพัฒนาศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา เพื่อการส่งเสริม และพัฒนาผู้ประกอบการ ด้านอาชีพทั้งผู้เรียนอาชีวศึกษาและประชาชนทั่วไป โดยเชื่อมโยงกับ กศน. และสถานประกอบการ ทั้งภาครัฐ และเอกชนที่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพในวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ 4.6 เพิ่มบทบาทการอาชีวศึกษาในการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการและกำลังแรงงานในภาคเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรอัจฉริยะ (Smart Farmer) และกลุ่มยุวเกษตรกรอัจฉริยะ (Young Smart Farmer) ที่สามารถรองรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ 4.7 ส่งเสริม และสนับสนุนการผลิตและพัฒนากำลังคนทุกช่วงวัยเพื่อการมีงานทำ โดยบูรณาการความ ร่วมมือในการจัดการศึกษาร่วมกับหน่วยงาน องค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ สถาบันสังคมอื่น 4.8 พัฒนาหลักสูตรอาชีพสำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้อยู่นอกระบบโรงเรียนและประชาชนที่สอดคล้อง มาตรฐานอาชีพ เพื่อการเข้าสู่การรับรองสมรรถนะและได้รับคุณวุฒิวิชาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติรวมทั้ง สามารถนำผลการเรียนรู้และมวลประสบการณ์เทียบโอนเข้าสู่การสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Credit Bank) ได้ 5. การส่งเสริมสนับสนุนวิชาชีพครู บุคลากรทางการศึกษา และบุคลากรสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 5.1 ส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินการตามหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะแนวใหม่ Performance Appraisal (PA) โดยใช้ระบบการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ระบบ Digital Performance Appraisal (DPA) 5.2 ส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินการ พัฒนาสมรรถนะทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลตามกรอบระดับ สมรรถนะดิจิทัล (Digital Competency) สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับอาชีวศึกษา


18 5.3 พัฒนาครูให้มีความพร้อมด้านวิชาการและทักษะการจัดการเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้งให้เป็นผู้วางแผนเส้นทางการเรียนรู้ การประกอบอาชีพ และการดำเนิน ชีวิตของผู้เรียนได้ตามความสนใจและความถนัดของแต่ละบุคคล 5.4 พัฒนาขีดความสามารถของข้าราชการพลเรือนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีสมรรถนะที่ สอดคล้องและเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต 5.5 เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ ควบคู่กับการให้ ความรู้ด้านการวางแผนและการสร้างวินัยด้านการเงินและการออม 6. การพัฒนาระบบราชการ และการบริการภาครัฐยุคดิจิทัล 6.1 ขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการ 4.0 ด้วยนวัตกรรม และการนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาเป็นกลไก หลัก ในการดำเนินงาน (Digitalize Process) การเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูล (Sharing Data) การส่งเสริม ความร่วมมือ บูรณาการกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก 6.2 ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศให้สามารถใช้งานเครือข่ายสื่อสารข้อมูล เชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับระบบราชการ 4.0 สามารถตอบสนองความ ต้องการของประชาชนได้ในทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกอุปกรณ์และทุกช่องทาง 6.3 ปรับปรุงระบบการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษา โดยยึดหลักความจำเป็นและใช้ พื้นที่เป็นฐาน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเป็นสำคัญ 6.4 นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในระบบการคัดเลือกข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในตำแหน่ง และสายงานต่าง ๆ 6.5 ส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานของส่วนราชการให้เป็นไปตามกลไกการประเมินคุณธรรมและความ โปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ 7. การขับเคลื่อนกฎหมายการศึกษาและแผนการศึกษาแห่งชาติ เร่งรัดการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการศึกษาแห่งชาติเพื่อรองรับพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติควบคู่กับการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ 1. ให้ส่วนราชการ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ นำนโยบายและจุดเน้นของ กระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ข้างต้น เป็นกรอบแนวทางในการจัดการศึกษา โดย ดำเนินการจัดทำแผนและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 2. ให้มีคณะกรรมการติดตาม ประเมินผล และรายงานการขับเคลื่อนนโยบายการจัดการศึกษาของ กระทรวงศึกษาธิการ สู่การปฏิบัติระดับพื้นที่ ทำหน้าที่ตรวจราชการ ติดตาม ประเมินผลในระดับนโยบาย และ จัดทำรายงานเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบและ ประเมินผลการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ทราบตามลำดับ 3. กรณีมีปัญหาในเชิงพื้นที่หรือข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน ให้ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลและดำเนินการ แก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ก่อน โดยใช้ภาคีเครือข่ายในการแก้ไขข้อขัดข้อง พร้อมทั้งรายงานต่อคณะกรรมการ ติดตามฯ ตามข้อ 2 ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตามลำดับ 4. สำหรับภารกิจของส่วนราชการหลักและหน่วยงานที่ปฏิบัติในลักษณะงานในเชิงห น้าที่ (Function) งานในเชิงยุทธศาสตร์ (Agenda) และงานในเชิงพื้นที่ (Area) ซึ่งได้ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว หากมี ความสอดคล้องกับหลักการนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566


19 ข้างต้น ให้ถือเป็นหน้าที่ของส่วนราชการหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งรัด กำกับ ติดตาม ตรวจสอบให้ การดำเนินการเกิดผลสำเร็จ และมีประสิทธิภาพอย่างเป็นรูปธรรม (กระทรวงศึกษาธิการ. 2565. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2564) 5. แผนการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2560 – 2579 แนวคิดการจัดการศึกษา (Conceptual Design) ตามแผนการศึกษาแห่งชาติยึดหลักสำคัญในการ จัดการศึกษา ประกอบด้วย หลักการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for All) หลักการจัดการศึกษาเพื่อ ความเท่าเทียมและทั่วถึง (Inclusive Education) หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) และหลักการมีสวนรวมของทุกภาคสวนของสังคม (All for Education) อีกทั้งยึดตามเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs 2030) ประเด็นภายในประเทศ (Local Issues) อาทิคุณภาพของคนทุกช่วงวัย การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของประเทศ ความเหลื่อมล้ำของ การกระจายรายได้และวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม โดยนำยุทธศาสตร์ชาติ (National Strategy) มาเป็นกรอบ ความคิดสำคัญในการจัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ วิสัยทัศน์(Vision) ดังนี้ “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21” วัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา 4 ประการ คือ 1) เพื่อพัฒนาระบบและกระบวนการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ 2) เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นพลเมืองดี มีคุณลักษณะทักษะและสมรรถนะที่สอดคล้องกับบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ชาติ 3) เพื่อพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และคุณธรรม จริยธรรม รู้รักสามัคคี และร่วมมือ ผนึกกำลังมุ่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ 4) เพื่อนำประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และความเหลื่อมล้ำ ภายในประเทศลดลง เป้าหมาย มี 2 ด้าน คือ เป้าหมายด้านผู้เรียน (Learner Aspirations) โดยมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีคุณลักษณะและ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (3Rs8Cs) ประกอบด้วย ทักษะและคุณลักษณะต่อไปนี้ 3Rs ได้แก่การอ่านออก (Reading) การเขียนได้(Writing) และการคิดเลขเป็น (Arithmetics) 8Cs ได้แก่ ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity andInnovation) ทักษะด้าน ความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross – cultural Understanding) ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และการรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information and Media Literacy) ทักษะด้าน คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และ


20 ทักษะการเรียนรู้(Career and Learning Skills) และความมีเมตตา กรุณา มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม (Compassion) เป้าหมายของการจัดการศึกษา (Aspirations) 5 ประการ ซึ่งมีตัวชี้วัดเพื่อการบรรลุเป้าหมาย 53 ตัวชี้วัด ประกอบด้วย เป้าหมายและตัวชี้วัดที่สำคัญ ดังนี้ 1) ประชากรทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานอย่างทั่วถึง (Access) มีตัวชี้วัดที่ สำคัญ เช่น ประชากรกลุ่มอายุ 6 - 14 ปีทุกคนได้เข้าเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นหรือ เทียบเท่าที่รัฐต้องจัดให้ฟรีโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ผู้เรียนพิการได้รับการพัฒนาสมรรถภาพหรือบริการทาง การศึกษาที่เหมาะสมทุกคน และประชากรวัยแรงงานมีการศึกษาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เป็นต้น 2) ผู้เรียนทุกคน ทุกกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานอย่างเท่าเทียม (Equity) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคนได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายใน การศึกษา 15 ปีเป็นต้น 3) ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุขีดความสามารถเต็มตามศักยภาพ (Quality) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น นักเรียนมีคะแนนผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) แต่ละวิชาผ่านเกณฑ์คะแนนร้อยละ 50 ขึ้นไปเพิ่มขึ้น และคะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบโครงการประเมินผล นักเรียนร่วมกับนานาชาติ (Programme for International Student Assessment: PISA) ของนักเรียน อายุ15 ปีสูงขึ้น เป็นต้น 4) ระบบการบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการลงทุนทางการศึกษาที่คุ้มค่าและบรรลุ เป้าหมาย (Efficiency) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ร้อยละของสถานศึกษาขนาดเล็กที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน คุณภาพภายนอกลดลง มีระบบการบริหารงานบุคคล ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและ เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน รวมทั้งมีกลไกส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการจัดการศึกษา เป็น ต้น 5) ระบบการศึกษาที่สนองตอบและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นพลวัตและบริบทที่ เปลี่ยนแปลง (Relevancy) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น อันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้าน การศึกษาดีขึ้น สัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผู้เรียนสามัญศึกษา และจำนวนสถาบันอุดมศึกษาที่ ติดอันดับ 200 อันดับแรกของโลกเพิ่มขึ้น เป็นต้น เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์จุดมุ่งหมาย และเป้าหมายดังกล่าวข้างต้น แผนการศึกษาแห่งชาติ จึงได้ กำหนดช่วงเวลาในการดำเนินการในแต่ละเป้าหมายและตัวชี้วัด เป็น 5 ช่วง ดังนี้ ระยะเร่งด่วน ระยะ 5 ปีแรก ของแผน ระยะ 5 ปีที่สองของแผน ระยะ 5 ปีที่สามของแผน และระยะ 5 ปีสุดท้ายของแผน ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการศึกษาภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ มีเป้าหมาย ดังนี้ 1.1 คนทุกช่วงวัยมีความรักในสถาบันหลักของชาติ และยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น การจัดกิจกรรมของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่ ส่งเสริมการเรียนรู้ที่สะท้อนความรักและการธำรงรักษาสถาบันหลักของชาติและการยึดมั่นในการปกครอง


21 ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขการจัดการเรียนการสอน/กิจกรรม เพื่อเสริมสร้าง ความเป็นพลเมือง (Civic Education) และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม เป็นต้น 2.2 คนทุกช่วงวัยในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่พิเศษได้รับ การศึกษาและเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น นักเรียนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัด ชายแดนภาคใต้และพื้นที่พิเศษมีคะแนนผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) แต่ละวิชา ผ่านเกณฑ์คะแนนร้อยละ 50 ขึ้นไปเพิ่มขึ้น สถานศึกษาจัดการศึกษาสำหรับกลุ่มชนต่างเชื้อชาติศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม กลุ่มชนชายขอบ และแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้น และสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษที่จัดอยู่ในมาตรการ จูงใจ มีระบบเงินเดือนค่าตอบแทนที่สูงกว่าระบบปกติเพิ่มขึ้น เป็นต้น 2.3 คนทุกช่วงวัยได้รับการศึกษา การดูแลและป้องกันจากภัยคุกคามในชีวิตรูปแบบใหม่ มี ตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น สถานศึกษาที่จัดกระบวนการเรียนรู้และปลูกฝังแนวทางการจัดการความขัดแย้งโดย แนวทางสันติวิธีเพิ่มขึ้น มีการจัดการเรียนการสอน/กิจกรรม เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ ภัยคุกคามในรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้น มีระบบ กลไก และมาตรการที่เข้มแข็งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัย คุกคามในรูปแบบใหม่ และผู้เรียนในสถานศึกษาที่มีคดีทะเลาะวิวาทลดลง เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ พัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบัน หลักของชาติและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยกระดับคุณภาพและ ส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่พิเศษ ทั้งที่ เป็นพื้นที่สูง พื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดนและพื้นที่เกาะแก่ง ชายฝั่งทะเล ทั้งกลุ่มชนต่างเชื้อชาติศาสนา และ วัฒนธรรม กลุ่มชนชายขอบและแรงงานต่างด้าว พัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อการจัดระบบการดูแลและป้องกัน ภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ อาทิ อาชญากรรมและความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ยาเสพติด ภัยพิบัติจาก ธรรมชาติ ภัยจากโรคอุบัติใหม่ ภัยจากไซเบอร์ เป็นต้น และมีแผนงานและโครงการสำคัญ เช่น โครงการ ยกระดับคุณภาพการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่พิเศษเป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การผลิตและพัฒนากำลังคน การวิจัย และนวัตกรรรม เพื่อสร้างขีด ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ มีเป้าหมาย ดังนี้ 2.1 กำลังคนมีทักษะที่สำคัญจำเป็นและมีสมรรถนะตรงตามความต้องการของตลาดงานและการ พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มีฐานข้อมูลความต้องการกำลังคน (Demand) จำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน สัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผู้เรียนสามัญศึกษา และสัดส่วนผู้เรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผู้เรียนสังคมศาสตร์กำลัง แรงงานในสาขาอาชีพต่าง ๆ ที่ได้รับการยกระดับคุณวุฒิวิชาชีพเพิ่มขึ้น เป็นต้น 2.2 สถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่จัดการศึกษาผลิตบัณฑิตที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นเลิศ เฉพาะด้าน มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น สัดส่วนการผลิตกำลังคนระดับกลางและระดับสูง จำแนกตามระดับ/ ประเภทการศึกษา ในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดงานและการพัฒนาประเทศเพิ่มขึ้น ร้อย ละของสถาบันการศึกษาจัดการศึกษารูปแบบทวิภาคี/สหกิจศึกษา/หลักสูตรโรงเรียนในโรงงานตามมาตรฐานที่ กำหนดเพิ่มขึ้น จำนวนหลักสูตรของสถานศึกษาที่จัดการศึกษาทวิวุฒิ(Dual Degree) เพิ่มขึ้น จำนวนสถาบัน


22 อาชีวศึกษาและอุดมศึกษาที่จัดหลักสูตรสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้น และมีภาคีเครือข่ายความร่วมมือ ระหว่างรัฐ เอกชน สถานประกอบการ สมาคมวิชาชีพและหน่วยงานที่จัดการศึกษาเพิ่มขึ้น เป็นต้น 2.3 การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างองค์ความรู้ และนวัตกรรมที่สร้างผลผลิตและมูลค่าเพิ่มทาง เศรษฐกิจ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น สัดส่วนเงินลงทุนวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชนเมื่อเทียบกับภาครัฐเพิ่มขึ้น สัดส่วนค่าใช้จ่ายการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของ ประเทศเพิ่มขึ้น โครงการ/งานวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้/นวัตกรรมที่นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ เพิ่มขึ้น บุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาต่อประชากร ๑๐,๐๐๐ คน เพิ่มขึ้น นวัตกรรม/สิ่งประดิษฐ์ ที่ได้จด สิทธิบัตรและทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มขึ้น และผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในระดับนานาชาติเพิ่มขึ้น เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ ผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะในสาขาที่ตรงตามความ ต้องการของตลาดงานและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ส่งเสริมการผลิตและพัฒนากำลังคนที่มี ความเชี่ยวชาญและเป็นเลิศเฉพาะด้าน ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมที่สร้าง ผลผลิตและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และมีแผนงานและโครงการสำคัญ เช่น โครงการจัดทำแผนผลิตและ พัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของตลาดงานในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้มี เป้าหมาย ดังนี้ 3.1 ผู้เรียนมีทักษะและคุณลักษณะพื้นฐานของพลเมืองไทย และทักษะและคุณลักษณะที่จำเป็น ในศตวรรษที่ 21 มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ผู้เรียนที่มีคุณลักษณะและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพิ่มขึ้น ผู้เรียนทุกระดับการศึกษามีพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความมีวินัย และมีจิตสาธารณะเพิ่มขึ้น สถานศึกษาระดับ มัธยมศึกษาตอนต้นหรือเทียบเท่าขึ้นไปที่จัดกิจกรรมสะท้อนการสร้างวินัย จิตสาธารณะ และคุณลักษณะที่พึง ประสงค์เพิ่มขึ้น เป็นต้น 3.2 คนทุกช่วงวัยมีทักษะ ความรู้ความสามารถ และสมรรถนะตามมาตรฐานการศึกษาและ มาตรฐานวิชาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ตามศักยภาพ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น เด็กแรกเกิด – 5 ปีมี พัฒนาการสมวัยเพิ่มขึ้น นักเรียนมีคะแนนผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) แต่ละ วิชาผ่านเกณฑ์คะแนนร้อยละ 50 ขึ้นไปเพิ่มขึ้น ผู้สูงวัยที่ได้รับบริการการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพและ ทักษะชีวิตเพิ่มขึ้น และมีสาขาและวิชาชีพที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงวัยได้รับการส่งเสริมให้ทำงานและถ่ายทอด ความรู้/ประสบการณ์เพิ่มขึ้น เป็นต้น 3.3 สถานศึกษาทุกระดับการศึกษาสามารถจัดกิจกรรม/กระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรอย่างมี คุณภาพและมาตรฐาน มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ศูนย์เด็กเล็ก/สถานศึกษาระดับก่อนประถมศึกษาที่จัดกิจกรรม การเรียนรู้ได้คุณภาพและมาตรฐานเพิ่มขึ้น สถานศึกษา/สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับ หลักสูตรปฐมวัย และสมรรถนะของเด็กที่เชื่อมโยงกับมาตรฐานคุณภาพเด็กปฐมวัยของอาเซียนเพิ่มขึ้น สถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะและ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพิ่มขึ้น และสถาบันการศึกษาในระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาที่จัด การศึกษาตามหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 เพิ่มขึ้น เป็นต้น


23 3.4 แหล่งเรียนรู้ สื่อตำราเรียน นวัตกรรม และสื่อการเรียนรู้มีคุณภาพและมาตรฐาน และ ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น แหล่งเรียนรู้ที่ได้รับการ พัฒนาให้สามารถจัดการศึกษา/จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น สื่อสารมวลชนที่เผยแพร่ หรือจัดรายการเพื่อการศึกษาเพิ่มขึ้น สื่อตำราเรียน และสื่อการเรียนรู้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพจาก หน่วยงานที่รับผิดชอบ และได้รับการพัฒนา โดยการมีส่วนร่วมจากภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น เป็นต้น 3.5 ระบบและกลไกการวัด การติดตาม และประเมินผลมีประสิทธิภาพ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มี ระบบและกลไกการทดสอบ การวัดและประเมินความรู้ทักษะ และสมรรถนะของผู้เรียนทุกระดับการศึกษา และทุกกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ มีระบบติดตามประชากรวัยเรียนที่ขาดโอกาสหรือไม่ได้รับการศึกษา และผู้เรียนที่มีแนวโน้มจะออกกลางคัน เป็นต้น 3.6 ระบบการผลิตครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ได้มาตรฐานระดับสากล มีตัวชี้วัดที่ สำคัญ เช่น มีฐานข้อมูลความต้องการใช้ครูแผนการผลิตครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาในระยะ 10 ปี (พ.ศ. 2560 – 2569) จำแนกตามสาขาวิชา ขนาดสถานศึกษา และจังหวัด สัดส่วนของการบรรจุครูที่มาจาก การผลิตครูในระบบปิดเพิ่มขึ้น มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่เอื้อให้ผู้สำเร็จการศึกษาจากสาขาวิชาอื่นและพัฒนา เพิ่มเติมเพื่อเข้าสู่วิชาชีพครูเป็นต้น 3.7 ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการพัฒนาสมรรถนะตามมาตรฐาน มีตัวชี้วัดที่ สำคัญ เช่น ครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษาได้รับการพัฒนาตาม มาตรฐานวิชาชีพ และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับความ ต้องการและยุทธศาสตร์ของหน่วยงานเพิ่มขึ้น และระดับความพึงพอใจของครูอาจารย์และบุคลากรทางการ ศึกษาที่มีต่อการพัฒนาและการใช้ประโยชน์จากการพัฒนาเพิ่มขึ้น เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้สื่อตำราเรียนและสื่อการเรียนรู้ ต่าง ๆ ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ สร้าง เสริมและปรับเปลี่ยนค่านิยมของคนไทยให้มีวินัย จิตสาธารณะและพฤติกรรมที่พึงประสงค์และพัฒนาระบบ และกลไกการติดตาม การวัด และประเมินผลผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพ และมีแผนงานและโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ 4 : การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา มีเป้าหมาย ดังนี้ 4.1 ผู้เรียนทุกคนได้รับโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ มีตัวชี้วัดที่ สำคัญ เช่น ดัชนีความเสมอภาคของอัตราการเข้าเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานตามฐานะทางเศรษฐกิจและ พื้นที่ลดลง ความแตกต่างระหว่างคะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ของนักเรียนระหว่างพื้นที่/ภาคการศึกษาในวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษลดลง เป็นต้น 4.2 การเพิ่มโอกาสทางการศึกษาผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาสำหรับคนทุกช่วงวัย มี ตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มีระบบเครือข่ายเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาที่ทันสมัยสนองตอบความต้องการของ ผู้เรียนและผู้ใช้บริการอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ และสถานศึกษาทุกแห่งมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและมี คุณภาพ เป็นต้น


24 4.3 ระบบข้อมูลรายบุคคลและสารสนเทศทางการศึกษาที่ครอบคลุม ถูกต้องเป็นปัจจุบัน เพื่อ การวางแผนการบริหารจัดการศึกษา การติดตามประเมิน และรายงานผล มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มีระบบ ฐานข้อมูลรายบุคคลที่อ้างอิงจากเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ที่สามารถเชื่อมโยง และแลกเปลี่ยน ฐานข้อมูล รวมทั้งใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอื่น ด้านสาธารณสุข สังคม ภูมิสารสนเทศ แรงงาน และการศึกษา และมีระบบสารสนเทศด้านการศึกษาและด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่เป็น ระบบเดียวกันทั้งประเทศ ครอบคลุม ถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน สามารถอ้างอิงได้เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ เพิ่มโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษาที่มี คุณภาพ พัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาสำหรับคนทุกช่วงวัย พัฒนาฐานข้อมูลด้านการศึกษาที่มี มาตรฐาน เชื่อมโยงและเข้าถึงได้และมีแผนงานและโครงการสำคัญเช่น โครงการจัดทำฐานข้อมูลรายบุคคลทุก ช่วงวัย ทั้งด้านสาธารณสุข สังคม ภูมิสารสนเทศแรงงาน และการศึกษา เป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ 5 : การจัดการศึกษาเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มี เป้าหมาย ดังนี้ 5.1 คนทุกช่วงวัย มีจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม มีคุณธรรม จริยธรรม และนำแนวคิดตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติมีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ครู/บุคลากรทางการศึกษา ได้รับการอบรม พัฒนาในเรื่องการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ผู้เรียนทุกระดับการศึกษามี พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความตระหนักในความสำคัญของการดำรงชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความมี คุณธรรม จริยธรรม และการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิตเพิ่มขึ้น และ สถาบันอุดมศึกษาที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยสีเขียวของโลกเพิ่มขึ้น เป็นต้น 5.2 หลักสูตร แหล่งเรียนรู้ และสื่อการเรียนรู้ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คุณธรรม จริยธรรม และการนำแนวคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติมีตัวชี้วัดที่ สำคัญ เช่น สถานศึกษา/สถาบันการศึกษาจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมเพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และการนำแนวคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติเพิ่มขึ้น และสื่อสารมวลชนที่เผยแพร่ หรือให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น เป็นต้น 5.3 การวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มีฐานข้อมูลด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในสาขา ต่างๆ เพิ่มขึ้น เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ ส่งเสริม สนับสนุนการสร้างจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม มี คุณธรรม จริยธรรม และนำแนวคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติในการดำเนินชีวิต ส่งเสริมและพัฒนาหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้แหล่งเรียนรู้และสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ และพัฒนาองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรมด้านการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีแผนงานและโครงการ สำคัญ เช่น โครงการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาและเพิ่มศักยภาพคนทุกช่วงวัย โครงการโรงเรียน คุณธรรม โครงการโรงเรียนสีเขียวเป็นต้น


25 ยุทธศาสตร์ที่ 6 : การพัฒนาประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการศึกษา มีเป้าหมายดังนี้ 6.1 โครงสร้าง บทบาท และระบบการบริหารจัดการการศึกษามีความคล่องตัวชัดเจน และ สามารถตรวจสอบได้มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มีการปรับปรุงโครงสร้างและระบบบริหารราชการส่วนกลาง ส่วน ภูมิภาค และสถานศึกษาให้มีเอกภาพ สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่และการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิ บาล เป็นต้น 6.2 ระบบการบริหารจัดการศึกษามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลส่งผลต่อคุณภาพและมาตรฐาน การศึกษา มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น สถานศึกษาขนาดเล็ก/สถานศึกษาที่ต้องการความช่วยเหลือและพัฒนาเป็น พิเศษอย่างเร่งด่วน ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอกลดลง คะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบทาง การศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐานของผู้เรียนที่เรียนในกลุ่มสถานศึกษาที่เข้าสู่ระบบการบริหารจัดการแนวใหม่ สูงขึ้น เป็นต้น 6.3 ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของ ประชาชนและพื้นที่ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น จำนวนองค์กร สมาคม มูลนิธิหรือหน่วยงานอื่นที่เข้ามาจัด การศึกษาหรือร่วมมือกับสถานศึกษา ทั้งของรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มขึ้น และสัดส่วน การมีส่วนร่วมสนับสนุนการศึกษาของภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคีเครือข่ายเมื่อเทียบกับรัฐ จำแนก ตามระดับการศึกษาสูงขึ้น เป็นต้น 6.4 กฎหมายและรูปแบบการบริหารจัดการทรัพยากรทางการศึกษารองรับลักษณะที่แตกต่างกัน ของผู้เรียน สถานศึกษา และความต้องการกำลังแรงงานของประเทศ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ และระบบการจัดสรรเงินเพื่อการศึกษาที่เอื้อและสนองตอบคุณลักษณะที่แตกต่างกันของผู้เรียน ความต้องการกำลังแรงงานและสภาพปัญหาที่แท้จริงของประเทศ มีรูปแบบ/แนวทาง กลไกการจัดสรร งบประมาณผ่านด้านอุปสงค์และอุปทานในสัดส่วนที่เหมาะสม เป็นต้น 6.5 ระบบบริหารงานบุคคลของครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษามีความเป็นธรรม สร้าง ขวัญกำลังใจ และส่งเสริมให้ปฏิบัติงานได้อย่างเต็มตามศักยภาพ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น สถานศึกษาที่มีครู เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอนเพิ่มขึ้น ครู/ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน/ผู้ประกอบการที่ปฏิบัติงาน สนับสนุนการเรียนการสอนเพิ่มขึ้น และสถานศึกษามีบุคลากรทางการศึกษาทำหน้าที่ปฏิบัติงานสนับสนุนการ เรียนการสอนเพิ่มขึ้น เป็นต้น โดยกำหนดแนวทางการพัฒนา คือ ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการศึกษา เพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการสถานศึกษา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจัดการศึกษา ปรับปรุงกฎหมาย เกี่ยวกับระบบการเงินเพื่อการศึกษา พัฒนาระบบบริหารงานบุคคลของครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา และมีแผนงานและโครงการสำคัญ เช่น โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก โครงการพัฒนาระบบจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษา และโครงการทดลองนำร่องระบบการจัดสรรเงินผ่าน ด้านอุปสงค์และอุปทาน เป็นต้น การขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติสู่การปฏิบัติความสำเร็จของการขับเคลื่อนแผนการศึกษา แห่งชาติพ.ศ. 2560 – 2579 สู่การปฏิบัติขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายประการ ประกอบด้วย สาระของแผนการ ศึกษาแห่งชาติที่มีความชัดเจน ครบถ้วน และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและทุกระดับการศึกษา การมีส่วน


26 ร่วมในกระบวนการพัฒนาแผนการศึกษาแห่งชาติของผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับนโยบาย ระดับปฏิบัติ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสาธารณชน การเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์แก่ผู้เกี่ยวข้องและสาธารณชนเพื่อสร้างความ ตระหนักในความสำคัญของแผนการศึกษาแห่งชาติการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแผนการศึกษาแห่งชาติ และการนำแผนการศึกษาแห่งชาติสู่การปฏิบัติที่ชัดเจนแก่ผู้ปฏิบัติทุกระดับ เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วน ร่วมในการพัฒนาการจัดการศึกษาของชาติ แนวทางการขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติสู่การปฏิบัติประกอบด้วย 1) การสร้างความรู้ความ เข้าใจให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงความสำคัญและพร้อมเข้าร่วมในการผลักดันแผนการศึกษาแห่งชาติสู่การ ปฏิบัติการสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานองค์กร และภาคีทุกภาคส่วน ถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมายของแผนการ ศึกษาแห่งชาติ2) การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแผนการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2560 – 2579 ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปีนโยบายรัฐบาล แผนพัฒนาการศึกษาระยะ 5 ปีแผนปฏิบัติราชการระยะ 4 ปีและแผนปฏิบัติการ ประจำปีของหน่วยงาน โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมจัดทำและติดตาม ประเมินผลแผนดังกล่าว 3) การปรับปรุงกฎ ระเบียบ และกฎหมายต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการขับเคลื่อนการพัฒนา การศึกษาในระดับต่าง ๆ และ 4) การสร้างช่องทางให้ประชาสังคมมีโอกาสแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมใน การจัดการศึกษาอย่างกว้างขวาง ทั้งระดับนโยบายและระดับพื้นที่ การดำเนินการการขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติสู่การปฏิบัติแผนการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2560 – 2579 ได้เสนอรายละเอียดการดำเนินการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติโดยได้ระบุบทบาทของหน่วยงานใน ระดับต่าง ๆ อาทิหน่วยงานส่วนกลางซึ่งประกอบด้วย กระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ เช่น สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน สำนักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และหน่วยงานอื่นนอกกระทรวงศึกษาธิการที่ รับผิดชอบจัดการศึกษา เป็นต้น ส่วนระดับภูมิภาค ประกอบด้วย สำนักงานศึกษาธิการภาค สำนักงาน ศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็นต้น รวมทั้งระดับสถานศึกษาและระดับห้องเรียน โดยได้ กำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ของหน่วยงานในแต่ละระดับอย่างชัดเจน ซึ่ง จะทำให้การดำเนินงานตามแผนเป็นไปอย่างสอดคล้องรองรับในกรอบทิศทางเดียวกัน และการจัดการศึกษา เป็นไปตามยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาในช่วงเวลาที่กำหนด การติดตามประเมินผลแผนการศึกษาแห่งชาติแนวคิดและหลักการติดตามประเมินผล เป็นการ ติดตามประเมินผลที่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการจัดการศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมิน ทั้ง การประเมินผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบ โดยแต่ละหน่วยงานประเมินการดำเนินงานของตนควบคู่ไปกับ การให้หน่วยงานกลางประเมิน มีหลักเกณฑ์การติดตามและประเมินผลตัวชี้วัดที่ชัดเจน โปร่งใส มีมาตรฐาน และถูกต้องตามหลักวิชาการ แนวทางการติดตามประเมินผลแผนการศึกษาแห่งชาติประกอบด้วย 1) การประเมินบริบทก่อน เริ่มโครงการ ประเมินระหว่างดำเนินงาน และประเมินหลังการดำเนินงานตามแผนเสร็จสิ้น 2) วางระบบการ ประเมินระดับกระทรวง ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค จังหวัด และเขตพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงแผนปฏิบัติการแต่ละระดับ กับแผนการศึกษาแห่งชาติ3) ส่งเสริมให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงาน


27 ด้านการประเมินคุณภาพการศึกษา ด้านงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ เพื่อให้การติดตามประเมินผลมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 4) จัดให้หน่วยงานหรือองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญ และเป็นกลางเป็นผู้ประเมิน 5) จัดเวทีสาธารณะเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้แสดงความคิดเห็น และ 6) นำเสนอผลการติดตามและประเมินผลแผนการศึกษาแห่งชาติให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ (สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. 2560. แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579) 6. นโยบายของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นายอรรถพล สังขวาสี) ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศนโยบายการจัดการศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 1. OPS the BEST 2. นโยบายเพื่อขับเคลื่อนการจัดการศึกษา 3. แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ 1. OPS the BEST OPS : Office of the Permanent Secretary, Ministry of Education ห รื อ ส ำ นั ก ง า น ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) The BEST B : Believe Balance and Begin เชื่อมั่น สมดุล และพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ E : Excellence Effective and Energy ความเป็นเลิศ มีประสิทธิภาพ และมีพลังงาน S : Strategic Support Sharing ความเฉียบแหลม สนับสนุน และแบ่งปัน T : Team together ไปด้วยกันเป็นทีม 2. นโยบายเพื่อขับเคลื่อนการจัดการศึกษา ได้แก่ 2.1 โดยเน้นการสร้างหลักประกันการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม 2.2 สนับสนุนโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิต 3. แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ 3.1 ผลักดันปฏิญญากรุงเทพฯ 2565 ใน 7 เรื่อง คือ 1. การศึกษาเพื่อความเสมอภาคและทั่วถึง สร้างหลักประกันโอกาสเข้าถึงการศึกษา โดยมีระบบ ธนาคารหน่วยกิตที่เชื่อมโยง 2. ยกระดับคุณภาพการศึกษา เร่งปฏิรูปหลักสูตร ลดเนื้อหาซ้ำซ้อน ส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ เร่ง พัฒนาครู และจัดทำมาตรการยกระดับคุณภาพให้เท่าเทียม 3. พัฒนาการเรียนรู้ทักษะชีวิตทักษะอาชีพและการงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 4. พัฒนาครูให้มีทักษะสูง โดยเฉพาะทักษะในศตวรรษที่ 21 สามารถจัดการเรียนการสอนใน รูปแบบ Active Learning ได้ 5. การเปลี่ยนผ่านยุคดิจิทัลการเรียนการสอน โดยสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล 6. การวางแผนการบริหารและการกำกับติดตาม จัดให้มีระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ติดตามเด็ก เป็นรายบุคคล เป็นระบบข้อมูลแบบเปิดที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบ


28 7. ปรับปรุงและเพิ่มการลงทุนเพื่อการศึกษา วิเคราะห์และปรับปรุงหลักสูตร เพื่อดำเนินการ จัดสรรงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 3.2 เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางการศึกษาระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnerships in Education : PPP) 1. การพัฒนากลไกเชิงพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สู่การปฏิบัติที่เน้นให้เกิด กลไก 5 ภาคส่วนในพื้นที่ 2. ส่งเสริมให้เครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน มีส่วนร่วมในการร่วมคิดร่วมกำหนดและสร้าง นวัตกรรม (สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. 2565. ปลัดให้นโยบาย. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 จาก เว็บไซต์ https://ops.moe.go.th ) 7. นโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 1. นโยบายหลัก (Policy) 5 ด้าน 2. จุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 3. แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการสู่การปฏิบัติ 1. นโยบายหลัก (Policy) 5 ด้าน 1. ยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษา (Quality) ประเด็นการขับเคลื่อนนโยบาย (Policy Driving) 13 ประเด็น 1.1 นำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดการอาชีวศึกษา 1.2 เสริมสร้างอัตลักษณ์และความเข้มแข็งที่โดดเด่นของสถานศึกษารัฐและเอกชนแต่ละประเภท และรวมถึงสถาบันการอาชีวศึกษา (1 สถานศึกษา 1 จุดเด่น) 1.3 ขับเคลื่อนและขยายผลศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) และศูนย์ บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Center of Vocational Manpower Networking Management: CVM) 1.4 ยกระดับคุณภาพหลักสูตรอาชีวศึกษาที่ยึดโยงกับมาตรฐานอาชีพ มาตรฐานการปฏิบัติงาน ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล 1.5 ปรับรูปแบบการเรียนรู้โดยใช้ชุดการเรียนรู้อาชีพ (Module) และการเรียนรู้คู่การปฏิบัติ (Work Base Learning) ภายใต้หลักคิด “ลดเวลาเรียนทฤษฎี เพิ่มเวลาฝึกประสบการณ์) 1.6 พัฒนาครูและบุคลากรอาชีวศึกษารัฐและเอกชนให้มีสมรรถนะการจัดการอาชีวศึกษาอย่างมี คุณภาพและทันต่อการเปลี่ยนแปลง 1.7 ขยายและยกระดับคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี (มุ่งเป้าทวิภาคี 50%) 1.8 การจัดการเรียนรู้ที่เน้นการพัฒนาผู้เรียนทั้ง Soft Skill และ hard Skill โดยยึดหลัก “คุณธรรมนำทักษะอาชีพ” 1.9 พัฒนาทักษะทางภาษาและดิจิทัลให้กับครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้เรียน


29 1.10 เพิ่มสมรรถนะผู้เรียนสู่กำลังคนสมรรถนะสูงด้วยการสร้างผลงานสร้างสรรค์ งานวิจัย และ นวัตกรรมอาชีวศึกษา 1.11 ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้เรียน “มีอาชีพ มีรายได้ มีงานทำ มีเงินฝาก” 1.12 ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการศึกษาขนาดเล็ก 1.13 พัฒนาสื่อและครุภัณฑ์การศึกษาที่ทันสมัย ตอบโจทย์การศึกษาปัจจุบันและอนาคต 2. ยกระดับความร่วมมือ (Cooperation) ประเด็นการขับเคลื่อนนโยบาย (Policy Driving) 8 ประเด็น 2.1 พัฒนาและสร้างแรงจูงใจในการทำความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มความร่วมมือ ในการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีคุณภาพสูงและการผลิตและพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงให้ตอบโจทย์ ประเทศ 2.2 สร้างความเข้มแข็งภาคีเครือข่ายความร่วมมือคุณภาพสูงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อระดมทรัพยากรและยกระดับคุณภาพการอาชีวศึกษา 2.3 สร้างความเข้มแข็งให้กับคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนา กำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ.) เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและยกระดับคุณภาพการจัดการ อาชีวศึกษา 2.4 เสริมสร้างภาพลักษณ์ คุณค่าอาชีวศึกษาและจิตอาสา ด้วยแนวคิด “อาชีวะช่วยประชาชน” และประชาสัมพันธ์เชิงรุกอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง และหลากหลายช่องทาง 2.5 นำหลักการ Soft Power มาเป็นกลไกในการสื่อสารอาชีวศึกษาสู่สังคม 2.6 พลิกโฉมภาพลักษณ์อาชีวศึกษาด้วยการบูรณาการนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ และองค์ความรู้ อาชีวศึกษาสู่ชุมชน สังคมประเทศชาติ และนานาชาติ (OVEC Show & Share) 2.7 เผยแพร่ผลการดำเนินงานและการขับเคลื่อนการอาชีวศึกษาในมิติต่างๆสู่สาธารณะผ่าน รายการ R – Channel 2.8 ยกระดับและให้ความสำคัญกับการให้บริการประชาชนในทุกกระบวนการปฏิบัติงาน 3. ขยายโอกาสการอาชีวศึกษา (Equity) ประเด็นการขับเคลื่อนนโยบาย (Policy Driving) 6 ประเด็น 3.1 สร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการอาชีวศึกษาด้วยโครงการทวิศึกษาแนว ใหม่ 3.2 เสริมสร้างความเข้มแข็งและต่อเนื่องให้กับโครงการอาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ และ โครงการอาชีวะสร้างช่างฝีมือ ตามแนวทางโรงเรียนพระดาบส 3.3 ส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนทุกคนได้รับโอกาสในการศึกษาระดับอาชีวศึกษาอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมกัน และจัดการอาชีวศึกษาที่มุ่งตอบสนองความต้องการเชิงพื้นที่ในทุกรูปแบบ 3.4 ขับเคลื่อนระบบการอาชีวศึกษาให้เอื้อต่อผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมายและช่วงวัย การจัด อาชีวศึกษาให้เป็นระบบเปิด (Open Entry Open Exit) โดยให้ความสำคัญกับระบบสะสม เทียบโอน และ ธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank)_


30 3.5 ขับเคลื่อนต่อยอดสมรรถนะวิชาชีพกำลังคน (Up-skilling Re-skilling New Skill) ด้วย ระบบที่ยึดหยุ่นและหลากหลาย 3.6 ขยายและยกระดับคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษาสำหรับผู้มีความต้องการและจำเป็นพิเศษ และผู้สูงวัย 4. เสริมสร้างอาชีวศึกษาปลอดภัย (Safety) ประเด็นการขับเคลื่อนนโยบาย (Policy Driving) 7 ประเด็น 4.1 จัดตั้งและขับเคลื่อนการดำเนินงานศูนย์ความปลอดภัย (OVEC Safety Center) ทั้งในระดับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและสถานศึกษา 4.2 พัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน/นักศึกษา ที่เข้มข้นและมีประสิทธิภาพ 4.3 สร้างวิทยาลัยอาชีวศึกษาให้เป็น “สถานศึกษาแห่งความสุข” 4.4 สร้างความร่วมมือกับสาธารณสุข (สธ.) ในพื้นที่เพื่อสร้าง “1 วิทยาลัย 1 ครูอนามัย” 4.5 ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรม อวท./อกท. เพื่อเป็นกลไกหลักในการพัฒนาคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ของผู้เรียน 4.6 ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมกีฬา นันทนาการ และพหุปัญญาที่หลากหลาย รวมถึง การปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้กับผู้เรียน 4.7 ส่งเสริมการนำองค์ความรู้ งานวิจัย และการใช้นวัตกรรมอาชีวศึกษาเพื่อความปลอดภัยใน สถานศึกษา ชุมชน สังคม และประเทศ 5. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ (Efficiency) ประเด็นการขับเคลื่อนนโยบาย (Policy Driving) 8 ประเด็น 5.1สร้างพลังร่วมภายใน สอศ. ที่เข้มแข็ง ทั้งในระดับส่วนกลางและระดับพื้นที่ “OVEC ONE Team” 5.2 สร้างค่านิยมองค์กร “OVEC” 5.3 ขับเคลื่อนและบริหารงานโดยยึดหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) 5.4 ยกระดับการขับเคลื่อนดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0) และ ITA รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการในทุกกระบวนการปฏิบัติงาน 5.5 ส่งเสริมและพัฒนาระบบประเมินคุณภาพการอาชีวศึกษา 5.6 ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความก้าวหน้าในวิชาชีพให้กับบุคลากร อาชีวศึกษารัฐและเอกชน 5.7 นำระบบดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการพัฒนาการจัดการศึกษาและการบริหารจัดการ 5.8 พัฒนาระบบฐานข้อมูลให้เป็นระดับเดียวกัน (Single Data) และสามารถเชื่อมโยงกัน (Link Data) 2. จุดเน้นของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นโยบายเร่งด่วน (Quick) 1. บริหารงานบุคคลและวิทยฐานะของข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการพลเรือน 2. ยกระดับอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีในทุกระดับการศึกษา (ปวช. ปวส. ป.ตรี)


31 3. ยกระดับโครงการอาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ 4. ขับเคลื่อนโครงการทวิศึกษาแนวใหม่ 5. ขับเคลื่อนศูนย์อาชีวะช่วยประชาชน (Fix it Center) 6. ขับเคลื่อนศูนย์ปลอดภัย 7. ปฏิรูปกลุ่มวิทยาลัยเกษตรและประมง 8. ประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์อาชีวศึกษา 9. ปรับปรุงกฎ ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง 3. แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการสู่การปฏิบัติ 1. ให้หน่วยงานและสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นำนโยบายและ จุดเน้นการปฏิบัติราชการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ข้างต้นไปเป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติราชการตามบทบาทภารกิจของหน่วยงานและสถานศึกษา 2. ให้หน่วยงานระดับสำนัก/ศูนย์/กลุ่ม/หน่วย ในส่วนกลางของสำนักงานคณะกรรมการการ อาชีวศึกษาขับเคลื่อนบทบาทภารกิจของหน่วยงานให้สอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 24566 ข้างต้นในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง 3. ให้มีกลไกการขับเคลื่อนนโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการของสำนักงานคณะกรรมการการ อาชีวศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในรูปแบบคณะกรรมการประกอบด้วย คณะกรรมการกำหนด และกำกับทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการ และคณะกรรมการประเมินผลการ ขับเคลื่อน (Quick win) คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายหลัก (Policy) และคณะกรรมการประเมินผลการ ขับเคลื่อนนโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการ เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายและจุดเน้น การปฏิบัติราชการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เป็นไปด้วย คามเรียบร้อย มีประสิทธิผล มีประสิทธิภาพ และบังเกิดผลสัมฤทธิ์เชิงบทบาทภารกิจที่เป็นรูปธรรม 4. สำหรับภารกิจของหน่วยงานและสถานศึกษาที่ปฏิบัติในลักษณะงานในเชิงหน้าที่ (Function) งานในเชิงยุทธศาสตร์ (Agenda) และงานในเชิงพื้นที่ (Area) ซึ่งได้ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว หากมีความ สอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2566 ข้างต้น ให้ถือว่าภารกิจนั้นเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการนี้ และเป็นหน้าที่ที่หน่วยงานและสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจะต้องขับเคลื่อน ดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ที่มา สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา. 2566. เกี่ยวกับ สอศ. นโยบายและจุดเน้นการปฏิบัติราชการของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566. สืบค้นเมื่อ 21 กุมภาพันธุ2566 จาก www.vec.go.th 8. หลักการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษา แนวคิดการจัดการศึกษา อาชีพได้มีมาตั้งแต่ยุคสมัยที่ประเทศไทยเริ่มมีอาชีพหัตกรรมมากขึ้น นอกเหนือไปจากอาชีพ กสิกรรมการ อาชีวศึกษา เริ่มอย่างเป็นระบบเมื่อได้รับการบรรจุในโครงการศึกษา พ.ศ. 2441 เป็นการศึกษาพิเศษซึ่งหมายถึง การเรียนวิชา เฉพาะ เพื่อให้เกิด ความชำนาญ โดยในปี พ.ศ.2452 การ


32 จัดการศึกษา ได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ โรงเรียน สามัญศึกษา สอนวิชา สามัญ และโรงเรียน วิสามัญ ศึกษาสอนวิชาเพื่อออกไปประกอบอาชีพ เช่น แพทย์ ผดุงครรภ์ ภาษาอังกฤษ พาณิชยการ ครู เป็นต้น ในปี พ.ศ.2453 ได้จัดตั้ง โรงเรียนอาชีวศึกษาแห่งแรก คือ โรงเรียนพาณิชยการที่วัดมหาพฤฒาราม และวัดราช บูรณะ ปี พ.ศ. 2456 จัดตั้งโรงเรียน เพาะช่าง และปี พ.ศ.2460 จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม แผนการศึกษาแห่งชาติ ได้มีผลต่อการกำหนดการศึกษาอาชีพให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยในแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2475 ได้กำหนดว่าวิสามัญศึกษา ได้แก่ การศึกษาวิชาชีพซึ่งจัดให้เหมาะสมกับภูมิประเทศ เช่น กสิกรรม หัตถกรรม และพาณิชยการ เพื่อเป็นพื้นฐานความรู้สำหรับประกอบการเกษตรกรรมและ อุตสาหกรรม ต่าง ๆ และในแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2479 ได้ ปรากฏคำว่า "อาชีวศึกษา" เป็นครั้งแรกในระบบการศึกษาของ ประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ อาชีวศึกษา ชั้นต้น กลาง และสูง รับนักเรียนจากโรงเรียนสามัญ ศึกษาของทุกระดับประโยค 1. วิสัยทัศน์ ผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง เพื่อการพัฒนาประเทศ 2. พันธกิจ 1. ผลิตและพัฒนากำลังคนสายอาชีพให้เป็นกำลังคนที่มีคุณภาพและสมรรถนะสูง ตอบโจทย์ การพัฒนาประเทศ 2. เพิ่มโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบการเรียนรู้วิชาชีพ ด้วยรูปแบบวิธีการ ที่ยืดหยุ่นหลากหลาย ตอบสนองต่อความต้องการในการเรียนรู้และพัฒนาอาชีพของคนทุกช่วงวัย 3. เสริมสร้างและขยายภาคีเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการระดมทรัพยากร และยกระดับ คุณภาพการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ 4. ยกระดับคุณภาพหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ให้มีความทันสมัย ตอบโจทย์การศึกษา แห่งอนาคต และเชื่อมโยงกับมาตรฐานอาชีพหรือมาตรฐานการปฏิบัติงานทั้งในระดับชาติและระดับสากล 5. ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรอาชีวศึกษาให้มีสมถรรนะสูงขึ้น 6. พัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้และการบริหารจัดการด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี 7. ส่งเสริมและพัฒนาครูและบุคลากรอาชีวศึกษาให้มีศักยภาพสูงขึ้นและมีความก้าวหน้าใน วิชาชีพ 3. อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา อาศัยอำนาจตาม ความในมาตรา 8 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีภารกิจเกี่ยวกับการจัดและส่งเสริมการอาชีวศึกษา และการฝึกอบรมวิชาชีพ โดยคำนึงถึงคุณภาพและความเป็นเลิศทางวิชาชีพ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ 1. จัดทำข้อเสนอแนวนโยบาย แผนพัฒนา มาตรฐานและหลักสูตรการอาชีวศึกษาทุกระดับ 2. ดำเนินการและประสานงานเกี่ยวกับมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ 3. กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดงบประมาณและสนับสนุนทรัพยากร


33 4. พัฒนาครูและบุคลากรการอาชีวศึกษา 5. ส่งเสริมประสานงานการจัดการอาชีวศึกษาของรัฐและเอกชน รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ และรูปแบบความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นและสถานประกอบการ 6. ติดตาม ประเมินผล และรายงานผลการจัดการอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 7. จัดระบบ ส่งเสริม และประสานงานเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศและการนำเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการอาชีวศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพ 8. ดำเนินการเกี่ยวกับงานเลขานุการของคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและดำเนินการตามที่ คณะกรรมการการอาชีวศึกษามอบหมาย 9. ปฏิบัติงานอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาหรือตามที่รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ที่มา สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา. 2566. เกี่ยวกับ สอศ. สืบค้นเมื่อ 21 กุมภาพันธ์2566. จาก www.vec.go.th 9. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 กำหนดให้การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข โดย การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ยึดหลักมีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลาย ในการปฏิบัติ มีการกระจายอำนาจที่มีประสิทธิภาพ และมีการทดสอบที่ได้มาตรฐานไปสู่ระดับชาติ สถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพ การศึกษาทุกระดับและทุกประเภทการศึกษา ดังนั้นจึงจำเป็นที่รัฐต้องตรวจสอบประเมินผลว่าการจัดการศึกษาที่เป็นการให้บริการ สาธารณะแก่ประชาชนที่รัฐจะต้องจัดให้ทั่วถึงนั้น มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาที่กำหนดและมีคุณภาพ เท่าเทียมกันมากน้อยเพียงใด จึงได้จัดตั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(องค์การมหาชน) ขึ้น สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(องค์การมหาชน) เรียกโดยย่อว่า "สทศ." ใช้ชื่อเป็น ภาษาอังกฤษว่า "National Institute of Educational Testing Service (Public Organization)" เรียก โดยย่อว่า "NIETS" จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2548 ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันทดสอบทาง การศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2548 ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 1. วิสัยทัศน์องค์กร “to be a world-class education testing service center” สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นสถาบันทางวิชาการและวิชาชีพ และเป็นแหล่งอ้างอิงระดับชาติและนานาชาติที่เชี่ยวชาญด้านการทดสอบและการประเมินผลทางการศึกษา เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาในทุกระดับและทุกประเภทการศึกษาสู่ระดับสากล


34 2. พันธกิจ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ บริหารจัดการและดำเนินการเกี่ยวกับการศึกษา วิจัย พัฒนา และให้บริการทางการประเมินผลทางการศึกษา และทดสอบทางการศึกษาอย่างต่อเนื่องรวมทั้งเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านการทดสอบทางการศึกษาใน ระดับชาติและระดับนานาชาติ ซึ่ง สทศ. มีพันธกิจแห่งกฎหมายตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันฯ เพื่อ รองรับการดำเนินการ ดังนี้ 1. จัดทำระบบ วิธีการทดสอบและพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผลตามมาตรฐาน การศึกษา 2. จัดการประเมินผลการจัดการศึกษาและการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ และ สนับสนุนการทดสอบทั้งระดับเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา 3. จัดการทดสอบทางการศึกษา บริการสอบวัดความรู้ความสามารถ และการสอบวัด มาตรฐานวิชาการและวิชาชีพ ผลที่ได้นำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในการเทียบระดับ และเทียบโอนผลการเรียนที่มา จากการศึกษาในระบบเดียวกันหรือการศึกษาต่างระบบ 4. ศึกษาวิจัย และเผยแพร่นวัตกรรมเกี่ยวกับการทดสอบทางการศึกษาตลอดจน เผยแพร่เทคนิคการวัดและประเมินผลการศึกษา 5. เป็นศูนย์กลางข้อมูลการทดสอบทางการศึกษา ตลอดจนสนับสนุน และให้บริการผล การทดสอบแก่หน่วยงานต่างๆ ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 6. พัฒนาและส่งเสริมวิชาการด้านการทดสอบและประเมินผลทางการศึกษา รวมถึง การพัฒนาบุคลากรด้านการทดสอบและประเมินผล ด้านการติดตามและประเมินผลคุณภาพบัณฑิต รวมทั้ง การให้การรับรองมาตรฐานของระบบ วิธีการ เครื่องมือวัด ของหน่วยงานการประเมินผลและทดสอบทาง การศึกษา 7. เป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านการทดสอบทางการศึกษาทั้งในระดับประเทศและ ระดับนานาชาติ (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. 2566. แนะนำ สทศ. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์2566 จาก https://www.niets.or.th ) 10. การจัดสอบ (V-NET) การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (Vocational National Educational Test : V-NET) V-NET คือ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา เพื่อวัดความรู้และความคิด ของนักเรียนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 3 (ปวช. 3) และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงชั้น ปี ที่ 2 (ปวส. 2) วัตถุประสงค์ของการสอบ V-NET การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา(vocational National Educational Test:V-NET) มีวัตถุประสงค์ของการทดสอบเพื่อ 1. เพื่อทดสอบความรู้และประเมินความพร้อมในการเข้าสู่โลกอาชีพ ทักษะในศตวรรษที่ 21 และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง 2. เพื่อให้สถานศึกษาใช้เป็นข้อมูลสำหรับการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอน และการบริหารจัดการอาชีวศึกษาของสถานศึกษา


35 3. เพื่อเป็นข้อมูลและสารสนเทศการขับเคลื่อนการอาชีวศึกษาของประเทศให้สอดคล้องกับ แผนพัฒนาการศึกษาและแผนพัฒนาประเทศ แหล่งข้อมูล : สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) . 2565. การจัดสอบ. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์2566 จาก https://www.niets.or.th ในปีการศึกษา 2565 สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จัดสอบ V-NET ให้กับนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้น ปวช. ปีที่ 3 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง กลุ่ม 1 ดังนี้ ตารางที่1 แสดงจำนวนนักศึกษา ปวช. ปีที่ 3 จำแนกรายจังหวัด ที่ จังหวัด ปวช. ปีที่ 3 1 ตาก 1,046 2 พิษณุโลก 886 3 เพชรบูรณ์ 801 4 สุโขทัย 878 5 อุตรดิตถ์ 896 6 ภาคเหนือตอนล่าง 1 4,507 แหล่งข้อมูล : สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. 2566. ระบบประกาศและรายงานผลการทดสอบทาง การศึกษาระดับชาติ ด้านอาชีวศึกษา(V-NET). สืบค้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์2566 จาก http://www.allnetresult.niets.or.th/VNET 11. โครงสร้างและรูปแบบข้อสอบของแบบทดสอบ V-NET แบบทดสอบที่ใช้ในการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา V-NET ระดับ ชั้น ปวช. ปีที่ 3 มีเนื้อหาและจำนวนข้อสอบของการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ด้านอาชีวศึกษา V-NET ดังนี้


ตารางที่2 แสดงองค์ประกอบและน้ำหนัก (ร้อยละ) ตามสมรรถนะที่จำเป็ องค์ประกอบ น้ำหนัก (ร้อยละ) 1 ความรู้พื้นฐานด้านอาชีพ 20 1.1 รู้และเข้าใจ ในภา (Occupational Fundamentals) 1.2 รู้และเข้าใจ ตระ 1.3 เข้าใจและตระห 1.4 มีส่วนร่วมในการ 2 การทำงานเป็นทีม 5 2.1 เป็นสมาชิกที่ดีข (Teamwork) 2.2 รู้และเข้าใจความ 2.3 สื่อสารและประส 2.4 มีทักษะในการสร 2.5 สามารถแลกเปลี 3 การปฏิบัติตามคำสั่ง 5 3.1 รู้ เข้าใจ และสาม (Following Directions) 3.2 สามารถเลือกวิธี 3.3 สามารถตั้งคำถา 3.4 สามารถปฏิบัติง 4 การวางแผนและการจัดการตารางเวลาการทำงาน 5 4.1 จัดลำดับความลำ (planning, Organization and Scheduling) 4.2 วางแผนจัดสรรเ 4.3 มีแผนการใช้ทรัพ 4.4 ตรวจสอบแผนก


ป็นในการเข้าสู่อาชีพ ปีการศึกษา 2565 สมรรถนะย่อย ารกิจและเป้าหมายขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพ คุณค่าของการมีทักษะอาชีพและการประยุกต์ใช้เบื้องต้น ะหนักถึงความสำคัญของข้อปฏิบัติและกฏระเบียบขององค์กร วินัย ความปลอดภัย ความซื่อสัตย์สุจริต นักถึงบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ และเจตคติที่ดีในการปฏิบัติงานในองค์กร รรับผิดชอบและเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม องทีม มต้องการของผู้รับบริการ สาน ประโยชน์กับสมาชิกในทีมอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ร้างความสัมพันธ์กับสมาชิกในทีม ลี่ยนเรียนรู้จากสมาชิกในทีม มารถตอบสนองต่อภารกิจ หรืองานที่ได้รับมอบหมาย ธการสื่อสารที่เหมาะสมกับภารกิจหรืองานที่ได้รับมอบหมาย าม เมื่อสงสัยในความไม่ชัดเจนของคำสั่งหรืองานที่ได้รับมอบหมาย านตามคำสั่งหรืองานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้นตามกำหนดเวลา ำคัญของงาน เพื่อดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพตามสภาพความเร่งด่วนของงานที่ได้รับมอบหมาย วลาการทำงานที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จตรงตามเวลากำหนด พยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินงานที่ได้รับมอบหมายว่ามีขั้นตอนถูกต้องและครบถ้วน


ตารางที่ 2 แสดงองค์ประกอบและน้ำหนัก (ร้อยละ)ของการทดสอบทางก ในการเข้าสู่อาชีพ ปีการศึกษา 2565 5 การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ 10 5.1 ระบุลักษณะที่แท (Problem Solving and Decision Making) 5.2 สามารถใช้ข้อมูล 5.3 มุ่งมั่นในการแก้ปั 5.4 มีวิธีการในการแ 6 การคิดเป็นระบบ 5 6.1 มีความสามารถใ (Systematic Thinking) 6.2 มีความสามารถใ 6.3 มีความสามารถใ 7 สมรรถนะภาษาอังกฤษ 20 7.1 การทักทาย แนะ (English Competency) 7.2 การเสนอและให้ 7.3 การบอกทิศทาง 7.4 การให้บริการใน 7.5 การนัดหมายทา 7.6 สภาพอากาศ 7.7 สุขอนามัยและค 7.8 ฉลากสินค้า 7.9 อ่านโฆษณาสมัค 7.10 อ่านข้อความสั้น 7.1 อ่านสัญลักษณ์ต่


37 การศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ตามสมรรถนะที่จำเป็น ท้จริงของปัญหาในงานที่ได้รับมอบหมาย ลและประสบการณ์เพื่อสร้างแนวทางในการแก้ปัญหาในงานที่ได้รับมอบหมายได้ ปัญหาและสามารถเสนอแนวทางการแก้ปัญหาในลักษณะเดียวกันให้ผู้อื่นได้(KM) แก้ป้ญหา ในการคิดเป็นขั้นเป็นตอนในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย ในการคิดแบบองค์รวมเพื่อความสำเร็จตามเป้าหมายของการทำงานที่ได้รับมอบหมาย ในการคิดเชื่อมโยงงานที่ได้รับมอบหมายกับงานในภาพรวมขององค์กร ะนำตนเองและผู้อื่น ห้ความช่วยเหลือ ตำแหน่งที่ตั้ง สถานการณ์ต่างๆ งช่องทางต่างๆ ความปลอดภัย ครงานทางสื่อต่างๆ ๆ ในสถานการณ์ต่างๆ ต่างๆ


ตารางที่ 2 แสดงองค์ประกอบและน้ำหนัก (ร้อยละ)ของการทดสอบทางก ในการเข้าสู่อาชีพ ปีการศึกษา 2565 8 สมรรถนะเทคโนโลยีดิจิทัล 30 8.1 ใช้งานฮาร์ดแวร์ (Digital Literacy) 8.2 ใช้งานระบบปฏิบ 8.3 จัดการข้อมูล 8.4 สำรองข้อมูล 8.5 ใช้งานอุปกรณ์เค 8.6 ใช้งานคลาวด์คอ 8.7 ใช้งานเว็บบราวเ 8.8 สื่บค้นข้อมูล 8.9 ใช้งานไปรษณีย์อิ 8.10 ใช้งานปฏิทิน 8.1 ใช้งานสื่อสังคม 8.1 ใช้งานโปรแกรม 8.1 ใช้ธุรกรรมอิเล็กท 8.1 ใช้บัญชีรายชื่อบุ 8.2 ป้องกันคุกคาม 8.2 ป้องกันมัลแวร์ 8.2 ใช้อินเตอร์เน็ตอ 8.2 ใช้อินเตอร์เน็ตอ


38 การศึกษาระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ตามสมรรถนะที่จำเป็น บัติการ คลื่อนที่ อมพิวติ้ง เซอร์ อิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสาร ทรอนิกส์ คคล ย่างปลอดภัย ย่างถูกต้อง


ตารางที่3 แสดงกำหนดการสอบ (V-NET) ปีการศึกษา 2565 V-NET วันสอบ ประกาศผล 1. ปวช. 3 21 – 23 มกราคม 2566 21 กุมภาพันธ์2566 ที่มา สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(องค์การมหาชน). 2565. การจัดสอบ V-NET. สืบค้นเมื่อ 21 กุมภาพันธ์2566 จาก https://www.niets.or.th จากการศึกษาหลักการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษา การจัดการสอบ (V-NET) และโครงการ และรูปแบบของแบบทดสอบ V-NET จึงกำหนดเกณฑ์เพื่อให้เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ปีการศึกษา 2565 ดังนี้ 1. ค่าเฉลี่ยคะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 มีค่าเท่ากับ 5 และช่วงการปรับระดับการให้คะแนน - 1.00 ต่อ 1 คะแนน 2. ค่าเฉลี่ยคะแนนปีการศึกษา 2564 มีค่าเท่ากับ 3 และช่วงการปรับระดับการให้คะแนน +/- 1.00 ต่อ 1 คะแนน 3. ค่าเฉลี่ยคะแนน 3 ปีการศึกษาย้อนหลัง (ปีการศึกษา 2562 – 2564) มีค่าเท่ากับ 3 และ ช่วงการปรับระดับการให้คะแนน +/- 1.00 ต่อ 1 คะแนน ตารางที่ 4 แสดงเกณฑ์ระดับคะแนน ปีการศึกษา 2565 แบบ เกณฑ์ปีการศึกษา 2565 1 2 3 4 5 1 46.00 47.00 48.00 49.00 ไม่น้อยกว่าร้อย ละ 50 ขึ้นไป 2 -2.00 -1.00 ปีการศึกษา 2564 +1.00 +2.00 3 -2.00 -1.00 3 ปีการศึกษา ย้อนหลัง +1.00 +2.00


Click to View FlipBook Version