ชวี ประวตั สิ นุ ทรภู่ รตั นกวี ศรสี ยาม
ผเู้ รยี บเรยี ง นายประสาร ธาราพรรค์
26 มิถนุ า เปน็ วนั สนุ ทรภู่ บรมครู รตั นกวี ศรสี ยาม
อคั รกวี เล่อื งลอื ชอ่ื บนั ลอื นาม ชนตดิ ตาม สรรเสรญิ เกนิ ราพนั
คาประพนั ธ์ กาพย์ โคลง กลอน แตง่ ดเี ลศิ สดุ ประเสรฐิ ผกู เรอ่ื งราว เกนิ คาดฝนั
มเี นอื้ หา นา่ ศกึ ษา โดยทั่วกนั ผลงานนน้ั เรยี นรกู้ นั ท่วั เมอื งไทย
ประวตั ทิ า่ น นา่ สนใจ ใครค่ รวญคดิ มชี วี ติ โอกาสสรา้ ง งานยงิ่ ใหญ่
เกดิ ร.1 เฟอ่ื ง ร.2 เกนิ กวา่ ใคร ตอ้ งหนภี ยั ยคุ ร.3 ไปบวชเรยี น
กลบั ยง่ิ ใหญ่ รงุ่ เรืองใหม่ ยคุ ร.4 สรา้ งชีวี มน่ั คงได้ ไมแ่ ปรเปลยี่ น
ชวี ติ ทา่ น โชคชะตา ดหู มนุ เวยี น นา่ ปวดเศยี ร เรอื่ งของทา่ น นั้นแปลกจรงิ
สนุ ทรภู่ อยกู่ รงุ เทพฯ คนกรงุ เทพฯ สง่ิ ชอบเสพ คือเมรยั ใจชอบยง่ิ
เรอื่ งความรกั มกั หลงใหล ใหต้ ติ งิ ไมห่ ยดุ นงิ่ สรา้ งผลงาน นา่ ชนื่ ชม
สนุ ทรภู่ ชนชาวไทย ล้วนรู้จกั สรา้ งเอกลกั ษณ์ ความเปน็ ไทย ไดส้ ขุ สม
โลกยกยอ่ ง ความสามารถ ชนนยิ ม ไทยอดุ ม ปฏภิ าณกวี มคี ไู่ ทย
..........................................................
ผปู้ ระพนั ธ์ นายประสาร ธาราพรรค์
2
26 มถิ นุ ายน วันคล้ายวันเกิด ของสุนทรภู่รัตนกวีเอกส่ีแผ่นดินของชาติไทย กวีท่ีอยู่ใน
หวั ใจของคนไทยทั้งชาติ ผลงานคาประพันธ์ อนั หลากหลายของทา่ น ยังคงตราตรงึ อย่ใู น ความ
ทรงจาของคนท่ัวไป ในปี พ.ศ.2529 ซึ่งครบรอบ 200 ปีสุนทรภู่ท่านได้รับการยกย่องจาก
องคก์ ารศกึ ษาวทิ ยาศาสตร์ และวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติ (UNESCO) ให้เป็นบคุ คลสาคัญ
ของโลก ชีวประวัติของสนุ ทรภู่หากเราพิจารณาจะมสี ง่ิ ตา่ ง ๆ ทน่ี า่ ศกึ ษาและสมควรเรยี นรเู้ ปน็
อยา่ งย่ิงในฐานะทีท่ า่ นเป็นรตั นกวเี อกของไทยและคนสาคญั ของโลก
3
อนสุ าวรยี ส์ นุ ทรภู่ ทวี่ ดั ศรสี ดุ าราม หรอื วดั ชปี ะขาว
ท่านจะพบกับคาตอบที่น่าสนใจเกย่ี วกบั ชีวประวัติของสุนทรภู่
- สุนทรภูค่ นจังหวดั ใดกนั แน่ ระยอง เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา หรือกรงุ เทพฯ
- บิดา มาดา ของสนุ ทรภคู่ นจงั หวดั ใด
- สนุ ทรภเู่ ขา้ รบั การศกึ ษาทใ่ี ด
- ชวี ติ ครอบครวั สนุ ทภู่ มภี รรยา และบตุ ร จานวนเทา่ ใด
- เหตุใดสนุ ทรภตู่ อ้ งบวช บวชและศกึ กค่ี รง้ั กนั แน่
- แปลก สนุ ทรภู่ ถงึ แกก่ รรมทไ่ี หน เมอ่ื ไร ไมม่ หี ลกั ฐาน
4
สนุ ทรภ่เู กิดในสมยั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่ง
กรุงรัตนโกสนิ ทรเ์ มือ่ วันที่ 26 มถิ ุนายน 2329 ตรงกับวันจันทร์ เดือน 8 ข้ึน 1 ค่า ปีมะเมีย
จลุ ศกั ราช 1148 เวลา 8.00 น. ซึ่งเขียนเป็นดวงชะตาไดด้ งั นี้
ดวงชะตาสนุ ทรภู่
5
ณ เวลาแหง่ สนุ ทรภเู่ กดิ นนั้ พระพฤหสั บดี (๕) อยรู่ าศเี มษ อาทติ ย์(๑) จนั ทร(์ ๒) พธุ (๔)
ทงั้ ๓ พระเคราะหน์ ร้ี วมอยใู่ นราศเี มถนุ องั คาร (๓) และศกุ ร์ (๖) ตา่ งอยใู่ นราศกี รกฎ ทง้ั ๒
พระเคราะห์ เสาร์(๗) และราห(ู ๘) อยใู่ นราศมี งั กรดว้ ยกนั จากดวงชะตาของสนุ ทรภู่ เทพ
สนุ ทรศารทลู กลา่ วไวด้ งั นี้
เทพ สนุ ทรศารทลู
ลคั นาอยู่ราศกี รกฎ อังคารศุกร์กมุ ลคั น์ เสาร์ราหเู ลง็ ลัคน์ พฤหัสบดีอยูร่ าศเี มษ จนั ทรก์
ดมุ ภะเป็นวนิ าศแกล่ คั นา และจันทร์ มีดาวพุธเป็นมติ ร ซ่ึงทานายได้ดังน้ี อังคารกมุ ลัคน์ ท่าน
ว่าเป็นผู้มีอายุยืน ดาวศุกร์ กุมลัคน์ ท่านว่าเป็นผู้มีอารมณ์แรงทางด้านกามารมณ์ มีเสน่ห์แก่
เพศตรงขา้ ม เสาร์เล็งลัคนาอยู่ในราศมี ังกรเป็นดาวเกษตร ท่านว่าจะมีทุกข์โศกเพราะคู่ครอง
หาความสขุ ไม่ได้ ดาวราหคู ่มู ิตรร่วมกับดาวเสาร์เช่นน้ียิ่งมีพลังแรงมากใน ทางให้ทุกข์ให้โทษ
ดวงชะตาอยา่ งนที้ า่ นเรยี กว่าดวงแตก ขน้ึ แล้วตกไมร่ ุ่งโรจนอ์ ยูน่ านดแี ลว้ ตอ้ งไดช้ ่ัว ชว่ั แลว้ ต้อง
ได้ดี ดาวพฤหสั อยู่ราศีเมษแสดงวา่ เปน็ ผู้มีสตปิ ญั ญาสูง ดาวพฤหัสบดเี ปน็ ดาวที่เดน่ มากในดวง
6
ชะตา ทาให้เป็นบุคคลที่มีคนเคารพนับถือโดยทั่วไป เป็นนักปราชญ์อาทิตย์ เป็นดาวกาลกิณี
เปน็ วินาศแก่ลคั นา ตอ้ งพลดั พรากจากพอ่ หรือ แมเ่ มื่อเยาว์ จนั ทรก์ ดุมภะเปน็ วนิ าศกับลัคนา
แสดงว่าเป็นผใู้ ช้เงินเตบิ เก็บไม่อย่จู นั ทรม์ พี ธุ เปน็ มติ ร แสดงวา่ ผนู้ น้ั เปน็ ผมู้ คี วามรใู้ นทางการพดู
และการเขียน แต่จันทร์กับพุธวนิ าศกบั ลคั นาทาใหค้ วามรู้ความสามารถพเิ ศษทาลายตนเองได้
นอกจากนั้น นายระวัง ชวนเชย ได้กล่าวถึงชะตาของสุนทรภู่ดังนี้ เจ้าชะตามีดวง
จันทร์ (๒) เป็นเจ้าเรือนและจันทร์เอง ไปอยู่ภพวินาศเรือนพุธ (๔) ได้คู่มิตร (๒,๔) เท่ากับตนุ
วนิ าศ ดาว (๒,๔) แปลได้ความวา่ ตาแหนง่ หนา้ ทขี่ องเจ้าชะตา (ตนุ) มขี ึน้ อยา่ งไม่คาดฝนั หรอื มี
ข้ึนอย่างง่าย ๆ คราวน้ีมาพิจารณาดูภพกัมมะ กัมมะ หมายถึง การงานอาชีพ ภาระหน้าที่
ขณะท่ีท่าน ภู่เกิดดาวพฤหัสบดี (๕) รออยู่เหนือศีรษะพอดี ดาวดวงน้ีได้ ตาแหน่งราชาโชค
หมายถงึ ความโออา่ เจา้ สาราญ ความเด่นดงั มีหนา้ ตาเปน็ ที่นยิ มของคนทวั่ ไป เมือ่ พฤหสั บดอี ยู่
เรือนองั คาร (๓) และองั คารเองไปอยู่ ตนุ (ล)ั จบั ค่กู ับดาวศุกร์ (๖) ได้คู่มิตรศกุ ร์เองไดต้ าแหน่ง
ราชาโชคอกี ดวง เม่ือดาวสองดวงใหค้ ณุ แกล่ ัคนา ทา่ นภูก่ ็เลยดังระเบิด หลุดจากภพกัมมะมา
ดูภพปัตนิ ปตั นิแปลวา่ คคู่ รอง ความรักเพศตรงขา้ ม ฝา่ ยตรงข้าม ในดวงชะตาเสาร์ (๗) ราหู
(๘) ครองอยู่ในราศเี ดยี วกัน ดวงชะตา ของผู้ใดก็ตาม ถา้ มดี าวคู่มติ ร (๗,๘) อยู่ในภพปตั นชิ าติ
น้ีทั้งชาติไม่ต้องกลัวว่าจะหาเมียไม่ได้ มีเป็นเข่งกิโลมันน้อยไป ราหูมาจากภพมรณะ แปลว่า
ความตายความสูญเสีย ความพลัดพรากเม่ือมาอยู่ในภพปัตนิเท่ากับมรณะ ปัตนิ ดาว ๗,๘
หมายความว่า ความตาย ความสูญเสีย ความพลัดพราก เมียของท่านภู่ไม่มีใครคนไหนอยู่
ด้วยกันยดื เยอื้ จนแก่เฒ่า ตายจากกนั ไปสักคน
7
สนุ ทรภ.ู่ .คนจงั หวดั ใดกนั แน่ !
สถานรี ถไฟบางกอกนอ้ ย
สาหรบั สถานทท่ี ส่ี นุ ทรภเู่ กิดนัน้ ก.ศ.ร.กุหลาบได้กล่าวไว้ใน หนังสือสยามประเภท "ขนุ
สนุ ทรโวหาร(ภู่)เปน็ บุตรขนุ ศรสี งั หาร (พลับ) บ้านมีอยู่หลังป้อมวังหลัง เป็นสะเตชั่นรถไฟสาย
เพชรบรุ ี ปจั จบุ นั คือบริเวณโรงพยาบาล ศริ ิราช หรือวังหลังเดมิ และสถานรี ถไฟบางกอกนอ้ ย
สายใตน้ นั่ เอง
8
สุนทรภู่สมควรเป็นคนจังหวัดใด จะขอยกบทสรุปของคาตอบท่ีสรุป
“สนุ ทรภู่ คนกรุงเทพฯ ไมใ่ ชค่ นระยอง” ของนกั วชิ าการ 3ทา่ นดังน้ี
สจุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ
1. สุจิตต์ วงษ์เทศ ใหข้ อ้ คิดดังน้ี “ผูอ้ ่านหลายท่านสอบถามผมว่าสุนทรภู่ น่าจะเป็นคน
ทไ่ี หนมากท่ีสุด ผมก็ตอบง่าย ๆ ว่า สนุ ทรภเู่ กดิ ที่วังหลัง และ สุนทรภกู่ ็เปน็ คนฝัง่ ธนบุรี แถว ๆ
โรงพยาบาลศิรริ าช หรือ แถวๆ ซอยวงั หลงั หรือซอยบ้านช่างหล่อนแี่ หละครับ”
(สจุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ , หมายเหตบุ รรณาธกิ าร, ศลิ ปวฒั นธรรม ปที ี่ 7 ฉบบั ที่ 7 : พฤษภาคม 2529,
หนา้ 20)
9
เนาวรตั น์ พงษไ์ พบลู ย์
เนวรตั น์ พงษไ์ พบลู ย์
2. เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ให้ข้อคิดดังน้ี “บิดาเป็นชาวระยอง มารดาเป็นชาวเมือง
เพชร ส่วนสุนทรภู่ก็เป็นชาวฝ่ังธนฯ ตามทางสันนิษฐานว่าท่านเกิดท่ีวังหลัง อันเป็นละแวก
โรงพยาบาลศริ ิราชปัจจบุ ันนี้”
(เนาวรตั น์ พงษไ์ พบลู ย์ , ศลิ ปวฒั นธรรมปที ่ี 7 ฉบบั ท่ี 8 : มถิ นุ ายน 2529, หนา้ 58.)
10
3. รองศาสตราจารยก์ มล การกศุ ล ใหข้ อ้ คดิ ดงั นี้ “เกดิ ทไ่ี หนกเ็ รยี กวา่ คนทนี่ น่ั สว่ นจะ
ไปมญี าตโิ ยมอยทู่ ใี่ ดนนั้ เปน็ อกี เรอื่ งหนง่ึ ไมจ่ าเป็นตอ้ งมภี มู ลิ าเนาตามญาติ จงึ อยากเสนอเลน่
ๆ วา่ สนุ ทรภู่ เปน็ คนฝงั่ ธนบรุ ี”
(รองศาสตราจารยก์ มล การกศุ ล “หลานเมอื งระยอง นอ้ งเมอื งเพชร , ศลิ ปวฒั นธรรม ปที ่ี 7
ฉบบั ที่ 9 : กรกฎาคม 2529, หนา้ 23.)
สนุ ทรภู่ เกดิ ฝง่ั ธนบรุ ี กรงุ เทพฯ เตบิ โต เลา่ เรยี นหนงั สอื รบั ราชการ มคี รอบครวั
ดาเนนิ ชวี ติ เกอื บทงั้ ชวี ติ ทก่ี รงุ เทพฯ เดนิ ทางมาหาบดิ าทบ่ี า้ นกรา่ ระยอง เพยี งไมก่ วี่ นั และเมอ่ื
เดินทางกลบั กรงุ เทพฯ หลงั จากมาพบบิดาแลว้ กไ็ มไ่ ดม้ าบา้ นกรา่ ระยองอกี เลย ดงั นนั้ สนุ ทร
ภสู่ มควรเปน็ คนระยอง หรอื คนกรงุ เทพฯ ยอ่ มมบี ทสรปุ อยใู่ นตวั แลว้ นน่ั เอง
11
บดิ าของสนุ ทรภเู่ ปน็ คนจังหวดั ใด
บรเิ วณอนสุ าวรียส์ นุ ทรภเู่ ดมิ เปน็ ทตี่ งั้ ของวดั ปา่ ชลธาร
บิดาของสนุ ทรภ่นู นั้ มีชื่อว่า ขนุ ศรีสงั หาร(พลับ) บิดาของสุนทรภูเ่ ป็นชาวบ้านกรา่ เขต
อาเภอเมืองแกลง แขวงจงั หวัดระยอง รับราชการฝา่ ยทหารอยใู่ นสงั กดั กรมทหารลอ้ มวงั ในกรม
พระราชวังสถานพิมุข ตาแหน่งเป็นปลัดกรมขวา กรมอาสาวิเศษซ้ายเม่ือมีสุนทรภู่บิดาได้
ลาออกจากราชการกลบั ไปบวชทบ่ี ้านเดมิ ของตนทีบ่ า้ นกรา่ เมืองแกลง นายเปลือ้ ง ณ นคร ได้
กลา่ วถงึ การออกบวชของบดิ าสนุ ทรภู่ไว้ดงั นี้"ที่ออกบวชแล้วไปอยเู่ มืองแกลงนั้น คงมีญาตอิ ยู่ท่ี
น่ันบ้างแล้ว แต่ไม่ใช่เหตุผล ทางการเมือง เพราะคนระดับขุนศรีสังหารคงไม่มีผลกระทบ
กระเทือนเหมือนขนุ นางระดบั สูง เป็นเร่อื งบาดหมางกบั คนรัก คอื แมข่ องสุนทรภูม่ ากกว่า เลย
ตัดสินใจจากไป "
12
พ.ณ. ประมวญมารค หรอื หมอ่ มเจา้ จนั ทรจ์ ริ ายุ รชั นี
พ.ณ. ประมวญมารค หรือหม่อมเจ้าจันทร์จิรายุ รัชนี ให้ข้อคิดที่แตกต่างออกไปคือ
"พ่อของสุนทรภู่เปน็ ทหารอยใู่ นวงั แลว้ เกดิ ไปทานางกานัลในวงั คือแมข่ องสนุ ทรภู่ท้อง จึงต้อง
หลบหนีออกไปบวชด้วยเกรงพระราชอาญาจากกฎมณเฑียรบาลมากกวา่ "
บดิ าของสุนทรภ่ไู ดอ้ อกบวชจาพรรษาอยทู่ ว่ี ดั ปา่ ชลธาร ตาแหนง่ เจา้ อาวาสมฐี านานศุ กั ด์ิ
เป็นทพ่ี ระครูธรรมรังสี วัดปา่ ชลธารน้ี ต้ังอย่ทู ่บี ริเวณอนสุ าวรียส์ นุ ทรภใู่ นปจั จบุ นั นแ้ี ตเ่ นอ่ื งจาก
แตเ่ ดมิ น้นั บรเิ วณนเี้ ป็นทีล่ มุ่ เม่ือมีฝนตกน้าจะท่วมบริเวณวัด จึงได้ทาการย้ายที่ต้ังวัดเสียใหม่
และเรียกชือ่ วดั ที่ยา้ ยไปต้งั อย่ทู ี่แห่งใหมว่ า่ วัดปา่ กร่า
13
มารดาสนุ ทรภคู่ นจงั หวดั ใด
เทพ สนุ ทรสารทลู
เทพ สนุ ทรสารทูลกล่าวไวใ้ นหนงั สอื ชีวประวตั พิ ระสุนทรภู่(ภู่ ภู่เรือหงส์)ของท่านกล่าว
ว่า มารดาสุนทรภู่ ชอื่ ชอ้ ย เป็นชาวแปดริว้
แต่หมอ่ มเจา้ จนั ทรจ์ ริ ายุรชั นี (พ.ณ.ประมวลมารค) สนั นษิ ฐานวา่ มารดาของสนุ ทร เปน็
ชาวเมืองเพชร
14
นายเปลอ้ื ง ณ นคร
นอกจากนัน้ นายเปลือ้ ง ณ นคร ได้กล่าวถงึ มารดาของสนุ ทรภู่ดังนี้ "แม่ของสุนทรภู่
เป็นคนเพชรบรุ ีแตไ่ มท่ ราบแนช่ ดั วา่ เข้ามาอยใู่ นวังท่ีกรุงเทพฯ ต้ังแต่เม่ือไหร่ สมัยนั้นเจ้านาย
เชอื้ พระวงศ์คุ้นเคยกบั ทางเพชรบรุ ดี ี ท่ีนึกประหลาดใจอยู่ประการหนึ่งกค็ อื ในเรื่องพระอภยั
มณนี ั้น สนุ ทรภ่กู ลา่ วถึงพราหมณ์ไว้ หลายแหง่ รวมทั้งงานเรือ่ งอน่ื ของทา่ นดว้ ย แสดงว่าต้อง
เคยรู้จกั กับเชื้อสายข้างแม่ท่ีเปน็ พราหมณอ์ ยู่เมืองเพชรมาบ้างแล้ว ชีวิตจรงิ ของท่านคง เคย
เรียนรู้จากเรื่องไสยศาสตร์จากพราหมณ์ผู้ใหญ่มาบ้างเพราะเขียนเก่ียวกับเวทมนต์คาถาอยู่
เสมอ" มารดาของสนุ ทรภูเ่ ปน็ แมน่ มพระองคเ์ จ้าจงกล พระธิดาในกรมพระราชวัง สมเด็จเจา้
ฟา้ กรมหลวงอนรุ ักษเ์ ทเวศร์กบั เจา้ ครอกทองอยตู่ ่อมา บิดามารดาของสุนทรภู่แยกทางกันเมื่อ
สุนทรภูย่ ังเยาว์ มารดาสนุ ทรภู่คงอยู่ในวังหลงั ต่อไป ส่วนบิดาของสุนทรภ่ไู ดก้ ลับบา้ นเดมิ ที่แก
ลง และได้บวชในเวลาต่อมา
15
การศกึ ษาของสนุ ทรภู่
อนสุ าวรยี ส์ นุ ทรภทู่ ว่ี ดั ชปี ะขาว หรอื วดั ศรสี ดุ าราม
สนุ ทรภไู่ ดศ้ กึ ษาเลา่ เรยี นทว่ี ดั ศรสี ดุ ารามหรอื วดั ชปี ะขาวฝง่ั ธนบรุ ี ซง่ึ สนุ ทรภไู่ ดก้ ลา่ วไว้
ในนริ าศสพุ รรณ บทท่ี 24 ดงั น้ี
วดั ปขาวคราวเรม่ิ รู้ เรยี นเขยี น
ทาสรุ ทสอนเสมยี น สมทุ นอ้ ย
เดนิ รวางรวงั เวยี น หวา่ งวัด ปขาวเอย
เคยชนื่ กลนื กลน่ิ สรอ้ ย สวาดหิ า้ งกลางสวน ฯ
16
วดั ระฆงั โฆษิตาราม
นอกจากสนุ ทรภูจ่ ะได้ศึกษาหาวิชาความรู้ท่ีวัดชีปะขาวแล้ว ยังมีสถานที่อื่นที่ท่านได้
เข้ารับการศึกษาด้วยซ่ึง หม่อมเจ้าจันทร์จิรายุรัชนี ได้ทรงสันนิษฐานว่า สุนทรภู่ได้ไปร่าเรียน
ภาษาบาลีกับพระครวู ิมังคลาจารย์ วัดระฆงั โฆษติ าราม เรยี นอา่ นหนงั สอื ไทยกบั พระพทุ ธโฆษา
จารย์(ศรี) วัดทา้ ยตลาดหรอื วดั โมลีโลกย์
17
สนุ ทรภเู่ รมิ่ รบั ราชการครง้ั แรก
ชีวิตวยั หนมุ่ ก่อนที่จะเขา้ รับราชการน้ัน สุนทรภ่มู ีใจรกั ด้านกาพย์กลอน อาจเน่อื งมาจาก
ในวัยเด็กได้ซึมซับประสบการณ์ เกี่ยวกับวรรณกรรม และศิลปะการแสดงต่างๆ ที่เล่นกัน ใน
พระราชวังหลัง เช่น การขับขานวรรณคดี การขับเสภา การเล่นสักวา การละครฟ้อนรา กา ร
บรรเลงมโหรปี พี่ าทย์ รวมท้งั เม่ือเติบโตขึ้นได้รับการถ่ายทอดวิชาวรรณคดี และการประพันธ์
จากพระภิกษุ ที่เปน็ อาจารย์ สุนทรภใู่ ฝ่ใจศกึ ษา และเพมิ่ พนู ประสบการณ์ในการประพันธ์ โดย
รับจ้างแต่งเพลงยาวและบทดอกสรอ้ ยสกั วา คงเป็นเพราะลลี ากลอนท่ีมีลักษณะเฉพาะตัวและ
คารมทคี่ มคาย จงึ ทาใหส้ ุนทรภ่เู ร่มิ เป็นท่รี จู้ ักในวงกวี และมชี ่อื เสียงมากขน้ึ
กรมพระราชวงั บวรสถานพมิ ขุ (กรมพระอนรุ กั ษเ์ ทเวศร์)
เมอื่ สุนทรภู่อายุได้ 18 ปี ได้รบั ราชการเปน็ เสมยี นนายระวางกรมพระคลงั สวนเรยี กสามญั
ว่า เสมียนเดินสวน มีหน้าที่ตรวจรังวัดท่ีดินและทาโฉนดให้แก่เจ้าของสวน เจ้าพนักงานพระ
คลงั สวนก็จะเกบ็ เงินอากรตามโฉนด ปี 2348 ซึง่ สนุ ทรภูอ่ ายุเพียง18 ปีนี้ สุนทรภู่ได้แต่งเร่ือง
18
โคบุตรถวายพระองคเ์ จา้ ปฐมวงศ์พระโอรสในกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข (กรมพระอนุรักษ์
เทเวศร์)พระองค์ทรงเร่ิมรับราชการในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นท่ีหลวงฤทธ์ินาย
เวร จนกระท่งั พ.ศ. 2323 ไดเ้ ลื่อนเปน็ พระยาสุริยอภัย ผสู้ าเร็จราชการเมอื งนครราชสมี า เปน็
กาลงั สาคัญในการปราบปรามจลาจลในช่วงปลายรชั กาล
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช
เมอื่ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนาราชวงศจ์ กั รีในปี พ.ศ.
2325 โปรดให้สถาปนาพระองค์เป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์
เทเวศร์ หลังเสร็จสงครามเกา้ ทพั แลว้ ทรงไดร้ บั เลอื่ นขนึ้ เปน็ กรมพระอนรุ กั ษเ์ ทเวศร์ ดารงพระ
เกียรติยศในท่ีกรมพระราชวงั บวรสถานภมิ ขุ รบั พระบญั ชาตามแบบกรมพระราชวงั หลงั แตก่ อ่ น
มา
19
ชีวติ ครอบครวั สนุ ทรภู่
วงั ในยา่ นวงั หลงั ภาพในอดตี
ในปี พ.ศ.2349 ขณะอายไุ ด้ 19 ปี สนุ ทรภไู่ ดล้ าออกจากราชการกรมพระคลงั สวน มา
อาศยั อยวู่ งั หลงั กบั มารดา และไดล้ อบรกั ใครก่ บั นางขา้ หลวงในวงั หลงั ชอ่ื จนั ซง่ึ เป็นชาวบา้ นบุ
ตอ่ มากรมพระราชวงั หลงั ทรงทราบเรอื่ ง มรี บั สงั่ ใหน้ าตวั สนุ ทรภู่ และนางจนั มาลงโทษโบยและ
ใหจ้ องจาทงั้ สองไว้ สนุ ทรภถู่ กู จาอยเู่ กอื บปกี พ็ น้ โทษ เนอ่ื งจากกรมพระราชวงั หลงั เสดจ็
ทวิ งคต ซง่ึ พระองคเ์ สดจ็ ทวิ งคตเมอ่ื วนั เสารข์ น้ึ 10 คา่ เดอื นอา้ ย เวลา บา่ ย 4 โมง ตรงกบั วนั ที่
20 ธนั วาคม 2349 สริ พิ ระชนมายุ 61 พรรษา
20
วดั ปา่ กรา่ เมอื งแกลง
เม่อื สนุ ทรภพู่ น้ โทษแล้ว ต่อมาได้ออกเดินทางมายังเมืองแกลง จังหวัดระยอง เพ่ือมา
หาบิดาทมี่ าบวชอยทู่ บ่ี ้านกร่าเมืองแกลง และหวังท่จี ะบวชเพ่ือลบล้างสิ่งอัปมงคลเคราะห์ร้าย
ที่กจองจา การเดินทางไปแกลงคร้ังน้ีเดินทางไปกับศิษย์รุ่นน้องสองคนคือ น้อยกับพุ่ม และมี
นายแสงเป็นคนนาทางออกจากกรงุ เทพฯ เดอื นมถิ นุ ายน 2350 เดินทาง 13 วัน ถึงแกลงได้พบ
บดิ า คือพระครูอรัญธรรมรงั สสี นุ ทรภู่ ในตอนแรกคิดว่าจะบวชอย่กู ับบดิ าแต่ไม่ได้บวช เพราะ
เจ็บป่วย และรับประทานอาหารพื้นบ้านไม่ได้ ดังคาประพันธ์ของสุนทรภู่ท่ีกล่าวไว้ในนิราศ
เมืองแกลงดังน้ี
เวลาเช้าก็ชวนกนั ออกปา่ มันโมห้ มาไล่เนอื้ ไปเหลือหลาย
พอเวลาสายัณห์ตะวันชาย ได้กระตา่ ยตะกวดกวางมายา่ งแกง
ทัง้ แยบ้ ึง้ อ่งึ อา่ งเนื้อคา่ งคั่ว เขาทาครัวครนั้ ไปปะขยะแขยง
ต้องอดส้ินกินแต่ขา้ วกับเต้าแตง จนเร่ียวแรงโรยไปไมใ่ คร่มี
21
สนุ ทรได้เดนิ ทางจากแกลงกลับมาอยู่กรงุ เทพฯ อกี ครง้ั และไมเ่ คยกลบั ไปแกลง ระยอง
อีกเลย ต่อมาพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ ได้ทูลขอให้เจ้าครอกทองอยู่ พระชายา ในกรมพระราชวัง
หลงั ทรงเป็นธุระสู่ขอนางจันใหก้ ับสนุ ทรภู่ ในปี 2350 บิดาของนางจันเกรงใจเจ้าครอกทอง
อยูจ่ งึ ยอมยกนางจันใหก้ บั สุนทรภู่ สุนทรภู่อยู่กินกับนางจันไม่นานก็เกิดการทะเลาะวิวาทกับ
นางจนั
พระพทุ ธบาท จงั หวดั สระบรุ ี
ตอ่ มาในวันท่ี 8 กุมภาพันธ์ 2350 สุนทรภู่ได้เดินทางตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์
พระโอรสพระองคเ์ ล็กในสมเด็จกรมพระราชวังหลัง (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์)
ไปนมัสการพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี และได้แต่งนิราศพระบาทในคราวน้ีด้วย การไป
นมสั การพระพุทธบาทที่จังหวดั สระบรุ ี ยงั เปน็ ระยะทไ่ี มไ่ ดค้ นื ดกี นั สนุ ทรภไู่ ดเ้ ขยี นครา่ ครวญถงึ
แม่จันเอาไว้ในนิราศพระบาทหลายตอน
เหน็ จนั ทนส์ กุ ลกู เหลอื งตลบกงิ่ แมงภู่บนิ รอ่ นรอ้ งประคองหวง
พฤกษาพอ้ งตอ้ งนามกานดาดวง พยี่ ลพวงผลจนั ทนใ์ หห้ วน่ั ใจ
แมงภเู่ ชยเหมอื นพเี่ คยประคองชดิ นงั่ พนิ ิจนกึ นา่ นา้ ตาไหล
เห็นรกั รว่ งผลผิ ลดั สลดั ใบ เหมอื นรกั ใจขวญั เมอื งพเี่ คอื งเรา
22
อีกตอนหนงึ่ ในนริ าศพระบาท สนุ ทรภยู่ งั กลา่ วถึงแม่จันในทานองว่าเกรงความสัมพนั ธท์ ่ี
มตี อ่ กันจะขาดสะบ้นั ลง เหมือนเขาขาด
ภาพวาด เขาขาด สระบรุ ี
พพี่ ดู พดู เขาขาดแลว้ หวาดจติ พขี่ าดมติ รมาไกลถงึ ไพรสณั ฑ์
นกึ เฉลยี วเสยี วทรวงถงึ ดวงจนั ทร์ จะขาดกนั เสยี เหมอื นเขาพเ่ี ศรา้ ใจ
สุนทรภู่หลังกลับจากพระบาทสระบุรีได้กลับมาคืนดีกับนางจันอีกคร้ังมีลูกด้วยกันคน
หน่ึงช่ือพัด สุนทรภู่อยู่กับนางจันไม่นานก็เลิกล้างกันไปคงด้วยเหตุผลการเป็นนักเลงสุราของ
สุนทรภูน่ นั่ เอง สนุ ทรภูไ่ ด้นาพัดบุตรชายไปฝากตวั ไวก้ บั เจา้ ครอกทองอยู่เปน็ ผอู้ ปุ การะ ถงึ แม้
จะเลกิ รา้ งกนั ไปแล้ว แตส่ ุนทรภกู่ ย็ ังครา่ ครวญถงึ แม่จันอยู่เสมอ โดยกล่าวแทรกเอาไวใ้ นนิราศ
เรอื่ งต่างๆ ทแี่ ต่งขึ้น เช่น ในโคลงนิราศสพุ รรณ สุนทรภไู่ ดก้ ลา่ วถึงแม่จันว่า
ยนยา่ นบา้ นบตุ ง้ั ตขี นั
ขุกคดิ เคยชมจรร แจม่ ฟา้
23
ในนริ าศพระประธมกไ็ ดก้ ลา่ วถงึ แม่จนั วา่
เหน็ ตน้ รกั หกั โคน่ ตน้ สนดั เปน็ รอยตดั รกั ขาดใหห้ วาดไหว
เหมอื นตดั รกั หกั สวาทขาดอาลยั ดว้ ยเหน็ ใจเจา้ เสยี แลว้ เจา้ แกว้ ตา
หลงั จากสุนทรภอู่ ย่าร้างกับนางจันไม่นานก็ได้ภรรยาใหม่อีกคนหน่ึงช่ือนิ่มเป็นชาวสวน
บางกรวย สุนทรภมู่ ีความสัมพันธก์ บั แมน่ ่ิมต้งั แต่ยงั ครองคู่อยู่กับแมจ่ นั คอื ไดแ้ มน่ มิ่ เปน็ ภรรยา
เมื่อสุนทรภู่ถูกจาคุกเนื่องจากทาร้ายญาติผู้ใหญ่ แม่น่ิมก็เป็นผู้ส่งเสียสุนทรภู่ แม่นิ่มคลอด
บุตรชายชื่อตาบ และคลอดในระยะที่สุนทรภู่จวนจะพ้นโทษหรือพ้นโทษออกมาแล้ว นางน่ิม
เม่ือมีบุตรแล้วก็เริ่มเจ็บกระเสาะกระแสะมาตลอด และถึงแก่กรรมในเวลาต่อมา และ
เช่นเดียวกัน สุนทรภู่ได้นาตาบลูกชายไปฝากไว้กับเจ้าครอกทองอยู่ให้อุปการะเล้ียงดู
เช่นเดยี วกบั พดั บุตรชายคนโต และสุนทรภู่ยังมีความรักความอาลัยนางนิ่มเป็นอย่างมาก เม่ือ
คราวสุนทรภู่ไปนมสั การพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม สุนทรภู่ได้กล่าวถึงแม่นิ่มไว้ในนิราศ
พระประธมดงั นี้
ถงึ คลองขวางบางกรวยระรวยจติ 24
เคยรว่ มสขุ ทกุ ขร์ อ้ นแตก่ อ่ นมา
แต่กอ่ นกรรมนาสตั วใ์ หพ้ ลดั พราก ไมล่ มื คดิ นม่ิ นอ้ ยละหอ้ ยหา
เคยไปมาหานอ้ งในคลองนี้ โอส้ น้ิ อายเุ จา้ ไดเ้ กา้ ปี
สงสารบตุ รสดุ เศรา้ ทกุ เชา้ เยน็ จงึ จาจากนม่ิ นอ้ งให้หมองศรี
เขมน้ มองคลองบา้ นดมู ารดา เห็นแตท่ ที่ อ้ งคลองนองนา้ ตา
ดว้ ยเปน็ กาพรา้ แมช่ ะแง้หา
เชด็ นา้ ตาโทรมซาบลงกราบกราน
หลังจากนางน่ิมตายได้ไม่นาน สุนทรภู่ก็มีภรรยาใหม่ชื่อม่วง นับว่าแม่ม่วงเป็น
ค่ทู กุ ข์คยู่ ากของสุนทรภู่ เพราะอยดู่ ้วยกนั ในช่วงที่สุนทรภู่ตกอับยากจนถึงขนาดไม่มีบ้านเรือน
อาศัย จนมีบุตรชายด้วยกันกับนางม่วงคนหนึ่งชื่อนิล เม่ือสุนทรภู่ถวายตัวแด่สมเด็จฯเจ้าฟ้า
กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ก็ได้พาแม่ม่วงมาอยู่ที่พระราชวังเดิมด้วย สุนทรภู่ต่อมาก็เลิกร้างกับแม่
มว่ ง
สนุ ทรภูเ่ บอ่ื หนา่ ยชวี ิตครอบครวั และกรงุ เทพฯ ไดเ้ ดนิ ทางไป เมอื งเพชรบุรี เพ่ือไปทา
โดยพงึ่ บารมหี ม่อมบุนนาค ดงั ข้อความที่กลา่ วไว้ในนริ าศเมืองเพชร ดงั นี้
ถึงตน้ ตาลบา้ นคณุ หมอ่ มบุญนาค เม่ือยามยากจนมาได้อาศยั
มารดาเจา้ คราวพระวังหลงั ครรไล มาทาไรท่ านาท่านการุญ
เมื่อเจ็บป่วยชว่ ยรกั ษาจะหาคู่ จะขอสใู่ ห้เป็นเน้ือช่วยเกอื้ หนนุ
ยังยากไรไ้ ม่มขี องสนองคณุ ขอแบง่ บุญให้ทา่ นทวั่ ทกุ ตัวตน
25
สุนทรภไู่ ดก้ ลบั จากเพชรบุรีมาอยู่กรุงเทพฯอีกครัง้ เม่อื เดอื น 4 ปีระกา พ.ศ.2356 อายุ
ได้ 27 ปี ไดก้ ลับมาพ่ึงบารมพี ระองคเ์ จ้าปฐมวงศ์อกี คร้งั จากการสนุ ทรภไู่ ดแ้ ตง่ นทิ านคากลอน
เรือ่ ง โคบตุ ร ถวายพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ ตอ่ มานายบุญยงั เจ้าคณะละครนอกบา้ นขมิ้น
ได้อ่านเร่อื งโคบุตร ซึง่ คนในสมัยก่อน หากต้องการจะอา่ นเรื่องของใครแต่ง ก็ต้องไปลอกเอามา
อา่ นเองแต่ต้องเสียเงินให้เจ้าของบทประพันธ์นั้นด้วย นายบุญยังประทับใจ ในลีลากลอนและ
การเดนิ เรอ่ื งของสุนทรภเู่ ป็นอยา่ งมาก จึงไดว้ า่ จา้ งใหส้ นุ ทรภมู่ ารว่ มคณะละครของตน โดยเปน็
ผู้เขียนบท และบอกบทละครให้กับคณะซึ่งเราจะพบประวัติช่วงนี้ของสุนทรภู่ จากนิราศ
สพุ รรณ โคลงบทท่ี 27 เนอ้ื หาดงั นี้
บางมาดม่ิงมดิ ครง้ั คราวงาน
บอกบทบุญยงั พยาน พยักหนา้
ประทนุ ประดิษฐ์สถาน แทวฮอ่ ง หอเอย
แหวนประดับกับผา้ พีอ่ า้ งรางวัล
26
สุนทรภู่แตง่ พระอภัยมณี
ในปี พ.ศ.2358 สุนทรภู่ได้แต่งนิทานคากลอน เร่ือง พระอภัยมณี ถวายพระภิกษุ
เจา้ ฟา้ ชายมงกุฏ พระวชริ ญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว) และเจ้าฟ้าชาย
จฑุ ามณกี รมขนุ อศิ เรศรงั สรรค์ (พระบาทสมเด็จพระป่นิ เกลา้ เจ้าอยู่หวั )
ในปี พ.ศ.2359 เกิดการท้ิงบัตรสนเท่ห์กันชุกชุม จนกรมหมื่นศรี สุเรนทร
พระโอรสองค์ที่ 20 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ถูกกล่าวหาเป็นผู้ทิ้งบัตร
สนเทห่ ์ ถกู ลงพระอาญาเฆยี่ นตีถึงส้นิ พระชนม์ ซง่ึ ขอ้ ความในบัตรสนเทห่ ม์ ีดงั นี้
ไกรสรพระเสดจ็ ได้ สกึ ชี
กรมเจษฏาบดี เรง่ ไม้
พิเรนทรแมน่ อเวจี ไป่คลาด
อาจพลกิ แผ่นดนิ ได้ แมน่ แมน้ เมืองทมิฬ
27
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ฯ
นอกจากกรมหมน่ื ศรีสเุ รนทรจะส้นิ พระชนม์ เนื่องดว้ ยบัตรสนเท่ห์แลว้ ยังมีผู้ถูกชาระ
โทษถึงชีวิตด้วยเหตุน้ีอีกหลายราย สุนทรภู่เป็นผู้หนึ่งที่ถูกสงสัยว่าจะมีส่วนในการทิ้งบัตร
สนเท่ห์ สุนทรภู่เกิดความกลัวราชภัยได้หนีออกไปอยู่เมืองเพชรบุรีอีกครั้งหน่ึง ต่อมา
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยฯ รัชกาลท่ี 2 คงจะได้ทอดพระเนตรบัตรสนเท่ห์ท่ี
สุนทรภู่เขียนข้ึน จึงใดสืบเสาะหาตัวผู้เขียน เม่ือทรงทราบว่าเป็นสุนทรภู่ก็ได้ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้นาตัวสุนทรภู่มารับราชการสุนทรภู่เข้ารับราชการมีความดีความชอบใน
ความสามารถต่อกลอนของตน ในคราวทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงพระราช
นิพนธ์บทละคร เรื่องรามเกียรติ์ ตอนนางสีดาผูกคอตาย ซึ่งบทละครเดิมน้ัน ดาเนินเร่ืองไม่
กระชบั เหมาะแก่การท่ีจะนาเป็นละคร ซึ่งมีขอ้ ความดงั น้ี
28
เอาภษู าผกู ศอให้มั่น แล้วพนั กับกิ่งโศกใหญ่
หลับเนตรจานงปลงใจ อรไทกโ็ จนลงมา
บทพระราชนพิ นธต์ อนหนมุ านเขา้ แกไ้ ขนางสดี า ตอนเดมิ มดี งั น้ี
บดั นนั้ วายบุ ตุ รวฒุ ไิ กรใจกลา้
ตวั สน่ั เพยี งสน้ิ ชวี ติ รอ้ นจติ ดงั หนึ่งเพลงิ ไหม้
โลดโผนโจนตรงลงไป ดว้ ยกาลงั วอ่ งไวทนั ที
ครน้ั ถงึ จงึ แกภ้ ษู าทรง ทผ่ี กู ศอองคพ์ ระลกั ษมี
หยอ่ นลงยงั พน้ื ปถั พี ขนุ กระบกี่ โ็ จนลงมา
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ฯ ทรงตอ้ งการแกไ้ ขบทของหนมุ านใหม่ ซง่ึ
สนุ ทรภไู่ ดแ้ กไ้ ขบทละครตอนนใี้ หมด่ งั น้ี
บัดนน้ั วายบุ ตุ รแกไ้ ดด้ งั ใจหมาย
บททส่ี นุ ทรภแู่ กน้ เ้ี ปน็ ทพี่ อพระทยั ของรชั กาลท่ี 2 อยา่ งยงิ่
29
และอกี ครงั้ หนงึ่ ในคราวทรี่ ชั กาลท่ี 2 ทรงพระราชนพิ นธร์ ามเกยี รติ์ ตอนศกึ สบิ ขนุ เปน็
บทชมรถของทศกณั ฑ์ ดังน้ี
รถทน่ี งั่ บษุ บกบลั ลงั กต์ ง้ั ตระหงา่ น
กวา้ งยาวใหญเ่ ทา่ เขาจกั รวาล ยอดเยย่ี มเทยี มวมิ านเมอื งแมน
ดมุ วงกงหนั เปน็ ควนั ควา้ ง เทยี มสงิ หว์ ง่ิ วางขา้ งละแสน
สารถขี ข่ี บั เขา้ ดงแดน พนื้ แผน่ ดนิ กระเดน็ ไปเป็นจณุ ฯ
30
รชั กาลท่ี 2 จะทรงพระราชนพิ นธใ์ หม้ เี นอื้ หาตอ่ ไป ใหส้ มกับความยงิ่ ใหญข่ องราชรถ
ทศกณั ฑ์ ทรงตดิ ขดั จงึ โปรดใหส้ นุ ทรภแู่ ตง่ ตอ่ ซง่ึ สนุ ทรภไู่ ดแ้ ตง่ ตอ่ บทพระราชนพิ นธข์ อง
รชั กาลท่ี 2 ดงั น้ี
นทตี ฟี องนองระลอก เคลอื่ นกระฉอกกระฉอ่ นชลขน้ ขนุ่
เขาพระเมรเุ อนเอยี งออ่ นละมนุ อนนตห์ นนุ ดนิ ดานสะทา้ นสะเทอื น
ทวยหาญโหร่ อ้ งกอ้ งกมั ปนาท สธุ าวาสไหวหวนั่ ลน่ั เลอ่ื น
บดบังสรุ ยิ นั ตะวนั เดอื น คลาดเคลอื่ นจตั รุ งคต์ รงมาฯ
กลอนทสี่ นุ ทรภแู่ ตง่ ขน้ึ ถวายนน้ั รชั กาลที่ 2 ทรงพอพระทยั อยา่ งยง่ิ ตอ่ มาทรง
แตง่ ตง้ั สนุ ทรภใู่ ห้ดารงตาแหนง่ ขนุ สนุ ทรโวหาร ในกรมพระอาลกั ษณ์ สาหรบั ตาแหนง่ ขนุ
สนุ ทรโวหารนน้ั เทพ สนุ ทรศารทลู แยง้ วา่ นา่ จะเปน็ หลวงสนุ ทรภู่ มากกวา่ เพราะตาแหนง่
ขา้ ราชการในกรมอาลกั ษณน์ นั้ ตาแหนง่ ขนุ สนุ ทรโวหารไมม่ ี มแี ตต่ าแหน่งหลวงสนุ ทรโวหาร
เทา่ นนั้
31
ทา่ ชา้ งในอดตี
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั ทรงพระราชทานสถานทใ่ี หส้ ุนทรภอู่ ยทู่ ี่
ทา่ ชา้ ง ใกลว้ งั หลวง ซ่ึงสนุ ทรภไู่ ดก้ ลา่ วถงึ บา้ น ของตนทท่ี า่ ชา้ งในนริ าศสพุ รรณ บทที่ 15
ขอ้ ความดงั น้ี
ทา่ ชา้ งหวา่ งคา่ ยลอ้ ม แหลง่ สถาน
ครงั้ พระโกฏโปรดประทาน ทใี่ ห้
เคยอยคู่ สู่ าราน รว่ มเยา้ เจา้ เอย
เห็นแตท่ หี่ มไี ด้ ภบนอ้ งครองสงวน
สนุ ทรภรู่ บั ราชการใกลช้ ิดเบอ้ื งพระยคุ ลบาทในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้
นภาลยั เปน็ อยา่ งยง่ิ เมอ่ื พระองคเ์ สดจ็ ไปทีใ่ ดจะใหส้ นุ ทรภตู่ ามเสดจ็ ไปดว้ ยเสมอ ดังคา
ประพนั ธท์ ส่ี นุ ทรภไู่ ดก้ ลา่ วไวใ้ นนริ าศภเู ขาทอง ขอ้ ความดงั น้ี
เคยหมอบใกลไ้ ดก้ ลน่ิ สคุ นธต์ ลบ ละอองอบรสรน่ื ชน่ื นาสา
สนิ้ แผน่ ดนิ สน้ิ รสสคุ นธา วาสนาเรากส็ น้ิ เหมอื นกลนิ่ สคุ นธ์
32
สนุ ทรภถู่ กู โทษทณั ฑต์ ดิ คกุ
สุนทรภู่รับราชการมาจนถึงปี พ.ศ.2367 ก็เกิดเหตุมีอันต้องถูกโทษทัณฑ์ถึงจาคุก
ด้วยเหตทุ ่ีสนุ ทรภดู่ ่ืมสรุ าเมามายจนมเี ร่ืองทะเลาะวิวาทกับญาตผิ ู้ใหญข่ องตน ถงึ ขนาดสนุ ทรภู่
ลงมือทาร้ายร่างกายญาติผู้ใหญ่ถึงบาดเจ็บสาหัส ต่อมาก็มีฎีกากล่าวโทษสุนทรภู่ในเรื่อง
ดังกล่าวขา้ งตน้ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั ทรงทราบ รับส่ังให้จาคุกสุนทรภู่ไว้
จากการท่ีสุนทรภู่ถูกจองจาในคราวนี้ สุนทรภู่ได้แต่งกลอนนิทานเรื่องขุนช้างขุนแผนตอน
กาเนิดพลายงาม ซงึ่ จะพบเคา้ เงื่อนปรากฏในเน้ือเรอื่ งนี้ พรรณนาถงึ ลักษณะการจองจากล่าว
ไว้ในตอนพลายงามมาหาขุนแผนที่ติดคุกและจะขอยู่ดูแลขุนแผน แต่ขุนแผนปฏิเสธและได้
กลา่ วถึงความลาบากของคุกตารางดังน้ี
ขนุ แผนวา่ จะอยดู่ ไู มไ่ ด้ ในคกุ ใหญย่ ากแคน้ มนั แสนเขญ็
เหมอื นกบั อยใู่ นนรกตกทงั้ เปน็ ไมว่ า่ งเวน้ โทษทณั ฑส์ กั วนั เลย
แตพ่ อ่ นที้ า่ นเจา้ กรมยมราช อนญุ าตใหอ้ ยทู่ บั ในหับเผย
คนทง้ั หลายนายมลุ กค็ นุ้ เคย เขาละเลยพอ่ ไมต่ อ้ งถกู จองจา
33
สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดารงราชานภุ าพ
จากการทส่ี นุ ทรภถู่ กู จองจาในครง้ั นี้ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดารงราชานุ
ภาพ ไดส้ นั นษิ ฐานวา่ สนุ ทรภคู่ งไดแ้ ตง่ นทิ านคากลอนเรอ่ื งพระอภยั มณี โดยทรงอา้ งองิ
หลกั ฐานจากเนอ้ื หาคาประพนั ธท์ ส่ี นุ ทรภแู่ ตง่ ไวต้ อนกาเนดิ พลายงาม ขนุ แผนตดิ คกุ และหา
เลยี้ งชพี โดยการสานกระทายขาย ซงึ่ ทรงตคี วามวา่ สนุ ทรภแู่ ตง่ พระอภยั มณนี น่ั เอง ซง่ึ คา
ประพนั ธด์ งั น้ี
อยเู่ ปล่าเปลา่ กจ็ นพ้นกาลงั อุตสา่ หน์ งั่ ทาการสานกระทาย
ให้นางแกว้ กริ ยิ าชว่ ยทารัก ขุนแผนถักขอบรัดกระหวดั หวาย
ใบละบาทคาดไดโ้ ดยงา่ ยดาย แขวนไวข้ ายท้งั เรอื นออกเกลือ่ นไป
สนุ ทรภ่พู ้นจองจา
สุนทรภู่ถูกจองจานานเท่าใดไม่มีหลักฐาน ปรากฏและเหตุท่ีสุนทรภู่พ้นจองจาก็ด้วย
ความสามารถทางดา้ นคาประพันธข์ องตนน่ันเองทัง้ น้เี นอ่ื งมาจากพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศ
หล้านภาลัยฯทรงพระราชนิพนธ์เร่ืองสังข์ทองตอนเจ้าเงาะกาลังเล้าโลมนางรจนา ท่ีกระท่อม
ปลายนา ทรงแต่งถงึ บทกลอนที่วา่
มนั กจ็ รงิ กระนน้ั นน่ั แหละ เจา้ เยาะเยย้ วา่ เงาะไมง่ ามแงะ
34
ทรงตดิ กลอนพระราชนพิ นธต์ อ่ ไมไ่ ด้ จงึ รับสง่ั ใหเ้ สนาบดมี าถามกลอนสนุ ทรภู่ ถา้ หาก
สนุ ทรภแู่ ตง่ กลอนไดพ้ อพระทยั จะทรงอภยั โทษให้ สนุ ทรภไู่ ดแ้ ตง่ กลอนตอ่ ของรชั กาลที่ 2
ขอ้ ความดงั นี้
"แฮะ แฮะ วา่ เลน่ หรอื วา่ จรงิ "
เมอื่ เสนาบดนี ากลอนท่สี นุ ทรภ่ตู อ่ ใหท้ รงทราบพระองค์กพ็ อพระทัย และอภยั โทษใหก้ บั
สุนทรภูเ่ มื่อสุนทรภูไ่ ด้กลบั รบั ราชการอกี ครงั้ ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯใหส้ ุนทรภู่ทาการสอนหนงั สอื พระ
เจา้ ลูกยาเธอเจา้ ฟา้ อาภรณ์ พระโอรสในเจา้ ฟา้ กณุ ฑลทิพยวดี และตอ่ มาสนุ ทรภู่ได้แตง่ เร่อื ง
สวสั ดิ์รักษาถวายเจา้ ฟ้าอาภรณใ์ นเวลาต่อมา
35
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั เสดจ็ สวรรคต
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั
ในปี พ.ศ.2367 ตรงกับวันพุธท่ี 21 กรกฎาคม แรม 11 ค่า เดือน 8 ปีวอก
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลัยเสด็จสวรรคต หลังจากทรงพระประชวรได้ 8 วัน สิริ
พระชนมายุได้ 58 พรรษา เสดจ็ ดารงราชสมบตั อิ ยู่ 16พรรษา พระองคท์ รงพระประชวรและ
เสด็จสวรรคตอย่างกะทันหันมิได้ทรงมอบราชสมบัติแก่ผู้ใดพระราชวงศ์และข้าราชการจึง
ปรึกษากนั ถวายราชสมบัติแก่พระเจ้าลูกยาเธอกรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์พระราชโอรสพระองค์
ใหญใ่ นเจ้าจอมมารดาเรียมภายหลงั สถาปนาเจา้ จอมมารดาเรียมเปน็ สมเด็จพระศรีสลุ าลัยเมอ่ื
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จข้ึนครองราชย์ ในปี พ.ศ. 2367 ในปีเดียวกันน้ี
สนุ ทรภู่ก็ไดอ้ อกบวช ขณะที่ท่านมอี ายไุ ด้ 38 ปี ซง่ึ ทา่ นไดก้ ลา่ วถึงการบวชของทา่ นไวใ้ นราพัน
พิลาปตอนต้นเรอ่ื งมเี นือ้ หาดงั นี้
แต่ปวี อกออกขาดราชกจิ บรรพชติ พศิ วาสพระศาสนา
เหมอื นลอยลอ่ งทอ้ งชะเลอยเู่ อกา เห็นแตฟ่ า้ ฟา้ กเ็ ปลยี่ วสดุ เหลยี วแล
36
สนุ ทรภหู่ นรี าชภยั ออกบวช
พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
การขนึ้ ครองราชยข์ องรชั กาลท่ี 3 พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกล้าเจา้ อยูห่ วั น่นั เอง ซึ่งใน
สมยั ทีพ่ ระองค์ยังมีพระอิสรยยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอกรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์ ไม่พอพระทัย
เนื่องจากทรงขัดเคอื งสนุ ทรภู่ ว่าแกล้งปรามาสดถู ูกพระองค์หนา้ พระที่น่ังพระบาทสมเด็จพระ
พุทธเลิศหล้านภาลัย สาหรับเร่ืองราวก็คือในคราวท่ีพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ทรงพระราชนพิ นธ์บทละครเรื่องอิเหนาเพ่ือนาไปใช้ในการเล่นละคร และได้ทรงแบ่งตอนนาง
บษุ บาเล่นธาร เมื่อคราวทา้ วดาหาไปใชบ้ นไดพ้ ระราชทานใหพ้ ระเจ้าลูกยาเธอกรมหมน่ื เจษฎา
บดินทร์ทรงนิพนธ์ เมื่อพระองค์ทรงนิพนธ์แล้ว ก่อนจะถึงวันจะอ่านถวายต่อหน้าพระที่นั่ง
รัชกาลที่ 2 ได้วานให้สุนทรภู่อ่านตรวจสอบเสียก่อน สุนทรภู่ตรวจสอบแล้วเห็นดีในสานวน
เนื้อหาที่ทรงนิพนธห์ ามีท่ีใดสมควรแก้ไขไม่ เมอื่ ถึงเวลาที่กรมหม่นื เจษฎาฯ ตอ้ งอ่านถวายหน้า
พระท่นี ง่ั รัชกาลที่ 2 และตอ่ หน้ากวใี นราชสานักเมือ่ ถงึ ตอนหนง่ึ มีขอ้ ความว่า
นา้ ใสไหลเยน็ แลเหน็ ตวั ปลาแหวกกอบวั อยไู่ หวไหวฯ
37
สนุ ทรภไู่ ดข้ อทว้ งตงิ ขอ้ ความดงั กลา่ ววา่ ไมเ่ หมาะสมแลเหน็ ตวั นน้ั แลเห็นตวั อะไร และ
ขอแกข้ อ้ ความใหมด่ งั น้ี
นา้ ใสไหลเยน็ เหน็ ตวั ปลา วา่ ยแหวกปทมุ าอยไู่ หวไหวฯ
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัย ตรสั สง่ั ใหแ้ กต้ ามทสี่ นุ ทรภกู่ ราบบงั คมทลู
และอกี คราวหน่งึ กรมหมืน่ เจษฎาบดนิ ทร์ ทรงนิพนธบ์ ทละครเรื่องสงั ข์ทอง ตอนท้าวสามลจะ
ให้ลูกสาวเลือกคู่ เป็นคาปรารภของท้าวสามลในการจัดการเลือกคู่คร้ังน้ี กรมหมื่นเจษฎา
บดนิ ทร์ ทรงอ่านถวายหนา้ พระที่น่ังขอ้ ความดงั นี้
จาจะปลกู ฝังเสียยงั แล้ว ใหล้ ูกแก้วสมมาดปรารถนาฯ
เจา้ ฟา้ มงกฎุ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ 4
คร้ันเมื่อกรมหม่ืนเจษฎาบดนิ ทรอ์ า่ นถวาย สนุ ทรภแู่ ยง้ ถามขน้ึ ตอ่ หนา้ พระทนี่ ง่ั รชั กาลที่
2 ว่า ลูกปรารถนา น้ัน ปรารถนาอะไร กรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์ฯ ต้องทรงแก้ใหม่ว่า จาจะ
ปลกู ฝงั เสียยงั แลว้ ให้ลูกแกว้ มีคู่เสนห่ าฯ สนุ ทรภไู่ ดท้ าการอันมิบงั ควรตอ่ พระเจ้าลกู ยาเธอกรม
หม่ืนเจษฎาบดินทร์ถึงสองคร้ังสองคราหน้าพระท่ีน่ัง ทาให้พระองค์ไม่พอพระทัยในตัวของ
สุนทรภอู่ ยา่ งย่งิ และสาเหตสุ าคญั ที่สุนทรภูก่ ล้าแสดงอาการดูหม่ินพระเจ้าลูกยาเธอกรมหม่ืน
38
เจษฎาบดนิ ทรน์ ั้นสนุ ทรภคู่ งคดิ วา่ พระองคท์ า่ นจะขน้ึ ครองราชยแ์ ละผทู้ ส่ี นุ ทรภคู่ ดิ ว่าจะตอ้ งขน้ึ
ครองราชย์แทนพระบาทสมเด็จ พระพทุ ธเลิศหล้านภาลัยฯ คือ เจ้าฟา้ มงกุฎพระราชโอรสองค์
ใหญ่ ซึ่งทรงมสี ทิ ธิในราชบัลลังก์โดยฐานะ
ถ้าหากจะพิจารณาบทนิพนธ์ของพระยาตรัง เร่ื องโคลงดั้นเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จฯพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งได้นิพนธ์ข้ึน ในปีพ.ศ.2351 ตอนที่พรรณนาว่า
ดว้ ยพระราชพธิ โี สกันต์เจ้าฟา้ มงกุฎซ่ึงมขี อ้ ความดงั นี้
ปางองคอ์ ิศรราชเจ้า จอมกษตั ริย์
หวังหนอ่ นฤบดนิ ทร์ ธเรศทา้ ว
ใหส้ บื สริ พิ ฒั น์ พรราช
เรอื งพระยศอครา้ ว ครอบครอง
เมอื่ เหตุการณเ์ ปลย่ี นแปลงอย่างกะทนั หนั โดยการที่รัชกาลท่ี 2 เสดจ็ สวรรคตโดยปจั จบุ นั
และยงั มไิ ดท้ รงสถาปนาผูใ้ ดข้นึ เปน็ รัชทายาท ขณะนั้นพอดีกับเจ้าฟ้ามงกุฎผนวชอยู่ ซึ่งผนวช
ได้ เพยี ง 15 วัน ในชว่ งขณะนน้ั กรมหม่ืนเจษฎาบดนิ ทรท์ รงมีอานาจเปน็ อนั มากทางฝา่ ยพระ
บรมวงศานุวงศแ์ ละข้าราชบรพิ ารประชมุ รว่ มกันอันเชิญกรมหมืน่ เจษฎาบดินทรข์ นึ้ ครองราชย์
39
เม่ือกรมหม่ืนเจษฎาบดนิ ทร์ได้ข้ึนครองราชย์ สุนทรภู่กลัวราชภัยจะมีมาถึงตน ซ่ึงหนทางที่จะ
ปลอดภัยท่ีสุดมีเพียงหนทางเดียว ก็คือการออกบวช เพราะคนในสมัยก่อนจะอโหสิกรรมให้
อภัยแก่กันเมื่อบุคคลผู้น้ันบวชเรียน และอีกประการกก็คือ พระบาทสมเด็จฯพระน่ังเกล้า
เจ้าอย่หู วั ทรงเคารพพระสงฆม์ าก ถ้าบวชเป็นพระใครจะอุปถมั ภ์ก็เหน็ จะไม่ทรงตเิ ตียน
สนุ ทรภบู่ วชกคี่ รงั้ เคยสกึ แลว้ กลบั มาบวชอกี หรอื ไม่
วดั ระฆงั โฆษิตาราม
เปน็ เรอื่ งที่แปลกอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับชีวประวัติของสุนทรภู่ คือ มีการกล่าวถึงว่า
สนุ ทรภู่ไมไ่ ดบ้ วชเพียงครง้ั เดยี ว แต่ไดบ้ วชถึง 2 ครั้ง โดยครงั้ แรกสุนทรภู่ไดอ้ อกบวชในปี พ.ศ.
2367 คงบวชท่ี วดั ระฆงั โฆษติ าราม โดยพระองค์เจ้าประถมวงศ์เจ้านายเก่าของสุนทรภู่เป็นผู้
อปุ ถัมภ์ เมื่อบวชแล้วได้จาพรรษาทวี่ ดั ราชบูรณะ หรือวดั เลียบ สนุ ทรภจู่ าใจตอ้ งออกบวช ทง้ั ๆ
ทที่ ่านเป็นผูท้ ีย่ ังเกาะตดิ อยกู่ บั สุราและนารอี ย่างเหนียวแน่น ตอ่ มาทา่ นไดอ้ อกธุดงคไ์ ปตามหัว
เมืองตา่ ง ๆ เป็นระยะเวลา ประมาณ 3 ปไี ด้กลับมาอยู่วดั ราชบรู ณะอีกคร้งั
40
วดั ราชบรู ณราชวรวหิ ารหรอื วดั เลยี บ
ปี พ.ศ. 2371 ขณะทส่ี ุนทรภอู่ ยู่ทีว่ ดั ราชบูรณะหรือวดั เลยี บนัน้ ทา่ นเกดิ อธกิ รณก์ ระทา
การอันไม่เหมาะสมแก่สมณะเพศ ถูกบัพพาชนียกรรมขับไล่ให้ไปเสียจากวัด มูลเหตุที่เกิด
อธกิ รณ์น้ัน กรมพระยาดารงราชานภุ าพ ทรงสนั นิษฐานวา่ สุนทรภู่คงตอ้ งหาเสพสรุ าเพราะวสิ ยั
สุนทรภู่นั้นเวลาจะแต่งกลอนถ้ามีฤทธ์ิสุราเป็นเชื้ออยู่แล้วแต่งคล่องนักนายธนิต อยู่โพธิ์ อดีต
อธิบดีกรมศลิ ปกรได้ทาเชิงอรรถอธบิ ายเพ่ิมเติมพระนพิ นธข์ อง สมเด็จกรมพระยาดารงราชานุ
ภาพ ตอนนว้ี า่ "เห็นจะไม่ใช่เรอ่ื งสรุ าเขา้ ใจว่าเปน็ เรือ่ งรักผหู้ ญิง"
เมอื่ สนุ ทรภู่เกดิ อธิกรณ์อยวู่ ัดราชบูรณะ (วดั เลียบ) ไมไ่ ด้ จงึ คดิ จะออกไปอยู่เสียตามหัว
เมืองจึงแต่งเพลงยาว ทูลลาเจ้าฟ้ากลาง เจ้าฟ้าปิ๋ว ในเพลงยาวน้ันมีคาคร่าครวญและถวาย
โอวาทแตง่ เพราะดีหลายแหง่ แห่งหนึ่งวา่
41
"นจิ จาเอย๋ เคยรองละอองบาท โปรดประภาษไพเราะเสนาะเสยี ง
แสนละมอ่ มนอ้ มพระองคด์ ารงเรยี ง ดงั เดอื นเคยี งแขง่ คกู่ บั สรุ ยิ า
จงอยดู่ ศี รสี วสั ดพ์ิ พิ ฒั นผ์ ล ใหพ้ ระชนมย์ ง่ั ยนื หมน่ื พรรษา
ไดส้ บื วงศพ์ งศม์ กฎุ อยธุ ยา บารุงราษฎรศ์ าสนาถงึ หา้ พนั
เหมอื นสององคท์ รงนามพระรามลกั ษณ์ เปน็ ปน่ิ ปกั ปกเกศทกุ เขตขณั ฑ์
ประจามติ รคดิ รา้ ยวายชวี นั เสวยชนั้ ฉตั รเฉลมิ เปน็ เจมิ จอม
จะไปจากฝากสมเดจ็ พระเชษฐา จงรกั พระอนชุ าอตุ สา่ หถ์ นอม"
วดั ภเู ขาทอง อยธุ ยา
สนุ ทรภอู่ อกจากวดั ราชบรู ณะไปคราวน้ี กลบั แตง่ นริ าศอกี คอื นริ าศภเู ขาทอง เหน็ จะ
แต่งเมอื่ ปขี าล พ.ศ.2371 เมอ่ื ออกเรอื ไป กลา่ วความถงึ เรอ่ื งทต่ี อ้ งไปจากวัดราชบรู ณะวา่
"โออ้ าวาสราชบรู ณะพระวหิ าร แตน่ น้ี านนบั ทวิ าจะมาเห็น
หวนราลกึ นกึ นา่ นา้ ตากระเดน็ เพราะขกุ เขญ็ คนพาลทารานทาง
จะยกหยบิ บดเี ปน็ ทต่ี ้งั ก็ใชถ้ งั แทนสดั เหน็ ขดั ขวาง
จงึ อาลาอาวาสนริ าศรา้ ง มาอา้ งวา้ งวญิ ญาณในสาคร"
42
วดั อรณุ ราชวราราม(วดั แจง้ )
สนุ ทรภไู่ ปกรงุ เกา่ อยธุ ยา พรอ้ มดว้ ยหนพู ดั ลกู ชายคนโตและคนแจวเรอื อกี 1 คน เมอื่
พระสนุ ทรภู่ กลบั จากกรงุ เกา่ แลว้ ในปี พ.ศ.2372 ทา่ นไดไ้ ปจาพรรษา อยู่ ณ "วดั อรณุ ราชวรา
ราม"(วดั แจง้ ) ทวี่ ดั อรณุ ฯ เจา้ ฟา้ กณุ ฑลทพิ ยวดี ในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ฯ
ทรงฝากพระโอรสองคก์ ลาง "เจา้ ฟา้ กลาง" พระชนั ษาได้ 10 พรรษา (สมเดจ็ เจา้ ฟา้ กรมพระยา
บาราบปรปักษ์) กบั โอรสนอ้ ย "เจา้ ฟา้ ปวิ๋ " พระชนั ษา 7 พรรษา ใหพ้ ระสนุ ทรภทู่ าการสอน
หนงั สอื ให้ และสนุ ทรภไู่ ดแ้ ตง่ สภุ าษติ คากลอนขึ้นถวายเจา้ ฟา้ ทงั้ 2 พระองค์ คอื เพลงยาว
ถวายโอวาท"
43
วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม (วดั โพธ)ิ์
ปี พ.ศ.2374 สมเด็จพพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานชุ ติ ชิโนรส ประทับจาพรรษา
อยู่ ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ได้ทรงชวนพระสุนทรภู่ข้ามฝากจากวัดอรุณฯ
มาจาพรรษา ณ วดั พระเชตพุ นฯ และพระสนุ ทรภ่กู ไ็ ด้มาจาพรรษาท่ีวัดพระเชตุพนฯ ตามคา
ชวนของกรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรสฯ
ปี พ.ศ.2375 พระสนุ ทรภู่ไดล้ ายแทงยาอายุวฒั นะ ไดเ้ ดนิ ทางไปตามลายแทงไป
วัดเจ้าฟา้ อากาศนารถนรินทร์ เพือ่ หายาอายวุ ฒั นะ โดยไปกับหนูตาบพร้อมกับศิษย์ อีก 3 คน
คอื นายจนั นายมาก และนายบุนนาค แต่ไม่ได้ยาอายุวัฒนะตามต้องการ และสุนทรภู่ได้แต่ง
นริ าศวดั เจ้าฟา้ ขน้ึ
ปี พ.ศ.2375 พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ พระโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ
ได้ผนวชและประทับจาพรรษา ณ วัดพระเชตุพน ฯ พระองค์ทรงคุ้นเคยกับพระสุนทรภู่เป็น
อยา่ งดี เมือ่ ทรงสึกลาเพศแลว้ ไดม้ าประทบั อย่วู งั ทา่ พระ หรอื มหาวิทยาลัยศิลปากรในปัจจุบัน
ได้ชวนพระสุนทรภู่มาจาพรรษา ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษด์ิ เพื่อสะดวกแก่การท่ีจะทรง
อุปถัมภ์ ณ วัดมหาธาตุฯ สุนทรภู่ได้แต่งกลอนเฉลิมพระเกียรติพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับ
นริ าศอิเหนา ตอน บุษบาถูกลมหอบ ถวายพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ ต่อมา พ.ศ.2376 พระ
44
สุนทรภู่ได้เดินทางไปนมัสการพระแท่นดงรัง ซ่ึงปัจจุบันอยู่ในตาบลท่าเรือ อาเภอท่าม่วง
จังหวัดกาญจนบรุ ี
สนุ ทรภู่สกึ
วดั สระเกศราชวรมหาวหิ าร
ปี พ.ศ.2378 พระองค์เจ้าลักขณานุคุณก็สิ้นพระชนม์ลง เห็นจะไม่มีใครกล้ารับ
อุปการะสุนทรภู่ สุนทรภขู่ อยา้ ยจากวดั มหาธาตุ ฯ มาจาพรรษาอยู่ ณ "วัดสระเกศ" เพ่ือจะ
ได้อยูใ่ กล้กบั มารดา (ชอ้ ย) ซงึ่ ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.2377 และเก็บศพไหว้บาเพ็ญกุศล โดยยัง
มิได้ฌาปนกิจ ต่อมาสุนทรภู่ได้สึกออกมาเป็นฆราวาสต้องตกยากอีกครั้งหน่ึง จากหนังสือ
ชีวิตและงานของสุนทรภู่ พระนิพนธ์กรมพระยาดารงราชานุภาพ หน้า 39 ได้กล่าวถึงดังนี้
สุนทรภู่พงึ่ พระบารมีพระองค์เจ้าลกั ขณานคุ ุณอย่ไู ด้ไม่ช้านาน พอถึง พ.ศ.2378 พระองค์ท่าน
ส้ินพระชนม์ สุนทรภู่กลับอนาถายิ่งกว่าคราวก่อน นัยว่าถึงไม่มีบ้านเรือนจะอาศัย ลอยเรือ
เทย่ี วจอดตามสวน หาเลยี้ งชพี ดว้ ยรบั จา้ งเขาแตง่ บทกลอนกบั ทาการคา้ ขายตอ้ งตกทกุ ขไ์ ดย้ าก
คร้ังสาคัญท่ีสุดในชีวิต หมดท่ีพ่ึง ยากจนเป็นท่ีสุด แม้แต่บ้านจะอยู่ก็ไม่มี ต้องว้าเหว่เกือบจะ
45
กลายเป็นคนหลักลอย ต้องอยเู่ รอื ทาการค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ พายเรือเข้าไปขายในเลือกในสวน
ตามคลองในแม่นา้ เจ้าพระยา มคี วามเป็นอย่อู ยา่ งพ่อค้าเรอื เร่ ขายสินค้าเบ็ดเตรด็ เล็ก ๆ นอ้ ย
ๆ และในเวลาเดียวกันได้ขายฝีปากในการแต่งบทกลอนใครนิยมชมช่ืนศิลปะของท่านก็มาขอ
คัดลอกเร่ืองของท่านไปอ่านคิดค่าจ้างให้ตามสมควร วรรณกรรมของท่านในยุคตกอับน่ีคือ
ลกั ษณวงศ์ สุภาษติ สอนหญงิ และราชนิต"ิ
ปี พ.ศ.2379 สุนทรภู่ ออกเดินทางไปพระแท่นดงรัง เมืองสุพรรณบุรี เพราะข่าวลือ
ท่ีวา่ เมืองสุพรรณ มีแร่ชนดิ หนึ่งท่สี ามารถเอามาแปรเปน็ ทองคาได้ สนุ ทรภไู่ ปโดยอาศยั ผอู้ น่ื ไป
สุนทรภกู่ ลับมาบวชอีกครงั้
พพิ ธิ ภณั ฑส์ นุ ทรภทู่ วี่ ดั เทพธดิ าราม
46
ปที ีส่ นุ ทรภู่สึกมีขอ้ โต้แย้งกนั มากกว่าสนุ ทรภู่สึกปีใด อาทิ ชมนาด เสวิกุล กล่าวไว้ใน
หนงั สอื ประวตั ชิ ีวติ และผลงานของสนุ ทรภู่ เก่ยี วกบั ปีทสี่ ุนทรภสู่ กึ หนา้ 180 ดงั น้ี "เป็นเวลา 9
ปี ที่สุนทรภู่ไปพึ่งพระบารมีสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรร ค์ ณ
พระราชวังเดิมนับแต่ได้สึกในพ.ศ.2385 และได้ตามเสด็จมาอยู่ ณ วังหน้า และต่อมา
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น "เจ้ากรม
อาลักษณ์" ฝ่ายพระราชวังบวรสถานมงคล มีบรรดาศักด์ิเป็น "พระสุนทรโวหาร" นอกจากนี้
นายธนิต อยู่โพธิ์ ได้กล่าวไว้ในเชิงอรรถ ท้ายหน้า 38 จากหนังสือ ชีวิตและงานของสุนทรภู่
พระนพิ นธ์สมเดจ็ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ข้อความดงั นี้ "เขา้ ใจวา่ สุนทรภบู่ วชอยู่ราว 18-
20 พรรษา หรือมิฉะน้ันต้องบวชสองหน รวมทั้ง นายเจือ สตะเวทิน ได้กล่าวไว้ในหนังสือ
เรือ่ ง "สนุ ทรภู่" ข้อความดังนี้ "อันชีวิตของสุนทรภู่น้ันย่อมเป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าเคยตกอับจน
ถึงกับต้องไปพายเรือขายของอยู่ตอนหน่ึงเม่ือพิจารณาดูศักราชต่าง ๆ ประกอบแล้วทาให้น่า
เชอ่ื วา่ จะบวชสองหนดังผลการวิจัยของกรมศลิ ปากรคงไม่ใช่บวชคราวเดยี วตลอด ปพี .ศ.2367-
2385 เป็นแน่ เพราะถา้ บวชคราวเดยี วตลอดเราจะขาดชีวติ สนุ ทรภู่ตอนตกยากไป
47
นายธนติ อยโู่ พธ์ิ
นายธนติ อยโู่ พธ์ิ
นอกจากน้นั ยงั มขี อ้ มลู กล่าวถงึ การบวชและการสกึ ของสุนทรภู่ท่านหากสึกคงสึกไปไม่
นานและกลบั มาบวชอีกคร้งั โดยมหี ลกั ฐาน จากหนงั สอื ชวี ติ และงานของสนุ ทรภู่ พระนิพนธก์ รม
พระยาดารงราชานุภาพ บนั ทกึ เรอื่ งผ้แู ต่งนิราศพระแท่นดงรัง ของธนิต อยโู่ พธ์ิ กล่าวไวว้ า่ ปี
วอกอัฐศก ตรงกับ พ.ศ.2379 ซึ่งเป็นปีเริ่มสร้างวัดเทพธิดาราม ปรากฏตามจดหมายเหตุโหร
ฉบับพระยาประมูลธนรักษ์ (หน้า 51) ว่า "ปีวอก จ.ศ. 1179 (พ.ศ. 2379) เดือน 7 พระองค์
วิลาศ (กรมหม่นื อปั สรสดุ าเทพ) สร้างวดั บ้านพระยาไกร สวนหลวง (คือวัดเทพธดิ า)" เข้าใจวา่
การสร้างวัดเทพธิดาเสร็จลงเม่ือ พ.ศ. 2382 เพราะปรากฏว่า พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า
เจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดาเนินผูกพัทธสีมาใน พ.ศ. นั้น สุนทรภู่อยู่ในสมณเพศ และคงจะ
ได้มาอยู่จาพรรษา ณ วัดเทพธิดาในปีผูกพัทธสีมา หรือถัดมาอีกปีหนึ่ง เพราะกล่าวไว้ในเรื่อง
"ราพันพิลาป" ว่า
"โอย้ ามน้ปี ขี าลสงสารวดั เคยโสมนัสในอารามสามเวสา"
48
ปีขาลทว่ี า่ นต้ี รงกบั พ.ศ. 2385 แสดงวา่ สนุ ทรภบู่ วชมาจนถงึ พ.ศ. น้ี ถา้ ลาเพศ
กอ่ น พ.ศ. 2379 กต็ อ้ งไมไ่ ดไ้ ปอยวู่ ดั เทพธดิ า แตม่ หี ลกั ฐานวา่ ทา่ นสนุ ทรภไู่ ดไ้ ปอยวู่ ดั นดี้ ว้ ย
และอาจลาเพศ หรอื ดารจิ ะลาเพศในปขี าลนเี้ อง เพราะกลา่ วตอ่ ไปวา่
"สน้ิ กศุ ลผลบญุ กรณุ า จะจาลาเลยลบั ไปนบั นาน"
วดั สระเกศราชวรมหาวหิ าร(วดั ภเู ขาทอง)
วดั สระเกศราชวรมหาวหิ าร(ภเู ขาทอง)
พระสนุ ทรภเู่ มอื่ กลบั จากเมอื งสพุ รรณบรุ ี ทา่ นไดม้ าจาพรรษาอยู่ ณ วดั สระเกศ ครนั้
ตอ่ มา พ.ศ. 2383 กรมหมน่ื อัปสรสดุ าเทพพระราชธิดาในพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
ทรงมพี ระเมตตาอปุ ถมั ป์ พระสนุ ทรภไู่ ดย้ ้ายจากวดั สระเกศมาจาพรรษาอยู่ ณ วดั เทพธดิ าราม
ซงึ่ วดั นม้ี นี ามเดมิ วา่ วดั บา้ นพระยาไกรสวนหลวง สนุ ทรภเู่ มอื่ อยวู่ ดั เทพธดิ ารามไดแ้ ตง่ นทิ านคา
กลอน เรอื่ งพระอภยั มณี แตง่ ถวายกรมหมน่ื อปั สรสดุ าเทพเดอื นละ 1 เลม่ สมดุ ไทย ตามรบั สง่ั
49
สมเดจ็ พระนอ้ งยาเธอกรมขนุ อสิ เรศรงั สรรค์ (พระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั )
ปีพ.ศ.2385พระสนุ ทรภไู่ ด้แต่งราพันพิลาป อันเนื่องจากความฝนั ของทา่ น และสนุ ทรภู่
ได้รับการอุปถัมภ์จากกรมหมนื่ อปั สรสุดาเทพและสมเดจ็ พระน้องยาเธอกรมขนุ อิสเรศรังสรรค์
อกี ด้วย
ปี 2385 สนุ ทรภู่เดินทางไปนมสั การพระปฐมเจดยี ์
50
กรมหมนื่ อปั สรสดุ าเทพ
ปี 2388 กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพก็ส้ินพระชนม์ ทาให้สุนทรภู่ขาดเจ้านายทรงมีพระ
เมตตาตอ่ ตนอีกพระองคห์ นึ่ง
ปี พ.ศ.2392 สนุ ทรภ่เู ดินทางไปเมืองเพชรบุรโี ดยไปทาธรุ ะสว่ นพระองคใ์ ห้กบั สมเดจ็
เจ้าฟา้ กรมขุนอสิ เรศรังสรรค์