The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2หลักสูตรภาษาไทย_merged

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nopparat Taweewongampai, 2022-09-22 04:04:54

2หลักสูตรภาษาไทย_merged

2หลักสูตรภาษาไทย_merged

เอกสารประกอบหลกั สูตรสถานศกึ ษา
โรงเรยี นบา้ นทิยาเพอ พุทธศกั ราช 2563

ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน
พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช 2560)

กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย

สานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาแม่ฮอ่ งสอน เขต 2
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธกิ าร

ประกาศโรงเรียนบา้ นทิยาเพอ
เรื่อง ใหใ้ ช้หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนบ้านทยิ าเพอ พุทธศักราช 2563

ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551
(ฉบบั ปรบั ปรุง พุทธศักราช 2560)
………………………………….

กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียน รู้
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 ตามคาส่ัง กระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ.1239/2560 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2560 และคาสั่ง
สานั กงานคณ ะกรรมการการศึกษ าขั้น พ้ื นฐาน ท่ี 30/2561 ลงวันที่ 5 มกราคม 2561
ให้เปล่ียนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2561) โดยมีคาส่ังให้โรงเรียนดาเนินการใช้หลักสูตรในปีการศึกษา 2561
โดยให้ใช้ในชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 และ 4 ต้ังแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นมาในปีการศึกษา 2562
ให้ใช้หลักสูตรในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 2 4 และ 5 มัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2 และในปี 2563 ให้ใช้
ทุกระดบั ชน้ั

โรงเรียนบ้านทิยาเพอ จึงได้จัดทาหลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ข้ึน
คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนได้ ตรวจสอบผู้เรียน
สามารถนาไปใช้ในการดารงชีวิตประจาวันอย่างมีคุณค่าต่อสังคม จึงเห็นสมควรแล้วว่ามีความเหมาะสม
สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 และความต้องการของท้องถิ่น อนุญาต
ใหใ้ ช้หลักสตู รสถานศึกษาของโรงเรยี นบา้ นทิยาเพอได้

ท้ังน้ี หลักสูตรโรงเรียนได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เมื่อวันที่
1 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 จึงประกาศให้ใช้หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านทิยาเพอ
พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง
พทุ ธศักราช 2560) ต้ังแตบ่ ดั นเี้ ป็นต้นไป

ประกาศ ณ วนั ที่ 1 เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. 2563

คานา

คณะผู้จัดทาหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านทิยาเพอ พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ได้ดาเนินการจัดทา
สาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อให้ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ได้นาไปใช้เป็นแนวทางในการ
จัดการเรียนการสอน ซึ่งมีองค์ประกอบท่ีสาคัญคือ ทาไมต้องเรียนภาษาไทย เรียนรู้อะไรในภาษาไทย
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ คุณภาพผู้เรียนตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง โครงสร้างเวลา
และอัตราการจดั การเรียนรู้ คาอธิบายรายวชิ า และโครงสร้างรายวชิ า

ขอขอบ คุณ ผู้ มีส่ วนเก่ียวข้องในการจัดทาเอกส ารหลั กสู ต รให้มีความส มบูรณ์ และเห มาะส ม
สาหรับการจัดการเรียนการสอน สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด
ทกี่ าหนดในหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)

คณะผู้จดั ทำ

สารบญั หน้า

เรอ่ื ง ก
ประกาศโรงเรยี นบ้านทิยาเพอ ข
คานา ค
สารบญั 1
ทาไมต้องเรยี นภาษาไทย 1
เรียนรู้อะไรในภาษาไทย 2
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 3
คณุ ภาพผ้เู รียน 5
ตัวชีว้ ดั และสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง 5
10
สาระท่ี 1 การอ่าน 13
สาระท่ี 2 การเขยี น 18
สาระท่ี 3 การฟงั การดู และการพูด 22
สาระที่ 4 หลกั การใชภ้ าษา 25
สาระท่ี 5 วรรณคดแี ละวรรณกรรม 26
กรอบสาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น 3๓
โครงสร้างเวลาเรยี น ระดับประถมศกึ ษา 4๕
คาอธิบายรายวชิ า 7๕
โครงสร้างรายวชิ า ๘๓
อภธิ านศพั ท์
ภาคผนวก

1

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ทาไมต้องเรียนภาษาไทย

ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ
และเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้าง
ความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทาให้สามารถประกอบกิจธุระ การงาน และดารงชีวิตร่วมกัน
ในสังคมประชาธิปไตยได้อย่างสันติสุข และเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จาก
แหล่งข้อมูลสารสนเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาความรู้ พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์
ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนาไปใช้
ในการพัฒนาอาชีพให้มีความม่ันคงทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นสื่อแสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ
ด้านวัฒนธรรม ประเพณี และสุนทรียภาพ เป็นสมบัติล้าค่าควรแก่การเรียนรู้ อนุรักษ์ และสืบสาน
ให้คงอยคู่ ่ชู าติไทยตลอดไป

เรยี นรู้อะไรในภาษาไทย

ภาษาไทยเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนจนเกิดความชานาญในการใช้ภาษาเพ่ือการส่ือสาร การเรียนรู้
อย่างมีประสทิ ธภิ าพ และเพ่อื นาไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ

 การอ่าน การอ่านออกเสียงคา ประโยค การอ่านบทร้อยแก้ว คาประพันธ์ชนิดต่างๆ
การอ่านในใจเพอ่ื สรา้ งความเข้าใจ และการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ความรู้จากส่งิ ท่อี า่ น เพื่อนาไปปรับใช้
ในชวี ติ ประจาวนั

 การเขียน การเขียนสะกดตามอักขรวิธี การเขียนสื่อสาร โดยใช้ถ้อยคาและรูปแบบต่างๆ
ของการเขียน ซ่ึงรวมถึงการเขียนเรียงความ ย่อความ รายงานชนิดต่างๆ การเขียนตามจินตนาการ
วิเคราะห์วิจารณ์ และเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์

 การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็น
ความรู้สึก พูดลาดับเร่ืองราวต่างๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผล การพูดในโอกาสต่างๆ ทั้งเป็นทางการ
และไม่เปน็ ทางการ และการพดู เพือ่ โน้มนา้ วใจ

 หลักการใช้ภาษาไทย ธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใช้ภาษาให้ถูกต้อง
เหมาะสมกับโอกาสและบุคคล การแต่งบทประพันธ์ประเภทต่างๆ และอิทธิพลของภาษาต่างประเทศ
ในภาษาไทย

 วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือศึกษาข้อมูล แนวความคิด
คุณค่าของงานประพันธ์ และความเพลิดเพลิน การเรียนรู้และทาความเข้าใจบทเห่ บทร้องเล่นของเด็ก
เพลงพ้ืนบ้านท่ีเป็นภูมิปัญญาท่ีมีคุณค่าของไทย ซ่ึงได้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ขนบธรรมเนียม
ประเพณี เรื่องราวของสังคมในอดีต และความงดงามของภาษา เพ่ือให้เกิดความซาบซึ้งและภูมิใจ
ในบรรพบรุ ษุ ท่ีไดส้ งั่ สมสืบทอดมาจนถึงปัจจบุ นั

2

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้

สาระที่ 1 การอา่ น
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ัญหาในการ

ดาเนนิ ชีวติ และมีนสิ ัยรกั การอ่าน

สาระที่ 2 การเขียน
มาตรฐาน ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเร่อื งราวในรปู แบบ

ต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี
ประสิทธิภาพ

สาระท่ี 3 การฟัง การดู และการพูด
มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด

และ ความร้สู ึกในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์

สาระที่ 4 หลักการใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง

ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ

สาระท่ี 5 วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า

และนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ จริง

3

คุณภาพผู้เรียน

จบช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3
 อ่านออกเสียงคา คาคล้องจอง ข้อความ เรื่องส้ันๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถูกต้อง
คล่องแคล่ว เข้าใจความหมายของคาและข้อความท่ีอ่าน ตั้งคาถามเชิงเหตุผล ลาดับเหตุการณ์
คาดคะเนเหตุการณ์ สรุปความรู้ข้อคิดจากเร่ืองที่อ่าน ปฏิบัติตามคาสั่ง คาอธิบายจากเร่ืองท่ีอ่านได้
เข้าใจความหมายของข้อมูลจากแผนภาพ แผนท่ี และแผนภูมิ อ่านหนังสืออย่างสม่าเสมอ
และมีมารยาทในการอ่าน
 มีทักษะในการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนบรรยาย บันทึกประจาวัน เขียน
จดหมายลาครู เขียนเร่ืองเกยี่ วกับประสบการณ์ เขียนเรอ่ื งตามจนิ ตนาการและมมี ารยาทในการเขียน
 เล่ารายละเอียดและบอกสาระสาคัญ ตั้งคาถาม ตอบคาถาม รวมทั้งพูดแสดงความคิด
ความรู้สึกเก่ียวกับเรื่องที่ฟังและดู พูดส่ือสารเล่าประสบการณ์และพูดแนะนา หรือพูดเชิญชวนให้ผู้อ่ืน
ปฏบิ ัตติ าม และมีมารยาทในการฟงั ดู และพูด
 สะกดคาและเขา้ ใจความหมายของคา ความแตกตา่ งของคาและพยางค์ หน้าทีข่ องคา
ในประโยค มีทักษะการใช้พจนานุกรมในการค้นหาความหมายของคา แต่งประโยคง่ายๆ
แตง่ คาคลอ้ งจอง แต่งคาขวญั และเลอื กใชภ้ าษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่นิ ได้เหมาะสมกบั กาลเทศะ
 เข้าใจและสามารถสรุปขอ้ คดิ ทไ่ี ด้จากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนาไปใช้
 ในชีวิตประจาวนั แสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีท่ีอ่าน รู้จักเพลงพื้นบ้าน เพลงกล่อมเด็ก
ซึ่งเปน็ วัฒนธรรมของทอ้ งถน่ิ ร้องบทร้องเลน่ สาหรับเด็กในทอ้ งถิน่ ทอ่ งจาบทอาขยานและบทร้อยกรอง
ทีม่ คี ณุ ค่าตามความสนใจได้

จบชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6
 อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองเป็นทานองเสนาะได้ถูกต้อง อธิบายความหมาย
โดยตรงและความหมายโดยนัยของคา ประโยค ข้อความ สานวนโวหาร จากเรื่องท่ีอ่าน เข้าใจ
คาแนะนา คาอธิบายในคู่มือต่างๆ แยกแยะข้อคิดเห็นและข้อเท็จจริง รวมท้ังจับใจความสาคัญของ
เรอ่ื งที่อา่ นและนาความรคู้ วามคิดจากเร่อื งท่อี ่านไปตดั สนิ ใจแกป้ ัญหาในการดาเนนิ ชีวติ ได้
มมี ารยาทและมนี สิ ยั รกั การอ่าน และเห็นคุณค่าสิ่งทอ่ี า่ น
 มีทักษะในการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดและคร่ึงบรรทัด เขียนสะกดคา แต่งประโยค
และเขียนข้อความ ตลอดจนเขียนส่ือสารโดยใช้ถ้อยคาชัดเจนเหมาะสม ใช้แผนภาพ โครงเร่ือง
และแผนภาพความคิด เพื่อพัฒนางานเขียน เขียนเรียงความ ย่อความ จดหมายส่วนตัว กรอกแบบ
รายการต่างๆ เขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็น เขียนเรื่องตามจินตนาการอย่างสร้างสรรค์
และมมี ารยาทในการเขยี น
 พูดแสดงความรู้ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องท่ีฟังและดู เล่าเร่ืองย่อหรือสรุปจากเร่ืองที่ฟังและดู
ตั้งคาถาม ตอบคาถามจากเร่ืองที่ฟังและดู รวมทั้งประเมินความน่าเชื่อถือจากการฟังและดโู ฆษณาอย่าง
มีเหตุผล พูดตามลาดับข้ันตอนเรื่องต่างๆ อย่างชัดเจน พูดรายงานหรือประเด็นค้นคว้าจาก การฟัง
การดู การสนทนา และพูดโนม้ นา้ วไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล รวมท้งั มมี ารยาทในการดแู ละพดู

4

 สะกดคาและเขา้ ใจความหมายของคา สานวน คาพงั เพยและสภุ าษติ รแู้ ละเข้าใจ
ชนิดและหน้าที่ของคาในประโยค ชนิดของประโยค และคาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
ใชค้ าราชาศพั ท์และคาสุภาพไดอ้ ย่างเหมาะสม แต่งประโยค แต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนส่ี
กลอนสุภาพ และกาพย์ยานี 11

 เข้าใจและเห็นคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน เล่านิทานพื้นบ้าน ร้องเพลงพ้ืนบ้าน
ของท้องถิ่น นาข้อคิดเห็นจากเรือ่ งที่อ่านไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง และท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนด
ได้

5

ตวั ช้วี ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง

สาระท่ี 1 การอา่ น

มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพอ่ื นาไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ญั หาในการ
ดาเนนิ ชีวิต และมนี ิสยั รักการอา่ น

ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง

ป.1 1. อ่านออกเสียงคา คาคล้องจอง และ  การอ่านออกเสยี งและบอกความหมายของคา
ขอ้ ความสน้ั ๆ คาคล้องจอง และขอ้ ความทป่ี ระกอบด้วย

2. บอกความหมายของคา และข้อความ คาพื้นฐาน คอื คาท่ีใช้ในชวี ติ ประจาวัน

ที่อา่ น ไมน่ อ้ ยกว่า 600 คา รวมท้งั คาที่ใชเ้ รียนรู้ใน

กลมุ่ สาระการเรยี นร้อู น่ื ประกอบดว้ ย

- คาทมี่ ีรูปวรรณยุกตแ์ ละไม่มีรปู วรรณยุกต์

- คาท่ีมีตัวสะกดตรงตามมาตราและไม่ตรง

ตามมาตรา

- คาทมี่ ีพยญั ชนะควบกล้า

- คาทม่ี ีอักษรนา

3. ตอบคาถามเกี่ยวกบั เร่ืองท่อี ่าน  การอา่ นจบั ใจความจากสือ่ ตา่ งๆ เชน่

4. เลา่ เรื่องยอ่ จากเรื่องท่ีอ่าน - นิทาน

5. คาดคะเนเหตุการณ์จากเรือ่ งที่อา่ น - เรือ่ งส้นั ๆ

- บทรอ้ งเล่นและบทเพลง

- เรอื่ งราวจากบทเรียนในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้

ภาษาไทยและกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น

6. อ่านหนงั สอื ตามความสนใจ  การอา่ นหนังสอื ตามความสนใจ เช่น

อยา่ งสมา่ เสมอและนาเสนอเรือ่ งที่ - หนงั สอื ทนี่ ักเรยี นสนใจและเหมาะสมกบั วัย

อ่าน - หนังสอื ทค่ี รแู ละนกั เรยี นกาหนดร่วมกนั

7. บอกความหมายของเครอ่ื งหมาย  การอ่านเครือ่ งหมายหรือสญั ลกั ษณ์
หรือสญั ลักษณส์ าคญั ท่ีมักพบเหน็ ใน ประกอบด้วย
ชวี ติ ประจาวนั - เครอ่ื งหมายสัญลักษณต์ า่ งๆ ทพี่ บเห็นใน
ชีวิตประจาวนั
8. มีมารยาท ในการอา่ น - เครอ่ื งหมายแสดงความปลอดภยั และแสดง
อันตราย

 มารยาทในการอ่าน เชน่
- ไมอ่ า่ นเสียงดงั รบกวนผอู้ ่ืน
- ไม่เล่นกันขณะทอ่ี ่าน
- ไม่ทาลายหนงั สือ

6

ช้นั ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

2 1. อ่านออกเสยี งคา คาคลอ้ งจอง  การอ่านออกเสยี งและการบอกวามหมายของคา
ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆ คาคล้องจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองง่ายๆ

ไดถ้ กู ต้อง ท่ีประกอบดว้ ยคาพ้นื ฐานเพิม่ จาก ป. 1

2. อธิบายความหมายของคาและ ไมน่ อ้ ยกว่า 800 คา รวมทัง้ คาทใี่ ช้เรียนรู้
ข้อความทอี่ า่ น ในกลุ่มสาระการเรียนรอู้ นื่ ประกอบด้วย
- คาท่ีมีรูปวรรณยกุ ต์และไมม่ รี ูปวรรณยกุ ต์

- คาท่ีมีตัวสะกดตรงตามมาตราและไม่ตรงตาม

มาตรา

- คาทม่ี พี ยญั ชนะควบกล้า

- คาทีม่ อี กั ษรนา

- คาทม่ี ตี ัวการันต์

- คาทมี่ ี รร

- คาทมี่ พี ยญั ชนะและสระทไี่ มอ่ อกเสียง

3. ตั้งคาถามและตอบคาถามเก่ยี วกบั  การอา่ นจับใจความจากส่อื ตา่ งๆ เช่น

เรื่องที่อ่าน - นิทาน

4. ระบใุ จความสาคญั และรายละเอยี ด - เรอ่ื งเลา่ ส้ัน ๆ

จากเรื่องทอ่ี ่าน - บทเพลงและบทร้อยกรองงา่ ยๆ

5. แสดงความคิดเหน็ และคาดคะเน - เร่ืองราวจากบทเรียนในกลมุ่ สาระการเรียนรู้

เหตุการณจ์ ากเรือ่ งท่อี า่ น ภาษาไทย และกลมุ่ สาระการเรยี นรู้อืน่

- ขา่ วและเหตุการณ์ประจาวนั

6. อ่านหนังสอื ตามความสนใจอย่าง  การอา่ นหนังสอื ตามความสนใจ เช่น

สม่าเสมอและนาเสนอเร่ืองท่ีอา่ น - หนงั สอื ทน่ี กั เรยี นสนใจและเหมาะสมกบั วัย

- หนังสอื ทคี่ รูและนักเรียนกาหนดรว่ มกัน

7. อ่านข้อเขียนเชิงอธบิ าย และปฏิบตั ิ  การอา่ นขอ้ เขียนเชงิ อธบิ าย และปฏบิ ตั ติ ามคาส่งั

ตามคาสง่ั หรอื ขอ้ แนะนา หรอื ข้อแนะนา

- การใชส้ ถานทส่ี าธารณะ

- คาแนะนาการใชเ้ ครือ่ งใชท้ จี่ าเปน็ ในบา้ นและ

ในโรงเรยี น

8. มมี ารยาทในการอ่าน  มารยาทในการอ่าน เชน่

- ไมอ่ า่ นเสยี งดังรบกวนผูอ้ น่ื

- ไมเ่ ลน่ กนั ขณะทีอ่ า่ น

- ไม่ทาลายหนงั สอื

- ไม่ควรแยง่ อา่ นหรือชะโงกหน้าไปอ่าน

ขณะท่ีผูอ้ ื่นกาลังอ่านอยู่

7

ชน้ั ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

ป.3 1. อา่ นออกเสยี งคา ขอ้ ความ เร่ืองส้นั ๆ  การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของ
และบทรอ้ ยกรองง่ายๆ ได้ถูกตอ้ ง คา คาคล้องจอง ข้อความ และบทร้อยกรอง

คลอ่ งแคล่ว งา่ ยๆ ทปี่ ระกอบดว้ ยคาพน้ื ฐานเพมิ่ จาก ป.2

2. อธิบายความหมายของคาและ ไมน่ ้อยกว่า 1,200 คา รวมท้งั คาท่ีเรยี นรู้ในกล่มุ

ขอ้ ความทอี่ ่าน สาระการเรยี นรู้อ่ืน ประกอบด้วย

- คาที่มีตัวการนั ต์

- คาท่ีมี รร

- คาที่มีพยัญชนะและสระไม่ออกเสยี ง

- คาพอ้ ง

- คาพิเศษอนื่ ๆ เช่น คาท่ใี ช้ ฑ ฤ ฤๅ

3. ตง้ั คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผล  การอ่านจบั ใจความจากสื่อตา่ งๆ เชน่

เกีย่ วกับเรอ่ื งที่อ่าน - นทิ านหรอื เรื่องเก่ียวกับทอ้ งถน่ิ

4. ลาดบั เหตุการณแ์ ละคาดคะเน - เรื่องเลา่ ส้ันๆ

เหตกุ ารณ์จากเรอื่ งทีอ่ า่ นโดยระบุ - บทเพลงและบทร้อยกรอง

เหตุผลประกอบ - บทเรียนในกลมุ่ สาระการเรียนรูอ้ ืน่

5. สรปุ ความรูแ้ ละข้อคดิ จากเร่ืองทีอ่ ่าน - ข่าวและเหตุการณ์ในชวี ติ ประจาวนั ในท้องถ่นิ

เพ่ือนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั และชุมชน

6. อ่านหนงั สือตามความสนใจ  การอ่านหนังสือตามความสนใจ เช่น

อย่างสม่าเสมอและนาเสนอเรื่องที่ - หนังสือทีน่ ักเรียนสนใจและเหมาะสมกบั วยั

อ่าน - หนังสือท่คี รแู ละนักเรียนกาหนดร่วมกนั

7. อา่ นข้อเขยี นเชิงอธิบายและปฏิบตั ิ  การอา่ นข้อเขียนเชิงอธบิ าย และปฏบิ ตั ติ ามคาสง่ั

ตามคาสง่ั หรอื ข้อแนะนา หรือข้อแนะนา

- คาแนะนาตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวนั

- ประกาศ ปา้ ยโฆษณา และคาขวัญ

8. อธิบายความหมายของขอ้ มูลจาก  การอา่ นขอ้ มลู จากแผนภาพ แผนที่ และแผนภมู ิ

แผนภาพ แผนที่ และแผนภมู ิ

9. มีมารยาทในการอา่ น  มารยาทในการอ่าน เชน่

- ไม่อ่านเสยี งดงั รบกวนผู้อนื่

- ไมเ่ ลน่ กันขณะท่ีอ่าน

- ไมท่ าลายหนงั สือ

- ไม่ควรแยง่ อา่ นหรือชะโงกหน้าไปอา่ นขณะที่

ผู้อน่ื กาลังอ่าน

8

ชัน้ ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

ป.4 1. อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและ  การอ่านออกเสยี งและการบอกความหมายของ

บทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกต้อง บทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองที่ประกอบดว้ ย

2. อธิบายความหมายของคา ประโยค - คาท่มี ี ร ล เปน็ พยัญชนะตน้

และสานวนจากเรือ่ งที่อา่ น - คาท่มี ีพยัญชนะควบกล้า

- คาทมี่ อี กั ษรนา

- คาประสม

- อักษรยอ่ และเครอื่ งหมายวรรคตอน

- ประโยคทีม่ สี านวนเปน็ คาพงั เพย สภุ าษิต

ปรศิ นาคาทาย และเคร่อื งหมายวรรคตอน

 การอา่ นบทร้อยกรองเปน็ ทานองเสนาะ

3. อ่านเรือ่ งสั้นๆ ตามเวลาทีก่ าหนดและ  การอ่านจับใจความจากส่อื ตา่ งๆ เชน่

ตอบคาถามจากเรื่องท่ีอ่าน - เร่ืองส้ัน ๆ

4. แยกข้อเทจ็ จริงและขอ้ คดิ เห็น - เร่ืองเล่าจากประสบการณ์

จากเรอ่ื งทอ่ี า่ น - นทิ านชาดก

5. คาดคะเนเหตุการณ์จากเรือ่ งท่ีอ่าน - บทความ

โดยระบเุ หตผุ ลประกอบ - บทโฆษณา

6. สรุปความร้แู ละขอ้ คิดจากเรอ่ื งท่อี า่ น - งานเขยี นประเภทโนม้ น้าวใจ

เพ่ือนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั - ข่าวและเหตกุ ารณป์ ระจาวัน

- สารคดีและบันเทิงคดี

7. อา่ นหนังสือท่ีมีคณุ ค่าตามความสนใจ  การอ่านหนงั สอื ตามความสนใจ เช่น

อย่างสมา่ เสมอและแสดงความคิดเหน็ - หนงั สอื ทน่ี กั เรยี นสนใจและเหมาะสมกบั วยั

เก่ยี วกบั เรอื่ งทอ่ี ่าน - หนงั สือทคี่ รูและนกั เรียนกาหนดร่วมกัน

8. มมี ารยาทในการอ่าน  มารยาทในการอา่ น
ป.5 1. อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและ  การอา่ นออกเสียงและการบอกความหมายของ

บทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกต้อง บทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองทปี่ ระกอบดว้ ย

2. อธิบายความหมายของคา ประโยค - คาที่มพี ยัญชนะควบกล้า

และขอ้ ความทีเ่ ป็นการบรรยาย - คาทม่ี อี กั ษรนา

และการพรรณนา - คาที่มีตัวการันต์

3. อธิบายความหมายโดยนยั จากเรือ่ ง - อักษรยอ่ และเครอ่ื งหมายวรรคตอน

ทอี่ ่านอย่างหลากหลาย - ข้อความที่เปน็ การบรรยายและพรรณนา

- ข้อความทมี่ ีความหมายโดยนยั

 การอ่านบทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะ

9

ชน้ั ตัวชี้วดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

4. แยกข้อเท็จจริงและข้อคดิ เห็นจาก  การอ่านจบั ใจความจากสอ่ื ตา่ งๆ เช่น

เรอ่ื งท่ีอ่าน - วรรณคดีในบทเรียน

5. วเิ คราะห์และแสดงความคิดเห็น - บทความ

เกย่ี วกับเรอ่ื งที่อา่ นเพ่อื นาไปใช้ - บทโฆษณา

ในการดาเนินชีวิต - งานเขยี นประเภทโนม้ นา้ วใจ

- ข่าวและเหตกุ ารณป์ ระจาวัน

6. อา่ นงานเขียนเชงิ อธิบาย คาสง่ั  การอา่ นงานเขยี นเชงิ อธบิ าย คาสั่ง ขอ้ แนะนา

ข้อแนะนา และปฏบิ ตั ิตาม และปฏิบตั ิตาม เชน่

- การใชพ้ จนานกุ รม

- การใช้วัสดุอปุ กรณ์

- การอ่านฉลากยา

- คู่มือและเอกสารของโรงเรยี นท่ีเก่ียวขอ้ งกบั

นักเรยี น

- ขา่ วสารทางราชการ

7. อ่านหนังสือทม่ี ีคณุ ค่าตามความสนใจ  การอา่ นหนงั สือตามความสนใจ เชน่

อยา่ งสมา่ เสมอและแสดงความคดิ เห็น - หนงั สอื ทนี่ ักเรียนสนใจและเหมาะสมกับวัย

เกี่ยวกบั เรอื่ งทีอ่ ่าน - หนงั สอื ที่ครูและนกั เรยี นกาหนดรว่ มกนั

8. มมี ารยาทในการอ่าน  มารยาทในการอา่ น

ป.6 1. อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และ  การอา่ นออกเสยี งและการบอกความหมายของ

บทร้อยกรองได้ถูกต้อง บทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรอง ประกอบด้วย

2. อธบิ ายความหมายของคา ประโยค - คาที่มพี ยญั ชนะควบกลา้

และข้อความท่ีเป็นโวหาร - คาทมี่ ีอกั ษรนา

- คาท่ีมตี ัวการันต์

- คาทีม่ าจากภาษาตา่ งประเทศ

- อักษรย่อและเคร่อื งหมายวรรคตอน

- วนั เดอื น ปแี บบไทย

 การอ่านบทรอ้ ยกรองเปน็ ทานองเสนาะ

- ข้อความท่เี ปน็ โวหารตา่ ง ๆ

- สานวนเปรยี บเทียบ

3. อ่านเร่ืองส้นั ๆ อยา่ งหลากหลาย โดย  การอ่านจับใจความจากสอื่ ตา่ ง ๆ เช่น

จับเวลาแลว้ ถามเก่ียวกบั เร่อื งที่อา่ น - เรอ่ื งสน้ั ๆ

4. แยกขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ คิดเห็นจาก - นิทานและเพลงพนื้ บา้ น

เร่อื งท่อี ่าน - บทความ

5. อธบิ ายการนาความรู้และความคดิ - พระบรมราโชวาท

จากเรื่องทอี่ า่ นไปตดั สนิ ใจแก้ปญั หา - สารคดี

ในการดาเนินชวี ิต - เรอ่ื งสน้ั

- งานเขยี นประเภทโน้มนา้ ว

10

ชน้ั ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

 การอา่ นเรว็

- บทโฆษณา

- ข่าว และเหตุการณ์สาคัญ

6. อา่ นงานเขียนเชิงอธิบาย คาส่งั  การอ่านงานเขียนเชงิ อธบิ าย คาสั่ง ข้อแนะนา

ข้อแนะนา และปฏบิ ัตติ าม และปฏิบตั ติ าม

- การใช้พจนานุกรม

- การปฏบิ ตั ิตนในการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม

- ขอ้ ตกลงในการอยูร่ ่วมกนั ในโรงเรยี น และการ

ใช้สถานทส่ี าธารณะในชุมชนและท้องถ่ิน

7. อธบิ ายความหมายของข้อมูล จาก  การอ่านข้อมลู จากแผนผงั แผนที่ แผนภูมิ และ

การอา่ นแผนผัง แผนที่ แผนภมู ิ และ กราฟ

กราฟ

8. อ่านหนงั สือตามความสนใจ และ  การอ่านหนังสอื ตามความสนใจ เชน่

อธิบายคุณคา่ ทไี่ ด้รบั - หนงั สือท่นี ักเรียนสนใจและเหมาะสมกับวัย

- หนังสืออา่ นที่ครแู ละนกั เรยี นกาหนดร่วมกัน

9. มมี ารยาทในการอ่าน  มารยาทในการอ่าน

สาระที่ 2 การเขียน

มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวใน
รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี
ประสทิ ธิภาพ

ชน้ั ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

ป.1 1. คัดลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทัด  การคัดลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทัดตามรปู แบบ

การเขยี นตัวอกั ษรไทย

2. เขียนสอ่ื สารดว้ ยคาและประโยคง่ายๆ  การเขียนสือ่ สาร

- คาทีใ่ ช้ในชวี ติ ประจาวนั

- คาพื้นฐานในบทเรียน

- คาคลอ้ งจอง

- ประโยคงา่ ยๆ

3. มีมารยาทในการเขียน  มารยาทในการเขยี น เชน่

- เขยี นใหอ้ ่านง่าย สะอาด ไม่ขดี ฆ่า

- ไมข่ ดี เขยี นในท่สี าธารณะ

- ใช้ภาษาเขยี นเหมาะสมกบั เวลา สถานที่

และบุคคล

11

ช้นั ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ป.2 1. คดั ลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทัด  การคัดลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทดั ตามรูปแบบ

การเขียนตัวอักษรไทย

2. เขยี นเรอ่ื งสั้นๆ เกย่ี วกบั ประสบการณ์  การเขยี นเรื่องสน้ั ๆ เกี่ยวกบั ประสบการณ์

3. เขียนเรื่องส้นั ๆ ตามจนิ ตนาการ  การเขยี นเรอื่ งสนั้ ๆ ตามจินตนาการ

4. มมี ารยาทในการเขียน  มารยาทในการเขียน เช่น

- เขียนให้อ่านง่าย สะอาด ไมข่ ดี ฆา่

- ไมข่ ีดเขียนในทส่ี าธารณะ

- ใชภ้ าษาเขียนเหมาะสมกับเวลา สถานท่ี

และบุคคล

- ไมเ่ ขยี นลอ้ เลยี นผู้อนื่ หรอื ทาให้ผู้อืน่ เสยี หาย

ป.3 1. คัดลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทดั  การคดั ลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทดั ตามรูปแบบ

การเขียน ตวั อักษรไทย

2 เขียนบรรยายเก่ยี วกับสง่ิ ใดสงิ่ หน่งึ ได้  การเขยี นบรรยายเกย่ี วกบั ลกั ษณะของ คน สัตว์

อยา่ งชดั เจน สง่ิ ของ สถานที่

3. เขียนบนั ทึกประจาวัน  การเขียนบนั ทกึ ประจาวัน

4. เขียนจดหมายลาครู  การเขียนจดหมายลาครู

5. เขยี นเรือ่ งตามจินตนาการ  การเขียนเรอื่ งตามจินตนาการจากคา ภาพ

และหัวขอ้ ทีก่ าหนด

6. มมี ารยาทในการเขียน  มารยาทในการเขยี น เชน่

- เขียนใหอ้ า่ นง่าย สะอาด ไม่ขดี ฆ่า

- ไม่ขีดเขยี นในท่ีสาธารณะ

- ใช้ภาษาเขียนเหมาะสมกบั เวลา สถานที่

และบคุ คล

- ไม่เขียนลอ้ เลยี นผู้อน่ื หรือทาใหผ้ ูอ้ ื่นเสยี หาย

ป.4 1. คดั ลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทัดและ  การคดั ลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทดั และครึ่งบรรทดั
ครง่ึ บรรทดั ตามรูปแบบการเขียนตัวอักษรไทย

2. เขยี นส่อื สารโดยใชค้ าได้ถูกต้อง  การเขียนสอ่ื สาร เชน่

ชดั เจน และเหมาะสม - คาขวญั

- คาแนะนา

3. เขียนแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพ  การนาแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคดิ

ความคิดเพอื่ ใช้พฒั นางานเขยี น ไปพัฒนางานเขียน

4. เขียนยอ่ ความจากเร่อื งสน้ั ๆ  การเขยี นยอ่ ความจากสอื่ ต่างๆ เช่น นทิ าน

ความเรยี งประเภทต่างๆ ประกาศ จดหมาย

คาสอน

5. เขียนจดหมายถงึ เพื่อนและบดิ ามารดา  การเขียนจดหมายถงึ เพือ่ นและบิดามารดา

12

ชน้ั ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง

6. เขยี นบนั ทึกและเขยี นรายงาน  การเขยี นบันทึกและเขียนรายงานจากการศึกษา

จากการศึกษาค้นควา้ คน้ คว้า

7. เขยี นเร่ืองตามจินตนาการ  การเขยี นเร่ืองตามจนิ ตนาการ

8. มีมารยาทในการเขยี น  มารยาทในการเขยี น

ป.5 1. คัดลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทัด  การคดั ลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทดั

และครึง่ บรรทดั และครึง่ บรรทัดตามรูปแบบการเขียน

ตัวอกั ษรไทย

2. เขียนส่อื สารโดยใช้คาไดถ้ ูกตอ้ งชัดเจน  การเขียนส่อื สาร เชน่

และเหมาะสม - คาขวัญ

- คาอวยพร

- คาแนะนาและคาอธิบายแสดงขัน้ ตอน

3. เขียนแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพ  การนาแผนภาพโครงเรือ่ งและแผนภาพความคิด

ความคิดเพอื่ ใช้พฒั นางานเขียน ไปพัฒนางานเขยี น

4. เขียนย่อความจากเร่อื งที่อ่าน  การเขียนย่อความจากส่อื ต่างๆ เช่น นทิ าน

ความเรยี งประเภทต่างๆ ประกาศ แจง้ ความ

แถลงการณ์ จดหมาย คาสอน โอวาท คาปราศรัย

5. เขยี นจดหมายถงึ ผู้ปกครองและญาติ  การเขยี นจดหมายถงึ ผูป้ กครองและญาติ

6. เขียนแสดงความรู้สึกและความคดิ เหน็  การเขียนแสดงความรู้สกึ และความคดิ เห็น

ได้ตรงตามเจตนา

7. กรอกแบบรายการตา่ งๆ  การกรอกแบบรายการ

- ใบฝากเงนิ และใบถอนเงนิ

- ธนาณัติ

- แบบฝากสง่ พสั ดไุ ปรษณียภัณฑ์

8. เขียนเรื่องตามจินตนาการ  การเขียนเรอ่ื งตามจินตนาการ

9. มีมารยาทในการเขยี น  มารยาทในการเขียน

ป.6 1. คดั ลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทดั  การคัดลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทัด

และครงึ่ บรรทัด และครึง่ บรรทดั ตามรูปแบบการเขยี น

2. เขยี นส่อื สารโดยใชค้ าไดถ้ กู ต้อง ตวั อกั ษรไทย

ชัดเจน และเหมาะสม  การเขียนส่อื สาร เชน่

- คาขวญั

- คาอวยพร

- ประกาศ

3. เขยี นแผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพ  การเขยี นแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพ

ความคิดเพอื่ ใช้พฒั นางานเขยี น ความคดิ

4. เขียนเรียงความ  การเขยี นเรียงความ

5. เขียนยอ่ ความจากเรื่องท่อี ่าน  การเขยี นย่อความจากสือ่ ตา่ งๆ เช่น นทิ าน

ความเรียงประเภทต่างๆ ประกาศ แจง้ ความ

แถลงการณ์ จดหมาย คาสอน โอวาท

13

ช้ัน ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
6. เขยี นจดหมายสว่ นตวั คาปราศรยั สนุ ทรพจน์ รายงาน ระเบยี บ คาสั่ง
 การเขยี นจดหมายสว่ นตวั
7. กรอกแบบรายการตา่ ง ๆ
- จดหมายขอโทษ
8. เขียนเร่ืองตามจนิ ตนาการ - จดหมายแสดงความขอบคุณ
และสร้างสรรค์ - จดหมายแสดงความเหน็ ใจ
- จดหมายแสดงความยินดี
9. มีมารยาทในการเขยี น  การกรอกแบบรายการ
- แบบคารอ้ งตา่ ง ๆ
- ใบสมัครศึกษาต่อ
- แบบฝากสง่ พสั ดแุ ละไปรษณยี ภณั ฑ์
 การเขยี นเร่ืองตามจินตนาการและสร้างสรรค์

 มารยาทในการเขยี น

สาระท่ี 3 การฟงั การดู และการพูด

มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดอู ย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และความรสู้ ึก
ในโอกาสตา่ ง ๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์

ชน้ั ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ป.1 1. ฟังคาแนะนา คาสง่ั งา่ ยๆ และปฏิบตั ติ าม  การฟังและปฏิบตั ิตามคาแนะนา คาสง่ั งา่ ยๆ
2. ตอบคาถามและเลา่ เรื่องท่ฟี งั และดู ทั้ง  การจับใจความและพูดแสดงความคิดเหน็

ทีเ่ ป็นความรู้และความบันเทงิ ความรสู้ กึ จากเรอื่ งทฟ่ี งั และดู ทง้ั ท่เี ป็นความรู้

3. พูดแสดงความคดิ เหน็ และความรสู้ กึ และความบนั เทิง เชน่

จากเรอื่ งทฟี่ งั และดู - เร่อื งเลา่ และสารคดีสาหรบั เดก็

- นิทาน

- การ์ตูน

- เรอ่ื งขบขัน

4. พดู สอื่ สารไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์  การพูดส่อื สารในชวี ติ ประจาวนั เชน่
5. มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู - การแนะนาตนเอง
- การขอความช่วยเหลอื
- การกล่าวคาขอบคณุ
- การกล่าวคาขอโทษ

 มารยาทในการฟงั เช่น

- ตั้งใจฟงั ตามองผพู้ ูด

- ไมร่ บกวนผ้อู นื่ ขณะท่ฟี งั

14

ชั้น ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง

- ไมค่ วรนาอาหารหรือเคร่อื งดื่มไปรับประทาน

ขณะท่ฟี งั

- ให้เกียรตผิ ู้พดู ดว้ ยการปรบมอื

- ไม่พดู สอดแทรกขณะที่ฟงั

 มารยาทในการดู เชน่

- ตง้ั ใจดู

- ไม่สง่ เสียงดงั หรอื แสดงอาการรบกวนสมาธิ

ของผอู้ นื่

 มารยาทในการพดู เชน่

- ใช้ถ้อยคาและกริ ยิ าทีส่ ภุ าพ เหมาะสมกบั

กาลเทศะ

- ใช้นา้ เสยี งนมุ่ นวล

- ไมพ่ ดู สอดแทรกในขณะทผี่ ู้อืน่ กาลังพดู

ป.2 1. ฟงั คาแนะนา คาสั่งที่ซบั ซ้อน  การฟังและปฏิบัติตามคาแนะนา คาสั่งทีซ่ บั ซอ้ น
และปฏิบตั ติ าม

2. เลา่ เร่ืองที่ฟงั และดทู ง้ั ทเ่ี ป็นความรู้  การจบั ใจความและพูดแสดงความคิดเหน็

และความบันเทิง ความรู้สึกจากเรือ่ งทฟ่ี ังและดู ทง้ั ท่ีเป็นความรู้

3. บอกสาระสาคญั ของเรอ่ื งท่ีฟงั และดู และความบนั เทิง เชน่

4. ตงั้ คาถามและตอบคาถามเกยี่ วกับ - เรื่องเลา่ และสารคดีสาหรบั เดก็

เรือ่ งทฟ่ี ังและดู - นทิ าน การ์ตนู และเรื่องขบขนั

5. พูดแสดงความคดิ เห็นและความรสู้ ึก - รายการสาหรบั เด็ก

จากเรอ่ื งท่ฟี ังและดู - ข่าวและเหตกุ ารณป์ ระจาวนั

- เพลง

6. พูดสือ่ สารไดช้ ัดเจนตรงตาม  การพูดสอ่ื สารในชีวติ ประจาวนั เช่น
วัตถุประสงค์ - การแนะนาตนเอง

- การขอความช่วยเหลือ

- การกล่าวคาขอบคุณ

- การกล่าวคาขอโทษ

- การพดู ขอรอ้ งในโอกาสต่างๆ

- การเล่าประสบการณใ์ นชวี ิตประจาวัน

7. มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด  มารยาทในการฟงั เชน่

- ต้งั ใจฟัง ตามองผพู้ ูด

- ไม่รบกวนผอู้ น่ื ขณะทฟ่ี ัง

- ไม่ควรนาอาหารหรือเคร่อื งดื่มไปรบั ประทาน

ขณะทีฟ่ งั

15

ช้นั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

- ไมพ่ ดู สอดแทรกขณะทฟ่ี ัง

 มารยาทในการดู เชน่

- ต้งั ใจดู

- ไมส่ ง่ เสียงดงั หรอื แสดงอาการรบกวนสมาธิ

ของผอู้ ืน่

 มารยาทในการพูด เชน่

- ใช้ถ้อยคาและกริ ยิ าที่สุภาพ เหมาะสมกบั

กาลเทศะ

- ใช้นา้ เสียงนุ่มนวล

- ไม่พดู สอดแทรกในขณะทผ่ี ู้อน่ื กาลังพดู

- ไม่พดู ล้อเลียนให้ผอู้ ืน่ ไดร้ ับความอบั อายหรอื

เสียหาย

ป.3 1. เล่ารายละเอียดเก่ียวกับเร่อื งทีฟ่ ังและ  การจับใจความและพดู แสดงความคิดเห็นและ
ดทู งั้ ทเ่ี ป็นความรู้และความบนั เทงิ ความรู้สกึ จากเร่ืองทฟี่ งั และดทู งั้ ที่เปน็ ความรู้

2. บอกสาระสาคญั จากการฟังและการดู และความบันเทิง เชน่

3. ตง้ั คาถามและตอบคาถามเกยี่ วกบั - เรื่องเลา่ และสารคดีสาหรับเด็ก

เรอื่ งท่ีฟงั และดู - นิทาน การต์ ูน เร่อื งขบขัน

4. พูดแสดงความคิดเห็นและความรู้สกึ - รายการสาหรับเด็ก

จากเรือ่ งที่ฟังและดู - ข่าวและเหตกุ ารณใ์ นชีวติ ประจาวัน

- เพลง

5. พดู สื่อสารไดช้ ดั เจนตรงตาม  การพูดสือ่ สารในชีวิตประจาวนั เช่น
วัตถปุ ระสงค์ - การแนะนาตนเอง

- การแนะนาสถานทใ่ี นโรงเรียนและในชมุ ชน

- การแนะนา/เชิญชวนเกี่ยวกบั การปฏิบัตติ น

ในดา้ นตา่ งๆ เชน่ การรกั ษาความสะอาด

ของรา่ งกาย

- การเล่าประสบการณ์ในชวี ติ ประจาวัน

- การพูดในโอกาสตา่ งๆ เชน่ การพดู ขอร้อง

การพดู ทกั ทาย การกลา่ วขอบคณุ

และขอโทษ การพูดปฏเิ สธ และการพูด

ชักถาม

6. มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด  มารยาทในการฟงั เช่น
- ต้งั ใจฟัง ตามองผพู้ ูด

- ไม่รบกวนผอู้ น่ื ขณะท่ีฟงั

- ไม่ควรนาอาหารหรือเครื่องด่ืมไปรับประทาน

ขณะที่ฟงั

- ไมแ่ สดงกริ ิยาทไี่ มเ่ หมาะสม เช่น โห่ ฮา หาว

16

ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง

- ใหเ้ กียรตผิ พู้ ูดดว้ ยการปรบมือ

- ไม่พดู สอดแทรกขณะทฟ่ี ัง

 มารยาทในการดู เชน่

- ต้ังใจดู

- ไม่สง่ เสยี งดงั หรอื แสดงอาการรบกวนสมาธิ

ของผอู้ น่ื

 มารยาทในการพูด เชน่

- ใช้ถ้อยคาและกิรยิ าทีส่ ภุ าพ เหมาะสมกบั

กาลเทศะ

- ใชน้ า้ เสียงนุ่มนวล

- ไม่พดู สอดแทรกในขณะทผี่ ูอ้ นื่ กาลงั พดู

- ไมพ่ ูดลอ้ เลียนใหผ้ อู้ ่ืนไดร้ ับความอับอายหรือ

เสียหาย

ป.4 1. จาแนกขอ้ เท็จจรงิ และขอ้ คดิ เหน็ จาก  การจาแนกข้อเท็จจรงิ และข้อคิดเห็นจากเรอ่ื ง

เรอ่ื งที่ฟงั และดู ทฟ่ี ังและดู ในชวี ิตประจาวนั

2. พดู สรุปความจากการฟงั และดู  การจับใจความ และการพดู แสดงความรู้

3. พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น ความคิดในเร่อื งที่ฟังและดู จากสอ่ื ต่าง ๆ เชน่

และความร้สู ึกเก่ยี วกับเรอ่ื งท่ีฟงั และดู - เรือ่ งเลา่

4. ตงั้ คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผล - บทความส้นั ๆ

จากเรอ่ื งที่ฟังและดู - ข่าวและเหตกุ ารณป์ ระจาวัน

- โฆษณา

- สอื่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์

- เร่อื งราวจากบทเรียนกลุม่ สาระการเรยี นรู้

ภาษาไทย และกลุ่มสาระการเรียนร้อู น่ื

5. รายงานเรอ่ื งหรอื ประเด็นทศ่ี กึ ษา  การรายงาน เชน่
คน้ คว้าจากการฟัง การดู และการ - การพูดลาดบั ข้ันตอนการปฏบิ ตั งิ าน

สนทนา - การพดู ลาดบั เหตุการณ์

6. มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู  มารยาทในการฟงั การดู และการพูด

ป.5 1. พูดแสดงความรู้ ความคดิ เหน็ และ  การจับใจความ และการพดู แสดงความรู้

ความรู้สึกจากเรือ่ งทีฟ่ ังและดู ความคิดในเรื่องทฟี่ ังและดู จากสอ่ื ต่างๆ เชน่

17

ช้นั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

2. ตัง้ คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผล - เรือ่ งเล่า

จากเร่อื งท่ีฟังและดู - บทความ

3. วเิ คราะหค์ วามน่าเช่อื ถือจากเร่ือง - ขา่ วและเหตกุ ารณป์ ระจาวนั

ที่ฟังและดอู ยา่ งมีเหตผุ ล - โฆษณา

- สือ่ สือ่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์

 การวเิ คราะหค์ วามนา่ เชอื่ ถือจากเรอ่ื งที่ฟงั และดู

4. พดู รายงานเร่อื งหรอื ประเดน็ ท่ีศึกษา ในชีวิตประจาวนั
คน้ คว้าจากการฟัง การดู และการ
สนทนา  การรายงาน เชน่
- การพดู ลาดบั ขั้นตอนการปฏิบตั ิงาน
- การพูดลาดบั เหตกุ ารณ์

5. มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด  มารยาทในการฟัง การดู และการพดู

ป.6 1. พูดแสดงความรู้ ความเข้าใจ  การพูดแสดงความรู้ ความเขา้ ใจในจดุ ประสงค์

จดุ ประสงคข์ องเร่อื งทีฟ่ ังและดู ของเรอ่ื งท่ฟี งั และดจู ากสื่อต่างๆ ได้แก่

2. ตงั้ คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผล - สอ่ื สงิ่ พมิ พ์

จากเร่อื งท่ฟี งั และดู - สือ่ อิเลก็ ทรอนกิ ส์

3. วเิ คราะหค์ วามนา่ เชื่อถอื จากการฟงั  การวิเคราะห์ความนา่ เชอื่ ถือจากการฟังและดสู อ่ื

และดูส่อื โฆษณาอย่างมเี หตผุ ล โฆษณา

4. พูดรายงานเร่ืองหรือประเดน็ ที่ศึกษา  การรายงาน เชน่

คน้ ควา้ จากการฟัง การดู และการ - การพดู ลาดบั ขัน้ ตอนการปฏบิ ตั ิงาน

สนทนา - การพูดลาดบั เหตุการณ์

5. พดู โน้มนา้ วอย่างมเี หตผุ ล และ  การพูดโนม้ นา้ วในสถานการณต์ ่างๆ เช่น

นา่ เชอ่ื ถอื - การเลอื กตัง้ กรรมการนกั เรียน

- การรณรงค์ดา้ นต่างๆ

- การโตว้ าที

6. มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู  มารยาทในการฟงั การดู และการพดู

18

สาระท่ี 4 หลกั การใชภ้ าษาไทย

มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลัง
ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ

ชั้น ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ป.1 1. บอกและเขียนพยัญชนะ สระ  พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์

วรรณยุกต์ และเลขไทย  เลขไทย

2. เขียนสะกดคาและบอกความหมาย  การสะกดคา การแจกลูก และการอา่ นเปน็ คา

ของคา  มาตราตัวสะกดทตี่ รงตามมาตราและไมต่ รง

ตามมาตรา

 การผันคา

 ความหมายของคา

3. เรยี บเรยี งคาเปน็ ประโยคง่าย ๆ  การแต่งประโยค

4. ต่อคาคลอ้ งจองงา่ ยๆ  คาคล้องจอง

ป.2 1. บอกและเขียนพยัญชนะ สระ  พยญั ชนะ สระ และวรรณยุกต์

วรรณยุกต์ และเลขไทย  เลขไทย

2. เขียนสะกดคาและบอกความหมาย  การสะกดคา การแจกลูก และการอ่านเปน็ คา

ของคา  มาตราตัวสะกดท่ตี รงตามมาตราและไม่ตรง

ตามมาตรา

 การผันอักษรกลาง อักษรสูง และอักษรตา่

 คาทมี่ ีตวั การันต์

 คาที่มีพยญั ชนะควบกล้า

 คาที่มีอกั ษรนา

 คาทม่ี ีความหมายตรงข้ามกัน

 คาทีม่ ี รร

 ความหมายของคา

3. เรยี บเรยี งคาเป็นประโยคได้ตรงตาม  การแตง่ ประโยค

เจตนาของการส่อื สาร  การเรยี บเรียงประโยคเปน็ ข้อความส้นั ๆ

4. บอกลักษณะคาคลอ้ งจอง  คาคล้องจอง

5. เลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐานและ  ภาษาไทยมาตรฐาน

ภาษาถ่ินไดเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะ  ภาษาถิ่น

ป.3 1. เขยี นสะกดคาและบอกความหมา  การสะกดคา การแจกลูก และการอ่านเปน็ คา
ของคา  มาตราตวั สะกดท่ีตรงตามมาตราและไม่ตรง
ตามมาตรา
 การผันอักษรกลาง อักษรสูง และอักษรตา่

19

ช้นั ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

 คาทม่ี ีพยัญชนะควบกล้า

 คาทม่ี ีอักษรนา

 คาทป่ี ระวิสรรชนีย์และคาท่ไี มป่ ระวสิ รรชนยี ์

 คาที่มี ฤ ฤๅ

 คาที่ใช้ บัน บรร

 คาที่ใช้ รร

 คาทมี่ ีตวั การันต์

 ความหมายของคา

3. ระบุชนดิ และหน้าทขี่ องคาในประโยค  ชนดิ ของคา ไดแ้ ก่

- คานาม

- คาสรรพนาม

- คากริยา

4. ใชพ้ จนานุกรมคน้ หาความหมายของ  การใชพ้ จนานุกรม

คา

5. แต่งประโยคงา่ ยๆ  การแต่งประโยคเพื่อการส่ือสาร ไดแ้ ก่

- ประโยคบอกเล่า

- ประโยคปฏิเสธ

- ประโยคคาถาม

- ประโยคขอร้อง

- ประโยคคาสง่ั

6. แต่งคาคล้องจองและคาขวัญ  คาคล้องจอง

 คาขวญั

7. เลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐานและ  ภาษาไทยมาตรฐาน
ภาษาถน่ิ ไดเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะ  ภาษาถนิ่

ป.4 1. สะกดคาและบอกความหมายของคา  คาในแม่ ก กา

ในบริบทต่างๆ  มาตราตวั สะกด

 การผนั อักษร

 คาเปน็ คาตาย

 คาพ้อง

2. ระบุชนดิ และหน้าท่ีของคาในประโยค  ชนดิ ของคา ไดแ้ ก่

- คานาม

- คาสรรพนาม

- คากริยา

- คาวิเศษณ์

20

ชนั้ ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

3 ใช้พจนานุกรมค้นหาความหมายของคา  การใช้พจนานุกรม

4. แต่งประโยคได้ถูกต้องตามหลกั ภาษา  ประโยคสามัญ

- สว่ นประกอบของประโยค

- ประโยค 2 สว่ น

- ประโยค 3 สว่ น

5. แตง่ บทรอ้ ยกรองและคาขวญั  กลอนสี่

 คาขวญั

6. บอกความหมายของสานวน  สานวนทีเ่ ปน็ คาพังเพยและสุภาษิต

7. เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกบั  ภาษาไทยมาตรฐาน

ภาษาถิน่ ได้  ภาษาถิน่

ป.5 1. ระบุชนดิ และหน้าทข่ี องคาในประโยค  ชนดิ ของคา ได้แก่
- คาบพุ บท

- คาสันธาน

- คาอทุ าน

2. จาแนกส่วนประกอบของประโยค  ประโยคและสว่ นประกอบของประโยค
3. เปรยี บเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับ  ภาษาไทยมาตรฐาน
 ภาษาถ่นิ
ภาษาถิ่น
 คาราชาศัพท์
4. ใชค้ าราชาศัพท์

5. บอกคาภาษาต่างประเทศใน  คาที่มาจากภาษาต่างประเทศ
ภาษาไทย

6. แต่งบทร้อยกรอง  กาพยย์ านี 11
7. ใชส้ านวนไดถ้ ูกต้อง  สานวนที่เป็นคาพังเพยและสุภาษิต

ป.6 1. วิเคราะหช์ นดิ และหนา้ ท่ขี องคาใน  ชนดิ ของคา
ประโยค - คานาม
- คาสรรพนาม
- คากรยิ า
- คาวิเศษณ์
- คาบุพบท
- คาเชอ่ื ม
- คาอทุ าน

21

ช้ัน ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

2. ใชค้ าได้เหมาะสมกับกาลเทศะและ  คาราชาศัพท์

บุคคล  ระดบั ภาษา

 ภาษาถิน่

3. รวบรวมและบอกความหมายของ  คาท่ีมาจากภาษาตา่ งประเทศ
คาภาษาตา่ งประเทศทีใ่ ช้ในภาษาไทย

4. ระบุลกั ษณะของประโยค  กลุ่มคาหรือวลี
 ประโยคสามัญ
5. แตง่ บทร้อยกรอง  ประโยครวม
6. วเิ คราะห์และเปรยี บเทียบสานวนท่ี  ประโยคซ้อน

เปน็ คาพงั เพย และสภุ าษติ  กลอนสุภาพ

 สานวนทเี่ ป็นคาพังเพย และสภุ าษิต

22

สาระที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรม

มาตรฐาน ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคุณคา่
และนามาประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ จรงิ

ชน้ั ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ป.1 1. บอกข้อคดิ ทไี่ ดจ้ ากการอา่ นหรือการฟงั  วรรณกรรมรอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรองสาหรบั เด็ก

วรรณกรรมร้อยแก้วและร้อยกรอง เช่น

สาหรบั เดก็ - นทิ าน

- เรื่องส้ันง่ายๆ

- ปริศนาคาทาย

- บทร้องเล่น

- บทอาขยาน

- บทร้อยกรอง

- วรรณคดแี ละวรรณกรรมในบทเรยี น

2. ท่องจาบทอาขยานตามทีก่ าหนด  บทอาขยานและบทรอ้ ยกรอง

และบทรอ้ ยกรองตามความสนใจ - บทอาขยานตามทก่ี าหนด

- บทร้อยกรองตามความสนใจ

ป.2 1. ระบขุ ้อคิดท่ไี ด้จากการอ่านหรอื  วรรณกรรมร้อยแก้วและรอ้ ยกรองสาหรบั เดก็

การฟังวรรณกรรมสาหรับเด็ก เช่น

เพอ่ื นาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน - นทิ าน

- เรอ่ื งส้นั งา่ ยๆ

- ปรศิ นาคาทาย

- บทอาขยาน

- บทร้อยกรอง

- วรรณคดีและวรรณกรรมในบทเรียน

23

ชนั้ ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง

2. รอ้ งบทร้องเลน่ สาหรบั เดก็ ในท้องถนิ่  บทรอ้ งเลน่ ทม่ี คี ุณค่า

- บทรอ้ งเลน่ ในทอ้ งถิน่

- บทร้องเลน่ ในการละเลน่ ของเด็กไทย

3. ท่องจาบทอาขยานตามทก่ี าหนด และ  บทอาขยานและบทร้อยกรองทีม่ ีคุณค่า

บทร้อยกรองท่มี ีคณุ ค่าตามความสนใจ - บทอาขยานตามท่ีกาหนด

- บทร้อยกรองตามความสนใจ

ป.3 1. ระบขุ ้อคดิ ทไี่ ดจ้ ากการอา่ นวรรณกรรม  วรรณคดี วรรณกรรม และเพลงพื้นบ้าน

เพอื่ นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั - นิทานหรอื เรอื่ งในทอ้ งถนิ่

2. รจู้ ักเพลงพ้นื บา้ นและเพลงกลอ่ มเด็ก - เรื่องสน้ั ง่ายๆ ปริศนาคาทาย

เพื่อปลูกฝงั ความชนื่ ชมวัฒนธรรม - บทร้อยกรอง

ทอ้ งถ่ิน - เพลงพน้ื บา้ น

3. แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับวรรณคดี - เพลงกลอ่ มเด็ก

ท่ีอ่าน - วรรณกรรมและวรรณคดีในบทเรียน

และตามความสนใจ

4. ท่องจาบทอาขยานตามท่กี าหนดและ  บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มคี ุณคา่

บทรอ้ ยกรองท่ีมคี ุณคา่ ตามความสนใจ - บทอาขยานตามทกี่ าหนด

- บทร้อยกรองตามความสนใจ

ป.4 1. ระบขุ ้อคิดจากนิทานพืน้ บา้ นหรือ  วรรณคดีและวรรณกรรม เช่น
นทิ านคตธิ รรม - นิทานพ้ืนบา้ น

2. อธบิ ายข้อคดิ จากการอา่ นเพอ่ื นาไปใช้ - นิทานคติธรรม

ในชวี ิตจริง - เพลงพน้ื บา้ น

- วรรณคดแี ละวรรณกรรมในบทเรยี น

และตามความสนใจ

3. รอ้ งเพลงพน้ื บ้าน  เพลงพ้นื บา้ น

4. ทอ่ งจาบทอาขยานตามท่กี าหนด  บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า

และบทรอ้ ยกรองท่มี ีคุณค่า - บทอาขยานตามทกี่ าหนด

ตามความสนใจ - บทรอ้ ยกรองตามความสนใจ

24

ชัน้ ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ป.5 1. สรุปเร่ืองจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่  วรรณคดีและวรรณกรรม เช่น
อา่ น - นิทานพื้นบา้ น

2. ระบคุ วามรแู้ ละข้อคิดจากการอ่าน - นิทานคตธิ รรม

วรรณคดีและวรรณกรรมทีส่ ามารถ - เพลงพน้ื บา้ น

นาไปใชใ้ นชวี ติ จริง - วรรณคดแี ละวรรณกรรมในบทเรียน

3. อธิบายคุณค่าของวรรณคดี และตามความสนใจ

และวรรณกรรม

4. ท่องจาบทอาขยานตามท่กี าหนดและ  บทอาขยานและบทร้อยกรองท่ีมคี ณุ ค่า
บทรอ้ ยกรองท่ีมคี ุณคา่ ตามความสนใจ - บทอาขยานตามท่ีกาหนด
- บทร้อยกรองตามความสนใจ

ป.6 1. แสดงความคดิ เห็นจากวรรณคดี  วรรณคดแี ละวรรณกรรม เช่น
หรอื วรรณกรรมท่ีอา่ น - นิทานพืน้ บา้ นท้องถนิ่ ตนเองและทอ้ งถน่ิ อื่น

2. เลา่ นทิ านพ้ืนบ้านท้องถ่ินตนเอง - นิทานคตธิ รรม

และนิทานพนื้ บา้ นของท้องถ่ินอนื่ - เพลงพืน้ บา้ น

3. อธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดี - วรรณคดีและวรรณกรรมในบทเรยี นและตาม

และวรรณกรรมทอี่ า่ นและนาไป ความสนใจ

ประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง

4. ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนด และ  บทอาขยานและบทร้อยกรองทม่ี คี ณุ ค่า
บทร้อยกรองที่มคี ุณคา่ ตามความสนใจ - บทอาขยานตามที่กาหนด

- บทรอ้ ยกรองตามความสนใจ

25

กรอบสาระการเรียนรทู้ ้องถ่ิน กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
โรงเรยี นบ้านทิยาเพอ สานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต 7

ชน้ั มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้ท้องถ่นิ ระดบั เขตพ้นื ท่ี
ป.2 ท 4.1 5 - ภาษาถิ่น
1 - นิทานพื้นบ้าน
ท 5.1 2 - บทร้องเลน่ ในทอ้ งถิน่

ป.3 ท 4.1 6 - ภาษาถ่ิน
ท 5.1 1 - นิทานพนื้ บา้ น
2 - เพลงพื้นบา้ น เพลงกล่อมเด็ก
ป.4 ท 4.1 6 - คาพังเพยและสุภาษิตในท้องถิ่น
ท 5.1 7 - ภาษาถิ่น
1 - บทรอ้ งเล่น
ป.5 ท 4.1 3 - เพลงพื้นเมือง
ท 5.1 3 - ภาษาถนิ่
7 - คาพังเพยและสุภาษติ ในท้องถิน่
ป.6 ท 4.1 1
ท 5.1 2 - นิทานพื้นบ้าน
3 - เพลงพนื้ บา้ น
2 - ภาษาถิ่น
6 - คาพงั เพยและสภุ าษติ ในท้องถิ่น
1
2 - นทิ านพ้ืนบ้าน
3

26

โครงสร้างหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านทยิ าเพอ

โครงสรา้ งเวลาเรียน ระดบั ประถมศึกษา

กลมุ่ สาระการเรียนรู้/รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรยี น : ช่ัวโมง/ปี
ระดบั ประถมศึกษา
 กลุม่ สาระการเรยี นรู้/วชิ าพ้นื ฐาน ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖
ภาษาไทย
คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐
สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
ประวตั ศิ าสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
ศิลปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
การงานอาชพี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
ภาษาต่างประเทศ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
รวมเวลาเรยี น (รายวชิ าพนื้ ฐาน( ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐
๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐
 รายวิชาเพมิ่ เตมิ
ภาษาอังกฤษเพอื่ การส่ือสาร ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
การป้องกนั การทจุ ริต ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
รวมเวลาเรยี น (รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ( ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐

 กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
 กิจกรรมแนะแนว
 กจิ กรรมนกั เรยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
 ลูกเสอื /เนตรนารี ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐
 ชุมนมุ
 กจิ กรรมเพอ่ื สงั คม ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐
และสาธารณประโยชน์ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
รวมเวลา (กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น(
๑,๐๔๐ ชัว่ โมง ๑,๐๔๐ ชั่วโมง
รวมเวลาทัง้ หมด

27

โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านทยิ าเพอ

ระดบั ประถมศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑

รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรยี น
(ช่วั โมง/ปี) (ชว่ั โมง/สปั ดาห)์
รหสั วชิ า รายวิชาพ้ืนฐาน
๘๔๐ ๒๑
ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ๕
๒๐๐ ๕
ค๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๘๐ ๒
๔๐ ๑
ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔๐ ๑
๔๐ ๑
ส๑๑๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๘๐ ๑
๔๐ ๑
ส๑๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๑๖๐ ๔
๘๐ ๒
พ๑๑๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๑
๔๐ ๑
ศ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ ๑๒๐ ๓
๔๐ ๑
ง๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ (๘๐) (๒)
๔๐ ๑
อ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๓๐ ๑
๑๐ ผนวก
รหสั วชิ า รายวิชาเพิม่ เติม
ในกจิ กรรมชมุ นุม
อ๑๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร ๑
๑,๐๔๐ ๒๖
ส๑๑๒๐๑ การปอ้ งกันการทจุ รติ ๑

รหัสกจิ กรรม กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน

ก๑๑๙๐๑  กิจกรรมแนะแนว

 กจิ กรรมนกั เรยี น

ก๑๑๙๐๒  ลกู เสือ/เนตรนารี

ก๑๑๙๐๓  ชมุ นุม

ก๑๑๙๐๔  กิจกรรมเพ่ือสงั คม

และสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรียนท้งั หมดตามโครงสรา้ งหลกั สูตร

28

โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบ้านทิยาเพอ

ระดบั ประถมศึกษา ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๒

รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรยี น
(ช่วั โมง/ปี) (ชั่วโมง/สปั ดาห)์
รหสั วิชา รายวิชาพ้นื ฐาน
๘๔๐ ๒๑
ท๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ๕
๒๐๐ ๕
ค๑๒๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๘๐ ๒
๔๐ ๑
ว๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ ๑
๔๐ ๑
ส๑๒๑๐๑ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๔๐ ๑
๔๐ ๑
ส๑๒๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๑๖๐ ๔
๘๐ ๒
พ๑๒๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๔๐ ๑
๔๐ ๑
ศ๑๒๑๐๑ ศลิ ปะ ๑๒๐ ๓
๔๐ ๑
ง๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ (๘๐) (๒)
๔๐ ๑
อ๑๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๓๐ ๑
๑๐ ผนวก
รหัสวชิ า รายวชิ าเพิม่ เติม
ในกิจกรรมชมุ นุม
อ๑๒๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่อื การสือ่ สาร ๒
๑,๐๔๐ ๒๖
ส๑๒๒๐๑ การป้องกันการทจุ รติ ๒

รหัสกิจกรรม กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน

ก๑๒๙๐๑  กิจกรรมแนะแนว

 กิจกรรมนักเรียน

ก๑๒๙๐๒  ลูกเสือ/เนตรนารี

ก๑๒๙๐๓  ชมุ นุม

ก๑๒๙๐๔  กจิ กรรมเพ่ือสังคม

และสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรียนทัง้ หมดตามโครงสร้างหลกั สูตร

29

โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านทยิ าเพอ

ระดับประถมศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๓

รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรยี น
(ช่ัวโมง/ปี) (ชว่ั โมง/สปั ดาห)์
รหสั วิชา รายวิชาพ้ืนฐาน
๘๔๐ ๒๑
ท๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ๕
๒๐๐ ๕
ค๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๘๐ ๒
๔๐ ๑
ว๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ ๑
๔๐ ๑
ส๑๓๑๐๑ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๔๐ ๑
๔๐ ๑
ส๑๓๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๑๖๐ ๔
๘๐ ๒
พ๑๓๑๐๑ สุขศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๑
๔๐ ๑
ศ๑๓๑๐๑ ศลิ ปะ ๑๒๐ ๓
๔๐ ๑
ง๑๓๑๐๑ การงานอาชีพ (๘๐) (๒)
๔๐ ๑
อ๑๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๓๐ ๑
๑๐ ผนวก
รหัสวิชา รายวิชาเพิม่ เติม
ในกจิ กรรมชมุ นุม
อ๑๓๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร ๓
๑,๐๔๐ ๒๖
ส๑๓๒๐๑ การป้องกนั การทุจรติ ๓

รหสั กิจกรรม กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน

ก๑๓๙๐๑  กจิ กรรมแนะแนว

 กิจกรรมนกั เรยี น

ก๑๓๙๐๒  ลกู เสอื /เนตรนารี

ก๑๓๙๐๓  ชมุ นมุ

ก๑๓๙๐๔  กิจกรรมเพ่ือสังคม

และสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรียนท้ังหมดตามโครงสร้างหลักสตู ร

30

โครงสร้างหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นทยิ าเพอ

ระดับประถมศกึ ษา ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔

รายวชิ า/กิจกรรม เวลาเรียน
(ช่วั โมง/ปี) (ชัว่ โมง/สปั ดาห)์
รหสั วชิ า รายวิชาพนื้ ฐาน
๘๔๐ ๒๑
ท๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๑๖๐ ๔
๑๖๐ ๔
ค๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑๒๐ ๓
๘๐ ๒
ว๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ ๑
๘๐ ๒
ส๑๔๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๘๐ ๒
๔๐ ๑
ส๑๔๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๘๐ ๒
๘๐ ๒
พ๑๔๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๔๐ ๑
๔๐ ๑
ศ๑๔๑๐๑ ศิลปะ ๑๒๐ ๓
๔๐ ๑
ง๑๔๑๐๑ การงานอาชีพ (๘๐) (๒)
๔๐ ๑
อ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๓๐ ๑
๑๐ ผนวก
รหสั วิชา รายวชิ าเพมิ่ เติม
ในกจิ กรรมชมุ นุม
อ๑๔๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพือ่ การสอ่ื สาร ๔
๑,๐๔๐ ๒๖
ส๑๔๒๐๑ การปอ้ งกนั การทุจริต ๔

รหสั กจิ กรรม กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน

ก๑๔๙๐๑  กิจกรรมแนะแนว

 กจิ กรรมนกั เรียน

ก๑๔๙๐๒  ลกู เสอื /เนตรนารี

ก๑๔๙๐๓  ชุมนุม

ก๑๔๙๐๔  กจิ กรรมเพื่อสงั คม

และสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรยี นทั้งหมดตามโครงสรา้ งหลักสตู ร

31

โครงสร้างหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านทิยาเพอ

ระดับประถมศึกษา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๕

รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรียน
(ช่ัวโมง/ปี) (ชั่วโมง/สปั ดาห)์
รหสั วิชา รายวิชาพนื้ ฐาน
๘๔๐ ๒๑
ท๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๑๖๐ ๔
๑๖๐ ๔
ค๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑๒๐ ๓
๘๐ ๒
ว๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ ๑
๘๐ ๒
ส๑๕๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๘๐ ๒
๔๐ ๑
ส๑๕๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๑๖๐ ๔
๘๐ ๒
พ๑๕๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ๑
๔๐ ๑
ศ๑๕๑๐๑ ศิลปะ ๑๒๐ ๓
๔๐ ๑
ง๑๕๑๐๑ การงานอาชีพ (๘๐) (๒)
๔๐ ๑
อ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๓๐ ๑
๑๐ ผนวก
รหัสวิชา รายวชิ าเพม่ิ เติม
ในกจิ กรรมชมุ นุม
อ๑๕๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่อื การส่อื สาร ๕
๑,๐๔๐ ๒๖
ส๑๕๒๐๑ การป้องกันการทจุ รติ ๕

รหสั กิจกรรม กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน

ก๑๕๙๐๑  กิจกรรมแนะแนว

 กจิ กรรมนกั เรียน

ก๑๕๙๐๒  ลกู เสอื /เนตรนารี

ก๑๕๙๐๓  ชมุ นมุ

ก๑๕๙๐๔  กจิ กรรมเพื่อสงั คม

และสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรียนทง้ั หมดตามโครงสรา้ งหลักสูตร

32

โครงสร้างหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านทิยาเพอ

ระดับประถมศึกษา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖

รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรียน
(ช่ัวโมง/ปี) (ชั่วโมง/สปั ดาห)์
รหสั วิชา รายวิชาพนื้ ฐาน
๘๔๐ ๒๑
ท๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๑๖๐ ๔
๑๖๐ ๔
ค๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑๒๐ ๓
๘๐ ๒
ว๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔๐ ๑
๘๐ ๒
ส๑๖๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๘๐ ๒
๔๐ ๑
ส๑๖๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๑๖๐ ๔
๘๐ ๒
พ๑๖๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ๑
๔๐ ๑
ศ๑๖๑๐๑ ศิลปะ ๑๒๐ ๓
๔๐ ๑
ง๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ (๘๐) (๒)
๔๐ ๑
อ๑๖๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๓๐ ๑
๑๐ ผนวก
รหัสวิชา รายวชิ าเพม่ิ เติม
ในกจิ กรรมชมุ นุม
อ๑๖๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่อื การส่อื สาร ๖
๑,๐๔๐ ๒๖
ส๑๖๒๐๑ การป้องกันการทจุ รติ ๖

รหสั กิจกรรม กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน

ก๑๖๙๐๑  กิจกรรมแนะแนว

 กจิ กรรมนกั เรียน

ก๑๖๙๐๒  ลกู เสอื /เนตรนารี

ก๑๖๙๐๓  ชมุ นมุ

ก๑๖๙๐๔  กจิ กรรมเพื่อสงั คม

และสาธารณประโยชน์

รวมเวลาเรียนทง้ั หมดตามโครงสรา้ งหลักสูตร

33

คาอธิบายรายวิชา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

34

ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพ้ืนฐาน
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
เวลา ๒๐๐ ชั่วโมง

คาอธบิ ายรายวิชา

ฝึกอ่านออกเสียงคา คาคล้องจอง และข้อความสั้น ๆ บอกความหมายของคาและข้อความ
ตอบคาถาม เล่าเรื่องย่อ คาดคะเนเหตุการณ์ เลือกอ่านหนังสือตามความสนใจอย่างสม่าเสมอ นาเสนอเรื่อง
ท่ีอ่าน บอกความหมายของเคร่ืองหมายหรือสัญลักษณ์สาคัญท่ีมักพบเห็นในชีวิตประจาวัน มีมารยาท
ในการอ่าน ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนสื่อสารด้วยคาและประโยคง่าย ๆ มีมารยาท
ในการเขียน

ฝึกทักษะในการฟัง ฟังคาแนะนา คาสั่งง่าย ๆ และปฏิบัติตาม ตอบคาถาม เล่าเร่ือง พูดแสดง
ความคิดเห็นและความรู้สึกจากเร่ืองที่ฟังและดู พูดสื่อสารได้ตามวัตถุประสงค์ เน้นมารยาทในการฟัง
การดแู ละการพูด

ฝึกทักษะการเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย เขียนสะกดคาและบอกความหมาย
ของคา เรียบเรยี งคาเป็นประโยคงา่ ย ๆ ตอ่ คาคล้องจองงา่ ย ๆ

บอกข้อคิดท่ีได้จากการอ่านหรือการฟังวรรณกรรมร้อยแก้วและร้อยกรองสาหรับเด็ก ฝึกท่องจาบท
อาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน
กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิด การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การต้ังคาถาม
ตอบคาถาม ใชท้ กั ษะการฟัง การดแู ละการพดู พดู แสดงความคิดเห็น กระบวนการสรา้ งความคิดรวบยอด

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของ
การอนรุ ักษ์ภาษาไทยและตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไปประยกุ ต์ใชก้ บั ชีวิตประจาวันไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสม

มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด

ท 1.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5, ป.1/6, ป.1/7, ป.1/8
ท 2.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3
ท 3.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5
ท 4.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4
ท 5.1 ป.1/1, ป.1/2
รวม ๕ มาตรฐาน ๒๒ ตวั ชวี้ ดั

35

ท๑๒๑๐๑ ภาษาไทย คาอธิบายรายวชิ าพ้นื ฐาน
ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๒
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
เวลา ๒๐๐ ชัว่ โมง

คาอธบิ ายรายวิชา

ฝึกอ่านออกเสียงคา คาคล้องจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่าย ๆ อธิบายความหมายของคา
และข้อความท่ีอ่าน ต้ังคาถาม ตอบคาถาม ระบุใจความสาคัญและรายละเอียด แสดงความคิดเห็น
และคาดคะเนเหตุการณ์ เลือกอ่านหนังสือตามความสนใจอย่างสม่าเสมอและนาเสนอเรื่องท่ีอ่าน
อา่ นขอ้ เขียนเชิงอธบิ ายและปฏบิ ัติตามคาสัง่ หรอื ข้อแนะนา มมี ารยาทในการอา่ น

ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนเรื่องสั้น ๆ เกี่ยวกับประสบการณ์ เขียนเร่ืองส้ัน ๆ
ตามจินตนาการ มมี ารยาทในการเขียน

ฝึกทักษะการฟัง ฟังคาแนะนา คาส่ังท่ีซับซ้อนและปฏิบัติตาม เล่าเรื่อง บอกสาระสาคัญของเร่ือง
ตั้งคาถาม ตอบคาถาม พูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก พูดส่ือสารได้ชัดเจนตรงตามวัตถุประสงค์
มมี ารยาทในการฟงั การดแู ละการพดู

ฝึกทักษะการเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย เขียนสะกดคาและบอกความหมาย
ของคา เรียบเรียงคาเป็นประโยคได้ตรงตามเจตนาของการส่ือสาร บอกลักษณะคาคล้องจอง เลือกใช้
ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิน่ ได้เหมาะสมกบั กาลเทศะ

ฝึกจับใจความสาคัญจากเร่ือง ระบุข้อคิดท่ีได้จากการอ่านหรือการฟังวรรณกรรมสาหรับเด็ก
เพอื่ นาไปใช้ในชีวิตประจาวนั รอ้ งบทรอ้ งเลน่ สาหรับเด็กในทอ้ งถิ่น ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบท
ร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหา
ความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการส่ือความ กระบวนการแก้ปัญหา การฝึก
ปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การตั้งคาถาม ตอบคาถาม ใช้ทกั ษะการฟงั การดูและการพูด พูดแสดงความคิดเห็น
กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่า
ของการอนุรักษ์ภาษาไทยและตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไปประยุกตใ์ ชก้ ับชวี ิตประจาวันได้อย่างถูกตอ้ งเหมาะสม

36

มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั

ท 1.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5, ป.2/6, ป.2/7, ป.2/8
ท 2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4
ท 3.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5, ป.2/6, ป.2/7
ท 4.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5
ท 5.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3
รวม ๕ มาตรฐาน ๒๗ ตวั ชี้วัด

37

ท๑๓๑๐๑ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวิชาพ้ืนฐาน
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
เวลา ๒๐๐ ชัว่ โมง

คาอธบิ ายรายวิชา

ฝึกอ่านออกเสียงคา ข้อความ เรื่องส้ัน ๆ และบทร้อยกรองง่าย ๆ อธิบายความหมายของคา
และข้อความท่ีอ่าน ตั้งคาถาม ตอบคาถามเชิงเหตุผล ลาดับเหตุการณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ สรุปความรู้
ข้อคิดจากเรื่องท่ีอ่าน เพื่อนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน เลือกอ่านหนังสือตามความสนใจอย่างสม่าเสมอ
และนาเสนอเรอ่ื งที่อา่ น อา่ นขอ้ เขียนเชิงอธิบาย และปฏิบัติตามคาส่ังหรือข้อแนะนา อธิบายความหมาย
ของข้อมูลจากแผนภาพ แผนท่ี และแผนภูมิ มมี ารยาทในการอา่ น

ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนบรรยาย เขียนบันทึกประจาวัน เขียนเร่ือง
ตามจนิ ตนาการ มมี ารยาทในการเขียน

ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด เล่ารายละเอียด บอกสาระสาคัญ ต้ังคาถาม ตอบคาถาม
พูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก พูดสื่อสารได้ชัดเจนตรงตามวัตถุประสงค์ มีมารยาทในการฟัง การดู
และการพดู

ฝึกเขียนตามหลักการเขียน เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา ระบุชนิด หน้าท่ีของคา
ใช้พจนานุกรมค้นหาความหมายของคา แต่งประโยคง่าย ๆ แต่งคาคล้องจองและคาขวัญ เลือกใช้ภาษาไทย
มาตรฐานและภาษาถิน่ ได้เหมาะสมกับกาลเทศะ

ระบุข้อคิดท่ีได้จากการอ่านวรรณกรรม เพ่ือนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน รู้จักเพลงพื้นบ้าน
เพลงกล่อมเด็ก เพื่อปลูกฝังความชื่นชมวัฒนธรรมท้องถ่ิน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวรรณคดีท่ีอ่าน
ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน
กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการ
ส่ือความ กระบวนการแก้ปัญหา การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การต้ังคาถาม ตอบคาถาม ใช้ทักษะการฟัง
การดแู ละการพูด พดู แสดงความคิดเหน็ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด

เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ส่ือสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่า
ของการอนุรักษ์ภาษาไทยและตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไปประยุกต์ใชก้ ับชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม

38

มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด

ท 1.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6, ป.3/7, ป.3/8, ป.3/9
ท 2.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6
ท 3.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6
ท 4.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6
ท 5.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4
รวม ๕ มาตรฐาน ๓๑ ตัวช้วี ดั

39

ท๑๔๑๐๑ ภาษาไทย คาอธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔
กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
เวลา ๑๖๐ ช่วั โมง

คาอธบิ ายรายวชิ า

ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง อธิบายความหมายของคา ประโยคและสานวนจาก
เร่ืองที่อ่าน อ่านเรื่องสั้น ๆ ตามเวลาท่ีกาหนดและตอบคาถามจากเร่ืองท่ีอ่าน แยกข้อเท็จจริง
และขอ้ คดิ เห็นจากเร่ืองทอ่ี า่ น คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องท่ีอ่าน โดยระบุเหตุผลประกอบ สรุปความรู้
และข้อคิดจากเรื่องที่อ่าน เพื่อนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน เลือกอ่านหนังสือท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ
อย่างสม่าเสมอและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน มีมารยาทในการอ่าน ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจง
เต็มบรรทัดและคร่ึงบรรทัด เขียนสื่อสารโดยใช้คาได้ถูกต้อง ชัดเจนและเหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเรื่อง
และแผนภาพความคิดเพ่ือใช้พัฒนางานเขียน เขียนย่อความจากเร่ืองส้ัน ๆ เขียนจดหมายถึงเพื่อน
และมารดา เขียนบันทึกและเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า เขียนเรื่องตามจินตนาการ มีมารยาท
ในการเขยี น

ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด จาแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นเร่ืองท่ีฟังและดู พูดสรุป
จากการฟังและดู พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นและความรสู้ ึกเก่ียวกับเร่ืองท่ีฟังและดู ตั้งคาถามและตอบ
คาถามเชิงเหตุผลจากเรื่องที่ฟังและดู พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู
และการสนทนา มีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด ฝึกเขียนตามหลักการเขียน เขียนสะกดคา
และบอกความหมายของคาในบริบทต่าง ๆ ระบุชนิดและหน้าที่ของคาในประโยค ใช้พจนานุกรมค้นหา
ความหมายของคา แต่งประโยคได้ถูกต้องตามหลักภาษา แต่งบทร้อยกรองและคาขวัญ บอกความหมาย
ของสานวน เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิน่ ได้

ระบุข้อคิดจากนิทานพื้นบ้านหรือนิทานคติธรรม อธิบายข้อคิดจากการอ่านเพื่อนาไปใช้
ในชีวิตจริง ร้องเพลงพื้นบ้าน ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ
โดยใชก้ ระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิด
วิเคราะห์และสรุปความ กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการสื่อความ กระบวนการ
แก้ปัญหา การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การต้ังคาถาม ตอบคาถาม ใช้ทักษะการฟัง การดูและการพูด
พูดแสดงความคดิ เหน็ กระบวนการสรา้ งความคดิ รวบยอด

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่า
ของการอนุรักษ์ภาษาไทยและตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้วิธีการของ
เศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไปประยกุ ต์ใช้กบั ชีวิตประจาวันได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม

40

มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด

ท 1.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4, ป.4/5, ป.4/6, ป.4/7, ป.4/8
ท 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4, ป.4/5, ป.4/6, ป.4/7, ป.4/8
ท 4.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4, ป.4/5, ป.4/6, ป.4/7
ท 5.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4
รวม ๕ มาตรฐาน ๓๓ ตัวช้วี ดั

41

ท๑๕๑๐๑ ภาษาไทย คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๕
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
เวลา ๑๖๐ ช่วั โมง

คาอธิบายรายวชิ า

ฝึกอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรอง อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความ
ที่เป็นการบรรยายและการพรรณนา อธิบายความหมายโดยนัย แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น วิเคราะห์
แสดงความคิดเห็น อ่านงานเขียนเชิงอธิบาย คาสั่ง ข้อแนะนา และปฏบิ ัตติ าม เลอื กอ่านหนังสือที่มีคณุ ค่า
ตามความสนใจ มีมารยาทในการอา่ น

ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัด เขียนส่ือสาร เขียนแผนภาพโครงเรื่อง
แผนภาพความคิด เขียนย่อความ เขียนจดหมายถึงผู้ปกครองและญาติ เขียนแสดงความรู้สึก
และความคดิ เหน็ กรอกแบบรายการตา่ ง ๆ เขยี นเรือ่ งตามจินตนาการ มมี ารยาทในการเขยี น

ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นและความรู้สึก ตั้งคาถาม
ตอบคาถาม วเิ คราะหค์ วาม พดู รายงาน มมี ารยาทในการฟัง การดแู ละการพดู

ระบุชนิดและหน้าท่ีของคาในประโยค จาแนกส่วนประกอบของประโยค เปรียบเทียบภาษาไทย
มาตรฐานและภาษาถ่ิน ใช้คาราชาศัพท์ บอกคาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย แต่งบทร้อยกรอง
ใช้สานวนไดถ้ กู ต้อง

สรุปเรื่องจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่อ่าน ระบุความรู้ ข้อคิดจากการอ่านวรรณคดี
และวรรณกรรมที่สามารถนาไปใช้ในชีวิตจริง อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม ท่องจาบท
อาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการ
เขียน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์และสรุปความ กระบวนการ
คิดอย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการสื่อความ กระบวนการแก้ปัญหา การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก
การต้ังคาถาม ตอบคาถาม ใช้ทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความคิดเห็น กระบวนการสร้าง
ความคดิ รวบยอด

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ส่ือสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่า
ของการอนุรักษ์ภาษาไทยและตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้วิธีการ
ของเศรษฐกจิ พอเพยี งและสามารถนาไปประยกุ ต์ใชก้ ับชวี ติ ประจาวนั ได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม

42

มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด

ท 1.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5, ป.5/6, ป.5/7, ป.5/8
ท 2.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5, ป.5/6, ป.5/7, ป.5/8, ป.5/9
ท 3.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5
ท 4.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5, ป.5/6, ป.5/7
ท 5.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4
รวม ๕ มาตรฐาน ๓๓ ตัวชีว้ ดั

43

ท๑๖๑๐๑ ภาษาไทย คาอธิบายรายวิชาพ้ืนฐาน
ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๖
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
เวลา ๑๖๐ ช่วั โมง

คาอธิบายรายวิชา

ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความ
ท่ีเป็นโวหาร อ่านเร่ืองสั้น ๆ อย่างหลากหลาย แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเร่ืองท่ีอ่าน วิเคราะห์
และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเรื่องที่อ่านเพื่อนาไปใช้ในการดาเนินชีวิต อ่านงานเขียนเชิงอธิบาย คาส่ัง
ข้อแนะนา และปฏิบัติตาม อธิบายความหมายของข้อมูลจากการอ่านแผนผัง แผนที่ แผนภูมิและกราฟ
เลอื กอ่านหนงั สือตามความสนใจและอธบิ ายคณุ คา่ ที่ไดร้ บั มมี ารยาทในการอ่าน

ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัด เขียนสื่อสารโดยใช้คาได้ถูกต้อง ชัดเจน
และเหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคิดเพ่ือใช้พัฒนางานเขียน เขียนเรียงความ
เขียนย่อความจากเร่ืองอ่าน เขียนจดหมายส่วนตัว กรอกแบบรายการต่าง ๆ เขียนเรื่องตามจินตนาการ
และสรา้ งสรรค์ มมี ารยาทในการเขยี น

ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความรู้ ความเข้าใจ จุดประสงค์ของเรื่องท่ีฟังและดู
ตั้งคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผลจากเร่ืองที่ฟังและดู วิเคราะห์ความน่าเช่ือถือจากเรื่องท่ีฟังและดูส่ือ
โฆษณาอย่างมีเหตุผล พูดรายงานเร่ืองหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดูและการสนทนา
พูดโนม้ น้าวอย่างมีเหตผุ ลและน่าเช่ือถือ มีมารยาทในการฟัง การดแู ละการพูด

ฝึกวิเคราะห์ชนิดและหน้าท่ีของคาในประโยค ใช้คาได้เหมาะสมกับกาลเทศะและบคุ คล รวบรวม
และบอกความหมายของคาภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทย ระบุลักษณะของประโยค แต่งบทร้อยกรอง
วเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบสานวนทเี่ ปน็ คาพงั เพยและสภุ าษติ

ฝึกแสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมท่ีอ่าน เล่านิทานพ้ืนบ้านท้องถ่ินตนเอง
และนิทานพ้ืนบ้านของท้องถิ่นอ่ืน อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านและนาไปประยุกต์ใช้
ในชีวิตจริง ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อย โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน
กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์และสรุปความ กระบวนการคิด
อย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการส่ือความ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการสังเกต กระบวนการ
แยกข้อเท็จจริง กระบวนการค้นคว้า กระบวนการใช้เทคโนโลยีในการส่ือสาร กระบวนการใช้ทักษะ
ทางภาษา การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การต้ังคาถาม ตอบคาถาม ใช้ทักษะการฟัง การดูและการพูด
พดู แสดงความคิดเหน็ กระบวนการสรา้ งความคิดรวบยอด

เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่า
ของการอนุรักษ์ภาษาไทยและตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้วิธีการ
ของเศรษฐกจิ พอเพยี งและสามารถนาไปประยุกต์ใชก้ ับชีวติ ประจาวันได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม

44

มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด

ท 1.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6, ป.6/7, ป.6/8, ป.6/9
ท 2.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6, ป.6/7, ป.6/8, ป.6/9
ท 3.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6
ท 4.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6
ท 5.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4
รวม ๕ มาตรฐาน ๓๔ ตัวชี้วดั

45

โครงสร้างรายวิชาภาษาไทย
ช่ือรายวิชา ท11101 ภาษาไทยพื้นฐาน
ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 เวลารวม 200 ชั่วโมง

หนว่ ยท่ี ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระสาคญั ความคิดรวบยอด เวลา นา้ หนัก
การเรียนรู้ การเรยี นร/ู้ (ชว่ั โมง) คะแนน

ตัวชีว้ ัด

1 เพอื่ นรักสขี่ า ท 1.1 อา่ นออกเสยี งสะกดคาบอกและ 20 5
6
ป 1/1 เขยี นอักษรไทย พยญั ชนะ สระ 6

ท 4.1 วรรณยกุ ต์ และตัวเลขไทย พูด

ป 1/1 ในโอกาสต่างๆ เชน่ พูดแนะนา

ท 3.1 ตนเอง อยา่ งมมี ารยาทในการพูด

ป 1/4 บอกขอ้ คิดที่ไดจ้ ากการอ่านหรือ

ป 1/5 ฟังวรรณกรรมต่างๆ

ท 5.1

ป 1/1

2 ครอบครัวภูผา ท 1.1 อ่านออกเสียงคา ข้อความเร่ือง 15

ป 1/1 สัน้ ๆ และเขียนสะกดคาท่ี

ป 1/2 ประสมกบั สระ อา อี อู และ

ท 4.1 บอกความหมายของคาที่อ่านและ

ป 1/2 เขยี น รจู้ ักการแจกลกู คา และ

ท 2.1 ประสมคา คัดพยัญชนะ สระ

ป 1/1 และคาตา่ งๆ ดว้ ยตวั บรรจงเต็ม

ท 5.1 บรรทัด บอกขอ้ คิดที่ไดจ้ ากการ

ป 1/1 อ่านหรอื ฟงั วรรณกรรมต่างๆ

3 เรามาเลน่ กัน ท 1.1 อา่ นออกเสียงคา ข้อความ 20

ป 1/1 ประโยค บทรอ้ ยกรอง อา่ นและ

ป1/2 เขยี นสะกดคาทปี่ ระสมกับสระเอ

ท 4.1 สระแอ และบอกความหมายของ

ป 1/1 คาทอี่ ่านและเขียน ฟงั คาแนะนา

ท 3.1 คาส่งั ง่ายๆและปฏิบตั ิตามได้

ป 1/1 อย่างมีมารยาทในการฟงั บอก

ป 1/5 ขอ้ คิดทีไ่ ดจ้ ากการอ่านหรือฟัง

ท 5.1 วรรณกรรมตา่ งๆ

ป 1/1

46

โครงสรา้ งรายวชิ าภาษาไทย
ชอ่ื รายวชิ า ท11101 ภาษาไทยพ้ืนฐาน
ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เวลารวม 200 ช่วั โมง

หน่วยที่ ชื่อหน่วยการ มาตรฐาน สาระสาคญั ความคดิ รวบยอด เวลา น้าหนัก
เรยี นรู้ การเรียนร/ู้ (ช่ัวโมง) คะแนน

ตวั ช้ีวดั

4 ในสายธาราใส ท 1.1 อ่านออกเสยี งคา ข้อความและ 15 6
ป 1/1 เรอื่ งส้นั ๆ อ่านและเขียนสะกดคา
ป 1/2 ท่ีประสมกับสระ โอ ไอ ใอ และ
ท 4.1 คาที่มตี ัวสะกด พูด แสดงความ
ป 1/2 คิดเหน็ และความรู้สึกจากเรือ่ งท่ี
ท 3.1 ฟงั และดู
ป 1/3

5 ไปโรงเรยี น ท 1.1 อา่ นออกเสียงคา ข้อความ และ 15 6
ป 1/1 เรอ่ื งสัน้ ๆ อา่ นและเขียนสะกดคา
ป 1/2 ทป่ี ระสมกบั สระ อา อี อือ อู
ป 1/5 คาทมี่ รี ูปวรรณยุกตแ์ ละ
ท 4.1 ผนั วรรณยุกต์ได้ คาดคะเน
ป 1/2 เหตกุ ารณ์จากเรอ่ื งทอ่ี ่าน บอก
ท 5.1 ข้อคิดท่ีไดจ้ ากการอา่ นหรือการฟงั
ป 1/1 วรรณกรรมตา่ งๆ และท่องบท
ป 1/2 อาขยานตามที่กาหนดได้

6 โรงเรยี นลกู ช้าง ท 1.1 อา่ นออกเสียงคา ข้อความเร่ือง 15
ป 1/1 สั้นๆ อ่านและเขยี นสะกดคาที่
ป 1/2 ประสมในสระ เอยี อวั บอก
ป 1/3 ความหมายของคาท่ีอา่ นและเขียน
ท 3.1 บอกสาระสาคญั และตง้ั คาถามจาก
ป 1/2 เรอ่ื งท่ีอ่าน ฟงั หรือดู
ท 4.1
ป 1/2


Click to View FlipBook Version