The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2หลักสูตรภาษาไทย_merged

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nopparat Taweewongampai, 2022-09-22 04:04:54

2หลักสูตรภาษาไทย_merged

2หลักสูตรภาษาไทย_merged

47

โครงสร้างรายวิชาภาษาไทย
ชอ่ื รายวชิ า ท11101 ภาษาไทยพ้ืนฐาน
ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 เวลารวม 200 ช่วั โมง

หนว่ ยท่ี ชอื่ หน่วยการ มาตรฐาน สาระสาคัญความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนัก
เรียนรู้ การเรียนรู้/ (ชั่วโมง) คะแนน

ตวั ช้ีวดั

7 เล่นดว้ ยกัน ท 1.1 อ่านออกเสียงคา ข้อความและ 15 5
ฉันและเธอ ป 1/1 เรือ่ งส้นั ๆ อ่านและเขยี นคาท่ี
ป 1/2 ประสมกบั สระ อะ อิ อึ อุ ท่มี ี
ป 1/4 รูปวรรณยกุ ต์ และผนั วรรณยุกต์
ป 1/8 ได้ บอกความหมายของคาท่ีอา่ น
ท 4.1 และเขยี นเล่าเรื่องย่อจากเร่ืองท่ี
ป 1/2 อา่ น และมีมารยาทในการอา่ น

8 พดู ดี วจีไพเราะ ท 1.1 อ่านออกเสียงคา ข้อความและ 15 6
ป 1/1 เรอ่ื งสัน้ ๆ อา่ นเขียนคาทปี่ ระสม
ป 1/4 กับสระ อา เอา เอะ แอะ
ท 3.1 ทีม่ ีรูปวรรณยกุ ต์และผนั วรรณยกุ ต์
ป 1/2 อกั ษรกลาง ฟงั คาแนะนา คาสัง่
ท 4.1 งา่ ยๆ บอกข้อคิดจาก การท่องจา
ป 1/2 จากบทอาขยาน ตามทก่ี าหนดได้

9 เกือบไป ท 1.1 อา่ นออกเสยี งคา ข้อความและ 20 6
ป 1/1 เรื่องสัน้ ๆ อา่ นและเขียนประโยค
ป 1/2 ง่ายๆ และอ่านเขยี นสะกดคาที่
ป 1/5 ประสมกบั สระ โอะ เอาะ เอียะ
ป 1/8 เออะ อวั ะ คาดคะเนเหตกุ ารณ์
ท 2.1 จากเร่อื งท่อี ่าน บอกข้อคิดท่ีได้
ป 1/2 อ่านหรอื ฟงั วรรณกรรมต่างๆ
ท 4.1 ตามทกี่ าหนดได้
ป 1/2
ท 5.1
ป 1/1
ป1/2

48

โครงสรา้ งรายวชิ าภาษาไทย
ชอ่ื รายวชิ า ท11101 ภาษาไทยพื้นฐาน
ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 เวลารวม 200 ชัว่ โมง

หน่วยที่ ช่อื หน่วยการ มาตรฐาน สาระสาคัญความคิดรวบยอด เวลา น้าหนัก
เรยี นรู้ การเรยี นร/ู้ (ชั่วโมง) คะแนน

ตวั ช้ีวัด

10 เพ่อื นรูใ้ จ ท 1.1 อา่ นออกเสยี งคา ข้อความ 15 6
6
ป 1/1 และเรือ่ งสั้นๆ อา่ นและเขียน

ป 1/2 สะกดคาที่มีตัวสะกดตรงตาม

ป 1/4 มาตราและไมต่ รงตามมาตรา

ป 1/8 ในมาตราแม่กง แม่กน

ท 4.1 และบอกความหมายของคาท่ีอ่าน

ป 1/2 และเขยี นเล่าเร่ืองย่อจากเร่ือง

ท 5.1 ทอ่ี า่ น บอกข้อคิดท่ีไดจ้ าก

ป 1/1 การอ่านหรือวรรณกรรมตา่ ง ๆ

ป 1/2 มมี ารยาทในการอา่ น

11 ช้างน้อยนา่ รัก ท 1.1 อ่านออกเสียงคา ข้อความ 15

ป 1/1 และเรือ่ งส้ันๆ อ่านและเขียน

ป 1/3 สะกดคาท่มี ีตวั สะกดตรงตาม

ป 1/7 มาตราและไมต่ รงตามมาตรา

ท 4.1 ในมาตราแมก่ ม แมเ่ กย แม่เกอว

ป 1/2 เลอื กอ่านหนังสอื ตามความสนใจ

ท 5.1 ไดเ้ หมาะสม บอกความหมาย

ป 1/1 ของเคร่ืองหมาย สญั ลักษณ์

ป 1/2 สาคัญที่พบเหน็ ในชีวติ ประจาวัน

บอกข้อคดิ ที่ได้จากการอ่าน

หรือฟังวรรณกรรม

49

โครงสร้างรายวชิ าภาษาไทย
ชื่อรายวิชา ท11101 ภาษาไทยพ้ืนฐาน
ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 เวลารวม 200 ชวั่ โมง

หนว่ ยท่ี ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระสาคญั ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนัก
การเรียนรู้ การเรียนร/ู้ (ชวั่ โมง) คะแนน

ตวั ชวี้ ัด

12 วนั สงกรานต์ ท 1.1 อ่านออกเสียงคา ข้อความ 18 6

ป 1/1 และเร่ืองส้ัน ๆ ผันวรรณยุกต์

ท 2.1 อักษรกลาง สงู ต่า อา่ น

ป 1/2 และเขียนสะกดคาท่มี ีตัวสะกด

ป 1/3 ตรงตามมาตราและไมต่ รงตาม

ท 3.1 มาตราในมาตรา แม่กก แม่กด

ป 1/2 แมก่ บ แต่งประโยคเพื่อสื่อสาร

ท 4.1 แต่งคาคล้องจองงา่ ยๆ และเขียน

ป 1/3 เร่อื งจากคาและภาพ บอกข้อคิด

ป 1/4 ทไ่ี ดจ้ ากการอ่านหรือฟัง

ท 5.1 วรรณกรรมต่าง ๆ

ป 1/1

รวมระหว่างปี 198 70

ปลายภาค 2 30

รวม 200 100

50

โครงสรา้ งรายวิชาภาษาไทย
ชือ่ รายวิชา ท12101 ภาษาไทยพ้นื ฐาน
ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 2 เวลารวม 200 ชัว่ โมง

หน่วยท่ี ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนัก
การเรยี นรู้ ตัวชีว้ ดั คะแนน

1. มารูจ้ กั อักษรไทย ท 1.1 ป.2/1 ป.2/2 การฝึกอ่านออกเสียงสะกดคา 20 7

ท 2.1 ป.2/1 จะทาให้อ่านคา ข้อความ

ท 4.1 ป.2/1 ป 2/2 และเรอื่ งสัน้ ได้อยา่ งถูกวธิ ี

และคลอ่ งแคล่ว การฝึกคัดลายมือ

จะทาให้เขียนตัวอักษรไทยถูกตอ้ ง

และสวยงาม การสะกดคาและแจก

ลกู คา จะทาให้อ่านและเขยี นคา

ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง คลอ่ งแคล่ว

2. นา่ สนใจตวั สะกด ท 1.1 ป.2/1 ป.2/2 การฝกึ อ่านออกเสยี งสะกดคา 20 7

ท 3.1 ป.2/6 ป.2/7 จะทาให้อ่านคา ขอ้ ความ

ท4/1 ป.2/2 และเร่ืองสน้ั ๆ ได้อย่างถูกต้อง

และคล่องแคลว่ การพูดขอรอ้ ง

และพูดขอความช่วยเหลอื

เปน็ การพดู ใหผ้ ู้อื่นปฏบิ ัติตาม

สง่ิ ทีต่ นเองต้องการโดยพดู ด้วย

ถอ้ ยคาที่สุภาพ และพูดอยา่ งมี

มารยาท การเรยี นเร่ืองมาตรา

ตวั สะกดจะทาให้อา่ นและเขียนคา

ได้ถูกตอ้ ง

3. กก กง กน กม ท 1.1 ป.2/1 ป.2/2 การฝึกอ่านออกเสยี งสะกดคา 20 7

ท 3.1 ป.2/1 จะทาให้อา่ นคา ขอ้ ความ

ท 4.1 ป.2/2 และเรอ่ื งสน้ั ๆ ได้อย่างถูกวติ อ้ ง

และคลอ่ งแคล่ว การเรียนเร่ือง

มาตราตวั สะกด จะทาให้อ่าน

และเขยี นคาได้ถกู ต้อง การฟัง

คาแนะนาและคาสัง่ เปน็ การฟงั

เพื่อให้เกดิ ความเข้าใจว่าผพู้ ูด

ตอ้ งการให้ปฏบิ ัตอิ ย่างไร

51

โครงสร้างรายวชิ าภาษาไทย

ชื่อรายวิชา ท12101 ภาษาไทยพน้ื ฐาน

ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลารวม 200 ชวั่ โมง

หน่วยท่ี ชอื่ หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา น้าหนัก
4. การเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ัด 20 คะแนน

5. กบ เกย เกอว กด ท 1.1 ป.2/1 ป.2/2 การฝึกอ่านออกเสียงสะกดคา 18 7

6. ป. 2/6 ป.2/8 จะทาให้อ่านคา ขอ้ ความ 20 7

ท 4.1 ป.2/2 และเร่อื งสนั้ ๆ ได้อยา่ งถูกวิธี 7

ท 5.1 ป 2/1 และคล่องแคลว่ การอา่ นเป็น

การรับสารวธิ หี น่งึ โดยต้องเลอื ก

อา่ นในส่งิ ท่ีดี และเหมาะสม

แลว้ นาความรูจ้ ากเร่ืองที่อา่ นนามา

ใช้ประโยชน์และตอ้ งมีมารยาท

ในการอ่านด้วย การเขยี นคาได้

ตรงตามมาตราตัวสะกดจะทาให้

อ่านและเขยี นคาได้ถกู ต้อง

ผันวรรณยกุ ต์ ท 1.1 ป.2/1 ป.2/2 การฝกึ อ่านออกเสยี งสะกดคา

สนุกสนาน ป.2/5 จะทาให้อา่ นคา ข้อความ

ท 4.1 ป.2/2 และเรื่องสัน้ ๆ ได้อยา่ งถูกต้อง

และคลอ่ งแคล่ว การคาดคะเน

เหตกุ ารณ์จากเรื่องท่อี ่าน

เปน็ การคาดคะเนเหตกุ ารณล์ ่วงหนา้

โดยใชห้ ลกั การคดิ และประสบการณ์

ต่างๆ การผันวรรณยกุ ต์จะทาให้

อา่ นออกเสียงคาและเขียนคาได้

ถูกต้อง การเรียนเร่ืองคาควบกลา้

และอักษรนาจะทาให้เขียน

และอา่ นคาไดถ้ ูกตอ้ งคลอ่ งแคลว่

ประโยคน่ารู้ ท 1.1 ป.2/1 ป.2/2 การฝึกอ่านออกเสยี งสะกดคา

ท 2.1 ป.2/2 จะทาให้อา่ นคา ขอ้ ความ และเร่อื ง

ท 4.1 ป.2/3 ส้ันๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง การเขยี น

บนั ทกึ เหตกุ ารณป์ ระจาวนั

จะทาให้มีทกั ษะในด้านการเขียน

และสามารถนาประสบการณ์

มาใช้ประโยชนไ์ ด้ การใชป้ ระโยค

ทถี่ ูกต้องจะทาให้การสือ่ สารสัมฤทธิ์

ผล

52

โครงสร้างรายวิชาภาษาไทย
ชื่อรายวชิ า ท12101 ภาษาไทยพื้นฐาน
ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 2 เวลารวม 200 ช่ัวโมง

หนว่ ยท่ี ช่ือหนว่ ย มาตรฐานการเรียนร้/ู สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา น้าหนัก

การเรยี นรู้ ตวั ช้ีวดั คะแนน

7. การนั ตห์ รรษา ท 1.1 ป.2/1 ป.2/2 การฝึกอ่านออกเสียงสะกดคา 20 7

ท 3.1 ป.2/3 ป.2/5 จะทาให้อ่านคา ข้อความ และเรือ่ ง

ป.2/7 ส้นั ๆ ได้อยา่ งถูกต้องและคล่องแคลว่

ท 4.1 ป.2/2 การต้งั คาถามและตอบคาถามเรอื่ ง

ทีอ่ า่ น ฟัง และดู จะทาใหส้ รุป

ใจความสาคญั ของเรือ่ งได้ การเรียน

เรอื่ งอักษรการนั ต์ และคาท่มี ี รร

จะทาให้อา่ นและเขียนคาได้ถูกตอ้ ง

8. ความหมายของคา ท 1.1 ป.2/1 การฝกึ อ่านออกเสียงสะกดคา 20 7

จาใหด้ ี ป.2/2 ป.2/7 จะทาให้อ่านคา ขอ้ ความ

ท 3.1 ป.2/2 และเรอื่ งสนั้ ได้อย่างถูกต้อง

ท 4.1 ป.2/2 และคลอ่ งแคลว่ การอา่ นประกาศ

เปน็ การอ่านคาชแ้ี จงหรือคาแนะนา

แล้วปฏิบัติตามคาแนะนา การพูด

เล่าเร่ืองเปน็ การฝกึ ทักษะการพดู

อยา่ งหน่งึ การศกึ ษาความหมาย

ของคาจะทาให้เข้าใจ และใช้คา

ในการสือ่ สารไดอ้ ย่างถูกต้อง

9. คาคล้องจอง ท 1.1 ป.2/1 ป.2/2 การฝึกอ่านออกเสยี งสะกดคา 20 7

ท่องจาได้ ท 4.1 ป.2/3 จะทาให้อา่ นคา ขอ้ ความ

ท 5.1 ป.2/3 และเรือ่ งสนั้ ๆ ได้อย่างถูกต้อง

คาคล้องจองเป็นคาท่ีมีสระ

และตวั สะกดเดยี วกัน แตม่ ีพยัญชนะ

ต้นต่างกนั การทอ่ งจา บทอาขยาน

ท่มี คี ุณค่าและนาข้อคิด ทีไ่ ดจ้ าก

บทอาขยานไปใช้ในชีวติ ประจาวัน

จะทาให้ไดร้ บั ประโยชน์จากการอ่าน

บทอาขยานอย่างสงู สุด

53

โครงสรา้ งรายวิชาภาษาไทย
ช่ือรายวิชา ท12101 ภาษาไทยพื้นฐาน
ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลารวม 200 ชว่ั โมง

หนว่ ยที่ ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรียนร้/ู สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนัก
การเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั คะแนน

10. เรยี นรูภ้ าษาถิน่ ท 1.1 ป.2/1 ป.2/2 การฝกึ อ่านออกเสยี งสะกดคา 20 7

ท 2.1 ป.2/3 ป.2/4 จะทาให้อา่ นคา ขอ้ ความ

ท 4.1 ป.2/5 และเร่ืองสั้น ๆ ได้อย่างถูกต้อง

ท 5.1 ป.2/2 และคลอ่ งแคล่ว การเขยี น

เชิงสร้างสรรค์ เปน็ การเขยี นเรื่อง

จากจนิ ตนาการ และเป็นการฝกึ

ทกั ษะการเขียน การเรียนเรื่อง

ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ิน

ทาใหร้ จู้ กั คาศัพท์มากยิ่งขน้ึ

แล้วจะทาให้เลือกใชค้ าไดเ้ หมาะสม

รวมระหว่างปี 198 70

ปลายภาค 2 30

รวม 200 100

54

โครงสรา้ งรายวชิ าภาษาไทย
ชอ่ื รายวิชา ท13101 ภาษาไทยพืน้ ฐาน
ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลารวม 200 ช่ัวโมง

หน่วยท่ี ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนัก

การเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั คะแนน

1. ร้จู กั พยางคแ์ ละคา ท 1.1 ป.3/1 ป.3/2 การฝกึ อ่านออกเสยี งสะกดคา 18 7

ท 2.1 ป.3/1 จะทาให้อา่ นคา ข้อความ

ท 4.1 ป.3/1 และเรอื่ งส้ันได้อยา่ งถูกวธิ ี

และคล่องแคล่ว การฝกึ คัดลายมอื

จะทาใหเ้ ขียนตัวอักษรไทยถูกต้อง

และสวยงาม การสะกดคา

และแจกลูกคาจะทาให้อา่ น

และเขียนคาต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

คลอ่ งแคลว่

2. มาตราตัวสะกด ท 1.1 ป.3/1 ป.3/2 การฝึกอ่านออกเสยี งสะกดคา 20 7

นา่ จดจา ป.3/3 ป.3/9 จะทาให้อา่ นคา ขอ้ ความ

ท4/1 ป.3/1 และเร่ืองสนั้ ได้อย่างถูกวิธี

และคลอ่ งแคล่ว ในการอ่าน

จะต้องอา่ นให้ถกู ต้องตามอักขรวธิ ี

ของภาษาไทยและควรฝึกตั้งคาถาม

และตอบคาถามเพอื่ เป็นการทบทวน

สรปุ ความรู้ การสะกดคาทีม่ ี

ตัวสะกด จะทาให้อ่านและเขียนคา

ตา่ ง ๆ ได้อย่างถูกต้อง คลอ่ งแคล่ว

3. เกย เกอว กด ท 1.1 ป.3/1 ป.3/2 การฝึกอ่านออกเสียงสะกดคา 20 7

สดใส ท 3.1 ป.3/5 ป.3/6 จะทาให้อา่ นคา ขอ้ ความ

ท 4.1 ป.3/1 และเรอ่ื งส้นั ได้อย่างถูกวธิ ี

และคล่องแคล่ว การพดู คุยสื่อสาร

กนั มีหลายโอกาส เชน่ การพูด

ทกั ทาย การพูดแนะนาตัว การพูด

สนทนาโต้ตอบ เราจึงควรพูดให้

เหมาะสมกับโอกาสและควรพูด

อย่างมีมารยาท

55

โครงสร้างรายวชิ าภาษาไทย

ชื่อรายวชิ า ท13101 ภาษาไทยพื้นฐาน

ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 เวลารวม 200 ชั่วโมง

หน่วยที่ ชอื่ หน่วย มาตรฐานการเรียนร้/ู สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนัก
4. การเรียนรู้ ตัวช้ีวัด 20 คะแนน
คาควบกล้า
5. เพ่อื นอักษรนา ท 1.1 ป.3/1 ป.3/2 การฝกึ อ่านออกเสียงสะกดคา จะทา 20 7

6. ชนดิ ของคา ท 2.1 ป.3/2 ป.3/5 ให้อา่ นคา ขอ้ ความ และเร่ืองส้ัน 20 7
หนูจาได้
ป.3/6 ไดอ้ ยา่ งถกู วธิ แี ละคลอ่ งแคลว่ 7
ประวิสรรชนยี ์
มีความสุข ท 4.1 ป.3/1 การฝึกเขียนบรรยายและเขยี นเรอ่ื ง

ตามจินตนาการจะชว่ ยพัฒนาทกั ษะ

ในการเขียนให้ดียงิ่ ขึ้นและควรเขยี น

อยา่ งมีมารยาทในการเขียน

การสะกดคาควบกลา้ และคาที่มี

อักษรนา จะทาให้อ่านและเขียนคา

ตา่ ง ๆได้อย่างถูกต้อง

ท 1.1 ป.3/1 ป.3/2 การฝึกอ่านออกเสยี งสะกดคา จะทา

ท 2.1 ป.3/4 ให้อา่ นคา ขอ้ ความ และเร่ืองสั้น

ท 4.1 ป.3/2 ป.3/4 ไดอ้ ยา่ งถูกวิธแี ละคล่องแคลว่

ท 5.1 ป.3/2 การเขียนจดหมายลาครจู ะทาให้มี

ทกั ษะในการเขยี นจดหมาย การรจู้ ัก

ชนิดของคาจะทาใหแ้ ต่งประโยคและ

ใชค้ าได้ การแต่งประโยคในการ

สื่อสารได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม

กบั โอกาส ปรศิ นาคาทายและเพลง

พน้ื บา้ นจะทาให้มีทกั ษะในการใช้คา

และทาใหเ้ หน็ คุณค่าของภาษาไทย

ท 1.1 ป.3/1 ป.3/2 การฝึกอ่านออกเสยี งสะกดคา จะทา

ป.3/6 ป.3/7 ให้อ่านคา ขอ้ ความ และเรื่องสนั้

ท 4.1 ป.4/1 ไดอ้ ยา่ งถกู วธิ แี ละคล่องแคล่ว การ

เลือกอา่ นหนังสือท่ีดีจะทาใหไ้ ด้

ประโยชนส์ งู สุดในการอา่ น การอา่ น

คาโฆษณาจะทาใหเ้ ลอื กซือ้ สินคา้

หรือปฏิบัติตามคาเชญิ ชวนตา่ ง ๆ

ได้อยา่ งมวี จิ ารณญาณการอ่าน

และเขียนคาท่ีประวสิ รรชนีย์

ไม่ประวสิ รรชนยี ์ คาทใ่ี ช้ รรและบรร

จะทาให้อ่านและเขียนคาได้ถูกตอ้ ง

56

โครงสร้างรายวิชาภาษาไทย

ชอื่ รายวิชา ท13101 ภาษาไทยพืน้ ฐาน

ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 3 เวลารวม 200 ช่วั โมง

หน่วยท่ี ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนัก
7. การเรียนรู้ ตัวช้ีวดั 20 คะแนน

8. คาคล้องจอง ท 1.1 ป.3/1 ป.3/2 การฝึกอ่านออกเสยี งสะกดคา 20 7

เพอื่ นพ้องคาขวัญ ท 4.1 ป.3/5 จะทาให้อา่ นคา ขอ้ ความ 7

ท 5.1 ป.3/3 ป.3/4 และเร่อื งสั้นได้อยา่ งถูกวิธี

และคล่องแคลว่ คาคล้องจอง

เป็นคาที่ใชส้ ระเดียวกัน

และมีตัวสะกดมาตราเดยี วกัน

แตม่ พี ยัญชนะต้นต่างกัน

คาขวญั เปน็ ถ้อยคาท่ีมสี มั ผสั คล้อง

จองกนั ซึ่งแต่งขนึ้ เพ่ือเตือนใจ จงู ใจ

ใหเ้ หน็ คณุ ค่าของสงิ่ ตา่ ง ๆ

การแสดงความคิดเหน็ จากวรรณคดี

ที่อ่านเป็นการแสดงความรสู้ กึ

ของผู้อ่านทมี่ ีต่อวรรณคดเี รือ่ งนนั้ ๆ

อาขยานเป็นบทท่องจาท่เี ป็นรอ้ ย

กรองทีไ่ พเราะและให้ขอ้ คิดสอนใจ

สนกุ สนานกับตวั ท 1.1 ป.3/1 ป.3/2 การฝึกอ่านออกเสยี งสะกดคา

การันตแ์ ละ ป.3/5 จะทาให้อ่านคา ขอ้ ความ

ฤ ฤา ท 4.1 ป.3/1 และเรือ่ งส้นั ได้อยา่ งถูกวิธี

ท 5.1 ป.3/1 และคลอ่ งแคล่วการลาดับเหตุการณ์

เปน็ การเรยี งลาดับเหตุการณ์ต่าง ๆ

ใหไ้ ดใ้ จความทต่ี ่อเน่ือง

สว่ นการคาดคะเนเหตุการณ์

เปน็ การคาดเดาเหตกุ ารณ์

ลว่ งหน้าโดยใชเ้ หตผุ ลประกอบ

การจับใจความสาคัญและหาข้อคิด

จากการอ่าน เปน็ การจบั ประเดน็

และหาข้อคิดหรือคตสิ อนใจของเรอื่ ง

ทอ่ี ่าน คาท่ีมี ฤ จะอ่านออกเสียงได้

3 แบบ คอื ริ รึ เรอ สว่ นคาท่ี ฤา

อา่ นออกเสยี งรือ คาท่มี ตี วั การันต์

จะไม่อา่ นออกเสียงตวั อักษรที่มตี ัว

การนั ต์

57

โครงสรา้ งรายวิชาภาษาไทย

ชือ่ รายวิชา ท13101 ภาษาไทยพน้ื ฐาน

ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 เวลารวม 200 ชวั่ โมง

หน่วยท่ี ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา นา้ หนกั
การเรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด คะแนน

9. เรียนรูภ้ าษาถิ่น ท 1.1 ป.3/1 ป.3/2 การฝกึ อ่านออกเสยี งสะกดคา จะทา 20 7

ท 3.1 ป.3/1 ป.3/2 ใหอ้ า่ นคา ขอ้ ความ และเรื่องสัน้

ป.3/3 ป.3/4 ไดอ้ ย่างถกู วิธีและคล่องแคลว่

ป.3/6 การฟังและการดเู ป็นการสื่อสารท่ีใช้

ท 4.1 ป.3/6 ในชีวติ ประจาวัน ดังนนั้ เราควร

ปฏบิ ัตใิ ห้เหมาะสม การใชภ้ าษาไทย

มาตรฐานและภาษาถน่ิ ได้อยา่ ง

ถกู ต้องและเหมาะสมกับกาลเทศะ

จะทาให้ส่ือสารกันอยา่ งมี

ประสทิ ธภิ าพ

10. พจนานกุ รม ท 1.1 ป. 3/1 ป.3/2 การฝกึ อ่านออกเสียงสะกดคา 20 7

ป.3/8 จะทาให้อา่ นคา ข้อความ และเร่ือง

ท 2.1 ป.3/3 ส้นั ได้อย่างถกู วธิ ีและคล่องแคล่ว

ท 4.1 ป.3/3 แผนภาพเป็นการแสดงโครงสรา้ ง

ของความคดิ แผนที่ เป็นการเขยี น

ยอ่ จากพ้ืนทจ่ี ริงโดยใช้สญั ลักษณ์

ต่าง ๆ แทน ส่วนแผนภมู ิเป็นภาพ

อย่างหนง่ึ ที่แสดงจานวนของ

สง่ิ ต่าง ๆ ทกี่ าหนด การเขียนบันทกึ

ประจาวนั เป็นการเขียนบันทึก

เร่อื งราวหรือเหตุการณ์ท่ีเกดิ ขนึ้

กับตัวเรา การใช้พจนานุกรม

เป็นการค้นหาความหมายของ

คาศัพทแ์ ละเป็นการตรวจสอบ

การเขยี นสะกดคาใหถ้ ูกต้อง

รวมระหว่างปี 198 70

ปลายภาค 2 30

รวม 200 100

58

โครงสร้างรายวิชาภาษาไทย

ชื่อรายวชิ า ท14101 ภาษาไทยพ้ืนฐาน

ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลารวม 160 ชวั่ โมง

หน่วยท่ี ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู/้ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก
การเรียนรู้ ตวั ชีว้ ดั (ชั่วโมง) คะแนน

1. การอา่ นสะกดคา ท 1.1 ป.4/1 ป.4/2 มาตราตวั สะกด เปน็ พยัญชนะที่อยู่ทา้ ยคา 18 8

2. มาตราตวั สะกด ท 2.1 ป.4/1 หรือพยางค์ มีทัง้ หมด 8 มาตราสว่ นคาทีไ่ ม่

ท 3.1 ป.4/6 มีตวั สะกด จะเรยี กว่าคาในแม่ ก กา การ

ท 4.1 ป.4/1 คดั ลายมอื ตอ้ งเขยี นตัวอักษรในสดั สว่ นที่

ท 5.1 ป.4/2 ถกู ต้องและเสน้ ตวั อกั ษรใหส้ ม่าเสมอ การ

ฟัง การดู การพูด ตอ้ งคานึงถงึ มารยาทใน

การฟัง ดู และพูดด้วย บอกข้อคิดที่ไดจ้ าก

การอ่านหรือฟังวรรณกรรมต่าง ๆ

ท 1.1 ป.4/1 ป.4/2 การอ่านและสะกดคา เปน็ การอ่าน 20 8

ท 2.1 ป.4/6 ป.4/8 พยัญชนะ สระ ตัวสะกด แล้วประสมให้

ท 3.1 ป.4/2 ป.4/4 เป็นคา การอา่ นออกเสียงคาที่มีพยญั ชนะตน้

ท 4.1 ป.4/1 2 ตวั ตอ้ งอา่ นใหถ้ ูกต้อง การเขียนและการ

ท 5.1 ป.4/1 ป.4/2 พูดรายงานเป็นการนาเสนอผลการสืบคน้

หรือคน้ คว้าข้อมูลต่าง ๆ บอกข้อคิดทไ่ี ด้จาก

การอ่านหรือฟังวรรณกรรม

3. การผันอกั ษร ท 1.1 ป.4/1 ป.4/2 การผนั วรรณยุกต์ เป็นการเปล่ยี นเสียง 20 8

ป.4/3 ป.4/6 วรรณยกุ ต์ของพยางคท์ ี่ประกอบดว้ ย

ป.4/7 ป.4/8 พยญั ชนะต้น กับสระ และตัวสะกด

ท 3.1 ป.4/2 ป.4/4 อย่างเดียวกันใสร่ ูปวรรณยกุ ต์ตา่ งกนั

ท 4.1 ป.4/1 ตามท่ปี รากฏเป็นพยางค์ การอ่านหนงั สอื

ท 5.1 ป.4/1 ป.4/2 ควรเลอื กหนังสือทใี่ หค้ วามรู้ ส่งเสรมิ ปัญญา

และใชภ้ าษาท่ีถกู ต้องและควรอา่ นอยา่ งมี

มารยาท ในการอา่ น ฟัง หรือดเู รื่องราว

ตา่ ง ๆ เราควรฝึกตงั้ คาถามและตอบคาถาม

เพอ่ื เป็นการทบทวนและสรุปความรู้ บอก

ข้อคิดที่ไดจ้ ากการอา่ นหรือฟังวรรณกรรม

59

โครงสร้างรายวชิ าภาษาไทย

ชอ่ื รายวชิ า ท14101 ภาษาไทยพื้นฐาน

ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 เวลารวม 160 ชว่ั โมง

หนว่ ย มาตรฐาน

ที่ ชื่อหน่วย การ สาระสาคญั
การเรียนรู้ เรยี นร้/ู

ตัวช้ีวัด

4. คาใน ท 1.1 คาเป็นเสียงทเ่ี ปล่งออกมาและมคี วามหมาย ซ่งึ คาในภาษาไทยแบ่งเป็น 7 ชนดิ คอื คานาม คาสร

ภาษาไทย ป.4/1 ป. คากริยา คาวเิ ศษณ์การเขยี นแผนภาพโครงเรอื่ งเปน็ การเขียน เพอ่ื แสดงให้เห็นโครง เร่ืองโดยรวม

4/2 การยอ่ ความเปน็ การเขียนสรุปใจความสาคญั ของเรือ่ ง บอกขอ้ คดิ ท่ีได้จากการอา่ นหรือฟังวรรณก

ป.4/4
ท 2.1
ป.4/3 ป.
4/4
ท 4.1
ป.4/2
ท 5/1 ป.
4/1 ป.
4/2

5. ประโยค ท 1.1 ป. ประโยคเปน็ ถ้อยคาทเ่ี รยี งกันอยา่ งเป็นระเบียบ ใชส้ ่ือสารไดเ้ ข้าใจ มคี วามชดั เจนว่าใคร ทาอะไร ท
ถอ้ ยคา
สานวน 4/1 ป. อยา่ งไร เมอื่ ใดสานวนเป็นการนาคามาผูกต่อร้อยเรยี งกนั เพือ่ ใช้เปน็ ขอ้ คิดแกผ่ ู้ฟังและผู้อา่ นในด้าน

4/2 การแสดงความคิดเหน็ เชิงวจิ ารณ์ เปน็ การแสดงความคิดเหน็ ตอ่ ส่ิงใดสิง่ หน่งึ ดว้ ย

ป. หรือเขียนการเขียนจดหมายส่วนตวั เปน็ การเขียนจดหมายเพื่อสื่อสาร กบั เพื่อนหรือญาติพี่นอ้ งเพ่ือ

4/4 เรอ่ื งราวต่าง ๆ บอกข้อคิดทไ่ี ดจ้ ากการอา่ นหรอื ฟังวรรณกรรมตา่ ง ๆ

ท 2.1 ป.

4/5

ท 3.1 ป.

4/1 ป.

4/3

ท 4.1 ป.

4/4 ป.

4/6

ท 5/1 ป.

60

4/1 ป.
4.2

6. เคร่อื งหมาย ท 1.1 เพลงพ้ืนบา้ น เป็นเพลงท่ีเกดิ จากคน ในทอ้ งถ่ินตา่ ง ๆ ท่คี ิดรูปแบบและทานอง

วรรคตอน ป.4/1 ป. การรอ้ งขน้ึ เอง บทอาขยาน คอื บททอ่ งจา ส่วนใหญ่จะเป็นบทร้อยกรองทตี่ ัดตอนมาจากวรรณคด

4/2 ในดา้ นตา่ ง ๆ เช่นไพเราะ และเน้ือหาใหข้ ้อคดิ สอนใจ บอกขอ้ คิดท่ีไดจ้ ากการอา่ นหรือฟงั วรรณก

ท.5.1

ป.4/1 ป.

4/2

ป.4/3 ป.
4/4

โครงสร้างรายวชิ าภาษาไทย
ชื่อรายวิชา ท14101 ภาษาไทยพื้นฐาน
ระดับชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลารวม 160 ช่ัวโมง

หน่วยที่ ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก
การเรียนรู้ ตวั ชีว้ ัด (ชวั่ โมง) คะแนน
คาพ้อง เปน็ คาที่มีลกั ษณะเหมือนกัน
7 คาพ้อง ท 1.1 ป.4/1 ป.4/2 หรอื ซ้ากัน แบ่งเปน็ คาพ้องรปู คาพ้องเสยี ง 20 10
ท 4.1 ป.4/1 ป.4/3 และคาพ้องความหมาย การใช้พจนานุกรม
ต้องรวู้ ธิ เี รียงลาดบั จงึ จะหาความหมาย
ป.4/5 ของคาได้ การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง
ท 5.1 ป.4/1 ป.4/2 จะต้องอา่ นตามลกั ษณะคาประพันธ์
ใหถ้ ูกต้อง กลอนสี่เปน็ คาประพนั ธป์ ระเภท
กลอนชนิดหนึ่งซ่ึงในแต่ละวรรคจะมี 4 คา
จงึ เรียกว่ากลอนสี่ บอกข้อคิดทไ่ี ดจ้ าก
การอ่านหรือฟังวรรณกรรมต่าง ๆ

61

8 คาขวญั ท 1.1 ป.4/1 ป.4.2 คาขวัญ เป็นถ้อยคาหรือคาคลอ้ งจอง 20 8
ป.4/5 เพอื่ เตือนใจหรือแสดงเอกลักษณข์ องสิง่ ใด
158 70
ท 2.1 ป.4/2 ป.4/7 ส่ิงหนึ่ง ภาษาถ่ินเป็นภาษาท่ีใชพ้ ูดส่อื สาร 2 30
ท 4.1 ป.4/5 ป.4/7 กนั ในท้องถิน่ ต่าง ๆ การเขียนเรื่อง 160 100
ท 5.1 ป.4/1 ป.4/2 ตามจนิ ตนาการหรือความคิดของผู้เขยี น

การคาดคะเนเรื่องราวและเหตุการณ์
ลว่ งหนา้ จากเรื่องท่ีอ่าน บอกข้อคิด
ทีไ่ ด้จากการอ่านหรือฟังวรรณกรรม

รวมระหวา่ งปี

ปลายภาค

รวม

โครงสร้างรายวิชาภาษาไทย

ช่อื รายวชิ า ท15101 ภาษาไทยพืน้ ฐาน

ระดับชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลารวม 160 ชว่ั โมง

หนว่ ยที่ ชื่อหน่วย มาตรฐาน สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนกั
1 การเรยี นร/ู้ (ชวั่ โมง) 4

ตัวชีว้ ัด 8

การอา่ นคา ท1.1 ป5/1 - คานาม เป็นคาที่แสดงความหมายถึง

ภาษาไทย ท1.1 ป5/5 ชอ่ื บคุ คล สตั ว์ สิ่งของ สภาพ อาการ

ท2.1 ป5/1 คานามแตล่ ะชนดิ มีการใชท้ ่ีแตกต่างกัน

ท2.1 ป5/3 ผู้ใช้จงึ ต้องศึกษาให้เขา้ ใจ

ท2.1 ป5/7 - คาสรรพนาม เป็นคาท่ีใช้แทนนาม

ท3.1 ป5/3 ในการพูดและการเขียนแบ่งออกไดเ้ ป็น

ท3.1 ป5/4 หลายชนิด แตล่ ะชนิดมหี น้าที่และวิธกี ารใช้

ท3.1 ป5/5 แตกตา่ งกัน ซึง่ ต้องศึกษาให้เกดิ ความรู้

ท4.1 ป5/1 ความเขา้ ใจสามารถจาแนกประเภท

ท5.1 ป5/1 คาสรรพนาม แต่ละชนิดใหถ้ ูกต้อง

62

2 รู้เฟ้ืองเรื่อง ท1.1 ป5/1 และนาไปใช้ประโยชน์ได้อยา่ งเหมาะสม 8 3
คากริยา ท1.1 ป5/5 จึงจะเกดิ ประโยชนต์ อ่ การใชภ้ าษาไทย
คาวิเศษณ์ ท1.1 ป5/8 - นิทานเป็นเคร่อื งบนั เทิงใจอย่างหน่ึงที่ นา้ หนกั
ท2.1 ป5/1 ใหท้ ้งั ความสนุกสนานเพลิดเพลนิ และขอ้ คดิ 4
ท3.1 ป5/3 แก่ผู้ฟัง ผอู้ า่ น การร้หู ลักการเล่าการเขยี น
ท3.1 ป5/4 นิทานจากแผนภาพโครงเรือ่ งจะนาไปสู่
ท3.1 ป5/5 การพูด การเล่าเร่ืองและการเขียนนิทาน
ท4.1 ป5/1 ไดด้ ี
ท4.1 ป5/6
ท5.1 ป5/7 - คากริยา เปน็ คาทห่ี มายถงึ การกระทา
ท5.1 ป5/1 ของคน สัตว์ และสิ่งของ เป็นคาทีม่ ีอาการ
มกี ารเคลื่อนไหว แบ่งออกเป็นหลายชนิด
มหี น้าทแี่ ละวธิ ใี ชแ้ ตกต่างกนั การเรียนรู้
เรื่อง คากริ ิยา ช่วยให้สามารถนาไปใช้ผูก
เป็นประโยคได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม
เปน็ พฒั นาการใชภ้ าษาใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ
- คาวเิ ศษณ์ คอื คาท่ีทาหน้าทขี่ ยาย
หรือประกอบคานาม คาสรรพนาม คากรยิ า
และคาวิเศษณ์ ที่ทาหนา้ ทเี่ ป็นประธาน
กรยิ า กรรม ของประโยคเพื่อใหค้ วามชัดเจน
ยิ่งขน้ึ คาวิเศษณ์ คือ คาท่ใี ช้ประกอบคาอ่นื
ใหม้ คี วามหมายชดั เจนย่ิงข้นึ

หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วย มาตรฐาน สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เวลา
การเรยี นรู้/ (ช่ัวโมง)

ตัวช้ีวัด

3 อา่ นทานอง ท1.1 ป5/1 -การแต่งคาสัมผัสคล้องจองแบบง่ายๆ 8
เสนาะ ท1.1 ป5/8 หรือบทร้อยกรอง ถอื เปน็ การนาทักษะ
ทางภาษาไปใชอ้ ย่างมีศิลปะ
ไพเราะด้วย ท2.1 ป5/1
บทเพลง ท4.1 ป5/6 - การอา่ นทานองเสนาะ เปน็ การอา่ นท่ีตอ้ ง
คานงึ ถงึ การสัมผัสหรือคาคล้องจองในบท
ท4.1 ป5/5 กลอน เพราะการอา่ นถกู สัมผสั หรือเออื้ น
ท5.1 ป5/3 สัมผัส จะช่วยให้ไดร้ บั รสไพเราะเกิดอรรถรส
ท5.1 ป5/4 ของภาษา
- การร้องเพลง เปน็ ศิลปะการนาภาษา
ที่เรียบรอ้ ยสมั ผัสคล้องจองไปใหเ้ กดิ ทานอง
เพลง แล้วขับรอ้ งใหเ้ กิดความไพเราะ
ได้อรรถรสของภาษา เปน็ ประโยชน์
ทง้ั ผรู้ อ้ งและผฟู้ ัง

63

4 ยอ่ ความยน่ ท1.1 ป5/1 - ท่มี าจากภาษาต่างประเทศส่วนใหญ่ 8 3
เวลามา ท2.1 ป5/2 มักมตี ัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา
5 มหี ลายพยางค์และมีตัวการันต์ 8 4
หนว่ ยท่ี เรียนรบู้ ทกวี ท4.1 ป5/4 - การยอ่ ความคือ การเกบ็ เน้ือความ เวลา นา้ หนกั
ท4.1 ป5/9 หรือใจความสาคัญของเรื่องแลว้ นามา (ชัว่ โมง)
6 เรียบเรียงใหม่ การเขยี นย่อความ ผู้เขียน 8 3
ท5.1 ป5/4 ตอ้ งอ่านเรือ่ งใหล้ ะเอียดโดยตลอด และทา
ความเข้าใจเรื่องน้นั ๆ ให้ชัดเจน
รูเ้ ฟ่อื งเร่ือง ท1.1 ป5/1 และจะต้องเขา้ ใจรปู แบบวธิ กี ารเขียน
คาบพุ บท ท2.1 ป5/1 และฝึกเขยี นโดยใช้ถ้อยคา สานวน
คาสันธาน ท3.1 ป5/4 ท่ีถกู ต้องเหมาะสม
ท3.1 ป5/5 -การแตง่ บทร้อยกรองหรือบทลานา ผ้แู ตง่
ชอ่ื หน่วย ตอ้ งสะสมคา ข้อความไวม้ าก อา่ นมาก
มาตรฐานการ เขา้ ใจหลักการการแตง่ และได้รับการฝึกฝน
เรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั เปน็ ประจาและตอ่ เน่ืองจึงจะสามารถแตง่
หรอื เขียนในลกั ษณะคาสัมผสั คลอ้ งจอง
ท 4.1 ป5/1 หรือลานาคากลอนได้ดี
ท 5.1 ป5/1 คาบพุ บท คอื คาท่ีเขยี นหรือพูดนาหน้า
คานาม คาสรรพนาม หรอื คากริยา
คาอุทาน ท1.1 ป5/1 เพื่อเชื่อมคาหรือขยายคาท่ีอยู่ขา้ งหน้า
และการคิด ท3.1 ป5/4 เพอื่ บอกสถานท่ี บอกความเป็นผู้รบั
สร้างสรรค์ ท3.1 ป5/5
งานเขียน ท4.1 ป5/1 สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

ท5.1 ป5/1 บอกความเปน็ เคร่ืองใชห้ รือกระทารว่ มกนั
บอกความเป็นเจ้าของ และบอกเวลา
- คาสันธานคือคาที่ใช้เช่อื มคาใหส้ ละสลวย
มคี วามหมายชดั เจนย่งิ ขน้ึ
- การฝึกคัดลายมือเป็นการฝึกให้มีวินัย
ในการทางานและเป็นการฝึกสมาธิดว้ ย
- คาอุทาน คือ คาพดู ทีเ่ ขียนเพื่อแสดง
อารมณ์ หรือความรูส้ ึกของผู้พูด
- เขยี นคาเพื่อนาคาไปใชแ้ ตง่ ประโยค
ตลอดจนเป็นการแต่งเป็นเร่ืองราว
เกยี่ วกบั ครอบครวั การเขียนแสดง
ความรูส้ ึก ความคิดออกเป็นลายลกั ษณ์
อกั ษรเกย่ี วกบั ครอบครัว โดยไม่เลียนแบบ
ใครถือเปน็ การเขียนเชิงสร้างสรรคป์ ระการ

64

7 อ่านคิด ท1.1 ป5/4 หนึ่ง 8 4
วิเคราะห์ ท1.1 ป5/5
เร่ือง ท2.1 ป5/1 - การเล่าเรือ่ งและการเขยี นแผนภาพโครง
ประเทือง ท2.1 ป5/2 เรื่อง ทาให้จาเน้ือเร่อื งได้แม่นยายังเปน็
ความรู้ ท2.1 ป5/3 การชว่ ยฝกึ ทกั ษะ และพัฒนาในดา้ น
สบู่ ทกวี ท2.1 ป5/9 การเขียน การพดู ต่อไป
ท4.1 ป5/1
ท5.1 ป5/2 - การคิดวเิ คราะห์บทเรียนอย่างมีเหตผุ ล
ท5.1 ป5/3 เปน็ เคร่อื งบ่งช้ถี งึ การมีทักษะในการฟัง
- การฝกึ คดิ และออกมาพูดอภิปราย
ข้อคิดเห็นของเราให้คนอื่นฟัง ถอื ว่า
เป็นคนทม่ี ีความสามารถและแสดงออก
อยา่ งถูกต้อง
- การมที ักษะในการเขยี น ทาใหค้ ัดลายมือ
ได้ถูกต้อง รวดเรว็ และสวยงาม

หนว่ ยท่ี ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เวลา นา้ หนกั
8 เรียนรู้/ตัวชี้วดั (ชั่วโมง) 3
- การใช้พจนานุกรมจะช่วยให้แต่งประโยค
กวา้ งไกลใช้ ท1.1 ป5/1 ไดถ้ ูกต้องตามความหมายยงิ่ ขนึ้ 8
- การใช้หอ้ งสมุดเปน็ แหล่งศกึ ษาค้นคว้า
ห้องสมุด ท1.1 ป5/2 หาความรู้เปน็ การสร้างนิสัยรักการอา่ น
และการเขียน
ท1.1 ป5/3 - การอ่านออกเสยี งเปน็ การอ่านท่คี นอ่นื
สามารถรบั รู้เรื่องราว สาระการเรยี นรูจ้ าก
ท1.1 ป5/8 ผูอ้ ่านได้ด้วย ดังนน้ั ควรอา่ นให้ถูกต้องตาม
หลกั การอ่าน จงึ จะทาใหก้ ารอ่านประสบ
ท2.1 ป5/2 ความสาเรจ็ กระทาไดโ้ ดยฝึกคายาก ฝึกอ่าน
ตามลกั ษณะของเสยี งและคาประพนั ธ์ ร้จู กั
ท2.1 ป5/3 ใชน้ ้าเสียงตามอารมณ์ของตัวละคร เนน้
ท2.1 ป5/9 จงั หวะหนกั เบาเหมือนเสยี งพูด จะทาให้อา่ น
ท4.1 ป5/1 ได้ถูกตอ้ งคลอ่ งแคลว่ และช่วยใหส้ อ่ื สารได้
ท5.1 ป5/2
ท5.1 ป5/3

65

อย่างมีประสทิ ธภิ าพ เมื่ออ่านแล้วควรฝึกคัด

9 เรยี งรอ้ ย ท1.1 ป5/1 ภาษาไทย เปน็ ภาษาทใ่ี ชใ้ นเชงิ 8 4

ถ้อยความ ท1.1 ป5/2 เปรียบเทียบจานวนมาก การรู้จกั ใช้

กับกาพย์ ท1.1 ป5/3 สานวนภาษาใน การพูดและการเขียนได้

ยานี 11 ท1.1 ป5/8 อย่างถูกต้อง จะช่วยใหก้ ารใช้ภาษาไทย

ท2.1 ป5/2 สละสลวยน่าฟงั ยง่ิ ข้นึ คาและสานวนใน

ท2.1 ป5/2 ภาษาไทยมีความหมายใกล้เคียงกัน เราจึง

ท2.1 ป5/8 ตอ้ งสังเกตความหมาย และเลือกใช้ให้

ท2.1 ป5/9 ถูกต้องและเหมาะสม

ท4.1 ป5/7 การแตง่ กาพย์ยานี 11 เป็นการนาภาษา

ท5.1 ป5/3 มารอ้ ยกรองให้เป็นคาคล้องจองตาม

ลกั ษณะการบงั คับของกาพย์ยานี 11

การจะแต่งกาพย์ลักษณะนไ้ี ดดจี ะตอ้ งฝกึ

จากการสงั เกตลกั ษณะ และวิธีแตง่ ให้เข้าใจ

กอ่ นแลว้ จงึ ฝกึ เขยี นฝึกแต่ง โดยเน้นในเรอ่ื ง

การสัมผัสคาให้ถูกต้องตามลักษณะบังคบั

หนว่ ยที่ ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนกั
10 เรยี นรู้/ตวั ชี้วัด (ช่วั โมง)
-โวหาร คอื การใชถ้ ้อยคาทีเ่ ลอื กสรร
สานวนชวน ท1.1 ป5/3 มาแลว้ เปน็ อย่างดี มีความสละสลวย 83
มีความเหมาะสมโวหารเปน็ ชั้นเชิงหรือ
ฟัง ท1.1 ป5/8 สานวน หรอื ถ้อยคา สาบัดสานวนในการ
แตง่ หนังสือหรือการพูด ในภาษาไทยใช้
ท2.1 ป5/8 ขยายความใหช้ ดั แจ้ง และเพื่อถา่ ยทอด
อารมณ์ความรู้สึกนึกคดิ ความรู้หรอื
ท2.1 ป5/9 จินตนาการของผู้เขยี นให้กวา้ งไกลออกไป
การเรียนรู้ ฝกึ สงั เกต รวบรวมและฝึกนา
ท2.1 ป5/2 โวหารไปใช้ประโยชนก์ ็จะทาใหเ้ กิดทักษะ
ทางภาษาได้เป็นอย่างดี
ท2.1 ป5/6

66

11 จดหมาย ท1.1 ป5/4 -การคิดวิเคราะห์บทเรียนอย่างมีเหตผุ ล 8 4
สื่อสาร ท1.1 ป5/5 เปน็ เครื่องบ่งชี้ถึงการมที ักษะในการฟัง
12 ท2.1 ป5/2 - การฝกึ คดิ และออกมาพูดอภิปราย 3
หนว่ ยที่ ช่ือหน่วย ท5.1 ป5/2 ขอ้ คิดเหน็ ของเราให้คนอ่ืนฟัง ถอื วา่ เปน็ คน นา้ หนกั
ทมี่ คี วามสามารถและแสดงออกอยา่ ง
13 ท1.1 ป5/1 ถกู ต้อง 4
ท1.1 ป5/8 - การมที ักษะในการเขียน ทาให้คัดลายมือได้
ท2.1 ป5/8 ถกู ต้อง รวดเรว็ และสวยงาม
ท5.1 ป5/2 - การเขยี นจดหมาย เป็นวธิ ีการสอื่ สารดว้ ย
ทักษะการเขยี นของผทู้ ี่อย่หู ่างไกลกนั ย่อม
มาตรฐานการ ใชภ้ าษาทีแ่ ตกต่างกันตามฐานะของบคุ คล
เรียนรู้/ตัวชวี้ ัด ที่เขียนถึง ผเู้ ขยี นควรเรียนรหู้ ลักและวิธกี าร
เขยี นให้ถูกต้องทง้ั รปู แบบและวิธกี าร
ท1.1 ป5/3 เพือ่ จะได้นาไปใชใ้ ห้ถกู ต้อง
ท1.1 ป5/5
ท2.1 ป5/6 การเขยี น เปน็ การนาภาษาไปใช้ 8
ท4.1 ป5/7 ในการเขยี นเพื่อสื่อสารความรู้ ความคดิ
ข้อมูลท่ีตนเองมี ใหค้ นอืน่ รับรู้ผูต้ ้องมคี วามรู้ เวลา
ขอ้ มูลทีจ่ ะเขยี นและเข้าใจหลักการเขยี น (ช่ัวโมง)
จงึ จะเขียนส่ือสารได้ดี เกดิ ประโยชนท์ ้ัง
ผเู้ ขียนและผู้อ่าน การอภิปรายความหมาย 8
เปรียบเทียบคือ การพูดหรือการนาเสนอสาร
ที่มวี ามหมายเปรียบเทียบอย่างใดอยา่ งหนงึ่
ซ่งึ แฝงโดยนยั ให้คนอ่นื เขา้ ใจ ผ้พู ูดควรรู้
หลกั การพดู มมี ารยาทในการพดู และเขา้ ใจ

สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

ความหมายเปรียบเทยี บของคานั้นๆ จึงจะ
ทาให้การพดู และการฟังบรรลุจุดประสงค์
ท่วี างไว้
การเล่าเร่อื งและการเขยี นแผนภาพโครง
เรือ่ ง ทาให้จาเนื้อเร่ืองได้แม่นยายงั เป็นการ
ช่วยฝกึ ทกั ษะ และพฒั นาในด้านการเขยี น
การพูดต่อไป การอ่านในใจท่ีดแี ละมี
จดุ หมาย แล้วสามารถตั้งคาถาม ตอบ
คาถาม ลาดับเหตุการณ์ และอภปิ ราย
แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับเรื่องท่ีอ่านอย่าง
มเี หตผุ ลจะทาใหเ้ ขา้ ใจเรื่องได้ดี

67

14 รู้เฟื่องเร่ือง ท1.1 ป5/2 - การเรยี นรคู้ า ชดุ คา คายาก ขอ้ ความและ 8 3
15 คาพ้อง ท1.1 ป5/3 สานวนภาษาไทยในบทเรียน และนาไปใช้ 8 4
หน่วยท่ี ท1.1 ป5/5 ใหถ้ กู ต้อง ถือเป็นการพัฒนาทกั ษะทางภาษา น้าหนกั
ท2.1 ป5/3 ทผี่ ูเ้ รยี นควรได้รับการฝึกฝน เพอ่ื พัฒนา
ท4.1 ป5/1 ทกั ษะให้ถูกต้อง จึงจะทาให้การเรียนรู้ภาษา
ท4.1 ป5/7 เปน็ ไปด้วยดีและเกิดการพัฒนาตามมา
ท5.1 ป5/2 - คาพอ้ ง คาว่า พอ้ ง แปลวา่ “เหมอื น”
คาพ้อง หมายถงึ คาทม่ี ลี ักษณะใดลักษณะ
ท1.1 ป5/1 หนึ่งเหมอื นกนั อาจเป็นรปู เขียน เสียง
ท1.1 ป5/2 หรือ ความหมายกไ็ ด้ การอา่ นและการ
ท1.1 ป5/3 เขียนคาพ้องให้ถูกต้องนับเป็นพน้ื ฐานสาคัญ
ท1.1 ป5/8 ในการใช้ภาษา
ท2.1 ป5/2
ท2.1 ป5/2 - คาราชาศพั ท์ เป็นถ้อยคาทีใ่ ชต้ ามลาดบั
ท2.1 ป5/8 ชนั้ ของบคุ คล การรจู้ กั คาและความหมาย
ท2.1 ป5/9 ของคาราชาศัพท์ ตามชนดิ ของคา จะช่วย
ท4.1 ป5/7 ใหเ้ ขา้ ใจ และนาคาไปใช้ในการแต่ง
ท5.1 ป5/3 ประโยคได้ถกู ต้องตามความหมาย
- ภาษาไทย เปน็ ภาษาท่ีใช้ในเชิง
เปรยี บเทียบจานวนมาก การรูจ้ ักใช้
สานวนภาษาใน การพดู และการเขยี นได้
อยา่ งถูกต้อง จะช่วยให้การใช้ภาษาไทย
สละสลวยนา่ ฟังยงิ่ ข้ึนคาและสานวนใน
ภาษาไทยมีความหมายใกลเ้ คียงกัน
เราจงึ ต้องสงั เกตความหมาย และเลือกใช้ให้

ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา
เรยี นร้/ู ตวั ชว้ี ดั (ชวั่ โมง)
ถูกต้องและเหมาะสม การรู้จักเลือกใช้
สานวนสภุ าษิตให้ถกู ต้องตามความหมาย
ช่วยทาใหก้ ารสื่อความหมายไดถ้ กู ต้อง
มคี วามชดั เจนตรงตามวัตถุประสงค์

68

16 ท1.1 ป5/1 - กลอนสี่ เป็นบทรอ้ ยกรองชนดิ หนึ่ง 83

ท1.1 ป5/2 ที่บทหน่งึ มี 4 วรรค วรรคละ 4 แตล่ ะวรรค

ท1.1 ป5/3 แบ่งเป็น 2 ช่วงจังหวะละ 2 คา มีลกั ษณะ

ท1.1 ป5/8 ฉันทลักษณ์เปน็ การเฉพาะ นักเรยี นควร

ท2.1 ป5/2 เรยี นรู้ให้เขา้ ใจหลกั การของฉันทลักษณ์และ

ท2.1 ป5/2 นาไปใช้ให้ถูกตอ้ ง

ท2.1 ป5/8 - กลอนสภุ าพหรอื กลอนแปด เปน็ บทรอ้ ย

ท2.1 ป5/9 กรองชนิดหนง่ึ ที่นาคาในภาษาไทยมาเรียง

ท4.1 ป5/7 ร้อยให้มีการสมั ผสั คลอ้ งจองกันตามลกั ษณะ

ท5.1 ป5/3 ของฉนั ทลักษณ์กลอนสภุ าพ

- กาพยย์ านี 11 เป็นบทรอ้ ยกรองชนิดหนง่ึ

ทน่ี าคาในภาษาไทยมาเรียงร้อยให้มีการ

สัมผัสคล้องจองกนั ตามลกั ษณะของ

ฉันทลักษณก์ าพย์ยานี 11

- การฝกึ ใหน้ ักเรียนแต่งกาพย์ยานี 11 และ

เห็นคณุ คา่ ของกาพย์ยานี 11 ถือเปน็ ใบงาน

ทีค่ วรส่งเสริมและปลูกฝงั ใหเ้ กิดมขี ้นึ เพื่อจะ

ไดส้ บื ทอดเอกลกั ษณข์ องภาษาไทยต่อไป

17 ท1.1 ป5/2 - การอา่ นหนงั สอื เพมิ่ เติมหรอื อ่านเสริม 84

ท1.1 ป5/3 บทเรียน จะช่วยให้นักเรียนรักการอา่ นและ

ท1.1 ป5/7 เกดิ นิสยั รักการอ่านตามมาได้

ท2.1 ป5/8 - การร้จู กั ใช้สานวนภาษาใน การพดู และ

ท2.1 ป5/9 การเขียนได้อย่างถูกต้อง จะชว่ ยให้การใช้

ท4.1 ป5/7 ภาษาไทยสละสลวยนา่ ฟังย่ิงขึ้นคาและ

ท5.1 ป5/1 สานวนในภาษาไทยมีความหมายใกล้เคยี งกนั

ท1.1 ป5/2 เราจงึ ตอ้ งสงั เกตความหมาย

ท1.1 ป5/3 และเลอื กใช้ใหถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสม

หนว่ ยที่ ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เวลา นา้ หนกั
18 เรียนร/ู้ ตัวชี้วดั (ชวั่ โมง) 3
- การแต่งโคลงสีส่ ภุ าพ คือ การนาคา
อา่ นเขยี น ท1.1 ป5/2 ภาษาไทยมาร้อยเรียงให้เกดิ การสมั ผสั คล้อง 8
จอง ตามลกั ษณะฉันทลักษณ์ การบังคับ
โคลงสี่ ท1.1 ป5/3 สัมผัสตามแผนผังของโคลงสสี่ ภุ าพ ถอื เปน็

ดใู หด้ ีมี ท1.1 ป5/7

ฉันทลักษณ์ ท1.1 ป5/8

69

ท4.1 ป5/7 ศิลปะทางภาษาประการหน่งึ ที่นักเรียนต้อง

ท5.1 ป5/1 เรยี นร้แู ผนผังหรอื ฉนั ทลักษณ์ ใหเ้ ขา้ ใจ

ท1.1 ป5/2 และนาไปใช้ให้ถกู ตอ้ ง - การถอดความจาก

ท5.1 ป5/3 โคลงส่สี ภุ าพ คือ การหาใจความสาคัญหรอื

ขอ้ คิดทม่ี ีในโคลงบทน้ันๆ การทจี่ ะถอดคา

ต้องเข้าใจคาความหมายทัง้ โดยตรงและ

โดยนยั และมกี ารฝึกเป็นประจาด้วย

19 รู้ทนั ข่าวสาร ท1.1 ป5/4 - การอ่านข่าวทางหนังสือพมิ พ์ หรอื ทาง 8 4

เทคโนโลยี ท1.1 ป5/5 เว็บไซต์และการดูข่าวสารทง้ั ทาวิทยุ 70
30
ท1.1 ป5/6 โทรทศั น์ มคี วามมุ่งหมายสาคัญคือ มงุ่ ให้ 100

ท1.1 ป5/8 ไดร้ บั ความรู้ ความบนั เทงิ เพื่อนาข้อมลู

ตา่ งๆ มาเป็นหลักในการปฏิบัติ หรอื

แกป้ ัญหาต่างๆ ในสว่ นท่เี ก่ียวข้องกบั ตนเอง

และสงั คม การรับสารที่ดีนัน้ ผู้อา่ นและผดู้ ู

ควรรบั รู้ถงึ หวั ข้อเร่ืองหรอื ทม่ี าของขา่ วเป็น

สาคัญ รวมทั้งต้ังใจอ่านและฟังถึง

รายละเอยี ดของขา่ วเพ่ือเปรียบเทยี บเนื้อหา

สาระกับแหล่งขา่ วตา่ งๆ เพื่อประเมนิ ค่า

ความถกู ตอ้ งของข่าวสารก่อนที่จะตดั สนิ ใจ

เชอ่ื รายละเอียดของขา่ วต่างๆ น้ัน

การอ่านข่าวท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ ผู้อ่าน

ต้องรูจ้ ักพจิ ารณา วเิ คราะห์เนือ้ หาขา่ ว

ขอ้ เทจ็ จริง ข้อคิดเหน็ ท่ีมาของแหล่งขา่ ว

ว่ามคี วามน่าเชอื่ ถือมากน้อยเพยี งใดและ

อ่านจากหนังสือพิมพห์ รือส่อื หลาย ๆ ฉบับ

รวมคะแนนระหวา่ งภาค 158

คะแนนปลายปี 2

รวม 160

หน่วยท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐาน เวลา น้าหนัก
20 จงภมู ิใจเถิดที่ การเรยี นร/ู้ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด (ชว่ั โมง)

ตัวชี้วดั 63

ท1.1 ป5/1 - การร้องเพลงชาติไทย เป็นการรอ้ ง

70

เกิดเป็นไทย ท1.1 ป5/3 เพลงเพ่ือปลกุ กระแสจติ ใหเ้ กิดความรัก
ท1.1 ป5/8 ชาติ หวงแหนและเห็นความสาคัญของ
ท2.1 ป5/5 ชาติไทยตนเอง เพ่ือปลกุ ใจให้คนรกั ชาติ 158 70
ท2.1 ป5/9 นนั้ นอกจากเพลงชาติไทยแล้ว ยังมี 2 30
ท5.1 ป5/3 เพลงปลุกใจให้รักชาติ อีกมมากมาย 160 100
ท5.1 ป5/4 ท่นี ักเรียน ควรเรียนรู้ และนามาฝกึ ร้อง

เพื่อให้เกดิ ความสนุกสนาน ความรกั ชาติ
ตนเอง การเขยี นจดหมาย เป็นวิธีการ
ส่อื สารดว้ ยทักษะการเขียนของผ้ทู อ่ี ยู่
ห่างไกลกัน ย่อมใช้ภาษาทแี่ ตกตา่ งกัน
ตามฐานะของบุคคลทเี่ ขียนถึง ผเู้ ขียน
ควรเรยี นรูห้ ลกั และวธิ กี ารเขยี นให้
ถกู ต้องท้ังรปู แบบและวิธีการเพือ่ จะได้
นาไปใช้ให้ถูกตอ้ ง

รวมคะแนนระหว่างภาค

คะแนนปลายปี

รวม

หนว่ ยที่ โครงสร้างรายวิชาภาษาไทย เวลา นา้ หนกั
ชอื่ รายวชิ า ท16101 ภาษาไทยพน้ื ฐาน
ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลารวม 160 ชว่ั โมง

ชอ่ื หน่วย มาตรฐาน สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

71

การเรยี นรู้/ (ช่ัวโมง)

ตวั ชีว้ ัด

1 ชนดิ และหน้าที่ ท1.1 ป6/3 - การอ่านในใจ เปน็ การอ่านที่ไม่ต้อง 6 4

ของคา ท1.1 ป6/8 เปลง่ เสียงออกมา ซึ่งในขณะอา่ นควร

ท1.1 ป6/9 จับใจความสาคัญของเร่อื งให้ได้ วา่

ท4.1 ป6/1 ใคร ทาอะไร ท่ีไหน เมอื่ ใด

- คาในภาษาไทยแบ่งเป็น 7 ชนิด ซงึ่

แต่ละชนิดก็มีหน้าทแี่ ตกต่างกันไป เช่น

เป็นประธานของประโยค เป็นกริยา

เป็นกรรมหรอื เปน็ สว่ นขยาย(คานาม

คาสรรพนาม คากรยิ า คาวิเศษณ์(

2 ชนิดและหนา้ ท่ี ท1.1 ป6/3 - การอ่านในใจ เปน็ การอา่ นที่ไมต่ ้อง 8 3

ของคา ท1.1 ป6/8 เปล่งเสยี งออกมา ซึ่งในขณะอา่ นควร

ท1.1 ป6/9 จับใจความสาคัญของเร่อื งให้ได้ ว่า

ท4.1 ป6/1 ใคร ทาอะไร ท่ีไหน เมือ่ ใด

- คาในภาษาไทยแบ่งเป็น 7 ชนิด

ซง่ึ แตล่ ะชนดิ ก็มหี นา้ ท่ีแตกตา่ งกนั ไป

เชน่ เป็นประธานของประโยค

เป็นกริยา เป็นกรรมหรือเปน็ ส่วนขยาย

(คาบุพบท คาสนั ธาน คาอุทาน(

3 คาควบกลา้ ท1.1 ป6/1 การอ่านออกเสยี งคะลกั ษณะตา่ ง ๆ 84

ท1.1 ป6/3 ที่มีในภาษาไทยต้องอา่ นใหถ้ ูกต้อง

ท1.1 ป6/5 ตามอักขระวิธีและความนิยม การอา่ น

ท2.1 ป6/1 คาควบกล้า อักษรนา

ท3.1 ป6/6 - การเขียนเพ่ือสอ่ื สารความรู้ ความคิด

ของตนเองใหผ้ ู้อ่นื รบั ทราบจาเป็นต้อง

เขยี นดว้ ยลายมอื ทอ่ี า่ นง่ายและสวยงาม

เพ่อื ให้ผู้อา่ นอ่านได้สบายตา

-การฟงั และการดสู ิ่งต่าง ๆ ควรฟัง

และดดู ้วยความต้ังใจ มมี ารยาท

ในการฟังและดู เพือ่ ใหจ้ บั ใจความ

สาคัญของเรื่องท่ีฟงั หรอื ดู

หน่วยที่ ช่ือหน่วย มาตรฐาน เวลา นา้ หนกั
4 การผนั เสยี ง การเรียนรู้/ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด (ชัว่ โมง) 3

ตัวชี้วดั 8

ท1.1 ป6/1 การอ่านออกเสยี งคะลกั ษณะต่าง ๆ ทีม่ ี

72

อกั ษรสามหมู่ ท1.1 ป6/3 ในภาษาไทยตอ้ งอา่ นให้ถกู ต้องตาม

ท1.1 ป6/5 อักขระวธิ ีและความนิยม คาท่ีมีตวั

ท2.1 ป6/1 การนั ต์ คาประสม คาซา้ คาซ้อน

ท3.1 ป6/6 - การเขียนเพ่ือสื่อสารความรู้ ความคดิ

ของตนเองใหผ้ ู้อื่นรับทราบจาเป็นตอ้ ง

เขียนด้วยลายมอื ที่อา่ นง่ายและสวยงาม

เพ่อื ใหผ้ ้อู ่านอ่านไดส้ บายตา

-การฟังและการดสู ิ่งตา่ ง ๆ ควรฟังและ

ดดู ้วยความตัง้ ใจ มีมารยาทในการฟงั

และดู เพื่อใหจ้ บั ใจความสาคัญของเรื่อง

ท่ีฟงั หรือดู

5 มาตราตัวสะกด ท1.1 ป6/1 -คาท่มี าจากภาษาตา่ งประเทศ สว่ น 8 4
3
และภาษา ท1.1 ป6/3 ใหญ่มักมีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา มี 4

ต่างประเทศ ท2.1 ป6/5 หลายพยางคแ์ ละมตี ัวการนั ต์

ท4.1 ป6/3 - มาตราตัวสะกด

ท5.1 ป6/1 -วรรณกรรมหรือวรรณคดี เป็นเร่อื งท่ี

เขยี นใหข้ ้อคิดคติเตือนใจ

6 การเขยี น ท1.1 ป6/1 - การเขยี นย่อความเป็นการเขียนสรปุ 8

ย่อความ ท1.1 ป6/3 ใจความสาคญั ของเรอ่ื งทีอ่ ่านหรอื ฟัง

ท2.1 ป6/5 ตามรูปแบบของย่อความแต่ละประเภท

ท4.1 ป6/3 - ทมี่ าจากภาษาต่างประเทศ ส่วนใหญ่

ท5.1 ป6/1 มกั มตี วั สะกดไมต่ รงตามมาตรา

มีหลายพยางค์และมตี ัวการันต์

7 อกั ษรสามหมู่ ท1.1 ป6/3 - การพูดรายงาน เปน็ การพูดนาเสนอ 8

ท1.1 ป6/8 ขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการค้นควา้ ให้ผู้อนื่ ทราบ

ท1.1 ป6/9 โดยลาดับขั้นตอนการปฏิบัตงิ าน

ท2.1 ป6/2 หรือลาดับเหตกุ ารณ์

ท2.1 ป6/9 - เรอ่ื งอกั ษรสามหมู่ คาเปน็ คาตาย

ท3.1 ป6/4 การผนั อกั ษร

ท4.1 ป6/4 - การเขียนรายงานเป็นการเขียนท่ีศึกษา

คน้ ควา้ จากแหล่งขอ้ มลู ต่างๆ ในรูปแบบ

ของรายงาน

หน่วยที่ ชอ่ื หน่วย มาตรฐาน เวลา นา้ หนกั
8 ประโยค การเรียนรู/้ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด (ชัว่ โมง) 3

ตวั ชว้ี ัด 8

ท1.1 ป6/3 -ประโยค เป็นถ้อยคาท่ีเรียงกันอยา่ งเปน็

73

ท1.1 ป6/8 ระเบยี บ ใชส้ ือ่ สารไดเ้ ข้าใจ มีความ

ท1.1 ป6/9 ชัดเจนว่าใคร ใครทาอะไร ท่ไี หน ฯลฯ

ท2.1 ป6/2 - การพูดรายงาน เป็นการพูดนาเสนอ

ท2.1 ป6/9 ข้อมลู ที่ไดจ้ ากการค้นคว้าให้ผู้อ่ืนทราบ

ท3.1 ป6/4 โดยลาดับขนั้ ตอนการปฏบิ ัติงาน หรอื

ท4.1 ป6/4 ลาดับเหตุการณ์

- การเขยี นรายงานเป็นการเขียนท่ศี กึ ษา

คน้ คว้าจากแหล่งข้อมลู ต่างๆ ในรปู แบบ

ของรายงาน

9 เคร่ืองหมาย ท1.1 ป6/ -เคร่อื งหมายวรรคตอน เปน็ ครือ่ งหมาย 8 4
3
วรรคตอน 2 ท่ีใชป้ ระกอบคา ขอ้ ความหรือประโยค 4
3
ท1.1 ป6/3 ต่าง ๆ เพื่อใหอ้ ่านได้ถกู ต้องและเข้าใจ

ท1.1 ป6/4 ความหมายย่งิ ขึ้น

ท3.1 ป6/3 -อกั ษรย่อเป็นตวั อักษรทใ่ี ช้เขียนเพอื่ ย่อ

คาให้สั้นลง เปน็ ตวั อกั ษรหรือคาที่ใช้

แทนคาเต็ม โดยมเี คร่ืองหมายกากับ

10 การเขียน ท1.1 ป6/2 -ตัวเลขไทย 0-9 สามารถใช้แทน 8

โฆษณา ท1.1 ป6/3 จานวนและใชแ้ ทนวันเดอื น ปี ได้

และการอ่าน ท1.1 ป6/4 -การโฆษณา เปน็ การจงู ใจ ให้กระทา

เลขไทย ท3.1 ป6/3 ตามความต้องการของผู้โฆษณา

11 คาราชาศัพท์ ท1.1 ป6/3 - คาราชาศพั ท์ เปน็ ถ้อยคาที่ใช้ 8

ท1.1 ป6/5 ตามลาดับชน้ั ของบุคคล การรู้จกั คา

ท3.1 ป6/1 และความหมายของคาราชาศัพท์

ท3.1 ป6/2 ตามชนิดของคา จะช่วยให้เข้าใจ

ท3.1 ป6/6 และนาคาไปใช้ในการแตง่ ประโยค

ท4.1 ป6/2 ไดถ้ ูกต้องตามความหมาย

ท5.1 ป6/3

12 การพดู ส่ือสาร ท1.1 ป6/3 - การพูดส่ือสาร หรือพูดเพ่ือแสดง 8

ท1.1 ป6/5 ความรู้ ควรพดู ด้วยถ้อยคาท่ีสุภาพ

ท3.1 ป6/1 พดู ออกเสียงให้ชัดเจนถูกตอ้ ง

ท3.1 ป6/2 และมีมารยาทในการพดู

ท3.1 ป6/6 - บอกข้อคดิ ที่ได้จากการอา่ นหรือฟงั

หน่วยท่ี ชื่อหน่วย มาตรฐาน เวลา นา้ หนกั
การเรยี นรู้/ สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด (ชัว่ โมง)

ตวั ช้ีวดั

ท4.1 ป6/2 วรรณกรรมต่างๆ

74

13 โวหาร ท5.1 ป6/3 8 4

14 การเขียน ท1.1 ป6/2 โวหาร คือ การใชถ้ ้อยคาท่เี ลือกสรร 8 3
เรยี งความ ท1.1 ป6/3 มาแล้วเปน็ อย่างดี มคี วามสละสลวย
15 ท2.1 ป6/4 มคี วามเหมาะสมโวหารเปน็ ช้ันเชงิ หรือ 8 4
16 การโตว้ าที ท4.1 ป6/6 สานวน หรอื ถอ้ ยคา สาบดั สานวนในการ 8 3
หนว่ ยท่ี กลอนสภุ าพ เวลา นา้ หนกั
17 แตง่ หนงั สอื หรือการพดู ในภาษาไทยใช้ (ชวั่ โมง) 4
ชื่อหน่วย ขยายความให้ชดั แจ้ง และเพ่ือถา่ ยทอด 8
การใช้ อารมณ์ความรู้สกึ นึกคิด ความรหู้ รือ
จินตนาการของผเู้ ขยี นให้กว้างไกล
ออกไป การเรยี นรู้ ฝกึ สังเกต รวบรวม
และฝกึ นาโวหารไปใช้ประโยชน์กจ็ ะทา
ใหเ้ กดิ ทักษะทางภาษาไดเ้ ป็นอย่างดี

ท1.1 ป6/ - การเขยี นเรียงความ เปน็ การเขยี น
2 แสดงความรู้ ความคิด ความรู้สกึ
ท1.1 ป6/3 ผู้เขยี นจะต้องค้นควา้ หาความรู้
ท2.1 ป6/4 ประกอบการเขียนทัง้ การใชถ้ ้อยคา
ท4.1 ป6/6 สานวน ถ้วนคาสานวน เปน็ คากล่าว

หรือถ้อยคาคมคายสน้ั ที่มีความหมาย
เปน็ นัย
- สานวนไทยเป็นคากลา่ วหรอื ถ้อยคาคม
คายสน้ั ๆ มคี วามหมายเปน็ นัย

ท1.1 ป6/3 - ภาษาไทยท่ใี ชส้ ื่อสารแบ่งได้เปน็ 3
ท3.1 ป6/5 ระดบั คือ ภาษาแบบแผน ภาษากึ่ง
ท4.1 ป6/2 แบบแผนและภาษาปาก
ท5.1 ป6/3 - การโตว้ าทเี ปน็ การพดู โต้ตอบกนั ของ

บคุ คล 2 ฝ่าย โดยใชเ้ หตผุ ลประกอบ
เพือ่ โนม้ นา้ วใหผ้ ู้ฟังเห็นดว้ ยกับผู้พดู

ท1.1 ป6/3 - การเขยี นจดหมายสว่ นตวั เป็นการ
ท1.1 ป6/6 เขยี นถึงเพอ่ื นหรือญาตสิ นทิ
ท2.1 ป6/3 - บทอาขยาน คือบทท่องตา สว่ นใหญ่
ท2.1 ป6/6 จะเป็นบทร้อยกรองทต่ี ัดตอนมาจาก
ท4.1 ป6/5 วรรณคดซี ึง่ ดีเด่นในดา้ นตา่ งๆ เชน่
ท5.1 ป6/4 ไพเราะ และเนื้อหาให้ข้อคดิ สอนใจ

มาตรฐาน
การเรียนรู/้ สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

ตัวชี้วดั

ท1.1 ป6/3 - พจนานุกรมเป็นหนังสือท่ีรวบรวมคา

75

พจนานกุ รม ท1.1 ป6/6 ท่ีมใี ช้ในภาษาไทย จะบอกคาอ่าน

ท2.1 ป6/3 ความหมายและประวัตทิ ่ีมาของคา

ท2.1 ป6/6 - การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง

ท4.1 ป6/5 จากการอา่ นวรรณกรรม เป็นการเขียน

ท5.1 ป6/4 เพอื่ สรปุ ใจความสาคญั ของเร่ือง กลอน

สภุ าพ มหี ลายชนิดมีชอ่ื เรยี กตา่ ง ๆ กัน

เชน่ กลอน 6 กลอน 8 ผ้เู ขยี นต้อง

เป็นผชู้ า่ งสังเกต รกั การอ่าน อ่านมาก

และฝึกเขยี นอยา่ งสม่าเสมอและต่อเนื่อง

18 กลอนสภุ าพ ท1.1 ป6/3 - การเขียนจดหมายส่วนตวั 83

ท1.1 ป6/6 เป็นการเขียนถงึ เพ่ือนหรือญาติสนิท

ท2.1 ป6/3 - บทอาขยาน คือบทท่องตา ส่วนใหญ่

ท2.1 ป6/6 จะเป็นบทร้อยกรองทีต่ ดั ตอนมาจาก

ท4.1 ป6/5 วรรณคดซี งึ่ ดีเดน่ ในดา้ นต่างๆ เช่น

ท5.1 ป6/4 ไพเราะ และเนื้อหาให้ข้อคดิ สอนใจ

19 ภาษาถน่ิ ท1.1 ป6/3 - เพลงพนื้ บ้านเปน็ เพลงท่เี กดิ ข้นึ จากคน 8 4

ท1.1 ป6/7 ในท้องถนิ่ ต่างๆ ที่คดิ รปู แบบทานองการ

ท2.1 ป6/7 ร้องขนึ้

ท2.1 ป6/8 - นทิ านพน้ื บา้ นเปน็ นิทานท่มี ีการเล่า

ท4.1 ป6/2 ขาน ต่อ ๆ กนั มา ในแต่ละท้องถนิ่

ท5.1 ป6/2

20 ภาษาถน่ิ ท1.1ป6/3 - ภาษาถ่ินเป็นภาษาทใี่ ช้ติโดตอ่ ส่ือสาร 8 3

ท1.1ป6/7 ตามท้องถน่ิ ต่าง ๆ หรอื ภาษาหนึ่งภาษา

ท2.1ป6/7 ถิ่น เปน็ ภาษาที่ใชพ้ ูดสื่อสารกันใน

ท2.1ป6/8 ท้องถน่ิ ตา่ ง

ท4.1ป6/2 - การเขยี นเร่ืองตามจนิ ตนาการหรอื

ท5.1 ป6/2 ความคดิ ของผูเ้ ขยี นการคาดคะเน

เรอ่ื งราวและเหตุการณ์ เป็นการคาด

เดาเหตุการณ์ลว่ งหนา้ จากเร่อื งทีอ่ า่ น

รวมคะแนนระหว่างปี 158 70

คะแนนปลายภาค 2 30

รวม 160 100

อภธิ านศัพท์

กระบวนการเขยี น
กระบวนการเขียนเป็นการคิดเรื่องที่จะเขียนและรวบรวมความรู้ในการเขยี น กระบวนการเขียน

76

มี 5 ข้ัน ดงั นี้
1. การเตรียมการเขยี น เป็นขนั้ เตรียมพรอ้ มทจ่ี ะเขียนโดยเลอื กหัวขอ้ เรื่องที่จะเขียน

บนพ้ืนฐานของประสบการณ์ กาหนดรูปแบบการเขียน รวบรวมความคิดในการเขียน อาจใช้วิธีการ
อ่านหนังสือ สนทนา จัดหมวดหมู่ความคิด โดยเขียนเป็นแผนภาพความคิด จดบันทึกความคิด
ท่จี ะเขียนเปน็ รปู หวั ขอ้ เรื่องใหญ่ หวั ขอ้ ยอ่ ย และรายละเอียดคร่าวๆ

2. การยกร่างข้อเขียน เม่ือเตรยี มหัวข้อเร่ืองและความคิดรูปแบบการเขียนแลว้ ให้นาความคิด
มาเขียนตามรูปแบบท่ีกาหนดเป็นการยกร่างข้อเขียน โดยคานึงถึงว่าจะเขียนให้ใครอ่าน จะใช้ภาษา
อย่างไรให้เหมาะสมกับเร่ืองและเหมาะกับผู้อ่ืน จะเริ่มต้นเขียนอย่างไร มีหัวข้อเรื่องอย่างไร ลาดับ
ความคดิ อยา่ งไร เชือ่ มโยงความคิดอยา่ งไร

3. การปรับปรุงข้อเขียน เมื่อเขียนยกร่างแล้วอ่านทบทวนเรื่องท่ีเขียน ปรับปรุงเร่ืองที่เขียน
เพ่ิมเติมความคิดให้สมบูรณ์ แก้ไขภาษา สานวนโวหาร นาไปให้เพื่อนหรือผู้อ่ืนอ่าน นาข้อเสนอแนะ
มาปรับปรงุ อีกครงั้

4. การบรรณาธิการกิจ นาข้อเขียนท่ีปรับปรุงแล้วมาตรวจทานคาผิด แก้ไขให้ถูกต้อง
แลว้ อา่ นตรวจทานแกไ้ ขขอ้ เขียนอกี คร้ัง แก้ไขข้อผิดพลาดทั้งภาษา ความคิด และการเว้นวรรคตอน

5. การเขียนให้สมบูรณ์ นาเร่ืองท่ีแก้ไขปรับปรุงแล้วมาเขียนเรื่องให้สมบูรณ์ จัดพิมพ์
วาดรูปประกอบ เขียนให้สมบูรณ์ด้วยลายมือท่ีสวยงามเป็นระเบียบ เม่ือพิมพ์หรือเขียนแล้วตรวจทาน
อีกคร้งั ใหส้ มบูรณก์ อ่ นจัดทารูปเล่ม

กระบวนการคิด

การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เป็นกระบวนการคิด คนท่ีจะคิดได้ดีต้องเป็นผู้ฟัง ผู้พูด
ผู้อ่าน และผู้เขียนที่ดี บุคคลท่ีจะคิดได้ดีจะต้องมีความรู้และประสบการณ์พ้ืนฐานในการคิด บุคคลจะมี
ความสามารถในการรวบรวมขอ้ มูล ข้อเท็จจรงิ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ และประเมินค่า จะต้องมีความรู้
และประสบการณ์พื้นฐานท่ีนามาช่วยในการคิดทั้งสิ้น การสอนให้คิดควรให้ผู้เรียนรู้จักคัดเลือกข้อมูล
ถ่ายทอด รวบรวม และจาข้อมูลต่างๆ สมองของมนุษย์จะเป็นผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร และสามารถแปล
ความข้อมูลข่าวสาร และสามารถนามาใช้อ้างอิง การเป็นผู้ฟัง ผู้พูด ผู้อ่าน และผู้เขียนท่ีดี จะต้องสอน
ให้เป็นผู้บริโภคข้อมูลข่าวสารท่ีดีและเป็นนักคิดที่ดีด้วย กระบวนการสอนภาษาจึงต้องสอนให้ผู้เรียน
เป็นผู้รับรู้ข้อมูลข่าวสารและมีทักษะการคิด นาข้อมูลข่าวสารท่ีได้จากการฟังและการอ่านนามาสู่การฝึก
ทักษะการคิด นาการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน มาสอนในรปู แบบบูรณาการทักษะ ตัวอย่าง เช่น
การเขียนเป็นกระบวนการคิดในการวิเคราะห์ การแยกแยะ การสังเคราะห์ การประเมินค่า การสร้างสรรค์
ผู้เขียนจะนาความรู้และประสบการณ์สู่การคิดและแสดงออกตามความคิดของตนเสมอ ต้องเป็นผู้อ่าน
และผฟู้ ังเพ่ือรบั รู้ขา่ วสารท่ีจะนามาวเิ คราะห์และสามารถแสดงทรรศนะได้

กระบวนการอา่ น

การอ่านเป็นกระบวนการซึ่งผู้อ่านสร้างความหมายหรือพัฒนา การตคี วามระหว่างการอ่านผู้อ่าน
จะต้องรู้หัวข้อเร่ือง รู้จุดประสงค์ของการอ่าน มีความรู้ทางภาษาท่ีใกล้เคียงกับภาษาที่ใช้ในหนังสือที่อ่าน
โดยใช้ประสบการณ์เดมิ เปน็ ประสบการณท์ าความเขา้ ใจกับเร่ืองทอี่ ่าน กระบวนการอา่ นมดี งั นี้

77

1. การเตรียมการอ่าน ผู้อ่านจะต้องอ่านชื่อเร่ือง หัวข้อย่อยจากสารบัญเร่ือง อ่านคานา
ให้ทราบจุดมุ่งหมายของหนังสือ ตั้งจุดประสงค์ของการอ่านจะอ่านเพื่อความเพลิดเพลินหรืออ่าน
เพื่อหาความรู้ วางแผนการอ่านโดยอ่านหนังสือตอนใดตอนหน่ึงว่าความยากง่ายอย่างไร หนังสือมีความ
ยากมากน้อยเพียงใด รูปแบบของหนังสือเป็นอย่างไร เหมาะกับผู้อ่านประเภทใด เดาความว่าเป็นเร่ือง
เกีย่ วกบั อะไร เตรยี มสมดุ ดนิ สอ สาหรับจดบนั ทกึ ข้อความหรือเน้ือเรอ่ื งทส่ี าคญั ขณะอา่ น

2. การอ่าน ผู้อ่านจะอ่านหนังสือให้ตลอดเล่มหรือเฉพาะตอนท่ีต้องการอ่าน ขณะอ่านผู้อ่าน
จะใช้ความรู้จากการอ่านคา ความหมายของคามาใช้ในการอ่าน รวมท้ังการรู้จักแบ่งวรรคตอนด้วย
การอ่านเรว็ จะมีส่วนช่วยให้ผู้อา่ นเขา้ ใจเรือ่ งได้ดกี ว่าผูอ้ ่านช้า ซ่ึงจะสะกดคาอ่านหรืออ่านย้อนไปย้อนมา
ผูอ้ า่ นจะใช้บรบิ ทหรือคาแวดลอ้ มชว่ ยในการตีความหมายของคาเพื่อทาความเขา้ ใจเรื่องท่ีอา่ น

3. การแสดงความคิดเห็น ผู้อ่านจะจดบันทึกข้อความที่มีความสาคัญ หรือเขียนแสดง
ความคิดเห็น ตคี วามข้อความท่ีอ่าน อา่ นซา้ ในตอนทไี่ ม่เข้าใจเพื่อทาความเข้าใจให้ถูกต้อง
ขยายความคิดจากการอ่าน จบั คู่กับเพื่อนสนทนาแลกเปล่ียนความคิดเห็น ตั้งข้อสังเกตจากเร่ืองท่ีอ่าน
ถ้าเปน็ การอ่านบทกลอนจะตอ้ งอ่านทานองเสนาะดังๆ เพือ่ ฟงั เสยี งการอา่ นและเกิดจินตนาการ

4. การอ่านสารวจ ผูอ้ ่านจะอ่านซา้ โดยเลือกอ่านตอนใดตอนหนง่ึ ตรวจสอบคาและภาษาท่ีใช้
สารวจโครงเรอื่ งของหนงั สือเปรียบเทียบหนังสอื ทอ่ี า่ นกับหนังสอื ทเี่ คยอ่าน สารวจและเช่ือมโยงเหตกุ ารณ์
ในเรื่องและการลาดบั เรื่อง และสารวจคาสาคัญทใ่ี ชใ้ นหนังสอื

5. การขยายความคิด ผู้อ่านจะสะท้อนความเข้าใจในการอ่าน บันทึกข้อคิดเห็น คุณค่าของ
เรื่อง เชื่อมโยงเรื่องราวในเรื่องกับชีวิตจริง ความรู้สึกจากการอ่าน จัดทาโครงงานหลักการอ่าน เช่น
วาดภาพ เขียนบทละคร เขียนบันทึกรายงานการอ่าน อ่านเร่ืองอื่น ๆ ท่ีผู้เขียนคนเดียวกันแต่ง
อา่ นเรื่องเพิม่ เติม เร่อื งทเ่ี กย่ี วโยงกับเรือ่ งที่อ่าน เพอ่ื ใหไ้ ด้ความรู้ท่ชี ดั เจนและกว้างขวางข้นึ

การเขยี นเชงิ สร้างสรรค์
การเขียนเชิงสร้างสรรค์เป็นการเขียนโดยใช้ความรู้ ประสบการณ์ และจินตนาการในการเขียน

เช่น การเขียนเรียงความ นิทาน เรื่องสั้น นวนิยาย และบทร้อยกรอง การเขียนเชิงสร้างสรรค์ผู้เขียน
จะต้องมีความคิดดี มีจินตนาการดี มีคลังคาอย่างหลากหลาย สามารถนาคามาใช้ในการเขียน ตอ้ ง
ใชเ้ ทคนิคการเขยี น และใช้ถอ้ ยคาอยา่ งสละสลวย

การดู
การดูเป็นการรบั สารจากส่ือภาพและเสียง และแสดงทรรศนะได้จากการรับร้สู าร ตีความ แปล

ความ วิเคราะห์ และประเมินคุณค่าสารจากสื่อ เช่น การดูโทรทัศน์ การดูคอมพิวเตอร์ การดูละคร การดู
ภาพยนตร์ การดูหนังสือการ์ตูน (แม้ไม่มีเสยี งแต่มีถ้อยคาอ่านแทนเสียงพูด( ผู้ดูจะต้องรับรู้สาร จากการดู

78

และนามาวิเคราะห์ ตีความ และประเมินคณุ ค่าของสารที่เป็นเน้ือเร่ืองโดยใช้หลักการพิจารณาวรรณคดี

หรือการวิเคราะห์วรรณคดเี บื้องต้น เชน่ แนวคิดของเรื่อง ฉากท่ีประกอบเรอื่ งสมเหตุสมผล กิริยาท่าทาง

และการแสดงออกของตัวละครมีความสมจริงกับบทบาท โครงเรื่อง เพลง แสง สี เสียง ที่ใช้

ประกอบการแสดงให้อารมณ์แก่ผู้ดูสมจริงและสอดคล้องกับยุคสมัยของเหตุการณ์ท่ีจาลองสู่บทละคร

คุณค่าทางจริยธรรม คุณธรรม และคุณค่าทางสังคมท่ีมีอิทธิพลต่อผู้ดูหรือผู้ชม ถ้าเป็นการดูข่าวและ

เหตุการณ์ หรือการอภิปราย การใช้ความรู้หรือเร่ืองที่เป็นสารคดี การโฆษณาทางสื่อจะต้องพิจารณา

เนื้อหาสาระ ว่าสมควรเชื่อถือได้หรือไม่ เป็นการโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่ ความคิดสาคัญและมีอิทธิพลต่อ

การเรียนรู้ มาก และการดูละครเวที ละครโทรทศั น์ ดูข่าวทางโทรทัศน์จะเป็นประโยชน์ได้รับ

ความสนกุ สนาน ตอ้ งดูและวเิ คราะห์ ประเมนิ ค่า สามารถแสดงทรรศนะของตนได้อย่างมีเหตุผล

การตีความ

การตีความเป็นการใช้ความรู้และประสบการณ์ของผู้อ่านและการใช้บริบท ได้แก่ คาท่ีแวดล้อม
ข้อความ ทาความเข้าใจขอ้ ความหรือกาหนดความหมายของคาให้ถกู ต้อง

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายว่า การตีความหมาย ชี้หรือกาหนด
ความหมาย ให้ความหมายหรอื อธิบาย ใช้หรือปรบั ให้เข้าใจเจตนา และความมุ่งหมายเพอื่ ความถูกต้อง

การเปลี่ยนแปลงของภาษา

ภาษาย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คาคาหนึ่งในสมัยหนึ่งเขียนอย่างหน่ึง อีกสมัยหนึ่ง
เขยี นอีกอย่างหนง่ึ คาว่า ประเทศ แต่เดิมเขยี น ประเทษ คาว่า ปักษ์ใต้ แตเ่ ดิมเขียน ปกั ใต้

ในปจั จบุ ันเขียน ปักษใ์ ต้ คาวา่ ลุ่มลึก แต่ก่อนเขียน ลุ่มฦก ภาษาจึงมีการเปลีย่ นแปลง
ท้ังความหมายและการเขียน บางคร้ังคาบางคา เช่น คาว่า หล่อน เป็นคาสรรพนามแสดงถึง
คาพดู สรรพนามบุรุษที่ 3 ทีเ่ ปน็ คาสุภาพ แต่เดย๋ี วนค้ี าวา่ หล่อน มีความหมายในเชิงดแู คลน เปน็ ตน้

การสรา้ งสรรค์

การสร้างสรรค์ คือ การรู้จักเลือกความรู้ ประสบการณ์ท่ีมีอยู่เดิมมาเป็นพื้นฐานในการสร้าง
ความรู้ ความคิดใหม่ หรือสิ่งแปลกใหม่ท่ีมีคุณ ภาพและมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม บุคคลท่ีจะมี
ความสามารถในการสร้างสรรค์จะต้องเป็นบุคคลท่ีมีความคิดอิสระอยู่เสมอ มีความเชื่อมั่นในตนเอง มอง
โลกในแง่ดี คิดไตร่ตรอง ไม่ตัดสินใจส่ิงใดง่ายๆ การสร้างสรรค์ของมนุษย์จะเก่ียวเนื่องกันกับความคิด
การพดู การเขียน และการกระทาเชิงสร้างสรรค์ ซ่ึงจะต้องมกี ารคดิ เชิงสร้างสรรคเ์ ป็นพ้นื ฐาน

ความคิดเชิงสร้างสรรค์เป็นความคิดที่พัฒนามาจากความรู้และประสบการณ์เดิม ซึ่งเป็น
ปัจจยั พ้นื ฐานของการพูด การเขยี น และการกระทาเชิงสรา้ งสรรค์

การพูดและการเขียนเชิงสร้างสรรค์เป็นการแสดงออกทางภาษาท่ีใช้ภาษาขัดเกลาให้ไพเราะ
งดงาม เหมาะสม ถกู ต้องตามเนื้อหาท่ีพดู และเขียน

การกระทาเชงิ สร้างสรรค์เป็นการกระทาท่ีไม่ซ้าแบบเดมิ และคิดค้นใหมแ่ ปลกไปจากเดมิ และเป็น
ประโยชน์ทส่ี งู ข้ึน

ข้อมูลสารสนเทศ

79

ข้อมูลสารสนเทศ หมายถึง เรื่องราว ข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่ งใดส่ิงหน่ึงที่สามารถสื่อ
ความหมายด้วยการพูดบอกเล่า บันทึกเป็นเอกสาร รายงาน หนังสือ แผนท่ี แผนภาพ ภาพถ่าย
บันทึกด้วยเสียงและภาพ บันทึกด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเก็บเรื่องราวต่างๆ บันทึกไว้เป็น
หลกั ฐานด้วยวธิ ีต่างๆ

ความหมายของคา

คาทใ่ี ชใ้ นการติดต่อสอ่ื สารมีความหมายแบ่งไดเ้ ปน็ 3 ลกั ษณะ คือ
1. ความหมายโดยตรง เปน็ ความหมายท่ีใช้พูดจากนั ตรงตามความหมาย คาหน่ึงๆ นัน้ อาจมี
ความหมายได้หลายความหมาย เช่น คาว่า กา อาจมคี วามหมายถงึ ภาชนะใส่น้า หรอื อาจหมายถงึ
นกชนดิ หนึ่ง ตวั สดี า รอ้ ง กา กา เปน็ ความหมายโดยตรง
2. ความหมายแฝง คาอาจมีความหมายแฝงเพ่ิมจากความหมายโดยตรง มักเป็นความหมาย
เกี่ยวกับความร้สู ึก เช่น คาวา่ ข้ีเหนียว กับ ประหยัด หมายถงึ ไม่ใชจ้ า่ ยอยา่ งสุรุ่ยสุรา่ ย เป็น
ความหมายตรง แต่ความร้สู ึกต่างกัน ประหยดั เป็นสงิ่ ดี แตข่ เ้ี หนยี วเป็นสิ่งไมด่ ี
3. ความหมายในบรบิ ท คาบางคามีความหมายตรง เมอ่ื ร่วมกับคาอืน่ จะมคี วามหมายเพิ่มเตมิ
กว้างขนึ้ หรอื แคบลงได้ เช่น คาวา่ ดี เด็กดี หมายถึง ว่านอนสอนง่าย เสยี งดี หมายถึง ไพเราะ
ดนิ สอดี หมายถึง เขียนได้ดี สุขภาพดี หมายถึง ไม่มโี รค ความหมายบริบทเป็นความหมายเชน่ เดยี วกับ
ความหมายแฝง

คุณคา่ ของงานประพนั ธ์

เมื่อผู้อ่านอ่านวรรณคดีหรือวรรณกรรมแล้วจะต้องประเมินงานประพันธ์ ให้เห็นคุณค่าของงาน
ประพันธ์ ทาให้ผู้อ่านอ่านอย่างสนุก และได้รับประโยชน์จาการอ่านงานประพันธ์ คุณค่าของงาน
ประพนั ธ์แบง่ ได้เปน็ 2 ประการ คอื

1. คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ถ้าอ่านบทร้อยกรองก็จะพิจารณากลวิธีการแต่ง การเลือกเฟ้น
ถ้อยคามาใช้ได้ไพเราะ มคี วามคิดสร้างสรรค์ และใหค้ วามสะเทือนอารมณ์ ถา้ เปน็ บทร้อยแก้วประเภท
สารคดี รปู แบบการเขียนจะเหมาะสมกบั เนื้อเรอ่ื ง วธิ ีการนาเสนอน่าสนใจ เนื้อหามีความถกู ต้อง
ใช้ภาษาสละสลวยชัดเจน การนาเสนอมีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าเป็นร้อยแก้วประเภทบันเทิงคดี
องค์ประกอบของเร่ืองไม่ว่าเร่ืองสั้น นวนิยาย นทิ าน จะมีแก่นเร่ือง โครงเร่ืองตัวละครมีความสัมพันธ์
กัน กลวิธีการแต่งแปลกใหม่ น่าสนใจ ปมขัดแย้งในการแต่งสร้างความสะเทือนอารมณ์ การใช้
ถ้อยคาสร้างภาพได้ชัดเจน คาพูดในเรื่องเหมาะสมกับบุคลิกของ ตัวละครมีความคิดสร้างสรรค์เก่ียวกับ
ชวี ติ และสงั คม

2. คณุ คา่ ด้านสังคม เป็นคุณค่าทางด้านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ
ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ และคุณค่าทางจริยธรรม คุณค่าด้านสังคม เป็นคุณค่าที่ผู้อ่าน
จะเข้าใจชีวิตทั้งในโลกทัศน์และชีวทัศน์ เข้าใจการดาเนินชีวิตและเข้าใจเพื่อนมนุษย์ดีขึ้น เนื้อหา
ย่อมเก่ียวข้องกับการช่วยจรรโลงใจแก่ผู้อ่าน ช่วยพัฒนาสังคม ช่วยอนุรักษ์สิ่งมีคุณค่าของชาติบ้านเมือง
และสนบั สนนุ ค่านิยมอันดีงาม

โครงงาน

80

โครงงานเป็นการจัดการเรียนรู้วิธีหน่ึงที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนด้วยการค้นคว้า ลงมือปฏิบัติจริง
ในลักษณะของการสารวจ ค้นคว้า ทดลอง ประดิษฐ์คิดค้น ผู้เรียนจะรวบรวมข้อมูล นามาวิเคราะห์
ทดสอบเพ่ือแก้ปญั หาขอ้ งใจ ผเู้ รยี นจะนาความรู้จากช้ันเรียนมาบรู ณาการในการแก้ปญั หา ค้นหาคาตอบ
เป็นกระบวนการค้นพบนาไปสู่การเรียนรู้ ผู้เรียนจะเกิดทักษะการทางานร่วมกับผู้อ่ืน ทักษะการจัดการ
ผู้สอนจะเข้าใจผู้เรยี น เห็นรูปแบบการเรียนรู้ การคดิ วธิ ีการทางานของผู้เรียน จากการสังเกตการทางาน
ของผู้เรียน

การเรียนแบบโครงงานเป็นการเรียนแบบศึกษาค้นคว้าวิธีการหนึ่ง แต่เป็นการศึกษาค้นคว้าที่ใช้
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการแก้ปัญหา เป็นการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนมีเหตุผล สรุป
เรื่องราวอย่างมีกฎเกณฑ์ ทางานอย่างมีระบบ การเรียนแบบโครงงานไม่ใช่การศึกษาค้นคว้าจัดทา
รายงานเพียงอยา่ งเดยี ว ต้องมกี ารวเิ คราะหข์ ้อมลู และมกี ารสรุปผล

ทกั ษะการใช้ส่อื สาร

ทักษะการส่ือสาร ได้แก่ ทักษะการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน ซ่ึงเป็นเคร่ืองมือของ
การส่งสารและการรับสาร การส่งสาร ได้แก่ การส่งความรู้ ความเช่ือ ความคิด ความรู้สึกด้วยการพูด
และการเขียน ส่วนการรับสาร ได้แก่ การรับความรู้ ความเช่ือ ความคิด ด้วยการอ่านและการฟัง
การฝึกทักษะการส่ือสารจึงเป็นการฝึกทักษะการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน ให้สามารถ
รับสารและสง่ สารอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

ธรรมชาตขิ องภาษา

ธรรมชาติของภาษาเป็นคุณสมบัตขิ องภาษาที่สาคัญ มีคุณสมบัติพอสรุปได้ คือ ประการที่หนึ่ง
ทุกภาษาจะประกอบด้วยเสียงและความหมาย โดยมีระเบียบแบบแผนหรือกฎเกณฑ์ในการใช้
อย่างเป็นระบบ ประการที่สอง ภาษามีพลังในการงอกงามมิรู้ส้ินสุด หมายถึง มนุษย์สามารถใช้ภาษา
สื่อความหมายได้โดยไม่ส้ินสุด ประการที่สาม ภาษาเป็นเร่ืองของการใช้สัญลักษณ์ร่วมกันหรือสมมติ
ร่วมกัน และมีการรับรู้สัญลักษณ์หรือสมมติร่วมกัน เพื่อสร้างความเข้าใจตรงกัน ประการท่ีสี่ ภาษา
สามารถใชภ้ าษาพดู ในการติดต่อสอื่ สาร ไม่จากดั เพศของผสู้ ่งสาร ไม่ว่าหญิง ชาย เดก็ ผู้ใหญ่ สามารถ
ผลัดกันในการส่งสารและรับสารได้ ประการที่ห้า ภาษาพูดย่อมใช้ได้ท้ังในปัจจุบัน อดีต และอนาคต
ไม่จากัดเวลาและสถานท่ี ประการท่ีหก ภาษาเป็นเครื่องมือการถ่ายทอดวัฒนธรรม และวิชาความรู้
นานาประการ ทาให้เกิดการเปลีย่ นแปลงพฤตกิ รรมและการสร้างสรรค์ส่งิ ใหม่

แนวคิดในวรรณกรรม

แนวคิดในวรรณกรรมหรือแนวเรื่องในวรรณกรรมเป็นความคิดสาคัญในการผูกเรื่องให้ ดาเนิน
เรื่องไปตามแนวคิด หรือเป็นความคิดท่ีสอดแทรกในเร่ืองใหญ่ แนวคิดย่อมเก่ียวข้องกับมนุษย์และสังคม
เป็นสารท่ีผู้เขียนส่งให้ผู้อ่าน เช่น ความดีย่อมชนะความช่ัว ทาดีได้ดีทาชั่วได้ชั่ว ความยุติธรรมทาให้

81

โลกสันติสุข คนเราพน้ ความตายไปไม่ได้ เป็นต้น ฉะนัน้ แนวคิดเป็นสารท่ีผู้เขียนต้องการสง่ ให้ผ้อู ่นื ทราบ
เชน่ ความดี ความยตุ ธิ รรม ความรกั เปน็ ต้น

บริบท
บริบทเป็นคาที่แวดล้อมข้อความที่อ่าน ผู้อ่านจะใช้ความรู้สึกและประสบการณ์มากาหนด

ความหมายหรือความเข้าใจ โดยนาคาแวดล้อมมาช่วยประกอบความรู้และประสบการณ์ เพ่ือทา
ความเขา้ ใจหรอื ความหมายของคา
พลงั ของภาษา

ภาษาเป็นเคร่ืองมือในการดารงชีวิตของมนุษย์ มนุษย์จึงสามารถเรียนรู้ภาษาเพื่อการดารงชีวิต
เป็นเคร่ืองมือของการสื่อสารและสามารถพัฒนาภาษาของตนได้ ภาษาช่วยให้คนรู้จักคิดและแสดงออก
ของความคิดด้วยการพูด การเขียน และการกระทาซึ่งเป็นผลจากการคิด ถ้าไม่มีภาษา คนจะคิด
ไม่ได้ ถ้าคนมีภาษาน้อย มีคาศัพท์น้อย ความคิดของคนก็จะแคบไม่กว้างไกล คนที่ใช้ภาษาได้ดี
จะมีความคิดดีด้วย คนจะใช้ความคิดและแสดงออกทางความคิดเป็นภาษา ซึ่งส่งผลไปสู่การกระทา
ผลของการกระทาส่งผลไปสคู่ วามคิด ซ่ึงเป็นพลังของภาษา ภาษาจึงมีบทบาทสาคัญต่อมนุษย์ ช่วยให้
มนุษย์พัฒนาความคิด ช่วยดารงสังคมให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข ไมตรีต่อกัน ช่วยเหลือ
กันด้วยการใช้ภาษาติดต่อส่ือสารกัน ช่วยให้คนปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์ของสังคม ภาษาช่วยให้มนุษย์
เกิดการพัฒนา ใช้ภาษาในการแลกเปล่ียนความคิดเห็น การอภิปรายโต้แย้ง เพ่ือนาไปสู่ผลสรุป มนษุ ย์ใช้
ภาษาในการเรียนรู้ จดบันทึกความรู้ แสวงหาความรู้ และช่วยจรรโลงใจ ด้วยการอ่านบทกลอน
รอ้ งเพลง ภาษายังมพี ลังในตวั ของมันเอง เพราะภาพยอ่ มประกอบด้วยเสียงและความหมาย การใชภ้ าษา
ใช้ถ้อยคาทาให้เกิดความรู้สึกต่อผู้รับสาร ให้เกิดความจงเกลียดจงชังหรือเกิด ความชื่นชอบ ความรัก
ยอ่ มเกดิ จากภาษาทั้งสน้ิ ท่ีนาไปสผู่ ลสรุปทีม่ ปี ระสิทธภิ าพ

ภาษาถ่นิ
ภาษาถิ่นเป็นภาษาพ้ืนเมืองหรือภาษาที่ใช้ในท้องถิ่น ซึ่งเป็นภาษาดั้งเดิมของชาวพ้ืนบ้านท่ีใช้

พูดจากันในหมู่เหล่าของตน บางครั้งจะใช้คาที่มีความหมายต่างกันไปเฉพาะถ่ิน บางครั้งคาที่ใช้พูดจา
กันเป็นคาเดียว ความหมายต่างกันแล้วยังใช้สาเนียงท่ีต่างกัน จึงมีคากล่าวที่ว่า “สาเนียงบอกภาษา”
สาเนียงจะบอกว่าเป็นภาษาอะไร และผู้พูดเป็นคนถิ่นใด อย่างไรก็ตามภาษาถ่ินในประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็นภาษาถิ่นเหนือ ถิ่นอีสาน ถ่ินใต้ สามารถสื่อสารเข้าใจกันได้ เพียงแต่สาเนียงแตกต่าง
กนั ไปเทา่ นน้ั

ภาษาไทยมาตรฐาน

82

ภาษาไทยมาตรฐานหรือบางทีเรียกว่า ภาษาไทยกลางหรือภาษาราชการ เป็นภาษา
ทใ่ี ช้ ส่ือสารกนั ทั่วประเทศและเป็นภาษาที่ใชใ้ นการเรียนการสอน เพอื่ ให้คนไทยสามารถใช้ภาษาราชการ
ในการติดต่อส่ือสารสร้างความเป็นชาติไทย ภาษาไทยมาตรฐานก็คือภาษาที่ใช้กันในเมืองหลวง ท่ีใช้
ติดต่อกันทั้งประเทศ มีคาและสาเนียงภาษาที่เป็นมาตรฐาน ต้องพูดให้ชัดถ้อยชัดคาได้ตามมาตรฐานของ
ภาษาไทย ภาษากลางหรือภาษาไทยมาตรฐานมีความสาคัญในการสร้างความเป็นปึกแผ่น วรรณคดี
มีการถ่ายทอดกันมาเป็นวรรณคดีประจาชาติจะใช้ภาษาท่ีเป็นภาษาไทยมาตรฐานในการสร้างสรรค์งาน
ประพันธ์ ทาใหว้ รรณคดีเปน็ เครื่องมือในการศกึ ษาภาษาไทยมาตรฐานได้

ภาษาพดู กับภาษาเขยี น

ภาษาพูดเปน็ ภาษาท่ีใช้พดู จากนั ไม่เป็นแบบแผนภาษา ไม่พิถพี ิถันในการใช้แต่ใช้สือ่ สารกันได้ดี
สร้างความรู้สึกท่ีเป็นกันเอง ใช้ในหมู่เพ่ือนฝูง ในครอบครัว และติดต่อสื่อสารกันอย่างไม่เป็นทางการ
การใช้ภาษาพูดจะใช้ภาษาท่ีเป็นกันเองและสุภาพ ขณะเดียวกันก็คานึงว่าพูดกับบุคคลที่มีฐานะต่างกัน
การใช้ถอ้ ยคากต็ า่ งกนั ไปด้วย ไมค่ านงึ ถึงหลักภาษาหรอื ระเบยี บแบบแผนการใชภ้ าษามากนกั

ส่วนภาษาเขียนเป็นภาษาที่ใช้เคร่งครัดต่อการใช้ถ้อยคา และคานึงถึงหลักภาษา เพ่ือใช้ในการ
ส่ือสารให้ถูกต้องและใช้ในการเขียนมากกว่าพูด ต้องใช้ถ้อยคาท่ีสุภาพ เขียนให้เป็นประโยค เลือกใช้
ถ้อยคาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในการสื่อสาร เป็นภาษาที่ใช้ในพิธีการต่างๆ เช่น การกล่าวรายงาน
กล่าวปราศรัย กล่าวสดุดี การประชุมอภิปราย การปาฐกถา จะระมัดระวังการใช้คาที่ไม่จาเป็น
หรอื คาฟมุ่ เฟอื ย หรอื การเลน่ คาจนกลายเปน็ การพูดหรือเขียนเล่น ๆ

ภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ

ภูมิปัญญาท้องถิ่น (Local Wisdom( บางคร้ังเรียกว่า ภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นกระบวนทัศน์
(Paradigm( ของคนในท้องถิ่นท่ีมีความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับธรรมชาติ เพื่อความอยู่รอด
แต่คนในท้องถ่ินจะสร้างความรู้จากประสบการณ์และจากการปฏิบัติ เป็นความรู้ ความคิดท่ีนามาใช้
ในท้องถ่ินของตนเพื่อการดารงชีวิตท่ีเหมาะสมและสอดคล้องกับธรรมชาติ ผู้รู้จึงกลายเป็นปราชญ์
ชาวบา้ นท่ีมีความรเู้ กยี่ วกับภาษา ยารักษาโรคและการดาเนินชีวติ ในหมู่บ้านอย่างสงบสุข

ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา

ภูมิปัญญาทางภาษาเป็นความรู้ทางภาษา วรรณกรรมท้องถิ่น บทเพลง สุภาษิต คาพังเพย
ในแต่ละท้องถิ่น ที่ได้ใช้ภาษาในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์ในกิจกรรมทางสังคม
ท่ีตา่ งกนั โดยนาภูมปิ ัญญาทางภาษาในการสงั่ สอนอบรมพิธกี ารตา่ งๆ การบันเทิงหรอื การละเล่น

มีการแตง่ เป็นคาประพนั ธ์ในรูปแบบต่างๆ ท้ังนทิ าน นทิ านปรัมปรา ตานาน บทเพลง บทร้อง
เล่น บทเห่กล่อม บทสวดต่างๆ บททาขวัญ เพื่อประโยชน์ทางสังคมและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม
ประจาถนิ่

ระดบั ภาษา

83

ภาษาเป็นวัฒนธรรมท่ีคนในสังคมจะต้องใช้ภาษาให้ถูกต้องกับสถานการณ์และโอกาสที่ใช้ภาษา
บุคคลและประชุมชน การใช้ภาษาจงึ แบง่ ออกเป็นระดับของการใช้ภาษาได้หลายรูปแบบ ตาราแตล่ ะเล่ม
จะแบ่งระดับภาษาแตกต่างกันตามลักษณะของสัมพันธภาพของบุคคลและสถานการณ์ การแบ่งระดับ
ภาษาประมวลได้ ดงั นี้

1. การแบง่ ระดบั ภาษาทีเ่ ปน็ ทางการและไม่เป็นทางการ
1.1 ภาษาที่ไม่เป็นทางการหรือภาษาท่ีเป็นแบบแผน เช่น การใช้ภาษาในการประชุม

ในการกล่าวสุนทรพจน์ เปน็ ตน้
1.2 ภาษาที่ไม่เป็นทางการหรือภาษาที่ไม่เป็นแบบแผน เช่น การใช้ภาษาในการสนทนา

การใชภ้ าษาในการเขยี นจดหมายถึงผู้คุน้ เคย การใช้ภาษาในการเลา่ เร่อื งหรอื ประสบการณ์ เปน็ ต้น
2. การแบ่งระดับภาษาที่เป็นพิธีการกับระดับภาษาที่ไม่เป็นพิธีการ การแบ่งภาษาแบบนี้

เปน็ การแบง่ ภาษาตามความสมั พันธร์ ะหว่างบุคคลเปน็ ระดบั ดงั น้ี
2.1 ภาษาระดับพิธกี าร เป็นภาษาแบบแผน
2.2 ภาษาระดับก่งึ พธิ ีการ เปน็ ภาษากึ่งแบบแผน
2.3 ภาษาระดบั ท่ไี มเ่ ป็นพิธกี าร เป็นภาษาไมเ่ ป็นแบบแผน

3. การแบง่ ระดบั ภาษาตามสภาพแวดล้อม โดยแบ่งระดบั ภาษาในระดับย่อยเป็น 5 ระดบั คือ
3.1 ภาษาระดับพธิ ีการ เชน่ การกล่าวปราศรัย การกลา่ วเปิดงาน
3.2 ภาษาระดับทางการ เชน่ การรายงาน การอภปิ ราย
3.3 ภาษาระดับกงึ่ ทางการ เช่น การประชุมอภปิ ราย การปาฐกถา
3.4 ภาษาระดับการสนทนา เช่น การสนทนากบั บุคคลอยา่ งเป็นทางการ
3.5 ภาษาระดบั กันเอง เช่น การสนทนาพูดคยุ ในหมูเ่ พ่ือนฝูงในครอบครวั

วจิ ารณญาณ

วิจารณญาณ หมายถึง การใช้ความรู้ ความคิด ทาความเข้าใจเร่ืองใดเรื่องหน่ึงอย่างมีเหตุผล
การมีวิจารณญาณต้องอาศัยประสบการณ์ในการพิจารณาตัดสินสารด้วยความรอบคอบ และอย่างชาญฉลาด
เปน็ เหตุเป็นผล

84

ภาคผนวก


Click to View FlipBook Version