คำนำ
แนวทางการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนด้านความปลอดภัย ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ภายใต้
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เล่มนี้ สำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จัดทำขึ้นเพื่อให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษาและ
หน่วยงานทางการศึกษาในสังกัด ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานสำหรับเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน
ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ประกอบด้วย ความรู้เบื้องต้นในการดำเนินงานด้านความปลอดภัยของสถานศึกษาภายใต้
สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) แนวปฏบิ ัติการเตรียมความพร้อมก่อน
เปิดภาคเรียน แนวปฏิบัติระหว่างเปดิ ภาคเรยี น แผนเผชิญเหตุ บทบาทของบุคลากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการกำหนด เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ
ให้แก่นกั เรียน ผ้ปู กครอง และประชาชนทั่วไป
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แนวทางการเตรียมความพร้อม
การเปิดภาคเรียนด้านความปลอดภัย ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 (COVID-19) เลม่ น้ี จะเปน็ ประโยชน์ต่อสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา สถานศกึ ษา หน่วยงาน
ทางการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเตรียม
ความพร้อม การเปดิ ภาคเรียน ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ภายใต้สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19)
นายอมั พร พนิ ะสา
เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน
พฤษภาคม ๒๕๖๕
สารบัญ
หนา้
คำนำ
สารบญั
ส่วนท่ี ๑ ความรูเ้ บอ้ื งตน้ ท่ีควรรู้
แนวทางการเตรยี มพร้อมการเปิดภาคเรยี นภายใตส้ ถานการณ์โรคติดเชอื้
การดำเนนิ งานด้านความปลอดภัยของสถานศึกษา 2
การดำเนนิ การภายใตส้ ถานการณ์โรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) 9
สว่ นที่ 2 แนวปฏิบตั กิ ารเตรียมการก่อนเปิดภาคเรยี น ๑๔
แนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนเปดิ เรียน ดา้ นความปลอดภยั 4 กลุ่มภยั ๑๙
แนวทางการเตรยี มความพร้อมกอ่ นเปดิ เรียนภายใต้สถานการการแพรร่ ะบาดของ
โรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ส่วนที่ 3 แนวปฏบิ ตั ริ ะหว่างเปดิ ภาคเรยี น
แนวปฏบิ ตั ิระหวา่ งเปิดภาคเรียน ด้านความปลอดภยั 4 กลุ่มภัยโดยใชม้ าตรการ 3 ป ๓๖
แนวปฏิบตั ิระหว่างเปดิ ภาคเรียน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชือ้
ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ๕๐
สว่ นที่ 4 แผนเผชิญเหตุ ๖๑
แผนเผชิญเหตุ ดา้ นความปลอดภยั 4 กลมุ่ ภยั โดยใช้มาตรการ 3 ป.
แผนเผชิญเหตุ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019
(COVID-19) 6๕
สว่ นที่ 5 บทบาทของบุคลากรและหน่วยงานทีเ่ กยี่ วข้อง ๗๐
บทบาทของสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน ๗๐
บทบาทของคณะกรรมการกลุ่มพ้นื ท่ีการศึกษาประจำเขตตรวจราชการ (Cluster) ๗๑
บทบาทของสำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษา ๗๑
บทบาทของสถานศกึ ษา ๗๒
บทบาทของครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ๗๓
บทบาทของผปู้ กครองนกั เรยี น ๗๔
บทบาทของนักเรยี น ๗๔
บทบาทขององค์กรสนบั สนุน
สารบญั
หนา้
ภาคผนวก
มาตรการเปิดเรียน On-Site ปลอดภยั อยไู่ ด้กบั โควดิ 19 ในสถานศกึ ษา
เตรียมความพร้อมการเปดิ ภาคเรียนท่ี ๑/๒๕๖๕.............................................................๗๗
Q&A การประชมุ ช้แี จงมาตรการเปิดเรียน On-Site ปลอดภยั อยู่ได้กบั โควดิ 19
ในสถานศกึ ษา เตรียมความพร้อมเปดิ ภาคเรียนท่ี ๑/๒๕๖๕...........................................๘๒
แบบประเมนิ TSC+..........................................................................................................๘๖
เอกสารประกอบแผนเผชญิ เหตุ ภัย ๔ กล่มุ ภยั ................................................................๙๒
เอกสารประกอบแผนเผชญิ เหตุโรคโควดิ 19....................................................................๙๓
Infographic ประกอบเนอ้ื หา...........................................................................................๙๘
Infographic ประกอบเนอ้ื หา ส่วนที่ ๑............................................................................๑๐๔
Infographic ประกอบเนอ้ื หา สว่ นที่ ๒............................................................................๑๐๙
Infographic ประกอบเน้ือหา สว่ นท่ี ๓............................................................................๑๑๕
Infographic ประกอบเนอ้ื หา ส่วนท่ี ๔............................................................................๑๒๙
Infographic ประกอบเนื้อหา ส่วนท่ี ๕............................................................................๑๓๗
สว่ นที่ ๑
ความรูเ้ บ้ืองตน้ ท่คี วรรู้
สว่ นท่ี ๑
ความรเู้ บื้องต้นที่ควรรู้
๑. การดำเนินงานด้านความปลอดภยั ของสถานศึกษา
๑.๑ ความสำคัญจำเปน็ ในการดำเนินงานด้านความปลอดภัยของสถานศึกษา
สภาวการณ์ของโลกในปัจจุบัน ประชากรของแต่ละประเทศประสบกับภัยคุกคามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยเฉพาะภาวะภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ อาทิ อาชญากรรม ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ การขาดความสมดุล
ของการจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยาเสพติด ภัยจากไซเบอร์ การก่อการร้ายและ
อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยพบิ ัติจากการเปล่ียนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และโรคระบาด เป็นต้น
แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จึงมุ่ง
พัฒนาการศึกษาที่เกิดจากความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีของโลกยุคศตวรรษที่ ๒๑ เป็นพลวัตที่
กอ่ ให้เกดิ ความท้าทายในดา้ นการเปล่ยี นแปลงของบรบิ ทเศรษฐกจิ และสังคมโลก อนั เน่ืองจากการปฏิวัติดิจิทัล
(Digital Revolution) ทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม วัฒนธรรม และพฤติกรรมของประชากรที่ปรับเปลี่ยนไป
ตามกระแสโลกาภิวัตน์เป็นผลให้เกิดการเร่งแก้ไขปัญหา ทั้งยังเกิดภัยคุกคามต่อความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่
ส่งผลกระทบต่อประชาชนและประเทศชาตมิ ีความซับซ้อนและรุนแรงมากข้ึน ซ่งึ ภยั ในแตล่ ะด้านล้วนมีความสำคัญ
ต่อการพัฒนาประเทศกอปรกับนโยบาย Quick Win ๗ วาระเร่งด่วน ข้อที่ ๑ ความปลอดภัยของผู้เรียน
กระทรวงศึกษาธิการมองเห็นภัยที่เกิดแก่นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่เกิดขึ้นซ้ำและส่งผลกระทบ
ต่อสภาพร่างกายและจิตใจในหลายปีที่ผ่านมา เช่น ภัยจากการคุกคามทางเพศ ภัยจากการกลั่นแกล้งรังแก
(Bully) รวมถึงภัยที่เกิดจากโรคอุบัติใหม่ อันได้แก่ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ส่งผลกระทบวงกว้างในหลายมิติทวั่ โลก รวมท้ังผลกระทบตอ่ แวดวงการศึกษาในหลายแง่มมุ ตลอดจนปัญหา
ทางเศรษฐกิจที่ทำให้เด็กนักเรียนหลายคนไม่สามารถศึกษาต่อในโรงเรียนได้ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทาง
การศึกษา เกดิ ระยะห่างเพม่ิ มากข้ึน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งมั่นในการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เป็น
"การศึกษาขัน้ พื้นฐานวถิ ีใหม่ วถิ คี ณุ ภาพ" มุง่ เนน้ ความปลอดภัยในสถานศึกษา สง่ เสรมิ โอกาสทางการศึกษาท่ี
มีคณุ ภาพอยา่ งเทา่ เทียมและบรหิ ารจัดการศึกษาอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ โดยม่งุ เน้นพฒั นาระบบและกลไกในการ
ดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา และสถานศึกษา จากภัยพิบัติและภัยคุกคาม
ทุกรูปแบบ รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี สามารถปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่และอุบัติ
ซ้ำส่งเสริมความปลอดภัยสร้างความมั่นใจให้สังคม เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยแก่นักเรียน ครู และบุคลากร
ทางการศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การป้องกัน ดูแล ช่วยเหลือหรือเยียวยา และแก้ไขปัญหา
มีความเปน็ เอกภาพ มีข้อมลู สารสนเทศที่เป็นระบบ สามารถแก้ไขปญั หาและบรหิ ารจดั การความเส่ียงได้อย่าง
ย่งั ยืนด้วยการบริหารจัดการตามมาตรการ ๓ ป ได้แก่ ป้องกัน ปลูกฝงั และปราบปราม ให้เกิดความปลอดภัย
ให้มากที่สุด และไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นซ้ำอีก เพื่อสร้างความมั่นใจ และความเชื่อมั่นให้แก่นักเรียน ครูและ
๓
บุคลากรทางการศึกษา ผูป้ กครองและประชาชนทั่วไป ในการท่ีจะได้เรียนรู้อย่างมีคุณภาพ และเกิดความปลอดภัย
อย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อให้แนวทางการปฏิบัติสอดคล้องและเป็นระบบ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการจึงได้จัดทำคู่มือการดำเนินงานความปลอดภัยสถานศึกษาเพื่อเป็นแนวทาง
ในการสร้างความปลอดภยั ให้เกดิ แก่นักเรยี นเป็นสำคัญ เพราะความปลอดภัยเป็นปจั จัยทีส่ ่งผลกระทบโดยตรงต่อ
คุณภาพและการเรียนรู้ของผู้เรียน มีนโยบายดำเนินการด้านความปลอดภัย ในสถานศึกษาและเน้นย้ำให้โรงเรียนใน
สงั กัดดำเนินการตามนโยบายด้าน ความปลอดภัยของสำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน โดยครอบคลุม
ความปลอดภัยใน ๔ กลุ่มภัย ได้แก่ ๑) ภัยที่เกิดจากการใชค้ วามรุนแรงของมนุษย์ (Violence) ๒) ภัยที่เกิด
จากอบุ ัติเหตุ (Accident) ๓) ภยั ท่เี กิดจากการถกู ละเมิดสิทธิ์ (Right) ๔) ภยั ที่เกดิ จากผลกระทบทางสขุ ภาวะ
ทางกายและจิตใจ (Unhealthiness) ซึ่งภัยที่เกิดขึ้นทำให้เกิดผลกระทบต่อนักเรียน ครู และบุคลากร จึงได้
จัดทำแนวทางการเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนด้านความปลอดภัย ปีการศึกษา ๒๕๖๕ ภายใต้
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อให้สถานศึกษาได้นำไปเป็น
แนวทางในการดำเนินการดา้ นความปลอดภยั ในสถานศกึ ษาต่อไป
๑.๒ นโยบายดา้ นความปลอดภัย
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ได้กำหนดแนวทาง
การบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด และนำไปสู่การพัฒนาท่ี
ยง่ั ยนื มีรายละเอยี ด ดังนี้
๑.๒.๑ บูรณาการการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเข้าสู่กระบวนการวางแผน ทั้งระดับชาติ ระดับ
ชุมชนท้องถิ่นและสาขาการผลิตต่าง ๆ พัฒนาองค์ความรู้ สนับสนุนการประเมินและจัดทำแผนที่ความเสี่ยง
จากภัยพิบตั ิในพ้ืนที่และภาคการผลิตทม่ี ลี ำดับความสำคญั สูง
๑.๒.๒ เสริมสร้างขีดความสามารถในการเตรียมความพร้อมและการรับมือภัยพิบัติ สนับสนุนการ
จัดทำแผนรับมือภัยพิบัติในระดับพื้นที่ ส่งเสริมแนวทางการจัดการภัยพิบัติโดยมีชุมชนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริม
ภาคเอกชนในการจัดทำแผนบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ สร้างจิตสำนึกความปลอดภัยสาธารณะ ส่งเสริม
บทบาทของภาคเอกชนและชุมชนทอ้ งถ่ินในการร่วมกันดำเนินการป้องกันและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
๑.๒.๓ พัฒนาระบบการจัดการภัยพิบัติในภาวะฉุกเฉิน พัฒนาระบบการเตือนภัยให้มีความ
แม่นยำ น่าเชื่อถือ และมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมกลไกการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ พัฒนา
ระบบฐานข้อมูลให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและสามารถเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานทั้งในและ
ต่างประเทศได้ พัฒนากลไกบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มศักยภาพการจัดการภัยพิบัติในภาวะ
ฉุกเฉนิ
๔
๑.๒.๔ พัฒนาระบบการฟื้นฟูบูรณะหลังการเกิดภัย ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของ
ผู้ประสบภัยได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบความปลอดภัยภายหลังการเกิด
ภัยพิบัติ และปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยของสิ่งก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงพัฒนามาตรฐาน
ความปลอดภยั ของโครงสร้าง
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ ได้กำหนดยทุ ธศาสตร์ในการพัฒนาการศึกษาภายใต้
๖ ยุทธศาสตร์หลักที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) เพื่อให้แผนการศึกษาแห่งชาติ
บรรลุเป้าหมายตามจุดมุ่งหมายวิสัยทัศน์ และแนวคิดการจัดการการศึกษา โดยได้กำหนดใน ยุทธศาสตร์ที่ ๑
การจดั การศึกษาเพื่อความม่ันคงของสังคมและแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๗๙ ไดก้ ำหนดยุทธศาสตร์
ในการพฒั นาการศกึ ษาภายใต้ ๖ ยุทธศาสตร์ หลักที่ ๑ สอดคล้องกบั ยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐)
เพื่อให้แผนการศึกษาแห่งชาติบรรลุเป้าหมายตามจุดมุ่งหมายวิสัยทศั น์ และแนวคิดการจัดการการศึกษา โดย
ได้กำหนดใน ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การจัดการศกึ ษาเพื่อความมั่นคงของสงั คมและประเทศชาติ ปัจจุบันภัยคุกคาม
ตอ่ ความมั่นคงรูปแบบใหมท่ ี่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและประเทศชาติมีความซบั ซอ้ นและรุนแรงมากข้ึน อาทิ
ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ยาเสพติด ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ภัยจากโรคอุบัติใหม่ ภัยจากไซเบอร์ เป็นต้น
ความมั่นคงของชาติจึงมิได้ครอบคลุมเฉพาะมติ ิดา้ นการทหารหรืออำนาจอธปิ ไตยเท่าน้ัน แตย่ ังครอบคลุมมิติต่าง ๆ
ทั้งเศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งในแต่ละมิติล้วนมีความสำคัญต่อการ
พัฒนาประเทศและภัยคกุ คามตา่ ง ๆ การป้องกันภัยคุกคามเหล่านี้จะตอ้ งพิจารณาในมิตทิ ี่มีความเช่ือมโยงกัน
และการดำเนินการเพื่อวางรากฐานและกลไกการสร้างความมั่นคงเพื่อป้องกันและป้องปรามภัยเหล่านี้นั้น
จะต้องเร่มิ ทก่ี ระบวนการจดั การศึกษาของประเทศ การดูแลและป้องกันภัยคกุ คามในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น
อาชญากรรม ความรุนแรงในสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ยาเสพติด ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ภัยจากโรคอุบัติใหม่
ภัยจากไซเบอร์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยและความมั่นคงในชีวิต ลดความเสี่ยงจากภัย ดังนั้น การจัด
การศึกษาที่ครอบคลุมประเด็นหลักสำคัญที่มีผลด้านความมั่นคงแก่คนในชาติจะส่งผลให้ทุกคนมีจิตสำนึก
ความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ ความคิด ทัศนคติ ความเช่อื ค่านิยม และพฤตกิ รรมท่ีเหมาะสม รู้เท่าทันการเปล่ียนแปลง
ของสังคมและโลกศตวรรษที่ ๒๑ สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสันติและสงบสุข อันจะส่งผลให้สังคม
และประเทศเกิดความม่ันคงธำรงรักษาอธปิ ไตย และผ่านพน้ จากภัยคกุ คามต่าง ๆ ได้ความเข้าใจเก่ยี วกบั กรอบ
ความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน (Comprehensive School Safety Framework : CSSF) ได้ปรากฏอยู่ใน
กรอบการดำเนินงานระดับโลก ทั้งที่เป็นกรอบความคิดริเริ่ม และข้อตกลงหลายฉบับ CSSF ตั้งอยู่ใจกลาง
ของกรอบการดำเนินงานที่ทับซ้อนกันหลายด้าน ได้แก่ เป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน ( Sustainable
Development Goals: SDGs) อนุสัญญา ว่าด้วยสิทธิคนพิการ (Convention on the Rights of Persons
with Disabilities: CRPD) การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Disaster Risk Reduction : DRR) และ Sendai
Framework for DRR) โดยมีหลักการสำคัญ คือ การศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก ซึ่งช่วยให้ประชาคมโลก
เกดิ ความชดั เจนถึงภยั คุกคามจากภัยธรรมชาติ ความขดั แย้ง ความรุนแรงและการพลัดถนิ่
๕
๑.๓ กรอบแนวคิดความปลอดภยั รอบด้านในสถานศกึ ษา ประกอบด้วยสามเสาหลัก (Three Pillars) ได้แก่
๑.๓.๑ ด้านอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานศึกษาที่ปลอดภัย (Safer
Learning Facilities)
๑.๓.๒ ดา้ นการบริหารจดั การภยั พบิ ัติในสถานศึกษา (School Disaster Management)
๑.๓.๓ ด้านการศึกษาด้านการลดความเสี่ยงและการรู้รับปรับตวั จากภัยพิบัติ (Risk Reduction
and Resilience Education)
รากฐานของการวางแผนสำหรับความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียนคือการจัดทำการประเมินความเสี่ยง
แบบภัยหลายชนิด การวางแผนนี้ควรเป็นส่วนหนึ่งของระบบข้อมูลการจัดการการศึกษาในระดับประเทศ
ระดับภูมิภาคและในระดับพื้นที่ ข้อมูลเรื่องความเสี่ยงจากภัยพิบัตเิ ป็นสว่ นหนึ่งของการวิเคราะห์นโยบายของ
ภาคการศึกษาและการจัดการในภาพรวมซึ่งจะใหข้ ้อมูลเชิงประจักษ์และหลักฐานที่สำคญั สำหรบั การวางแผน
และการดำเนินงาน
ความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียนและความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(Sustainable Development Goals) พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๗๓ และกรอบการดำเนินงานเซนไดเพื่อการลด
ความเสี่ยงจากภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๗๓ ผลสัมฤทธิ์ของการบูรณาการความปลอดภัยรอบด้าน
ในโรงเรียนเข้าไปในกรอบการพฒั นาทย่ี ง่ั ยืนและนโยบายเรอ่ื งการลดความเสี่ยงภัยพิบัติ ไดแ้ ก่
๖
๑) ปรบั ปรุงการเขา้ ถงึ การศกึ ษาของเด็กอย่างเท่าเทียม ไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ และปลอดภยั
๒) พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบัน กลไกและเครือข่ายประสานงาน รวมทั้งศักยภาพ
ระดับประเทศในการสร้างความสามารถในการรู้รบั ปรับตัวและฟื้นคืนกลับ (Resilience) จากภัยและอันตราย
ทอี่ าจจะเกิดข้ึนแก่ภาคการศึกษาทงั้ ในระดับนานาชาติ ระดบั ชาติ ระดับภูมภิ าค และระดับท้องถน่ิ
๓) บูรณาการแนวทางการลดความเสี่ยงเข้าไปในการดำเนินงานเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับภัย
ฉกุ เฉิน การตอบสนองและการฟื้นฟูจากภัยพิบตั ใิ นภาคการศึกษา
๔) ติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานด้านการลดความเสี่ยงภัยพิบัติ
และความขดั แยง้
๕) เพิ่มจำนวนและความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวกับภัย เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับ
ระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับภัยหลายชนิด (Multi-Hazard Early Warning System) และข้อมูลเกี่ยวกับ
ความเสี่ยงภัยพบิ ตั ิ
๑.๔ ขอบข่ายความปลอดภัยของสถานศึกษา
ขอบข่ายความปลอดภัยของสถานศกึ ษา ๔ กลมุ่ ภัย ดงั น้ี
๑.๔.๑ ภยั ที่เกิดจากการใชค้ วามรนุ แรงของมนษุ ย์ (Violence) ไดแ้ ก่
๑) การล่วงละเมดิ ทางเพศ
๒) การทะเลาะววิ าท
๓) การกลัน่ แกล้งรังแก
๔) การชมุ นมุ ประทว้ งและการจลาจล
๕) การก่อวนิ าศกรรม
๖) การระเบดิ
๗) สารเคมีและวตั ถุอนั ตราย
๘) การล่อลวง ลกั พาตวั
๑.๔.๒ ภัยที่เกดิ จากอุบัติเหตุ (Accident)
๑) ภยั ธรรมชาติ
๒) ภยั จากอาคารเรยี น ส่งิ ก่อสรา้ ง
๓) ภยั จากยานพาหนะ
๔) ภยั จากการจัดกจิ กรรม
๕) ภยั จากเคร่อื งมือ อปุ กรณ์
๑.๔.๓ ภัยทีเ่ กิดจากการถูกละเมดิ สิทธ์ิ (Right)
๑) การถกู ปล่อยปละ ละเลย ทอดท้ิง
๒) การคกุ คามทางเพศ
๗
๓) การไม่ไดร้ ับความเปน็ ธรรมจากสงั คม
๑.๔.๔ ภัยทเ่ี กิดจากผลกระทบทางสขุ ภาวะทางกายและจิตใจ (Unhealthiness)
มีองค์ประกอบดังน้ี
๑) ภาวะจติ เวช
๒) ตดิ เกม
๓) ยาเสพติด
๔) โรคระบาดในมนุษย์
๕) ภยั ไซเบอร์
๖) การพนัน
๗) มลภาวะเปน็ พษิ
๘) โรคระบาดในสตั ว์
๙) ภาวะทุพโภชนาการ
๑.๕ มาตรการความปลอดภยั ของสถานศึกษา
มาตรการความปลอดภยั ของสถานศึกษามุ่งเน้นให้เกิดความปลอดภัยต่อนักเรียน ครู และบุคลากร
ทางการศกึ ษาอย่างยัง่ ยนื โดยเนน้ มาตรการทเ่ี ข้มงวดในมาตรการ ๓ ป ดงั นี้
๑.๕.๑ การป้องกัน หมายถึง การดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา อุปสรรค หรือความไม่ปลอดภัย
ต่อนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา โดยการสร้างมาตรการป้องกันจากปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งใน
และนอกสถานศกึ ษา ดงั น้ี
๑) การประเมินปจั จยั เสย่ี งของสถานศึกษา
๒) การกำหนดพ้นื ท่ีความปลอดภยั
๓) การจัดทำแผนความปลอดภยั สถานศกึ ษา
๔) การจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของสถานศึกษา
๕) การจดั โครงสร้างบริหารจัดการความปลอดภยั สถานศกึ ษา
๖) การจดั โครงสรา้ งข้อมลู สารสนเทศความปลอดภัยสถานศึกษา
๗) การสร้างการมีสว่ นรว่ มของสถานศกึ ษาและภาคเี ครือขา่ ย
๘) การจดั ระบบชอ่ งทางการสื่อสารด้านความปลอดภัยสถานศึกษา
๙) การจดั ระบบคัดกรองและดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น
๑๐) การประเมนิ นักเรียนรายบุคคล ดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ สงั คม สตปิ ัญญา และความต้องการ
ช่วยเหลือ
๘
๑.๕.๒ การปลูกฝัง หมายถึง การดำเนินการเกี่ยวกับการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ จิตสำนึก
และเจตคติที่ดีและการสร้างเสริมประสบการณ์เพื่อให้เกิดทักษะในการป้องกันภัยให้แก่นักเรียน ครู
และบุคลากรทางการศึกษา ดังนี้
๑) การสร้างจิตสำนึก ความตระหนัก การรับรู้ และความเข้าใจด้านความปลอดภัยให้กับ
ตนเองและผู้อื่น
๒) การจัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจ และพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย
ให้แก่นักเรยี น ครู บคุ ลากรทางการศกึ ษา และผู้ปกครอง
๓) การจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะ ประสบการณ์ และสมรรถะด้านความปลอดภัย ให้แก่
นกั เรยี น
๑.๕.๓ การปราบปราม หมายถึง การดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหา การช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู
และดำเนนิ การตามข้นั ตอนของกฎหมาย ได้แก่
๑) การจดั การแกไ้ ขปญั หาความไมป่ ลอดภัยในสถานศึกษา
๒) การช่วยเหลือ เยียวยา ฟน้ื ฟู จิตใจบุคคลผูป้ ระสบเหตุความไม่ปลอดภยั
๓) การดำเนนิ การตามขนั้ ตอนของกฎหมายที่เกยี่ วข้อง
๑.๖ โมเดลมาตรการความปลอดภัยของสถานศึกษาสังกัดสำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา
ข้นั พ้ืนฐาน
การดำเนนิ งานด้านความปลอดภัยของสถานศกึ ษาสังกดั สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน สรปุ ภาพรวมของมาตรการได้ดังนี้
๙
๒. การดำเนนิ การภายใต้สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
๒.๑ ความสำคญั และกลุ่มเปา้ หมายในการฉดี วคั ซนี
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นอกจากสายพันธ์ุ
เดลต้าที่ยังมีอยู่ แต่ก็มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ โอมิครอน (Omicron) อย่างรวดเร็วในหลายประเทศ
ทั่วโลก และเริ่มพบในประเทศไทยตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เรื่อยมา รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข
และกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าวต่อการเปิดภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕
โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนทุกระดับ จึงได้ดำเนินการจัดทำแผนเตรียมการเปิดภาคเรียน รวมทั้ง
การให้ความรู้ความเข้าใจในการให้วัคซีน เพื่อเร่งการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียน โดยระยะแรกได้ให้วัคซีน
กับผทู้ ่ีมอี ายุ ๑๘ ปขี ึ้นไป และมกี ารขยายกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนไปยังผู้ที่มีอายุ ๑๒ – ๑๘ ปี ซึ่งในภาคเรียนที่
๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีน Pfizer และ
วัคซีน Sinopharm เป็นเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม วัคซีนโควิด 19 ได้ผ่านการวิจัยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการ
พัฒนาวัคซีนใหม่โดยมีการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 (ไฟเซอร์ ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็ก) สำหรับอายุ ๕ – ๑๑ ปี
และได้รับการขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น เพื่อให้
เป็นความรเู้ บือ้ งต้น สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน จงึ ขอนำเสนอข้อมลู ทีค่ วรรเู้ กย่ี วกบั วัคซีนโควิด 19
(ไฟเซอร์ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็ก) สำหรับเด็กอายุ ๕ – ๑๑ ปี และแนวทางการดำเนินงานสถานศึกษาปลอดภัย
พอสงั เขป ดงั น้ี
วัคซนี โควิด 19 (ไฟเซอร์ฝาสสี ้มสูตรสำหรบั เด็ก) สำหรบั เด็กอายุ ๕ – ๑๑ ปี
วัคซีนไฟเซอร์มีชื่อทางการค้า คือ Comirnaty เป็นวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA vaccine)
ทีส่ ามารถดำเนินการผลติ ได้ง่าย รวดเรว็ กระตนุ้ การสรา้ งภมู คิ ุ้มกันได้ดีในกรณีทม่ี ีการกลายพนั ธขุ์ องไวรัส จะปรับปรุง
วคั ซนี ไดง้ ่าย มีข้อมลู การศกึ ษาและใช้จรงิ ในประเทศสหรฐั อเมริกาและประเทศในทวีปยโุ รป พบประสิทธิภาพ
สูงมาก มีอาการข้างเคียงพบได้บ่อย แต่ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง เช่น ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด คลื่นไส้ ปวดหัว
ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดข้อ มีผ่ืน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่
จึงทำใหม้ ีความกงั วลถึงผลข้างเคยี งในระยะยาว
ขนาดตอ่ โดส : วัคซนี ไฟเซอร์ สำหรบั เด็กอายุ ๕ – ๑๑ ปบี รรจุในขวดแก้ว“ฝาขวดและฉลากสีส้ม”
สำหรับใช้หลายโดส (Multiple Doses Vial) หลังจากเจือจางแล้ว ๑ ขวดวัคซีนประกอบด้วยวัคซีน ๑๐ โดส
โดสละ ๑๐ ไมโครกรัม ใน ๐.๒ มิลลลิ ติ ร
วธิ ีการฉีด : เขา้ ช้นั กลา้ มเนือ้ (Intramuscular injection)
กำหนดการให้วัคซีน : ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทยแ์ ห่งประเทศไทยให้ฉดี วัคซีน
ขนาด ๑๐ ไมโครกรัม ปริมาณ ๐.๒ มิลลิลิตร เข้ากล้ามเนื้อ ๒ ครั้ง ห่างกัน ๓ - ๑๒ สัปดาห์ โดยระยะห่าง
๘ - ๑๒ สัปดาห์ จะดีกว่า ๓ - ๔ สัปดาห์ เพราะได้ระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่าอายุทีส่ ามารถฉดี วัคซนี ได้ : ตั้งแต่
อายุ ๕ ปี ถงึ ๑๑ ปี ๑๑ เดือน ๒๙ วนั
๑๐
ข้อหา้ ม :
๑) ห้ามใช้ในผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 ครั้งก่อน หรือแพ้อย่างรุนแรง
ตอ่ สว่ นประกอบของวคั ซีน
๒) ห้ามนำวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ (ฝาขวดสีม่วง) มาใช้ในเด็กอายุ ๕ – ๑๑ ปี เพื่อป้องกันการให้
วัคซนี ผดิ พลาด (Administration errors, including dosing errors)
การเกบ็ รกั ษาวัคซนี : ห้ามโดนแสง
กรณแี ชแ่ ขง็
- เกบ็ ไว้ทอ่ี ณุ หภูมิ -๙๐ ถงึ -๖๐ องศาเซลเซียส สามารถเกบ็ ได้สงู สุด ๖ เดอื น
- ห้ามเก็บไว้ท่ีอณุ หภูมิ -๒๕ ถงึ -๑๕ องศาเซลเซียส
ละลายจากการแชแ่ ขง็
- เก็บไว้ที่อุณหภูมิ ๒ ถึง ๘ องศาเซลเซียส สามารถเก็บได้สูงสุด ๑๐ สัปดาห์ นับตั้งแต่นำออก
จากตแู้ ช่แข็ง
- เมื่อนำวัคซีนแช่แข็งมาเก็บไว้ที่อุณหภูมิ ๒ ถึง ๘ องศาเซลเซียส ห้ามนำวัคซีนดังกล่าว
กลบั ไปเกบ็ ไวท้ อี่ ณุ หภูมิ -๙๐ ถงึ -๖๐ องศาเซลเซยี ส อกี ครงั้ (Not be refrozen)
- กอ่ นใช้วคั ซนี ต้องนำวัคซีนวางไว้ท่ีอุณหภมู หิ ้อง (ไม่เกิน ๓๐ องศาเซลเซียส) เปน็ เวลา ๓๐ นาที
ก่อนนำมาเจอื จาง
- ขวดวัคซีนที่ยังไม่ได้เปิดใช้สามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิระหว่าง ๘ องศาเซลเซียส และ ๓๐
องศาเซลเซยี ส ได้ไม่เกนิ ๑๒ ชัว่ โมง
- วัคซนี ที่เจือจางแล้ว สามารถเก็บท่ีอุณหภูมิระหว่าง ๒ องศาเซลเซียส และ ๓๐ องศาเซลเซียส
ได้ไมเ่ กนิ ๑๒ ชว่ั โมง
กลมุ่ เป้าหมาย
เด็กอายตุ ้ังแต่ ๕ ปี ถึง ๑๑ ปี ๑๑ เดือน ๒๙ วนั (น้อยกว่า ๑๒ ป)ี ดงั น้ี
๑) เดก็ ทม่ี โี รคเรอ้ื รงั ๗ กลุ่มโรค ได้แก่
-บุคคลท่ีมีโรคอ้วน (ดัชนีมวลกายมากกวา่ ๓๕ กโิ ลกรัมต่อตารางเมตร หรอื เดก็ อว้ น
ที่มีภาวะหยดุ หายใจขณะหลับจากภาวะทางเดินหายใจอดุ ก้นั )
-โรคทางเดินหายใจเรอ้ื รัง รวมท้ังโรคหอบหืดทม่ี อี าการปานกลางหรือรุนแรง
-โรคหัวใจและหลอดเลอื ด โรคหลอดเลือดสมอง
-โรคไตวายเร้ือรัง
-โรคมะเร็งและภาวะภมู ิคุ้มกนั ตำ่
-โรคเบาหวาน
-กลมุ่ โรคพนั ธุกรรมรวมทง้ั กลุ่มอาการดาวน์ เดก็ ทีม่ ีภาวะบกพรอ่ งทางระบบประสาท
อย่างรุนแรง เดก็ ทม่ี พี ฒั นาการช้า
๑๑
๒) เดก็ ท่ีเปน็ นกั เรียนในระบบสถานศกึ ษา ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ - ๖
๓) เดก็ ท่เี รยี นในระบบ Home School
๔) เดก็ ท่ีศึกษาในระดับก่อนประถมศกึ ษาที่อยนู่ อกระบบการศึกษา หรอื เด็กทต่ี กค้างและยังไม่ได้
รับวคั ซนี ท่มี อี ายุตง้ั แต่ ๕ ปี ถึง ๑๑ ปี ๑๑ เดือน ๒๙ วัน (นอ้ ยกวา่ ๑๒ ปี)
กำหนดการให้วคั ซนี
กำหนดการให้วัคซีนไฟเซอร์ ในเด็กอายุ ๕ – ๑๑ ปี ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัย
กุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็ก ขนาด ๑๐ ไมโครกรัม ปริมาณ ๐.๒
มิลลิลิตร เข้ากล้ามเนื้อ ๒ ครั้ง ห่างกัน ๓ - ๑๒ สัปดาห์ โดยระยะห่าง ๘ - ๑๒ สัปดาห์ จะดีกว่า ๓ - ๔ สัปดาห์
เพราะได้ระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่า ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการวัคซีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในทิศทาง
เดียวกันจึงขอแนะนำระยะห่างระหว่างเข็ม ๘ สัปดาห์ สำหรับการให้วัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ ๕ - ๑๑ ปี
ผ่านระบบสถานศกึ ษา
หมายเหตุ * หากเด็กนักเรียนอายุ ๑๑ ปี ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็กอายุ ๕ - ๑๑ ปี เข็มที่ ๑
(ขนาด ๑๐ ไมโครกรัม) ผ่านระบบสถานศึกษา และถึงกำหนดนัดรับวัคซีนเข็มที่ ๒ ภายหลังอายุ ครบ ๑๒ ปี
ขอให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ ๒ ด้วยวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็กอายุ ๕ - ๑๑ ปี (ขนาด ๑๐ ไมโครกรัม)
เพอื่ ปอ้ งกันความคลาดเคลื่อนในการบริหารจดั การวคั ซีน
** กรณีเด็กนักเรียนอายุตั้งแต่ ๑๒ ปี ขึ้นไป ที่เรียนอยู่ในระดับประถมศึกษาและยังไม่เคยได้รับวัคซีนให้เข้ารับ
การฉีดวัคซนี ไฟเซอรส์ ำหรบั ผู้ใหญ่ฝาสมี ว่ งที่สถานพยาบาล (ทมี่ า : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ )
๒.๒ ความสำคญั และวิธกี ารใชช้ ุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK)
๒.๒.๑ การใช้ชดุ ตรวจ Antigen Test Kit (ATK) และการอา่ นผล
ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) สามารถใช้งานแบบ Home use ตรวจได้ด้วยตนเอง
ทำให้รู้ผลเรว็ ก่อนใช้งานควรศึกษาวธิ ีการใชง้ านตามคู่มอื ของแตล่ ะยี่ห้อ และระมัดระวังการปนเปื้อนระหว่าง
ทำการตรวจ เพราะจะทำใหไ้ ดผ้ ลลัพธ์ท่ผี ิดพลาด
ชุดตรวจ ATK คือ ชุดตรวจการติดเชื้อโควิด 19 ที่สามารถทดสอบได้ในเบื้องต้น เหมาะกับ
ผู้ที่สงสัยหรือไม่แสดงอาการติดเชื้อ การทดสอบใช้เวลาไม่นานรอผลเพียง ๑๕ - ๓๐ นาที ปัจจุบันสามารถ
หาซื้อได้จากสถานพยาบาล หรือรับฟรีจากรัฐบาลตามนโยบาย กรณีทำการซื้อต้องตรวจสอบการรองรับและ
อย. เพอ่ื ให้ได้ชดุ ตรวจ ATK ที่ได้มาตรฐาน ปกติแล้วจะแบ่งชุดตรวจ ATK ออกเป็น ๒ ชนิด คอื
ATK Home use : เป็นชดุ ตรวจที่สามารถใช้ได้เองตามขน้ั ตอนจากคู่มอื การใช้ ซึง่ มคี วาม
แตกตา่ งกันในแตล่ ะยห่ี อ้ การใชง้ านต้องเนน้ ย้ำเร่อื งความสะอาดเพ่ือให้ได้ผลตรวจทถ่ี กู ต้อง
ATK Professional use : เป็นชุดตรวจที่ไม่สามารถตรวจได้ด้วยตนเอง ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญ
หรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ใช้ตรวจให้เท่านั้น เนื่องจากไม้ swab จะยาวกว่า และมีปริมาณการบรรจุน้ำยา
ที่มากกว่า
๑๒
๒.๒.๒ ความแม่นยำของชุดตรวจ ATK
การใช้ชุดตรวจ ATK สำหรับใช้เอง (Home use) มีความแม่นยำในระดับเบื้องต้น
ซงึ่ หากติดเชือ้ มาไมน่ าน ทำให้ปริมาณเช้อื ไวรสั โควิด 19 ยงั มีไมม่ าก อาจตรวจไมพ่ บทำให้ผลออกมาเป็นลบได้
เช่นกัน ดังนั้นหากมีความเสี่ยงสูงควรทำการตรวจซ้ำหลังจากตรวจครั้งแรกไปแล้ว ๓ - ๕ วัน อย่างไรก็ตาม
การตรวจที่แม่นยำที่สุดคือการตรวจแบบ RT-PCR ที่สามารถหาเชื้อได้แม้ยังมีเชื้อน้อย จึงควรตรวจด้วย RT-PCR
เพอ่ื ยนื ยันผลอีกครัง้
๒.๒.๓ การใชง้ านชุดตรวจ ATK
ก่อนการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK ให้ทำการล้างมือ และเช็ดโต๊ะที่ใช้วางชุดตรวจ
ควรให้สวมถุงมือขณะทำการทดสอบ ทำการตรวจสอบวันหมดอายุ และอุปกรณ์ชุดตรวจ ได้แก่ คู่มือ
ประกอบการใช้งานตลับทดสอบ หลอดน้ำยาสกัดเชื้อ ฝาจุก และก้านเก็บตัวอย่าง ต่อจากนั้นให้เริ่มทำตาม
ขนั้ ตอนตอ่ ไปนี้
- เปิดซองก้าน swab (ห้ามสัมผสั ปลายสำลี และไม้จมุ่ หรือของเหลวก่อนเก็บตัวอย่าง)
- ทำการสอดก้าน swab ในโพรงจมูกทั้ง ๒ ขา้ ง หมนุ กา้ น ๕ - ๑๐ รอบ ๑๐ - ๑๕ วนิ าที
ตอ่ รอบ (ความลกึ ในการสอดตามคมู่ อื )
- จมุ่ กา้ นท่ีเก็บตวั อยา่ งแลว้ ลงในหลอดน้ำยาสกดั เช้ือ หมนุ ก้านเก็บตวั อยา่ ง ๕ - ๑๐ ครง้ั
- นำหลอดดูดน้ำยาหยดลงช่องประมาณ ๒ - ๓ หยด และรอผลประมาณ ๑๕ - ๓๐ นาที
๒.๒.๔ การอา่ นผลตรวจของชุดตรวจ ATK
- ผลลบ (Negative) : แถบสีปรากฏเฉพาะตำแหน่ง C
- ผลบวก (Positive) : แถบสปี รากฏทง้ั ตำแหนง่ C และ T เปน็ ๒ ขีด
- กรณีไม่ปรากฏแถบ C หมายถึงชุดตรวจอาจมีปัญหา ใช้งานไม่ได้ควรตรวจซ้ำใหม่
อกี ครง้ั หากผลตรวจเป็นบวก (ตดิ เชอ้ื ) ควรตรวจด้วย RT-PCR เพ่ือยนื ยันตามขั้นตอน หากมผี ลเป็นลบ (ไม่ติดเช้ือ)
ควรทดสอบดว้ ยชุดตรวจ ATK อีกครั้งใน ๓ - ๕ วัน หากมีความเสี่ยงสูงควรตรวจยนื ยนั ด้วย RT-PCR
๒.๒.๕ ขอ้ ควรระวงั ในการใชช้ ุดตรวจ ATK
- ชดุ ตรวจ ATK ตอ้ งไดร้ ับการลงทะเบยี นจาก อย. (สำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยา)
- หากมีอาการเสย่ี งตดิ เชอื้ ควรตรวจ RT-PCR เพ่อื ยืนยันมากกว่าใช้ชดุ ตรวจ ATK
- หากนำ้ ยาสกดั เช้ือกระเด็นโดนผวิ หนัง หรอื เข้าดวงตาให้ลา้ งทันทดี ว้ ยนำ้ สะอาด
ปรมิ าณมาก
- หลังใช้งานให้แยกท้ิงท่ขี ยะติดเชื้อ
๒.๒.๖ ผลจากชดุ ตรวจ ATK เปน็ บวกต้องทำอย่างไร
ควรติดตอ่ สถานพยาบาลใกล้บ้านเพอื่ ทำการกกั ตวั และแยกตนเองออกจากผ้อู ่ืน
ส่วนที่ ๒
แนวทางการเตรยี มความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน
ส่วนท่ี ๒
แนวทางการเตรียมความพรอ้ มกอ่ นเปดิ ภาคเรยี น
การเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดภาคเรียน มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากมีความเกี่ยวข้อง
กับการปฏิบัติตนของนักเรียน ครู บุคลากร และผู้เกี่ยวข้องทุกคนในสถานศึกษา เมื่อใกล้เวลาที่สถานศึกษา
จะเปิดภาคเรียนปีการศึกษา ๒๕๖๕ ซึ่งปีการศึกษา ๒๕๖๔ ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
เกิดภัยธรรมชาติในหลายพื้นที่ เช่น วาตภัย พายุฤดูร้อน ซึ่งอาจเป็นเหตุให้อาคาร วัสดุอุปกรณ์ ต้นไม้ และ
ส่งิ แวดลอ้ มโดยรวม เกิดชำรุดเสียหาย อุปกรณไ์ ฟฟ้าอาจมีกระแสไฟรั่วไหล สายไฟฟ้าขาด รวมถงึ มกี ารระบาด
ของโรคตามฤดูกาล ประกอบกับมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 อย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นอันตราย
ตอ่ นักเรยี นและบุคลากร รวมถึงเหตุร้ายต่าง ๆ ทเ่ี กิดขน้ึ จากมนษุ ย์ สถานศึกษาจึงเตรียมความพรอ้ มกอ่ นเปดิ ภาคเรยี น
เพมิ่ เติมจากทีไ่ ดเ้ คยดำเนนิ การเปน็ ปกติ โดยดำเนินการ ดงั น้ี
๑. แนวทางการเตรียมความพรอ้ มกอ่ นเปดิ ภาคเรยี น ในดา้ นความปลอดภยั ๔ กลุ่มภัย
ความปลอดภัยของสถานศกึ ษาจำแนกเปน็ ๔ กลุ่มภัย โดยมีการดำเนินงานตามมาตรการ ๓ ป ได้แก่
การป้องกัน การปลูกฝัง และการปราบปราม ซึ่งในแต่ละมาตรการมีแนวปฏิบัติในการเตรียมความพร้อมก่อน
เปิดภาคเรียนตามรายละเอียด ดงั น้ี
๑.๑ ภยั ทีเ่ กดิ จากการใชค้ วามรนุ แรงของมนษุ ย์ ประกอบดว้ ย
๑.๑.๑ การลว่ งละเมิดทางเพศ มีแนวปฏบิ ัติดงั น้ี
๑) สำรวจนกั เรียนกลุ่มเสย่ี งและพืน้ ท่ีทีเ่ ปน็ จดุ เสย่ี ง
๒) สร้างเครอื ข่ายเฝา้ ระวังทั้งในสถานศกึ ษาและชุมชน
๓) จัดให้มีระบบการสื่อสารเพื่อรับส่งข้อมูลด้านพฤติกรรมนักเรียนทั้งในสถานศึกษา
และชุมชน
๑.๑.๒ การทะเลาะวิวาท มแี นวปฏิบัติดงั น้ี
๑) จัดทำระเบียบในการประพฤติปฏบิ ตั ิตนในสถานศึกษา
๒) โรงเรยี นประชุมชแ้ี จงทำความเขา้ ใจการปฏิบัตติ นตามระเบียบก่อนเปิดภาคเรียน
๑.๑.๓ การกลั่นแกล้งรังแก มีแนวปฏบิ ัติดงั น้ี
๑) จดั ทำระเบยี บขอ้ ตกลงรว่ มกนั ทั้งในระดบั ชนั้ เรียนและระดบั สถานศกึ ษา
๒) สำรวจนกั เรยี นกลมุ่ เส่ียงทั้งกลมุ่ ผูก้ ระทำและผูถ้ กู กระทำ เพอ่ื จัดทำเปน็ ข้อมูล
ในการดแู ลตดิ ตาม
๓) สรา้ งเครือข่ายเฝ้าระวงั ทั้งในสถานศึกษาและชมุ ชน
๔) จัดใหม้ รี ะบบการสอ่ื สารเพ่อื ติดตามพฤติกรรมนกั เรียน
๑๕
๑.๑.๔ การชุมนมุ ประทว้ งและการจลาจล มแี นวปฏบิ ัติดังนี้
๑) สำรวจนักเรียนกลมุ่ เสย่ี งเพ่อื การติดตามเฝ้าระวังพฤตกิ รรม
๒) พัฒนาพ้ืนที่เส่ยี งใหม้ คี วามปลอดภัย
๑.๑.๕ การกอ่ วนิ าศกรรม มแี นวปฏบิ ัติดงั น้ี
๑) สำรวจนักเรยี นกล่มุ เสยี่ งเพื่อเฝา้ ระวงั ติดตามพฤติกรรมนกั เรียน
๒) สรา้ งเครอื ขา่ ยเฝา้ ระวังทั้งในสถานศกึ ษาและในชุมชน
๓) จัดให้มรี ะบบการส่ือสารเพื่อรับส่งข้อมลู ด้านพฤติกรรมนักเรยี นท้งั ในสถานศึกษา
และชมุ ชน
๑.๑.๖ การระเบิด มแี นวปฏิบตั ิดงั น้ี
๑) สำรวจนกั เรยี นกลมุ่ เสี่ยง
๒) สำรวจแหล่งทมี่ าของวัตถปุ ระกอบระเบดิ
๓) สรา้ งเครือข่ายเฝา้ ระวงั ทัง้ ในสถานศกึ ษาและในชุมชน
๔) จัดให้มรี ะบบการสอื่ สารเพอ่ื ติดตามพฤติกรรมนกั เรียน
๑.๑.๗ สารเคมแี ละวัตถอุ ันตราย มีแนวปฏิบตั ิดังน้ี
๑) จัดสถานท่ใี นการจัดเกบ็ สารเคมแี ละวัตถอุ นั ตรายใหม้ ดิ ชิด
๒) จดั ทำมาตรการและแนวปฏิบตั ิในการดำเนินการ ลด ละ เลิก การใช้สารเคมีและวัตถุ
อนั ตราย
๓) สรา้ งเครือข่ายเฝ้าระวังการใชส้ ารเคมแี ละวตั ถุอันตรายทั้งในสถานศึกษาและชุมชน
๑.๑.๘ การล่อลวง ลกั พาตัว มแี นวปฏิบตั ิดังนี้
๑) จัดระบบการติดต่อสื่อสารเพื่อรบั ส่งข้อมลู พฤติกรรมนักเรียน ผู้ใกลช้ ิด และ
บุคคลภายนอก
๒) สรา้ งเครอื ข่ายเฝา้ ระวงั ท้ังในสถานศกึ ษาและชุมชน
๓) จัดทำข้อมูลช่องทางขอความชว่ ยเหลือ เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนและชุมชน
ได้ทราบ
๑.๒ ภัยท่ีเกดิ จากอบุ ตั ิเหตุ (Accident) ประกอบดว้ ย
๑.๒.๑ ภัยธรรมชาติ มแี นวปฏิบตั ิดงั น้ี
๑) สำรวจข้อมูลความเส่ยี งท่ีเกดิ จากภยั ธรรมชาตติ ามบรบิ ทโรงเรียน
๒) เตรยี มแผนการรองรับเกดิ เหตุการณภ์ ัยธรรมชาติตา่ ง ๆ ลว่ งหนา้ เช่น
- การใหค้ วามรู้ ขณะเกดิ เหตจุ ะต้องทำอยา่ งไร
๑๖
- การหลีกเลี่ยงและการเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์นั้น ๆ และภายหลังเกิดเหตุแล้ว
จะขอรับความช่วยเหลือได้อย่างไร โดยสามารถศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
www.disaster.go.th
๑.๒.๒ ภยั จากอาคารเรยี น ส่งิ กอ่ สร้าง มแี นวปฏิบัติดงั น้ี
๑) สำรวจจดุ อันตรายต่าง ๆ ในบริเวณโรงเรยี น
๒) ดำเนินการซ่อมแซม อาคารเรียน ประตูหน้าต่าง ระบบไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟ
ปลั๊กไฟ โต๊ะ เก้าอี้ ระบบน้ำประปา เครื่องเล่นสนาม ประตูฟุตบอล ประตูรั้วโรงเรียน ล้อมรั้วรอบสระน้ำ
ในโรงเรียน ฯลฯ ให้ม่ันคงแข็งแรงก่อนเปิดเรยี น
๓) จดั สภาพแวดลอ้ มให้สะอาด รม่ รืน่ ปลอดภัย
- ตัดแต่งต้นไม้ กิ่งไม้ มใิ ห้เกิดอันตราย
- กำจดั ตน้ ไมห้ รอื วัชพืชทเี่ ป็นพษิ หรอื มีผลเปน็ พิษในบรเิ วณโรงเรียนและโดยรอบ
- ดแู ลสนามหญา้ ใหส้ ะอาดโลง่ เตียนมิใหเ้ ป็นทอี่ ยขู่ องสัตว์ร้าย
- กำจัดแหล่งเพาะพนั ธุ์ยุง หนู สัตวเ์ ลือ้ ยคลาน งพู ษิ ตะขาบ แมงปอ่ ง และแมลงมีพิษ
เชน่ รงั ผ้ึง รังตอ่ รงั แตน แมลงศัตรูพืช แมลงรบกวน เช่น แมลงวนั และแมลงปีกแขง็
- เก็บกวาดกองขยะทรี่ กรงุ รัง
๑.๒.๓ ภัยจากยานพาหนะ มแี นวปฏบิ ัติดงั นี้
๑) สำรวจรูปแบบการเดินทาง และเสน้ ทางเดนิ ไป - กลับของนกั เรยี น
๒) จดั ท่จี อดรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ จดุ จอดรถรับ - ส่งนกั เรยี นให้มีความเปน็
ระเบียบเรยี บร้อย มคี วามปลอดภัย
๓) ตรวจสอบสภาพของรถรับ - ส่งนักเรียนให้มีความพรอ้ มใชง้ าน และกำกบั ควบคุม
พฤติกรรมพนักงานขับรถนักเรยี น
๔) แสวงหาความรว่ มมือในการป้องกันแก้ไขปัญหาตา่ ง ๆ เช่น สำนักงานขนส่งจังหวัด
เจ้าหน้าท่ีตำรวจจราจร เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดความปลอดภัยกบั นักเรียน
๕) นักเรียนทีโ่ ดยสารเรอื ส่งเสริมสนับสนุนให้นกั เรียนลอยตวั ในนำ้ หรอื วา่ ยน้ำเป็น
๖) จดั เตรยี มวสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ เพอื่ การช่วยเหลือเบ้ืองตน้
๗) สง่ เสริมสนบั สนุนการทำประกันภยั และประกันอุบตั เิ หตุ
๑.๒.๔ ภัยจากการจดั กจิ กรรม มีแนวปฏิบตั ิดังน้ี
๑) แต่งตั้งคณะทำงานประเมินความเสี่ยงในการจัดกิจกรรม เพื่อร่วมกันเสนอแนะ
แนวทางในการปอ้ งกนั ความเสีย่ งในกจิ กรรมตา่ ง ๆ
๒) สนับสนุนให้มีการทำประกันชีวิตและทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มให้กับนักเรียนและ
บคุ ลากรทุกคน
๑๗
๑.๒.๕ ภยั จากเคร่ืองมอื อุปกรณ์ มแี นวปฏบิ ัติดังนี้
๑) สำรวจข้อมูลเครือ่ งมอื อุปกรณ์ และจัดแยกส่วนทช่ี ำรดุ และสว่ นทใ่ี ชง้ านได้
๒) จัดทำคู่มือการใชเ้ คร่ืองมือ อปุ กรณ์ใหป้ ลอดภัย หากพบเครื่องมอื ชำรดุ ให้
ดำเนนิ การซ่อมแซม บำรุงรกั ษา
๓) การจดั เกบ็ เคร่อื งมือ อุปกรณ์ให้เป็นระบบ
๑.๓ ภัยทีเ่ กดิ จากการถูกละเมดิ สิทธ์ิ (Right) ประกอบด้วย
๑.๓.๑ การถูกปล่อยปละ ละเลย ทอดทงิ้
๑.๓.๒ การคกุ คามทางเพศ
๑.๓.๓ การไม่ได้รบั ความเปน็ ธรรมจากสังคม
มีแนวปฏบิ ตั ิดงั น้ี
๑) โรงเรียนสำรวจขอ้ มูลนกั เรยี นรายคน โดยสำรวจนักเรียนกลมุ่ เส่ยี งและพ้นื ท่ีเป็นจดุ เสย่ี ง
๒) วิเคราะห์สภาพปัญหา ความต้องการ ความเสยี่ ง ความขาดแคลนของนักเรียนรายคน
๓) สร้างเครอื ข่ายเฝ้าระวงั ทั้งในสถานศึกษาและชุมชน
๔) สรา้ งเครอื ข่ายการมสี ว่ นร่วมเพื่อประสานความชว่ ยเหลือ
๕) จัดระบบการสื่อสารเพื่อรับส่งข้อมูลด้านพฤติกรรมนักเรียน และผู้ใกล้ชิด ทั้งใน
สถานศกึ ษาและชุมชน
๖) จัดทำข้อมูลช่องทางขอความช่วยเหลือเพือ่ เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนและ
ชุมชนได้ทราบ
๑.๔ ภยั ทเี่ กิดจากผลกระทบทางสขุ ภาวะทางกายและจติ ใจ (Unhealthiness) ประกอบด้วย
๑.๔.๑ ภาวะจิตเวช มแี นวปฏิบตั ิดงั นี้
๑) สำรวจข้อมลู นักเรียนกล่มุ เสี่ยง
๒) ตดิ ต่อประสานเครือขา่ ยการมสี ว่ นรว่ มเพ่ือประเมินภาวะจิต
๓) จดั หลกั สตู รการเรยี นการสอนพิเศษรายคน
๔) สรา้ งเครอื ข่ายเฝ้าระวงั ท้ังในสถานศึกษาและชุมชน
๕) จัดระบบติดต่อสือ่ สารเพอ่ื รบั ส่งขอ้ มูลพฤตกิ รรมอย่างต่อเนอื่ ง
๑.๔.๒ ติดเกม มแี นวปฏบิ ตั ิดงั นี้
๑) สำรวจขอ้ มูลนักเรียนกลุม่ เสี่ยง และขอ้ มลู พ้ืนที่แหลง่ ใหบ้ ริการรา้ นเกม
๒) กำหนดข้อตกลงเพ่อื ปฏิบตั ิร่วมกัน
๓) สร้างเครือข่ายเฝา้ ระวังทงั้ ในสถานศกึ ษาและชุมชน
๔) จดั ระบบตดิ ต่อสอ่ื สารเพอ่ื รบั สง่ ข้อมลู พฤตกิ รรมอย่างต่อเน่อื ง
๑.๔.๓ ยาเสพตดิ มแี นวปฏบิ ัติดงั น้ี
๑) สำรวจขอ้ มลู นักเรียนกลมุ่ เสี่ยง
๑๘
๒) วิเคราะหน์ กั เรยี นรายบคุ คล
๓) กำหนดข้อตกลงเพ่ือปฏิบัติรว่ มกนั
๔) สร้างเครอื ขา่ ยเฝา้ ระวังทัง้ ในสถานศกึ ษาและชุมชน
๕) จดั ระบบติดตอ่ สือ่ สารเพอื่ รบั ส่งข้อมูลพฤตกิ รรมอย่างต่อเนื่อง
๑.๔.๔ โรคระบาดในมนษุ ย์ มแี นวปฏบิ ัติดงั นี้
๑) สำรวจข้อมลู ด้านสุขภาพของนักเรียนรายคนและบุคคลใกลช้ ดิ
๒) จดั ทำแผนในการปอ้ งกนั โรคระบาดในมนษุ ย์
๓) บริการวสั ดุ - อปุ กรณ์ ในการปอ้ งกันโรคระบาดในมนุษย์
๔) สร้างเครอื ข่ายเฝ้าระวังทง้ั ในสถานศกึ ษาและชมุ ชน
๕) จัดระบบติดตอ่ สอ่ื สารเพื่อตดิ ตามข้อมูลด้านสุขภาพอย่างต่อเนือ่ ง
๑.๔.๕ ภยั ไซเบอร์
๑) สำรวจขอ้ มูลการใช้งานระบบไซเบอรข์ องนกั เรียนรายคน
๒) กำหนดข้อตกลงเพอื่ ปฏิบตั ริ ่วมกนั
๓) สร้างเครอื ขา่ ยเฝา้ ระวงั ทั้งในสถานศึกษาและชุมชน
๔) จัดระบบตดิ ตอ่ สื่อสารเพ่ือรับส่งขอ้ มลู พฤตกิ รรมอยา่ งต่อเน่ือง
๑.๔.๖ การพนนั มแี นวปฏบิ ัติดงั นี้
๑) สำรวจข้อมลู นักเรียนกล่มุ เสี่ยง และพืน้ ทท่ี ่เี ปน็ แหล่งการพนนั
๒) กำหนดข้อตกลงเพอ่ื ปฏบิ ัตริ ว่ มกนั
๓) สร้างเครือขา่ ยเฝ้าระวังท้งั ในสถานศกึ ษาและชมุ ชน
๔) จัดระบบติดตอ่ ส่อื สารเพือ่ รบั สง่ ข้อมลู พฤตกิ รรมอย่างต่อเน่ือง
๑.๔.๗ มลภาวะเป็นพษิ มแี นวปฏบิ ัติดังน้ี
๑) สำรวจข้อมูลพน้ื ที่ทีเ่ กดิ มลภาวะเปน็ พิษในสถานศกึ ษาและชุมชน
๒) จัดทำป้ายสญั ลกั ษณแ์ สดงพื้นทมี่ ลภาวะเป็นพิษ
๓) จัดทำแผนในการแกป้ ญั หามลภาวะเปน็ พิษรว่ มกัน
๔) กำหนดขอ้ ตกลงในการปฏบิ ัติรว่ มกนั
๑.๔.๘ โรคระบาดในสัตว์ มีแนวปฏบิ ตั ิดังนี้
๑) สำรวจข้อมลู สัตวเ์ ลย้ี งของนักเรียนรายคน
๒) จดั ทำแผนในการปอ้ งกนั โรคระบาดในสัตว์
๓) บริการวสั ดุ อปุ กรณ์ในการป้องกนั โรคระบาดในสตั ว์
๔) สร้างเครอื ขา่ ยเฝา้ ระวงั ทง้ั ในสถานศกึ ษาและชุมชน
๕) จดั ระบบติดตอ่ ส่ือสารเพื่อตดิ ตามข้อมูลสัตว์เล้ยี งอย่างต่อเน่อื ง
๑๙
๑.๔.๙ ภาวะทุพโภชนาการ มแี นวปฏบิ ตั ิดังนี้
๑) การสำรวจและจัดกล่มุ นักเรียนกลุม่ เส่ียง และกลุ่มทมี่ ภี าวะทุพโภชนาการ
๒) เสรมิ สร้างความร่วมมอื ระหว่างโรงเรียน ครอบครัว ชุมชน และผูม้ ีส่วนเกยี่ วขอ้ ง
๓) จัดทำสอื่ ประชาสมั พนั ธ์ใหค้ วามรดู้ า้ นโภชนาการแก่ผู้ปกครอง
๔) จัดทำฐานข้อมูลเพื่อตรวจสอบพัฒนาการและความก้าวหน้าในการลดภาวะ
ทพุ โภชนาการ
๕) ดูแลอาหารกลางวัน อาหารเสริม และอาหารว่างที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ
รวมถงึ อปุ กรณก์ ฬี าใหม้ คี วามเพียงพอ สำหรับการออกกำลงั กาย
๒. แนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ
ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)
ในการเปิดเรียนแบบ On-Site สถานศึกษาจะเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนภายใต้สถานการณ์
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในการเสริมสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียน
ผูป้ กครองและสาธารณชน และป้องกันการแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ดงั น้ี
๒.๑ การประเมนิ ความพร้อมตนเองก่อนเปดิ ภาคเรียนผ่านระบบ Thai Stop COVID Plus (TSC+)
สถานศกึ ษาดำเนินการประเมินตนเองก่อนเปิดภาคเรยี นผา่ นระบบ Thai Stop COVID Plus
(TSC+) ของกรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข ได้ทีเ่ ว็บไซต์ https://stopcovid.anamai.moph.go.th/
ซึ่งได้สร้างเครื่องมือสำหรับสถานศึกษาประเมินตนเองในระบบเพื่อให้สถานศึกษาเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเรียน
ปีการศึกษา ๒๕๖๕ โดยแบบประเมินตนเองประกอบด้วย ๖ มิติ ๒๐ ข้อ ดังตัวอย่างดังนี้ (รายละเอียด
ในภาคผนวก)
๒๐
ซงึ่ จะไดผ้ ลการประเมนิ ดังนี้
ผลการประเมิน
Ranking เกณฑป์ ระเมนิ
สีเขียว ผา่ นท้ังหมด ๒๐ ขอ้
สเี หลือง ผา่ นข้อ ๑ - ๑๒ ทุกขอ้
แตไ่ มผ่ ่านข้อ ๑๓ - ๒๐ ขอ้ ใดขอ้ หนึ่ง
สแี ดง ไมผ่ า่ นข้อ ๑ - ๑๒ ข้อใดขอ้ หน่งึ
การแปรผล หมายถงึ สถานศึกษาสามารถเปิดเรียนได้
• สเี ขียว โดยได้ใบรับรอง (E-Certificate)
• สเี หลอื ง หมายถึง โรงเรยี นสามารถเปดิ เรยี นได้ แต่ตอ้ งดำเนนิ การปรบั ปรงุ ใหเ้ ปน็ ไปตาม
มาตรฐานที่กำหนด แลว้ จงึ ไดร้ ับใบรับรอง (E-Certificate)
• สีแดง
หมายถงึ โรงเรียนไม่สามารถเปิดเรียนได้ ตอ้ งดำเนนิ การปรบั ปรงุ ให้เปน็ ไปตาม
มาตรฐานที่กำหนด และ/หรือประเมนิ ตนเองซำ้ จนกวา่ จะผ่านทัง้ หมด
แล้วจงึ ไดใ้ บรบั รอง (E-Certificate) โรงเรียนสามารถเปิดเรยี นได้
ตัวอยา่ งใบรบั รอง (E-Certificate)
๒๑
๒.๒ การรบั วัคซีน
ในการป้องกันการแพรร่ ะบาดของเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) จำเป็นที่จะต้องมีการสร้าง
ภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดี โดยการรับวัคซีนพร้อมกับการรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ซึ่งสถานศึกษา
ดำเนนิ การตามมาตรการ ดงั น้ี
๒.๒.๑ การรับวัคซนี ของครู และบคุ ลากรทางการศึกษา มีมาตรการ ดังนี้
๑) ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษาตอ้ งไดร้ บั การฉีดวคั ซีนครบโดส ต้ังแตร่ อ้ ยละ ๘๕ ขึ้นไป
๒) ครู และบคุ ลากรทางการศึกษา ในสถานศึกษามีการทำกิจกรรมรว่ มกนั ในรูปแบบ
Small Bubble และหลกี เลย่ี งการทำกจิ กรรมข้ามกลมุ่ กนั
๓) ถ้าครู และบุคลากรมีอาการเข้าข่าย (Inclusion Criteria) กับการติดเชื้อโควิด 19 หรือ
สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสงู ให้ดำเนินการตรวจคัดกรองหาเชื้อด้วยวิธีที่เหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์
พร้อมทั้งรายงานผลการตรวจกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ทันที และปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุกรณีมีผลตรวจ
เป็นบวก
๒.๒.๒ การรบั วคั ซีนของนกั เรียน และผู้ปกครอง มีมาตรการ ดงั น้ี
สถานศึกษารณรงค์ให้นักเรียนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง โดยความยินยอมของผู้ปกครอง
รวมท้ังประชาสมั พันธ์ให้ผู้ปกครองเขา้ รับวัคซีน ดงั น้ี
๑) การฉีดวัคซนี โควิด 19 เข็ม ๑ และ ๒ สำหรับอายุ ๑๘ ปี ขึ้นไป
๒) การฉดี วคั ซีนโควดิ 19 เขม็ ๑ และ ๒ สำหรบั บคุ คลทม่ี ีอายุ ๕ – ๑๗ ปี
๓) แนะนำใหฉ้ ีดวคั ซีนโควิด 19 ในผู้ทมี่ ีประวัติติดเชอ้ื โควดิ 19 ได้ตามหลกั การเดียวกับผู้ที่
ยังไมเ่ คยติดเชือ้ มาก่อน โดยใหว้ ัคซีนหลังจากการติดเช้อื เป็นเวลา ๓ เดือน
๒.๓ แนวปฏิบตั กิ ารเตรียมการกอ่ นเปิดภาคเรียนของสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน
การเตรียมการก่อนเปดิ ภาคเรยี น มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากมีความเก่ียวข้องกับการปฏิบัติ
ตนของนักเรียน ครู บุคลากรและผู้เกี่ยวข้องทุกคนในสถานศึกษา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อโรคโควิด 19
ตัดความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้มกนั และสร้างความปลอดภยั แก่ทกุ คน สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน
จึงกำหนดใหม้ ีแนวปฏิบตั ิการเตรียมการก่อนเปิดภาคเรยี น ๖ ข้นั ตอน ดงั น้ี
๒.๓.๑ สถานศึกษาตอ้ งประเมินความพร้อมก่อนเปดิ ภาคเรียน โดยใช้แบบประเมนิ ตนเองในระบบ
Thai Stop COVID Plus ตวั ย่อ TSC+ ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสขุ ถ้าผลการประเมินเป็นสีเขียวให้
เปิดเรียนได้ สีเหลืองให้ประเมินซ้ำ ถ้าผ่านให้เปิดเรียนได้ ถ้าผลการประเมินเป็นสีแดง จะต้องเตรียมสถานศึกษา
จนกว่าผลการประเมินจะเป็นสีเขียวหรือสีเหลือง หากยังคงมีผลการประเมินเป็นสีแดงให้รายงานต่อ
ผูบ้ งั คับบญั ชาตามลำดบั ขนั้ เพือ่ จะไดป้ ระสาน ส่งเสริม สนบั สนนุ ใหส้ ถานศึกษามีความพรอ้ มกอ่ นเปดิ ภาคเรยี น
๒.๓.๒ ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาต้องได้รบั การฉดี วัคซนี ครบโดส ร้อยละ ๘๕ ขึ้นไป ตามประกาศ
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ลงวันที่ ๒๐ กนั ยายน ๒๕๖๔
๒๒
๒.๓.๓ นกั เรียนและผปู้ กครองควรไดร้ บั การฉดี วคั ซนี ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
๒.๓.๔ สถานศึกษาที่ได้รับอนุมัติให้เปิดเรียนในรูปแบบ On-Site ก่อนหน้ามาแล้ว และยังมิได้
ถูกส่ังระงับหรือปิด สามารถดำเนนิ การเปิดเรยี นได้ตามปกติ ในสว่ นของสถานศึกษาที่ยงั ไม่เคยได้รับอนุมัติให้
เปิดเรียนได้ ให้สถานศึกษาดำเนินการประเมินตนเองเสนอต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานรับทราบ
และให้ความเหน็ ชอบในการเปดิ เรยี น แลว้ จงึ นำรายงานตอ่ สำนักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา เพอ่ื ใหส้ ำนักงานเขต
พื้นที่การศึกษาประสานสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณา
อนมุ ัติให้เปดิ เรียนไดต้ อ่ ไป
๒.๓.๕ ใหส้ ถานศึกษาปฏิบัติตามมาตรการท่ีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยเน้น ๖
มาตรการหลกั ๖ มาตรการเสริม และ ๗ มาตรการเขม้ งวด อย่างเคร่งครัด
๒.๓.๖ สถานศึกษารายงานผลการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนต่อผู้บังคับบัญชา
ตามลำดับขัน้
๒.๔ มาตรการการเตรียมความพร้อมของกรมอนามัย
๒.๔.๑ มาตรการการเตรยี มความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน
๑) สถานศึกษาประเมนิ ตนเองเตรยี มพร้อมก่อนเปดิ ภาคเรียนท่ี ๑/๒๕๖๕ ผา่ น TSC+
๒) นักเรียนอายุ ๑๒ – ๑๗ ปี ได้รบั วัคซีนโควิด 19 เขม็ กระตุ้น (เขม็ ๓) ผา่ นระบบสถานศึกษา
และเรง่ ฉดี วคั ซนี โควิด 19 ในเด็กอายุ ๕ - ๑๑ ปี ตามความสมคั รใจของผปู้ กครองและเดก็
๓) นักเรียน ครู บุคลากร ปฏิบัติตามมาตรการ ๖-๖-๗ อย่างเคร่งครัด อาทิ เว้นระยะห่าง
สวมหน้ากากอนามัย ๑๐๐% ลา้ งมือ ตรวจหาเชอ้ื ด้วย ATK เมอ่ื มอี าการหรอื เสี่ยง
๔) กรณีนักเรียนติดเชอื้ โควิด 19 และเปน็ ผู้สัมผสั เสีย่ งสูง ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเครง่ ครัด
๒.๔.๒ มาตรการความปลอดภยั ในการเปดิ เรียน On-Site
กรมอนามัยใหแ้ นวทางการเฝ้าระวงั หรือเตรียมความพรอ้ มสำหรับการเปิดเรยี น On-Site
ดว้ ยหลักการ Sandbox Safety Zone in School ตัดความเสี่ยง สร้างภมู คิ ้มุ กนั ด้วย 3T1V ได้แก่
T :Thai Stop COVID Plus (TSC+) โรงเรียนต้องผ่านการประเมินตนเองในการเตรียม
ความพร้อมกอ่ นเปิดเรยี น
T : Thai Save Thai (TST) นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาประเมินความเสี่ยง
ตนเองเป็นประจำด้วยแบบประเมิน Thai Save Thai
T : Test โรงเรียนมีการเฝ้าระวังอย่างเหมาะสม เช่น การตรวจคัดกรองด้วย ATK เมื่อมี
ความเสีย่ ง หรอื เมื่อมีอาการ
V : Vaccine ครู บุคลากร ผู้ปกครองและเด็ก ๕ - ๑๗ ปี ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ เพื่อลด
ความรุนแรงและสร้างความปลอดภยั ในสถานศกึ ษาควบคู่การปฏบิ ัตติ ามมาตรการ ๖-๖-๗ อย่างต่อเนอ่ื ง
๒๓
๒.๔.๓ มาตรการเปิดเรยี น On-Site สำหรับโรงเรียนประจำ เน้นมาตรการ Sandbox
Safety Zone in School (SSS) ปอ้ งกันการระบาดในวงกว้าง แบ่งเป็นกรณี ดงั นี้
กรณนี กั เรียน ครู หรือบคุ ลากร เปน็ ผูส้ มั ผสั เสย่ี งตำ่
- โรงเรยี นสามารถเปดิ เรียน On-Site ไดต้ ามปกติ และปฏบิ ัติตามมาตรการ
Universal Prevention
- ประเมิน Thai Save Thai (TST) เว้นระยะห่างของตัวนกั เรียนในห้องเรียน
ไมน่ ้อยกว่า ๑ เมตร
กรณนี กั เรยี น ครู หรือบคุ ลากร เป็น ผ้สู มั ผสั เส่ียงสูง
- สามารถจัดการเรียนการสอน ปฏิบัติงาน และทำกิจกรรมใน Quarantine Zone
ตามมาตรการ SSS เป็นเวลา ๕ วนั และติดตามสังเกตอาการอีก ๕ วนั
- กรณีได้รับวัคซีนโควิด 19 ครบ ตามคำแนะนำปัจจุบัน ไม่มีอาการ แนะนำให้
กักกัน ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK ซ้ำ ในวันที่ ๕ หรือถ้ามีอาการ ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK ทันที แยกกักกัน
สังเกตอาการจนครบ ๑๐ วัน พร้อมปฏบิ ัติตัวตามาตรการขัน้ สงู สุด
- ตรวจคดั กรองหาเชอื้ ด้วย ATK ถา้ มอี าการให้ตรวจทันที ใหต้ รวจคร้งั ที่ ๑ วันท่ี ๕
หลงั สัมผสั ผู้ตดิ เชื้อ และตรวจครั้งสดุ ท้าย วนั ท่ี ๑๐ หลงั สมั ผัสผู้ตดิ เชอื้
กรณีนกั เรียน ครู หรือบคุ ลากร เป็นผูต้ ดิ เช้อื
- พิจารณาร่วมกับหน่วยบริการสาธารณสุขแยกกักตัวที่โรงเรียน (School Isolation)
ปฏิบัติตามแนวทางของสาธารณสุข โดยพิจารณาร่วมกับหน่วยบริการสาธารณสุขในพื้นที่ หรือคณะกรรมการ
โรคติดต่อจังหวัด กรณไี ม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย จัดการเรียนการสอนได้ตามความเหมาะสม เว้นระยะห่าง
ไม่น้อยกวา่ ๑ เมตร งดกจิ กรรมรวมกลุ่ม เน้นการระบายอากาศ โดยปฏิบัตติ าม UP-DMHTA อยา่ งเคร่งครดั
- ตดิ ต่อหน่วยงานบรกิ ารสาธารณสขุ ในพ้ืนที่ ตามระบบงานอนามัยโรงเรียน
- โรงเรียนทำความสะอาดห้องเรียน ชั้นเรียน สถานศึกษาตามมาตรการของ
กระทรวงสาธารณสุขและเปิดเรยี นได้ตามปกติ
๒.๔.๔ มาตรการเปิดเรียน On-Site สำหรบั โรงเรยี นไป – กลบั
กรณีนักเรียน ครู หรือบุคลากร เป็นผเู้ สย่ี งต่ำ
- เรียนในพน้ื ที่สถานศกึ ษา (On-Site) ตามปกติ และปฏบิ ัติตามมาตรการ
Universal Prevention
- ประเมิน Thai Save Thai (TST) จัดระยะห่างระหว่างนักเรียนในห้องเรียน
ไม่นอ้ ยกว่า ๑ เมตร
๒๔
กรณีนักเรียน ครู หรือบคุ ลากร เป็นผูเ้ สี่ยงสงู
- กรณีไม่ได้รับวัคซีนโควิด 19 ตามแนวทางปัจจุบัน ทั้งมีอาการและไม่มีอาการ
แนะนำใหก้ กั กนั ตัวเอง (Self-Quarantine) เปน็ เวลา ๕ วนั และติดตามเผ้าระวงั อีก ๕ วัน
- กรณีได้รับวัคซีนโควิด 19 ครบตามคำแนะนำปัจจุบัน ไม่มีอาการ ไม่ต้องกักกัน
และแนะนำ ใหไ้ ปเรยี นได้
- ตรวจคดั กรองหาเช้อื ด้วย ATK ถา้ มีอาการให้ตรวจทนั ที ใหต้ รวจคร้ังท่ี ๑ วันที่ ๕
หลงั สัมผสั ผตู้ ิดเชอ้ื และตรวจครัง้ สุดทา้ ย วนั ที่ ๑๐ หลงั สัมผสั ผู้ตดิ เช้ือ
- สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม โดยเว้นระยะห่าง ไม่น้อยกว่า
๑ เมตร และประสานหน่วยบริการสาธารณสุข ตามระบบงานอนามยั โรงเรยี น
กรณนี กั เรยี น ครู หรือบุคลากร เป็นผู้ตดิ เชอ้ื
- แยกกักตัวท่ีบ้าน (Home Isolation) หรอื ปฏิบตั ิตามคำแนะนำของสถานบริการ
สาธารณสขุ
- กรณีมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ให้พิจารณาจัดทำ School Isolation โดยคณะกรรมการ
สถานศกึ ษา หนว่ ยงานสาธารณสขุ และคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวดั
- จัดรูปแบบการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีอาการสามารถ
เรยี นได้ตามปกติ
- โรงเรียนทำความสะอาดห้องเรียน ชน้ั เรียน สถานศึกษา และเปดิ เรียนได้ตามปกติ
๒.๕ มาตรการ Sandbox : Safety Zone in School
สถานศึกษาดำเนินการตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง หลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียน
หรือสถาบันการศึกษาตามข้อกำหนดตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการใน
สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๔) ลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ กำหนดมาตรการ Sandbox :
Safety Zone in School ดังนี้
๒.๕.๑ มาตรการ Sandbox : Safety Zone in School สำหรับโรงเรียนประจำหรือ ไป-กลับ
ทีม่ คี วามพร้อมและผ่านเกณฑ์การประเมิน มหี ลกั เกณฑท์ ตี่ ้องปฏบิ ตั ิอยา่ งเคร่งครัด ๔ องค์ประกอบ ดังน้ี
๑) องคป์ ระกอบดา้ นกายภาพ ลกั ษณะอาคารและพ้ืนท่โี ดยรอบอาคารของโรงเรียนหรอื
สถานศึกษา ประกอบดว้ ย
๑.๑) พื้นท่/ี อาคารสนับสนุนการบรกิ าร
๑.๒) พืน้ ท/ี่ อาคารเพ่ือจดั การเรียนการสอน
โดยจัดอาคารและพื้นที่โดยรอบให้เป็นพื้นที่ปฏิบัติงานที่ปลอดภัย และมีพื้นที่ที่เป็น
COVID Free Zone
๒๕
๒) องค์ประกอบด้านการมีส่วนร่วม ต้องเป็นไปตามความสมัครใจของทุกฝ่าย โดย
โรงเรียนหรือสถานศึกษาที่ประสงค์จะดำเนินการในรูปแบบ Sandbox : Safety Zone in School ต้องจัดให้
มีการประชุมหารือร่วมกันของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครู ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน และมีมติให้ความ
เห็นชอบร่วมกันในการจัดพื้นที่การเรียนการสอนในรูปแบบ Sandbox : Safety Zone in School ตลอดภาค
การศึกษา ก่อนนำเสนอโครงการผ่านต้นสังกัดในพื้นที่ แล้วขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อ
กรงุ เทพมหานคร หรอื คณะกรรมการโรคตดิ ตอ่ จงั หวดั
๓) องค์ประกอบด้านการประเมินความพร้อมสู่การปฏบิ ตั ิ โรงเรยี นหรือสถาบันการศึกษาตอ้ ง
เตรียมการประเมนิ ความพร้อม แยกเปน็ ดังนี้
๓.๑) โรงเรยี นหรือสถานศกึ ษา ตอ้ งดำเนินการ ไดแ้ ก่
๓.๑.๑) ตอ้ งประเมินความพร้อมผา่ น Thai Stop COVID Plus (TSC+) และ
รายงานการตดิ ตามการประเมินผลผา่ น MOE COVID
๓.๑.๒) ต้องจัดให้มีสถานที่แยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) สำหรับ
รองรับการดูแลรักษาเบื้องต้นกรณีนักเรียน ครู หรือบุคลากรในสถานศึกษามีการติดเชือ้ โควิด 19 หรือผลตรวจ
คัดกรองหาเชื้อเป็นบวก รวมถึงมีแผนเผชิญเหตุและมีความร่วมมือกับสถานพยาบาลเครือข่ายในพื้นที่ที่ดูแลอย่าง
ใกล้ชดิ
๓.๑.๓) โรงเรยี นหรือสถานศึกษา ประเภทพักนอน ตอ้ งจัดอาคารและพ้ืนที่
โดยรอบให้เป็นอาณาเขตในรูปแบบ Sandbox ในโรงเรยี น ดังน้ี
- Screening Zone จัดพน้ื ทีห่ รอื บรเิ วณใหเ้ ป็นจุดคัดกรอง (Screening
Zone) ที่เหมาะสม จดั จดุ รับ - ส่งสิ่งของ จดุ รับ - ส่งอาหาร หรอื จุดเสยี่ งอื่น เป็นการจำแนกนักเรียน ครู บุคลากร
ผู้ปกครอง และผู้มาติดต่อที่เข้ามาในโรงเรียน ไม่ให้ใกล้ชิดกับบุคคลในโซนอื่น รวมถึงจัดให้มีพื้นที่ปฏิบัติงาน
เฉพาะบุคลากรทีไ่ ม่สามารถเขา้ ปฏบิ ตั งิ านในโซนอื่นได้
- Quarantine Zone จัดพื้นที่หรือบริเวณให้เป็นจุดกักกัน และสังเกต
อาการ สำหรับนักเรยี น ครู และบคุ ลากรที่ยงั ต้องสงั เกตอาการ เนน้ การจัดกิจกรรมแบบ Small Bubble
- Safety Zone จัดเปน็ พ้นื ท่ปี ลอดเชื้อ ปลอดภยั สำหรับนกั เรยี น ครู และ
บคุ ลากรที่ปฏบิ ตั ิภารกิจกิจกรรมแบบปลอดภยั
๓.๑.๔) โรงเรียนหรือสถานศึกษา ประเภทไป - กลับ ต้องควบคุมดูแลการเดินทาง
ระหวา่ งบา้ นกับโรงเรยี นอย่างเขม้ ขน้ โดยหลกี เลย่ี งการเข้าไปสมั ผสั ในพน้ื ทตี่ ่าง ๆ ตลอดเสน้ ทางการเดนิ ทาง
๓.๑.๕) โรงเรียนหรือสถานศึกษา ประเภทไป - กลับ ตอ้ งจดั พน้ื ที่หรือบริเวณให้
เป็นจดุ คัดกรอง (Screening Zone) ท่เี หมาะสม จัดจดุ รบั - สง่ สิ่งของ จดุ รับ - ส่งอาหาร หรอื จุดเสีย่ งอื่น เป็น
การจำแนกนักเรียน ครู บคุ ลากร ผปู้ กครอง และผมู้ าตดิ ต่อทเ่ี ขา้ มาในโรงเรยี น
๒๖
๓.๑.๖) ต้องมีระบบและแผนรับการติดตามประเมินความพร้อม โดยทีมตรวจ
ราชการ บูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับกระทรวงสาธารณสุข ทั้งช่วงก่อน และระหว่าง
ดำเนนิ การ
๓.๒) นกั เรียน ครู และบคุ ลากร ต้องปฏิบัติ ไดแ้ ก่
๓.๒.๑) ครูและบุคลากร ต้องไดร้ ับการฉีดวคั ซนี ครบโดส (๒ เข็ม) ตง้ั แต่
ร้อยละ ๘๕ ขน้ึ ไป
๓.๒.๒) นักเรียน ครู และบคุ ลากรในโรงเรียนหรือสถานศกึ ษา ประเภทพักนอน
ทกุ คนต้องตรวจคัดกรองหาเชอ้ื ด้วยวิธีการทเี่ หมาะสม ก่อนเข้า Quarantine Zone
๓.๒.๓) นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนหรือสถานศึกษา ประเภทไป - กลับ
มีการทำกิจกรรมร่วมกนั ในรูปแบบ Small Bubble และหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมขา้ มกลุ่มกัน
๓.๓.๔) นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนหรือสถานศึกษา ประเภทพักนอน
มีการแยกกักตัว สังเกตอาการให้ครบกำหนด ๑๔ วัน ก่อนเข้าสู่ Safety Zone (กรณีย้ายมาจาก State
Quarantine ให้พิจารณาลดจำนวนวันกักตัวลงตามความเหมาะสม ๗ - ๑๐ วัน) รวมถึงการทำกิจกรรมในแบบ
Small Bubble และหลีกเล่ียงการทำกจิ กรรมข้ามกลุ่มกนั
๓.๓.๕) ถ้านักเรียน ครู และบุคลากรมีอาการเข้าข่าย (Inclusion Criteria)
กับการติดเชื้อโควิด 19 หรือสัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูง ให้ดำเนินการตรวจคัดกรองหาเชื้อด้วยวิธีที่เหมาะสม
โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซนี ตามเกณฑ์พรอ้ มทั้งรายงานผลการตรวจกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นทีท่ ันที
และปฏิบัตติ ามแผนเผชญิ เหตกุ รณีมผี ลตรวจเปน็ บวก
๔) องค์ประกอบดา้ นการดำเนินการของโรงเรียนหรอื สถานศกึ ษา ระหว่างภาคการศกึ ษา
ตอ้ งดำเนนิ การ ดงั น้ี
๔.๑) โรงเรยี นหรอื สถานศึกษาสามารถจัดการเรยี นการสอนได้ ทง้ั รูปแบบ On-Site
หรอื Online หรอื แบบผสมผสาน (Hybrid)
๔.๒) นักเรียน ครู และบุคลากร ทุกคนต้องประเมิน Thai Save Thai (TST) ตามเกณฑ์
จำแนกตามเขตพื้นที่การแพร่ระบาด นักเรียน ครู และบุคลากรที่อยู่ในพื้นที่ต้องประเมิน Thai Save Thai
(TST) อยา่ งตอ่ เนอื่ งตามเกณฑจ์ ำแนกตามเขตพื้นทกี่ ารแพรร่ ะบาด
๔.๓) นักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษามีการสุ่มตรวจคัดกรองหาเชื้อเป็นระยะ
ดว้ ยวิธีการทเ่ี หมาะสม ตามแนวทางของคณะกรรมการควบคมุ โรคระดับจงั หวดั กำหนดเพ่ือเฝ้าระวงั ตามเกณฑ์
จำแนกตามเขตพืน้ ที่การแพรร่ ะบาด
๔.๔) ปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น ได้แก่ ๖ มาตรการหลัก
(DMHT-RC) และ ๖ มาตรการเสรมิ (SSET-CQ)
๒๗
๔.๕) ปฏิบัตติ ามแนวทางมาตรการเขม้ สำหรับสถานศกึ ษาอยา่ งเคร่งครัด ดังน้ี
๔.๕.๑) สถานศึกษาประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน TSC+ และรายงานการ
ติดตามการประเมนิ ผลผา่ น MOE COVID โดยถือปฏบิ ัติอยา่ งเขม้ ข้น ตอ่ เนอื่ ง
๔.๕.๒) ทำกิจกรรมรว่ มกันในรูปแบบ Small Bubble หลกี เลยี่ งการทำกจิ กรรม
ข้ามกลุ่มกัน และจัดนักเรียนในห้องเรียนขนาดปกติ (๘ x ๘ เมตร) ไม่เกิน ๔๒ คน หรือจัดให้เว้นระยะห่าง
ระหว่างนักเรียนในห้องเรียนไม่น้อยกว่า ๑ เมตร พิจารณาตามความเหมาะสมโดยคณะกรรมการโรคติดต่อ
จงั หวดั
๔.๕.๓) จัดระบบการให้บริการอาหารสำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรใน
สถานศึกษาตามหลักมาตรฐานสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ อาทิ การจัดซ้ือจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งอาหาร
การปรุงประกอบอาหาร หรือการสั่งซื้ออาหารตามระบบนำส่งอาหาร (Delivery) ที่ถูกสุขลักษณะและต้องมี
ระบบตรวจสอบทางโภชนาการกอ่ นนำมาบริโภค
๔.๕.๔) จดั การดา้ นอนามัยส่ิงแวดล้อมให้ได้ตามแนวปฏิบัติด้านอนามัยส่งิ แวดล้อม
ในการป้องกันโรคโควิด 19 ในสถานศึกษา ได้แก่ การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาด
คณุ ภาพน้ำอปุ โภคบริโภค และการจัดการขยะ
๔.๕.๕) จัดให้มีสถานที่แยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) หรือพื้นที่
แยกกักตัวชั่วคราว รวมไปถึงแผนเผชิญเหตุสำหรับรองรับการดูแลรักษาเบื้องต้นกรณีนักเรียน ครู หรือ
บุคลากรในสถานศึกษามีการติดเชื้อโควิด 19 หรือผลตรวจคัดกรองหาเชื้อเป็นบวก โดยมีการซักซ้อมอย่าง
เครง่ ครดั
๔.๕.๖) ควบคุมดูแลการเดินทางกรณีมีการเข้าและออกจากสถานศึกษา (Seal
Route) อยา่ งเข้มข้น โดยหลีกเล่ียงการเข้าไปสมั ผสั ในพืน้ ทต่ี ่าง ๆ ตลอดเส้นทางการเดินทาง
๔.๖) นักเรียน ครู และบุคลากร ที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา เขียนบันทึก Timeline
กิจกรรมประจำวนั และการเดินทางเข้าไปในสถานทต่ี ่าง ๆ แต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ
๔.๗) ปฏิบัติตามแนวทาง ๗ มาตรการเข้มงวดสำหรับสถานศึกษาประเภทไป - กลับ
อย่างเคร่งครดั ดังน้ี
๔.๗.๑) สถานศึกษาประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน TSC+ และรายงานการ
ตดิ ตามการประเมินผลผ่าน MOE COVID โดยถอื ปฏบิ ัติอยา่ งเขม้ ข้น ตอ่ เนื่อง
๔.๗.๒) ทำกจิ กรรมรว่ มกันในรูปแบบ Small Bubble หลกี เล่ยี งการทำกิจกรรม
ข้ามกลุ่มกัน และจัดนักเรียนในห้องเรียนขนาดปกติ (๘ x ๘ เมตร) ไม่เกิน ๔๒ คน หรือจัดให้เว้นระยะห่าง
ระหว่างนักเรียนในห้องเรียนไม่น้อยกว่า ๑ เมตร พิจารณาตามความเหมาะสมโดยคณะกรรมการโรคติดต่อ
จังหวัด
๔.๗.๓) จัดระบบการให้บริการอาหารสำหรับนกั เรยี น ครู และบุคลากรในสถานศึกษา
ตามหลักมาตรฐานสุขาภิบาลอาหาร และหลักโภชนาการ อาทิ การจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งอาหาร
๒๘
การปรุงประกอบอาหาร หรือการสั่งซื้ออาหารตามระบบนำส่งอาหาร (Delivery) ที่ถูกสุขลักษณะ และต้องมี
ระบบตรวจสอบทางโภชนาการก่อนนำมาบริโภค
๔.๗.๔) จัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมให้ได้ตามแนวปฏบิ ตั ดิ ้านอนามัยสิ่งแวดล้อม
ในการป้องกันโรคโควิด 19 ในสถานศึกษา ได้แก่ การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาด
คุณภาพนำ้ อปุ โภคบรโิ ภค และการจดั การขยะ
๔.๗.๕) จัดให้มีสถานที่แยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) หรือพื้นที่
แยกกักชั่วคราว รวมไปถึงแผนเผชิญเหตุสำหรับรองรับการดูแลรักษาเบื้องต้นกรณีนักเรียน ครู หรือบุคลากร
ในสถานศึกษามีการติดเชื้อโควิด 19 หรือผลตรวจคัดกรองหาเชื้อเป็นบวก โดยมีการซักซ้อมอย่างเคร่งครัด
โดยมีความรว่ มมือกับสถานพยาบาลเครอื ขา่ ยในพนื้ ท่ีที่ดแู ลอย่างใกล้ชดิ
๔.๗.๖) ควบคุมดูแลการเดินทางเข้าและออกจากสถานศึกษา (Seal Route) อย่าง
เข้มข้น โดยหลีกเลี่ยงการเข้าไปสัมผัสในพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดเส้นทางการเดินทางจากบ้านไป - กลับโรงเรียน
ท้งั กรณีรถรับ - ส่งนกั เรยี น รถสว่ นบคุ คล และพาหนะโดยสารสาธารณะ
๔.๗.๗) ให้จัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา
ซึ่งประกอบด้วยข้อมูล ผลการประเมิน TST ผลตรวจคัดกรองหาเชื้อ ตามแนวทางคณะกรรมการควบคุมโรค
ระดับพ้นื ท่ี และประวตั ิการรบั วัคซนี ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
๔.๘) กำหนดให้สถานประกอบกิจการ กิจกรรม ที่อยู่รอบรั้วสถานศึกษาให้ผ่านการ
ประเมิน Thai Stop COVID Plus (TSC+) COVID Free Setting โดยให้มีการกำกับร่วมกับคณะกรรมการ
โรคติดต่อระดับพื้นที่
๒.๕.๒ มาตรการ Sandbox : Safety Zone in School สำหรับโรงเรียนหรอื สถานศึกษาอืน่
สถานศึกษาดำเนินการตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง หลักเกณฑ์การเปิด
โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาตามข้อกำหนดตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๔) ลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ กำหนดมาตรการ Sandbox :
Safety Zone in School โดยจำแนกประเภทของสถานศึกษา ๒ ประเภท ได้แก่ ประเภทพักนอน และ
ประเภทไป - กลับเท่านั้น เนื่องจากโรงเรียนหรือสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มีประเภทโรงเรียน หรือสถานศึกษาที่มลี กั ษณะทแ่ี ตกตา่ ง เชน่
๑) ประเภทพักนอนและไป - กลบั
๒) ขนาดโรงเรียน หรือสถานศกึ ษา ขนาดเลก็ ขนาดกลาง และขนาดใหญ่
๓) ระดบั การจัดการเรยี นการสอน ระดบั ประถมศกึ ษา ระดับมัธยมศกึ ษา
๔) สถานศึกษาที่นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาได้รบั การฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้รับ
การฉดี วัคซีน หรือไดร้ ับการฉดี วคั ซนี บางส่วน
๕) โรงเรยี นหรอื สถานศกึ ษา ลักษณะอน่ื ๆ
๒๙
โรงเรยี นหรอื สถานศกึ ษา ต้องดำเนนิ การ ดงั น้ี
๑) ต้องปฏิบัติตามมาตรการ Sandbox : Safety Zone in School ที่กระทรวงสาธารณสุข
และกระทรวงศึกษาธกิ ารกำหนดอยา่ งเคร่งครัด ครบท้งั ๔ องค์ประกอบ
๒) กรณีโรงเรียนหรือสถานศึกษาเป็นประเภทพักนอนและไป-กลับ ต้องนำมาตรการ
Sandbox : Safety Zone in School มาบูรณาการในการปฏิบัติระหว่างประเภทพักนอน และประเภทไป - กลับ
อยา่ งเคร่งครดั
หมายเหตุ มาตรการและแนวทางปรับตามสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรค ขึ้นอยกู่ ับคณะกรรมการ
ควบคุมโรคจงั หวดั หรอื คณะกรรมการโรคติดต่อกรงุ เทพมหานครกำหนด
กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับปรุงมาตรการเปิดเรียน On-Site ปลอดภัย อยู่ได้กับโควิด 19
ในสถานศึกษาเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๕ โดยต้ังแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๕ สำหรับมาตรการ
เปิดเรียน On-Site อยู่ได้กับโควิด19 กรณีโรงเรียนประจำ เน้นมาตรการ Sandbox Safety zone in
School ประกอบด้วย
- หากนักเรียน ครู หรือบุคลากรเป็นผู้ติดเชื้อ ให้หารือหน่วยบริการสาธารณสุขในการแยกกักตัว
ในโรงเรียนกรณีไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ให้จัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม เว้นระยะห่าง
อย่างน้อย ๒ เมตร งดร่วมกลุ่ม
- กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้จัดควอรันทีนโซน จัดการเรียนการสอนในนั้นเป็นเวลา ๕ วัน จากนั้นให้
สังเกตอาการอีก ๕ วัน อย่างไรก็ตามกรณีได้รับวัคซีนครบตามกำหนดและไม่มีอาการไม่แนะนำให้กักตัว
และตรวจ ATK ในวันท่ี ๕ และ ๑๐
- กรณีเป็นผู้สัมผัสเส่ียงต่ำ ให้เปิดเรียนปกติ โดยป้องกันตนเองครอบจักรวาล ประเมิน Thai Save
Thai (TST) เว้นระยะห่างในห้องอย่างน้อย ๑ เมตร
กรณีโรงเรียนไป-กลับ
- กรณีนักเรียน ครู หรือบุคลากร ติดเชื้อ ให้แยกกักตัวที่บ้าน หรือพิจารณากักตัวที่โรงเรียน โดย
คณะกรรมการสถานศึกษาและหนว่ ยงานสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กรณีเปน็ ผตู้ ิดเชอื้ มีอาการ
ให้พิจารณาจัดรูปแบบการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีอาการ และทำความสะอาด
ห้องเรียน ช้ันเรียน สถานศึกษา และเปิดเรียนตามปกติ
- กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหากยังไม่ได้รับวัดซีน ไม่มีอาการ แนะนำให้กักตัวเองเป็นเวลา ๕ วันและ
ติดตามหลังจากนั้นอีก ๕ วัน กรณีได้รับวัคซีนครบและไม่มีอาการไม่ต้องกักตัว ให้เรียนได้โดยให้ตรวจ ATK
วันที่ ๑ , ๕ และ ๑๐ หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ สถานศึกษาจัดให้เรียนตามความเหมาะสม เว้นระยะห่างอย่าง
น้อย ๒ เมตร
- กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ให้เรียนตามปกติ ป้องกันตนเองครอบจักรวาล ประเมิน TST เว้นระยะห่าง
ในห้องอย่างน้อย ๑ เมตร
๓๐
๒.๖ บทบาทของผูเ้ ก่ียวขอ้ งในชว่ งเตรยี มการก่อนเปิดภาคเรียน
ในชว่ งเตรียมการกอ่ นเปดิ ภาคเรยี น การปฏบิ ตั ิตนของนักเรียน ผปู้ กครอง ครแู ละบคุ ลากรทางการ
ศึกษา และผูเ้ ก่ยี วขอ้ งทกุ คนในสถานศกึ ษามีความสำคัญอย่างมากในการปอ้ งกนั ไมใ่ ห้มกี ารติดเชื้อโรคโควิด 19
จงึ ควรมีบทบาทในการปฏิบตั ิตนเปน็ เบ้อื งต้น ดังน้ี
๒.๖.๑ บทบาทของผูเ้ กี่ยวข้องในการรณรงค์การฉดี วคั ซีนโควดิ 19
- บทบาทของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
๑) กำหนดนโยบายในการส่งเสริมและรณรงค์การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ให้แก่
นกั เรียน
๒) กำกับ ติดตามผลการดำเนินงานตามแนวทางการรณรงค์การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19
- บทบาทของสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน
๑) รวบรวมฐานข้อมูลนักเรียนที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 จัดทำแนวทางการรณรงค์การฉีด
วัคซนี โควดิ 19 ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๕ ของโรงเรยี นในสังกดั
๒) จดั ทำส่ือประชาสัมพันธร์ ณรงค์การฉีดวัคซนี โควดิ 19 ในรูปแบบอินโฟกราฟิก
ส่อื วิดทิ ศั นแ์ ละส่ืออืน่ ๆ
- บทบาทของเขตตรวจราชการ
ประสานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อจัดทำฐานข้อมูลนักเรียนที่ได้รับวัคซีนโควิด 19
และกำกบั ติดตามหลังจากการรณรงค์การฉดี วัคซีนโควดิ 19
- บทบาทของสำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา
๑) ตรวจสอบขอ้ มูลการรายงานฐานขอ้ มูลนกั เรียนที่ฉดี วคั ซีนโควดิ 19 จากการรายงาน
ในระบบ E - COVID - 19 Report ของโรงเรียนในสังกัด
๒) ดำเนนิ การประชาสัมพนั ธแ์ นวทางการรณรงค์การฉีดวัคซีนโควดิ 19 ปีการศึกษา ๒๕๖๕
๓) เผยแพรส่ ือ่ ประชาสัมพนั ธ์ ในรปู แบบอินโฟกราฟิก ส่ือวิดิทศั นแ์ ละส่อื อ่ืน ๆ
- บทบาทของโรงเรยี น
๑) ตรวจสอบฐานข้อมูลนักเรียนทฉี่ ีดวคั ซนี โควดิ 19 จากระบบ E-COVID - 19 Report
๒) จัดให้มีการประชุมสร้างความเข้าใจสร้างความตระหนักแก่ครู บุคลากร ผู้ปกครอง
ในการประชาสัมพนั ธร์ ณรงค์ใหน้ กั เรยี นฉดี วคั ซีนโควดิ 19
๓) เผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบอินโฟกราฟิก สื่อวิดิทัศน์และสื่ออื่น ๆ ให้แก่
ผู้ปกครองและนกั เรยี น
๔) รายงานขอ้ มลู แก่ต้นสังกัดเป็นระยะ
๓๑
- บทบาทของผู้ปกครอง
๑) ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด 19 จากสื่อประชาสัมพันธ์และจาก
แหล่งข้อมูลทนี่ ่าเชอื่ ถือ
๒) นำนักเรียนเขา้ รบั การฉีดวัคซนี ตามสถานพยาบาลต่าง ๆ
๓) ส่งเสริมและปลูกฝังวัฒนธรรมการป้องกันตนเองจากโรคโควิด 19 แก่บุตรหลาน
อย่างตอ่ เน่ือง
๒.๖.๒ บทบาทของผ้เู ก่ยี วข้องในการเตรยี มการก่อนเปิดเรยี น
- บทบาทของนักเรยี น
๑) ฉดี วัคซีนครบโดส (๒ เข็ม) และเร่งรัดการฉีดวัคซนี เข็มกระตุ้น
๒) ปฏิบตั เิ ข้มตามมาตรการ DMHTTA และ SSET – CQ รายละเอยี ดดงั น้ี
DMHTTA ไดแ้ ก่
D : Distancing รกั ษาระยะห่างระหว่างบุคคล อย่างน้อย ๑ - ๒ เมตร
M : Mask wearing สวมหนา้ กากอนามัยหรือหน้ากากผา้ ทุกคร้งั ทอ่ี อกจากบ้าน
H : Hand washing ลา้ งมือบ่อย ๆ ดว้ ยน้ำสบู่และนำ้ นาน ๒๐ วินาที หรือเจลแอลกอฮอล์
T : Testing temperature ตรวจวดั อณุ หภมู ิร่างกาย
T : Test for COVID-19 สำหรับผู้ท่ีมอี าการ หรือมปี ระวัตสิ ัมผสั ใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยนั
หรอื เดนิ ทางเขา้ ไปในพ้ืนทีเ่ สี่ยง
A : Application สแกนแอปพลิเคชันไทยชนะหรือหมอชนะ
SSET – CQ ได้แก่
S : Self-care ดแู ลตนเอง ดแู ลใสใ่ จ ปฏบิ ัตติ น มวี ินยั รบั ผิดชอบตัวเอง ปฏิบัติตาม
มาตรการอย่างเคร่งครดั
S : Spoon ใชช้ อ้ นกลางส่วนตัว ใช้ชอ้ นกลางของตนเองทุกครง้ั เม่ือต้องกินอาหาร
รว่ มกนั ลดสัมผัสร่วมกับผูอ้ ่ืน
E : Eating กนิ อาหารปรุงสกุ ใหม่ กินอาหารปรุงสกุ ใหมร่ ้อนๆ กรณอี าหารเกบ็ เกนิ
๒ ชม. ควรนำมาอนุ่ ใหร้ ้อนทวั่ ถงึ กอ่ นกินอีกคร้ัง
T : Track ลงทะเบียนบนั ทกึ การเขา้ -ออกอย่างชดั เจน
C : Check สำรวจตรวจสอบ สำรวจบคุ คล นกั เรียน กลมุ่ เสี่ยงท่เี ดนิ ทางมาจาก
พ้ืนท่เี ส่ยี งเพอื่ เขา้ สู่กระบวนการคดั กรอง
Q : Quarantine กกั กันตวั เอง กักกนั ตวั เอง ๑๐ วัน เมือ่ เข้าไปสัมผสั หรอื อย่ใู นพนื้ ทีเ่ สีย่ ง
ทีม่ ีการระบาดโรค
๓) ประเมนิ ไทยเซฟไทย (TST) ทกุ คนในห้องเรียน และผู้สัมผัสใกลช้ ิดทกุ วัน
๓๒
๔) ผู้ท่ีมีอาการเข้าข่าย (Inclusion Criteria) กับการติดเชื้อโควิด 19 หรือสัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูง
ให้ดำเนนิ การตรวจคัดกรองหาเชื้อดว้ ยวธิ ีที่เหมาะสมก่อนเข้าสู่ Safety Zone หรอื มาเรียน On-Site
๕) กรณี High Risk Contact : นักเรยี น เปน็ ผสู้ มั ผัสเส่ียงสงู
๕.๑) กรณีเป็นผไู้ ม่ได้รับวคั ซีนโควดิ 19 ตามแนวทางปจั จุบันท้งั ผู้ท่ีมีอาการและไม่มี
อาการ แนะนำให้กกั กันตัว (Self Quarantine) เปน็ เวลา ๕ วัน และตดิ ตามเฝา้ ระวงั อีก ๕ วัน
๕.๒) กรณีเป็นผู้ได้รบั วัคซนี โควดิ 19 ครบโดส
- หากไมม่ ีอาการ ไม่แนะนำให้กักตัว และควรพจิ ารณาใหไ้ ปเรียนได้
- การตรวจคัดกรองหาเช้ือด้วย ATK ถ้าหากมีอาการใหต้ รวจทันที หากไม่มี
อาการให้ตรวจครงั้ ที่ ๑ วนั ที่ ๕ หลังสมั ผสั ผู้ติดเช้ือ และตรวจครัง้ สดุ ท้าย วันท่ี ๑๐ หลงั สัมผสั ผู้ตดิ เช้อื
- สถานศึกษาจัดการเรยี นการสอนอย่างเหมาะสม ใน ๕ วนั แรก ควรเวน้
ระยะห่าง ไมน่ ้อยกวา่ ๒ เมตร
๖) ปฏบิ ตั เิ ข้มตามมาตรการยกระดบั ป้องกนั Universal Prevention (UP) ท้ังท่บี ้านและ
โรงเรยี น
๗) นักเรยี นเตรยี มอปุ กรณ์การเรียน เครื่องใชส้ ว่ นตวั และอ่ืน ๆ ที่จำเปน็ สำหรบั การเรียน
ให้ครบถ้วน
๘) ติดตามข้อมลู ข่าวสารสถานการณ์การแพรร่ ะบาด ป้องกนั ตนเองและลดความเสีย่ งโดย
เลอื กบรโิ ภคข้อมูล ข่าวสารสารสนเทศทเ่ี ช่อื ถอื ได้
- บทบาทของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา
๑) ฉดี วัคซีนครบโดส (๒ เข็ม) และเร่งรดั การฉีดวัคซนี เข็มกระตุ้น
๒) ปฏิบตั เิ ข้มตามมาตรการ DMHTTA และ SSET – CQ
๓) ประเมินไทยเซฟไทย (TST) ทุกคนในห้องเรียน และผู้สัมผัสใกลช้ ดิ ทกุ วนั
๔) ผู้ท่ีมีอาการเข้าข่าย (Inclusion Criteria) กับการติดเชื้อโควิด 19 หรือสัมผัสกลุ่มเสี่ยงสงู
ใหด้ ำเนนิ การตรวจคัดกรองหาเชือ้ ด้วยวธิ ที ี่เหมาะสมก่อนเขา้ สู่ Safety Zone หรือมาเรยี น On-Site
๕) กรณี High Risk Contact :
- ถ้ามอี าการป่วยร่วมดว้ ย ตอ้ งส่งต่อรับการรกั ษาโรงพยาบาลหลกั (Hospital)
- ถ้าไม่มีอาการป่วยร่วมดว้ ย เข้ารับการรกั ษาโรงพยาบาลสนาม (Field hospital)
หรือหอ้ งแยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation)
๖) ปฏิบตั ิเขม้ ตามมาตรการยกระดบั ป้องกนั Universal Prevention (UP) ท้งั ท่บี ้าน
และโรงเรียน
๗) ประชมุ ช้แี จงผู้ปกครองนักเรยี น ผา่ น Online
๘) จัดหาส่ือสารประชาสัมพันธใ์ นการป้องกนั และลดความเสีย่ งให้แก่นักเรียน
๙) รณรงค์ กำกับและตดิ ตามการได้รบั วัคซนี ของนักเรียนและผปู้ กครองนกั เรยี น
๓๓
- บทบาทผบู้ ริหารสถานศึกษา
๑) จัดใหม้ ีการประชุมหารือร่วมกันในหลายรปู แบบ เช่น การประชุม Online การเข้ามา
ประชุมรว่ มกันจรงิ ๆ (face-to-face meeting)
๒) ประกาศนโยบายและแนวปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 (COVID-19) ในโรงเรียน
๓) แตง่ ตง้ั คณะทำงานดำเนนิ การควบคมุ ดูแลและป้องกันการแพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้
ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
๔) ประเมินความพร้อมผ่าน Thai stop COVID Plus (TSC+) และรายงานการติดตาม
การประเมินผลผ่าน MOE COVID
๕) ทบทวน ปรับปรุง ซักซ้อมปฏบิ ัติตามแผนเผชญิ เหตุของโรงเรียน
๖) จดั ใหม้ ีการสือ่ สารประชาสัมพนั ธ์แนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเช้ือไวรัส
โคโรนา 2019 (COVID-19)
๗) สนับสนุนให้นกั เรียน ครแู ละบุคลากรไดร้ บั วัคซนี ครบโดสและเข็มกระตุ้น
๘) สนบั สนุนให้มีการตรวจคัดกรอง Antigen Test Kit (ATK) ตามมาตรการของภาครัฐ
๙) สนับสนุน ส่งเสริม ให้นักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษาและผู้ปกครองประเมิน
ตนเองผ่าน Thai Save Thai (TST)
๑๐) สือ่ สารสร้างความรู้ความเข้าใจ เพ่ือลดการรังเกียจ และลดการตตี ราทางสงั คม
๑๑) กำหนดมาตรการคัดกรองสุขภาพทุกคน บริเวณจุดแรกก่อนเข้ามาในโรงเรียน
๑๒) ควบคมุ กำกับ ตดิ ตาม ตรวจสอบ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการ
กอ่ นเปิดภาคเรียนอยา่ งเครง่ ครัด
- บทบาทสถานศึกษา
๑) รณรงค์การฉีดวัคซีนครบโดส (๒ เข็ม) และวัคซนี เข็มกระตนุ้ ตามความสมคั รใจ
๒) พจิ ารณาการเปดิ เรยี น On-Site โดยปฏิบตั ิตามมาตรการทกุ มติ ิอยา่ งเขม้ ข้น
๓) ทบทวนและฝกึ ซอ้ มตามแผนเผชญิ เหตุ
๔) เตรียมอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกให้นักเรียน ผู้ปกครอง
ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ครบถว้ นตามเกณฑก์ ารประเมิน TSC+ เชน่ จดุ ล้างมือ เครอ่ื งวดั อุณหภูมิ ห้องแยก
กกั ตวั ในโรงเรยี น (School Isolation) ชดุ ตรวจ ATK เป็นตน้ ใหพ้ ร้อมใช้ ปลอดภัยและครบถ้วน
๕) จดั เตรียมอาคารและพ้ืนที่โดยรอบใหเ้ ป็นอาณาเขตในรูปแบบ Sandbox ในโรงเรียน
เชน่ Screening Zone Quarantine Zone และ Safety Zone เปน็ ต้น
๖) ควบคุม กำกับดูแลการเดนิ ทางกรณีมีการเข้าและออกจากสถานศึกษา (Seal Route)
อยา่ งเข้มข้น
๓๔
๗) จดั เตรียม ตรวจสอบพื้นที่หรือบรเิ วณให้เปน็ จดุ คัดกรอง (Screening Zone)
จดุ รบั - ส่งนักเรียน และส่งิ ของอื่น ๆ
๘) ปฏบิ ตั ิตามมาตรการตดั ความเสี่ยง สร้างภมู คิ ุ้มกันดว้ ย 3T1V (TSC+, TST, Test
ATK and Vaccine)
- บทบาทผู้ปกครอง
๑) ฉีดวคั ซีนครบโดส (๒ เข็ม) และเร่งรัดการฉีดวัคซนี เข็มกระตุ้น
๒) ตดิ ตามข้อมลู ข่าวสารสถานการณ์การแพร่ระบาด
๓) ประเมินความเสยี่ งของตนเอง บุตรหลานและคนในครอบครวั ผา่ น Thai Save Thai
๔) จดั หาของใช้ส่วนตวั ให้นักเรียนอยา่ งเพียงพอในแตล่ ะวัน
๕) จดั หาสบูห่ รอื เจลแอลกอฮอล์ และกำกับดแู ลบตุ รหลานให้ล้างมือบ่อย ๆ
๖) ดูแลสุขภาพ หมัน่ สงั เกตอาการผดิ ปกตขิ องบุตรหลานอยา่ งสม่ำเสมอ ถ้ามคี วามเส่ยี ง
ควรตรวจ ATK
๗) หลีกเล่ียงการพาบุตรหลานไปในสถานทเี่ ส่ียงตอ่ การติดเชอ้ื
๘) กรณบี ตุ รหลานเดินทางมาเรียน On-Site โดยรถโรงเรยี น รถตู้ หรือรถอื่น ๆ ให้ขอ
ความร่วมมือกับคนขบั รถให้ปฏบิ ัตติ ามมาตรการอยา่ งเครง่ ครัด
จากการประชุมศนู ย์ปฏิบัตกิ ารดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ กรณโี ควดิ 19 เห็นชอบประกาศลดระดับ
การเตือนภยั โควดิ 19 จากระดับ ๔ เหลือระดับ ๓ ทัว่ ประเทศ คำแนะนำประชาชนในการเตือนภยั ท่รี ะดับ ๓ คอื
๑. งดเข้าสถานบันเทงิ เลย่ี งสถานทร่ี ะบบปิด ที่มีการระบายอากาศไม่ดี รวมถึงสถานทแ่ี ออัด
๒. กลุ่มเส่ียง ๖๐๘ หรอื ผู้ท่ีได้รับวคั ซีนไม่ครบตามเกณฑ์ (วัคซีน ๓ เข็ม) ขอใหเ้ ลี่ยงการร่วมกจิ กรรมที่มี
คนจำนวนมาก
๓. กล่มุ เส่ียง ๖๐๘ หรือผ้ทู ไี่ ด้รบั วคั ซนี ไม่ครบตามเกณฑ์ เล่ียงใช้บรกิ ารขนสง่ สาธารณะทุกประเภท
๔. กล่มุ เสย่ี ง ๖๐๘ หรือผทู้ ไี่ ดร้ ับวัคซนี ไม่ครบตามเกณฑ์ งดเดนิ ทางไปต่างประเทศ หากเป็นคนทัว่ ไป
สามารถดำเนนิ การได้ แต่ให้หลีกเลีย่ งเดินทางไปประเทศที่มีการระบาด
หมายเหตุ : กลมุ่ เส่ียง ๖๐๘ คือ ผ้สู งุ อายุ ๖๐ ปขี น้ึ ไป กลุ่มโรคประจำตัวเรอ้ื รัง ๗ โรค และหญงิ ตัง้ ครรภ์ หรอื
ผู้ทีไ่ ด้รบั วคั ซีนไมค่ รบตามเกณฑ์ ๓ เข็ม
๓๕
ส่วนท่ี ๓
แนวปฏบิ ัติระหวา่ งเปิดภาคเรยี น
สว่ นที่ ๓
แนวปฏบิ ตั ิระหว่างเปดิ ภาคเรยี น
ในระหว่างเปิดเรียนสถานศึกษาต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ
กำหนดให้ครอบคลุมทุกมิติอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) โดยคำนึงถงึ ความปลอดภัยของนักเรียน ครูและบุคลากรในสถานศึกษาเปน็ สำคญั เป็น ๒ กรณี ดงั นี้
๑. แนวปฏิบตั ริ ะหวา่ งเปิดภาคเรียน ด้านความปลอดภยั ๔ กลุม่ ภัย
แนวปฏิบัติระหว่างเปิดภาคเรียนตามมาตรการความปลอดภัย สถานศึกษา ใช้หลัก ๓ ป ได้แก่
การปอ้ งกัน ปลกู ฝัง และปราบปราม โดยมรี ายละเอยี ด แนวทางการปฏบิ ัตดิ ังน้ี
๑.๑ ภัยทีเ่ กิดจากการใชค้ วามรนุ แรงของมนุษย์ (Violence)
มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ
๑. การลว่ ง การป้องกนั
ละเมิดทางเพศ ๑. สำรวจนกั เรียนกล่มุ เสีย่ งและพ้นื ท่ีทเี่ ปน็ จุดเสยี่ ง
๒. เฝา้ ระวงั สงั เกตพฤติกรรมนกั เรยี น และพัฒนาพืน้ ทีเ่ ส่ยี งให้ปลอดภัย
๓. สรา้ งเครอื ขา่ ยเฝ้าระวังท้งั ในสถานศึกษาและชมุ ชน
๔. จัดระบบการสือ่ สารเพ่อื รับสง่ ขอ้ มลู ด้านพฤติกรรมนกั เรยี นทั้งในสถานศึกษา
และชมุ ชน
การปลูกฝัง
๑. จัดกิจกรรมสง่ เสริมความตระหนกั รู้และเห็นคุณคา่ ในตนเอง
๒. จดั กิจกรรมพฒั นาทกั ษะชวี ิต
๓. ฝกึ ทกั ษะการปฏิเสธ และการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ
การปราบปราม
๑. เผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์ช่องทางในการขอความชว่ ยเหลือ
๒. แต่งตัง้ คณะทำงานให้ความชว่ ยเหลอื เร่งดว่ น ที่สามารถให้
ความช่วยเหลือได้ทันเหตุการณ์
๓. แตง่ ต้ังคณะทำงานด้านกฎหมายเพอ่ื ให้ความชว่ ยเหลอื
๔. ประสานภาคีเครอื ข่ายเพอื่ การสง่ ตอ่ ที่เหมาะสม
๓๗
มาตรการ แนวทางการปฏิบตั ิ
๒. การทะเลาะ การปอ้ งกัน
ววิ าท
๑. จดั ทำระเบียบในการประพฤติปฏิบัติตนในสถานศกึ ษา
๒. ประชุมชแ้ี จงทำความเขา้ ใจในการปฏิบตั ติ ามระเบียบ
๓. เฝา้ ระวงั สังเกตพฤติกรรมทั้งในระดบั ชน้ั เรียน สถานศึกษา และชมุ ชน
๔. สรา้ งเครอื ข่ายเฝ้าระวังในสถานศึกษาและชมุ ชน
๕. จัดระบบตดิ ตอ่ สอ่ื สารเพอื่ ตดิ ตามพฤตกิ รรมนกั เรยี นอยา่ งต่อเน่ือง
การปลกู ฝงั
๑. ให้ความรู้เรื่องการอยู่ร่วมกันในสังคม และผลกระทบที่เกิดจากการทะเลาะ
วิวาท
๒. จัดกจิ กรรมส่งเสรมิ การอยู่รว่ มกันในสงั คม
๓. จดั เวทกี ิจกรรมให้นักเรียนไดแ้ สดงออกตามความสามารถอยา่ งเหมาะสม
การปราบปราม
๑. แต่งตง้ั คณะทำงานเพ่ือระงับเหตุทง้ั ในสถานศึกษาและชุมชน
๒. ประสานเครอื ขา่ ยการมสี ว่ นรว่ มเพอ่ื รว่ มแกป้ ญั หา
๓. ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่เกลี่ยประนีประนอม
ตามมาตรการจากเบาไปหาหนกั
๓. การกล่ันแกล้ง การปอ้ งกนั
รงั แก ๑. สำรวจนกั เรียนกลุม่ เสี่ยงทั้งกลุ่มผู้กระทำและผถู้ ูกกระทำ
๒. จดั ทำระเบียบขอ้ ตกลงร่วมกนั ทงั้ ในระดบั ชัน้ เรยี นและระดบั สถานศกึ ษา
๓. สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้งในสถานศกึ ษาและชุมชน
๔. จัดระบบการสือ่ สารเพอ่ื ตดิ ตามพฤติกรรมนักเรียน
การปลกู ฝงั
๑. ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจหลักในการอยู่รว่ มกนั ในสงั คม
๒. จดั กจิ กรรมให้นกั เรียนได้ทำรว่ มกนั อย่างตอ่ เนอื่ ง
๓. จัดเวทีให้นกั เรียนได้แสดงออกตามความสามารถอยา่ งเหมาะสม
การปราบปราม
๑. แต่งตง้ั คณะทำงานเพื่อระงับเหตุ ทั้งในระดบั ชั้นเรียน สถานศกึ ษา และชมุ ชน
๒. ดำเนนิ การเอาโทษตามระเบียบข้อตกลง โดยเนน้ การไกลเ่ กลย่ี ประนีประนอม
ตามมาตรการจากเบาไปหาหนกั
๓. ติดตาม เยยี่ มเยือน ให้กำลงั ใจผถู้ กู กระทำ และสร้างความเข้าใจกบั ผ้กู ระทำ
๓๘
มาตรการ แนวทางการปฏบิ ตั ิ
๔. การชุมนุม การป้องกัน
ประทว้ งและการ
จลาจล ๑. สำรวจนกั เรยี นกลุม่ เส่ียง
๒. เฝา้ ระวงั สังเกตพฤติกรรมนกั เรยี น และพัฒนาพื้นท่เี สย่ี งใหป้ ลอดภัย
๓. สรา้ งเครอื ขา่ ยเฝา้ ระวังท้งั ในสถานศึกษาและในชุมชน
๔. จดั ระบบการสอื่ สารเพ่ือรับสง่ ขอ้ มูลด้านพฤติกรรมนกั เรียนทั้งในสถานศึกษา
และชุมชน
การปลูกฝัง
๑. สร้างความรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกบั ระเบียบ กฎหมาย สิทธิและหน้าท่พี ลเมอื ง
๒. สร้างองค์ความรูค้ วามเขา้ ใจถงึ ผลกระทบท่เี กดิ จากการชุมนมุ ประท้วงและ
การจลาจล
๓. จดั กจิ กรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ
๔. จดั กิจกรรมสร้างทศั นคติท่ีถูกตอ้ งร่วมกบั ผปู้ กครอง ชมุ ชน ในโอกาส
ที่เหมาะสม
การปราบปราม
๑. แต่งตงั้ คณะทำงานเพอ่ื ระงับเหตทุ ้ังในสถานศกึ ษาและชุมชน
๒. ประสานเครือขา่ ยการมีส่วนร่วมเพ่อื ร่วมแก้ปญั หา
๓. ดำเนนิ การตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกลเ่ กลีย่ ประนีประนอม
ตามมาตรการจากเบาไปหาหนกั
๕. การกอ่ การปอ้ งกนั
วนิ าศกรรม ๑. สำรวจนักเรยี นกลมุ่ เสีย่ ง
๒. เฝา้ ระวัง สงั เกตพฤติกรรมนกั เรยี น
๓. สรา้ งเครอื ขา่ ยเฝ้าระวงั ทง้ั ในสถานศึกษาและในชมุ ชน
๔. จดั ระบบการส่ือสารเพือ่ รับส่งขอ้ มูลดา้ นพฤตกิ รรมนกั เรียนทง้ั ในสถานศึกษา
และชมุ ชน
การปลกู ฝงั
๑. สรา้ งความรู้ความเข้าใจถึงผลกระทบท่เี กิดจากการก่อวนิ าศกรรม
๒. จัดกจิ กรรมสร้างทัศนคตทิ ่ถี ูกตอ้ งรว่ มกับผปู้ กครอง ชมุ ชน ในโอกาสที่
เหมาะสม
๓. จัดเวทใี หน้ ักเรียนไดแ้ สดงออกตามความสามารถอยา่ งเหมาะสม
๓๙
มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ
การปราบปราม
๑. แต่งตั้งคณะทำงานเพอื่ ระงับเหตทุ ั้งในสถานศกึ ษาและชุมชน
๒. ประสานเครอื ข่ายการมีสว่ นรว่ ม เพอื่ ร่วมแก้ปญั หา
๓. ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่เกลยี่ ประนปี ระนอม
ตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก
๖. การระเบดิ การปอ้ งกัน
๑. สำรวจนักเรียนกล่มุ เสีย่ ง
๒. สำรวจข้อมูลแหลง่ ท่ีมาของวตั ถุประกอบระเบิด
๓. สร้างเครอื ขา่ ยเฝา้ ระวังท้งั ในสถานศึกษาและชุมชน
๔. จัดระบบตดิ ต่อส่ือสารเพือ่ ตดิ ตามพฤติกรรมนักเรยี น
การปลกู ฝัง
๑. สรา้ งความรู้ความเขา้ ใจถึงผลกระทบท่เี กิดจากการใชร้ ะเบิด
๒. จดั กจิ กรรมสร้างทัศนคติท่ถี ูกต้องรว่ มกับผปู้ กครอง ชมุ ชน ในโอกาสที่เหมาะสม
๓. จดั เวทีใหน้ ักเรยี นได้แสดงออกตามความสามารถอยา่ งเหมาะสม
การปราบปราม
๑. แต่งตั้งคณะทำงานเพือ่ ระงับเหตทุ ้ังในสถานศึกษาและชุมชน
๒. ประสานเครือขา่ ยการมีสว่ นรว่ ม เพ่อื ร่วมแก้ปัญหา
๓. ดำเนนิ การตามระเบียบ กฎหมาย โดยเนน้ การไกลเ่ กลยี่ ประนปี ระนอม ตาม
มาตรการจากเบาไปหาหนกั
๗. สารเคมแี ละ การป้องกนั
วัตถุอันตราย ๑. จัดทำมาตรการและแนวปฏิบตั ิในการดำเนนิ การ ลด ละ เลกิ การใช้สารเคมี
และวัตถอุ ันตราย
๒. จดั สถานท่ีในการจัดเกบ็ สารเคมแี ละวตั ถุอันตรายให้มดิ ชิด
๓. สร้างเครอื ขา่ ยเฝ้าระวังการใช้สารเคมีและวตั ถุอันตรายทัง้ ในสถานศึกษาและ
ชุมชน
การปลูกฝัง
๑. สร้างความรคู้ วามเข้าใจถงึ ผลกระทบท่เี กดิ จากการใช้สารเคมแี ละวตั ถุอันตราย
๒. จดั กิจกรรมส่งเสรมิ การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปใชใ้ นการ
ดำเนินชวี ิต
๔๐
มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ
๓. จดั กิจกรรมให้นกั เรยี นไดเ้ รยี นรหู้ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในสถานท่ี
จริงในพ้ืนที่
การปราบปราม
๑. ติดตอ่ ประสานงานเครอื ขา่ ยการมสี ว่ นร่วมเพื่อรว่ มแกป้ ัญหา
๒. ดำเนนิ การตามมาตรการและข้อตกลงท่ีกำหนดรว่ มกัน
๘. การล่อลวง การป้องกัน
ลกั พาตวั ๑. สรา้ งเครือขา่ ยเฝ้าระวงั ทั้งในสถานศึกษาและชุมชน
๒. จัดระบบการติดตอ่ ส่ือสารเพื่อรบั สง่ ข้อมูลพฤติกรรมนกั เรยี น ผู้ใกล้ชดิ และ
บคุ คลภายนอก
๓. จัดทำข้อมูลชอ่ งทางขอความชว่ ยเหลือเผยแพร่ ประชาสมั พันธใ์ หน้ กั เรยี น
และชมุ ชน
การปลูกฝงั
๑. การจดั กจิ กรรมส่งเสริมความตระหนักรแู้ ละเห็นคุณคา่ ในตนเอง
๒. จดั กิจกรรมพฒั นาทักษะชีวิตอย่างรอบด้าน
๓. ฝกึ ทกั ษะการปฏิเสธ และการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ
การปราบปราม
๑. แตง่ ตงั้ คณะทำงานใหค้ วามชว่ ยเหลือเรง่ ด่วน ทส่ี ามารถใหค้ วามช่วยเหลอื
ได้ทนั เหตุการณ์
๒. แตง่ ตัง้ คณะทำงานด้านกฎหมายเพื่อให้ความช่วยเหลือ
๓. ประสานภาคเี ครือข่ายเพื่อร่วมแก้ปัญหา
๑.๒ ภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุ (Accident)
มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ
๑. ภัยธรรมชาติ การป้องกัน
๑. สำรวจข้อมูลความเส่ียงทเ่ี กิดจากภัยธรรมชาติ
๒. จัดทำแผนปอ้ งกันภัยทางธรรมชาติ
๓. จดั เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมอื ในการป้องกันภยั ธรรมชาติ
๔. ซักซ้อมการเผชิญเหตภุ ยั ธรรมชาติ
๔๑
มาตรการ แนวทางการปฏบิ ตั ิ
การปลูกฝัง
๑. สร้างความรู้ความเข้าใจถึงปญั หาและผลกระทบที่เกิดจากธรรมชาตริ ูปแบบ
ตา่ ง ๆ
๒. จัดกจิ กรรมฝกึ ทักษะการเผชิญปัญหาภัยธรรมชาติ
๓. จัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ การอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
การปราบปราม
๑. แตง่ ต้ังคณะทำงานให้ความชว่ ยเหลือเร่งด่วน ที่สามารถใหค้ วามชว่ ยเหลอื ได้
ทนั เหตกุ ารณ์
๒. ติดตอ่ ส่อื สารเครือข่ายการมีสว่ นร่วม เพ่ือรว่ มให้ความชว่ ยเหลอื และแก้ปัญหา
๓. ประสานงานหน่วยงาน องค์กร เพ่ือให้ความชว่ ยเหลือ เยียวยาและฟืน้ ฟูจิตใจ
๒. ภยั จากอาคาร การปอ้ งกนั
เรียน สิง่ ก่อสร้าง ๑. สำรวจสภาพของอาคารเรยี น อาคารประกอบ และสง่ิ ก่อสรา้ ง
๒. ตดิ ปา้ ยสญั ลักษณใ์ นอาคาร หรอื พื้นที่ทไี่ มแ่ ข็งแรงและมีความเสี่ยง
๓. ประชาสัมพนั ธ์ให้นกั เรียนหลีกเล่ียงการเขา้ พืน้ ทีเ่ ส่ียงอยา่ งต่อเนื่อง
การปลกู ฝัง
๑. สรา้ งความรู้ความเข้าใจถงึ หลักการสร้างความปลอดภยั ในการดำเนนิ ชีวิต
๒. ฝกึ ทักษะการสงั เกตและหลีกเล่ียงพน้ื ทเ่ี สี่ยง
๓. จัดกิจกรรมฝกึ ทักษะการเอาตวั รอดเม่ือประสบภยั จากอาคารเรยี น และ
ส่งิ กอ่ สรา้ ง
การปราบปราม
๑. สร้างเครือขา่ ยการมีสว่ นรว่ มและดำเนินการชว่ ยเหลือและแกป้ ัญหาที่มี
ประสิทธิภาพ
๒. ประสานงานหนว่ ยงานภาครัฐ และเอกชน เพือ่ ใหค้ วามช่วยเหลือ
๓. ภัยจาก การป้องกัน
ยานพาหนะ ๑. สำรวจข้อมลู ยานพาหนะในสถานศึกษา
๒. จัดระบบสัญจรในสถานศึกษาสำหรบั ยานพาหนะประเภทตา่ ง ๆ และสำหรับ
การเดินเท้า
๓. จดั ทำแผนให้ความช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั จากยานพาหนะ
๔. จัดเตรียมวสั ดุ อปุ กรณ์ เคร่อื งมือ เพื่อการช่วยเหลือ
๔๒
มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ
๕. สง่ เสริมสนับสนนุ การทำประกนั ภัย ประกนั อุบัติเหตุ
การปลูกฝัง
๑. จัดกิจกรรมให้ความรเู้ ร่ืองการใช้รถใช้ถนนและเคร่ืองหมายจราจร
๒. จดั กิจกรรมฝึกทกั ษะการปฐมพยาบาลเบือ้ งต้นเมื่อประสบภยั จากยานพาหนะ
๓. จดั กิจกรรมส่งเสริมการสร้างจติ สำนึกในการปฏบิ ตั ิตามกฎจราจร
การปราบปราม
๑. แต่งตง้ั คณะทำงานใหค้ วามช่วยเหลอื เร่งดว่ น ทส่ี ามารถให้
ความชว่ ยเหลอื ไดท้ นั เหตุการณ์
๒. ติดต่อส่ือสารเครอื ข่ายการมสี ว่ นร่วม เพื่อรว่ มให้ความช่วยเหลอื
และแกป้ ัญหา
๓. ประสานงานหน่วยงาน องค์กร เพื่อใหค้ วามช่วยเหลอื เยยี วยา
และฟนื้ ฟจู ติ ใจ
๔. ภัยจากการจดั การป้องกัน
กจิ กรรม ๑. แตง่ ตง้ั คณะทำงานประเมินความเสีย่ งในการจัดกจิ กรรมตา่ ง ๆ
๒. จดั แยกกิจกรรมตามระดบั ความเสย่ี ง
๓. เสนอแนะแนวทางในการปอ้ งกันความเส่ียงในกิจกรรมตา่ ง ๆ
การปลกู ฝงั
๑. สรา้ งความรู้ความเขา้ ใจในการปฏิบตั ิกจิ กรรมตา่ ง ๆ ใหป้ ลอดภัย
๒. ฝกึ ทกั ษะการเลอื กปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ ง ๆ ท่ีเหมาะสมกบั ตนเอง
๓. จัดกจิ กรรมฝึกทักษะการใหค้ วามช่วยเหลือเมื่อประสบภัยจาก
การปฏิบตั ิกจิ กรรม
การปราบปราม
๑. แต่งตัง้ คณะทำงานใหค้ วามช่วยเหลอื เร่งด่วน ทส่ี ามารถใหค้ วามชว่ ยเหลอื ได้
ทนั เหตกุ ารณ์
๒. ติดต่อสอื่ สารเครอื ข่ายการมีส่วนรว่ ม เพ่ือรว่ มให้ความชว่ ยเหลอื และ
แก้ปัญหา
๓. ดำเนินการส่งตอ่ เพ่ือการช่วยเหลือทม่ี ีประสทิ ธิภาพ
๕. ภยั จาก การป้องกัน
เครอ่ื งมือ ๑. สำรวจขอ้ มลู เครื่องมือ อปุ กรณ์ จดั แยกสว่ นท่ีชำรดุ และส่วนทีใ่ ชง้ านได้
อปุ กรณ์ ๒. จัดทำคู่มอื การใช้เคร่ืองมือ อุปกรณ์ให้ปลอดภัย
๔๓
มาตรการ แนวทางการปฏิบตั ิ
๓. ดำเนินการซ่อมแซม บำรงุ รักษาและการจัดเก็บเคร่ืองมือ อุปกรณ์
ให้เปน็ ระบบ
การปลูกฝงั
๑. จัดกจิ กรรมสรา้ งความรู้ความเขา้ ใจ หลักการใช้เครื่องมือ อปุ กรณ์
ให้ปลอดภัย
๒. ฝึกทักษะการใช้ การบำรงุ รักษา การจดั เกบ็ เคร่อื งมอื อปุ กรณ์
๓. จดั กจิ กรรมสรา้ งจติ สำนกึ ในคุณคา่ ของเครอื่ งมือ อปุ กรณ์
การปราบปราม
๑. แต่งต้งั คณะทำงานให้ความชว่ ยเหลอื เรง่ ดว่ น ทีส่ ามารถให้
ความช่วยเหลอื ได้ทันเหตุการณ์
๒. ประสานเครือข่ายความร่วมมอื เพื่อใหค้ วามช่วยเหลอื
๓. ดำเนนิ การสง่ ต่อเพ่ือการช่วยเหลือทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพ
๑.๓ ภยั ทเ่ี กิดจากการถูกละเมิดสิทธิ์ (Right)
มาตรการ แนวทางการปฏิบตั ิ
๑. การถูกปล่อยปละ การปอ้ งกนั
ละเลย ทอดทิ้ง ๑. สร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ทงั้ ในสถานศึกษาและชุมชน
๒. จดั ระบบการตดิ ต่อส่ือสารเพื่อรับส่งข้อมูลพฤติกรรมนกั เรยี น และ
ผใู้ กล้ชดิ
๓. จัดทำข้อมลู ช่องทางขอความชว่ ยเหลือเผยแพร่ ประชาสมั พันธ์ให้
นกั เรยี นและชุมชน
การปลกู ฝงั
๑. จดั กิจกรรมสง่ เสรมิ ความตระหนกั ร้แู ละเห็นคุณค่าในตนเอง
๒. จัดกิจกรรมพฒั นาทักษะชีวติ อย่างรอบดา้ น
๓. ฝึกทกั ษะการปฏเิ สธการเอาตวั รอด และการขอความชว่ ยเหลือ
การปราบปราม
๑. แต่งตัง้ คณะทำงานให้ความชว่ ยเหลือเรง่ ดว่ น ที่สามารถให้
ความชว่ ยเหลอื ได้ทันเหตุการณ์
๒. แต่งตั้งคณะทำงานใหค้ วามชว่ ยเหลือดา้ นกฎหมาย
๓. ประสานภาคเี ครอื ข่ายเพื่อร่วมแกป้ ัญหา
๔. ติดตามเย่ยี มเยือนให้กำลงั ใจอย่างสม่ำเสมอ
๔๔
มาตรการ แนวทางการปฏิบัติ
๒. การคุกคาม การป้องกนั
ทางเพศ ๑. สำรวจนกั เรยี นกลุ่มเสย่ี งและพ้ืนทีเ่ ป็นจดุ เส่ยี ง
๒. เฝ้าระวงั สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น และพัฒนาพน้ื ทีเ่ สย่ี งใหป้ ลอดภยั
๓. สรา้ งเครือข่ายเฝ้าระวงั ท้งั ในสถานศึกษาและในชมุ ชน
๔. จดั ระบบการสื่อสารเพอ่ื รับสง่ ขอ้ มูลด้านพฤตกิ รรมนกั เรียนทงั้ ใน
สถานศึกษาและชมุ ชน
การปลูกฝัง
๑. จัดกิจกรรมส่งเสริมความตระหนักรู้และเหน็ คุณค่าในตนเอง
๒. จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวติ รอบดา้ น
๓. ฝึกทักษะการปฏเิ สธ การเอาตัวรอดในสถานการณต์ า่ ง ๆ
การปราบปราม
๑. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ชอ่ งทางในการขอความชว่ ยเหลือ
๒. แต่งตั้งคณะทำงานใหค้ วามช่วยเหลือเร่งดว่ น ท่สี ามารถให้
ความช่วยเหลอื ได้ทันเหตุการณ์
๓. แตง่ ตัง้ คณะทำงานใหค้ วามชว่ ยเหลอื ด้านกฎหมาย
๔. ประสานภาคีเครือข่ายเพ่อื การส่งต่อทเ่ี หมาะสม
๕. สรา้ งขวญั กำลังใจโดยการตดิ ตามเยี่ยมเยือนอยา่ งสมำ่ เสมอ
๓. การไมไ่ ด้รบั ความ การป้องกนั
เป็นธรรมจากสงั คม ๑. สำรวจข้อมลู นกั เรยี นรายคน
๒. วิเคราะห์สภาพปญั หาความตอ้ งการ ความขาดแคลน ของนกั เรียนรายคน
๓. จดั ทำแผนใหค้ วามชว่ ยเหลอื นกั เรยี นท่ีมีความขาดแคลน
๔. สร้างเครอื ขา่ ยการมีสว่ นรว่ ม เพ่ือประสานความชว่ ยเหลอื
การปลกู ฝัง
๑. สร้างความรู้ความเข้าใจถึงสิทธิ หนา้ ที่ และความรับผิดชอบต่อสังคม
๒. บรกิ ารใหค้ ำปรึกษาสำหรับนกั เรยี นกลุม่ เสย่ี ง
๓. จัดกิจกรรมสง่ เสรมิ การสร้างจติ สำนึกในความเสมอภาค เออ้ื เฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน
การปราบปราม
๑. แตง่ ต้งั คณะทำงานให้ความชว่ ยเหลอื เรง่ ดว่ น ที่สามารถให้ความชว่ ยเหลือ
ได้ทันเหตุการณ์
๔๕
มาตรการ แนวทางการปฏบิ ัติ
๒. ประสานภาคีเครอื ข่ายเพื่อรว่ มแกป้ ัญหา
๓. ติดตามเยี่ยมเยอื นให้กำลงั ใจอย่างสมำ่ เสมอ
๑.๔ ภัยท่ีเกดิ จากผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจิตใจ (Unhealthiness)
มาตรการ แนวทางการปฏิบัติ
๑. ภาวะจติ เวช การปอ้ งกนั
๑. สำรวจข้อมูลนกั เรยี นกลุม่ เสีย่ ง
๒. ตดิ ต่อประสานเครือขา่ ยการมสี ว่ นรว่ มเพอื่ ประเมินภาวะจิต
๓. จดั หลกั สตู รการเรยี นการสอนพิเศษรายคน
๔. สรา้ งเครอื ขา่ ยเฝ้าระวงั ท้ังในสถานศึกษาและชุมชน
๕. จัดระบบตดิ ต่อส่อื สารเพอื่ รับสง่ ขอ้ มูลพฤติกรรมอยา่ งต่อเน่ือง
การปลูกฝัง
๑. จดั กิจกรรมสง่ เสรมิ การแลกเปลย่ี นเรียนรู้รว่ มกนั ของนักเรียน
๒. จัดเวทใี หน้ ักเรียนได้แสดงออกตามความสามารถ
๓. จดั กิจกรรมสง่ เสริมการตระหนักรแู้ ละเหน็ คุณค่าในตนเองและผ้อู น่ื
การปราบปราม
๑. แตง่ ต้งั คณะทำงานเพ่ือระงับเหตุท้ังในสถานศึกษาและชมุ ชน
๒. ประสานเครือข่ายการมสี ว่ นรว่ ม เพอื่ รว่ มแกป้ ัญหา
๓. ดำเนินการตามระเบยี บ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่เกล่ียประนีประนอม
ตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก
๔. ประสานการส่งตอ่ เพือ่ ใหค้ วามชว่ ยเหลือท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ
๒. ติดเกม การปอ้ งกัน
๑. สำรวจข้อมลู นกั เรียนกลุ่มเสย่ี ง
๒. สำรวจข้อมูลพ้นื ท่ีแหล่งให้บริการร้านเกม
๓. กำหนดขอ้ ตกลงเพ่อื ปฏิบตั ิร่วมกนั
๔. สรา้ งเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ท้ังในสถานศึกษาและชุมชน
๕. จัดระบบติดต่อส่ือสารเพือ่ รบั ส่งขอ้ มลู พฤติกรรมอยา่ งตอ่ เนื่อง
การปลกู ฝัง
๑. สร้างความรู้ความเขา้ ใจถึงผลกระทบทเ่ี กิดจากการติดเกม
๔๖
มาตรการ แนวทางการปฏบิ ตั ิ
๒. จัดกจิ กรรมสง่ เสริมการคดิ วิเคราะห์ และใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์
๓. จดั กิจกรรมเสรมิ หลักสูตรทส่ี นองต่อความสนใจของนักเรียนอย่าง
หลากหลาย
การปราบปราม
๑. แตง่ ตัง้ คณะทำงานเพื่อระงับเหตุท้งั ในสถานศึกษาและชมุ ชน
๒. ประสานเครือขา่ ยการมีส่วนร่วม เพ่อื รว่ มแกป้ ญั หา
๓. ดำเนนิ การเอาผิดตามข้อตกลงที่กำหนดไว้รว่ มกนั
๔. ติดตามเยย่ี มเยอื นเพ่ือสร้างขวัญกำลงั ใจ
๓. ยาเสพตดิ การปอ้ งกนั
๔. โรคระบาดในมนุษย์ ๑. สำรวจข้อมูลนกั เรยี นกลุ่มเสย่ี ง
๒. วเิ คราะห์นกั เรียนรายบุคคล
๓. กำหนดขอ้ ตกลงเพ่อื ปฏบิ ตั ริ ว่ มกนั
การปลูกฝงั
๑. สร้างเครอื ข่ายเฝ้าระวังทั้งในสถานศึกษาและชมุ ชน
๒. จัดระบบติดตอ่ ส่ือสารเพื่อรับสง่ ข้อมลู พฤติกรรมอยา่ งต่อเนื่อง
๓. สร้างความรูค้ วามเข้าใจถงึ โทษ-ภัย และผลกระทบของการติดยาเสพติด
๔. จัดกิจกรรมตอ่ ตา้ นยาเสพตดิ ในวนั สำคญั ตา่ ง ๆ อยา่ งสม่ำเสมอ
๕. จัดกิจกรรมสง่ เสรมิ การคิดวิเคราะห์ และใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์
๖. จัดกจิ กรรมเสรมิ หลักสตู รท่สี นองต่อความสนใจของนกั เรยี นอย่าง
หลากหลาย
การปราบปราม
๑. แตง่ ต้ังคณะทำงานเพ่อื ระงับเหตทุ ้ังในสถานศกึ ษาและชุมชน
๒. ประสานเครือขา่ ยการมีสว่ นรว่ ม เพื่อรว่ มแก้ปัญหา
๓. ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกลเ่ กล่ียประนีประนอม
ตามมาตรการจากเบาไปหาหนกั
๔. ประสานการสง่ ตอ่ เพื่อให้ความช่วยเหลือทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ
การป้องกัน
๑. สำรวจข้อมูลดา้ นสุขภาพของนกั เรยี นรายคนและบุคคลใกลช้ ิด
๒. จัดทำแผนในการปอ้ งกันโรคระบาดในมนษุ ย์
๓. บริการวสั ดุ - อปุ กรณ์ ในการป้องกันโรคระบาดในมนุษย์