พระราชประวตั ิ สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี
(ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ผเู้ รยี บเรยี งนายประสาร ธาราพรรค์
พระบรมราชนิ พี ระปกเกลา้ ฯ
พระนางเจา้ ราไพพรรณศี รสี ยาม
พระเกยี รตคิ ณุ เลอ่ื งชอ่ื ลอื พระนาม
พระทัยงามดจุ มารดรขจรไกล
พระเสรมิ ราษฎรร์ ักษก์ ษตั รยิ ์รัฐคงอยู่
พระเคยี งคอู่ งคจ์ กั รผี ู้ยงิ่ ใหญ่
พระดแู ลพระภมู สี ดุ หวั ใจ
พระหวงั ใหพ้ ระองคไ์ ทไ้ รล้ าเคญ็
พระขวญั ราษฎรข์ วญั รฐั รม่ ฉตั รแกว้
พระแนแ่ น่วเสรมิ สุขดบั ทกุ ข์เข็ญ
พระราชกจิ เพือ่ ประชาทรงบาเพญ็
พระเปรยี บเชน่ ฝนชมุ่ ฟ้าพาสราญ
พระสรรคส์ รา้ งหตั ถกรรมงานทอเสอ่ื
พระทรงเกอื้ วชิ าชพี แผไ่ พศาล
พระบารงุ ราษฎรย์ ากไรไ้ ดท้ างาน
พระปณธิ านสรา้ งท้องถน่ิ สนิ้ โรคภยั
พระมงุ่ เสริมการศกึ ษาหนุนนาชาติ
พระเสรมิ ศาสตรค์ วามรู้สู่ยคุ ใหม่
พระมอบวงั สวนบา้ นแกว้ เพ่อื ปวงไทย
พระทาใหร้ าชภฏั วฒั นา
พระการณุ ปวงประชาทว่ั สารทศิ
พระคณุ สถติ แนบแนน่ ดจุ แผน่ ผา
พระจรยิ วตั รสดุ ซาบซึง้ ตรงึ อรุ า
พระเมตตาตรงึ จติ ใจไทยทกุ คน
……………………………………………….
ประสาร ธาราพรรค์ รอ้ ยกรอง
(คาประพันธเ์ ทดิ พระเกยี รติ 100 ปี สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี
ได้รบั รางวลั ชนะเลศิ ระดบั ชาติ)
พระราชประวัติ
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินี ใน พระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยูห่ ัว พระองค์ทรงเป็นสตรที มี่ พี ระสิริโฉมงดงาม พระจริย
วัตรอันนุ่มนวล มีพระพักตร์แจ่มใส และแย้มพระสรวลอยู่เสมอ แลดูเอิบ
อ่มิ เตม็ ไปดว้ ยพระกรุณา ทรงต้ังพระหฤทัยสนองพระเดชพระคณุ พระราช
สวามีโดยปฏิบัติวัฎฐากในเวลาเม่ือทรงเป็นสุขสาราญ และรักษาพยาบาล
ในเวลาเมื่อทรงพระประชวร
พระองค์ทรงมีพระราชหฤทัยที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ทรงพร้อมอยู่เคียง
ขา้ งพระราชสวามี เม่ือมเี หตกุ ารณ์รา้ ยแรงรนุ แรง โดยมเี หตกุ ารณ์ท่ีสมควร
นาเสนอ คือ เม่ือ“คณะราษฎร” มีพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็น
หัวหน้า ได้เข้ายึดอานาจการปกครองแผ่นดิน และเข้าจับกุมพระบรมวงศ์
บางพระองค์ รวมทั้งข้าราชการช้ันผู้ใหญ่ที่คุมกาลังทหาร แล้วมีหนังสือ
กราบบังคมทูลพระกรุณา เชิญพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้
เสด็จพระราชดาเนินกลับคืนสู่พระนคร เป็นพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้
ธรรมนูญการปกครองที่คณะราษฎรได้สร้างข้ึน เหตุการณ์ครั้งน้ันไม่มีผู้ใด
ทราบว่าเหตุการณ์จะรุนแรงเพียงใด เม่ือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัวมีรับส่ังถามความเห็นในเร่ืองนี้ สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ
ทรงแนะนาให้ตดั สนิ พระราชหฤทัย ทรงเลือกการกลับเข้าพระนคร โดยให้
ความรว่ มมือกับคณะราษฎรเพ่ือแก้ไขสถานการณ์ของบ้านเมืองกลับเข้าสู่
ความสงบ ระงับเหตุที่อาจนาไปสู่การรบกันจนนองเลือด คาตอบของ
พระองค์ในคร้ังนี้มีส่วนทาให้พระราชสวามีทรงตัดสินพระราชหฤทัยได้
อย่างเดด็ ขาด และที่สาคัญคือ มีผลต่อประวัติศาสตร์การเปล่ียนแปลงการ
ปกครองของประเทศไทยท่ที าไดโ้ ดยไม่เสียเลือดเน้อื แมแ้ ตน่ อ้ ย
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อย่หู วั
และสมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี
สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จ้าสวสั ดโิ สภณ
และสมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณี ขณะทรงพระเยาว์
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จพระราชสมภพ
เมื่อวนั องั คารท่ี 20 ธันวาคม พ.ศ. 2447 พระบิดาของพระองค์คือ สมเด็จ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์
ต้นราชสกุลสวัสดิวัตน์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว ประสูติแต่สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา ส่วนพระ
มารดาคือ หม่อมเจ้าอาภาพรรณี สวัสดิวัตน์ (ราชสกุลเดิม คัคณางค์)
พระธดิ าในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล กรมหลวงพิชิต
ปรีชากร พระโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลัง
หม่อมเจ้าอาภาพรรณีได้รับการสถาปนาข้ึนเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอาภาพรรณี
ทรงมพี ระเชษฐาและพระอนชุ ารว่ มพระมารดา คือ
1.หมอ่ มเจ้าโสภณภราไดย สวัสดิวัฒน์
2.หมอ่ มเจ้าราไพพรรณี สวสั ดวิ ฒั น์
3.หม่อมเจา้ นนทยิ าวัด สวสั ดิวัฒน์
4.หม่อมเจา้ อรชุนชิษณุ สวัสดิวฒั น์
5.หม่อมเจ้ายธุ ษิ เฐยี ร สวสั ดวิ ฒั น์
พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ จลุ จกั รพงษ์
หม่อมเจ้าราไพพรรณี สวัสดิวัตน์ ชาววังเรียกขานพระนามพระองค์
ว่า ท่านหญิงนา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ผู้ทรงนิพนธ์
หนังสือเร่ือง เกิดวังปารุสก์ ได้เล่าถึงที่มาของท่านหญิงนาพระนามน้ีว่า
“เพ่ือนเล่นที่ข้าพเจ้ารักมากที่สุดเป็นหญิง และแก่กว่าข้าพเจ้าราวสามปี
เป็นหม่อมเจ้าธิดาของเสด็จปู่สวัสดิ์ ทรงนามว่า ราไพพรรณี และเรียกกัน
ในเวลาน้ันว่า ท่านหญิงนา หม่อมเจ้าหญิงนั้นโดยมากจะเรียกกันว่า ท่าน
หญิงใหญ่ ท่านหญิงเล็ก ท่านหญิงน้อย ดังนี้เป็นต้น การถูกเรียกว่าท่าน
หญิงนาน้ัน ผู้อ่านบางคนอาจจะเห็นว่าแปลก เรื่องราวเป็นเช่นน้ี เม่ือเล็ก
ๆ อยู่เป็นเด็กท่ีมีรูปร่างอ้วน จึงถูกล้อว่าเป็นเต่า สาหรับไทยเราการถูก
เรียกว่าเต่าเมื่อเล็ก ๆ ไม่เป็นของเสียหาย แม้ทูลหม่อมลุงก็เคยถูกสมเด็จ
ย่าเรียกว่าเต่า อย่างไรก็ดี เม่ือท่านหญิงนายังเล็ก ๆ อยู่ ได้ถูกถามว่า
“อยากเป็นอะไร อยากเป็นเต่าทองหรือเต่านา” ท่านหญิงองค์เล็กได้ยิ้ม
และตอบว่า "อยากเป็นเต่านา" และก็เลยกลายเป็นท่านหญิงนาต้ังแต่นั้น
มา
สมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทราบรมราชนิ ีนาถ
เมื่อทรงเจริญพระชันษาได้ 2 ปี พระบิดาได้นาเข้าไปถวายตัวแด่
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ตามราชประเพณีของเจ้านาย
สมัยก่อนท่ีถวายตัวเข้าไปอยู่ในวังต้ังแต่มีพระชันษายังน้อย ทรงรับหม่อม
เจ้าหญิง “หลานป้า” พระองค์น้ีไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซ่ึงในระยะน้ัน
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถประทับอยู่ที่พระตาหนักสวนส่ีฤดู
พระราชวังดุสิต ในเวลาน้ีหม่อมเจ้าหญิงราไพพรรณีกาลังทรงศึกษา
ภาษาไทยเบ้อื งต้นอยู่
สมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณี ขณะทรงพระเยาว์
สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงโปรดปรานเล้ียงดูพระนัดดาหม่อม
เจ้าชายหญิงหลายรุ่นหลาย พระองค์ หม่อมเจ้าหญิงราไพพรรณี และ
หมอ่ มเจ้าหญิงพวงรัตนประไพ เปน็ หม่อมเจ้ารุ่นเล็ก โปรดให้ประทับอยูก่ บั
หม่อมราชวงศ์ ป้มั มาลากลุ (ทา้ ววรคณานนั ท์) ณ ห้องปกี ตะวันตกช้นั ลา่ ง
ของพระตาหนักสวนสี่ฤดู หม่อมเจ้าหญิงราไพพรรณี ทรงมีพี่เลี้ยงประจา
พระองค์เป็นพนักงานผู้ใหญ่ ชื่อ ปริก สมเด็จพระบรมราชินีนาถมักจะ
โปรดให้พ่เี ล้ยี งนาเสด็จพระนัดดาขึ้นเฝ้าฯ เวลาเยน็ ประมาณ 17.00 น. ใน
เวลาเสวยก็โปรดให้พีเ่ ลี้ยงถวายปอ้ นพระกระยาหารเฉพาะพระพักตรด์ ว้ ย
การศกึ ษา
สมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทราบรมราชนิ นี าถ
เม่ือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตในวันท่ี
23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 หม่อมเจ้าหญิงราไพพรรณีมีชันษาได้ 6 ปี ได้ทรง
ยา้ ยสถานทพี่ กั จากพระราชวังดุสิต ไปพระบรมมหาราชวังตามสมเด็จพระ
ศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถไปด้วย และได้เสด็จเข้าทรงศึกษาในโรงเรียน
ราชินีพร้อมหม่อมเจา้ พระองค์อืน่ ๆ
โรงเรยี นราชนิ ีในอดตี
ทุกเช้าที่เสด็จไปโรงเรียนโดยรถสองแถวของหมวดรถยนต์หลวง มี
คุณเฒ่าแก่ควบคุมดูแลไปด้วย เจ้าพ่ีเจ้าน้องและพระสหายร่วมโรงเรียน
เช่น หม่อมเจ้าหญิงพวงรัตนประไพ เทวกุล หม่อมเจ้าชิดชนก กฤดากร
หม่อมเจ้ากมลีสาณ ชุมพล หม่อมเจ้ารัตยากร วิสุทธิ นายทาเนียบ อัศว
รักษ์ ฯลฯ พระอาจารย์ที่ถวายพระอักษร เช่น หม่อมเจ้าหญิงเสมอภาค
โสณกุล คุณหญิงจาเริญ พิพิธมนตรี (คชเสนี) และคุณหญิงจารัส ศรีศักดิ
ธารง (บุณยรัตพันธุ์) เป็นต้น ทรงเข้าเรียนต้ังแต่เวลา 9.00 ถึง 12.00 น.
เม่ือเสด็จไปโรงเรียนราชินีคร้ังน้ันยังไม่มีฉลองพระองค์เครื่องแบบฉลอง
พระองค์จึงเป็นแบบเดียวกับเจ้านายฝ่ายหญิงทั่วไป คือ ภูษาทรงผ้าลายสี
ตามวัน เสื้อทรงเป็นผ้าดอกคอส่ีเหล่ียมติดลูกไม้ ตรงลูกไม้สอดโบว์สีตาม
วนั
วงั พญาไทในอดตี
หลังจากเสรจ็ การพระราชพิธีถวายพระเพลงิ พระบรมศพแลว้ สมเด็จ
พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถได้เสด็จย้ายจากพระบรมมหาราชวังไปสู่
พระราชวังพญาไท ซ่ึงพระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตาหนักขึ้นใหม่
และได้ประทับ ณ พระราชวงั แหง่ น้เี ป็นการถาวรจนตลอดพระชนมชพี ของ
พระองค์ ซ่ึงหม่อมเจ้าราไพพรรณีได้ตามเสด็จมาด้วยโดยประทับอยู่บน
พระตาหนกั ฝ่ายในติดกบั หอ้ งเสวย
เมื่อหม่อมเจ้าหญิงราไพพรรณีมีชันษาได้ 8 ปีเศษ และได้ผ่านพระ
ราชพิธีเกศากนั ต์ (โกนจกุ ) แล้ว กไ็ ด้ทรงรู้จักกับ ร้อยโทสมเดจ็ พระเจ้าน้อง
ยาเธอ เจา้ ฟ้าประชาธปิ กศกั ดิเดชน์ กรมขุนสโุ ขทยั ธรรมราชา (รชั กาลที่ 7)
ซ่ึงได้เสด็จนิวัติกลับกรุงเทพมหานคร หลังจากทรงได้สาเร็จการศึกษา
วชิ าการทหารจากประเทศองั กฤษแล้ว สาเหตุก็อันเน่ืองมาจากสมเด็จพระ
เจ้าน้องยาเธอฯ ได้เสด็จมาประทับที่พระราชวังพญาไทกับพระชนนีเป็น
คร้งั คราว และหม่อมเจา้ หญิงราไพพรรณีจะเปน็ ผทู้ สี่ นิทกนั มากท่สี ดุ ด้วย
พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ ัว
หมอ่ มเจา้ หญิงราไพพรรณี ทรงมพี ระชนั ษาได้ 11 ปี กไ็ ดร้ บั พระมหา
กรณุ าธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอย่หู วั โปรดเกลา้ ให้ทรง
ประกอบพิธีเกศากันต์ ตามโบราณราชประเพณี เมื่อวันท่ี 29 มีนาคม
หม่อมเจ้าหญิงราไพพรรณีทรงเจริญพระชนมายุท่ามกลางการอบรมอย่าง
เคร่งครัดตามขนบประเพณีแห่งราชสานักพร้อมกับทรงศึกษาวิทยาการ
สมัยใหม่จากโรงเรียน จึงทรงเพียบพร้อมด้วยความรู้ และมีพระอุปนิสัย
สารวม แต่เด็ดขาดเขม้ แขง็ ทั้งพระกิริยาวาจา และพระราชหฤทยั ตัง้ แตท่ รง
พระเยาว์ เป็นพ้ืนฐานให้มีพระราชหฤทัยที่มั่นคงกอร์ปด้วยพระสติปัญญา
ดารงพระเกียรติยศแห่งขัตติยนารีอย่างเหมาะสมทุกสถานการณ์ได้ตลอด
พระชนมชีพ
หม่อมเจ้าหญิงราไพพรรณีเสด็จออกมาประทับนอกวังเป็นบางเวลา
ทรงพระสาราญยิ่งเม่ือมีพระโอกาสทรงร่วมการละเล่นกับเจ้าพ่ีเจ้าน้อง
บางครัง้ ก็เป็นทา่ นหญิงองค์เดยี วท่ที รงเล่นกับเจ้าพ่ีเจ้าน้องท่ีเป็นชาย ด้วย
ทรงมนี ้าพระทยั เข้มแข็งเดด็ เดี่ยวมาแตท่ รงพระเยาว์ คร้งั ท่เี สดจ็ ไปประทับ
อยู่กับพระบิดาและพระมารดาท่ีบ้านของเจ้าพระยาสุรศักด์ิมนตรี (เจิม
แสงชูโต) ริมแม่น้าเจ้าพระยา ฝ่ังธนบุรี เม่ือพระชันษาประมาณ 11 ปี
เสด็จลงสรงในแม่น้าร่วมกับเจ้าพ่ีเจ้าน้อง ทรงเป็นเจ้าพี่หญิงองค์เดียวใน
หมพู่ ระอนุชาท่ที รงเกาะหยวกกลว้ ยขา้ มแม่น้าเจา้ พระยา
สมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทราบรมราชนิ นี าถ
เจ้าฟา้ ประชาธปิ กศกั ดเิ ดชน์ กรมขนุ สโุ ขทยั ธรรมราชา
พ.ศ. 2457 สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์
กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา พระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระศรีพัชริ
นทราฯ เสด็จฯ กลับจากประเทศอังกฤษเมื่อทรงสาเร็จการศึกษา ทรงรับ
ราชการทหาร มีพระยศชั้นนายร้อยเอกประจากรมทหารบกปืนใหญ่ที่ 1
รักษาพระองค์ เสด็จมาเขา้ เฝ้าฯ สมเดจ็ พระศรีพัชรินทราบรมราชนิ นี าถอยู่
เสมอ บางคราวก็ประทับแรมท่ีวังพญาไท จึงได้ทรงพบปะกับพระนัดดา
ของสมเด็จแม่หลายพระองค์จนทรงคุ้นเคย
หมอ่ มเจา้ หญงิ ราไพพรรณี
ทรงพระเมตตาต่อพระญาตริ นุ่ เดก็ ในจานวนนั้นมีหมอ่ มเจา้ กม
ลสี าณ ชมุ พล หมอ่ มเจา้ คัสตาวัส จกั รพนั ธุ์ และหม่อมเจา้ หญงิ ราไพพรรณี
รวมอยู่ด้วย โปรดให้เจ้านายรุ่นเด็ก ๆ ตามเสด็จไปในที่ต่างๆ เสมอ ทาให้
ทรงพระสาราญและต้องพระอัธยาศัยในหม่อมเจ้าหญิงราไพพรรณีท่ี ทรง
อ่อนหวานละมุนละม่อมแต่มีน้าพระราชหฤทัยเข้มแข็งเด็ดเด่ียว และยัง
ทรงพระสริ โิ ฉมยง่ิ จนบงั เกิดมพี ระราชหฤทยั รักใคร่ผูกพนั
ทรงอภเิ ษกสมรส
ปี พ.ศ. 2460 หลังจากสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปก
ศกั ดิเดชน์ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา ไดท้ รงลาสิกขาจากการผนวช ณ พระ
ตาหนกั ทรงพรต วดั บวรนิเวศวิหารแล้ว ก็ไดก้ ราบบงั คมทลู พระกรุณา และ
ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยู่หัวที่จะเสกสมรสกับหม่อมเจ้าราไพพรรณี พระชนมายุ 14 พรรษา
โดยได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีอภิเษกสมรสพระราชทาน
ขึ้น ณ วังศุโขทัย ถนนสามเสน และพระราชพิธีอภิเษกสมรสที่ พระท่ีน่ังว
โรภาษพิมาน พระราชวังบางปะอิน การอภิเษกสมรสในคร้ังนี้ถือเป็นพระ
ราชพิธีอภิเษกสมรสครั้งแรก หลังจากการตรากฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการ
เสกสมรสแห่งเจ้านายในพระราชวงศ์ รวมทั้งยังเป็นการแต่งงานแบบ
ตะวนั ตกอยา่ งแทจ้ ริงโดยในพระราชพิธีนั้นทั้งสองพระองค์ทรงแสดงความ
ต้ังพระทัยท่ีจะทรงปกป้องครองกันตามกระทู้กราบทูลถาม ซึ่งเป็น
แบบอย่างการสมรสของชาวตะวันตกตามพระราชนิยมในรัชกาล แล้ว
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้าพระมหาสังข์
ทักษิณาวรรต และทรงเจมิ จากน้ันท้ังสองพระองค์ทรงลงพระนามในสมุด
ทะเบียนเฉพาะพระพักตร์พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจา้ อยหู่ ัว ซึ่งทรง
ลงพระปรมาภิไธยทรงเปน็ พยาน และโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานเลย้ี ง
วงั ศโุ ขทยั
เมอื่ ทรงอภเิ ษกสมรสแล้ว ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ไปประทับท่ี “วังศุ
โขทัย” ซึง่ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีโปรด
เกล้าฯ ให้สร้างตาหนักข้ึนใหม่ พระราชทานเป็นเรือนหอสร้างข้ึนใหม่บน
ท่ีดินพระราชทานริมคลองสามเสน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ เสด็จไป
ทรงปฏบิ ัติหน้าท่ีราชการทหารในตอนกลางวัน ระหว่างเวลาน้ันพระชายา
ทรงรับพระราชภาระดูแลการภายในพระตาหนัก บางคร้ังเสด็จลงทรง
อานวยการปลูกต้นไม้ต่างๆ พร้อมกันน้ันทรงศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติม เช่น
ภาษาอังกฤษ ยามเย็นเม่ือสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ เสด็จกลับมาก็จะ
ทรงกฬี าเช่น เทนนสิ รว่ มกนั ในชว่ งสัปดาห์ละครงั้ ท้ังสองพระองคจ์ ะเสด็จ
ลงตาหนักไม้เพื่อทอดพระเนตรภาพยนตร์ และโปรดให้เจ้านายร่วม
ทอดพระเนตรด้วย
หลังจากอภิเษกสมรสได้ 2 ปี สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้า
ประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา ได้ขอพระราชทานพระ
บรมราชานุญาต จากสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จไปรักษา
พระองค์ในยุโรป เน่ืองจากทรงมีพระโรคประชวรเร้ือรังมานับตั้งแต่ทรง
ผนวช แพทยป์ ระจาพระองค์กราบทูลถวายคาแนะนาให้เสด็จไปทรงรักษา
พระองค์ในประเทศทมี่ ีอากาศเยน็ เมื่อไดร้ บั พระบรมราชานญุ าตแลว้ จึงได้
เสดจ็ พระราชดาเนนิ พร้อมดว้ ยพระชายาออกจาก กรงุ เทพมหานครฯ เมือ่
วันท่ี 29 มกราคม พ.ศ.2463 ช่วงที่เสด็จไปน้ันเป็นฤดูหนาวจึงทรงแวะที่
ประเทศอียิปต์ก่อนเสด็จฯต่อไปยังยุโรปเม่ือถึงฤดูร้อน เสด็จประทับที่กรุง
ไคโร ประเทศอียิปต์ เป็นเวลาเดือนเศษ อากาศท่ีอียิปต์นั้นถูกกับพระโรค
เป็นอย่างดีเมื่อหายประชวรแล้ว จนถึงวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2464 จึง
เสดจ็ ออกจากอียิปตไ์ ปยังยโุ รป
เมอ่ื เสด็จฯถงึ กรงุ ปารสี ประเทศฝรง่ั เศส เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม
พ.ศ. 2464 นายแพทยเ์ ฮปป์ (Dr. Hepp) ไดต้ รวจพระอาการประชวร มี
ความเหน็ วา่ พระโรคไม่รา้ ยแรง ทรงรักษาพระองค์ 5-6 สปั ดาหก์ ท็ รงหาย
เปน็ ปกติ ระหวา่ งนส้ี มเดจ็ พระเจ้านอ้ งยาเธอ เจา้ ฟ้าประชาธปิ กศกั ดเิ ดชน์
กรมขนุ สโุ ขทยั ธรรมราชา มพี ระราชดารวิ า่ หลงั จากทรงหายประชวรแลว้
จะเขา้ ทรงศกึ ษาวชิ าทหารช้นั สงู ต่อในโรงเรยี นเสนาธกิ ารทหารบก (École
de Guèrre) ณ กรุงปารสี เมอื่ สมเดจ็ เจา้ ฟา้ ฯ กรมขนุ สโุ ขทยั ธรรมราชา
ได้รบั พระราชทานพระบรมราชานญุ าตแล้ว จงึ ทรงศกึ ษาวชิ าการทหาร
เบอ้ื งตน้ เสดจ็ ไปประจาหนว่ ยทหารตา่ งๆ เสด็จไปทอดพระเนตรกองทหาร
ต่างๆ จากนน้ั จงึ ทรงเขา้ ศกึ ษาในโรงเรยี นเสนาธกิ ารทหารบก ทงั้ สอง
พระองคป์ ระทบั ทบี่ า้ นเชา่ ตาบลแซงต์ คลดู ์ (St. Cloud) นอกกรงุ ปารีส
หลวงศกั ดน์ิ ายเวรและภรรยา ทาหน้าทม่ี หาดเลก็ และแมค่ รวั มหี ญงิ
ฝรงั่ เศส ทาหนา้ ท่ีแมบ่ า้ น หมอ่ มเจ้าหญงิ ราไพพรรณที รงฝกึ ฝนภาษา
ฝรงั่ เศสผา่ นการสนทนากบั แมบ่ า้ นผนู้ ้ี ทาให้ทรงเรยี นรภู้ าษาฝรง่ั เศสไดด้ ี
ขน้ึ ตามพระประสงคข์ องพระสวามี บางคราวหมอ่ มเจา้ หญงิ ราไพพรรณี
ยงั เสดจ็ ไปทรงศกึ ษาภาษาฝรงั่ เศสกบั ครแู ละทศั นศกึ ษาตามสถานทใี่ นหัว
เมืองตา่ ง ๆ
เม่ือสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชาทรงสาเร็จการศึกษา
แลว้ ทงั้ สองพระองค์เสด็จออกจากกรุงปารีสในเดือนกันยายน พ.ศ. 2467
เสด็จฯ ผา่ นทางสหรัฐอเมริกาและญป่ี นุ่ และไดเ้ สดจ็ ประพาสเมืองตา่ ง ๆ
ของสองประเทศน้ัน เสด็จถึงกรุงเทพในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2467 เป็น
เวลาถงึ 3 ปีเตม็ ที่หมอ่ มเจ้าหญิงราไพพรรณี เสด็จติดตามพระสวามีไปทุก
หนแห่งในต่างแดน ทรงดูแลเมื่อทรงพระประชวรต้องรักษาพระองค์ และ
ในยามท่ีเสด็จทรงศึกษาวิชาทหาร ท่ามกลางสภาพแวดล้อมท่ีไม่ทรง
คุ้นเคยมาก่อน ด้วยเป็นโอกาสแรกท่ีเสด็จออกนอกประเทศ ทรงเคียงคู่
พระราชหฤทยั ในทกุ สถานการณ์ เปน็ การร่วมทุกขส์ ขุ อย่างแทจ้ ริง
พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั สวรรคต
พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั
พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 6 ในราชวงศ์จักรี เสด็จพระ
ราชสมภพเม่ือวันเสาร์ เดือนยี่ ข้ึน 2 ค่า ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 1 มกราคม
พ.ศ. 2423 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 29 ในพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสวยราชสมบัติเม่ือวันอาทิตย์ท่ี 23 ตุลาคม ปีจอ
พทุ ธศกั ราช 2453
พระเมรุมาศพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรพระโรค
พระโลหิตเป็นพิษในพระอุทรตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 โดย
ทรงไดเ้ สวยพระกระยาหารผิดสาแดงและทรงพระบังคน มีมดมาเกาะพระ
บังคนหมอจึงสรุปว่า มีเบาหวานแทรกซ้อนแต่พระอาการก็ทรงกับทรุด
(อย่างไรก็ดีข้อมูลทางหน่ึงระบุว่า พระอาการน้ีสืบเนื่องมาจากแผลผ่าตัด
ด้วยพระโรคอนั ตะ (ไส้ติ่ง) อกั เสบ ทมี่ ีพระอาการมากตอ้ งเข้ารับการผ่าตัด
ทันทีที่ประเทศอังกฤษ) พระองค์เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งจักรพรรดิ
พิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง เม่ือวันท่ี 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468
เวลา 1 นาฬิกา 45 นาที สิริพระชนมายุ 44 พรรษา 11 เดือน 26 วัน
เสด็จดารงสิริราชสมบัติ 15 ปี 1 เดือน 3 วัน โดยได้อัญเชิญพระบรมศพ
ไปประดษิ ฐาน ณ พระทนี่ ่ังดสุ ิตมหาปราสาท
แต่รัชกาลท่ี 7 มีพระราชประสงค์กาหนดวันสวรรคตของรัชกาลที่ 6
เป็นวันที่ 25 พฤศจิกายน และถือว่าวันพระมหาธีรราชเจ้าตรงกับวันท่ี 25
พฤศจิกายน ส่วนพระบรมราชสรีรางคารได้เชิญไปประดิษฐาน ณ วัดบวร
นเิ วศราชวรวิหาร และเชญิ ไปประดษิ ฐาน ณ พระปฤศฤๅงค์ พระร่วงโรจน์
ฤทธิ์ ส่วนพระบรมอัฐิส่วนหนึ่งเชิญไปประดิษฐาน ณ พระวิมานองค์กลาง
พระที่น่ังจักรีมหาปราสาท และ อีกส่วนหน่ึงเชิญไปประดิษฐาน ณ พระ
วิมานพระอัฐิ วังรื่นฤดี ของ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชร
รัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธดิ าพระองคเ์ ดียว
พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอย่หู วั (กรมหลวงสโุ ขทัยธรรมราชา) ขนึ้
ครองราชย์
กรมหลวงสโุ ขทยั ธรรมราชาทรงสบื ราชสมบตั ิ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต เมื่อวันท่ี 26
พฤศจิกายน พ.ศ.2468 สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิ
เดชน์ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ซึ่งทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช
พระองค์เดียวที่เหลอื อยู่ ไดเ้ สดจ็ ข้นึ เถลงิ ถวัลยราชสมบัติสืบต่อจากสมเด็จ
พระเชษฐาธิราช เป็นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 7
แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวง
สุโขทัยธรรมราชาทรงกล่าวถึงการสืบราชสมบัติของพระองค์ ดังมีพระ
ราชหัตถเลขาความว่า “ส่วนฉันนั้น เป็น “ม้ามืด” และอย่างไรเสียก็ขาด
ประสบการณใ์ นกิจกรรมงานเมือง”
สถาปนาเฉลมิ พระยศหมอ่ มเจ้าหญงิ ราไพพรรณี เปน็
สมเดจ็ พระอคั รมเหสี
พระราชพิธบี รมราชาภเิ ษกพระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลท่ี 7 มีข้ึน ในวันท่ี 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ทรงโปรดเกล้าฯ
สถาปนาเฉลิมพระยศหมอ่ มเจา้ หญิงราไพพรรณี เปน็ สมเด็จพระอัครมเหสี
ทรงพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินี เหตุผลอัน
เน่ืองจาก .. ทรงประจักษ์แจ้งความซื่อตรงจงรักของหม่อมเจ้าราไพพรรณี
อันมีต่อพระองค์ ได้ตั้งพระหฤทัยสนองพระเดชพระคุณ ทั้งปฏิบัติวัฎฐาก
ในเวลาเมื่อทรงเป็นสุขสาราญ และรักษาพยาบาลในเวลาเม่ือทรงพระ
ประชวร แม้เสด็จไปประทับอยู่ในทุระสถานต่างประเทศ ก็อุตสาหโดย
เสด็จติดตามไปมิได้ย่อท้อต่อความลาบาก ควรนับได้ว่าเคยเป็นคู่ร่วมทุกข์
สขุ กับพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นนิรันดร จะหาผู้อื่นเสมอเหมือน
มไิ ด้ ......
สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี
มีพระบรมราชโองการมาณพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ดารัสส่ังให้
ประกาศเฉลิมพระนามหม่อมเจ้าหญิงราไพพรรณี พระวรราชชายา เป็น
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีบรมราชินี และให้มีเกียรติยศเป็นพระอัคร
มเหสีสมบูรณ์ตามพระราชกาหนดกฎหมาย และพระราชประเพณีจงทุก
ประการ
พระตาหนกั เปยี่ มสขุ อาเภอหวั หนิ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดธรรมชาติแถบชายทะเล
หัวหินเป็นอย่างย่ิง เพราะนอกจากจะมีทิวทัศน์ท่ีสวยงาม เงียบสงบ ต้อง
กับพระราชอัธยาศัยแล้ว ชายทะเลหัวหินยังเป็นสถานที่ที่ทาให้พระองค์
เกิดความสนิทสนมคุ้นเคย และมีพระราชหฤทัยผูกพันในสมเด็จพระนาง
เจา้ ราไพพรรณฯี
เม่ือคร้ังที่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี
เสด็จพระราชดาเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตาหนัก
ชายทะเลหัวหิน และโปรดเกล้าฯให้ท้ังสองพระองค์โดยเสด็จพระราช
ดาเนินด้วย ด้วยเหตุดังกล่าว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระราช
ทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อท่ีดินชายทะเลอาเภอหัวหิน จังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์เพ่ือดาเนินการก่อสร้างพระตาหนัก พระราชทานนามว่า
“พระตาหนกั เป่ียมสุข” ภายในบริเวณทท่ี รงเรยี กว่า “สวนไกลกงั วล” โดย
โปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจา้ อิทธิเทพสรร กฤ ดา กร ท รง เ ป็นส ถ า ป นิก
เนื่องจากสวนไกลกังวล และพระตาหนักเปี่ยมสุขน้ัน พระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างข้ึนเพ่ือพระราชทานเป็น
สมบัติส่วนพระองคข์ องสมเดจ็ ราไพพรรณีฯ ดังน้ัน พระองค์จงึ โปรดเกล้าฯ
ให้หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร ออกแบบเข็มและจ้ีทองคาลงยา เพื่อ
พระราชทานแก่ผู้ร่วมการแสงรีวิว ในวันฉลองการขึ้นพระตาหนักเป่ียมสุข
ซึ่งหมอ่ มเจา้ อทิ ธสิ รร กฤดากร ได้ออกแบบเป็นลายลาแสงพระอาทติ ย์สอ่ ง
ผ่านเมฆ อันเป็นความหมายของพระนามาภิไธย “ราไพพรรณี” และเป็น
ลายลักษณ์เดียวกับเหล็กหล่อทวารพระตาหนักเป่ียมสุขด้วย พระ
ตาหนักเป่ียมสุข สวนไกลกังวล ทั้งสองพระองค์ทรงใช้เป็นพระราชฐาน
ตา่ งจงั หวดั ในการเสดจ็ พระราชดาเนินแปรพระราชฐานไปสาราญพระราช
อิสราบถระหว่างช่วงฤดูร้อน แต่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็
มไิ ด้ทรงละทง้ิ ราชการ ทรงสดบั ฟังข่าวสารบ้านเมืองทางวทิ ยุกระจายเสียง
อยู่เสมอ และทรงงานเปน็ ประจาทกุ วนั
ทงั้ สองพระองคโ์ ปรดกฬี ากอลฟ์
เม่ือทรงว่างงานจากพระราชภารกิจท้ังสองพระองค์โปรดที่จะทรง
เลน่ กฬี ากอล์ฟ นอกจากนพี้ ระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังโปรดที่
จะทรงฉายพระรูปสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ เพ่ือทรงนาไปติดใน
สมุดภาพส่วนพระองค์
พระราชกรณยี กิจ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั และ สมเดจ็ พระ
นางเจา้ ราไพพรรณี
พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อยู่หวั
และสมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณี เสดจ็ มณฑลพายพั
สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดาเนินไปเยี่ยมเยียน
ราษฎรตามจังหวัดต่าง ๆ เป็นเนืองนิตย์ อาทิ มณฑลพายัพ หัวเมืองฝ่าย
เหนือ โดยเสด็จถึงอาเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย หัวเมืองฝ่ายใต้เสด็จ
ถึงจังหวัดนราธิวาสส่วนจังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันออก โดยเสด็จเยี่ยม
ราษฎรจังหวัดจันทบุรีและตราด ทั้งน้ีเพ่ือทอดพระเนตรชีวิตความเป็นอยู่
ความทุกข์สุขของราษฎร ตลอดจนทรงศึกษาแหล่งโบราณสถาน
โบราณวัตถุในท้องถ่ิน ซึ่งทุกแห่งหนสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ ก็ได้
ตามเสดจ็ พระราชสวามีมิได้ขาด
เสดจ็ เยือนเวยี ตนาม เมอื งไซง่ ่อน
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักถึงพระราช
ภารกิจสาคัญย่ิงประการหน่ึงในฐานะพระมหากษัตริย์ คือการเจริญพระ
ราชไมตรกี บั ต่างประเทศ พระองค์และสมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณีฯ จึง
เสด็จต่างประเทศอย่างเป็นทางการ โดยเรือพระที่น่ังมหาจักรี เร่ิมจาก
ประเทศสิงคโปร์ ชวา และบาหลีระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม ถึงวันที่ 11
ตุลาคม 2472 หลงั จากน้นั ทงั้ สองพระองค์ได้เสดจ็ พระราชดาเนิน เยือน
ประเทศเวียดนาม และประเทศกัมพูชา ระหวา่ งวันท่ี 6 เมษายน ถึงวันที่ 8
พฤษภาคม พุทธศักราช 2473 ในการเสด็จประพาสเมืองไซ่ง่อน ประเทศ
เวียดนาม พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเงิน
ช่วยเหลอื การสาธารณกุศลสาหรับอินโดจนี จานวน 2,000 ปอี าสต์
ต่อจากนั้นได้เสด็จจากเมืองไซง่อนไปยังประเทศกัมพูชาเพ่ือ
ทอดพระเนตรนครวัด นครธม โดยมีศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ เฝ้ารับ
เสด็จ และนาเสด็จทอดพระเนตรสถานท่ีต่าง ๆหลังจากนั้น ท้ังสอง
พระองค์ได้เสด็จพระราชดาเนิน เยือนประเทศเวียดนาม และประเทศ
กัมพชู า ระหว่างวันท่ี 6 เมษายน ถงึ วันที่ 8 พฤษภาคม พทุ ธศักราช 2473
ในการเสด็จประพาสเมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม พระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเงินช่วยเหลือการสาธารณกุศล
สาหรบั อนิ โดจนี จานวน 2,000 ปอี าสต์
เน่อื งจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อยหู่ วั ทรงมอี าการประชวร
พระเนตรกาเรบิ ข้ึน นายแพทย์ประจาพระองคท์ ่ถี วายการรกั ษาอยไู่ ดก้ ราบ
บังคมทูลพระกรุณา ถวายคาแนะนา ควรจะให้นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ณ
ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ถวายการตรวจรักษา พระองค์จึงพระราช
ดาเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ ไปยังประเทศ
สหรัฐอเมริกา เม่ือวันท่ี 19 มีนาคม พุทธศักราช 2474 ได้เสด็จผ่านทาง
ประเทศญปี่ นุ่ และประเทศแคนาดา
มหาวทิ ยาลยั ฮอรจ์ วอชงิ ตัน ไดท้ ลู เกลา้ ฯ
ถวายปรญิ ญานติ ศิ าสตรด์ ษุ ฎบี ณั ฑติ กติ ตมิ ศกั ด์ิ
แด่พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หัว
เม่ือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า
ราไพพรรณีฯ เสด็จพระราชดาเนินถึงประเทศสหรัฐอเมริกา พระองค์ได้
พระราชทานสัมภาษณ์แก่ส่ือมวลชนอเมริกัน แสดงถึงพระราชปณิธาน
อย่างชัดเจนว่าทรงพระราชดาริที่จะให้ประชาชนชาวไทย ได้มีส่วนร่วมใน
การปกครองของประเทศในระบอบประชาธปิ ไตยและในวันที่ 30 เมษายน
พุทธศักราช 2474 มหาวิทยาลัยฮอร์จ วอชิงตัน ได้ทูลเกล้า ฯ ถวาย
ปริญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิติมศักด์ิแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัว เพื่อเฉลิมพระเกียรติในพระปรีชาสามารถทางรัฐประศาสนโย
บาย ณ อาคารแพน อเมริกัน ยูเนียน ณ กรุงวอชิงตนั ดี.ซี.
เสดจ็ ประเทศสหรฐั อเมริกา
หลังจากท่ีทรงรับการผ่าตัดต้อกระจกในพระเนตรซ้ายและประทับ
พักฟ้ืนจนพระอาการกระเต้ืองขึ้นแล้วพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ ทรงเริ่มปฏิบัติพระราช
กรณียกจิ โดยการเสด็จพระราชดาเนินไปเยือนสถานที่ต่าง ๆตามรายการที่
รฐั บาลอเมริกนั จัดถวาย และได้เสด็จพระราชดาเนินโดยขบวนรถไฟพิเศษ
ออกจากประเทศสหรัฐอเมรกิ า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พุทธศกั ราช 2474
เพื่อเยือนประเทศแคนนาดา เป็นการส่วนพระองค์หลังจากน้ัน จึงเสด็จ
พระราชดาเนนิ เยือนประเทศญปี่ นุ่ อีกครงั้ หนึ่ง กอ่ นเสด็จนวิ ตั พระนคร
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีพระองค์ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
เคียงคู่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อยหู่ ัวในฐานะพระบรมราชินีในการ
เสด็จพระราชดาเนินไปยังหัวเมือง รวมทั้งต่างประเทศเพ่ือเป็นการเช่ือม
พระราชไมตรีระหว่างประเทศประสบความสาเร็จได้อย่างดีย่ิงเป็นท่ี
ประทับใจพึงพอใจของนานาชาตแิ ละบคุ คลท่มี โี อกาสเข้าเฝา้
พระจรยิ วัตรสมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี
ฉลองพระองคอ์ ยา่ งสตรตี ะวนั ตก
สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี และพระเจา้ วรวงศเ์ ธอ
พระองคเ์ จ้าจุลจกั รพงษ์
พระองค์ทรงเป็นสตรที ี่มีพระสริ ิโฉมงดงาม พระจริยวัตรอันนุ่มนวล มี
พระพักตร์แจ่มใส และแย้มพระสรวลอยู่เสมอ แลดูเอิบอิ่มเต็มไปด้วยพระ
กรณุ านอกจากนีย้ งั เป็นทีร่ จู้ กั จากการแต่งพระองค์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม กลา่ ว
กันว่าพระองค์เป็นสตรีชาวไทยท่ีทรงพระสิริโฉมสามารถเลือกฉลอง
พระองคย์ ุโรปมาสวมใสไ่ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจา้ จลุ จกั รพงษ์ ไดน้ พิ นธล์ งในหนังสือ เกิด
วังปารุสก์ เล่ม 2 ได้กล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จ
พระราชดาเนินไปรักษาพระเนตรที่ยุโรป หลังการเปลี่ยนแปลงการ
ปกครอง ความว่า"สมเด็จพระนางเจา้ ราไพพรรณี น้ันดูจะงามยิ่งข้ึนกวา่ แต่
กอ่ นอกี แตง่ พระองคอ์ ย่างสตรชี าวยโุ รปโดยทรงเลอื กไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ซงึ่
ผู้หญิงไทยน้อยคนจะทาได้ดีเท่า "แน่ละท่านมีเงินมากจะซ้ืออะไรก็ได้" แต่
ขา้ พเจา้ ไม่เห็นดว้ ย การแตง่ ตัวสวยน้นั ไมอ่ ยู่แตท่ ่เี งนิ ถึงมีมากเท่าใด ถา้ ไมม่ ี
ความสามารถในทางเลือกแล้ว ก็แตง่ กายเคอะอยู่ดี ขา้ พเจา้ ขอยนื ยันว่า ยัง
ไม่เคยเห็นผู้หญิงไทยท่ีเมืองนอกท่ีงามเท่าหรือแต่งกายเก๋และสวยเท่า
สมเดจ็ ราไพพรรณี"
พระบรมราชนิ ภี ายใตธ้ รรมนญู การปกครองแผน่ ดนิ
คณะราษฎร
หลังจากเสร็จงานพระราชพิธีฉลองพระนครครบ 150 ปี ไม่มากนัก
พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี
พระบรมราชินี อยู่ในระหว่างเสด็จพระราชดาเนินแปรพระราชฐาน ไป
ประทับแรม ณ พระตาหนักเปี่ยมสุข สวนไกลกังวล อาเภอหัวหิน จังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ เพ่ือทรงพักผ่อนพระราชอิริยาบถ หลังจากทรงตรากตรา
ปฎิบัติพระราชกรณียกิจมาอย่างต่อเน่ือง แต่แล้ววันเวลาแห่งความเบิก
บานพระราชหฤทัยซ่งึ มีอยูเ่ พยี งส้นั ๆ ก็จบสิ้นลง
วันที่ 24 มิถุนายน พุทธศักราช 2475 ด้วยมีคณะบุคคล ซ่ึง
ประกอบด้วย ทหารบก ทหารเรือ และพลเรือนกลุ่มหนึ่งที่เรียกตนเองว่า
“คณะราษฎร” มีพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นหัวหน้า ได้เข้ายึด
อานาจการปกครองแผ่นดิน และเข้าจับกุมพระบรมวงศ์บางพระองค์
รวมทั้งข้าราชการช้ันผู้ใหญ่ท่ีคุมกาลังทหาร แล้วมีหนังสือกราบบังคมทูล
พระกรุณา เชิญพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เสด็จพระราช
ดาเนินกลับคืนสู่พระนคร เป็นพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้ธรรมนูญการ
ปกครองที่คณะราษฎรได้สร้างข้ึน เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่มีผู้ใดทราบว่า
เหตุการณ์จะรุนแรงเพียงใด พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มี
พระราชดารัสถามความเห็นจาก สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรม
ราชินี ในเรื่องเสด็จพระราชดาเนินกลับคืนสู่พระนคร สมเด็จพระนางเจ้า
ราไพพรรณี ทรงมีพระอุปนิสยั เขม้ แขง็ มีนา้ พระทยั นกั กีฬามาต้งั แต่ยังทรง
พระเยาว์ ทรงตัดสินพระราชหฤทัยอย่างเด็ดเดี่ยว จึงได้กราบบังคมทูล
อย่างไม่ลังเลพระทัยและไม่ทรงทาให้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัว ต้องทรงหวั่นไหว ท้อถอยเลย ในทานองที่ว่า "เข้าไปตายก็ไม่
เปน็ ไร ต้องมีศกั ดศิ์ รี มีสัจจะ"
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระราชนัดดา กล่าวถึง
เหตุการณ์ในการตัดสินพระราชหฤทัยเสด็จกลับกรุงเทพฯ หลังเกิดการ
เปล่ียนแปลงการปกครอง ความตอนหนึ่งว่าฉันต้องยอมรับว่าท้ังสมเด็จ
[สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชนิ ี] และหญิงอาภา [พระเจ้าว
รวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภาพรรณี] ควรจะได้รับเกียรติศักดิ์อย่างสูง ที่
แสดงความกล้าหาญอย่างยิ่งเช่นน้ันเพราะเราทุก ๆ คนทราบดีว่า ถึงเรา
ยอมกลับกรุงเทพฯ ต่อไปเขาจะฆ่าเราเสียก็ได้ ผู้หญิงสองคนน้ันเขากล้า
ยอมตายเสียดีกว่าท่ีจะเสียเกียรติศักดิ์ เมื่อเขาตกลงเช่นน้ันฉันก็เห็นด้วย
ทนั ที...
ทั้ ง ส อ ง พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง ใ ห้ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ กั บ ค ณ ะ ร า ษ ฎ ร เ พ่ื อ แ ก้ ไ ข
สถานการณ์ของบ้านเมืองให้กลับเข้าสู่ความสงบ ระงับเหตุท่ีอาจนาไปสู่
การรบกันจนนองเลือด คาตอบของพระองค์ในคร้ังน้ีมีส่วนทาให้พระราช
สวามีทรงตัดสินพระราชหฤทัยได้อย่างเด็ดขาด และท่ีสาคัญคือ มีผลต่อ
ประวัติศาสตรก์ ารเปลย่ี นแปลงการปกครองของประเทศไทยทท่ี าได้โดยไม่
เสียเลือดเน้ือแม้แต่น้อยและเสด็จฯ กลับมาประทับ ณ พระตาหนัก
จติ รลดารโหฐาน พระราชวงั ดุสิต
พระราชทานรัฐธรรมนญู
พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอย่หู ัวทรงพระราชทานรฐั ธรรมนญู
วันที่ 10 ธันวาคม พุทธศักราช 2475 ได้มีพระราชพิธีพระราชทาน
รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักร สยาม ณ พระท่ีนั่งอนันตสมาคม ทรงมี
พระราชปรารภว่ารัฐธรรมนูญฉบับน้ีจะเป็นที่สถาพร มีประสิทธิภาพ เป็น
บ่อเกิดแห่งความสุขของประชาชน และทาให้ประเทศชาติบรรลุถึงความ
เจรญิ วฒั นา แตช่ ่วั ระยะเวลาไม่ถึงหน่ึงปีความยงุ่ ยากทางการเมืองกเ็ รม่ิ ข้ึน
นับต้ังแต่ปัญหาความขัดแย้งทางความคิดระหว่างรัฐบาลกับคณะราษฎร
จนนาไปสู่การยึดอานาจการปกครอง เม่ือวันท่ี 20 มิถุนายน พุทธศักราช
2476 หวั หน้าผูก้ ่อการ คือ พันเอก พระยาพหลพลยุหเสนา ซ่ึงต่อมาได้รับ
การแตง่ ตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
กบฏบวรเดช
พระองคเ์ จ้าบวรเดช
วันท่ี 11 ตุลาคม พ.ศ.2476 หลังจากท่ีประเทศไทย มีการ
เปล่ียนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไปสู่การ
ปกครองระบอบประชาธิปไตยได้เพียงปีเศษ เหล่าทหารจานวนหนึ่ง ท่ี
ประจาการอยู่ท่ีฐานที่ต้ัง ณ เมืองนครราชสีมา นาโดยพลเอกพระวรวงศ์
เธอพระองค์เจ้าบวรเดช ไม่เห็นด้วยกับแนววิธีการปกครองของ
คณะราษฎร จึงได้รวมกาลังก่อการปฏิวัติขึ้น แต่ไม่ประสบผลสาเร็จ ต้อง
พ่ายแพ้แก่ฝ่ายรัฐบาลไปในที่สุด และเรียกการปฏิวัติครั้งนี้ว่า " กบฏบวร
เดช" ขณะที่มีการก่อการปฏิวัตินั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินี ประทับแรมอยู่ ณ
ตาหนกั เปยี่ มสขุ สวนไกลกังวล อาเภอหัวหนิ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ
ได้ทรงฟังรายงานข่าวทางวิทยุกระจายเสียงว่า ได้มีการสู้รบกันระหว่าง
ฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายปฏิวัติท่ีจังหวัดเพชรบุรี และทหารของฝ่ายปฏิวัติแตก
พ่ายถอยร่นลงไปทางใต้ อาจไปเข้าเฝ้าทลู ละอองธลุ พี ระบาท เพื่อยึดเป็นที่
พง่ึ ได้
พระตาหนกั เขาน้อย
พระองค์กไ็ ม่ทรงสบายพระราชหฤทัย เพราะไม่ต้องพระราชประสงค์
ท่ีจะให้ผู้ใดอา้ งว่าทาอะไรเพ่ือพระราชบลั ลงั ก์ ดังนั้นในคนื วันท่ี 14 ตุลาคม
พ.ศ.2476 พระองค์จึงทรงตัดสินพระราชหฤทัยเสด็จพระราชดาเนินจาก
พระตาหนกั เปี่ยมสขุ มงุ่ ไปทางใต้ซึง่ ห่างไกลจากเหตุการณ์เพ่ือแสดงถึงการ
วางพระองค์เป็นกลาง โดยเสด็จโดยเรือพระที่นั่งศรวรุณ ไปประทับที่พระ
ตาหนักเขานอ้ ย ของสมเดจ็ พระเจ้าพี่ยาเธอ เจา้ ฟา้ ยคุ ลฑฆิ มั พร กรมหลวง
ลพบรุ รี าเมศวร์ จังหวดั สงขลา ซ่ึงหา่ งไกลเหตกุ ารณ์
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบตั ิ
พระตาหนกั โนล หรอื บา้ นโนล (Knowle House)
ภายหลังการเกิดกบฏบวรเดช วันท่ี 27 สิงหาคม พ.ศ.2477
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดาเนินไปประเทศ
อังกฤษ เพื่อทรงรับการรักษาพระเนตรอีกครั้ง และเสด็จพระราชดาเนิน
เยือนประเทศต่างๆ เพ่ือกระชับสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ โดยมี
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชนิ ี ทรงร่วมเสด็จฯด้วยเช่นเคย
และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จพระราชดาเนินไป
ประทับประเทศอังกฤษ เพ่ือทรงรับการรักษาพระเนตร โดยได้ทรงเช่า
คฤหาสน์หลังหนง่ึ ไว้เปน็ ท่ีประทับในมณฑลเซอรเ์ รย์ ซ่งึ พระราชทานชอื่ ว่า
"บ้านโนล" ซ่ึงต้ังอยู่ท่ีตาบลแครนลี จังหวัดเธอร์เร่ย์ ใกล้เมืองกิลล์ฟอร์ด
หา่ งจากกรงุ ลอนดอนไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 35 ไมล์ ทรงเชา่ จากลอรด์
และเลดีแสกวิลล์ เป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่สีเทา มีลักษณะสถาปัตยกรรม
แบบบาโร๊ค หน้าต่างสูงแบบฝรง่ั เศสมีปลอ่ งไฟสงู จานวนมาก อาณาบรเิ วณ
โดยรอบกว้างขวางสวยงามด้วยพฤกษานานาพันธ์ุ ปัจจุบันคฤหาสน์แห่งน้ี
ได้รับการดัดแปลงเป็นสถานพักฟ้ืน เรียกว่า โนล พาร์ค เนอร์สซ่ิงโฮม
ยงั คงมสี วนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนดิ ชาวบา้ นในแถบนน้ั ยงั คงเลา่ ขานถงึ
ล้นเกล้าฯ ท้ังสองพระองค์ดว้ ยความประทบั ใจในพระราชจรยิ วัตร ดังไดต้ ง้ั
ชื่อห้องชุดของสถานพักฟื้นของผู้หายป่วยชุดหนึ่งเพ่ือเป็นพระบรมราชา
นสุ รณว์ า่ "The Siam Suite"
ระหวา่ งประทับ ณ พระตาหนกั โนล ประเทศอังกฤษ พระบาทสมเดจ็
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจรจากับคณะผู้แทนที่รัฐบาลส่งไปเฝ้าฯ มีการ
โตต้ อบไปมาระยะหน่งึ แตท่ ้ายทส่ี ุดทรงพระราชวนิ จิ ฉยั ว่า เรอ่ื งทร่ี ฐั บาลไม่
อาจสนองพระราชกระแสได้น้ัน เป็นหลักการสาคัญแห่งการปกครองระบบ
รฐั ธรรมนูญตามท่ที รงเขา้ พระราชหฤทัย เช่น รัฐบาลไม่ใหโ้ อกาสจาเลยคดี
ทางการเมืองต่อสู้คดีในศาล และรัฐบาลแต่งตั้งพวกพ้องเกือบหมดเป็น
สมาชิกผู้แทนราษฏร ประเภทที่ 2 โดยไม่คานึงถึงความชานาญหรือขอ
พระราชทานคาแนะนา และรฐั บาลไม่ได้ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนอยา่ ง
เพียงพอ ไม่ตรงกับพระราชปณิธานอย่างแน่วแน่ของพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจา้ อยู่หัว
ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงตัดสินพระราชหฤทัยสละราชสมบัติ หลังจากท่ีพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศท่ีจะทรงสละราชสมบัติแล้ว พระองค์
พร้อมกับสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินี และพระประยูร
ญาติสนิทบางพระองค์ จึงทรงย้ายท่ีประทับจากใจกลางเมืองไปอยู่ใน
ชนบทใกล้กรุงลอนดอน ทรงวางพระองค์เยี่ยงคหบดีชนบท ทรงจัดสวน
เล้ียงนกเล้ียงปลา เสด็จประพาสทัศนศึกษาตามโบราณสถานต่าง ๆ
เปน็ ต้น
สงครามโลกครั้งที่ 2 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยหู่ ัว และ
สมเดจ็ พระนางเจ้าราไพรรณี
ทรงประทบั ทพ่ี ระตาหนักคอมปต์ นั เฮา้ ส์ ประเทศองั กฤษ
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินีน้ัน ทรงมีพระราช
หฤทัยเข้มแข็งเด็ดเด่ียว ท่ีจะทรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเช่นเคย หลังจากที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยหู่ ัว ทรงสละราชสมบตั ิ พระองค์และ สมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณี
พระบรมราชินี ไดเ้ สด็จพระราชดาเนนิ ไป ประทบั ยังพระตาหนกั เกลนพาม
เมนต์ มณฑลเซอรเ์ รย์ ทรงวางพระองค์เยยี่ งคหบดีชนบท และทรงใช้เวลา
ว่างในการจัดสวน แม้สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินี จะ
ทรงพ้นจากพระราชภารกิจ ที่สาคัญย่ิงคือ การถวายการพยาบาล สมเด็จ
พระปกเกล้าเจา้ อยหู่ ัว ซง่ึ มพี ระพลานามยั ไม่แข็งแรง
หลังจากประทับอยู่ที่ พระตาหนักเกลนพามเมนต์ ได้ประมาณ 2 ปี
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระอาการประชวรหนักมาก
ข้ึน จึงทรงซื้อพระตาหนักใหม่ท่ีมณฑลเคนต์ ชื่อว่า เวนคอร์ต ซ่ึงเป็นพระ
ตาหนกั ทีเ่ ลก็ เหมาะแก่การดแู ลรักษา ในระหว่างทีป่ ระทับอยทู่ ่พี ระตาหนกั
เวนคอร์ต มหาสงครามโลกคร้ังที่ 2 ได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงย้ายที่ประทับไปที่พระ
ตาหนกั คอมพต์ นั มณฑลเซอรเ์ รย์
ระหว่างที่ประทับอยู่ในประเทศอังกฤษนั้น สมเด็จพระนางเจ้าราไพ
พรรณี ทรงมีพระราชภารกิจท่ีสาคัญยิ่ง คือการถวายการพยาบาล
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซ่ึงมีราชพลานามัยไม่แข็งแรง และ
ประชวรอยู่เป็นเนืองนิตย์ พระองค์จึงต้องเสด็จฯติดตามพระราชสวามี
อยา่ งใกลช้ ิด นอกจากนี้ ยงั ตอ้ งดูแลพระตาหนักที่ประทับด้วยพระองค์เอง
เพาะรัฐบาลไทยได้เรียกผู้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้เบ้ืองพระยุคลบาท กลับ
ประเทศไทยหมด เหลือเพียงข้าราชบริพารไม่กค่ี น
พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอย่หู ัวเสดจ็ สวรรคต
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์ทรงพระประชวรอยู่
เนือง ๆ โดย พ.ศ. 2480 พระองค์ทรงพระประชวรมากด้วยโรคตัวบิดเข้า
ไปอยู่ในพระยกนะ (ตับ) แต่แพทย์ได้รักษาจนเป็นปกติ พระอาการ
ประชวรของพระองค์กาเริบหนักขึ้นโดยลาดับต้ังแต่ธันวาคม พ.ศ. 2483
แตก่ เ็ รม่ิ ทุเลาขน้ึ เรือ่ ยมา กระทั่งวนั ท่ี 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 พระองค์
เสด็จสวรรคตโดยฉับพลันด้วยพระหทัยวาย ขณะที่มีพระชนมายุ 48
พรรษา ณ พระตาหนักคอมป์ตันเฮ้าส์ ป ร ะ เ ท ศ อั ง ก ฤ ษ
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินีทรงจัดการพระบรม
ศพ และถวายพระเพลงิ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นการภายใน โดยอัญเชิญพระบรมศพประดิษฐาน ณ พระตาหนัก
คอมพ์ตัน โดยรัฐบาลอังกฤษได้อนุญาตเป็นกรณีพิเศษในการประดิษฐาน
พระบรมศพเป็นเวลา 4 วันซ่ึงตามปกติจะอนุญาตเพียงวันเดียว เพ่ือให้
ประยรู ญาติท่ีอยู่ห่างไกลมาถวายบังคมลาเป็นครั้งสุดท้าย การจัดการพระ
บรมศพนั้นเป็นไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีการบาเพ็ญพระราชกุศลทาง
ศาสนาพทุ ธเพราะไมม่ ีพระภิกษุ รวมท้ังไม่มกี ารพระราชพิธีอื่น ๆ ตามราช
ประเพณดี ้วย
สุสาน Colders Green ประเทศองั กฤษ
สถานทถี่ วายพระเพลงิ รชั กาลที่ 7
งานพระบรมศพจัดอย่างเรียบง่ายที่สุดตามพระประสงค์ก่อนที่
พระองคจ์ ะสวรรคต คอื ไม่ต้องมีพระโกศ ไม่ต้องประโคมย่ายาม ไม่ต้องมี
พระสงฆ์สวด ไม่ต้องเครื่องยศ แล้วเผาให้ไวท่ีสุด ไม่ต้องร้องไห้
เมื่อได้ประดิษฐานพระบรมศพไว้ครบ 4 คืนเพ่ือให้พระประยูรญาติที่อยู่
ห่ า ง ไ ก ล ไ ด้ เ ส ด็ จ ม า เ ฝ้ า ก ร า บ ถ ว า ย บั ง ค ม ล า เ ป็น ค รั้ ง สุ ด ท้ า ย
ในวนั ท่ี 4 มถิ ุนายน พ.ศ.2484 มีการจัดพิธีถวายพระเพลิง ณ สุสาน
Colders Green
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินียังประทับอยู่ในประเทศ
อังกฤษตอ่ ไปดังเดมิ ถงึ แม้ว่าพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หวั ไดเ้ สด็จ
สวรรคตไปแล้ว เพราะการคมนาคมติดต่อระหว่างประเทศยังไม่มีความ
ปลอดภัยในช่วงสงคราม และเมื่อประเทศไทยประกาศสงครามกับอังกฤษ
และสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองน้ัน คนไทยจานวนไม่น้อย
อพยพกลับประเทศไทยหลังการประกาศสงคราม แต่ก็มีอีกจานวนหน่ึงที่
พานักอยู่ในต่างประเทศได้ประกาศตัวเป็นเสรีไทย ทางานประสานกับเสรี
ไทยในกรุงเทพมหานคร โดยรัฐบาลอังกฤษยังคงให้เกียรติพระองค์มา
ตลอด แม้ว่ารฐั บาลองั กฤษได้ส่ังห้ามมใิ ห้ชาติศัตรใู ชร้ ถยนต์ ยกเวน้ แตก่ รณี
พิเศษซ่ึงพระองค์ก็ได้สิทธิพิเศษน้ัน และคอยจัดน้ามันเบนซินซ่ึงหายาก
ในช่วงนั้นมาให้พระองค์ใช้อยู่เป็นประจาสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี
พระบรมราชินี แม้จะมิได้มีพระนามร่วมในคณะเสรีไทยอย่างเป็นทาง
ราชการ แต่ก็ได้พระราชทานพระกรุณาอุดหนุนจุนเจือกิจการของเสรีไทย
ในประเทศองั กฤษมาตลอด ซึ่งในขณะนน้ั มเี สรไี ทยทง้ั หมดเพียง 36 คนใน
ประเทศอังกฤษ
สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี
เสดจ็ นวิ ตั ปิ ระเทศไทยพรอ้ มพระบรมอฐั ขิ อง รชั กาลท่ี 7
ในทส่ี ุดหลงั จากประทับอยู่ท่ี ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 15 ปี สมเด็จ
พระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินี ก็ได้เสด็จนิวัติสู่ประเทศไทย เมื่อ
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2492 ได้ทรงอัญเชิญพระบรมอัฐิของ
พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว กลับสู่ประเทศไทยโดยทางเรือตาม
คากราบทูลเชิญของรัฐบาลไทย และได้ประดิษฐานไว้ร่วมกันกับ สมเด็จ
พระบูรพมหากษตั รยิ าธริ าชเจา้ ประดษิ ฐานไว้ ณ ที่อันควรแก่พระบรมราช
อิสรยิ ยศในพระบรมมหาราชวงั
สาหรับพระราชฐานะของพระองค์เม่ือเสด็จนิวัติประเทศไทยนั้น
เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการพระราชวัง เลขาธิการคณะกรรมการ
กฤษฎีกา และหม่อมราชวงศ์เทวาธิราช เทวกุล ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นว่า
...สมเด็จพระบรมราชินีราไพพรรณี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นราชินีโดย
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ในงานพิธีราชาภิเษกรัชกาลท่ี 7 จริงอยู่
ทุกประเทศ รวมทั้ง ประเทศไทยด้วย เม่ือมีการเปล่ียนรัชกาลฐานะของ
พระราชนิ ยี อ่ มเปล่ียนไป เช่น พระราชินีแมร่ีและสมเด็จพระศรพี ัชรินทราบ
รมราชินี ฉะนั้น เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ทรงสละราชสมบัติ
แลว้ และการแต่งตั้งพระราชินีราไพพรรณีไม่มีการเพิกถอน ท่านก็น่าจะคง
เป็นพระราชินีตามเดิม แต่ไม่ใช่พระราชินีซ่ึงพระราชสวามีทรงราชย์
Queen Consort เปล่ียนเป็นพระราชินีวิธวา Queen Dowager ฉะน้ัน
น่าจะขนานพระนามถวายโดยอนุโลมพระสวามีว่า สมเด็จพระบรมราชินี
รัชกาลท่ี 7...
วงั สระปทมุ
การเสด็จฯ นิวัติสู่ประเทศไทยครั้งนี้ รัฐบาลมีดาริจะจัด วังตาบลท่า
ช้างอันเป็นท่ีท่ี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรม พระสวัสดิวัดนวิศิษฏ์พระ
บรมชนก ในพระองค์ เคยประทับมาก่อนนั้น ถวายเปน็ ท่ีประทับ เนือ่ งจาก
วังศโุ ขทัย ยังคงเป็นทท่ี าการของกระทรวงสาธารณสขุ พระองค์จึงทรงต้อง
เสด็จไปประทบั อยใู่ นตาหนักของสมเด็จพระมหติ ลาธิเบศร อดลุ ยเดชวกิ รม
พระบรมราชชนก วงั สระปทมุ แทน เนือ่ งจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรม
ราชชนนีได้เชิญเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินีไปอยู่
ร่วมกับพระองค์ โดยทรงไปประทับอยู่ท่ีนั่นนานถึงสามปี ถึงได้เสด็จพระ
ราชดาเนินกลับมาประทับท่ีพระตาหนักวังศุโขทัย บางวโรกาสบางคร้ังยัง
ทรงปฏบิ ัติพระราชกรณยี กิจแทนพระองคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวภมู ิ
พลอดลุ ยเดชอกี ด้วย
เน่ืองจากทรงมพี ระราชหฤทัยท่อี อ่ นโยน ไม่ต้องพระราชประสงค์ท่ีจะ
ทรงรบกวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในการประทบั ณ ตาหนกั
วังสระปทุมนานเกินควร อีกทั้งทรงมีพระราชประสงค์ที่จะประทับใน
ต่างจังหวัดด้วยโปรดธรรมชาติและการทาสวน จึงมีพระราชดาริท่ีจะหา
ท่ีดินเพื่อสร้างพระตาหนักท่ีประทับสาหรับพักผ่อน พระราชอิริยาบถและ
ทรงเยยี่ มราษฎรในจังหวัดนั้น
เสดจ็ ประทบั วงั สวนบา้ นแก้ว จันทบรุ ี
วงั สวนบา้ นแก้ว จนั ทบุรี
ในการหาที่ดินในต่างจังหวัดนั้น สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ มี
พระราชดาริไว้ 2 แห่งคือ ท่ีจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดจันทบุรี แต่ใน