ทส่ี ุดแลว้ ทรงสนพระราชฤทัยจงั หวัดจันทบรุ ี เพราะระยะเวลาใกล้กว่าและ
สามารถเสด็จพระราชดาเนนิ เข้ากรุงเทพฯ ได้ภายในวันเดียว จงึ โปรดเกล้า
ฯ ให้พันตรี หม่อมทวีวงค์ถวัลยศักด์ิเลขาธิการสานักพระราชวัง และหา
ที่ดินในจังหวัดจันทบุรี และได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดาเนินไป
ทอดพระเนตรทีด่ นิ ซ่ึงในระยะน้นั เสน้ ทางคมนาคมยังไมส่ ะดวก ต้องเสด็จ
ฯ ไปตามถนนที่ยงั ไม่ได้ราดยางเป็นหลุมบ่อ เต็มไปด้วยฝุ่นละออง รถพระ
ท่ีนั่งกระแทกกระเทือนไปตลอดทางในท่ีสุดทรงพบที่ที่ต้องพระราชหฤทัย
ตรงทางแยกเขา้ ตัวเมืองจันทบรุ ี
คลองสวนบา้ นแกว้
ด้วยทรงเห็นว่าเป็นสถานที่ซ่ึงมีธรรมชาติ งดงาม เงียบสงบ ต้องกับ
พระราชอัธยาศัยของพระองค์ จึงทรงกู้เงินจากธนาคารเพ่ือซ้ือที่ดินสองฝ่ัง
คลอง บ้านแก้วรวมเนือ้ ท่ี 687 ไร่ พระราชทานสนามสถานท่ีแห่งนี้ตามช่ือ
คลองว่า “สวนบ้านแก้ว” โปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพารทาการปรับท่ีดิน
พร้อมกับสร้างที่ประทับช่ัวคราวทาด้วยไม้ไผ่หลังคามุงจาก และได้เสด็จ
พระราชดาเนนิ ไปประทับแรมคร้งั แรก เม่อื วันที่ 20 มิถุนายน พุทธศักราช
2493 ซึง่ ในขณะนั้นยังไมม่ ไี ฟฟ้าและน้าประปาใช้
พระตาหนกั ใหญ่ (เรือนเทา) ทป่ี ระทบั ของสมเด็จพระนางเจา้ ราไพพรรณี
สองปีตอ่ มา สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง
พระตาหนักใหญ่ (พระตาหนักเทา) บนเนินท่ีลาดลงไปยังหุบเขา ซึ่งเป็น
บริเวณท่ีมีทัศนียภาพสวยงาม เพ่ือเป็นท่ีประทับและรับรองแขก พระ
ตาหนกั เปน็ อาคารแบบชน้ั ครง่ึ รูปทรงยโุ รปทาสีเทาช้ันบนเป็นหอ้ งบรรทม
ซึ่งมีที่เฉลียงท่ีพระองค์สามารถทอดพระเนตรทิวทัศน์งดงามของสวนบ้าน
แก้วได้กว้างไกล
พระตาหนกั ดอนแค (เรอื นแดง)
พระตาหนักที่มีการสร้างเพิ่มเติมอีกคือ พระตาหนักดอนแค ชื่อพระ
ตาหนักมีท่ีมาจากบริเวณถนนหน้าพระตาหนักปลูกต้นแค่ฝรั่งเรียงราย
งดงาม จึงเรียกขานกนั วา่ “ดอนแค” เป็นพระตาหนักทีส่ มเด็จพระนางเจา้
ราไพพรรณีฯ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพ่ือเป็นท่ีประทับสาหรับเจ้าขุนมูล
นายช้ันผู้ใหญ่และราชเลขานุการส่วนพระองค์ เป็นอาคารสองช้ันแบบ
ยุโรปสร้างด้วยไม้สักทาสีแดง มีสระน้าขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังตาหนัก เดิม
เคยเป็นท่ีพักของหม่อมราชวงศ์สมัครสมาน กฤดากร ราชเลขานุการ
นอกจากน้ี ด้านทิศตะวันตกของตาหนักดอนแคยังเป็นท่ีต้ังของตาหนัก
น้อย ซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านช้ันเดียวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างข้ึนเพ่ือเป็นที่
รับรองพระราชวงศ์ท่ีเสด็จมาเย่ียมเยือน และทรงใช้เป็นท่ีประทับสาราญ
พระราชอิริยาบถในบางโอกาส
เรอื นเขยี ว
มเี รอื นอีกหน่งึ หลงั สร้างแบบบังกะโลเรียกว่าเรือนเขียวเป็นที่พักของ
ราชเลขานุการ เรือนท้ังสามหลังนี้นับเป็นอาคารชุดแรกของสวนบ้านแก้ว
การก่อสร้างพระตาหนักและส่ิงก่อสร้างต่าง ๆ นั้นสมเด็จพระนางเจ้าราไร
พรรณีฯ โปรดให้เปน็ ไปด้วยความประหยดั ทส่ี ดุ เทา่ ที่จะเป็นไปได้ นบั ตงั้ แต่
โปรดเกล้าฯ ใหจ้ ้างชา่ งชาวจีนมาสอนคนงานทีส่ วนบา้ นแก้ว ทาอิฐ เผาอิฐ
เผากระเบื้องมุงหลังคาเอง เน่อื งจากอิฐบางบัวทองขณะนั้นราคาก้อนละ 2
บาท การขนส่งจากกรุงเทพฯ ก็ลาบาก อิฐที่เผาในสวนบ้านแก้วจะมี
สัญลักษณ์เป็นตัวอักษรว่า ส บ ก ซ่ึงโปรดเกล้าให้นาอิฐ ส บ ก ไปใช้ใน
การก่อสร้างพระตาหนกั และสิ่งก่อสรา้ งต่าง ๆ
ในระยะแรกพ้ืนทส่ี วนบ้านแก้วส่วนหนึง่ ยังเป็นป่าทบึ มที ่ีบุกเบิกเป็น
ไร่บ้าง ส่วนใหญ่ยังมีสภาพรกร้าง สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี ฯ ทรง
บุกเบิกที่เพ่ือปลกู พชื ไร่ เช่นถ่ัวลิสง นนุ่ โดยมีพระราชประสงค์ให้ปลูกเป็น
ตัวอย่างแก่ราษฎร แต่เน่ืองจากพืชท้ังสองชนิดไม่เหมาะสมกับสภาพ
อากาศ สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะในการทา
ไรท่ าสวนบา้ นแกว้ ดว้ ยพระองค์เองอยเู่ สมอ อาทิ ทรงปลกู และเกบ็ เมลด็ ถว่ั
ลิสงร่วมกับข้าราชการบริพารและคนงาน ตลอดจนทรงดูแลเลี้ยงสัตว์ต่าง
ๆ บางครงั้ ถึงกับทรงขับรถแทรคเตอร์และตัดหญ้าด้วยพระองค์เองจังหวัด
จันบุรี จึงทรงเปล่ียนไปปลูกมะพร้าวแทน นอกจากนี้ ได้ทรงปลูกมัน
สาปะหลงั เพ่ือกนั ไม่ให้หญา้ ข้ึนรก และเพอ่ื ช่วยยึดดิน ซงึ่ ไดผ้ ลผลติ ดีมาก
ผลแตงโมทสี่ มเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณฯี ทรงปลกู
ในช่วงที่ปลูกพืชไร่น้ัน หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดาดร ซึ่งทรงเชี่ยวชาญ
ด้านการเกษตรได้ถวายคาแนะนาสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ ให้ทรง
ทดลองปลูกแตงโม แตงไทย และแคนตาลูป ประมาณ 8 ไร่ ปรากฏว่า
ได้ผลเป็นท่ีน่าพอใจโดยเฉพาะแตงโมมีผลโตและน้าหนักมาก การปลูก
แตงโมน้ันทรงปลูกเพื่อเสวยเองและแจกจ่ายแก่บุคคลต่างๆ มิได้นาออก
ขาย ออกจากพืชไร่ สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ ยังโปรดเกล้าฯ ให้
ปลูกผักสวนครัวและผลไม้ต่างๆ เช่น ส้มเขียวหวาน ประมาณ 3,000 ต้น
เงาะ ลางสาด มงั คดุ เปน็ ต้น
สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณีฯ ทรงเลยี้ งไก่พนั ธเ์ุ น้ือและพันธไ์ุ ข่
สาหรับการเลี้ยงสัตว์ โปรดเกล้าฯ ให้ส่ังไก่พันธุ์ไข่จากต่างประเทศ
หลายพันธ์ุ จานวนประมาณ 2,000 ตัว เพื่อทดสอบเลี้ยง โดยฝักไข่ไก่ด้วย
เคร่ือง นอกจากนี้ยังทรงเลี้ยงเป็ดพันธุ์ปักกิ่ง ห่าน และวัวพันธุ์เนื้อ
ประมาณ 100 ตวั โดยเลย้ี งตามธรรมชาติ ท้งั นี้เพอ่ื ช่วยในการปราบหญา้
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ มพี ระราชประสงคท์ จี่ ะใหว้ งั สวนบา้ น
แก้วนี้ดาเนินกิจการในด้านการปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกไม้ผลนานาชนิด
ท้งั ที่เปน็ พชื ไมผ้ ลในทอ้ งถนิ่ และพชื และไม้ผลจากทอ่ี ่ืน ตลอดจนมกี ารเลยี้ ง
สัตว์ เพื่อท่ีจะให้เป็นไร่ตัวอย่างมากกว่าเป็นการค้า โดยทาการทดลองว่า
หากปลูกพืชหรือเล้ียงสัตว์ชนิดใดได้ผลดี ก็จะทรงนาเอาความรู้นั้นออก
เผยแพรแ่ กป่ ระชาชน
หม่อมราชวงศ์สมัครสมาน กฤดากร ราชเลขานุการในพระองค์ถึงแก่
กรรม หม่อมเจ้าผ่องผัสมณี จักรพันธุ์ พระขณิฐาของสมเด็จพระนางเจ้า
ราไพพรรณีฯ ทรงดารงตาแหน่งราชเลขานุการ แทน และประทับที่พระ
ตาหนักดอนแค สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ ได้เสด็จฯมาประทับกับ
หม่อมเจ้าผ่องผัสมณี จนกระท่ังเสด็จพระราชดาเนินกลับไปประทับ ณ
วงั ศุโขทยั เปน็ การถาวร
สมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณฯี โปรดการปลกู ตน้ ไม้ ทาสวน
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ โปรดดอกไม้เป็นอย่างยิ่ง เม่ือทรง
ว่างจากพระราชกรณียกิจแล้ว ก็โปรดท่ีจะประทับในเรือนเพาะชา ทรง
ปลูกต้นไม้รดน้า ใส่ปุ๋ยด้วยพระองค์เอง บริเวณพระตาหนักใหญ่และพระ
ตาหนักดอนแคจึงงดงามด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ท้ังไม้ยืนต้น เช่น
มะฮอกกานี ราชพฤกษ์ (คูณ) ศรีตรัง เสลา อินทนิล หางนกยูงฝรั่ง และ
เหลืองอินเดีย ซึ่งให้ท้ังความร่มร่ืนและความงามยามที่ดอกบานสะพรั่ง
สวนไม้พุ่มที่ช่วยเติมแต่งสีสันและให้กลิ่นหอม ล้วนมีหลากหลาย เช่น
ลั่นทม แก้วแคฝรั่งโศกสปัน ดอนย่า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีไม้เถาเล้ือย
เช่น พุทธชาด พวงแสด พวงทอง พวงชมพู พงแก้มแดง พวงคราม
พวงโกเมน และพวงหยก ซึ่งเป็นพันธ์ุไม้ท่ีหายากและมีดอกท่ีสวยงาม
แปลกตา สว่ นตามถนนบริเวณพระตาหนกั ทรงปลูกกวา่ สที่ ิศ บังสวรรค์ ซึ่ง
เป็นไม้ดอกประเภทหัว (Bulbs) ท่ีเม่ือถึงฤดูกาลก็จะมีดอกท่ีสร้างสีสัน
สดใสโดยรอบบรเิ วณพระตาหนกั ท้ังสอง
สวนสว่ นพระองค์ สมเด็จพระนางเจา้ ราไพพรรณี
ด้วยเหตุผลท่ีสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ โปรดการปลูกต้นไม้
ทาสวน จึงโปรดให้จัดสวนส่วนพระองค์บริเวณพ้ืนท่ีระหว่างพระตาหนัก
ใหญ่ และพระตาหนักดอนแคเป็นที่ประทับทรงพระสาราญส่วนพระองค์
โดยก่อกาแพงด้วยอฐิ โปร่งรอบบรเิ วณ ภายในบริเวณสวนร่มร่ืนและงดงาม
ด้วยพันธ์ุไม้ท่ีทรงโปรดปราน เช่น ลิ้นจ่ี มังคุด มะปริง มะปราง มีเล้าไก่
สาหรบั เลีย้ งไก่พนั ธ์ุไข่ มีกรงนกขนาดใหญ่ท่สี รา้ งคลมุ ต้นไม้สาหรบั เลย้ี งนก
นานาชนิด ด้านหลังสวนส่วนพระองค์ โปรดให้สงวนต้นใหญ่ไว้ให้สภาพ
เป็นปา่ ธรรมชาติ
พระตาหนักใหญ่และพระตาหนักดอนแคจึงงดงามด้วยพันธ์ุไม้นานา
ชนดิ ทัง้ ไม้ยนื ต้น เชน่ มะฮอกกานี ราชพฤกษ์ (คณู ) ศรตี รงั เสลา อนิ ทนลิ
หางนกยูงฝรั่ง และเหลืองอินเดีย ซ่ึงให้ทั้งความร่มรื่นและความงามยามที่
ดอกบานสะพร่ัง สวนไม้พุ่มที่ช่วยเติมแต่งสีสันและให้กล่ินหอม ล้วนมี
หลากหลาย เช่น ล่ันทม แก้วแคฝร่ังโศกสปัน ดอนย่า เป็นต้น นอกจากน้ี
ยังมีไม้เถาเลื้อย เช่น พุทธชาด พวงแสด พวงทอง พวงชมพู พงแก้มแดง
พวงคราม พวงโกเมน และพวงหยก ซ่ึงเป็นพันธ์ุไม้ท่ีหายากและมีดอกที่
สวยงามแปลกตา ส่วนตามถนนบริเวณพระตาหนักทรงปลูกกว่าส่ีทิศ บัง
สวรรค์ ซ่ึงเป็นไม้ดอกประเภทหัว (Bulbs) ท่ีเมื่อถึงฤดูกาลก็จะมีดอกท่ี
สร้างสีสันสดใสโดยรอบบริเวณพระตาหนักทั้งสอง บริเวณท่ีเป็นสวน
ดอกไม้ส่วนพระองค์ อยู่ด้านตะวันออกของพระตาหนักใหญ่ เป็นสวน
ดอกไม้เมืองหนาวมีสระเล้ียงเต่า เลี้ยงปลาและสระน้าท่ีสร้างเป็นระดับ
ลดหลั่นมาเพ่อื ใหน้ า้ ไหลรนิ ลงสเู่ บอื้ งล่าง สวนดอกไมแ้ ห่งนี้เปน็ สถานทที่ รง
สาราญพระราชหฤทัยของพระองค์ตลอดเวลาท่ีประทับ ณ สวนบ้าน
แกว้
สมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณี ให้ความรกู้ ารทอเส่อื กบั พสกนกิ ร
ระหว่างที่ประทับ ณ สวนบ้านแก้ว สมเด็จพระนางเจา้ ราไพพรรณี ได้
ทรงเรม่ิ พฒั นาการทอเสอื่ จนั ทบูร ซงึ่ เป็นหตั ถกรรมพืน้ บา้ นของชาวจังหวดั
จันทบุรี ให้มีคุณภาพสีสันและรูปแบบท่ีงดงามข้ึน เน่ืองจากทรงพบ
ข้อบกพร่องของเสื่อจันทบูรหลายประการ เช่น สีของเส่ือมักจะตกและมี
เพียงไมก่ สี่ ี ซึ่งสว่ นมากเปน็ สีเขม้ เช่น เขียว เหลอื แดง เปน็ ต้น พระองค์จึง
โปรดเกลา้ ฯ ให้ตง้ั โรงงานทอเสอ่ื ข้ึนในสวนบ้านแก้ว โดยสั่งซ้ือกกตากแห้ง
จากชาวบ้านมาเป็นวัตถุดิบในการทอเสื่อและมีพระราชดาริให้ปรับปรุง
คณุ ภาพสที ใี่ ช้ย้อม กก โดยมีหมอ่ มเจ้ากอกษัตริย์ สวัสดิวัฒน์พระอนุชาซึ่ง
เป็นอาจารย์สอนวชิ าเคมีมหาวทิ ยาลัยสิงคโปรช์ ว่ ยคน้ ควา้ วธิ ยี อ้ มกกไมใ่ หส้ ี
ตก และคิดกรรมวิธีฟอกกกให้ขาวก่อนนาไปย้อมสี ซึ่งทาให้สามารถย้อม
กกเปน็ สีอ่นื ๆ ได้ เช่นสีชมพู เหลืองอ่อน ขาว เป็นตน้
สมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณีทรงพฒั นาการทอเสอื่
นอกจากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ ยังทรงออกแบบ
กระเป๋าเส่ือให้มีรูปทรงที่ทันสมัย ลวดลายสวยงามทั้งยังส่งเสริมให้นาเสื่อ
กกมาผลิตเป็นของใช้ประเภทอื่น เช่น กระเป๋าเอกสาร ถาด ที่รองแก้ว ท่ี
รองจาน กลอ่ งใส่กระดาษเช็ดมอื ฯลฯ โดยทรงออกแบบตรวจตราคณุ ภาพ
ผลิตภัณฑ์ด้วยพระองค์เอง และโปรดเกล้าฯให้ติดเคร่ืองหมายการค้าเป็น
รูปคนหาบกระจาด มีอักษรย่อ ส.บ.ก (สวนบ้านแก้ว) ใช้ชื่อว่า
“อุสาหกรรมชาวบ้าน”ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ท้ังนี้ด้วยมีพระราช
ประสงค์ท่ีจะให้โรงงานทอเสือ่ ของพระองคเ์ ป็นสถานทีเ่ ผยแพร่ความรู้ดา้ น
การประกอบอาชพี ใหแ้ กร่ าษฎร
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี และ
สมเดจ็ พระบรมราชนิ นี าถ
เมอ่ื วันที่ 17 พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช 2499 พระบาทสมเด็จ พระ
เ จ้ า อ ยู่ หั ว ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ด ช ฯ แ ล ะ ส ม เ ด็ จ พ ร ะ น า ง เ จ้ า สิ ริ กิ ต์ิ
พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดาเนินมาท่ีสวนบ้านแก้ว การเสด็จ
พระราชดาเนนิ คร้งั นี้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวได้ทรงปลูกต้นจาปาไว้
ด้านขา้ งพระตาหนักใหญ่ และสมเดจ็ พระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรง
ปลกู ตน้ เงาะไวบ้ ริเวณเดยี วกนั
สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณีฯ โปรดเลยี้ งสนุ ขั
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี โปรดสุนัขมาก ทรงเล้ียงไว้ 12 ตัว
เมื่อเวลาเสด็จในสวนบ้านแก้ว สุนัขท้ัง 12 ตัว จะตามเสด็จพระองค์ไปทุก
หนทุกแห่ง ท้ังทรงสร้างสระน้าให้สุนัขลงเล่นโดยสร้างไว้ด้านหน้าพระ
ตาหนักดอนแค นอกจากน้ียังทรงเล้ยี ง ววั เก้งและหมีทท่ี รงเลีย้ งไวด้ ุมาก
ทรงหาทนุ จดั สรา้ งตกึ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จนั ทบรุ ี
สมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณีฯ
ทรงทาพธิ เี จิมปา้ ยโรงพยาบาลพระปกเกลา้ จนั ทบรุ ี
ครั้งสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ เสด็จพระราชดาเนินมา
ทอดพระเนตรท่ีดินที่จังหวัดจันทบุรีนั้นทรงช่วยข้าราชบริพารเตรียมพระ
กระยาหารและทรงทามีดบาดพระดัชนีเป็นรอยแผล จึงเสด็จพระราช
ดาเนินไปยังโรงพยาบาลประจาจังหวัดจันทบุรี ซ่ึงสร้างข้ึนมาตั้งแต่
พุทธศักราช 2453 ทรงประสบกับภาวะขาดแคลนและยากไร้ของ
โรงพยาบาลซึง่ มเี พยี งอาคารเล็ก ๆ เพียงหลังเดียวท่ีอยู่ในสภาพทรุดโทรม
ทรงตระหนักว่าการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนน้ันยังไม่เพียงพอเป็นการ
สมควรท่ีจะจัดสร้างตึกและจัดหาเครื่องมือสาหรับการรักษาพยาบาลให้
มากข้ึน พระองค์มีพระราชดาริว่าควรสร้างตึกผ่าตัดพร้อมเครื่องมือที่
ทันสมัยขึ้นมาก่อนเพ่ือช่วยเหลือประชาชนท่ีต้องเข้ารับการรักษาด้วยการ
ผ่าตัดได้อย่างทันท่วงทีโดยไม่ต้องเดินทางไปรักษายังพระนครอันมีความ
เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ พระองค์ทรงรับเป็นพระราชภาระในการจัดหาทุน
เพื่อสร้างตึกผ่าตัด ทั้งได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุน
ในเบอ้ื งตน้ ในการสร้างตึกของโรงพยาบาล และแจ้งพระราชประสงค์ไปยัง
พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและประชาชนด้วยจันทบุรีในการหาทุน
ทานุบารุงจดั สรา้ งตึกใหมใ่ หโ้ รงพยาบาล ทงั้ พระองค์โปรดเกล้า ฯ ใหม้ กี าร
แสดงละครในพระราชินูปถัมภ์เพ่ือจัดหาทุนก่อสร้างตึกผ่าตัดให้แก่
โรงพยาบาลประจาจงั หวัดจนั ทบุรี
พระบรมรปู พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อยูห่ วั
ณ โรงพยาบาลพระปกเกลา้ จงั หวดั จันทบุรี
เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จในพุทธศักราช 2497 ได้พระราชทานนาม
ตกึ หลงั น้ีว่า “ตกึ ประชาธปิ ก” และพระราชทานตราศกั ดิเดชน์ ซ่ึงเป็นตรา
ประจาพระองค์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ อัน
เป็นพระนามเดิมของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวให้เป็นตรา
ประจาตึก และทรงสรา้ งพระบรมรูปพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หัว
ประดิษฐานไว้ท่ีมขุ หน้าตึกด้วยด้วยพระราชจรยิ วตั รของสมเดจ็ พระนางเจา้
ราไพพรรณี รัฐบาลสมัยนั้นจึงสนองพระราชดาริโดยการปรับปรุง
โรงพยาบาลให้มีขนาดใหญ่และทันสมัยยิ่งข้ึน คือขยายจากโรงพยาบาล
ขนาด 50 เตียง เป็น 150 เตียง พร้อมด้วยอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย
และได้สร้างวิทยาลัยพยาบาลเพ่ือเป็นศูนย์กลางของการศึกษาวิชา
พยาบาลผดุงครรภ์และอนามัยของภาคตะวันออกทั้งให้มีการเปลี่ยนนาม
โรงพยาบาลเป็น “โรงพยาบาลพระปกเกล้า” เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็น
พระบรมราชานุสรณ์แดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั
พระราชทานประกาศนียบตั ร ใหน้ กั ศกึ ษาพยาบาล วทิ ยาลัยพยาบาล
พระปกเกลา้ จนั ทบรุ ี
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯได้ทรงรับโรงพยาบาลพระปกเกล้า
และวิทยาลัยพยาบาลไว้ในพระราชินูปถัมภ์ และได้รับระราชทานทุนใน
การดาเนนิ งานของโรงพยาบาลชื่อ “ทนุ ประชาธิปก นอกจากนี้ พระองคไ์ ด้
พระราชทานทรพั ย์สนิ และพระราชทรัพยเ์ ป็นจานวนท้ังสน้ิ 2,715,041.68
บาท เป็นทุนเริ่มต้นในการจัดต้ัง ต่อมาได้พัฒนาขึ้นเป็น “มูลนิธิประชาธิ
ปก” ในพุทธศักราช 2518 "มูลนิธิประชาธิปก" (ต่อมาคือ มูลนิธิประชาธิ
ปก-ราไพพรรณี) เพ่ือสนับสนุนกิจการของโรงพยาบาลพระปกเกล้า
วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี และมหาวิทยาลัยราชภัฏราไพ
พรรณี ในการก่อสร้าง จัดซ้ืออุปกรณ์ ตลอดจนค่าใช้จ่าย ต่าง ๆ ของ
สถาบันดังกล่าว และเพื่อให้เงินสมทบ "ทุนประชาธิปกบรมราชานุสรณ์"
และช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เง่ือนไขสาคัญของ
การรบั ทุนคือผรู้ บั ทนุ ต้องกลับมาทางานพัฒนาท้องถิ่นของตนต่อไป
พระมหากรณุ าธคิ ณุ แกว่ ทิ ยาลยั ครจู ันทบุรี
(มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราไพพรรณี)
วทิ ยาลยั ครูจนั ทบรุ ี
ในปี พ.ศ. 2511 รัฐบาลกราบบงั คมทลู พระกรุณาขอรับพระราชทาน
สวนบ้านแก้ว เพ่ือก่อตั้งเป็นวิทยาลัยครูจันทบุรี สมเด็จพระนางเจ้าราไพ
พ ร ร ณี ท ร ง ตั ด สิ น พ ร ะ ร า ช ห ฤ ทั ย ข า ย วั ง ส ว น บ้ า น แ ก้ ว ใ ห้ แ ก่
กระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากทางกระทรวงต้องการที่ดินสร้างโรงเรียน
ฝึกหัดครูจันทบุรี (ปัจจุบัน คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏราไพพรรณี) จึงทรง
ตัดสนิ พระทยั ขายให้ในราคาถกู และได้เสด็จพระราชดาเนินกลับไปประทับ
ณ วังศุโขทัยเป็นการถาวร เน่ืองจากทรงมีพระประยูรญาติและข้าราช
บริพารส่วนใหญ่เป็นสตรี ยากที่จะตามเสด็จพระราชดาเนินไปต่างจังหวัด
ประกอบกับพระองค์ทรงมพี ระชนมายสุ งู ขนึ้ และพลานามัยไม่สมบรู ณน์ กั
พระบรมรปู สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี
ณ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏราไพพรรณี
รัฐบาลได้ทูลเกล้า ฯ ถวายเงิน 18 ล้านบาท เป็นค่าสิ่งปลูกสร้างและ
ที่ดิน สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ ก็ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้
ดว้ ยความเตม็ เปยี่ มพระราชหฤทยั ด้วยทรงมุง่ ส่งเสริมให้จังหวัดจันทบุรีได้
มีสถาบันการศึกษาชั้นสูง เพื่อให้มีการศึกษาแก่เยาวชนที่มีภูมิลาเนาใน
จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดใกลเ้ คียง
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศต้ังวิทยาลัยครูจันทบุรี เมื่อวันท่ี 8
มิถุนายน พุทธศักราช 2515 เริ่มทาการสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชา
การศึกษา ต่อมาในปีพุทธศักราช 2516 วิทยาลัยได้รับพระราชทานตรา
“ศักดิเดชน์” ซึ่งเป็นตราประจาพระองค์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัวเป็นตราประจาวิทยาลัย และปีพุทธศักราช 2528 วิทยาลัยครู
จันทบุรีก็ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยหู่ ัวรัชกาลปัจจุบันให้อัญเชิญพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้า
ราไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลท่ี 7 เป็นนามของวิทยาลัย คือ
“วิทยาลยั ราไพพรรณี”
วิทยาลัยราไพพรรณี เป็นสถาบันอุดมศึกษา สังกัดสานักงาน
คณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ต้ังอยู่เลขท่ี 41 หมทู่ ่ี 5
ตาบลท่าช้าง อาเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ประกาศจัดตั้งครั้งแรกเป็น
“วิทยาลัยครูจันทบุรี” เมื่อวันที่15 มิถุนายน 2515 ณ บริเวณวังสวนบ้าน
แก้ว อันเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรม
ราชินีในรัชกาลท่ี 7 ซึ่งพระราชทานให้กระทรวงศึกษาธิการ ต้ังเป็น
วิทยาลัยครูจันทบุรี และได้รับพระราชทานตราศักดิเดชน์ ซึ่งเป็นตรา
ประจาพระองค์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นตราประจา
วทิ ยาลยั
เดือนมีนาคม 2528 ได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระ
นามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี เป็นนามของวิทยาลัย ว่า
“วิทยาลัยราไพพรรณี”
เมื่อวันท่ี 21 มิถุนายน 2533 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จ
พระสังฆราชสกล มหาสังฆปรินายก ได้พระราชทานคติธรรมประจา
วิทยาลัยราไพพรรณีว่า “ปณฺฑิโต นิปุณ สวิเธติ” แปลว่า “บัณฑิตย่อม
ฉลาดจัดการ”
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2536 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ได้
พระราชทานชื่อให้เป็น “สถาบันราชภัฏราไพพรรณี” เมื่อวันที่ 15
มิถุนายน 2547 ได้เปล่ียนเป็น “มหาวิทยาลัยราชภัฏราไพพรรณี” ตาม
ประกาศพระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั ราชภฏั
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี พระบรมราชินี ทรงพระมหา
กรุณาธิคุณแก่ วิทยาลัยครูจันทบุรีอย่างหาท่ีเปรียบมิได้ พระองค์ทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดาเนินวิทยาลัยครูจันทบุรี 3 คร้ัง ดังน้ี
วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2516 เสด็จพระราชดาเนินวิทยาลัยครูจันทบุรีเป็น
ครงั้ แรก วันท่ี 14 มีนาคม พ.ศ.2518 เสด็จฯ พระราชทานประกาศนยี บัตร
นักศึกษาวิทยาลัยครูจันทบุรีท่ีสาเร็จการศึกษาประจาปีการศึกษา 2517
วันท่ี 30 มีนาคม พ.ศ.2519 เสด็จฯ พระราชทานประกาศนียบัตร
นักศกึ ษาวทิ ยาลยั ครจู ันทบรุ ที ่ีสาเร็จการศึกษา ประจาปกี ารศึกษา 2518
สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณีฯ ทรงประชวร
พุทธศักราช 2518 ขณะสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ ทรงมีพระ
ชนมพรรษาอายุได้ 71 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯ ทรงมี
อาการประชวรด้วยพระโรคความดันโลหิตสูง พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งคณะแพทย์ข้ึนดูแลพระอาการ
และหลังจากนั้น 2 ปี คือพ.ศ.2526 พระองค์เสด็จฯ เข้าไปทรง
รักษาพยาบาลในโรงพยาบาลสมิตเิ วชระยะหนึ่ง จงึ ไดเ้ สดจ็ กลบั มาประทับ
ณ วังศุโขทัยตามเดิม ซึ่งตลอดระยะเวลาท่ีประชวร พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอย่หู วั รชั กาลปัจจบุ ัน ทรงเอาพระราชหฤทยั ใสห่ ว่ งใยในพระอาการ
อยู่เสมอ โดยทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหต้ งั้ คณะแพทยศ์ าสตรเ์ พ่ือถวาย
การดูแลพระอาการอย่างใกล้ชิด อีกทั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารีก็ได้เสด็จฯ ไปทรงเย่ียมท่ีโรงพยาบาลและท่ีวังศุโขทัย
มิไดข้ าด พรอ้ มกับทรงจัดหาดอกไม้ประดบั พระตาหนกั และได้โปรดเกล้าฯ
ให้เจ้าหน้าท่ีของสวนจิตรลดา นาต้นไม้ไปปลูกถวายในบริเวณวังศุโขทัย
โดยมีพระราชประสงค์ให้สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณี ทรงพระเกษม
สาราญ
พระเจ้าอย่หู วั สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ พรอ้ มดว้ ยสมเดจ็
พระเจา้ ลกู เธอ
เสดจ็ เยย่ี มสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณฯี
บ า ง ค รั้ ง จ ะ เ ส ด็ จ ม า ป ร ะ ทั บ ที่ พ ร ะ ต า ห นั ก ช ม ด ง หั ว หิ น
ประจวบครี ขี ันธ์ ซึง่ ด้านข้างพระตาหนักชมดง หวั หนิ มเี ฉลียงเป็นแนวยาว
ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯทรงใช้เป็นที่เสวยพระสุธาร
รสชา ณ ที่นี้ทรงเคยรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชนิ นี าถ พรอ้ มดว้ ยสมเดจ็ พระเจ้าลูกเธออีกทัง้ รับเสดจ็ ฯ สมเดจ็
พระศรีนครินทราบรมราชชนนีพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าพ่ีนางเธอ เจ้าฟ้า
กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระประยูร
ญาติ ได้ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่และทรงห่วงใยสมเด็จพระนางเจ้าราไพ
พรรณีฯ เป็นอย่างย่ิงส่ิงที่ทรงปฏิบัติอย่างสม่าเสมอคือหลายพระองค์ได้
เสด็จพระราชดาเนินไปทรงเย่ียมเยียนสมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณี เปน็
เนอื งนติ ย์
สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีเสด็จเสดจ็ สวรรคต
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ประกอบพระราชพธิ บี รมศพ
สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณฯี
ในขณะทมี่ พี ระชนมายไุ ด้ 71 พรรษาและวนั ท่ี 22 พฤษภาคม พ.ศ.
2527 เวลา 15.50 นาฬกิ า สมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณีเสดจ็ เสด็จ
สวรรคตดว้ ยพระหทยั วายโดยพระอาการสงบ ณ พระตาหนกั วงั ศโุ ขทยั
รวมพระชนมายไุ ด้ 79 พรรษา 5 เดือน 2 วนั พระบาทสมเดจ็ พระ
เจ้าอยหู่ วั ทรงเศรา้ สลดพระราชหฤทัยเปน็ อยา่ งยง่ิ และทรงอาลยั ระลกึ ถงึ
พระคณุ ปู การทท่ี รงมพี ระราชจริยวตั รตงั้ อยใู่ นสจั ธรรมและขนั ตอิ ยา่ งมน่ั คง
เปน็ ทเ่ี คารพสกั การะอย่างยง่ิ ของพระองค์ ตลอดจนพระบรมวงศานวุ งศ์
พระโกศสมเด็จพระนางเจา้ ราไพพรรณฯี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภมู พิ ลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการ
โปรดเกล้าฯ ให้สานักพระราชวังจัดการพระบรมศพถวายพระเกียรติยศ
ตามราชประเพณี โดยอญั เชิญพระบรมศพถวายพระลองทองใหญ่ประกอบ
พระโกศ ประดิษฐานเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดลจาหลักลายประดับ
รัตนชาติภายใต้สัปตปฎลเศวตฉัตร (ฉัตร 7 ชั้น) ณ พระท่ีน่ังดุสิตมหา
ปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง พร้อมท้ังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสานักไว้ทุกข์
ถวาย มีกาหนด 100 วัน ต้ังแต่วันสวรรคตเป็นต้นไป นอกจากนี้ สานัก
นายกรัฐมนตรีได้ประกาศให้สถานท่ีราชการต่าง ๆ ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา
3 วนั และใหข้ า้ ราชการไวท้ กุ ข์เปน็ เวลา 15 วันด้วย พระเจ้าอยู่หัวจึงทรง
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ต้ังการพระราชพิธีถวายพระเพลิง
พระบรมศพ ณ พระเมรุมาศท้องสนามหลวงใน วันท่ี 9 เมษายน พ.ศ.
2528
พระเมรุมาศ สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี พระบรมราชนิ ี
พระเมรุมาศ สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี
สาหรับพระเมรุมาศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
ออกแบบโดยนายประเวศ ลิมปรังษี โดยใช้พระเมรุมาศองค์กลางของ
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถมาเป็นแนวทางในการออกแบบ
และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดารัสถึงแนว
ทางการตาด มีฉากบังเพลิง ผนังภายนอกประดับลายกระดาษทองย่นฉลุ
ลายสีแบบลงยา ผนังภายในใช้สีชมพูเป็นพื้นออกแบบว่า “ขอให้
ดาเนินการโดยประหยัด แต่ให้ครบถ้วนตามขัตติย ราชประเพณี และสม
พระเกียรติยศพระบรมศพ อกี ประการหนึง่ ฐานพระเมรมุ าศไมค่ วรสงู นกั จะ
เปน็ การลาบาก แกพ่ ระบรมวงศานุวงศ์ทจ่ี ะข้นึ ถวายพระเพลิงพระบรมศพ
ซงึ่ ทรงเจรญิ พระชนมายมุ ากพระพรรษาด้วยกนั หลายพระองค์”
พระเมรุมาศสมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณีฯ เปน็ อาคารทรงปราสาท
แบบจตุรมุข ยอดทรงมณฑปประกอบด้วยพรหมพักตร์ ยอดบนสุด
ประดิษฐานสัปตปฎลเศวตฉัตร ตัวอาคารประกอบด้วยชั้นฐานทักษิณ
สาหรับองค์พระเมรมุ าศนน้ั สว่ นหลังคาประกอบด้วยมุขทิศและเคร่อื งยอด
ประดับตกแต่งด้วยลวดลายกระดาษทองย่นฉลุสาบสี หน้าบันประดับพระ
นามาภิไธยย่อ ร.พ. องค์พระเมรุเป็นอาคารโถง ตกแต่งด้วยม่านผาส่วน
ฐานทกั ษณิ มีบันได 4 ทิศ ประดบั ด้วยรปู ปน้ั เทวดา ในทา่ น่ังบนแท่นเสา
พนักลูกกรงระเบียงโดยรอบ ตามคติไตรภูมิตามแบบโบราณราชประเพณี
ทุกประการ
พระราชพธิ ถี วายพระเพลิงพระบรมศพ สมเดจ็ พระนางเจา้ ราไพพรรณี
ณ พระเมรมุ าศ ทอ้ งสนามหลวง
พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช
ทรงเกบ็ พระบรมอัฐิ สมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณี
พระบรมราชนิ ใี นรชั กาลท่ี 7
วงั สวนบ้านแก้ว จนั ทบุรี
ในวันท่ี 9 เมษายน พ.ศ. 2528 จึงมีการจัดพระราชพิธีถวายพระ
เพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง หลังจากนั้น จึงมีการ
เชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมานองค์ซ้าย พระท่ีนั่ง
จักรีมหาปราสาท และเชิญพระราชสรีรังคารไปบรรจุท่ีฐานพุทธบัลลังก์
พระพุทธอังคีรส ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ส่วนพระเกศาเชิญใส่
พระบรมโกศองค์ 1 พระทนต์เชิญใส่พระบรมโกศทองอีกองค์ 1 แล้วเชิญ
ไปประดิษฐานบนบุษบกพระวิมานพระบรมอัฐิ ที่พระตาหนักเทา วังสวน
บา้ นแกว้
สมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณี
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า
ราไพพรรณี ไม่ปรากฎว่ามีพระราชโอรส หรือพระราชธิดา พระราชหฤทัย
และพระเมตตาที่สมเด็จพระนางเจ้าราไพพรรณีฯที่มีต่อปวงชนชาวไทย
พระราชจริยวัตรอันงดงาม ตลอดจนพระราชกรณียกิจที่ทรงกระทาเพื่อ
ประชาชนมาโดยตลอดพระชนม์ชีพ ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของผสกนิกร
ไทยตลอดไป
...................................................................................
ขอ้ มลู อ้างอิง
พระราชประวัตสิ มเด็จพระนางเจา้ ราไพพรรณี พระบรมราชนิ ใี นรชั กาล
ที่ 7, หนงั สืออนสุ รณง์ าน
พระบรมศพสมเดจ็ พระนางเจ้าราไพพรรณี ณ พระเมรุมาศ
ทอ้ งสนามหลวง , 2528.
"มลู นธิ ปิ ระชาธปิ ก-ราไพพรรณ"ี . วทิ ยาลยั พยาบาลพระปกเกลา้ จันทบุรี.
สมภพ ภิรมย,์ ศาสตราจารย์ น.อ.. พระเมรมุ าศ พระเมรุ และเมรุ
สมยั กรงุ รัตนโกสินทร์. พิมพค์ รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ:อมรนิ ทรก์ ารพมิ พ์.
2528.
หมอ่ มราชวงศก์ ิตวิ ฒั นา ปกมนตรี. เขยี นถงึ สมเด็จ. พมิ พค์ รง้ั ท่ี 3.
กรงุ เทพฯ:เลมอนที. 2547.
หนงั สอื 72 ปี โรงพยาบาลพระปกเกลา้ . บรษิ ทั จามจรุ โี ปรดกั ท์ 26. 2555.
https://th.wikipedia.org/.../
www.rbru.ac.th/rb_barni/histo.php
kingprajadhipokstudy.blogspot.com/2011/02/blog-ost_06.html
www.rama7.chula.ac.th/history.html
www.toptenthailand.com/topten/detail
www.wangsuanbankaew.com/index
www.posttoday.com/analysis/report
pantip.com/topic/30408569
www.rbru.ac.th/rb/about_History.php
ขอขอบคณุ ภาพและเนอื้ หาจากเวบ็ ไซต์ตา่ งๆ
………………………………………………………