พระราชประวตั ิ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทร
มหาวชริ าลงกรณ พระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ผเู้ รยี บเรยี งนายประสาร ธาราพรรค์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระปฐมบรมราชโองการและทรงหล่ัง
ทักษิโณทกต้ังพระราชสัตยาธิษฐานในอันที่จะปฏิบัติตามพระปฐมบรมราช
โองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอดและครองแผ่นดินโดยธรรม เพ่ือ
ประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
เทดิ พระเกียรติพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทร
มหาวชริ าลงกรณ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
พระบาทสมเดจ็ พระวชริ เกลา้ ฯ
พระผา่ นเผา้ ครองใจไทย ทวั่ ทศิ า
นา้ พระทยั แผก่ วา้ งไกล ไทยทั่วหลา้
พระเมตตา แผค่ มุ้ ภยั ไทยทั่วกนั
พระดแู ล พระราชชนนี สุดหัวใจ
พระหวงั ให้ พระองคไ์ ท้ เปี่ยมสขุ สนั ต์
พระราชกจิ ทรงบา้ เพ็ญ นจิ นริ นั ดร์
ทรงมงุ่ มนั่ สรา้ งเสรมิ ไทย ใหร้ งุ่ เรอื ง
ทรงห่วงใย โควดิ รา้ ย ทา้ ลายชาติ
ทรงชว่ ยราษฎร์ ทกุ วถิ ี อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
พระราชทานทรพั ย์ เพ่ือแกไ้ ข ไทยประเทอื ง
ทรงปลดเปลอ้ื ง ลดทกุ ขภ์ ยั ท่วั พสธุ า
พระราชทาน พระบรมราโชบาย ใหน้ ายกฯ
ไมต่ ระหนก ตอ้ งเขา้ ใจ ในปัญหา
เสยี สละ เพ่ือความสขุ ปวงประชา
เปา้ หมายว่า ให้โรคน้ี สงบลง
ทรงจดั หา เครอ่ื งมือแพทย์ พรอ้ มเกอ้ื หนนุ
ทรงเจือจนุ เวชภณั ฑ์ ทส่ี งู สง่
ทรงมอบถงุ ยงั ชพี ราษฎรด์ า้ รง
พระราชประสงค์ ลดโรครา้ ย ได้ทวั่ ไทย
ธ ทรงมอบ รถเอกซเรย์ ระบบดจิ ทิ ัล
เพอ่ื ปอ้ งกัน รภู้ ยั ร้าย ทนั สมัย
ทงั้ รถตรวจ โรคติดเชอ้ื ชวี นริ ภยั
เครอื่ งช่วยหายใจ แกไ้ ขได้ ทนั ทว่ งที
มโี รงครวั พระราชทาน จติ อาสา
พระกรณุ า มีทว่ั ไทย ใหส้ ขุ ี
พระราชหฤทยั เพอื่ ชาวไทย สขุ เปรมปรดี ์ิ
ซอ้ งสดดุ ี ขอพระองค์ ทรงพระเจรญิ
..................................................................
ดว้ ยเกล้าด้วยกระหมอ่ ม ขอเดชะ
ขา้ พระพทุ ธเจ้านายประสาร ธาราพรรค์
พระราชประวัตพิ ระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทร
มหาวชริ าลงกรณ พระวชริ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ
มหศิ รภมู ิพลราชวรางกูร กติ ิสิรสิ มบรู ณอดลุ ยเดช สยามินทราธิเบศราชวโรดม
บรมนาถบพติ ร พระวชริ เกล้าเจา้ อยู่หวั
พระนามเดิมของพระองค์ “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลง
กรณ บรมจกั รยาดิศรสันตตวิ งศ เทเวศรธา้ รง สบุ ริบาล อภิคณุ ปู ระการมหติ ลา
ดุลเดช ภูมพิ ลนเรศวรางกูร กติ ตสิ ิริสมบูรณส์ วางควฒั น์ บรมขัตติยราชกุมาร”
ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิแบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ
พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนีพนั ปหี ลวง
พระราชสมภพ
ทรงพระราชสมภพ ณ พระท่ีนั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เม่ือวัน
จันทร์ท่ี 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17:45 น. เสด็จพระราชสมภพ ตรง
กับ วันจันทร์ ข้ึน 6 ค่้า เดือน 9 ปีมะโรง จัตวาศก อธิกวาร จุลศักราช 1314
นับเป็นปีท่ี 7 แห่งการเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลท่ี 9
สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์
พระนาม "วชริ าลงกรณ" นน้ั สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณ
วงศ์ ทรงต้ังถวาย มาจาก "วชิรญาณะ" พระนามฉายาทง้ั ในพระองคเ์ องและใน
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงผนวช ผนวกกับ "อลงกรณ์"
จากพระนามเดิมในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า "ทรงเครื่องเพชรนิลจินดา" หรืออาจ
แปลว่า "อสุนีบาต"ขณะเม่ือทรงพระราชสมภพนั้น ประชาชนชาวไทยทั้ง
ประเทศท่เี ฝา้ รอคอยพระประสูติการต่างปลาบปลื้มปีติ ชื่นชมโสมนัส แซ่ซ้อง
ในพระบุญญาธิการ ดังที่ ศาสตราจารย์หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล ได้
บรรยายถึงบรรยากาศก่อนเวลาเสด็จพระราชสมภพ ตราบจนถึงนาทีอันเป็น
มงคลฤกษ์วา่ “...วนั น้ี คร้มึ ฟ้าคร้มึ ฝนตง้ั แต่เชา้ ฝนไมไ่ ดต้ กมานาน นายแพทย์
ผถู้ วายการประสูตเิ ขา้ ประจ้าที่สักครู่ก็ประสูติพระราชกุมาร เวลา 17 นาฬิกา
กับ 45 นาที ในนาทีเดียวกันนั้นเอง ฝนที่แล้งมาตลอดฤดูก็เริ่มโปรยปราย
ละอองลงมา ดูคล้ายๆ ฟ้าก็รู้เห็นเป็นใจกับการประสูติคร้ังน้ี อารามดีใจสม
ประสงคข์ องดวงใจทุกๆ ดวง นายแพทย์ที่ถวายการประสตู ิ ซ่งึ พรอ้ มทีจ่ ะบอก
แก่ที่ประชุม ณ พระท่ีน่ังอัมพรสถานว่า พระราชโอรส หรือ พระราชธิดา
กล่าวออกมาด้วยเสียงอันตื่นเต้นกังวานว่า ผู้ชาย แทนท่ีจะว่า พระราชโอรส
ฝนโปรยอยู่ตลอดเวลา แตรสังข์ดุริยางค์เริ่มประโคม ทหารบรรเลงเพลง
สรรเสริญพระบารมีปืนใหญ่ทั้งบกและเรือยิงสะเทือนเล่ือนล่ัน เสียงไชโยโห่
ร้องกด็ ังอย่สู นนั่ หว่นั ไหว สมใจประชาชนแลว้ ...ดวงใจทุกดวงมีความสขุ ...” ใน
หนังสือ สี่เจ้าฟ้า ฉบับเรียบเรียงใหม่โดย ลาวัณย์ โชตามระ เล่าว่า สยาม
มกุฎราชกุมาร เป็นทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าเพียงพระองค์เดียวที่ไม่มี ‘ชื่อเล่น’
เหมือนสมเด็จพระเชษฐภคินีหรือพระขนิษฐาอีก 3 พระองค์ อาจเพราะเป็น
‘ทูลกระหม่อมชาย’ เพียงพระองค์เดียว ค้าว่า ‘ชาย’ จึงเป็นเสมือนชื่อที่ใช้
แทนพระองค์
พระองค์มพี ระเชษฐภคินี คอื ทูลกระหมอ่ มหญิงอบุ ลรัตนราชกัญญา สิริ
วัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐภคินีสองพระองค์คือ สมเด็จพระกนิษฐาธิราช
เจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลง
กรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราช
กมุ ารี และสมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งนางเธอ เจ้าฟา้ จุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราช
กมุ ารี กรมพระศณสี วางควัฒน ขัตตยิ ราชนารี
พระราชพธิ สี มโภชเดือนและขน้ึ พระอู่
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จดั พระราชพิธสี มโภชเดือนและข้ึนพระอู่ขน้ึ ณ พระ
ท่ีน่งั อัมพรสถาน พระราชวงั ดสุ ิต ในระหว่างวันท่ี 14-15 กนั ยายน พ.ศ. 2495
โดยสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ทรงเป็นประธานเจรญิ พระ
พทุ ธมนตใ์ นเยน็ วนั ท่ี 14 กันยายน พ.ศ. 2495
เช้าวันรุ่งขึ้น (15 กันยายน) จึงมีพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์ในห้องพิธี เร่ิม
ด้วยพอถึงพระฤกษ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลย
เดชมหาราช ทรงจรดพระกรรบิดกรบิ พระเกศา ทรงเจมิ ทรงผูกด้ายพระขวัญ
พระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา พราหมณ์ประกอบพิธีลอยกุ้ง ปลาทอง มะพร้าว
เงิน มะพร้าวทองลงในพระขันสาคร แล้วพระสงฆ์ถวายอดเิ รก ถวายพระพรลา
พระม หาร าชค รูเ ชิญ เ สด็จ ข้ึนพ ระอู่แ ละเ ห่กล่อ มเ ปิดศิ วา ลัยไ กรลา ศ ตา ม
ประเพณีพธิ ีของพราหมณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอ
ดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงวางพระราชภัณฑ์ลงในพระอู่ตามพระ
ราชประเพณีแล้ว พระมหาราชครูเชิญสมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลง
กรณฯ ขึ้นพระอู่แล้ว พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาทเวียน
เทียนครบรอบตามประเพณี สภาวฒั นธรรมแห่งชาตไิ ดจ้ ัดขบั ไมม้ โหรขี บั กลอ่ ม
ถวายพระพรในวาระนี้ด้วย ในการน้ีมีการถ่ายทอดเสียงในพระราชพิธีทาง
วทิ ยุกระจายเสียงไปทัว่ ประเทศ
การศกึ ษา
โรงเรยี นจติ รลดา
พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดศี รสี นิ ทรมหาวชิราลงกรณ พระว
ชริ เกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือทรงเจริญวัยพระชนมายุได้ 4 พรรษา พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ทรงเข้ารับการศึกษา
ช้ันอนุบาลที่ 1 ณ โรงเรียนจิตรลดา เมื่อเดือนกันยายน พุทธศักราช 2499
ขณะน้ันโรงเรียนน้ียังต้ังอยู่ ณ พระท่ีนั่งอุดร พระราชวังดุสิต ต่อมาในปี
พทุ ธศักราช 2500 จึงยา้ ยไปอยูส่ วนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ได้ทรงศึกษาอยู่
ในโรงเรียนจติ รลดา จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ก่อนจะเสด็จไปทรงศึกษาต่อ
ที่ประเทศอังกฤษ
หนังสือ สี่เจ้าฟ้า ฉบับเรียบเรียงใหม่โดย ลาวัณย์ โชตามระ ได้เล่าถึง
เจ้าชายในช่วงวัยเยาว์ที่ศึกษาอยู่ในเมืองไทยว่า พระองค์เสด็จไปโรงเรียน
ตรงเวลาเสมอ เพราะจะตื่นบรรทมแต่เช้า ประมาณ 7 นาฬิกา เช้าวันใดไม่
ต้องทา้ การบ้าน เพราะท้าเสร็จแล้วตั้งแต่ตอนเย็น ก็จะทรงมีเวลาเล่นได้นาน
อาจจะทรงจักรยานรอบสระกลมใหญ่ หรือบางครั้งก็เสด็จไปแวะเยี่ยมกรม
ราชองครักษ์ และกองทหารรักษาการณ์ เพื่อทรงตรวจเร่ืองการกินอยู่ แล้วก็
เลยทรงเล่นหมากฮอสด้วยจนเวลาประมาณ 8 นาฬิกา จึงเสด็จขึ้นเพื่อสรง
น้า เสวย และเตรียมพระองค์เสด็จไปโรงเรียนจิตรลดา ที่เริ่มเรียนตั้งแต่
9 นาฬิกา หยุดพักกลางวัน และเริ่มเรียนในภาคบ่ายอีกครั้งจนถึงเวลา
15.55 นาฬิกาจากบันทึกในหนังสือระบุว่า ทูลกระหม่อมฟ้าชาย มักจะท้า
วิชาค้านวณได้ดีกว่าวิชาอ่ืน ซึ่งมักได้คะแนนเต็มเสมอ ด้านภาษาดีพอสมควร
และวิชาที่โปรดมากอีกอย่างคือวาดเขียนและป้ันรูป
เสด็จฯ ไปทรงศกึ ษาตอ่ ในระดับประถมศึกษาทโี่ รงเรยี นคงิ สม์ ดี แควน้ ซัส
เซกส์ และศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท
ประเทศองั กฤษ ต้งั แต่ พ.ศ. 2509 จนถึง พ.ศ. 2513
เมื่อทรงพระเจริญวัยขึ้น ก็ยิ่งมีพระอุปนิสัยสมกับเป็นผู้ชาย โปรดเล่น
เคร่ืองยนต์กลไกต่างๆ อย่างเด็กผู้ชายทั้งหลาย เช่น รถยนต์ เครื่องบิน รถถัง
เรือ และโปรดทอดพระเนตรหนังสือต่างๆ ที่เกี่ยวกับการช่าง การก่อสร้าง
และมีพระนิสัยใฝ่รู้ เมื่อทรงสงสัยสิ่งใดก็จะทรงตั้งปัญหาถามด้วยความชื่น
ชอบเครื่องบินและรถถังในวัยเยาว์ จึงไม่น่าแปลกใจ เมื่อเติบใหญ่เข้าสู่วัย
หนุ่ม ทูลกระหม่อมฟ้าชายจะทรงเลือกศึกษาต่อด้านการทหาร ทรงศึกษา
ต่อวิชาทหารทีโ่ รงเรยี นคงิ สส์ กลู ซดิ นยี ์ ประเทศออสเตรเลีย
เสร็จแล้ว ทรงการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ (ด้าน
การทหาร) จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เม่ือ พ.ศ.
2519
เหรยี ญที่ระลกึ ทรงจบการศกึ ษาที่โรงเรียนเสนาธกิ ารทหารบก
ร่นุ ที่ 46 เมือ่ พ.ศ. 2521
เม่ือนิวัติประเทศไทยทรงรับราชการทหารแล้วทรงศึกษาต่อที่ โรงเรียน
เสนาธิการทหารบก รุ่นท่ี 46 เมื่อ พ.ศ. 2520 ทรงเข้าศึกษาในสาขาวิชา
นิติศาสตร์ รุ่นท่ี2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อ พ.ศ. 2525 ทรง
สา้ เรจ็ การศึกษานติ ศิ าสตร์บณั ฑิต (เกียรตนิ ิยมอนั ดับ 2) และ พ.ศ. 2533 ทรง
ไดร้ บั การศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแหง่ สหราชอาณาจักร
ทรงต้ังปณิธานมุ่งม่ันศึกษาเพ่ือชาติและประชาชน
พระองค์มีพระราชด้ารัสให้ค้ามั่นไว้ในงานสโมสรสันนิบาต ซึ่งรัฐบาลจดั
ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ที่ทรงด้ารงพระอิสริยศักดิ์ สมเด็จพระบรมโอรสา
ธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันท่ี 29 ธันวาคม 2515 ณ ท้าเนียบรัฐบาล
ว่า“ข้าพเจ้าทราบตระหนักว่า ข้าพเจ้ามีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อ
ประเทศชาติอย่างสูง และการปฏิบัติราชการแผ่นดินนั้น เป็นภาระส้าคัญ
ใหญ่ยิ่ง ที่ต้องอาศัยทั้งสติปัญญาและความรู้ความสามารถอย่างพร้อมมูล
“ข้าพเจ้าจะต้องเพียรพยายาม ศึกษาและปฏิบัติฝึกฝนตนเองต่อไปอีก อย่าง
มาก เพื่อให้สามารถเหมาะสม กับหน้าที่ ตามท่ีทุกคนมุ่งหวัง…“ในโอกาสอัน
พิเศษนี้ จึงใคร่ขอให้ท่านท้ังหลายได้เป็นก้าลังใจสนับสนุนข้าพเจ้า และได้ต้ัง
ความปรารถนาร่วมกันกับข้าพเจ้าที่จะมุ่งมั่นประกอบกรณียกิจ ด้วยความ
สามัคคีพร้อมเพรียง และด้วยความสุจริตยุติธรรม เพื่อยังความเจริญมั่นคง
และความร่มเย็นเป็นผาสุกให้บังเกิดแก่ชาติ ประเทศ และประชาชนยั่งยืน
สืบไป…”
สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ ขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกุมาร
เมื่อพระองค์มีพระชนมายุครบ 20 พรรษา พระบาทสมเด็จพระบรมชน
กาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯ ให้มกี ารจัดพระราชพธิ สี ถาปนาสมเด็จพระเจา้ ลกู ยาเธอ เจ้าฟา้ วชริ าลง
กรณฯ ขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกมุ าร เมือ่ วนั ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 มพี ระ
นามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหา
วชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน์ วรขัตติยราช
สันตติว ง ศ์ ม หิตลพ ง ศ อดุล ยเ ดช จักรีนเ รศ ยุพราช วิสุทธิ สยา ม
มกุฎราชกุมาร" นับเป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์ท่ี 3 ของไทยนับเป็น
กระบวนการสืบราชสันตติวงศ์ที่ชัดเจนตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบ
สนั ตตวิ งศ์ พ.ศ.2460
ในมหามงคลวาระหลงั จากพระราชพิธถี อื นา้ พระพพิ ฒั นส์ ตั ยา สมเดจ็ พระ
บรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงถวายสัตย์ปฏิญาณซ่ึงแสดงถึงน้า
พระราชหฤทยั ที่ทรงมุ่งม่ันจะบ้าเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อชาติบ้านเมืองและ
ประชาชนชาวไทย เปน็ ทีซ่ าบซึ้งประทับใจพสกนกิ รอย่างย่งิ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ
ในการพิธีถือน้าพิพัฒน์สัตยา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่ง
แสดงถึงน้าพระราชหฤทัยท่ีทรงมุ่งม่ันจะบ้าเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อชาติ
บา้ นเมือง และประชาชนชาวไทย เป็นท่ซี าบซึ้งประทับใจพสกนกิ รอยา่ งย่งิ ดัง
ความว่า“ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกระท้าสัตย์ปฏิญาณสาบานต่อ
ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยเฉพาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เฉพาะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรท่ามกลางสันนิบาตน้ีว่า ข้าพเจ้าผู้เป็น
สยามมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศและอริยศักด์ิ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯพระราชทานไว้ด้วยชีวิต จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซ่ือสัตย์ต่อ
ประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าท่ีทุกอย่าง โดยเต็มก้าลังสติปัญญา
ความสามารถ และโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสุขและความมั่นคง
ไพบลู ย์ของประเทศไทย จนตราบเทา่ ชวี ติ ร่างกายจะหาไม่”
ทรงผนวช
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระทัยศรัทธาจะอุปสมบทในบวรพระพุทธศาสนา
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ
บพิตรจึงโปรดเกล้าฯ ให้ทรงผนวชในวันจันทร์ท่ี 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521
เวลา 15.37 น. ณ พระอโุ บสถ วัดพระศรีรตั นศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระอริ
ยวงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จ
พระญาณสงั วร (เจริญ สวุ ฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และสมเดจ็ พระธรี
ญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) ถวายอนุสาสน์ ผนวชแล้วเสด็จฯ ไปท้าทัฬหีกรรม ณ
พระอุโบสถพระพุทธรัตนสถาน เมื่อเวลา 16.59 น. โดยมีสมเด็จพระสังฆราช
(วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน)
เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เสร็จแล้วเสด็จฯ ไปประทับ ณ พระต้าหนักป้ัน
หยา่ วดั บวรนิเวศราชวรวหิ าร
พระมหารัชมงคลดิลก (บญุ เรือน ปุณณฺ โก) เป็นพระอภิบาล สมเดจ็ พระ
ญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงท้าหน้าท่ีพระ
อาจารยถ์ วายการอบรมพระธรรมวนิ ัย ขณะทพ่ี ระภกิ ษสุ มเดจ็ พระบรมโอรสาธิ
ราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จมาประทับ ณ วดั บวรนเิ วศวหิ าร ราชวรวิหาร
กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 6-20 พฤศจิกายน พ.ศ.2521ผนวชอยู่ 15
วันจึงลาผนวช
อภเิ ษกสมรสและพระราชโอรสพระราชธิดา
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชริ เกลา้ เจ้าอยู่หัว อภเิ ษกสมรสท้งั หมดสีค่ ร้ัง
ครง้ั ที่ 1 อภิเษกสมรสกบั พระเจ้าวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ โสมสวลี กรม
หมนื่ สุทธนารนี าถ (พระนามเดมิ : หม่อมหลวงโสมสวลี กติ ยิ ากร) ธดิ าของ
หมอ่ มราชวงศอ์ ดลุ กติ ์ิ กบั ทา่ นผหู้ ญงิ พนั ธส์ุ วลี กติ ยิ ากร ทรงมพี ระราชโอรส
ธิดา 2 พระองค์
1. พระราชโอรส 1 พระองค์ ไมม่ พี ระนาม (ตกพระโลหติ เม่ือพระชนั ษา
ในพระอทุ รได้สเ่ี ดือน),
2. พระราชธดิ า 1 พระองค์ สมเดจ็ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟา้ พชั รกติ ิยาภา
นเรนทริ าเทพยวดี (7 ธนั วาคม พ.ศ. 2521)
ครงั้ ท่ี 2 ทา่ นสุจารณิ ี วิวชั รวงศ์ (นามเดิม: ยวุ ธดิ า ผลประเสรฐิ ) ธดิ า
ของธนติ กบั เยาวลกั ษณ์ ผลประเสรฐิ มีพระโอรสธดิ า 5 พระองค์
1. ทา่ นจฑุ าวชั ร ววิ ชั รวงศ์ (29 สงิ หาคม พ.ศ. 2522)
2. ทา่ นวชั รเรศร ววิ ชั รวงศ์ (27 พฤษภาคม พ.ศ. 2524)
3. ทา่ นจกั รวี ชั ร ววิ ชั รวงศ์ (26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2526)
4. ทา่ นวชั รวรี ์ ววิ ชั รวงศ์ (14 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2528)
5. สมเด็จพระเจ้าลกู เธอ เจ้าฟา้ สริ วิ ณั ณวรี นารรี ตั นราชกญั ญา (พระ
นามเดมิ : หมอ่ มเจ้าบษุ ยน์ า้ เพชร มหิดล; 8 มกราคม พ.ศ. 2530)
ครง้ั ที่ 3 ท่านศรีรรี ศั มิ์ สวุ ะดี ธดิ าของอภริ จุ กบั วนั ทนยี ์ สวุ ะดี มพี ระ
ราชโอรส 1 พระองค์ สมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ ทปี งั กรรศั มโี ชติ มหาวชิ
โรตตมางกรู สิรวิ บิ ลู ยราชกมุ าร (29 เมษายน พ.ศ. 2548)
คร้ังท่ี 4 อภิเษกสมรสกับพลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา
และโปรดเกล้าฯสถาปนา พลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา พระ
อัครมเหสี เป็น สมเด็จพระราชินีสุทิดา ทรงด้ารงต้าแหน่งพระอิสริยยศ
ฐานนั ดรศกั ดแ์ิ ห่งพระราชวงศ์ ตงั้ แต่วันท่ี 1 พฤษภาคม 2562
พระราชประวัติสมเดจ็ พระราชนิ ีสุทิดา
สมเด็จพระนางเจ้าสทุ ดิ า พัชรสธุ าพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงพระ
ราชสมภพเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2521 ณ ต้าบลบ้านพรุ อ้าเภอ
หาดใหญ่ จงั หวัดสงขลา มีพระนามเดิมว่า สุทิดา ติดใจ เป็นพระธิดาของนาย
ค้า ติดใจ กับคุณหญิงจ่ังเฮียง ติดใจ ครอบครัวของพระองค์เป็นชาวไทยเชื้อ
สายจนี ทรงเข้าเรียนระดับมัธยมศกึ ษาที่โรงเรยี นหาดใหญว่ ทิ ยาลยั สมบรู ณก์ ลุ
กนั ยา จากนั้นจึงทรงเข้าศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ที่พณิชย
การพระนคร ต่อมาได้ทรงศึกษาหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต ณ คณะนิเทศ
ศาสตร์ มหาวิทยาลัยอสั สมั ชญั จนจบการศกึ ษาเม่ือปี พ.ศ. 2543 และทรงเขา้
เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บริษัท แจลเวย์ จ้ากัด เมื่อปี พ.ศ. 2543 -
พ.ศ. 2546 และทรงเป็นพนักงานต้อนรับบนเคร่ืองบิน บริษัท การบินไทย
จ้ากัด (มหาชน) เมอื่ ปี พ.ศ. 2546 - พ.ศ. 2551
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 มีพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสและ
สถาปนาสมเดจ็ พระราชินี ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยในวัน
เดียวกันนน้ั เว็บไซต์ราชกจิ จานุเบกษา เผยแพรพ่ ระราชโองการใหส้ ถาปนาพล
เอกหญิง สทุ ิดา วชริ าลงกรณ์ ณ อยุธยา พระอัครมเหสี เป็นสมเด็จพระราชินี
สทุ ิดา ทรงดา้ รงต้าแหนง่ พระอิสรยิ ยศ ฐานนั ดรศกั ดิแ์ ห่งพระราชวงศ์ภายหลัง
ที่ไดท้ รงประกอบพระราชพิธรี าชาภเิ ษกสมรสอยา่ งถกู ต้องตามกฎหมาย
ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้
ประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีสุทิดาขึ้นเป็น สมเด็จ
พระนางเจา้ สุทิดา พชั รสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีต่อมา พระบาทสมเด็จ
พระวชิรเกล้าเจ้าอย่หู วั มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมการ
บังคับบัญชาหน่วยราชการในพระองค์ ข้าราชการและข้าราชบริพารในกรม
กิจการในพระบรมวงศานุวงศ์ ข้ึนตรงกับ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธา
พิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการปฏิบัติ
ราชการ ดังนี้
1. ก อ ง ร า ช เ ล ข า นุ ก า ร ใ น พ ร ะ อ ง ค์ ส ม เ ด็ จ พ ร ะ น า ง เ จ้ า สิ ริ กิ ต์ิ
พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง
2. กองราชส้านกั สมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราช
ชนนพี นั ปหี ลวง
3. กองศิลปาชีพ
4. สถาบนั สริ ิกิต์ิ
5. มลู นธิ ิสง่ เสรมิ ศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจา้ สิริกิติ์ พระบรมราชนิ ีนาถ
6. นางสนองพระโอษฐ์และคุณข้าหลวงในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง
ต้ังแต่วันท่ี 10 มถิ ุนายน พ.ศ. 2562 เปน็ ต้นไป
สมเด็จพระราชินีสุทิดา ทรงเคยด้ารงต้าแหน่งรองผู้บัญชาการหน่วย
บัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ , ราชองครักษ์เวรในพระองค์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ , ผู้บังคับการ
โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวลั ลภรกั ษาพระองค์ ฯลฯ
เม่อื วันท่ี 13 ตลุ าคม 2560 มพี ระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
พระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้า (ฝ่ายใน) ให้แก่ พลเอก
หญิง สุทดิ า วชริ าลงกรณ์ ณ อยธุ ยา นับเปน็ สตรที ่านแรกทไี่ ด้รับพระราชทาน
เครื่องราชอสิ ริยาภรณน์ ใี้ นรชั กาลท่ี 10
เฉลมิ พระชนม พรรษา พระบรมราชนิ ี
ไทยเปรมปรดี ์ิ นอ้ มระลกึ พระมงิ่ ขวญั
รวมความรกั รวมหัวใจ ไทยผกู พนั
ทรงสรา้ งสรรค์ บา้ บัดทกุ ข์ สขุ ทวั่ ไทย
สมเดจ็ พระนางเจา้ สธุ ดิ าฯพระบรมราชนิ ี
คบู่ ารมี องคจ์ กั รี นริ ัตศิ ยั
ทรงสรา้ งเสรมิ พระเกียรติคณุ องคภ์ วู ไนย
ทรงทา้ ให้ ไทยทว่ั ไป ล้วนชน่ื ชม
ทรงสบื สาน งานพระบรมราชชนนี พันปหี ลวง
ทรงเป็นหว่ ง ปวงชาวไทย ไรส้ ขุ สม
ทรงสามารถ การทหาร ชนนยิ ม
ทรงเพาะบม่ ความสามารถ เปน็ นักบนิ
ทรงสา้ เรจ็ หลายหลกั สูตร การทหาร
ทรงเชยี่ วชาญ วฒั นธรรม ทว่ั ทกุ ถ่ิน
พระราชกจิ ทุกประการ เพือ่ ภมู นิ ทร์
สบื งานศลิ ป์ ทวั่ ผนื ไทย ไวน้ ริ นั ดร์
ทรงห่วงใย สถานการณ์ โรคโควดิ
ทรงตง้ั จติ คดิ แกไ้ ข ไทยสขุ สันต์
พระราชทาน ความชว่ ยเหลอื ไทยทว่ั กนั
ทรงหมายมน่ั แกโ้ รคร้าย ไทยมน่ั คง
ทรงคมุ หนว่ ย ปลอดภยั องค์ภวู นาถ
ทรงมงุ่ มาด รกั ษศ์ าสน์ ไทยสงู สง่
ทรงสรา้ งเสรมิ ชาตไิ ทย ให้ยืนยง
ขอพระองค์ ทรงพระเจรญิ ยง่ิ ยนื นาน
....................................................................
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ขา้ พระพทุ ธเจา้ นายประสาร ธาราพรรค์ ผปู้ ระพนั ธ์
ความสมั พนั ธภ์ ายในพระราชวงศ์
ทรงหว่ งใยดแู ลเอาใจใส่พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดุลย
เดชมหาราช บรมนาถบพติ ร พระราชบดิ าโดยเสมอมา
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวใน
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ
บพติ ร และสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนพี ัน
ปีหลวง โดยมีเร่ืองเล่าถึงความรักความอาทรของทั้งสามพระองค์ อีกทั้งยังมี
ภาพแห่งความประทับใจตลอดช่วงระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาในระหว่าง
เสด็จพระราชด้าเนินไปประกอบพระราชกรณียกิจ อย่างเมื่อวันศุกร์ท่ี
9 พฤศจิกายน พ.ศ.2499 มกี ารเผยแพร่พระบรมฉายาลกั ษณ์ ในขณะวัยเยาว์
ทรงบังคม ทูลกระหม่อมพ่อและสมเด็จแม่ ในระหว่างเสด็จฯไปทรงเปิดงาน
กาชาด ประจา้ ปี พ.ศ.2499
เมอื่ วนั ท่ี 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2555 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกา ธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯคร้ังทรงอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิ
ราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศในขณะน้ัน) เสด็จพระราชด้าเนินไป
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ทรงบ้าเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้า
พระกฐนิ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม ขณะเรือ
พระทีน่ งั่ สุพรรณหงส์เคล่อื นผ่านโรงพยาบาล ศิริราช ไดท้ รง ประทบั ยนื ถวาย
ความเคารพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปหี ลวง ซึ่งประทบั อยู่ทีโ่ รงพยาบาลศริ ริ าช
อีกหนงึ่ ภาพประทับท่มี ีการเผยแพร่ต่อเปน็ จ้านวนมากทสี่ ดุ ภาพหนึง่ คือ
เมอื่ ครง้ั ทพ่ี ระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เดือนมิถุนายน พ.ศ.2549
ในระหว่างที่ทรงต้อนรับพระราชอาคันตุกะในงานพระราชทานเล้ียง โอกาสท่ี
นายจอร์จ ดบั เบิล ยู บุช ประธานาธบิ ดสี หรัฐอเมริกา (ขณะน้นั ) และภริยา ได้
เดนิ ทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงดูแลฉลองพระองค์ถวาย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิแบศร มหาภูมิ
พลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แบบอย่างของการดูแลซึ่งกันและกัน
ของพ่อ-ลูก ในวันที่ทรงเจริญพระชนมมายุมากข้ึน เฉกเช่นเดียวกับเม่ือคร้ัง
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิร
เกล้าเจา้ อยู่หัว ยังทรงพระเยาวน์ น้ั พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหา
ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นผู้จัดฉลองพระองค์ให้พระ
ราชโอรสดว้ ยพระองค์เอง
ทรงมคี วามรกั มพี ระทยั ห่วงใย สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ ิกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ
พระบรมราชชนนีพนั ปีหลวง “สมเดจ็ แม”่ อยา่ งที่สดุ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รีสินทรมหาวชริ าลงกรณ พระวชิรเกล้า
เจ้าอยู่หัว พระองค์มีพระทัยห่วงใยรักพระราชมารดาอย่างย่ิง ขอยก
เหตุการณ์ที่แสดงถึงความรักความห่วงใยพระราชมารดา อาทิ ครั้งพระองค์
เสด็จพระราชด้าเนินไปทรงพระราชกรณียกิจกับ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นเร่ืองเล่าจากข้าราช
บรพิ าร หนึ่งในผ้ทู ่ีเคยเข้าถวายงานในฐานะช่างภาพ ที่เคยติดตามพระองค์ทั้ง
สอง ไดเ้ ผยแพร่ภาพผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Napan Sevikul (ผู้ท่ีเคยเข้าถวายงานใน
ฐานะชา่ งภาพ) พรอ้ มด้วยเรื่องเลา่ ว่า “ตามเสด็จมีสนุกบ้างไหม? ถ้า “มี
ความสุข” ละก็ ตอบเลย ว่าทุกเวลานาที แตถ่ ้าสนุก ซ่งึ มกั เป็นประสบการณ์ที่
จดจ้าไม่มีวันลืม ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน เช่น บ่ายวันหน่ึง มีขบวนสมเด็จพระ
นางเจ้าฯ ตามหมายว่าเสด็จฯพระองค์เดียว โดยผู้ติดตามขบวน ได้การบอก
เล่าแล้วว่า “เปียก” เพราะ “จะเสด็จฯ ตรวจป่า” (มีพระราชประสงค์ไป
ทอดพระเนตรพันธุ์ไม้แปลกๆ ในป่าพรุ เช่น หมากแดง หมากช้างร้อง หลาว
ชะโอน เฉพาะอย่างยิ่งย่านลิเพา) เปียกก็คือเปียก ..เปียกอยู่บ่อยๆ จนเป็น
เร่ืองปกติของเมือง “ฝนแปด ..แดดสี่” อย่างนราธิวาส (คิดเอง) แต่ “เปียก”
วันนั้น ไม่เหมือนวันอื่น และ “เสด็จฯ ตรวจป่า” ก็ไม่ใช่ป่าเขาตันหยง หลัง
พระตา้ หนัก แต่เปน็ “ป่าพรุ” ท่ีจนถึงวนั นี้ ก็ไม่แน่ใจวา่ พรุไหน? แต่เสน้ ทาง มี
แต่การลุยน้าตั้งแต่ระดับเข่าไปจนถึงระดับคอ ขบวนรถ แล่นไปถึงขอบพรุ ก็
ลงเดิน ย้่าน้า .. เสียงคุยกันแต่แรกก็ชักจะเงียบ เพราะป่าพรุน้ัน เดินเข้าไป
ก้าวเดียว แสงก็มืดแล้ว ..? เสียงตบยุง เสียงตีแมลง ดังข้ึนเป็นระยะๆ ..
เช่นเดียวกับความลึกของน้า ท่ีมีน้าใสก็แต่ผิวๆ ต่้าลงไปศอกเดียวก็เป็นโคลน
เหนียวหนบึ ทเี่ กิดจากการทับถมของใบไมน้ บั รอ้ ย นับพันปี .. เสือ้ ผ้า เร่มิ เปียก
เสยี งหวั เราะ มีเป็นคร้ังคราว เพราะหลายคน เร่ิมสูญเสียรองเท้าไปกับเลน ที่
ชักข้ึนมาไดแ้ ต่เทา้ เปลา่ ไปไดส้ ักพกั ก็เปียกปอนกนั ถว้ นทั่วทกุ คน ผู้ที่วางแผน
ดีก็อาจจะเปียกน้อยหน่อย เพราะไต่เอาตามต้นไม้ล้มท่ีมีเป็นระยะๆ..แต่ก็ไม่
คอ่ ยรอดหรอก .. เพราะบางทกี ็เหน็ ล่นื ลงน้าไปทัง้ ตวั เจ้านาย ก็เปียกเท่าข้า
ราชบริพารนั่นแหละ แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯ รับส่ังอย่างภาคภูมิใจว่า
พระองค์ทา่ น เปียกน้อยกวา่ คนอน่ื ๆ เพราะ “องครักษ์ประจ้าตัวฉัน ไมย่ อมให้
ฉนั เปยี กเลย ..ตรงไหนนา้ ลึกๆ กย็ กฉันจนตัวลอยพน้ นา้ เลย” (องครักษป์ ระจ้า
พระองค์ : ทรงหมายถึง พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรม
หาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่ีโดยเสด็จพระราชด้าเนินในวัน
น้ัน) 3-4 ชั่วโมงในป่าพรุ เต็มไปด้วยเสียงย่้าน้า เสียงหายใจหอบ (ของ
ตัวเอง) และเสียงหัวเราะดังข้ึนเป็น ระยะๆ เมื่อคนใดคนหนึ่งในคณะก้าว
พลาดลงไปในน้าที่กะความลึกไม่ได้ (เสียงหัวเราะจะดังเป็นพิเศษ เม่ือมีใคร
จมน้าลงไปในระดับเกือบศีรษะ) ช่างภาพตามเสด็จฯ เอาชีวิตรอดกลับมาได้
พร้อมกล้องแห้งๆ แต่เส้ือผ้าสีน้าตาลที่ใส่ไปวันนั้นหลายเป็น สีด้าสนิทหมด
ทางซกั ”
นอกจากการประพฤติปฏิบัติตนของพระองค์ท่ีแสดงความรักความเอ้ือ
อาทรห่วงใยพระราชมารดาอย่างท่ีสุดแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 10 พระองค์ยงั พระราชนิพนธ์ค้าประพันธอ์ ันเปน็ บทกลอนสดุ ซาบซง้ึ
สะท้อนให้เห็นถึงความรักที่ "ทูลกระหม่อมชาย (สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหา
วชิราลงกรณฯ)" มีต่อ “สมเด็จแม่” อย่างล้นพ้น ทรงพระราชนิพนธ์เน่ืองใน
โอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันท่ี 12 สิงหาคม 2515 ในระหว่างที่ทรง
ศกึ ษาวิชาการทหาร ณ โรงเรยี นนายรอ้ ยดันทรนู เครือรฐั ออสเตรเลีย ขณะนน้ั
พระองค์เจริญพระชนมายุได้ 20 พรรษา ซึ่งบทพระราชนิพนธ์น้ี บทกลอน
ถวายพระมารดา ที่ชื่อวา่ "ชายรักแม่ สดุ หัวใจ"
"ชายรกั แม่ สุดหวั ใจ"
วนั เฉลมิ สมเดจ็ แม่ ไดแ้ ตค่ ดิ ขอนอ้ มจิต รา้ ลึกถงึ คะนงึ หา
พระคณุ แม่ มากลน้ เหลือคณนา ลูกเกดิ มา โชคดี มแี มง่ าม
ไปเมอื งไหน ถกู ถาม ถงึ นามแม่ ว่าสวยแท้ ราชนิ ี แห่งสยาม
ควนี สริ ิกติ ์ิ จ้าขนึ้ ใจ ในพระนาม ชมวา่ งาม เพรศิ พรง้ิ ยอดหญงิ ไทย
แมร่ กั ชาย หว่ งชาย ชายกร็ ู้ ชายจะสู้ สุดชวี า อยา่ สงสัย
จะทา้ ตวั ให้สม แมว่ างใจ จะรกั ไทย กศู้ ักดศิ์ รี จกั รวี งศ์
จะรกั หญงิ ทเี่ ขา เขา้ ใจแม่ จะแนว่ แน่ พทุ ธศาสน์ ถอื พระสงฆ์
การสวดมนต์ ไหว้พระ จะด้ารง จะมั่นคง รกั ชาวไทย ไมเ่ ส่ือมคลาย
ขอถวาย สมเดจ็ แม่ เพยี งแคน่ ี้ จงโชคดี มสี ขุ ทกุ ขจ์ ากหาย
อยา่ คดิ มาก ทา้ พระทยั ใหส้ บาย เรือ่ งลกู ชาย แมอ่ ยา่ เศรา้ เขารกั ดี
ขอกราบ ลงทตี่ กั พร้อมรกั แท้ ชายรักแม่ สดุ หัวใจ ชายไมห่ นี
ชายจะเปน็ กา้ ลังใจ ป้องไพรี มอบชวี ี และเลอื ดเนอื้ เพอ่ื แมเ่ อย
………………………………………………………….
พระราชนพิ นธ์สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ
สยามมกฎุ ราชกมุ าร (พระอสิ รยิ ยศในขณะนน้ั )
ถวายพระพรชัยมงคลสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินนี าถ
เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา
วนั ที่ 12 สงิ หาคม พุทธศกั ราช 2515
ทรงเยย่ี มเยือนใหค้ วามเคารพสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี
สมเดจ็ ยา่ โดยเสมอมา
พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ พระว
ชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยรับสั่งถึงการอภิบาลพระราชนัดดาของสมเด็จพระศรี
นครินทราบรมราชชนนี ดงั นี้“..ไม่ไดแ้ นะน้าอะไรเปน็ พิเศษ เพราะทา่ นไมเ่ คย
รบั ส่งั ถึงต้าแหน่ง ถงึ ลาภ ถึงยศ ท่านเพียงแต่ให้เป็นคนดี รับผิดชอบในหน้าที่
ในต้าแหน่งของตนและไม่ใหท้ า้ อะไรเปน็ ที่ขายหนา้ หรอื ที่เสียอกเสียใจของพ่อ
แม่หรือบุพการีเสียใจ … ท่านไม่ได้สอนแบบ Formal (ทางการ) อะไร อยาก
ให้เป็นคนดี อยากให้มีชีวิตท่ดี ี เพราะว่าไมว่ า่ เราจะเปน็ ต้าแหนง่ อะไร ถ้าท้าตวั
ดี ปฏิบัติหน้าท่ขี องเรา เรากเ็ จริญตอ่ ไป..” ตอ่ มาเมอ่ื วันท่ี 6 มกราคม พ.ศ.
2516 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศใน
ขณะนั้น) ได้เข้าเฝ้า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพ่ือทูลเกล้า
ทลู กระหมอ่ มถวายดอกไม้ธปู เทียนแพ ในงานพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระ
บรมโอรสาธิราชฯ ณ วังสระปทุมภายหลังเสร็จสิ้นงานวันพระราชพิธีฯ เม่ือ
เดือนธนั วาคม พ.ศ.2515
ทรงใหก้ ารเคารพเยย่ี มเยือนสมเด็จพระเจา้ พนี่ างเธอเจา้ ฟา้ กัลยาณวิ ัฒนา กรม
หลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร์ สมเดจ็ ปา้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความเคารพนับถือ สมเด็จพระ
เจ้าพี่นางเธอ เจา้ ฟ้ากัลยาณวิ ฒั นาฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทร์ (สมเดจ็
ป้า) โดยเสมอมา อาทิ เมอ่ื ปี พ.ศ.2550 ณ เสด็จพระราชดา้ เนินไปทรงสรงน้า
สงกรานต์ ศาลาทรงงาน วังเลอดิส ถึงแม้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร
รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระ วชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงด้ารงพระ
อิสริยยศที่สูงกว่า ในฐานะสมเด็จพระยุพราช แต่ก็ได้ประทับกับพื้น ซ่ึงเป็น
การแสดงให้เห็นถึงพระจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ ท่ีทรงแสดงความ
เคารพต่อพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ในเวลาที่เข้าเฝ้าฯ เป็นการส่วนพระองค์อยู่
เสมอ
ทรงมีความรกั ผกู พนั ห่วงใยสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯพระขนษิ ฐาเสมอมา
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีความรักความเอ็นดูความผูกพันพระขณิษฐา
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรี
สริ ินธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภกั ดี สริ ิกจิ การิณพี ีรยพฒั น รฐั สีมาคณุ ากรปยิ
ชาติ สยามบรมราชกุมารี อย่างท่ีสุด ซ่ึงมีหลายเหตุการณ์ มีการเผยแพร่
พระฉายาลักษณ์เม่ือคร้ังทรงพระเยาว์ ที่ประทับใจตราตรึงใจผู้พบเห็น อาทิ
พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟ้าวชิราลงกรณฯ (พระอิสริยยศ
ขณะน้นั ) ทอดพระเนตร และทรงลูบพระพักตรพ์ ระขนษิ ฐา สมเด็จพระเจา้ ลูก
เธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดาฯ (พระอิสริยยศขณะนั้น) ด้วยความรักและ
ทะนุถนอมยิง่ ขณะบรรทมในพระอู่
เม่ือท้ัง 2 พระองค์ทรงเจริญพระชันษา ต่างทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
แบ่งเบาพระราชภาระ ทูลกระหม่อมพ่อและสมเด็จแม่ ในด้านต่างๆตลอด
หลายวาระก็มีพระบรมฉายาลักษณ์ท่ีสะท้อนให้เห็นถึงสายใยรักความผูกพัน
ของ 2 เจ้าฟ้า ผูเ้ ป็นมง่ิ ขวัญของปวงชนชาวไทย
โดยเม่ือวันท่ี 29 เมษายน พ.ศ.2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง
อิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วย
พระขณิษฐา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
เจา้ ฟ้ามหาจกั รีสริ นิ ธร มหาวชิราลงกรณวรราชภกั ดี สริ ิกิจการณิ ีพรี ยพัฒน รัฐ
สีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชด้าเนินไปยังประเทศ
เนเธอร์แลนด์ เพ่ือร่วมพระราชพิธีขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระราชาธิบดี
วิ ล เ ล ม -อ เ ล็ ก ซ า น เ ด อ ร์ แ ห่ ง เ น เ ธ อ ร์ แ ล น ด์
พระบรมฉายาลักษณ์ที่ท้ัง 2 พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระ
สรวญให้แก่ผู้มาเฝ้าฯ รับเสด็จ ได้ถูกขนานนามจากส่ือมวลชนต่างประเทศว่า
“Siam Smile” หรือ “ย้มิ สยาม”
ทรงมอี ัจฉรยิ ภาพทางดนตรี และทรงขบั ร้องเพลง “ลาวดวงเดือน” ถวาย
สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ “สมเดจ็ แม”่
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระว
ชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีความสามารถในการเล่นเคร่ืองดนตรีหลายชนิด โดย
ทรงไดร้ ับการสง่ เสริมความรูค้ วามสามารถทางดา้ นการดนตรจี ากพระราชบดิ า
บอ่ ยคร้ังจะทรงดนตรีร่วมกันเปน็ การสว่ นพระองคใ์ นพระราชฐานนน้ั มเี ปน็ ครง้ั
คราว และหากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร จะทรงรับแขกเป็นการส่วนพระองค์ที่พระต้าหนัก
เรอื นต้นในบรเิ วณสวนจติ รลดา
มคี ร้ังหนึ่งซึ่ง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จลงเสวยตอนค้่า เป็นการเลี้ยงต้อนรับ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิร
เกล้าเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จกลับจากการศึกษาที่ประเทศออสเตรเลีย มีการเล่น
ดนตรไี ทยหน้าพระท่นี ่งั ถวายโดยมีนักดนตรีอาทิ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวร
ราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
ทรงซออู้ ครูยรรยง สีซอด้วง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็มี
พระราชประสงค์ทรงฟังเพลง “ลาวดวงเดือน” ซ่ึงเป็นเพลงที่ทรงโปรดมาก
รับส่ังกับ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระ วชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า “ชายร้องเพลงดาวดวงเดือนให้แม่ฟังหน่อย ร้อง
แบบท่ีแม่ชอบนะ แม่นอ้ ยบรรเลงเพลงเขา้ แลว้ ใหน้ ้องเล็กฟ้อนดว้ ยนะ ….”
ทรงครองราชย์
เมือ่ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนารถบพิตร เสด็จสวรรคตในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เป็นที่
คาดหมายว่าพระองค์จะสืบราชสมบัติต่อ ท้ังพลเอก ประยุทธ์ จันทร์
โอชา นายกรฐั มนตรี กย็ ืนยนั ว่า พระองค์จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์
ใหม่ แต่ทรงขอผ่อนผัน พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี จึง
เป็นผูส้ า้ เรจ็ ราชการแทนพระองค์โดยตา้ แหนง่
วันที่ 29 พ.ย. 59 เวลา 11.19 น. ระหว่างการประชุมสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติ ครั้งที่ 76/2559 เป็นพิเศษ ณ รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประธานการประชุมแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรไี ดม้ ีหนงั สือด่วนทีส่ ดุ ท่ี นร.0503/44549 มเี น้ือความโดยสรปุ วา่
พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งต้ัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรา
ลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่า
ด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467 แล้ว ให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุม
รัฐสภาเพ่ือทราบ และอัญเชิญองค์พระรัชทายาท ข้ึนทรงราชย์เป็น
พระมหากษัตริย์สืบไป จากนั้นนายพรเพชรในฐานะประธานการประชุม ได้
น้าสมาชิกทุกคนในรัฐสภาลุกขึ้น แล้วชวนเปล่งเสียง“ขอพระองค์ทรงพระ
เจริญ”และใหเ้ ฉลิมพระปรมาภิไธยว่า “สมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั มหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร” อ่านว่า สม-เด็ด-พระ-เจ้า-อยู่-หัว – มะ-หา-วะ-ชิ-รา-
ลง-กอน-บอ-ดิน-ทระ-เทบ-พะ-ยะ-วะ-ราง-กูน พระปรมาภิไธยภาษาอังกฤษ
วา่ “His Majesty King Maha Vajiralongkorn Bodindradebayavarangku”
เม่ือวันท่ี 1 ธันวาคม พ.ศ.2559 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม
มกุฎราชกุมาร พระราชทานพระราชวโรกาส ให้พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
ผู้ส้าเร็จราชการแทนพระองค์, นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติ
บัญญัติแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติพลเอก
ประยทุ ธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประมุขฝ่ายบริหาร และนายวีระพล ตั้ง
สุวรรณ ประธานศาลฎีกา ประมุขฝ่าย ตุลาการ เข้าเฝ้าฯ ณ พระท่ีนั่ง
อัมพรสถาน พระราชวังดุสิตโดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ปฏิบัติหน้าท่ี
ประธานสภานติ บิ ญั ญตั ิแหง่ ชาติ กราบบงั คมทลู เชญิ องค์รชั ทายาท เสด็จฯ ขึน้
ทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ สืบราชสันตติวงศ์ ความว่า “ขอพระราชทาน
กราบบังคมทูลทรงทราบ ฝา่ ละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า นายพรเพชร
วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ท้าหน้าท่ีประธานรัฐสภา ขอ
พระราชทานพระราชวโรกาส กราบบังคมทูลในนามของปวงชนชาวไทยว่า
โดยท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิ เบศร
รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จสวรรคต
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที
โดยท่ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับช่ัวคราว พุทธศักราช 2557
มาตรา 2 วรรค 2 ประกอบกับรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช
2550 มาตรา 23 วรรค 1 ได้บัญญัติเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ ว่า ในกรณีท่ี
ราชบัลลังก์หากว่างลง และในกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งต้ังทายาทไว้
ตามกฎมณเฑียรบาลว่าดว้ ยการสืบราชสนั ตติวงศ์ พระพทุ ธศกั ราช 2467 แล้ว
ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภา เรียก
ประชมุ รฐั สภา เพอ่ื รับทราบ และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์รัชทายาทข้ึน
ทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป และให้ประธานรัฐสภาประกาศให้
ประชาชนทราบ บัดน้ี คณะรฐั มนตรีได้แจ้งใหป้ ระธานสภานิติบญั ญตั ิทราบ ซงึ่
ท้าหน้าท่ีประธานรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทราบเมื่อวันที่ 29
พฤศจิกายน พุทธศกั ราช 2559 วา่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอ
ดลุ ยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถ
บพิตร ได้ทรงแต่งตั้ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ
สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบ
ราชสนั ตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แล้ว ขา้ พระพทุ ธเจา้ ได้ด้าเนินการเรียก
ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพ่ือรับทราบ ในคราวประชุมสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติ คร้ังที่ 76/2559 เป็นพิเเศษ เม่ือวันที่ 29 พฤศจิกายน พุทธศักราช
2559 และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้รับทราบการแต่งต้ังพระรัชทายาทแล้ว
ข้าพระพุทธเจ้าประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ท้าหน้าที่ประธานรัฐสภา ใน
นามของปวงชนชาวไทย จึงขอพระราชทานอัญเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาท ขึ้น
ทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์สืบไป เพื่อให้เป็นไปตาม
บทบัญญตั ิของกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช
2467 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับช่ัวคราว พุทธศักราช
2557 มาตรา 2 วรรค 2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 วรรค 1 ต้ังแต่วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม
พุทธศักราช 2559 ควรมิควร แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรด
กระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติ”
ในการน้ี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยาม
มกุฎราชกุมาร มีพระราชด้ารัสตอบรับการข้ึนทรงราชย์ ความว่า“ตามท่ี
ประธานสภานติ ิบญั ญตั ิแหง่ ชาติ ปฏบิ ตั หิ น้าที่ประธานรัฐสภา ได้กล่าวในนาม
ของปวงชนชาวไทยเชญิ ข้าพเจ้าข้ึนครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ถ้าเป็นไป
ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบญั ญตั ิของกฎมณเฑียรบาลวา่ ดว้ ยการสบื
สันตติวงศ์กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยน้ัน “ข้าพเจ้าขอตอบรับเพ่ือ
สนองพระราชปณธิ าน และเพือ่ ประโยชน์ของประชาชนชาวไทยท้ังปวง”
จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เสด็จฯ ไปประทับราบ ณ
พระสุจหน่ี หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงกราบถวายบังคม ทรง
เปดิ กรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ ทรงกราบราบ