The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระราชประวัติ รัชกาลที่ 10 (ฉบับปรับปรุง)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tharaphan.prasan, 2022-07-17 05:00:05

พระราชประวัติ รัชกาลที่ 10 (ฉบับปรับปรุง)

พระราชประวัติ รัชกาลที่ 10 (ฉบับปรับปรุง)

พระเกยี รตยิ ศ
ธรรมเนยี มพระยศของพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทร
มหาวชริ าลงกรณ พระวชริ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั

ธงประจา้ พระอิสรยิ ยศ

ตราประจา้ พระองค์

ธงประจา้ พระองค์
พระราชลญั จกร

วดั ประจ้ารชั กาลท่ี 10 วดั วชริ ธรรมสาธิตวรวหิ าร(วดั ทงุ่ สาธติ )

ต้นไมป้ ระจา้ พระองค์ ตน้ รวงผง้ึ

ต้นไม้ประจ้าพระองค์ คือ ต้นรวงผ้ึง ซ่ึงต้นรวงผึ้งมีลักษณะโดดเด่นคือ
ดอกสีเหลือง เป็นสีซ่ึงตรงกับวันพระราชสมภพ นั่นคือวันจันทร์ที่ 28
กรกฎาคม พ.ศ. 2495 และมักผลิดอกในช่วงวันพระราชสมภพพอดี เมื่อ

พระองค์ท่านได้เสด็จไปประกอบพระราชกรณียกิจตามสถานท่ีต่างๆ ก็ทรง
ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทานไว้ เพื่อให้เป็นตัวแทนแห่งพระองค์ท่านและเพ่ือ
เป็นสิรมิ งคลแก่ราษฎร ในช่วงผลิดอกคือราวเดือน กรกฎาคม – สิงหาคม จะ
ออกดอกสีเหลืองเปลง่ ปล่งั บานสะพรง่ั สรา้ งความสวยงามและชน่ื ชมเปน็ อยา่ ง
มาก
พระราชอิสรยิ ยศ

สมเดจ็ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟา้ วชริ าลงกรณ (28 กรกฎาคม
พ.ศ. 2495 - 28 ธนั วาคม พ.ศ. 2515)

สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชิราลงกรณ สยาม
มกฎุ ราชกุมาร (28 ธนั วาคม พ.ศ. 2515 - 1 ธนั วาคม พ.ศ. 2559)

สมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู
(1 ธนั วาคม พ.ศ. 2559 - 3 พฤษภาคม 2562)

พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ
พระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว (4 พฤษภาคม 2562 – ปจั จบุ นั )

เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์
เครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณไ์ ทย

พระองคท์ รงไดร้ บั พระราชทานเคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ์ จาก พระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ดังนี้

พ.ศ. 2559 – เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์อนั เปน็ มงคลยง่ิ ราชมติ รา

ภรณ์ (ร.ม.ภ.)

พ.ศ. 2508 – เครอื่ งขตั ตยิ ราชอสิ รยิ าภรณ์อันมเี กยี รตคิ ณุ

รงุ่ เรืองยง่ิ มหาจกั รบี รมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) (ฝา่ ยหน้า)

พ.ศ. 2516 – เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณอ์ นั เปน็ โบราณมงคลนพ

รตั นราชวราภรณ์ (น.ร.) (ฝ่ายหนา้ )

พ.ศ. 2519 – เครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณจ์ ลุ จอมเกล้า ชัน้ ที่ 1 ปฐม

จลุ จอมเกล้าวเิ ศษ (ป.จ.ว.)

พ.ศ. 2559 – เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณอ์ นั มศี กั ด์ิรามาธบิ ดี

ชนั้ ที่ 1 เสนางคะบดี (ส.ร.)

พ.ศ. 2516 – เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณอ์ นั เปน็ ทเี่ ชิดชยู ง่ิ

ช้างเผอื ก ช้ันสงู สุด มหาปรมาภรณช์ า้ งเผอื ก (ม.ป.ช.)

พ.ศ. 2516 – เครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์อันมเี กยี รตยิ ศยง่ิ มงกฎุ

ไทย ชนั้ สงู สดุ มหาวชริ มงกฎุ (ม.ว.ม.)

พ.ศ. 2538 – เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณอ์ ันเปน็ ท่สี รรเสรญิ ยงิ่

ดเิ รกคณุ าภรณ์ ช้นั ท่ี 1 ปฐมดเิ รกคณุ าภรณ์ (ป.ภ.)

พ.ศ. 2531 – เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์อันเปน็ สริ ยิ งิ่ รามกรี ติ

ลูกเสอื สดดุ ชี นั้ พเิ ศษ

พ.ศ. 2530 – เหรยี ญกลา้ หาญ (ร.ก.)

พ.ศ. 2530 – เหรียญพทิ กั ษเ์ สรชี น ชนั้ ที่ 1 (ส.ช.)

พ.ศ. 2510 – เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)

พ.ศ. 2531 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
พ.ศ. 2495 – เหรยี ญรตั นาภรณ์ รัชกาลท่ี 9 ชนั้ ที่ 1 (ภ.ป.ร.1)

พ.ศ. 2495 – เหรียญราชรจุ ิทอง รัชกาลท่ี 9 (ร.จ.ท.9)

เคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณต์ า่ งประเทศ

มาเลเซยี พ.ศ. Order of the Defender of the
2543 Realm ชนั้ Grand
Commander

เยอรมนี พ.ศ. เคร่อื งอสิ รยิ าภรณค์ ณุ ธรรมแหง่
2527 สหพนั ธส์ าธารณรฐั เยอรมนี
ชน้ั Knight Grand Cross

เนปาล พ.ศ. Order of Ojaswi Rajanya ชั้น
2529 Member

สเปน พ.ศ. Royal and Distinguished
2530 Spanish Order of Charles
III ช้นั Knight Grand Cross

Family Order of Brunei 2nd

บรไู น พ.ศ. Class - Darjah Kerabat Seri
2533 Utama Yang Amat Dihormati

- D.K. (Seri Utama)

ญป่ี นุ่ พ.ศ. เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณอ์ นั สงู สง่ ยงิ่
2534 ดอกเบญจมาศ ประเทศญป่ี นุ่

สหราช พ.ศ. Royal Victorian Order ชั้น
อาณาจกั ร 2539 Honorary Dame Grand Cross

เดนมารก์ พ.ศ. เครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์
2544 ช้าง ชนั้ อัศวิน

เนเธอรแ์ ลนด์ พ.ศ. Order of the Crown ชน้ั
2547 Grand Cross

รฐั ตรงั กานู Most Distinguished Family
Order of Terengganu ชนั้ ทีส่ อง

พระยศทหาร พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชิราลง
กรณ พระวชริ เกล้าเจา้ อยูห่ ัว กองทพั บกไทย, กองทพั เรอื ไทย
, กองทพั อากาศไทย และกองอาสารกั ษาดนิ แดน

ปปี ฏบิ ตั หิ นา้ ที่

พ.ศ. 2535 – ปจั จบุ นั พ.ศ. 2535 - ปจั จบุ นั
พ.ศ. 2535 – ปจั จบุ นั พ.ศ. 2535 – ปจั จบุ นั
ชน้ั ยศ

 จอมพล

ชน้ั ยศ  จอมพลเรอื
 จอมพลอากาศ

พระยศทางทหาร
- พ.ศ. 2508 ร้อยตรี เหลา่ ทหารราบ เรือตรี พรรคนาวนิ เรืออากาศ

ตรี เหล่าทหารนกั บนิ และนายทหารพเิ ศษประจา้ กรมทหารราบท่ี 1 มหาดเลก็
รกั ษาพระองค์ นายทหารพเิ ศษประจ้ากองทพั เรอื และนายทหารพเิ ศษประจา้
โรงเรยี นนายเรืออากาศ

- พ.ศ. 2514: รอ้ ยโท เรือโท และ เรอื อากาศโทพ.ศ. 2518: ร้อยเอก
เรอื เอกและ เรืออากาศเอก และ นายทหารประจ้ากรมขา่ วทหารบก
กองทัพบก กระทรวงกลาโหม

- พ.ศ. 2520: พันตรี นาวาตรี และ นาวาอากาศตรี
- พ.ศ. 2521: รองผบู้ งั คบั กองพนั ทหารมหาดเล็กรกั ษาพระองค์ กรม
ทหารราบท่ี 1 มหาดเลก็ รกั ษาพระองค์
- พ.ศ. 2523: พนั โท นาวาโท และ นาวาอากาศโท และ ผบู้ งั คบั กองพนั
กรมทหารมหาดเลก็ รกั ษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเลก็ รกั ษา
พระองค์ และ นายทหารพเิ ศษประจ้ากรมนักเรยี นนายเรอื รกั ษาพระองค์
กรมยทุ ธศกึ ษา โรงเรยี นนายเรือ ประจา้ กองบงั คบั การกรมทหารราบท่ี 3
รักษาพระองค์ กรมนาวกิ โยธนิ ประจ้ากรมนกั เรยี นนายเรอื อากาศ รักษา
พระองค์ กรมยทุ ธศกึ ษา โรงเรยี นนายเรืออากาศ และ ประจา้ กองพนั ทหาร
อากาศโยธนิ ที่ 1 รกั ษาพระองคพ์ .ศ. 2524: นายทหารพเิ ศษประจ้ากรมทหาร
ราบท่ี 11 รักษาพระองค์
- พ.ศ. 2525: นายทหารพเิ ศษประจา้ กรมนกั เรยี นนายรอ้ ยรกั ษาระ
องค์ โรงเรยี นนายรอ้ ยพระจลุ จอมเกลา้ และ นายกองเอก กองอาสารกั ษา
ดนิ แดน สา้ นักอ้านวยการกองอาสารกั ษาดนิ แดน
- พ.ศ. 2526: พันเอก นาวาเอก และ นาวาอากาศเอก
- พ.ศ. 2527: ผบู้ งั คบั การ กรมทหารมหาดเลก็ รกั ษาพระองค์
- พ.ศ. 2529: ผบู้ งั คบั การพเิ ศษ ประจา้ กรมรบพเิ ศษท่ี 1 กองพลรบ
พเิ ศษท่ี 1 หนว่ ยบญั ชาการสงครามพเิ ศษ
- พ.ศ. 2530: พลตรี พลเรอื ตรี และ พลอากาศตรี และผบู้ งั คบั การ กรม
ทหารมหาดเลก็ ราชวลั ลภรกั ษาพระองค์
- พ.ศ. 2531: พลโท พลเรอื โท และ พลอากาศโท และผู้
บญั ชาการ หนว่ ยบญั ชาการทหารมหาดเลก็ ราชวัลลภ รักษาพระองค์

- พ.ศ. 2534: นายทหารพเิ ศษประจา้ กรมทหารราบที่ 2 รักษา
พระองค์ กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ กรมทหาราบท่ี 21 รักษา
พระองค์ กรมทหารราบที่ 31 รกั ษาพระองค์ กองพนั ทหารม้าท่ี 4 รกั ษา
พระองค์ กรมทหารปนื ใหญท่ ่ี 1 รักษาพระองค์ และกองพนั ทหารช่างที่ 1
รกั ษาพระองค์

- พ.ศ. 2535: พลเอก พลเรือเอก และ พลอากาศเอก ผ้บู ญั ชาการ
หนว่ ยบญั ชาการถวายความปลอดภยั สา้ นกั ผบู้ ญั ชาการทหารสงู สดุ และ
นายกองใหญ่ กองอาสารกั ษาดนิ แดน สา้ นกั อา้ นวยการกองอาสารกั ษา
ดนิ แดน

- พ.ศ. 2547: นายทหารพเิ ศษประจา้ กองพนั ทหารราบที่ 3 กรมทหาร
ราบท่ี 1 มหาดเล็กรกั ษาพระองค์

- พ.ศ. 2548: นายทหารพเิ ศษประจา้ กรมทหารชา่ งท่ี 1 รักษา
พระองค์ กองพนั ทหารช่างท่ี 2 รักษาพระองค์และกองพนั ทหารสอื่ สารท่ี 1
รักษาพระองค์

- 13 ตลุ าคม พ.ศ. 2559: ดา้ รงตา้ แหนง่ จอมทพั ไทย

พระราชกรณยี กจิ

พระบาทสมเดจ็ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
เมตตาทว่ั พสุธา ศรสี ยาม
พระราชกรณียกจิ มงุ่ พัฒนา ทุกเขตคาม
ทรงดบั ความ ทกุ ข์รอ้ นแลง้ ไทยรงุ่ เรอื ง
สถาบนั กษตั รยิ ์ คงครู่ ฐั คงครู่ าษฎร์
ไทยคงชาติ คงเอกราช นามกระเด่ือง
พฒั นาชาติ เจรญิ ไกล ใหป้ ระเทอื ง
พฒั น์ตอ่ เน่อื ง ทวั่ พสธุ า มาชา้ นาน
บรุ พกษตั รยิ ์ จากอดีต ถงึ ปจั จบุ นั
ทรงมงุ่ มน่ั ปกปอ้ งชาติ สดุ กลา้ หาญ

ท้าสงคราม ขยายอาณาเขต รบรอนราญ
ทรงเชี่ยวชาญ กศุ โลบาย ไทยร่มเย็น
ธ เปน็ ศนู ย์ รวมใจ ไทยเปน็ หนงึ่
เปน็ ทพี่ ่ึง ยามไรส้ ุข ดบั ทกุ เขญ็
ประชาไทย อยู่รอด ปลอดลา้ เคญ็
ธ ทรงเปน็ ขวญั กมล ปวงชนไทย
พระกรณุ าธคิ ณุ พระมหากษตั รยิ ์ สดุ พรรณนา
ปวงประชา ตรกึ พระคณุ ทกุ รชั สมัย
เทดิ พระคณุ เทดิ พระเกียรติ ระบอื ไกล
นิกรไทย เทิดภวู ไนย ไวน้ ริ นั ดร์

..................................................................
ดว้ ยเกล้าด้วยกระหมอ่ ม ขอเดชะ

ขา้ พระพทุ ธเจา้ นายประสาร ธาราพรรค์ ผ้ปู ระพนั ธ์

ดา้ นการทหาร ทรงรว่ มปฏบิ ตั ิการรบสมรภูมเิ ลือด

ในชว่ งปี 2519-2520 หลายพ้ืนที่ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ
ของไทย ร้อนระอุจากการรุกรานของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ นับเป็นภัยต่อ
ความม่นั คงของชาติอย่างมากในขณะนน้ั มกุฎราชกุมารผู้หาญกล้าของคนไทย
นอกจากจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเสด็จเยี่ยมและพระราชทานก้าลังใจ
แก่บรรดาทหาร ต้ารวจ และราษฎรในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ว ยังทรงเข้าร่วม
ปฏิบัติการรบในหลายคราเม่ือวันท่ี 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2519 เสด็จเยี่ยม
ตา้ รวจ ทหาร และราษฎร ทีฐ่ านปฏิบตั ิการ “บา้ นหมากแขง้ ” อา้ เภอดา่ นซา้ ย
จังหวัดเลย หลังจากท่ีฐานปฏิบัติการของต้ารวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษถูก
โจมตีจากผู้ก่อการร้าย จนท้าให้เจ้าหน้าที่ต้ารวจเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส

หลงั ทรงรบั ฟงั บรรยายสรุป จึงมีพระราชกระแสรับส่ังกับ พล.ท.สมศักด์ิ
ปัญจมานนท์ แม่ทัพภาคที่ 3 (ในขณะน้ัน) ด้วยพระสุรเสียงอันหนักแน่นว่า
“จะต้องไปแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นให้ได้”แม้ พล.ท.สมศักด์ิ จะกราบบังคม
ทูลทัดทาน เน่ืองจากสถานการณ์ไม่เป็นที่น่าวางใจ แต่ทรงส้าทับอีกครั้ง

“ชักช้าไม่ได้ ต้องรีบไปแก้ไขให้ได้ ในวันนี้และเดี๋ยวนี้” ก่อนจะทรงพระ
ด้าเนินไปประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง และมีพระราชกระแสรับสั่งให้นักบิน
มุง่ หน้าไปยงั บ้านหมากแขง้ ทันที

จุดหมายท่ีเต็มไปด้วยภยันตรายรอบด้าน ผู้ก่อการร้ายจากเนินเขาด้าน
ทิศตะวันตก ใชอ้ าวุธปืนเล็กระดมยงิ เขา้ ไปในฐานปฏิบตั กิ าร เมอ่ื เฮลคิ อปเตอร์
พระที่นั่งก้าลังจะร่อนลง พระองค์ทรงกระโดดลงและวิ่งเข้าหาท่ีก้าบัง ทรง
บัญชาการโดยให้แม่ทัพภาคที่ 3 และนายทหารติดตามทุกนายกระจายก้าลัง
ยิงตอบโต้จากน้ัน ทรงส่ังการให้ปฏิบัติการด้าเนินกลยุทธ์จัดชุดปฏิบัติการ
ลาดตระเวนพสิ ูจน์ทราบ และทรงเป็นหัวหน้าชดุ ด้วยพระองคเ์ อง แมว้ ่าแม่ทัพ
ภาคที่ 3 จะกราบบงั คมทลู ทัดทานแล้วก็ตาม“ฉันต้องไป เพราะว่าเป็นหน้าที่
ของทหาร”พระสุรเสียงท่ีหนักแน่นมิหวาดหว่ัน สายพระเนตรอันมุ่งม่ัน และ
นา้ พระราชหฤทยั กล้าหาญเดด็ เดยี่ ว

เสด็จออกลาดตระเวนน้าหน้าเหล่าทหารชุดปฏิบัติการลาดตระเวน บุก
ตะลยุ ท่ามกลางความเสี่ยงตอ่ ภยันตรายจากการซมุ่ ยงิ และกบั ระเบิด แต่ทรงมี
สติที่มนั่ คง ทรงบญั ชาการใหท้ หารยิงตอบโต้ตามกลยุทธ์ จนกลุ่มผู้ก่อการร้าย
ต้องลา่ ถอยไป

เสวยอาหารกระปอ๋ งประทบั แรมบงั เกอร์

ไม่กี่เดือนถัดมา วันท่ี 12 ก.พ.2520 สมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งทรงอยู่ระหว่างแปรพระราชฐานไปประทับต้าหนักภู
พิงค ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ เย่ียมราษฎรครั้นทรงรับทราบถึงสถานการณ์ใน
พ้ืนที่ “บ้านนาจาน” อ้าเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก จึงเสด็จฯ ไปยัง
ฐานปฏิบัติการ บ้านนาจาน โดยเคร่ืองบินพระที่นั่ง และเสด็จต่อโดย
เฮลิคอปเตอร์พระท่ีนั่งในทันที เมื่อเสด็จถึงค่าย มีพระราชปฏิสันถารกับ
เจ้าหน้าที่แทบทุกนาย ทรงแนะน้าให้ปรับปรุงบังเกอร์ให้ปลอดภัยจากนั้น
เสด็จฯไปทรงเยี่ยมฐานปฏิบัติการ “บ้านกุ่ม” อ.นครไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ท่ี
กองทัพภาคที่ 3 เห็นว่ามีความเสี่ยงภัยน้อยกว่าบ้านนาจาน จึงได้จัดท่ี
ประทับแรมและพระกระยาหารไว้ที่ฐานบ้านกุ่ม แต่พระองค์เสด็จฯกลับมา
ประทับแรมที่บ้านนาจาน ทั้งยังปฏิบัติพระองค์เช่นเดียวกับทหาร ต้ารวจ
และอาสาสมัครในพื้นที่ เสวยอาหารกระป๋อง ทรงประทับแรมใน บังเกอร์

และมีพระราชปฏิสันถารกับเจ้าหน้าที่ตลอดทั้งคืน ยังความปลาบปลื้มแก่
บรรดาผู้กล้าแห่งบ้านนาจาน

ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น ได้เสด็จต่อไปยังฐาน ปฏิบัติการ “ทุ่งสมอ”
อา้ เภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นฐานปืนใหญ่และกองบัญชาการฝ่ายใต้
ของกลุ่มผู้ก่อการร้ายสมัยน้ัน

เมื่อทรงรับฟังบรรยายสรุปจากฝ่ายยุทธการ กองทัพภาคที่ 3 จึงเสด็จ
ด้วยรถสายพานล้าเลียงพลพระที่นั่ง ไปยังฐานปฏิบัติการ “สมเด็จ” ซึ่งห่าง
กันราว 8 กิโลเมตร โดยมีเฮลิคอปเตอร์ “กันชิป” 2 ล้า บินถวายการ
อารักขา เพราะเป็นเส้นทางเขตอิทธิพลของกลุ่มผู้ก่อการร้าย

ราวบ่ายโมง เฮลิคอปเตอร์กันชิปทั้ง 2 ล้าที่บินถวายอารักขา ถูก
ผู้ก่อการร้ายระดมยิงอย่างไม่หยุดยั้ง พระองค์ทรงบัญชาการรบตอบโต้ โดย
รับสั่งให้สละรถสายพาน และทรงร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ทหาร ยิงปะทะกับ

ผู้ก่อการร้ายอย่างดุเดือด กระทั่งเสด็จถึงฐานสมเด็จ ทรงบัญชาการให้ยิงขับ
ไล่จนผู้ก่อการร้ายแตกกระเจิงไป
สมพระนามจอมทัพไทย

ต่อมาหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ต่างน้าเร่ือง สมเด็จพระบรมโรสาธิราช ทรง
รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารมาตีพิมพ์ ประชาชนต่างมีความห่วงใยเกรงว่า
พระองค์จะทรงเป็นอันตราย เมื่อราษฎรในจังหวัดเพชรบูรณ์ได้ทราบข่าวจึง
นัดรวมตัวกันเพื่อท้าพิธีปฏิญาณตนเพื่อจัดตั้งกองทัพชาวบ้านต่อต้านภัย

คอมมิวนิสต์ด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
เสด็จฯไปโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ทรงเยี่ยม ตชด. และทหารที่บาดเจ็บจาก
การปราบปรามผู้ก่อการร้าย และพระราชทานเงินส่วนพระองค์ให้ทหารและ
ตชด.ที่บาดเจ็บระหว่างทางก่อนถึง “ช่องช้าง” ต.พรุพี อ.เวียงสระ ได้ถูก

ผู้ก่อการร้ายซุ่มยิงมาจากป่าทึบ พระองค์ทรงร่วมกับทหารและ ตชด.ยิงตอบ
โต้อย่างยาวนานร่วม 1 ชั่วโมง จนกลุ่มผู้ก่อการร้าย ล่าถอยไป พร้อมกับมี

พระราชกระแสรับส่ังกับ พล.ท.ป่ิน ธรรมศรี แม่ทัพภาคที่ 4 (ในขณะนั้น) ว่า
“สถานการณ์ภาคใต้หนัก เราจะอยู่ท่ีน่ีต่อไป ยังไม่กลับ”

แม้ข้างต้นจะเป็นเพียงเหตุการณ์บางช่วงบางตอน แต่สะท้อนให้
ประจักษ์ชัดว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเป็น “จอม
ทัพไทย” อย่างแท้จริง.
พระอจั ฉรยิ ภาพด้านการบนิ

- เดือนมกราคม ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 ทรงเข้ารับการฝึกเพ่ิมเติม
และศึกษางานด้านการทหาร ณ เครือรัฐออสเตรเลีย ทรงเข้ารับการฝึก
หลักสูตรวิชาอาวุธพิเศษ การท้าลายและยุทธวิธีรบนอกแบบ หลักสูตรต้นหน
ชั้นสูง หลักสูตรการลาดตระเวน และต้นหนชั้นสูง รวมทั้งหลักสูตรส่งทาง
อากาศ

- พ.ศ. 2520 ถึง พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการฝึกบิน
เฮลิคอปเตอรใ์ ช้งานทัว่ ไป แบบ ยู เอซ–1 เอซ ของบรษิ ัท เบลล์ รวมชว่ั โมงบนิ
54.36 ชัว่ โมง เดอื นกุมภาพนั ธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารับการ
ฝึกตามโครงการช่วยเหลือทางทหาร กองทัพบกสหรัฐอเมริกา รวม 6
หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรอาวุธประจ้ากายและเครื่องยิงลูกระเบิด หลักสูตร
การปฏิบัติการพิเศษ หลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้าย หลักสูตรการ
สงครามแบบกองโจร หลกั สูตรการฝกึ การดา้ รงชพี และหลักสตู รส่งทางอากาศ
(ทางบกและทางทะเล) เดือนมถิ นุ ายน ถงึ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2523 ทรงเขา้
รับการฝึกหลักสูตรการฝึกบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานท่ัวไป แบบ ยู เอซ–1 เอซ
กับเฮลิคอปเตอร์ใชง้ านทว่ั ไป แบบ ยู เอซ–1 เอ็น ของบรษิ ัทเบลล์ รวมชว่ั โมง
บิน 259.560 ชัว่ โมง

- เดอื นกนั ยายน ถึงเดอื นตุลาคม พ.ศ. 2523 ทรงเข้ารบั การฝึกหลักสตู ร
การฝึกบินเฮลิคอปเตอร์โจมตี ติดอาวุธ แบบ ยู เอซ–1 เอซ ของบริษัทเบลล์
จากกองทพั ไทย รวมช่วั โมงบิน 54.50 ชั่วโมง

- เดือนธันวาคม พ.ศ. 2523ถึง พ.ศ. 2524 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตร
การฝึกบินเคร่ืองบินปีกติดล้าตัว แบบ Sial–Marchetti SF 120 MT รวม
ชัว่ โมงบนิ 172.20 ชั่วโมง

- เดือนมีนาคม ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2524 ทรงเข้ารับการฝึก
หลักสูตรการฝึกบินเคร่ืองบินปีกติดล้าตัว แบบ Cessna T–37 รวมช่ัวโมงบิน
240 ชว่ั โมง

- เดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2524 เสด็จพระราชด้าเนินไป
ทอดพระเนตรกิจการทางทหารและตา้ รวจ ณ สหราชอาณาจักร ราชอาราจกั ร
เบลเยียม ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
สาธารณรัฐฝร่ังเศส และเครือรัฐออสเตรเลยี

- เดือนตุลาคม พ.ศ. 2525 ถึง พ.ศ. 2526 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตร
การฝึกบินเปลี่ยนเป็นเคร่ืองบินขับไล่ แบบ เอฟ–5 (พิเศษ) รุ่นท่ี 83
(พุทธศักราช 2526) เอ ที ดับเบิลยู และหลักสูตรเคร่ืองบินขับไล่ชั้นสูง รุ่นที่
83 (พทุ ธศกั ราช 2526) เอ วี ดบั เบิลยู ณ ฐานทพั อากาศวิลเลียมส์ รฐั อริโซนา
สหรฐั อเมริกา รวนชวั่ โมงบนิ 2,000 ช่ัวโมง

- พ.ศ. 2532 ทรงผ่านการฝึกบินด้วยเคร่ืองบินใบพัด แบบมาร์คเคตต้ี
ของฝูงขั้นปลาย โรงเรียนการบิน กองทัพอากาศ และการฝึกบิน ด้วย
เคร่ืองบินไอพ่น แบบ ที 33 และหลักสูตรนักบินขับไล่ไอพ่นสมรรถนะสูงกับ
เคร่ืองบิน ขับไล่ แบบ เอฟ 5 อี/เอฟ ของกองบิน 1 ฝูงบิน 102 โดยทรงท้า
ช่ัวโมงบิน 200 ช่ัวโมง ในเบื้องต้น และทรงท้าช่ัวโมงบินสูงสุด 1,000 ชั่วโมง
และทรงเขา้ รว่ มการแขง่ ขันการใช้อาวุธทางอากาศประจ้าปี ซึ่งทรงท้าคะแนน
ได้สูงตามกติกา กองทัพอากาศได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเคร่ืองหมาย
ความสามารถในการใช้อาวุธทางอากาศช้ันท่ี 1 ประเภทอาวุธระเบิดส่ีดาว
อาวธุ จรวดส่ีดาว และอาวธุ ปนื สดี่ าว ในศกเดียวกนั

- เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการในฐานะ
นักบนิ โบอ้ิง 737–400 จากบรษิ ทั การบนิ ไทย จ้ากัด (มหาชน), และทรงผ่าน
การตรวจสอบจากการขนสง่ ทางอากาศ กบั ทรงไดร้ ับใบอนญุ าตนกั บนิ พาณชิ ย์
เอก- เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรกัปตัน จาก
บริษัท การบินไทย จ้ากัด และทรงรับการทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวาย

ต้าแหน่งนักบินที่ 1 ใน พ.ศ. 2549 ทั้งนี้ ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินท่ี 1 อย่างดี
เยี่ยมสม้า่ เสมอ รวมชว่ั โมงบิน 3,000 ช่ัวโมง

- เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 กรมการขนส่งทางอากาศได้ทูลเกล้า
ทูลกระหม่อมถวายใบรับรองในต้าแหน่งครูฝึกภาคอากาศกับต้าแหน่งครูฝึก
เครอ่ื งชว่ ยฝึกบนิ ส้าหรับเครอื่ งบนิ โบอิง 737–400
พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการแพทย์ และการสาธารณสขุ

งานดา้ นหน่งึ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความส้าคัญอย่างยิ่ง
คือ งานด้านการแพทย์-สาธารณสุข ที่ทรงมีพระเมตตาห่วงใยราษฎรของ
พระองค์มาโดยตลอด ทรงใหก้ ารสนับสนุนท้ังโดยการพระราชทานทรัพย์ส่วน
พระองค์ และทรงมีพระราชด้าริจัดตั้งโครงการต่างๆเพ่ือส่งเสริมสุขภาพของ
เหล่าพสกนิกร นับต้ังแต่คร้ังด้ารงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้า

ฟ้ามหาวชิราลงกรณ เป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ทรงตระหนกั ว่า สขุ ภาพพลานามัยอันดขี องประชาชนเปน็ ปจั จยั สา้ คญั ของการ
สร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคลอันมีคุณภาพไว้เป็นพลังในการพัฒนาประเทศ จึง
ทรงสนพระราชหฤทัยในการประกอบพระราชกรณียกิจ ด้านการแพทย์และ
สาธารณสขุ

เมื่อรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร มีมติเห็นสมควรอย่างย่ิงในการ
เทิดพระเกียรติพระองค์โดยการจัดสร้างโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดารเพื่อให้
ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ทั่วทุกพ้ืนท่ี ทั้งข้าราชการ พลเรือน
รวมถึงผู้มีรายได้น้อยท่ีไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลตามโรงพยาบาล

ประจ้าจังหวัด น้อมเกล้าฯถวายโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จ้านวน 21
แหง่ ทั่วทุกภมู ภิ าคของประเทศ แบง่ ออกเป็น 4 ภาค

ภาคเหนือ 6 แห่ง ได้แก่ รพ.สมเด็จพระยุพราชเชียงของ จ.เชียงราย,
รพ.สมเด็จพระยุพราชตะพานหิน จ.พิจิตร, รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.
น่าน, รพ.สมเดจ็ พระยุพราชนครไทย จ.พิษณโุ ลก, รพ.สมเด็จพระยุพราชหล่ม
เกา่ จ.เพชรบรู ณ์, รพ.สมเดจ็ พระยพุ ราชเดน่ ชยั จ.แพร่

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 แห่ง ได้แก่ รพ.สมเด็จพระยุพราชเดชอุดม
จ.อุบลราชธานี, รพ.สมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ จ.หนองคาย, รพ.สมเด็จพระ
ยุพราชกระนวน จ.ขอนแก่น, รพ.สมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์,
รพ.สมเดจ็ พระยุพราชธาตุพนม จ.นครพนม, รพ.สมเด็จพระยุพราชสว่างแดน
ดิน จ.สกลนคร, รพ.สมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา จ.ยโสธร, รพ.สมเด็จพระ
ยพุ ราชบา้ นดงุ จ.อุดรธานี, รพ.สมเดจ็ พระยพุ ราชด่านซ้าย จ.เลยภาค

ตะวันออก 1 แห่ง ได้แก่ รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว จ.สระแก้ว
ภาคกลาง 1 แหง่ ได้แก่ รพ.สมเด็จพระยพุ ราชจอมบึง จ.ราชบุรี

ภาคใต้ 4 แห่ง ได้แก่ รพ.สมเด็จพระยุพราชฉวาง จ.นครศรีธรรมราช,
รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี จ.ปัตตานี, รพ.สมเด็จพระยุพราชเวียงสระ จ.สุ
ราษฎรธ์ านี และ รพ.สมเดจ็ พระยุพราชยะหา จ.ยะลา

หลังกอ่ สรา้ งแลว้ เสร็จ นายธานินทร์ ไดข้ อพระบรมราชานญุ าตน้าทรัพย์
ส่วนพระองค์ท่ีเหลือ จัดต้ังมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โดยมีสมเด็จ
พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ในขณะน้ัน ด้ารงตา้ แหนง่ เปน็ องค์
นายกกิตติมศักด์ิ กว่า 40 ปีท่ีมีการก่อตั้งโรงพยาบาลทั้ง 21 แห่ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงติดตามความก้าวหน้าของ
โรงพยาบาลอย่างสม่้าเสมอ พระองค์ทรงมุ่งเน้นให้ความส้าคัญกับสิ่งอ้านวย
ความสะดวก และความเป็นอย่ขู องผู้ป่วยมากกว่าการเพิ่มจ้านวนโรงพยาบาล
ซ่ึงปัจจุบันโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เป็นโรงพยาบาลชุมชนประจ้า
อ้าเภอสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (ยกเว้นโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช
สระแกว้ และโรงพยาบาลสมเดจ็ พระยุพราชเดชอุดมทเ่ี ป็นโรงพยาบาลทวั่ ไป)

พระองค์ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชด้ารัสแก่เจ้าหน้าท่ี
โรงพยาบาล มคี วามส่วนหน่ึงวา่ “ทุกคนท่ีท้างานใหแ้ ก่โรงพยาบาลสมเดจ็ พระ
ยุพราชจะต้องไม่ลืมว่า โรงพยาบาลแห่งนี้ก้าเนิดข้ึนมาจากความมุ่งปรารถนา
นา้ อันแรงกล้าของคนไทยทวั่ ราชอาณาจักร ท่ีต้องการจะเห็นผู้ท่ีอยู่ในท้องถิ่น

ทุรกันดารทุกหนแห่งได้รับความเอาใจใส่รักษาพยาบาลเป็นอย่างดี ให้
ปลอดภัยจากความเจบ็ ไข้โดยท่ัวถงึ เสมอหน้ากนั ”

นอกจากน้ีในปีพ.ศ. 2537 ทรงรับเป็น ประธานกรรมการอ้านวยการ
จัดสร้างอาคารศูนย์โรคหัวใจ สมเด็จพระบรมราชินีนาศ พ.ศ. 2550 ได้
พระราชทานพระราชด้าริให้จัดตั้งศูนย์สุขภาพชุมชนท่ีหมู่บ้านสันติ 2 ต้าบล
แมห่ วาด อ้าเภอธารโต จงั หวดั ยะลา และพ.ศ. 2554 พระองค์ได้ทรงสนบั สนนุ
โครงการตรวจสุขภาพภิกษุ สามเณร และผู้น้าศาสนา เฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวรชั กาลที่ 9 เนอื่ งในโอกาสพระราชพิธมี หามงคล
เฉลมิ พระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธนั วาคม 2554

พระองค์ยังทรงเอาพระทัยใส่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง พระองค์ทรงมีต่อผู้ป่วย
โรคมะเร็ง ทรงสนพระทัยการด้าเนินงานของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ซ่ึงเป็น
หน่วยงานส้าคัญที่บ้าบัดรักษาและป้องกันโรคมะเร็ง สังกัดกรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2527 พระองค์ได้เสด็จเยี่ยมผู้ป่วยมะเร็งเป็นคร้ัง
แรก ณ สถาบนั มะเรง็ แหง่ ชาติ และพระราชทานส่ิงของให้แก่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ยงั ความปลาบปลื้มและส้านึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ผู้ป่วยมะเร็งเป็นอย่าง
ยิ่ง ภายหลังการด้าเนินงานของสถาบันมะเร็งได้ก้าวหน้ามาตามล้าดับ มีการ
ขยายหนว่ ยงานตามจงั หวดั ตา่ งๆ พระองค์ทรงมีพระมหากรณุ าธิคุณเสดจ็ พระ
ราชด้าเนินเปิดศูนย์ด้วยพระองค์เองบ้าง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระ
เจา้ หลานเธอเสด็จฯ แทนพระองค์เองบา้ ง

ทรงมพี ระราชด้ารัส เนอื่ งในพธิ เี ปดิ การประชมุ วชิ าการโรคมะเรง็ ภาคพน้ื
แปซิฟิก ครั้งท่ี 11 ณ กรุงเทพฯ ใจความตอนหน่ึงว่า “เป็นท่ีทราบกันดีว่า

โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายแรงท่ีเป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์อย่างยิ่ง และอัตราการ
ปว่ ยด้วยโรคนี้กย็ งั ไมม่ ีทีท่าจะลดลง ไมว่ า่ ในประเทศที่เจรญิ แลว้ หรอื ประเทศ
ที่ก้าลังพัฒนา จึงเป็นการแน่นอนว่า มะเร็งน้ัน ไม่แต่จะเป็นโรคร้าย ท้าลาย
ชีวิตมนุษย์ หากยังเป็นตัวการท้าลายความสุข ความเจริญ ทุกสิ่งของมนุษย์
ชาติพร้อมกันไปด้วย จึงจ้าเป็นอย่างย่ิงท่ีประเทศทั้งหลาย จะร่วมมือกัน
ปอ้ งกันและลดอัตราการปว่ ยดว้ ยโรคนล้ี งใหไ้ ด้”

พระองค์ทรงเล็งเห็นวา่ อปุ กรณก์ ารแพทย์ในสถานพยาบาลหลายแหง่ ยงั
ขาดแคลนอย่างหนัก โดยเฉพาะตามโรงพยาบาลใหญ่ๆที่มีประชาชนเข้ารับ
การรกั ษาจ้านวนมาก เมอื่ วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 พระองค์จึงทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเงินส่วนที่ประชาชนทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อครั้ง
งานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล

อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ท้ังหมด และรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัด
งาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้าแห่งรัตนโกสินทร์ ” แก่ 27
สถานพยาบาล เป็นจา้ นวนเงนิ ทงั้ ส้นิ 2,407,144,487.59 บาท

ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 พระองคพ์ ระราชทานเงิน จา้ นวน 631 ลา้ น
บาท ให้แก่ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 11 แห่ง ได้แก่
โรงพยาบาลราชวถิ ี, โรงพยาบาลสงฆ์, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี,
โรงพยาบาลหวั หนิ , โรงพยาบาลน่าน, โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร, โรงพยาบาล
โรงพยาบาลนราธวิ าสราชนครนิ ทร์, โรงพยาบาลศูนย์ยะลา, โรงพยาบาลศูนย์
ปัตตานี, โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก และโรงพยาบาลท่าวังผา จังหวัดน่าน ซ่ึง
ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้น้อมรับและส้านึกในพระมหากรุณาธิคุณ
อยา่ งหาที่สุดมไิ ด้ และกระทรวงสาธารณสขุ บอกวา่ จะด้าเนนิ ตามพระบรมรา
โชบายอย่างเตม็ ที่ โดยน้าเงนิ พระราชทานทไ่ี ดไ้ ปจัดสรรซื้อเคร่ืองมือ-อุปกรณ์
การแพทย์ตามที่พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ทรงมพี ระเมตตา

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเช้ือไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 6
เมษายน 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระ
บรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่น่ังอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทาน
พระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้า
เฝ้าทลู ละอองธลุ ีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคโควดิ -19 พร้อมท้งั พระราชทานพระบรมราโชบายเพ่ือเป็นแนวทางใน
การรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ความ
ว่า “มีอะไรท่ีจะมีส่วนช่วยเหลือ ท่ีจะแก้ปัญหาก็ยินดี เพราะว่า ก็เป็นปัญหา
ของชาติ ซึ่งเรอ่ื งโรคระบาดนี่กไ็ มใ่ ช่ความผิดของใคร แลว้ สิ่งที่เกดิ ขึน้ ก็คือ เรา
มีหน้าที่ท่ีจะดูแลแก้ไขให้ดีที่สุด อย่างท่ีเคยพูดไว้ว่า ถ้าเกิดมีความเข้าใจใน
ปัญหา มีความเขา้ ใจ ไม่ใช่หมายความวา่ ยอมรับตามบุญตามกรรม แต่มีความ
เข้าใจในสถานการณ์ มีความเข้าใจในปัญหา และก็มีความรู้เก่ียวกับโรค ก็คือ
เขา้ ใจในปัญหานั่นเอง อันแรกก็เป็นอย่างนี้

อันที่ 2 ก็คือจากข้อท่ี 1 ก็คือ การมีการบริหารจัดการ มีแผนเผชิญเหตุ
มีระบบในการปฏิบัติ แก้ไขให้ถูกจุด รู้ปัญหา แก้ไขให้ถูกจุดโดยมีการบริหาร
จดั การ แล้วก็ในเวลาเดยี วกันกต็ อ้ งให้ประชาชนได้เข้าใจถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
และเหตุผลที่จะต้องปฏิบัติ เพราะว่าการมีระบบ หรือแผนในการปฏิบัติตาม
แผนทไ่ี ดว้ างไวต้ ามความเปน็ จรงิ ตามสถานการณท์ ีเ่ กดิ ขนึ้ จริง แก้ถูกจุด ก็จะ
ลดปัญหาลงไป จะแก้ได้ในท่ีสุดก็เช่ือแน่ว่าจะต้องแก้ไขและก็เอาชนะอันน้ีได้
เพราะวา่ ประเทศของเราน่ีกน็ ับว่าท้าได้ดี ประเทศของเรานี่น่าภูมิใจว่าท้าได้ดี
และก็ทุกคนก็ร่วมใจกัน ก็ดีกว่าท่ีอ่ืนอีกหลายท่ี แต่บางทีก็ต้องเน้นเรื่องการ
ทา้ งานมีระบบด้วยความเข้าใจ และการมีระเบยี บวนิ ยั ในการแกไ้ ขปญั หาโดยมี
เป้าหมายว่า เราจะต้องต่อสู้ให้โรคน้ีสงบลงไปได้ในท่ีสุด เพราะว่าโรคมาได้
โรคกไ็ ปได้ โรคจะไมไ่ ปถ้าเราไม่แกไ้ ขปญั หา เราไม่แก้ไขให้ถูกจุด หรือเราไม่มี

ความขันติอดทนที่จะแก้ไข บางทีก็ต้องสละในความสุขส่วนตัวบ้าง หรือ
เสยี สละในการกล้าท่จี ะสรา้ งนิสยั หรอื สร้างวินัยในตวั เอง ทจ่ี ะแก้ไขเพื่อตัวเอง
เพือ่ ส่วนรวม อันนเี้ รากข็ อเป็นกา้ ลงั ใจให้”

โอกาสนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีรับส่ังทรงห่วงใย
แพทย์พยาบาลว่า “...หมออาจจะเหนื่อยหน่อยช่วงนี้ ฝากเป็นก้าลังใจให้หมอ
กับพยาบาลด้วยค่ะ...”

ไทยพบผู้ตดิ เชื้อไวรสั โคโรนาสายพันธุใ์ หม่รายแรกเม่ือวันที่ 13 มกราคม
2564 หลงั จากนนั้ จ้านวนผูต้ ดิ เช้ือ ผู้ปว่ ยและผู้เสียชีวิตก็เพ่ิมข้ึนอย่างต่อเนื่อง
ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระ
บรมราชินี ว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น โรงพยาบาลในประเทศไทยจะมี
อปุ กรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอ

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ใน
การจัดซ้ือเคร่ืองมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายรายการ เพื่อรองรับ
สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19

ในเบ้ืองต้นจึงทรงจัดหาและพระราชทานเครื่องช่วยหายใจ 132 เครื่อง
เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว 50 เคร่ือง รวมทั้งหน้ากากอนามัย 2 ล้านชิ้น
แผ่นป้องกันใบหน้าหรือเฟซชีลด์ 30,000 ชิ้น และชุดป้องกันการติดเช้ือโรค
หรือชดุ พพี ีอี 4,000 ชดุ แก่บุคลากรทางการแพทยแ์ ละโรงพยาบาลต่าง ๆ เมื่อ
สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย พระองค์ก็ได้พระราชทานเครื่องมือทางการแพทย์
และเวชภัณฑอ์ ืน่ เพม่ิ เติม อาทิ ชุดPPE เสื้อคลุมกันน้าชนิดใช้คร้ังเดียว และชดุ
PPE แบบเสือ้ คลมุ กนั น้าชนิดใชซ้ า้ ได้ จา้ นวน 3 รนุ่ รวม 700,000 ตวั

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
หอ้ งตรวจหาเชือ้ (Modular Swab Unit) ซ่งึ เป็นหน่ึงใน "โครงการเครื่องช่วย
หายใจและเคร่ืองมือแพทย์พระราชทาน" เพ่ือรับสถานการณ์การระบาดของ
เช้ือโควิด-19 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีด้าเนินการก่อสร้าง

และติดตั้งให้โรงพยาบาลต่าง ๆ 20 แห่งท่ัวประเทศ เพ่ือปกป้องบุคลากร
ทางการแพทยแ์ ละประชาชนให้ปลอดภัยจากเช้ือโรคโควิด-19 และโรคติดเชื้อ
อนื่ ๆ นอกจากหอ้ งตรวจหาเชอ้ื แลว้ ในหลวงยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์
ส่วนพระองค์ให้จัดท้ารถตรวจโรคติดเช้ือชีวนิรภัย 13 คัน ให้กระทรวง
สาธารณสุข (สธ.) ใช้เป็นหอ้ งปฏิบัตกิ ารเคลื่อนทใ่ี นการเก็บตัวอย่างโรคโควิด-
19 ในพื้นที่รับผิดชอบของส้านักงานเขตสุขภาพท่ี 1-12 ทั่วประเทศ และ
กรุงเทพมหานครอีกด้วยโครงการน้ีประกอบด้วยการท้าถุงผ้าพระราชทาน
ส้าหรับบรรจุเคร่ืองอุปโภคบริโภคพระราชทานแก่ราษฎร การผลิตเจล
แอลกอฮอล์ล้างมอื และการเยบ็ หน้ากากอนามัยชนิดผ้า โดยในวันน้ัน สมเด็จ
พระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเย็บหน้ากากผ้า ส้าหรับเป็นตัวอย่างให้
กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์น้าไปผลิตเพื่อ
พระราชทานแกข่ า้ ราชบรพิ ารและราษฎรท่ีไดร้ ับความเดอื ดร้อนด้วย

ประชาชนจา้ นวนมากไดร้ ับผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากการระบาดของ
โควิด-19 และมาตรการควบคุมโรคที่ท้าให้สถานประกอบการหลายแห่งต้อง
ปิดบริการไปจนถึงปิดกิจการถาวร พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทรงตระหนักถึงความเดือดร้อนของ
ประชาชน ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. เชิญถุงยังชีพพระราชทานไปมอบให้แก่
ชุมชนแออัดในกรุงเทพฯ ที่ได้รับผลกระทบจ้านวนกว่า 130,000 ครัวเรือน
และพระราชทานแก่ประชาชนในพ้ืนท่ีรอบเขตพระราชฐานท้ังในกรุงเทพฯ
และต่างจงั หวดั เพ่ือบรรเทาความเดอื ดรอ้ นในช่วงท่เี กดิ การระบาดและคนตอ้ ง
อยูบ่ ้านตามมาตรการ

19 มีนาคม2564 เวลา 08.00 น. ที่พระลานพระราชวังดุสิต ส้านัก
พระราชวัง ตรวจรับ "รถเอกซเรย์ระบบดิจิทัล" คันแรกในประเทศไทยท่ีมี
ระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ทันสมัยท่ีสุด ซึ่ง "พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว" ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างขึ้น เพ่ือพระราชทานแก่
กระทรวงสาธารณสุข ส้าหรับน้าไปสนับสนุนการปฎิบัติงานของบุคลากรทาง
การแพทย์ อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทางการแพทย์ในการป้องกันดูแล
สุขภาพอนามัยประชาชนอย่างครบวงจร อีกท้ังยังรับมือกับสถานการณ์การ
แพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรน่า 2019 หรอื โควดิ 19

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้า
เจา้ อยหู่ ัว พระราชทานเครอื่ งช่วยหายใจให้แก่ โรงพยาบาลต้ารวจในเบื้องต้น
จา้ นวน 3 เครื่อง คอื Puritan Bennett 980 จา้ นวน 1 เคร่ือง และ Puritan
Bennett 840 จ้านวน 2 เคร่อื งเพอื่ เพม่ิ ประสิทธิภาพในการรบั มอื สถานการณ์
การแพรเ่ ชอื้ โควดิ -19

ต่อมาเม่ือวันที่ 26 มีนาคม 2563 ทรงพระราชทานเครื่องช่วยหายใจ
จ้านวน 3 เครื่อง และเคร่ืองวัดออกซิเจนแบบปลายน้ิว จ้านวน 13 เคร่ือง
ให้แก่ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ และในวันท่ี 27
มีนาคม 2563 พระราชทานเครื่องช่วยหายใจ และอุปกรณ์ทางการแพทย์
ให้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้า
สิริกิต์ิ กรมแพทย์ทหารเรือ ได้แก่ เคร่ืองช่วยหายใจ Puritan Bennett รุ่น

980 จ้านวน 1 เครื่อง เคร่ืองช่วยหายใจ Puritan Bennett รุ่น 840 จ้านวน
3 เครอื่ ง เคร่ืองช่วยหายใจ Draeger รุ่น Carina จ้านวน 2 เครือ่ ง เครอ่ื งชว่ ย
หายใจ Maquet รุ่น SERVO-s จ้านวน 1 เคร่ือง และเคร่ืองวัดออกซิเจน
ปลายนิว้ จา้ นวน 13 เคร่อื ง

วันท่ี 1 เมษายน 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน
เครื่องช่วยหายใจเพ่ิมเติม ให้แก่ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์
ทหารอากาศ เป็นเครื่องช่วยหายใจ จ้านวน 7 เคร่ือง ซ่ึงเดิมได้รับของ
พระราชทานในเบ้ืองต้น เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นเครื่องช่วยหายใจ
จา้ นวน 3 เครือ่ ง และเครอ่ื งวัดออกซเิ จนแบบปลายน้ิว จา้ นวน 13 เครอื่ ง

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทาน เคร่ืองช่วยหายใจ Puritan
Bennett รุ่น 840 จ้านวน 3 เครื่อง ให้แก่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
ส้านกั การแพทย์ กรุงเทพมหานคร

ในวันท่ี 3 เมษายน 2563 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
เคร่ืองช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่ โรงพยาบาลพระมงกุฎ

เกล้า ประกอบด้วย เครื่องช่วยหายใจ Draeger จ้านวน 3 เคร่ือง เคร่ืองช่วย
หายใจ Puritan Bennett จ้านวน 4 เคร่อื ง เครื่องช่วยหายใจ Event จา้ นวน
4 เคร่ือง เคร่ืองช่วยหายใจ Maquet จ้านวน 1 เครื่อง รวม 12 เครื่อง และ
เครอ่ื งวัดออกซิเจนแบบปลายนิ้ว จ้านวน 13 เคร่ือง

ท้ังยังพระราชทานรถตรวจโรคติดเช้ือชีวนิรภัย จ้านวน 13 คัน เพ่ือ
กระทรวงสาธารณสุขน้าไปใช้ประโยชน์ ณ ส้านักงานเขตสุขภาพ ที่ 1-12 ทั่ว
ประเทศ และเขตพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร ท่ีกระทรวงสาธารณสุข ดูแล
รับผิดชอบเพื่อใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนท่ีในการเก็บตัวอย่างโรคติดเช้ือ
ไวรัสโคโรนา 2019( โควิด-19) ให้แก่ประชาชนในพ้ืนที่ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
เช่น โรงเรียน วัด ชุมชนแออัด และกลุ่มอาชีพเสี่ยงท่ัวประเทศ เพ่ือช่วยเพิ่ม
ประสิทธิภาพในระบบการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเช้ือโรคโควิด-19 เชิงรุก
เพ่ือให้ประชาชนมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อันจะน้ามาซ่ึงคุณภาพชีวิตท่ีดี

ทรงถอื เป็นหน้าทที่ ีจ่ ะต้องตอบแทนคุณแผน่ ดิน อนั เปน็ หนา้ ที่ท่ปี ระชาชนชาว
ไทยทกุ คนจะตอ้ งร่วมมอื ร่วมใจกันปฏบิ ัติ
ดา้ นการศึกษา

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธบิ ดีศรสี ินทรมหาวชิราลงกรณ พระ
วชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือคร้ังยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม
มกุฎราชกุมาร พระองค์พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้อาคารของกรม
ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เป็นที่ตั้งของโรงเรียนอนุบาลชื่อว่า
โรงเรียนอนบุ าลทหารมหาดเลก็ ราชวลั ลภ โดยในระยะแรกไดจ้ ัดการเรยี นการ
สอนเฉพาะชั้นอนุบาล ต่อมา โรงเรียนได้ย้ายไปท่ีจังหวัดนนทบุรี และได้รับ
พระราชทานช่ือใหมว่ ่า โรงเรยี นอนรุ าชประสิทธิ์

โรงเรยี นอนบุ าลทหารมหาดเลก็ ราชวลั ลภ

นอกจากน้ี ทรงทราบดีว่าเยาวชนในถ่ินทุรกันดารยังด้อยโอกาสใน
การศกึ ษา ทรงพระราชทานพระราชทรพั ย์ส่วนพระองค์สมทบเป็นค่าก่อสร้าง
โ ร ง เ รี ย น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ที่ ตั้ ง อ ยู่ ใ น ช น บ ท ห่ า ง ไ ก ล ค ม น า ค ม ไ ม่
สะดวก กระทรวงศึกษาธกิ าร (ประเทศไทย)ได้สนองพระราชประสงค์ด้วยการ
น้อมเกล้าฯ ถวายโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาจ้านวน 6 โรงเรียน เป็น
โรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ ได้แก่ (1) โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา อ้าเภอปลา
ปาก จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันเปล่ียนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 1
นครพนม), (2) โรงเรียนมัธยมจุฑาวัชร อ้าเภอลานกระลือ จังหวัด
ก้าแพงเพชร (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 2
ก้าแพงเพชร), (3) โรงเรียนมัธยมวัชเรศร อ้าเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุ
ราษฎร์ธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3 สุราษฎร์
ธานี), (4) โรงเรียนมัธยมจักรีวัชร อ้าเภอรัตนภูมิ จังหวัดสงขลา (ปัจจุบัน
เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 2 สงขลา), (5) โรงเรียนมัธยมวัชรวีร์
อ้าเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา (ปัจจุบันเปล่ียนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยม
สิริวัณวรี 3 ฉะเชิงเทรา) และ (6) โรงเรียนมัธยมบุษย์น้าเพชร อ้าเภอเมือง
อุดรธานี จังหวัดอุดรธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 1
อุดรธานี) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวราง
กูร เมื่อคร้ังยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จ
พระราชด้าเนินไปทรงเย่ียมเยาวชนในต้าบลต่าง ๆ ทรงสนับสนุนการจัดตั้ง
ศูนย์เยาวชนต้าบล รวมท้ังได้ทรงเป็นประธานงานวันเยาวชนแห่งชาติ วันท่ี
20 กนั ยายน ของทกุ ปี และทรงเป็นประธานในพิธีปฏิญาณตนและสวนสนาม
ของลกู เสอื และเนตรนารี และสมาชกิ ผู้ท้าประโยชน์

ทงั้ น้ีพระองค์ได้ทรงอุปการะเดก็ กา้ พรา้ คอื จักรกฤษณ์ และอนุเดช ชูศรี
ที่ครอบครัวเสียชีวิตจากภูเขาถล่มเม่ือ พ.ศ. 2554 รวมทั้งครอบครัวของบูร

ฮาน และบุศรินทร์ หร่ายมณี ซึ่งบิดาถูกลอบสังหารจากเหตุความไม่สงบใน
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะทรงอุปการะจนกว่าจะส้าเร็จการศึกษา
ปริญญาตรีหรือจนกวา่ จะมีอาชพี สามารถเลยี้ งครอบครวั ได้ เป็นตน้

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิร าลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือครั้งอิสรยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม
มกฎุ ราชกุมาร มีพระราชด้าริให้ด้าเนินโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรม
โอรสาธริ าชฯ สยามมกุฎราชกมุ าร ขน้ึ เมื่อ พ.ศ. 2552 ด้วยพระราชปณิธานท่ี
มุ่งสร้างความรู้ สร้างโอกาสแก่เยาวชนไทยที่มีฐานะยากจน ยากล้าบาก แต่
ประพฤติดี มีความสามารถในการศึกษา ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาท่ีม่ันคง
ต่อเน่ืองในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนส้าเร็จการศึกษาในระดับปริญญา
ตรี ตามความสามารถของแต่ละคน เป็นการลงทุนเพ่ือพัฒนาความรู้
ความสามารถและศักยภาพแกเ่ ยาวชนไทย

ต่อมาใน พ.ศ. 2553 มีพระราชด้าริให้จัดต้ัง มูลนิธิทุนการศึกษา
พระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) ข้ึน
โดยทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ และทรงให้น้าโครงการทุนการศึกษา
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มาอยู่ภายใต้การ
ดา้ เนินงานของมลู นิธิฯ เพ่ือให้เกดิ ความต่อเนื่องและย่ังยืนสืบต่อไป ปัจจุบันมี
นักเรียนทุนพระราชทานฯ ในโครงการท้ังสิ้นจ้านวน 9 รุ่น เพ่ือให้เยาวชนใช้
ความรปู้ ระกอบอาชพี เลยี้ งตนและครอบครัวได้เม่ือจบการศึกษา ได้เสด็จพระ
ราชด้าเนินไปทรงเย่ียมโรงเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์ ทรงติดตามผล
การศึกษา และโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
และหม่อมเจ้าสิริวัณวรี พระราชธิดาทั้งสองพระองค์ทรงร่วมกิจกรรมของ
โรงเรียนต่างๆ เสมอทั้งนี้ด้วยน้าพระหฤทัยท่ีทรงพระเมตตาห่วงใยเยาวชน
ผู้ด้อยโอกาส

ในด้านอุดมศึกษา พระองค์ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชด้าเนินแทน
พระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตของมหาวิทยาลัย ต่าง ๆ ปี
ละเปน็ จา้ นวนมากทุกปี

พระบรมราโชบายดา้ นการศึกษา

เมื่อวันศุกร์ท่ี 18 สงิ หาคม พ.ศ. 260 บริษัท ซีพี ออลล์ จ้ากัด (มหาชน)
จัดงานแจกรางวัล “เซเว่นบุ๊คอวอร์ด” มีศาสตราจารย์นายแพทย์เกษม วัฒน
ชยั เปน็ ประธาน กอ่ นแจกรางวัล คณุ หมอเกษมได้อัญเชิญพระบรมราโชบาย
ด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ บดินทรเทพ
ยวรางกูร ซึ่งคุณหมอเกษมได้บันทึกไว้มาเสนอในท่ีประชุม เป็นพระบรมรา
โชบายท่ีครูทุกคนควรทราบและน้อมน้ามาปฏิบัติ จึงขอน้ามาเผยแพร่ให้ครู
ทง้ั หลายได้ทราบดังนี้

“การศึกษาต้องมุ่งสร้างพ้ืนฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน มีทัศนคติท่ีถูกต้อง
ต่อบ้านเมือง ข้อน้ีมีค้าขยายว่า ต้องมีความรู้ความเข้าใจท่ีมีต่อชาติบ้านเมือง
ยึดมั่นในศาสนา มั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีความเอ้ืออาทรต่อ
ครอบครวั และชุมชนของตน มพี ้นื ฐานชีวิตท่ีมน่ั คง มคี ณุ ธรรม ข้อน้ีมคี ้าขยาย
ว่า ให้รู้จักแยกแยะสิ่งท่ีผิด-ท่ีถูก สิ่งชั่ว-สิ่งดี เพ่ือปฏิบัติแต่ส่ิงท่ีชอบท่ีดีงาม
ปฏเิ สธสิง่ ทผ่ี ดิ ทีช่ ัว่ เพือ่ สร้างคนดใี ห้แกบ่ า้ นเมอื ง มีงานท้า มีอาชีพ ข้อนี้มีค้า
ขยายว่า ต้องให้เด็กรักงาน สู้งาน ท้างานจนส้าเร็จ อบรมให้เรียนรู้การ
ท้างาน ให้สามารถเลี้ยงตัวและเลี้ยงครอบครัวได้ เป็นพลเมืองดี ข้อนี้มีค้า
ขยายว่า การเป็นพลเมืองดีเป็นหน้าที่ของทุกคน สถานศึกษาและสถาน
ประกอบการต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสท้าหน้าท่ีพลเมืองดี การเป็น

พลเมืองดหี มายถึงการมีนา้ ใจ มคี วามเออ้ื อาทร ต้องทา้ งานอาสาสมัคร งาน
บ้าเพ็ญประโยชน์ เห็นอะไรท่จี ะท้าเพื่อบ้านเมอื งได้ก็ตอ้ งท้า”
ดา้ นการพระศาสนา

พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสนิ ทรมหาวชริ าลงกรณ พระว
ชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะท่ีวัดพระศรีรัตน
ศาสดาราม เม่อื วันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2509 ก่อนเสด็จพระราชด้าเนินไปทรง
ศึกษาตอ่ ทปี่ ระเทศอังกฤษ อีกทั้งเม่ือครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระพระราชบิดา
ทรงประเคนผ้าไตร ประกาศนียบัตร และพัดยศ ในการต้ังภิกษุและสามเณร
เปรียญ เน่ืองในการพระราชพิธีทรงบ้าเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา ณ พระ
อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง พ .ศ. 2551
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิร

เกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคร้ังอิสรยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงแสดง
พระองค์เป็นพุทธมามกะที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เม่ือวันที่ 3 มกราคม
พ.ศ. 2509 ก่อนเสด็จพระราชด้าเนินไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ
นอกจากนี้ มพี ระราชศรัทธาออกบวชในพระพุทธศาสนา โดยพระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิ เบศร มหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร โปรดให้
จัดการพระราชพิธีผนวช ณ พัทธสีมาวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันที่ 6
พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จ
พระสงั ฆราช (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ
สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณ
โก) ถวายอนุสาสนไ์ ดร้ บั ถวายพระสมณนามว่า "วชิราลงกฺ รโณ" และไดป้ ระทบั
อยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ตลอดจนทรงลาสิกขาในวันท่ี 20 พฤศจิกายน พ.ศ.
2521 นอกจากนั้น ยังเสดจ็ พระราชด้าเนินแทนพระบาทสมเด็จพระบรมชนกา
ธิเบศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ รไปปฏิบัติพระราชกิจทาง
พระพุทธศาสนาอย่างสม้่าเสมอ โดยเฉพาะเมื่อคร้ังยังเป็นสมเด็จพระบรม
โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เช่น เสด็จพระราชด้าเนินแทนพระองค์ไป
ทรงเปล่ยี นเครือ่ งทรงพระพุทธมหามณรี ตั นปฏิมากร ณ วดั พระศรีรัตนศาสดา
ราม ตามฤดูกาล เสด็จพระราชด้าเนินแทนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา
ภูมิพลอดุลยเดชไปทรงบ้าเพ็ญพระราชกุศลในวันส้าคัญทางพระพุทธศาสนา
เช่นวันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และการถวายผ้าพระกฐิน
หลวงตามวดั ตา่ ง ๆ เปน็ ต้น

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบ้าเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านศาสนาหลังจาก
เสด็จข้ึนทรงราชย์แล้ว คือ ทรงบ้าเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องใน
วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ทรงพระราช

อนุสรณ์ค้านึงถึงสมเด็จพระบรมชนกนาถ และโปรดเกล้าฯ สถาปนาอิสริยยศ
และเลื่อนอิสริยฐานันดรพระสงฆ์ท่ีด้ารงอยู่ในสมณคุณ และมีอุปการะย่ิงแก่
การพระศาสนาดังกล่าวสูงข้ึน เพ่ือจักได้บริหารพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง
สถาพร ตามโบราณราชประเพณี

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ข้ึนเป็นสมเด็จ
พระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์
พ.ศ. 2560 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยได้เสด็จพระราชด้าเนินไป
ประกอบพระราชพิธสี ถาปนาสมเด็จพระสังฆราชดว้ ยพระองค์เองเมื่อวันที่ 12
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 หลายคร้ังได้เสด็จพระราชด้าเนินไปทรงเยี่ยมและมี
พระราชปฏิสันถารพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ อาทิ เม่ือวันท่ี 4 พฤศจิกายน พ.ศ.
2526 โดยเสดจ็ ไปเย่ยี มอาการอาพาธหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ณ วัดดอยแม่ป๋ัง
ต.แมป่ ๋ัง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

นอกจากน้ันพระองค์ยังให้การสนับสนุนกิจกรรมของศาสนาอื่นอาทิ
ศาสนาอสิ ลาม โดยพระองค์ เสดจ็ ฯไปเปน็ ประธานในพิธี พระราชทานรางวลั
แกผ่ ้ชู นะ การทดสอบ การอญั เชญิ พระมหาคัมภรี ์อลั กุรอานระดับประเทศ

ดา้ นการกฬี า

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชริ เกล้าเจ้าอยูห่ ัว เม่ือครง้ั ทรงอิสริยยศเปน็ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ท้ังในฐานะผู้แทนพระองค์
และในสว่ นของพระองค์เองนานัปการ เช่น การพระราชทานไฟพระฤกษ์ กฬี า
เยาวชนแหง่ ชาติ พระราชทานพระราชวโรกาสให้นักกีฬาไทยผู้น้าความส้าเร็จ
น้าเกียรติยศมาสู่ประเทศชาติ เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทรับพระราชทาน
รางวัลนักกีฬายอดเย่ียม รับพระราชทานพร และทรงแสดงความชื่นชม
ยินดี ซงึ่ นกั กฬี าของไทยต่างส้านึกในพระมหากรณุ าธิคณุ มคี วามปลาบปลม้ื ใน
สิริมงคลและมีขวัญก้าลังใจท่ีจะน้าความส้าเร็จและน้าเกียรติยศมาสู่ตนเอง สู่
วงศ์ตระกูล และประเทศชาติต่อไป และเม่ือเดือนธันวาคม พ.ศ. 2541 ได้
เสดจ็ พระราชดา้ เนินแทนพระองค์ไปทรงประกอบพธิ เี ปดิ กฬี าเอเชยี่ นเกมส์ ทา้
ใหน้ กั กีฬามีขวัญและก้าลงั ใจในการแข่งขนั ประสบชยั ชนะน้าเหรียญรางวลั มา
สู่ประเทศไทยเป็นจา้ นวนมาก

พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจา้ อยหู่ วั ทรงปน่ั นา้ ขบวน Bike for Mom ปนั่ เพ่ือแม่

ในปี พ.ศ. 2558 พระองค์ ทรงมีพระราชปณิธานที่จัดกิจกรรมจักรยาน
ถวายพระเกียรติและถวายความจงรักภักดีเน่ืองในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระ
ชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเนื่องในโอกาสมหา
มงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ฯ โดยได้ทรงจักรยานพระท่ีนั่งน้าประชาชนทั่วประเทศป่ันจักรยานใน

กิจกรรม Bike for Mom - ป่ันเพื่อแม่ จัดกิจกรรมวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.
2558 และกิจกรรม Bike for Dad - ปั่นเพ่ือพ่อ จัดกิจกรรมวันท่ี 11

ธันวาคม พ.ศ. 2558 ในกิจกรรมประชาชนได้ร่วมใจกันแสดงความจงรักภักดี
ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดเส้นทางมีพสกนิกรเฝ้ารับเสด็จอย่างเนือง
แน่น

ดา้ นสงั คมสงเคราะห์

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือคร้ังอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาห่วงใยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของ
ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนทีด่ อ้ ยโอกาสและขาดแคลน ได้ทรงพระอุตสาหะ
เสด็จพระราชด้าเนินไปทรงเย่ียมชุมชนแออัดในกรุงเทพฯหลายแห่ง เช่น
ชุมชนแออัดเขตพระโขนง เขตคลองเตย เขตยานนาวา เป็นตน้ ทรงพระกรุณา
พระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องกีฬา เครื่องดับเพลิง โปรดเกล้าฯให้
กรมทหารในบังคับบัญชาของพระองค์ ร่วมกับประชาชนพัฒนาส่ิงแวดล้อม
ท้ังยังพระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนโครงการของชุมชน เช่น โครงการ
พฒั นาเดก็ เล็กทข่ี าดแคลน โครงการปราบปรามยาเสพตดิ ในหมเู่ ยาวชนชมุ ชน
แออดั คลองเตย เพอื่ ให้เยาวชนผู้ด้อยโอกาสเหล่าน้ันเติบโตเป็นพลเมืองดีและ
เป็นทรัพยากรบคุ คลทีมคณุ ค่าในพัฒนาประเทศตอ่ ไปในอนาคต


Click to View FlipBook Version