The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชีวประวัติสุนทรภู่ (ฉบับปรับปรุง)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tharaphan.prasan, 2022-06-18 09:02:39

ชีวประวัติสุนทรภู่ (ฉบับปรับปรุง)

ชีวประวัติสุนทรภู่ (ฉบับปรับปรุง)

ชวี ประวตั สิ นุ ทรภู่ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

ผเู้ รยี บเรยี ง นายประสาร ธาราพรรค์

26 มิถุนายน วันคล้ายวันเกิด ของสุนทรภู่รัตนกวีเอกสี่แผ่นดินของชาติ
ไทย กวีทอี่ ยู่ในหวั ใจของคนไทยท้ังชาติ ผลงานคาประพนั ธ์ อันหลากหลายของ
ท่าน ยังคงตราตรงึ อยใู่ น ความทรงจาของคนทว่ั ไป ในปี พ.ศ.2529 ซง่ึ ครบรอบ
200 ปีสุนทรภู่ท่านได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และ
วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ให้เป็นบุคคลสาคัญของโลก
ชีวประวัติของสุนทรภู่หากเราพิจารณาจะมีสิ่งต่าง ๆ ที่น่าศึกษาและสมควร
เรียนรู้เป็นอยา่ งยิ่งในฐานะท่ที ่านเปน็ รัตนกวีเอกของไทยและคนสาคญั ของโลก

26 มิถนุ า วนั สนุ ทรภู่ อคั รกวี
ทว่ั ธาตรี สดุดี ศรีสยาม
ยเู นสโก ยกย่องทา่ น บนั ลอื นาม
ชนตดิ ตาม สรรเสรญิ ทว่ั โลกา
คาประพันธ์ กาพย์ โคลง กลอน แตง่ ดีเลศิ
สดุ ประเสรฐิ ผกู เรื่องราว นา่ ศึกษา
ผลงานทา่ น สรา้ งแปลกใหม่ ชนศรทั ธา
มีคณุ คา่ เรยี นรู้กนั ทัว่ เมืองไทย
ประวตั ทิ า่ น นา่ สนใจ ใครค่ รวญคดิ
มชี ีวติ ยนื ยาว สส่ี มยั

เกดิ ร.1 เฟอื่ ง ร.2 เด่นเกนิ ใคร
ตอ้ งหนีภัย ยคุ ร.3 ไปบวชพลนั
กลบั ยง่ิ ใหญ่ ร่งุ เรอื งใหม่ ยคุ ร.4
สรา้ งชวี ี มนั่ คงได้ ไมแ่ ปรผนั
พ่อคนระยอง แมค่ นแปดรวิ้ รู้ทวั่ กัน
ครอบครวั นนั้ มักวนุ่ วาย นา่ หน่ายจรงิ
สนุ ทรภู่ อยู่กรงุ เทพฯ คนกรงุ เทพฯ
สงิ่ ชอบเสพ คอื เมรัย ใจชอบยิง่
ปฏภิ านกวี ทา่ นเล่อื งลอื ไร้ทว้ งตงิ
ไมห่ ยดุ นงิ่ จนิ ตนาการ คนนยิ ม
สนุ ทรภู่ ตายทใ่ี ด ไร้หลกั ฐาน
สรา้ งผลงาน ใหโ้ ลกไว้ ไดส้ ขุ สม
เอกลกั ษณไ์ ทย ความเปน็ ไทย โลกช่นื ชม
ไทยอดุ ม วัฒนธรรม เลศิ วไิ ล

..........................................................

ผปู้ ระพนั ธ์ นายประสาร ธาราพรรค์

ชีวประวตั ิสุนทรภู่

อนสุ าวรยี ส์ นุ ทรภู่ ทวี่ ัดศรีสดุ าราม หรอื วดั ชปี ะขาว
ท่านจะพบกับคาตอบที่น่าสนใจเก่ยี วกบั ชวี ประวัติของสุนทรภู่

- สุนทรภู่คนจังหวดั ใดกนั แน่ ระยอง เพชรบุรี ฉะเชงิ เทรา หรอื กรุงเทพฯ
- บดิ า มาดา ของสุนทรภคู่ นจงั หวดั ใด
- สนุ ทรภเู่ ขา้ รบั การศึกษาทใ่ี ด
- ชวี ติ ครอบครวั สนุ ทภู่ มภี รรยา และบตุ ร จานวนเทา่ ใด
- เหตใุ ดสนุ ทรภตู่ ้องบวช บวชและศกึ กค่ี รง้ั กนั แน่
- แปลก สนุ ทรภู่ ถงึ แกก่ รรมทไี่ หน เมอ่ื ไร ไมม่ ีหลกั ฐาน

สุนทรภู่เกิดในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช
รัชกาลท่ี 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เมื่อวันท่ี 26 มิถุนายน 2329 ตรงกับวัน
จันทร์ เดือน 8 ข้ึน 1 ค่า ปีมะเมีย จุลศักราช 1148 เวลา 8.00 น. ซึ่งเขียน
เป็นดวงชะตาได้ดงั น้ี

ดวงชะตาสนุ ทรภู่

ณ เวลาแหง่ สนุ ทรภเู่ กดิ นน้ั พระพฤหสั บดี (๕) อย่รู าศเี มษ อาทติ ย์(๑)
จันทร(์ ๒) พธุ (๔)ทง้ั ๓ พระเคราะหน์ รี้ วมอยู่ในราศเี มถนุ องั คาร (๓) และศกุ ร์
(๖) ตา่ งอยใู่ นราศกี รกฎ ทง้ั ๒ พระเคราะห์ เสาร์(๗) และราห(ู ๘) อยใู่ นราศี
มงั กรดว้ ยกัน จากดวงชะตาของสนุ ทรภู่ เทพ สุนทรศารทลู กลา่ วไวด้ งั น้ี

เทพ สนุ ทรศารทลู
ลัคนาอยู่ราศีกรกฎ อังคารศุกร์กุมลัคน์ เสาร์ราหูเล็งลัคน์ พฤหัสบดีอยู่
ราศีเมษ จันทร์กดุมภะเป็นวินาศแก่ลัคนา และจันทร์ มีดาวพุธเป็นมิตร ซ่ึง
ทานายได้ดังนี้ องั คารกมุ ลคั น์ ทา่ นว่าเปน็ ผู้มีอายุยืน ดาวศุกร์ กมุ ลัคน์ ทา่ นวา่
เป็นผู้มีอารมณ์แรงทางด้านกามารมณ์ มีเสน่ห์แก่เพศตรงข้าม เสาร์เล็งลัคนา
อยู่ในราศีมังกรเป็นดาวเกษตร ท่านว่าจะมีทุกข์โศกเพราะคู่ครองหาความสุข
ไม่ได้ ดาวราหูคู่มิตรร่วมกับดาวเสาร์เช่นนี้ยิ่งมีพลังแรงมากใน ทางให้ทุกข์ให้
โทษ ดวงชะตาอย่างนี้ท่านเรียกว่าดวงแตก ข้ึนแล้วตกไม่รุ่งโรจน์อยู่นานดีแล้ว
ต้องได้ช่ัว ช่ัวแล้วต้องได้ดี ดาวพฤหัสอยู่ราศีเมษแสดงว่าเป็นผู้มีสติปัญญาสูง

ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวท่ีเด่นมากในดวงชะตา ทาให้เป็นบุคคลที่มีคนเคารพนับ
ถือโดยทั่วไป เป็นนักปราชญ์อาทิตย์ เป็นดาวกาลกิณีเป็นวินาศแก่ลัคนา ต้อง
พลัดพรากจากพ่อหรือ แม่เมื่อเยาว์ จันทร์กดุมภะเป็นวินาศกับลัคนา แสดง
วา่ เปน็ ผใู้ ช้เงินเติบเก็บไมอ่ ยู่จนั ทร์มีพุธ เป็นมิตร แสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้มีความรู้ใน
ทางการพูด และการเขียน แต่จันทร์กับพุธวินาศกับลัคนาทาให้ความรู้
ความสามารถพเิ ศษทาลายตนเองได้

นอกจากนั้น นายระวัง ชวนเชย ได้กล่าวถึงชะตาของสุนทรภู่ดังนี้ เจ้า
ชะตามีดวงจันทร์ (๒) เป็นเจ้าเรือนและจันทร์เอง ไปอยู่ภพวินาศเรือนพุธ (๔)
ได้ค่มู ติ ร (๒,๔) เทา่ กับตนุ วินาศ ดาว (๒,๔) แปลได้ความวา่ ตาแหนง่ หนา้ ทีข่ อง
เจ้าชะตา (ตนุ) มีขึ้นอย่างไม่คาดฝันหรือมีขึ้นอย่างง่าย ๆ คราวนี้มาพิจารณาดู
ภพกัมมะ กัมมะ หมายถึง การงานอาชีพ ภาระหน้าท่ี ขณะท่ีท่าน ภู่เกิดดาว
พฤหสั บดี (๕) รออยเู่ หนือศีรษะพอดี ดาวดวงนี้ได้ ตาแหน่งราชาโชค หมายถึง
ความโออ่าเจ้าสาราญ ความเด่นดังมีหน้าตาเป็นท่ีนิยมของคนทั่วไป เม่ือ
พฤหัสบดีอยู่เรือนอังคาร (๓) และอังคารเองไปอยู่ ตนุ (ลั) จับคู่กับดาวศุกร์
(๖) ได้คู่มิตรศุกร์เองได้ตาแหน่งราชาโชคอีกดวง เม่ือดาวสองดวงให้คุณแก่
ลัคนา ท่านภู่ก็เลยดังระเบิด หลุดจากภพกัมมะมาดูภพปัตนิ ปัตนิแปลว่า
คู่ครอง ความรักเพศตรงข้าม ฝ่ายตรงข้าม ในดวงชะตาเสาร์ (๗) ราหู (๘)
ครองอยู่ในราศีเดียวกัน ดวงชะตา ของผู้ใดก็ตาม ถ้ามีดาวคู่มิตร (๗,๘) อยู่ใน
ภพปัตนิชาติน้ีท้ังชาติไม่ต้องกลัวว่าจะหาเมียไม่ได้ มีเป็นเข่งกิโลมันน้อยไป
ราหมู าจากภพมรณะ แปลวา่ ความตายความสญู เสีย ความพลัดพรากเม่ือมาอยู่
ในภพปัตนิเท่ากบั มรณะ ปตั นิ ดาว ๗,๘ หมายความว่า ความตาย ความสญู เสยี
ความพลดั พราก เมยี ของทา่ นภู่ไมม่ ใี ครคนไหนอยูด่ ้วยกนั ยดื เยื้อจนแก่เฒ่า ตาย
จากกันไปสกั คน

สนุ ทรภู่..คนจังหวัดใดกนั แน่ !

สถานรี ถไฟบางกอกนอ้ ย
สาหรับสถานที่ท่ีสุนทรภู่เกิดน้ัน ก.ศ.ร.กุหลาบได้กล่าวไว้ใน หนังสือ
สยามประเภท "ขุนสุนทรโวหาร(ภู่)เป็นบุตรขุนศรีสังหาร (พลับ) บ้านมีอยู่หลัง
ป้อมวังหลัง เป็นสะเตช่ันรถไฟสายเพชรบุรี ปัจจุบันคือบริเวณโรงพยาบาล
ศิริราช หรือวงั หลังเดมิ และสถานีรถไฟบางกอกนอ้ ยสายใตน้ ัน่ เอง

สุนทรภู่สมควรเป็นคนจังหวัดใด จะขอยกบทสรุปของคาตอบท่ีสรุป
“สนุ ทรภู่ คนกรงุ เทพฯ ไม่ใชค่ นระยอง” ของนักวชิ าการ 3ท่านดงั นี้

สุจิตต์ วงษเ์ ทศ
1. สจุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ ให้ข้อคิดดังนี้ “ผู้อ่านหลายท่านสอบถามผมว่าสุนทร
ภู่ น่าจะเป็นคนที่ไหนมากท่ีสุด ผมก็ตอบง่าย ๆ ว่า สุนทรภู่เกิดที่วังหลัง และ
สุนทรภู่ก็เป็นคนฝั่งธนบุรี แถว ๆ โรงพยาบาลศิริราช หรือ แถวๆ ซอยวังหลัง
หรอื ซอยบา้ นช่างหลอ่ นแ่ี หละครบั ”
(สจุ ิตต์ วงษเ์ ทศ , หมายเหตบุ รรณาธกิ าร, ศลิ ปวฒั นธรรม ปที ่ี 7 ฉบบั ท่ี 7 :
พฤษภาคม 2529, หนา้ 20.)

เนาวรตั น์ พงษ์ไพบลู ย์

เนวรตั น์ พงษไ์ พบลู ย์
2. เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ให้ข้อคิดดังนี้ “บิดาเป็นชาวระยอง มารดา
เป็นชาวเมืองเพชร ส่วนสุนทรภกู่ ็เป็นชาวฝ่ังธนฯ ตามทางสนั นษิ ฐานวา่ ทา่ นเกดิ
ท่ีวังหลงั อันเปน็ ละแวกโรงพยาบาลศิริราชปัจจุบันนี้”
(เนาวรตั น์ พงษไ์ พบูลย์ , ศลิ ปวัฒนธรรมปที ี่ 7 ฉบบั ที่ 8 : มถิ นุ ายน 2529,
หนา้ 58.)

3. รองศาสตราจารย์กมล การกุศล ให้ข้อคิดดังน้ี “เกิดที่ไหนก็เรียกว่า
คนที่นั่น ส่วนจะไปมีญาติโยมอยู่ที่ใดนั้นเป็นอีกเร่ืองหน่ึง ไม่จาเป็นต้องมี
ภมู ิลาเนาตามญาติ จึงอยากเสนอเล่น ๆ ว่า สนุ ทรภู่ เปน็ คนฝั่งธนบุรี”
(รองศาสตราจารย์กมล การกุศล “หลานเมืองระยอง น้องเมืองเพชร ,

ศลิ ปวัฒนธรรม ปที ่ี 7 ฉบบั ท่ี 9 : กรกฎาคม 2529, หนา้ 23.)

สุนทรภู่ เกิดฝั่งธนบุรี กรุงเทพฯ เติบโต เล่าเรียนหนังสือ รับราชการ มี
ครอบครัว ดาเนินชีวิตเกือบท้ังชีวิตที่กรุงเทพฯ เดินทางมาหาบิดาที่บ้านกร่า
ระยอง เพียงไม่ก่ีวัน และเม่ือเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังจากมาพบบิดาแล้ว
กไ็ มไ่ ดม้ าบา้ นกรา่ ระยองอีกเลย ดงั นั้นสุนทรภู่สมควรเป็นคนระยอง หรือ คน
กรงุ เทพฯ ย่อมมีบทสรุปอยู่ในตวั แลว้ นั่นเอง

บดิ าของสนุ ทรภเู่ ปน็ คนจงั หวดั ใด

บรเิ วณอนสุ าวรียส์ นุ ทรภเู่ ดมิ เปน็ ทตี่ ง้ั ของวดั ปา่ ชลธาร
บิดาของสุนทรภู่น้ันมีช่ือว่า ขุนศรีสังหาร(พลับ) บิดาของสุนทรภู่เป็น
ชาวบ้านกร่า เขตอาเภอเมืองแกลง แขวงจังหวัดระยอง รับราชการฝ่ายทหาร
อยู่ในสังกัดกรมทหารล้อมวังในกรมพระราชวังสถานพิมุข ตาแหน่งเป็นปลัด
กรมขวา กรมอาสาวิเศษซ้ายเม่ือมีสุนทรภู่บิดาได้ลาออกจากราชการกลับไป
บวชท่บี ้านเดมิ ของตนทีบ่ ้านกรา่ เมืองแกลง นายเปลอ้ื ง ณ นคร ไดก้ ล่าวถึงการ
ออกบวชของบิดาสุนทรภู่ไว้ดังนี้"ท่ีออกบวชแล้วไปอยู่เมืองแกลงน้ัน คงมีญาติ
อยู่ทีน่ ั่นบา้ งแลว้ แต่ไมใ่ ช่เหตุผล ทางการเมือง เพราะคนระดับขนุ ศรีสังหาร
คงไม่มีผลกระทบ กระเทือนเหมือนขุนนางระดับสูง เป็นเรื่องบาดหมางกับคน
รกั คือแมข่ องสุนทรภ่มู ากกว่า เลยตัดสนิ ใจจากไป "

พ.ณ. ประมวญมารค หรอื หม่อมเจ้าจนั ทรจ์ ิรายุ รัชนี

พ.ณ. ประมวญมารค หรือหม่อมเจ้าจันทร์จิรายุ รัชนี ให้ข้อคิดที่
แตกต่างออกไปคือ "พ่อของสุนทรภู่เป็นทหารอยู่ในวังแล้วเกิดไปทานางกานัล
ในวงั คือแมข่ องสนุ ทรภู่ทอ้ ง จงึ ตอ้ งหลบหนีออกไปบวชด้วยเกรงพระราชอาญา
จากกฎมณเฑียรบาลมากกว่า"

บิดาของสุนทรภู่ได้ออกบวชจาพรรษาอยู่ที่วัดป่าชลธาร ตาแหน่งเจ้า
อาวาสมีฐานานุศักดิ์ เป็นท่ีพระครูธรรมรังสี วัดป่าชลธารน้ี ต้ังอยู่ที่บริเวณ
อนสุ าวรียส์ ุนทรภู่ในปจั จบุ ันนแ้ี ต่เน่อื งจากแตเ่ ดมิ นน้ั บรเิ วณนเ้ี ปน็ ทลี่ มุ่ เมอ่ื มฝี น
ตกน้าจะท่วมบรเิ วณวดั จึงได้ทาการยา้ ยท่ตี ง้ั วดั เสียใหม่ และเรียกช่ือวัดท่ีย้าย
ไปต้งั อยู่ทแ่ี ห่งใหมว่ า่ วัดป่ากรา่

มารดาสุนทรภคู่ นจงั หวดั ใด

เทพ สนุ ทรสารทลู
เทพ สุนทรสารทูลกล่าวไว้ในหนังสือชีวประวัติพระสุนทรภู่(ภู่ ภู่เรือหงส์)
ของท่านกลา่ วว่า มารดาสนุ ทรภู่ ชอื่ ช้อย เปน็ ชาวแปดริว้
แต่หม่อมเจ้าจันทร์จิรายุรัชนี (พ.ณ.ประมวลมารค) สันนิษฐานว่ามารดา
ของสุนทร เป็นชาวเมอื งเพชร

นายเปลอ้ื ง ณ นคร
นอกจากน้ันนายเปล้ือง ณ นคร ได้กล่าวถึงมารดาของสุนทรภู่ดังน้ี
"แม่ของสุนทรภู่เป็นคนเพชรบุรีแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเข้ามาอยู่ในวังที่กรุงเทพฯ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ สมัยนั้นเจ้านายเช้ือพระวงศ์คุ้นเคยกับทางเพชรบุรีดี ที่นึก
ประหลาดใจอยู่ประการหนึ่งก็คือในเร่ืองพระอภัยมณีน้ัน สุนทรภู่กล่าวถึง
พราหมณ์ไว้ หลายแห่งรวมท้ังงานเรื่องอ่ืนของท่านด้วย แสดงว่าต้องเคยรู้จัก
กบั เชื้อสายข้างแม่ทเ่ี ป็นพราหมณ์อย่เู มอื งเพชรมาบา้ งแล้ว ชีวิตจรงิ ของทา่ นคง
เคยเรียนรู้จากเรื่องไสยศาสตร์จากพราหมณ์ผู้ใหญ่มาบ้างเพราะเขียนเกี่ยวกับ
เวทมนต์คาถาอยู่เสมอ" มารดาของสุนทรภู่เป็นแม่นมพระองค์เจ้าจงกล
พระธดิ าในกรมพระราชวัง สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์กับเจ้าครอก
ทองอยู่ต่อมา บิดามารดาของสุนทรภู่แยกทางกันเม่ือสุนทรภู่ยังเยาว์ มารดา
สุนทรภคู่ งอยู่ในวงั หลังตอ่ ไป สว่ นบิดาของสุนทรภูไ่ ด้กลับบ้านเดิมทแี่ กลง และ
ไดบ้ วชในเวลาตอ่ มา

การศึกษาของสนุ ทรภู่

อนสุ าวรียส์ นุ ทรภทู่ ว่ี ดั ชปี ะขาว หรอื วัดศรีสดุ าราม

สุนทรภไู่ ดศ้ กึ ษาเลา่ เรียนทว่ี ัดศรสี ดุ ารามหรอื วัดชปี ะขาวฝงั่ ธนบุรี
ซงึ่ สนุ ทรภไู่ ดก้ ลา่ วไวใ้ นนริ าศสพุ รรณ บทท่ี 24 ดงั นี้

วดั ปขาวคราวเรมิ่ รู้ เรียนเขยี น
ทาสรุ ทสอนเสมียน สมทุ นอ้ ย
เดนิ รวางรวังเวยี น หวา่ งวดั ปขาวเอย
เคยชนื่ กลืนกลน่ิ สรอ้ ย สวาดหิ า้ งกลางสวน ฯ

วัดระฆงั โฆษติ าราม

นอกจากสุนทรภู่จะได้ศึกษาหาวิชาความรู้ที่วัดชีปะขาวแล้ว ยังมี
สถานที่อื่นที่ท่านได้เข้ารับการศึกษาด้วยซ่ึง หม่อมเจ้าจันทร์จิรายุรัชนี ได้ทรง
สันนิษฐานว่า สุนทรภู่ได้ไปร่าเรียน ภาษาบาลีกับพระครูวิมังคลาจารย์ วัด
ระฆังโฆษิตาราม เรียนอ่านหนังสือไทยกับพระพุทธโฆษาจารย์(ศรี) วัดท้าย
ตลาดหรือวัดโมลโี ลกย์

สุนทรภเู่ รม่ิ รบั ราชการครงั้ แรก
ชีวิตวัยหนุ่มก่อนท่ีจะเข้ารับราชการน้ัน สุนทรภู่มีใจรักด้านกาพย์กลอน

อาจเนื่องมาจาก ในวัยเด็กได้ซึมซับประสบการณ์ เกี่ยวกับวรรณกรรม และ
ศิลปะการแสดงต่างๆ ที่เล่นกัน ในพระราชวังหลัง เช่น การขับขานวรรณคดี
การขบั เสภา การเล่นสกั วา การละครฟ้อนรา การบรรเลงมโหรีปี่พาทย์ รวมท้ัง
เมอื่ เติบโตขน้ึ ไดร้ ับการถ่ายทอดวชิ าวรรณคดี และการประพนั ธ์จากพระภกิ ษุ ที่
เป็นอาจารย์ สุนทรภใู่ ฝใ่ จศกึ ษา และเพิ่มพูนประสบการณ์ในการประพันธ์ โดย
รับจ้างแต่งเพลงยาวและบทดอกสร้อยสักวา คงเป็นเพราะลีลากลอนท่ีมี
ลักษณะเฉพาะตัวและคารมท่ีคมคาย จึงทาให้สุนทรภู่เร่ิมเป็นที่รู้จักในวงกวี
และมีชอื่ เสยี งมากขนึ้

กรมพระราชวงั บวรสถานพมิ ขุ (กรมพระอนุรกั ษเ์ ทเวศร์)

เมื่อสนุ ทรภู่อายไุ ด้ 18 ปี ไดร้ ับราชการเปน็ เสมียนนายระวางกรมพระคลัง
สวนเรียกสามัญว่า เสมียนเดินสวน มีหน้าที่ตรวจรังวัดท่ีดินและทาโฉนดให้แก่
เจ้าของสวน เจา้ พนกั งานพระคลังสวนก็จะเก็บเงนิ อากรตามโฉนด ปี 2348 ซึ่ง
สุนทรภู่อายุเพยี ง18 ปีนี้ สุนทรภู่ได้แตง่ เรื่องโคบุตรถวายพระองค์เจ้าปฐมวงศ์
พระโอรสในกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข (กรมพระอนุรักษ์เทเวศร์)พระองค์
ทรงเร่ิมรับราชการในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นท่ีหลวงฤทธิ์นาย
เวร จนกระท่ัง พ.ศ. 2323 ได้เล่ือนเป็นพระยาสุริยอภัย ผู้สาเร็จราชการเมือง
นครราชสมี า เป็นกาลงั สาคญั ในการปราบปรามจลาจลในช่วงปลายรัชกาล

พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช
เม่อื พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนาราชวงศ์
จักรีในปี พ.ศ. 2325 โปรดให้สถาปนาพระองค์เป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ

เจา้ ฟา้ กรมหลวงอนรุ ักษ์เทเวศร์ หลังเสร็จสงครามเก้าทัพแล้ว ทรงได้รับเล่ือน
ขึ้นเป็นกรมพระอนุรักษ์เทเวศร์ ดารงพระเกียรติยศในที่กรมพระราชวังบวร
สถานภิมขุ รับพระบัญชาตามแบบกรมพระราชวังหลังแตก่ อ่ นมา
ชวี ิตครอบครวั สนุ ทรภู่

วงั ในย่านวงั หลงั ภาพในอดีต
ในปี พ.ศ.2349 ขณะอายไุ ด้ 19 ปี สุนทรภไู่ ดล้ าออกจากราชการกรม
พระคลงั สวน มาอาศยั อยวู่ งั หลงั กบั มารดา และไดล้ อบรกั ใคร่กบั นางขา้ หลวง
ในวงั หลงั ชอ่ื จนั ซง่ึ เป็นชาวบา้ นบุ ต่อมากรมพระราชวงั หลงั ทรงทราบเรอื่ ง มี
รบั สงั่ ให้นาตวั สนุ ทรภู่ และนางจนั มาลงโทษโบยและใหจ้ องจาทงั้ สองไว้ สนุ ทร
ภถู่ กู จาอยเู่ กือบปกี พ็ น้ โทษ เน่ืองจากกรมพระราชวงั หลงั เสดจ็ ทวิ งคต ซง่ึ

พระองคเ์ สดจ็ ทวิ งคตเมอื่ วนั เสารข์ น้ึ 10 คา่ เดอื นอา้ ย เวลา บา่ ย 4 โมง ตรงกบั
วนั ที่ 20 ธนั วาคม 2349 สิรพิ ระชนมายุ 61 พรรษา

วัดปา่ กรา่ เมอื งแกลง
เม่อื สุนทรภพู่ น้ โทษแล้ว ต่อมาได้ออกเดินทางมายังเมืองแกลง จังหวัด
ระยอง เพ่ือมาหาบิดาที่มาบวชอยู่ท่ีบ้านกร่าเมืองแกลง และหวังท่ีจะบวชเพื่อ
ลบลา้ งสงิ่ อปั มงคลเคราะห์รา้ ยท่ีกจองจา การเดินทางไปแกลงคร้ังนี้เดินทางไป
กับศิษย์รุ่นน้องสองคนคือ น้อยกับพุ่ม และมีนายแสงเป็นคนนาทางออกจาก
กรุงเทพฯ เดือนมิถุนายน 2350 เดนิ ทาง 13 วัน ถึงแกลงได้พบบดิ า คอื พระครู
อรัญธรรมรังสีสุนทรภู่ ในตอนแรกคดิ วา่ จะบวชอยกู่ บั บิดาแต่ไม่ได้บวช เพราะ

เจ็บป่วย และรับประทานอาหารพื้นบ้านไม่ได้ ดังคาประพันธ์ของสุนทรภู่ที่

กล่าวไวใ้ นนริ าศเมืองแกลงดังนี้

เวลาเชา้ ก็ชวนกนั ออกป่า มันโม้หมาไล่เนอื้ ไปเหลอื หลาย

พอเวลาสายณั หต์ ะวันชาย ได้กระต่ายตะกวดกวางมายา่ งแกง

ทัง้ แยบ้ ึง้ อ่งึ อ่างเนือ้ ค่างค่วั เขาทาครัวครั้นไปปะขยะแขยง

ต้องอดสิ้นกินแต่ข้าวกบั เต้าแตง จนเร่ียวแรงโรยไปไมใ่ ครม่ ี

สุนทรได้เดินทางจากแกลงกลับมาอยู่กรุงเทพฯ อีกคร้ัง และไม่เคย
กลับไปแกลง ระยองอีกเลย ต่อมาพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ ได้ทูลขอให้เจ้าครอก
ทองอยู่ พระชายา ในกรมพระราชวังหลัง ทรงเป็นธุระสขู่ อนางจันให้กบั สนุ ทรภู่
ในปี 2350 บิดาของนางจันเกรงใจเจ้าครอกทองอยู่จึงยอมยกนางจันให้กับ
สุนทรภู่ สุนทรภู่อยู่กนิ กับนางจนั ไม่นานกเ็ กดิ การทะเลาะววิ าทกบั นางจัน

พระพทุ ธบาท จงั หวดั สระบุรี

ตอ่ มาในวันที่ 8 กมุ ภาพนั ธ์ 2350 สุนทรภไู่ ด้เดนิ ทางตามเสดจ็ พระองค์
เจ้าปฐมวงศ์ พระโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จกรมพระราชวังหลัง (สมเด็จเจ้า
ฟ้ากรมหลวงอนุรกั ษ์เทเวศร์) ไปนมสั การพระพทุ ธบาทจังหวัดสระบุรี และได้
แต่งนิราศพระบาทในคราวน้ีด้วยการไปนมัสการพระพุทธบาทท่ีจังหวัดสระบุรี
ยังเป็นระยะที่ไม่ได้คืนดีกัน สุนทรภู่ได้เขียนคร่าครวญถึงแม่จันเอาไว้ในนิราศ
พระบาทหลายตอน

เหน็ จันทนส์ กุ ลกู เหลืองตลบกงิ่ แมงภบู่ นิ รอ่ นร้องประคองหวง

พฤกษาพอ้ งตอ้ งนามกานดาดวง พยี่ ลพวงผลจันทนใ์ หห้ วน่ั ใจ

แมงภเู่ ชยเหมอื นพเ่ี คยประคองชดิ นง่ั พนิ จิ นกึ นา่ นา้ ตาไหล

เห็นรักรว่ งผลิผลดั สลัดใบ เหมอื นรักใจขวญั เมืองพเี่ คอื งเรา

อีกตอนหนึ่งในนิราศพระบาท สุนทรภู่ยังกล่าวถึงแม่จันในทานองว่าเกรง
ความสัมพนั ธท์ ่ีมีต่อกนั จะขาดสะบ้ันลง เหมอื นเขาขาด

ภาพวาด เขาขาด สระบรุ ี

พ่พี ดู พดู เขาขาดแลว้ หวาดจติ พข่ี าดมติ รมาไกลถงึ ไพรสณั ฑ์
นกึ เฉลยี วเสยี วทรวงถงึ ดวงจนั ทร์ จะขาดกันเสยี เหมือนเขาพเ่ี ศรา้ ใจ

สุนทรภ่หู ลงั กลับจากพระบาทสระบรุ ไี ดก้ ลบั มาคนื ดกี บั นางจนั อกี ครง้ั มลี กู
ด้วยกันคนหนงึ่ ชื่อพดั สนุ ทรภูอ่ ยูก่ ับนางจันไม่นานกเ็ ลกิ ล้างกนั ไปคงดว้ ยเหตผุ ล
การเป็นนกั เลงสรุ าของสนุ ทรภูน่ ั่นเอง สนุ ทรภู่ไดน้ าพดั บุตรชายไปฝากตัวไว้กับ
เจ้าครอกทองอยเู่ ป็นผอู้ ุปการะ ถงึ แมจ้ ะเลกิ ร้างกนั ไปแล้ว แต่สุนทรภู่ก็ยังคร่า
ครวญถึงแม่จนั อยู่เสมอ โดยกลา่ วแทรกเอาไวใ้ นนริ าศเร่อื งตา่ งๆ ท่ีแต่งขึ้น เช่น
ในโคลงนิราศสุพรรณ สนุ ทรภู่ไดก้ ลา่ วถงึ แมจ่ ันว่า

ยนยา่ นบา้ นบตุ ง้ั ตขี นั
ขกุ คดิ เคยชมจรร แจ่มฟา้

ในนริ าศพระประธมกไ็ ดก้ ลา่ วถงึ แมจ่ นั วา่

เหน็ ตน้ รกั หักโคน่ ตน้ สนดั เปน็ รอยตดั รกั ขาดใหห้ วาดไหว

เหมอื นตดั รกั หกั สวาทขาดอาลยั ดว้ ยเห็นใจเจา้ เสยี แลว้ เจ้าแกว้ ตา

หลังจากสุนทรภูอ่ ย่ารา้ งกับนางจันไมน่ านก็ได้ภรรยาใหมอ่ กี คนหนงึ่ ชอ่ื นมิ่
เป็นชาวสวนบางกรวย สุนทรภู่มีความสัมพันธ์กับแม่น่ิมต้ังแต่ยังครองคู่อยู่กับ
แมจ่ ัน คอื ไดแ้ มน่ ิม่ เปน็ ภรรยา เมื่อสุนทรภู่ถูกจาคุกเน่ืองจากทาร้ายญาติผู้ใหญ่
แมน่ ่มิ กเ็ ป็นผสู้ ง่ เสียสุนทรภู่ แม่น่ิมคลอดบุตรชายช่ือตาบ และคลอดในระยะที่
สนุ ทรภู่จวนจะพ้นโทษหรือพ้นโทษออกมาแล้ว นางนิ่มเมื่อมีบุตรแล้วก็เร่ิมเจ็บ
กระเสาะกระแสะมาตลอด และถึงแก่กรรมในเวลาต่อมา และเช่นเดียวกัน
สุนทรภู่ได้นาตาบลูกชายไปฝากไว้กับเจ้าครอกทองอยู่ให้อุปการะเลี้ยงดู
เช่นเดียวกับพัดบตุ รชายคนโต และสนุ ทรภู่ยังมีความรักความอาลัยนางนิ่มเป็น
อยา่ งมาก เม่ือคราวสุนทรภู่ไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม สุนทร
ภไู่ ด้กล่าวถงึ แม่นิม่ ไว้ในนิราศพระประธมดงั น้ี

ถึงคลองขวางบางกรวยระรวยจติ ไ ม่ ลื ม คิ ด น่ิ ม น้ อ ย ล ะ ห้ อ ย ห า
เคยร่วมสขุ ทกุ ขร์ อ้ นแตก่ ่อนมา โ อ้ ส้ิ น อ า ยุ เ จ้ า ไ ด้ เ ก้ า ปี
แต่กอ่ นกรรมนาสตั วใ์ ห้พลัดพราก จึงจาจากนิ่มน้องให้หมองศรี
เคยไปมาหานอ้ งในคลองน้ี เห็นแต่ที่ท้องคลองนองน้าตา
สงสารบุตรสดุ เศร้าทุกเช้าเยน็ ด้ ว ย เ ป็ น ก า พ ร้ า แ ม่ ช ะ แ ง้ ห า
เขมน้ มองคลองบา้ นดมู ารดา
เชด็ นา้ ตาโทรมซาบลงกราบกราน

หลงั จากนางนิ่มตายได้ไมน่ าน สุนทรภู่ก็มีภรรยาใหม่ชอื่ มว่ ง นบั วา่ แม่มว่ ง
เปน็ คู่ทกุ ขค์ ู่ยากของสุนทรภู่ เพราะอยู่ด้วยกันในช่วงท่ีสุนทรภู่ตกอับยากจนถึง
ขนาดไม่มีบา้ นเรือนอาศัย จนมีบุตรชายด้วยกันกับนางม่วงคนหนึ่งช่ือนิล เมื่อ
สนุ ทรภถู่ วายตวั แด่สมเดจ็ ฯเจา้ ฟ้า กรมขนุ อศิ เรศรังสรรคก์ ็ได้พาแม่ม่วงมาอยู่ท่ี
พระราชวงั เดิมด้วย สนุ ทรภตู่ อ่ มากเ็ ลิกรา้ งกบั แม่มว่ ง

สุนทรภู่เบ่ือหน่ายชีวิตครอบครัวและกรุงเทพฯ ได้เดินทางไป เมือง

เพชรบุรี เพื่อไปทาโดยพึ่งบารมีหม่อมบุนนาค ดังข้อความที่กล่าวไว้ในนิราศ

เมอื งเพชร ดังนี้

ถึงต้นตาลบา้ นคณุ หมอ่ มบญุ นาค เมอ่ื ยามยากจนมาไดอ้ าศัย

มารดาเจ้าคราวพระวงั หลังครรไล มาทาไรท่ านาทา่ นการญุ

เม่ือเจ็บป่วยชว่ ยรกั ษาจะหาคู่ จะขอสู่ใหเ้ ป็นเนื้อช่วยเกื้อหนุน

ยงั ยากไร้ไม่มขี องสนองคุณ ขอแบง่ บญุ ใหท้ า่ นท่ัวทกุ ตัวตน

สุนทรภู่ได้กลับจากเพชรบุรีมาอยู่กรุงเทพฯอีกคร้ัง เมื่อเดือน 4 ปีระกา
พ.ศ.2356 อายุได้ 27 ปี ได้กลับมาพ่ึงบารมีพระองค์เจ้าปฐมวงศ์อีกคร้ัง จาก
การสุนทรภู่ได้แต่งนิทานคากลอน เร่ือง โคบุตร ถวายพระองค์เจ้าปฐมวงศ์

ต่อมานายบุญยัง เจ้าคณะละครนอกบ้านขม้ิน ได้อ่านเร่ืองโคบุตร ซึ่งคน
ในสมัยก่อน หากต้องการจะอ่านเร่ืองของใครแต่ง ก็ต้องไปลอกเอามาอ่านเอง
แต่ต้องเสียเงินให้เจ้าของบทประพันธ์นั้นด้วย นายบุญยังประทับใจ ในลีลา
กลอนและการเดนิ เร่ืองของสนุ ทรภเู่ ป็นอยา่ งมาก จงึ ไดว้ ่าจา้ งให้สุนทรภู่มาร่วม
คณะละครของตน โดยเปน็ ผู้เขียนบท และบอกบทละครใหก้ บั คณะซง่ึ เราจะพบ
ประวตั ิชว่ งนขี้ องสนุ ทรภู่ จากนริ าศสุพรรณ โคลงบทท่ี 27 เนื้อหาดงั นี้

บางมาดมิ่งมิดครั้ง คราวงาน
บอกบทบุญยงั พยาน พยกั หนา้
ประทุนประดษิ ฐส์ ถาน แทวฮ่อง หอเอย
แหวนประดับกบั ผ้า พอ่ี ้างรางวัล

สุนทรภู่แต่งพระอภัยมณี

ในปี พ.ศ.2358 สุนทรภู่ได้แต่งนิทานคากลอน เร่ือง พระอภัยมณี
ถวายพระภิกษุเจ้าฟ้าชายมงกุฏ พระวชิรญาณภิกขุ (พระบาทสมเด็จพระจอม
เกลา้ เจ้าอยู่หัว) และเจา้ ฟา้ ชายจฑุ ามณกี รมขุนอิศเรศรงั สรรค์ (พระบาทสมเดจ็
พระปิ่นเกลา้ เจา้ อย่หู ัว)

ในปี พ.ศ.2359 เกดิ การท้ิงบตั รสนเท่ห์กันชุกชุม จนกรมหมื่นศรี สุ
เรนทร พระโอรสองคท์ ี่ 20 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ถูก
กล่าวหาเป็นผู้ทิ้งบัตรสนเท่ห์ ถูกลงพระอาญาเฆี่ยนตีถึงส้ินพระชนม์ ซ่ึง
ขอ้ ความในบัตรสนเท่ห์มีดังนี้

ไกรสรพระเสด็จได้ สกึ ชี
กรมเจษฏาบดี เรง่ ไม้
พเิ รนทรแมน่ อเวจี ไปค่ ลาด
อาจพลกิ แผน่ ดนิ ได้ แมน่ แม้นเมอื งทมฬิ

พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ฯ

นอกจากกรมหม่นื ศรสี เุ รนทรจะส้นิ พระชนม์ เนอ่ื งด้วยบตั รสนเท่หแ์ ล้ว
ยังมีผู้ถูกชาระโทษถึงชีวิตด้วยเหตุนี้อีกหลายราย สุนทรภู่เป็นผู้หน่ึงท่ีถูกสงสัย
วา่ จะมีสว่ นในการทิ้งบัตรสนเท่ห์ สุนทรภู่เกิดความกลัวราชภัยได้หนีออกไปอยู่
เมืองเพชรบุรีอีกคร้ังหนึ่ง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยฯ

รัชกาลท่ี 2 คงจะได้ทอดพระเนตรบัตรสนเท่ห์ที่สุนทรภู่เขียนข้ึน จึงใดสืบ
เสาะหาตัวผู้เขียน เม่ือทรงทราบว่าเป็นสุนทรภู่ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นาตัวสุนทรภู่มารับราชการสุนทรภู่เข้ารับราชการมีความดีความชอบใน
ความสามารถต่อกลอนของตน ในคราวท่ีพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
นภาลัย ทรงพระราชนิพนธ์บทละคร เร่ืองรามเกียรติ์ ตอนนางสีดาผูกคอตาย
ซ่ึงบทละครเดิมนั้น ดาเนินเรื่องไม่กระชับเหมาะแก่การท่ีจะนาเป็นละคร ซึ่งมี
ข้อความดังนี้

เอาภูษาผูกศอให้มั่น แลว้ พันกบั กิ่งโศกใหญ่
หลับเนตรจานงปลงใจ อรไทกโ็ จนลงมา

บทพระราชนพิ นธ์ตอนหนมุ านเขา้ แกไ้ ขนางสดี า ตอนเดมิ มดี งั น้ี

บดั นนั้ วายบุ ตุ รวฒุ ไิ กรใจกลา้
ตัวสน่ั เพยี งสนิ้ ชวี ติ ร้อนจิตดงั หนง่ึ เพลงิ ไหม้
โลดโผนโจนตรงลงไป ด้วยกาลังว่องไวทนั ที
ครัน้ ถงึ จงึ แกภ้ ษู าทรง ท่ผี กู ศอองคพ์ ระลกั ษมี
หยอ่ นลงยงั พนื้ ปถั พี ขนุ กระบก่ี โ็ จนลงมา

พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ฯ ทรงตอ้ งการแกไ้ ขบทของหนุ
มานใหม่ ซง่ึ สนุ ทรภไู่ ดแ้ กไ้ ขบทละครตอนนี้ใหม่ดงั น้ี

บดั น้ัน วายบุ ตุ รแกไ้ ดด้ งั ใจหมาย

บททสี่ นุ ทรภ่แู กน้ ้ีเปน็ ที่พอพระทัยของรชั กาลท่ี 2 อยา่ งยิ่ง และอกี คร้งั
หนง่ึ ในคราวทีร่ ชั กาลที่ 2 ทรงพระราชนพิ นธ์รามเกยี รต์ิ ตอนศึกสิบขนุ เป็นบท
ชมรถของทศกณั ฑ์ ดังน้ี

รถทนี่ งั่ บษุ บกบลั ลังกต์ งั้ ตระหง่าน
กวา้ งยาวใหญเ่ ทา่ เขาจกั รวาล ยอดเยยี่ มเทยี มวมิ านเมอื งแมน
ดมุ วงกงหนั เปน็ ควนั ควา้ ง เทยี มสงิ ห์วง่ิ วางขา้ งละแสน
สารถขี ข่ี บั เขา้ ดงแดน พื้นแผน่ ดนิ กระเดน็ ไปเปน็ จณุ ฯ

รัชกาลท่ี 2 จะทรงพระราชนพิ นธใ์ ห้มเี นอื้ หาตอ่ ไป ให้สมกบั ความ

ยง่ิ ใหญข่ องราชรถทศกณั ฑ์ ทรงติดขดั จงึ โปรดให้สนุ ทรภแู่ ตง่ ตอ่ ซงึ่ สนุ ทรภไู่ ด้

แตง่ ตอ่ บทพระราชนพิ นธข์ องรชั กาลท่ี 2 ดงั น้ี

นทีตฟี องนองระลอก เคลอ่ื นกระฉอกกระฉ่อนชลขน้ ขนุ่

เขาพระเมรเุ อนเอยี งออ่ นละมนุ อนนตห์ นนุ ดนิ ดานสะทา้ นสะเทอื น

ทวยหาญโห่ร้องกอ้ งกมั ปนาท สธุ าวาสไหวหวน่ั ลน่ั เลื่อน

บดบงั สุรยิ นั ตะวนั เดอื น คลาดเคลอ่ื นจตั รุ งคต์ รงมาฯ

กลอนท่สี นุ ทรภู่แตง่ ขนึ้ ถวายนน้ั รชั กาลที่ 2 ทรงพอพระทยั อยา่ งยง่ิ

ต่อมาทรงแตง่ ตง้ั สนุ ทรภู่ให้ดารงตาแหนง่ ขนุ สนุ ทรโวหาร ในกรมพระ

อาลักษณ์ สาหรบั ตาแหนง่ ขนุ สนุ ทรโวหารนนั้ เทพ สุนทรศารทลู แยง้ ว่า

นา่ จะเปน็ หลวงสนุ ทรภู่ มากกวา่ เพราะตาแหนง่ ขา้ ราชการในกรมอาลักษณน์ น้ั

ตาแหนง่ ขนุ สนุ ทรโวหารไมม่ ี มแี ต่ตาแหนง่ หลวงสนุ ทรโวหารเทา่ นน้ั

ทา่ ชา้ งในอดตี
ทา่ ชา้ ง

พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หล้านภาลัย ทรงพระราชทานสถานทใี่ ห้
สุนทรภอู่ ยทู่ ี่ ทา่ ชา้ ง ใกล้วงั หลวง ซ่ึงสนุ ทรภไู่ ดก้ ลา่ วถงึ บา้ น ของตนท่ที า่
ชา้ งในนริ าศสพุ รรณ บทท่ี 15 ข้อความดงั นี้

ท่าชา้ งหวา่ งค่ายลอ้ ม แหลง่ สถาน
ครงั้ พระโกฏโปรดประทาน ท่ใี ห้
เคยอยคู่ สู่ าราน รว่ มเยา้ เจา้ เอย
เห็นแตท่ หี่ มไี ด้ ภบนอ้ งครองสงวน

สนุ ทรภรู่ บั ราชการใกล้ชดิ เบอ้ื งพระยคุ ลบาทในพระบาทสมเด็จพระ

พทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั เปน็ อยา่ งยงิ่ เม่อื พระองคเ์ สดจ็ ไปที่ใดจะใหส้ นุ ทรภู่ตาม

เสดจ็ ไปดว้ ยเสมอ ดงั คาประพนั ธท์ สี่ นุ ทรภไู่ ดก้ ล่าวไวใ้ นนริ าศภเู ขาทอง

ขอ้ ความดงั น้ี

เคยหมอบใกลไ้ ดก้ ลิ่นสคุ นธต์ ลบ ละอองอบรสรนื่ ชน่ื นาสา
สนิ้ แผน่ ดนิ สนิ้ รสสุคนธา วาสนาเรากส็ นิ้ เหมือนกลนิ่ สคุ นธ์

สุนทรภถู่ กู โทษทณั ฑต์ ดิ คกุ
สุนทรภรู่ บั ราชการมาจนถงึ ปี พ.ศ.2367 กเ็ กดิ เหตมุ อี นั ตอ้ งถกู โทษ

ทณั ฑถ์ งึ จาคกุ ดว้ ยเหตทุ ส่ี นุ ทรภดู่ มื่ สรุ าเมามายจนมเี รอ่ื งทะเลาะววิ าทกบั ญาติ
ผู้ใหญข่ องตน ถงึ ขนาดสุนทรภลู่ งมือทารา้ ยร่างกายญาตผิ ใู้ หญ่ถงึ บาดเจบ็ สาหสั
ตอ่ มาก็มฎี ีกากลา่ วโทษสุนทรภใู่ นเรอ่ื งดงั กลา่ วขา้ งต้น พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ
เลศิ หลา้ นภาลยั ทรงทราบ รบั สง่ั ใหจ้ าคกุ สนุ ทรภไู่ ว้

จากการท่สี ุนทรภูถ่ ูกจองจาในคราวนี้ สุนทรภู่ได้แต่งกลอนนิทานเร่ืองขุน
ช้างขุนแผนตอนกาเนิดพลายงาม ซึ่งจะพบเค้าเง่ือนปรากฏในเนื้อเร่ืองนี้
พรรณนาถึงลักษณะการจองจากล่าวไว้ในตอนพลายงามมาหาขุนแผน ท่ีติดคุก
และจะขอยู่ดูแลขุนแผน แต่ขุนแผนปฏิเสธและได้กล่าวถึงความลาบากของ
คุกตารางดงั นี้

ขนุ แผนวา่ จะอยดู่ ไู มไ่ ด้ ในคกุ ใหญย่ ากแคน้ มนั แสนเขญ็
เหมอื นกบั อยู่ในนรกตกทง้ั เปน็ ไมว่ ่างเวน้ โทษทณั ฑส์ กั วนั เลย
แต่พอ่ น้ที า่ นเจา้ กรมยมราช อนญุ าตใหอ้ ยทู่ บั ในหบั เผย
คนทงั้ หลายนายมลุ กค็ นุ้ เคย เขาละเลยพ่อไมต่ ้องถกู จองจา

สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดารงราชานภุ าพ

จากการทสี่ ุนทรภถู่ กู จองจาในครงั้ น้ี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอกรมพระ
ยาดารงราชานภุ าพ ไดส้ ันนษิ ฐานว่าสนุ ทรภคู่ งได้แตง่ นทิ านคากลอนเรอื่ งพระ
อภยั มณี โดยทรงอา้ งอิงหลกั ฐานจากเน้อื หาคาประพนั ธท์ ส่ี นุ ทรภู่แตง่ ไวต้ อน
กาเนดิ พลายงาม ขนุ แผนตดิ คกุ และหาเลย้ี งชพี โดยการสานกระทายขาย ซง่ึ ทรง
ตคี วามว่าสนุ ทรภแู่ ตง่ พระอภยั มณนี นั่ เอง ซง่ึ คาประพนั ธด์ งั นี้

อยู่เปล่าเปล่าก็จนพ้นกาลัง อุตส่าห์นั่งทาการสานกระทาย
ให้นางแก้วกิริยาช่วยทารัก ขุนแผนถักขอบรัดกระหวัดหวาย
ใบละบาทคาดได้โดยง่ายดาย แขวนไว้ขายทง้ั เรือนออกเกลอื่ นไป

สุนทรภู่พน้ จองจา

สุนทรภ่ถู ูกจองจานานเทา่ ใดไม่มหี ลกั ฐาน ปรากฏและเหตุท่ีสุนทรภู่พ้น
จองจาก็ด้วยความสามารถทางด้านคาประพันธ์ของตนน่ันเองทั้งนี้เน่ืองมาจาก
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัยฯทรงพระราชนิพนธเ์ รอ่ื งสังขท์ องตอน
เจา้ เงาะกาลงั เล้าโลมนางรจนา ท่ีกระท่อมปลายนา ทรงแต่งถึงบทกลอนทว่ี ่า

มนั กจ็ รงิ กระนน้ั นน่ั แหละ เจา้ เยาะเยย้ วา่ เงาะไมง่ ามแงะ

ทรงติดกลอนพระราชนพิ นธต์ ่อไมไ่ ด้ จงึ รบั สงั่ ใหเ้ สนาบดมี าถามกลอน
สนุ ทรภู่ ถา้ หากสนุ ทรภู่แตง่ กลอนไดพ้ อพระทยั จะทรงอภัยโทษให้ สนุ ทรภไู่ ด้
แตง่ กลอนต่อของรชั กาลท่ี 2 ขอ้ ความดงั นี้

"แฮะ แฮะ วา่ เลน่ หรอื วา่ จรงิ "

เม่ือเสนาบดนี ากลอนท่สี นุ ทรภตู่ อ่ ใหท้ รงทราบพระองค์ก็พอพระทัย และ
อภัยโทษใหก้ ับสนุ ทรภู่เมอ่ื สุนทรภู่ได้กลับรับราชการอีกคร้ัง ได้โปรดเกล้าฯให้
สุนทรภู่ทาการสอนหนังสือพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอาภรณ์ พระโอรสในเจ้า
ฟ้ากุณฑลทิพยวดี และต่อมาสุนทรภู่ได้แต่งเร่ือง สวัสด์ิรักษาถวายเจ้าฟ้า
อาภรณใ์ นเวลาต่อมา

พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั เสด็จสวรรคต

พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั

พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั

ในปี พ.ศ.2367 ตรงกับวันพุธท่ี 21 กรกฎาคม แรม 11 ค่า เดือน 8 ปี
วอก พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลยั เสด็จสวรรคต หลังจากทรงพระ
ประชวรได้ 8 วัน สิริพระชนมายุได้ 58 พรรษา เสด็จดารงราชสมบัติอยู่ 16
พรรษา พระองค์ทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหันมิได้ทรง
มอบราชสมบตั ิแก่ผู้ใดพระราชวงศ์และข้าราชการจึงปรึกษากันถวายราชสมบัติ
แก่พระเจ้าลูกยาเธอกรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในเจ้า
จอมมารดาเรียมภายหลงั สถาปนาเจา้ จอมมารดาเรยี มเปน็ สมเดจ็ พระศรสี ลุ าลยั
เม่ือพระบาทสมเด็จพระน่งั เกลา้ เจ้าอย่หู วั เสดจ็ ขึน้ ครองราชย์ ในปี พ.ศ. 2367
ในปีเดียวกันนี้ สุนทรภู่ก็ได้ออกบวช ขณะที่ท่านมีอายุได้ 38 ปี ซึ่งท่านได้
กล่าวถึงการบวชของท่านไว้ในราพันพลิ าปตอนตน้ เร่อื งมเี น้อื หาดงั น้ี

แต่ปีวอกออกขาดราชกจิ บรรพชิตพิศวาสพระศาสนา

เหมือนลอยล่องทอ้ งชะเลอยเู่ อกา เห็นแต่ฟ้าฟา้ กเ็ ปล่ยี วสุดเหลียวแล

สุนทรภหู่ นีราชภยั ออกบวช

พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั

พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจ้าอยู่หวั

การข้ึนครองราชย์ของรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า
เจ้าอยู่หัวนั่นเอง ซ่ึงในสมัยท่ีพระองค์ยังมีพระอิสรยยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ
กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ไม่พอพระทัยเนื่องจากทรงขัดเคืองสุนทรภู่ ว่าแกล้ง
ปรามาสดูถูกพระองค์หน้าพระที่น่ังพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิ ศหล้านภาลัย
สาหรับเรือ่ งราวก็คอื ในคราวท่ีพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงพระ
ราชนิพนธ์บทละครเรื่องอิเหนาเพื่อนาไปใช้ในการเล่นละคร และได้ทรงแบ่ง

ตอนนางบุษบาเล่นธาร เมื่อคราวท้าวดาหาไปใช้บนได้พระราชทานให้พระเจ้า
ลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงนิพนธ์ เมื่อพระองค์ทรงนิพนธ์แล้ว ก่อน
จะถึงวันจะอ่านถวายต่อหน้าพระที่นั่งรัชกาลที่ 2 ได้วานให้สุนทรภู่อ่าน
ตรวจสอบเสยี กอ่ น สุนทรภู่ตรวจสอบแล้วเหน็ ดีในสานวนเนอื้ หาทที่ รงนพิ นธห์ า
มีทใี่ ดสมควรแก้ไขไม่ เมอ่ื ถึงเวลาที่กรมหม่ืนเจษฎาฯ ต้องอ่านถวายหน้าพระท่ี
น่งั รัชกาลที่ 2 และตอ่ หน้ากวีในราชสานักเม่อื ถึงตอนหนึง่ มขี ้อความว่า

น้าใสไหลเยน็ แลเหน็ ตัว ปลาแหวกกอบัวอยไู่ หวไหวฯ

สนุ ทรภไู่ ดข้ อทว้ งตงิ ขอ้ ความดงั กลา่ ววา่ ไมเ่ หมาะสมแลเหน็ ตวั นนั้ แลเหน็
ตัวอะไร และขอแกข้ อ้ ความใหม่ดงั น้ี

น้าใสไหลเยน็ เหน็ ตวั ปลา วา่ ยแหวกปทมุ าอยไู่ หวไหวฯ

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตรัสสั่งให้แก้ตามท่ีสุนทรภู่
กราบบงั คมทูล และอกี คราวหน่ึง กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงนิพนธ์บทละคร
เรื่องสงั ขท์ อง ตอนทา้ วสามลจะใหล้ กู สาวเลอื กคู่ เป็นคาปรารภของทา้ วสามล
ในการจัดการเลือกคู่ครง้ั นี้ กรมหมน่ื เจษฎาบดนิ ทร์ ทรงอา่ นถวายหน้าพระทีน่ ่งั
ข้อความดังนี้

จาจะปลกู ฝงั เสียยังแลว้ ให้ลกู แกว้ สมมาดปรารถนาฯ

เจา้ ฟ้ามงกุฎ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั รชั กาลท่ี 4

ครนั้ เม่ือกรมหมนื่ เจษฎาบดินทร์อ่านถวาย สุนทรภู่แย้งถามขึ้นต่อหน้า
พระท่ีนั่งรัชกาลที่ 2 ว่า ลูกปรารถนา น้ัน ปรารถนาอะไร กรมหม่ืนเจษฎา
บดินทร์ฯ ต้องทรงแก้ใหม่ว่า จาจะปลูกฝังเสียยังแล้วให้ลูกแก้วมีคู่เสน่หาฯ
สุนทรภู่ได้ทาการอันมิบังควรต่อพระเจ้าลูกยาเธอกรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์ถึ ง
สองคร้ังสองคราหน้าพระที่นั่ง ทาให้พระองค์ไม่พอพระทัยในตัวของสุนทรภู่
อย่างย่ิง และสาเหตุสาคัญที่สุนทรภู่กล้าแสดงอาการดูหม่ินพระเจ้าลูกยาเธอ
กรมหมืน่ เจษฎาบดนิ ทร์นั้นสนุ ทรภู่คงคิดวา่ พระองคท์ า่ นจะขนึ้ ครองราชยแ์ ละผู้
ที่สุนทรภู่คิดว่าจะต้องข้ึนครองราชย์แทนพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้า
นภาลยั ฯ คอื เจ้าฟ้ามงกุฎพระราชโอรสองคใ์ หญ่ ซง่ึ ทรงมีสิทธใิ นราชบลั ลงั ก์
โดยฐานะ

ถ้าหากจะพิจารณาบทนิพนธ์ของพระยาตรัง เร่ืองโคลงด้ันเฉลิมพระ

เกียรติพระบาทสมเด็จฯพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซ่ึงได้นิพนธ์ข้ึน ในปีพ.ศ.

2351 ตอนทพี่ รรณนาว่าด้วยพระราชพธิ โี สกันต์เจ้าฟา้ มงกฎุ ซง่ึ มขี อ้ ความดังน้ี

ปางองค์อศิ รราชเจ้า จอมกษตั รยิ ์

หวงั หนอ่ นฤบดนิ ทร์ ธเรศทา้ ว

ใหส้ บื สริ พิ ฒั น์ พรราช

เรืองพระยศอครา้ ว ครอบครอง

เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันโดยการท่ีรัชกาลที่ 2 เสด็จ
สวรรคตโดยปัจจบุ ันและยงั มิไดท้ รงสถาปนาผใู้ ดขนึ้ เปน็ รชั ทายาท ขณะนน้ั พอดี
กับเจ้าฟ้ามงกุฎผนวชอยู่ ซึ่งผนวชได้ เพียง 15 วัน ในช่วงขณะน้ันกรมหมื่น
เจษฎาบดนิ ทรท์ รงมอี านาจเปน็ อนั มากทางฝ่ายพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราช
บริพารประชุมร่วมกันอันเชิญกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ข้ึนครองราชย์ เม่ือ

กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้ขึ้นครองราชย์ สุนทรภู่กลัวราชภัยจะมีมาถึงตน ซ่ึง
หนทางท่ีจะปลอดภยั ท่ีสุดมเี พียงหนทางเดยี ว ก็คือการออกบวช เพราะคนใน
สมัยก่อนจะอโหสิกรรมให้อภัยแก่กันเม่ือบุคคลผู้น้ันบวชเรียน และอีกประ
การกก็คือ พระบาทสมเด็จฯพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเคารพพระสงฆ์มาก
ถา้ บวชเป็นพระใครจะอุปถมั ภ์กเ็ ห็นจะไม่ทรงติเตยี น
สนุ ทรภบู่ วชกค่ี รงั้ เคยสึกแลว้ กลบั มาบวชอกี หรอื ไม่

วัดระฆงั โฆษติ าราม
เป็นเรื่องที่แปลกอีกประการหนึ่งเก่ียวกับชีวประวัติของสุนทรภู่ คือ มี
การกล่าวถึงว่าสุนทรภู่ไม่ได้บวชเพียงคร้ังเดียว แต่ได้บวชถึง 2 คร้ัง โดยคร้ัง

แรกสุนทรภู่ได้ออกบวชในปี พ.ศ. 2367 คงบวชที่ วัดระฆังโฆษิตาราม โดย
พระองคเ์ จา้ ประถมวงศเ์ จ้านายเกา่ ของสุนทรภู่เป็นผูอ้ ุปถัมภ์ เมื่อบวชแลว้ ไดจ้ า
พรรษาท่ีวัดราชบูรณะ หรือวัดเลียบ สุนทรภู่จาใจต้องออกบวช ทั้งๆ ที่ท่าน
เป็นผู้ที่ยังเกาะติดอยู่กับสุราและนารีอย่างเหนียวแน่น ต่อมาท่านได้ออกธุดงค์
ไปตามหัวเมอื งตา่ ง ๆ เป็นระยะเวลา ประมาณ 3 ปไี ดก้ ลับมาอย่วู ดั ราชบรู ณะ
อีกครง้ั

วัดราชบรู ณราชวรวหิ ารหรอื วดั เลยี บ

ปี พ.ศ. 2371 ขณะที่สุนทรภูอ่ ยู่ท่ีวัดราชบูรณะหรือวัดเลียบน้ันท่านเกิด
อธิกรณ์กระทาการอนั ไม่เหมาะสมแกส่ มณะเพศ ถูกบพั พาชนยี กรรมขบั ไลใ่ หไ้ ป
เสียจากวัด มูลเหตุท่ีเกิดอธิกรณ์นั้น กรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรง
สนั นิษฐานว่าสุนทรภคู่ งต้องหาเสพสุราเพราะวสิ ัยสุนทรภ่นู นั้ เวลาจะแต่งกลอน
ถ้ามีฤทธ์ิสุราเป็นเชื้ออยู่แล้วแต่งคล่องนักนายธนิต อยู่โพธิ์ อดีตอธิบดีกรม
ศิลปกรได้ทาเชงิ อรรถอธบิ ายเพมิ่ เติมพระนพิ นธข์ อง สมเดจ็ กรมพระยาดารงรา
ชานภุ าพ ตอนน้วี ่า "เหน็ จะไม่ใชเ่ ร่ืองสุราเขา้ ใจว่าเป็นเร่อื งรกั ผ้หู ญงิ "

เมื่อสุนทรภู่เกิดอธิกรณ์อยู่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) ไม่ได้ จึงคิดจะ
ออกไปอยู่เสียตามหัวเมืองจึงแต่งเพลงยาว ทูลลาเจ้าฟ้ากลาง เจ้าฟ้าป๋ิว ใน
เพลงยาวนนั้ มีคาครา่ ครวญและถวายโอวาทแตง่ เพราะดหี ลายแหง่ แห่งหนงึ่ ว่า

"นจิ จาเอย๋ เคยรองละอองบาท โปรดประภาษไพเราะเสนาะเสยี ง

แสนละมอ่ มน้อมพระองคด์ ารงเรยี ง ดงั เดอื นเคยี งแขง่ คกู่ บั สรุ ยิ า

จงอยดู่ ศี รีสวสั ดพิ์ ิพัฒนผ์ ล ให้พระชนมย์ ง่ั ยนื หม่นื พรรษา

ไดส้ บื วงศพ์ งศม์ กุฎอยธุ ยา บารงุ ราษฎรศ์ าสนาถงึ ห้าพนั

เหมอื นสององคท์ รงนามพระรามลกั ษณ์ เปน็ ปนิ่ ปกั ปกเกศทุกเขตขณั ฑ์

ประจามิตรคดิ รา้ ยวายชวี นั เสวยชน้ั ฉัตรเฉลมิ เปน็ เจมิ จอม

จะไปจากฝากสมเดจ็ พระเชษฐา จงรกั พระอนชุ าอตุ สา่ หถ์ นอม"

วัดภเู ขาทอง อยธุ ยา

สนุ ทรภอู่ อกจากวดั ราชบูรณะไปคราวน้ี กลบั แตง่ นิราศอกี คอื นริ าศ
ภเู ขาทอง เหน็ จะแตง่ เมอื่ ปขี าล พ.ศ.2371 เมอ่ื ออกเรอื ไป กล่าวความถงึ เรอื่ งท่ี
ต้องไปจากวัดราชบรู ณะว่า

"โออ้ าวาสราชบรู ณะพระวหิ าร แตน่ นี้ านนบั ทวิ าจะมาเหน็
หวนราลึกนึกนา่ น้าตากระเด็น เพราะขกุ เขญ็ คนพาลทารานทาง
จะยกหยบิ บดเี ปน็ ที่ตง้ั ก็ใชถ้ งั แทนสัดเหน็ ขดั ขวาง
จึงอาลาอาวาสนริ าศรา้ ง มาอา้ งวา้ งวญิ ญาณในสาคร"

วดั อรณุ ราชวราราม(วดั แจง้ )

สุนทรภไู่ ปกรงุ เก่าอยธุ ยา พรอ้ มดว้ ยหนูพัดลูกชายคนโตและคนแจวเรอื
อกี 1 คน เมอื่ พระสนุ ทรภู่ กลบั จากกรงุ เกา่ แลว้ ในปี พ.ศ.2372 ท่านไดไ้ ปจา
พรรษา อยู่ ณ "วดั อรณุ ราชวราราม"(วดั แจง้ ) ทวี่ ดั อรณุ ฯ เจ้าฟา้ กณุ ฑลทพิ ยวดี
ในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ฯ ทรงฝากพระโอรสองคก์ ลาง "เจ้า
ฟา้ กลาง" พระชันษาได้ 10 พรรษา (สมเดจ็ เจ้าฟา้ กรมพระยาบาราบปรปกั ษ์)
กบั โอรสนอ้ ย "เจา้ ฟ้าปว๋ิ " พระชนั ษา 7 พรรษา ให้พระสนุ ทรภทู่ าการสอน
หนงั สือให้ และสนุ ทรภไู่ ดแ้ ตง่ สภุ าษติ คากลอนขนึ้ ถวายเจ้าฟา้ ทง้ั 2 พระองค์
คอื เพลงยาวถวายโอวาท"

วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม (วดั โพธ)์ิ

ปี พ.ศ.2374 สมเด็จพพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
ประทับจาพรรษาอยู่ ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ได้ทรงชวน
พระสุนทรภู่ข้ามฝากจากวัดอรุณฯ มาจาพรรษา ณ วัดพระเชตุพนฯ และพระ
สนุ ทรภูก่ ็ได้มาจาพรรษาที่วดั พระเชตพุ นฯ ตามคาชวนของกรมพระปรมานชุ ิต
ชิโนรสฯ

ปี พ.ศ.2375 พระสุนทรภู่ได้ลายแทงยาอายุวัฒนะ ได้เดินทางไปตามลาย
แทงไปวัดเจ้าฟ้าอากาศนารถนรินทร์ เพ่ือหายาอายุวัฒนะ โดยไปกับหนูตาบ
พร้อมกับศิษย์ อีก 3 คน คือนายจัน นายมาก และนายบุนนาค แต่ไม่ได้ยา
อายุวัฒนะตามตอ้ งการ และสนุ ทรภไู่ ด้แตง่ นริ าศวัดเจ้าฟา้ ขนึ้

ปี พ.ศ.2375 พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ พระโอรสในพระบาทสมเด็จ
พระน่ังเกล้า ฯ ได้ผนวชและประทับจาพรรษา ณ วัดพระเชตุพน ฯ พระองค์

ทรงคนุ้ เคยกบั พระสุนทรภเู่ ปน็ อยา่ งดี เม่ือทรงสกึ ลาเพศแล้วไดม้ าประทบั อย่วู ัง
ท่าพระ หรือมหาวิทยาลัยศิลปากรในปัจจุบัน ได้ชวนพระสุนทรภู่มาจาพรรษา
ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ เพื่อสะดวกแก่การท่ีจะทรงอุปถัมภ์ ณ วัด
มหาธาตุฯ สุนทรภู่ได้แต่งกลอนเฉลิมพระเกียรติพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับ
นิราศอิเหนา ตอน บุษบาถูกลมหอบ ถวายพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ ต่อมา
พ.ศ.2376 พระสุนทรภู่ได้เดินทางไปนมัสการพระแท่นดงรัง ซ่ึงปัจจุบันอยู่ใน
ตาบลท่าเรือ อาเภอท่ามว่ ง จังหวัดกาญจนบรุ ี
สนุ ทรภสู่ กึ

วดั สระเกศราชวรมหาวิหาร
วัดสระเกศราชวรมหาวหิ าร(ภเู ขาทอง)


Click to View FlipBook Version