วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอุดรธานี ปีท่ี 28 ฉบับที่ 1 ประจาเดือน มกราคม – เมษายน 2563
เรียน กรณีการเลื่อนเงินเดือนไมํเป็นธรรม ปี พ.ศ. กรรมการใช๎คาถามไมํเหมือนกันในการสัมภาษณ์ และ
2556 ร๎องเรียนกรณีการคัดเลือกบุคคลเพ่ือแตํงต้ังให๎ การใช๎ดุลพินิจของกรรมการท่ีไมํเป็นธรรม ผ๎ูเข๎ารับ
ดารงตาแหนํงประเภทวิชาการระดับชานาญการพิเศษ คัดเลือกฟูองตํอศาลปกครองอุดรธานี สํงผลให๎การ
ตาแหนํงหัวหน๎าพยาบาล (พยาบาลวิชาชีพชานาญการ ความตึงเครียดตํอบรรยากาศการทางาน เกิดความ
พิเศษ) และตาแหนํงนักวิชาการสาธารณสุข (ด๎าน ขัดแย๎งกันระหวํางผ๎ูได๎รับคัดเลือกและผ๎ูฟูอง เพิ่มภาระ
บริการทางวิชาการ) ระดับชานาญการพิเศษ ปี พ.ศ. งานให๎เจ๎าหน๎างานบุคคล สานักงานสาธารณสุข
2558 ร๎องเรียนกรณี โรงพยาบาล ก. เลิกจ๎างลูกจ๎าง หนองบัวลาภูเป็นผู๎ชนะคดี และให๎แตํงต้ังผ๎ูได๎การ
ชั่วคราวโดยไมํได๎รับความเป็นธรรม ปี พ.ศ. 2560 คัดเลอื กตํอไป ถงึ กระบวนการทางกฎหมายจะสิ้นสุดแตํ
ร๎องเรียนกรณีขอให๎ตรวจสอบเกณฑ์การประเมินเลื่อน ความบาดหมางใจกันระหวํางเจ๎าหน๎าท่ีก็ไมํได๎สิ้นสุด
เงินเดือนข๎าราชการ ดังนั้น สานักงานสาธารณสุข ตามไปด๎วยร๎อยเปอร์เซ็นต์ 3) ร๎องเรียนกรณี การเลิก
จังหวัด ข. ซ่ึงเป็นฝุายสนับสนุนงานบริการของทั้ง จ๎างลูกจ๎างชั่วคราวโดยไมํได๎รับความเป็นธรรม กรณีนี้
จังหวดั ได๎ดาเนินการแก๎ไขตามกฎกระทรวง ข๎อ 14 (2) เป็นความหละหลวมของเจ๎าหน๎าท่ีงานบุคคล ใน
“ดาเนินการเก่ียวกับงานด๎านวินัย ความรับผิดทาง กระบวนการบริหารงานบุคคลเองที่ไมํศึกษาระเบียบให๎
ละเมิดของเจ๎าหน๎าที่ การอุทธรณ์ การร๎องทุกข์ของ ดี และปฏิบัติงานอยํางรอบครอบ ผ๎ูฟูองเป็นลูกจ๎าง
ข๎าราชการ ลูกจ๎างประจา พนักงานราชการและ ชั่วคราว ได๎ย่ืนฟูองตํอศูนย์ดารงธรรม สานักงาน
พนักงานกระทรวงสาธารณสุข งานคดีปกครอง และ ป ลั ด ก ร ะ ท ร ว ง ส า ธ า ร ณ สุ ข ป ป ช . (ส า นั ก ง า น
งานคดีอน่ื ทีเ่ ก่ยี วขอ๎ งกบั วินยั และความรับผิดทางละเมิด คณะกรรมการปูองกันและปราบปรามการทุจริต
ของเจ๎าหน๎าท่ี7 สรุปผลการพิจารณาปัญหาจากข๎อ แหํงชาติ) และ สตง. (สานักงานคณะกรรมการตรวจเงิน
ร๎องเรียนเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ดังนี้ 1) เร่ือง แผํนดิน) สานักงานสาธารณสุขจังหวัดได๎ดาเนินการ
การเล่อื นเงนิ เดือนไมํเป็นธรรม ประเด็นการร๎องเรียนจะ แก๎ไขโดยมีการต้ังกรรมการสอบทั้งระดับจังหวัด และ
เป็นในสํวนของหลกั เกณฑ์การพิจารณาที่ไมํชัดเจน และ เจ๎าหน๎าที่สานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขลงพื้นท่ี
กระบวนการในการกาหนดตัวช้ีวัดรายบุคคลตลอดจน ตรวจสอบ สํงผลให๎ข๎าราชการผ๎ูรับผิดชอบ (นักจัดการ
ไมํได๎รับความเป็นธรรมจากการเล่ือนเงินเดือน แตํ งานท่ัวไป) ของโรงพยาบาลได๎รับโทษวํากลําวตักเตือน
อยํางไรก็ตามการพิจารณาการเล่ือนเงินเดือนของ จากเรื่องนี้จะเห็นได๎วําหากการบริหารบุคคล ที่ขาด
สานักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลาภู จะพิจารณา ความรู๎ ความแมํนยาในวิชาชีพ ก็ยํอมมีความเส่ียงได๎
จากพื้นที่และนาเข๎าท่ีประชุมกลั่นกรองของสางาน เชํนกัน และ 4) สภาพปัญหาบรรยากาศองค์กร เชํน
สาธารณสุขจังหวัดเพื่อเสนอตํอที่ประชุมกลั่นกรองของ เจ๎าหน๎าท่ีไมํเพียงพอ ภาระงานมาก ขาดงบประมาณ
จังหวัดหนองบัวลาภู โดยการแก๎ไขปัญหาการร๎องเรียน ทางานไมไํ ดต๎ ามเปูาหมาย ปฏิบตั ิงานไมสํ ะดวก เปน็ ตน๎ 8
น้ี มีการพูดคุย ไกลํเกล่ียกัน และอธิบายหลักเกณฑ์
ตํางๆ ให๎คณะผ๎ูร๎องเรียนทราบ และแก๎ไขจังหวัด 2) จากสถานการณ์สภาพปัญหาและการดาเนินงาน
การรอ๎ งเรียนเรื่องการคัดเลือกบุคคลเพื่อแตํงตั้งให๎ดารง แก๎ไขปัญหาในการบริหารงานบุคคล ของสานักงาน
ตาแหนํงประเภทวิชาการระดับชานาญการพิเศษ สาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลาภู ท่ีเกิดขึ้น เชํน มีการ
ตาแหนํงหัวหน๎าพยาบาล (พยาบาลวิชาชีพ) ชานาญ ร๎ อ ง ทุ ก ข์ เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร พิ จ า ร ณ า ค ว า ม ดี ค ว า ม ช อ บ
การพิเศษ และตาแหนํงนักวิชาการสาธารณสุข (ด๎าน ประกอบกับความสาคัญของการบริหารงานบุคคลท่ีมี
บริการทางวิชาการ) ระดับชานาญการพิเศษ ประเด็น ตํอผู๎บริหาร หากมีความเสี่ยงอาจกํอให๎เกิดความ
ก า ร ฟู อ ง เ ร่ื อ ง ก ร ะ บ ว น ก า ร คั ด เ ลื อ ก ไ มํ ป ร ะ ก า ศ ผิดพลาดขึ้นได๎ ท่ีผํานมานั้น สานักงานสาธารณสุข
หลักเกณฑ์การคัดเลือก การสัมภาษณ์เพ่ือคัดเลือกฯ จังหวัดหนองบัวลาภู ได๎แก๎ไขปรับปรุงการบริหารงาน
บุคคลมาอยํางตํอเนื่อง โดยมีการพัฒนาระบบงาน
บริการ
94
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
บริหารบุคคล มีการจัดระบบการปฏิบัติงานให๎มี n= 1,778 x (1.96)2 X (0.57 (1-0.57)) =311 คน
ประสิทธิภาพ ในการศึกษาความสัมพันธ์ระหวําง ((0.05)2 X (1,778-1)+(1.96)2(0.57 (1-0.57)
ประสิทธิภาพการบริหารงานบุคคลและบรรยากาศ
องค์กรของสานักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลาภู เกณฑ์การคัดเข๎า (inclusion criteria) กลํุม
คร้ังนี้ เ พื่อใช๎ป ระโ ยช น์จากผ ลการวิ จัยนาม า ตัวอยํางศึกษาคือ บุคลากรที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล
ประกอบการปฏิบตั งิ านการบรหิ ารงานบคุ คล สานักงาน สานกั งานสาธารณสุขอาเภอ และสานักงานสาธารณสุข
สาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลาภู ให๎มีประสิทธิภาพ จังหวัด และลงนามยนิ ยอมเข๎ารํวมวิจัย
สูงขนึ้ เกณฑ์การคัดออก (exclusion criteria) คือผู๎ท่ี
ตอบแบบสอบถามไมํครบตามที่กาหนดไว๎หรือย๎าย
วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั ออกไปอยํทู อ่ี นื่ และ ไมํลงนามยินยอมเขา๎ รํวมการวิจยั
1. เพื่อศึกษาระดับประสิทธิภาพการบริหารงาน
2. เครื่องมอื ที่ใช้ในการทาวจิ ยั
บุคคลและระดับบรรยากาศองค์กร ในสานักงาน เป็นแบบสอบถาม ให๎เลือกตอบ (Multiple
สาธารณสุขจังหวดั หนองบัวลาภู choice) และปลายเปิด (Open-ended) มี 2 สํวน
ดงั น้ี
2 . เ พื่ อ วิ เ ค ร า ะ ห์ ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห วํ า ง สํวนท่ี 1 แบบสอบถามระดับความคิดเห็นด๎าน
ประสิทธิภาพการบริหารงานบุคคลกับบรรยากาศ ประสิทธิภาพการบริหารงานบุคคล จานวน 30 ข๎อ
องค์กร ในสานักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลาภู ประยุกต์ใช๎แนวคิดของสานักงานคณะกรรมการพัฒนา
ระบบราชการ11 ประกอบด๎วย การวางแผนบริหารงาน
วธิ ีดาเนนิ การศึกษา บุคคล การสรรหาบุคลากร การแตํงตั้ง-โอน-ย๎าย-เลื่อน
รูปแบบการวิจัย เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาภาค ตาแหนํง การพัฒนาบุคลากร การธารงรักษาบุคลากร
ประสิทธิผลการบริหารงานบุคคล การตอบเป็นแบบ
ตัดขวาง (Cross-sectional descriptive research) ม า ต ร วั ด ป ร ะ ม า ณ คํ า (Rating scale) 5 ร ะ ดั บ
ระยะเวลาดาเนินการวิจัยระหวํางเดือนกันยายน ถึง กาหนดคําคะแนนการตอบ ตั้งแตํ 1 คะแนน (ระดับ
พฤศจกิ ายน 2562 น๎อยที่สดุ )-5 คะแนน (มากทส่ี ุด)
สํวนที่ 2 แบบสอบถามด๎านบรรยากาศองค์กร
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง กลํุมเปูาหมาย จานวน 40 ข๎อ ผ๎ูวิจัยประยุกต์จากแบบสอบถามของ
ศึกษาบุคลากรในหนํวยงานสังกัดสานักงานสาธารณสุข Sunarsih และ Helmiatin12 เป็นคุณลักษณะบรรยา-
จังหวัดหนองบัวลาภู ขนาดตัวอยําง จานวน 311 คน
จากการคานวณด๎วยสูตรประมาณคําสดั สวํ นประชากร9
n= NZ2α/2(p(1-p)) กาศองค์กร 8 ด๎าน ประกอบด๎วย โครงสร๎างองค์กร
(e2(N-1))+Z2α/2(p(1-P)) ความรับผิดชอบ ความอบอุํน การสนับสนุน การให๎
N=กลุํมบุคลากรสังกัดสานักงานสาธารณสุขจังหวัด รางวัลและการลงโทษ ความขัดแย๎ง มาตรฐานการ
หนองบัวลาภู ปี 2562 ทงั้ หมดจานวน 1,778 คน ปฏิบัติงาน และ การเป็นสํวนหนึ่งขององค์กร การตอบ
เป็นแบบมาตรวัดประมาณคํา 5 ระดับ กาหนดคํา
P=สัดสํวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ตามนโยบาย คะแนนการตอบ ต้ังแตํ 1 คะแนน (ระดับน๎อยท่ีสุด)-5
เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลตํอประสิทธิผลการบริหารทรัพยากร คะแนน (มากที่สุด)
มนุษย์ ร๎อยละ 57.7 หรือคิดเป็นสัดสํวนเทํากับ 0.5710 3. การตรวจสอบคุณภาพเคร่อื งมอื
(นอ๎ งนุช วงษส์ ุวรรณ และคณะ, 2561) 1 . ห า คํ า ค ว า ม เ ท่ี ย ง ต ร ง (Validity) ข อ ง
แบบสอบถาม ทาการตรวจสอบเพ่ือพิจารณาความ
Zα/2=1.96 กาหนดระดบั ความเชอื่ มน่ั เทํากบั 0.95 ครอบคลุมของเน้ือหา ความถูกต๎องของภาษา ความ
e=ความคลาดเคล่ือนของการสุํมตัวอยํางที่ยอมรับ
ได๎ โดยกาหนดไวร๎ อ๎ ยละ 5 หรือ 0.05
เขา๎ ใจของผต๎ู อบ โดยผ๎ูรอบร๎เู ฉพาะทาง
95
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอุดรธานี ปที ่ี 28 ฉบับท่ี 1 ประจาเดือน มกราคม – เมษายน 2563
2. การตรวจสอบความเช่ือมั่น (Reliability) โดย สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ Pearson และวิเคราะห์ถดถอย
ผู๎วิจัยนาแบบสอบถามไปทดลองใช๎ (Tryout) กับ เชงิ พหุ (multiple linear regression)
ประชากรกลํุมท่ีมีลักษณะเชํนเดียวกันกับกลุํมตัวอยําง ผลการศึกษา
จานวน 30 คน ในอาเภอเมอื ง จังหวดั หนองบวั ลาภู
โดยรวมประสิทธภิ าพการบริหารงานบุคคล เรียง
3. นาแบบสอบถามมาพิจารณาเน้ือหาวํามีความ ตามระดับคําเฉล่ียมากไปน๎อย ได๎แกํ การธารงรักษา
สอดคล๎องไปในเรื่องเดียวกันโดยการหาคําความเที่ยง บุคลากรอยํูในระดับสูง ร๎อยละ 54.7 (x̄ =17.28,
แบบสัมประสิทธ์ิแอลฟุาของครอนบาช (Cronbach’s S.D.=2.0) ประสิทธิผลการปฏิบัติงานบริหารบุคคล อยํู
alpha) เพ่ือวัดคําสัมประสิทธ์ิความสอดคล๎องภายใน ในระดับสูง ร๎อยละ 96.1 (x̄ =17.17, S.D0=1.8) การ
(Internal consistency) โ ดย เ ฉ พา ะ ข๎ อมู ล Likert แตํงต้ัง-โอน-ย๎าย-เล่ือนตาแหนํงอยูํในระดับปานกลาง
scale1 3 ไ ด๎ คํ า เ ช่ื อ ม่ั น ข อ ง แ บ บ ส อ บ ถ า ม ดั ง นี้ ร๎อยละ 88.7 (x̄ =16.88, S.D.=1.20) การคัดเลือกสรร
ประสิทธิภาพการบริหารงานบุคคล (alpha=91) และ หาบุคลากรอยูํในระดับปานกลาง ร๎อยละ 65.3
บรรยากาศองค์กร (alpha=87) (x̄ =15.50, S.D.=3.32) การวางแผนการบริหารงาน
บุคคลอยูํในระดับปานกลาง ร๎อยละ 82.6 (x̄ =15.12,
4. การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และสถิติ S.D.=1.75) และการพัฒนาบุคลากรอยูํในระดับปาน
1. สถิติเชิงพรรณนา โดยใช๎คําความถี่ ร๎อยละ กลาง รอ๎ ยละ 78.8 (x̄ =12.53, S.D.=3.13)(ตารางที่ 1)
คําเฉลีย่ และสํวนเบีย่ งเบนมาตรฐาน
2. สถิติเชิงอนุมาน วิเคราะห์ความสัมพันธ์
ระหวํางตัวแปร ประเภทข๎อมูล rating scale โดยใช๎คํา
ตารางที่ 1 ประสิทธิภาพการบริหารงานบุคคลแบ่งตามระดับการปฏิบัติงาน สานักงานสาธารณสุขจังหวัด
หนองบัวลาภู (n=311)
ความคดิ เห็น จานวน รอ้ ยละ x̄ S.D. ระดับ
การธารงรักษาบุคลากร 141 45.3 17.28 2.0 สูง
170 54.7 17.17 1.8 สูง
9-17 คะแนน (ระดับปานกลาง) 12 3.9 16.88 1.20 ปานกลาง
18-25 คะแนน (ระดบั สูง) 299 96.1 15.50 3.32 ปานกลาง
ประสิทธผิ ลการปฏบิ ตั งิ านบรหิ ารบุคคล 276 88.7 15.12 1.75 ปานกลาง
9-17 คะแนน (ระดบั ปานกลาง) 35 11.3 12.53 3.13 ปานกลาง
18-25 คะแนน (ระดับสูง) 203 65.3
การแตงํ ตง้ั -รบั โอน-ยา๎ ย-เล่ือนตาแหนํง 108 34.7
9-17 คะแนน (ระดับปานกลาง) 257 82.6
18-25 คะแนน (ระดบั สงู ) 54 17.4
การคัดเลอื กสรรหาบคุ ลากร 66 21.2
9-17 คะแนน (ระดบั ปานกลาง) 245 78.8
18-25 คะแนน (ระดบั สูง)
การวางแผนการบรหิ ารงานบุคคล
9-17 คะแนน (ระดบั ปานกลาง)
18-25 คะแนน (ระดับสูง)
การพัฒนาบุคลากร
1-8 คะแนน (ระดบั ต่า)
9-17 คะแนน (ระดับปานกลาง)
96
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
บรรยากาศองค์กรของบุคลากรโดยรวมทั้ง 8 ตารางที่ 3 สัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่
ด๎าน อยูํในระดับสูง (x̄ =131.21, S.D.=17.28) เรียง ศกึ ษา (n=311)
ตามระดับคําเฉลี่ยมากไปน๎อย ได๎แกํ มาตรฐานการ
ปฏิบัติงาน (Standard) ความขัดแย๎ง (Conflict) และ ปจั จัย r p-value ระดบั
โ ค ร ง ส ร๎ า ง อ ง ค์ ก ร (Organizational structure) การวางแผนบริหารงานบุคคล 0.135 0.017* ต่า
ตามลาดบั (ตารางท่ี 2) การสรรหาบคุ ลากร 0.614 <0.001* ปานกลาง
ตารางท่ี 2 ระดับบรรยากาศองค์กรของบุคลากร การแตงํ ตงั้ -รบั โอน-ย๎าย- 0.985 <0.001* สูง
(n = 311) เลือ่ นตาแหนํง
การพัฒนาบุคลากร 0.563 <0.001* ปานกลาง
การธารงรกั ษาบคุ ลากร 0.770 <0.001* สูง
ประสิทธิผลการปฏบิ ัตงิ าน 0.701 <0.001* สูง
*. Significant<0.05 level, Pearson correlation coefficient.
บรรยากาศองคก์ ร x̄ S.D. ระดบั
ปั จ จั ย ท่ี ส า ม า ร ถ รํ ว ม กั น ท า น า ย อิ ท ธิ พ ล ตํ อ
โครงสรา๎ งองค์กร 16.52 4.96 ปาน บรรยากาศองค์กรได๎อยํางมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ
(Organizational structure) กลาง <0.05 ร๎อยละ 57 (R2adj 0.574, beta 0.758)
ความรบั ผิดชอบ ปาน เรียงลาดับอิทธิพลมากไปหาน๎อย ได๎แกํ การแตํงตั้ง-
(Responsibility) 15.05 1.85 กลาง โอน-ย๎าย-เลื่อนตาแหนํง, การธารงรักษาบุคลากร,
ประสิทธิผลการปฏิบัติงานบริหารงานบุคคล, การคัด
ความอบอุนํ (Warmth) 15.69 3.38 ปาน เลือกสรรหาบุคลากร, การพัฒนาบุคลากร และการ
กลาง วางแผนบรหิ ารงานบุคคล ตามลาดบั (ตารางท่ี 4)
ปาน
การสนับสนนุ (Support) 15.90 3.08 กลาง
การใหร๎ างวลั และการลงโทษ 15.31 2.43 ปาน ตารางที่ 4 ค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยระหว่างปัจจัยท่ีศึกษา
(Reward and punishment) กลาง (n=311)
ความขดั แยง๎ (Conflict) 18.54 1.88 สูง
มาตรฐานการปฏิบตั ิงาน 18.64 2.95 สูง Model ปัจจัย B β R2 R2adj Sig.
(Standard) 15.57 3.90 สูง <0.001*
การเปน็ สวํ นหนึง่ ขององคก์ ร 131.21 17.28 สงู การแตํงตงั้ -
(Identity) 1 รับโอน-ยา๎ ย- 14.10 0.985 0.970 0.970 <0.001*
บรรยากาศองคก์ รโดยรวมทง้ั 8 เลื่อนตาแหนงํ
การธารง <0.001*
ดา๎ น 2 รกั ษา 6.63 0.770 0.593 0.591 <0.001*
บุคลากร <0.001*
ประสทิ ธผิ ล 0.017*
ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับบรรยากาศองค์กร 3 การปฏิบัติ 6.69 0.701 0.492 0.490
อ ยํ า ง มี นั ย ส า คั ญ ท า ง ส ถิ ติ ท่ี ร ะ ดั บ <0 .0 5 ที่ มี งาน
ความสัมพันธ์ในเชิงบวก เรียง 3 ลาดับความสัมพันธ์ การสรรหา
มากไปน๎อย ได๎แกํ การแตํงต้ัง-โอน-ย๎าย-เลื่อนตาแหนํง 4 บุคลากร 3.19 0.614 0.377 0.375
(r=0.985) การธารงรักษาบุคลากร (r=0.770 )
ประสิทธิผลการปฏิบัติงานบริหารบุคคล (r=0.701) 5 การพัฒนา 3.10 0.563 0.317 0.315
ตามลาดบั (ตารางที่ 3) บุคลากร
การวางแผน
6 บรหิ ารงาน 1.33 -0.135 0.018 0.015
บคุ คล
*. Significant<0.05 level, multiple linear regression
97 อภปิ รายผล
จากผลการวิจัยน้ีพบวํา โดยรวมประสิทธิภาพ
การบริหารงานบุคคล เรียงตามระดับคําเฉลี่ยมากไป
น๎อย
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอุดรธานี ปที ี่ 28 ฉบบั ท่ี 1 ประจาเดอื น มกราคม – เมษายน 2563
น๎อย ได๎แกํ การธารงรักษาบุคลากรอยูํในระดับสูง การมีสํวนรํวมในการตัดสินใจมีอิทธิพลตํอประสิทธิผล
ประสิทธิผลการปฏิบัติงานบริหารบุคคล อยํูในระดับสูง ในการทางาน สวํ นการส่อื สารภายในองค์กรไมํมีอิทธิพล
การแตํงต้ัง-โอน-ย๎าย-เล่ือนตาแหนํงอยูํในระดับปาน ตํอประสิทธิผลในการทางาน ความยุติธรรมองค์กร
กลาง การคดั เลือกสรรหาบุคลากรอยูํในระดับปานกลาง พบวําความยุติธรรมด๎านปฏิสัมพันธ์ที่มีตํอบุคคลมี
การวางแผนการบริหารงานบุคคลอยํูในระดับปานกลาง อิทธพิ ลตํอประสทิ ธผิ ลในการทางาน และการศึกษาของ
แ ล ะ ก า ร พั ฒ น า บุ ค ล า ก ร อ ยํู ใ น ร ะ ดั บ ป า น ก ล า ง มะลิวรรณ อรรคเศรษฐัง และคณะ17 ท่ีศึกษาพบวํา
ตามลาดับ ทั้งน้ีจากงานบริหารบุคคลยังขาดความ บุคลากรมคี วามคิดเห็นเก่ียวกับบรรยากาศองค์กรโดยมี
เช่ยี วชาญเกย่ี วกับระเบียบ หลักเกณฑ์ แนวทาง รวมท้ัง การให๎ความสาคัญด๎านโครงสร๎างองค์กรเป็นอันดับแรก
ทักษะการบริหารงานบุคคลเชิงกลยุทธ์ เน่ืองจาก รองลงมาคือ ด๎านความรับผิดชอบ และด๎านมาตรฐาน
กระทรวงได๎มีการกาหนดแนวทาง ระเบียบ นโยบาย การปฏิบัติงาน ตามลาดับ บรรยากาศองค์กรมี
ใหมํๆ ท่ีมีอยํางตํอเนื่องและมีการเปล่ียนแปลงความ ความสมั พนั ธ์และผลกระทบเชงิ บวกกับประสิทธิภาพใน
ต๎องการด๎านสุขภาพและด๎านอื่นๆ อยํางรวดเร็ว ซึ่ง ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น โ ด ย บ ร ร ย า ก า ศ อ ง ค์ ก ร ที่ สํ ง ผ ล ตํ อ
สอดคลอ๎ งกับการศกึ ษาของ ฐานติ า อํวมฉมิ และคณะ14 ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
ที่พบวํา การบริหารงานบุคคลโดยภาพรวมอยํูในระดับ ข้อเสนอแนะ
มาก ในด๎านการสรรหาบุคลากรอยํูในอันดับสูงสุด
รองลงมา คือ ด๎านการพัฒนาบุคลากรและด๎านการให๎ 1. ขอ้ เสนอแนะการบรหิ ารบุคคลระดับจงั หวัด
รางวัล และการศึกษาของ ธัญญานันท์ ศรีธรรมนิตย์15 จากผลการวิจัยน้ีที่พบวํา ประสิทธิภาพการ
ท่ีศึกษาพบวํากิจกรรมการบริหารทรัพยากรมนุษย์ บริหารงานบุคคลโดยรวมอยํูในระดับสูง โดยดาเนินการ
ภายในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ มีข๎อได๎เปรียบในการ ดังนี้
แขงํ ขัน ดงั น้ี การสรรหาและคัดเลือก โดยการใช๎เทคนิค 1. มีการพัฒนาการบริหารงานบุคคล ซึ่งถือเป็น
ท่ีหลากหลาย การให๎ความสาคัญกบั บคุ ลากร การลงทุน บทบาทหน๎าที่สาคัญของระดับจังหวัดในการสร๎างกรอบ
ในในเทคโนโลยที างการแพทยม์ สี วํ นชํวยทางอ๎อมในการ เพอื่ ทาการวดั ประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน เพ่ือการบรรลุ
โน๎มน๎าวให๎เกิดประสิทธิภาพการทางานของบุคลากร เปูาหมายขององคก์ ร
ทางการแพทยแ์ ละการธารงรกั ษาบคุ ลากร 2. ด๎านการพัฒนาบุคลากร และการสรรหา
บุคลากรนาไปใช๎วางแผนความกา๎ วหน๎าของวิชาชพี ให๎แกํ
จากผลการวิจัยน้ีพบวํา ประสิทธิภาพการ งานการเจ๎าหน๎าท่ีโรงพยาบาลแจ๎งโดยตรงแกํผู๎มีสิทธิ
บริหารงานบุคคลสามารถรํวมกันทานายอิทธิพลตํอ ก๎าวหน๎าในโรงพยาบาลกํอนแตํงตั้ง 1 ปี เพ่ือให๎เตรียม
บ ร ร ย า ก า ศ อ ง ค์ ก ร ไ ด๎ อ ยํ า ง มี นั ย ส า คั ญ ท า ง ส ถิ ติ ผลงานและลดปัญหาการขาดโอกาสความก๎าวหน๎า จัด
เรียงลาดับอิทธิพลมากไปหาน๎อย ได๎แกํ การแตํงต้ัง- ประชมุ วิชาการพฒั นาศกั ยภาพและเพ่ิมความรู๎บคุ ลากร
โอน-ย๎าย-เล่ือนตาแหนํง การธารงรักษาบุคลากร 3. ด๎านธารงรักษาบุคลากร สาหรับฝุายการ
ประสิทธิผลการปฏิบัติงานบริหารงานบุคคล การคัด พยาบาล ในโรงพยาบาล ควรปรับปรุงคําตอบแทน
เลือกสรรหาบุคลากร การพัฒนาบุคลากร การวางแผน ประจาตาแหนํงทางการพยาบาล โดยเทียบเคียง
บริหารงานบุคคล ตามลาดับ แสดงให๎เห็นได๎วําการ คําตอบแทนกับจังหวัดอ่ืนๆ และปรับปรุงคําตอบแทนให๎
บริหารงานบุคคลที่มีประสิทธิภาพจะสามารถทาให๎ ทนั สมยั
บรรยากาศองค์กรดีข้ึน ซึ่งสอดคล๎องกับการศึกษาของ 4. ด๎านการประเมินผลการปฏิบัติงาน ควรมีการ
นวลปรางค์ ภาคสาร และคณะ16 ที่ศึกษาพบวํา ป ร ะ เ มิ น ผ ล ง า น ที่ ชั ด เ จ น เ พื่ อ ส ร๎ า ง ข วั ญ ก า ลั ง ใ จ แ กํ
ประสิทธิผลในการทางานโดยรวมอยูํในระดับมาก เจ๎าหน๎าที่ท่ีปฏิบัติงานในท่ีหํางไกลทุรกันดาร โดยมีการ
บรรยากาศองค์กร ประกอบด๎วย โครงสร๎างองค์กรและ บรรจโุ ดยไมตํ อ๎ งไปเรียงลาดับกบั เจ๎าหนา๎ ท่ใี นเมอื ง
98
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
2. ข้อเสนอแนะการนาผลการวิจัยไปใช้ ตรวจราชการ และนิเทศงานกรณีปกติ กระทรวง
ประโยชน์ สาธารณสุข [อินเทอร์เน็ต] นนทบุรี: กระทรวง
สาธารณสุข; 2562. [เข๎าถึงเม่ือ 2 สิงหาคม 2562].
1. ใช๎วางแผนความก๎าวหน๎าของวิชาชีพ ให๎งาน เข๎าถงึ ไดจ๎ าก: https://datastudio.google.com
การเจ๎าหน๎าที่โรงพยาบาลแจ๎งโดยตรงแกํผ๎ูมีสิทธิ
ก๎าวหน๎าในโรงพยาบาลกํอนแตํงต้ัง 1 ปี เพ่ือให๎เตรียม 7. กฎกระทรวง แบํงสํวนราชการสานักงาน
ผลงานและชํวยลดปัญหาการขาดโอกาสความก๎าวหน๎า ปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2560. ราช
เทําเทียมกับจังหวดั อน่ื ๆ กิจจานุเบกษา เลํมท่ี 134, ตอนที่ 64 ก (ลงวันที่ 14
มิถนุ ายน 2560).
2. กาหนดโครงสร๎างนักจัดการทรัพยากรบุคคล
ในโรงพยาบาล และบุคคลท่ีมีคุณสมบัติตรงกับตาแหนํง 8. สานักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลาภู.
นกั บรหิ ารทรัพยากรบคุ คล โปรแกรมข๎อมูลบุคลากร สานักงานสาธารณสุขจังหวัด
หนองบัวลาภู. หนองบัวลาภู: สานักงานสาธารณสุข
3. ขอ้ เสนอแนะการศึกษาวิจยั ครง้ั ตอ่ ไป จงั หวดั ; 2562.
ควรทาวิจัยการประเมินผลงานของบุคลากรใน
สั ง กั ด ส า นั ก ง า น ส า ธ า ร ณ สุ ข จั ง ห วั ด เ พื่ อ เ ป็ น ก า ร 9. Daniel WW. Biostatistics: A Foundation
พัฒนาการทางานให๎มีประสิทธิภาพสูงเป็นไปตาม for Analysis in the Health Sciences. 6th ed. Sin-
แนวทางเดยี วกนั ทุกหนํวยงาน gapore: John Wiley & Sons; 1995.
เอกสารอา้ งอิง
1. สานักงานคณะกรรมการข๎าราชการพลเรือน. 10. น๎องนุช วงษ์สุวรรณ, สถิตย์ นิยมญาติ, บุญ
พระราชบัญญัติระเบียบข๎าราชการพลเรือน พ.ศ.2551. เลิศ ไพรินทร์. ประสิทธิผลการบริหารทรัพยากรมนุษย์
กรุงเทพฯ: โกลบอลอินเตอร์คอมมวิ นเิ คชั่น; ม.ป.ป. ของโรงพยาบาลในสงั กัดกรุงเทพมหานคร. Veridian E-
2. พระราชกฤษฎีกาคําใช๎จํายในการเดินทางไป Journal Silpakorn University 2018; 11(1): 1759-
ราชการ พ.ศ. 2526 และท่ีแก๎ไขเพิ่มเติมถึง (ฉ 9) พ.ศ. 75.
2560.
3. สานักมาตรฐานวิจัย. แนวทางการลงโทษ. 11. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบ
[อนิ เทอรเ์ นต็ ]. นนทบรุ ี: สานักงาน ก.พ.; 2556. [เข๎าถึง ราชการ. คํูมืออธิบายตัวช้ีวัด การพัฒนาคุณภาพการ
เมื่อ 15กรกฎาคม 2562]. เข๎าถึงได๎จาก: https:// บริหารจัดการภาครัฐ ปีงบประมาณ 2551. กรุงเทพฯ:
www.fisheries.go.th ซีโนพับลชิ ชงิ่ (ประเทศไทย); 2551.
4. พระราชบัญญัติระเบียบข๎าราชการพลเรือน
(ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2562. ราชกิจจานุเบกษา เลํมที่ 136, 1 2 . Sunarsih N, Helmiatin. Influence of
ตอนที่ 43 ก (ลงวันท่ี 5 เมษายน 2562). Organizational Climate, Motivation and Job
5. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข .รายงาน Satisfaction on Employee Performance. RIBER
โครงการศึกษาแนวทางการบริหารราชการและการ 2017; 6(1): 263-275.
บริหารบุคลากรด๎านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข.
กรุงเทพฯ: ห๎างห๎ุนสํวนสามัญ "ที่ปรึกษากฎหมายพระ 13. กัลยา วานิชย์บัญชา. สถิติสาหรับงานวิจัย.
อาทิตย์ 1”; 2558. หนา๎ 94-113. พิมพ์คร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย;
6. กระทรวงสาธารณสุข. ผลการประเมิน Hap- 2549.
pinometer เขตสุขภาพที่ 8. เอกสารประกอบการ
14. ฐานิตา อํวมฉิม, มณฑา จาปาเหลือง. การ
บริหารทรัพยากรมนุษย์ที่สํงผลตํอบรรยากาศองค์การ
ของสถานศึกษา ในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์. ว.วิชาการ Veridian E-
Journal 2557; 7(3): 272-284.
99
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอดุ รธานี ปีที่ 28 ฉบับท่ี 1 ประจาเดอื น มกราคม – เมษายน 2563
15. ธัญญานันท์ ศรีธรรมนิตย์. การบริหาร
ทรพั ยากรมนษุ ยท์ ม่ี ีประสทิ ธผิ ลของโรงพยาบาลเอกชน.
[วิทยานิพนธ์]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์;
2559.
16. นวลปรางค์ ภาคสาร, จันทนา แสนสุข.
อิทธิพลของบรรยากาศองค์กรและความยุติธรรมของ
องค์กรที่มีตํอประสิทธิผลในการทางานของบุคลากร
สังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในเขต
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. ว.บริหารธุรกิจเทคโนโลยี
มหานคร 2559; 13(1): 43-65.
17. มะลิวรรณ อรรคเศรษฐัง, สายตา บุญโฉม.
บรรยากาศองค์กรที่สํงผลตํอประสิทธิภาพในการ
ปฏิบัติงานของบุคลากรสานักงานสรรพากรพ้ืนท่ี
กาฬสินธ์ุ. การประชุมวิชาการและเสนอผลงานวิจัย
ระดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 3.วิทยาลยั นครราชสมี า. นครราชสีมา;
2559. หน๎า 531-537.
รับต๎นฉบบั : 29 ตุลาคม 2562, ไดร๎ ับบทความปรบั ปรุง: 14 เมษายน 2563, รับลงตพี ิมพ:์ 17 เมษายน 2563
100
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
ผลของการใชเ้ ครื่องมอื TEDA4I ในเดก็ 0-5 ปี ทม่ี ีพฒั นาการลา่ ช้า จังหวัดอุดรธานี
เอกชยั ลีลาวงศ์กิจ, พบ., โรงพยาบาลไชยวาน
บทคัดย่อ
ปัจจุบันพบวํามีเด็ก 0-5 ปี ประมาณร๎อยละ 30 ท่ีมีพัฒนาการลําช๎าและไมํได๎รับการดูแลที่เหมาะสมด๎วย
สถานการณ์ดังกลําวในปีงบประมาณ 2561 สานักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี จึงได๎เริ่มมีนโยบายกระต๎ุน
พัฒนาการเด็ก 0-5 ปี ท่ีมีพัฒนาการลําช๎าด๎วยเครื่องมือคูํมือประเมินเพื่อชํวยเหลือเด็กปฐมวัยท่ีมีปัญหาพัฒนาการ
(Thai Early Developmental Assessment for Intervention: TEDA4I) เพ่ือเพิ่มการเข๎าถึงบริการในเด็ก 0-5 ปี
ท่ีมพี ัฒนาการลําช๎าในจังหวดั อดุ รธานีใหไ๎ ด๎รับการกระต๎ุนพฒั นาการท่ีเหมาะสมและเกิดพฒั นาการท่ีสมวัยในท่ีสุด จึง
เปน็ ที่มาของการศึกษาน้ี เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบเก็บข๎อมูลย๎อนหลัง โดยมีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาผลลัพธ์
ของการใช๎เคร่ืองมือ TEDA4I ตํอพัฒนาการของเด็กพัฒนาการลําช๎า อายุ 0-5 ปี ในจังหวัดอุดรธานี 2. เพ่ือศึกษา
ความสัมพันธ์ของผลลัพธ์ของการกระตุ๎นพัฒนาการเด็กอายุ 0-5 ปีที่มีพัฒนาการลําช๎า กับปัจจัยด๎านเพศ ชํวงอายุ
และพัฒนาการรายด๎าน 5 ด๎าน วิธีการวิจัย ประชากรและกลุํมตัวอยําง เด็กอายุ 0-5 ปี ใน 4 กลุํมอายุ ได๎แกํ 9-17
เดอื น, 18-29 เดือน, 30-41 เดือน และ 42-59 เดอื น จัดเปน็ กลุมํ 9, 18, 30 และ 42 เดอื น ทไี่ ดร๎ ับการคัดกรองด๎วย
คํูมือเฝูาระวังและสํงเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย (Developmental Surveillance and Promotion Manual:
DSPM) แล๎วพบวําพัฒนาการลําช๎า จานวนท้ังหมด 178 คน เก็บข๎อมูลย๎อนหลังจากระบบ Health Data Center
(HDC) ต้ังแตํ 1 ตุลาคม 2560-30 กันยายน 2562 วิเคราะห์ผลลัพธ์การกระต๎ุนพัฒนาการด๎วยสถิติพรรณนา ได๎แกํ
จานวน ร๎อยละคาํ เฉลีย่ สํวนเบยี่ งเบนมาตรฐานและสถิตวิ เิ คราะห์ ได๎แกํ Binomial test, Fisher’s exact test และ
Chi-square
ผลการวิจัย กลํุมตัวอยํางเด็ก 0-5 ปี ท่ีมีพัฒนาการลําช๎าและได๎รับการกระต๎ุนพัฒนาการ จานวน 178 คน
เป็นเพศชาย 116 คน เพศหญิง 62 คน จาแนกเป็น 4 ชํวงอายุ ได๎แกํ 9,18, 30 และ 42 เดือน ตามลาดับ
ผลการวจิ ยั พบวาํ เด็กสวํ นใหญมํ พี ัฒนาการดขี ้ึนอยํางมีนยั สาคญั ทางสถติ ิในปีงบประมาณ 2562 ซ่ึงมีการใช๎ TEDA4I
อยํางกว๎างขวาง (P≤0.05) ร๎อยละ 68.52 เมื่อทาการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยด๎านเพศ ชํวงอายุ และ
พัฒนาการรายด๎านกับผลลัพธ์การกระตุ๎นพัฒนาการ พบวํา ผลลัพธ์การกระตุ๎นไมํแตกตํางกันในทุกเพศ ทุกชํวงวัย
และทกุ ด๎านพฒั นาการ
สรุป เครื่องมือกระต๎ุนพัฒนาการ TEDA4I ให๎ผลลัพธ์การกระต๎ุนพัฒนาการท่ีดีข้ึนในเด็ก 0–5 ปี ท่ีมี
พฒั นาการลาํ ชา๎
คาสาคัญ: DSPM, TEDA4I, พัฒนาการเดก็
Corresponding author: เอกชัย ลีลาวงศก์ ิจ โทรศพั ท์ 080-7457810 E-mail: [email protected]
โรงพยาบาลไชยวาน 139 ม.13 ต.ไชยวาน อ.ไชยวาน จ.อดุ รธานี 41290
101
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอดุ รธานี ปีที่ 28 ฉบบั ที่ 1 ประจาเดือน มกราคม – เมษายน 2563
Effects of TEDA4 I Program on 0 -5 Years old Children with Developmental Delays in
Udonthani Province
Aekachai Leelawongkij, MD., Chaiwan Hospital
Abstract
In current situation, There are 30% of delayed development children age 0-5 years old in
population who are inaccessible to appropriate health care. Therefore, Udonthani provincial
health office had policy announcement for delayed development stimulation with Thai Early
Developmental Assessment for Intervention (TEDA4 I) program in October, 2 0 1 8 . In order to
increase appropriate health care accessibility and improve developmental outcomes of children
age 0-5 years old in Udonthani province.
This Retrospective Analytic study aimed to 1) To study results of TEDA4I program for delayed
development children age 0-5 years old in Udonthani province 2) To study association between
TEDA4I program results and child factors such as sex, age group and five developmental aspects.
Methods: The studied population was delayed development children age 0 -5 years old after
screening with Developmental Surveillance and Promotion Manual (DSPM) test. 178 patients were
included in this study. Research tools included data collected from health data center of
Udonthani provincial health office from 1st October 2017 to 30th September 2019. Descriptive
statistic was performed and reported in terms of counting number, percent, mean, standard
deviation. Analytical statistics were also performed using Binomial test, Fisher’s exact test and
Chi-square test.
Result: There were 178 delayed development children age 0-5 years old who attended
TEDA4I program completely, 116 male patients (65.17%) and 62 female patients (34.83%), divided
into 4 age groups; 9, 18, 30 and 42 months. In fiscal year 2019, After TEDA4I program was fully
implemented 68.52% of delayed development children age 0-5 years old revealed significantly
improvement (P≤0.001). Factors such as sex, age group and developmental aspects were not
significantly associated with results after TEDA4I program was applied.
Conclusion: This study suggested TEDA4 I program effectively improved developmental
outcomes in delayed development children age 0-5 years old after fully of implementation in
fiscal year 2019.
Keywords: DSPM, TEDA4I, Child development
102
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
บทนา ชํวงอายุใน 5 ด๎าน ได๎แกํ ด๎านการเคลื่อนไหว ด๎าน
จากการศึกษาสถานการณ์พัฒนาการเด็กปฐมวัย กลา๎ มเนือ้ มัดเลก็ ด๎านการเข๎าใจภาษา ด๎านการใช๎ภาษา
และด๎านการชวํ ยเหลอื ตนเองและสังคม ซ่ึงถูกพัฒนาขึ้น
ไทย 0-5 ปี ในรอบ 15 ปีท่ีผํานมา พบวํา มีเด็กปฐมวัย ด๎วยความรํวมมือของสถาบันราชานุกูลและสถาบัน
ประมาณ ร๎อยละ 30 หรือ 1 ใน 3 ของเด็กเล็กใน พัฒนาการเดก็ ราชนครินทร์กรมสุขภาพจิต โดยได๎มีการ
ประเทศมีพัฒนาการลําช๎า ซึ่งถือวํามีจานวนที่สูงมาก1 นามาใชจ๎ รงิ คร้งั แรกในปีพ.ศ.2558 ท่ีสถาบันราชานุกูล3
โดยประเทศไทยเริ่มมีการสํงเสริมและให๎ความสาคัญใน และได๎มีการวิจัยในเด็กพัฒนาการลําช๎า 15 คน ท่ีได๎รับ
เร่ืองพัฒนาการเด็กมาต้ังแตํปี พ .ศ.2540 ตาม การกระตุ๎นด๎วยเคร่ืองมือ TEDA4I เป็นเวลา 3 เดือน
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติฉบับท่ี 8 ผําน ผลการศึกษาพบวํา เด็กท่ีได๎รับการกระต๎ุนพัฒนาการ
ก ร ะ บ ว น ก า ร สํ ง เ ส ริ ม ก า ร เ ล้ี ย ง ลู ก ด๎ ว ย น ม แ มํ แ ล ะ ด๎วยเคร่ืองมือ TEDA4I มีพัฒนาการดีข้ึนอยํางมี
กระบวนการกิน กอด เลํน เลํา2 ตํอมาในปี พ.ศ.2555 นัยสาคัญทางสถิติ3 ในสํวนของสถาบันพัฒนาการเด็ก
ได๎มีการนาเครื่องมือ อนามัย 552 มาใช๎ในการคัดกรอง ราชนครนิ ทร์ ได๎มโี ครงการศกึ ษาผลของการใช๎เครื่องมือ
พัฒนาการเด็ก และนาเคร่ืองมือแบบประเมิน TEDA4I ในเด็ก 0-5 ปี ที่มีพัฒนาการลําช๎าเชํนเดียวกัน
พัฒนาการเด็กแรกเกิด-5 ปี (Thai Development โดยเป็นโครงการศึกษาในระดับประเทศ จานวน 36
Skills Inventory: TDSI)2 ม า ใ ช๎ ใ น ก า ร ก ร ะ ตุ๎ น จังหวัด กลุํมตัวอยํางจังหวัดละ 16 คน โดยได๎รับ
พัฒนาการเด็กในหนํวยบริการทุติยภูมิขึ้นไป ประกอบ งบประมาณสนับสนุนจากสานักงานกองทุนสนับสนุน
ด๎วยชุดแบบทดสอบประมาณ 600 ข๎อ ซ่ึงผ๎ูใช๎ต๎องผําน การสร๎างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีระยะเวลา
การอบรมและมคี วามยุํงยากในการใช๎คูํมือดังกลําว ในปี การศึกษาต้ังแตํ 1 ธันวาคม 2559-30 สิงหาคม 2562
พ.ศ.2558 กรมสุขภาพจิตได๎มีการพัฒนาเครื่องมือคัด ซ่ึงในปัจจุบันยังไมํสรุปผลการศึกษา2 ในปี 2560
กรองพัฒนาการเด็ก 0-5 ปี เพื่อทดแทนเครื่องมือ กระทรวงสาธารณสุขได๎มีนโยบายในการสํงเสริม
อนามัย 55 โดยให๎ชื่อวําคํูมือเฝูาระวังและสํงเสริม พัฒนาการเด็ก 0-5 ปี โดยมีนโยบายให๎โรงพยาบาลใน
พัฒนาการเด็กปฐมวัย (Developmental Surveil- สังกัดสานักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแหํง มีการคัด
lance and Promotion Manual: DSPM) เพื่อเป็น กรองพัฒนาการเด็ก 0-5 ปี ด๎วยเคร่ืองมือ DSPM เม่ือ
คํูมือเฝูาระวังและสํงเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยสาหรับ พบความผิดปกติให๎มีการกระต๎ุนพัฒนาการด๎วย DSPM
ผู๎ปกครองและบุคลากรสาธารณสุข และได๎มีการพัฒนา เป็นเวลา 30 วัน หากยังพบวําเด็กยังมีพัฒนาการลําช๎า
เคร่ืองมือกระตุ๎นพัฒนาการเด็กทดแทน TDSI เดิม โดย อยูํ ให๎มีการสํงตํอกุมารแพทย์พัฒนาการหรือจิตแพทย์
ให๎ชื่อวําคํูมือประเมินเพ่ือชํวยเหลือเด็กปฐมวัยท่ีมี เด็กเพ่ือการวินิจฉัยและการรักษาตํอไป4 ในปี 2561
ปัญหาพัฒนาการ (Thai Early Developmental As- กระทรวงสาธารณสุขและสานักงานสาธารณสุขจังหวัด
sessment for Intervention: TEDA4I) ซึ่งมีชุดแบบ ได๎มีการพัฒนากระบวนการดูแลพัฒนาการเด็ก 0-5 ปี
ทดสอบที่น๎อยกวําและใช๎งานได๎งํายกวําเครื่องมือ TDSI เพ่ิมขึ้นโดยมีการคัดกรองพัฒนาการเด็ก 0-5 ปี ด๎วย
เดมิ 2 เคร่ืองมือ DSPM ที่ชุมชนและโรงพยาบาลสํงเสริม
สุขภาพตาบล (รพ.สต.) หากพบวําเด็กมีพัฒนาการ
เครื่องมือ TEDA4I ประกอบด๎วยชุดทดสอบ สงสัยลําช๎า เด็กจะได๎รับการเฝูาระวังและสํงเสริม
ท้ังหมดจานวน 145 ข๎อ ซ่ึงน๎อยกวําเครื่องมือเดิมคือ พัฒนาการด๎วย DSPM เป็นระยะเวลา 30 วันโดย
แบบประเมนิ พัฒนาการเด็กแรกเกิด-5 ปี (Thai Devel- ผู๎ปกครองและติดตามซ้าที่ รพ.สต. หากพบวํายังมี
opment Skills Inventory :TDSI)2 ซึ่งประกอบด๎วย พัฒนาการลําช๎าอยํู จะได๎รับการสํงตํอเพ่ือกระต๎ุน
ชุดแบบทดสอบประมาณ 600 ข๎อ ซึ่งผ๎ูใช๎ต๎องผํานการ พฒั นาการดว๎ ยเครอ่ื งมือ TEDA4I ที่โรงพยาบาลชุมชน
อบรมและมีความยุํงยากในการใช๎ โดยมีแนวทางการ
กระต๎ุนพัฒนาการเด็กปฐมวัยท่ีมีพัฒนาการลําช๎าตาม
103
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอดุ รธานี ปีท่ี 28 ฉบบั ที่ 1 ประจาเดอื น มกราคม – เมษายน 2563
และโรงพยาบาลทั่วไปเป็นเวลา 3 เดือน ตามนโยบาย เด็กที่มีปัญหาพัฒนาการลําช๎าภายหลังได๎รับการ
ท่ีวํา “ตามได๎ครบ จบด๎วย TEDA” ซึ่งหากภายหลัง คัดกรองพัฒนาการและประเมินซ้าภายใน 30 วันแล๎ว
กระต๎ุนพัฒนาการด๎วยเคร่ืองมือ TEDA4I แล๎วยังพบวํา ยั ง พ บ วํ า มี พั ฒ น า ก า ร ลํ า ช๎ า จ ะ ไ ด๎ รั บ ก า ร ก ร ะ ตุ๎ น
พัฒนาการลําช๎าอยํู เด็กจะได๎รับการสํงตํอไปรับการ พัฒนาการด๎วยเครื่องมือ TEDA4I เป็นเวลา 3 เดือน
รั ก ษ า ตํ อ ยั ง โ ร ง พ ย า บ า ล ต ติ ย ภู มิ ท่ี มี กุ ม า ร แ พ ท ย์ โดยจะได๎รับการกระตุ๎นพัฒนาการ 1 ครั้งตํอเดือน ครั้ง
พัฒนาการเด็กหรือจิตแพทย์เด็กเพ่ือการดูแลรักษา ละ 45 นาที รวม 3 ครั้ง ในคลินิกพัฒนาการเด็ก สํวนท่ี
ตอํ ไป5 เหลือเป็น Home program โดยผ๎ูปกครองเด็กซ่ึงให๎ผล
ลัพธ์เป็นพัฒนาการดีข้ึนและไมํดีข้ึน2 จากข๎อมูลใน
ผลจากการกระต๎ุนพัฒนาการด๎วยเคร่ืองมือ ปีงบประมาณ 2561 พบวําพยาบาลผู๎รับผิดชอบการ
TEDA4I จากการสืบค๎นข๎อมูลผํานระบบ Health Data กระต๎ุนพัฒนาการเด็กสํวนใหญํยังไมํผํานการอบรม
Center (HDC)6 ในปีงบประมาณ 2561 และ 2562 หลักสูตรพัฒนาการเด็ก8 สํวนในปีงบประมาณ 2562
จังหวัดอุดรธานีที่ผํานมาพบวํา หลังจากการกระตุ๎น พยาบาลผ๎ูรบั ผิดชอบการกระต๎ุนพัฒนาการเด็กผํานการ
พัฒนาการด๎วยเครื่องมือ TEDA4I ในเด็กท่ีมีปัญหา อบรมหลักสูตรพัฒนาการเด็ก ครบทุกพ้ืนที่9 จาแนกตัว
พัฒนาจนครบ 3 เดือนแล๎ว ยังพบวํามีเด็กจานวน แปรต๎นตามเพศ ชํวงอายุ พัฒนาการ 5 ด๎านโดย
มากกวาํ คร่ึงที่ยงั คงมีพัฒนาการลําช๎าและได๎ถูกสํงตํอไป ทาการศึกษาเปรียบเทียบระหวํางเพศชาย เพศหญิง ใน
รับการรักษาตํอท่ีโรงพยาบาลตติยภูมิ6 เน่ืองด๎วย 4 ชํวงอายุ ได๎แกํ 9 เดือน (9 เดือน-17 เดือน 29 วัน),
งานวิจัยที่ดาเนินการศึกษาเก่ียวกับผลลัพธ์ของการใช๎ 18 เดือน (18 เดือน-29 เดือน 29 วัน), 30 เดือน (30
เคร่ืองมือ TEDA4I ในการชํวยเหลือเด็กที่มีพัฒนาการ เดือน-41 เดือน 29 วัน) และ 42 เดือน (42 เดือน-59
ลําช๎าในปัจจุบันยังมีข๎อมูลจากัด ผู๎วิจัยจึงเกิดความ เดือน 29 วัน) จาแนกเป็นพัฒนาการรายด๎าน 5 ด๎าน
สนใจในการศกึ ษาเพิ่มเติมเพือ่ นามาใชป๎ ระโยชน์ตํอไป ได๎แกํ ด๎านการเคลื่อนไหว (Gross Motor), ด๎านการใช๎
กล๎ามเน้ือมัดเล็กและสติปัญญา (Fine Motor), ด๎าน
วตั ถปุ ระสงคใ์ นการศกึ ษา การเข๎าใจภาษา (Receptive Language), ด๎านการใช๎
1. เพ่ือศึกษาผลลพั ธ์ของการใชเ๎ คร่ืองมือ TEDA4I ภาษา (Expressive Language), ด๎านการชํวยเหลือ
ตนเองและสังคม (Personal and Social skills) เพ่ือ
ตํอพัฒนาการของเด็กพัฒนาการลําช๎า อายุ 0-5 ปี ใน เปรียบเทียบความแตกตํางของผลลัพธ์ที่ได๎จากการ
จังหวดั อุดรธานี กระตุ๎นในเพศท่ีตํางกันชํวงอายุที่ตํางกันและพัฒนาการ
รายดา๎ นทงั้ 5 ด๎าน
2. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของผลลัพธ์ของการ วิธีการศกึ ษา
กระตุ๎นพัฒนาการเด็กอายุ 0-5 ปีที่มีพัฒนาการลําช๎า
กบั ปจั จัยด๎านเพศ ชวํ งอายุ และพฒั นาการรายด๎าน 1. รูปแบบการวจิ ัยทใ่ี ชใ๎ นการศึกษา การวิจัยครั้ง
น้ีเป็นการศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบเก็บข๎อมูลย๎อนหลัง
กรอบแนวคดิ การศึกษาวจิ ัย (Retrospective analytic study)
ตัวแปรต้น การกระตน๎ุ เดก็ ท่ีมีพฒั นาการลาํ ชา๎ ด๎วย ตัวแปรตาม 2. ประชากรและกลมํุ ตวั อยํางประชากร เด็กอายุ
เดก็ 0-5 ปี ที่ เคร่อื งมือ TEDA4I (Intervention) ผลลัพธก์ าร 0-5 ปี ใน 4 กลุมํ อายุ ไดแ๎ กํ 9 เดอื น (9 เดอื น-17 เดือน
พัฒนาการลําชา๎ กระตนุ้ 29 วัน), 18 เดือน (18 เดือน-29 เดือน 29 วัน), 30
ในปีงบประมาณ พัฒนาการ; เดอื น (30 เดือน-41 เดือน 29 วัน) และ 42 เดือน (42
2561-2562 พัฒนาการดี เดือน-59 เดือน 29 วัน) ท่ีได๎รับการคัดกรองด๎วย
จานวน 178 คน ข้นึ DSPM แล๎วพบสงสัยพัฒนาการลําช๎า หลังได๎รับการ
จาแนกเป็น พั ฒ น า ก า ร ตดิ ตาม 104
- รายเพศ ไมดํ ขี ึ้น
- รายชวํ งอายุ
- รายพัฒนาการ
5 ด๎าน
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
ติดตามครบ 30 วัน แล๎วกลับมาประเมินซ้าด๎วย 4. เครื่องมือในการวิจัย โปรแกรม STATA,
เครื่องมือเดิมแล๎วพบวํายังสงสัยพัฒนาการลําช๎าและ ระบบ HDC สานักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี6,
ได๎รับการกระต๎ุนด๎วย TEDA4I ครบ 3 เดือน จานวน คูํมือ TEDA4I และแบบเก็บข๎อมูลงานวิจัย โดยเก็บ
ทั้งหมด 178 คน คัดเลือกกลํุมตัวอยํางโดยการสํุมแบบ ข๎อมูลพัฒนาการ 5 ด๎าน ได๎แกํ ด๎านการเคล่ือนไหว,
เฉพาะเจาะจง (Purposive sampling) โดยดึงข๎อมูล ด๎านกล๎ามเนอ้ื มัดเล็ก, ด๎านการเข๎าใจภาษา, ด๎านการใช๎
กลํุมตัวอยํางท้ังหมดจากประชากรท่ีต๎องการศึกษาจาก ภาษา และด๎านการชํวยเหลือตนเองและสังคม โดย
ระบบ HDC สานกั งานสาธารณสุขจังหวดั อุดรธานี6 โดย จาแนกเป็นรายเพศ รายกลํุมชํวงอายุ 4 กลุํม ได๎แกํ 9
มีเกณฑค์ ัดเลอื กกลมํุ ตัวอยาํ ง ดังตํอไปน้ี เดอื น (9 เดือน-17 เดือน 29 วัน), 18 เดือน (18 เดือน-
เกณฑก์ ารคัดเลือกเขา๎ (Inclusion criteria) 29 เดือน 29 วัน), 30 เดือน (30 เดือน-41 เดือน 29
• เด็กและผู๎ปกครองเข๎ารับบริการกระต๎ุนด๎วย วัน) และ 42 เดือน (42 เดือน-59 เดือน 29 วัน) ใน
TEDA4I จากพยาบาลท่ีผํานการอบรมหลักสูตร กลุํมเด็กที่มีพัฒนาการลําช๎าภายหลังหลังกระต๎ุน
พัฒนาการเดก็ 1 คร้ัง/เดือน รวม 3 ครัง้ ในเวลา 3 เดอื น พัฒนาการด๎วยเคร่ืองมือ TEDA4I โดยแปลผลลัพธ์เป็น
• เดก็ ไมเํ ปน็ โรคทางสมอง โรคทางพันธุกรรม 2 กรณีคือ 1) ดีขึ้นหลังกระตุ๎น หมายถึงสมวัยหลัง
กระตุ๎นและดีขึ้นบางสํวนหลังกระต๎ุน และ 2) ไมํดีขึ้น
หลังกระต๎ุน
กระตนุ๎ พฒั นาการด๎วย TEDA4I ครบ 3 เดอื น
และนามาเปน็ กลมํุ ตวั อยาํ ง 5. วิธีการเก็บรวบรวมข๎อมูล เก็บข๎อมูลย๎อนหลัง
(จานวน 178 คน) จากระบบ HDC6 ต้ังแตํ 1 ตุลาคม 2560-30 กันยายน
2562 บันทึกในแบบเก็บข๎อมูลงานวิจัย โดยเร่ิมเก็บ
กระตุน๎ ไมคํ รบ ผิดปกติทางสมอง/
3 เดอื น โรคทางพันธกุ รรม
จานวน 25 คน จานวน 42 คน ข๎อมูลหลงั จากผํานการพิจารณาจริยธรรมแล๎ว
กลมํุ เดก็ 0-5 ปี ทตี่ รวจพบพัฒนาการลาํ ชา๎ โดย 6. วธิ วี เิ คราะห์ข๎อมลู
DSPM ทงั้ หมดในปีงบประมาณ 2561 - 2562 • สถิติเชิงพรรณนา ได๎แกํ จานวน ร๎อยละ
คําเฉลี่ย สวํ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน
จานวน 245 คน
3. ตัวแปรในการศึกษา ผลลัพธ์การกระต๎ุน • วิเคราะห์ข๎อมูลผลลัพธ์การกระตุ๎นพัฒนาการ
พัฒนาการด๎วยเครื่องมือ TEDA4I ในเด็ก 0-5 ปี ด๎วยเครื่องมือ TEDA4I ในปีงบประมาณ 2561 และ
ปีงบประมาณ 2561-2562 เป็นภาพรวม รายเพศ ราย 2562 โดยคิดเป็นภาพรวม จาแนกตามเพศ, ชํวงอายุ
ชํวงอายุ; 9 เดอื น (9 เดอื น-17 เดือน 29 วัน), 18 เดือน ด๎วยสถิติ Binomial test โดยกาหนดคํานัยสาคัญทาง
(18 เดือน-29 เดือน 29 วัน), 30 เดือน (30เดือน-41 สถิตทิ ี่ 0.05 (P-value=0.05)
เดือน 29 วัน) และ42 เดือน (42 เดือน-59 เดือน 29
วัน), ปจั จยั ดา๎ นเพศ ได๎แกํ เพศชาย เพศหญิงกับผลลัพธ์ • วิเคราะห์เปรียบเทียบผลลัพธ์การกระต๎ุน
การกระตุ๎นพัฒนาการด๎วยเคร่ืองมือ TEDA4I, ปัจจัย พัฒนาการในปีงบประมาณ 2561 และ 2562 ใน
ด๎านชวํ งอายุ ได๎แกํ 9 เดือน (9 เดือน-17 เดือน 29 วัน), ภาพรวมดว๎ ยสถิติ Chi-square โดยกาหนดคํานัยสาคัญ
18 เดือน (18 เดือน-29 เดือน 29 วัน), 30 เดือน (30 ทางสถติ ิที่ 0.05 (P-value=0.05)
เดือน-41 เดือน 29 วัน) และ 42 เดือน (42 เดือน-59
เดือน 29 วัน) และปัจจัยพัฒนาการ 5 ด๎านกับผลลัพธ์ • วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของผลลัพธ์การกระตุ๎น
การกระต๎ุนพัฒนาการดว๎ ยเครอ่ื งมือ TEDA4I พัฒนาการกับปัจจัยด๎านเพศ ชํวงอายุ และพัฒนาการ
รายด๎านในปีงบประมาณ 2561 ด๎วยสถิติ Fisher’s
exact test และสถิติ Chi-square วิเคราะห์ข๎อมูลใน
ปีงบประมาณ 2562 ด๎วยสถิติ Chi-square โดย
กาหนดคํานัยสาคญั ทางสถติ ิที่ 0.05 (P-value≤0.05)
105
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอดุ รธานี ปที ี่ 28 ฉบบั ท่ี 1 ประจาเดือน มกราคม – เมษายน 2563
การพิทกั ษส์ ิทธแิ ละจรยิ ธรรมการวจิ ัย พบวํา ในปีงบประมาณ 2561 ผลลัพธ์การกระต๎ุน
การวิจัยครงั้ นผ้ี าํ นการพิจารณาและได๎รับอนุมัติจาก พัฒนาการพบกลํุมท่ีมีพัฒนาการดีขึ้นหรือสมวัยน๎อยมาก
โดยพบวําหลังกระตุ๎นพัฒนาการ เด็กยังคงมีพัฒนาการ
คณะกรรมการจริยธรรมการทาวิจัยในมนุษย์ สานักงาน ลาํ ชา๎ รอ๎ ยละ 95.71 โดยมีพฒั นาการดีขึน้ เพยี งร๎อยละ 4.29
สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี รหัสโครงการ UDREC 2762 สํวนในปีงบประมาณ 2562 เม่ือพิจารณาผลลัพธ์การ
ลงวนั ท่ี 3 ตลุ าคม 2562 กระตุ๎นพัฒนาการ พบวําผลลัพธ์การกระตุ๎นพัฒนาการพบ
ผลการศกึ ษา เด็กมีพัฒนาการดีขึ้นร๎อยละ 68.52 ดีข้ึนอยํางมีนัยสาคัญ
ทางสถิติ (p=0.000, Binomial test) เมื่อนาผลลัพธ์ของ
กลํุมตัวอยํางเด็ก 0-5 ปี ที่มีพัฒนาการลําช๎า ใน ปีงบประมาณ 2561 มาเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ของ
ปีงบประมาณ 2561-2562 จานวน 178 คน แยกเป็น ปีงบประมาณ 2562 โดยใช๎สถิติ Chi-square พบวํา
ปีงบประมาณ 2561 จานวนท้ังหมด 70 คน เป็นเพศชาย ผลลัพธ์การกระตุ๎นพัฒนาการดีข้ึนแตกตํางกันอยํางมี
มากกวําเพศหญิง ชํวงอายุที่ค๎นพบพัฒนาการลําช๎ามาก นัยสาคัญทางสถิติ (p=0.000) โดยพบวําในปีงบประมาณ
ที่สดุ คือ 42 เดือน คดิ เป็นร๎อยละ 35.71 รองลงมา คือ 30 2562 ผลลัพธ์การกระตุ๎นพัฒนาการเด็ก 0-5 ปี เพ่ิมข้ึนคิด
เดือน อายุเฉล่ียเด็กท่ีมีพัฒนาการลําช๎า เทํากับ 29+3.1 เป็นร๎อยละ 64.20 เม่ือเทียบกับปีงบประมาณ 2561 เม่ือ
เดือน และในปีงบประมาณ 2562 จานวนทั้งหมด 108 คน พจิ ารณาความผดิ ปกตทิ างพฒั นาการทั้ง 5 ด๎านของเด็กโดย
เป็นเพศชายมากกวําเพศหญิง ชํวงอายุท่ีค๎นพบพัฒนาการ ภาพรวม พบวํา เด็กอาจมีพัฒนาการลําช๎าได๎มากกวํา 1
ลําช๎ามากที่สุด คือ 30 เดือน คิดเป็นร๎อยละ 35.19 ด๎านตํอคนและอาจลําช๎าไมํเปน็ บางด๎านหรือหลายด๎านครบ
รองลงมา คือ 42 เดือน อายุเฉล่ียเด็กที่มีพัฒนาการลําช๎า ทกุ ดา๎ นในคนเดียวกันได๎ (ตารางท่ี 1)
เทํากับ 28+2.5 เดือน เม่ือพิจาร ณาผลลั พธ์รา ย
ปีงบประมาณ 2561-2562 ด๎วยสถิติ Binomial test
ตารางที่ 1 ข้อมูลทัว่ ไปเด็กท่มี พี ัฒนาการล่าช้าทไี่ ด้รบั การกระต้นุ พัฒนาการครบตามเกณฑ์ จาแนกตามเพศและชว่ ง
อายใุ นปีงบประมาณ 2561-2562 (N=178)
ปัจจยั รวม (N=178) ปี 2561 (n=70) ปี 2562 (n=108) p-value
จานวน (ร้อยละ) จานวน (รอ้ ยละ) จานวน (รอ้ ยละ)
I. ข๎อมูลทว่ั ไป
1. เพศ
ชาย 116 (65.17) 45 (64.29) 71 (65.74)
หญงิ 62 (34.83) 25 (35.71) 37 (34.26)
2. ชวํ งอายุ (เดือน)
x̄ (S.D.) [Min-Max] 29 (3.1) [9-42] 28 (2.5) [9-42]
9 เดือน (9 เดอื น-17 เดือน 29 วัน) 21 (11.80) 10 (14.29) 11 (10.19)
18 เดอื น (18 เดือน-29 เดอื น 29 วนั ) 44 (24.71) 15 (21.43) 29 (26.85)
30 เดือน (30เดอื น-41 เดอื น 29 วัน) 58 (32.59) 20 (28.57) 38 (35.19)
42 เดือน (42 เดอื น-59 เดอื น 29 วัน) 55 (30.90) 25 (35.71) 30 (27.77)
II. ผลลัพธ์การกระต๎นุ พฒั นาการ
3. จาแนกผลลัพธ์ดี/ไมดํ ี 67 (95.71) 34 (31.48) 0.000
ไมดํ ีขน้ึ 101 (56.74) 3 (4.29) 74 (68.52)
ดขี น้ึ 77 (43.26) 22 (31.43) 33(30.56)
4. พัฒนาการ 5 ดา๎ น (บางคนอาจมีความผดิ ปกตมิ ากกวาํ 1 ดา๎ น)
Gross motor 55 (30.90)
Fine motor 72 (40.45) 28 (40.00) 44 (40.74)
Receptive language 88 (49.44) 33 (47.14) 55 (50.93)
Expressive language 129 (72.47) 56 (80.00) 73 (67.59)
Personal & Social skills 72 (40.45) 28 (40.00) 44 (40.74)
106
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
เม่ือวิเคราะห์ผลลัพธ์ของการกระต๎ุนพัฒนาการใน สถิติ (p<0.001) โดยมีพัฒนาการดีขึ้นร๎อยละ 68.50 เม่ือ
ปีงบประมาณ 2561 จาแนกตามเพศ ชํวงอายุ และ วิเคราะห์เป็นรายเพศ พบวํา เด็กมีพัฒนาการดีขึ้นอยํางมี
พัฒนาการรายด๎าน ด๎วยสถิติ Binomial test พบวํา กลํุมที่ นัยสาคัญทางสถิติ ท้ังในเพศชายและเพศหญิง p=0.005
มียังคงมีพัฒนาการดีขึ้นน๎อยกวํากลํุมที่พัฒนาการลําช๎ามี และ 0.0495 ตามลาดับ เม่ือพิจารณาตามชํวงอายุ พบวํา
นัยสาคัญทางสถิติ ในทุกเพศ ทุกชํวงอายุ และทุกด๎าน เด็กมพี ัฒนาการดขี ้ึนอยาํ งมนี ยั สาคัญทางสถิติ ในทุกชํวงวัย
พัฒนาการ (p<0.001) โดยพบวําหลังกระตุ๎นมีพัฒนาการดี ในชํวง 30 เดือนและ 42 เดือนท่ีดีขึ้นอยํางมีนัยสาคัญทาง
ข้ึนในภาพรวม ร๎อยละ 4.29 และยังคงมีพัฒนาการลําช๎า สถิติ p=0.017 และ p=0.0215 ตามลาดับ เม่ือพิจารณา
ร๎อยละ 95.71 เมื่อพิจารณาผลลัพธ์ของการกระตุ๎น เปน็ รายด๎านพบวําเด็กมีพัฒนาการดขี ึ้นในดา๎ นFinemotor
พัฒนาการในปีงบประมาณ 2562 จาแนกตามเพศ ชํวงอายุ และ language ทั้ง receptive และ expressive อยํางมี
และจาแนกพัฒนาการรายด๎าน ด๎วยสถิติ Binomial test นัยสาคัญทางสถิติ p=0.001, p=0.029 และ p=0.0095
พบวํา เด็กมีพัฒนาการดขี ้นึ ในภาพรวมอยํางมีนยั สาคญั ทาง ตามลาดบั (ตารางที่ 2)
ตารางท่ี 2 ผลลัพธ์การกระต้นุ พัฒนาการด้วย TEDA4I จาแนกตามเพศ ชว่ งอายุ พัฒนารายด้าน ปีงบประมาณ 2561-2562
(N = 178)
ปี 2561 (N=70) ปี 2562 (N=108)
พัฒนาการดี พัฒนาการ Asymp. พัฒนาการดี พฒั นาการ Asymp.
ขนึ้ (n=3) ไม่ดขี น้ึ Sig. ขน้ึ (n=74) ไมด่ ขี นึ้ Sig.
จาแนกประเภท จานวน (n=67) (1-tailed) จานวน (n=34)
(1tailed)
(รอ้ ยละ) จานวน (ร้อยละ) จานวน
(รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ)
เพศ
ชาย 2 (4.40) 43 (95.60) 0.000 50 (70.50) 21 (29.50) 0.0005
หญิง 1 (4.00) 24 (96.00) 0.000 24 (65.00) 13 (35.00) 0.0495
รวม 3 (4.30) 67 (95.70) 0.000 74 (68.50) 34(31.50) 0.000
ชํวงอายุ (เดอื น)
9-17 1 (10.00) 9 (90.00) 0.0105 8(72.70) 3 (27.30) 0.1135
18-29 0 (0.00) 15 (100.00) 0.000 19 (65.60) 10 (34.40) 0.068
30-41 1 (5.00) 19 (95.00) 0.000 26 (68.40) 12 (31.60) 0.017
42-59 1 (4.00) 24 (96.00) 0.000 21(70.00) 9 (30.00) 0.0215
รวม 3 (4.30) 67 (95.70) 0.000 74 (68.50) 34 (31.50) 0.000
พัฒนาการ 5 ดา๎ น (เดก็ บางคนอาจมีความผดิ ปกตมิ ากกวํา 1 ดา๎ น)
Gross motor 2 (9.00) 20 (91.00) 0.000 21(63.60) 12 (36.40) 0.0815
Fine motor 0 (0.00) 28 (100.00) 0.000 33 (75.00) 11 (25.00) 0.001
Receptive language 1 (3.00) 32 (97.00) 0.000 35 (63.60) 20 (36.40) 0.029
Expressive language 1 (1.80) 55 (98.20) 0.000 47 (64.00) 26 (36.00) 0.0095
Personal & Social skills 0 (0.00) 28 (100.00) 0.000 27 (61.00) 17 (39.00) 0.087
รวม 4 (2.40) 163 (97.60) 0.000 163 (65.50) 86 (34.50) 0.000
เมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ของปัจจัยด๎านเพศ อายุ และเม่อื พิจารณาความสมั พันธ์ของปัจจัยด๎านเพศอายุ และ
และพัฒนาการ 5 ด๎านกับผลลัพธ์การกระต๎ุนพัฒนาการ พัฒนาการ 5 ด๎านกับผลลัพธ์การกระต๎ุนพัฒนาการด๎วย
ด๎วยสถิติ Fisher’s exact test และสถิติ Chi-square ใน สถิติ Chi-square ในปีงบประมาณ 2562 พบวําผลลัพธ์
ปีงบประมาณ 2561 พบวํา ผลลัพธ์จาแนกตามเพศทุกชํวง แ ต ก ตํ า ง กั น แ ตํ ไ มํ มี นั ย ส า คั ญ ท า ง ส ถิ ติ เ ชํ น เ ดี ย ว กั น
อายุ และพัฒนาการ 5 ด๎าน มีความแตกตํางกันแตํไมํมี (p=0.555, 0.971 และ 0.687 ตามลาดับ) (ตารางที่ 3)
นัยสาคัญทางสถติ ิ p=1.00, 0.683 และ 0.220 ตามลาดบั
107
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอดุ รธานี ปที ่ี 28 ฉบบั ที่ 1 ประจาเดือน มกราคม – เมษายน 2563
ตารางที่ 3 ความสมั พันธ์ของผลลพั ธ์การกระตุ้นพฒั นาการกับปัจจัยดา้ นเพศอายุปี และพัฒนาการรายด้านงบประมาณ
2561-2562 (N=178)
ปี 2561 ผลของการกระตนุ้ ดว้ ยเครอ่ื งมือ TEDA4I ปี 2562
ปจั จยั ดขี ึ้น ไมด่ ขี น้ึ ดีขน้ึ ไมด่ ีข้นึ
จานวน จานวน 2 p-value จานวน จานวน 2 p-value
(ร้อยละ) (ร้อยละ) (รอ้ ยละ) (ร้อยละ) 0.555
เพศ 0.008 1.00 0.348 0.971
ชาย 2 (4.40) 43 (95.60) 50 (46.30) 21 (19.44)
หญงิ 1 (4.00) 24 (96.00) 24 (22.22) 13 (12.03) 0.687
ชวํ งอายุ (เดอื น) 1.498 0.683 0.242
9-17 1 (10.00) 9 (90.00) 8 (7.40) 3 (2.78)
18-29 0 (0.00) 15 (100.00) 19 (17.60) 10 (9.26)
30-41 1 (5.00) 19 (95.00) 26 (24.10) 12 (11.11)
42-59 1 (4.00) 24 (96.00) 21 (19.44) 9 (8.33)
พัฒนาการ 5 ดา๎ น (บางคนอาจมากกวาํ 1 ด๎าน) 5.739 0.220 2.265
Gross motor 2 (9.00) 20 (91.00) 21 (63.63) 12 (36.37)
Fine motor 0 (0.0) 28 (100.00) 33 (75.00) 11 (25.00)
Receptive language 1 (3.00) 32 (97.00) 35 (63.63) 20 (36.37)
Expressive language 1 (1.80) 55 (98.20) 47 (64.38) 26 (35.62)
Personal & Social skills 0 (0.00) 28 (100.00) 27 (61.36) 17 (38.64)
อภิปรายผล กระบวนการกระตุ๎นพัฒนาการเด็กด๎วยเคร่ืองมือ TEDA4I
จากการศึกษาข๎อมูลท่ัวไปของเด็ก 0-5 ปี ท่ีมี และไมํสามารถให๎คาแนะนาผู๎ปกครองในการทา Home
program ได๎อยาํ งเหมาะสม เนือ่ งจากพยาบาลผ๎รู ับผดิ ชอบ
พัฒนาการลําช๎าในจังหวัดอุดรธานี ปีงบประมาณ 2561- การกระต๎ุนพัฒนาการเด็กสํวนใหญํยังไมํผํานการอบรม
2562 พบวําเด็กท่ีมีปัญหาพัฒนาการลําช๎าสํวนใหญํเป็น หลักสูตรพัฒนาการเด็ก8 (ตารางที่ 2) เมื่อทาการศึกษา
เพศชายมากกวาํ เพศหญิง ซ่ึงสอดคล๎องกับการสารวจข๎อมูล ข๎อมลู ผลลัพธก์ ารกระต๎ุนพัฒนาการในปีงบประมาณ 2562
ของ Centers for Disease Control and Prevention พบวําภายหลังกระต๎ุนพัฒนาการเด็ก 0-5 ปีที่มีพัฒนาการ
(CDC) ประเทศสหรัฐอเมริกา10 โดยอายุเฉลี่ยของเด็ก 0-5 ลําช๎าด๎วยเครื่องมือ TEDA4I ผลลัพธ์โดยภาพรวมเด็กสํวน
ปีที่ค๎นพบวําพัฒนาการลําช๎า ใกล๎เคียงกันในท้ัง 2 ใหญํมีพัฒนาการดีขึ้นอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติ (P≤0.05)
ปีงบประมาณ คืออยูํในชํวง 28-30 เดือน โดยค๎นพบ ร๎อยละ 68.5 ซึ่งสอดคล๎องกับงานวิจัยกํอนหน๎าท่ีได๎
พัฒนาการลําช๎าได๎มากที่สุดในชํวงอายุ 30 เดือนและน๎อย ทาการศึกษาผลลัพธ์ของการกระตุ๎นพัฒนาการเด็กที่มี
ท่ีสดุ ในชํวงอายุ 9 เดือน (ตารางที่ 1) ซ่ึงอาจเกิดจากการที่ พัฒนาการลําช๎าด๎วยเคร่ืองมือ TEDA4I ในสถาบันราชานุ
เด็กมีอายทุ ีน่ อ๎ ย ทาให๎ผ๎ูประเมินทาการประเมินได๎ยากและ กูล3 และการศึกษาผลลัพธ์ของการกระตุ๎นพัฒนาการเด็กท่ี
อาจไมํมนั่ ใจในการประเมิน เม่ือทาการศึกษาข๎อมูลผลลัพธ์ จังหวัดกาญจนบุรี7 ซ่ึงเป็นผลจากการที่ในปีงบประมาณ
การกระตุ๎นพัฒนาการในปีงบประมาณ 2561 พบวํา 2562 พยาบาลผ๎ูรับผิดชอบการกระต๎ุนพัฒนาการเด็กผําน
ภายหลังกระต๎ุนพัฒนาการเด็ก 0-5 ปีที่มีพัฒนาการลําช๎า การอบรมหลกั สตู รพฒั นาการเด็ก ครบทุกพื้นที่9 จึงมีทักษะ
ด๎วยเคร่ืองมือ TEDA4I ผลลัพธ์โดยภายรวมเด็กยังคงมี ในการใช๎เคร่ืองมือกระตุ๎นพัฒนาการ TEDA4I ได๎อยํางมี
พัฒนาการลําช๎ามากกวําดีขึ้นอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติ ประสิทธิภาพและมีความรู๎ในการให๎คาแนะนาการทา
(P≤0.05) ในภาพรวม ทั้งเพศชาย เพศหญิง ทุกชํวงอายุ Home program แกํผู๎ปกครองหรือผู๎ดูแลเด็กได๎อยําง
และทุกด๎านพัฒนาการ ซ่ึงเป็นผลจากการที่พยาบาลผ๎ูทา ถกู ตอ๎ งและมปี ระสิทธิภาพเพิม่ ข้ึน เมอ่ื วเิ คราะห์เปน็ รายเพศ
หน๎าที่กระต๎ุนพัฒนาการเด็กยังขาดความรู๎และทักษะใน
108
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
พบวําเด็กมีพัฒนาการดีขึ้นอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติท้ัง Home program ของผู๎ปกครองหรือผู๎ดูแลเด็ก รวมถึง
เพศชายและเพศหญิง (P≤0.05) สํวนในรายชํวงอายุ ระดับความรุนแรงของความบกพรํองทางพัฒนาการ
พบวํา ในชํวงอายุ 9 เดือนและ18 เดือน เด็กมี และปจั จัยทางสังคมของเด็กเองซ่ึงการจัดอบรมทบทวน
พัฒนาการดีขึ้นแตํไมํมีความแตกตํางทางสถิติซ่ึงอาจ ฝึกทักษะแกํพยาบาลผู๎รับผิดชอบเป็นระยะอยําง
เกิดจากเด็กมีอายุคํอนข๎างน๎อยกวําชํวงอายุอื่นๆ ทาให๎ สม่าเสมอในสํวนของทักษะท่ีไมํม่ันใจและมีการสอบ
ประเมินได๎ยากและฝึกทกั ษะได๎ยากกวําชวํ งอายุอื่นๆ จึง ทบทวนพยาบาลผ๎ูรับผิดชอบเป็นระยะนําจะสามารถ
มีคว ามสาคั ญที่จะต๎อง มีการจัดอ บรมทบทว น เพ่ิมประสิทธิภาพของการใช๎เครื่องมือดังกลําวให๎สูงขึ้น
กระบวนการกระต๎ุนพัฒนาการเด็กในชํวงอายุ 9 และ ได๎ อีกท้ังการจัดระบบสนับสนุนให๎เกิดความตระหนัก
18 เดอื นแกํพยาบาลผู๎รับผิดชอบกระต๎ุนพัฒนาการเด็ก และความรู๎แกํผู๎ปกครองหรือผู๎ดูแลเด็ก ให๎สามารถทา
เพิ่มข้ึน เพ่ือให๎เกิดทักษะในการประเมินและกระต๎ุน Home program แกํเด็กได๎อยํางถูกต๎องและสม่าเสมอ
พัฒนาการเดก็ ในชํวงอายุ 9 และ 18 เดือนเพ่ิมขึ้นอยําง โดยการกากับและเสริมแรงจากพยาบาลผู๎รับผิดชอบ
มีประสิทธิภาพ สํวนในรายชํวงอายุอ่ืนๆ เด็กมี เป็นระยะอีกทัง้ มกี ารบูรณาการกับหนํวยงานท่ีเก่ียวข๎อง
พัฒนาการดขี ึ้นอยํางมีนัยสาคัญทางสถิติ (P≤0.05) เม่ือ ในการชํวยเหลือด๎านปัจจัยทางสังคมแกํเด็กและ
วิเคราะหใ์ นรายดา๎ นพัฒนาการพบวํา พัฒนาการในสํวน ผู๎ปกครองรํวมด๎วย นําจะสํงผลให๎เปูาหมายของการ
Gross motor และ Personal&Social skills ดีขึ้นแตํ กระตน๎ุ พฒั นาการเด็กเกดิ ประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ไมมํ ีความแตกตํางทางสถิติ ซึ่งควรมีการทบทวนในเร่ือง ที่ดีย่ิงขึ้นได๎ในท่ีสุด อยํางไรก็ตามงานวิจัยยังมีข๎อจากัด
ความรู๎และทักษะเพ่ิมเติมแกํพยาบาลผู๎รับผิดชอบ ท่ียังไมํสามารถทาการศึกษาได๎ ได๎แกํ ข๎อมูลเก่ียวกับ
เชํนเดียวกับชํวงอายุ 9 และ 18 เดือนที่ประสิทธิภาพ ผู๎ดูแลเด็กที่ไมํมีบันทึกไว๎ในเวชระเบียนการกระต๎ุน
การกระตุ๎นพัฒนาการยังไมํบรรลุเปูาหมายเทําท่ีควร พัฒนาการ, ข๎อมูลเกี่ยวกับการทา Home program ใน
(ตารางที่ 2) เม่ือทาการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ การกระต๎ุนพัฒนาการด๎วย TEDA4I ของผู๎ปกครองเด็ก
ผลลัพธ์การกระต๎ุนพัฒนาการกับปัจจัยด๎านเพศ ชํวง ท่ีบ๎าน ได๎แกํ ความถี่ ความสม่าเสมอ ความถูกต๎องใน
อายุ และพัฒนาการรายด๎าน พบวํา ปัจจัยตํางๆ ไมํมี การทา ท่ียังไมํเคยมีบันทึกไว๎มากํอน, ข๎อจากัดด๎าน
ความสมั พันธก์ ับผลลัพธ์ของการกระตน๎ุ พฒั นาการอยําง ปัจจัยทางสังคมอ่ืนๆที่มีความสาคัญตํอพัฒนาการเด็ก,
มีนัยสาคัญทางสถิติ ซึ่งแปลผลได๎วํา เครื่องมือกระตุ๎น ข๎อจากัดด๎านกลุํมเปรียบเทียบ เนื่องจากเด็กที่มี
พัฒนาการ TEDA4I ให๎ผลลัพธ์การกระต๎ุนไมํแตกตําง พัฒนาการลําช๎าจะต๎องได๎รับการกระตุ๎นพัฒนาการด๎วย
กันในทุกเพศ ทุกชํวงวยั และทุกด๎านพัฒนาการ (ตาราง TEDA4I ร๎อยละ 100 ทาให๎ไมํสามารถท่ีจะไมํกระตุ๎น
ท่ี 3) ซ่ึงอาจสรุปได๎วํา เคร่ืองมือกระตุ๎นพัฒนาการเด็ก พัฒนาการเพ่ือให๎เกิดกลํุมเปรียบเทียบได๎และอีกปัจจัย
0-5 ปีที่มีพัฒนาการลําช๎า TEDA4I เป็นเคร่ืองมือท่ีมี หนึ่งที่สาคัญที่ควรคานึงถึงอีกประการ ได๎แกํปัจจัยด๎าน
มาตรฐานและสามารถใช๎งานได๎งํายกวําเคร่ืองมือเดิม ระดับความสามารถของพยาบาลท่ีให๎การกระต๎ุน
เน่ืองจากมีชุดทดสอบเพียง 145 ข๎อ เมื่อเปรียบเทียบ พัฒนาการเด็กที่มีระดับความสามารถท่ีอาจแตกตํางกัน
กับแบบประเมินพัฒนาการเด็กแรกเกิด-5 ปี (Thai ซ่ึงเป็นข๎อจากัดที่ควรได๎รับการศึกษาตํอไปในอนาคต
Development Skills Inventory: TDSI)2 ซ่ึงประกอบ และควรมีการศึกษาตํอไปในระยะยาวในปีงบประมาณ
ด๎วยชุดแบบทดสอบประมาณ 600 ข๎อ ทาให๎พยาบาล ตํอๆ ไป
ผ๎ูใช๎เครื่องมือมีความยุํงยากในการใช๎คูํมือดังกลําวแตํ สรุปผลการวิจยั
อยํางไรก็ตามประสิทธิภาพของเคร่ืองมือ TEDA4I ยัง
ขึ้นกับปัจจยั หลายประการ ไดแ๎ กํ ทกั ษะของพยาบาลใน เคร่ืองมือกระต๎ุนพัฒนาการ TEDA4I ให๎ผลลัพธ์
การใช๎เคร่ืองมือ ความถูกต๎องและสม่าเสมอของการทา การกระต๎ุนพัฒนาการที่ดีขึ้นในเด็ก 0-5 ปี ท่ีมี
109 พัฒนาการลาํ ชา๎ ภายหลงั ทีพ่ ยาบาลผร๎ู ับผิดชอบการ
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอุดรธานี ปีท่ี 28 ฉบบั ท่ี 1 ประจาเดือน มกราคม – เมษายน 2563
ก ร ะ ตุ๎ น พั ฒ น า ก า ร เ ด็ ก ผํ า น ก า ร อ บ ร ม ห ลั ก สู ต ร และเกิดประสิทธภิ าพในการกระตนุ๎ พฒั นาการดที ีส่ ุด
พัฒนาการเดก็ ครบทกุ พ้นื ทใี่ นปีงบประมาณ 2562 โดย 3. ควรขยายผลการศึกษาการใช๎เคร่ืองมือ
ให๎ผลลัพธ์การกระต๎ุนไมํแตกตํางกันในทุกเพศ ทุกชํวง
อายุ และทุกดา๎ นพัฒนาการ TEDA4I กับโรคทางสมองและทางพันธุกรรมอื่นๆ ที่พบ
ข้อเสนอแนะการนาผลการศกึ ษาไปใช้ บํ อ ย เ ชํ น Down’s syndrome, Cerebral palsy,
Autistic เป็นต๎น
1. ควรมีการจัดอบรมทบทวนเจ๎าหน๎าที่และ กิตตกิ รรมประกาศ
ผู๎ปกครองเกี่ยวกับการประเมินและทักษะการกระตุ๎น
พัฒนาการในเด็ก 9 เดือนและ 18 เดือนเพ่ิมขึ้น รวมถึง ขอขอบคุณรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด
มีการทบทวนการประเมินและทักษะการกระตุ๎นในสํวน อุดรธานี ด๎านสํงเสริมสุขภาพและกลํุมงานสํงเสริม
ข อ ง Gross motor แ ล ะ Personal&Social skills สุขภาพสานักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ที่เอื้อเฟ้ือ
เพ่ิมข้ึน เพ่ือเพ่ิมประสิทธิผลของการใช๎เคร่ืองมือ ในการเกบ็ รวบรวมข๎อมลู ให๎คาปรกึ ษา พร๎อมท้ังอานวย
TEDA4I ในการกระต๎ุนพัฒนาการเด็ก 0-5 ปี ท่ีมี ความสะดวกในการทาวิจยั ครงั้ น้ี
พฒั นาการลําช๎าใหเ๎ กดิ ผลสมั ฤทธส์ิ ูงสุด เอกสารอ้างองิ
2. ควรมีการเพ่ิมประสิทธิภาพของการทา 1. สานักงานกองทุนสนับสนุนการสร๎างเสริม
Home program กระต๎ุนพัฒนาการเด็กด๎วยเคร่ืองมือ สุขภาพ. สถานการณ์เด็กปฐมวัย [อินเทอร์เน็ต]. 2557
TEDA4I โดยผู๎ปกครองเด็กที่บ๎าน โดยมีระบบการให๎ [เข๎าถึงเมื่อ 28 สิงหาคม 2562]. เข๎าถึงได๎จาก:
คาปรึกษาแกํผู๎ปกครองในการกระตุ๎นพัฒนาการด๎วย https://www.thaihealth.or.th/Content/1 9 3 5 3 -
เครื่องมือ TEDA4I ที่ถูกต๎อง และมีระบบกากับติดตาม เปิดสถานการณ์เด็กปฐมวัย%20พบ%201%20ใน%
ความสม่าเสมอของการทา Home program กระตุ๎น 203%20พัฒนาการลําชา๎ .html
พัฒนาการเด็กด๎วยเคร่ืองมือ TEDA4I ของผ๎ูปกครอง
เด็กทีบ่ า๎ น 2.กระทรวงสาธารณสุข. สถาบันพัฒนาการเด็ก
ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต.คํูมือการดาเนินงาน
3. ควรมีการบูรณาการกับหนํวยงานท่ีเกี่ยวข๎อง โครงการการพัฒนาเครื่องมือประเมินเพ่ือชํวยเหลือเด็ก
ในการชํวยเหลือด๎านปัจจัยทางสังคมแกํเด็กและ ปฐมวัยที่มีปัญหาพัฒนาการ (TEDA4I) [อินเทอร์เน็ต].
ผป๎ู กครองรํวมดว๎ ย 2559 [เข๎าถึงเมื่อ 28 สิงหาคม 2562]. เข๎าถึงได๎จาก:
https://thaichilddevelopment.com/2 .คูํ มื อ ก า ร
4. ควรมีการศึกษาผลลัพธ์ของการกระต๎ุน ดาเนิน-รวมลาํ สุด%20รวมปก.pdf
พัฒนาการเด็กที่มีพัฒนาการลําช๎าด๎วยเคร่ืองมือ
TEDA4I เพ่ิมเติมในปีงบประมาณตํอไปอยํางตํอเน่ือง 3. กระทรวงสาธารณสุข. สถาบันราชานุกูล กรม
เพ่ือให๎เกิดการปรับปรุงให๎มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นใน สุขภาพจติ . ผลการใช๎โปรแกรมTEDA4I ในเด็กบกพรํอง
อนาคต ท า ง พั ฒ น า ก า ร ส ติ ปั ญ ญ า ส ถ า บั น ร า ช า นุ กู ล
ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ัยคร้ังต่อไป [อินเทอร์เน็ต].2559 [เข๎าถึงเมื่อ29 สิงหาคม 2562].
เข๎าถึงได๎จาก: https://th.rajanukul.go.th/_admin/
1. ควรขยายผลการศึกษาการใช๎โปรแกรม file-download/5-5481-1481165291.pdf.
TEDA4I ในกรณีอื่น เชํน คลินิกสํงเสริมพัฒนาการใน
โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลท่ัวไป โรงพยาบาลศูนย์ 4. กระทรวงสาธารณสุข. คํูมือเฝูาระวังและ
และจังหวัดอ่นื ๆเพือ่ ศึกษาและเปรียบเทยี บผล สํงเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย (Developmental Sur-
veillance and Promotion Manual (DSPM)).
2. ควรเพิ่มประเด็นการศึกษาเกี่ยวกับระยะเวลา กรุงเทพฯ: สานักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์
การกระต๎ุนพัฒนาการด๎วยเคร่ืองมือ TEDA4I ท่ี ทหารผํานศกึ ; 2562.
โรงพยาบาลและบ๎าน ( Home program ) ท่ีเหมาะสม
110
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
5. อัมพร เบญจพลพิทักษ์, สมัย ศิริทองถาวร, 10. Benjamin Zablotsky, Lindsey I. Black,
นพวรรณ ศรีวงค์พานิช, บรรณาธิการ. คูํมือประเมิน Stephen J. Blumberg. Estimated Prevalence of
เ พื่ อ ชํ ว ย เ ห ลื อ เ ด็ ก ป ฐ ม วั ย ที่ มี ปั ญ ห า พั ฒ น า ก า ร Children With Diagnosed Developmental Dis-
(ThaiEarlyDevelopmentalAssessmentforInter- abilities in the United States, 2 0 1 4 –2 0 1 6
vention:TEDA4I). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ [Internet]. NCHS Data Brief No. 291, November
การเกษตรแหงํ ประเทศไทยจากัด; 2558. 2017 [cited 2020 March 12]. Available from:
https://www.cdc.gov/nchs/products/
6. สานักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี. ระบบ databriefs/db291.htm
HDC กลุํมรายงานมาตรฐาน อนามัยแมํและเด็ก เด็ก
พัฒนาการลําช๎าท่ีได๎รับการกระต๎ุนพัฒนาการด๎วย TE-
DA4I และได๎รับการวินิจฉัยจาแนกรายโรค [computer
program]. [เข๎าถึงเม่ือ 16 ตุลาคม 2562]. เข๎าถึงได๎
จาก: https://udn.hdc.moph.go.th/hdc
7. นิรมัย คุ๎มรักษา, รัชดาวรรณ์ แดงสุข, ธัญ
หทัย จันทะโยธา, เลิศสิริ ราชเดิม, ปรารถนา พรมวัง,
ดวงเดอื น เสารเ์ ทพ. ผลของโปรแกรม TEDA4I ในเด็กท่ี
มีปัญหาพัฒนาการลําช๎า ในจังหวัดกาญจนบุรี
[อินเทอร์เน็ต]. 2561 [เข๎าถึงเมื่อ 29 สิงหาคม 2562].
เข๎าถึงได๎จาก: https://th.rajanukul.go.th/_admin/
file-download/5-6879-1551954600.pdf
8 . น วี ย า บุ ญ ส ง ค์ , ร ะ น อ ง เ ก ตุ ด า ว ,
บรรณาธิการ. ติดตามความก๎าวหน๎างานเด็กปฐมวัย.
ระเบียบวาระการประชุมคณะกรรมการวางแผนและ
ประเมินผลสาธารณสุข จังหวัดอุดรธานี (กวป.); วันที่
30 เมษายน 2561; ณ ห๎องประชุมรํมโพธ์ิทอง 1 ช้ัน 2
หอประชุมรํมโพธ์ิทอง สานักงานสาธารณสุขจังหวัด
อุดรธานี. อุดรธานี: สานักงานสาธารณสุขจังหวัด
อดุ รธานี; 2561.
9 . น วี ย า บุ ญ ส ง ค์ , ร ะ น อ ง เ ก ตุ ด า ว ,
บรรณาธิการ. ติดตามความก๎าวหน๎างานเด็กปฐมวัย.
ระเบียบวาระการประชุมคณะกรรมการวางแผนและ
ประเมินผลสาธารณสุข จังหวัดอุดรธานี (กวป.); วันท่ี
31 มกราคม 2562; ณ ห๎องประชุมรํมโพธ์ิทอง 1 ช้ัน 2
หอประชุมรํมโพธิ์ทอง สานักงานสาธารณสุขจังหวัด
อุดรธานี. อุดรธานี: สานักงานสาธารณสุขจังหวัด
อุดรธานี; 2562.
รบั ต๎นฉบับ: 16 ธันวาคม 2562, ได๎รับบทความปรับปรุง: 16 เมษายน 2563, รับลงตีพมิ พ:์ 19 เมษายน 2563
111
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอดุ รธานี ปีท่ี 28 ฉบบั ท่ี 1 ประจาเดอื น มกราคม – เมษายน 2563
รายงานผลการศึกษาผู้ป่วยเรื่อง: การบูรณะฟันในผู้ป่วยที่มีการสูญเสียมิติแนวดิ่ง ด้วยฟันเทียมชนิดติดแน่น
รว่ มกับฟนั เทยี มชนิดถอดได้
ณรงค์ชัย ดาเนินสวสั ด์ิ, ทบ., กลมํุ งานทันตกรรม โรงพยาบาลลาปาง
บทคดั ย่อ
การสญู เสยี มติ แิ นวดงิ่ เกดิ จาก ฟนั สกึ ฟนั ผุ หรอื ฟนั ถกู ถอนไปหลายซ่ี สํงผลตํอความสวยงามและการบดเค้ียวทา
ให๎ระบบการบดเคี้ยวด๎อยประสิทธิภาพ บทความน้ีเป็นการรายงานผ๎ูปุวยชายไทย อายุ 57 ปี พบปัญหาการสญู เสีย
ฟนั หลงั และพบฟนั ธรรมชาตทิ เี่ หลอื สกึ ในระดับรุนแรง จากลกั ษณะทางคลินกิ และภาพรงั สี ใหก๎ ารวนิ จิ ฉยั เบอื้ งตน๎ เป็น
การ สูญเสยี มิตแิ นวด่ิง ทาการรกั ษาฟนื้ ฟสู ภาพชอํ งปาก โดยการใสเํ ฝือกสบฟนั เพื่อให๎ผป๎ู วุ ยปรบั สภาพการสบฟนั ของ
ระบบกลา๎ มเนอื้ ในการบดเคย้ี วซึ่งเปน็ ขบวนการเพ่ิมมิติแนวดิ่งและทาการรักษาคลองรากฟัน ใสํฟันเทียมชนิดติดแนํน
(ใสํเดือยฟัน ครอบฟัน และสะพานฟัน) รํวมกับการใสํฟันเทียมบางสํวนชนิดถอดได๎ทาให๎สามารถแก๎ปัญหาการสบ
ฟันที่ผดิ ปกติให๎ดขี ึน้ สํงผลตํอระบบการบดเค้ียวของผ๎ปู ุวยให๎มปี ระสิทธภิ าพ และมีรูปหน๎าสมมาตรข้ึน
คาสาคญั : มิตแิ นวดงิ่ , ฟนั เทยี มชนิดติดแนนํ , ฟนั เทยี มชนิดถอดได๎
Corresponding author: ณรงค์ชยั ดาเนินสวสั ด์ิ โทรศัพท์ 081-0309456 E-mail: [email protected]
กลํุมงานทันตกรรม โรงพยาบาลลาปาง 280 ถ.พหลโยธนิ ต.หวั เวียง อ.เมอื งลาปาง จ.ลาปาง 52000
112
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
A Case Report: Rehabilitation of occlusal vertical dimension with fixed and removable
denture
Narongchai Damnoensawat, DDS, Dental Department, Lampang Hospital, Lampang, Thailand
Abstract
Loss of occlusal vertical dimension due to tooth wear, tooth decay and tooth loss. The
effect of decreased vertical dimension are reduced masticatory efficiency and poor esthetics. This
clinical case report presented the management of a 57 years old Thai man with a loss of posterior
teeth and severely attrition tooth. The treatment plan for oral rehabilitation was initially making
splint for the patients adaptation and muscular stability to the new occlusion condition. The
definitive treatment were root canal treatment, post and core crowns, crowns, bridges and
removable partial denture.This process can solve problems of malocclusion, improve masticatory
systems and facial symmetry.
Keyword: occlusal vertical dimension, fixed partial denture, removable denture
113
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอดุ รธานี ปที ่ี 28 ฉบับท่ี 1 ประจาเดอื น มกราคม – เมษายน 2563
บทนา (sibilant sound) ซ่ึงเปน็ ระยะหาํ งของฟนั ในขากรรไกร
มิติแนว ด่ิง (vertical dimension or VD) คือ บนและขากรรไกรลํางที่น๎อยที่สุดที่เกิดขณะพูด เรียกวํา
ระยะชิดที่สุดขณะพูด (closet speaking space) หาก
ความสัมพันธ์ของขากรรไกรบนและลํางในระนาบแบํง ระยะนี้มีคํามากกวํา 1-2 มิลลิเมตร แสดงวํามีการ
ซ๎าย-ขวา (sagittal plane) ซึ่งเป็นการวัดระยะหําง สญู เสียมิติแนวด่งิ ขณะสบ
ระหวาํ งจดุ 2 จดุ บรเิ วณใบหนา๎ จดุ หนงึ่ คอื บรเิ วณปลาย
จมูก กับอีกจุดหนึ่งคือบริเวณก่ึงกลางปลายคาง มิติ 2. ประเมินจากระยะปลอดการสบ (freeway
แนวดิ่งมี 2 แบบ คือ (1) มิติแนวดิ่งขณะพัก (rest verti- space, Interocclusal distance) โดยประเมินได๎จาก
cal dimension or RVD) เป็นมิติแนวดิ่งที่วัดระยะหําง ความแตกตํางระหวาํ งมิติแนวด่ิงขณะพักและมิติแนวด่ิง
ขณะท่ีกล๎ามเนือ้ ขากรรไกรลํางอยํูในภาวะสมดุล (2) มิติ ขณะสบมิติแนวดิ่งขณะพักวัดระยะหํางขณะให๎ผ๎ูปุวย
แนวดิ่งขณะสบฟัน (occlusal vertical dimension or “กลืนน้าลาย” หรือออกเสียง “เอ็ม” หลายๆ คร้ัง มิติ
OVD) เป็นมิติแนวดิ่งท่ีวัดระยะหํางขณะสบฟันหรือสบ แนวด่ิงขณะสบวัดระยะหาํ งโดยให๎ผู๎ปุวยสบฟันบนและ
แทํงกัด (occlusal rims) เข๎าด๎วยกัน ความแตกตําง ฟันลํางเข๎าด๎ว ยกัน จากการศึกษาในประเทศ
ระหวํางมิติแนวดิ่งขณะพักและขณะสบ เรียกวําระยะ สหรฐั อเมริกา ผ๎ูปุวย 200 คน ที่มีฟันสึก พบวําร๎อยละ
ปลอดการสบ (freeway space) สาเหตุของการสูญเสีย 83 มีระยะปลอดการสบประมาณ 3 มิลลิเมตร ถ๎ามี
มิติแนวด่ิงมี 2 สาเหตุหลัก1 คือ (1) มีการสึกของฟัน ระยะปลอดการสบมากกวํา 4 มิลลิเมตร แสดงวํามีการ
ธรรมชาติ (excessive tooth wear) ได๎แกํ การสึกจาก สญู เสียมติ แิ นวดิ่งขณะสบ5
การบดเคยี้ ว(attrition)การสึกจากการขัดถู (abrasion)
การสึกจากกระบวนการทางเคมี (erosion) การสึกจาก ผู๎ปุวยท่ีมีการสึกของฟันข้ันรุนแรง จาแนกได๎
การบดเค้ียวท่ีผิดปกติ (abfraction) (2) มีการสูญเสีย เป็น 3 ประเภท1 ได๎แกํ
การรองรับจากฟันหลัง (loss of posterior support)
เป็นสาเหตุท่ีพบบํอยทาให๎ฟันที่เหลืออยูํต๎องรับแรงบด ประเภทที่ 1: ฟันสึกรุนแรงรํวมกับสูญเสียมิติ
เคี้ยวมากขึ้น ทาให๎ฟันสึกหรือโยก2 เกิดการสูญเสียมิติ แนวดิ่งขณะสบฟัน (excessive wear with loss of
แนวดิ่ง และเพิม่ แรงลงท่ขี ๎อตํอขากรรไกรมากข้ึนอาจทา occlusal vertical dimension)
ให๎ข๎อตํอขากรรไกรมีอาการปวดหรอื มเี สยี งคลิก3
ประเภทท่ี 2: ฟันสึกอยํางรุนแรงท่ีไมํมีการ
การประเมินผู๎ปุวยเพ่ือตรวจดูการสูญเสียมิติ สูญเสียมิติแนวดิ่งขณะสบฟัน แตํมีชํองวํางเพียงพอ
แนวด่ิงขณะสบ และหาแนวทางการรักษา ทันตแพทย์ สาหรบั การบรู ณะฟนั
จะตอ๎ งประเมนิ ดว๎ ยความระมัดระวัง โดยการซักประวัติ
หาสาเหตุ ปัจจัยท่ีทาให๎เกิดการสูญเสียมิติแนวดิ่งขณะ ประเภทท่ี 3: ฟันสึกอยํางรุนแรงท่ีไมํมีการ
สบ มีการวางแผนการรกั ษาอยํางเหมาะสม เพื่อให๎ได๎ผล สูญเสียมิติแนวดิ่งขณะสบฟัน และไมํมีชํองวํางเพียงพอ
การบูรณะฟันที่คงทนมากที่สุด แนวทางการตรวจ ในการบรู ณะฟนั
ประเมินผ๎ูปุวยประกอบด๎วย การประเมินสุขภาพท่ัวไป
ประเมินสภาพภายนอกชํองปาก ตรวจดูใบหน๎า ข๎อตํอ ทางเลือกในการรักษา มีหลายวิธีได๎แกํ การทา
ขากรรไกรวํามีความผิดปกติหรือไมํ การประเมินสภาพ ครอบฟันรํวมกับฟันเทียมชนิดติดแนํนหรือรํวมกับการ
ภายในชํองปาก การประเมินผ๎ูปุวยวํามีการสูญเสียมิติ ใสํรากเทียม6 วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มมิติแนวด่ิง
แนวดงิ่ ขณะสบหรอื ไมํ มไี ด๎หลายวธิ ี ได๎แกํ ขณะสบ เพราะสามารถสร๎างการสบฟันท่ีมีเสถียรภาพ
ได๎ วธิ ีการทาครอบฟนั รํวมกับฟันเทียมชนิดติดแนํนและ
1. ประเมินจากการออกเสียง4 (phonetic ฟันเทียมบางสํวนชนิดถอดได๎7 วิธีการทาฟันเทียม
method) โดยใหผ๎ ป๎ู ุวยออกเสียง “ส” หรอื “เอส” บางสํวนชนิดถอดได๎8 วิธีการทาฟันเทียมครํอมรากฟัน9
วิธีนี้จะใช๎ในกรณีท่ีฟันที่เหลืออยํูมีสภาพไมํเหมาะสมที่
จะทาครอบฟัน วิธีการทาฟันเทียมท้ังปากวิธีนี้จะใช๎ใน
กรณีท่ีฟันที่เหลืออยูํมีสภาพไมํดี ต๎องทาการถอนฟัน
ออกทงั้ หมด
114
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
บทความน้ีเป็นการรายงานผู๎ปุวย 1 รายซึ่งตรวจ ประวัติการรักษาทางทันตกรรมผู๎ปุวยมีประวัติ
พบการสูญเสียมิติแนวด่ิง ที่เกิดจากการสึกของฟัน เคยได๎รับการอุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน ใสํเดือยฟัน ใสํ
ธรรมชาติ (excessive tooth wear) และการสูญเสีย ครอบฟัน ทาฟันเทียมบางสวํ นชนิดโครงโลหะถอดได๎ท้ัง
การรองรับจากฟันหลัง (loss of posterior support) ฟันบนและฟันลําง เม่ือ 5 ปีที่ผํานมาแตํผ๎ูปุวยให๎ข๎อมูล
แสดงลักษณะทางคลนิ ิกและภาพรังสี วิธีการรักษา และ ปฏิเสธการใสํฟันเทียมบางสํวนชนิดโครงโลหะถอดได๎
การติด ตามผล การรัก ษา รํว มกับกา รทบทว น ช้ินบน ผลการตรวจสภาพภายในชํองปาก พบคราบ
วรรณกรรมทเ่ี ก่ียวขอ๎ ง จุลินทรีย์และหินปูนโดยท่ัวไป มีคราบสีดา (stain)
รายงานผู้ปว่ ย บริเวณคอฟันมีฟันบน 9 ซ่ี ฟันลําง 13 ซ่ี สํวนใหญํมี
สภาพเป็นฟันสึก ทั้งฟันหน๎าและฟันหลัง ซ่ึงพบสภาพ
ผ๎ูปุวยชายไทย อายุ 57 ปี สถานะสมรสคํู ฟันสึกที่ต๎องได๎รับการแก๎ไข จานวน 13 ซ่ี ได๎แกํ ฟันซี่
ภูมิลาเนาอยูํ อาเภอเมืองลาปาง จังหวัดลาปาง มาพบ 11, 12, 13, 21, 22, 23, 27, 31, 32, 33, 41, 42, 43
ทันตแพทย์ที่ กลุํมงานทันตกรรม โรงพยาบาลลาปาง โดยพบฟนั สึกมากในฟันซ่ี 21, 22 ท้ังยังพบวําฟันซี่ 21,
ในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2560 ด๎วยอาการสาคัญคือ 26 มีอาการปวด ทั้งน้ีฟันซี่ 38, 45, 48 มีรอยอุดใหญํ
ปวดฟัน (ซ่ี 21) เป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบ ได๎รับ ด๎วยวัสดุอุดอมัลกัมสาหรับฟันซ่ี 45, 46 เคยรับการ
ยารักษาโรคตํอมลูกหมากโต และยาละลายล่ิมเลือด รักษาคลองรากฟนั และฟนั ซี่ 17, 46 ได๎รับการใสํครอบ
(warfarin) เป็นประจา ปัจจุบันสุขภาพรํางกายทั่วไป ฟันด๎วยโลหะ นอกจากน้ียังพบสภาพเหงือกรํนเห็นขอบ
แข็งแรง และมีพฤติกรรมดื่มสุราเป็นบางคร้ัง ผู๎ปุวยมี โลหะเหนือเหงือกประมาณ 1.0-1.5 มิลลิเมตร รวมท้ัง
ใบหน๎าตอบ มมุ ปากตกเล็กน๎อย ตามรปู ท่ี 1 และ 2 ฟันซี่ 35 พบรอยอุดด๎านไกลกลาง (distal) ได๎รับการ
รกั ษาโดยการอุดดว๎ ยคอมโพสทิ ซ่ึงพบรอยรัว่ ของวสั ดอุ ุด
สภาพฟนั โดยท่ัวไปพบเหงือกรํน 1-2.5 มลิ ลเิ มตร มรี ํอง
ลึกปริทันต์ 1-3 มิลลิเมตร ระยะหํางระหวําง CEJ
(cementoenamel junction) ถึงขอบกระดูกเบ๎าฟัน
(alveolar crest) โดยรวม 4-6 มิลลิเมตร และพบวํามี
เฉพาะฟันซี่ 26 ที่มีระยะดังกลําวมากกวํา 6 มิลลิเมตร
ตามรปู ที่ 3-6
รูปที่ 1 รปู ใบหนา๎ ตรงกอํ นการรกั ษา ใบหน๎าผปู๎ ุวยท่มี ี สภาพมุมปากตก
รูปที่ 3 ภาพรังสแี พโนรามิกกอํ นการรักษา แสดงถึงฟนั 6 ซี่หน๎าบนมี
การสึกใกล๎โพรงประสาทฟัน
รปู ที่ 2 รปู ใบหน๎าดา๎ นขา๎ งกอํ นการรกั ษาพบมมุ ระหวาํ งจมกู กบั ริมฝีปาก รปู ท่ี 4 ภาพถาํ ยชอํ งปากผ๎ูปวุ ย แสดงลักษณะฟันด๎านหนา๎ สึก
น๎อยกวาํ 90 องศา
115
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอดุ รธานี ปที ่ี 28 ฉบับที่ 1 ประจาเดอื น มกราคม – เมษายน 2563
รูปที่ 5 ภาพในชอํ งปาก แสดงสภาพฟันบนสันเหงือกวาํ งบริเวณ ฟนั ซ่ี 14, แผนการรกั ษาตาม Ideal treatment
15, 16, 24, 25 1. ถอนฟนั ซ่ี 26
2. ใสํเฝือกสบฟันเพื่อปรับสภาพการสบ
รปู ที่ 6 ภาพในชํองปาก แสดงสภาพฟนั ลํางสันเหงอื กวํางบรเิ วณ ฟนั ซ่ี 3. รักษาคลองรากฟัน ใสํเดือยฟัน และใสํครอบ
36, 37, 47
ฟนั ซี่ 11, 12, 13, 21, 22, 23, 27
จากการประเมนิ ผป๎ู วุ ย พบวาํ ใบหนา๎ ตอบ มมุ ปาก 4. ใสํเดือยฟันซี่ 45 และใสํครอบฟันซี่ 31, 32,
ตกทงั้ สองขา๎ ง มสี ภาพฟนั สกึ ทง้ั ปาก มีระยะปลอดการสบ
มากกวํา 4 มิลลิเมตรจึงวินิจฉัยวํา ผู๎ปุวยมีการสูญเสีย 33, 41, 42, 43, 44, 45
มิติแนวด่ิงขณะสบฟัน (loss of occlusal vertical 5. ใสํสะพานฟัน จานวน 2 ชิ้น (ฟันซี่ 35-38
dimension) และสภาพฟันสึกจนทาให๎ฟันผิดปกติ
ประเภทฟันสบลึก (deep bite malocclusion) มีสัน และ ฟนั ซ่ี 46-48)
เหงือกวํางทั้งฟันบนและฟันลําง (edentulous ridge) 6. ใสํรากฟันเทียม 4 ตาแหนํง บริเวณฟันซ่ี 14,
รวมท้ังมีโพรงประสาทฟนั อกั เสบ
การวินิจฉยั 16, 24, 26 และใสํสะพานซ่ี 14-16 และ ฟนั ซ่ี 24-26
สาหรับผ๎ูปุวยรายนี้ ได๎ทาการประเมินและเลือก
1. มีการสูญเสียมิติแนวด่ิง (loss of occlusal
vertical dimension) แนวทางการรักษาที่เหมาะสม ตามรายละเอียดข้ันตอน
ดงั นี้
2. การสบฟันผิดปกติประเภทฟันสบลึก (deep
bite malocclusion) 1.ถอนฟันซี่ 26 โดยให๎ผ๎ูปุวยหยุดรับประทานยา
ละลายลิ่มเลือด warfarin กํอนทาการถอนฟันและสํง
3. สันเหงือกวํางบริเวณฟันซ่ี 14, 15, 16, 24, ตรวจหาคํา Prothrombin time (PT) ซ่ึงรายงานเป็น
25, 36, 37, 47 (edentulous ridge) วินาที เปน็ เวลาท่ีเลอื ดเริม่ แขง็ ตัวคาํ ปกติ 10-14 วินาที
คําน๎อยแสดงวําเลือดแข็งตัวเร็ว คํามากกวํานี้แสดงวํา
4. โรคเน้ือเยื่อโพรงประสาทฟันอักเสบแบบไมํ เลือดแข็งตัวช๎า รายงานเป็นอัตราสํวนเรียกวํา
ผันกลับและเน้ือเย่ือรอบปลายรากอักเสบ ฟันซ่ี 21 international normalized ratio (INR) คําปกติอยูํ
(symptomatic irreversible pulpitis with sympto- ระหวําง 0.8-1.1 สาหรับ ผ๎ูรับประทานยาต๎านการ
matic apical periodontitis) แข็งตัวของเลือด คําที่เหมาะสม คือ 2.0-3.0 สาหรับ
ผ๎ูปุวยรายน้ีสํงตรวจเลือดหาคํา PT=18.5 และคํา
5 . generalized moderate periodontitis INR=1.53
with 26 severe periodontitis
2. พิมพ์ปากทาเฝือกสบฟัน “ฟันบน” เพ่ือเพ่ิม
6. ฟันซ่ี 11, 12, 13, 22, 23, 27 attrition มิติแนวดิ่ง ขณะสบฟัน 3 มิลลิเมตร โดยให๎ผ๎ูปุวย
ทดลองใช๎งานเฝือกสบฟัน ชํวงเวลา 3 เดือน ซ่ึงใน
ระยะเวลาดังกลําวมีการติดตามเพ่ือปรับระดับการบด
เค้ียวจนผู๎ปุวยใช๎งานได๎ดีและร๎ูสึกสบาย ตามรูปที่ 7
และ 8
รูปท่ี 7 แบบจาลอง เฝือกสบฟันในขากรรไกรเทียมขณะเป็นข้ีผึง้
116
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
รูปท่ี 8 เฝือกสบฟนั ใชป๎ รับสภาพการสบฟนั รปู ที่ 9 รปู ใบหน๎าตรงหลังเพ่มิ มิติ รปู ที่ 10 รปู ใบหนา๎ ดา๎ นขา๎ งหลังเพิ่ม
3. ในระหวํางที่ใสํเฝือกสบฟันได๎สํงตัวผู๎ปุวยพบ แนวดง่ิ พบรปู หนา๎ สมมาตรข้ึน มติ ิแนวด่งิ พบมมุ ระหวาํ ง จมกู กบั รมิ
ทันตแพทย์ สาขาเอ็นโดดอนท์ (Endodontics) ทาการ
รักษาคลองรากฟนั (root canal treatment) ของฟันซ่ี ฝีปาก มากกวาํ 90 องศา
11, 12, 13, 21, 22, 23, 27 และทาการใสํเดือยฟัน รปู ที่ 11 ภาพในชอํ งปาก แสดงฟนั บนหลังใสฟํ ันเทยี มชนดิ ตดิ แนํน
เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของตัวฟัน และการยึดอยํู รูปท่ี 12 ภาพแสดงชนิ้ งานฟันเทียมบางสวํ นซี่ 14, 15, 16, 21, 24, 25,
(retention) ของครอบฟนั พร๎อมทัง้ เปลี่ยนแนวการเรียง
ตัวของฟัน (alignment) ซ่ึงเป็นการเพ่ิมความสวยงาม 26 (ครอํ มรากฟนั ซ่ี 21)
ของรปู รํางฟันและสฟี นั รปู ที่ 13 ภาพในชอํ งปากแสดงการสบฟนั ด๎านหน๎าหลงั การรกั ษาระนาบ
4. ใสํเดือยเหว่ียง (cast post) จานวน 1 ซ่ี (ฟัน
ซี่ 22) และใสํเดือยเส๎นใยแทํงหลัก (fiber post) การสบได๎ระดบั
จานวน 7 ซ่ี (ฟันซ่ี11, 12, 13, 21, 23, 27, 45) เพื่อ
เพ่มิ ความแขง็ แรงและยึดตดิ ของครอบฟัน
5. รื้อครอบฟัน 2 ซี่ (ฟันซี่ 17,46) และกรอแตํง
เพื่อเตรียมฟันรองรับการใสํครอบฟันช่ัวคราว 16 ซ่ี
(ฟันซ่ี 11, 12, 13, 17, 21, 22, 23, 27, 31, 32, 33,
41, 42, 43, 44, 45)
6. กรอและใสํสะพานฟันช่ัวคราว จานวน 2 ช้ิน
(ฟันซ่ี 35-38 และ ฟนั ซี่ 46-48)
7. ใสํครอบฟันถาวรจานวน 16 ซ่ี (ฟันซี่ 11,
12, 13, 17, 21, 22, 23, 27, 31, 32, 33, 41, 42, 43,
44, 45)
8. ใสํสะพานฟันถาวรจานวน 2 ช้ิน (ฟันซี่ 35-
38 และ ฟันซ่ี 46-48)
หลังจากใสํครอบฟันถาวรได๎ประมาณ 2 เดือน
พบวําครอบฟันซ่ี 21 หลุดพร๎อมกับมีเนื้อฟันบางสํวน
แตกหัก จงึ ปรับแผนการรกั ษาโดยทาการกรอตัดเน้ือฟัน
ซี่ 21 ให๎เสมอขอบเหงือก พร๎อมทั้งดาเนินการใสํฟัน
เทยี มบางสํวนถอดได๎โคบอลต์–โครเม่ียม (ฟันซ่ี 14, 15,
16, 21, 24, 25, 26) ตามรูปท่ี 9-16หลังจากน้ัน ได๎
ติดตามผลการรักษาเป็นระยะๆ ในเดือนท่ี 1, 3, 6 และ
เดือนท่ี 9 ตามลาดบั
117
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอดุ รธานี ปีท่ี 28 ฉบบั ที่ 1 ประจาเดือน มกราคม – เมษายน 2563
รูปที่ 14 ภาพในชํองปากสภาพฟนั บนหลงั จาก เพ่มิ มติ ิแนวดง่ิ ระนาบ วจิ ารณ์และอภปิ รายผล
การสบได๎ระดบั ผ๎ูปุวยรายนี้มีอาการสาคัญเมื่อมาพบทันตแพทย์
รูปท่ี 15 ภาพในชํองปากสภาพฟนั ลาํ งหลังจากเพ่ิมมิติแนวดิ่ง ระนาบ คืออาการปวดฟัน ฟนั เทียมบางสํวนชนิดถอดได๎ ชนิ้ ลาํ ง
การสบไดร๎ ะดบั หลวมและกดเจ็บบรเิ วณสนั เหงอื กจากการตรวจเบอ้ื งตน๎
พบวําฟนั ธรรมชาติบรเิ วณฟันหนา๎ ที่เหลืออยํสู ึกมากรํอง
รปู ท่ี 16 ภาพรังสแี พโนรามกิ หลังการรกั ษา บรเิ วณมุมปากสองขา๎ งตก แก๎มตอบ ใบหน๎าสํวนลํางส้ัน
ฟันบนพบสันเหงือกวํางและไมํมีการใสํฟันเทียมผู๎ปุวย
ผลการรักษา รายนี้สามารถปรับตัวและค๎ุนชินกับสภาวะการเคี้ยว
ผู๎ปุวยหลังได๎รับการรักษา เพ่ิมมิติแนวดิ่ง เพ่ือ เชนํ นี้มานาน สาเหตุหลกั ทที่ าใหผ๎ ๎ปู วุ ยมาพบทันตแพทย์
เพราะมอี าการปวดฟันซ่ี 21 ท่ีสึกทะลุโพรงประสาทฟัน
ปรับสภาพการสบฟันโดยการใสํเฝือกสบฟันหลังการ มีการสึกของฟนั จานวนหลายซี่ ทาให๎รูปรํางฟันและการ
ถอนฟัน และทาการรักษาคลองรากฟัน ทาการบูรณะ เรียงตัวของฟันเปล่ียนไป ฟันซี่ 26 มีลักษณะย่ืนยาว
ฟันโดยการใสํครอบฟัน การใสํสะพานฟัน การใสํฟัน กวําปกติ วัสดุอุดเสื่อมสภาพมีรอยอุดขนาดใหญํ การ
เทยี มบางสํวนชนิดถอด จนสามารถแก๎ปัญหาระบบการ รกั ษาเพื่อเก็บฟันซี่ 26 มคี วามซับซอ๎ น เพราะต๎องรกั ษา
บ ด เ ค้ี ย ว ข อ ง ผู๎ ปุ ว ย ใ ห๎ ใ ช๎ ง า น ฟั น เ ที ย ม รํ ว ม กั บ ฟั น คลองรากฟนั รกั ษาโรคปรทิ นั ตท์ ม่ี คี วามวกิ ารงาํ มรากฟนั
ธรรมชาติท่ีเหลืออยูํได๎ดีข้ึน ท้ังรูปใบหน๎าสมมาตรโดยมี (furcation involvement) ซง่ึ เป็นการละลายของกระดูก
ใบหน๎าสํวนลํางดยู าวขึ้น รํองท่ีมุมปากท้ัง 2 ข๎างน๎อยลง ชอํ งรากฟนั กรณฟี นั ตงั้ แตํ 2 รากขนึ้ ไปเสยี่ งตอํ การเกดิ ราก
มีความสวยงาม ผ๎ูปุวยมีความพึงพอใจตํอผลการรักษา ฟนั แตก นอกจากนฟี้ นั ซี่ 26 ดงั กลาํ วมกี ารยน่ื ยาว หากจะ
และมคี ณุ ภาพชีวติ ท่ีดขี ึน้ เกบ็ รกั ษาไวต๎ อ๎ งปรบั ระนาบบดเคย้ี วของฟนั มากจึงทาให๎
สูญเสยี ความแขง็ แรงของสวํ นตวั ฟนั
การเพิ่มมิติแนวดิ่งในผู๎ปุวยโดยใช๎เฝือกสบฟัน
เพอื่ ให๎ผปู๎ ุวยปรบั ตัวและปรับระนาบบดเคย้ี วเปน็ ระยะๆ
นานประมาณ 3 เดือน10 จนแนํใจวําเป็นระยะท่ี
เหมาะสมและร๎ูสกึ สบาย11 ซ่งึ เปน็ การรักษาประเภทท่ี 1
ของ Turner และ Missirlian1 ท่ีวําด๎วยการสูญเสียมิติ
แนวด่ิงขณะสบฟัน ระหวํางนั้นทาการรักษาคลองราก
ฟัน จานวน 7 ซี่ (ฟันซี่ 11, 12, 13, 21, 22, 23, 27)
และทาครอบฟันเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให๎กับตัวฟัน ซึ่ง
ต๎องใสํเดือยฟันโดยเลือกใช๎เดือยฟัน ชนิดเส๎นใยแทํง
หลัก (fiber post) 7 ซ่ี (ฟนั ซี่ 11, 12, 13, 21, 23, 27,
45) และเลอื กใช๎เดอื ยฟนั ชนิดเดือยเหว่ียง (cast post)
กับฟันซ่ี 22 ซ่ึงแตกตํางจากฟันซี่อ่ืน เน่ืองจากฟันซ่ี
ดังกลําวมีเน้ือฟันเหลืออยูํน๎อย หลังจากทาการใสํครอบ
เป็นเวลา 2 เดือนพบฟันซี่ 21 สํวนของแกนฟันมีเน้ือ
ฟันแตกเพ่ิมทาให๎ครอบฟันซ่ี 21 หลุดไมํสามารถใสํ
กลับคืนได๎จึงปรับแผนการรักษาเป็นการใสํฟันเทียม
บางสวํ นครอํ มรากฟนั ซี่ 21 เพอื่ ปูองกนั การละลายตวั
118
Vol.28 No.1 January – April 2020 Udonthani Hospital Medical Journal
ของกระดูกรอบๆ ตัวฟัน12 รํวมกับการใสํฟันเทียม ในการรักษาและเป็นประโยชน์ตํอผ๎ูปุวยรายอ่ืนตํอไป
บางสวํ นชนิดถอดไดจ๎ านวน 6 ซ่ี (ฟนั ซ่ี 14, 15, 16, 24, ขอขอบคุณ ผ๎ูอานวยการโรงพยาบาลลาปาง และ
25, 26) ที่วางแผนไว๎ในเบ้ืองต๎น การรักษาผ๎ูปุวยรายนี้ เจ๎าหน๎าที่ผ๎ูเกี่ยวข๎องทุกทํานท่ีให๎ความรํวมมือในการ
สอดคล๎องกับวิธีการของ Kamble โดยการทาครอบฟัน จัดเก็บข๎อมูลท่ีเป็นประโยชน์ในการจัดทารายงาน
รํวมกบั ฟันเทยี มชนิดติดแนํนและฟันเทียมบางสํวนชนิด ดังกลาํ ว
ถอดได๎หลังจากเพิม่ มิตแิ นวดิง่ 7 เอกสารอ้างอิง
ในการรักษาผ๎ูปุวยรายน้ีไมํวางแผนที่จะใช๎ 1 . Tunner K. A., Missirlian D.M. Restora-
วิธีการใสํรากฟันเทียม เนื่องจากผ๎ูปุวยมีประวัติเส๎น tion of the extremely worn dentition. J Pros-
เลือดสมองตีบและได๎รับยาละลายล่ิมเลือด (warfarin) thet Dent 1984; 52: 467-74.
ซึ่งผู๎ปุวยรํวมตัดสินใจท่ีจะไมํใช๎วิธีการดังกลําว เพื่อเป็น
การปูองกนั ความเสี่ยงทอี่ าจเกดิ ข้ึน 2 . Ainamo J. Relationship between oc-
clusal wear of the teeth and periodontal
การบูรณะฟันผ๎ูปุวยที่มีการสูญเสียมิติแนวดิ่งมี health.Scand J Dent Res 1972; 80(6): 505-9.
หลายวิธีซึ่งในผ๎ูปุวยดังกลําว ได๎เลือกใช๎วิธีการรักษา
ใกล๎เคยี งกับวิธีการท่ีผู๎ปุวยเคยมีประสบการณ์การรักษา 3 . Kopp S, Carlsson G.E. The temporo-
เชํนการรักษาคลองรากฟัน การทาครอบฟันการใสํฟัน mandibular joint: problems related to occlusal
เทียมบางสํวนถอดได๎ ทาให๎ผู๎ปุวยสามารถเข๎าใจและ function. In: Mohl ND, Zarb GA, Carlsson GE,
ปรับตัวได๎งําย ส่ิงสาคัญคือความรํวมมือของผ๎ูปุวยใน Rugh JD, editors. A textbook of occlusion. Chi-
การให๎ความสาคัญกับการนัดหมาย การปฏิบัติตาม cago: Quintessence; 1988. p.235-48.
คาแนะนา การดูแลสุขภาพชํองปาก การดูแลฟันเทียม
รวมทั้งติดตามหลังการรักษาตามท่ีทันตแพทย์นัดหมาย 4. Dawson P.E. Evaluation, diagnosis and
ทุกครั้งเพ่ือคงสภาพอนามัยชํองปาก และฟันเทียมให๎มี treatment of occlusal problem, 2 nd ed. St
สภาพดีตลอดไป Louis: Mosby; 1974.
สรปุ
5 . Niswonger M.E. The rest position of
การเพ่ิมมิติแนวด่ิง มาชํวยในงานใสํฟนั เทียมชนิด the mandible and the centric relation. J Am
ติดแนํนรํวมกับฟันเทียมชนิดถอดได๎ สามารถแก๎ปัญหา Dent Assoc 1934; 21: 1572-82.
ระบบการบดเค้ียว ความสมดุลของข๎อตํอกระดูกและ
ขากรรไกร การออกเสียงและความสวยงาม จึงมีความ 6. Gupta A, Parneet. Prosthodontic Res-
จาเป็นต๎องนาวิธีการ เพิ่มมิติแนวด่ิง มาใช๎ในการรักษา toration of Vertical Dimension of Occlusion in
ผู๎ปุวยที่มภี าวะ การสญู เสยี การรองรับจากฟันหลัง (loss Severely Worn Dentitions. IOSR J Dent Med Sci
of posterior support) และการสึกของฟันธรรมชาติ 2013; 3: 38-40.
(excessive tooth wear) รวมทั้งการมีสํวนรํวมในการ
รับร๎ูข๎อมูลและรํวมตัดสินใจของผู๎ปุวย เป็นปัจจัยสาคัญ 7. Kamble V.D. Rehabilitation of severely
ทจ่ี ะทาใหก๎ ารรักษาประสบความสาเร็จ worn dentition and partial edentulism by fixed
กติ ตกิ รรมประกาศ and removable Prostheses: a clinical report.
Int J Prosthodont Rest Dent 2013; 3: 57-61.
ขอขอบคุณ ผู๎ปุวยที่ให๎ความรํวมมือในการรักษา
และยินยอมให๎มีการเผยแพรํข๎อมูล ซ่ึงจะเป็นแนวทาง 8. วิเชฏฐ์ จินดาวณิ. Advanced removable
partial denture in complicated case. กรุงเทพฯ:
ยํอเอกสารคาสอน วิชา 3207-921 ภาควิชาทันตกรรม
ประดิษฐ์ คณะทันตแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลยั 2558; 17-55.
119
วารสารการแพทยโ์ รงพยาบาลอุดรธานี ปที ่ี 28 ฉบบั ท่ี 1 ประจาเดือน มกราคม – เมษายน 2563
9. Bataglion C, Hotta T.H., Matsumoto W,
Ruellas C.V. Reestablishment of occlusion
through overlay removable partial dentures: a
case report. Braz Dent J 2012; 23: 172-4.
10. Prasad S, Kuracina J, Monaco EA. Al-
tering occlusal vertical dimension provisionally
with base metal onlays: a clinical report. J
Prosthet Dent 2008; 100: 338-42.
11. Bachhav V.C, Aras M.A. Altering occlu-
sal vertical dimension in functional and es-
thetic rehabilitation of severely worn dentition.
J Oral Health Res 2010; 1: 2-8.
12. ดาราพร แซํล้ี, ชลดา ละเอียด. ฟันเทียม
ครํอมราก: ทบทวนวรรณกรรมและรายงานผู๎ปุวย.
วิทยาสารทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยของแกํน
2558; 18: 38-51.
รบั ตน๎ ฉบับ: 13 ธนั วาคม 2562, ได๎รับบทความปรับปรุง: 20 มกราคม 2563, รับลงตีพมิ พ:์ 27 มกราคม 2563
120
โรงพยาบาลอดุ รธานี
Udonthani Hospital
33 ถนนเพาะนยิ ม ตาํ บลหมากแขง
อาํ เภอเมอื ง จังหวัดอดุ รธานี 41000
โทร 042-245555 ตอ 3419
ISSN 2697-4118 (Online)