277
จากการศึกษาอาจสรุปความสัมพันธ์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้ดังแผนภูมิที่ 1
ระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบที่ก่อขึ้นจากความสัมพันธ์ส่วนตัวและเป็นสิ่งที่ตอบสนอง
ต่อบริบทของยุค สมัย แต่การดึงอำนาจมาสู่ตัวพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางก็กลายเป็นการย่ิงตอก
ย้ำความสำคัญของกษัตริย์ ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ตามแผนภูมิมรา 1 กษัตริย์ต้องการบุคคลที่ไว้
วางพระราชหฤทัย ในทางการเมือง ผู้ที่ ไว้วางพระราชหฤทัยก็จะเป็นเครือข่ายที่สร้างความมั่นคง
ทางการเมืองให้กับพระองค์ ทั้งยังปฏิบัติหน้าที่ ราชการเป็นตัวแทนพระองค์ได้ และในทางส่วนตัว
คนเหลา่ นี้ก็ทำให้ทรงสามารถสบายพระทัยได้ เป็นท่ีพ่งึ ท่ามกลางภาระงานอันใหญ่หลวงของพระเจ้า
แผน่ ดิน ความไวเ้ น้อื เช่อื ใจจึงมีความสำคัญอย่างย่ิงในระบอบน้ี ขณะเดียวกนั ความสัมพันธ์นี้ก็จะขาด
ข้าไม่ได้ ฝ่ายข้าเองก็ปรารถนาจะเป็นผู้ที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัย เพราะ นั่นหมายความว่าตนจะ
ได้รับโอกาสในทางราชการและบำเหนจ็ รางวัลตา่ ง ๆ อย่างไรกด็ ี ความสัมพนั ธน์ กี้ อ็ าจ ถกู ทำลายลงได้
ผ่านกลไกของการเพ็ดทูลข่าวลือ สร้างความเท็จเสื่อมเสียให้กับฝ่ายข้า เพราะเจ้าไม่ได้มีข้าเพียง
คนเดยี ว
แผนภมู ทิ ี่ 1 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งเจ้ากับขา้
แผนภมู ิท่ี 2 จำลอง “วงโคจร” ราชสำนกั
278
ในภาพแผนภูมิที่ 2 จะเห็นภาพ ก ข ค ง จ รายล้อมกษัตริย์อยู่ ต่างก็มีความปรารถนา
จะใกล้ชิดและเป็นที่โปรดปรานยิ่งขึ้น จึงเกิดการชิงดีชิงเด่นกัน สภาพเช่นนี้ยังกระจายลงไปในหมู่ข้า
รับใช้นาย ก ข ค ง จ ลงไปดว้ ย ขา้ ของนายทั้ง 5 คน ตา่ งก็มกี ารแก่งแย่งกนั เพื่อจะขึ้นไปเป็นคนโปรด
ในลำดบั ขั้น ๆ ไป ดงั นน้ั เมือ่ มผี ู้ชนะเป็นคนโปรดกย็ ่อมมผี ู้แพ้ ผู้แพ้อาจจะแพจ้ รงิ ๆ หรือเป็นผู้ท่ีไม่ได้
รับเลือกให้ไต่เต้าขึ้นไปได้ พลังของผู้แพ้ หลายกลุ่มก็จะรวมตัวกันกลายเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบพวก
พ้องนี้ และนำมาซงึ่ อวสานของระบอบ สมบรู ณาญาสิทธิราชย์ในท้ายที่สดุ
__________________________________________________________________________________________________
279
บรรณานกุ รม
เอกสารช้นั ต้น
เอกสารหอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ
หจช. ร.5 บ.3/4 ไปรเวตเร่อื งพระองคเ์ จา้ ปฤษฎางค์ขอกราบถวายบงั คมลาไปอยู่เมืองเซ่ียงไฮ้กอ่ น
หจช. ร.5 บ.3/5 เรอื่ งความขัดขอ้ งในสว่ นพระองค์ๆ เจ้าปฤษฎางค์
หจช. กต.6.26/2 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์
เอกสารชนั้ ตน้ ท่ตี ีพมิ พ์แลว้
Pritsdang, Prince. "Notes on Siamese Administration by Prince Pritsdang." In Two Views
of
Siam on the Eve of the Chakri Reformation, edited by Nigel Brailey. Arran,
Scotland:
Kiscadale Pub., 1989.
จลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชหตั ถเลขารชั กาลที่ 5 ทเ่ี ก่ยี วกบั ภารกิจของ
กระทรวงมหาดไทย เลม่ ที่ 1. พระนคร: กระทรวงมหาดไทย, 2513.
จลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว, พระบาทสมเด็จพระ, and สมเด็จฯ กรมพระยา ดำรงราชานภุ าพ. พระ
ราชหตั ถเลขา
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั พระราชทาน สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรม
พระยาดำรงราชานภุ าพ ในเวลาเสด็จพระราชดำเนินประพาสยโุ รป คร้ังท2่ี ใน พ.ศ. 2450.
พระนคร: โรงพมิ พ์
พระจนั ทร,์ 2491.
"แจ้งความราชนาวสี มาคม แก่สมหุ เทศาภบิ าล แลผู้ว่าราชการเมือง." สมุทสาร, 2457.
ดำรงราชานภุ าพ, สมเด็จฯ กรมพระยา. ความทรงจำ. พระนคร: โรงพมิ พ์พระจนั ทร์, 1946.
———. พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์รชั กาลท่ี 2. สมเดจ็ พระศรพี ชั รนิ ทราบรมราชนิ นี าถทรง
พระ
กรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหพ้ มิ พ์แจกในงานศพ ม.ร.ว แปว้ มาลากลุ ณ กรุงเทพฯ. ฉบบั พมิ พค์ รง้ั
แรก ed.
พระนคร: โรงพิมพไ์ ทย, 2459.
280
ทร่ี ะลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเอก พลเรือเอก เจา้ พระยารามราฆพ (ม.ล. เฟ้ือ พ่ึงบญุ )
ธันวาคม พุทธศกั ราช 2510. พระนคร: โรงพมิ พ์ธนาคารกรุงเทพ, 2510.
ประวตั มิ หาอำมาตยน์ ายก เจ้าพระยายมราช (ปน้ั สขุ ุม). พิมพ์เปน็ อนสุ รณใ์ นพธิ เี ปดิ อนุสาวรยี ม์ หา
อำมาตย์ นายก เจ้าพระยายมราช ณ โรงพยาบาล เจา้ พระยายมราช จงั หวัดสุพรรณบรุ วี ันท่ี
20 มกราคม 2500. ม.ป.พ.: โรงพมิ พ์ไทยเขษม, 2499
ประสงคส์ ม บริพัตร, หมอ่ มเจ้า. บนั ทึกความทรงจำบางเรื่อง ของ หม่อมเจ้าหญงิ ประสงคส์ ม บริพตั ร
ในสมเดจ็ เจ้าฟา้ กรมพระนครสวรรค์วรพนิ ติ . พิมพ์ในงานเมรุณ สุสานหลวง วัดเทพศิรินทรา
วาส วนั ที่3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499. พระนคร: โรงพิมพ์พระจันทร์, 2499.
ปฤษฎางค,์ พระองค์เจา้ . ประวัติย่อนายพันเอกพิเศษ พระวรวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้าปฤษฎางค์แต่
ประสูติพ.ศ. 2392 ถึง 2472. พระนคร: [ม.ป.พ.], 2472.
พูนพิศมยั ดศิ กุล. พระราชวงศจ์ ักรี สมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ 6 (ส่งิ ท่ีขา้ พเจ้าพบเห็น สมัยรัชกาล
ท่ี 6) กรงุ เทพฯ: มติชน, 2561.
———. ส่ิงท่ีข้าพเจ้าพบเหน็ กรงุ เทพฯ: มูลนธิ ิหม่อมเจา้ พูนพิศมยั ดิศกุล และชมรมพระนิพนธ์
สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, 2533.
———. สงิ่ ที่ข้าพเจา้ พบเหน็ : รวมเล่ม. พิมพค์ ร้งั ท่ี 5. กรุงเทพฯ: มติชน, 2557.
ราม วชิราวุธ. ประวตั ติ ้นรัชกาลที่ 6. ศิลปวัฒนธรรมฉบับพเิ ศษ. พิมพค์ ร้ังที่ 7. กรุงเทพฯ:
มตชิ น, 2559.
สจั จาภิรมยอ์ ุดมราชภักด(ี สรวง ศรีเพญ็ ), พระยา. เล่าให้ลูกฟงั . พมิ พค์ ร้ังท่ี 1. กรุงเทพฯ: มตชิ น,
2557.
สาส์นสมเดจ็ เลม่ 10 พ.ศ. 2479 (ตุลาคม-มนี าคม). ม.ป.พ.: มลู นธิ สิ มเดจ็ ฯ เจา้ ฟา้ กรมพระยานริศรา
นวุ ตั ตวิ งศ,์ มลู นธิ สิ มเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และองค์การคา้ ของสกสค., 2550.
สรุ ศักด์ิมนตรี, เจา้ พระยา. ประวตั กิ ารของจอมพล เจ้าพระยาสรุ ศกั ด์มิ นตรีภาค 1 ตอนปราบฮอ่ ครง้ั ที่
1. ม.ป.ท.: ม.ป.พ., 2466.
———. ประวตั ิการของจอมพล เจา้ พระยาสรุ ศักดิ์มนตรภี าค 2 ม.ป.ท.: ม.ป.พ., 2466.
281
เอกสารชัน้ รอง
Barme, Scot. Luang Wichit Wathakan and the Creation of a Thai Identity. Singapore:
Institute of Southeast Asian Studies, 1993.
Bunnag, Tej. The Provincial Administration of Siam 1892-1915 : The Ministry of the
Interior under Prince Damrong Rajanubhab. East Asian Historical
Monographs. 1st ed. Kuala Lumpur: Oxford University Press, 1977.
Fulbrook, Mary, and Ulinka Rublack. "In Relation: The ‘Social Self’ and Ego-
Documents."
German History 28, no. 3 (2010): 263-72.
Gendzel, Glen. "Political Culture: Genealogy of a Concept." Review of Self-Rule: A
Cultural
History of American Democracy, Robert H. Wiebe; The Emerging
Midwest: Upland Southerners and the Political Culture of the Old
Northwest, Nicole Etcheson. The
Journal of Interdisciplinary History 28, no. 2 (1997): 225-50.
Greene, Stephen Lyon Wakeman. Absolute Dreams: Thai Government under Rama
Vi, 1910-1925. White Lotus Press, 1999.
Jackson, Peter A., and Rachel Harrison. The Ambiguous Allure of the West: Traces of
the Colonial in Thailand. [in English] Hong Kong: Hong Kong University
Press, 2010.
Loos, Tamara Lynn. Bones around My Neck: The Life and Exile of a
Prince Provocateur. Ithaca: Cornell University Press, 2016. .
Merry, Sally Engle. "10 - Rethinking Gossip and Scandal." In Toward a General Theory
of Social Control, edited by Donald Black, 271-302. Orlando:
Academic Press, 1984.
Reynolds, Craig J. "Homosociality in Modern Thai Political Culture." Review of 'Nai nai'
samai ratchakan thi 6 [Men of the inner palace during the sixth reign],
CHANAN YOTHONG. Journal of Southeast Asian Studies 45, no. 2
(2014): 258-77.
282
Ricci, Ronit. "Introduction: Exile in Colonial Asia: Kings, Convicts, Commemoration." In
Exile in Colonial Asia, edited by Ronit Ricci. Kings, Convicts,
Commemoration, 1-19. Honolulu: University of Hawai'i Press, 2016.
White, Luise. Speaking with Vampires: Rumor and History in Colonial Africa. Berkeley:
University of California Press, 2000. doi:doi:10.1525/9780520922297.
Wyatt, David K. "Family Politics in Nineteenth-Century Thailand." In Studies in Thai
History : Collected Articles, 106-30. Chiang Mai: Silkworm Books, 2005.
———. The Politics of Reform in Thailand: Education in the Reign of King
Chulalongkorn.
Yale Southeast Asia Studies: 4. New Haven: Yale University Press,
1969. .
กุลลดา เกษบญุ ชูม้ีด. ระบอบสมบูรณาญาสทิ ธริ าชย์: วิวัฒนาการรฐั ไทย แปลโดย อาทติ ย์เจียม
รัตตญั ญู. สยามพากษ์: ลำดบั ท่ี 4. พมิ พ์คร้งั ที่ 1. ed. นนทบรุ :ี ฟ้าเดยี วกัน, 2562.
เกษม ศิรสิ ัมพนั ธ์. "แกนนำของกลุม่ สยามหนุ่มเมอ่ื ต้นรชั กาลท่ี 5." ใน จตั ุศันสนยี าจารย์, วนิ ยั พงศศ์ รี
เพียรบรรณาธกิ าร , 69-103. กรงุ เทพฯ: คณะกรรมการชำระประวตั ิศาสตร์ไทย
กระทรวงวฒั นธรรม, 2547.
จกั รกฤษณน์ รนิตผิ ดงุ การ. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพกับ
กระทรวงมหาดไทย. พมิ พ์คร้ังที่ 4. กรุงเทพฯ: สถาบนั ดำรงราชานุภาพ, 2556.
ชัยอนันต์ สมทุ วณชิ , and ขัตตยิ า กรรณสตู . เอกสารการเมืองการปกครองไทย (พ.ศ. 2417-2477).
พิมพ์ครัง้ ท่ี 2. กรุงเทพฯ: สถาบนั สยามศึกษา สมาคมสังคมศาสตร์แหง่ ประเทศไทย
, 2532.
ชานนั ท์ยอดหงษ.์ นายใน สมัยรชั กาลท่ี 6. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: มติชน, 2556.
ไชยนั ต์ รัชชกลู . อาณานคิ มสมบูรณาญาสทิ ธริ าชย์ : การก่อรูปรัฐไทยสมยั ใหม่จากศกั ดินานยิ มรอบ
นอก. Translated by พงษเ์ ลิศ พงษ์วนานต.์ พิมพ์ครง้ั แรก. กรงุ เทพฯ: อา่ น,
2560.
ธงชยั วินิจจะกลู . "สภาวะอาณานิคมของสยามและกำเนิดประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย." ใน โฉมหน้าราชา
ชาตินิยม, ธงชัย วินิจจะกูล, 21-54. นนทบุรี: ฟา้ เดียวกนั , 2559.
283
นครินทร์เมฆไตรรตั น.์ การปฏิวตั ิสยาม พ.ศ.2475. กรุงเทพฯ: ฟ้าเดยี วกัน, 2553.
บัทสนั , เบนจามนิ เอ. อวสานสมบรู ณาญาสิทธิราชย์ในสยาม. แปลโดย กาญจนา
ละอองศรี, ยุพา ชุมจนั ทร์, พรรณงาม เง่าธรรมสาร, สดใส ขันติวรพงศ์และ ศศิธร
รัชนณี อยธุ ยา. หนังสือชุดประวตั ิศาสตรร์ ว่ มสมัย: 1. พมิ พ์คร้งั ท่ี 4. กรงุ เทพฯ:
มูลนธิ ิโครงการตำราสงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์, 2560.
บญุ พสิ ิฐ ศรีหงส์. "สัมพนั ธภาพระหว่างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั และพระองคเ์ จา้
ปฤษฎางคจ์ ากหลักฐานชน้ั ต้นสู่คำถามต่อนักวิชาการและนักเขยี นประวตั ิศาสตร์-
รัฐศาสตร์." รฐั ศาสตร์สาร ปที ่ี 32 ฉบบั ท่ี 3. (ก.ย.-ธ.ค. 2554) (2554): 1-81.
เบเนดิกต์ แอนเดอรส์ ัน. "ศึกษารัฐไทย วพิ ากษ์ไทยศึกษา." แปลโดย ดารนิ ทร์ อินทรเ์ หมือน. ใน
ศึกษารัฐไทยวิพากษ์ไทยศึกษา. นนทบุร:ี ฟา้ เดยี วกนั , 2558.
พอใจ ถมยา. "บทบาทของพระองค์เจ้าปฤษฎางค์: ศึกษากรณีการเจรจาตกลงในหนงั สือสัญญา
เก่ียวกบั สรุ ากบั นานาประเทศ พ.ศ. 2424-2429." จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2529.
พีรศรี โพวาทอง. ""อุบัตเิ หต"ุ ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจา้ ปฤษฎางค์." ศลิ ปวฒั นธรรม ปที ี่ 35
ฉบบั ที่ 8. เดือนมิถนุ ายน 2557 (2557): 116-31
284
ลิกอร์ เบเกอรี่ : เรอ่ื งเล่า ความทรงจำผา่ นรา้ นขนมของเมอื งนครศรีธรรมราช
กุลธิดา บุญพนั ธ์1
บทคัดยอ่
บทความนี้มุ่งศึกษาพฒั นาการและการเปลีย่ นแปลงของร้านลิกอร์ เบเกอรี่ ผ่านความทรงจำ
ของผู้ศึกษา โดยนำเสนอใน 3 ประเด็นหลัก คือ ประเด็นแรก กำเนิดร้านจากสินโอชา เบเกอรี่
สู่ ลิกอร์เบเกอรี่ ประเด็นที่สองคือ ลิ้มรสขนมเบเกอรี่ การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของรส รูปแบบ
กลิน่ ขนม และประเดน็ ที่สาม สูข่ องฝากและการปรับโฉมขนมเบเกอรี่เมอื งนครศรีธรรมราช การเติบโต
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงกระแสความนิยมที่เปลี่ยนตามไปโลก
ปัจจุบัน ร้านจึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวอยู่เสมอ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
อยา่ งไรกต็ ามการท่ีรา้ นสามารถดำเนนิ ธรุ กิจได้มายาวนานกว่า 80 ปี น้นั ใชเ่ พยี งแต่เป็นผลจากความ
นิยมของผู้บริโภคเท่านั้น การบริหารจัดการร้านในด้านต่าง ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ
ต่อการดำเนนิ ธรุ กจิ ท่ีก่อให้เกดิ ผลดแี ละสามารถดำเนินอยูไ่ ด้จนถงึ ปจั จุบนั
คำสำคัญ : เบเกอร,ี่ ลิกอร์, ขนมฝรั่ง
1 นสิ ิตหลกั สูตรประวตั ิศาสตร์ สาขาสงั คมศาสตร์ คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทกั ษณิ
285
บทนำ
สังคมไทยเป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมอันโดดเด่น มีเอกลักษณ์ที่แสดงให้เห็นมาตั้งแต่อดีต
โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง “อาหารการกิน” ทยี่ ังบง่ บอกถึงสถานะชนชัน้ ในสังคมไทยอย่างมิอาจหลีกเล่ียงได้
ดังสุภาษิตไทยที่ว่า “กินคาว ไม่กินหวาน สันดานไพร่” ที่ใช้เปรียบเปรยความแตกต่างในการ
รับประทานอาหารของคนในสังคมผ่าน การจัดลำดับการรับประทานอาหาร โดยให้ของหวาน
เป็นสิ่งล้างปากจากอาหารคาว ถือว่าเป็นการสร้างความแตกต่างดา้ นวัฒนธรรมด้านรสชาติ ควบคู่ไป
กับการสรา้ งวฒั นธรรมดา้ นอาหารการกินใหเ้ ห็นชัดเด่นข้นึ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าวัฒนธรรมตะวันตกได้เข้ามามีอิทธิพลในเรื่องอาหารการกินของสังคมไทย
มาอย่างยาวนาน ทั้งในครัวราชสำนักและราษฎรสามัญชน โดยเฉพาะขนมต่าง ๆ ที่ได้รับมาจาก
ตะวันตกโดยตรงทั้งขนมกลุ่มตระกูลทองต่าง ๆ จากตำรับท้าวทองกีบม้า ในสมัยพระนารายณ์
ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เปลี่ยนโฉมหน้าของขนมไทยครั้งสำคัญ เพราะมีการเปลี่ยน
วัตถุดิบจากเดิม โดยมีการใช้ไข่ขาวมาผสมกับถั่วเขียว น้ำตาลโตนด กะทิ และแป้งข้าวเจ้าจนได้เป็น
ขนมใหม่นั่นคือ ขนมหม้อแกง2 ตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุด ดังกรณีของกลุ่มขนมของชาวโปรตุเกสในย่าน
กฎุ ีจีน
ภายหลังผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับขนมที่มาจากชาวตะวันตก โดยเรียกติดปากกันว่า
“ขนมฝรั่ง” ความต้องการบริโภคขนมฝรั่งจึงมีเพิ่มมากขึ้น และเพื่อต้องการตอบสนองความต้องการ
ของผู้บริโภคที่เป็นทัง้ ชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่งผลให้คนไทยหันมาสนใจที่จะจำหน่ายขนมฝรั่งและ
ก่อให้เกิดความแพร่หลายเป็นร้านเบเกอรี่ มีการศึกษากรรมวิธี กระบวนในการผลิตขนมฝรั่งเพื่อ
จำหน่าย การขยายตัวของขนมฝรั่งไม่เพียงแต่แพร่หลายในเมืองหลวงของประเทศเท่านั้น แต่ยังคง
แพร่หลายไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคใต้ของประเทศไทยที่มีการเติบโตของธุรกิจขนม
ฝรัง่ เช่นกนั
ขนมหวานเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในแวดวงนักวิชาการ งานส่วนใหญ่เป็น
การศึกษาภาพรวม ตั้งแต่การเข้ามาของขนมหวาน กรรมวิธีในการทำขนม ไปถึงจนวัฒนธรรมการ
บริโภคของขนมหวานในสังคมไทย ดังงานเขียนของ ชาติชาย มุกสง3 อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ4
ทองแถม นาถจำนง5 และ YANAN ZHAO6 นอกจากนี้ยังมีการศึกษาความเป็นชนชั้นในสังคมไทย
2 ฉัตรชนก บญุ ไชย. (2563). ขนมไทยมิติดา้ นประเพณี. หน้า 1-4.
3 ชาติชาย มกุ สง. (2548). น้ำตาลกบั วัฒนธรรมการบริโภครสหวานในสังคมไทย พ.ศ.2504 - 2539.
4 อาชญาสทิ ธิ์ ศรสี วุ รรณ. (2564). มองสงั คมไทยผา่ นขนมเค้กของทา่ นผ้หู ญิงพนู สขุ .
5 ทองแถม นาถจำนง. (2561). ขนมเค้กปใี หม่.
6 YANAN ZHAO. (2564). วัฒนธรรมอาหารจนี ในสงั คมไทย : กรณศี กึ ษาอำเภอเมอื ง จังหวัดชลบรุ ี.
286
ผ่านอาหาร รสนิยมของอาหาร รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีการกินที่มีอิทธิพลต่อการเลือกบริโภค
อาหารของผู้คนในสังคมไทย แสดงให้เห็นในงานศึกษาของ วิภานี กาญจนาภิญโญกุล7 กมลทิพย์
จ่างกลม8 และพัชนี เผือกโสภาทัย9 งานเหล่านี้ยังคงเป็นการอธิบายสังคมไทยผ่านขนมหวานในวง
กวา้ ง ไมไ่ ดเ้ จาะจงเฉพาะพน้ื ทที่ ้องถ่ิน ในขณะเดียวกนั นน้ั ความนยิ มการบรโิ ภคขนมหวานก็เกิดขึ้นกับ
ทุกชนชั้นในสังคม แม้แต่ในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวง ความหลากหลายของขนมที่แพร่กระจาย
ทั่วพ้นื ท่ขี องประเทศไทยที่เป็นผลพวงมาจากการเขา้ มาของตา่ งชาติ
บทความนี้มุง่ ศึกษาพฒั นาการและการเปลี่ยนแปลงของรา้ นลิกอร์ เบเกอรี่ ผ่านความทรงจำ
ของผู้ศึกษา โดยนำเสนอใน 3 ประเด็นหลัก คือ ประเด็นแรก กำเนิดร้านจากสินโอชา เบเกอร่ี
สู่ลิกอร์เบเกอร่ี ประเด็นทสี่ องคือ ลิ้มรสขนมเบเกอร่ี การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของรส รูปแบบ กลน่ิ
ขนม และประเด็นที่สาม สู่ของฝากและการปรับโฉมขนมเบเกอรี่เมืองนครศรีธรรมราช การเติบโต
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงกระแสความนิยมที่เปลี่ยนตามไปโลก
ปัจจุบัน ร้านจึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวอยู่เสมอ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
กระแสความนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลต่อการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามการที่ร้าน
สามารถดำเนินธรุ กิจไดม้ ายาวนานกว่า 80 ปี นน้ั ใช่เพียงแต่เป็นผลจากความนิยมของผูบ้ รโิ ภคเท่านั้น
การบริหารจดั การร้านในด้านต่าง ๆ ถือเป็นอีกหน่ึงปัจจัยที่สำคัญตอ่ การดำเนินธุรกิจที่ก่อให้เกิดผลดี
และสามารถดำเนินอยไู่ ดจ้ นถงึ ปัจจบุ นั
กำเนิดร้าน : จากสินโอชา เบเกอรี่ สู่ ลิกอร์เบเกอรี่
ในช่วงปี พ.ศ. 2478 ได้มีชาวจีนจากเกาะไหหลำชื่อว่า “เฮา คุนเก่ง” ได้ออกเดินทางห นี
ความลำบากในแผ่นดินจีนโดยอาศัยเรือกลไฟขนส่งสินค้า ลำดับแรกได้เดินทางไปยังเกาะสิงคโปร์
เมอ่ื มาถงึ สงิ คโปรเ์ ขาไดท้ ำงานเป็นกุลีแบกสินคา้ และคนงานในโรงควั่ กาแฟ เขาไดท้ ำงานอยทู่ ี่สิงคโปร์
เป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปี
ต่อมาในช่วงปลายปี พ.ศ. 2480 ได้มีเป้าหมายท่ีจะเดินทางไปยังเทือกเขาหลวงเพ่ือหาความ
อุดมสมบรู ณ์ตามคำบอกเล่า ณ ท่แี ห่งน้ันคือ เมอื งนครศรีธรรมราชหรือเมืองลิกอร์ ที่เปน็ ชื่อเรียกขาน
ของผู้คนในคาบสมุทร เขาเดินทางเข้ามายังเมืองนครศรีธรรมราชและได้ทำมางานเป็นลูกจ้าง
7 วภิ านี กาญจนาภญิ โญกุล. (2545). ขนม และวฒั นธรรมการบรโิ ภค : กรณีศกึ ษาตลาดดอนหวาย.
8กมลทิพย์ จ่างกลม. (2545). อาหาร : มาตรฐานในการกินกบั อตั ลักษณ์ทางชนช้นั .
9 พชั นี เผือกโสภาทยั . (2561). การสือ่ สารรสนิยมของชนชนั้ กลางผ่านขนมไทย : กรณีศึกษา คาเฟข่ นมไทย.
287
ในเหมืองแร่ จากนั้นได้รับความเมตตาจากนายห้างทำให้ได้มีการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำอาหาร
และเบเกอรจี่ นไดเ้ ป็นกกุ๊ ท่ีนายห้างไวว้ างใจในฝมี ือ
ในเวลาต่อมาไม่นานในช่วงปี พ.ศ. 2483 นายจ้างของเขาได้รับผลกระทบจากสงครามโลก
ครั้งที่ 2 ส่งผลให้จำเป็นต้องพาครอบครัวอพยพกลับไปยังออสเตรเลียประเทศเดิมของตนเอง
ทำให้กุ๊กเก่ง หรือ เฮา คุนเก่ง เกิดการว่างงานจึงพยายามหาช่องทางในการเอาตัวรอด เขาก็ได้นำ
ความสามารถที่เขามีในด้านการทำอาหารและเบเกอรี่มาทำธุรกิจขนาดเล็ก ๆ โดยร่วมกับเพื่อน ๆ
ที่อพยพมาจากหมู่บ้านเดียวกัน พวกเขาได้เดินทางเข้ามาเปิดร้านอยู่บริเวณตัวเมืองนครเป็นร้าน
กาแฟ และเบเกอรี่เล็ก ๆ ในตึกแถวท่าวัง กิจการของเขาได้ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องภายใต้
ชื่อ “สินโอชา เบเกอรี่” กิจการดีขึ้นตามลำดับเขาก็ได้ย้ายสถานที่ประกอบการไปยังแหล่งต่าง ๆ
หลายครั้ง ในเวลาต่อมาเขาได้เสียชีวิตลง ทายาทรุ่นที่ 2 ของเขา คุณ “สุธรรม ชยันต์เกียรติ”
หรือ “โกแอ๊ด” ได้เข้ามาสืบทอดกิจการต่อและได้เปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก “สินโอชา” เป็น “ลิกอร์
บ้านทำขนม” รา้ นดงั กลา่ วไดเ้ ป็นท่นี ยิ มของชาวนครเป็นอย่างมาก เป็นทีรู้จักของแขกบา้ นแขกเมืองท่ี
ได้เข้ามา และได้กลายเป็นของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันคุณ “หงส์ซัน ชยันต์
เกียรติ” เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ได้เข้ามาสืบทอดตำนานเบเกอรี่เก่าแก่ของเมืองนคร ด้วยนวัตกรรม
เทคโนโลยีต่าง ๆ กรรมวิธีการผลิตที่ทนั สมัย รวมไปถึงคุณภาพและรสชาตทิ ี่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตวั
ทำใหก้ ิจการดังกล่าวไดด้ ำเนนิ ไปไดอ้ ย่างสวยงามและยาวนานกว่า 80 ป1ี 0
สืบเนื่องจากการเข้ามาของต่างชาติในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงที่เกิดความ
เปลีย่ นแปลงทางเศรษฐกจิ ทีเ่ ห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจน เศรษฐกจิ ในไทยขยายตัว มีการตดิ ต่อกับต่างชาติมาก
ขึ้น เป็นผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น นอกจากน้ี
การเข้ามาของต่างชาติได้นำภูมิปัญญาของตนเข้ามาด้วย ร้านลิกอร์มีความเป็นมาตามตำนานลิกอร์
นั่นคือ จุดเริ่มต้นของร้านเบเกอรี่ร้านนี้คือ ในสมัยก่อนมีการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ
เพ่อื ตอ้ งการหาพน้ื ท่ีท่ีอดุ มสมบรู ณ์
ลกิ อร์สมัยสนิ โอชา เบเกอรี่ ตงั้ อยู่ใจกลางเมืองของนครศรีธรรมราช น่ันคอื คิวคูตอน ซึ่งเป็น
ชื่อเมืองนครเมื่อยุค 1,000 กว่าปีก่อนและในบริเวณนั้นได้มีการก่อสร้างสถาปัตยกรรมอาคารแบบ
ย้อนยุคในสไตล์ชิโนโปรตุกีส ภายในคิวทุกคนมีร้านอาหารให้เลือกกิน 4 ร้าน 4 สไตล์ด้วยกัน
หนึ่งในนั้นคือ ลิกอร์ เบเกอรี่ ตั้งแต่จำความได้ผู้ศึกษาได้รู้จักร้านเบเกอรี่ในชื่อว่า “ลิกอร์ บ้านทำ
ขนม” ซึ่งชื่อ “ลิกอร์” เป็นชื่อในทางประวัติศาสตร์ของเมืองนครศรีธรรมราช เป็นชื่อที่พ่อค้า
ชาวยุโรปซึ่งเข้ามาติดต่อค้าขายกับไทยในสมัยอยุธยาตอนต้น คือในรัชกาลของสมเด็จพระรามาธิบดี
10 lIGOR HOME BAKERY. “ตำนานลกิ อร”์ . สืบคน้ เม่ือวนั ที่ 17 กนั ยายน 2564. จาก https://ligorhomebakery.com/about-us/
288
ที่สอง เนื่องจากชาวโปรตุเกสเป็นชาติแรกที่ได้เข้ามาติดต่อค้าขายกับไทยได้ใช้เรียกตามพรลิงค์หรือ
นครศรีธรรมราช คำว่า “ลิกอร์” เพี้ยนไปจากคำว่า “นคร” อันเป็นชื่อเรียกย่อของเมือง
นครศรธี รรมราช11
ตั้งแต่จำความได้ผู้ศึกษาได้รู้จักกับร้านเบเกอรี่แห่งนี้ในชื่อ “ลิกอร์ เบเกอรี่” จากการ
สมั ภาษณ์ของคนตา่ งจังหวัดเขาได้บอกไว้ว่า “ชอ่ื ของรา้ นเปน็ ช่ือทน่ี า่ สนใจ เป็นเอกลกั ษณ์เสมือนเป็น
ตัวแทนของจังหวัดนครศรธี รรมราช และเปน็ คา่ นิยมของผู้คนท่บี อกต่อ ๆ กนั มาว่าหากมานครแล้วไม่
ลองกินขนมลิกอร์เหมือนมาไม่ถึงนครนะ”12 คำพูดเหล่านี้เปรียบเสมือนการโฆษณาชวนเชื่อที่ดึงดูด
ความสนใจให้ต้องลิ้มลองกับรสชาติ และเม่ือได้ลองสัมผสั ดว้ ยตัวเองกจ็ รงิ อย่างที่คำบอกเล่า ประการ
ต่อมาคือรสชาติ รสชาติเป็นเสน่ห์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของร้านอาหาร การที่มีรสชาติที่ทำให้คนติดใจ
และกลับมาซื้อซ้ำ อาหารที่มีคุณภาพ รสชาติที่น่าหลงใหลและสอดคล้องกับคำโฆษณาต่าง ๆ
ก็ส่งผลให้ขนมของที่ร้านได้รับความนิยมจากผู้คนมากยิ่งขึ้น และประการสุดท้ายคือ การบริการที่ดี
ของพนักงานภายในร้าน จะช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้า การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเป็นเสน่ห์ของ
การบริการ ร้านอาหารเป็นร้านค้าประเภทบริการ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความประทับใจให้แก่
ลูกค้า ก็ต้องเป็นการบริการที่ดี การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าไม่ว่าลูกค้าจะเป็นชนชั้นไหน
มีฐานะสูง หรอื ไมม่ ฐี านะ การบรกิ ารต้องมคี วามเทา่ เทยี มกันหมด
จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่าจุดเด่นเหล่านั้นก็ส่งผลต่อการเติบโตของร้านเป็นอย่างมาก
เช่นกัน เนื่องจากเหตุผลทั้งสามประการที่กล่าวไปข้างต้นตอ้ งสอดคล้องกัน หากชื่อร้านเป็นชื่อดึงดดู
ความสนใจแต่รสชาติไม่ดี คนก็ไม่กลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง และหากอาหารรสชาติอร่อยแต่การบริ การ
ที่ไม่ดีก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าได้ ความประทับใจต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลให้ผู้คนรู้จัก
รา้ นลิกอรม์ ากขึ้นจากการบอกต่อปากต่อปากของผู้ที่เคยรับประทาน จนไดร้ ับความนิยมจากชาวนคร
โดยเฉพาะคนในพื้นที่อำเภอเมือง คนในอำเภอเมืองจะคุ้นชินกับขนมลิกอร์มากกว่าคนต่างอำเภอ
อาจเปน็ เพราะในระยะแรกการขยายสาขาของร้านลิกอร์ยังไม่ได้กระจายเข้าสู่อำเภออื่น ๆ มากย่ิงนัก
ส่วนใหญ่จะเป็นในพื้นที่อำเภอเมืองเสียมากไม่ว่าจะเป็นตามห้างสรรพสินค้า สถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่
นกั ทอ่ งเทยี่ วสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย
ขนมเบเกอร่ีของรา้ นลกิ อร์ เบเกอร่ี นอกจากจะบอกท่ีต้ังของรา้ นได้แล้ว ประวัติความเป็นมา
ของร้านยังบอกเล่าเรื่องราวการเข้ามาของเบเกอรี่ที่มีอิทธิพลต่อสังคมท้องถิ่นในภาคใต้ การติดต่อ
11 ปรีชา นุ่นสขุ . (2554). นามของนครศรธี รรมราชในประวัติศาสตร์.
12 นางสาวเจนจิรา หนูทอง (อายุ 22 ป)ี , ประชากรจงั หวัดตรัง, 18 กันยายน 2564
289
สมั พนั ธ์กับตา่ งชาตทิ ี่เป็นผลให้เกิดการเรียนรู้กรรมวธิ ใี นการทำขนม จากธุรกิจเลก็ ๆ สทู่ ายาทรุ่นท่ี 3
ของตระกูล การเตบิ โตของธุรกิจชว่ ยสะทอ้ นเศรษฐกิจทีเ่ กดิ ขึ้นในแตล่ ะช่วงเวลาอีกด้วย
ร้านลิกอร์ เบเกอรี่ จึงกลายเป็นจุดสนใจของผู้ที่เข้ามาเยือนจังหวัดนครศรีธรรมราช
บ่งบอกให้เห็นถึงความนิยมของขนมชนิดนี้ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่แสดงให้เห็นถึงรูปแบบคว าม
พยายามปรับตัวของร้านเบเกอรี่ให้คงอยู่คู่กับชาวนครศรีธรรมราช ไม่ใช่เพียงแค่การปรับตัว
เพียงอย่างเดียวเท่านั้น มองในมุมของประวัติศาสตร์การพัฒนาทางด้านอาหารก็ปรับปรุงมากยิ่งข้ึน
รสชาตเิ ปน็ ส่งิ ทีช่ นช้นั กลางใหค้ วามสำคญั เน่ืองจากเปน็ สิ่งท่จี ะทำให้ตัดสินใจวา่ จะกลับมาใชบ้ ริการซ้ำ
หรือไม่ นอกจากนั้นชนชั้นกลางยังมีการสื่อสารความแตกต่าง (distinction) ในการบริโภคขนมไทย
ผ่านการปรุงรสชาติขนมไทย โดยการลดทอนความหวานลง เพื่อไม่ให้ขนมไทยมีรสชาติที่หวานจัด
แม้แต่จะเป็นของหวานก็ตาม หรือให้ถูกปากและถูกใจชนชั้นกลางที่มีความกังวลเรื่องสุขภาพ
(health) และความอว้ น13
ล้มิ รสขนมเบเกอร่ี : การเปลยี่ นแปลงและพฒั นาของรส รูปแบบ กล่ินขนม
กลิน่ หอมของเนย รสชาตคิ วามหวานที่หอมฟุง้ กระจาย เปน็ สัมผสั ท่ีมีเสน่ห์และดึงดูดให้ผู้คน
หันมาสนใจกับสัมผัสนั้น การเดินเข้าในไปร้านสี่เหลี่ยมรายล้อมไปด้วยขนมมากหน้าหลายตา
เกลด็ ขนมปัง น้ำตาลท่ีท็อปบนหน้าของขนมสะท้อนกับแสงไฟระยับระยบิ ขนมเรมิ่ แรกของร้านลิกอร์
เป็นจำพวกขนมปังสอดไส้ต่าง ๆ ที่เป็นผลมาจากความรู้ในการทำขนมของคุณ เฮา คุนเก่ง
ที่ได้ประสบการณ์ในขณะที่ทำงานเป็นลูกจ้างในเหมืองแร่14 ตลอดจนสามารถพัฒนาขนมให้มีความ
หลากหลายมากขึ้น สอดไส้ผลไม้ต่าง ๆ และวัตถุดิบที่เพิ่มเติมเข้ามาจากอิทธิพลของตะวันตก อาทิ
เนย ไข่ จากเพียงขนมปังก้อนสอดไส้ได้มีคุกกี้เพิ่มเติมเข้ามา คุกกี้ชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ ขนมที่โดดเด่น
ของร้านลิกอร์สำหรับผู้ศึกษาคือ ขนมคัสตาร์ทเค้กหน้าสังขยาไข่ และใบเตย ก้อนกลม ๆ สีเขียว
สีเหลืองทองอร่ามที่วางอยู่ในตู้เย็นที่สามารถสัมผัสได้ถึงความหอมหวาน เนียนนุ่ม แต่อย่างไรก็ตาม
เพียงกลน่ิ และรสชาติกไ็ ม่สามารถดึงดูดความสนใจของผบู้ ริโภคได้อย่างเต็มที่ การโฆษณาชวนเชอ่ื ผ่าน
สื่อสิ่งพิมพ์ถือเป็นอีกหน่ึงทางชอ่ งในการดึงดดู ความสนใจแกผ่ ูบ้ ริโภค ในโลกทุนนิยมทีถ่ ูกครบงำด้วย
ประสาทการรับรู้ระยะไกล อาหารซึ่งถูกทำใหก้ ลายเป็นสินคา้ ได้ทำให้เกิดการรบั รู้และจดจำด้วยภาพ
ตัวแทนที่สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทการรับรู้ระยะไกล ให้สามารถมองเห็นและได้ยิน
แล้วไปเชื่อมโยงได้ดีถึงประสาทสัมผัสรบั รู้ต่อการทำงานร่วมกันกับการบริโภค ที่ถูกสร้างให้เหมาะแก่
13 พัชนี เผอื กโสภาทยั . (2561). เลม่ เดิม. หนา้ 156.
14lIGOR HOME BAKERY. “ตำนานลิกอร์”. สืบค้นเมือ่ วันที่ 17 กันยายน 2564. จากhttps://ligorhomebakery.com/about-us/
290
การเล่นไปกับการระยะไกล ผ่านการโฆษณาที่เน้นสร้างภาพลักษณ์และเสียงให้ติดใจผู้บริโภค
เพราะโลกของสินค้าในปัจจุบันหากรอการใช้ประสาทการรับรู้ระยะใกล้โดยการชิมหรือดมกลิ่นจาก
ลูกค้าก็คงจะขยายตลาดไม่ได้เท่ากับการบริโภคจากการสร้างภาพลกั ษณ์ขึ้นเพื่อดึงดูดให้คนอยากล้มิ
ลองผ่านการมองเห็น15
ถึงแม้ความเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยที่เกิดขึ้น ความหลากหลายด้านรสนิยมในการเลือกซื้อ
ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร้านลิกอร์มากเท่าไรนัก เนื่องจากการดำเนินการของร้านมีการปรับตัวเพื่อให้
เขา้ กบั ในแต่ละยุคสมัยอยูเ่ สมอ การปรบั ตัวตามกระแสนยิ ม และความตอ้ งการของผ้บู รโิ ภค เป็นหน่ึง
ในการดำเนินกิจการของนักธุรกิจเพื่อให้ประสบความสำเร็จและดำรงอยู่ไดใ้ นทุก ๆ การเปลี่ยนแปลง
จากเดิมร้านลิกอรม์ ีขนมเบเกอรี่ท่ีหลากหลาย แต่อาจไม่เป็นที่นิยมสำหรบั กระแสในปัจจุบัน ทางร้าน
จึงมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย โดยการเพิ่มเมนูให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ในอดีตมีพายไส้
ต่าง ๆ ขนมคุกกี้ชิ้นเล็ก ๆ เป็นที่นิยมทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ต่อมามีการปรับเปลี่ยนเพิ่มความหลาหลาย
ให้ขนมมคี วามน่าสนใจมากยงิ่ ขึ้น จากพายทีเ่ ป็นแป้งกรอบสอดไส้ขนาดส่ีเหลี่ยมชน้ิ เล็ก ๆ มาเป็นพาย
รูปคล้ายตัวหนอน แป้งก็มีลักษณะแตกต่างจากเดิม สำหรับพายตัวหนอนแป้งจะให้สัมผัสที่นุ่มกว่า
รปู แบบของขนมสามารรถดงึ ดดู ความสนใจแกเ่ ดก็ ๆ อีกดว้ ย
กระแสนิยมที่เปล่ยี นไปทำให้ร้านมีการเพิม่ เมนูตา่ ง ๆ มากมายที่เป็นทน่ี ยิ มในแต่ละช่วงเวลา
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า จากเดิมร้านลิกอร์จะเป็นขนมพวกเบเกอรี่ ขนมปังสอดไส้
ขนมปังหนา้ ตา่ ง ๆ ต่อมาได้เพิ่มขึ้นเรือ่ ย ๆ มีท้ังขนมไทย ขนมที่เป็นกระแสนยิ ม อยา่ งเช่นขนมปังฮอก
ไกโดเนยสด-ช็อคโกแลต ขนมเปี๊ยะไส้ลาวาไข่เค็ม ขนมโมจิไดฟุกุ รวมไปถึงขนมธัญพืชต่าง ๆ
สำหรบั คนรกั สุขภาพอีกดว้ ย แม้แต่ในเทศกาลตา่ ง ๆ ทางรา้ นกม็ ีการดงึ ดูดลูกคา้ ด้วยการจำหนา่ ยขนม
ที่ตรงกับเทศกาลนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นขนมไหว้พระจันทร์ ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ กระเช้าปีใหม่
สำหรบั เทศกาลปใี หม่ ขนม อาหาร และเครอื่ งดื่มเจ ในช่วงเทศกาลกินเจ เทศกาลวันแมท่ ่จี ะมอบเป็น
ของขวัญให้แม่สำหรับครอบครัวรักเบเกอรี่ และเทศกาลอื่น ๆ ด้วยเช่นกนั ในช่วงเทศกาลอยกระทง
มีกระทงที่ทำจากขนมปังจัดจำหน่าย นอกจากเป็นกลยทุ ธ์ทางการตลาดแล้วยังช่วยลดขยะได้อีกด้วย
สนบั สนนุ ใหค้ นหนั มารักส่ิงแวดล้อมมากยิ่งข้นึ ไม่เพียงเท่าน้ีร้านลิกอร์ยงั รับทำขนมเค้กสำหรับวันเกิด
หรือโอกาสพิเศษต่าง ๆ อีกเช่นกัน มีรูปแบบที่หลากหลายให้เลือก หรือจะออกแบบเองก็ได้
เพื่อความพิเศษที่จะมอบให้คนที่รักเราในโอกาสพิเศษที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จากที่กล่าวมา
จะทำให้ผู้อ่านสามารถเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของร้านลิกอร์ที่เกิดอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะไม่รู้ว่า
ขนมแรกที่เกิดขึ้นภายใต้ชื่อสินโอชาคือขนมอะไร แต่อย่างน้อยก็สามารถสัมผัสได้ถงึ การปรับตัวเข้าสู่
15 ชาตชิ าย มกุ สง. (2565). ปฏวิ ัติท่ีปลายล้นิ ปรบั แตง่ รสชาติ อาหารการกินในสังคมไทย หลงั 2475. หนา้ 8
291
ความสมัยใหม่ และสูตรของขนมที่ไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงความอร่อยให้คนได้ลิ้มลองในทุกยุคสมัย
การพัฒนาที่ต่อเนื่องตั้งแต่ขนมที่เพิ่มขึ้น บรรจุภัณฑ์ โลโก้ร้านที่เป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น แม้กระท่ัง
ถุงพลาสติกสำหรับใส่สินค้าก็มีการเปลี่ยนแปลง จากเดิมที่เป็นถุงพลาสติกใสสกรีนลายที่เป็น
สญั ลักษณร์ ้านอาจจะขาดง่ายเกินไป และไมส่ ามารถใช้ซ้ำได้ แต่ปัจจบุ ันมีการเปลีย่ นเปน็ ถุงที่สามารถ
นำมาใช้ซ้ำได้ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นถุงพลาสติกในขนมบางชนิดก็เปลี่ยนเป็นขวดโหลพลาสติก
ซง่ึ เป็นประโยชน์ท้งั ผ้ปู ระกอบการ และผู้บริโภค
จากที่กล่าวไปเบื้องต้นว่า ร้านลิกอร์เป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักโดยคนในอำเภอเมืองมากกว่า
ต่างอำเภอ และเป็นที่รู้จักของนักทอ่ งเที่ยวแต่ก็ไม่ได้ทั่วถึงทุกกลุ่มคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กบั ค่านิยมของกลมุ่
ผู้บริโภคด้วย คนต่างจังหวดั ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้จักขนมลกิ อร์มากนัก จากการสัมภาษณ์ทั้งคนในจังหวดั
นครศรีธรรมราช และคนต่างจังหวัด ทำให้เห็นถึงค่านิยมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนในแต่ละกลุ่มคน
ประกอบกับตัวเลือกในการบริโภคที่เพ่ิมขึ้น เช่น บางกลุ่มคนอาจจะนิยม ขนมของ s&p ขนมแบรนด์
ของ Top market ในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ราคาของขนมร้านลิกอร์นั้นเป็นราคาจับต้องได้
ที่เหมาะสมกับคุณภาพ ไม่สูงหรือต่ำเกินไป สามารถเข้าถึงได้ทุกชนชั้น กลุ่มลูกค้าหลักสำหรับร้านลิ
กอร์ คือ คนที่อาศัยอยู่ในอำเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มชนชั้นกลาง
ข้าราชการ ประชาชนทั่วไป ซึ่งนิยมบริโภคขนมเบเกอรี่เพื่อเป็นอาหารว่าง หรือเป็นของฝาก
ส่วนอาหารคาวจะเป็นที่พักสำหรับมื้อกลางวันของกลุ่มพนักงงานออฟฟิศ ความเปลี่ยนแปลงในกลุ่ม
ลูกค้าที่เห็นได้ชัดจากอดีตถึงปัจจุบันคือ ช่วงวัยอายุ 7-18 ปี ในอดีตกลุ่มช่วงอายุดังกล่าวจะนิยม
บรโิ ภคขนมเบเกอรี่ และรู้จักรา้ นเบเกอร่ีมากกวา่ ปัจจุบัน เน่อื งด้วยปจั จุบนั มีความหลากหลายในการ
เลือกซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงร้านคาเฟ่ เบเกอรี่ต่าง ๆ ที่ได้เปิดกิจการใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รสนิยมของเด็กสมัยใหม่ที่เติบโตตามความเปลี่ยนในสังคม ส่งผลให้เด็กหันไปสนใจขนมอื่นมากกว่า
อาทิ วาฟเฟลิ เครปเย็น ไดฟุกุสตรอว์เบอรร์ ี เป็นตน้
ผศู้ กึ ษาสังเกตเห็นว่ามีผู้คนมากมายชอบเข้ามารบั ประทานอาหารภายในร้าน ส่วนใหญ่จะมา
กันเป็นครอบครัว ภาพจำที่ทำให้ผู้เขียนประทับใจคือรสชาติของอาหาร และการบริการที่ดี
พนักงานทุกคนในร้านมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้า ทุกครั้งที่ไปห้างสรรพสินค้าจะต้องเข้าไป
รับประทานอาหารที่ร้านเป็นประจำ และนี่คงเป็นเหตุผลที่ผู้คนชอบเข้ามารับประทานอาหารร้านน้ี
ด้วยรสชาติทีต่ ิดปาก การบริการที่ดี ราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพ และสามารถเข้าถึงได้เกือบทุกกลุ่ม
คน ส่งผลให้การเติบโตของกิจการร้านลิกอร์นั้นสามารถขยายสาขาได้เป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่
จะเป็นในเฉพาะตัวเมืองนครศรธี รรมราช เห็นได้ว่าภายในร้านลิกอร์ไม่ไดม้ ีแคข่ นมเบเกอรี่เพียงอย่าง
เดยี ว แตย่ งั คงมีอาหารและเคร่อื งด่มื บรกิ ารด้วย เบเกอร่ีทีห่ อมชวนให้ลม้ิ ลอง และเมนอู าหารทั้งหวาน
คาวที่หลากหลายสามารถรับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ร้านลิกอร์จึงเป็นที่นิยมสำหรับชาวนคร
292
ผู้ศึกษาได้สัมภาษณ์ชาวนครโดยแบ่งเป็นแต่ละช่วงอายุ ถามถึงการเข้าถึงร้าน รู้จักร้านได้อย่างไร
คำตอบของบทสมั ภาษณท์ ำใหผ้ ู้เขยี นได้เห็นถึงมุมมองทแ่ี ตกตา่ งกันไปของแตล่ ะชว่ งอายุ
กลุ่มแรกคือ ช่วงอายุ 45 ขึ้นไป เป็นกลุ่มที่นิยมรับประทานร้านอาหารและขนมลิกอร์มาก
ที่สดุ กลมุ่ นีไ้ ดร้ จู้ ักกบั ขนมลิกอรด์ ว้ ยกนั หลายเหตุผล บางก็รจู้ กั จากสถานทีท่ ำทำงาน เพราะเม่ือคร้ังมี
ประชุมหรืองานสัมมนาของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ที่ทำงาน ระหว่างพักเบรกจะมีการแจกอาหารว่าง
ซึ่งอาหารว่างเหลา่ น้ันก็จะเป็นเคร่ืองดื่มและขนมของรา้ นลิกอร์ และอีกหนึ่งชอ่ งทางคือ เห็นร้านจาก
ในห้างสรรพสินค้ามีคนมากภายในร้านจึงอยากเข้าไปลอง การบอกเล่าปากต่อปากถึงรสชาติ
ของอาหาร เช่นเดยี วกันร้านโกป๊ี และกลุ่มน้จี ะนยิ มซอ้ื ขนมเป็นของฝากให้กับญาตผิ ้ใู หญ่ ลกู ๆ หลาน
ๆ เพราะขนมของร้านลิกอรส์ ามารถเขา้ ถงึ ได้ทุกรนุ่ ทกุ วัย และมปี ระโยชนอ์ กี ด้วย
กลุ่มที่สองคือ ช่วงอายุ 20 - 45 ปี ในช่วงอายุนี้ส่วนใหญ่ได้รู้จักเนื่องจากครอบครัวพาไป
รับประทานที่ร้าน ขนมลิกอร์เป็นที่นิยมของคนในครอบครัวจึงได้มีโอกาสรับประทานด้วยและติดใจ
ในรสชาติ และราคาสามารถเข้าถึงได้ รวมไปถึงการได้รับเป็นของฝากจากญาติ ด้วยความเคยชิน
ทเ่ี คยไดย้ ิน ไดล้ องกินต้งั แตเ่ ด็กก็ส่งผลใหก้ ลายเปน็ ความเคยชินกบั ร้านน้ี ทั้งนท้ี ง้ั น้ันในอีกแง่มุมท่ีต่าง
ออกไปคือ ความนิยมกบั การเข้าถึงรสชาตสิ ัมผสั ต่าง ๆ ของอาหารและขนมของร้านลิกอรน์ ั้นไม่ได้เกิด
ขึน้ กบั คนพนื้ ท่ีจังหวดั นครศรธี รรมราชทั้งหมด แต่เป็นเพยี งเฉพาะกลุ่มเท่าน้ัน เน่ืองจากในต่างอำเภอ
ไม่มีมีร้านลิกอร์แพร่หลายอย่างในตัวเมือง จะทานก็เฉพาะตอนได้รับเป็นของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ
ผู้ให้สัมภาษณ์กล่าวว่า “เขารู้สึกว่าขนมลิกอร์ไม่ได้แตกต่างจากอาหารในพื้นที่ของเขาเท่าไรนัก
แต่ด้วยความขึ้นชื่อของขนมเลยลองชิม”16 ความนิยมของผู้คนแต่ละพื้นที่จึงแตกต่างกันออกไป
ถึงแม้ว่าจะเป็นของขึ้นชื่อก็ตาม ดังนั้นจะเห็นได้ว่าพื้นที่ต่างกันก็ย่อมส่งผลให้เกิดค่านิยมที่ต่างกัน
ออกไป
กลุ่มที่สามคือ กลุ่มช่วงอายุ 10 - 20 ปี ในช่วงกลุ่มอายุนี้ ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2564 ลิกอร์
ไม่ค่อยเป็นท่ีนยิ มเท่าไรนกั เนื่องจากความสมัยใหม่ ความหลากหลายทีเ่ กิดขึน้ จึงทำให้เด็ก ๆ เหล่าน้ี
เลอื กที่จะรับประทานของแบรนด์ทเ่ี ปน็ ที่นยิ มของกล่มุ ชว่ งอายขุ องพวกเขาเสียมากกว่า
กลมุ่ สดุ ทา้ ยคอื กลมุ่ คนตา่ งจังหวัด ในกลมุ่ น้สี ว่ นใหญแ่ ทบจะไม่ร้จู ักรา้ นลกิ อร์เลย ถึงจะรู้จัก
ก็แค่เพียงชื่อเท่านั้นเพราะลิกอร์หมายถึงเมืองนคร ทราบแค่ว่าร้านนี้มีในจังหวัดนครศรีธรรมราช
และอาจจะเข้าไปลองเนื่องจากรีวิวหรือการแนะนำต่าง ๆ เมื่อเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัด
นครศรีธรรมราช และอกี หนงึ่ ชอ่ งทางที่ทำให้คนตา่ งจงั หวดั รู้จักรขนมลิกอรค์ ือ การแนะนำของเพื่อน
16 นายธรี ยทุ ธ สุดจันทร์ (อายุ 38 ป)ี , ประชากรในพนื้ ที่ อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช, 18 กันยายน 2564
293
ที่เป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช มีโอกาสจึงได้ลองรับประทานก็ติดใจในรสชาติ แต่ก็ยากในการ
รบั ประทานเน่ืองจากมแี ค่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชเท่านน้ั 17
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส (COVID-19) ที่เกิดขึ้นกินระยะเวลาเกือบ 3 ปี
ส่งผลให้การดำเนินกิจการต่าง ๆ ต้องเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินการเพื่อการอยู่รอด ในระยะเวลาที่
ผ่านมาตั้งแต่ช่วงปลาย พ.ศ. 2562-2564 จะเห็นได้ว่ากิจการหลาย ๆ กิจการต้องหยุดชะงักและปิด
ตวั ลง เพราะไม่สามารถต่อสู้กับสถานการณ์เศรษฐกจิ ที่ตกต่ำได้ ร้านอาหารในพ้ืนท่ีสีแดงต้องเปิด-ปิด
เร็วขึ้นกว่าปกติ และไม่สามารถนั่งรับประทานอาหารที่ร้านได้ แม้กระทั่งการใช้ชีวิตของผู้คนต้อง
ปรับเปลี่ยนไปในรูปแบบใหม่ คือ รูปแบบ New normal สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อดีในการปรับตัวรูปแบบ
ใหม่คือ ทำให้คนตระหนักถึงด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น และพยายามหาวิธีหาช่องทางในการประกอบ
อาชีพ ได้นำนวัตกรรมใหม่ ๆ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำมาปรับใช้
ในการค้าขาย ดำเนินธุรกิจ ด้วยความก้าวหน้าทางการตลาดที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้
ร้านค้าเกิดการปรับตัวเพื่อสามารถทำให้ผ้บู ริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย และสะดวกมากย่ิงข้นึ สามารถ
แสวงหากลุ่มลูกค้าได้ทั่วถึง เช่น ร้านที่เป็นที่รองรับของนักเที่ยว เมื่อเกิดสถานการณ์ดังกล่าวทำให้
รายได้ส่วนนี้ลดลงเนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้ามาภายในจังหวัดได้ ดังนั้นช่องทาง
ออนไลนจ์ งึ เปน็ ชอ่ งเดยี วท่สี ามารถติดต่อซอ้ื ขายสนิ คา้ ได้อยา่ งสะดวกและเปน็ ระบบ
ร้านลิกอร์จึงได้มีการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเปลี่ยนในยุคสมัยปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าร้านจะได้มีการขยายสาขาเป็นจำนวนมาก ทั้งในอำเภอเมืองและต่างอำเภอ
แต่เมื่อห้างสรรพสินค้าต้องปิดบริการช่ัวคราว ทำให้ไม่สามารถเปิดร้านอาหารได้ปกติ เปิดได้เพียง
รูปแบบ Take Away (ซื้อกลับบ้าน) ทางร้านจึงมีการเพิ่มช่องทางการขายเป็นช่องทางออนไลน์
ไม่ว่าจะเป็นเพจเฟสบุ๊ก เว็บไซต์ลิกอร์ รวมไปถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ สำหรับการซื้อขายออนไลน์
shopee Lazada เป็นต้น นอกจากมีการสามารถสัง่ ซื้อผ่านออนไลน์ไดแ้ ลว้ มกี ารส่งเสรมิ การขายดว้ ย
การแจกโค้ดที่เป็นส่วนลดต่าง ๆ และนี่เป็นอีกหนึ่งการเติบโตของร้านลิกอร์ที่สามรถทำให้ดำเนิน
กิจการต่อไปได้ ถึงแม้จะมีการเปิดตัวของร้านเบเกอรี่ คาเฟ่ใหม่ ๆ ที่มีความทันสมัยเกิดขึ้นมากมาย
แต่ขนมลิกอร์ก็ยงั คงเป็นทน่ี ิยมสำหรบั ชาวนคร และนกั ท่องเทีย่ ว
ความนิยมบริโภคเบเกอรี่ของร้านลิกอร์ เบเกอรี่ เกิดความแพร่หลายมากขึ้น ผู้คนรู้จัก
และให้ความสำคัญกับร้านทั้งในการใช้บริการอาหารประเภทของคาว และเพื่อเป็นสถานที่พัก
รับประทานอาหารกลางวนั ของพนักงานออฟฟิศ รวมไปถึงการซ้ือขนมจากร้านกลับไปเป็นอาหารว่าง
17 นางสาวดารารตั น์ ยังสขุ (อายุ 21 ป)ี , ประชากรจังหวัดชมุ พร, 18 กนั ยายน 2564
294
หรือฝากเพื่อน ๆ พนักงานในออฟฟิศของตนเอง แสดงให้เห็นถึงการก้าวสู่การเป็นของฝากของเมือง
นคร
สู่ของฝากและการปรับโฉมขนมเบเกอรี่เมอื งนครศรีธรรมราช
การรับประทานขนมของสังคมไทยในอดีตนั้นเป็นการให้ความสำคัญกับขนมแค่เพียงเพื่อใช้
ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ประเพณตี ่าง ๆ การรบั ประทานขนมหลังอาหารคาวนนั้ เกิดข้ึนใน
ภายใน ตลอดจนได้มีการศกึ ษาของ วภิ านี กาญจนาภญิ โญกลุ 18 ได้ให้ความหมายของขนมไว้ใน “ขนม
และวัฒนธรรมการบริโภค : กรณีศึกษาตลาดดอนหวาย” ไว้แตกต่างจากมุมมองอื่น เพื่อเพิ่มบทบาท
ของขนมให้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ขนมไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่ไว้สำหรับล้างคาวปากเท่านั้น
นอกจากการนำขนมมาใช้ในการประกอบพิธีกรรมเป็นการเพิ่มคุณค่าให้แก่ขนมแล้ว แท้จริงแล้วขนม
สามารถใหค้ ณุ คา่ ได้มากกวา่ นนั้ นนั่ คือ การใชข้ นมเปน็ สื่อในการสร้างความรูส้ ึกประทับใจ สรา้ งความ
ทรงจำจากสถานที่ที่ได้รับขนมเหล่านั้นมา ผลการศึกษาทำให้ทราบว่า ขนมยังคงมีความสำคัญต่อ
วัฒนธรรมการกนิ ของคนในสังคม เพยี งแต่เปลยี่ นแปลงรปู แบบของการบรโิ ภค
ช่วงเวลา พ.ศ. 2555-2564 เป็นช่วงของความเปลี่ยนแปลงที่กำลังก้าวสู่ความเป็นสมัยใหม่
ในกระแสนิยมทมี่ ีการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด ความนิยมในการบรโิ ภคขนมหวานกลายเปน็ เรื่อง
ปกติในทุกสังคม ทุกคน ทุกชนชั้นสามารถเข้าถึงขนมหวานได้แล้ว ต่างจากในอดีตที่ขนมหวานเป็น
เพียงอาหารภายในราชสำนัก และกลุ่มชนชั้นสูงเท่านั้น การปรับตัวในสมัยใหม่ทำให้การเติบโต
ของธุรกิจเบเกอรี่เกดิ ขึ้นมากมาย ดังบทความนี้ทีม่ ุ่งศึกษาพัฒนาการของเบเกอรีใ่ นทอ้ งถิ่น โดยเลือก
ศึกษาร้านลิกอร์ เบเกอรี่ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของผู้ศึกษา
และร้านลิกอร์ เบเกอรี่ เป็นร้านที่ผู้ศึกษาคุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก ๆ สมัยที่ผู้ศึกษายังเป็นเด็ก ตั้งแต่จำ
ความไดต้ ัวผูเ้ ขียนเองได้รูจ้ ักร้านเบเกอรี่นี้ในชื่อวา่ “ลิกอร์ บ้านทำขนม” เน่ืองจากครอบครัวชอบไป
รับประทานอาหารที่ร้าน จะขอเล่าความทรงจำในวัยเด็กเกี่ยวกบั ร้านลิกอร์ใหผ้ ู้อ่านได้สมั ผัสถึงความ
ประทับใจเกดิ ขน้ึ กับผศู้ ึกษา
“ในสมัยที่ผู้เขียนยังเยาว์วัย ทุกวันหยุดครอบครัวจะพาไปเที่ยว ร้านอาหารท่ี
ประทบั ใจทส่ี ุดเปน็ รา้ นอ่นื ไปไม่ได้นอกจากรา้ นลิกอร์ หลายๆ คร้ังท่ไี ปคณุ แมช่ อบพาหลาน ๆ
ของท่านไปด้วย เมื่อเข้าไปถึงร้านพี่พนักงานจะยืนต้อนรับหน้าร้าน และทักทายลูกค้าเป็น
อย่างดี ผ้เู ขยี นคิดวา่ พ่พี นักงานเหล่านนั้ คงจะจำครอบครวั ของผเู้ ขยี นไดเ้ พราะเราไปบ่อยมาก
18 วภิ านี กาญจนาภญิ โญกลุ . (๒๕๔๕). เลม่ เดมิ . หนา้ 4.
295
พพี่ นักงานชอบมาพดู คยุ หยอกเอ้ินกบั ผเู้ ขยี นอยู่เสมอ ในแตล่ ะคร้งั เมนูทผ่ี ูเ้ ขียนสง่ั เป็นประจำ
ทุกครั้งคือ สปาเก็ตตี้หมูซอสมะเขือเทศ และตามด้วยไอศกรีมสตอเบอร์รี่ซันเดย์ เมนูยอด
นิยมสำหรับเด็ก ๆ รสชาติอาหารที่ร้านบรรยากาศที่ประทับใจเป็นอย่างมากสำหรับผู้เขียน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ในโซนด้านขวามือของร้านอาหารจะเป็นโซน
ของเบเกอรี่ที่รายล้อมไปด้วยขนมที่น่ารับประทานไปหมดทุกอย่าง แน่นอนว่าความเป็นเด็ก
ของผู้เขียนในตอนนั้นก็คงจะหยิบขนมใส่ตะกร้าแบบไม่ยั้งมือจนกระทั่งคุณแม่ต้องห้าม
ตะกร้าในมือดา้ นซ้ายมีทั้งขนมกนิ เลน่ สำหรบั เด็ก ๆ ขนมปังกลม ๆ ชน้ิ เล็ก ๆ ท่ีมีไส้กรอกอยู่
ด้านใน คงเป็นชิ้นโปรดสำหรับเด็ก ขนมปังอัดแท่งเคลือบด้วยช็อคโกแลตหวาน ๆ ตัดกับ
ความมันของเมล็ดอัลมอน และเค้กหน้าฝอยทองใส่กล่องสี่เหลี่ยมที่เหลืองอร่ามชวนให้ลอง
ชมิ เป็นขนมท่ีผ้เู ขียนเลือกซ้ือเป็นของฝากให้คุณยาย ความทรงจำและความประทับใจเกิดข้ึน
ได้ตลอดเวลาเมื่อการกระทำเหล่านั้นส่งผลให้เรามีความสุข เราจึงเลือกจดจำความสุข
เหลา่ น้นั ไว”้
จากความทรงจำข้างต้นแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการกินในพื้นที่ท้องถิ่น ความนิยมบริโภค
เบเกอร่ี รวมไปถงึ การยดึ ตดิ กบั รสนยิ มเดมิ ทต่ี นเองเคยได้รบั ถงึ แมค้ วามเปลยี่ นแปลง กระแสนิยมต่าง
ๆ ที่แพร่หลายเช้ามามีบทบาทในสังคม แต่การเปลี่ยนแปลงวิถีการเลือกบริโภคของผู้คนก็ยังคงอยู่ท่ี
เดิม แต่สำหรับเด็กในสมัยใหม่ที่เติบโตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงกอ็ าจจะมีรสนยิ มท่ีเปล่ียนไปตาม
บริบทของสงั คมทีเ่ ปน็ ตวั กำหนด หลอ่ หอมรสชาติ สี รปู ลกั ษณ์ และแบรนดน์ ิยม
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในการบริโภคขนมเบเกอรี่หลากหลายมากขึ้น แต่ขนมของร้านลิกอร์
นั้นก็ยังคงสามารถปรับตัวไปตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้ ในช่วงเวลาของการศึกษาขนมลิกอร์
ก็ยังถือว่าเป็นที่นิยมสำหรับการซื้อเป็นของฝาก และเป็นตัวแทนของเมืองนครศรีธรรมราช
ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่า ชื่อของร้านลิกอร์นั้นมีความโดดเด่นอยูใ่ นตัวเองแสดงถึงที่มาของร้านขนมนี้
ว่ามาจากที่ใด ธรรมเนียมการซื้อของฝากในแต่ละสถานที่ที่ได้ไปเยือนและนำสินค้าของสถานที่น้ัน
กลับมายังคงเป็นที่นิยมในสังคมไทยเสมอมา รวมถึงในพื้นทีจ่ ังหวัดนครศรีธรรมราชเช่นกัน ปัจจุบันผู้
ศึกษาพบว่าการซื้อขนมลิกอร์เป็นของฝากให้กับคนต่างจังหวัดหรือคนในพื้นที่ต่างอำเภอนั้นยงั คงอยู่
การกระทำดังกลา่ วจึงถอื เป็นการเพม่ิ ทบทบาทของขนมมากขน้ึ
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของร้านลิกอร์ เบเกอรี่ เป็นผลมาจากการบริหารจัดการงานที่ดี
รวมถึงความนิยมในการเลือกรับประทานอาหารประเภทเบเกอรี่เป็นที่นิยมในสังคมไทยมากข้ึน
สง่ ผลใหร้ า้ นลิกอร์ เบเกอรี่ สามารถดำรงอย่ไู ดแ้ ละเป็นท่รี ้จู กั จนถงึ ปัจจุบัน การที่ขนมลกิ อร์เป็นท่ีรู้จัก
ในกลุ่มของนักท่องเที่ยวถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้ทราบว่าขนมนี้มาจากที่ใด ชื่อที่โดดเด่น
296
แสดงความเป็นเอกลักษณ์ การตอบสนองความต้องการของลูกค้าทำให้ร้านลิกอร์ได้รับผลตอบจาก
ลูกค้าอย่างเป็นอย่างดี และเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการบอกเล่าปากต่อปากของกลุ่มผู้บริโภค
ขนมลิกอร์จึงถอื เป็นสินคา้ ข้ึนชื่อของนครศรธี รรมราช
ในช่วงระยะเวลา พ.ศ. 2555-2564 ถือได้ว่าเป็นช่วงที่เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้าน
เศรษฐกิจของจังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่บ่อยครั้ง บทความชนี้จึงไม่ได้เน้นการศึกษาไปในด้าน
เศรษฐกิจมากนัก เพียงแตจ่ ะเปน็ การอธบิ ายให้ทราบถึงความนิยมในการบริโภคเบเกอร่ขี องร้านลิกอร์
เบเกอรี่ การเข้าถึงของกลุ่มผู้บริโภค โดยภาพรวมราคาอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ ภายในร้าน
ถือว่าจัดอยู่ราคาที่เหมาะสมกับปริมาณและคุณภาพ กลุ่มลูกค้าโดยส่วนใหญ่ของร้านลิกอร์ เบเกอร่ี
จะเป็นกลุ่มชนชั้นกลาง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะขนมลิกอร์อาจไม่ได้เป็นแบรนด์ดัง หรือเป็นที่นิยมอยู่ใน
กระแสมากนัก ต่างจากร้านเบเกอรแ่ี บรนด์อ่ืน ๆ ท่ีเปน็ ที่นยิ มของชนชั้นสูง อัตราการจำหน่ายก็ยังคง
เป็นในรูปแบบที่ต่อเนื่องเพิ่ม ลด ตามสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ๆ เช่น ในช่วงสถานการณ์การแพร่
ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 (Covid-19) ในระยะแรกเศรษฐกิจค่อนข้างตกต่ำ การบริโภค
ขนมเบเกอรี่ที่ถือว่าเป็นการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยสำหรับผู้คนในท้องถิ่น รวมไปถึงการเปิด - ปิดการ
ให้บริการของร้านในระยะเวลาที่สั้นลงอีกด้วยส่งผลให้ยอดขายลดลง แต่อย่างไรก็ตามการปรับตัว
ของรา้ นกส็ ามารถดำเนินธรุ กจิ ใหค้ งอยไู่ ดจ้ นถึงปจั จุบนั
การตลาดที่สังเกตเห็นได้ชัดสำหรับร้านลิกอร์คือ การเลือกสถานที่ที่เป็นจุดสนใจเพื่อดึงดูด
ความสนใจแก่ลูกค้า ในกรณขี องหา้ งสรรพสินค้าโลตสั สาขานครศรธี รรมราช ร้านลิกอร์อยู่ทางขวามือ
ของประตูทางเข้า เมื่อเข้าหา้ งมาก็จะพบกับร้านลกิ อร์โดยทนั ที การมีตำแหน่งที่เป็นจุดสนใจสามารถ
ดงึ ดดู ผูค้ นไดจ้ ำนวนมาก จากบทสมั ภาษณ์หนึ่งทผ่ี ูเ้ ขยี นได้ฟงั จากคนต่างจังหวดั เลา่ ว่า “เหตุผลท่ีรู้จัก
รา้ นลิกอร์เพราะเคยไปเที่ยวนครไปซื้อของในห้างโลตัส เห็นเปน็ จุดเด่นอยูด่ ้านหน้า ภายในร้านมีขนม
ทน่ี ่าสนใจและหลากหลายจึงตัดสินใจเข้าไปเลือกซ้ือ”19 เม่อื เริ่มเปน็ ทร่ี ้จู ักมากย่ิงข้ึนก็ได้ย่อมรับความ
นิยมมากยิง่ ขึน้ ในกลุม่ นักท่องเทยี่ ว รวมไปถงึ การเติบโตของกิจการทตี่ ่อเน่ืองจนสามารถขยายสาขาได้
เป็นจำนวนมาก โดยเริ่มแรกเลือกขยายไปยังสถานที่ที่คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายภายในตัวเมืองนคร
ก่อน แล้วจึงค่อยขยายไปยังต่างอำเภอ อย่างในสาขาที่ปั๊ม ปตท. ผาทองอำเภอทุ่งสง ซึ่งเป็นจุดแวะ
พักรถของผู้ที่เดินทางข้ามจังหวัดต่าง ๆ สาขาในท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชที่เป็นที่รองรับ
นกั ทอ่ งเที่ยว และสามารถซอ้ื เปน็ ของฝากได้ ปัจจบุ นั รา้ นลกิ อร์มีสาขาด้วยกนั ทัง้ หมด 12 สาขา ได้แก่
ลิกอร์ สาขาคิวคูตอนนครโบราณ สาขาศาลากลาง สาขาหน้าโรงพยาบาลมหาราช สาขาเซ็นทรัล
นครศรีธรรมราช สาขาโรบินสัน โอเชี่ยน สาขาบิ๊กซี นครศรีธรรมราช สาขาโลตัส นครศรีธรรมราช
19 นายสุธรี ะ สุดสาย (อายุ 34 ป)ี , ประชากรในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช, 18 กันยายน 2564
297
สาขาโลตัส ทุ่งสง สาขาโลตัส สิชล สาขาโรงพยาบาลสิชล สาขาท่าอากาศยาน นานาชาติ
นครศรธี รรมราช (ใน Gate ขาออก) และสาขา ปม๊ั ปตท. ผาทอง
พฒั นาของการความเปล่ยี นแปลง สง่ ผลให้ร้านลิกอร์ เบเกอรี่ สามารถรกั ษาชื่อเสียงของร้าน
ไว้มาได้จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 80 ปี ความนิยมในการบริโภคเบเกอรี่ของลูกค้าในบางกลุ่ม
อาจจะเปลี่ยนไป แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้ทิ้งคุณค่า อัตลักษณ์เดิมของร้าน คงความเป็นลิกอร์ เบเกอร่ี
เสมอมา ถึงแม้ว่าขนมลิกอร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากชาวนคร กลุ่มนักท่องเที่ยว อย่างไรก็
ตามประชากรในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชก็ไม่ได้รู้จักขนมลิกอร์ทุกคน ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้
ศึกษาพบว่าคนในพื้นท่ตี ่างอำเภอ เชน่ คนอำเภอบางขนั จังหวดั นครศรีธรรมราช กลา่ วว่า “ไม่ได้รู้จัก
กับร้านลิกอร์ ไม่เคยได้ยิน และไม่เคยรับประทาน”20 คนอำเภอท่าศาลากล่าวว่า “เขาเคยได้ยินชื่อน้ี
อยู่จากบ้าน แต่ตัวเขาเองก็ไม่เคยได้ลองรับประทาน เขารู้สึกไม่อินเท่าไรหนัก เขาจะรู้สึกอินกับร้าน
โกปี๊มากกว่าเนื่องจากเป็นที่นิยมและครอบครัวชอบไปรับประทานอาหารที่นั้นมากกว่า”21 เนื่องจาก
พวกเขาไม่ได้สัมผัสกับขนมเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กเช่นเดียวกันคนพื้นที่อำเภอเมือง จากบทสัมภาษณ์ทำ
ให้ผู้ศึกษาพบกับมุมมองที่แตกต่างออกไป แม้กระทั่งผู้ศึกษาเข้าใจว่าชาวนครทุกคนรู้จักร้านลิกอร์
และร้านลิกอร์มีอยู่ทั่วไปในทุกพื้นที่ ข้อมูลเหล่านี้ทำให้ผู้ศึกษาได้ทราบถึงความหลากหลายของ
ค่านยิ ม มุมมองต่าง ๆ ของคนในสังคม ทเี่ กดิ ขน้ึ จากคนภายในจังหวัดเดียวกัน พ้ืนทต่ี า่ งกัน ภมู ิปญั ญา
ภาวะแวดล้อม คำบอกเล่าที่ไหลเวียนกันในกลุ่มคน ในบริบทที่ต่างกันย่อมส่งผลต่อค่านิยมของคนให้
แต่ละพื้นที่ให้แตกต่างกันอีกด้วย ขณะเดียวกันนั้น ร้านลิกอร์มีแค่เพียงในพื้นที่จังหวัด
นครศรธี รรมราชเท่านั้น และเปน็ ทร่ี จู้ ักอย่างลือนามในฐานะของฝากของเมืองนคร การมีร้านแค่เพียง
ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชนั้นถือเป็นความโดดเด่นอย่างนึงของร้านลิกอร์ที่แตกต่างจากร้านเบ
เกอร่ีอนื่ ๆ
การเติบโตของร้านลิกอร์ตั้งแต่ก่อตั้งจนมาถึงปัจจุบันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความนิยมในการเลือก
บริโภคของลูกค้าเพียงอย่างเดียว การบริหารจัดการของร้านในทุก ๆ ด้านก็ถือว่าส่วนหนึ่งของ
ความก้าวหน้า ตั้งแต่สูตรการทำขนม และอาหารที่คงรสชาติแบบเดิม การบริหารจัดการงานสำหรับ
พนักงาน การดูแล และกฎระเบียบต่าง ๆ สำหรับพนักงานของร้านในแต่สาขา แม้กระทั่งการจัดทำ
บัญชีของร้านที่เป็นระบบ ไม่ให้เกิดการฉ้อโกง ความสมดุลในการจัดการด้านการเงินในการจัดแต่ง
ร้าน ขยายสาขา เพราะถ้าหากสง่ิ ท่ีกล่าวไปทั้งหมดนน้ั ไมส่ อดคลอ้ งกัน การดำเนินงานที่ไม่เป็นระบบ
20 นายนพดล โรจนส์ ุวรรณ (อายุ 21 ปี), ประชากรในพน้ื ท่ี อ.บางขัน จ.นครศรธี รรมราช, 18 กนั ยายน 2564
21 นางสาวจนั ทปกา บุญเต็ม (อายุ 21 ปี), ประชากรในพ้นื ท่ี อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช, 18 กันยายน 2564
298
ก็ไม่สามารถดำเนินกิจการได้ในระยะยาว ผลของการทำงานเป็นระบบจัดวางโครงสร้างธุรกิจที่ดี
ก่อใหเ้ กดิ ผลดตี อ่ ธรุ กจิ ในทุก ๆ ดา้ น และสามารถดำรงไว้ซง่ึ ธรุ กจิ ที่สบื ทอดกนั มารุ่นต่อรนุ่
บทสรปุ
จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมาของขนม รวมไปถึงรสนิยม
ในการบริโภคของผู้คนในพ้ืนที่ท้องถิ่น งานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับขนมในมิติประวตั ิศาสตร์ยังมีค่อนข้าง
จำกัดเมื่อเทียบกับงานในมิติอื่น ๆ อาทิ ในมิติทางเศรษฐกิจ การตลาด และการบริหารธุรกิจ
และโดยส่วนใหญ่งานในในมิติประวัติศาสตร์เป็นการศึกษาภาพรวมในสังคมไทย ผู้ศึกษาจึงพยายาม
อธิบายการพัฒนาการที่ส่งผลให้ร้านลิกอร์ เบเกอรี่ มีความสำคัญต่อเมืองนครศรีธรรมราช
รวมไปถึงความเปลีย่ นแปลงทีร่ ้านจำเป็นตอ้ งปรบั ตัวเพื่อใหเ้ ขา้ กับโลกปจั จุบนั
บรรณนานุกรม
กมลทิพย์ จ่างกลม. (2545). อาหาร : มาตรฐานในการกนิ กับอตั ลกั ษณท์ างชนชน้ั . วทิ ยานิพนธ์
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. เพชรบุร.ี มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ฉตั รชนก บุญไชย. (2563). ขนมไทยมติ ดิ า้ นประเพณี. วารสารวัฒนธรรมอาหารไทย. 2 (1). ,1-4.
ชาตชิ าย มกุ สง. (2548). นำ้ ตาลกบั วัฒนธรรมการบริโภครสหวานในสังคมไทย พ.ศ.2504 - 2539.
วทิ ยานพิ นธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑติ . กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร.์
ทองแถม นาถจำนง. (2561). ขนมเค้กปีใหม่. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 29 มิถุนายน 24565. จาก
https://siamrath.co.th/n/28915
ปรีชา นุ่นสุข. (2554). นามของนครศรีธรรมราชในประวัติศาสตร์. สารนครศรีธรรมราช. (24–34).
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรธี รรมราช.
พัชนี เผือกโสภาทัย. (2561). การสื่อสารรสนิยมของชนชั้นกลางผ่านขนมไทย : กรณีศึกษา คาเฟ่
ขนมไทย. วทิ ยานิพนธ์วารสารศาสตรบณั ฑิต. กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วิภานี กาญจนาภิญโญกุล. (2545). ขนม และวัฒนธรรมการบริโภค : กรณีศึกษาตลาดดอนหวาย.
วิทยานพิ นธส์ งั คมวทิ ยาและมานุษยวทิ ยามหาบัณฑิต. กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์.
อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ. (2564). มองสังคมไทยผ่านขนมเค้กของท่านผู้หญิงพูนสุข. [ออนไลน์].
สบื ค้นเมอ่ื 29 มถิ ุนายน 2565. จาก https://pridi.or.th/th/content/2021/01/564
299
lIGOR HOME BAKERY. “ตำนานลิกอร์”. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2564. จาก
https://ligorhomebakery.com/about-us/
YANAN ZHAO. (2564). วัฒนธรรมอาหารจีน ในสังคมไทย : กรณีศึกษาอำเภอเมือง จังหวัด
ชลบรุ ี. วทิ ยานพิ นธ์ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ . ชลบุรี : มหาวิทยาลยั บูรพา.
บุคลานกุ รม
นางหนเู จียร วยั วัฒน์ (อายุ 57 ปี), ประชากรในพื้นที่ อ.เมอื ง จ.นครศรธี รรมราช, 18 กนั ยายน 2564
นางอรดา กาญจนวิเชียร (อายุ 46 ปี), ประชากรในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช, 18 กันยายน
2564
นายสุธรี ะ สดุ สาย (อายุ 34 ปี), ประชากรในพ้นื ท่ี อ.เมอื ง จ.นครศรธี รรมราช, 18 กันยายน 2564
นายธีรยุทธ สุดจันทร์ (อายุ 38 ปี), ประชากรในพื้นที่ อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช, 18 กันยายน
2564
นายนพดล โรจน์สุวรรณ (อายุ 21 ปี), ประชากรในพื้นที่ อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช, 18 กันยายน
2564
นางสาวจันทปกา บุญเต็ม (อายุ 21 ปี), ประชากรในพื้นที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช, 18
กันยายน 2564
นางสาวปิยนุช กาญจนวิเชียร (อายุ 21 ปี), ประชากรในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช, 18
กนั ยายน 2564
นายวชิ พล พลเดช (อายุ 16 ปี), นกั เรยี นในพนื้ ท่ี อ.เมือง จ.นครศรธี รรมราช, 18 กันยายน 2564
เด็กหญิงอรสา เมืองดิษฐ์ (อายุ 12 ปี), นักเรียนในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช, 18 กันยายน
2564
นางสาวเจนจริ า หนูทอง (อายุ 22 ปี), ประชากรจังหวัดตรัง, 18 กนั ยายน 2564
นางสาวดารารัตน์ ยังสขุ (อายุ 21 ปี), ประชากรจังหวัดชุมพร, 18 กันยายน 2564
300
สถานภาพความรูก้ ารทำแท้งในบริบทสังคมไทย พ.ศ. 2451 – 2564
ชุตกิ าญจน์ วงคน์ ิ่ม1
บทคัดยอ่
บทความนี้มุ่งศึกษาเรื่อง สถานภาพความรู้การทำแท้งในบริบทสังคมไทย ระหว่างปี พ.ศ.
2499 – 2564 โดยสถานภาพองค์ความรู้เกี่ยวกบั การทำแท้งไดเ้ ปลีย่ นแปลงไปตามกระแสวัฒนธรรม
และองค์ความรู้ รวมไปถึงแนวคิดต่าง ๆ จากตะวันตกที่เข้ามามีอิทธิพลต่อความคิดในเรื่องสิทธิและ
เสรีภาพในร่างกายมนุษย์ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน
เป็นผลให้มีองค์ความรู้เกี่ยวกบั การทำแท้งเกิดขึ้นอย่างมากมาย ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในตัว
บทกฎหมาย ในหมวดที่ 3 ความผิดฐานทำให้แท้งลูก มาตรา 301 – 305 การทำแท้งจึงเป็นหัวข้อ
ที่ถูกนำมาศึกษาในหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในด้านของความเปลี่ยนแปลงของตัวบท
กฎหมาย ทัศนคติของประชาชนและคนไทยที่มีต่อการทำแท้ง รวมไปถึงแง่มุมทางศีลธรรมเกี่ยวกับ
การทำแท้ง แต่งานศึกษาที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์นั้นยังมีอยู่ไม่มากนั ก จากการศึกษา
พบว่า การทำแท้งในบริบทสังคมไทยเป็นสิ่งที่เกิดการศึกษาและถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน
นับแต่สมัยโบราณกาล ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการทำแทง้ เปน็ อย่างมาก เล็งเห็นได้จากการ
บัญญัติกฎหมายเพื่อลงโทษหญิงตั้งครรภ์ที่ทำให้ตนแท้งลูก โดยได้มีการประกาศใช้กฎหมายลักษณ
อาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทั้ง
ในปี พ.ศ. 2499 ไดม้ ีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายอาญาเปน็ ฉบับแรกของประเทศไทย
คำสำคญั : สถานภาพ, การทำแท้ง
1 นิสิตหลกั สูตรประวตั ิศาสตร์ สาขาสังคมศาสตร์ คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทักษณิ
301
บทนำ
สังคมไทยในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่สังคมในปัจจุบันอยู่ในยุค
โลกาภิวตั น์ การส่อื สารผา่ นเทคโนโลยีดว้ ยความรวดเรว็ และครอบคลมุ ทกุ พ้ืนท่ี ทำให้ผคู้ นสามารถรับ
ข่าวสารจากทั่วโลกได้อย่างทั่วถึงและทันท่วงที ผนวกกับวัฒนธรรมภายนอกเข้ามามีบทบาทและมี
อทิ ธิพลในสังคมไทยมากเป็นอยา่ งยงิ่ โดยเฉพาะอย่างย่ิงปัญหาทเี่ กี่ยวข้องกบั การรบั รู้และความเข้าใจ
เกี่ยวกับการทำแท้งในสังคมไทย กำลังเป็นประเด็นสดใหม่และยังเป็นที่ถกเถียงอยู่ในแวดวงวิชาการ
มาจนถึงปจั จบุ ัน
ปัญหาการทำแท้ง ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมของสตรี ถือเป็นปัญหาที่สำคัญไม่เพียง
เฉพาะตัวบุคคล หรือครอบครัวเท่านั้น แต่ปัญหาดังกล่าวกลายเป็นประเด็นสำคัญในสังคมไทยมาช้า
นาน สังคมไทยภายใตก้ รอบคิดถือว่าการทำแทง้ เปน็ บาปอยา่ งมหนั ต์ แต่ก็ไมไ่ ด้มีข้อบังคับห้ามไว้ เป็น
เพยี งแค่ประเพณีท่ีปฏิบตั ิสืบต่อกันมาเท่าน้นั เพิ่งจะมีการบัญญัติไว้เป็นตวั บทกฎหมายเม่ือร้อยกว่าปี
ก่อน คอื กฎหมายลกั ษณอาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) ท่ถี อื เปน็ ประมวลกฎหมายฉบับแรกของไทย
ในช่วงเวลานน้ั สงั คมไทยมองวา่ การทำแทง้ หรอื ทีเ่ รยี กกันในสมัยน้ันว่า การรีดลูก ถือเป็นสิ่ง
ที่ผิด และได้บัญญัติกฎหมายเอาไวเ้ พื่อไม่ให้มคี นกระทำเช่นนี้ ค่านิยมต่าง ๆ ที่เข้ามายังประเทศไทย
ได้มีการหล่อหลอมให้สังคมไทยเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เป็นต้นว่าค่านิยมสิทธิเสรีภาพในร่างกาย
ของตนเอง ท้งั ชายและหญงิ กส็ ามารถมสี ิทธิและเสรีภาพต่าง ๆ ที่เท่าเทียมกัน รวมไปท้งั ค่านิยมการมี
เพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน ทำให้เกิดการทำแท้งเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย กฎหมายเป็นสิ่งที่ถูก
กำหนดข้นึ เนอ่ื งมาจากคา่ นิยมของคนในสังคมท่มี องว่าการกระทำสิง่ ใดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง การกระทำสิ่ง
ใดเป็นส่ิงทผี่ ิด หรอื การกระทำส่ิงใดเปน็ มโนทศั น์ของคนในสังคมโดยรวมก็คงไม่ผิดนัก
ในปี พ.ศ. 2499 เป็นปีที่มีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายอาญาฉบับแรกของประเทศไทย
และเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติในกฎหมายทีว่ ่าดว้ ยความผิดฐานทำให้แท้งลูก และได้มีการเปลี่ยนแปลง
บทบัญญัติในกฎหมายอีกไมบ่ อ่ ยครั้งนกั ในเวลาต่อมา และครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2564 เป็นปีที่เกิดการ
เปลยี่ นแปลงของบทบัญญตั ิในประมวลกฎหมายอาญา ในหมวดท่ี 3 ความผดิ ฐานทำใหแ้ ทง้ ลูก มาตรา
301 – 305 โดยหญิงตั้งครรภ์ท่ีอายุครรภ์ไม่เกิด 12 สัปดาห์ สามารถทำแท้งได้ตามสิทธิและเสรีภาพ
เหนือร่างกายของตนเอง การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกในรอบ 60 ปี
และเป็นสิ่งที่ภาคประชาสังคมร่วมกับเกิดการเรียกร้องให้เกิดขึ้นผ่านการเคลื่อนไหวต่าง ๆ มาอย่าง
ตอ่ เนอ่ื ง
งานศึกษาการทำแท้งที่ผ่านมายังจำกัดขอบเขตของการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา
ในเพียงไม่กี่ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านตัวบทกฎหมาย ดังงานศึกษาของไฉไล ชุ่มฤทธิ์2 อุษณีย์ เมธสุทธิ์3
2 ไฉไล ชมุ่ ฤทธ.ิ์ (2523). กฎหมายว่าด้วยการทำแท้ง. หนา้ 28-34.
3 อุษณีย์ เมธสทุ ธิ์. (2552). อำนาจทำแท้งตามกฎหมาย. หนา้ 112.
302
มัรยัม แวหะยี4 และพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์5 กลุ่มงานที่ศึกษาทัศนคติที่มีต่อการทำแท้ง ดังงานของ
มณฑา พึ่งเสมา6 ประวิตร ชื่นวิเชียร7 นวลฉวี ศรีประไหม8 เกสริน ศักดิ์กำจร9 จุฑามาศ เดชกิตติ
ขจร10 สทุ ธริ กั ษ์ นภาพนั ธ์ และ พูนชยั ปนั ธิยะ11 ทีเ่ น้นให้เหน็ ถึงทัศนคตขิ องกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ท่ีมีต่อ
ต่อการทำแท้งหรือบุคคลที่ทำแท้ง ในขณะเดียวกันงานที่ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เป็นเหตุ
ปัจจัยต่อการทำแท้ง อย่างงานศึกษาของอัญชลี จารุสมบัติ12 ศานต์ฤทัย สาเพิ่มทรัพย์13 ไท วัฒนา14
กฤษณะโชติ บวั หล้า15 ท่ีได้ชใ้ี ห้เห็นถึงความเปล่ียนแปลงของสังคมที่ส่งผลต่อทัศนะของคนทั่วไปและ
ทศั นะของสงั คมทมี่ ีต่อการทำแท้งของสงั คมไทย แตง่ านเหล่านี้ทีไ่ ดก้ ลา่ วมาขา้ งตน้ นั้นเปน็ งานท่ีศึกษา
ในด้านของนิติศาสตร์ มานุษยวิทยา และกลุ่มงานของนิเทศศาสตร์เป็นหลัก งานศึกษาในมุมมองด้าน
ประวัตศิ าสตรย์ ังคงมอี ยู่นอ้ ยมากทเี ดยี ว
บทความนี้จึงเป็นการสำรวจงานที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำแท้ง เพื่อศึกษาสถานภาพ
ความรู้การทำแท้งในบริบทสังคมไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2499 – 2564 ว่าเป็นไปในรูปแบบใด และมี
ความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ผู้ศึกษาได้นำเสนอใน 3 ประเด็น ดังนี้ กำเนิดกฎหมายว่าด้วยการ
ทำแท้งในสังคมไทย ทัศนะและมุมมองวิวาทะระหว่างแพทย์และนักกฎหมายบนเง่ือนไขทางศีลธรรม
ทางสงั คม และพ้ืนท่ีส่ือสาธารณะกับการนำเสนอ “การทำแท้ง” ในสังคมไทย
1. ยอ้ นไปสูต่ ัวบท : กำเนดิ กฎหมายว่าดว้ ยการทำแทง้ ในสังคมไทย
กฎหมายลกั ษณอาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) และประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499
การทำแท้งเป็นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมาอย่างช้านาน การตรากฎหมายที่ว่า
ด้วยการทำแท้งก็เป็นอีกหนึ่งนัยยะสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ที่ประเทศ
ไทยเล็งเห็น การศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกฎหมายลักษณอาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) และ
ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 249916 ได้กล่าวถึงกฎหมายที่ว่าด้วยการทำแท้งไว้ว่าด้วยการทำแท้ง
4 มรั ยมั แวหะยี. (2561). ศกึ ษาเปรียบเทยี บการทำแทง้ ในกฎหมายอาญาอิสลามและกฎหมายอาญาไทย. หนา้ 171-173.
5 พัชรินทร์ ซำศิริพงษ.์ (2562). การทำแท้งทผี่ ิดกฎหมายในประเทศไทย. หนา้ 433-434.
6 มณฑา พึ่งเสมา. (2517). ทัศนคติของนักศกึ ษาแพทย์ไทยท่ีมีต่อการแก้ไขกฎหมายทำแท้ง. หน้า 83-87.
7 ประวติ ร ชื่นวเิ ชียร. (2521). ทัศนคติของอาจารย์มหาวทิ ยาลยั ในกรงุ เทพมหานครตอ่ การทำแท้ง. หน้า 69 – 72.
8 นวลฉวี ศรีประไหม. (2537). การทำแท้งในสงั คมไทยกับมุมมองของพทุ ธศาสนา. หน้า 123 – 124.
9 เกสรนิ ศกั ด์กิ ำจร. (2539). ทัศนคติต่อการทำแท้ง : ศึกษาเปรยี บเทียบแพทยแ์ ละนกั กฎหมาย. หนา้ 132 – 136.
10 จฑุ ามาศ เดชกิตติขจร. (2553). ทศั นคติของครทู มี่ กี ารทำแทง้ ของวยั รุ่น. หนา้ 84 – 88.
11 สุทธริ ักษ์ นภาพันธ์ และ พูนชัย ปันธยิ ะ. (2562). ทัศนคติของสตู แิ พทย์ต่อการยุตกิ ารตง้ั ครรภ์ทีป่ ลอดภยั . หน้า 7 – 9.
12 อัญชลี จารุสมบตั ิ. (2526). บทบาทของหนงั สือพิมพ์ที่มีต่อการพัฒนาแนวความคดิ ใหม่ : ศึกษาเฉพาะกรณกี ารทำใหก้ ารทำแท้งถกู ตอ้ งตาม
กฎหมาย. หน้า 80 – 81.
13 ศานต์ฤทัย สาเพ่มิ ทรพั ย์. (2561). การสร้างความหมายของผู้หญิงทำแท้งผ่านภาพตัวแทนในภาพยนตร์ไทย. หนา้ 117 – 124.
14 ไท วัฒนา. (2562). การทำแท้งถกู กฎหมาย : จรยิ ธรรมกับการพฒั นา. หน้า 83 – 84.
15 กฤษณะโชติ บวั หลา้ . (2563). การอธิบายปรากฎการณท์ างสงั คมด้วยกระบวนทศั นท์ างเลอื กเชงิ เหตผุ ล: การทำแท้งในสงั คมไทย. หน้า 491.
16 ไฉไล ชุม่ ฤทธ์ิ. (2523). เลม่ เดมิ . หน้า 28 – 34
303
ว่า กฎหมายไทยให้ความสำคัญกับความผิดฐานการทำแท้งมาแตโ่ บราณกาล เล็งเห็นได้จากกฎหมาย
ลักษณอาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) ที่ย้ำเตือนและบังคับไม่ให้บุคคลทำแท้ง โดยกฎหมายลักษณ
อาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) ได้ระบุบทลงโทษของการทำแท้งไว้ในหมวดที่ 3 ความผิดฐานรีดลูกไว้
5 มาตราด้วยกัน ดงั น้ี
“มาตรา 260 หญิงใดรีดลกู ใหแ้ ท้งก็ดี มันยอมใหค้ นอน่ื รีดลูกให้แท้งก็ดี ท่านว่ามันมี
ความผิด ต้องรวางโทษานุโทษเป็นสามสฐาน คือ สฐานหนึ่งให้จำคุกไม่เกินกว่าสามปี สฐาน
หนงึ่ ให้ปรบั ไมเ่ กนิ กวา่ ร้อยบาท สฐานหนงึ่ ให้ลงโทษทั้งจำทงั้ ปรับเชน่ ว่ามาแล้วด้วยกนั
มาตรา 261 ผู้ใดรีดลูกเขาให้แท้ง แม้ว่าหญิงยอมให้มันรีดก็ดี ท่านว่ามันมีความผิด
ต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่เดือนหนึ่งขึ้นไปจนถึงสามปี แลให้ปรับตั้งแต่ยี่สิบบาทขึ้นไปจนถึง
สามปี แลให้ปรบั ตง้ั แตย่ ส่ี บิ บาทขน้ึ ไปจนถงึ ห้ารอ้ ยบาท ดว้ ยอกี โสดหนึ่ง
มาตรา 262 ถ้าผู้กระทำผิด เช่นว่ามาในมาตรา 261 นั้นเป็นแพทย์ หรือเป็นแพทย์
ผดุงครรภ์ก็ดี หรือเป็นคนทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลก็ดี ท่านให้ลงโทษมันตามที่บัญญัติไว้
สำหรับความผดิ เช่นน้ัน ทวขี น้ึ อีกหนึ่งในสามส่วน
มาตรา 263 ผู้ใดรู้อยู่ว่าหญิงมีครรภ์ แลหญิงมิได้อนุญาตให้มันรีดลูก ถ้าแลมัน
กระทำร้ายด้วยกำลงั กายหรือด้วยประการหนึง่ ประการใดใหห้ ญิงผู้นัน้ แท้งลูกไซ้ ท่านว่ามันมี
ความผิด ต้องรวางโทษฐานประทุษร้ายแก่ร่างกายถึงสาหัส ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 256 แล
มาตรา 257 น้นั
มาตรา 264 ผู้ใดพยายามจะกระทำความผิดอย่างใดใดที่ท่านบัญญัติไว้ในมาตรา
260 แลมาตรา 261 นน้ั ทา่ นวา่ เป็นการไมส่ ำคญั อย่าใหเ้ อาโทษแกม่ ันเลย”17
ส่วนประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 ได้ระบุบทลงโทษของการทำแท้งไว้ในหมวดที่ 3
ความผิดฐานทำให้แท้งลูกไว้ 5 มาตรา คือ
“มาตรา 301 หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูกหรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก ต้อง
ระวางโทษจำคุกไมเ่ กินสามปี หรอื ปรับไม่เกินหกพนั บาท หรือทั้งจำทงั้ ปรบั
มาตรา 302 ผู้ใดทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
ห้าปี หรือปรบั ไม่เกนิ หน่งึ หมน่ื บาท หรอื ทั้งจำทง้ั ปรบั
ถ้าการกระทำนัน้ เป็นเหตุให้หญิงรับอันตรายสาหัสอยา่ งอื่นดว้ ย ผูก้ ระทำต้องระวาง
โทษจำคกุ ไมเ่ กินเจ็ดปี หรือปรับไมเ่ กินหน่งึ หม่นื ส่พี นั บาท หรือทง้ั จำทัง้ ปรบั
17 กฎหมายลกั ษณอาญา, มาตรา 260 – 264
304
ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้หญิงถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่
เกนิ สิบปี และปรบั ไม่เกินสองหม่ืนบาท
มาตรา 303 ผู้ใดทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นไม่ยินยอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่
เกินเจด็ ปี หรอื ปรับไม่เกนิ หนึง่ หมน่ื สพี่ นั บาท หรอื ทั้งจำทงั้ ปรับ
ถา้ การกระทำนัน้ เป็นเหตุให้หญิงรับอันตรายสาหัสอย่างอ่ืนดว้ ย ผู้กระทำต้องระวาง
โทษจำคกุ ต้งั แต่หน่ึงปถี ึงสิบปแี ละปรบั ต้ังแต่สองพันบาทถงึ สองหมื่นบาท
ถ้าการกระทำนัน้ เป็นเหตุให้หญิงถงึ แกค่ วามตาย ผูก้ ระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่
หา้ ถึงย่สี ิบปี และปรบั ต้งั แต่หนึ่งหมืน่ บาทถงึ สี่หมน่ื บาท
มาตรา 304 ผ้ใู ดเพยี งแตพ่ ยายามกระทำความผิดตามมาตรา 301 หรอื มาตรา 302
วรรคแรก ผ้นู ้ันไม่ตอ้ งรบั โทษ
มาตรา 305 ถา้ การกระทำความผิดดงั กล่าวในมาตรา 301 และมาตรา 302 นน้ั เป็น
การกระทำของนายแพทยแ์ ละ
(1) จำเปน็ ตอ้ งกระทำเนื่องจากสขุ ภาพของหญงิ นน้ั หรือ
(2) หญิงมีครรภ์เนื่องจากการกระทำความผิดตามความผิดอาญาที่ได้กำหนดไว้ใน
มาตรา 276 มาตรา 277 มาตรา 282 มาตรา 283 มาตรา 287
ผ้กู ระทำไม่มีความผดิ ”18
กฎหมายลักษณอาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) และประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499
มีข้อที่คล้ายคลึงกัน คือจุดประสงค์ของตัวบทกฎหมาย เพื่อควบคุมการทำแท้งให้อยู่ภายใต้ขอบเขต
ของกฎหมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน รวมทั้งไม่ให้
กระทบกระเทือนต่อประเพณไี ทย หรือขัดแย้งความรู้สึกด้านศีลธรรมของประชาชนชาวไทย ความมุ่ง
หมายของกฎหมายทั้งสองฉบับตรงกัน คือ เพื่อลงโทษหญิงมีครรภ์ที่ทำให้ตนเองแท้งลูกไม่ว่าจะด้วย
วิธีการใดก็ตาม เพื่อให้ทารกที่อยู่ในครรภ์คลอดออกมาก่อนกำหนดอันควรโดยไม่มีชีวิต หรือยอมให้
ผู้อ่ืนทำให้ตนเองแท้งลูก ไม่ว่าบุคคลผู้น้ันจะเปน็ ใคร แต่มีจุดประสงค์ตามที่หญิงมีครรภต์ ้องการ และ
เปน็ เหตใุ หเ้ ด็กคลอดออกมา แต่มิใชค่ ลอดตามปกติ หรือในเวลาที่เป็นไปตามทแี่ พทย์กำหนดไว้ สว่ นที่
แตกต่างกันคือ คำที่ใช้ในกฎหมายทั้งสองฉบับนี้ เนื่องจากบทบัญญัติต่างสมัย และเวลาห่างกันมาก
ประมวลกฎหมายอาญาน้นั ภาษาท่ใี ชจ้ ะเป็นคำในปัจจบุ นั
ส่วนกฎหมายลักษณอาญาเดิมเป็นภาษาที่ใช้ในสมัยโบราณ ขณะเดียวกันโทษในการปรับก็
ต่างกัน ตามค่าของเงินที่เปลี่ยนไป คือ ปรับหนึ่งร้อยเป็นปรับไม่เกินหกพันบาท ทั้งยังมีการให้
18 พระราชบญั ญตั ใิ ห้ใชป้ ระมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499. มาตรา 301 – 305.
305
ความเห็นว่าการบัญญัติกฎหมายนั้นต้องคำนึงถึงความต้องการของประชาชนและความยุติธรรม
จากการพิจารณาทั้งสองฉบับ กฎหมายนั้นจะแตกต่างกันไปตามความนึกคิดของคนในยุคนั้น ๆ แต่
สาระสำคัญคือการควบคุมการทำแท้งให้อยูใ่ นขอบเขตของกฎหมายที่อนุญาตไว้ คือ กรณีจำเป็นต่าง
ๆ ตามมาตรา 305 ทั้งยังได้กล่าวถึงความมุ่งหมายในการกำหนดความผิดฐานทำให้แท้งลูกไว้ว่า เป็น
การป้องกันการทำลายชีวิตเด็กในครรภ์ และป้องกันให้หญิงที่รู้เท่าไม่ถึงการต้องไปทำแท้งกับหมอ
เถื่อน อีกทั้งยังมีความมุ่งหมายอีกประการ คือ ช่วยเหลือหญิงที่ถูกข่มขืน เพราะหากกฎหมายไม่
กำหนดใหแ้ พทย์ช่วยเหลอื ได้แลว้ ก็ไมม่ แี พทย์คนใดกล้าชว่ ยเหลือหญงิ เหล่านี้
ต่างจากกฎหมายอาญาอิสลาม19 ที่มองว่าการทำแท้งเป็นความผิดร้ายแรงฐานฆ่าคนโดย
เจตนาในกฎหมายอิสลาม แต่จะเห็นชอบให้ทำแท้งด้วยเหตุผลเกี่ยวกับสุขภาพของมารดา กล่าวคือ
หากปล่อยให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไป จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมารดาเพียงกรณีเดียวเท่าน้ัน
เพราะในกฎหมายอาญาอิสลามถือว่ามารดาคือต้นกำเนิด (อะศ้อล) ส่วนทารกคือแขนงออกมา (ฟู
รวั อ) จงึ ต้องสละลูก โดยคำนงึ ถงึ การรักษาชีวติ ของมารดาเปน็ สำคญั แต่จะไมม่ ีการเหน็ ชอบใหท้ ำแท้ง
ในกรณีอื่น ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพของทารก ทารกมีความผิดปกติร้ายแรง การตั้งครรภ์ที่เกดิ จากการถกู
กระทำชำเรา หรือการต้งั ครรภ์ทีเ่ กิดจากการผิดประเวณรี ะหว่างชายกับหญิง โดยจดุ ประสงค์ของการ
กำหนดความผิดฐานทำแท้งในกฎหมายอาญาอิสลามคือการมุ่งหมายให้การคุ้มครองเด็กที่อยู่ในครรภ์
มารดาเปน็ สำคัญ ผู้ทไี่ ด้รบั โทษคอื ผู้ทท่ี ำให้หญงิ ตั้งครรภเ์ กดิ การแท้ง ไมว่ า่ จะเปน็ จากตัวหญงิ เอง หรอื
บุคคลอื่นทมี่ ีสว่ นเกี่ยวข้องหรือมีสว่ นช่วยเหลือให้เกิดการทำแท้งในคร้ังน้ันขนึ้ หากแต่จดุ ประสงค์ของ
กฎหมายอาญาไทยคือม่งุ หมายให้การคมุ้ ครองเด็กท่ีอยใู่ นครรภม์ ารดาเปน็ สำคัญ
สงั คมไทยในปี 2552 ไม่ได้ยอมรับการทำแทง้ โดยเสรี แต่กไ็ ม่ได้ปฏเิ สธการทำแท้งในทุกกรณี
คือ ควรบัญญัติให้การทำแท้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ควรอนุญาตให้มีการทำแท้งได้โดย
ชอบด้วยกฎหมาย โดยประเทศไทยได้เริ่มมีการบัญญัติห้ามการแท้งเป็นการเฉพาะมาตั้งแต่ พ.ศ.
2451 เพ่อื ควบคมุ การทำแท้งในประเทศไทย แตแ่ รกเรม่ิ ได้มีการบัญญัติการทำแท้งอย่างเดด็ ขาด โดย
ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากในสมัยดังกล่าว ศาสนาได้มีอิทธิพลต่อความเชื่อของคนในสังคม
เป็นอย่างมาก จึงได้มีการนำเอาหลักศีลธรรมมาบัญญัติไว้ในกฎหมายอาญา อุษณีย์ เมธสุทธ์ิ20 ได้ให้
ขอ้ เสนอไว้ว่าควรแบ่งระยะเวลาเปน็ สองช่วง คอื ช่วงก่อนทท่ี ารกในครรภจ์ ะเร่มิ มีการทำงานของแกน
สมอง (ก่อนครบ 22 สัปดาห์) ในช่วงนี้จะเป็นสิทธิของหญิงตั้งครรภ์ที่จะตัดสินใจ เพื่อให้ความเป็น
ธรรม และช่วงหลัง 22 สัปดาห์เป็นต้นไป จะเป็นช่วงที่แกนสมองของทารกในครรภ์เริ่มมีการทำงาน
รัฐควรที่จะอนุญาตให้มีการทำแท้งในระยะนี้ในกรณีที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น เนื่องมาจาก
ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองที่หญิงตั้งครรภ์จะต้องเผชิญ เช่นเดียวกันกับท่ี
พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์21 ได้กล่าวถึงการทำแท้งที่ผิดกฎหมายในประเทศไทยไว้ว่า การทำแท้งในไทย
19 มัรยมั แวหะย.ี (2561). เลม่ เดิม. หนา้ 167 – 173
20 อษุ ณีย์ เมธสุทธ.์ิ (2552). เลม่ เดิม. หนา้ 112
21 พัชรนิ ทร์ ซำศริ ิพงษ์. (2562). เลม่ เดิม. หนา้ 433 – 434
306
จะแบง่ เป็น 2 กล่มุ คือ กลุ่มหญงิ โสด และกลุม่ หญงิ สมรส สาเหตุหลกั ของการทำแท้งในกลุ่มหญิงโสด
จะเป็นเหตุผลในด้านสังคมที่ตนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการท้องในวัยเรียน หรือพ่อแม่ของฝ่ายชายไม่
ยอมรับ ส่วนหญิงที่สมรสแล้วสาเหตุสำคัญจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจ รายได้ที่ไม่เพียงพอที่จะดูแล
ครอบครัว จากงานข้างต้นที่ยกมาสามารถเล็งเห็นได้ว่า กฎหมายอาญาของไทยนั้นให้ความสำคัญต่อ
ปัญหาการทำแท้งมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล และได้มีการออกกฎหมายเพื่อยับยั้งไม่ให้มกี ารทำแทง้ ข้นึ
ในสังคมไทย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายรวมว่าจะปฏิเสธการทำแท้งในทุกกรณีเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ยังขาด
หายไปจากงานในกลุ่มน้ีคือการศึกษาเกี่ยวกบั การศึกษาถงึ สาเหตุของความเปลีย่ นแปลงทเ่ี กดิ ข้ึนในตัว
บทกฎหมาย รวมถึงผลที่ตามมาจากการเปลี่ยนแปลงของตัวบทกฎหมายภายในประมวลกฎหมาย
อาญาของประเทศไทย
2. ถกเรื่องแท้ง: ทัศนะและมุมมองวิวาทะระหว่างแพทย์และนักกฎหมายบนเงื่อนไขศีลธรรมทาง
สงั คม
การทำแท้งเป็นเรื่องที่ถูกถกเถียงกันมาช้านานวว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทำ หรือไม่ควรกระทำ
อย่างไร โดยทัศนคติเหล่านี้เป็นมุมมองที่ต่างกันออกไปในแต่ละบุคคลหรือกลุ่มคนแต่ละวิชาชีพ
มณฑา พึ่งเสมา ได้อธิบายเกี่ยวกับทัศนคติของนักศึกษาแพทย์ไทยท่ีมีต่อการแก้ไขกฎหมายทำแท้ง22
ไว้ว่า นักศึกษาแพทย์ส่วนใหญ่เห็นสมควรว่าควรให้มีการแก้ไขกฎหมายทำแท้ง โดยเฉพาะการขยาย
ขอบเขตการทำแท้งโดยถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลด้านการแพทย์ ด้านเศรษฐกิจ ด้าน
มนุษยธรรม และด้านการคุ้มครองชาติพันธ์ แต่ถึงแม้ว่ากลุ่มนักศึกษาแพทย์ไทยจะเห็นด้วยกับการ
ขยายกฎหมายการทำแท้ง แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่จะให้เป็นการทำแท้งโดยเสรี คล้ายคลึงกับ
ทัศนคติของสูติแพทย์ต่อการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย23 แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่สนับสนุน
และยินดที ี่จะยตุ ิการตัง้ ครรภ์ กล่มุ ท่สี นบั สนนุ แต่ไม่ยินดที ่จี ะยตุ กิ ารตั้งครรภ์ และกลมุ่ ที่คัดค้านและไม่
ยินดี โดยมีการให้เหตุผลในการสนับสนนุ ไว้วา่ เพื่อประโยชนข์ องหญงิ ตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมที่จะมีปัญหา
ด้านเศรษฐกิจและสังคม ส่วนกลุ่มที่ไม่สนับสนุนได้ให้เหตุผลทางด้านศีลธรรมไว้ว่า ผิดหลักคำสอน
ของพระพุทธศาสนา และผิดจริยธรรมทางการแพทย์ ทั้งยังมองว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ
และทัศนคติต่อการทำแท้ง : ศึกษาเปรียบเทียบแพทย์และนักกฎหมาย24 โดยเกสริน ศักดิ์กำจร ได้
กล่าวถึงมุมมองของแพทย์ว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ยินยอมลงมือทำแท้งให้หากได้รับมอบหมาย โดยมี
เหตผุ ลทางด้านการแพทย์มารองรับ หากแต่แพทยบ์ างคนก็ยนิ ยอมทำใหโ้ ดยไมค่ ำนึงถึงเงอ่ื นไขในการ
ทำแท้ง เนื่องจากเชื่อว่าหากไม่ทำ สตรีผู้ตั้งครรภ์ก็ต้องไปขอรับบริการทำแท้งจากหมอเถื่อนที่ผิด
กฎหมายอยู่ดี
22 มณฑา พง่ึ เสมา. (2517). เล่มเดิม. หน้า 83.
23 สุทธิรกั ษ์ นภาพันธ์ และ พนู ชยั ปันธิยะ. (2562). เลม่ เดิม. หนา้ 7 – 9.
24 เกสรนิ ศกั ดก์ิ ำจร. (2539). เล่มเดมิ .
307
ส่วนมุมมองของทนายความส่วนใหญ่มองว่าการทำแท้งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เนื่องด้วยสิทธิใน
ความเป็นเจ้าของร่างกาย สตรีผู้เป็นเจ้าของร่างกายจึงมีสิทธิเต็มที่ในร่างกายตน อีกทั้งในด้าน
เศรษฐกิจ หากเด็กเกิดมาโดยไม่มีความพร้อมทางด้านการเงินก็จะกลายเป็นปัญหา รวมไปถึงความ
จำเป็นทางการแพทย์ การทำแท้งภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ถึงไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องผิด แต่อย่างไรก็ตาม
แพทย์และนักกฎหมายกเ็ ห็นพ้องต้องกันว่ารัฐบาลควรทีจ่ ะวางรากฐานการศึกษาในเรื่องเพศท่ีถูกต้อง
รวมไปถงึ การควบคมุ และกวดขันสถานบนั เทิง และสิง่ ตพี ิมพ์ลามกอนาจาร
จึงจะเห็นได้ว่ามุมมองของแพทย์ในประเทศไทยจะมองว่าการทำแท้งควรอยู่ในขอบเขต
ที่กฎหมายได้กำหนดไว้ โดยเฉพาะเหตุผลทางด้านการแพทย์ และเหตุผลด้านสังคม มิได้เห็นชอบกับ
การทจ่ี ะกำหนดใหก้ ารทำแทง้ สามารถเป็นไปโดยเสรี และเห็นชอบกบั การขยายขอบเขตของกฎหมาย
ที่ว่าด้วยการทำแทง้ ส่วนทัศนะของนักกฎหมายนัน้ เห็นชอบตอ่ การการทำแท้งโดยเสรี เนื่องจากมอง
ว่าการทำแท้งเป็นสิทธิเหนือร่างกายของหญิงตั้งครรภ์อย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลในด้านใดก็ตาม
แต่ท้ังแพทยแ์ ละนักกฎหมายก็มองว่าควรวางรากฐานการศึกษาเร่อื งเพศศกึ ษาเรอ่ื งเพศที่ถูกต้อง
เช่นเดียวกันกับทัศนคติของอาจารย์มหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานครต่อการทำแท้ง 25
ที่มองว่าการทำแท้งเป็นปัญหาทางสังคมท่ีเกิดขึ้นจากสาเหตุหลายประการ เราจึงควรมุ่งไปที่การ
ป้องกันต้นเหตุไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์อย่างไม่พึงประสงค์ โดยควรเพิ่มการสอนเรื่องเพศศึกษา
ครอบครัว และประชากรศึกษา โดยจัดทำให้เป็นโครงการร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ
สาธารณสขุ และมหาวิทยาลยั
สำหรับทัศนคติของครูที่มีต่อการทำแท้งของวัยรุ่น26 จุฑามาศ เดชกิตติขจร ได้กล่าวถึงการ
เลือกทางออกของหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ด้วยวิธีการทำแท้ง เนื่องด้วยการกดทับทางสังคม
ในระบบปิตาธิปไตยที่ได้สร้างกรอบในเรื่องเพศวิถีขึ้นมาเพื่อครอบงำผู้หญิง และปลูกฝังค่านิยมที่ ว่า
ผู้หญิงที่ดีต้องรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนถึงวันแต่งงาน การตั้งครรภ์ต้องเกิดขึ้นภายใต้การสมรสแล้ว
เท่านั้นจึงจะเป็นที่ยอมรับ แต่หากการตั้งครรภ์ไม่ได้อยูใ่ นเงื่อนไขดังกล่าว หญิงนั้นต้องตกเป็นจำเลย
สังคม ทำใหผ้ ู้หญงิ ต้องแบกรบั ความทุกข์ท่ีเกดิ ขนึ้ ท้ังจากสภาพร่างกายและสภาพจติ ใจ
แต่ก็ไม่ได้มีเพียงงานเขียนที่เห็นด้วยกับการทำแท้งเท่านั้น นวลฉวี ศรีประไหม27 ได้อธิบาย
เกี่ยวกับการทำแท้งในสังคมไทยกับมุมมองของพุทธศาสนา โดยให้เหตุผลว่าสาเหตุของการทำแท้ง
ของสตรีสว่ นใหญ่คือ การเงนิ ไม่พอใช้ ซง่ึ ส่วนใหญจ่ ะมีสถานภาพคู่ ประกอบอาชีพรับจ้าง มีรายได้ต่ำ
และเหตุผลทร่ี องลงมาคอื เปน็ อปุ สรรคต่อการประกอบอาชีพ ซง่ึ ส่วนใหญจ่ ะมสี ถานภาพโสด และเป็น
นกั เรยี น นักศึกษา และผู้เขียนยังให้แนวคิดไวว้ ่าการท่ีสตรีตัดสินใจทำแท้งเพ่ือแก้ปัญหา เน่ืองมาจาก
ระดับความรู้ทีค่ อ่ นข้างต่ำ ทำให้มมี ุมมองแคบ จำเป็นต้องเอาตัวรอดก่อน รวมไปถึงไม่ได้รับการอบรม
25 ประวิตร ชน่ื วิเชียร. (2521). เลม่ เดิม.
26 จฑุ ามาศ เดชกติ ติขจร. (2553). เลม่ เดิม.
27 นวลฉวี ศรีประไหม. (2537). เล่มเดิม.
308
เรื่องศีลธรรมในวัยเด็ก หรือไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องศีลธรรมจริยธรรมที่ถูกต้องอย่าง
แท้จริง จากงานข้างต้นจะเห็นได้ว่าทัศนคติของแต่ละกลุ่มวิชาชีพและกลุ่มบุคคลก็จะแตกต่างกันไป
ตามส่งิ ที่ตนไดร้ ับรแู้ ละไดศ้ ึกษามา เม่ือเปรยี บเทียบทศั นคตขิ องแต่ละฝ่าย จะพบวา่ กล่มุ ที่เห็นด้วยกับ
การทำแท้งถูกกฎหมายก็จะใช้เหตุผลในเรื่องเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพในร่างกายตนเองของหญิง
มีครรภ์เป็นหลัก และกลุ่มที่คัดค้านการทำแท้งก็จะใหเ้ หตุผลเกีย่ วกับพระพุทธศาสนา และหลักธรรม
คำสอน คุณธรรมจริยธรรมเป็นสำคัญ แต่ทั้งสองฝ่ายนั้นก็เห็นพ้องต้องกันว่าสิ่งที่จะป้องกัน
การตั้งครรภ์ไม่พึงปรารถนาและการทำแท้งที่ดีที่สุดนั่นก็คือการให้ความรู้เกี่ยวกับการคุมกำเ นิด
และเพศศึกษาแตป่ ระชาชนในทกุ ภาคส่วนน่นั เอง สำหรบั ส่งิ ท่ียังน้อยอยู่คือการศึกษาเกีย่ วกับทัศนคติ
ที่มีต่อการทำแท้งจากกลุ่มบุคคลที่ทำแท้ง แต่จากงานเขียนที่ได้กล่าวอ้างไปข้างต้นคือการศึกษา
ทัศนคตขิ องบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ท่มี ีสว่ นเกี่ยวข้องในส่วนใดส่วนหน่ึงกับการทำแท้ง หรืออาจไม่ได้มีส่วน
ได้ส่วนเสียจากการทำแท้งในครั้งนั้นเลย หากแต่บุคคลกลุ่มที่ทำแท้ง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำ
แทง้ โดยตรงกลบั ถกู ละเลย
3. พืน้ ที่สอื่ สาธารณะกับการนำเสนอ “การทำแท้ง” ในสงั คมไทย
มนุษย์ถือเปน็ สัตวส์ ังคมที่ต้องอาศัยอยู่รว่ มกันในสงั คม และเมื่อสังคมเกดิ การเปลี่ยนแปลงขึ้น
มนุษย์ที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมก็ย่อมได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
ไม่วา่ จะเปน็ สภาพการเมือง เศรษฐกจิ และสงั คม โดยเฉพาะในเร่ืองของแนวคิดท่ีเกิดข้ึน สื่อจึงเป็นส่ิง
ที่สำคัญในการส่งต่อองค์ความรู้หรือข่าวสารบ้านเมืองต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งภายในและนอกประเทศ
สื่อเหล่านี้จึงส่งผลต่อทัศนะของคนในสังคม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทัศนะที่ตนมี โดยเฉพาะ
สื่อสารมวลชน ตามแนวทฤษฎีสื่อสารมวลชน เมลวิน แอล. เดเฟลอ28 ถือว่าสื่อมวลชนมีอิทธิพลและ
ผลกระทบต่อสังคมรวมทั้งมนุษย์ในสังคมได้ จะเห็นได้จากข่าวการพบซากศพเด็กทารกกว่า 2,000
ศพ ณ วดั ไผ่เงินโชตนาราม สง่ ผลใหเ้ จา้ หน้าทต่ี ำรวจเร่งกระจายกำลงั ตรวจจับคลินิกทำแท้งเถื่อนกว่า
5 – 6 แหง่ ในพนื้ ทใี่ กล้เคยี งและเขตปริมณฑล รวมไปถึงกลายเปน็ ขา่ วฉาวไปทวั่ โลก เนือ่ งจากสื่อบีบีซี
ของอังกฤษ ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐฯ และ เอเอฟพีของฝรั่งเศส กระพือข่าวการพบศพทารก 2,002 ศพ
ในวัดไผ่เงินโชตนาราม กลางเมืองกรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า เป็นคดีประหลาดที่มีการพบศพทารก
จำนวนมากพร้อมกันในคราวเดียวและเป็นครั้งแรกของโลก โดยสร้างความตกตะลึงเป็นอย่างมาก 29
นำมาสู่การทบทวนและนำมาซึ่งประเด็นเรียกร้องกันว่า ควรเปิดให้มีการ “ทำแท้งเสรี” 30 หรือไม่
เพอ่ื ให้มีหลักการทำแท้งท่ีปลอดภัย และมเี หตุทำแท้งที่ไม่เปน็ ความผิดตามกฎหมาย ในกรณีท่ีจำเป็น
28 อัญชลี จารสุ มบัต.ิ (2526). เลม่ เดิม. หนา้ 18.
29 ย้อนรอยสุสานทารก 2,002 ศพ วัดไผ่เงิน ดวงวิญญาณที่ไม่มีโอกาสร้องขอชีวิต. ไทยรัฐออนไลน์. วันที่ 17 พฤศจิกายน 2557.
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/463755 [ออนไลน]์ . (1 กรกฎาคม 2565).
30 อ ่ า น ต ่ อ ใ น “ แ ท ้ ง เ ส ร ี ” ก ั บ ท า ร ก 2 0 0 2 ศ พ . ASTV ผ ู ้ จ ั ด ก า ร ร า ย ว ั น . 2 6 พ ฤ ศ จ ิ ก า ย น 2 5 5 3 .
http://www.thaihospital.org/board2/index.php?topic=882.0;wap2 [ออนไลน์]. (1 กรกฎาคม 2565).
309
โดยนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดระยอง ได้ออกมาเสนอว่า ต้องมีกฎหมายทำ
แท้งเป็นการเฉพาะ เพื่อแก้ปัญหาการทำแท้ง โดยบอกว่า จะนำเสนอและผลักดันกฎหมายฉบับใหม่
ชื่อว่า “กฎหมายทำแท้งโดยถูกต้องด้วยความสมัครใจและร้องขอโดยมีเหตุจำเป็น” รวมไปถึงการ
เปลี่ยนแปลงทัศนคตขิ องคนในสงั คม เนื่องมาจากการรบั สอ่ื จากสอื่ มวลชนเหลา่ นี้ด้วยเชน่ เดียวกัน
จะเห็นไดว้ า่ การเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนในสังคมมมี าจากหลายสาเหตปุ ัจจัย หนังสือพิมพ์ก็เป็น
หนึ่งในสื่อสำหรับการส่งต่อองค์ความรู้ อัญชลี จารุสมบัติ 31 ได้อธิบายเกี่ยวกับบทบาท
ของหนังสือพิมพ์ที่มีต่อการพัฒนาแนวความคิดใหม่ : ศึกษาเฉพาะกรณีการทำให้การทำแท้งถูก
กฎหมายไว้ว่าผู้ที่อ่านหนังสือพิมพ์จะพิจารณาข้อมูลและเหตุผลที่ผู้เขียนอ้างอิง โดยสิ่งเหล่านั้น
สามารถนำมาใช้ในการพิจารณางานเขียน และคุณภาพของงานเขียนนั้นเองก็ส่งผลต่อความน่าเช่ือถือ
ของงานเขียน โดยในงานเขียนได้กล่าวถึงหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ว่าเป็นหนังสือพิมพ์ประเภทคุณภาพ
มีการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการทำแท้งในแนวที่สนับสนุนการทำแท้ง ส่วนหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
เป็นหนังสือพิมพ์ที่เสนอเนื้อหาด้านการแก้ไขกฎหมายอย่างเป็นกลาง แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องเชิง
จิตวิทยา ซึ่งอาจเป็นผลให้ผู้อ่านเกิดความสับสนและเกิดข้อขัดแย้งในใจ ซึ่งมีผลต่อการจูงใจให้
สนบั สนนุ หรือขัดแยง้ กบั แนวคิดในหนงั สอื พิมพ์
ภาพยนตรไ์ ทยก็เป็นอีกส่ือหน่งึ ทีจ่ ะประกอบสร้างความหมายของผหู้ ญิงทำแท้ง32 ศานต์ฤทัย
สาเพ่มิ ทรัพย์ พยายามชี้ให้เห็นว่าภาพยนตร์ไทยน้ันพยายามประกอบสรา้ งรูปแบบชวี ิตของตัวละครท่ี
ทำแท้ง ไม่ว่าจะเป็นการมาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์หรือเต็มไปด้วยความขัดแย้ง และบุคลิกของตัว
ละครท่ที ำแท้งก็จะปรากฏใน 2 รปู แบบ คือ หากไม่ซมึ เศร้า ไม่ทันคน มีพฤตกิ รรมที่ผิดแผกไปจากคน
ท่ัวไป ก็จะเป็นผู้หญิงรา่ เริง และรักสนกุ ท้ังยงั สร้างภาพเหมารวมว่าผู้หญงิ ท่ีทำแทง้ เป็นผูห้ ญิงที่โง่และ
พลาด ตั้งครรภ์ก่อนสมรสหรอื อยู่ในวัยที่ไมส่ มควร และการทำแท้งเป็นสาเหตหุ ลักที่ส่งผลใหช้ ีวติ ของ
ตัวละครเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่แย่ลง ความรู้สึกผิดบาปที่เกิดขึ้นเหล่านี้มีรากฐานมาจากสถาบนั
ศาสนาที่มองว่าการทำแท้งเป็นเรื่องที่ผิดบาป เป็นต้นว่า ตัวละครบุปผา จากภาพยนตร์เรื่องบุปผา
ราตรี (พ.ศ. 2546) ที่พ่อแม่แยกทางกัน และบุปผาถูกสามีใหม่ของแม่ล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่เด็ก
ผลจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศในครั้งนั้นเป็นผลให้บุปผากลายเป็นหญิงสาวที่ปิดกั้นตนเอง มักทำ
หน้าเรียบเฉย และตอนที่ เอกพล ชายรุ่นพี่ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบุปผาได้เสนอความเห็นว่า
การทำแท้งนั้นเป็นวิถีทางที่เหมาะสมยิ่งแล้วสาหรับบุปผาที่ตั้งครรภ์ขณะที่กำลังเป็นนักศึกษาอยู่
การทำแท้งครั้งนี้เป็นทางออกที่ดีเพื่อให้บุปผาได้กลับไปเรียนแพทย์ต่อให้จบตามที่ตั้งใจ เมื่อถึงวัยท่ี
สมควรแลว้ ค่อยแตง่ งาน และใชช้ ีวิตร่วมกนั รวมไปถงึ การทำแทง้ ของบปุ ผาเป็นไปในลกั ษณะท่ีจำยอม
เลง็ เหน็ ไดจ้ ากบทภาพยนตร์ตอนหนึ่งในเรอ่ื ง คือ
31 อญั ชลี จารสุ มบตั ิ. (2526). เล่มเดิม. หน้า 76 – 77.
32 ศานตฤ์ ทัย สาเพ่มิ ทรัพย์. (2561). เลม่ เดิม.
310
“บุปผา : ไมม่ ีทางอ่นื ที่ดกี ว่านแ้ี ลว้ หรอคะ
เอกพล : พ่อแม่พี่ไม่อยากให้บุปผาเสยี อนาคต เอาไว้บุปผาเรียนจบ แพทย์ พ่อแม่พี่
จะจดั งานแต่งงานใหท้ ันที
บุปผา : แต่หนกู ลัว
เอกพล : ไม่ต้องกลัวหรอก แฟนเพอื่ นพเ่ี คยมาทำ เขาบอกวา่ ปลอดภัย
บุปผา : พ่เี อกจะแต่งงานกับหนใู ชไ่ หมคะ”33
แตใ่ นขณะเดยี วกนั ภาพยนตรบ์ างเรื่องกพ็ ยายามวิพากษ์วจิ ารณ์ ตอ่ รองกับชดุ ความคิดที่คร่ำ
หวอดอยู่ในสังคมไทยที่ว่า ผู้หญิงห้ามทำแท้ง โดยจะพยายามชี้ให้เห็นว่าการทำแท้งไม่ใช่ปัญหา
แต่การทำแท้งเป็นทางออกของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องพบกับสภาวะการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ดังเช่นตัว
ละคร นัท ในภาพยนตร์เรื่องรักจัดหนัก (พ.ศ. 2554) ที่ในเรื่องมีลักษณะเป็นผู้หญิงห้าวคล้ายผู้ชาย
ชอบเล่นบาสเกตบอล และคิดว่าตนเองไม่ได้ปรารถนาที่จะทำหน้าที่แม่ จึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า
ต้องการทำแท้ง แมว้ ่าแม่ของตนจะคัดค้านก็ตาม เหน็ ไดจ้ ากบทภาพยนตร์ในตอนหนง่ึ คือ
“แมน่ ัท : นัทจะไปทำแท้งหรอ แมไ่ ม่ยอมเดด็ ขาด มันบาปนะ แม่กเ็ ล้ียงนัทคนเดียว
แมย่ งั เล้ยี งนทั ใหโ้ ตมาขนาดนไี้ ด้
นทั : แล้วดชู ีวติ แมต่ อนนส้ี ิมันดแี ล้วหรอ นทั จะเอาออก
แมน่ ทั : เพราะแบบนีแ้ ม่ถงึ ไม่อยากให้แกตดั สินใจ เพราะยงั ไงกต็ อ้ งมีคน เสียใจ
นทั : ถ้ามคี นต้องเสียใจคนนัน้ จะเปน็ ใคร ถ้าไมใ่ ชน่ ทั ”34
สิ่งเหล่านี้สะท้อนความเป็นจริงในแง่ที่ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่มีความสุขกับการที่ตนเอง
ต้ังครรภไ์ ม่พรอ้ มแล้วตอ้ งไปทำแท้ง หลังจากที่ตัวละครทำแทง้ แล้วกลบั มานงั่ รอ้ งไหเ้ สียใจ มีความรู้สกึ
ผิดเจือปนอยู่ แต่เม่ือปัญหาเกิดขึ้นแล้วทุกคนก็มีหน้าที่แก้ไขในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปตาม
หนทางที่คิดว่าเหมาะสมที่สดุ เมื่อแก้ไขปัญหาได้แล้วก็ถึงเวลาที่จะดำเนินชีวิตต่อไป ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว
การทำแท้งอาจเป็นการกระทำที่ไม่สามารถตัดสินกันด้วยมาตรฐานของความถูกต้อง ดีหรือเลวได้
แต่เป็นเรื่องของความพร้อมหรือไม่พร้อม และสิทธิในการตัดสินใจของแต่ละบุคคล รวมถึงพยายาม
ช้ีใหเ้ หน็ วา่ ผหู้ ญงิ เองกม็ สี ทิ ธิทีจ่ ะเลือกว่าตนเองต้องการอะไร การทำแท้งไม่ไดเ้ ปน็ การกระทำท่ีเกิดขึ้น
เพราะความจำยอม แต่เป็นทางเลือกที่ผู้หญิงต้องการและมั่นใจว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดกับ
ชวี ติ ของตนในช่วงเวลานัน้
33 แหล่งเดมิ .
34 ศานต์ฤทยั สาเพม่ิ ทรัพย์. (2561). เลม่ เดมิ . หน้า 82.
311
กฎหมายและมาตรการการทำแท้งเป็นสิ่งที่มกี ารถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน และแง่มุมทาง
จริยธรรมกับการพฒั นากเ็ ป็นอกี หนึง่ แง่มุมทีม่ ีการถกเถยี งกันอยู่มาก ไท วฒั นา35 อธบิ ายว่าฝ่ายท่ีเห็น
ว่าการทำแทง้ เป็นเร่ืองทผ่ี ิดกฎหมายน้ันมมี ุมมองทางจรยิ ธรรมว่าทารกในครรภ์เปน็ มนุษย์ และมีสิทธิ
ที่จะมีชีวิต ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนการทำแท้งนั้นมีข้อโต้แย้งว่าสิทธิของทารกนั้นยังไม่ชัดเจน
สิทธิเสรีภาพเหนือร่างกายของมารดามีความสำคัญมากกว่า การยกเลิกกฎหมายทำแท้งจึงมีผลดี
ไม่วา่ จะเปน็ การลดการตง้ั ครรภไ์ ม่พงึ ประสงค์ เดก็ ถูกทอดทิ้ง วัยรุ่นหญงิ ต้องออกจากระบบการศึกษา
ปัญหาอาชญากรรม รวมไปจนถึงค่าใช้จ่ายของภาครัฐที่ต้องมาแก้ปัญหาเหล่านี้ทีได้กล่าวไว้ข้างต้น
เช่นเดียวกันกับการอธิบายของ กฤษณะโชติ บัวหล้า ในเรื่อง การอธิบายปรากฏการณ์ทางสังคมด้วย
กระบวนทัศน์ทางเลือกเชิงเหตุผล : การทำแท้งในสังคมไทย36 ได้อธิบายไว้ว่าการทำแท้งส่วนใหญ่
สะท้อนถึงความเสื่อมโทรมทางจริยธรรมที่มีมาอย่างยาวนานในสังคมไทย เป็นปัญหาเรื้อรังที่ฝังราก
ลึกและยังคงปรากฎให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยจะถูกนำเสนอผ่านข่าวรายวัน เช่น การลักลอบเปิด
คลินิกเถื่อน หรือการพบศพเด็กถูกทิ้ง เนื่องจากการตั้งครรภ์นั้น นอกจากผู้หญิงจะต้องปรับตัวทาง
ร่างกาย สังคม และวัฒนธรรมแล้ว ยังหมายรวมไปถึงการคำนึงถึงประโยชน์ ความเชื่อส่วนบุคคล
และสิทธิในการกระทำ หากหญิงตั้งครรภ์คำนึงแล้วว่าการตั้งครรภ์ในครั้งนี้เป็นผลเสียมากกว่าผลดี
ก็อาจนำไปสกู่ ารทำแทง้ ได้
จึงจะเห็นได้ว่าการตัดสินใจทำแท้งของหญิงตั้งครรภ์นั้นมีสาเหตุจากหลากหลายปัจจัย
ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจยั ทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม และรวมไปถึงแนวคิดต่าง ๆ ที่โดดเด่น
ในขณะนั้น รวมไปถึงสื่อต่าง ๆ ที่พยายามจะประกอบสร้างภาพจำของการทำแท้งว่าเป็นเรื่อง
ทีเ่ ลวร้าย และผลสุดทา้ ยในชวี ิตของกลุ่มคนเหล่านี้มักจะประสบกบั ความตกต่ำในชวี ิตน่ันเอง หากแต่
สิ่งที่ยังขาดไปคือการศึกษาเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกของอินเตอร์เน็ต เนื่องด้วยใน
ปจั จุบันทุกคนสามารถเขา้ ถงึ อินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย องค์ความรขู้ องสิง่ ตา่ ง ๆ กย็ ่อมเข้าถึงได้ง่าย
ยงิ่ ข้นึ รวมไปถงึ การแสดงทศั นคติผ่านช่องทางออนไลน์ตา่ ง ๆ โดยเฉพาะโซเชียลเนต็ เวิร์คหลากหลาย
ช่องทาง สง่ิ เหล่านี้ยอ่ มเปน็ สิ่งทีส่ ่งผลให้คนเรามที ัศนคติท่เี ปล่ยี นแปลงไปตามสื่อและองค์ความรู้ที่เรา
รับนน่ั เอง
บทสรปุ
จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นความพยายามในการสำรวจวรรณกรรมเกี่ยวกับสถานภาพองค์
ความรู้เรื่องการทำแท้งในสังคมไทยในมิติต่าง ๆ โดยจะเน้นไปที่งานที่ศึกษาเกี่ยวกับการทำแท้งใน
สังคมไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 – 2564 จะเห็นได้ว่างานที่ศึกษาเกี่ยวกับการทำแท้งนั้นจะเป็นงานใน
35 ไท วฒั นา. (2562). เล่มเดิม.
36 กฤษณะโชติ บัวหล้า. (2563). เล่มเดมิ .
312
ด้านกฎหมายที่ว่าด้วยการทำแท้ง ด้านทัศนะและมุมมองวาทะต่าง ๆ ที่มีต่อการทำแท้ง และพื้นที่
สาธารณะทนี่ ำเสนอเก่ียวกับการทำแท้งในสังคมไทย อย่างไรก็ตาม ถงึ แมว้ า่ ผศู้ กึ ษาจะได้แยกประเด็น
ในการศึกษาเป็นสามประเด็น แต่เนื้อหาภายในก็มิได้จำกัดองค์ความรู้อยู่ในกลุ่มใดกลุ่มห นึ่งเท่าน้ัน
หากแต่ยงั สามารถเช่ือมโยงองค์ความรู้ในประเด็นตา่ ง ๆ ได้เปน็ อยา่ งดี หากแต่จะเหน็ วา่ งานที่ผู้ศึกษา
นำมาศึกษานั้นจะเป็นงานที่เป็นการศึกษาในมิติเกี่ยวกับนิติศาสตร์ สังคมศาสตร์ รวมไปถึงนิเทศ
ศาสตร์ จึงเป็นที่น่าเสียดายที่การศึกษาด้านประวัติศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการทำแท้งในสังคมไทย
ยังมีไม่มากนัก ยังคงมีหลายประเด็นที่ยังคงรอการศึกษาอีก เช่น สาเหตุปัจจัยและผลกระทบ
ของการเปลี่ยนแปลงประมวลกฎหมายอาญา ในหมวดที่ 3 ฐานความผิดทำใหแ้ ท้งลกู มาตรา 301 –
305 เป็นต้น และยังได้ทบทวนพัฒนาการการรับรู้ความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่มีต่อการทำแทง้
ด้วยเช่นกัน บทความน้ีคงเป็นเพียงการศึกษาโดยสังเขป และยงั คงตอ้ งการการศกึ ษาอย่างลึกซึ้งตอ่ ไป
บรรณานกุ รม
กฎหมายลกั ษณอาญา. (1 มถิ นุ ายน 2451), ราชกจิ จานเุ บกษา. เลม่ 25 หนา้ 264 – 265.
กฤษณะโชติ บัวหล้า. (2563). การอธิบายปรากฎการณ์ทางสังคมด้วยกระบวนทัศน์ทางเลือกเชิง
เหตุผล: การทำแท้งในสังคมไทย. วารสารศลิ ปศาสตร.์ 20 (2), 489 – 512.
เกสริน ศักดิ์กำจร. (2539). ทัศนคติต่อการทำแท้ง : ศึกษาเปรียบเทียบแพทย์และนักกฎหมาย.
วิทยานพิ นธ์นเิ ทศศาสตรมหาบณั ฑิต. กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย.
จุฑามาศ เดชกิตติขจร. (2553). ทัศนคติของครทู ี่มกี ารทำแทง้ ของวัยรุ่น. วิทยานิพนธศ์ ิลปศาสตรม
หาบณั ฑติ . กรงุ เทพฯ : หาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์
ไฉไล ชุ่มฤทธิ์. (2523). กฎหมายว่าด้วยการทำแท้ง. วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ :
จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
ชัยยศ ยงค์เจริญชัย. (2564). แก้ไขกฎหมายทำแท้ง ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรอบ 60 ปีท่ี
หลายฝ่ายยังมีข้อกังวล. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 29 มิถุนายน 2565, จาก
https://www.bbc.com/thai/thailand-55940721
ไท วัฒนา. (2562). การทำแท้งถูกกฎหมาย : จรยิ ธรรมกับการพฒั นา. สารสารกระบวนการยตุ ธิ รรม.
12 (2). 73 – 86.
ไทยรัฐออนไลน์. (2557). ย้อนรอยสุสานทารก 2,002 ศพ วัดไผ่เงิน ดวงวิญญาณที่ไม่มี
โอกาสร้องขอชีวิต. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2565, จาก
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/463755
313
นวลฉวี ศรีประไหม. (2537). การทำแท้งในสังคมไทยกับมุมมองของพุทธศาสนา. วิทยานิพนธ์
ศลิ ปศาสตรบัณฑิต. เชียงใหม่ : มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่.
ประวิตร ชื่นวิเชียร. (2521). ทัศนคติของอาจารย์มหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานครต่อการทำแท้ง.
วทิ ยานพิ นธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตร.์ กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร.์
พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499. (13 พฤศจิกายน 2499), ราชกิจจา
นุเบกษา. เลม่ 73 ตอนท่ี 95 ฉบบั พเิ ศษ. หน้า 81 – 82.
พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์. (2562). การทำแท้งที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย. วารสารสังคมศาสตร์
วิชาการ. 12 (3), 427 – 436
มณฑา พึ่งเสมา. (2517). ทัศนคติของนักศึกษาแพทย์ไทยที่มีต่อการแก้ไขกฎหมายทำแท้ง.
วทิ ยานพิ นธ์สงั คมวิทยามหาบณั ฑิต. กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลยั .
มัรยัม แวหะยี. (2561). ศึกษาเปรียบเทียบการทำแท้งในกฎหมายอาญาอิสลามและกฎหมายอาญา
ไทย. วารสาร AL-NUR บณั ฑิตวทิ ยาลัย. 13 (24), 165 – 177
ศานต์ฤทัย สาเพิ่มทรัพย์. (2561). การสร้างความหมายของผู้หญิงทำแท้งผ่านภาพตัวแทนใน
ภาพยนตร์ไทย. วิทยานิพนธ์วารสารศาสตรมหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ :
มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์.
สุทธิรักษ์ นภาพันธ์ และ พูนชัย ปันธิยะ. (2562). ทัศนคติของสูติแพทย์ต่อการยุติการตั้งครรภ์ท่ี
ปลอดภัย. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุขและการศึกษา. 20 (3), 3 – 14
อัญชลี จารุสมบัติ. (2526). บทบาทของหนังสือพิมพ์ที่มีต่อการพัฒนาแนวความคิดใหม่ : ศึกษา
เฉพาะกรณีการทำให้การทำแท้งถูกต้องตามกฎหมาย. วิทยานิพนธ์นิเทศศาสตรมหา
บัณฑติ . กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
อุษณยี ์ เมธสทุ ธิ์. (2552). อำนาจทำแทง้ ตามกฎหมาย. วิทยานพิ นธ์นติ ิศาสตรมหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ
: มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์.
ASTVผ้จู ัดการรายวนั . (2553). “แทง้ เสรี” กับทารก 2002 ศพ. [ออนไลน์]. สบื ค้นเมือ่ 1 กรกฎาคม
2565, จาก http://www.thaihospital.org/board2/index.php?topic=882.0;wap2
314
ตืน่ จากฝันรา้ ย: โครงการพฒั นาพืน้ ท่ีหนองใหญต่ ามแนวพระราชดำริ จังหวดั ชมุ พร
นางสาวดารารัตน์ ยงั สุข1
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนวพระราชดำริ
จังหวัดชุมพร ในด้านของการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยและวาตภัยและการพัฒนาพื้นท่ี
เพื่อการเรียนรู้และการท่องเที่ยวในจงั หวดั ชุมพร ในช่วงพ.ศ.2532 - พ.ศ.2564 การศึกษาใช้ระเบียบ
วิธีทางประวัติศาสตร์ ค้นคว้าจากหลักฐานเอกสารและการสัมภาษณ์ประชาชนในพื้นที่ จ.ชุมพร
ผลการศึกษาพบว่า โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีส่วนสำคัญในการแกไ้ ขปัญหาอุทกภัยและวาตภัยท่ีเป็นเสมือนฝันร้ายของ
ชาวชุมพร โครงการดังกล่าวยังมีบทบาทในการพัฒนาพื้นที่บริเวณโครงการแก้มลิงหนองใหญ่
ให้เหมาะกับการเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สถานที่ท่องท่องเที่ยวและยังเป็นศูนย์การเรียนรู้
ของประชาชน
คำสำคัญ: โครงการพฒั นาพนื้ ทห่ี นองใหญต่ ามแนวพระราชดำริ จงั หวัดชุมพร
1 นิสติ ปริญญาตรี หลกั สตู รประวตั ศิ าสตร์ สาขาวิชาสงั คมศาสตร์ คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ
315
บทนำ
“โอช้ ุมพรแตก่ ่อนน้ี มแี ต่ความทุกขใ์ จ
อุทกภยั และวาตภยั ผูค้ นสนิ้ ไรก้ ำลงั
โอ้ชมุ พรแต่กอ่ นนัน้ ฉนั ยังจำได้ดี
นำ้ ทว่ มหลากอยทู่ ุก ๆ ปี เปน็ อยา่ งนีต้ ลอดมา ….”
(เพลงแก้มลิงชมุ พร ขับร้อง / เนื้อร้องโดย วงเดอะฟู)
จากบทเพลงข้างต้นถือไดว้ ่าเป็นเพลงที่คอยเตือนใจชาวชุมพรว่ากวา่ จะมชี ุมพรอย่างทกุ วนั นี้
ชาวชุมพรต้องเผชิญหน้ากับฝันร้ายมานานแสนนาน ซึ่งฝันร้ายที่ว่านั้นก็คือ มหันตภัยที่เกิดจาก
อุทกภัยและวาตภัยที่ได้โหมกระหน่ำเข้าใส่ในพื้นที่ของจังหวัดชุมพรในทุก ๆ ปี มิหนำซ้ำบางปีก็เกิด
ภัยพิบัติเหล่านี้ถึงสองครั้งสองครา ความเสียหายแต่ละครั้งนับพันล้านบาท แต่เมื่อมีโครงการแก้มลิง
หนองใหญ่ได้ช่วยทำให้ชุมพรตื่นจากฝันร้ายนั้นได้เสียที จากวันนั้นสู่วันนี้ชาวชุมพรได้ผ่านพ้นกับฝัน
ร้ายทีเ่ คยประสบและไมต่ ้องเจอกบั ฝนั รา้ ยนนั้ อีกต่อไป
แก้มลิงหนองใหญ่ หรือที่รู้จักกันในช่ือ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนวพระราชดำริ
ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริ ให้สร้าง
แก้มลิงและพัฒนาพื้นที่บรเิ วณหนองใหญข่ องจังหวัดชุมพร เพื่อช่วยแก้ไขปญั หาอุทุกภัยและเพื่อเป็น
การสร้างระบบการจดั การนำ้ ภายในจงั หวดั ชุมพรให้มีประสิทธภิ าพมากขึน้ เมื่อมีการจดั การน้ำท่เี ป็น
ระบบและมีประสทิ ธิภาพ จึงทำให้เมื่อมมี หนั ตภัยต่าง ๆ ทั้งวาตภัยและอุทกภัยเกิดขึ้น ก็ช่วยลดทอน
ความเสียหายที่เกิดขึ้นให้น้อยลงได้ และพื้นที่บริเวณโครงการแก้มลิงหนองใหญ่ยังมีการพัฒนาพื้นที่
ให้เหมาะกับการเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สถานที่ท่องท่องเที่ยวและยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ของ
ประชาชนเพื่อใช้พืน้ ท่ีของโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสดุ จากเดิมที่เป็นเพยี งพื้นที่รกร้างว่างเปลา่ จน
สามารถนำพัฒนาและยกระดับพื้นที่ส่วนนี้มาใช้ประโยชน์ จนกลายเป็นสถานที่สำคัญแห่งหน่ึง
ของจงั หวัดชมุ พร
ดังนั้นผู้เขียนจึงมีความสนใจในการศึกษาโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนว
พระราชดำริ จังหวัดชุมพร เนือ่ งจากเป็นโครงการท่สี ำคัญต่อประชาชนภายในจังหวัดชุมพร ท้ังในดา้ น
ของการบริหารจัดการน้ำภายในโครงการและการพัฒนาพื้นที่ของโครงการให้สามารถใช้ประโยชน์ได้
หลากหลายข้ึนและเกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยความสำคัญและความน่าสนใจของโครงการจึงทำให้
ผู้เขียนมีความสนใจการศึกษาในครั้งนี้มุ่งเน้นการศึกษา 2 ประเด็น ทั้งการศึกษาถึงระบบของการ
บริหารจัดการน้ำภายในโครงการแห่งนี้ และการศึกษาถึงการจัดสรรและพัฒนาพื้นที่ของโครงการ
316
ที่สามารถทำให้พื้นที่รกร้างกลับกลายเป็นสถานที่สำคัญและสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของ
โครงการแห่งนไ้ี ด้อยา่ งหลากหลายมากขน้ึ
วัตถปุ ระสงค์ของการศกึ ษา
เพือ่ ศกึ ษาโครงการพฒั นาพ้ืนทีห่ นองใหญต่ ามแนวพระราชดำริ จังหวัดชมุ พร ในดา้ นของการ
บ ร ิ ห า ร จ ั ด ก า ร น ้ ำ เ พ ื ่ อ แ ก ้ ป ั ญ ห า อ ุ ท ก ภ ั ย แ ล ะ ว า ต ภ ั ย แ ล ะ ก า ร พ ั ฒ น า พ ื ้ น ท ี ่ เ พ ื ่ อ ก า ร เ ร ี ย น รู้
และการทอ่ งเท่ียวในจังหวดั ชมุ พร ในช่วงพ.ศ.2532 - พ.ศ.2564
ทบทวนวรรณกรรม
จากการศึกษาเรื่องราวของโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนวพระราชดำริ
จังหวัดชุมพร ผู้เขียนได้ทำการค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ ปรากฎว่าวิจัยทาง
ประวัติศาสตร์และบทความทางประวัติศาสตร์ที่มีการเขียนถึงเรื่องราวในหัวข้อนี้มีจำนวนไม่มากนัก
และมกั จะไม่อยู่ในแขนงของสาขาของวชิ าประวัติศาสตร์ โดยงานทีผ่ เู้ ขียนสามารถคน้ คว้า และเข้าถึง
ได้นั้น ผู้เขียนได้แบ่งเอกสารออกเป็น 2 หมวดหมู่ คือ เอกสารที่กล่าวถึงปัญหาภัยพิบัติของจังหวัด
ชมุ พรท้ังอุทกภัยและวาตภยั และเอกสารท่ีกลา่ วถึงการพฒั นาพื้นท่ีของโครงการโครงการพัฒนาพื้นท่ี
หนองใหญต่ ามแนวพระราชดำริ จังหวัดชมุ พร โดยเอกสารส่วนใหญม่ กั จะเป็นเอกสารทางราชการท่ีได้
มีการกลา่ วถึงโครงการแห่งนี้
เอกสารทีก่ ล่าวถงึ ปัญหาภัยพิบัตขิ องจงั หวดั ชุมพร
ผลงานของผลงานของ กฤติมา ลี่รัตนวิสุทธ์ (พ.ศ.2542) เรื่องการวางแผนการใช้ที่ดิน
เพอื่ บรรเทาความเสียหาย จากอุทกภัยในพื้นทีล่ ุ่มน้ำชมุ พรโดยในงานชิ้นนี้ได้กลา่ วถึงแม่น้ำสายสำคัญ
ของจังหวัดชุมพร และลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดชุมพร ลมมรสุมที่พัดผ่านจังหวัดชุมพร
ซึ่งเอื้อต่อการเกิดอุทกภัยและวาตภัย ยังสะท้อนให้เห็นการรับมือและการแก้ปัญหาของภัยพิบัติ
ดงั กลา่ ว รวมถงึ การแสดงใหเ้ หน็ ถงึ อตั ราการเพม่ิ ขนึ้ ของประชากรภายในจังหวัดชุมพรหลงั จากที่มีการ
วางแผนการรับมือเกีย่ วกบั ภัยพบิ ัตทิ ม่ี ปี ระสิทธภิ าพมากข้นึ
เอกสารที่กล่าวถึงการพัฒนาพื้นที่ของโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนวพระราชดำริ
ผลงาน ประทับห้วงสวรรค์ (พ.ศ.2560) เรื่องเรียนรู้แก้มลิงธรรมชาติแห่งแรกของไทย “โครงการ
พัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ จ.ชุมพร ” พร้อมตามรอยศาสตร์พระราชา เป็นการร้อยเรื่องราวชีวประวัติ
317
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทั้งยังมีการกล่าวถึงความเป็นมาและสาเหตุ
ของการสรา้ งโครงการ การเลือกใช้พ้ืนท่ีหนองใหญเ่ พราะเป็นพื้นทร่ี กร้างสาธารณะทีไ่ ม่ได้ใช้ประโยชน์
มาใช้สร้างและพัฒนาจนกลายเป็นโครงการแหง่ นี้ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความสำเรจ็ ของโครงการที่
สามารถช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมให้แก่ชาวชุมพรได้ รวมไปถึงการพัฒนาพื้นที่ของโครงการที่นำมาใช้
ประโยชน์ในการจัดศนู ย์การเรยี นรูเ้ กีย่ วกับปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงและการใช้พื้นทีข่ องโครงการใน
การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยความร่วมมือทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนในการกิจกรรมเพื่อใช้พื้นท่ี
ของโครงการให้เกิดประโยชนส์ งู สุด
ผลงานของ สถาบันดำรงราชานุภาพสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ.2551)
เรอ่ื งพระทรงเป็น พลงั แหง่ แผ่นดิน เป็นการกล่าวถึงทม่ี าของโครงการพัฒนาพนื้ ทีห่ นองใหญ่ตามแนว
พระราชดำริ ที่สร้างเพื่อ ช่วยแก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชุมพรเป็นสำคัญ เป็นโครงการแก้มลิง
แห่งแรกของประเทศไทยที่สร้างขึ้น ตามธรรมชาติ อันมีแม่น้ำ ลำคลอง สายหลักที่ใช้ในการระบาย
และกักเก็บน้ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้อง ขุดทางระบายน้ำใหม่ขึ้นทั้งหมด เพียงแค่ปรับปรุงให้
เป็นไปตามแผนที่ทางโครงได้วางไว้ เพื่อให้เกิดการจัดการ น้ำที่มีประสิท ธิภาพมากที่สุด
ถือว่าโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนวพระราชดำริได้เปน็ ตน้ แบบของการ สร้างโครงการแกม้
ลิงตามธรรมชาติใหอ้ ีกหลาย ๆ แห่งในประเทศไทย และยังสะทอ้ นให้เหน็ ถงึ การพัฒนาพื้นที่โครงการ
จากพ้นื ที่รกรา้ งสสู่ ถานทสี่ ำคัญของจังหวัดชมุ พร
ระเบียบวิธใี นการศึกษา
การศึกษาในเรื่องนี้ใช้ระเบียบวิธีทางประวัติศาสตร์ในการศึกษา ในการสืบค้นและศึกษา
เรื่องนี้ได้มีการศึกษาผ่านเอกสารและงานเขียนต่าง ๆ เช่น เอกสารราชการ เอกสารประชาสัมพันธ์
โครงการ ข่าวเก่ยี วกับโครงการ รวมทง้ั การสัมภาษณช์ าวบ้านในพืน้ ที่ทเ่ี ป็นหลักฐานจากคำบอกเล่า
ผลการศึกษา
ชุมพรกอ่ นมแี กม้ ลิงหนองใหญ่
“ ชุมพรเป็นประตูสู่ภาคใต้ ” ชุมพรตั้งอยู่ตอนบนสุดของภาคใต้ ด้วยสภาพที่มีพื้นที่ราบสูง
ภูเขาสลับกับพื้นที่ชายฝั่งทะเล เป็นเขตที่มีลมมรสุมพัดผ่านทำให้ในช่วงฤดูน้ำหลากนั้นทำให้จังหวัด
ชุมพรเกิดน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้งเป็นประจำทุกปี ด้วยสภาพภูมิศาสตร์และสภาพอากาศจึงส่งผลให้
จังหวัดชุมพรมีประชากรที่เบาบาง อันเนื่องมาจากที่มีพื้นที่ไม่เหมาะสมสำหรับการทำมาหากิน
318
ถึงแม้จะมีดินจะมีความอุดมสมบูรณ์ แต่การปลูกพืชผลหรือสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัยนั้นก็ต้องกังวล
กับภัยธรรมชาติที่ถาโถมเข้ามาเป็นประจำทุกปี การรับมือในอดีตก็คงมีเพียงการพึ่งพา และปรับตัว
ตามธรรมชาติ เห็นได้จากชาวชุมพรส่วนใหญ่จะนิยมทำสวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว และพืช
ยืนต้น โดยเฉพาะพืชที่มีต้นสูงเพื่อที่จะให้พืชผลทางการเกษตรนั้นเสียหายน้อยที่สุดเมื่อเกิดอุทุกภัย
ถ้าหากเน้นการปลูกข้าวหรือทำไร่ที่มีระยะการเก็บเกี่ยวที่สั้น ผลผลิตเหล่านี้ก็จะต้องจมอยู่ใต้น้ำเปน็
การจมทั้งทุนจมท้ังพืชผลผลิต ทำให้เกิดความเสียหายท่ีทวีคูณ โดยฉพาะในพื้นทีต่ ัง้ แต่อำเภอท่าแซะ
และอำเภอปะทวิ ท่ีติดกับประจวบฯ จนไปถึงอำเภอเมือง อำเภอทงุ่ ตะโก อำเภอสวีนั้นผู้คนต้องอาศัย
อยู่บนพื้นที่ราบสูงเพื่อให้รอดพ้นจากอุทกภัยและยังต้องเผชิญกับน้ำป่าไหลหลากทั้งมาจาก
ประจวบครี ีขันธ์และจากทางจังหวัดระนองท่ีไหลลงส่ทู ะเลอา่ วไทยโดยมชี มุ พรเปน็ เส้นทางผ่านของน้ำ
ดงั นั้นการท่ีชุมพรมีพ้นื ท่ีที่ค่อนข้างต่ำกว่าระดับน้ำทะเลเช่นน้ี ทำให้เกดิ ระดับน้ำทะเลหนุนจนเกิดน้ำ
ท่วมอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ชุมพรจะต้องเผชิญกับน้ำท่วมปีละหลาย ๆ ครั้ง เพราะเนื่องด้วยสภาพ
ภมู ิศาสตร์ สภาพพืน้ ทีท่ ่ีเปน็ เชน่ น้ี
การแก้ไขปัญหาและบรรเทาเรื่องอุทกภัย อาศัยการพึ่งพาจากแม่น้ำสายหลักตามธรรมชาติ
ท่ีชว่ ยระบายน้ำลงสทู่ ะเล โดยมแี ม่นำ้ ทา่ ตะเภาเปน็ สายหลักในการระบายน้ำ แน่นอนอยู่แล้วว่าการท่ี
มีแม่น้ำสายเดยี วน้ันและต้องระบายนำ้ ในหลาย ๆ พื้นที่ของจังหวัดนั้นยอ่ มไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำ
ท่วมนี้ได้อย่างแน่นอน ถึงแม้จะอาศัยแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเพื่อใช้เป็นทางระบาย
และทางผ่านของน้ำอีกทางหนึ่ง ก็ยังไม่เพียงพอต่อการระบายน้ำอยู่ดี ภายหลังได้มีการขุดคลอง
สามแก้วขึ้นเพื่อเป็นคลองที่ระบายน้ำอีกทางแต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้
เพราะเมื่อปริมาณน้ำฝนมีจำนวนมากจนแม่น้ำสายต่าง ๆ ไม่สามารถกักเก็บและรองรับไว้ได้
ก็จะเกิดน้ำเอ่อล้นและเข้าท่วมขังทั้งบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรของชาวชุมพรอยู่เสมอ
ซึ่งอาจเรียกได้ว่าชุมพรต้องกลายเป็นเมืองใต้น้ำเพราะชุมพรจะเกิดน้ำท่วมใหญ่เป็นประจำทุกปี
โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมที่ถือได้ว่าเป็นช่วงฤดูมรสุมที่ได้พัดผ่านเข้ามายังจังหวัดชุมพร
ความโชคดีหรือโชคร้ายนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่วา่ ปีไหนน้ำจะท่วมหรือไม่ท่วม แต่ขึ้นอยู่กับว่าปีไหนจะเกิดน้ำ
ท่วมกี่ครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วชาวชุมพรจะต้องเผชิญกับน้ำท่วมปีละสองครั้ง บางปีอาจจะโชคร้าย
เกิดนำ้ ทว่ ม 4-5 คร้ัง ภายในปเี ดียว
ภาวะนำ้ ทว่ มเป็นภยั ธรรมชาติที่เป็นปัญหาเร้ือรังของจังหวัดชุมพร สว่ นการรับมือก็คงมีเพียง
การพึ่งพาและปรับตัวตามธรรมชาติ เห็นได้จากชาวชุมพรส่วนใหญ่จะนิยมทำสวนยางพารา ปาล์ม
น้ำมัน มะพร้าว และ พืชยืนต้น โดยเฉพาะพืชที่มีต้นสูงเพื่อที่จะให้พืชผลทางการเกษตรนั้นเสียหาย
น้อยที่สุดเมื่อเกิดอุทุกภัย ถ้าหากเน้นการปลูกข้าวหรือทำไร่พืชที่มีอายุเก็บเกี่ยวในระยะเวลาที่ส้ัน
319
ผลผลิตเหล่านั้นก็จะต้องจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งถือเป็นการจมทั้งทุน แรงงานและจมทั้งพืชผลผลิต ทำให้เกิด
ความเสยี หายทวีคณู ขึ้นจนกลายเปน็ ฝนั ร้ายแกช่ าวชมุ พร
จุดกำเนิดโครงการพัฒนาพ้ืนทหี่ นองใหญต่ ามแนวพระราชดำริ จังหวัดชุมพร
ชุมพรมีลมมรสุมที่พัดผ่านและเข้าถาโถมอยู่เป็นประจำทุกปีซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่าง
มหาศาลแทบทุกปี แต่พายหุ รอื ลมมรสุมท่ีถือว่าเปน็ ฝนั ร้ายครง้ั ย่งิ ใหญข่ องชาวชุมพรนน้ั เกิดจาก พายุ
เกย์ในพ.ศ.2532 และพายุซีตาร์พ.ศ.2540 ซึ่งพายุทั้งสองลูกเป็นพายุไต้ฝุ่นทีม่ ีความรุนแรงและสรา้ ง
ความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินแก่ชาวชุมพร โดยเฉพาะพายุไต้ฝุ่นเกย์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 -4
พฤศจิกายน พ.ศ.2532 เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ทรงพลังได้คร่าชีวิตคนไปกว่า 800 คน และสูญหาย
อีกหลายร้อยคน นับว่าเป็นพายุที่มีความเลวร้ายที่สุดในรอบ 35 ปี ถึงแม้จะมีการเตือนภัยจากกรม
อุตุนิยมวิทยาการเตรียมตัวล่วงหน้า แต่พายุลูกนี้มีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เกินความคาดหมายว่าจะ
เกิดขนึ้ ดว้ ยกำลงั ลมท่ีแรงและเรว็ ทำให้หลังคาบา้ นและสังกะสีปลิววอ่ นไปท่ัว อาคารบา้ นเรอื นที่เหลือ
เพยี งแตเ่ สา ต้นไมล้ ้มระเนระนาด สิ่งกอ่ สร้างต่าง ๆ ถูกถอนรากถอนโคน ภาพความเสียหายท่ีเกิดข้ึน
นั้นไม่ต่างจากการโดนระเบิดถล่มแทบท้ังเมือง หลงั จากลมพายเุ รม่ิ สงบก็เกดิ ฝนตกหนักจนเกิดเป็นน้ำ
ท่วมสงู คร้งั ใหญ่ ด้วยระดบั น้ำท่ีสูงถึงหลงั คาของบ้านช้นั เดียว ทำให้ชาวบ้านต้องอาศัยอยู่บนบ้านชั้น
สอง หรืออยู่บนหลังคาบา้ นและต้องใช้ชวี ิตแบบน้ันแรมอาทิตย์กว่าน้ำจะลดลง การให้ความช่วยเหลือ
จากทั้งหน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชนเต็มไปด้วยความยากลำบาก ด้วยสภาวะน้ำที่มีระดับสูง
และไหลเชยี่ ว เมือ่ เหตกุ ารณ์เริม่ สงบและกลับสูส่ ภาวะท่ีปกติไดม้ ีการสำรวจและประเมินความเสียหาย
ที่เกิดขึ้นนั้นมีมูลค่านับหมื่น ล้านบาท ทั้งยังได้คร่าหลายร้อยชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งได้สร้าง
ความเสียหายจนไมอ่ าจจะประเมนิ ค่าได้ (มติชนออนไลน์,2559)
หลังจากพายุไต้ฝุ่นเกยซ์ ึ่งฝากความความเสียหายทีไ่ ม่อาจประเมนิ ค่าได้ ผ่านไปได้แค่เพียง 8
ปี วันที่ 20-23 สิงหาคม พ.ศ. 2540 ก็ได้เกิดพายุโซนร้อนซีต้าร์ได้เข้าซัดกระหน่ำในพื้นที่ชุมพรเฉก
เช่นเดิม แม้พายุลกู นี้สร้างความเสียที่นอ้ ยกวา่ พายไุ ต้ฝ่นุ เกย์ แต่เม่อื พายโุ ซนร้อนซีต้าร์ได้พัดผ่านไปไม่
นานนกั กเ็ กิดขา่ วร้ายแก่ชาวชุมพรอีกครั้ง นั่นคอื ทางกรมอตุ ุนิยมวทิ ยาไดม้ ีการพยากรณ์อากาศว่าจะมี
การเกิดพายุไต้ฝุ่นที่มีชื่อว่าพายุลินดาจะซัดเข้าเมืองชุมพรอีกครั้งในช่วงวันที่ 3 พฤศจิกายน
ของปีเดียวกัน โดยมีทิศทางลมและการคาดการณ์ถึงความรุนแรงลมเทียบเท่ากับพายุไต้ฝุ่น
ซึ่งหากไม่มีแผนการรับมือที่ดี และมีประสิทธิภาพแน่นอนว่าความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นน้ันยอ่ มไม่
ต่างจากคร้ังที่เกิดพายุไต้ฝุน่ เกย์ ดังนั้นจึงต้องหาแนวทางการรับมือเพื่อลดความสญู เสยี และความเสีย
ใหไ้ ด้มากทส่ี ดุ และรวดเร็วท่ีสดุ
320
สำหรบั แนวคิดในการแกไ้ ขปัญหาวาตภัยอทุ กภยั ของชุมพร ซงึ่ มีพื้นท่ีตำ่ เปน็ ทางไหลผ่านของ
น้ำ และเปน็ ช่องทางทลี่ มมรสุมจะพัดผ่านประจำทุกปี กรมชลประทานไดม้ ีการวางแผนการรับมือจาก
การจัดการน้ำภายในจังหวัด มีแนวคิดในการจัดทำโครงการจัดการน้ำและรับมือกับปัญหาอุทกภัย
วาตภัย โดยเริม่ ตัง้ แต่หลังพายุเกย์จบสิ้นในปพี .ศ.2532 โดยเน้นไปที่การวางโครงการขุดคลองระบาย
น้ำเพิ่มเติม ณ บริเวณหนองใหญ่ การเลือกใช้พื้นที่บริเวณนี้เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะที่เป็นที่รกร้าง
ว่างเปล่าทำให้ประหยัดงบในการเวียนคืนที่ดิน พื้นที่แห่งนี้ยังสามารถขุดคลองให้มีความยาว 1460
เมตรได้ โดยมีการขุดในครั้งนี้สามารถระบายน้ำลงสู่ทะเล ถ้าหากโครงการนี้สำเร็จจะทำให้ชุมพร
สามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ทันทว่ งที แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอย่างท่ีคดิ เพราะเมื่อโครงการนี้ทำได้เพียง
ครึ่งหนึ่งก็ต้องหยุดชะงักเพียงเพราะไม่มีงบประมาณที่เพียงพอและต้องใช้เวลานานถึง2ปีกว่าจะแล้ว
เสร็จ ซง่ึ ไมท่ นั ต่อการรับมอื กับพายุลินดาทจ่ี ะเขา้ มา จงึ มกี ารสง่ เร่อื งรอ้ งขอความช่วยเหลือและแจ้งให้
เห็นถึงปัญหาของชาวชุมพรที่กำลังประสบอยู่ไปยังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทำให้
ชาวชุมพรได้มีความหวังขึ้น เมื่อมีหนังสือตอบรับถึงการรับทราบและเข้าใจในปัญหา
มีการวางโครงการตามแนวพระราชดำรทิ ี่เข้ามาช่วยเหลือในการสร้างโครงการและยงั รวมถงึ กำลังจาก
ทุก ๆ ฝ่ายที่ได้เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันใน ทำให้เกิดการเร่งสร้างโครงการนี้ให้แล้วเสร็จ เพื่อเตรียม
รบั มอื กบั พายุไตฝ้ ่นุ ลินดาทจ่ี ะเขา้ มาให้ไดท้ ันท่วงที และยงั เป็นการป้องกันการเกดิ ความเสยี จากมหันต
ภัยท่กี ำลังจะเกิดขึน้ จงึ ทำให้ชาวชมุ พรรอดพน้ จากฝันรา้ ย
โครงการแก้มลงิ หนองใหญ่ จงั หวดั ชมุ พร
จากเดิมที่เป็นแค่โครงการขุดคลองระบายน้ำเมื่อมีพระราชดำริจากพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ได้เข้ามาช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ ทำให้เกิดเป็นโครงการแก้มลิงที่
เปน็ จดุ พกั และกักเก็บน้ำจึงทำให้โครงการนี้มีประสิทธิผลมากข้ึน โครงการขุดคลองแล้วเสร็จเม่ือวันท่ี
2 พฤศจิกายน พ.ศ.2540 ก่อนพายุไต้ฝุ่นลินดาเข้าชมุ พรเพียง 1 วัน จากเดิมในการขดุ สร้างโครงการ
นี้ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี แต่ในครั้งนี้ได้มีการเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ทำให้ชุมพรสามารถรอด
พ้นจากความเสียหายที่อาจเกิดจากพายุลินดาในครั้งนั้น ทั้งนี้เพราะมีระบบ การจัดการน้ำที่ดีโดย
โครงการนี้มกี ารขดุ คลองยาว 1460 เมตร ไปจนถงึ คลองหัววงั พนักตงั เพื่อระบายนำ้ สูท่ ะเล ตลอดสาย
ของคลองที่ขุดนั้นจะมีประตูระบายน้ำราชประชานุเคราะห์ 3 แห่ง เป็นการขุดแก้มลิงเพื่อเอาไว้กัก
เก็บน้ำ โดยการทำงานของโครงการน้ีคอื ก่อนถึงฤดูน้ำหลากจะปล่อยน้ำลงสู่ทะเลจนหมด เพื่อเตรียม
รองรบั กับปรมิ าณน้ำในฤดูน้ำหลากเมื่อมีปริมาณน้ำเพ่มิ ข้นึ กจ็ ะปลอ่ ยเขา้ แก้มลิงหนองใหญ่ เพ่อื ทีแ่ ก้ม
ลิงจะทำหน้าที่เก็บนำ้ ส่วนเกนิ และคอ่ ยๆทยอยปลอ่ ยน้ำลงสู่ทะเล จนสุดท้ายกอ่ นสิ้นฤดูน้ำหลากกจ็ ะ
321
มีการเก็บน้ำในแก้มลิงไว้เพื่อใช้ในฤดูแล้งต่อไป โครงการในพระราชดำริหนองใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ
3,000 ไร่ ซง่ึ มาจากพนื้ ที่สาธารณะและพนื้ ที่ท่ชี าวบา้ นบริจาคใหด้ ้วยความสมคั รใจ โครงการน้ตี ้ังอยู่ท่ี
ตำบลบางลึก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร จากความสำเร็จของโครงการที่ทำให้ชุมพรรอดพ้นจาก
อทุ กภยั ตงั้ แตพ่ .ศ.2540 จนถึงปจั จบุ ัน (สถาบนั ดำรงราชานภุ าพ, 2550, หน้า361-367)
การพฒั นาพื้นทหี่ นองใหญก่ บั ศาสตร์พระราชา
โครงการแก้มลิงหนองใหญ่กลายเป็นสถานท่ีสำคญั ประจำจงั หวัด นอกเหนอื จากการสร้างขึ้น
เพื่อการจัดการเกี่ยวกับระบบชลประทานและการบริหารน้ำภายในจังหวัด ยังมีการพัฒนาพื้นที่
โครงการแห่งนี้ให้เป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและเป็นศูนย์การ
เรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นการสร้างจุดเรียนรู้และจัดอบรมให้
ผู้สนใจในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำปุ๋ยอินทรีย์ การเลี้ยงไส้เดือน ที่ส่งเสริมให้มีการนำวัสดุ
ในพื้นที่มาทำปุ๋ยเพื่อช่วยลดต้นทุนจุดการเรียนรูภ้ ายใน โครงการแหง่ นี้ยังมีในเร่ืองของการเผาถ่านไร้
ควันที่ให้พลังงานความร้อนสูง การแปรรูปผงถ่านไปเป็นสบู่ จุดการเรียนรู้เรื่องคนอยู่กับป่าที่สอนให้
เรียนรู้ในวิธีการที่คนจะอยู่ร่วมกับป่าแบบไม่ทำร้ายป่า จุดเรียนรู้การนำสมุนไพรท้องถิ่นอย่างใบ
ย่านาง รางจืด ฟ้าทะลายโจร พลับพลึง ฯลฯ มาใช้ประโยชน์ในการเป็นสรรพคุณทางยา การทำน้ำ
สมุนไพรต่าง ๆ มีการทำของอุปโภคบริโภคในครัวเรือนที่มีมากกว่า 36 รายการ นอกจากนี้ยังมีจุด
เรียนรู้เร่ืองการทำไบโอดีเซลที่เน้นทำขึ้นเพื่อเพิ่มราคาปาล์มน้ำมันในช่วงที่ราคาตกต่ำ เป็นการเพ่ิม
รายได้ให้แก่เกษตรกรในพนื้ ท่ีเพราะนิยมปลกู ปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกจิ จดุ เรียนรกู้ ารอนุรักษ์ พันธ์ุ
ขา้ วปะทวิ ทเี่ ป็นขา้ วพันธุ์พนื้ ถ่นิ ของ จ.ชุมพร ท่ีมคี ณุ สมบัติเก็บไว้ได้นาน 4-5 ปี โดยไม่เสื่อม คุณภาพ
และสดุ ทา้ ยคือจดุ เรียนร้กู ารทำจลุ ินทรยี ์
สำหรับการเปดิ ศูนย์การเรียนรู้เริ่มต้ังแต่ปีพ.ศ. 2553 มีผู้สนใจเขา้ มาศึกษาเรยี นรู้เฉลี่ยเดอื น
ละประมาณ 2,500 คน โดยไมร่ วมนักท่องเทย่ี วทัว่ ไปท่ีได้เขา้ ไปแวะเวียนเพื่อเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้
โดยมีวิทยากรเป็นปราชญ์ชาวบ้านมาให้ ความรู้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยผู้เข้ารับการเรียนรู้จะมี
ค่าใช้จ่ายในการเสียค่าวัสดุ-อุปกรณ์บางส่วนที่จำเป็นต้องใช้ในการเรียนรู้ แต่ทุกสิ่งอย่างที่ทำภายใน
ศูนย์การเรียนรู้จะมอบให้แก่ผู้ศึกษาดูงานนำกลับไป นอกจากศูนย์การเรียนรู้ยังมีการสร้างสำนักงาน
ตา่ ง ๆ และมหี อ้ งจัดแสดงนทิ รรศการเกี่ยวกบั ความเป็นมาและพระราชกรณยี กิจทมี่ ีต่อโครงการหนอง
ใหญ่โดยเฉาะ ศูนย์การเรียนรู้มีการแบ่งเป็นฐานต่าง ๆ ที่หลากหลายทำให้สามารถรับความรู้ได้อยา่ ง
หลากหลายตามความสนใจของผู้เข้าร่วมศึกษา สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการเข้าเรียนรู้นั้นทางศูนย์
การเรียนรูม้ กี ารเปดิ ให้บรกิ ารทกุ วัน
322
การพฒั นาพืน้ ท่ีหนองใหญก่ ับกับการทอ่ งเทีย่ ว จ.ชมุ พร
โครงการพฒั นาพน้ื ท่ีหนองใหญต่ ามแนว พระราชดำรเิ ปน็ สถานที่ทชี่ าวชุมพรรู้จักเป็นอย่างดี
หลังจากเกิดศูนย์การเรียนก็ได้มีการปรับภูมิทัศน์ของโครงการให้สามารถรองรับกับผู้ที่สนใจศึกษาดู
งานและนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนด้วยโครงการรายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์เละสัตว์นานา
ชนิด และยังมีแหล่งน้ำที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามามากข้ึน
เรื่อย ๆ เพราะต้องการดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สงบภายในโครงการ จึงมีการสร้างสะพานไม้เคี่ยมเพื่อ
เชื่อมจากฝั่งของโครงการไปยังเกาะเล็ก ๆ ของอีกฝั่ง ที่เปรียบเสมือนสวนสัตว์ขนาดย่อมที่มีทั้งกวาง
ลิงไก่ฟ้า และยังมีแพะที่ชาวบ้านได้เลี้ยงไว้ ซึ่งสะพานนี้มีเอกลักษณ์พิเศษที่นอกเหนือจากการสร้าง
ด้วยไม้เคี่ยมแล้วยังสร้างเป็นรูปตัวเอส (S) ที่มีความสูง-ต่ำไม่เท่ากันเพื่อให้เรือสามารถลอดผ่านได้
ภายในแก้มลิงได้มีจุดให้บริการจักรยานน้ำ ให้อาหารปลา ซึ่งเต็มไปด้วยปลาน้ำจืดหลายชนิด เช่น
ปลาดุก ปลาสวาย ปลาช่อน ปลานิล โดยเริ่มต้นจากการที่ทาง โครงมาได้มีการจัดซื้อปลามาปล่อย
และยังมีปลาจากแม่น้ำสายต่าง ๆ ที่ได้ไหลเข้าสู่ในพื้นที่แก้มลิงจนมีปลาเป็นจำนวนมาก มีการรักษา
พันธุ์ปลาเหล่านั้นโดยการกำหนดเขตห้ามจับปลาในบริเวณพื้นที่ด้วย ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำให้มีการ
ขยายพันธ์ปลาและเพิ่มประมาณของปลาอีกด้วย การเลี้ยงปลาในแก้มลิงนั้นจะให้ปลาเติบโตและ
ขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ โดยมีกฎร่วมกันคือปลาที่อยู่อ่างกักเก็บน้ำจะไม่อนุญาติให้จับโดยเด็ดขาด
เว้นแต่มีงานหรือเทศกาลที่จะมีการจัดกิจกรรมที่อนุญาติให้จับได้เพียง 1 ครั้งต่อปีเท่านี้ โดยต้อง
ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ทางโครงการได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด บริเวณรอบ ๆ แก้มลิง รายล้อมไปด้วย
ต้นไม้ มีซุ้มอาหาร และของฝากต่างๆ จากชาวบ้านในพื้นที่ที่ตั้งซุ้มร้านค้าไว้เพื่อคอยบริการแก่
นักท่องเที่ยว ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีการพัฒนาเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์สุงสุด และเป็นพื้นที่ที่ทุกคน
สามารถเข้าถงึ และใชป้ ระโยชน์ได้
สะพานไม้เคี่ยม (รปู ตัวเอส S)
(ทมี่ า : องค์การบริหารส่วนจงั หวัดชมุ พรออนไลน)์ สืบค้นเม่ือ : 28 มกราคม 2565)
323
“ ขนึ้ โขนชงิ ธง ” เปน็ ประเพณกี ารแข่ง เรือยาวประจำจงั หวัดชมุ พรที่มเี อกลักษณเ์ ฉพาะตัวที่
ไม่เหมือนใคร เพราะการแข่งเรือที่นี่จะมีการปีนโขนเรือเพื่อขึ้นไปคว้าธงชัยที่เส้นชัย ซึ่งไม่ได้วัดที่
ความเร็วของเรอื วา่ ฝ่ายใดท่ถี ึงเสน้ ชยั ก่อนจะเป็นฝา่ ยชนะ แต่วดั ว่าฝา่ ยใดท่คี วา้ ธงไดก้ ่อนน้ันคือผู้ชนะ
โดยนายหัวเรือจะคลานขึน้ โขนไปคว้าธง นายทา้ ยเรือจะตอ้ งบงั คับเรือให้ตรงตามทิศของธงท่ีแขวนอยู่
ด้วยเหตนุ จ้ี ึงเป็นทม่ี าของประเพณีขนึ้ โขนชิงธง โดยมตี น้ กำเนดิ อยู่ท่ีลุ่ม แมน่ ำ้ หลังสวน อ.หลังสวน จ.
ชุมพร ประเพณีมีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปี ประเพณีแข่งเรือยาวขึน้ โขนชิงธงมีมานานต้ังแต่สมัยรชั กาลที่
๓ ในยคุ น้นั ทางดา้ นเศรษฐกิจมีความเจริญร่งุ เรือง ประกอบกับสยามเปน็ เมืองพทุ ธหลังออกพรรษาจะ
มีประเพณีชักพระ ซึ่งมีวัดด่านประชากรเป็นวัดประจำอำเภอของอำเภอหลังสวน ซึ่งเรือพระของวัด
ด่านประชากรมีขนาดใหญ่จัดประดับตกแต่งทรงเครื่องเรือที่สวยงาม ทำให้จำเป็นต้องมีเรือยาวที่มี
ฝีพายมากกว่าเรือปกติชาวบ้านทั่วไปมาคอยชักลาก ระหว่างทางชักเรือพระจะมีการตีกลองบรรเลง
เสียงสนั่น เมื่อเสร็จจากพิธีชักพระชาวบ้านก็นำเรือยาวเหล่านั้นมาแข่งขันประชันกันเพื่อความ
สนุกสนาน ซึ่งเป็นจดุ กำเนดิ ของประเพณี ขึ้นโขนชิงธง ในปีพ.ศ.2537 เชื่อว่ามีการจัดการแข่งขันเรือ
ยาวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่5 ด้วยความที่เมืองหลังสวนชุมพรเป็นเมืองจัตวาที่ข้ึน
ตรงตอ่ ราชธานี (ร.ศ.108) เม่อื ครน้ั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว ไดเ้ สดจ็ ประพาสในช่วง
ต้นรัชสมัยมีการกล่าวถึง “ เรือมะเขือยาว ” ที่สังกัดวัดดอนชัยซึ่งเป็นเรือยาวที่ใช้ในการแข่งขันและ
ใช้ในการนำเสด็จฯ จากบันทึกเรื่องราวของการเสด็จมีข้อความ บางตอนว่า “ ...วันที่ ๙ เวลาเช้า ๒
โมง ทอดสมอ ที่น่าเมืองหลังสวน มีเรือมากโขอย่างบ้านนอก มี เรือสองลำโขนทาสีเขียนลายมีผ้าน่า
และภูด่ า้ ยดบิ ผกู ธงแดงเล็ก ๆ ตรงกับภูข่ ้นึ มาข้างหน้าท้ายขา้ งละสองคนั ลำหนึ่งอยูใ่ น ๒๕-๒๖ ฝีพาย
เหน็ จะเปน็ เรอื แขง่ ... ” (จารวุ สั ตร์ วงษว์ ิเศษ, 2549, หนา้ 42-45)
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีแนวคิดจัดงานประเพณีขึ้นโขนชิงธง ณ บริเวณคลองหัววังพนักตัก
ซงึ่ เป็นพน้ื ทภ่ี ายในโครงการแก้มลงิ หนองใหญ่ พน้ื ทบ่ี รเิ วณคลองหวั วังพนกั ตักสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะ
แก่การจัดการแข่งขันเรือยาวด้วยเพราะมีลำน้ำที่ค่อนข้างตรงจึงเอื้อต่อการจัดการแข่งขันแข่งขันเรอื
บริเวณนี้และมีคันคลองเป็นชั้น ๆ เหมือนอัฒจันทร์เพื่อให้ผู้คนได้นั่งชมการแข่งขันด้วย
จงึ ไดจ้ ัดกิจกรรมแขง่ ขนั เรือยาวข้ึนโขนชิงธง ณ คลองหวั วงั พนักตักตัง้ แต่ปี พ.ศ.2542 เปน็ ตน้ มาจนถึง
ปัจจุบัน โดยมีถ้วยรางวัลพระราชทานและเงินรางวัลให้แก่ผู้ชนะ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ
ให้แก่ผู้เข้าแข่งขัน นอกเหนือจากการประกวดแข่งขันเรือยาวยังมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมายที่มีทั้ง
หน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชนที่ได้มีการจัดกิจกรรมไว้เพื่อรองรับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมในบริเวณ
งาน อาทิ นิทรรศการเทิดพระเกียรติ การประกวดขบวนแห่เทิดพระเกียรติ การประกวดวาดภาพ
ระบายสี การประกวดภาพถ่าย การประกวดกองเชียร์ เป็นต้น ด้วยกิจกรรมที่หลายจึงทำให้การจัด
งานการแข่งขันขึ้นโขนชิงธงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เพียงแค่ชาวชุมพรแต่ชาวบ้าน
324
จากจังหวัดใกล้เคียงก็ให้ความสนใจกับการจัดงานในครั้งนี้ จนทำให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวน
มากและยังเป็นการสร้างรายได้ของจังหวัดชุมพรอีกด้วย การจัดงานประเพณีนี้สร้างขึ้นมาเพื่อความ
สนุกสนาน กระตุ้นความสามัคคีของชาวบ้านในแต่ละตำบล แต่ละหมู่บ้านให้ได้มีส่วนร่วมในการทำ
กิจกรรมรว่ มกัน
ความเส่ือมโทรมของโครงการพัฒนาพืน้ ท่หี นองใหญ่ตามแนวพระราชดำริ
ตั้งแต่ปีพ.ศ.2555 โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนวพระราชดำริหนองใหญ่
ถูกลดความสำคัญลงจากเดิมที่เคยมีฐานะเป็นสถานสำคัญประจำจังหวัดทั้งด้านการท่องเที่ยว
การเปน็ ศนู ยก์ ารเรยี นรู้ เป็นสถานทจ่ี ดั กิจกรรมสำคัญตา่ ง ๆ ประจำจังหวัด แตด่ ้วยสภาพท่เี สอื่ มโทรม
ทำให้กลายเป็นแหล่งม่ัวสุม สภาพแวดลอ้ มเกดิ เป็นปา่ รก เนื่องมาจากขาดคน และงบประมาณในการ
ดูและพื้นที่ ซึ่งการเมืองท้องถิ่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โครงการต้องโทรมลง เพราะมีการตัด
งบประมาณในการดูแลโครงการ การทุจริตจนงบประมาณไม่เพียงพอต่อการทำนุบำรุง
ในส่วนของศูนย์การเรียนรู้มีการกำหนดวันเปิดเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งไม่ได้เปิดทุกวันเหมือน
อย่างเคย จะเปิดเฉพาะเนื่องในโอกาสสำคัญและวันสำคัญเท่านั้น โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ได้ร่วมกันจัดงานขึ้น ถ้าหากมีผู้สนใจศึกษาดูงานจากศูนย์การเรียนรู้ก็จะมีผู้ดูแลคอยให้ข้อมูลในช่วง
วันหยุดสุดสัปดาห์เท่านนั้ เม่อื ทกุ อย่างเสือ่ มโทรมลง ผเู้ ข้ามาเยย่ี มชมโครงการก็ลดลง ทำให้มีกจิ กรรม
บางอย่างต้องปดิ ตัวลงไปอย่างน่าเสียดาย ทง้ั การปัน่ จักรยานน้ำ สะพานไม้เค่ียมที่เป็นจุดเช็คอินกลับ
ผุพงั ลงจนไม่สามารถเดินข้ามได้
จนในปีพ.ศ.2562 ทางหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของพื้นที่ของโครงการ
ขึ้นอีกครั้ง จึงมีการพัฒนาและการโปรโมทการท่องเที่ยวเพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้กลับมามีมีรายได้
เสรมิ จากการขายของในพ้นื ที่ของโครงการ โดยเร่มิ จากการพัฒนาพ้นื ท่ี 3,000 กว่าไรข่ องโครงการให้
กลับมามีภูมิทัศน์ที่ดีเหมาะแก่การทำกิจกรรมต่าง ๆ จนสามารถกลับมาเป็นแลนมาร์คประจำจงั หวดั
ไดอ้ ีกคร้ัง จึงเกิดการสรา้ งสะพานชมกวางและมีการทำนบุ ำรุงสะพานไม้เคี่ยมเก่าใหส้ ามารถกลับมาใช้
งานได้ โดยฟ้ืนฟูทั้งศูนย์การเรียนรู้และสร้างจุดเชค็ อินแห่งใหม่ มกี ารสรา้ งรปู ปนั้ ลิงพ่นน้ำที่มีความสูง
มากกว่า 3 เมตร ไวใ้ จกลางอ่างกักเก็บนำ้ ของโครงการเพื่อเป็นจดุ เช็คอนิ และถา่ ยภาพของผู้ท่ีมาเยี่ยม
ชม พร้อมทั้งมีกิจกรรมใหม่สุดพิเศษนั่นคือการล่องแพชมกวาง ที่มีให้บริการในช่วงเย็นของทุกวัน
มีจุดบริการที่ไว้สำหรับให้อาหารลิง มีการปรับภูมิทัศน์ของโครงการเพื่อให้เหมาะแก่ผู้รักสุขภาพท่ี
สนใจในการออก กำลังกาย มีการสร้างทางจักรยาน โรงยิมส่วนกลางเป็นลานอเนกประสงค์
เพื่อให้เยาวชนภายในพื้นที่และภายในจังหวัดได้มาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และ ทำลายแหล่งม่ัว
325
สุมต่าง ๆ เพื่อให้สถานที่แห่งนี้ได้กลับมามีบทบาทและความสำคัญในหารใช้ประโยชน์ร่วมกันในการ
ทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ทสี่ รา้ งสรรค์อย่างเตม็ ที่
การปรับปรุงหนองใหญ่ในครั้งนี้ได้มีการทุ่มทุนให้กับการปรับภูมิทัศน์เป็นอย่างมาก
ทั้งการก่อสร้างจดุ แลนมาร์ค จุดเช็คอิน ต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเทีย่ ว และมีการปรับภูมิทัศน์ให้เปน็
สถานที่ที่เหมาะแก่การออกกำลังกาย สถานที่พักผ่อนหย่อนใจและยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ เเต่การทุ่ม
ทุนในครั้งนี้ก็ถือว่าได้ผลตอบรับที่ค่อนข้างดีจนหนองใหญ่กลับมาเป็นที่นิยมเป็นที่รู้จักและเหมาะ
ที่จะใช้เวลาว่างร่วมกันภายในครอบครัวอีกครั้ง การแวะเยี่ยมชมหนองใหญ่นั้นมีกิจกรรมอย่าง
หลากหลาย กิจกรรมยอดฮิตส่วนใหญจ่ ะเป็นการมาปิคนิก ต้งั แคมป์ทำปิ้งย่าง และรวมถึงการมาออก
กำลังกายที่มีทั้งวิ่ง ปั่นจักรยาน การมานั่งพักผ่อนเพื่อสูดรบั อากาศที่บริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีกิจกรรมที่ถอื
ว่ากำลังเป็นที่นิยมสำหรับทุกเพศทุกวัยในปัจจุบัน นั่นคือการเล่นสเก็ตบอร์ด เซิร์ฟ-สเก็ต ด้วยหนอง
ใหญ่มีถนนเลียบลำคลองอยู่สองฟากฝั่งและยังมีลานอเนกประสงค์ที่เอื้อต่อการเล่น สเก็ตบอร์ดและ
เซิร์ฟส-เก็ต ทำให้กีฬาชนิดนี้ได้รับความสนใจและมีผู้มาเล่นกีฬานี้เป็นจำนวนมากภายในโครงการ
ดว้ ยบรรยากาศทเี่ งียบสงบเย็นสบายจงึ ทำใหท้ ั้งเด็กและผู้ใหญต่ ่างหล่ังไหลเข้ามา ชาวบา้ นในพื้นท่ีเอง
ก็สามารถกลับมาขายของภายในพื้นที่ของโครงการได้อีกครั้ง ประเภทของที่วางขาย
มีความหลากหลาย ทั้งอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับผู้ที่มาออกกำลังกาย
หรือถ้ามาปิคนิกเพื่อพักผ่อนกับธรรมชาติก็มีส้มตำ ยำ ไอศกรีมและของทานเล่นอื่น ๆ รวมทั้งมีศูนย์
กระจายสินค้าโอท็อปประจำจังหวัด จนทำให้สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ต้องห้ามพลาดประจำ
จังหวัดอกี ครั้งหน่งึ
โครงการพฒั นาพน้ื ทีห่ นองใหญต่ ามแนวพระราชดำรกิ ับภาพลักษณ์ “กษตั รยิ น์ ักพฒั นา”
ด้วยโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนวพระราชดำริ จังหวัดชุมพร ได้มีการสร้างตาม
แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 9 โครงการนี้ได้มีการนำเสนอถึงบทบาท
ของพระเจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี 9 ในฐานะ “กษัตริยน์ กั พัฒนา” การรำลกึ ในพระมหากรุณาธิคุณที่ช่วยให้
ชาวชุมพรรอดพน้ จากภยั ธรรมชาติต่าง ๆ ทีเ่ กิดมาจากการจัดการนำ้ ภายในจังหวัดทไี่ ม่มีประสทิ ธิภาพ
มากพอ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนวพระราชดำริ จังหวัดชุมพร เป็นโครงการที่มีการวาง
นโยบายไว้ก่อนแล้วแตด่ ้วยข้อจำกัดทางด้านงบประมาณจึงไม่สามารถสร้างแล้วเสร็จได้ทันการณ์ แต่
เมื่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการ ได้ทำให้โครงการนี้เกิดความก้าวหนา้
อย่างรวดเร็ว อาทิ เรื่องการเวนคืนที่ดินของประชาชนที่ได้บริจาคให้สร้างโครงการแห่งนี้ โดย
ประชาชนมีการบริจาคพื้นท่ีนบั ร้อยไร่ ด้วยความซาบซึง้ ในพระมหากรุณาธคิ ุณที่พระบาทสมเดจ็ พระ
326
เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้เสียสละเพื่อประชาชน ประชาชนก็ต้องเสียสละเพื่อพระราชาด้วย เมื่อ
โครงการแลว้ เสร็จ ส่วนราชการจงั หวัดชุมพรไดม้ กี ารจดั กิจกรรมในวาระโอกาสตา่ งๆ เพื่อรำลกึ ถงึ พระ
มหากรุณาธิคุณในการพัฒนาพื้นที่รกร้างจนกลายเป็นโครงการที่ทำให้ชุมพรรอดพ้นจากฝันร้ายได้
อาทิงานระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในปีพ.ศ 2547 ภายในงานมีการประกวดการแต่งคำขวัญ และ
คำขวัญที่ได้รับรางวัล ชนะเลิศ คือคำขวัญ“ ด้วยพระเมตตาบารมี ชุมพรวันนี้สุข ร่มเย็น” เป็นคำ
ขวัญที่ตราตรงึ ในใจและเป็นคำพูด ที่ติดปากของชาวชมุ พร คำขวัญนี้ยังใช้ในการจัดงานประเพณีข้ึน
โขนชิงธงเพอ่ื ระลกึ ถึงพระมหากรุณาธิคณุ ของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวรชั กาลที่ 9 และกลายเป็น
คำขวัญทม่ี กี ารใชอ้ ยา่ งแพร่หลายภายใน จังหวัดชุมพร (มติชนออนไลน์,2559)
ป้ายคำขวญั
(ทม่ี า : มตชิ นออนไลน์,2559) สบื คน้ เมอื่ : 28 มกราคม 2565
ในอีกด้านหนึ่งโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามแนวพระราชดำริยังถูกนำไปหาใช้ใน
การเมอื งทอ้ งถน่ิ โดยเฉพาะการชิงความนยิ มากประชาชน มีนโยบายทางการเมอื งท้องถิ่นในพรรคต่าง
ๆ ที่ลงเลือกตั้งได้อ้างอิงการพัฒนาพื้นที่การดูและรักษาโครงการพระราชดำริเป็นส่วนหนึ่งของ
นโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง เพราะถ้าหากมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งของท้องถ่ิน
สามารถพัฒนาโครงการนี้ไปในทางที่ดี ก็จะได้เป็นขวัญใจประชาชน เพราะประชาชนจะรู้สึกว่าพวก
เขาสามารถดูแลสิ่งที่พระราชาได้สร้างไว้ได้เป็นอย่างดี (สุคนธ์(นามสมมติ),สัมภาษณ์,15กันยายน
2564)
ความทรงจำและความรู้สึกของชาวชุมพร
หากเล่าถึงหนองใหญ่ผ่านความทรงจำ หนองใหญ่นั้นได้สร้างขึ้นมาเป็นเวลากว่า 20 ปี
แน่นอนว่าการให้คุณค่าและความสำคัญก็ย่อมต่างกันตามวันเวลาที่ได้ผันเปลี่ยนไป ดังนั้นทำให้