รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๔๖ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๙ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ รายวิชาภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง ภัยเงียบ เวลา ๖ ชั่วโมง เรื่อง สำนวนที่เป็นสุภาษิต เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน พระอังคาร ใจสดใส วันที่ ๑๖ ส.ค. ๒๕๖๔ ๑. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด สุภาษิต เป็นคำกล่าวเชิงเปรียบเทียบใช้ถ้อยคำสั้น ๆ แต่กินความหมายลึกซึ้ง มีลักษณะเป็นคำ สอน หรือหลักความจริงที่เตือนให้ทำหรือละเว้นการกระทำ ๒. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ ๔ หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลง ของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษา ภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ป.๕/๗ ใช้สำนวนได้ถูกต้อง ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ (K) ๑. บอกความหมายสุภาษิตได้ ทักษะ/กระบวนการ (P) ๑. ยกตัวอย่างสุภาษิตได้ ๒. นำสุภาษิตไปใช้ได้อย่างถูกต้อง เจตคติ (A) ๓. เห็นคุณค่าการใช้สุภาษิตไทย ๔. สาระการเรียนรู้ สำนวนที่เป็นสุภาษิต
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๔๗ ๕. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต -กระบวนการทำงานกลุ่ม ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นการทำงาน ๗. ชิ้นงาน/ภาระงาน ใบงาน เรื่อง สำนวนที่เป็นสุภาษิต ๘. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ การเรียนรู้ตั้งคำถาม (learning to Question) ๑. ครูกล่าวทักทายนักเรียน และสนทนาร่วมกัน “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” มีความหมายว่าอย่างไร ๒.ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน สุภาษิต เป็นคำกล่าวเชิงเปรียบเทียบ ใช้ถ้อยคำสั้น ๆ แต่ กินความหมายลึกซึ้ง มีลักษณะเป็นคำสอน หรือหลักความจริงที่เตือนให้ทำหรือละเว้นการกระทำ ขั้นที่ ๒ การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) ๑. ครูแจกใบความรู้ เรื่อง สุภาษิต และบรรยายพร้อมยกตัวอย่างด้วยสื่อ PowerPoint ๒.นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน เพื่อแสดงบทบาทสมมติให้ตรงกับสุภาษิต ขั้นที่ ๓ การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) ๑. ตัวแทนกลุ่มจับบัตรสุภาษิตที่คว่ำอยู่บนโต๊ะครูหน้าชั้นเรียน จำนวน ๑ บัตร (๑ สุภาษิต) แล้ว ให้แต่ละกลุ่มแสดงบทบทสมมติให้ตรงกับสุภาษิต เพื่อให้เพื่อนกลุ่มอื่นทายว่าเป็นคำสุภาษิตใด (ในบทละคร ต้องไม่มีคำสุภาษิต) กำหนดเวลาการแสดงบทบาทสมมติ กลุ่มละไม่เกิน ๕ นาที ซึ่งให้เวลาในการเตรียม บทบาทสมมติ ๕ นาที ขั้นที่ ๔ การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) ๑. เมื่อครบเวลาที่กำหนด ๕ นาที กลุ่มที่ ๑ แสดงบทบาทสมมติหน้าชั้นเรียน แล้วให้กลุ่มอื่น ทายว่าตรงกับสุภาษิตใด ๒. ครูกล่าวชมเชยนักเรียนในการร่วมกิจกรรมการแสดงบทบาทสมมติ ขั้นที่ ๕ การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) ๑. ครูให้นักเรียนทำใบงาน เรื่อง สุภาษิต เป็นการบ้านนำส่งในชั่วโมงต่อไป ๒. ครูให้นักเรียนร่วมกันตอบคำถามโดยใช้สื่อ PowerPoint เพื่อตรวจสอบความรู้ของนักเรียน ที่มีต่อสำนวนที่เป็นสุภาษิต
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๔๘ ๙. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ๒. ใบความรู้ เรื่อง สำนวนที่เป็นสุภาษิต ๓. ใบงาน เรื่อง สำนวนที่เป็นสุภาษิต ๔. PowerPoint สำนวนที่เป็นสุภาษิต ๕. บัตรคำสุภาษิต ๑๐. การวัดและการประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงาน เรื่อง สำนวนที่เป็นสุภาษิต ใบงาน เรื่อง สำนวนที่เป็นสุภาษิต ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ในกิจกรรมกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ระดับพอใช้ ขึ้นไป
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๔๙ ๑๑. บันทึกผลหลังสอน ๑๑.๑ ข้อคิดเห็นของครูผู้สอน สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ มีจุดประสงค์ K P A สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก…....................................................................................................................................................... อื่น ๆ....................................................................................................................................... ๑๑.๒ ผลการเรียนของนักเรียน ระดับคุณภาพ ป. ๕ (.............คน) ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง ๑๑.๓ ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามกำหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ ......................................................................................................................................... ๑๑.๔ ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรนำแผนไปปรับปรุง เรื่อง..................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน/ไม่สนใจเรียน ...................................................... ........................................................................................................................................................... ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ..............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ................................................ครูพี่ เลี้ยง (พระอังคาร ใจสดใส) (นายธวัชชัย ด้วงมะโน) นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูผู้ช่วย บันทึกผลหลังการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ ได้รับการพิจารณาจากหัวหน้าฝ่ายวิชาการ และผู้อำนวยการแล้ว ลงชื่อ ................................................. ลงชื่อ .................................................. (นางสาวรังรอง หงษรัตน์) (ว่าที่ร้อยตรีวงศ์เทวัญ ณ ลำพูน) หัวหน้างานวิชาการ ผู้อำนวยการ
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๕๐ (๑) กงเกวียน ทำแก่เขาอย่างไร เขาก็ทำแก่ตนอย่างนั้น (๒) เข้าเมืองตาหลิ่ว ไปอยู่รวมกับสังคมใดก็ปฏิบัติตนให้เข้ากับเขา (๓) คบคนพาล คบคนชั่ว คนชั่วก็จะชักนำไปหาความชั่ว (๔) ดักลอบให้หมั่นกู้ จะทำอะไรให้สำเร็จ ต้องมีความเพียรพยายาม (๕) ตกกระได จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีทางเลี่ยง (๖) ทำดีย่อมได้ดี ทำการใดไว้ย่อมได้รับสิ่งนั้น (๗) น้ำพึ่งเรือ การพึ่งพาอาศัยกัน (๘) บัวไม่ให้ช้ำ รู้จักผ่อนปรน ถนอมน้ำใจกันไม่ให้ขุ่นเคือง (๙) เสียชีพอย่า ยอมตาย เพื่อที่จะรักษาสัจจะ (๑๐) พูดไปสองไพเบี้ย พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ นิ่งเสียดีกว่า สำนวนที่เป็นสุภาษิต ใบงาน ชื่อ-สกุล ……………………….………………..………………………………….… ป.๕ / …...…. เลขที่ …………. คำชี้แจง จงเติมสำนวนสุภาษิต เหล่านี้ให้สมบูรณ์
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๕๑ (๑) กงเกวียน ทำแก่เขาอย่างไร เขาก็ทำแก่ตนอย่างนั้น (๒) เข้าเมืองตาหลิ่ว ไปอยู่รวมกับสังคมใดก็ปฏิบัติตนให้เข้ากับเขา (๓) คบคนพาล คบคนชั่ว คนชั่วก็จะชักนำไปหาความชั่ว (๔) ดักลอบให้หมั่นกู้ จะทำอะไรให้สำเร็จ ต้องมีความเพียรพยายาม (๕) ตกกระได จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีทางเลี่ยง (๖) ทำดีย่อมได้ดี ทำการใดไว้ย่อมได้รับสิ่งนั้น (๗) น้ำพึ่งเรือ การพึ่งพาอาศัยกัน (๘) บัวไม่ให้ช้ำ รู้จักผ่อนปรน ถนอมน้ำใจกันไม่ให้ขุ่นเคือง (๙) เสียชีพอย่า ยอมตาย เพื่อที่จะรักษาสัจจะ (๑๐) พูดไปสองไพเบี้ย พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ นิ่งเสียดีกว่า สำนวนที่เป็นสุภาษิต ใบงาน ชื่อ-สกุล ……………………….………………..………………………………….… ป.๕ / …...…. เลขที่ …………. คำชี้แจง จงเติมสำนวนสุภาษิต เหล่านี้ให้สมบูรณ์
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๕๒ แบบบันทึกผลการประเมินการเรียนรู้ เลข ที่ ชื่อ – สกุล ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมคะแนนด้านคุณลักษณะ ฯ ด้านผลงาน รวม ผ่าน /ไม่ผ่าน รักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ มีวินัย อยู่อย่างพอเพียง การทำใบงาน ชุดที่ ๔ การทำใบงาน ชุดที่ ๔ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๓๐ ๑ ด.ช.ธนาภัททร์ แซ่หว่า ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๒ ด.ช.ศุภชัย ลุงทอน ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๓ ด.ช.มานพ กองแก้ว ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๔ ด.ช.นิติภรณ์ วงค์อุต ๒ ๑ ๑ ๒ ๒ ๘ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๕ ด.ช.พงศกร การินทร์ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๖ ด.ช.เจษฏาภรณ์ ซอหลิ่งต่า ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๗ ด.ช.หลาวแลง ลุงเรือน ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๘ ด.ช.ทิวัตถ์ ทุนจู ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๙ ด.ญ.โซเมีย โมอำหมัด ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๐ ด.ญ.จิดาภา มีหินกอง ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๑ ด.ญ.วรรษชล บุญเรือง ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๒ ด.ญ.วรกมล โซ่พิมาย ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๓ ด.ญ.พรทิพา ลุงแก้ว ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๓๐ ผ่าน ๑๔ ด.ช.อดุลย์ สวัสดิยากร ๑ ๑ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๕ ด.ช.จีรภพ ลุงขุน ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๖ ด.ช.ภาณุภัทร ตาคำ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๗ ด.ช.อุทัย จะก่า ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๘ ด.ญ.รติกานต์ มงคล ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๙ ด.ช.ตะวัน - ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ความหมายระดับคุณภาพ เกณฑ์ระดับคะแนน ๓ หมายถึง ดี ๒๕ – ๓๐ = ๓ ๒ หมายถึง พอใช้ ๑๘ – ๒๔ = ๒ ๑ หมายถึง ปรับปรุง ๑๐ – ๑๗ = ๑ เกณฑ์การผ่าน ได้คะแนน ๑ ขึ้นไป ลงชื่อ...........................................ผู้ประเมิน (พระอังคาร ใจสดใส)
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๕๓ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๐ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ รายวิชาภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง ภัยเงียบ เวลา ๖ ชั่วโมง เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน พระอังคาร ใจสดใส วันที่ ๑๙ ส.ค. ๒๕๖๔ ๑. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด คำภาษาต่างประเทศ หลากหลายภาษา ได้นำมาใช้กับภาษาไทย เช่น บาลี-สันสกฤต เขมร จีน อังกฤษ เป็นต้น ซึ่งคำที่นำมาใช้ในภาษาไทยนั้น ต้องใช้ให้ถูกต้องทั้งการพูดและการเขียน ๒. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ ๔ หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลง ของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษา ภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ป.๕/๕ บอกคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ (K) ๑.บอกที่มาและความหมายของคำได้ ทักษะ/กระบวนการ (P) ๑.เขียนคำภาษาต่างประเทศในไทยได้ถูกต้อง เจตคติ (A) ๑.มีความกระตือรือร้นในการเรียน ๔. สาระการเรียนรู้ คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ๕. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต -กระบวนการทำงานกลุ่ม
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๕๔ ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นการทำงาน ๗. ชิ้นงาน/ภาระงาน ใบงาน เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ๘. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ การเรียนรู้ตั้งคำถาม (learning to Question) ๑. ครูกล่าวทักทายนักเรียน และให้นักเรียนส่งการบ้าน ใบงาน เรื่อง สุภาษิต ๒. ครูแจกบัตรคำตอบให้นักเรียนทุกคน เพื่อเขียนคำให้ตรงกับภาพที่ครูฉายบนสไลด์ ซึ่งครูใช้สื่อ PowerPoint นำเข้าสู่บทเรียน ๓. ครูเฉลยแล้วให้นักเรียนตรวจคำตอบ ตรงกับที่ครูเฉลยหรือไม่ แล้วรวมคะแนน นักเรียน ที่ได้คะแนนเต็มครูให้บัตรพลังวิเศษ ๔. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน คำที่ใช้ในปัจจุบัน มีคำมากมายที่นำมาจากภาษาต่างประเทศ เช่น เย็นตาโฟ เป็นคำที่มาจากภาษาจีน บุฟเฟต์ เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษ เป็นต้น ขั้นที่ ๒ การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) ๑. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม จำนวน ๔ กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน ๒. ครูแจกใบความรู้ เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย และยกตัวอย่างโดยใช้สื่อ PowerPoint ขั้นที่ ๓ การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) ๑. ครูแจกใบกิจกรรมกลุ่ม คำภาษาต่างประเทศ โดยให้นักเรียนค้นหาคำภาษาต่างประเทศ ในภาษาไทย จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ อินเทอร์เน็ต หรือคำที่นักเรียนใช้ในชีวิตประจำวัน กำหนดเวลา ๕ นาที ขั้นที่ ๔ การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) ๑. เมื่อครบเวลาที่กำหนด ตัวแทนกลุ่มนำเสนอหน้าชั้นเรียน ๒. ครูตรวจสอบความถูกต้องและแก้ไขเพื่อให้นักเรียนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๕๕ ขั้นที่ ๕ การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) ๑. ครูให้นักเรียนเล่นเกม คำหนู คู่ไหน โดยครูแจกบัตรคำให้นักเรียนแต่ละคน แล้วให้นักเรียนวิ่ง ไปให้ตรงกับที่มาของคำนั้น ๆ ตรงกับภาษาต่างประเทศใด โดยครูติดไว้ที่พื้นห้องเรียน กำหนดเวลา ๕ นาที ๒. นักเรียนทำใบงาน เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ๓. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยใบงาน เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ๔. ครูและนักเรียนสนทนาร่วมกัน การใช้คำภาษาอังกฤษในภาษาไทย มีทั้งทับศัพท์ภาษาอังกฤษ และการใช้เพียงตัวย่อ เช่น ทีวี อีเมล ซึ่งการนำไปใช้จะต้องคำนึงว่าใช้ในภาษาพูด ภาษาเขียนแบบทางการ หรือไม่ทางการ ซึ่งนักเรียนจะได้เรียนต่อไปในระดับชั้นเรียนที่สูงขึ้น ๙. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ๒. ใบความรู้ เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ๓. ใบงาน เรื่อง คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ๔. PowerPoint คำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ๕. เกม คำหนู คู่ไหน ๖. ใบกิจกรรมกลุ่ม คำภาษาต่างประเทศ แหล่งการเรียนรู้ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา http://www.royin.go.th ๑๐. การวัดและการประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงาน เรื่อง คำ ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ใบงาน เรื่อง คำภาษาต่างประเทศ ในภาษาไทย ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วม ในกิจกรรมกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ระดับพอใช้ ขึ้นไป
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๕๖ ๑๑. บันทึกผลหลังสอน ๑๑.๑ ข้อคิดเห็นของครูผู้สอน สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ มีจุดประสงค์ K P A สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก…....................................................................................................................................................... อื่น ๆ....................................................................................................................................... ๑๑.๒ ผลการเรียนของนักเรียน ระดับคุณภาพ ป. ๕ (.............คน) ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง ๑๑.๓ ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามกำหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ ......................................................................................................................................... ๑๑.๔ ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรนำแผนไปปรับปรุง เรื่อง..................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน/ไม่สนใจเรียน ...................................................... ........................................................................................................................................................... ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ..............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ................................................ครูพี่ เลี้ยง (พระอังคาร ใจสดใส) (นายธวัชชัย ด้วงมะโน) นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูผู้ช่วย บันทึกผลหลังการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ ได้รับการพิจารณาจากหัวหน้าฝ่ายวิชาการ และผู้อำนวยการแล้ว ลงชื่อ ................................................. ลงชื่อ .................................................. (นางสาวรังรอง หงษรัตน์) (ว่าที่ร้อยตรีวงศ์เทวัญ ณ ลำพูน) หัวหน้างานวิชาการ ผู้อำนวยการ
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๕๗ แบบบันทึกผลการประเมินการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ชุดภาษาพาที หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง ภัยเงียบ แบบบันทึกผลการประเมินการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ใบงาน ชื่อ-สกุล ……………………….………………..………………………………….… ป.๕ / …...…. เลขที่ …………. คำชี้แจง เขียนล้อมรอบคำภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทยตามหัวข้อให้ถูกต้อง เสิร์ช การ์ด เฉาก๊วย คลิปอาร์ต บ๊วย เกรด แชต โจ๊ก ซากุระ คอมพิวเตอร์ อีเมล โชกุน เว็บไซต์ ยูโด ซาลาเปา ซีอิ๊ว จ๊อกกิ้ง เนกไท กวางตุ้ง แต้จิ๋ว พรินต์ โปสต์การ์ด อั๊ว เสี่ย ซูเปอร์มาร์เกต คำที่มาจากภาษาต่างประเทศ กอล์ฟ ดิสก์ เจ๊ ขึ้นฉ่าย เกี๊ยะ คาราเต้ เซน เต้าเจี้ยว เย็นตาโฟ ดอลลาร์ ทอฟฟี่ โน้ต เกาเหลา เกี๊ยว จับฉ่าย เซอร์วิส ฟิล์ม ริบบิ้น ซาปั๊ว ซ้อ เจ้าสัว งิ้ว ไปคอน สุกี้ยากี้ เก๊กฮวย เซลล์แมน คำที่มาจากภาษาจีน ปัญญา กัปตัน คุ้กกี้ วาสนา พารา ซัมเมอร์ กังฟู กุนเชียง ซุป ซาโยนาระ ดอกเตอร์ บิกินี พรีเซนเตอร์ ขาก๊วย ตุ๋น บริสุทธิ์ อนันต์ เศรษฐี คัตชู เยาว์ อธิษฐาน กสิกรรม ชอล์ก เฟอร์นิเจอร์ สัญญา ที่มีจากภาษาบาลี และภาษาสันสกฤต ใบความรู้
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๕๘ แบบบันทึกผลการประเมินการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ชุดภาษาพาที หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง ภัยเงียบ แบบบันทึกผลการประเมินการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ใบงาน ชื่อ-สกุล ……………………….………………..………………………………….… ป.๕ / …...…. เลขที่ …………. คำชี้แจง เขียนล้อมรอบคำภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทยตามหัวข้อให้ถูกต้อง เสิร์ช การ์ด เฉาก๊วย คลิปอาร์ต บ๊วย เกรด แชต โจ๊ก ซากุระ คอมพิวเตอร์ อีเมล โชกุน เว็บไซต์ ยูโด ซาลาเปา ซีอิ๊ว จ๊อกกิ้ง เนกไท กวางตุ้ง แต้จิ๋ว พรินต์ โปสต์การ์ด อั๊ว เสี่ย ซูเปอร์มาร์เกต คำที่มาจากภาษาต่างประเทศ กอล์ฟ ดิสก์ เจ๊ ขึ้นฉ่าย เกี๊ยะ คาราเต้ เซน เต้าเจี้ยว เย็นตาโฟ ดอลลาร์ ทอฟฟี่ โน้ต เกาเหลา เกี๊ยว จับฉ่าย เซอร์วิส ฟิล์ม ริบบิ้น ซาปั๊ว ซ้อ เจ้าสัว งิ้ว ไปคอน สุกี้ยากี้ เก๊กฮวย เซลล์แมน คำที่มาจากภาษาจีน ปัญญา กัปตัน คุ้กกี้ วาสนา พารา ซัมเมอร์ กังฟู กุนเชียง ซุป ซาโยนาระ ดอกเตอร์ บิกินี พรีเซนเตอร์ ขาก๊วย ตุ๋น บริสุทธิ์ อนันต์ เศรษฐี คัตชู เยาว์ อธิษฐาน กสิกรรม ชอล์ก เฟอร์นิเจอร์ สัญญา ที่มีจากภาษาบาลี และภาษาสันสกฤต ใบความรู้
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๕๙ แบบบันทึกผลการประเมินการเรียนรู้ เลข ที่ ชื่อ – สกุล ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมคะแนนด้านคุณลักษณะ ฯ ด้านผลงาน รวม ผ่าน /ไม่ผ่าน รักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ มีวินัย อยู่อย่างพอเพียง การทำใบงาน ชุดที่ ๕ การทำใบงาน ชุดที่ ๕ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๓๐ ๑ ด.ช.ธนาภัททร์ แซ่หว่า ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๒ ด.ช.ศุภชัย ลุงทอน ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๓ ด.ช.มานพ กองแก้ว ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๔ ด.ช.นิติภรณ์ วงค์อุต ๒ ๑ ๑ ๒ ๒ ๘ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๕ ด.ช.พงศกร การินทร์ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๖ ด.ช.เจษฏาภรณ์ ซอหลิ่งต่า ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๗ ด.ช.หลาวแลง ลุงเรือน ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๘ ด.ช.ทิวัตถ์ ทุนจู ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๙ ด.ญ.โซเมีย โมอำหมัด ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๐ ด.ญ.จิดาภา มีหินกอง ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๑ ด.ญ.วรรษชล บุญเรือง ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๒ ด.ญ.วรกมล โซ่พิมาย ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๓ ด.ญ.พรทิพา ลุงแก้ว ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๓๐ ผ่าน ๑๔ ด.ช.อดุลย์ สวัสดิยากร ๑ ๑ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๕ ด.ช.จีรภพ ลุงขุน ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๖ ด.ช.ภาณุภัทร ตาคำ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๗ ด.ช.อุทัย จะก่า ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๘ ด.ญ.รติกานต์ มงคล ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๙ ด.ช.ตะวัน - ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ความหมายระดับคุณภาพ เกณฑ์ระดับคะแนน ๓ หมายถึง ดี ๒๕ – ๓๐ = ๓ ๒ หมายถึง พอใช้ ๑๘ – ๒๔ = ๒ ๑ หมายถึง ปรับปรุง ๑๐ – ๑๗ = ๑ เกณฑ์การผ่าน ได้คะแนน ๑ ขึ้นไป ลงชื่อ...........................................ผู้ประเมิน (พระอังคาร ใจสดใส)
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๖๐ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ รายวิชาภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง ภัยเงียบ เวลา ๖ ชั่วโมง เรื่อง อ่านเสริม การดูแลบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน พระอังคาร ใจสดใส วันที่ ๒๓ ส.ค. ๒๕๖๔ ๑. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความ เป็นการอ่านเพื่อหาส่วนสำคัญของเรื่อง ซึ่งเรียกว่าใจความหรือใจความ สำคัญ ซึ่งอาจจะปรากฎอยู่ตามย่อหน้าต่าง ๆ ของเรื่องที่อ่าน อาจอยู่ส่วนต้น ส่วนกลาง ส่วนท้ายของย่อ หน้าก็ได้ ซึ่งอ่านแล้วสามารถตั้งคำถาม ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำไม และสรุปใจความสำคัญ ของเรื่องได้ ๒. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ ๑ การอ่าน มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ป.๕/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ท ๑.๑ ป.๕/๕ วิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านเพื่อนำไปใน การดำเนินชีวิต ท ๑.๑ ป.๕/๘ มีมารยาทในการอ่าน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ (K) ๑. อ่านจับใจความสำคัญจากเรื่องที่กำหนดได้ ทักษะ/กระบวนการ (P) ๒. เรียบเรียงใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่านได้ เจตคติ (A) ๓. มีความกระตือรือร้นในการเรียน ๔. สาระการเรียนรู้ บทอ่านเสริม การดูแลบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๖๑ ๕. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต -กระบวนการทำงานกลุ่ม ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีวินัย ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมั่นการทำงาน ๗. ชิ้นงาน/ภาระงาน ๑. ใบงาน การดูแลบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ ๒. แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ภัยเงียบ ๘. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ ๑ การเรียนรู้ตั้งคำถาม (learning to Question) ๑. ครูกล่าวทักทายนักเรียน และสนทนาร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ -นักเรียนใช้คอมพิวเตอร์ทำอะไรบ้าง -ใครเคยคอมพิวเตอร์เสียบ้าง สาเหตุเนื่องจากอะไร -นักเรียนดูแลรักษาคอมพิวเตอร์อย่างไรบ้าง ๒. ครูเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน อ่านเสริม การดูแลบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ ขั้นที่ ๒ การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) ๑. ครูเปิดวิดีทัศน์การดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แล้วสนทนาร่วมกันปัจจุบันเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์พัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น แป้นพิมพ์และเม้าส์ ปัจจุบันเป็นไร้สาย และเม้าส์เป็นแบบระบบแสง ไม่มีแบบลูกกลิ้งแล้ว ๒. หลังจากจบวิดีทัศน์ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน เพื่อทำกิจกรรมกลุ่ม การอ่านจับใจความสำคัญ ๓. นักเรียนภายในกลุ่ม ทบทวนขั้นตอนการอ่านจับใจความ
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๖๒ ๔. ครูสรุปขั้นตอนการปฏิบัติสำหรับการอ่านจับใจความสำคัญ เริ่มต้นด้วยการอ่านในใจ ค้นหา คำยากและความหมาย แล้วตั้งคำถาม ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำไม แล้วเขียนภาพความคิด หลังจาก นั้นเขียนเรียบเรียงใจความสำคัญ ขั้นที่ ๓ การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) ๑. นักเรียนแต่ละกลุ่ม อ่านจับใจความ อ่านเสริม การดูแลบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ หน้าที่ ๔๗ - ๔๘ จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ กำหนดเวลา ๕ นาที ๒. นักเรียนเขียนสรุปใจความสำคัญ บทอ่านเสริม ขั้นที่ ๔ การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) ๑. เมื่อครบเวลาที่กำหนด ตัวแทนกลุ่มนำเสนอหน้าชั้นเรียน ๒. ครูและนักเรียนสนทนาร่วมกัน จากบทเรียนมีคำใดบ้างเป็นคำภาษาต่างประเทศ ขั้นที่ ๕ การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) ๑. นักเรียนทำใบงาน เรื่อง การดูแลบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ โดยให้นักเรียนเขียนแผนภาพ ความคิด โดยนักเรียนจะวาดภาพ ระบายสีตกแต่ง ขึ้นอยู่กับจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ แต่ แผนภาพความคิดนั้นต้องบอกถึงการดูแลรักษาคอมพิวเตอร์กำหนดเวลา ๑๐ นาที ๒. เมื่อครบเวลาที่กำหนด นักเรียนติดผลงานที่กระดานหน้าชั้นเรียน ครูแจกบัตรโหวตผลงาน ให้นักเรียนเลือกผลงานที่ชื่นชอบ โดยเขียนชื่อเพื่อนลงในบัตรโหวต ๓. ครูนับคะแนนโหวต ประกาศผลงานที่ได้อันดับ ๑ ทั้ง ๒ ด้านได้แก่ -อันดับ ๑ ด้านวิชาการ -อันดับ ๑ ด้านศิลปะ ๔. ครูแนะนำให้นักเรียนใช้คอมพิวเตอร์เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการค้นคว้าข้อมูล นอกเหนือจาก ใช้เพื่อความบันเทิงอย่างเดียว ๕. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ภัยเงียบ จำนวน ๑๐ ข้อ โดยกากบาทเลือกคำตอบ ที่ถูกต้อง กำหนดเวลา ๑๐ นาที เมื่อครบเวลาที่กำหนดส่งคืนครูเพื่อประเมินผล ๙. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ๑. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ๒. ใบงาน เรื่อง การดูแลบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ ๓. แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ภัยเงียบ ๔. บัตรโหวตผลงาน ๕. วิดีทัศน์การดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๖๓ ๑๐. การวัดและการประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ตรวจใบงาน การดูแลบำรุงรักษา คอมพิวเตอร์ แบบประเมินแผนภาพความคิด ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ภัยเงียบ แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ภัยเงียบ คะแนนแบบทดสอบหลัง เรียนสูงกว่าก่อนเรียน สังเกตพฤติกรรมความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นการทำงาน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ระดับพอใช้ ขึ้นไป
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๖๔ ๑๑. ๑๑. บันทึกผลหลังสอน ๑๑.๑ ข้อคิดเห็นของครูผู้สอน สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ มีจุดประสงค์ K P A สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เนื่องจาก…....................................................................................................................................................... อื่น ๆ....................................................................................................................................... ๑๑.๒ ผลการเรียนของนักเรียน ระดับคุณภาพ ป. ๕ (.............คน) ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง ๑๑.๓ ปัญหาและอุปสรรค กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา มีนักเรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามกำหนดเวลา มีนักเรียนที่ไม่สนใจเรียน อื่น ๆ ......................................................................................................................................... ๑๑.๔ ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ควรนำแผนไปปรับปรุง เรื่อง..................................................................................................... แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน/ไม่สนใจเรียน ...................................................... ........................................................................................................................................................... ไม่มีข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ..............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ................................................ครูพี่ เลี้ยง (พระอังคาร ใจสดใส) (นายธวัชชัย ด้วงมะโน) นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ครูผู้ช่วย บันทึกผลหลังการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ ได้รับการพิจารณาจากหัวหน้าฝ่ายวิชาการ และผู้อำนวยการแล้ว ลงชื่อ ................................................. ลงชื่อ .................................................. (นางสาวรังรอง หงษรัตน์) (ว่าที่ร้อยตรีวงศ์เทวัญ ณ ลำพูน) หัวหน้างานวิชาการ ผู้อำนวยการ
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๖๕
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๖๖
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๖๗ คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ทับตัวเลือกหน้าคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว หน่วยการเรียนรู้ที่ ภั ย เ งี ย บ ชื่อ-สกุล ……………………………………………………………………………… ป. ๕ / ……..….. เลขที่ ……..….. ๔ แพนเรียนหนังสือระดับใด ก. อนุบาล ข. ประถมศึกษา ค. มัธยมต้น ง. มัธยมปลาย ใครเดินทางไปเยี่ยมลูกชายที่ต่างประเทศ ก. ป้ารัตน์ ข. ป้าสุรัตน์ ค. ป้าสุ ง. ป้าป่าน แพนโดนหลอกเสียเงินจากการแชตกับใคร ก. พี่ทศ ข. พี่ป่าน ค. พี่จอย ง. พี่เจี๊ยบ อนารยชน มีความหมายว่าอย่างไร ก. คนต่างชาติ ข. คนที่ยังไม่เจริญ ค. คนที่มีความสุข ง. คนที่เจริญ ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ก. ผ้าเช็ดฝุ่น ข. กล่องซีพียู ค. เมาส์ ง. จอภาพ “คำที่มาจากภาษาบาลี หรือ ภาษาสันสกฤต” ข้อ ใดไม่ตรงกับข้อความนี้ ก. ซีอิ๊ว ข. อธิษฐาน ค. กาญจนา ง. เกษตรกร คำที่ขีดเส้นใต้ในข้อใดไม่ใช่คำนาม และคำกริยาในประโยค ก. คนแก่เดินช้า ข. หมาดำวิ่งเร็ว ค. ผึ้งน้อยบินสูง ง. งูเห่าตัวยาวเลื้อยเร็ว ข้อใดไม่ใช่สำนวนที่เป็นสุภาษิต ก. อย่าหาเหาใส่หัว ข. จงรักษาความดีดังเกลือรักษาความเค็ม ค. เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด ง. สิบแปดมงกุฎ ประโยคในข้อใดขีดเส้นใต้คำกริยาไม่ถูกต้อง ก. นิตยาเรียนหนังสือ ข. เขาอ่านหนังสือสอบ ค. เดชาตั้งใจเรียนภาษาไทย ง. สุนัขกัดแมว ใครสอนเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ให้แก่แพน ก. คุณครูประจำชั้น ข. เพื่อนสนิท ค. คุณพ่อ ง. พี่ชาย
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๖๘ คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ทับตัวเลือกหน้าคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว หน่วยการเรียนรู้ที่ ภั ย เ งี ย บ ชื่อ-สกุล ……………………………………………………………………………… ป. ๕ / ……..….. เลขที่ ……..….. ๔ แพนเรียนหนังสือระดับใด จ. อนุบาล ฉ. ประถมศึกษา ช. มัธยมต้น ซ. มัธยมปลาย ใครเดินทางไปเยี่ยมลูกชายที่ต่างประเทศ ก. ป้ารัตน์ ข. ป้าสุรัตน์ ค. ป้าสุ ง. ป้าป่าน แพนโดนหลอกเสียเงินจากการแชตกับใคร ก. พี่ทศ ข. พี่ป่าน ค. พี่จอย ง. พี่เจี๊ยบ อนารยชน มีความหมายว่าอย่างไร ก. คนต่างชาติ ข. คนที่ยังไม่เจริญ ค. คนที่มีความสุข ง. คนที่เจริญ ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ก. ผ้าเช็ดฝุ่น ข. กล่องซีพียู ค. เมาส์ ง. จอภาพ “คำที่มาจากภาษาบาลี หรือ ภาษาสันสกฤต” ข้อ ใดไม่ตรงกับข้อความนี้ ก. ซีอิ๊ว ข. อธิษฐาน ค. กาญจนา ง. เกษตรกร คำที่ขีดเส้นใต้ในข้อใดไม่ใช่คำนาม และคำกริยาในประโยค ก. คนแก่เดินช้า ข. หมาดำวิ่งเร็ว ค. ผึ้งน้อยบินสูง ง. งูเห่าตัวยาวเลื้อยเร็ว ข้อใดไม่ใช่สำนวนที่เป็นสุภาษิต จ. อย่าหาเหาใส่หัว ฉ. จงรักษาความดีดังเกลือรักษาความเค็ม ช. เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด ซ. สิบแปดมงกุฎ ประโยคในข้อใดขีดเส้นใต้คำกริยาไม่ถูกต้อง จ. นิตยาเรียนหนังสือ ฉ. เขาอ่านหนังสือสอบ ช. เดชาตั้งใจเรียนภาษาไทย ซ. สุนัขกัดแมว ใครสอนเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ให้แก่แพน ก. คุณครูประจำชั้น ข. เพื่อนสนิท ค. คุณพ่อ ง. พี่ชาย
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๖๙ คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย ทับตัวเลือกหน้าคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว หน่วยการเรียนรู้ที่ ภั ย เ งี ย บ ชื่อ-สกุล ……………………………………………………………………………… ป. ๕ / ……..….. เลขที่ ……..….. ๔ แพนเรียนหนังสือระดับใด ฌ. อนุบาล ญ. ประถมศึกษา ฎ. มัธยมต้น ฏ. มัธยมปลาย ใครเดินทางไปเยี่ยมลูกชายที่ต่างประเทศ ก. ป้ารัตน์ ข. ป้าสุรัตน์ ค. ป้าสุ ง. ป้าป่าน แพนโดนหลอกเสียเงินจากการแชตกับใคร ก. พี่ทศ ข. พี่ป่าน ค. พี่จอย ง. พี่เจี๊ยบ อนารยชน มีความหมายว่าอย่างไร ก. คนต่างชาติ ข. คนที่ยังไม่เจริญ ค. คนที่มีความสุข ง. คนที่เจริญ ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ก. ผ้าเช็ดฝุ่น ข. กล่องซีพียู ค. เมาส์ ง. จอภาพ “คำที่มาจากภาษาบาลี หรือ ภาษาสันสกฤต” ข้อ ใดไม่ตรงกับข้อความนี้ ก. ซีอิ๊ว ข. อธิษฐาน ค. กาญจนา ง. เกษตรกร คำที่ขีดเส้นใต้ในข้อใดไม่ใช่คำนาม และคำกริยาในประโยค ก. คนแก่เดินช้า ข. หมาดำวิ่งเร็ว ค. ผึ้งน้อยบินสูง ง. งูเห่าตัวยาวเลื้อยเร็ว ข้อใดไม่ใช่สำนวนที่เป็นสุภาษิต ฌ. อย่าหาเหาใส่หัว ญ. จงรักษาความดีดังเกลือรักษาความเค็ม ฎ. เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด ฏ. สิบแปดมงกุฎ ประโยคในข้อใดขีดเส้นใต้คำกริยาไม่ถูกต้อง ฌ. นิตยาเรียนหนังสือ ญ. เขาอ่านหนังสือสอบ ฎ. เดชาตั้งใจเรียนภาษาไทย ฏ. สุนัขกัดแมว ใครสอนเรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ให้แก่แพน ก. คุณครูประจำชั้น ข. เพื่อนสนิท ค. คุณพ่อ ง. พี่ชาย
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๗๐ แบบบันทึกผลการประเมินการเรียนรู้ เลขที่ ชื่อ – สกุล ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมคะแนนด้านคุณลักษณะ ฯ ด้านผลงาน รวม ผ่าน /ไม่ผ่าน รักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ มีวินัย อยู่อย่างพอเพียง การทำใบงาน ชุดที่ ๖ การทำใบงาน ชุดที่ ๖ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๓๐ ๑ ด.ช.ธนาภัททร์ แซ่หว่า ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๒ ด.ช.ศุภชัย ลุงทอน ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๓ ด.ช.มานพ กองแก้ว ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๔ ด.ช.นิติภรณ์ วงค์อุต ๒ ๑ ๑ ๒ ๒ ๘ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๕ ด.ช.พงศกร การินทร์ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๖ ด.ช.เจษฏาภรณ์ ซอหลิ่งต่า ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๗ ด.ช.หลาวแลง ลุงเรือน ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๘ ด.ช.ทิวัตถ์ ทุนจู ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๙ ด.ญ.โซเมีย โมอำหมัด ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๐ ด.ญ.จิดาภา มีหินกอง ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๑ ด.ญ.วรรษชล บุญเรือง ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๒ ด.ญ.วรกมล โซ่พิมาย ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๓ ด.ญ.พรทิพา ลุงแก้ว ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๓๐ ผ่าน ๑๔ ด.ช.อดุลย์ สวัสดิยากร ๑ ๑ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๕ ด.ช.จีรภพ ลุงขุน ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๖ ด.ช.ภาณุภัทร ตาคำ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๗ ด.ช.อุทัย จะก่า ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๙ ๒๗ ผ่าน ๑๘ ด.ญ.รติกานต์ มงคล ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ๑๙ ด.ช.ตะวัน - ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๐ ๘ ๘ ๒๖ ผ่าน ความหมายระดับคุณภาพ เกณฑ์ระดับคะแนน ๓ หมายถึง ดี ๒๕ – ๓๐ = ๓ ๒ หมายถึง พอใช้ ๑๘ – ๒๔ = ๒ ๑ หมายถึง ปรับปรุง ๑๐ – ๑๗ = ๑ เกณฑ์การผ่าน ได้คะแนน ๑ ขึ้นไป ลงชื่อ...........................................ผู้ประเมิน (พระอังคาร ใจสดใส)
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๗๑ แบบบันทึกทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน เลขที่ – ชื่อ – สกุล แบบทดสอบ ก่อนเรียน แบบทดสอบ หลังเรียน ผลต่าง ๑ ผลต่าง ๒ สรุป ๑๐ ๑๐ ๑ ด.ช.ธนาภัททร์ แซ่หว่า ๔ ๘ ๔ ผ่าน ๒ ด.ช.ศุภชัย ลุงทอน ๕ ๘ ๓ ผ่าน ๓ ด.ช.มานพ กองแก้ว ๕ ๘ ๓ ผ่าน ๔ ด.ช.นิติภรณ์ วงค์อุต ๕ ๔ -๑ ผ่าน ๕ ด.ช.พงศกร การินทร์ ๖ ๙ ๓ ผ่าน ๖ ด.ช.เจษฏาภรณ์ ซอหลิ่งต่า ๖ ๙ ๓ ผ่าน ๗ ด.ช.หลาวแลง ลุงเรือน ๖ ๘ ๒ ผ่าน ๘ ด.ช.ทิวัตถ์ ทุนจู ๕ ๘ ๓ ผ่าน ๙ ด.ญ.โซเมีย โมอำหมัด ๕ ๙ ๔ ผ่าน ๑๐ ด.ญ.จิดาภา มีหินกอง ๖ ๘ ๒ ผ่าน ๑๑ ด.ญ.วรรษชล บุญเรือง ๕ ๔ -๑ ผ่าน ๑๒ ด.ญ.วรกมล โซ่พิมาย ๖ ๘ ๒ ผ่าน ๑๓ ด.ญ.พรทิพา ลุงแก้ว ๗ ๑๐ ๓ ผ่าน ๑๔ ด.ช.อดุลย์ สวัสดิยากร ๕ ๗ ๒ ผ่าน ๑๕ ด.ช.จีรภพ ลุงขุน ๖ ๑๐ ๔ ผ่าน ๑๗ ด.ช.ภาณุภัทร ตาคำ ๕ ๙ ๔ ผ่าน ๑๘ ด.ช.อุทัย จะก่า ๖ ๗ ๑ ผ่าน ๑๙ ด.ญ.รติกานต์ มงคล ๖ ๑๐ ๔ ผ่าน ๒๐ ด.ช.ตะวัน - ๖ ๑๐ ๔ ผ่าน รวมทั้งหมด ๑๐๕ ๑๕๖ เฉลี่ย ๕.๒๕ ๗.๘ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ๑.๔ ๒.๑๑ ร้อยละ ๔๘.๘๕ แผนทั้งหมดสแกนดู ได้ในนี้นะค้าบบ
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๗๒ บทที่ ๓ สรุป วิจารณ์และข้อเสนอแนะ เนื้อหารายงานการปฏิบัติการสอนในบทที่ ๓ มุ่งนำเสนอข้อสรุปของการปฏิบัติการสอน ในสถานศึกษาในภาคการศึกษาที่ผ่านมาพร้อมทั้งข้อ วิจารณ์และข้อเสนอแนะที่มีต่อสถานศึกษา และบุคลากรผู้เกี่ยวข้อง ฉะนั้นเนื้อหาในบทนี้จึงประกอบด้วย สรุปการปฏิบัติการสอน วิจารณ์ และข้อเสนอแนะ ดังนี้ ๓.๑ สรุปการปฏิบัติการสอน การปฏิบัติการสอนของ พระอังคาร ธมฺมธโร (ใจสดใส) นักศึกษาปฏิบัติการสอนชั้นปีที่ ๕ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา รหัส ๖๐๑๐๕๔๐๑๑๑๐๙๖ ภาคการศึกษาที่ ๑ ปี การศึกษา ๒๕๖๔ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ มิถุนายน ถึง ๓๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๔ ณ โรงเรียนเทศบาล วัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมี นายธวัชชัย ด้วงมะโน เป็นครูพี่เลี้ยง ให้คำปรึกษาเรื่องการจัดแผนการเรียนรู้ วิธีการสอนและการแก้ไขปัญหาในด้านต่าง ๆ ภาระหน้าที่หลักในการสอน ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการโรงเรียนและครูพี่เลี้ยงให้ สอนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ รายวิชาภาษาไทย รหัส ท ๑๓๑๐๑ สอนจำนวน ๕ คาบต่อสัปดาห์ มีนักเรียนทั้งหมด ๑๙ คน ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ รายวิชาภาษาไทย รหัส ท ๑๔๑๐๑ สอนจำนวน ๔ คาบต่อสัปดาห์ มีนักเรียนทั้งหมด ๒๐ คน รวมทั้งหมด ๙ คาบต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ยังได้รับ มอบหมายให้อบรมคุณธรรมจริยธรรมให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาทุกวันศุกร์อีกด้วย ๓.๒ วิจารณ์ ด้านการสอน โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง มีการจัดการเรียนการสอนที่น่าสนใจซึ่งจะขอวิจารณ์ด้านการ เรียนการสอนเป็นลำดับหัวข้อ ๆ ดังต่อไปนี้ การจัดสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียนที่ข้าพเจ้าได้จัดการเรียนการสอนและสังเกต ทำให้เห็น สภาพห้องเรียนว่ามีความเป็นระเบียบ สะอาด เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอน มีบอร์ดความรู้ โต๊ะ เป็นระเบียบเรียบร้อย และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่อการจัดการเรียนการสอน เช่น โต๊ะคุณครู ปากกาไวท์บอร์ด คอมพิวเตอร์ เครื่องฉายโปรเจคเตอร์ และยังมีมุมหนังสือให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าได้ สำหรับการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษานั้น คุณครูมีความตั้งใจในการสอน นักเรียนส่วน ใหญ่ตั้งใจเรียน แต่เนื่องด้วยมีเด็กพิเศษอยู่หลายคน จึงทำให้การเรียนการสอนช้ากว่าปกติ ดังนั้น นักศึกษา จึงได้ปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นกิจกรรม มีการเล่นเกมบ้าง เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการ เรียน โดยการจัดการเรียนการสอนแบบเน้นกิจกรรมนี้ได้ยึดการสอนแบบเน้นผู้เรียนและเป็นการจัดการ เรียนการสอนในรูปแบบ Active learning มากกว่าการจัดการเรียนการสอนแบบ Passive earning โดยกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนแบบ Active learning เช่น การเล่นใบ้คำศัพท์ การเล่นเกมใน
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๗๓ แอปพลิเคชั่น kahoot, quizizz เป็นต้น ซึ่งสามารถสร้างแรงจูงใจให้นักเรียน มีความสนใจในการเรียน มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เด็กพิเศษสามารถเรียนร่วมกันได้อย่างปกติกับเด็กนักเรียนทั่วไป แต่ภายหลังการ เกิดโรคระบาดชองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ทำให้รูปแบบจัดการเรียนเปลี่ยนแปลงไป ใช้ในรูปแบบของ On Hand, On line, On Demand,และ On Air ซึ่งส่งผลให้การจัดการเรียนเป็นไปด้วย ความยากลำบาก อีกทั้งยังต้องเลือกสอนเฉพาะเนื้อหาที่ไม่ยากจนเกินไป เพื่อป้องกันการที่เด็กนักเรียนไม่ส่ง ใบงานเนื่องด้วยเนื้อหาที่ยากเกินไปและการที่ผู้ปกครองอาจจะไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ หรือเมื่อผู้ปกครองไม่ได้อยู่ดูแลอย่างถี่ถ้วน นอกจากนี้การปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาหรือการทำหน้าที่เป็นครูผู้สอนนั้น จะต้องมีการ เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะจะต้องหาความรู้ใหม่ๆ ตลอดจนถึงเท คนิคการสอน และประสบการณ์ต่างๆ ที่จำเป็นมาถ่ายทอดให้กับนักเรียน เพื่อให้การเรียนการสอนระหว่างครูผู้สอนและ ตัวผู้เรียนนั้น เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ถึงอย่างไรก็ตาม ต่อให้แผนการสอน สื่อ และวิธีการสอนจะดีขนาดไหน ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากตัวผู้เรียน ก็ไม่อาจทำให้การเรียนการสอนนั้น บรรลุเป็นไปตามวัตถุประสงค์ได้ ฉะนั้นครูผู้สอนจะต้องยึดตัวผู้เรียนเป็นสำคัญ ต้องค้นหานวัตกรรม เทคนิคการสอน สื่อการสอน ที่มีความน่าสนใจ ที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดการอยากรู้อยากเรียน จึงจะทำให้ เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลต่อไป ด้านงานกิจกรรมนักเรียนและการแนะแนว ทางด้านกิจกรรมนักเรียนทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้หลายอย่าง เช่น การทำกิจกรรม งานกลุ่ม พาเด็กออกไปศึกษานอกห้องเรียน ซึ่งจะช่วยให้เด็กมีทักษะการพูด การแสดงออกที่ดี และการทำงานร่วมกับคนอื่น ในด้านการจัดกิจกรรมนักเรียนและกิจกรรมแนะแนวของโรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง มีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายกิจกรรม เช่น กิจกรรมหน้าเสาธง ๐๘:๐๐ ไหว้พระสวดมนต์ หลังจากนั้นมี กิจกรรมนักเรียนหันหน้าเข้าหากันและกล่าวสวัสดีซึ่งกันและกันตามลำดับชั้น ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีใน การสร้างความพฤติกรรมอันดีงาม ส่งเสริมให้เป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ และกิจกรรม ดังกล่าวยังส่งเสริมรูปแบบพฤติกรรมตามรูปแบบของโรงเรียน วิถีพุทธเป็นอย่างดี หลังจากนั้น ครูเวรประจำวัน จะมาให้โอวาทในแต่ละวันก่อนจะขึ้นชั้นเรียน หลังจากเคารพธงชาติเสร็จนักเรียนก็เข้า ชั้นเรียน จากการเข้าสอน ข้าพเจ้าก็ได้สัมภาษณ์และสอบถามนักเรียนโรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง พบว่านักเรียนส่วนใหญ่มีแผนสำหรับการศึกษาต่อในระดับมัธยมตอนต้น แต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่ใส่ใจนัก อาจจะเนื่องด้วยกำลังทรัพย์ที่ไม่เพียงพอในการศึกษาต่อและเป็นชนชาติพันธุ์ซึ่งมีไทยใหญ่เป็นส่วนมาก ซึ่งเด็กเหล่านี้จะมีกำลังทรัพย์ที่ไม่เพียงพอและเนื่องด้วยผู้ปกครองขาดโอกาสทางการศึกษาจึงทำให้มองเห็น คุณค่าทางการศึกษาหรือไม่ได้ส่งเสริมผู้เรียนได้ดี แต่ทางโรงเรียนได้มีการแนะแนวและสนับสนุนนักเรียน เป็นอย่างดี และมีการสอนทักษะอาชีพแทนซึ่งเป็นการต่อยอดให้ผู้เรียนนำความรู้ไปประกอบอาชีพได้ ในอนาคต
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๗๔ ในด้านนี้รู้สึกว่านักเรียนไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมาก เพราะกิจกรรมส่วนใหญ่ นักเรียนก็ทำ เป็นประจำ จนเกิดความเคยชิน พอถึงเวลานักเรียนก็จะรู้หน้าที่ตัวเองโดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องมีครูมาคอย กำกับ ถึงแม้ว่านักเรียนส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยเด็ก แต่ดูเหมือนว่าทางโรงเรียนปลูกฝังให้นักเรียน มีความ ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในขั้นที่เหมาะสม มีมารยาทต่อครูอาจารย์ เพียงแต่ในการทำกิจกรรมแต่ละครั้ง โดยเฉพาะกิจกรรมใหม่ ๆ ที่นักเรียนยังไม่ชิน ก็อาจเกิดความล่าช้าบ้าง เพราะเกิดจากความไม่พร้อมเพรียง ของนักเรียน จึงต้องได้รับความร่วมมือจากนักเรียน และคุณครูในการร่วมกันดำเนินกิจกรรม ส่วนในด้าน การแนะแนว ครูก็ให้โอวาทและแนะนำสิ่งดี ๆ ให้อยู่เสมอ และถ้าหากนักเรียนมีปัญหาอะไร ก็สามารถ ที่จะเข้าพบครู และขอคำปรึกษาได้เสมอ ด้านงานธุรการในชั้นเรียน งานธุรการในชั้นเรียนของโรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง มีการดำเนินการเรียบร้อย มีการจัดป้ายระบุสถิติการมาเรียนของนักเรียนทุกวัน ป้ายระบุประวัติของนักเรียน ตารางเวร ทำความสะอาดของนักเรียนในแต่ละวันและมีการติดต่อประสานงานระหว่างฝ่ายธุรการ ฝ่ายบุคคล และฝ่ายวิชาการเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นอย่างดี ทำให้การติดต่อขอข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีผลต่อการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนและภายหลัง ด้านงานธุรการ งานธุระการของโรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง มีการจัดระบบที่ดี ซึ่งสามารถสังเกตได้ จากการจัดสรรงบประมาณอย่างเป็นระบบและครอบคลุมทั้งการจัดอาหารกลางวันให้ครบ ๕ หมู่ มีการจัดสรรงบประมาณทางการศึกษาที่ดี สังเกตได้จากการมีสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องเรียน เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโทรทัศน์ อุปกรณ์เครื่องเขียนและอื่น ๆ สำหรับงานทางด้านเอกสารของ ทางโรงเรียนมีการจัดการข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารและข้อมูลเกี่ยวกับประวัติบุคคลากรมีการจัดอย่างเป็นระบบ ทำให้ง่ายต่อการศึกษา ค้นคว้า และงานด้านสารสนเทศของโรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง มีความทันสมัยและสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์บราวเซอร์ เฟซบุ๊ก ยูทูป กลุ่มไลน์ของโรงเรียน-ผู้ปกครอง เป็นต้น ซึ่งสารสนเทศของโรงเรียนมีการอัพเดทอยู่เป็นประจำและ มีความทันสมัยตลอดเวลา ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของบริบททางโรงเรียนและบริบททางสังคม ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ การปฏิบัติงานในด้านงานธุรการเป็นงานที่มีความละเอียดสลับซับซ้อน การจัดทำข้อมูล เอกสารต่าง ๆ จึงต้องมีการตรวจทานเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามการปฏิบัติงานของบุคลากรและเจ้าหน้าที่ ก็มีความเหมาะสม คอยให้คำปรึกษาและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในด้านข้อมูล และเอกสารต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นสำหรับนักศึกษาปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ถึงแม้ว่างานบางครั้งอาจเกิดความล่าช้าไปบ้าง แต่ก็ร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหา จนผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีอุปสรรคใด ๆ
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๗๕ ด้านงานพัฒนาโรงเรียนและชุมชน ด้านการพัฒนาโรงเรียนในสถานศึกษานี้ เนื่องจากทางสถานศึกษามีบริเวณพื้นที่ไม่กว้างมากนัก และบริเวณสนามทำกิจกรรมของนักเรียน ค่อนข้างคับแคบ จึงทำให้โรงเรียนไม่สามารถที่จะขยาย การพัฒนาในด้านต่าง ๆ ได้ เช่น สิ่งก่อสร้าง อาคาร ลานเล่นกีฬา จึงได้แต่ปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้น ตามที่มีอยู่ แต่ถึงแม้ว่าโรงเรียนจะมีพื้นที่ไม่มาก แต่ภายในบริเวณของโรงเรียนก็สะอาดร่มรื่นดี แหล่งการจัดการเรียนรู้ในแต่ละแห่งก็มีความเหมาะสม พอดีกับนักเรียนไม่แพ้โรงเรียนใด ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการทางภาษาและห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ตลอด จนถึงห้องเรียนในแต่ละระดับชั้น ก็มีการจัดวางสิ่งต่าง ๆ ไว้อย่างเป็นระบบระเบียบเรียบร้อย ดูแล้วน่าอยู่ น่าเรียน ส่วนทางชุมชนคณะครูก็ได้ออกเยี่ยมผู้ปกครองของนักเรียนบ้าง แต่อาจไม่ค่อยบ่อย เพราะโรงเรียนอยู่ติดกับชุมชน และถ้าหากพบปัญหาอันใดเกิดขึ้นระหว่างโรงเรียนกับชุมชนตลอดจนถึง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อโรงเรียน ทางโรงเรียนก็จะมีการเรียกประชุมปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับการแก้ปัญหา ในด้านต่าง ๆ ถือได้ว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้แก่กันระหว่างโรงเรียนกับชุมชน ๓.๓ ข้อเสนอแนะ ด้านงานสอน ในการทำแผนการสอนหรือจัดกิจกรรมการสอนควรยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางให้มากขึ้นคำนึงถึง ความสามารถของผู้เรียนและความแตกต่างระหว่างบุคคล ควรมีการเตรียมสื่อที่ใช้การสร้างแรงจูงให้กับ นักเรียน โดยสื่อที่นำใช้ควรจะเป็นสื่อที่เป็นการส่งเสริมการเรียนการสอนในรูปแบบ Active Learning แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องสอนโดยการยึดเอาหลักสูตรเป็นที่ตั้ง เพื่อที่ผู้เรียนจะได้มีการเรียนรู้ มีประสบการณ์ และทักษะตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ด้วย นอกจากการคำนึงถึงผู้เรียนเป็นสำคัญแล้ว จะต้องให้เหมาะสมกับวัย และความสามารถ ของผู้เรียนอีกด้วย ซึ่งเนื้อหาที่สอนนั้น ก็ไม่ควรที่จะยากและง่ายจนเกินไป และในขณะที่สอน ครูควรจัดการ เรียนรู้ให้ทั่วถึงสำหรับนักเรียนทุก ๆ คน ไม่ควรมองข้ามนักเรียนคนใดคนหนึ่งไป ครูผู้สอน ควรไถ่ถามนักเรียนอยู่เสมอ เพื่อจะได้ทราบว่านักเรียนต้องพัฒนาตรงไหน เข้าใจในเนื้อหาที่ครูสอน มากน้อยแค่ไหน และควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ถามในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ แล้วก็อธิบายเสริมหรือเพิ่มเติม ความรู้ให้กับนักเรียนจนเข้าใจ แล้วจึงค่อยนำไปสู่เนื้อหาบทอื่น ๆ ต่อไป ที่สำคัญ คือ ครูจะต้องเป็น แบบอย่างที่ดีและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอๆ เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์ เพราะโลกปัจจุบันเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๗๖ ด้านงานกิจกรรมนักเรียนและการแนะแนว คุณครูทุกท่านควรมีการปลูกฝังค่านิยมที่ดีต่อการเรียน ไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจ ให้แรงบันดาลใจ ให้คำปรึกษา ฯลฯ การพยายามหาโอกาสหรือแนะนำช่องทางในการเรียนต่อ ไม่ว่าจะเป็น การเชิญวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถมาให้ความรู้และแนะนำการเรียนต่อในสถานศึกษาอื่น ๆ อีกทั้ง ควรส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองของนักเรียนที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่การจัดการเรียนรู้ที่มีอยู่ภายในเพียงแค่ ห้องเรียนสี่เหลี่ยมเท่านั้น ด้านงานธุรการในชั้นเรียน การทำงานด้านนี้ควรทำต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ควรปรึกษาหารือกับครูที่ปรึกษาประจำชั้น ให้มากที่สุด และเรื่องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับโทรทัศน์ยังมีปัญหา เพราะรีโมตมีไม่ครบทุกห้อง หากมีงบประมาณเหลืออยากให้ทางโรงเรียนจัดซื้อจอโปรเจ็ตเตอร์มาติดให้ครบทุกห้อง เพราะปัจจุบัน การเรียนผ่านเทคโนโลยีนักเรียนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษและเกิดประสิทธิผลมากขึ้น ด้านงานธุรการ ควรมีการพูดคุยและปรึกษาหารือสม่ำเสมอ ๆ หากมีกิจกรรมใด ๆ ควรมีการวางแผนร่วมมือกัน ทำเพื่อให้งานหรือกิจกรรมดำเนินการไปอย่างราบรื่นและมีทิศทางในทางเดียวกัน น อกจากนี้ ควรมีการสอบถามและปรึกษาครูธุรการหรือผู้ที่มีหน้าที่ในงานธุรการและผู้มีความรู้เกี่ยวกับงานธุรการ ในสิ่งที่ยังสงสัยให้ชัดเจนมากที่สุด เพื่อลดข้อผิดพลาดในการทำงานเอกสารงานราชการต่าง ๆ ด้านงานพัฒนาโรงเรียนและชุมชน ทางโรงเรียนควรหากิจกรรมที่ทำให้ชุมชนและโรงเรียนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสร้างความสามัคคีต่อกัน แต่มีบางสิ่งที่ควรปรับพัฒนา คือ การสร้างมนุษย์ สัมพันธ์ที่ดีระหว่างคณะครูและบุคลากรในโรงเรียน ซึ่งหากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูและบุคคลากร ในโรงเรียนก็จะช่วยให้การดำเนินกิจกรรมใดก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างราบรื่น ยิ่งไปกว่านั้น ควรมีกิจกรรมที่สร้างสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนอยู่เนือง ๆ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดี ระหว่างโรงเรียน ชุมชน และสังคมต่อไป
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๗๗ ๓.๔ การทำสังคมมิติ หลักการและเหตุผล การทำสังคมมิตินี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดความสัมพันธ์ในสังคมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ในการเลือกกลุ่มเพื่อการดำเนินกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ ทั้งนี้เพื่อให้อาจารย์ที่สอนในรายวิชาต่าง ๆ ได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งกลุ่ม ดำเนินกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สิ่งที่ต้องการทราบ ๑. ผู้ใดเป็นบุคคลที่ได้รับเลือกจากเพื่อนมากที่สุด เป็นดาราของกลุ่ม (Star) ๒. ผู้ใดเป็นบุคคลที่เพื่อนไม่เลือกเลยเป็นผู้โดดเดี่ยว (Isolated) วิธีดำเนินการ ๑. ชี้แจงหลักการและวิธีการทำสังคมมิติให้นักเรียนได้เข้าใจ ๒. แจกแบบสอบถามสังคมมิติให้กับนักเรียน ๓. เก็บแบบคำถามจากนักเรียน เพื่อนำมาวิเคราะห์ผล ตัวอย่างแบบสอบถาม ชื่อ………………………………………….นามสกุล…………………………………..ชั้น………..… เลขที่………..... หากครูให้นักเรียนทำงานกลุ่มวิชาภาษาไทย นักเรียนต้องการเข้าร่วมกับใครในห้องเรียนมากที่สุด ให้ นักเรียนเขียนชื่อเพื่อนตามลำดับความต้องการ ๑. ชื่อ……………………………….นามสกุล…………………………………เลขที่………….. ( ให้ ๓ คะแนน) ๒. ชื่อ……………………………….นามสกุล…………………………………เลขที่………….. ( ให้ ๒ คะแนน) ๓. ชื่อ……………………………….นามสกุล…………………………………เลขที่………….. ( ให้ ๑ คะแนน) ให้เวลา ๕ นาที
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๗๘ สังคมมิติชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ตารางข้อมูลแสดงการเลือกเพื่อนที่ต้องการเข้าร่วมกลุ่ม ที่ ชื่อผู้ที่ถูกเลือก เลขที่ผู้ที่ถูกเลือก ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑๑๓๑๒๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘ ๑๙ ๑ ด.ช.ธนาภัททร์ แซ่หว่า ๑ ๒ ๓ ๒ ด.ช.ศุภชัย ลุงทอน ๓ ๑ ๒ ๓ ด.ช.มานพ กองแก้ว ๑ ๒ ๓ ๔ ด.ช.นิติภรณ์ วงค์อุต ๑ ๓ ๒ ๕ ด.ช.พงศกร การินทร์ ๒ ๑ ๓ ๖ ด.ช.เจษฏาภรณ์ ซอหลิ่งต่า ๑ ๒ ๓ ๗ ด.ช.หลาวแลง ลุงเรือน ๑ ๒ ๓ ๘ ด.ช.ทิวัตถ์ ทุนจู ๑ ๒ ๓ ๙ ด.ญ.โซเมีย โมอำหมัด ๒ ๑ ๓ ๑๐ ด.ญ.จิดาภา มีหินกอง ๓ ๑ ๒ ๑๑ ด.ญ.วรรษชล บุญเรือง ๑ ๓ ๒ ๑๒ ด.ญ.วรกมล โซ่พิมาย ๓ ๑ ๒ ๑๓ ด.ญ.พรทิพา ลุงแก้ว ๑ ๓ ๒ ๑๔ ด.ช.อดุลย์ สวัสดิยากร ๒ ๓ ๑ ๑๕ ด.ช.จีรภพ ลุงขุน ๒ ๓ ๑ ๑๖ ด.ช.ภาณุภัทร ตาคำ ๑ ๓ ๒ ๑ ๑๗ ด.ช.อุทัย จะก่า ๓ ๒ ๑๘ ด.ญ.รติกานต์ มงคล ๑ ๓ ๒ ๑๙ ด.ช.ตะวัน - ๒ ๓ ๑ รวม ๘๑๖๑ ๐ ๓๑๒๐ ๒ ๐ ๑ ๐๒๒๕ ๓ ๘ ๐ ๐๑๓๙
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๗๙ สรุปผลการสอบถาม จากที่ได้มีการแจกแจงข้อมูลสังคมมิติในรูปแบบของตารางแล้วทำให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ว่าสมาชิกภายในห้องว่ามีลักษณะอย่างไร จากตัวอย่างการ เลือกเพื่อนในการทำกิจกรรมร่วมกันพบว่า นักเรียนที่ได้รับการเลือกจากเพื่อนในห้องมากที่สุด เป็นดาราของกลุ่ม (Star) ซึ่งมีคะแนนสูงสุด คือ เด็กหญิงพรทิพา ลุงแก้ว เลขที่ ๑๓ ได้คะแนน ๒๒ คะแนน ซึ่งได้อันดับหนึ่ง นักเรียนที่ไม่ได้รับการเลือกจากเพื่อนในห้องเลย เป็นผู้โดดเดี่ยว ( Isolated ) คือ ไม่มีเพื่อนเลือกเลย และเลือกน้อยที่สุด คือ ๑. เด็กชายนิติภรณ์ วงค์อุต เลขที่ ๔ ๒. เด็กชายเจษฏาภรณ์ ซอหลิ่งต่า เลขที่ ๖ ๓. เด็กหญิงโซเมีย โมอำหมัด เลขที่ ๙ ๔. เด็กหญิงวรรษชล บุญเรือง เลขที่ ๑๑ ๕. เด็กชายภาณุภัทร ตาคำ เลขที่ ๑๖ ๗. เด็กชายอุทัย จะก่า เลขที่ ๑๗ นักเรียนเหล่านี้ได้คะแนน ๐ คะแนน ไม่ถูกเลือกเลย
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๘๐ ๓.๕ การวิจัยในชั้นเรียน ชื่อเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้วิจัย พระอังคาร ธมฺมธโร บทคัดย่อ การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่าง ๒๐ คน ใช้วิธีการแบบเลือกเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียนและแบบสอบถามความพึงพอใจใช้เวลาในการทำการวิจัยทั้งหมด ๔ เดือน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ t-test และการหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า : หลังจากการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC ของนักเรียน ประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีการพัฒนาทักษะด้านการอ่านจับใจความสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .๐๕ และความพึงพอใจ ของนักเรียนที่มีต่อการจัดการการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC อยู่ในระดับมาก มีเฉลี่ยโดยรวม เท่ากับ ๔.๐๐ คำหลัก : ทักษะการอ่านจับใจความ , การสอนโดยใช้เทคนิค CIRC
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๘๑ ๑. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา การศึกษาเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มพูนความรู้ และทักษะ ทัศนคติ ตลอดจนการเสริมสร้างความสามารถของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ การจัดการศึกษา ต้องมุ่งพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมได้อย่างมีความสุข ปัจจุบัน โลกกำลังอยู่ในยุคโลกาภิวัตน์ ที่มีความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้วยผลการพัฒนาดังกล่าว ทำให้เกิดปัญหาสังคมมากมาย มนุษย์จึงต้องมีการพัฒนาด้านความรู้ ให้คิดอย่าง มีวิจารณญาณ คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ เพื่อตัดสินและหาทางแก้ปัญหาของตนเองได้ (อำรุง จันทวานิช, ๒๕๔๒ : คำนำ) การอ่านเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ การอ่านทำให้ เกิดการพัฒนาด้านสติปัญญา ความรู้ ความสามารถ พฤติกรรม ทัศนคติและค่านิยมต่าง ๆ รวมทั้ง ช่วยเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต พัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดของชีวิต การอ่านจึงมีความสำคัญ ต่อชีวิตมนุษย์อย่างยิ่ง และการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) นั้น เป็นกระบวนการเรียนรู้ จากความร่วมมือกันของผู้เรียนโดยจัดให้เป็นกลุ่มเล็ก ๆ ในการเรียนรู้กิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งที่ผู้สอน ได้มอบหมายมาให้จัดเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบประชาธิปไตย ที่ทำให้ผู้เรียนได้มีบทบาทสำคัญ และได้มีความรับผิดชอบต่อกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันอย่างเท่าเทียมกัน (Airms. ๒๐๐๗ : ๓๗๔) จากรายงานสถิติการอ่านหนังสือของประชากรวัยเรียนระดับการศึกษาภาคบังคับ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ พบว่าประชากรไทยมีอัตราการอ่านหนังสือ เพิ่มมากขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อน (พ.ศ.๒๕๕๔) กล่าว คือ ในระดับก่อนประถมศึกษามีอัตราการอ่าน ร้อยละ ๗๔.๖ ประถมศึกษา ร้อยละ ๘๓.๕ มัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ ๙๐.๘ มัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ ๙๓.๒ สถิติรวมการอ่านหนังสือของคนไทยอายุ ๖ ปีขึ้นไป มีอัตราการอ่านหนังสือร้อยละ ๘๑.๘ มีผู้ไม่อ่าน ร้อยละ ๑๘.๒ คิดเป็นจำนวนสูงถึง ๑๑.๒ ล้านคน (สำนักงานสถิติแห่งชาติ, ๒๕๕๗) แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังประสบปัญหาเรื่องการอ่านอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งหากนักเรียนไม่ใส่ใจ ในด้านการอ่านแล้ว จะส่งผลให้ทักษะในด้านการเขียนพลอยด้อยลงไปด้วย เพราะหากนักเรียน สามารถอ่านได้ดี ทักษะการเขียนก็ต้องดีขึ้นตามไปด้วยเนื่องจากทั้งสองทักษะมีความสัมพันธ์กัน ดังคำกล่าวของ สุนันทา มั่นเศรษฐวิทย์, (๒๕๔๒ : ๒) ว่า ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน เป็นทักษะ ที่สำคัญของการใช้ภาษา ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทักษะที่สำคัญที่สุดในการเรียนรู้และการถ่ายทอดทางภาษา คือ ทักษะการอ่านและการเขียน เนื่องจากการอ่านเป็นเครื่องมือสำคัญที่ในการแสวงหาความรู้ การอ่านด้วยวิธีที่ถูกต้อง สามารถนำไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้อ่านทุกคน การรู้จักฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผู้อ่านมีพื้นฐานในการอ่านที่ดี ทั้งจะช่วยให้เกิดความชำนาญ และมีความรู้กว้างขวาง การอ่านจึงเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนการสอน ดังนั้น การที่ผู้เรียนจะเป็นผู้อ่านที่ดี จึงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ครูเป็นผู้จัดเตรียมให้ด้วยวิธีการที่สนุกสนานเพลิดเพลิน
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๘๒ กระตุ้นเร้าความสนใจในการอ่าน อีกทั้งยังต้องเกิดจากความสนใจของผู้อ่าน หรือผู้เรียนต้องมีนิสัย รักการอ่าน เพื่อเป็นแรงจูงใจที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้อ่านด้วยความสนุกสนานอย่างมีความสุขสม่ำเสมอ จากสาเหตุดังกล่าวในฐานะที่คณะผู้วิจัยเป็นครูผู้สอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ วิชาภาษาไทย ประสบปัญหาเช่นกัน คือ นักเรียนอ่านจับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่านไม่ค่อยได้ เมื่อให้อ่านจับใจความ อาจเป็นข้อคิด ความคิดสำคัญของข้อความ ซึ่งเป็นข้อความที่คลุมข้อความอื่น ๆ ในย่อหน้าหนึ่ง ๆ ไว้ทั้งหมด นักเรียนไม่สามารถบอกได้ว่าใจความของเรื่องคืออะไร มีจำนวน ๑๐ คน จาก ๒๐ คน ซึ่งปัญหานี้อาจเกิดจากการไม่ได้ฝึกฝนทักษะในด้านการอ่านจับใจความอย่าสม่ำเสมอ ดังนั้น ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาการใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC เพื่อพัฒนาทักษะ การอ่านจับใจความ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเพื่อส่งเสริมศักยภาพของ ผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพอย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ๒. วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาล วัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ๓. สมมุติฐานการวิจัย หลังจากการใช้กิจกรรมการจัดการเรียนรู้เทคนิคการสอนแบบร่วมมือ CIRC เพื่อพัฒนาทักษะการ อ่านจับใจความ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นักเรียนมีความสามารถในการอ่านจับใจความที่สูงขึ้น ๔. ตัวแปรในการวิจัย ๑ ตัวแปรอิสระ (ต้น) ได้แก่ เทคนิคการสอนแบบ CIRC ๒ ตัวแปรตาม ได้แก่ ความสามารถในการอ่านจับใจความ ในภาษาไทย ๕. ขอบเขตการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาการใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC เสริมทักษะการอ่านใจความ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ซึ่งกำหนดขอบเขตการวิจัยดังนี้ ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ จำนวน ๒๐ คน โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนกลุ่มตัวอย่างในการ ใช้วิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ จำนวน ๑๐ คน โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบล พระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีปัญหาทักษะการอ่านจับใจความ ขอบเขตด้านเนื้อหา ผู้วิจัยได้กำหนดขอบเขตเนื้อหาในการวิจัยครั้งนี้ คือ ผู้วิจัยจะใช้กิจกรรมการจัดการเรียนรู้เทคนิค การสอนแบบร่วมมือ CIRC เสริมทักษะการอ่านจับใจความที่มีอยู่ในหนังสือเรียนภาษาไทย สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๘๓ ขอบเขตด้านเวลา การวิจัยครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ ๓ เดือน คือ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๔-สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๔ ขอบเขตด้านสถานที่ สถานที่ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยวิทยาเขตล้านนา ใช้ในการพัฒนาโครงการวิจัยและศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องและโรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระ สิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้วิจัยเป็นครูผู้สอนปฏิบัติการสอน เก็บข้อมูลจาก ภาคสนาม ๖. นิยามศัพท์เฉพาะ การจัดการเรียนรู้แบบ CIRC คือ รูปแบบการเรียนแบบร่วมมือ ที่ใช้ในการสอนอ่านและเขียน โดยเฉพาะ รูปแบบนี้ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก ๓ กิจกรรม คือ กิจกรรมการอ่านแ บบเรียน การสอนการอ่านเพื่อความเข้าใจ และการบูรณาการภาษาไทยกับการเรียน การอ่านจับใจความ คือ การอ่านที่มุ่งค้นหาสาระของเรื่อง เพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญของเรื่องที่อ่าน ซึ่งเป็นข้อความที่คลุมข้อความอื่น ๆ ในย่อหน้าหนึ่ง ๆ ไว้ทั้งหมด โดยประกอบด้วยใจความสำคัญและใจความรอง เพื่อขยายใจความสำคัญของเรื่อง ๗. ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย ๑. ทำให้นักเรียนได้ทราบหลักการอ่านจับใจความในภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ที่สามารถเสริมทักษะการอ่านจับใจความ ๒.ได้มีเทคนิคการสอนแบบ CIRC เป็นแนวทางในการส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้เสริมทักษะ การฟัง พูด อ่าน เขียน ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๘. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมีดังต่อไปนี้ ๑.. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ๒.. แนวคิดเกี่ยวกับทักษะการอ่าน ๓. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๘๔ ๑. แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ความหมายการเรียนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค CIRC การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ หรือเทคนิค CIRC (Cooperation Integrated Reading and Composition) เป็นเทคนิคการสอนเทคนิคหนึ่งที่ออกแบบขึ้นเพื่อใช้สอนการอ่านและการเขียน โดยเฉพาะ ซึ่งการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือนั้นนับว่าเป็นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยใช้กระบวนการกลุ่มให้ผู้เรียนได้มีโอกาสทำงานร่วมกันเพื่อผลประโยชน์และเกิดความสำเร็จร่ว มกัน ของกลุ่ม ซึ่งการเรียนแบบร่วมมือมิใช่เป็นเพียงจัดให้ผู้เรียนทำงานเป็นกลุ่ม เช่น ทำรายงาน ทำกิจกรรม ประดิษฐ์หรือสร้างชิ้นงาน อภิปราย ตลอดจนปฏิบัติการทดลองแล้วผู้สอนทำหน้าที่สรุปความรู้ด้วยตนเอง เท่านั้น แต่ผู้สอนจะต้องพยายามใช้กลยุทธ์วิธีให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการประมวลสิ่งที่มาจาก การทำกิจกรรมต่าง ๆ จัดระบบความรู้สรุปเป็นองค์ความรู้ด้วยตนเองเป็นหลักการสำคัญ ดังนั้น การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือผู้สอนจะต้องเลือกเทคนิคการจัดการเรียนที่เหมาะสมกับผู้เรียน และผู้เรียนจะต้องมีความพร้อมที่จะร่วมกัน ทำกิจกรรมรับผิดชอบงานของกลุ่มร่วมกันโดยที่กลุ่ม จะประสบความสำเร็จได้ เมื่อสมาชิกทุกคนได้เรียนรู้บรรลุตามจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือ การเรียนเป็นกลุ่มหรือเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง ทั้งนี้คณะผู้วิจัยได้ไปทำการศึกษาค้นคว้า จากงานวิจัยของนักวิชาการหลายๆท่าน พอจะให้ความหมายได้ดังนี้ กนกวรรณ ภู่ทิม (๒๕๖๐ : ๒๑) กล่าวว่า การเรียนรู้แบบร่วมมือ ( CIRC) หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งจัดกลุ่มนักเรียนแบบคละความสามารถ กลุ่มละ ๔-๕ คน ในการเรียนร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีความรับผิดชอบและความรู้ร่วมกัน ภาวนา ดาวเรือง (๒๕๕๐ : ๖๙) กล่าวว่า การเรียนรู้แบบร่วมมือ ( CIRC) หมายถึง วิธีการในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนที่เอื้อให้ผู้เรียนได้มีการเรียนรู้ ร่วมกันโดยจัดเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่ละกลุ่มประกอบด้วยสมาชิกที่มีความรู้ความสามารถต่างกัน ซึ่งแต่ละคน จะต้องมีส่วนร่วม ในการแสดงความคิดเห็น มีความรับผิดชอบและช่วยเหลือกันในการเรียนรู้และปฏิบัติงาน ภายในกลุ่ม รวมทั้งการให้กำลังใจแก่กันโดยยึดหลักว่า ความสำเร็จของสมาชิกทุกคนในกลุ่ม คือ ความสำเร็จของกลุ่ม สุวิมาลย์ ยืนยั่ง (๒๕๕๖ : ๒๗) กล่าวว่า การเรียนรู้แบบร่วมมือ หมายถึง การจัดกิจกรรมการ เรียนการสอน โดยแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย คละเพศ คละความสามารถ ระคับเก่ง ปานกลาง อ่อน ทำกิจกรรมร่วมกันมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเด็กเก่งจะช่วยเหลือเด็กอ่อนสมาชิกทุกคนต้องร่วมมือกัน จากความหมายของการเรียนรู้แบบร่วมมือ (CIRC) ข้างต้น สรุปได้ว่า การจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือหรือ CIRC หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ผู้สอนจัดให้ผู้เรียนแบ่งเป็นกลุ่ม โดยคละความสามารถที่แตกต่างกันเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการทำงานร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และร่วมกันรับผิดชอบงานในกลุ่มที่ได้รับมอบหมายเพื่อให้เกิดเป็นความสำเร็จของกลุ่มตาม เป้าหมาย นอกจากนี้ครูอาจจะให้รางวัลแก่ทีมที่ทำกิจกรรมบรรลุเป้าหมายเพื่อเสริมกำลังใจผู้เรียน
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๘๕ วิธีการจัดการเรียนรู้แบบ CIRC วิธีสอนแบบร่วมมือกัน หรือเทคนิค CIRC เป็นวิธีสอนที่นำนักเรียนที่มีความรู้ความสามารถ ต่างกัน มาเรียนและปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน การเรียนรู้จะมีเพื่อนคอยช่วยเหลือ แนะนำ มีความสัมพันธ์กัน ภายในกลุ่มมีการยอมรับคนเก่งและคนอ่อนเพื่อให้สมาชิกในกลุ่มบรรลุผลตามจุดประสงค์ที่วางไว้ ซึ่งแนวคิดในการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือกันนี้มาจากนักการศึกษาต่างประเทศและนักการศึกษาไทยหลายท่าน ที่ได้ศึกษาทดลองรูปแบบและวิธีการจัดการเรียนรู้จนเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ซึ่งคณะผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้ามา พอจะยกมาอ้างอิงได้ดังนี้ สลาวิน (ภาวนา ดาวเรือง ๒๕๕๐ : ๖๙ ; อ้างอิงจาก วัชรา เล่าเรียนดี ๒๕๔๘ : ๑๖๕) ได้เสนอแนะไว้ว่า วิธีสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้หรือวิธีสอนแบบร่วมมือกัน คือ การจัดการเรียนการสอน โดยให้ผู้เรียน เรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม ๆ ละ ๔-๖ คน สมาชิกกลุ่มจะต้องช่วยกันเรียนรู้ร่วมกันปฏิบัติ กิจกรรมจนบรรลุผลสำเร็จและยังได้เสนอแนะเพิ่มเติมว่าวิธีสอนแบบดังกล่าวช่วยให้ผู้เรียน มีความกระตือรือร้นภูมิใจในตนเอง ตระหนักถึงความรับผิดชอบของตนเองและต่อกลุ่ม ช่วยให้ผู้เรียน มีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้นพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีการยอมรับผู้อื่นมากขึ้นสร้างความมั่นใจในตนเองและรู้คุณค่า ของตนเองมากขึ้น กนกวรรณ ภู่ทิม (๒๕๖๐ : ๒๑) กล่าวว่า วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (CIRC) เป็นวิธีการสอนที่มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกัน เน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์ ระหว่างผู้เรียนมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกนและกันสมาชิกในกลุ่มจะมีความสามารถแตกต่างกัน ส่งเสริมผู้เรียนให้รู้จักช่วยเหลือกัน คนที่เก่งกว่าช่วยเหลือคนที่อ่อนกว่า สมาชิกในกลุ่มจะต้องร่วมกัน รับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของเพื่อสมาชิกทุกคนในกลุ่ม เพราะยึดแนวคิดที่ว่าความสำเร็จของสมาชิกทุกคน จะรวมเป็นความสำเร็จของกลุ่มและได้กล่าวถึงลักษณะสำคัญของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ คือ ๑. ผู้สอนจะต้องจัดกลุ่มผู้เรียนให้มีสมาชิกคละปนตามความสามารถ คือ เก่ง ค่อนข้างเก่ง ปานกลาง ค่อนข้างอ่อน อ่อน ๒. ผู้เรียนต้องร่วมมือกนกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้เชื่อมโยงกับความรู้เดิมกับความรู้ ที่ต้องการศึกษา ใช้ทักษะในการทำงานร่วมกันจนสำเร็จ ๓. สมาชิกในกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น อย่างมีเหตุผล มีการช่วยเหลือและพึ่งพาอาศัยกัน มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ๔. สมาชิกในกลุ่มมีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย สมาชิกทุกคนมีความเท่าเทียมกัน มีความภาคภูมิใจในความสำคัญของตนว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเท่าเทียมกับส มาชิกคนอื่น การนำการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ผู้สอนสามารถใช้ได้ ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยผู้สอนจะเลือกเอาเทคนิคต่าง ๆ ในการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือไปใช้ ให้เหมาะสมกับเรื่องที่สอน และสามารถนำไปใช้แทรกกับวิธีการสอนแบบอื่นได้ แต่ผู้สอนควรมีการ นำเข้าสู่บทเรียนก่อนที่จะเริ่มมีกิจกรรม และเมื่อเสร็จกิจกรรมการเรียนการสอนแล้วควรมีการสรุปเรื่องที่ เรียนด้วย ผู้สอนควรเตรียมใบงานหรือแบบฝึกหัดใบความรู้ เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๘๖ ประสบผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ และประโยชน์ของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ คือ ช่วยสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีกันระหว่างผู้เรียนในกลุ่มทำให้ผู้เรียนที่เก่งได้มีโอกาสช่วยเหลือ ผู้เรียนที่อ่อนเป็นการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมด้านการมีน้ำใจและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ตลอดจนมีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับ มีความร่วมมือกันในการทำงาน เพราะความสำเร็จของกลุ่มถือเป็นเป้าหมายสำคัญ ส่วนข้อจำกัดของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ คือ จำนวนสมาชิกในกลุ่มไม่ควรมีมากเกินไป และสมาชิกในกลุ่มทุกคนต้องมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกัน ตลอดจนระยะเวลาที่ทำงานกลุ่มเดียวกัน ผู้สอนต้องรู้จักการร่วมกิจกรรมให้อยู่ภายในเวลาที่กำหนด พิมพันธ์ เดชะคุปต์, ๒๕๔๔ : ๔๓) ได้ออกแบบเทคนิคการเรียนแบบร่วมมืออย่างไม่เป็นทางการ ไว้และได้แนะนำเทคนิคของการเรียนแบบร่วมมืออย่างไม่เป็นทางการ จำนวน ๙ เทคนิค ที่เป็นเทคนิคที่ กระทำได้ง่ายสะดวกที่จะนำไปใช้ ดังนี้ ๒.๑ การพูดเป็นคู่ (Rally Robin) เป็นเทคนิคที่เปิดโอกาสให้นักเรียนพูด-ตอบ แสดงความคิดเห็นเป็นคู่ ๆ โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนใช้เวลาเท่ากัน หรือใกล้เคียงกัน ตัวอย่าง เช่น กลุ่มมีสมาชิก ๔ คน แบ่งเป็น ๒ คู่ คู่หนึ่งประกอบด้วยสมาชิกคนที่ ๑ และคนที่ ๒ แต่ละคู่จะพูด พร้อมกันไป โดยการให้ พูด ๒ ฟัง ๒ ในเวลาที่กำหนด จากนั้นให้ ๒ ชุด ๑ ฟัง ภายในเวลาที่กำหนดเช่นกัน ๑.๒ การเขียนเป็นคู่ (Rally Table) เป็นเทคนิคที่คล้ายกับการพูดเป็นคู่ทุกประการเช่นกัน เพียงการเขียนเป็นคู่ เป็นการร่วมมือเป็นคู่ ๆ โดยมีการเขียนหรือวาดใช้อุปกรณ์ กระดาษ ๒ แผ่น และปากกา ๒ ด้ามต่อกลุ่ม ๒.๓ การพูดรอบวง (Round Rein) เป็นเทคนิคที่สมาชิกของกลุ่มผลัดกันพูด ตอบ เล่า อธิบาย โดยไม่ใช้เขียน วาด แต่เป็นการพูดผลัดกันทีละคน ตามเวลาที่กำหนด จนครบ ๔ คน ๒.๔ การเขียนรอบวง (Round Table) เป็นเทคนิคที่เหมือนกับการพูดรอบวงแตกต่างกัน ที่เน้นการเรียน การวาด (ใช้อุปกรณ์ กระดาษ ๑ แผ่น และปากกา ๑ ด้ามต่อกลุ่ม) วิธีการ คือ ผลัดกันเขียน ลงในกระดาษที่เตรียมไว้ที่ละคนตามเวลาที่กำหนด เทคนิคนี้อาจดัดแปลงให้สมาชิกทุกคนเขียนคำตอบ หรือบันทึกผลการคิดพร้อม ๆ กันทั้ง ๔ คน ต่างคนต่างเขียนในเวลาที่กำหนด (ใช้อุปกรณ์ : กระดาษแผ่น และปากกาด้าม) มีการเรียกเทคนิคนี้ว่าการเขียนพร้อมกันรอบวง (Simultaneous Roundtable) ๒.๕ การแก้ปัญหาด้วยการต่อภาพ (Jigsaw problem Solving) เป็นเทคนิคที่สมาชิกแต่ละคน คิดคำตอบของคนเองไว้ จากนั้นกลุ่มต่อคำตอบของทุกคน มาร่วมกันอภิปราย เพื่อค้นหาคำตอบที่ดีที่สุด ๒.๖ คิดเกี่ยวคิดคู่ร่วมกันคิด (Think Par Share) เป็นเทคนิคโดยการเริ่มจากปัญหา หรือโจทย์ คำถาม โดยสมาชิกแต่ละคน คิดหาคำตอบด้วยตนเองก่อนแล้วให้นำคำตอบไป อภิปรายกับเพื่อนเป็นคู่ จากนั้นจึงนำคำตอบของแต่ละคู่มาอภิปรายพร้อมกัน ๔ คน เมื่อมั่นใจว่าคำตอบของตนถูกต้องหรือดีที่สุด จึงนำคำตอบเล่าให้เพื่อนฟัง ๒.๗ อภิปรายเป็นคู่ (Pair Discussion) เป็นเทคนิคที่เมื่อครูถามคำถามหรือกำหนดโจทย์แล้ว ให้สมาชิกที่นั่งใกล้กันร่วมกันคิด และให้อภิปรายเป็นคู่
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๘๗ ๒.๘ อภิปรายเป็นทีม (Team Discussion) เป็นเทคนิคที่เมื่อครูตั้งคำถามแล้วให้สมาชิกของกลุ่มทุกคน ร่วมกัน คิด พูด อภิปรายพร้อมกัน ๒.๙ ทำเป็นกลุ่ม ทำเป็นคู่ และทำคนเดียว (Team – Pair – Solo) เป็นเทคนิคที่เมื่อครูกำหนด ปัญหา หรือโจทย์ หรืองานให้ทำ แล้วสมาชิกจะทำงานร่วมกันทั้งกลุ่มจนงานแล้วเสร็จ จากนั้น จะแบ่งสมาชิกเป็นคู่ให้ทำงานร่วมกันเป็นคู่ จนงานสำเร็จแล้วถึงขั้นสุดท้ายให้สมาชิกแต่ละคน ทำงานคนเดียวจนสำเร็จ การเรียนแบบร่วมมือได้รับความสนใจในหมู่นักการศึกษา ครูอาจารย์ ในปัจจุบัน เป็นอย่างยิ่งการเรียนแบบร่วมมือมีทั้งเทคนิคที่นำมาใช้ได้โดยตรงโดยไม่ต้องปรับและเทคนิคที่ต้องปรับ เพื่อให้เหมาะสมกับผู้เรียนและเนื้อหาวิชา อย่างไรก็ตามการเรียนแบบร่วมมือก็นับเป็นวิธีการสอนอย่างหนึ่ง ที่ช่วยส่งเสริมให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเองได้เป็นอย่างดี โปรแกรมการเรียนแบบร่วมมือ จะมีลักษณะกิจกรรมโดยรวม ดังนี้ ๑. การสอนเริ่มต้นจากครูเสมอ ๒. การฝึกปฏิบัติภายในทีม (Team Practice) นักเรียนทำงานในกลุ่ม ซึ่งมีสมาชิกรวม ๔-๕ คน โดยมีความสามารถแตกต่างกัน เรียนรู้ด้วยกัน จากที่ครูได้มอบหมายให้ โดยการใช้ แผ่นงาน หรืออุปกรณ์ การฝึกอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่เรียน นักเรียนจะได้ประเมินเพื่อนสมาชิก ในกลุ่มซึ่งกันและกัน ๓. นักเรียนได้ประเมินการเรียนรู้ของตนเอง (Individual Awareness) ทั้งในเรื่องของข้อความรู้ หรือทักษะที่เขาได้รับมาในบทเรียน ๔. คะแนนจากการประเมินนักเรียนแต่ละคนจะนำมารวม เป็นคะแนนของทีม (Team Recognition) ทีมใดที่ได้คะแนนถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้จะได้รับใบประกาศนียบัตรหรือได้รับรางวัลอื่น ๆ ตาม ข้อตกลง จากเทคนิคและวิธีข้างต้นสรุปได้ว่า วิธีสอนแบบ CIRC เป็นกระบวนการที่สำคัญมากที่เนื่องจาก การถ่ายทอดความรู้และกระบวนการนั้นครูจะเป็นผู้ที่เชื่อมระหว่างวิธีการและตัวผู้เรียน ซึ่งมีลักษณะ ที่สำคัญ ดังนี้ ในขั้นแรกครูกระตุ้นผู้เรียนว่าต้องรู้อะไรในสาระสำคัญของวิชานั้น ๆ โดยการถามความรู้เดิม ของนักเรียนในสิ่งที่เรียนมา ลำดับต่อมา เมื่อครูรู้ว่านักเรียนมีภูมหลังเป็นอย่างไร ครูจำเป็นต้องแสวงหาสิ่ง ที่นักเรียนต้องการรู้ โดยให้นักเรียนตั้งคำถามและมอบหมายงานให้ลำดับสุดท้าย ครูต้องให้นักเรียนสรุป สิ่งที่ตนรู้มาบันทึกหรือเขียนเป็นแผนภาพให้เข้าใจ และเป็นการสรุปความรู้ในแบบที่ง่าย ก่อให้เกิดความรู้ ที่คงทนแน่นอน นอกจากนี้ครูควรจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนที่เอื้อให้ผู้เรียนได้มีการเรียนรู้ร่วมกันโดย จัดเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มควรประกอบด้วยสมาชิกที่มีความรู้ความสามารถต่างกันเพื่อให้ละคน จะต้องมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นมีความรับผิดชอบช่วยเหลือกันในการเรียนรู้และปฏิบัติงาน ภายในกลุ่มรวมทั้งการสอนให้เด็กรู้จักให้กำลังใจแก่กันโดยยึดหลักว่า ความสำเร็จของสมาชิกทุกคนในกลุ่ม คือ ความสำเร็จของกลุ่ม
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๘๘ ขั้นตอนการสอนแบบ CIRC จากที่คณะผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้ามา มีนักวิชาการศึกษาหลายท่านได้ให้ขั้นตอนในการสอนแบบ CIRC ไว้ดังนี้ ทิ ศน า แ ข ม ม ณี ( ๒ ๕ ๕ ๐ : ๗ ๐ ) ไ ด ้ ก ล่ า ว ถึง ข ั ้น ต อน กา ร เ รี ย นก า รสอนแบบ Cooperative Integrated Reading and Composition (CIRC) ไว้ดังนี้ ๑. ครูแบ่งกลุ่มผู้เรียนตามระดับความสามารถในการอ่านผู้เรียนในแต่ละกลุ่มจับคู่ ๒ คน เอาที่ หรือ ๓ คนทำกิจกรรมการอ่านแบบร่วมกัน ๒. ครูจัดทีมใหม่ โดยให้แต่ละทีมมีผู้เรียนต่างระดับความสามารถอย่างน้อย ๒ ระดับ ทีมที่ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น เขียนรายงาน แต่งความ ทำแบบฝึกหัด และแบบทดสอบต่าง ๆ และมีการให้คะแนนผลงานของแต่ละทีม ทีมใดได้คะแนน ๙๐ % ขึ้นไป จะได้ประกาศนียบัตร เป็น “ซุปเปอร์ทีม” หากได้รับคะแนนตั้งแต่ ๘๐ % - ๘๙ % ก็ได้รับรางวัลรองลงมา ๓. ครูพบกลุ่มการอ่านประมาณวันละ ๒๐ นาที แจ้งวัตถุประสงค์ในการอ่าน แนะนำ คำศัพท์ใหม่ ๆ ทบทวนศัพท์เก่า ต่อจากนั้นครูจะกำหนดและแนะนำเรื่องที่อ่านแล้วให้ผู้เรียนทำกิจกรรม ต่างๆ ตามที่ครูจัดเตรียมไว้ให้ เช่น อ่านเรื่องในใจแล้วจับคู่อ่านออกเสียงให้เพื่อนฟังและช่วยกัน แก้จุดบกพร่องหรือครูอาจจะให้ผู้เรียนช่วยกันตอบคำถาม วิเคราะห์ตัวละคร วิเคราะห์ปัญหา หรือทำนาย ว่าเรื่องจะเป็นอย่างไร เป็นต้น ๔. หลังจากกิจกรรมการอ่าน ครูนำการอภิปรายเรื่องที่อ่าน โดยครูจะเน้นการฝึกทักษะต่าง ๆ ในการอ่าน เช่น การจับประเด็นปัญหา การทำนาย เป็นต้น ๕. ผู้เรียนรับการทดสอบการอ่าน เพื่อความเข้าใจผู้เรียนจะได้รับคะแนนเป็นทั้งรายบุคคล ๖. ผู้เรียนได้รับการสอนและฝึกทักษะการอ่านสัปดาห์ละ ๑ วัน เช่น ทักษะการจับใจความสำคัญ ทักษะการอ้างอิง ทักษะการใช้เหตุผล เป็นต้น ๗. ผู้เรียนจะได้รับชุดการเรียนการสอนเขียน ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกหัวข้อการเขียนได้ ตามความ สนใจ ผู้เรียนจะช่วยกันวางแผนเขียนเรื่อง และช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องและตีพิมพ์ผลงานออกมา ๘. ผู้เรียนจะได้รับการบ้านให้เลือกอ่านและหนังสือที่สนใจ และเขียนรายงานเรื่องที่อ่านเป็น รายบุคคล โดยให้ผู้ปกครองช่วยตรวจสอบพฤติกรรมการอ่านของผู้เรียนที่บ้าน โดยมีแบบฟอร์มให้ พเยาว์ สิ่งวี (๒๕๕๑ : ๑๑๔) กล่าวถึงขั้นตอน กระบวนการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนการสอน แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค CIRC ดังต่อไปนี้ ๑. ขั้นเตรียมการ ครูแนะนำการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค CIRC แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ และเกณฑ์รางวัล โดยครูแบ่งกลุ่มย่อยโดยมีสมาชิกความสามารถต่างกันกลุ่มละประมาณ ๔ - ๖ คน ซึ่งครูแจ้งจุดประสงค์การอ่านแต่ละครั้ง ๒. ขั้นสอน ครูแนะนำคำศัพท์ และเนื้อเรื่องใหม่นักเรียนอ่านเนื้อเรื่อง หลังจากนั้น ครูและนักเรียนอภิปรายซักถามเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง โดยขั้นตอนการอ่านมีดังนี้
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๘๙ ขั้นจำ เป็นขั้นเริ่มแรกของการอ่านที่สมองจะต้องจำเรื่องราวให้ได้ จำความหมายของคำ ให้คำจำกัดความของคำยาก จำชื่อตัวละครและเหตุการณ์สำคัญ การที่จะรู้ว่านักเรียนมีความจำ เรื่องที่อ่านได้มากหรือน้อยก็ใช้การตั้งคำถามเรื่องที่อ่าน หรือให้สะกดคำ บอกความหมายและบอกคำ จำกัดความ ขั้นเข้าใจ เป็นขั้นที่นักเรียนสามารถเล่าเรื่องที่อ่านด้วยคำพูดของตนเองได้เข้าใจความคิดถ้อยคำ ประโยค และข้อความที่ให้คติสอนใจ สรุปเรื่องเป็นมโนทัศน์โดยใช้คำพูดของตน ดังนั้น การที่ครูจะประเมิน ว่านักเรียนมีความเข้าใจมากหรือน้อย ควรตั้งเป็นคำถามด้วยการให้เล่าเรื่องสรุปและเรียงลำดับเหตุการณ์ ของเรื่อง ๓. ขั้นกิจกรรมกลุ่ม ครูให้นักเรียนในกลุ่มทํากิจกรรมและฝึกทักษะตามใบงาน โดยมี ครูคอยแนะนำ ๔. ขั้นตรวจสอบผลงาน ครูให้สมาชิกในกลุ่มตรวจสอบผลงาน ๕. ขั้นสรุปและประเมินผล ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปและประเมินผลจากเรื่องที่เรียนโดย ครูเป็นคนตรวจให้คะแนน ซึ่งครูนำคะแนนจากใบงานมาเฉลี่ยเป็นคะแนนกลุ่มโดยกลุ่มใดได้ คะแนน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปได้รับรางวัลดาวทอง กลุ่มใดได้คะแนน ๘๐-๘๙ เปอร์เซ็นต์ ได้รับรางวัล ดาวเงิน ส่วนกลุ่มใดไม่ถึงเกณฑ์จะให้กำลังใจแทน ดังนั้น ลำดับขั้นตอนการสอนจึงพอจะสรุปลักษณะขั้นตอนที่สำคัญได้ ๒ ประเด็น คือ การเตรียมการสอน (Preparation) และกิจกรรมการเรียนการสอน (Learning and teaching activities) การเตรียมการสอน สิ่งที่ผู้สอนต้องคำนึงถึงในขั้นเตรียมการสอนโดยใช้เทคนิค CIRC มี ๔ ประการ คือ ๑. การเตรียมเนื้อหา เนื้อหาที่ใช้สอนเป็นแบบโครงสร้างข้อเขียน (Story grammar) ที่จัดเป็นชุด ๆ ตามระดับความสามารถของผู้เขียน ดังเช่น ข้อเขียนที่ที่มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอฟกินส์ เป็นผู้สร้างขึ้นเองหรือครูผู้สอนสามารถที่จะเลือกเนื้อหาที่ใช้สอนประเภทเดียวกัน เช่น เรื่องที่เป็นตอนเดียวจบ หรือมากกว่าหนึ่งตอน ซึ่งจะอธิบายถึงฉาก ตัวละคร สถานที่ เวลา ที่มีเหตุการณ์ ดำเนินเรื่องไปอธิบาย เป้าหมายของตัวละคร การกระทำและผลจากการกระทำเป็นอย่างไรบ้างและเรื่องจบลง แบบใด หรืออาจจะใช้เรื่องที่ไม่สมบูรณ์ แล้วให้นักเรียนคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ควรจะจบลงอย่างไรเป็นต้น ๒. การจัดนักเรียนเข้ากลุ่ม (Assigning students to teams) ครูเป็นผู้จัดกลุ่มนักเรียน เข้าเป็นกลุ่มอ่าน (Reading groups) ก่อนกลุ่มละ ๒ คน ครูควรเป็นผู้จัดการแบ่งกลุ่มเองเพื่อขจัดปัญหา นักเรียนที่ชอบพอและสนิทสนมกันมารวมกลุ่มกันและครูจะต้องคอยกระตุ้นให้นักเรียนเห็นความสำคัญ ของการเรียนเป็นกลุ่มความร่วมมือกันของสมาชิกในกลุ่มทุกคน ไม่เฉพาะแต่คู่ของตนเองเท่านั้น ครูอาจจะจัดกลุ่ม ใหม่เมื่อเรียนครบ ๔ - ๖ สัปดาห์ ๓. การจัดทำใบคะแนนของทีม (Team score sheet) เป็นแบบบันทึกคะแนนรายบุคคล ของนักเรียน แต่ละทีมประกอบด้วยรายชื่อสมาชิกในทีมและตารางคะแนนทดสอบเมื่อเรียนจบ แต่ละบทเรียน เช่น ความเข้าใจในการอ่าน อ่านออกเสียงคำศัพท์ หาความหมายของคำ การสอบสะกดคำ และการเขียน เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน เป็นต้น ครูจะอธิบายการได้มาซึ่งคะแนนแต่ละอย่าง ทีมที่ได้ถึง ๙๐ คะแนนขึ้นไป จะได้รับเกียรติบัตร “Super team” ทีมที่ได้คะแนน ๘๐ - ๙๐ จะได้รับ
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๙๐ เกียรติบัตร "Great team” และทีมที่ได้คะแนน ๗๐ - ๗๙ จะได้รับเกียรติบัตร “Good team” ครูควร อธิบายเกณฑ์การให้คะแนนและให้นักเรียนเป็นผู้กรอกรายชื่อสมาชิกในทีมเอง ๔. การจัดทำแบบฟอร์มบันทึกการทำงานที่ได้รับมอบหมาย (Assignment record form) ในแบบฟอร์มจะมีชื่อนักเรียน วันที่เรียนและตารางกิจกรรมที่ทำหลังการอ่านและในระหว่างการอ่าน อัจฉรา สุขกระโทก (๒๕๔๓ : บทคัดย่อ ) และขจรศักดิ์ สุนลี (๒๕๔๕ : ๓๓ -๓๔) กล่าวถึงการสอน โดยใช้เทคนิค CIRC มีขั้นตอนดังนี้ ๑. นำเสนอบทเรียนต่อชั้นเรียน ประกอบด้วยแจ้งจุดประสงค์การเรียน ทบทวนเนื้อหา คำศัพท์เก่า แนะนำเนื้อหา คำศัพท์ใหม่ และเกณฑ์การทดสอบ ๒. ขั้นปฏิบัติกิจกรรม ประกอบด้วยครูเสนอเรื่องให้อ่านปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มในการอ่าน ปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคลตรวจสอบจากเพื่อน ฝึกปฏิบัติเพิ่มเติม ประเมินผล ๓. ขั้นประเมินผล ประกอบด้วยการซักถาม สนทนา อ่านออกเสียง ทดสอบความเข้าใจ ของเนื้อเรื่องและในหนึ่งสัปดาห์จะนำคะแนนทุกกิจกรรมของนักเรียนทุกคนมารวมเป็นคะแนนของทีม สรุปได้ว่า จากการศึกษาการสอนแบบ CIRC ข้างต้น คณะผู้วิจัยสามารถสรุปวิธีสอนแบบ CIRC ได้เป็น ๔ ขั้นตอน คือ ๑) เตรียมความพร้อม ๒) การสอน ๓) จัดกิจกรรมกลุ่ม และ ๔) สรุปและประเมินผล ดังรายละเอียดต่อไปนี้ ๑. เตรียมความพร้อม ประกอบด้วย แจ้งจุดประสงค์การเรียน การแบ่งกลุ่มนักเรียน โดยให้คละความสามารถ กำหนดสัดส่วน เก่ง ปานกลาง อ่อน ให้เป็น ๑ : ๒ แนะนำวิธีการเรียนรู้ แบบ CIRC อธิบายถึงวิธีการวัดผลและประเมินผล การคิดคะแนนกลุ่ม วิธีการทำงานกลุ่ม สร้างแรงจูงใจใน การเรียนรู้แบบร่วมมือกัน ๒. การสอน ประกอบด้วย ครูทบทวนความรู้เดิม นำเสนอ บทเรียนใหม่และสอนวิธีสอนอ่าน เพื่อความเข้าใจ นักเรียนอ่านบทอ่าน ครูฝึกทักษะในการอ่านเพื่อจับใจความจากเรื่อง ๓ จัดกิจกรรมกลุ่ม ดำเนินการสอนเป็นไปตามกิจกรรมการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันด้วย เทคนิค (CIRC ประกอบด้วยขั้น C (Cacteristic) คือ การให้นักเรียนฝึกปฏิบัติโดยจับคู่กันอ่าน ผลัดกันอ่าน แก้ในการอ่านของเพื่อน เข้ากลุ่มช่วยกันสรุป ชั้น IR (Integrated Reading ) จะเป็นการบูรณาการการสอนอ่าน นักเรียนร่วมกันทบทวน ร่วมกันคิดพิจารณา จับใจความสำคัญ บอกรายละเอียดจากเรื่องเรียงลำดับ เหตุการณ์ ตีความ และขั้น C (Congoution) คือ การเขียนสรุป และแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน ๔. สรุปและประเมินผล ประกอบด้วย นักเรียนช่วยกันสรุปบทเรียน นักเรียนทำแบบทดสอบ โดยลำพัง ไม่มีการช่วยเหลือกัน ตรวจให้คะแนน บันทึกคะแนนของสมาชิกในแต่ละกลุ่มรวมคะแนน แต่ละกลุ่ม เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกลุ่ม
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๙๑ องค์ประกอบในการการจัดการเรียนรู้แบบ CIRC วิธีการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค CIRC เป็นการเรียนที่ผู้เรียนจะได้ทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งจากการที่คณะผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้ามามีนักวิชาการศึกษาหลายท่านได้ให้องค์ประกอบไว้ดังนี้ ไสว ฟักขาว (๒๕๔๔ : ๑๙๓) ได้กล่าวถึง องค์ประกอบที่สำคัญของการเรียนรู้แบบร่วมมือ ไว้ ๕ ประการ ได้แก่ ๑. ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในทางบวก (Positive Interdependence) หมายถึง การที่สมาชิก ในกลุ่มทำงานอย่างมีเป้าหมายร่วมกัน มีการทำงานร่วมกันโดยที่สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมใน การทำงานนั้น มีการแบ่งปันวัสดุ อุปกรณ์ ข้อมูลต่าง ๆ ในการทำงาน ทุกคนมีบทบาท หน้าที่และประสบความสำเร็จ ร่วมกัน สมาชิกในกลุ่มจะมีความรู้สึกว่า สามารถประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อสมาชิกทุกคนในกลุ่มประสบ ความสำเร็จด้วย สมาชิกทุกคนจะได้รับผลประโยชน์ หรือรางวัลผลงานกลุ่มโดยเท่าเทียมกัน เช่น ถ้าสมาชิก ทุกคนช่วยกันทำให้กลุ่มได้คะแนน ๙๐% แล้วสมาชิกแต่ละคนจะได้คะแนนพิเศษเพิ่มอีก ๕ คะแนน เป็นรางวัล เป็นต้น ๒. การมีปฏิสัมพันธ์ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน (Face To Face Pronotive Interaction) เป็นการ ติดต่อสัมพันธ์กันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน การอธิบายความรู้ให้แก่เพื่อนในกลุ่มฟังเป็นลักษณะ สำคัญของการติดต่อปฏิสัมพันธ์โดยตรงของการเรียนแบบร่วมมือ ดังนั้น จึงควรมีการแลกเปลี่ยนให้ข้อมูล ย้อนกลับเปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอแนวความคิดใหม่ ๆ เพื่อเลือกในสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ๓. ความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละคน (Individual Accountability) ความรับผิดชอบของ สมาชิกแต่ละบุคคลเป็นความรับผิดชอบในการเรียนรู้ของสมาชิกแต่ละบุคคลโดยมีการช่วยเหลือส่งเสริมซึ่ง กันและกันเพื่อให้เกิดความสำเร็จตามเป้าหมายกลุ่มโดยที่สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีความมั่นใจและพร้อม ที่จะได้รับการทดสอบเป็นรายบุคคล ๔. การใช้ทักษะระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย (Interpersonal and Small Group Skills) ทักษะระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย นักเรียนควรได้รับการฝึกฝนทักษะ เหล่านี้เสียก่อน เพราะเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานกลุ่มประสบผลสำเร็จ นักเรียนควรได้รับ การฝึกทักษะในการสื่อสาร การเป็นผู้นำ การไว้วางใจผู้อื่น การตัดสินใจ การแก้ปัญหา ครูควรจัดสถานการณ์ที่จะส่งเสริมให้นักเรียนเพื่อให้นักเรียนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในปี ค.ศ. ๑๙๙๑ จอห์น-สัน และจอห์นสัน ได้เพิ่มองค์ประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือขึ้น อีก ๑ องค์ประกอบ ได้แก่ ๕. กระบวนการกลุ่ม (Group Process) เป็นกระบวนการทำงานที่มีขั้นตอนหรือวิธีการที่จะช่วย ให้การดำเนินงานกลุ่มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ สมาชิกทุกคนต้องทำความเข้าใจ ในเป้าหมายการ ทำงานวางแผนปฏิบัติงานร่วมกันดำเนินงานตามแผนตลอดจนประเมินผลและปรับปรุงงาน ทิศนา แขมมณี (๒๕๕๐ : ๙๘) กล่าวว่า การเรียนรู้จะเป็นแบบร่วมมือได้ต้องมีองค์ประกอบ ที่สำคัญ ๕ ประการ ดังนี้
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๙๒ ๑. การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน คือ แต่ละคนในกลุ่มต้องรับผิดชอบในบทบาทหน้าที่ของตน และในขณะเดียวกันก็ช่วยเหลือสมาชิกคนอื่น ๆ ด้วย เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ๒. การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด การที่สมาชิกในกลุ่มมีการพึ่งพาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันและกันในทางที่จะช่วยให้กลุ่มบรรลุเป้าหมาย ๓. ความรับผิดชอบ ที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน กลุ่มจำเป็นต้องมีระบบการตรวจสอบ งานทั้งเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่าง ๔. การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อยการเรียนรู้ แบบร่วมมือจะประสบความสำเร็จได้ ต้องอาศัยทักษะที่สำคัญๆ หลายประการ ซึ่งครูควรสอนและฝึกให้แก่ ผู้เรียนเพื่อช่วยให้ดำเนินงานไปได้ ๕. การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม การเรียนรู้แบบร่วมมือจะต้องมีการวิเคราะห์กระบวนการ ทำงานของกลุ่ม เพื่อช่วยให้กลุ่มเกิดการเรียนรู้และปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น ภาวนา ดาวเรือง (๒๕๕๐ : ๗๘) กล่าวว่า องค์ประกอบที่สำคัญของเทคนิค CIRC ประกอบด้วย องค์ประกอบ ๓ ประการ ๑. กิจกรรมพื้นฐานด้านการอ่านและการเขียน (Basal Related Activities) ๒. การดำเนินการสอนของครู (Direct Instruction) ๓. การบูรณาการ การอ่านและการเขียน (Integrated Reading and Composition) โดยที่นักเรียนจะร่วมมือกันเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับการอ่านและการเขียน ต่อจากการสอนโดยตรง จากครูทุกครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะเริ่มด้วยการสอนอ่านก่อน ประกอบด้วยสมรรถภาพการอ่านหลาย ๆ ด้าน เช่น การอ่านเพื่อความเข้าใจ การอ่านเพื่อสรุป การอ่านเพื่อจับใจความ และการอ่านเพื่อสื่อสาร หรือหาประเด็นสำคัญของเรื่องในการนำเทคนิค CIRC ไปใช้นั้นต้องเริ่มด้วยการสอนของครูทุกครั้ง โดยครู ต้องสอน อธิบาย ยกตัวอย่างการอ่านประเภทต่าง ๆ และรูปแบบการเขียนโดยทั่ว ๆ ไปให้นักเรียนรู้และ เข้าใจและฝึกปฏิบัติทุกขั้นตอนในการเรียนรู้แบบร่วมมือ สมาชิกกลุ่มจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันหรือ ปรับแก้ไขให้แก่กันจนกว่าจะแน่ใจว่างานนั้นสมบูรณ์ที่สุด จากองค์ประกอบสำคัญในการการจัดการเรียนรู้แบบ CIRC ดังกล่าวข้างต้นสรุปได้๕ ประการ ด้วยกัน คือ ๑. มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยสมาชิกแต่ละคนมีเป้าหมายในการทำงานกลุ่มร่วมกัน ซึ่งจะต้องพึงพาอาศัยซึ่งกันและกันเพื่อความสำเร็จของการทำงานกลุ่ม ๒. มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดในเชิงสร้างสรรค์ เป็นการให้สมาชิกได้ร่วมกันทำงานกลุ่มกันอย่าง ใกล้ชิด โดยการเสนอและแสดงความคิดเห็นกันของสมาชิกภายในกลุ่ม ด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกัน ๓. มีความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละคน หมายความว่า สมาชิกภายในกลุ่มแต่ละคนจะต้อง มีความรับผิดในการทำงาน โดยที่สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีความมั่นใจและพร้อมที่จะได้รับการทดสอบ เป็นรายบุคคล
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๙๓ ๔. มีการใช้ทักษะกระบวนการกลุ่มย่อย ทักษะระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย นักเรียนควรได้รับการฝึกฝนทักษะเหล่านี้เสียก่อน เพราะเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานกลุ่ม ประสบผลสำเร็จ เพื่อให้นักเรียนจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๕. มีการใช้กระบวนการกลุ่ม ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานที่มีขั้นตอนหรือวิธีการที่จะช่วยให้ การดำเนินงานกลุ่มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในการวางแผนปฏิบัติงานและเป้าหมายในการทำงานร่วมกัน โดยจะต้องดำเนินงานตามแผนตลอดจนประเมินผลและปรับปรุงงาน ๒. แนวคิดเกี่ยวกับทักษะการอ่าน ความหมายของการอ่าน การอ่านเป็นความสามารถของมนุษย์และเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของมนุษย์ จึงถือว่า เป็นสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น การอ่านจึงมีนักวิชาการศึกษาได้ให้ความหมายไว้ หลากหลายความหมายด้วยกัน ดังนี้ กินาริน ตันเสียงสม (๒๕๔๘ : ๒๙) กล่าวว่า การอ่าน หมายถึง การรับรู้ความหมายและสร้าง ความเข้าใจจากอักษรหรือสัญลักษณ์อื่น ๆ ที่จะทำให้ผู้อ่านมีความรู้ ความเข้าใจที่ดีขึ้น รับรู้กระบวนการ ต่าง ๆ ในอันที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาในสายตาผู้อ่านขึ้น ทำให้เป็นคนทันสมัยทันโลกทันเหตุการณ์รู้เท่า ทันคนในสังคม อันจะก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เยาวรัตน์ ทองมี (๒๕๕๕ : ๒๓) กล่าวว่า การอ่าน หมายถึง กระบวนการที่ผู้อ่านแปลความหมาย จากตัวอักษรโดยผ่านทางความคิดในสมองแล้วเกิดความเข้าใจความหมายของสิ่งที่อ่านโดยอาศัย ประสบการณ์เดิมมาใช้ในการทำความเข้าใจกับสิ่งที่อ่านและองค์ประกอบหลายอย่างอันจะทำให้แปล ความหมายนั้นถูกต้อง นงเยาว์ ทองกำเนิด (๒๕๕๘ : ๒๑) กล่าวว่า การอ่าน หมายถึง กระบวนการทางสมองในการสื่อ ความหมายระหว่างผู้เขียนและผู้อ่านโดยที่ผู้อ่านต้องมีความเข้าใจในการแปลความหมาย ให้ได้ใจความ ที่สมบูรณ์สามารถสรุปและบอกความหมายของคำ กลุ่มคำ ประโยค ข้อความและ เรื่องราว เพื่อนำข้อมูลไป ใช้ประโยชน์ต่อตนเองและสังคมได้ วรรณี โสมประยูร (๒๕๕๓ : ๑๒๘, อ้างถึงใน นงเยาว์ ทองกำเนิด ๒๕๕๘ : ๒๑) กล่าวว่า การอ่านหมายถึง กระบวนการทางสมอง ที่ต้องใช้สายตาสัมผัส ตัวอักษรหรือสิ่งพิมพ์อื่น ๆ รับรู้และเข้าใจ ความหมายของคำหรือสัญลักษณ์ โดยออกมาเป็นความหมายที่ใช้สื่อความคิดและความรู้ระหว่างผู้เขียนกับ ผู้อ่าน ให้เข้าใจตรงกันและผู้อ่านสามารถนำ เอาความหมายนั้น ๆ ใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ จากความข้างต้นสรุปได้ว่า การอ่าน หมายถึง การรับรู้ความหมายของสารจากถ้อยคำที่ตีพิมพ์ ในสิ่งพิมพ์ จากลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะเป็นการอ่านออกเสียงหรืออ่านในใจก็ได้ โดยผู้อ่านรับรู้ว่าผู้เขียน ส่งสารอะไรมาให้ผู้อ่าน ทั้งในด้าน ความรู้ ความคิด ความหมาย ความสัมพันธ์กับสิ่งอื่นโดยลำดับขั้น ของการอ่านจะเริ่มตั้งแต่การทำความเข้าใจถ้อยคำแต่ละคำ ประโยค กลุ่มคำ ข้อความและเรื่องราวที่เรียง รายกันอยู่อย่างต่อเนื่อง
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๙๔ ความสำคัญของการอ่าน ปัจจุบันเป็นยุคของข้อมูลข่าวสาร การอ่านจึงมีความสำคัญมากในชีวิตประจำวันของทุกคนข้อมูล หรือความรู้ในแทบทุกด้านได้รับการเผยแพร่ในรูปของสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ มากมาย นักการศึกษาหลายท่านจึงได้ เสนอความสำคัญของการอ่านไว้ดังต่อไปนี้ เยาวรัตน์ ทองมี (๒๕๕๕ : ๒๓) กล่าวถึง ความสำคัญของการอ่านไว้ดังนี้ ๑. การอ่านหนังสือทำให้ได้เนื้อหาสาระความรู้มากกว่าการศึกษาหาความรู้ด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การฟัง ๒. ผู้อ่านสามารถฝึกการคิดและสร้างจินตนาการได้เองขณะอ่าน ๓. การอ่านส่งเสริมให้มีสมองดี มีสมาธินานกว่าสื่ออย่างอื่น ๔. ผู้อ่านเป็นผู้กำหนดการอ่านได้ด้วยตัวเอง ๕. ผู้อ่านเกิดความคิดเห็นได้ด้วยตนเองขณะที่อ่าน ๖. ผู้รักการอ่านจะรู้สึกว่ามีความสุข เมื่อได้สัมผัสหนังสือแม้ว่าปัจจุบันจะมีหนังสือในรูปของการ เก็บข้อมูลที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ก็ตาม จุไรรัตน์ ลักษณะศิริ และบาหยัน อิ่มสำราญ (๒๕๔๗ : ๙๑ ; อ้างอิงมาจาก นงเยาว์ ทองกำเนิด ๒๕๕๘ : ๒๒) กล่าวถึงความสำคัญของการอ่านดังต่อไปนี้ ๑. การอ่านทำให้ผู้อ่านได้รับสาระความรู้ต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านเป็นผู้ที่ทันต่อความคิด ความก้าวหน้าของโลกได้เช่นเดียวกับการรับสารจากสื่อชนิดต่าง ๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อ อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ๒. หนังสือเป็นสื่อที่ดีที่สุด ใช้ง่ายที่สุดและมีราคาถูกที่สุดที่บุคคลทั่วไปใช้เพื่อศึกษาหาความรู้ และความเพลิดเพลิน ๓. การอ่านหนังสือเป็นการฝึกให้สมองได้คิด และเกิดสมาธิด้วย ฉะนั้นหากมีการฝึกอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ทักษะด้านนี้พัฒนาและเกิดผลสัมฤทธิ์สูง ๔. ผู้อ่านหนังสือสามารถสร้างความคิดและจินตนาการได้เองขณะที่สื่ออย่างอื่น เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ฯ ล ฯ จะจำกัดความคิดของผู้อ่านมากกว่า ฉะนั้น การอ่านหนังสือจึงทำให้ผู้อ่านมีอิสระ ทางความคิดได้ดีกว่าการใช้สื่อชนิดอื่น มณีรัตน์ สุกโชติรัตน์ (๒๕๔๘ : ๑๙) กล่าวว่าการอ่านช่วยให้คนเราได้คำตอบจากปัญหา ที่ต้องการแก้ หรือปัญหาที่ค้างคาอยู่ในใจไม่ว่าจะเป็นทั้งทางตรงและทางอ้อมจึงทำให้แก้ปัญหาต่าง ๆ รอบ ด้านได้ด้วยตนเอง การอ่านช่วยเพิ่มพูนความรู้ความสามารถของผู้อ่าน จากความสำคัญของการอ่านดังกล่าว สรุปได้ว่า การอ่าน มีประโยชน์และมีความสำคัญต่อชีวิต ของคนเป็นอย่างมากเพราะเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารและการประกอบอาชีพทำให้ได้รับความรู้ และประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้รับความเพลิดเพลิน รับรู้ข่าวสารทันต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้รวดเร็วมีความรอบรู้ ฉลาด และเป็นผู้ที่ประสบผลสำเร็จในชีวิตได้
รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๙๕ ความหมายของการอ่านจับใจความ การอ่านจับใจความเป็นทักษะที่มีความสำคัญในการเรียน เพราะเป็นทักษะพื้นฐานในการ แสวงหาความรู้ได้ มีนักการศึกษาหลายท่านกล่าวถึงความหมายของการอ่านจับใจความไว้ดังนี้ จิราภรณ์ แก้วอรสาร (๒๕๖๑ : ๓๑) กล่าวว่า การอ่านจับใจความ หมายถึง การทำความเข้าใจ กับเรื่องที่อ่าน สามารถจับประเด็น เรียงลำดับเหตุการณ์ของเรื่อง แปลความหมายของเรื่องที่อ่านเข้าใจ จุดมุ่งหมายของเรื่อง ตลอดจนเข้าใจในเนื้อหาสาระของเรื่องที่อ่าน ซึ่งรวมถึงแนวคิด ข้อมูล ทัศนคติ ในเรื่องนั้น ๆ ซึ่งอาจเป็นข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วนำมาเป็นความเข้าใจของผู้อ่าน สามารถนำไปถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ กินาริน ตันเสียงสม (๒๕๔๘ : ๓๒) กล่าวว่า การอ่านจับใจความ หมายถึง การทำความเข้าใจเรื่องที่อ่าน สามารถจับประเด็นของเรื่อง แปลความหมายของเรื่องที่อ่านและเข้าใจจุดหมายของเรื่องที่อ่านได้ มูนาดา หมัดอะด้ำ (๒๕๔๗ : ๔๘) กล่าวว่า การอ่านจับใจความ หมายถึง การอ่านที่มีจุดประสงค์ เพื่อค้นหาสาระของเรื่องหรือหนังสือที่อ่าน ให้ได้ใจความสำคัญของเรื่องถูกต้องและชัดเจน เยาวรัตน์ ทองมี (๒๕๕๕ : ๒๙) กล่าวว่า การอ่านจับใจความ หมายถึง การอ่านให้เข้าใจใน เนื้อหาของบทอ่าน โดยสามารถสรุปใจความสำคัญลำดับเหตุการณ์ของเรื่องตอบคำถามจากเรื่อง ตั้งชื่อเรื่อง แยกแยะได้ว่าใจความข้อใดเป็นใจความสำคัญ ใจความใดเป็นใจความรอง นอกจากนี้ผู้อ่านควรจับ จุดประสงค์ทัศนคติขอผู้แต่งได้ด้วย จากความหมายข้างต้นสรุปได้ว่า การอ่านจับใจความ หมายถึง การทำความเข้าใจ เนื้อเรื่องที่อ่าน แล้วสามารถเข้าใจเรื่องราว แปลความ จับใจความสำคัญของเรื่องได้ว่า เรื่องอะไร ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไรแล้วสามารถสรุปใจความสำคัญได้ ความสำคัญของการอ่านจับใจความ การอ่านจับใจความ มีความสำคัญต่อผู้อ่านมาก เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญของนักเรียนที่ใช้ใน การแสวงหาความรู้ มีผู้รู้และผู้เชี่ยวชาญด้านการอ่านหลายคน ได้กล่าวถึง ความสำคัญของการอ่าน จับใจความสำคัญ ดังนี้ กินาริน ตันเสียงสม (๒๕๔๘ : ๓๒) กล่าวว่า การอ่านจับใจความสำคัญ เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ หรือวิเคราะห์งานเขียนเป็นส่วน ๆ ได้อย่างถี่ถ้วนรวมทั้งยังทำ ให้ผู้อ่านสนใจศึกษาเรื่องนั้นเป็นพิเศษ ถ้าผู้อ่านมีความสนใจเรื่องทำนองนั้นมาก่อน จิราภรณ์ แก้วอรสาร (๒๕๖๑ : ๓๒) กล่าวว่า การอ่านจับใจความ มีความสำคัญต่อผู้อ่านเป็น อย่างมาก เพราะเป็นหัวใจสำคัญถือเป็นเครื่องมือของนักเรียนและบุคคลทั่วไปในการแสวงหาความรู้ ถ้าผู้อ่านไม่สามารถจับใจความสำคัญได้ก็จะไม่สามารถจับประเด็นหลักของเรื่องนั้น ๆ ได้ วาสนา หาคขุนทด (๒๕๕๒ : ๒๓) กล่าวว่า การอ่านจับใจความ เป็นหัวใจสำคัญในการอ่าน หนังสือ เพราะเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจ เรื่องที่อ่าน มีเจตคติที่ดีต่อการอ่าน รักการอ่าน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้