The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาระหว่างภาคการศึกษาที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อังคาร ใจสดใส, 2023-03-12 23:15:44

รายงานการปฏิบัติการสอนเทอม ๑

รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาระหว่างภาคการศึกษาที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔

รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๙๖ จุไรรัตน์ ลักษณะศิริ และ บาหยัน อิ่มสำราญ (๒๕๔๗ : ๗๘) กล่าวว่า การอ่านจับใจความ มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในสังคม โดยเฉพาะในยุคของข้อมูลข่าวสาร การอ่านจะทำให้ รับทราบข่าวสารข้อมูล ความรู้และความเคลื่อนไหว ตลอดจนความคิดเห็นต่าง ๆ ของผู้คนในสังคมการอ่าน จับใจความสำคัญสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ ปรีชา วันแว่น (๒๕๕๑ : ๒๒) กล่าวว่า การอ่านจับใจความ มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของ มนุษย์ในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของข้อมูลข่าวสาร เพราะการอ่านและการฟังจะทำให้ผู้คนได้รับ ข่าวสารข้อมูล ความรู้และได้รับทราบความเคลื่อนไหวตลอดจนความคิดเห็นต่าง ๆ ของผู้คนในสังคม สรุปได้ว่า การอ่านจับใจความมีความสำคัญต่อผู้อ่านอย่างมากเพราะเป็นเครื่องมือสำคัญ ของนักเรียนและบุคคลทั่วไปในการแสวงหาความรู้ถ้าผู้อ่านไม่สามารถจับใจความสำคัญได้จะไม่สามารถ จับประเด็นหลักของเรื่องนั้นๆได้ อย่างไรก็ตามครูผู้สอนย่อมมีบทบาทในการฝึกทักษะการอ่านและเป็นผู้นำ ในการใช้ทักษะการอ่านด้านจับใจความ ประเมินความก้าวหน้าในการเรียนการสอนของผู้เรียน จุดประสงค์ของการอ่านจับใจความ การอ่านจับใจความถือเป็นการอ่านประเภทหนึ่งที่มีจุดมุ่งหมาย เพื่อให้สามารถจับใจความสำคัญ ในแต่ละย่อหน้า หรือหลาย ๆ ย่อหน้าให้ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งก่อนที่ผู้อ่านจะเริ่มอ่าน เพื่อจับใจความสำคัญ ควรทำความเข้าใจจุดมุ่งหมายตามประเภทของการอ่านจับใจความ เพื่อพิจารณา ตัดสินว่าการอ่านของตนนั้นอยู่ในประเภทใด ทั้งนี้เพื่อการเลือกวิธีอ่านที่เหมาะสมต่อไปตามที่นักวิชาการ ศึกษาได้ให้แนวคิดไว้ดังนี้ คุษฎี ลีห์ละเมียร (๒๕๒๑ : ๖๗ - ๗๑) ได้กล่าวถึง วัตถุประสงค์ของการอ่านจับใจความ สรุปไว้ ดังนี้ ๑. อ่านเพื่อทราบข่าวสารและข้อเท็จจริง เป็นการอ่านอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ต้องการจากการอ่าน คือ คำตอบสั้น ๆ ๒. อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน มุ่งเน้นเพื่อความสนุกสนานได้รับการผ่อนคลายอารมณ์จากการอ่าน ๓. อ่านเพื่อการศึกษาค้นคว้า เพื่อให้เกิดความรู้และความเข้าใจสามารถวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่อ่านได้อย่างคร่าว ๆ ๔. อ่านเพื่อจับใจความสำคัญ โดยอ่านละเอียดทุกตัวอักษรและสรุปใจความสำคัญในหลายแง่ เช่น เก็บเนื้อเรื่องสำคัญ เก็บความรู้หรือข้อมูลที่สำคัญ แนวความคิดของผู้เขียนและเก็บจุดมุ่งหมายสำคัญ ของเรื่อง ๕. อ่านเพื่อจับใจความสำคัญส่วนรวม เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาส่วนรวมของเรื่องอันจะทำให้มองเห็น ความสัมพันธ์ของรายละเอียดต่าง ๆ ๖. อ่านเพื่อแสดงความคิดเห็น เป็นการใคร่ครวญหาเหตุผลและตรวจสอบความรู้สึกนึกคิด หลังการอ่านจบหรือคิดไปพร้อม ๆ กัน ๗. อ่านเพื่อเข้าถึงรส เพื่อให้เข้าใจและซาบซึ้งในรสของงานเขียนประเภทต่าง ๆ


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๙๗ ศิริพร ลิมตระการ (๒๕๔ : ๙๙-๑๐๐) กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วการอ่านจับใจความ แบ่งได้เป็น ๖ ประเภท คือ ประเภทที่ ๑ ผู้อ่านจับใจความมุ่งอ่านรายละเอียดของเนื้อเรื่อง โดยไม่คำนึงถึงอัตราเร็ว ในการอ่าน เป็นการอ่านอย่างละเอียดเพื่อจะได้ไม่พลาดเนื้อหาที่สำคัญ ซึ่งผู้อ่านมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำ รายละเอียดของเรื่องไปใช้ประโยชน์หรืออ่านเพื่อความบันเทิง ประเภทที่ ๒ ผู้อ่านจับใจความมุ่งอ่านเรื่อง เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับตนเองเป็นการอ่านที่ผู้อ่าน เคยมีความรู้ในเรื่องนั้นมาก่อนแล้วแต่ลืมรายละเอียดจึงต้องอ่านอีกครั้ง ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องอ่านละเอียด ทุกตอน แต่จะอ่านจับใจความอย่างคร่าว ๆ เพื่อให้ระลึกได้ เป็นการทบทวนเนื้อเรื่องเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ประเภทที่ ๓ ผู้อ่านจับใจความมุ่งทำความคุ้นเคยกับคำศัพท์ใหม่ ๆ โดยใช้เนื้อหาของเรื่อง เป็นสื่อ การอ่านจึงมักใช้การสำรวจและตรวจสอบ ซึ่งการอ่านลักษณะนี้ผู้อ่านมักนำไปใช้ประโยชน์ในการ อ่านจับใจความเรื่องที่เป็นวิชาการในระดับสูง ประเภทที่ ๔ ผู้อ่านจับใจความมุ่งอ่าน เพื่อพัฒนาความคิดให้กว้างไกลเป็นการอ่านที่ผู้อ่านต้อง อ่านอย่างละเอียด เพื่อพัฒนาข้อมูลให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนด เช่น การอ่านโดยใช้วิธีคาดคะเน ตามแนวทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งลักษณะการคิดเช่นนี้จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถรวบรวมข้อมูลโดยใช้ วิธีอ่านจับใจความแล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าต่อไป ประเภทที่ ๕ ผู้อ่านจับใจความมุ่งเน้นอัตราเร็วในการอ่าน เป็นการอ่านที่ผู้อ่านต้องการ จับใจความสำคัญของเรื่องในเวลาที่จำกัดและต้องอ่านให้ได้เนื้อเรื่องมากที่สุด ประเภทที่ ๖ ผู้อ่านจับใจความมุ่งอ่าน เพื่อศึกษาเนื้อหาของเรื่องที่ตนไม่เคยมีพื้นความรู้มาก่อน เป็นการอ่านที่ผู้อ่านมักใช้วิธีอ่านจับใจความในลักษณะสำรวจและตรวจสอบ คือ ในขั้นสำรวจจะใช้วิธี กวาดสายตาดูเนื้อหาอย่างคร่าว ๆ และชั้นตรวจสอบด้วยการอ่านอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง จากจุดประสงค์ของการอ่านจับใจความดังกล่าว สรุปได้ว่า การอ่านจับใจความจะบรรลุ จุดประสงค์การอ่านว่าอ่านเพื่ออะไรหรือจะอ่านอย่างไรและที่สำคัญต้องพยายามจับใจความสำคัญของเรื่อง ให้ได้ ดังนั้น การฝึกอ่านจับใจความอยู่เสมอจะช่วยให้อ่านได้รวดเร็วขึ้นและจะเป็นประโยชน์ต่อตัวของ ผู้อ่านด้วย


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๙๘ วิธีการอ่านจับใจความ การอ่านจับใจความควรมีวิธีอ่านเพื่อให้ได้ใจความที่สำคัญและสามารถสรุปได้ ซึ่งมีนักการศึกษา หลายท่านได้กล่าวถึงวิธีการอ่านจับใจความไว้ดังนี้ สุนันทา มั่นเศรษฐวิทย์ (๒๕๔๕ : ๙๕) ได้ให้ขั้นตอนการอ่านจับใจความไว้ดังนี้ ๑. ขั้นจำ เป็นขั้นเริ่มแรกของการอ่านที่สมองจะต้องจำเรื่องราวให้ได้คำ ความหมายของคำ ให้คำจำกัดความของคำยาก จำชื่อตัวละครและเหตุการณ์สำคัญ การที่ครูจะรู้ว่านักเรียนมีความจำเรื่องที่ อ่านได้มากหรือน้อยก็ใช้วิธีการตั้งคำถามเรื่องที่อ่านหรืออาจให้สะกดคำ บอกความหมายและบอกคำจำกัดความ ๒. ขั้นเข้าใจ เป็นขั้นที่นักเรียนสามารถเล่าเรื่องที่อ่านด้วยคำพูดของตนได้ เข้าใจ ความคิด ถ้อยคำ ประโยคและข้อความที่คติสอนใจ สรุปเรื่องเป็นมโนทัศน์ใช้คำพูดของตน ดังนั้น การที่ครูจะประเมิน ว่านักเรียนมีความเข้าใจมากหรือน้อย ควรตั้งเป็นคำถามด้วยการให้เล่าเรื่อง สรุปเรื่อง และเรียงลำดับ เหตุการณ์ของเรื่อง ๓. ขั้นนำไปใช้ เป็นขั้นที่นักเรียนควรมีการฝึกนำถ้อยคำ ประโยคและเหตุการณ์ที่ได้จากการอ่าน ไปใช้แก้ปัญหาในสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่หรือนำไปใช้แก้ปัญหาวิชาอื่น ๆ ดังนั้น คำถามที่ใช้ จึงมักจะกำหนดเป็นสถานการณ์ให้นักเรียนพิจารณาในการนำความรู้มาใช้ประโยชน์ ๔. ขั้นวิเคราะห์ เป็นขั้นที่ให้นักเรียนแยกองค์ประกอบย่อยของแนวคิดที่ได้จากการอ่านการรู้จัก แยกความหมายของคำที่มีความหมายหลายอย่างสามารถบอกได้ว่าองค์ประกอบใดมีความสัมพันธ์กัน หรือไม่เกี่ยวข้องกันเลย ๕. ขั้นสังเคราะห์ เป็นขั้นที่ให้นักเรียนรู้จักสรุปแนวคิดที่ได้จากการอ่านการรู้จักแยกความหมายของคำที่มี ความหมายหลายอย่าง สามารถบอกได้ว่าองค์ประกอบใดมีความสัมพันธ์กันหรือไม่เกี่ยวข้องกันเลย ๖. ชั้นประเมินคำ เป็นขั้นสูงสุดของการคิดที่ให้นักเรียนรู้จักตัดสินเรื่องที่อ่าน ว่าอะไร คือส่วนที่เป็นจริง และอะไรคือส่วนที่เป็นเท็จ พิจารณาและค้นหาคุณคำที่ปรากฏในเรื่อง ๔ ได้แก่ ความรัก ความกตัญญู ความซาบซึ้งและยังรวมไปถึงความเป็นเหตุเป็นผลด้วย เอกรินทร์ สี่มหาศาล (๒๕๔๖ : ๖) ได้กล่าวถึงวิธีการอ่านจับใจความไว้ดังนี้ ๑. อ่านผ่าน ๆ โดยตลอด เพื่อให้รู้เรื่องราวที่อ่านเกี่ยวกับอะไร มีใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ๒. อ่านให้ละเอียดอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจเรื่องที่อ่าน ๓. เขียนเรียบเรียงใจความสำคัญของเรื่องด้วยสำนวนภาษาของตนเอง ๔. อ่านทบทวนเพื่อความถูกต้องอีกครั้งหนึ่งใน


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๙๙ ปิยวรรณ ทองอนันติวงศ์ (๒๕๔๘ : ๘๙) ได้กล่าวถึง วิธีการอ่านจับใจความว่า ควรมีการจัด กิจกรรมที่หลากหลาย ใช้ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนควบคู่กันไปพร้อมกับการพูดถึงแบบ ฝึกที่ดีควรเป็นแบบฝึกที่ต้องคิดแล้วเขียนออกมาแทนคำพูดของตัวผู้เรียนเอง ซึ่งการจัดกิจกรรมลักษณะ เช่นนี้ยังถือเป็นการสอนอ่านเพื่อการสื่อสารที่ดีมากอีกวิธีหนึ่งและได้สรุปขั้นตอนการสอนอ่านจับใจความ ไว้ ๗ ขั้นตอนดังนี้ ๑. การถามนำก่อนการอ่าน ๒. การทำความเข้าใจคำศัพท์ ๓. การอ่านเนื้อเรื่อง ๔. การทำความเข้าใจเรื่อง ๕. การถ่ายโอนข้อมูลในรูปแบบอื่น ๖. การทำแบบฝึกหัดต่อชิ้นส่วนประโยค ๗. การประเมินผลและแก้ไข พเยาว์ สิ่งรี (๒๕๕๑ : ๕๗) กล่าวว่า ขั้นตอนวิธีการอ่านจับใจความสามารถทำได้โดยเริ่มจากอ่าน ชื่อเรื่อง เนื้อเรื่อง จากนั้นอ่านอย่างคร่าวๆ ก่อน จากนั้นถึงอ่านอย่างละเอียดโดยพิจารณาที่ละย่อหน้า เพื่อหาใจความสำคัญที่จะย่อหน้า และสามารถสรุปความสำคัญได้ ทักษะการอ่านจับใจความ เป็นทักษะ หนึ่งที่ครูควรฝึกฝนให้แก่ผู้เรียน โดยเริ่มจากขั้นจำ เข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า สรุปได้ว่า วิธีการอ่านจับใจความนั้น เป็นการอ่านเรื่องราวต่างๆให้เข้าใจนั้นต้องเริ่มตั้งแต่ระดับ ประโยค ย่อหน้าและเนื้อเรื่องทั้งหมดตามลำดับ การที่จะเข้าใจเรื่องราวทุกระดับนี้อยู่ที่ความสามารถในการ จับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่านได้ สามารถสรุปความสำคัญได้และยังเป็นทักษะหนึ่งที่ครูควรฝึกฝน ให้แก่ผู้เรียน โดยเริ่มจากขั้นจำ เข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์และการประเมินค่า ขั้นตอนการอ่านจับใจความ เป็นการอธิบายวิธีการอ่านจับใจความตามลำดับขั้นตอน เพื่อให้สามารถอ่านจับใจความได้อย่าง ถูกต้อง ซึ่งมีนักการศึกษาหลายท่านกล่าวถึง ขั้นตอนการอ่านจับใจความ ไว้ดังนี้ ประพนธ์ เรืองรณรงค์ (๒๕๔๕ : ๗-๑๓) กล่าวว่า การอ่านเพื่อจับใจความสำคัญ มีขั้นตอนดังนี้ ๑. อธิบายคำบางคำที่มีความหมายพิเศษหรือคำที่ควรทราบก่อน เพื่อไม่ให้มีปัญหาในการเข้าใจ ความหมายในขณะที่อ่านจับใจความ ๒. ให้นักเรียนรู้จุดมุ่งหมายในการอ่าน หรืออาจมีการตั้งคำถาม เพื่อค้นหาคำตอบจะช่วยให้ นักเรียนอ่านจับใจความได้ดีขึ้น ๓. มีการสนทนาเกี่ยวกับเค้าโครงเรื่องที่จะอ่านหรือสนทนาเกี่ยวกับภาพหรือประสบการณ์ ที่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่จะให้อ่าน ๔. กำหนดเนื้อหา และเวลาที่ให้อ่านได้อย่างเหมาะสมกับระดับและความสามารถ


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๐๐ ๕. ควรมีกิจกรรมต่อเนื่องหลังจากการอ่าน เช่น ให้ตอบคำถามหรือให้เขียนสรุปเรื่องราว เพื่อทดสอบความเข้าใจหรืออาจให้อ่านออกเสียงในเนื้อหานั้น กรมวิชาการ (๒๕๔๖ : ๑๘๙-๑๙๐) ได้เสนอถึงขั้นตอนการอ่านจับใจความไว้ว่า ๑. อ่านผ่าน ๆ โดยตลอดเพื่อให้รู้ว่าเรื่องที่อ่านว่าด้วยเรื่องอะไรจุดใดเป็นจุดสำคัญของเรื่อง ๒. อ่านให้ละเอียดเพื่อทำความเข้าใจอย่างชัดเจน ไม่ควรหยุดอ่านระหว่างเรื่อง เพราะจะทำให้ ความเข้าใจไม่ติดต่อกัน ๓. อ่านตอนที่ไม่เข้าใจ และตรวจสอบความเข้าใจบางตอนให้แน่นอนถูกต้อง ๔. เรียบเรียงใจความสำคัญของเรื่องด้วยตนเอง เสริมศรี หอทิมาวรกุล (๒๕๒๖ : ๓๙๑) ได้กล่าวถึง ขั้นตอนการอ่านจับใจความสำคัญ ไว้ ๕ ขั้นตอน คือ ๑. อ่านเรื่องราวผ่าน ๆ โดยตลอด เพื่อให้รู้ว่าเรื่องนั้นว่าด้วยเรื่องอะไรบ้าง จุดใด ตอนใด เป็นจุดสำคัญของเรื่อง ๒. อ่านให้ละเอียด ทำความเข้าใจได้อย่างชัดเจน ไม่ควรหยุดอ่านระหว่างเรื่อง เพราะจะทําให้ ความเข้าใจไม่ต่อเนื่องกัน ๓. อ่านตอนที่ไม่เข้าใจ และตรวจสอบความเข้าใจในข้อความบางตอนให้แน่นอนและถูกต้อง ๔. ตอบคำถามสั้น ๆ อะไร ที่ไหน เมื่อไร หรือทำโน๊ตย่อ เพื่อทดสอบความเข้าใจของตนเอง ๕. เรียบเรียงใจความสำคัญของเรื่องด้วยตนเอง จากขั้นตอนข้างต้นสรุปได้ว่า การอ่านจับใจความมีขั้นตอนในการฝึกอ่านที่สำคัญ คือ การอ่าน อย่างคร่าว ๆ โดยตลอดเรื่องอย่างรวดเร็ว ๑ ครั้ง เพื่อให้ได้สาระโดยรวมของเรื่องจากนั้นจึงอ่านสาระสำคัญ โดยละเอียดเพื่อจับใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้า ตอบคำถามสั้น ๆ เช่น ใครทำอะไร ที่ไหน เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของตนเองแล้วจึงนำมาเรียบเรียงใจความสำคัญของเรื่องด้วยตนเอง


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๐๑ หลักการอ่านจับใจความ เป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการอ่านจับใจความซึ่งมีนักการศึกษาหลาย ท่านกล่าวถึง หลักการอ่านจับใจความ ไว้ดังนี้ ทัศนีย์ ศุภเมธี (๒๕๔๒ : ๘๘) กล่าวถึง หลักการสอนอ่านจับใจความไว้ดังนี้ ๑. อธิบายคำบางคำที่มีความหมายพิเศษ หรือคำที่ควรทราบความหมายก่อนเพื่อให้ไม่ให้เกิด ปัญหาในการเข้าใจความหมายในขณะที่จับใจความ ๒. ให้ผู้เรียนรู้จุดมุ่งหมายในการอ่านหรืออาจมีการตั้งคำถามเพื่อให้ค้นคว้าหาคำตอบจะช่วยให้ ผู้เรียนอ่านจับใจความได้ดียิ่งขึ้น ๓. มีการสนทนาเกี่ยวกับเค้าโครงเรื่องที่จะอ่านก่อน หรือสนทนาเกี่ยวกับภาพหรือประสบการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง ๔. กำหนดเนื้อหาและเรื่องที่อ่านได้เหมาะสมกับระดับวัยและความสามารถ ๕. ควรจัดให้มีกิจกรรมต่อเนื่องหลังการอ่าน เช่น การให้ตอบคำถาม การสรุป เรื่องราว เพื่อทดสอบความเข้าใจหรือกิจกรรมการอ่านออกเสียงในเนื้อหานั้นอีก บันลือ พฤกษะวัน (๒๕๔๓ : ๒๘-๑๒๙) ได้เสนอแนะหลักการสอนอ่านจับใจความไว้ดังนี้ ๑. อ่านแบบคร่าว ๆ เพื่อสำรวจหาสิ่งที่สนใจหรือสิ่งที่ต้องการอ่านเรื่องราวหรือบทความอย่าง รวดเร็ว อ่านแล้วพิจารณาตรวจสอบเรื่องราว ๒. อ่านเพื่อเก็บใจความสำคัญ เป็นวิธีการที่จะนำไปสู่การย่อความ ๓. ตั้งคำถามให้สอดคล้องกับประเด็นสำคัญของเรื่อง ๔. ตอบคำถามให้ตรงประเด็นให้ผู้เรียนขีดเส้นได้ที่ประโยคบอกใจความนั้น ๆ ๕. เรียบเรียงประโยคบอกใจความตามลำดับ สมบัติ ศิริจินดา (๒๕๔๙ : ๓๘) กล่าวถึงหลักการอ่านจับใจความสำคัญว่า ผู้อ่านต้องสามารถจับ ประเด็นสำคัญของเรื่องได้ครบถ้วนตามที่ผู้เขียนต้องการ โดยทำความเข้าใจกับเนื้อหาสาระส่วนรวมของงาน เขียน แล้วตั้งคำถามว่างานเขียนนั้นเกี่ยวกับเรื่องอะไร เกี่ยวกับใคร ทำอะไร เกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไร อย่างไร การอ่านจับใจความสำคัญมี ๒ ลักษณะคือ ๑. จับใจความสำคัญโดยสรุป คือ การจับเฉพาะประเด็นสำคัญของเรื่องให้ทราบชื่อที่อ่าน เป็นเรื่องอะไร เกี่ยวกับใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ๒. จับใจความสำคัญอย่างละเอียด คือ การทำความเข้าใจรายละเอียดอื่น ๆ ที่อธิบายขยายความ หรือเพิ่มเติมใจความสำคัญให้เด่นชัดยิ่งขึ้นโดยเป็นการพิจารณาเรื่องของคำ สำนวน โวหาร น้ำเสียง อารมณ์ เจตนาของผู้เขียนที่แฝงอยู่ในงานเขียนนั้นตลอดจนตัวอย่างต่าง ๆ เป็นต้น


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๐๒ ประโยชน์ของการอ่านจับใจความ การอ่านที่มีประสิทธิภาพ คือ การอ่านที่ผู้อ่านสามารถจับใจความสำคัญของเรื่อง สาระของเรื่อง ที่อ่านได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วรวมทั้งเข้าใจเนื้อเรื่องที่อ่านซึ่งมีนักการศึกษาหลายท่านกล่าวถึง ประโยชน์ ของการอ่านจับใจความ ไว้ดังนี้ เถกิง พันธุ์เถกิงอมร (๒๕๒๘ : ๑๕) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของการอ่านจับใจความไว้ว่า ๑. สามารถตัดสินใจได้ว่า หนังสือนั้นมีคุณค่าหรือสาระที่จะอ่านอย่างละเอียดหรือไม่ ๒. สามารถรู้ได้ว่าผู้อ่านนั้น มีความรู้และประสบการณ์ที่จะอ่านโดยตลอดเล่มหรือไม่ ๓. เป็นแนวทางให้ผู้อ่านสามารถไปค้นคว้าหาหนังสือที่ปรากฏในบรรณานุกรม อ่าน ประกอบ หนังสือนั้นได้ ๔. เป็นการประหยัดเวลาแก่ผู้อ่านที่มีเวลาจำกัด เช่น ในห้องสมุดหรือร้านขายหนังสือ เพื่อช่วย ในการตัดสินใจได้ว่าควรยืมหรือซื้อหนังสือเล่มนั้นหรือไม่ มูนาดา หมัดอะด้ำ (๒๕๕๗ : ๖๒) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของการอ่านจับใจความไว้ว่า ๑. ทำให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายของคำ อ่านจับประเด็นสำคัญ แยกข้อเท็จจริงข้อคิดเห็น วิเคราะห์ความมีความเข้าใจสรุปความได้ ๒. ทำให้ผู้อ่านนำความรู้ที่ได้จากการอ่านจับใจความไปใช้แก้ปัญหา การตัดสินใจ คาดการณ์ และใช้การอ่านจับใจความเป็นเครื่องมือในการพัฒนาการอ่าน การเขียน นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน รู้จักแสวงหาความรู้และความบันเทิงด้วยตนเองได้และมีนิสัยรักการอ่าน กล่าวโดยสรุป ประโยชน์ของการอ่านจับใจความนั้น ผู้อ่านสามารถเข้าใจ ความหมายของคำ จับประเด็น วิเคราะห์เนื้อหา และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน การวัดและประเมินผลการอ่านจับใจความ กระบวนการในการตัดสินใจ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจในการอ่านจับใจความ ซึ่งมีนักการศึกษา หลายท่านกล่าวถึง การวัดและประเมินผลการอ่านจับใจความ ไว้ดังนี้ บันลือ พฤกษะวัน (๒๕๔๕ : ๙-๑๐) กล่าวถึงการตรวจสอบความเข้าใจในการอ่านของนักเรียน มีดังนี้ ๑. ตอบคำถามจากเรื่องที่อ่านได้ถูกต้อง ๑.๑ ตอบคำถามจากข้อเท็จจริงของท้องเรื่อง ๑.๒ ตอบคำถาม โดยการวิเคราะห์หาเหตุผลของเรื่อง ๑.๓ ตอบคำถามจากการสรุปเรื่อง หรือวิจารณ์ ไตร่ตรอง ๒. เล่าเรื่องและสรุปเรื่องที่อ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๓. ประเมินและเลือกแบบจากตัวละคร ให้เหตุผลประกอบการเลือกหรือไม่เลือก ๔. แสดงประกอบนิทาน แสดงท่าใบ้ประกอบประโยค วลี หรือคำศัพท์ได้ ๕. หาความสัมพันธ์ของคำ เช่น กระต่ายกระโดด เต่าคลาน


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๐๓ ๖. หาคำตรงข้ามเชิงความหมาย เช่น หิวอิ่ม ยิ้มบึง ๗. อธิบายคำคม คำพังเพย แล้วแต่งนิทานประกอบ ๘. ต่อนิทานที่เล่าไม่จบอย่างมีความต่อเนื่องและสมเหตุสมผล ๙. สรุป ตั้งชื่อเรื่องได้ครอบคลุมเนื้อเรื่อง พร้อมอธิบาย ๑๐. ปฏิบัติตามขั้นตอนการประกอบอาหาร ประดิษฐ์ หรือดำเนินการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ๑๑. นำความเข้าใจจากสิ่งที่อ่านมาใช้ในการพยากรณ์แนวโน้มเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม ทางธรรมชาติ สังคม เศรษฐกิจ ๑๒. วิจารณ์ ให้ข้อคิดและเสนอแนะแก้ไขเชิงยอมรับ ไม่ยอมรับ โต้แย้งด้วยเหตุผลของตน สุนันทา มั่นเศรษฐวิทย์ (๒๕๔๕ : ๑๔๘-๑๕๐) ได้เสนอการประเมินการอ่านจับใจความ โดยใช้เกณฑ์มาตรฐานพิจารณาเนื้อเรื่องที่ผู้อ่านจับใจความ ไว้ ๒ วิธี คือ ๑. การใช้เครื่องมือที่เป็นแบบทดสอบ ผู้อ่านจะต้องตอบคำถามได้ร้อยละ ๗๐ ขึ้นไป การยึด เกณฑ์นี้นักการศึกษามีความเห็นว่าผู้อ่านได้พลาดเนื้อเรื่องบางตอนไปร้อยละ ๓๐ แล้วหากยึดเกณฑ์ ประเมินที่ต่ำกว่านี้จะทำให้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในเหตุการณ์สำคัญของเรื่อง นักการศึกษาบางคน กำหนดเกณฑ์ที่แตกต่างไปจากนี้ คือ Kress and John โดยเสนอแนะเกณฑ์ ในการประเมิน การอ่านจับใจความไว้ดังนี้ ๑.๑ ผู้อ่านที่สามารถตอบคำถามหรือเล่าเรื่องได้ถูกต้องในขอบเขตร้อยละ ๘๐-๑๐๐ มีความสามารถในการอ่านจับใจความอยู่ในระดับที่ ๑ ๑.๒ ผู้อ่านที่ตอบคำถามหรือเล่าเรื่องได้ถูกต้องในขอบเขตร้อยละ ๗๕-๘๙ มีความสามารถใน การอ่านจับใจความอยู่ในระดับที่ ๒ ๑.๓ ผู้อ่านที่ตอบคำถามหรือเล่าเรื่องได้ถูกต้องต่ำกว่าร้อยละ ๗๕ แสดงว่ายังมีข้อบกพร่อง ในการอ่านจับใจความ พลาดประเด็นสำคัญของเนื้อเรื่อง ควรมีการอ่านทบทวนลักษณะการประเมินการ อ่านจับใจความของภาษาไทยควรใช้เกณฑ์การจับใจความได้ร้อยละ ๗๐ เป็นอย่างน้อยแล้วใช้หลักส่งเสริม ให้ผู้อ่านมีพัฒนาการในการจับใจความให้มากขึ้นควบคู่กับการพัฒนาอัตราเร็วในการอ่าน ๒. การใช้แบบประเมินค่า โดยใช้ระดับตัวอักษรแล้วตีค่าออกมาเป็นคะแนน เช่น เมื่อผู้อ่านประเมินการอ่านจับ ใจความของตนแล้วรวมคะแนนทั้งหมดในแต่ ละช่ อสมมติให้ แบบประเมินมีทั้งหมด ๒๐ ข้อ ถ้าทำเครื่องหมายในช่อง“มาก” ทุกช่องจะได้คะแนนเต็ม ๘๐ คะแนน ระดับคะแนนที่ได้มีขอบเขตดังนี้ ๗๒-๘๐ = ๔ ดี ๕๒-๗๑ = ๓ ค่อนข้างดี ๓๒-๕๑ = ๒ พอใช้ ๐-๓๑ = ๑ ปรับปรุง ผู้อ่านที่ประเมินการอ่านจับใจความของตนแล้วหากรวมคะแนนแล้วอยู่ในระดับ ๔ และ ๓ แสดงว่า มีความสามารถในการอ่านจับใจความที่น่าพอใจ แต่ถ้าผลที่ได้อยู่ในระดับ ๒ หรือ ๑ ผู้อ่านควรปรับปรุง เพื่อพัฒนาคุณภาพการอ่านจับใจความให้ดีขึ้น


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๐๔ วิสาข์ จัติวัตร์ (๒๕๔๑ : ๒๙๕ - ๓๓๘) ได้แบ่งการประเมินผลการอ่านออกเป็น ๒ ประเภท คือ ๑. การวัดผลอย่างเป็นทางการ (Formal Measures) คือการสร้างข้อสอบอย่างเป็นระบบ โดยให้นักเรียนทำข้อสอบที่สร้างไว้ในช่วงเวลาที่กำหนด แบ่งได้ ๒ ประเภท คือ สอนแบบอิงกลุ่ม (Norm Referenced Tests) เป็นการเปรียบเทียบคะแนนของนักเรียนกับคะแนนของกลุ่มนักเรียนทั้งหมดที่ทำ แบบทดสอบว่า นักเรียนคนนั้นสอบได้ในลำดับที่เท่าไรของกลุ่มโดยใช้แบบทดสอบแบบสำรวจ (Survey Test) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ (Achievement Test) และแบบข้อสอบวัดความถนัด (Aptitude Test) ๑.๒ แบบทดสอบแบบอิงเกณฑ์ (Criterion Referenced Test) ลักษณะของแบบทดสอบนี้ คล้ายคลึงกับแบบทดสอบแรก คือ มีข้อความเป็นตอน ๆ หรือเรื่องสั้น ๆ ให้ นักเรียนอ่านและเลือกตอบแต่ ไม่เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านกับเกณฑ์ปกติ หรือกับ นักเรียนกลุ่มอื่น คะแนนของนักเรียน ขึ้นอยู่กับผลสัมฤทธิ์การอ่านเกณฑ์นี้ถือว่านักเรียนมีความสำเร็จอยู่ระหว่างเกณฑ์ ร้อยละ ๘๐-๙๔) ๒.การวัดผลอย่างไม่เป็นทางการ (Informal Measures) ได้แก่ กระบวนการเก็บข้อมูล หลากหลายรูปแบบซึ่งดำเนินไปพร้อมกับกระบวนการเรียนการสอน ครูสามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ สัมฤทธิผลทางการอ่านได้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน เช่น การสังเกตในชั้นเรียนการพูดคุยกับนักเรียน และการเขียนบันทึกประจำวันของนักเรียนตลอดจนการใช้แบบฟอร์มต่าง ๆ ในการ สังเกตการทดสอบอย่าง ไม่เป็นทางการมีดังนี้ ๒.๑ การสังเกตนักเรียน ๒.๒ รายการค้าอ่านที่คลาดเคลื่อนไปจากบทอ่าน ๒.๓ รายการคำอ่านอย่างไม่เป็นทางการ ๒.๔ การประเมินผลการเล่าเรื่อง ๒.๕ การประเมินผลตนเอง จากการวัดและประเมินผลการอ่านจับใจความดังกล่าว สรุปได้ว่า การวัดความสามารถในการ อ่านจับใจความให้ครอบคลุมเนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้นั้นสามารถวัดได้หลายวิธี คือ แบบอัตนัย แบบทดสอบปรนัยแบบทดสอบแบบเลือกตอบ แบบถูกผิด แบบจับคู่ และแบบทดสอบกึ่งปรนัย ซึ่งเป็นแบบทดสอบที่ต้องการคำตอบสั้น ๆ ให้เติมหรือต่อให้สมบูรณ์


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๐๕ ๓.งานวิจัยที่เกี่ยงข้อง ผลการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้วิธีการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน เทคนิค CIRC ทางคณะผู้วิจัยได้รวบรวมงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังนี้ เยาวรัตน์ ทองมี (๒๕๕๕ : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง พัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ และการเขียนเรียงความของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๑ โดยใช้กิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค CIRC ผลการวิจัยพบว่า ๑) ทักษะด้านการอ่านจับใจความและการเขียนเรียงความของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ หลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC สูงกว่าก่อนจัดการจัดการเรียนรู้อย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ ๒) ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการใช้กิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค CIRC โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับจากมากไปหาน้อยดังนี้ ด้านการจัดการเรียน การสอนด้านบรรยากาศการเรียนการสอน และด้านประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนการสอน นงเยาว์ ทองกำเนิด (๒๕๕๘ : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่าน จับใจความภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ผลการวิจัยพบว่า ๑) แบบฝึกทักษะการอ่าน จับใจความภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ อำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง ประกอบด้วย แบบฝึกย่อย ๕ แบบฝึกและมีประสิทธิภาพ ๘๒.๔๒/๘๓.๑๙ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐ ที่กำหนดไว้ ๒) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ อำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง มีระดับคะแนนสูงกว่า ก่อนการ ได้รับการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ จิราภรณ์ แก้วอรสาร (๒๕๖๑ : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ผลการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับ ใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ผลการวิจัยพบว่า ๑) ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค CIRC สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีประสิทธิภาพ (E/EL) เท่ากับ ๘๙.๔๔/๗๘.๕๖ ซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนด ๗๕/๗๕ ๒) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้ การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ ๓) ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่าน จับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เท่ากับ ๐.๖๐๖๙ หรือคิดเป็นร้อยละ ๖๐.๖๙ ๔) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้การเรียนรู้แบบ ร่วมมือ เทคนิค CIRC สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ อยู่ในระดับมาก กนกกาญจน์ ศรีตะวัน (๒๕๕๔ : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ผลการใช้ชุดฝึกทักษะการอ่าน จับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค ซีไอ อาร์ ซี สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ผลการวิจัยพบว่า ๑) ชุดฝึกทักษะการอ่านเพื่อจับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ มีประสิทธิภาพเท่ากับ ๙๒.๑๑/๘๙.๘๙ สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ๘๐/ ๘๐ ๒) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการทดลองใช้ชุดฝึกทักษะการอ่าน


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๐๖ เพื่อจับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ ๓) ดัชนีประสิทธิผลของชุดฝึกทักษะการอ่านเพื่อ จับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ เท่ากับ ๐.๘๑๔๗ หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๑.๔๗ ๔) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วย ชุดฝึกทักษะการอ่านเพื่อจับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๓ อยู่ในระดับมาก ภาวนา ดาวเรือง (๒๕๕๐ : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการอ่าน เพื่อความเข้าใจและการเขียนสะกดคำยากของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่จัดการเรียนการเรียนรู้ ด้วยเทคนิค CIRC ผลการวิจัยพบว่า ๑) ผลการเรียนรู้ ด้านการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ก่อนและหลัง การจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค CIRC. แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .๐๕ ๒) ผลการเรียนรู้ด้านการเขียนสะกดคำยากของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ก่อนและ หลัง - การจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค CIRC. แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ ๓) ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้เทคนิค CIRC. อยู่ในระดับเห็น ด้วยมาก ๒ ด้าน ได้แก่ ด้านบรรยากาศในการเรียนรู้ นักเรียนมีความเห็นว่าชอบการจัดการเรียนการสอน ของ ครูทุกขั้นตอนเพราะได้มีส่วนร่วมด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนมีความเห็นว่าวิธีการสอน ของครูที่ใช้สอนทำให้บรรยากาศการเรียนสนุกสนานและน่าสนใจส่วนความคิดเห็นในระดับปานกลาง ได้แก่ ด้านประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนรู้ นักเรียนมีความเห็นว่าการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในการสอนอ่านและการ เขียนสะกดคำยาก มีประโยชน์ต่อการพัฒนานักเรียน กล่าวโดยสรุป งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค CIRC พบว่า มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ทำให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในระดับสูงและ นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุดแสดงว่า การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้การ เรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC สามารถใช้ในการพัฒนานักเรียนให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๐๗ ๙. วิธีดำเนินการวิจัย การสร้างชุดกิจกรรมเสริมทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC สำหรับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ ผู้วิจัยได้ดำเนินการดังรายละเอียดต่อไปนี้ ๓.๑ ประชากร ๓.๒ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ๓.๓ การเก็บรวบรวมข้อมูล ๓.๔ การวิเคราะห์ข้อมูล ๑. ประชากร ประชากรที่ใช้ในการดำเนินการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาล วัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๑๐ คน ๒. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ๑.แผนการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC เพื่อ พัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนคิดถึงวิทยา ตำบลสบโขง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๑ ชุด ซึ่งผู้วิจัยได้ปรับปรุงและพัฒนาจากของ มูนาดา หมัดอะด้ำ (๒๕๕๗ : ภาพผนวก), กนกกาญจน์ ศรีตะวัน (๒๕๖๐ : ภาพผนวก) และจิราภรณ์ แก้วอรสาร (๒๕๖๑ : ภาพผนวก) ชุดที่ ๑ เรื่องการอ่านจับใจความและการเขียนสรุปความจากบทความ รวมทั้งหมด ๘ แผน ๘ ชั่วโมง ๒.แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนเพื่อวัดความสามารถในการอ่านจับใจความ จำนวน ๒๐ ข้อ เป็นแบบปรนัยเลือกตอบ ๔ ตัวเลือก ๓.แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค CIRC ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า ๑๔ โดยแบ่งตามระดับความพึงพอใจเป็น ๕ ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด จำนวน ๑๔ ข้อ


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๐๘ ๓. การเก็บรวบรวมข้อมูล การดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตามขั้นตอน ต่อไปนี้ ๑. บันทึกข้อมูลขออนุญาตผู้บริหารโรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ๒. แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ จำนวน ๘ ชุด ๓.แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ทั้งหมด ๓๐ คน จำนวน ๘ แผนแผนละ ๑ ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น ๘ ชั่วโมง ๔.เก็บคะแนนระหว่างเรียนและทดสอบก่อนและหลังเรียนชุดที่ ๑-๘ ของนักเรียนจำนวน ๒๐ คน หลังเรียนชุดที่ ๑-๘ ๕.แบบสอบถามความพึงพอใจ ๓.๔ การวิเคราะห์ข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิจัยเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการทดลองโดยใช้ค่าสถิติที (t-test) แบบอิสระ (พวงรัตน์ ทวีรัตน์. ๒๕๓๕ : ๑๗๖) ซึ่งมีสูตรดังนี้ สูตร t = D √ nD2−(D) 2 n−1 เมื่อ D คือ ความแตกต่างของคะแนนแต่ละคู่ N คือ จำนวนคู่ t คือ สถิติทดสอบ เมื่อนำผลที่ได้ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลมาคำนวณแล้ว ก็ดำเนินตามขั้นตอนตามขั้นดังนี้ ขั้นที่ ๑ ตั้งสมมติฐานงานวิจัย H๐ = การใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC ไม่มีผลต่อการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัด เชียงใหม่ H๑ = การใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC มีผลต่อการพัฒนาทักษะด้านการอ่านจับใจความ สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัด เชียงใหม่


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๐๙ ขั้นที่ ๒ คำนวณค่า t จากสูตร ขั้นที่ ๓ หาค่า t จากตาราง α = .๐๕, df = n – ๑ ขั้นที่ ๔ เปรียบเทียบและสรุป ๑๐. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ๑.หลังจากการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัด เชียงใหม่ มีการพัฒนาทักษะด้านการอ่านจับใจความสูงขึ้นและมีความสามารถในการอ่านจับใจความ กลุ่ม สาระการเรียนรู้ภาษาไทยหลังเรียนสูงกว่าก่อนรียนอย่างมีนัยสำคัญหางสถิติที่ระดับ .๐๕ ๒.ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC อยู่ใน ระดับมาก มีเฉลี่ยโดยรวมเท่ากับ ๔.๐๐ ๑๑. อภิปรายผลการวิจัย ๑) หลังจากใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC ของการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สามารถพัฒนาทักษะ ด้านการอ่านจับใจความสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ที่ระดับ .๐๕ ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของ เยาวรัตน์ ทองมี (๒๕๕๕ : บทคัดย่อ) ที่ได้ศึกษาเรื่อง การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ และการเขียนเรียงความ โดยใช้กิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โดยทดลองกับนักเรียน โรงเรียนบ้านปล่องเหลี่ยม จำนวน ๓๓ คน ซึ่งได้มา โดยวิธีเลือกแบบเจาะจง ผลการทดลองปรากฏ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ที่ได้รับการฝึกทักษะการอ่านจับใจความและการเขียนเรียงความ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค CIRC หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ และก็สอดคล้องกับงานวิจัย ของ มูนาดา หมัดอะด้ำ (๒๕๕๗ : บทคัดย่อ) ที่ได้ทำการวิจัยเรื่อง ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการใช้ผังกราฟิก ที่มีต่อความสามารถในการอ่านจับใจความ และเขียนสรุปความกลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โดยทดลองกับนักเรียน โรงเรียนพัฒนาศาสตร์มูลนิธิ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา จำนวน ๓๐ คน ซึ่งได้มาโดยวิธีเลือกแบบเจาะจง ผลการทดลองปรากฏ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ที่ได้รับการสอนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค CIRC ร่วมกับการใช้ผังกราฟิกมีความสามารถในการอ่านจับใจความ การเรียนรู้ภาษาไทยหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๑๐ ด้านแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC ที่ผู้วิจัยได้ปรับปรุง จากนักวิชาการได้นำปรับปรุงให้เหมาะสมกับนักเรียน โดยคำนึกถึงวัย เนื้อหา ความยากง่ายของหลักวิชา ก็พบว่าแบบฝึกการอ่านจับใจความมีประสิทธิภาพอยู่ในระดับที่ดีซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยของ นงเยาว์ ทองกำเนิด (๒๕๕๘ : บทคัดย่อ) ทำวิจัยเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ ภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โดยทดลองกับนักเรียน โรงเรียนบ้านศรีประชากลุ่ม เครือข่ายชะเมา อำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยองเขต ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๗ ภาคเรียนที่ ๒ จำนวน ๒๔ คน ผลวิจัยปรากฏว่า แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความ ภาษาไทย ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพ ๘๒.๔๒/ ๘๓.๑๙ ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดและอีก งานวิจัยหนึ่งที่สอดคล้องกับเรื่องนี้เป็นงานวิจัยของ กนกกาญจน์ ศรีตะวัน (๒๕๕๔ : บทคัดย่อ) ซึ่งได้ทำ การวิจัยเรื่อง ผลการใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค ซีไอ อาร์ ซี สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ โดยทดลองกับนักเรียน โรงเรียนเสนศิริอนุสรณ์ ตำบลอิสาณ อำเภอ เมือง จังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต ๑ จำนวน ๖๑ คน ผลวิจัยปรากฏว่า ชุดฝึกทักษะการอ่านเพื่อจับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค ซี ไอ อาร์ ซี ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ ๙๒.๑๑/๘๙.๘๙ ซึ่งมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด ด้วยหตุผลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ที่ได้รับการสอนโดยการใช้ เทคนิค CIRC มีความสามารถในการสรุปความใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยหลังเรียนสูง กว่าก่อนเรียน ๒) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ มีความพึงพอใจต่อการอ่านจับใจความภาษาไทยโดยใช้เทคนิค การสอน CIRC โดยรวมอยู่ในระดับมาก ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ สุกัลยา สัปทน และ สุภาพร แสนแทน (๒๕๕๒ : ๘๒) ที่พบว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ มีความพึงพอใจต่อกิจกรรม พัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยโดยใช้เทคนิค CIRC อยู่ในระดับมาก ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากเหตุผลการจัดการ เรียนรู้ แบบกลุ่ม ร่วมมือแบบ CIRC เป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ ส่งเสริม ให้เกิดความ ช่วยเหลือกันในกลุ่มของผู้เรียน และกระตุ้นให้ผู้เรียนได้เรียนตามความสามารถของตน สนองความแตกต่างระหว่างบุคคล คือ นักเรียนที่เรียนช้ามีเวลาฝึกฝนมากขึ้น เด็กที่เรียนเร็วมีโอกาส ช่วยเหลือเพื่อนที่อ่อนกว่าในกลุ่ม ช่วยให้เกิดการยอมรับซึ่งกันและกันภายในกลุ่ม นักเรียนที่เรียนอ่อนได้รับ การยอมรับและเห็นคุณค่าของนักเรียนเก่ง และกิจกรรมกระบวนการกลุ่ม ทําให้ผู้เรียนได้มีโอกาส แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การให้ความเอาใจใส่ร่วมมือกัน เป็นการส่งเสริมทักษะทางสังคม นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความสามัคคี ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สามารถทํางานร่วมกันได้อย่างมีความสุข ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการสอนโดยใช้เทคนิค CIRC อยู่ในระดับมาก มีคำเฉลี่ยโดยรวมทกับ ๔.๐๐ ซึ่งยอมรับสมมติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้ อาจเป็นพราะการพัฒนา ทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC เป็นการส่งเสริมการอ่าน การเขียน การฟัง การพูด และการคิด รวมทั้งให้ผู้เรียนได้รวบรวมข้อมูลความรู้ทั้งหมดที่ผู้เรียนทำความเข้าใจ แล้วมาเขียนสรุปออกมาเป็นภาพรวมของเรื่องที่ได้เรียนรู้ วิธีนี้ทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใดและจดจำได้นาน


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๑๑ และหากได้บรรยายภาพของตนให้ผู้อื่นฟังก็จะทำให้มีความแม่นยำในเนื้อหาเรื่องนั้นมากขึ้น ซึ่งสอดกล้อง กับงานวิจัยของ สมสมร ทีภูเวียง (๒๕๕๒ : ๖๙) ที่ศึกษากี่ขวกับผลของการจัดการเรียนรู้แบบ CIRC ที่มีต่อ ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจและความสามารถในการทำงานกลุ่มของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกมาปีที่ ๒ พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบ CIRC ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก ทั้งนี้สืบเนื่องจากผู้เรียนยินดีและเต็มใจกับการแบ่งกลุ่มที่ได้รับและเห็นประโยชน์ที่สามารถ นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน การปรึกษาหารือมีส่วนร่วมในกิจกรรมช่วยเหลือเกื้อถูลในการเรียนรู้กับเพื่อน ทำให้ผู้เรียนกล้าแสดงออก มีความมั่นใจในตนเอง สามารถแยกแยะข้อมูลค้นหาใจความสำคัญของข้อมูล เข้าใจเนื้อหาได้อย่างชัดจน และช่วยให้จัดระเบียบข้อมูล สรุปและนำเสนอข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ ทำให้เกิดทักษะในการเขียนสรุปความได้เป็นอย่างดี มีความพึงพอใจในการเรียนรู้ส่งผลให้การเรียนดีขึ้น ๑๒. ข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัยในครั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้นำข้อมูลมาพิจารณาแล้วเห็นว่าควรมีข้อเสนอแนะ แก่ผู้เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนและผู้ที่สนใจเพื่อการวิจัยครั้งต่อไป ดังนี้ ๑. ครูผู้สอนที่จะนำเทคนิคการสอนแบบ CIRC ไปใช้ ควรศึกษารายละเอียดของการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนแบบร่วมมือ ด้วยเทคนิคการสอนแบบ CIRC ให้เข้าใจ เพื่อจัดเตรียมสื่อ อุปกรณ์ และกิจกรรมให้ถูกต้องหรือเหมาะสมกับแต่ละบุคคลเพื่อให้การปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียนไปอย่างมีลำดับ ขั้นตอนและบรรลุตามวัตถุประสงค์ ๒. ควรมีสร้างแบบฝึกการอ่านเพื่อเพิ่มทักษะการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิคการสอนแบบ CIRC ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยในระดับชั้นอื่น ๆ


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๑๒ บรรณานุกรม กนกกาญจน์ ศรีตะวัน. ผลการใช้ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค ซีไอ อาร์ ซี สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓. มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๔. กนกวรรณ ภู่ทิม. การศึกษาความสามารถในการอ่านจับใจความและการเขียนสื่อความวิชาภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑. มหาวิทยาลัยบูรพา ปีที่พิมพ์, ๒๕๖๐. กรมวิชาการ. (๒๕๓๒) รายงานการวิจัยเรื่องการวิจัยสังเคราะหกระบวนหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนตน. กรมวิชาการ. การจัดสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๖. กรมวิชาการ. หลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ. ๒๕๒๕ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๓๓). กรุงเทพฯ : กรุณา ปางวิภาศ. การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านและเขียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ รายวิชาภาษาไทยระหว่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค CIRC กับการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เทคนิค SQ๔R. มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๖. กอบกาญจน์ วงศ์วิสิทธิ์. ทักษะภาษาเพื่อการสื่อสาร.กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์. ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๑. กินาริน ตันเสียงสม. การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ด้านการอ่านจับใจ ความสําคัญของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ที่สอนด้วยวิธีสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ เทคนิค STAD กับวิธีสอนแบบปกติ. มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๘. กุลวดี ทดแทนคุณ. ภาษาไทย (พิมพ์ครั้งที่๒). กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์. ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๒. โกวิท วัชรินทรางกูร. การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและการเขียนเรียงความของนักเรียน โดย ใช้กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือเทคนิค CIRC สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑. มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๖. จิราภรณ์ แก้วอรสาร. ผลการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖. มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ปีที่พิมพ์, ๒๕๖๑. จุไรรัตน์ ลักษณะ, ศิริบาหยัน อิ่มสำราญ. การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : โครงการตำราและหนังสือ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๗. ไฉไล เมืองพระฝาง. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค CIRC เพื่อส่งเสริม ความสามารถในการอ่านจับใจความ. มหาวิทยาลัยนเรศวร ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๘. ชมพูนุท บุญอากาศ. ผลการจัดการเรียนรู้แบบ CIRC ร่วมกับเทคนิคการสะท้อนคิดที่มีต่อความสามารถ ในการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษและเจตคติต่อการจัดการเรียนรู้ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓. มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๙.


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๑๓ ดุษฎี มีห์ละเมียร, “อ่านหนังสืออย่างไร, วารสารราชบัณฑิตยสาน ๔,๑ (กรกฎาคม - กันยายน ๒๕๒๑ ) ตติยา ไผ่วงษ์. การพัฒนาทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โดยใช้วิธี ซี ไอ อาร์ ซี. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ปีที่พิมพ์ ๒๕๔๔. เถกิง พันธุ์เถลิงอมร. การอ่านทั่วไป. นครศรีธรรมราช : โครงการตำราและเอกสารวิชาการ วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช ปีที่พิมพ์, ๒๕๒๘. ทัศนีย์ ศุภเมธี. วิธีสอนภาษาไทย. มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ปีที่พิมพ์,๒๕๕๖. ทิศนา แขกมณี. ศาสตร์การสอน. พิมพ์ครั้งที่ ๔. กรุงเทพฯ : ด่านสุทธาการพิมพ์จำกัด ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๘. ทิศนา แขกมณี. รูปแบบการเรียนการสอนทางเลือกที่หลากหลาย. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ธิดา ทิพย์สุข. การพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค CIRC. มหาวิทยาลัยศิลปกร ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๒. นงเยาว์ทอง กำเนิด. การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความภาษาไทยสำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ อำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง. มหาวิทยาบูรพา ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๘. นพดล จันทร์เพ็ญ. การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : ต้นอ้อ ปีที่พิมพ์, ๒๕๓๑. บันลือ พฤกษะวัน. แนวพัฒนาการอ่านเร็ว คิดเป็น. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช ปีที่พิมพ์ ๒๕๔๕. บุ๊ค พอยท์ ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๖. ประพนธ์ เรืองรณรงค์. กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทยช่วงชั้นที่ ๓ (ม.๑-ม.๓).กรุงเทพฯ : คุรุสภา ลาดพร้าว. ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๘. ปรีชา วันแว่น. การพัฒนาชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญแบบคิดวิเคราะห์จากบทความสำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๑. ปิยวรรณ ทองอนันติวงศ์. ผลการสอนอ่านจับใจความภาษาอังกฤษโดยใช้หลักการบูรณาการของเมอร์ ด็อค(MIA) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ . มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๘. พเยาว์ สิ่งวี. ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยด้านการอ่านจับใจความ โดยใช้เทคนิค CIRC สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓. มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ปีที่พิมพ์๒๕๕๑. พรรณรัศมี เง่าธรรมสาร. (๒๕๓๓).การเรียนแบบทำงานรับผิดชอบร่วมกัน.สารพัฒนาหลักสูตร, พริกหวานกราฟฟิก. ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๕. พวงรัตน์ ทวีรัตน์. วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์(พิมพ์ครั้งที่ ๔). กรุงเทพฯ: สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ปีที่พิมพ์, ๒๕๓๕. พิมพันธ์ เดชะคุปต์.การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ : แนวคิดวิธีและเทคนิคการสอน ๑. กรุงเทพฯ:เดอะมาสเตอร์กรุ๊ฟแมนเนจเม้นท์ ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๑.


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๑๔ พูลศรี กิจเฉลา. การศึกษาความเข้าใจในการอ่าน ความสามารถในการเขียนภาษาไทย และความสนใจ ในการเรียนภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ที่ได้รับการสอนโดยการใช้กิจกรรม การเรียนแบบ CIRC กับการสอนตามคู่มือครู. มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๔. ภาวนา ดาวเรือง. การพัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการอ่านเพื่อความเข้าใจและการเขียนสะกดคำยาก ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่จัดการเรียนการเรียนรู้ด้วยเทคนิค CIRC. มหาวิทยาลัย ศิลปกรปีที่พิมพ์, ๒๕๕๐. มณีรัตน์ สุกโชติรัตน์ . อ่านเป็น : เรียนก่อน – สอนเก่ง. กรุงเทพฯ : นามมีบุ๊คพับลิเคชั่น ๔๘ ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๘. มูนาดา หมัดอะด้ำ. ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการใช้ผังกราฟิก ที่มีต่อความสามารถในการอ่านจับใจความ และเขียนสรุปความกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๗. เยาวรัตน์ ทองมี. การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและการเขียนเรียงความของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ โดยใช้กิจกรรมการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC. มหาวิทยาลัย ราชภัฏนครปฐม ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๕. เยาวลักษณ์ สาระโน. การใช้ชุดการสอนนิทานเพื่อพัฒนาการอ่านจับใจความกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทยของนักเรียนช่วงชั้นที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ปีที่พิมพ์, ๒๕๕๐. รัชนี เหรัญกิจ. ชุดกิจกรรมสำหรับครูเพื่อพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๖. วรพรรณ สิทธิเลิศ. ผลของการเรียนโดยวิธี ซี ไอ อาร์ ซี ที่มีต่อการอ่านเพื่อความเข้าใจ ภาษาอังกฤษ และความคิดเห็นเกี่ยวกับบรรยากาศในชั้นเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปีที่พิมพ์, ๒๕๓๗. วรรณี โสมประยูร. (๒๕๔๔). การสอนภาษาไทยระดับประถมศึกษา. วารสารวิชาการ. วรรณี โสมประยูร. (๒๕๕๓). เทคนิคการสอนภาษาไทย.กรุงเทพฯ : ดอกหญ้าวิชาการ. วาสนา หาคขุนทด. การศึกษาผลการใช้แบบเรียนการ์ตูนภาพยกระดับ สำหรับพัฒนาทักษะการอ่าน วิสาข์ จัติวัตร์. การสอนอ่านภาษาอังกฤษ. นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร. ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๑. ศิริพร ลิ้มตระการ. (๒๕๓๔), การอ่านเร็วอย่างเข้าใจ. กรุงเทพฯ : สมาคมการอ่านแห่งประเทศไทย. ศิริวรรณ อินทร์พ่วง. ผลของการใช้วิธีสอนแบบซี ไอ อาร์ ซี ที่มีต่อการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๐. สมบัติ ศิริจินดา. ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารธุรกิจ. สุพรรณบุรี : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณ ภูมิ วิทยาเขตสุพรรณบุรี ปีที่พิมพ์, ๒๕๔๙.


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๑๕ ภาคผนวก


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๑๖ ภาคผนวก ก ประมวลภาพการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ณ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ภาคการศึกษาที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ กิจกรรมเปิดภาคเรียน วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ ณ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๑๗ Activities กิจกรรมวันสุนทรภู่ วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ ณ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๑๘ Activities บรรยากาศในช่วงที่สอนในห้องเรียน


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๑๙ Activities นักเรียนมารับแบบฝึกหัดจากโรงเรียนเพื่อเรียนแบบ On Hand ประกอบกับการเรียน On line


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๒๐ Activities กิจกรรมวันสุนทรภู่ วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ ณ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง บรรยากาศในช่วงที่สอนแบบ On line


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๒๑ ภาคผนวก ข บันทึกการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๒๒


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๒๓


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๒๔


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 125


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 126


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 127


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 128 ภาคผนวก ค หนังสือส่งตัวไปสถานศึกษา


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 129 ภาคผนวก ง คำสั่งแต่งตั้งครูพี่เลี้ยง คำสั่งโรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ที่ / ๒๕๖๔ เรื่อง แต่งตั้งครูพี่เลี้ยงเพื่อให้คำปรึกษากับนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ……………………………………………………………………………. ด้วยโรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ได้รับนักศึกษาฝึกปฏิบัติการสอนและฝึกปฏิบัติวิชาชีพครู จากมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยมกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา เพื่อฝึกปฏิบัติการสอนและฝึกปฏิบัติวิชาชีพครู เพื่อให้การฝึกประสบการณ์ของนักศึกษาเป็นไปด้วยความ เรียบร้อย จึงแต่งตั้งบุคคลต่อไปนี้เป็นครูพี่เลี้ยงให้กับนักศึกษาฝึกปฏิบัติการสอนและฝึกปฏิบัติวิชาชีพครู ดังนี้ ๑. นางสาวนุชธิดา เทพลิขิตกุล ครูเชี่ยวชาญ วิชาเอกพลศึกษา เป็นครูพี่เลี้ยง นายฉัตรมงคล การังใจ นักศึกษาฝึกประสบการณ์ วิชาเอกพลศึกษา ๒. นายธวัชชัย ด้วงมะโน ครู ค.ศ.๑ วิชาเอกภาษาไทย เป็นครูพี่เลี้ยง พระอังคาร ธมฺมธโณ นักศึกษาฝึกประสบการณ์ วิชาเอกภาษาไทย พระอภิเชษฐ์ อภิโชโต นักศึกษาฝึกประสบการณ์ วิชาเอกภาษาไทย ให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งปฏิบัติหน้าที่ดังนี้ ๑. เสนอแนะการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ๒. จัดเอกสารประกอบการสอนและสื่อการสอนที่เกี่ยวข้อง ๓. ร่วมวัดผลประเมินผลนักเรียน ตามกลุ่มสาระที่ทำการสอน ๔. ปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง ตามที่ได้รับมอบหมาย ขอให้ผู้ได้รับแต่งตั้งครั้งนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละและตั้งใจ เพื่อประโยชน์ของทางราชการต่อไป ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ สั่ง ณ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ ลงชื่อ ว่าที่ร้อยตรีวงศ์เทวัญ ณ ลำพูน) ผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 130 ภาคผนวก จ แบบประเมินจากครูพี่เลี้ยง


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 131


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 132


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 133


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 134 ภาคผนวก ฉ แบบประเมินจากอาจารย์นิเทศก์ทั่วไป


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 135


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 136 ภาคผนวก ช แบบประเมินจากอาจารย์นิเทศก์ประจำสาขา


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 137


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 138 ภาคผนวก ซ แบบประเมินผลการปฏิบัติการสอน


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง 139 ภาคผนวก ฌ คำสั่งแต่งตั้งอาจารย์นิเทศก์


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๔๐


รายงานการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ๑ โรงเรียนเทศบาลวัดหมื่นเงินกอง ๑๔๑


Click to View FlipBook Version