๑ คูม่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนักงานแรงงานจงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
บทท่ี ๑
นโยบายกระทรวงแรงงาน
๑. วสิ ัยทัศน์
แรงงานมีศักยภาพสงู และมีคุณภาพชวี ิตที่ดี (Productive Manpower)
๒. พันธกิจ
๒.๑ เพมิ่ ศักยภาพแรงงาน และผูป้ ระกอบการให้พรอ้ มรบั สถานการณท์ ่ีเปลี่ยนแปลง และ
ใหส้ อดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของประเทศ
๒.๒ คุ้มครองและส่งเสริมให้แรงงานมีความมั่นคงในการทำงาน มีหลักประกัน และมี
คณุ ภาพชวี ติ ท่ีดี
๒.๓ เสรมิ สรา้ งองค์กรธรรมาภบิ าล
๒.๔ พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารอย่างบูรณาการ เพื่อการบริหาร
จดั การและให้บรกิ ารอย่างมปี ระสิทธิภาพ
๒.๕ ส่งเสรมิ ความรว่ มมือด้านแรงงานระหวา่ งประเทศ
๓. สถานการณ์ด้านแรงงาน
๓.๑ สถานการณต์ ลาดแรงงานไทย ในเดือนกนั ยายน ๒๕๖๒ โดยสำนักงานสถติ ิแห่งชาติ
พบว่า จากจำนวนประชากรไทยท้ังสนิ้ จำนวน ๖๗.๗ ล้านคน มีผูอ้ ยู่ ในวยั ทำงาน (อายุ ๑๕ ปีขึ้น
ไป) จำนวน ๕๖.๖๔ ล้านคน (ร้อยละ ๘๓.๖๖) เป็นผู้อยูใ่ นกำลังแรงงานจำนวน ๓๗.๗๒ ล้านคน
(รอ้ ยละ ๖๖.๖๐) ผไู้ มอ่ ยูใ่ นกำลังแรงงานจำนวน ๑๘.๙๒ ล้านคน (ร้อยละ ๓๓.๔๐) ในส่วนของผู้
อยู่ในกำลังแรงงาน เป็นผู้มีงานทำจำนวน ๓๗.๖๒ ล้านคน (ร้อยละ ๔๗.๒๑) ผู้ว่างงานจำนวน
๐.๓๙ ลา้ นคน (ร้อยละ ๑.๐๓) ซง่ึ ถอื วา่ อยู่ในระดับตำ่ มาก และลดลงเมื่อเทียบกบั ไตรมาสเดยี วกัน
ของปที ผี่ ่านมาท่มี ีอัตราการวา่ งงาน อยู่ทรี่ ้อยละ ๑.๑
๓.๒ สถานการณ์การทำงานของผ้สู ูงอายุ ในประเทศไทย ณ ส้นิ ปี ๒๕๖๑ พบวา่ มีจำนวน
ผู้สูงอายุ ๑๑.๘๐ ล้านคน (ร้อยละ ๑๗.๔๒) มีผู้สูงอายุที่ทำงาน จำนวน ๔.๓๖ ล้านคน (ร้อยละ
๓๕.๙๔)
๓.๓ สถานการณ์จ้างงานในระบบประกันสังคม ณ สิงหาคม ๒๕๖๒ มีผู้ประกันตน
(มาตรา ๓๓) จำนวน ๑๑,๖๘๗,๕๙๗ คน มีการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ ๐.๐๗ จากเดือนก่อนหน้า
และมกี ารขยายตวั อยูท่ ่ีรอ้ ยละ ๐.๘๗ จากเดอื นเดียวกันของปกี ่อน สว่ นอตั ราการเลกิ จา้ งลกู จา้ งใน
ระบบประกันสังคม (มาตรา ๓๓) คำนวณจากจำนวนผู้ประกันตนที่สำนักงานประกันสังคมจ่าย
๒ คมู่ อื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา
ประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากสาเหตุเลิกจ้าง ณ กันยายน ๒๕๖๒ จำนวน ๒๕,๘๐๒ คน คิด
เป็นร้อยละ ๐.๒๒ เพ่ิมขึน้ เล็กน้อยจากเดือนเดียวกันของปีกอ่ นท่ีอยู่ท่ีร้อยละ ๐.๒๐
๓.๔ สถานการณ์แรงงานนอกระบบ มีผู้มีงานทำที่เป็นแรงงานนอกระบบ คือ แรงงานที่
ไม่ได้รับการคุ้มครองจากระบบประกนั สังคม โดยในปี ๒๕๖๑ พบว่า มีแรงงานนอกระบบจำนวน
๒๑.๒ ล้านคน ส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาในระดับประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ประมาณ ๑๔.๓ ล้าน
คน ส่วนใหญม่ ากกวา่ กงึ่ หนง่ึ อยใู่ นภาคเกษตรกรรม
๓.๕ สถานการณแ์ รงงานตา่ งด้าว
ณ เดือนกันยายน ๒๕๖๒ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน รายงานว่า มี
แรงงานต่างดา้ วจำนวน ๓.๒๑ ลา้ นคน แบ่งเปน็ รายงานต่างด้าวทั่วไป ๓ ล้านคน แรงงานต่างด้าว
ประเภทฝีมอื ๑๖๒,๕๓๐ คน แรงงานตา่ งดา้ วตลอดชพี ๒๔๑ คนและชนกลมุ่ น้อย ๕๒,๓๘๕ คน
๔. นโยบายรฐั บาลท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั กระทรวงแรงงาน
๔.๑ ยทุ ธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๔๐)
รฐั บาลได้กำหนดวิสัยทัศน์ : ประเทศไทยมีความมั่นคง ม่ังคง่ั ยั่งยืน เป็นประเทศท่ีพัฒนา
แล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน ๕ ยุทธศาสตร์ มีภารกิจท่ี
กระทรวงแรงงานเกีย่ วขอ้ ง ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตรด์ า้ นความม่ันคง (๒) ยุทธศาสตร์
ดา้ นการสรา้ งความสามารถ ในการแข่งขนั (๓) ยทุ ธศาสตร์ด้านการพฒั นาและเสรมิ สร้างศักยภาพ
ทรัพยากรมนุษย์ (๔) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม และ
(๕) ยทุ ธศาสตรด์ ้านการปรับสมดุลและพฒั นาระบบบริหารภาครัฐ
๔.๒ แผนแมบ่ ทภายใตย้ ุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐)
พระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ กำหนดให้คณะกรรมการ
ยุทธศาสตร์ชาติแต่ละด้านจัดทำแผนแม่บทเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ
โดยกระทรวงแรงงานมีภารกิจที่เกี่ยวข้อง ๕ ด้าน ประกอบด้วย (๑) ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ด้านความ
มั่นคง (๒) ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ด้านการสร้าง ความสามารถในการแข่งขัน (๓) ยุทธศาสตร์ที่ ๓ ด้าน
การพฒั นาและเสรมิ สร้าง ศกั ยภาพทรพั ยากรมนษุ ย์ (๔) ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๔ ดา้ นการสรา้ งโอกาสและ
ความเสมอภาค ทางสังคม และ (๕) ยุทธศาสตร์ที่ ๕ ด้านการปรับสมดุลและพฒั นาระบบบริหาร
ภาครัฐ
๔.๓ แผนการปฏริ ปู ประเทศ ๑๑ ด้าน (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๔)
รัฐบาลได้กำหนดแผนการปฏิรูปประเทศ ๑๑ ด้าน ซึ่งมีภารกิจที่กระทรวงแรงงาน
เก่ยี วขอ้ ง ๔ ด้าน แยกเปน็ โดยตรง ๔ ดา้ น ประกอบด้วย (๑) ด้านกฎหมาย (๒) ด้านเศรษฐกิจ (๓)
๓ คูม่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจังหวัดพระนครศรอี ยุธยา
ด้านสาธารณสุข และ (๔) ด้านสังคม และโดยอ้อม ๔ ด้าน ประกอบด้วย (๑) ด้านการบริหาร
ราชการแผ่นดิน (๒) ด้านการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (๓) ด้าน
ส่อื สารมวลชน เทคโนโลยี สารสนเทศ และ (๔) ดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
๔.๔ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔)
ภารกิจของกระทรวงแรงงานมสี ่วนเก่ียวข้องใน ๓ ประเด็นยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย (๑)
ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างและพฒั นาศักยภาพทุนมนุษย์ (๒) ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรม
และลดความเหล่ือมลำ้ ในสังคม (๓) ยุทธศาสตรก์ ารสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้
อยา่ งยงั่ ยืน
๔.๕ นโยบายและแผนระดับชาตวิ ่าดว้ ยความม่ันคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔)
นโยบายความมน่ั คงแห่งชาติ ประกอบด้วย ๑๖ นโยบาย โดยกระทรวง แรงงานมีภารกิจท่ี
เกี่ยวข้องใน ๕ นโยบาย ประกอบด้วย (๑) ป้องกันและแก้ไข การก่อความไม่สงบในจังหวัด
ชายแดนภาคใต้ (๒) จัดระบบบริหารจัดการชายแดน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดน
(๓) สร้างเสรมิ ศักยภาพป้องกนั และแก้ไขปญั หาภัยคกุ คามข้ามชาติ (๔) จดั ระบบปอ้ งกนั และแก้ไข
ปัญหาผู้หลบหนีเขา้ เมอื ง และ (๕) เสรมิ สรา้ งความเข้มแขง็ และภมู คิ ้มุ กันความมน่ั คงภายใน
๔.๖ นโยบายรฐั บาลท่ีกระทรวงแรงงานเก่ียวข้อง
๑) รฐั บาลโดยการนำของพลเอกประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรัฐมนตรี ไดแ้ ถลงนโยบาย
ต่อรฐั สภา เมอื่ วันที่ ๒๕ - ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยได้กำหนดนโยบายในการบริหารราชการ
แผ่นดนิ ซ่งึ มปี ระเดน็ นโยบายท่ีกระทรวงแรงงานเกีย่ วข้อง ดงั นี้
๑.๑) นโยบายหลัก ๑๒ ด้าน กระทรวงแรงงานเกี่ยวข้อง จำนวน ๙ ด้าน
ประกอบด้วย (๑) การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ (๒) การสร้างความมั่นคงและ
ความปลอดภัยของประเทศ และความสงบสุขของประเทศ (๓) การสร้างบทบาทของไทยในเวที
โลก (๔) การพัฒนาเศรษฐกิจ และความสามารถในการแข่งขันของไทย (๕) การพัฒนาพื้นท่ี
เศรษฐกิจและกระจาย ความเจริญสู่ภูมิภาค (๖) การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก (๗)
การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนทุกช่วงวัย (๘) การพัฒนาระบบ
สาธารณสขุ และหลักประกนั ทางสังคม และ (๙) การปฏริ ปู การบริหารจดั การภาครฐั
๑.๒) นโยบายเร่งด่วน ๑๒ เรื่อง กระทรวงแรงงานเก่ียวข้องจำนวน ๕ เรื่อง
ประกอบด้วย (๑) การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน (๒) มาตรการเศรษฐกิจเพื่อ
รองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก (๓) การยกระดับศักยภาพของแรงงาน (๔) การเตรียมคน
ไทยสู่ศตวรรษท่ี ๒๑ และ (๕) การพฒั นาระบบการให้บรกิ ารประชาชน
๔ คู่มอื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา
๒) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับดูแลกระทรวงแรงงานได้
ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติราชการของกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม
๒๕๖๒ ดังนี้
๒.๑) นโยบายด้านแรงงาน ดงั นี้
(๑) ให้กำหนดแผนงานที่ชัดเจนในการพัฒนากำลังแรงงานเพื่อรองรับอุตสาหกรรม
๔.๐ และอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล รวมทั้งเตรียมการรองรับการเปล่ียนแปลงโครงสร้าง
กำลังแรงงานและการเขา้ สูส่ ังคมผูส้ ูงอายุ
(๒) ผลิตกำลังแรงงานคุณภาพ รวมทั้งพัฒนาทักษะอาชีพให้คนทุกช่วงวัย ให้ตอบ
โจทย์ความตอ้ งการของผู้ประกอบการในทุกภาคส่วน รวมไปถงึ รองรบั การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษ
ภาคตะวนั ออก
(๓) ส่งเสริมการมีงานทำที่มีคุณค่าให้คนทุกกลุ่ม และการสร้างสภาพแวดล้อมในการ
ทำงานที่สมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว รวมทั้งคุ้มครองแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบให้
ไดร้ บั รายได้สวสั ดกิ าร และหลักประกันทางสงั คมท่ีเพยี งพอและเหมาะสมกบั การดำรงชพี
(๔) สร้างกระบวนการที่ได้รับการยอมรับผ่านกลไก คณะกรรมการไตรภาคี ในการ
กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับแรงงานแรกเข้าและค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือที่เหมาะสมกับทักษะ
ความเชยี่ วชาญเพือ่ จูงใจให้กำลังแรงงานพัฒนาตนเองอยา่ งต่อเนอ่ื ง
(๕) วางระบบการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตลอดจน
ส่งเสริมและคุ้มครองให้แรงงานไทยให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างมีศักดิ์ศรี ถูกต้องตาม
กฎหมาย และปอ้ งกนั การหลอกลวงไปทำงานตา่ งประเทศ
(๖) เพมิ่ ประสิทธภิ าพการบงั คบั ใช้กฎหมายเพือ่ ปอ้ งกัน และแกไ้ ขปัญหาการบังคับใช้
แรงงาน ปญั หาการค้ามนษุ ยด์ า้ นแรงงาน ปญั หาการใชแ้ รงงานเด็กในรูปแบบท่ีเลวร้าย และปัญหา
แรงงานในภาคประมง
(๗) สง่ เสริม คุม้ ครอง และพัฒนาทักษะให้กับแรงงานที่ประกอบอาชีพอิสระให้มอี าชีพ
มีรายได้ มีหลักประกันทางสังคม ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานผู้สงู อายุ ผู้พิการ หรือผู้ผ่าน
การต้องขัง
(๘) การต่อใบอนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าว ๓ สัญชาติ ขอให้พิจารณาให้มีความ
คล่องตัว และอำนวยความสะดวกประชาชนมากขึ้น
(๙) การพิจารณาจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล (Biometrics Data) ของแรงงานต่าง
ดา้ ว โดยขอให้พัฒนาระบบให้สามารถเช่อื มโยงกบั สำนกั งานตรวจคนเขา้ เมอื ง
๕ คูม่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
๒.๒) นโยบายทตี่ อ้ งเข้าไปมีส่วนร่วมสนบั สนุน ดงั น้ี
(๑) เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้ โดย
การพัฒนาทกั ษะความเปน็ ผูป้ ระกอบการและใช้ประโยชนจ์ ากความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีในการ
เพม่ิ ผลติ ภาพ
(๒) พัฒนาคนตามความต้องการของพื้นที่และชุมชน สร้างหลักสูตรฝึกอบรมทักษะ
ฝมี ือระยะส้นั โดยทำงานรว่ มกบั สถานประกอบการ และภาคการศกึ ษาเพื่อให้สามารถนำทักษะมา
เทยี บเคยี งเปน็ หน่วยกติ ต่อยอดเป็นใบปริญญาชมุ ชน
(๓) รว่ มรณรงคป์ อ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบการ
(๔) สนับสนนุ ความเป็นรฐั บาลดิจทิ ัล โดยยกระดับศูนย์ข้อมูลแรงงานแห่งชาตใิ หเ้ ป็น
ศนู ย์กลางการใช้ Big Data ด้านแรงงาน ท่สี ามารถใช้ ประโยชนร์ ่วมกันไดท้ กุ หนว่ ยงานที่เก่ียวขอ้ ง
๒.๓) ขอให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่น้อมนำหลักราชการของพระบาทสมเด็จพระ
มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ ซึ่งถือว่าเป็นหลักคุณธรรมและจริยธรรมในวิชาชีพ
ขา้ ราชการทส่ี ำคญั ยง่ิ สำหรบั ข้าราชการพึงยึดถอื เปน็ แนวทางประพฤติปฏิบัตริ าชการ ๑๐ ประการ
ประกอบด้วย (๑) ความสามารถ (๒) ความเพยี ร (๓) ความมไี หวพริบ (๔) ความรู้เทา่ ถึงการณ์ (๕)
ความซอ่ื ตรงต่อหน้าที่ (๖) ความซือ่ ตรงต่อคนทั่วไป (๗) ความรจู้ กั นิสัยคน (๘) ความรู้จักผ่อนผัน
(๙) ความมหี ลักฐาน และ (๑๐) ความจงรกั ภักดี
๕. นโยบายกระทรวงแรงงาน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
กระทรวงแรงงานมีการวางรากฐานทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ เพื่อให้สามารถก้าวไป
ข้างหน้าด้วยความม่ันคง คนไทยมีงานทำ มีอาชีพ ยกระดับทกั ษะฝีมือแรงงาน สร้างหลักประกัน
ทางสังคม เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีความพร้อมที่จะดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑ ตาม
นโยบายของรฐั บาลและยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๔๐) โดยมีนโยบายเร่งดว่ นที่ต้องเรง่
ดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรม จำนวน ๓ ข้อ และนโยบายสำคัญที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง
จำนวน ๑๐ ข้อ ดังนี้
นโยบายเร่งดว่ น
๑. Workforce Transformation
เร่งรัด “ปฏิรูปกำลังแรงงาน” หรือ “Workforce Transformation” เพื่อเตรียมคนใน
ศตวรรษท่ี ๒๑ และวางรากฐานทรพั ยากรมนุษยข์ องประเทศใหม้ ที กั ษะการพัฒนาที่ตอบโจทย์การ
ก้าวขา้ มกับดักประเทศท่มี รี ายได้ปานกลางไปสูก่ ารเปน็ ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยการเตรียมความ
พร้อมในทุนมนุษย์ที่สอดรบั การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลติ รวมทั้งเน้นการ
๖ คมู่ อื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา
ผลิตกำลังคนคุณภาพทั้งในพื้นที่ EEC และพื้นที่อื่นๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการของสถาน
ประกอบการ ตลอดจนการปรับปรุง พัฒนาการดำเนินงานด้านแรงงานให้สอดคล้องกับบริบท
ความท้าทายทางเศรษฐกิจ และสังคมที่เปล่ียนแปลงไป และเป็นไปตามมาตรฐานองค์การ เพื่อ
ความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ทงั้ นี้จากการประชุมระดบั รัฐมนตรีแรงงาน
ในกลุม่ ประเทศ CLMTV ครงั้ ท่ี ๓ ณ ราชอาณาจกั รกมั พูชา มีความเห็นรว่ มกันวา่ แรงงานข้ามชาติ
จะไม่ได้ลดลง อาจเพิ่มขึน้ และมีหลายประเภท แต่ละประเทศจะมคี วามเชี่ยวชาญแตกต่างกัน จึง
ทำให้ต้องมีการส่งเสริมการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของแต่ละ
ประเทศใหม้ ีความสะดวก เชน่ หากประเทศใดขาดวศิ วกร สามารถเคลื่อนยา้ ยจากอกี ประเทศหน่ึง
ได้ โดยยังคงสทิ ธปิ ระกันสงั คมสำหรับแรงงานต่างดา้ ว (Portability in Social Security)
• ยกระดับทักษะฝีมือแรงงานให้มีผลิตภาพเพิ่ม ยกระดับทักษะฝีมือแรงงานให้มีผลิตภาพ
เพิ่ม และเป็นกำลงั แรงงานคุณภาพ (Super Worker) ของประเทศ โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งตอ้ งพัฒนา
ทักษะและเตรียมกำลังแรงงานรองรับ ๑๐ อตุ สาหกรรมเป้าหมายในพ้ืนท่ี EEC รวมทั้งเขตพัฒนา
เศรษฐกจิ พเิ ศษชายแดน (SEZs) เพื่อรองรบั การเปลยี่ นแปลงโครงสร้างกำลังแรงงาน
• พัฒนาศักยภาพแรงงานเพื่อรองรับจากผลกระทบ Disruptive Technology ให้กำลัง
แรงงานของไทยเป็นผู้มีทักษะสูงพร้อมใช้ เทคโนโลยีเพื่อการเปลี่ยนแปลงทั้งในภาคเกษตร
อตุ สาหกรรมและบริการ
• ยกระดับแรงงานให้มีทักษะที่จำเป็นตามมาตรฐานองค์การ เพื่อความร่วมมือทาง
เศรษฐกจิ และการพฒั นา (OECD)
• กำหนดมาตรการรองรบั การเคลอื่ นยา้ ยแรงงานเสรีระหว่างประเทศ
๒. บริหารจดั การแรงงานต่างด้าว
ส่งเสริมการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามข้อตกลงกับประเทศต้นทาง เพื่อแก้ไขปัญหาการ
ขาดแคลนแรงงานในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในกิจการประมง ให้มีกระบวนการ/ขั้นตอนที่มีความ
สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และคำนึงถึง มาตรฐานการทำงานขั้นต่ำที่แรงงานควรได้รับตามหลัก
สากล
• ส่งเสริมการนำเข้าแรงงานต่างด้าวในรูปแบบ MOU
• พัฒนาระบบจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลของแรงงานต่างด้าวให้สามารถเชื่อมโยงกับ
สำนักงานตรวจคนเขา้ เมือง
๗ คูม่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
• การบริหารจัดการการขาดแคลนแรงงานประมง โดยทำควบคไู่ ปกบั การขจดั อปุ สรรคและ
ทบทวน กฎระเบียบที่ไม่สอดคล้องกับวิถีการทำประมงของประเทศไทย ทั้งนี้ต้องเป็นไปตาม
มาตรฐานการทำงานข้ันตำ่ ท่แี รงงานควรได้รับตามหลักสากล
๓. ยกระดับรายได้
ยกระดับรายได้สำหรับแรงงานแรกเข้าทำงานให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามสมควรแก่
มาตรฐานการครองชีพ และปรับอัตราค่าจ้างให้สอดคล้องกับสมรรถนะแรงงานผ่านกลไก
คณะกรรมการคา่ จ้าง
• กำหนดค่าจ้างข้นั ต่ำสำหรับแรงงานแรกเข้าทำงานให้เหมาะสมเพยี งพอต่อการดำรงชีวิต
และค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือที่สอดคล้องเหมาะสมกับความรู้ ความสามารถ ทักษะ และความ
ชำนาญงาน ตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ โดยสร้างกระบวนการที่ไดร้ บั การยอมรับจากผ้มู ี
สว่ นได้สว่ นเสยี
• ศึกษาและจดั ทำขอ้ เสนอเกีย่ วกับแนวทางการพัฒนาระบบรายได้คา่ จา้ งของประเทศไทย
นโยบายสำคัญ
๑. เตรยี มความพรอ้ มสู่สงั คมผู้สงู อายุ
การเตรียมความพรอ้ มรองรบั การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเตรยี มความพร้อมรองรับการเข้า
สูส่ ังคมผูส้ งู อายุ โดยการสง่ เสริมการจา้ งงานและพัฒนาทักษะอาชีพทเ่ี หมาะสมกับผู้สูงอายุ รวมทง้ั
สง่ เสริมการประกนั สังคมท่ีตอบโจทย์ และสร้างมาตรการ จงู ใจทางภาษี (Tax Incentive) เพื่อจูง
ใจสถานประกอบการให้จา้ งงานผู้สงู อายุ
• ส่งเสรมิ การจา้ งงานผสู้ งู อายทุ เี่ หมาะสมกับศักยภาพ
• ส่งเสริมการพัฒนาทักษะอาชพี ในรูปแบบท่เี หมาะสม
• กำหนดมาตรการจงู ใจทางภาษี (Tax Incentive) เพือ่ สง่ เสริมการจ้างงานผ้สู งู อายุ
• พฒั นาระบบประกันสงั คมรองรบั การเข้าสสู่ งั คมผู้สงู อายุ (แก้ไขกฎหมายประกนั สงั คม)
๒. ส่งเสรมิ การมงี านทำที่มีคณุ ค่า (Decent Work)
ส่งเสริมการมีงานทำที่มีคุณค่า (Decent Work) ให้คนทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มคน
ทั่วไป หรือแรงงานกลุ่มพิเศษ อาทิ แรงงานคนพิการ แรงงานสูงอายุ ผู้ต้องขังที่จะพ้นโทษ
ตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ส่งเสริมให้แรงงานมีพลังและเกิดความสมดุล
ระหว่างงานกับชีวิตสว่ นตัว (Work Life Integration)
๘ คมู่ อื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา
• ส่งเสริมการมีงานทำให้กับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม
คนวยั ทำงานท่วั ไป และแรงงานกลมุ่ พิเศษ ใหส้ ามารถประกอบอาชพี ได้อย่างมั่นคงและมีรายได้ที่
เพียงพอ
• ส่งเสริมการจ้างงานรูปแบบใหม่ (Future of Work)
• สง่ เสรมิ การคมุ้ ครองสิทธปิ ระโยชน์สร้างหลักประกันทางความมัน่ คงของครอบครัว
• สง่ เสริมการพัฒนาทักษะอาชีพทกุ ชว่ งวยั และการทดสอบมาตรฐานฝมี ือแรงงาน
• ส่งเสรมิ ให้สถานประกอบกจิ การจดั ทำมาตรฐานแรงงานไทย (TLS)
๓. สง่ เสริมและพฒั นาแรงงานไทยไปทำงานตา่ งประเทศ
ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพแรงงานไทยให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้อง
มีศักดิ์ศรี เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ในต่างประเทศ ตลอดจนป้องกนั การลักลอบไปทำงาน
อย่างผดิ กฎหมาย และกำหนดมาตรการขจัดปอ้ งกนั การหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศอย่างเป็น
รปู ธรรม
• พัฒนาศักยภาพแรงงานให้มีทักษะที่จำเป็นต่อการไปทำงานต่างประเทศ และผ่าน
มาตรฐานฝีมือขั้นต่ำที่ได้รับการยอมรับจากประเทศผู้รับแรงงานไทย ส่งเสริมการไปทำงาน
ตา่ งประเทศท่ีถูกตอ้ งตามกฎหมาย ๕ วิธี ประกอบดว้ ย (๑) บริษทั จัดหางานจดั ส่งไป (๒) กรมการ
จดั หางานเปน็ ผู้จัดสง่ ไปทำงาน (๓) ผ้ทู จี่ ะ ไปทำงานติดตอ่ หางานเอง (๔) นายจ้างในประเทศไทย
พาลกู จา้ งของตนไปทำงาน และ (๕) นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างของตนไปฝกึ งาน
• ตรวจปราบปรามการหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ รวมไปถึงการปรับปรุงและแก้ไข
กฎหมายใหท้ ันกับวิธกี ารหลอกลวง ในต่างประเทศ
• การคุม้ ครองและดแู ลสทิ ธปิ ระโยชนค์ นไทยในต่างประเทศ
๔. พัฒนาระบบประกันสังคมและสทิ ธิประโยชน์
พฒั นาระบบประกนั สงั คม และสทิ ธิประโยชน์ รวมท้งั สง่ เสรมิ การป้องกันสุขภาพ เพอ่ื สร้าง
หลกั การประกันความม่นั คงและคุณภาพชีวิตท่ีดยี ง่ิ ขนึ้ ใหแ้ กแ่ รงงาน
• ขับเคลื่อนการแก้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้ านการ
ประกนั สังคมและประสทิ ธิภาพการเข้าถึงบรกิ ารทางการแพทย์
• ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเชิงรุก ศึกษาและจัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางการ
พฒั นาประกนั สังคมของประเทศไทย
๙ คมู่ อื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
๕. ขับเคลือ่ น Safety Thailand
ขับเคลื่อน Safety Thailand โดยใช้มาตรการทางกฎหมายการสร้างเครือข่าย รวมท้ัง
สร้างวัฒนธรรมความปลอดภยั ที่ยั่งยืน
• สง่ เสริมและสรา้ งจิตสำนึกด้านความปลอดภยั แกผ่ ปู้ ระกอบการและแรงงาน
• การกำกับดูแลให้สถานประกอบกิจการมีระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน SAT-
TUTH] ตามทก่ี ฎหมายกำหนด
• จัดทำมาตรฐาน คู่มือ แนวปฏิบัติ และงานวิจัยด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ
สภาพแวดล้อมในการทำงาน
• พฒั นาและยกระดับมาตรฐานการกำกบั ดูแลสาขาอาชีพท่อี าจเปน็ อันตรายต่อสาธารณะ
ให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด อาทิ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และ
คอมพิวเตอร์ สาขาช่างไฟฟา้ ภายในอาคาร
๖. แรงงานนอกระบบ หรือแรงงานอสิ ระ
ขยายการบูรณาการเครอื ข่ายในการสง่ เสริม ค้มุ ครอง และพฒั นาทักษะ ฝมี ือแรงงานนอก
ระบบ หรือแรงงานอิสระ ให้มีอาชีพ มีรายได้ มีหลักประกัน ทางสังคม และมีความปลอดภัยใน
การทำงาน ตลอดจนกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำท่ีเหมาะสมกับสภาพการทำงาน ใหไ้ ดร้ บั การคุ้มครอง
มสี วสั ดกิ าร ได้รับสทิ ธิประโยชน์ทีท่ ดั เทยี มแรงงานในระบบและมคี ุณภาพชีวิตทดี่ ีข้นึ
• ขยายความคมุ้ ครองประกนั สงั คมไปสู่แรงงานนอกระบบ หรอื แรงงานอิสระ
• พัฒนาทักษะฝมี อื ให้แรงงานนอกระบบหรอื แรงงานอสิ ระ
• สง่ เสริมการประกอบอาชพี อิสระใหแ้ รงงานนอกระบบหรือแรงงานอิสระ
• การสร้างความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยในการทำงานแก่แรงงาน นอกระบบหรือ
แรงงานอสิ ระ
๗. ปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาการคา้ มนษุ ย์ดา้ นแรงงาน
เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบังคับใช้แรงงาน ปัญหาการค้ามนุษย์
ด้านแรงงาน และปัญหาการใชเ้ ดก็ ในรปู แบบท่ีเลวรา้ ย อาทิ
• เพิ่มประสทิ ธิภาพการตรวจและบงั คบั ใชก้ ฎหมาย
• ตรวจคุ้มครองสิทธิแรงงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการใช้แรงงานบังคับ แรงงานเด็ก การค้า
มนุษย์ ดา้ นแรงงาน และแรงงานประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing)
• เพิ่มชอ่ งทางการเขา้ ถึงความชว่ ยเหลอื จากภาครัฐ
• สง่ เสรมิ ใหส้ ถานประกอบกจิ การนำแนวปฏบิ ัตกิ ารใช้แรงงานทด่ี ี (GLP) ไปใช้
๑๐ คูม่ ืออาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรีอยุธยา
๘. สร้างกลไกการบรหิ ารจัดการแบบมีสว่ นรว่ ม
พัฒนารูปแบบการกำกับ ดูแล ตลอดจนสร้างกลไกการบริหารจัดการ แบบมีส่วนร่วม
ระหว่างภาคเอกชนและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน เพ่ือยกระดับการใหบ้ ริการสาธารณะ
ด้านแรงงานให้สะดวก รวดเร็ว และเปน็ ธรรม
• ส่งเสริมการจ้างงานและการไปทำงานในต่างประเทศ
• สง่ เสริมการยกระดับและพฒั นาทกั ษะฝีมือแรงงาน
• ส่งเสริมมาตรการทางภาษีใหก้ ับภาคเอกชน
๙. อาสาสมคั รแรงงาน และบัณฑติ แรงงาน
เพิ่มศักยภาพการทำงานของอาสาสมัครแรงงานและบัณฑิตแรงงาน เพื่อให้เป็นกลไก
สำคัญในระดับภูมิภาคในการขบั เคลือ่ นบริการสาธารณะ ด้านแรงงานให้เข้าถงึ ประชาชนในพ้นื ที่
ท้งั ในประเทศและตา่ งประเทศ
• พัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครแรงงานและบัณฑิตแรงงานให้สอดคล้องกับการพัฒนา
คนไทยในศตวรรษที่ ๒๑ โดยเฉพาะศักยภาพ ที่จำเป็นและเอื้อต่อการเข้าถึงการให้บริการ
ประชาชน
• ใช้กลไกของอาสาสมัครแรงงานและบัณฑิตแรงงาน เป็นช่องทางสำคัญ ในการส่งเสริม
การมสี ่วนร่วมระหว่างภาครัฐและประชาชน
๑๐. การใหบ้ ริการประชาชน, Big Data
ยกระดบั การให้บริการประชาชน เขา้ ถึงสะดวก รวดเรว็ โปร่งใส หลากหลาย ช่องทางและ
เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล โดยใช้ศูนย์ข้อมูลแรงงานแห่งชาติวิเคราะห์ การใช้ประโยชน์ข้อมูล
ขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) บริหารกำลังแรงงานของประเทศ และเป็นช่องทางบริการ
เช่อื มโยงแลกเปลี่ยนขอ้ มูลดา้ นแรงงาน
• พัฒนาระบบบริการประชาชนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services) ด้วยบัตรประจำตัว
ประชาชนใบเดียว เพื่ออำนวยความสะดวก ลดเอกสาร ลดขั้นตอนและลดระยะเวลาพัฒนาระบบ
วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้าน แรงงาน (Labour Big Data Analytics) เพื่อการพัฒนากำลัง
แรงงานของประ ทศ เช่น การบริหารจัดการข้อมูลตลาดแรงงาน (Labour Market Information
System: LMIS) การวิเคราะห์อุปสงค์อุปทานกำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย การ
คาดการณ์อปุ สงคแ์ รงงาน การคาดการณอ์ ุปทานแรงงาน เปน็ ตน้
• พัฒนาระบบแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ระหวา่ งหน่วยงาน (API Data Exchange Platform) เพ่ือ
ให้บริการการเช่ือมโยงแลกเปล่ยี นข้อมูลแกท่ ุกหนว่ ยงานภาครฐั
๑๑ คมู่ อื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา
• เพม่ิ ศักยภาพศูนย์ข้อมลู แรงงานแห่งชาติ (NLIC) ในการ จัดทำฐานข้อมูลสารสนเทศด้าน
แรงงาน ให้สมบูรณ์ทั้งในเร่ืองตำแหน่งงานในสถาน ประกอบกิจการ กำลังแรงงานในแตล่ ะสาขา
อาชีพ ท้ังแรงงานในระบบและผปู้ ระกอบ อาชีพอิสระ ความต้องการพฒั นาทักษะฝีมือ สวัสดิการ
และหลักประกันทางสังคม เพื่อ ใช้ในการบริหารจัดการและวางแผนด้านแรงงานของประเทศที่
สอดคลอ้ งกับยุทธศาสตร์ และทิศทางการพัฒนาของประเทศ
• พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลแผนงานโครงการ การติดตามรายงานผลดำเนินงาน และ
ข้อมูลสำคัญด้านแรงงานจังหวัดเข้าสู่ศูนย์ข้อมูลแรงงานแห่งชาติ ( National Labour
Information Centre : NLIC)
• พัฒนาระบบธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ (Data Governance) เพื่อกำหนดสิทธิ หน้าที่
และความรับผดิ ชอบในการบรหิ ารจดั การข้อมูล
๖. การขบั เคลื่อนนโยบายสกู่ ารปฏิบัติ
๖.๑ ให้ผู้บริหารทุกหน่วยงานชี้แจงนโยบายและมอบภารกิจที่รับผิดชอบ เพื่อสร้าง
ความเขา้ ใจใหแ้ ก่บุคลากรทุกระดบั กำกับดูแล ติดตามและประเมนิ ผลการดำเนนิ งานของแต่ละ
หน่วยงานใหเ้ ปน็ ไปตามนโยบายและเป้าหมายทก่ี ำหนดไว้ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
๖.๒ ให้ทุกหน่วยงานจัดทำแผนปฏิบัติการ โดยให้มีการบูรณาการร่วมกัน ระหว่าง
หน่วยงานภายในและภายนอกกระทรวง พร้อมทั้งกำหนดตัวชี้วัดสำคัญรองรับนโยบายและให้
สอดคล้องกบั งบประมาณของแตล่ ะหนว่ ย
๖.๓ ให้มีการติดตามประเมนิ ผลการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงแรงงาน เพื่อ
ติดตาม กำกับดูแล และให้คำแนะนำในการปฏิบัติตามนโยบายเพื่อให้บรรลุ ตามเป้าหมายท่ี
กำหนดไว้
๗. หลักการปฏบิ ัติราชการ
๗.๑ กระทรวงแรงงานน้อมนำหลักราชการของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
เจา้ อย่หู ัวทรงพระราชนพิ นธ์ ซึ่งถอื ว่าเปน็ หลักคุณธรรมและจรยิ ธรรมในวิชาชีพข้าราชการที่สำคัญ
ยิ่ง สำหรับข้าราชการพึงยึดถือเป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติราชการ ๑๐ ประการ ประกอบด้วย
(๑) ความสามารถ (๒) ความเพียร (๓) ความมีไหวพริบ (๔) ความรเู้ ท่าถึงการณ์ (๕) ความซื่อตรง
ต่อหน้าท่ี (๖) ความซื่อตรงต่อคนทั่วไป (๗) ความรู้จกั นิสัยคน (๘) ความรู้จักผ่อนผัน (๙) ความมี
หลกั ฐาน และ (๑๐) ความจงรักภกั ดี
๗.๒ บุคลากรทุกคนต้องยึดหลักธรรมาภิบาลในการปฏิบัติราชการ มีความเชื่อม่ัน
ศรทั ธา และอุทศิ ตนในการทำงานเพอ่ื ความอยดู่ มี ีสขุ ของคนในชาติ
๑๒ ค่มู อื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
บทท่ี ๒
ความรูท้ ว่ั ไปเกยี่ วกบั อาสาสมัครแรงงาน
ความเปน็ มาของการจัดตัง้ อาสาสมัครแรงงาน
กระทรวงแรงงาน ได้ใหค้ วามสำคัญตอ่ การพฒั นาชุมชนตั้งแต่ระดบั รากหญ้า โดยการเปิด
โอกาสใหป้ ระชาชนเข้าถงึ การมสี ่วนรว่ มในการดำเนินงานของกระทรวงแรงงานมากยิ่งขึน้ โดยการ
สร้างเครือขา่ ยในรูปแบบของ “อาสาสมคั ร” เพือ่ ทำหนา้ ทใี่ หข้ ้อมลู ข่าวสารประชาสัมพนั ธ์งานด้าน
ต่างๆ ของกระทรวงแรงงาน ตลอดจนแจ้งเบาะแสข้อมูลความเคลื่อนไหวสถานการณ์แรงงาน
รวมทั้งติดต่อประสานกับคนหางาน หรือผู้ใช้แรงงานในพื้นที่ ในเบื้องต้นให้หน่วยงานต่างๆ ใน
สังกัดกระทรวงแรงงานหรือหนว่ ยงานในสังกดั กระทรวงแรงงานในจังหวัดทราบ เพื่อใช้ประโยชน์
เป็นขอ้ มูลปรบั แนวทางการดำเนินงานในพน้ื ท่ีต่อไป
ปัจจุบันการดำเนินภารกิจขององค์กรต่างๆ ได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินงาน แบบ
“องค์รวม” หรือ “บูรณาการ” กระทรวงแรงงานจึงได้ปรับเปลีย่ น และขยายบทบาทหนา้ ท่ขี อง
“อาสาสมคั ร” ทีอ่ ยู่ในความรบั ผิดชอบของหน่วยงานต่างๆ ในสงั กัดกระทรวงแรงงานมาบรู ณาการ
เปน็ “อาสาสมคั รแรงงาน”
จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว “อาสาสมัครแรงงาน” จึงต้องมีบทบาทสำคญั มากยิ่งข้นึ ใน
ฐานะเป็นส่ือกลางและผู้ประสานงานข้อมูลข่าวสารด้านแรงงานระหว่างประชาชนในพื้นที่กับ
กระทรวงแรงงาน หรอื หนว่ ยงานสังกัดกระทรวงแรงงานในจังหวัด รวมทั้งปฏบิ ตั ิภารกิจสำคัญอ่ืน
ของกระทรวงแรงงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายเพ่ือใหบ้ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์ของการดำเนินงาน “อาสาสมัคร
แรงงาน” ทีต่ ง้ั ไว้ต่อไป
ความหมายของอาสาสมัคร
อาสาสมัคร หมายถึง ผู้ที่สมัครใจทำงานเพื่อให้เกิดความผาสุกแก่เพื่อนบ้าน ชุมชน และ
สังคมส่วนรวม โดยไม่หวังผลกำไรหรือสิ่งตอบแทน อาสาสมัครมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนา
ประเทศเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในด้านงานสังคมสงเคราะห์ การแก้ไขปัญหาสังคม การพัฒนา
สังคม อีกทั้งอาสาสมัครยังเป็นกำลังสำคัญในการร่วมปฏิบัติงานกับองค์กรเอกชนและรัฐบาลใน
การชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบปัญหาความทกุ ขย์ ากเดือดร้อนในประเภทต่างๆ
คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วันที่ ๒๑ ตุลาคมของทุกปี อันตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพ
ของสมเด็จกระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งรัฐบาลกำหนดให้เป็นวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ
เป็นวันอาสาสมัครไทยด้วย และในโอกาสนี้รฐั บาลพร้อมด้วยหนว่ ยงานองคก์ รที่มีอาสาสมัครและ
๑๓ คมู่ อื อาสาสมัครแรงงงาน สำนักงานแรงงานจงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา
บรรดาอาสาสมคั รทง้ั หลาย จึงไดป้ ระกาศปฏญิ ญาอาสาสมัครไทย และกำหนดนโยบายการพัฒนา
งานอาสาสมัคร เพื่อแสดงเจตนารมณ์และพันธกิจท่ีจะส่งเสริมงานอาสาสมัครให้มีประสิทธิภาพ
เพือ่ เป็นประโยชนแ์ ก่ประชาชน สงั คม และประเทศชาตยิ ง่ิ ข้นึ
ความหมายของอาสาสมัครแรงงาน
อาสาสมัครแรงงาน หมายถงึ ผู้ท่ีสมัครใจทำงานให้กับกระทรวงแรงงาน เพื่อให้เกิดสนั ติสุข
ดา้ นแรงงานแก่ผใู้ ช้แรงงาน นายจ้าง ลกู จา้ ง และประชาชนทั่วไป รวมทั้งเป็นผ้มู บี ทบาทสำคัญใน
การติดต่อประสานกับหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงแรงงาน ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค
และในต่างประเทศ ในการให้ความช่วยเหลอื แกป่ ระชาชน หรอื ผูใ้ ชแ้ รงงานที่ประสบปัญหาความ
เดือดรอ้ นด้านแรงงานในพ้นื ท่ี
วตั ถุประสงค์ของการจดั ตัง้ อาสาสมคั รแรงงาน
1. เพื่อเปน็ สอื่ กลางในการประชาสมั พันธ์ เผยแพร่ข้อมลู ขา่ วสารด้านแรงงานใหก้ ับประชาชน
ในพื้นท่ีไดร้ ับทราบกนั อยา่ งท่วั ถึง
2. เพื่อทำหน้าที่สร้างความรู้ ความเข้าใจในสาระความรู้เกี่ยวกับการให้บริการและสิทธิ
ประโยชน์ต่าง ๆ เบื้องต้นตามกฎหมายแรงงานให้แก่คนหางาน ผู้ใช้แรงงาน รวมท้ัง
ประชาชนในพ้นื ท่ี เพือ่ ป้องกันการหลอกลวงเก่ียวกับการหางานและการใชแ้ รงงาน
3. เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเบื้องต้นระหว่างคนหางาน ผู้ใช้แรงงาน ตลอดจน
ประชาชนในพื้นท่ี กรณีเกิดปญั หาการหลอกลวงหรือปัญหาเกี่ยวกับการใชแ้ รงงาน เปน็ ต้น
4. เพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการและความเคลื่อนไหวด้านแรงงาน
เบื้องต้น ในพื้นที่หรือข้อมูลอื่นตามที่หน่วยงานต้องการและจัดส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับ
กระทรวงแรงงานหรือหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานในจังหวัด เพื่อนำไปพิจารณาวาง
แผนการดำเนนิ งานด้านแรงงานในพ้ืนท่ีต่อไป
ประเภทของอาสาสมัคร
อาสาสมัครแรงงาน ตามระเบยี บกระทรวงแรงงานว่าด้วยอาสาสมคั รแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๘
แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท คือ อาสาสมัครแรงงานในประเทศ ใชช้ ื่อย่อเป็นภาษาไทยว่า “อสร.ท.”
และอาสาสมคั รแรงงานในต่างประเทศ ใช้ช่ือย่อภาษาไทยวา่ “อสร.ต.”
คณุ สมบตั ขิ องอาสาสมคั รแรงงาน
1.อาสาสมคั รแรงงานในประเทศ (อสร.ท.) อาสาสมัครแรงงานในประเทศ คอื บุคคลที่ได้รับ
การแต่งตั้งโดยปลัดกระทรวงแรงงาน (ในเขตกรุงเทพมหานคร) และโดยผู้ว่าราชการจังหวัด (ใน
ส่วนภูมิภาค) และต้องมีคณุ สมบัติ ดังน้ี
๑๔ คมู่ อื อาสาสมัครแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา
1.1 มีสัญชาติไทยและอายุไม่ตำ่ กว่า ๒๐ ปี
1.2 มคี วามประพฤตเิ รียบรอ้ ย ซื่อสัตย์สจุ รติ และมีมนษุ ยสัมพนั ธท์ ีด่ ี
1.3 สมัครใจและเสยี สละเวลาเพือ่ ชว่ ยเหลือการดำเนินงานของกระทรวงแรงงาน
2. อาสาสมัครแรงงานในต่างประเทศ (อสร.ต.) อาสาสมัครแรงงานในตา่ งประเทศ คอื บคุ คล
ทีไ่ ดร้ บั การแตง่ ตงั้ โดยหัวหน้าคณะผูแ้ ทนในการบรหิ ารราชการในต่างประเทศและต้องมีคุณสมบัติ
ดงั นี้
2.1 มอี ายไุ มต่ ่ำกว่า ๒๐ ปี
2.2 มภี มู ิลำเนาหรอื มถี นิ่ พำนักหรอื ประกอบอาชีพหรอื เป็นแรงงานอยใู่ นประเทศน้นั
2.3 มีความประพฤตเิ รียบร้อย ซือ่ สัตยส์ ุจรติ และมมี นุษยส์ มั พันธท์ ด่ี ี
2.4 สมัครใจและเสยี สละเวลาเพ่อื ช่วยเหลือการดำเนนิ งานกระทรวงแรงงาน
หัวหนา้ คณะผู้แทน ตามระเบยี บกระทรวงแรงงานวา่ ดว้ ยอาสาสมัครแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๘
หมายความวา่ ข้าราชการสังกดั กระทรวงการต่างประเทศ ซง่ึ ได้รับแต่งตัง้ ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้า
คณะผู้แทนตามระเบียบพิธีการทูตหรือระเบียบพิธีการกงสุล ในกรณีของคณะผู้แทนถาวรไทย
ประจำองค์การระหว่างประเทศ ให้ความหมายว่า ขา้ ราชการสงั กดั สว่ นราชการซ่งึ ไดร้ ับการแต่งต้ัง
ใหด้ ำรงตำแหน่งหัวหนา้ คณะผ้แู ทนถาวรไทยประจำองคก์ ารระหว่างประเทศ
การรบั สมัครและขึ้นทะเบียนเปน็ อาสาสมัครแรงงาน
1. การรบั สมัคร
๑.๑ อาสาสมัครแรงงานในประเทศ
บคุ คลผมู้ ีคุณสมบตั เิ ปน็ อาสาสมัครแรงงานในประเทศข้างตน้ สามารถสมัครเข้ารับ
การคัดเลือกเป็นอาสาสมัครแรงงานในประทศได้ที่ในเขตกรุงเทพมหานคร สมัครที่สำนักงาน
ปลัดกระทรวงแรงงาน สำนักตรวจและประเมินผล กลุ่มสนับสนุนเครือข่ายและประสานภูมิภาค
ชั้น ๒ ภายในบริเวณกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี กรุงเทพมหานคร ส่วนภูมิภาคสมัครที่
สำนักงานแรงงานจงั หวัดทุกจังหวัด
๑.๒ อาสาสมัครแรงงานในตา่ งประเทศ
บุคคลผู้มีคุณสมบัติเป็นอาสาสมัครแรงงานในต่างประเทศข้างต้น สามารถสมัคร
เข้ารับการคัดเลือกเป็นอาสาสมัครแรงานในต่างประเทศได้ที่สำนักงานแรงานในประเทศทุก
ประเทศทมี่ ีสำนักงานแรงงานตั้งอยู่
เมอ่ื ไดบ้ คุ คลผ้ผู ่านการคัดเลอื กแล้วให้ดำเนินการ ดงั น้ี ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้
สำนักตรวจและประเมินผลกลุ่มสนับสนุนเครือข่ายและประสานภูมิภาคในส่วนภูมิภาค ให้
๑๕ คมู่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา
สำนักงานแรงานจังหวัด เสนอชื่อบุคคลผู้ผ่านการคัดเลือกให้ปลัดกระทรวงแรงาน และให้ผู้ว่ า
ราชการจังหวัดตามลำดับแต่งตั้งเป็นอาสาสมัครแรงงานในประเทศสำหรับในต่างประเทศ ให้
สำนักงานแรงงานในต่างประเทศ เสนอชื่อบคุ คลผูผ้ ่านการคดั หวั หนา้ คณะผ้แู ทน แต่งต้ังเป็น
อาสาสมัครแรงงานในตา่ งประเทศ
2. การขึ้นทะเบียนเป็นอาสาสมัครแรงงาน
เมอ่ื ได้ชื่อบุคคลผู้มีคณุ สมบตั ิครบถว้ นเปน็ อาสาสมัครแรงงานแล้ว ใหเ้ สนอบุคคลดังกล่าว
ต่อปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าคณะผู้แทน แต่งตั้งเป็นอาสาสมัคร
แรงงานในประเทศและอาสาสมัครแรงงานในต่างประเทศ และให้จัดประชุม อบรมให้ความรู้
เกีย่ วกับ บทบาท หน้าท่ีภารกิจของกระทรวงแรงงาน และชีแ้ จงหน้าท่คี วามรบั ผดิ ชอบ อาสาสมัคร
แรงงาน ในส่วนท่ีรบั ผิดชอบ ให้อาสาสมัครแรงงานรับทราบ และให้ได้รับวุฒิบัตร บัตรประจำตวั
อาสาสมคั รไวเ้ ป็นหลักฐาน โดยรปู แบบของวฒุ ิบัตร บตั รประจำตวั อาสาสมัคร และสทิ ธิประโยชน์
ต่าง ๆ ให้เปน็ ไปตามที่กระ แรงงานกำหนด
ทั้งนี้ หากมีส่วนราชการอ่ืนใดในสังกัดกระทรวงแรงาน ได้ออกบัตรประจำตัวอาสาสมัคร
แรงงาน ไว้ก่อนหน้าน้ีแลว้ ให้ใช้บัตรประจำตัวตามระเบียบนี้แทน รบั ผดิ ชอบแล ตา่ งประเทศ
หน้าท่ีของอาสาสมัครแรงงาน
ในการปฏิบตั ิหน้าที่ของอาสาสมัครแรงงาน ให้แสดงบัตรประจำตัวด้วย และ อาสาสมัคร
แรงงาน มีหนา้ ที่ ดงั นี้
อาสาสมัครแรงงานในประเทศ มหี น้าท่ี ดังตอ่ ไปน้ี
๑. ประสานงานด้านแรงงานในพ้นื ที่ ระหวา่ งประชาชนในหมบู่ ้านและชุมชนกับกระทรวง
แรงงานหรอื หนว่ ยงานอนื่ ทีเ่ กี่ยวขอ้ งในการขยายบรกิ ารด้านแรงงานไปส่ปู ระชาชนใน หม่บู า้ นและ
ชุมชนอย่างทั่วถึง เช่น สอดส่องดูแล และเฝ้าระวังพฤติกรรมที่จะนำไปสู่ปัญหาการ หลอกลวง
คนหางานการใช้แรงงานทั่วไป โดยเฉพาะแรงงานเด็กและแรงงานหญิงที่ไม่เป็นธรรม โดยแจ้ง
เบาะแสให้กระทรวงแรงงาน หรือหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในจังหวดั ทราบอย่างรบี ดว่ น
๒. เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ ให้คำปรึกษา และแนะนำด้าน
แรงงานให้แก่ประชาชนในหมู่บ้านและชุมชน เช่น ด้านการจัดหางาน ให้ข้อมูลตำแหน่งงานว่าง
ขา่ วสารตลาดแรงงาน ขอ้ มลู เก่ยี วกับการหลอกลวงคนหางาน ด้านสวสั ดิการและคุ้มครองแรงงาน
ให้ข้อมูลเก่ียวกับข่าวสารการใชแ้ รงงาน โดยเฉพาะแรงงานเด็กและแรงงานหญิง สิทธิขั้นพื้นฐาน
ของแรงงานเด็กและแรงงานหญิงทีถ่ ูกต้องตามกฎหมายคุม้ ครองแรงงาน ตลอดจนสิทธิประโยชน์
ตา่ ง ๆ ที่ผูใ้ ชแ้ รงงานจึงได้รับจากกระทรวงแรงงาน
๑๖ คู่มอื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา
๓. รวบรวมข้อมูลพื้นฐานด้านแรงงานในพื้นที่ ซึ่งกระทรวงแรงงาน สามารถนำมาใช้
วางแผนในการปฏบิ ัติงานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ โดยรวบรวมข้อมูลด้านแรงงานเบื้องตน้ ในพ้นื ที่
และจัดทารายงานตามแบบและระยะเวลาทก่ี ำหนดแนบท้าย ส่งกระทรวงแรงงาน หรือหน่วยงาน
สังกดั กระทรวงแรงงานในจังหวัดทราบ
๔. ส่งเสริมประชาชนให้มสี ่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านแรงงานใน หมู่บ้าน
และชุมชนของตนเอง
๕. ปฏิบัตหิ นา้ ทอ่ี ่ืนท่เี กี่ยวข้องดา้ นแรงงานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย
อาสาสมคั รแรงงานในตา่ งประเทศ มหี น้าท่ี ดังต่อไปน้ี
๑. ให้คำปรึกษานำเกีย่ วกับการปฏบิ ัติตามกฎหมาย ระเบียบด้านแรงงานใหก้ บั คนไทยใน
ตา่ งประเทศ
๒. รวบรวมข้อมูล เหตุการณ์และปัญหาข้อขัดแย้งด้านแรงงานที่เกิดขึ้นในพื้นที่ท่ี
รับผิดชอบและรายงานต่อสำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศหรือสถานเอกอัครราชทูตไทยใน
ต่างประเทศ
๓. ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านแรงงานของสำนักงานแรงงานไทยใน
ตา่ งประเทศ หรือสถานเอกอัครราชทตู ไทยในต่างประเทศ ใหแ้ กค่ นไทยในต่างประเทศ
๔. สำรวจ ตดิ ตามสภาพความเป็นอยขู่ องแรงงานไทยในต่างประเทศเพื่อเป็นข้อมูลในการ
ให้ความชว่ ยเหลอื
๕. สง่ เสริมใหม้ กี ารรวมตวั ของแรงงานไทยในต่างประเทศเพ่อื จัดกิจกรรมด้านแรงงาน อัน
ประโยชนต์ อ่ สว่ นรวม
๖. ประสานความช่วยเหลือด้านแรงงานระหว่างแรงงานไทยกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องใน
ต่างประเทศ
๗. ปฏิบตั หิ นา้ ทอ่ี ่นื ทีเ่ ก่ยี วข้องด้านแรงงานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย
สิทธปิ ระโยชนข์ องอาสาสมัครแรงงาน
ระเบียบกระทรวงว่าด้วยอาสาสมัครแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๘ กำหนดสิทธิประโยชน์ของ
อาสาสมคั รแรงงานไว้ดังนี้
๑. อาสาสมัครแรงงาน อาจได้รับค่าใชจ้ า่ ยทจ่ี ำเปน็ ในการปฏบิ ตั ิหน้าท่ี และสิทธิประโยชน์
อย่างอ่ืนตามหลกั เกณฑ์ท่ีปลดั กระทรวงแรงงานกำหนด โดนคงามเหน็ ชอบของกระทรวงการคลัง
๑๗ คมู่ อื อาสาสมัครแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
๒. อาสาสมัครแรงงานที่ปฏิบัติงานดีเด่นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ให้ปลัดกระทรวง
แรงงาน ผู้วา่ ราชการจังหวัด หรือหัวหน้าคณะผ้แู ทน คัดเลือดเพ่อื เข้ารับโลแ่ ละเขม็ ประกาศเกียรติ
คุณอาสาสมัครแรงงานดีเดน่
ระยะเวลาและการสน้ิ สุดสภาพอาสาสมัครแรงงาน
ตามระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยอาสาสมัครแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๘ กำหนดระยะเวลา
การปฏิบัติหน้าที่และการสิ้นสุดสภาพการปฏิบัตหิ น้าที่ และการสิ้นสุดสภาพการเป็นอาสาสมัคร
แรงงาน ดังนี้
ระยะเวลา
๑.อาสาสมคั รแรงงานในประเทศ มีระยะเวลาการปฏบิ ตั ิหนา้ ทีค่ ราวละ ๓ ปี
๒.อาสาสมัครแรงงานในต่างประเทศ มีระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่คราว
ละ ๑ ปี อาสาสมคั รแรงงานซง่ึ พน้ จากหนา้ ทอ่ี าจไดร้ ับการแต่งต้งั ใหมไ่ ด้
การส้ินสุดสภาพเปน็ อาสาสมัครแรงงาน
๑.ตาย
๒.ลาออก
๓.ปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหัวหน้าคณะผู้แทนให้ออก เพราะขาด
คณุ สมบัตหิ รือกระทำการอาจเป็นผลเสียแก่ทางราชการ
เมื่อครบกำหนดระยะเวลสการปฏิบัติหน้าที่ หรือสิ้นสุดสภาพการเปน็ อาสาสมัครแรงงาน
แล้วในเขตกรุงเทพมหานคร ให้สำนักตรวจและประเมินผล เป็นผู้เสนอปลดั กระทรวงแรงงาน ใน
ส่วนภูมิภาคให้สำนักงานแรงงานจังหวัดเป็นผู้เสนอผู้ว่าราชการจังหวัด ในต่างประเทศ ให้
สำนักงานแรงงานไทยในต่างประเทศ ฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต หรือสถาน
กงสุล เป็นผู้เสนอหัวหนา้ คณะผู้แทนเพ่อื มคี ำส่ังให้พน้ จากหนา้ ที่
๑๘ คูม่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา
บทที่ ๓
บทบาท หนา้ ที่ ภารกจิ ของกระทรวงแรงงาน
เพอื่ ให้ในการดำเนินงานของ “อาสาสมคั รแรงงาน” เปน็ ไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่าง
มปี ระสทิ ธภิ าพ อาสาสมัครแรงงานจึงควรมีความรู้ ความเขา้ ใจ ในบทบาท หนา้ ท่ี ภารกิจ
ด้านต่าง ๆ ของกระทรวงแรงงาน เพื่อนำไปเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่อาสาสมัคร
แรงงาน
ด้านอำนวยการและยุทธศาสตร์
หนว่ ยงานทีม่ หี นา้ ที่ความรบั ผิดชอบงานด้านอำนวยการและยุทธศาสตร์ ของกระทรวง
แรงงาน ได้แก่ สำนกั งานปลดั กระทรวง ซึ่งมภี ารกจิ เกย่ี วกับการพฒั นายุทธศาสตร์ แปลงนโยบาย
ของกระทรวงเป็นแผนปฏบิ ตั ิการ จดั สรรทรพั ยากรองกระทวง และบริหารราชการประจำทัว่ ไป
ของกระทรวงเพื่อการบรรลเุ ปา้ หมาย และเกดิ ผลสมั ฤทธต์ิ ามภารกิจของกระทรวง มีอำนาจหน้าที่
ดังตอ่ ไปนี้
๑. ศึกษา วิเคราะห์ จัดทำข้อมูลเพื่อใช้ในการกำหนดนโยบาย เป้าหมาย และผลสัมฤทธ์ิ
ของกระทรวง
๒. พัฒนายุทธศาสตร์การบรหิ ารของกระทรวง
๓. แปลงนโยบายเปน็ แนวทางและแผนการปฏบิ ัตริ าชการ
๔. จัดสรรและบริหารทรัพยากรของกระทรวงเพื่อให้เกิดการประหยัด คุ้มค่าและสม
ประโยชน์
๕. กำกบั เร่งรดั ติดตาม และประเมินผล รวมทงั้ ประสานการปฏิบัตงิ านของส่วน
ราชการในสงั กัดกระทรวง
๖. พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อใช้ในการบริหารงานและการบริการของ
หนว่ ยงานในสงั กัดกระทรวง
๗. ดูแลงานประชาสัมพันธ์ การต่างประทศ และพัฒนาปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้
ทนั สมัย
๘. ดำเนนิ การเกยี่ วกบั การพัฒนาระบบรายไดแ้ ละคา่ จา้ งขั้นต่ำ
๙. วจิ ยั และพฒั นาด้านแรงงาน
๑๐. ดำเนนิ การเกีย่ วกบั การตรวจราชการของผตู้ รวจราชการกระทรวง และเร่ืองราว
ร้องทกุ ข์ท่อี ยใู่ นอำนาจหนา้ ท่ขี องกระทรวง
๑๙ คมู่ ืออาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวัดพระนครศรอี ยุธยา
๑๑. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงา
ปลัดกระทรวงหรือตามที่กระทรวงหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย สำนักงานปลัดกระทรวง มี
หน่วยงานท่ีให้บริการท้ังในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในส่วนกลางตั้งอยู่ภายในบริเวณกระทรวง
แรงงาน ในส่วนภูมิภาคมีสำนักงานแรงงานจังหวัดทั้ง ๗๕ จังหวัดทั่วประเทศ สาระสำคัญท่ี
อาสาสมัครแรงงานควรรเู้ กี่ยวกับบทบาทหนา้ ทีข่ องสำนกั งานปลัดกระทรวงแรงงาน มีดงั นี้
๑. เป็นหน่วยงานทำหน้าที่เสนอยุทธศาสตร์และนโยบายด้านแรงงาน ทั้งระดับประเทศ
และระดับกระทรวง บูรณาการแผนยุทธศาสตร์และจัดทำแผนปฏิบัติการกระทรวงตลอดจน
กำหนดเป้าหมาย ยุทธศาสตรใ์ ห้สอดคล้องกบั ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณของกระทรวง
๒. จัดประชุมคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เพพื่อพพิจารณา
กำหนดอตั ราคา่ จ้างข้นั ต่ำ
๓. พัฒนาดัชนเี ตือนภยั ด้านแรงงานและวิเคราะหแ์ นวโนม้ การว่างงาน
๔. ส่งเสรมิ ความสัมพันธ์และความรว่ มมอื ระหว่างประเทศ ทงั้ กรอบทวิภาคแี ละพหภุ าคี
๕. ติดตามและวเิ คราะห์ผลการดำเนนิ งานตามนโยบายและขอ้ ส่ังการองกระทรวง รวมท้ัง
ผลการดำเนินงานในระดับจงั หวัด
๖. ส่งเสริม สนับสนุนแลพัฒนาเครือข่ายด้านแรงงาน รวมทั้งจัดโครงการเพื่อช่วยเหลือ
ประชาชนในพน้ื ที่
๗. เสริมสร้างประสิทธิภาพ การจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนด้านแรงงานรวมทั้ง
วเิ คราะห์สถานการณด์ า้ นแรงงานในระดับจงั หวัด
๘. ผลติ สอื่ ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ประชาสมั พันธ์งานของกระทรวงแรงงาน
๙. แกไ้ ข ปรบั ปรุง รวมท้งั พฒั นากฎหมายด้านแรงงาน
๑๐. ให้บริการขอ้ มลู สารสนเทศด้านแรงงาน รวมท้งั ทาง website ที่ www.mol.go.th
๑๑. สง่ เสรมิ รักษาและขยายตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศ รวมทง้ั ดแู ลและให้คำนำแร
งานไทยในตา่ งประเทศ
๑๒. ดำเนินการช่วยอำนวยการการบรหิ ารการให้บริการดา้ นแรงงาน
ด้านส่งเสริมการมีงานทำและคมุ้ ครองคนหางาน
หน่วยงานที่มีหน้าทีค่ วามรับผิดชอบด้านส่งเสริมการมีงานทำและคุ้มครองคนหางานของ
กระทรวงแรงงาน ได้แก่ กรมการจัดหางาน มารกิจหน้าที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการทีงานทำและ
คุ้มครองคนหางาน โดยการศึกษา วิเคราะห์สภาวะตลาดแรงงานและแนวโน้มตลาดแรงงานเป็น
ศูนย์กลางข้อมูลตลาดแรงงาน รวมทั้งพัฒนาและส่งเสริมระบบการบริหารด้านส่งเสริมการมีงาน
๒๐ คมู่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจังหวัดพระนครศรอี ยุธยา
ทำ เพอื่ ใหป้ ระชากรมีงานทำที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารณและความถนัด ไมถ่ ูกหลอกลวง
ตลอดจนไดร้ บั สทิ ธปิ ระโยชน์ทเ่ี หมาะสมและเป็นธรรม มีอำนาจหนา้ ท่ี ดงั นี้
๑. ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน กฎหมายว่าด้วย
การทำงานของคนตา่ งด้าว และกฎหมายอนื่ ท่ีเก่ียวขอ้ ง
๒. วิเคราะห์สภาวะตลาดแรงงาน และแนวโน้มความตอ้ งการแรงานและเปน็ ศนู ย์ทะเบียน
ข้อมูลตลาดแรงงาน
๓. พัฒนาระบบ รูปแบบ มาตรการ และวิธีการค้นการจัดหางาน จัดทำและประสาน
แผนการปฏิบัติงานของกรมให้สอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านแรงงานของกระทรวง
รวมทง้ั กำหนดมาตรฐานอาชีพและอตุ สาหกรรม
๔. ให้คำปรกึ ษา สง่ เสริม และใหบ้ รกิ ารแนะแนวอาชพี ตามความถนัดให้แกป่ ระชาชน
๕. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมหรือตามท่ี
กระทรวงหรอื คณะรฐั มนตรมี อบหมาย
กรมการจัดหางาน (กกจ.) มหี น่วยงานทใี่ หบ้ รกิ าร ทง้ั ในสว่ นกลางและสว่ นภมู ภิ าค โดยใน
ส่วนกลาง นอกจากมีบริการ ณ กรมการจัดหางาน ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณกระทรวงแรงงานแลว้
ยังมีสำนักงานจัดหางานพื้นที่ อีก ๑๐ พื้นที่ ในเขตกรุงเทพมหานครและในส่วนภูมิภาค มี
สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั้ง ๗๕ จังหวัดทั่วประเทศ สาระสำคัญที่อาสาสมัครแรงงานควรรู้
เก่ยี วกบั บทบาท หน้าท่ีของกรมการจดั หางาน มีดังนี้
๑. การบริการจัดหางานในประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนวัยทำงานได้มีงานทำมี
รายได้ที่เหมาะสม รับรู้ข่าวสารตลาดแรงงาน ลดปัญหาการว่างงานและการชาดแคลนแรงงาน มี
การดำเนินการ ดังนี้
๑.๑ ให้บรกิ ารจัดหางาน รับสมคั รงาน หาตำแหนง่ งานวา่ ง บรรจงุ าน
๑.๒ ใหบ้ ริการนายจ้าง/สถานประกอบการท่ีตอ้ งการแรงงานทกุ ระดบั โดยแจง้
ตำแหนง่ งานวา่ งทสี่ ำนกั งานจดั หางานจังหวัด
๑.๓ บรกิ ารจัดหางานเคลื่อนทโ่ี ดยเจ้าหนา้ ที่จัดเตรยี มตำแหน่งงานว่างออกไป
รบั สมัครงานในชุมชน หรอื สถานที่จดั งานตา่ ง ๆ
๑.๔ จดั งานวนั นัดพบแรงงาน เพ่อื ใหค้ นหางาน และนายจ้างหลาย ๆ รายที่
ตอ้ งการคนงานได้มาพบกนั โดยตรงเพอื่ การสมั ภาษณแ์ ละการบรรจุงาน
๑.๕ ประสานงานการเคลอ่ื นย้ายแรงงานอยา่ งเป็นระบบ เพอื่ เคล่ือนย้ายแรงงาน
๒๑ คูม่ อื อาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา
ครั้งละจำนวนมากจากจังหวัดหนึ่งที่ไม่มตี ำแหน่งงานไปให้นายจา้ งในอกี จังหวัดหนึ่งที่มีตำแหน่ง
งาน
๑.๖ จดั หางานพิเศษเป็นการให้บรกิ ารแกก่ ลุ่มป้าหมายเฉพาะ ได้แก่ นกั เรียน นสิ ติ
นักศึกษา คนพิการ ชาวเขา ผู้พันโทษ ผู้ผ่านการฟืน้ ฟสู มรรถภาพภายหลงั การบำบดั ยาเสพติด ผู้
ประสบสาธารณภัย ทหารกองประจำการท่ีปลดเปน็ กองหนุน เยาวชนในสถานพินจิ และคุ้มครอง
เดก็ และเยาวชน ผู้ถกู เลิกจา้ ง เป็นตน้
๑.๗ บริการจัดหางานแกผ่ ูป้ ระกนั ตนกรณีว่างงาน
ผู้ประกันตนที่ข้นทะเบียนหางานภายใน ๓๐ วันนับแต่วันว่างงานกับ
นายจา้ งรายสดุ ท้ายจะไดร้ ับประโยชนท์ ดแทนครบถ้วนตามสิทธิ
- ลาออก ได้ ๓๐% ของคา่ จา้ ง ระยะเวลา ๙๐ วัน
- เลิกจา้ ง ได้ ๕๐% ของค่าจ้าง ระยะเวลา ๑๘๐ วัน
หากขึ้นทะเบียนหางานเกนิ ๓๐ วัน นบั แตว่ ันว่างงานกับนายจ้างราย
สุดท้ายจะไดร้ บั ประโยชนท์ ดแทนลดลง โดยจะได้รบั ตามสทิ ธทิ เ่ี หลือนับบแตว่ นั ขึ้นทะเบียนเท่านนั้
เง่อื นไขการไดร้ ับสทิ ธิประโยชนท์ ดแทนกรณีวา่ งงาน
๑) ส่งเงินสมทบครบ ๖ เดือน ภายใน ๑๕ เดอื นก่อนการวา่ งงาน
๒) รายงานตวั ตามกำหนดทกุ คร้งั ทีส่ ำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง
๓) ไมอ่ อกจากงานเนือ่ งจากละท้ิงหนา้ ทเี่ ปน็ เวลา ๗ วัน
๔) ไมท่ ำผดิ กฎระเบยี บของบริษัท
๕) อายไุ ม่ครบ ๕๕ ปบี ริบรู ณ์
๖) ไม่ปฏเิ สธการหางานและฝึกพัฒนาฝมี ือแรงงาน
การรับเงนิ
- จะโอนเงนิ เขา้ บญั ชีธนาคารให้เดือนละ ๑ ครง้ั โดยจะไดร้ ับเงนิ
หลงั จากวนั ไปรายงานตวั ๕ วันทำการ
- หากไมไ่ ด้รบั เงนิ ประโยชน์ทดแทนเดอื นใด ติดต่อสอบถามท่ี
สำนักงานประกันสังคมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร ๐๓๕-๒๑๓๔๑๖-๘, ๐๓๕—๓๓๕๘๗๑,
๐๓๕- ๓๔๕๒๔๐ ต่อ ๑๐๒, ๑๐๔, ๑๐๕, ๒๐๔ กลับเข้าทำงานต้องแจ้งสำนักงานจัดหางาน
จงั หวัดฯ ทุกครงั้
๒๒ คมู่ ืออาสาสมคั รแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
๑.๘ บริการจัดหางานทางอินเทอร์เน็ต (Internet) โดยผู้สมัครงานสามารถดู
ตำแหน่งงานของนายจ้างและสถานประกอบการ และสมัครงานผผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของ
กรมการจัดหางานได้ที่ website http://www.doe.go.th
๑.๙ การให้บริหารจัดหางานและคุ้มครองคนหางานตลอด ๒๔ ชั่วโมง เป็นการ
ให้บริการจดั หางาน ณ สถานทีท่ ่คี นหางานจำเปน็ ตอ้ งได้รับบริการตลอดเวลา มกี ารเปิดบริการ ๒
แห่ง คือ สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ ๒ ตั้งอยู่ภายในบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ
(จตุจักรขาเข้าถนนกำแพงเพชร ๒) และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ ๔ (ตั้งอยู่ภายใน
สถานีรถไฟหัวลำโพง)
หลกั ฐานท่ใี ชใ้ นการสมคั รงาน ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบยี นบา้ น
สำเนาหลักฐานการศกึ ษา หลักฐานการเกณฑท์ หาร รูปถา่ ยขนาด ๑ หรอื ๒ นว้ิ จำนวน ๒ รูป
๒. การบริหารแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ เพื่อกำกับ ดูแล การจัดส่งแรงงาน
ไทยไปทำงานในตา่ งประเทศ คมุ้ ครองสิทธิประโยชนต์ ่าง ๆ เพื่อใหแ้ รงงานไทยได้รับค่าจ้างที่เป็น
ธรรม มสี ภาพความเปน็ อยู่และสภาพการทำงานท่เี หมาะสม มกี ารดำเนินงาน ดงั นี้
๒.๑ พิจารณาคำขออนุญาตจดั สง่ คนหางานไปทำงานในตา่ งประเทศ
๒.๒ พจิ ารณาคำขออนุญาตพาลกู จา้ งไปทำงานหรอื ส่งไปฝกึ งานในตา่ งประเทศ
๒.๓ รับแจ้งการส่งลกู จา้ งไปฝกึ งานในต่างประเทศ กรณไี ม่เกนิ ๔๕ วัน
๒.๔ รับแจง้ การเดินทางไปทำงานต่างประเทศดว้ ยตนเอง
๒.๕ รับแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศของคนหางานที่เดินทางกลับ
ประเทศไทย เปน็ การชั่วคราว (Re-entry)
๒.๖ เป็นศูนย์ให้บริการขอ้ มูลแกค่ นหางานท่ีจะไปทำงานในต่างประเทศ
๒.๗ รับลงทะเบยี นผทู้ ่ปี ระสงคจ์ ะไปทำงานในตา่ งประเทศ
๒.๘ กำหนดมาตรฐานการจา้ ง แนวทางการดำเนนิ การสง่ เสริมแรงงานไทยไป
ทำงานในตา่ งประเทศให้เป็นไปตามนโยบายของรฐั บาล
การไปทำงานต่างประเทศอย่างถกู กฎหมาย มี ๕ วิธี ดงั นี้
วิธีท่ี ๑ กรมการจัดหางานจัดส่ง
นายจา้ งในตา่ งประเทศ และคนหางานทไ่ี มป่ ระสงคห์ างานผา่ นบริษัทจดั หางาน
เอกชน เพราะค่าบริการและค่าใช้จ่ายสูงสามารถใชบ้ ริการของรัฐได้โดยสำนักงานบริหารแรงงาน
ไทยไปตา่ งประเทศ กรมการจัดหางาน จะทำหน้าทีต่ ิดตอ่ นายจ้างเจรจาหาตลาดและตำแหน่งงาน
ว่างและจะเป็นตัวแทนของนายจ้างในต่างประเทศ รับสมัครและคัดเลือกคนหางานรวมทั้งจัดทำ
๒๓ คู่มืออาสาสมัครแรงงงาน สำนักงานแรงงานจงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
เอกสารในการเดนิ ทางให้แก่คนหางานใหแ้ ลว้ เสร็จทกุ ขัน้ ตอน โดยนายจ้างไมต่ ้องเสียค่าบริการใด
ๆ สำหรบั คนหางานจะเสยี ค่าใช้จา่ ยเท่าทีจ่ ำเปน็ เชน่ ค่าตั๋วเครือ่ งบนิ ค่าตรวจสุขภาพ ค่าวีซ่า ค่า
ภาษีสนามบิน ค่าสมาชกิ กองทุนเพื่อช่วยเหลอื คนหางานไปทำงานในต่างประเทศ เป็นตนั
วิธที ี่ ๒ บริษทั จัดหางานจัดส่ง
คนหางานทีต่ ้องการไปทำงานในตา่ งประเทศแตไ่ ม่สามารถหางานเองได้ อาจ
ตดิ ตอ่ ใหบ้ รษิ ัทจัดหางานเอกชนจัดหางานให้ โดยบริษัทจดั หางานเอกชนดังกล่าวต้องจดทะเบียน
ขออนุญาตประกอบกิจการจัดหางานต่างประเทศ จากนายทะเบียนจัดหางานกลาง ทั้งนี้การ
อนุญาตให้ดำเนินกิจการวมท้ังการรบั สมัครและจัดส่งคนหางาน รฐั จะควบคมุ ใหอ้ ยู่ภายใต้เง่ือนไข
และหลกั เกณฑ์ทเ่ี หมาะสม การไปทำงานด้วยวธิ นี ้ีคนหางานต้องเสียค่าบรกิ ารหรือค่าใช้จ่ายให้แก่
บริษทั จัดหางานเป็นคา่ ตอบแทนในอัตราที่กฎหมายกำหนด และกอ่ นสมคั รงานควรตรวจสอบจาก
สำนักงานจัดหางานฯ ก่อนว่าบริษัทจัดหางานนั้นยังสามารถดำเนินการและมีตำแหน่งว่างจริง
หรอื ไม่ เนื่องจากขอ้ มลู บริษทั จัดหางานมกี ารเปล่ียนแปลงตลอดเวลา
วิธที ่ี ๓ นายจ้างพาลกู จ้างไปทำงาน
นายจ้างในประเทศไทยที่มีสาขาของบริษัทอยู่ในจ่างประเทศหรือประมูลงานใน
ต่างประเทศได้ และมคี วามจำเปน็ ต้องนำลกู จ้างองตนเองไปทำงานตามวัตถุประสงคด์ ังกล่าว ต้อง
จัดการให้ลูกจ้างไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยขออนุญาตพาลูกจ้างไปทำงานใน
ต่างประเทศต่ออธิบดีกรมการจัดหางาน การไปทำงานของลูกจ้างเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่และ
โดยสมคั รใจ ดังนัน้ นายจ้างจะต้องออกค่าใชจ้ า่ ยในการเตรียมตัวและการเดนิ ทางใหท้ ง้ั หมดรวมท้ัง
ต้องจัดการเรื่องค่าจ้าง สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในต่างประเทศ ให้เหมาะสมตาม
ความจำเปน็
วธิ ีที่ ๔ นายจา้ งส่งลกู จา้ งไปฝกึ งาน
นายจ้างสามารถส่งลูกจ้างไปฝึกงานในต่างประเทศเพื่อเพิ่มทักษะ และพัฒนาฝีมือให้แก่
ลูกจ้าง รวมทั้งเพื่อรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีกลับมาปรับปรุงการทำงานหรือกระบวนการผลิต
สินค้าให้มคี ุณภาพมากข้นึ ซ่งึ ระหวา่ งการฝึกงานลูกจา้ งจะไดร้ บั เบีย้ เลย้ี งในตา่ งประเทศ และ
เมื่อครบระยะเวลาการฝกึ งานลูกจ้างต้องกลับมาทำงานในตำแหน่งเดิมหรอื ตำแหนง่ ซ่งึ ไดร้ ับการ
ฝึกงานมา
วิธีที่ ๕ คนหางานเดนิ ทางด้วยตนเอง
คนหางานสามารถติดต่อหางานจากนายจ้างในต่างประเทศได้เองโดยตรงหรือโดยการ
แนะนำของเพ่ือนฝูงญาตพิ ่ีนอ้ ง ทเ่ี คยทำงานอยู่แล้วในต่างประเทศเมือ่ มกี ารตกลงจ้างงานกนั
๒๔ คู่มอื อาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
เรยี บร้อยแลว้ นายจงตอ้ งส่งสญั ญาจ้าง และหลักฐานการเขา้ ประเทศโดยถูกต้องมาให้คนหางาน
และก่อนการเดนิ ทางคนหางานตอ้ งแจ้งให้อธิบดีกรมการจัดหางานทราบลว่ งหน้าไม่นอ้ ยกว่า ๑๕
วนั รวมทงั้ กรณกี ลบั มาพักผ่อนระหว่างอายสุ ญั ญาหรือการตอ่ สัญญาจา้ งดว้ ย
๓. การควบคุมการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อดูแล ตรวจสอบและควบคุม การทำงาน
ของคนต่างด้าวในประเทศให้เป็นไปตามกฎหมายและเกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยมากที่สุด
ตลอดจนการควบคมุ แรงานต่างด้าวที่เข้าประเทศโดยผดิ กฎหมาย ซ่ึงได้รับการผ่อนผันใหป้ ระกอบ
อาชีพเป็นการชว่ั คราว มกี ารดำเนนิ การ ดังน้ี
๓.๑ พิจารณาออกใบอนญุ าตทำงาน ตอ่ อายใุ บอนญุ าตทำงานเปลย่ี นแปลงรายการ
ใบอนญุ าตทำงาน ออกใบแทนใบอนุญาตทำงาน รับแจ้งการเขา้ -ออก จากการทำงาน และการขอ
เข้ามาดำเนินการขององค์การเอกชนตา่ งประเทศในประเทศไทย
๓.๒ จดั ประชมุ คณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนตา่ งด้าว
๓.๓ ปรบั ปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดงานในการห้ามคนต่างดา้ วทำ
๓.๔ ศกึ ษาวิจยั งานในอาชพี และวิชาชีพห้ามคนตา่ งดา้ วทำ
๓.๕ ปรบั ปรงุ ระเบียบวธิ ีการคดิ คา่ ธรรมเนยี มใบอนุญาตทำงาน
๓.๖ วางมาตรการจัดระบบเพอ่ื ควบคุมการทำงานของแรงงานตา่ งด้าวผดิ
กฎหมายให้เขา้ มาโดยถกู ต้องตามกฎหมาย
๓.๗ ควบคมุ ดูแล และตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวใหเ้ ป็นไปตาม
กฎหมาย
๔. การแนะแนวอาชพี และส่งเสริมการประกอบอาชีพ เพื่อให้นกั เรยี น นสิ ิต นักศกึ ษา ผู้
ที่อยู่ในวัยทำงาน และผู้กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องอาชีพ และมี
แนวทางในการเลือกอาชีพอย่างเหมาะสม ตรงกับบุคลิกภาพความสามารถและทราบความถนัด
ในการประกอบอาชีพของแต่ละคน พร้อมทั้งส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระแก่ผู้ว่างงานท่ี
ต้องการประกอบอาชีพส่วนตวั หรืออาชีพอิสระหรอื ผู้ทไ่ี มส่ มารถข้าสู่การจ้างงานในระบบเกษตรกร
หรือผู้ที่ไม่สามารถทำงานเต็มเวลาตอดทั้งปี ผู้รายได้น้อย รวมถึงนักโทษที่พ้นโทษ มีการ
ดำเนินงาน ดังน้ี
๔.๑ ใหบ้ รกิ ารแนะแนวอาชพี แก่นกั เรยี น นสิ ติ นกั ศกึ ษา และประชาชนท่ัวไป
เพื่อให้ทราบถึงโลกอาชีพ การเตรียมตัวก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน ตลอดจนการให้บริการทดสอบ
ความพรอ้ มทางอาชพี เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกศึกษาตอ่ หรอื การเลือกประกอบอาชพี ให้
ตรงกบั บุคลกิ ภาพ ความถนดั ความรู้ ความสามารถและความตอ้ งการของตลาดแรงาน
๒๕ คู่มอื อาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา
๔.๒ ส่งเสริมการประกอบอาชพี อิสระแก่ผวู้ า่ งงานที่ต้องการประกอบอาชีพส่วนตวั
หรืออาชีพอิสระ หรือผู้ที่ไม่สามารถเข้าสู่การจ้างงานในระบบเกษตรกรรม หรือผู้ที่ไม่สามารถ
ทำงานเตม็ เวลาตลอดทง้ั ปี ผมู้ ีรายได้นอ้ ย รวมถึงนักโทษทพี่ ้นโทษ
๔.๓ จดั แสดงนิทรรศการสง่ เสรมิ การมงี านทำ/อาชีพ เพื่อเผยแพรข่ ้อมูลเก่ียวกบั
การมีงานทำและอาชพี ตามสถานศึกษาและหน่วยงานต่าง ๆ
๔.๔ ผลติ และเผยแพรส่ อ่ื ต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วกบั การแนะแนวอาชีพในรูปของแผ่นพับ
แผ่นปลวิ หนงั สือ โปสเตอร์ วีดีโอเทป
๔.๕ ใหบ้ รกิ ารศูนย์ขอ้ มลู อาชพี
๕. การคมุ้ ครองคนหางาน คุม้ ครองและปอ้ งกันมใิ ห้คนหางานถูกหลอกลวง ถกู เอารัดเอา
เปรียบจากบริษทั จัดหางาน และบุคคลรวมถึงการใชม้ าตรการทางกฎหมายเพื่อป้องกนั และลงโทษ
ผู้หลอกลวงเอารัดเอาเปรียบคนหางาน มีการดำเนินงาน ดังน้ี
๕.๑ รบั เรอ่ื งราวรอ้ งทกุ ขข์ องคนหางาน ทข่ี อความชว่ ยเหลือทัง้ ในประเทศและ
ตา่ งประเทศ
๕.๒ การอนุญาตจดั ตัง้ สำนักงานจดั หางาน/บริษทั จัดหางาน เพ่ือดำเนนิ การจดั หา
งานให้คนหางานทำงานในประเทศและตา่ งประเทศ
๕.๓ สืบสวน สอบสวน บคุ คลที่มีพฤตกิ รรมหลอกลวง ตม้ ต๋นุ คนหางาน เพื่อ
ดำเนนิ คดตี ามกฎหมายอยา่ งเฉยี บขาด
ดา้ นการพฒั นาฝมี ือแรงงาน
หน่วยงานที่มีบทบาท หน้าที่ความรับผิดชอบดา้ นพฒั นาทักษะฝีมือแรงงานของกระทรวง
แรงงาน ได้แก่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มีภารกิจเก่ียวกบั การพัฒนาฝีมือแรงงาน ศักยภาพกำลัง
แรงงานและผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนากำลังแรงงานให้มีฝีมือได้มาตรฐานในระดับสากลและ
ส่งเสรมิ การเป็นผู้ประกอบการที่มคี วามสามารถแข่งขนั ไดใ้ นตลาดโลก มีอำนาจหนา้ ท่ี ดังต่อไปน้ี
๑. พัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ดำเนินการส่งเสริมการ
ทดสอบมาตรฐานและแขง่ ขันฝีมอื แรงงาน
๒. ดำเนินการพัฒนาฝีมือแรงงานและพัฒนาระบบ รูปแบบการพัฒนาฝีมือแรงงาน
แก่กำลังแรงงาน
๓. ดำเนินการสง่ เสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ศักยภาพแรงงานและการเปน็ ผู้ประกอบการ
๔. ดำเนนิ การประสานและสง่ เสรมิ ใหภ้ าครัฐและภาคเอกชนจดั ทำแผนความต้องการ
แรงงานฝมี ือแหง่ ชาติ และสร้างเครอื ขา่ ยการพัฒนาฝมี ือแรงงาน
๒๖ คู่มืออาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา
๕. ดำเนนิ การตามกฎหมายว่าดว้ ยการสง่ เสริมการพัฒนาฝีมอื แรงงานและกฎหมาย
อ่ืนทเี่ กยี่ วข้อง
๖. ส่งเสริมการมีส่วนร่วม ประสานความเชื่อมโยง สร้างและพัฒนาเครือข่ายการพัฒนา
ศักยภาพกำลังแรงงานทงั้ ในและต่างประเทศ
๗. ปฏบิ ตั ิการอนื่ ใดตามท่กี ฎหมายกำหนดใหเ้ ป็นอำนาจหน้าที่ของกรมพฒั นาฝมี ือแรงงาน
หรอื ตามที่กระทรวงหรือคณะรฐั มนตรีมอบหมาย
กรมพัฒนาฝีมอื แรงงาน (กพร.) มหี น่วยงานให้บรกิ ารทั้งในส่วนกลาง และสว่ น
ภมู ิภาค โดยในสว่ นกลาง นอกจากใหบ้ ริการ ณ กรมพัฒนาฝีมอื แรงงาน ซง่ึ ตงั้ อย่ภู ายในบรเิ วณ
กระทรวงแรงงานแล้ว ยงั มีศนู ย์พฒั นาฝีมอื แรงงานกรงุ เทพมหานคร ตง้ั อย่บู นถนนสขุ มุ วทิ ภายใน
บรเิ วณวดั ธาตุทอง และในส่วนภมู ิภาค มสี ถาบนั พฒั นาฝีมือแรงานภาค (สพภ.) ๑๒ แห่ง และ
ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด (ศพจ.) ๖๓ แห่ง สาระสำคัญที่อาสาสมัครแรงงานควรรู้เกี่ยวกบั
บทบาท หน้าที่ ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มีดังนี้
ขอ้ ควรรูข้ องอาสาสมัครแรงงานในการดำเนนิ งานดา้ นพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน
๑. หน้าทหี่ ลกั ของกรมพฒั นาฝีมือแรงงาน
๑.๑ เพอ่ื พฒั นาฝีมอื แรงานของประชาชนผู้วา่ งงาน ใหม้ ีความรูค้ วามสามารถใน
วิชาชพี พรอ้ มท่ีจะเข้าสตู่ ลาดแรงงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
๑.๒ เพื่อพฒั นาคุณภาพแรงาน ในธรุ กจิ อตุ สาหกรมตลอดจนผปู้ ระกอบวชิ าชพี
อสิ ระใหม้ คี ณุ ภาพ และมาตรฐานฝีมอื ทีส่ ูงขนึ้
๑.๓ เพอ่ื สนับสนุนธรุ กิจอตุ สาหกรรมในการปรบั ปรงุ พัฒนาองค์การและสง่ เสรมิ
สนับสนุนอุตสาหกรรมการทอ่ งเท่ยี วในท้องถ่ิน
๑.๔ เพอ่ื พัฒนากำลังคนในชนบท ให้สามารถชว่ ยเหลือตัวเองในรปู แบบของการ
รวมกลมุ่ การพฒั นาผลติ ภัณฑใ์ นท้องถนิ่ ใหเ้ พม่ิ มูลค่าสูงขน้ึ
๒. การบรกิ ารของกรมพัฒนาฝมี อื แรงงาน
สถาบันพฒั นาฝมี ือแรงงานภาคและศูนย์พฒั นาฝมี อื แรงงานจงั หวัด ไดเ้ ปิด
ใหบ้ รกิ ารฝึกอบรมฝีมอื แรงงานใหแ้ กเ่ ยาวชนวัยทำงาน ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ผ้ถู ูกเลิกจา้ งและ
ว่างงาน เพอ่ื เปน็ การปรับเปล่ยี นและสร้างโอกาสการประกอบอาชีพหรือการมีงานทำ อันเป็นการ
ช่วยยกระดบั ฝีมอื แรงานใหด้ ขี ึ้น และมีความรูค้ วามสมารถ ทกั ษะและทศั นคติที่พร้อมจะเข้าสู่
ตลาดแรงงานได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพและมคี ุณภาพโดยมีภารกจิ ดังนี้
๒๗ คู่มืออาสาสมคั รแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
๒.๑ การบรกิ ารการทดสอบมาตรฐานฝมี อื แรงงาน
(๑) การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแหง่ ชาติ
ตามมาตรฐานฝีมอื แรงงานแห่งชาติ เป็นมาตรฐานทีด่ ำเนินการ
ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ มีคณะกรรมการส่งเสริมการ
พฒั นาฝมี ือแรงงาน ทำหนา้ ท่บี รหิ ารและแตง่ ต้ังคณะอนกุ รรมการที่เปน็ ผเู้ ชย่ี วชาญในสาชาวิชาชีพ
จากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินการกำหนดมาตรฐานฝีมอื แรงงานแหง่ ชาติแต่
ละสาขาอาชีพขึ้นเพื่อใช้ทดสอบประเมินศักยภาพ ทักษะฝีมือและสมรรถนะในการทำงานของ
แรงงาน
มาตรฐานฝมี อื แรงงานแห่งชาติ แบง่ เปน็ ๓ ระดับ คือ ระดับต้น
(ช้ัน ๑) ระดับกลาง (ชั้น ๒) และระดับสูง (ชัน้ ๓) เปดิ ใหบ้ ริการการสอบแก่แรงงานทที่ ำงานอยู่
แล้วแต่ต้องการทราบระดับความรู้ ความสามารถของตนเอง เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางในการ
พฒั นา เพิ่มพูนทกั ษะของตนเองใหส้ งู ข้นึ หรอื คนหางานทีม่ ีความประสงค์จะทำงานในประเทศหรือ
ต่างประเทศเข้าทดสอบ เพอื่ ขอรับหนังสอื รบั รองมาตรฐานฝีมือแรงงานแหง่ ชาติ ประกอบเอกสาร
ในการสมคั รงาน ปัจจบุ ันค่าธรรมเนยี มในการทดสอบ ชั้น ๑ จำนวน ๑๐๐ บาทช้ัน ๒ และชนั้ ๓
จำนวน ๒๐๐ บาท
(๒) การทดสอบฝมี ือคนหางานเพือ่ ไปทำงานต่างประเทศ
แบบทดสอบฝีมือคนหางานเพือ่ ไปทำงานต่างประเทศเปน็ แบบทดสอบท่ี
ดำเนินการโดยคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการทดสอบฝีมือคนหางานไปทำงาน
ต่างประเทศ ประกอบด้วย ผู้แทนจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ
กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการตรวจวัดทักษะมือของคนหางาน ตามตำแหน่งที่มีการจ้างงานใน
ต่างประเทศ โดยการทดสอบไม่คำนึงถึงพื้นฐานการศึกษาของคนหางาน แต่จะพิจารณาจาก
ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์จากการทำงานทส่ี ะสมมาเป็นทกั ษะฝมี ือหรือสมรรถนะในการ
ทำงาน
การทดสอบฝีมือคนหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ เป็นการตรวจวัด
ประเมิน ทักษะมือของคนหางานว่ามีทักษะฝีมือเพียงพอต่อการทำงานในตำแหน่งงานนั้น ๆ
หรือไม่ การทดสอบไม่มีการแบ่งเป็นระดับเหมือนกับมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ แต่จะระบุ
เพียงตำแหนง่ งานและเกณฑ์ทีท่ ดสอบผ่านเท่านัน้ อัตราคา่ ทดสอบฝีมือ จำนวนไม่เกนิ ๔๐๐ บาท
ผู้ทดสอยผ่านจะได้รับใบรับรองผลการทดสอบฝีมือเป็นหลักฐานในการประกอบเอกสารการ
เดนิ ทางไปทำงานต่างประเทศ
๒๘ ค่มู อื อาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
(๓) การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานตามความต้องการของสถาน
ประกอบการ
มาตรฐานฝีมือแรงงานตามความต้องการของนายจ้าง เป็นมาตรฐานท่ี
นายจา้ งเป็นผู้กำหนดรายละเอยี ดของลักษณะงาน รูปแบบ และเกณฑก์ ารวัดผล เพ่ือจัดลำดับฝมี ือ
แรงงานใหม่หรือพนักงานที่ทำงานอยู่แล้ว มาประกอบการคัดเลือก กำหนดหน้าที่ ตำแหน่งงาน
หรอื อัตราคา่ จา้ ง ตามความเหมาะสมซ่ึงอาจจะใช้สถานทดสอบองนายจ้างหรอื ข้าราชการกไ็ ด้ โดย
มีเจ้าหน้าที่กรมพฒั นาฝีมือแรงงานให้คำแนะนำ หรือให้การสนับสนุนด้านวิชาการในการกำหนด
เกณฑ์หรือการดำเนินการทดสอบ เพื่อให้การทดสอบมาตรฐานฝีมือน้ันมีความเที่ยงตรง โปร่งใส
สามารถจัดลำดับและคัดกรองแรงงานที่มีมอื ได้จริง การทดสอบประเภทนี้จะไม่มีการรับรองฝีมอื
ให้ มีเพียงผลการทดสอบฝีมือให้นายจ้างไว้เป็นหลักฐาน เพื่อประกอบการพิจารณาร่วมกับ
หลกั ฐานอ่ืน ๆ ในการคัดเลอื กคนหางาน ได้แก่ หลักฐานการผ่านงาน ผลการตรวจสขุ ภาพ เปน็ ต้น
๒.๒ การฝึกอบรมเพ่ือพฒั นาฝีมือแรงงาน
(๑) การฝึกเตรียมเข้าทำงาน เป็นการฝึกอาชพี ให้แก่แรงงานใหม่ เพอื่ พัฒนา
ความรู้ความสามารถในขัน้ พื้นฐานของสาขาอาชีตา่ ง ๆ ตลอดจนทัศนคตทิ ี่ดีตอ่ อาชพี เพื่อเตรียม
เข้าสู่ตลาดแรงงานและใหม้ ีความพร้อมที่จะทำงานในฐานะแรงงานฝีมือระดับตน้ (มาตรฐานฝีมือ
แรงงานระดับ ๑) โดยฝึกในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงานภาค/ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด เป็น
เวลา ๒๘๐ ชวั่ โมง หรือ ๒ เดอื นขนึ้ ไป และฝึกในกิจการอีก ๑-๔ เดือน (แลว้ แต่สาขาอาชีพ)
(๒) การฝกึ ยกระดบั ฝมี อื เป็นการฝกึ อาชพี ให้แกแ่ รงงานทีม่ ีงานทำอยู่แล้วใหม้ ีพ้ืน
ฐานความรู้ ความสามารถ และทักษะเพ่ิมเติมในสาขาอาชพี ท่ีปฏิบตั งิ านอยหู่ รือสาขาอาชพี ท่ี
เก่ียวข้องหรือเก้ือหนุนกบั งานท่ีทำอยู่ให้สามารถปฏิบัตงิ านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทันต่อ
การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มพูดวามรู้ และทักษะเดิมให้สูงขึ้นหรือเพิ่ม
ทักษะการบริหารจัดกรหรือความรู้เสริมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเกื้อหนุนกับสาขาอาชีพนั้น ๆ โดย
ระยะเวลาฝกึ ตั้งแต่ ๑๒ ชัว่ โมงขน้ึ ไป
(๓) การฝกึ เสรมิ ทักษะ เปน็ การฝึกอาชพี ให้แก่แรงงานทม่ี ีงานทำอยแู่ ลว้ หรือ
ว่างงานและมีความประสงค์จะเปลี่ยนอาชีพใหม่ หรือประกอบอาชีพอื่นเพิ่มเติม เพื่อพัฒนา
แรงงานให้มีความรู้ ความสามารถและทัศนคติที่ดีเพิ่มเติมในสาขาอาชีพอื่นที่นอกเหนืองานท่ี
ปฏิบตั ิอยู่ ตามปกติหรืออาชีพท่ีทำงานอยู่หรอื ให้สามารถทำงานในสาขาอื่นได้ โดยระยะเวลาการ
ฝกึ ตั้งแต่ ๖ ชว่ั โมงขน้ึ ไป
๒๙ คมู่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
นอกจากนี้ยังให้คำปรึกษาแนะนำการพัฒนาหลักสูตรแก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ตลอดจนฝึกอาชีพเพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงานสตรี เยาวชน คนพิการ และกลุ่มเป้าหมายพิเศษ
ตาม นโยบายของกระทรวงแรงงาน นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เช่น ฝึกอาชีพให้แก่ผู้ผ่านการ
บำบัด ยาเสพตดิ โรงเรยี นวิวฒั น์พลเมือง ฝกึ อาชีพใหแ้ ก่คนเร่รอน หรือกลมุ่ ผูเ้ ชื้อเอดส์ ครอบครัว
และกลุ่มเสี่ยง ฝึกอาชีพให้คนพิการ
๒.๓ การใหก้ ู้ยืมเงินกองทนุ พฒั นาฝมี ือแรงงาน
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มีเงินกองทนุ พัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อเปน็ ทนุ หมุนเวียน สำหรับใช้
จา่ ยเกย่ี วกับการส่งเสรมิ การพัฒนาฝมี ือแรงงาน โดยให้ผู้รบั การฝกึ ตามพระราชบัญญัตสิ ง่ เสริมการ
พัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕ กู้ยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเข้ารับการฝึกอบรม ฝีมือ
แรงงาน และให้ผู้ดำเนินการฝึก ผู้ดำเนินการทดสอบฝมี ือแรงงานและผู้ประกอบกิจการ กู้ยืมเพ่ือ
ใช้จ่ายเกี่ยวกับดำเนินการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน หรือการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ตาม
พระราชบญั ญตั สิ ่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๕
ด้านส่งเสรมิ สวสั ดิการและคมุ้ ครองแรงงาน
หน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ด้านส่งเสริมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานของ
กระทรวงแรงงาน ได้แก่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน มีภารกิจเกี่ยวกับการกำหนด
มาตรฐานแรงงาน การคุ้มครองแรงงาน ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมใน
การทำงาน การแรงงานสัมพันธ์ การแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และการสวัสดิการแรงงาน
โดยการพัฒนามาตรฐาน รูปแบบ กลไก มาตรการ ส่งเสริม สนับสนุน และแก้ไขปัญหาเพื่อเพิ่ม
โอกาส ในการแข่งขนั ทางการคา้ และพัฒนาแรงงานใหม้ ีคณุ ภาพชีวิตที่ดี มอี ำนาจหน้าที่ ดังน้ี
๑. กำหนดและพัฒนามาตรฐานแรงงานทั้งการส่งเสริมกำกับดูแลให้การรับรองสถาน
ประกอบกิจการท่มี กี ารบรหิ ารจดั การมาตรฐานแรงงานทสี่ อดคลอ้ งกับมาตรฐานสากล
๒. คุ้มครองดูแลแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบให้ได้รบั สทิ ธิประโยชน์ตามที่กฎหมาย
กำหนดและมีคณุ ภาพชีวติ ที่ดี
๓. ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
กฎหมายวา่ ดว้ ยแรงงานรัฐวสิ าหกิจ และกฎหมายอืน่ ทเี่ กี่ยวขอ้ ง
๔. ดำเนินการส่งเสรมิ และพัฒนาระบบความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมใน
การทำงาน
๕. ส่งเสริมพัฒนา และเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจด้านมาตรฐานการคุ้มครองแรงงาน
ความปลอดภยั ในการทำงาน แรงงานสมั พันธ์ แรงงานรัฐวิสาหกิจสมั พันธ์ และสวัสดกิ ารแรงงาน
๓๐ คูม่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา
๖. ส่งเสริมและดำเนนิ งานใหม้ กี ารจดั สวสั ดกิ ารแรงงาน
๗. ดำเนนิ การป้องกนั และแก้ไขปญั หาการขัดแยง้ ข้อพิพาทแรงงาน และความไม่สงบด้าน
แรงงาน
๘. พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศด้านสวสั ดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดทำแผนงานและ
ประสานแผนปฏิบัติงานของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานให้สอดคล้องกับนโยบาย และ
ยทุ ธศาสตร์ ดา้ นแรงงาน และพัฒนาอาชีพ ของกระทรวง
๙. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมสวัสดิการและ
คุ้มครองแรงงาน หรอื ตามทีก่ ระทรวงหรอื คณะรัฐมนตรมี อบหมาย
กรมสวสั ดกิ ารและคุม้ ครองแรงงาน (กสร.) เป็นหนว่ ยงานหนึ่งในสงั กดั กระทรวง แรงงาน
มีหน่วยงานที่ใหบ้ ริการท้งั ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคโดยในส่วนกลาง นอกจากมบี รกิ าร ณ กรม
สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณกระทรวงแรงงานแล้ว ยังมีสำนักงาน
สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ อีก ๑๐ พื้นที่ ในเขตกรุงเทพมหานคร และในส่วนภูมิภาค
มีสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ทั้ง ๗๕ จังหวัด ทั่วประเทศ สาระสำคัญ
ทอ่ี าสาสมคั รแรงงานควรร้เู กยี่ วกบั บทบาท หนา้ ทข่ี องกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน มีดังนี้
พระราชบญั ญัตคิ มุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑
๑. พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ใช้บังคับกับกิจการทั้งที่แสวงหากำไร
ในทางเศรษฐกิจที่มลี ูกจา้ งตั้งแต่หน่ึงคนขึ้นไปยกเว้นราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาคและ
ราชการสว่ นทอ้ งถ่นิ รฐั วิสาหกจิ ตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกจิ สมั พันธ์
๒. นายจา้ ง คอื ผซู้ ึ่งตกลงรบั ลูกจ้างเข้าทำงานโดยจา่ ยค่าจา้ งให้ หรอื ผซู้ ึง่ ไดร้ ับมอบหมาย
ให้ทำงานแทนนายจ้างหรอื กรณีนิตบิ ุคคล หมายความรวมถึงผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิตบิ คุ คล
และผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลให้ท ำการแทนหรือกรณีเจ้าขอ
กจิ การได้จา้ งเหมาคา่ แรงใหถ้ อื ว่าเจา้ ของกิจการเปน็ นายจ้างของลกู จา้ งที่ผู้รบั เหมาค่าแรงจัดหามา
ด้วย
๓. ลูกจ้าง คือ ผู้ซงึ่ ตกลงทำงานให้นายจ้างโดยรบั คา่ จา้ ง
๔. หลักประกันการทำงาน
๔.๑ ห้ามมิให้นายจ้างเรียกหรือรับหลักประกันการทำงานหรือหลักประกันความ
เสียหายในการทำงานจากลูกจา้ ง ยกเวน้ ลูกจา้ งทที่ ำงานเก่ยี วกบั การเงินหรือทรัพยส์ นิ ของนายจ้าง
ซ่ึงอาจก่อให้เกิดความเสยี หายแกน่ ายจ้างได้ โดยนายจา้ งจะเรียกหรือรับได้จะต้องไม่เกนิ ๖๐ เท่า
ของคา่ จ้างรายวนั โดยเฉล่ยี ท่ีลกู จา้ งได้รับอยูใ่ นวนั ท่ีนายจ้างรบั หลกั ประกันการทำงาน
๓๑ คู่มืออาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา
๔.๒ เม่อื นายจ้างเลิกจา้ ง หรือลูกจ้างลาออก หรือสญั ญาประกันสิ้นอายุให้นายจ้าง
คืนเงินประกันพรอ้ มดอกเบยี้ ใหแ้ กล่ กู จ้างภายใน ๗ วัน
๔.๓ ห้ามเรยี กหรือรบั เงนิ ประกนั จากฝา่ ยลูกจา้ งซึ่งเป็นเดก็
๕. การเปลี่ยนตัวนายจ้าง การเปลี่ยนตัวนายจ้างโดยการโอน การรับมรดก หรือด้วยวิธี
อืน่ ใด รวมถงึ การจดทะเบียนเปลีย่ นแปลง โอนหรือควบกบั นติ บิ ุคคล ใหน้ ายจา้ งใหม่ต้องไปรับท้ัง
สิทธแิ ละหนา้ ท่ีท่มี ีต่อลูกจา้ งทกุ ประการ
๖. การปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน นายจ้างต้องปฏิบัติต่อลูกจ้างชายและหญงิ เท่าเทียมกันใน
การจ้างงาน เวน้ แต่ลกั ษณะหรอื สภาพของงานไมอ่ าจปฏบิ ตั ิเชน่ น้ันได้
๗. การล่วงเกินทางเพศ ห้ามนายจ้างหรือหัวหน้างาน ผู้ควบคุมงาน หรือผู้ตรวจงาน
กระทำการลว่ งเกินคกุ คามหรือก่อความเดอื ดร้อนรำคาญทางเพศต่อลกู จ้าง
๘. เวลาทำงานปกติ
ใหน้ ายจ้างประกาศเวลาทำงานปกติโดยกำหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของการทำงาน
ไมเ่ กนิ วันละ ๘ ชวั่ โมง และไมเ่ กนิ สปั ดาห์ละ ๘ ชัว่ โมง แต่ถา้ เปน็ งานทีใ่ ชีวิชาชีพหรอื วิชาการ งาน
ด้านบริหารและงานจัดการงานเสมียนพนักงาน งานอาชีพเกี่ยวกับการค้า งานอาชีพด้านบริการ
งานที่เกี่ยวกับการผลิต หรืองานที่เกี่ยวข้องกับงานดังกล่าว นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกัน
กำหนดเวลาทำงานปกติวันหนึ่ง เป็นจำนวนกี่ชั่วโมงก็ได้ แต่สัปดาห์หนึ่งต้องไม่เกิน ๔๘ ชั่วโมง
สว่ นงานทีอ่ าจเปน็ อนั ตรายไมเ่ กินวนั ละ ๗ ชวั่ โมงและไม่เกนิ สัปดาหล์ ะ ๔๒ ช่วั โมง
๙. การทำงานล่วงเวลา ห้ามให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา เว้นแต่ได้รับความยินยอมจาก
ลูกจ้างเป็นคราวๆไปแต่ถา้ เปน็ งานซ่ึงต้องทำติดต่อกันไปถ้าหยุดจะเสียหายแก่งานหรือเป็นงานท่ี
ฉุกเฉนิ นายจา้ งอาจใหล้ กู จ้างทำงานล่วงเวลาไดเ้ ทา่ ท่ีจำเปน็
๑๐. การทำงานในวันหยุด
๑๐.๑ ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างเว้นแต่งานที่ทำติดต่อกันไป ถ้าหยุดจะ
เสียหายแก่งานและงานฉุกเฉินหรือกิจการโรงแรม สถานมหรสพ งานขนส่ง ร้านอาหาร ร้านขาย
เครื่องดื่ม สโมสร สมาคม หรือสถานพยาบาล " นายจ้างอาจให้ลูกจ้างทำงานในวันหยุดได้เท่าท่ี
จำเปน็ โดยไดร้ ับความยินยอมจากลูกจา้ งเป็นคราวๆไป"
๑๐.๒ การทำงานลว่ งเวลา การทำงานในวันหยดุ เมือ่ รวมกันแลว้ สัปดาห์หนึง่ ไมเ่ กิน
๓๖ ช่วั โมง
๑๑. วนั หยดุ
๑๑.๑ วนั หยุดประจำสปั ดาหใ์ ห้นายจา้ งจัดให้ลกู จ้างหยดุ สปั ดาห์หน่งึ ไมน่ อ้ ยกว่า
๓๒ คมู่ ืออาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
๑ วนั โดยวันหยุดประจำสปั ดาหต์ ้องมรี ะยะเวลาห่างกนั ไม่เกนิ ๖ วนั
๑๑.๒ วนั หยดุ ตามประเพณีให้นายจ้างประกาศวันหยดุ ดงั กลา่ วให้ลูกจา้ งทราบเป็น
การลว่ งหนา้ ปีหนง่ึ ไม่น้อยกวา่ ๑๓ วันต่อปี โดยรวมวนั แรงงานแห่งชาติ
๑๑.๓ วนั หยดุ พกั ผ่อนประจำปใี หล้ กู จา้ งซ่ึงทำงานติดต่อกันมาแลว้ ครบ ๑ ปีมสี ิทธิ
หยดุ พกั ผ่อนประจำปีไดป้ ีหนึ่งไม่น้อยกว่า ๖วันทำงาน
๑๒. วันลา
๑๒.๑ ลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง โดยได้รับค่าจ้างตลอดระยะเวลาที่ลาแต่ปีหนึ่งไม่
เกนิ ๓๐วนั
๑๒.๒ ลาเพ่ือทำหมนั ได้ตามทแี่ พทยแ์ ผนปจั จุบนั ชัน้ หนงึ่ กำหนดและออกใบรับรอง
โดยได้รับค่าจา้ ง
๑๒.๓ ลากิจไดต้ ามข้อบังคับเกีย่ วกับการทำงาน
๑๒.๔ ลาเพื่อรับราชการทหารในการเรียกพลเพื่อตรวจสอบฝึกวิชาทหารหรือ
ทดลองความพร่งั พร้อมตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร โดยไดร้ บั คา่ จ้างตลอดระยะเวลา
ท่ีลาแตป่ หี นงึ่ ไมเ่ กนิ ๖๐วัน
๑๒.๕ ลาฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถเพื่อประโยชน์ต่อการแรงงาน
และสวัสดิการและเพมิ่ ทักษะความชำนาญเพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพในการทำงานของลูกจ้างหรือการ
สอบวัดผลทางกาศึกษาท่รี าชการจดั หรอื อนญุ าตให้จัด
๑๒.๖ วันลาเพื่อคลอดบุตร เพิ่มสิทธิ์ให้ลูกจ้างหญิงที่ตั้งครรภ์ สามารถลาเพื่อ
คลอดบุตรได้ไมเ่ กิน ๙๘ วัน ซึง่ รวมถงึ วนั ลาเพ่ือตรวจครรภก์ อ่ นคลอดบุตรและให้นับรวมวันหยุดท่ี
มรี ะหว่างวันลาด้วย จากเดมิ ลาคลอดบตุ รได้ ๙๐ วัน ทัง้ น้ี ลกู จ้างจะไดร้ บั ค่าจ้างระหว่างลาคลอด
บตุ รจากประกันสงั คม ๔๕ วนั และจากนายจา้ งอกี ไมเ่ กิน ๔๕ วัน
๑๓. เวลาพัก ไม่น้อยกว่าวันละ ๑ ชั่วโมงหลังจากทำงานมาแล้ว๕ ชั่วโมงติดต่อกัน ถ้ามี
การทำงานล่วงเวลาไม่น้อยกว่า ๒ ชั่วโมงขึ้นไป นายจังต้องจัดเวลาพักให้ลูกจ้างก่อนทำงาน
ลว่ งเวลา ไม่นอ้ ยกว่า ๒๐นาที
๑๔. การใชแ้ รงงานหญงิ
๑๔.๑ ห้ามลูกจ้างหญิงทำงานในเหมืองแร่ งานก่อสร้างที่ต้องทำใต้ดิน ใต้น้ำใน
อุโมงค์ หรือปล่องในภูเขาที่มีลักษณะเป็นอันตรายต่อสขุ ภาพ หรือร่างกายของลูกจ้าง งานที่ต้อง
ทำบนนั่งร้านที่สูงกว่าพื้นดนิ ตั้งแต่ ๑๐ เมตรขึ้นไป งานผลิตหรือขนส่งวัตถุระเบิด หรือวัตถุไวไฟ
๓๓ ค่มู ืออาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา
หรืองานตามท่ีกำหนดในฎกระทรวงฉบับที่ ๒(พศ. ๒๕๔๑ ) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
คุม้ ครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑
๑๔.๒ การคุ้มครองหญิงมีครรภ์ ห้ามนายจ้างให้ลูกจา้ งหญิงมีครรภ์ทำงานระหวา่
๒๒.๐๐-๐๖.๐๐น. ทำงานล่วงเวลา ทำงานในวันหยุดหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรหรือ
เครื่องยนต์ที่มีความสั่นสะเทือน งานขับเคลื่อนหรือติดไปกับยานพาหนะ งานยก แบกหาม หาบ
ทูน ลาก หรือเข็นของหนักเกิน ๕๐ กิโลกรัมงานท่ีทำในเรือ และห้ามนายจ้างเลิกจ้างหญิงเพราะ
เหตุมีครรภ์ เว้นแต่ลูกจ้างทำงานในตำแหน่งผู้บริหาร งานวิชาการ งานธุการและงานเกี่ยวกับ
การเงนิ หรือบญั ชีสามารถทำงานล่วงเวลาได้โดยไดร้ บั ความยินยอมจากลูกจา้ ง
๑๕. การใช้แรงงานเดก็
๑๕.๑ หา้ มจา้ งเด็กอายตุ ำ่ กว่า ๑๕ ปเี ข้าทำงาน
๑๕.๒ การจ้างลูกจ้างเด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี นายจ้างต้องปฏิบัติ คือ (๑) แจ้งการ
จ้างเดก็ ต่อพนักงานตรวจแรงงานภายใน ๑๕ วนั นบั แต่วนั ท่ีเด็กเขา้ ทำงาน (๒) ทำบันทึกสภาพการ
จ้างที่มีการเปล่ียนแปลงไปจากเดิมโดยเกบ็ ญ สถานประกอบกิจการ หรือสำนักงานของนายจ้าง
พร้อมให้พนักงานตรวจแรงงานตรวจไดใ้ นเวลาทำการ (๓) แจ้งการสิน้ สุดการจา้ งเด็กต่อพนักงาน
ตรวจแรงงานภายใน ๗ วนั นบั แตว่ นั ท่เี ดก็ ออกจากงาน
๑๕.๓ เวลาพกั เมอื่ เดก็ ทำงานมาแลว้ ไม่เกนิ ๔ ชว่ั โมง ต้องมเี วลาพกั ไม่นอ้ ยกวา่ ๑
ช่ัวโมง และใน ๔ ชั่วโมงตอ้ งจัดเวลาพักให้ตามที่นายจา้ งกำหนด
๑๕.๔ ห้ามให้เด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี ทำงานระหว่างเวลา ๒๒.๐๐ - ๐๖.๐๐ น.
ทำงานล่วงเวลาทำงานในวันหยุด ในงานหลอม เปา่ หล่อ รดี โลหะ งานปั้มโลหะ งานเกย่ี วกบั ความ
ร้อน ความเย็น สั่นสะเทือนเสียงและแสงที่มีระดับแตกต่างจากปกติอันอาจเป็นอันตราย งาน
เก่ยี วกบั สารเคมที ่เี ปน็ อันตราย งานเกีย่ วกับจุลชวี นั เปน็ พิษซ่ึงอาจเป็นเช้ือไวรสั แบคทเี รีย รา หรือ
เชื้ออื่น งานที่เกี่ยวกับวัตถุมีพิษ วัตถุระเบิด หรือวัตถุไวไฟ( เว้นแต่งานในสถานบี ริการน้ำมนั เชื้อ
เหลิง) งานขับหรือบังคับรถยนต์หรอื ปั่นจั่น งานใช้เลื่อยเดินด้วยพลังไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ งานที่
ต้องทำใต้ดิน ใต้น้ำในถ้ำอุโมงค์ หรือปล่องในภูเขา งานเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสี งานทำความ
สะอาด เครื่องจกั รหรอื เครือ่ งยนต์ขณะทเ่ี คร่ืองจักรหรือเครอื่ งยนต์กำลังทำงาน งานท่ีต้องทำบน
นั่งร้านที่สูงกว่าพื้นดินตั้งแต่๑๐ เมตรขึ้นไป ทำงานในสถานที่โรงฆ่าสัตว์ สถานที่เล่นการพนัน
สถานทเี่ ตน้ รำ รำวง หรือสถานทท่ี ม่ี ีอาหาร สุรา นำ้ ชา หรอื เครอื่ งด่มื อยา่ งอืน่ จำหน่ายและบริการ
โดยมผี ูบ้ ำเรอสำหรบั ปรนนิบัตลิ ูกคา้ หรือโดยมีท่ีสำหรบั พักผอ่ นหลับนอนหรือมีบริการนวดให้แก่
ลกู คา้
๓๔ คูม่ อื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา
๑๖. คา่ จา้ ง
๑๖.๑ จา่ ยเป็นเงินไทย ณ สถานทีท่ ำงานของลูกจา้ งหรอื ตามท่ีตกลงกนั
๑๖.๒ งานที่มีลักษณะและคุณภาพอย่างเดียวกัน ปริมาณเท่ากัน ให้นายจ้าง
กำหนดค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุดและค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้แก่ลูกจ้างเท่าเทียม
กนั ทงั้ ลกู จา้ งชายหญิง
๑๗. คา่ ลว่ งเวลาในวันทำงาน ไมน่ ้อยกวา่ ๑๕ เท่าของค่จา้ งปกติต่อช่วั โมงทที่ ำเกิน
๑๘. ค่าทำงานในวนั หยุด
๑๘.๑ ลกู จ้างซงึ่ มีสทิ ธิไดร้ บั คา่ จา้ งในวันหยดุ จา่ ยเพมิ่ ขึน้ ไม่น้อยกว่า ๑ เท่า
ของค่าจ้างตอ่ ชั่วโมง
๑๘.๒ ลูกจ้างซ่ึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุด จ่ายไม่น้อยกว่า ๒ เท่า
ของคา่ จา้ งปกติต่อชวั่ โมงท่ีทำ
๑๙. คา่ ลว่ งเวลาในวนั หยุด ไมน่ อ้ ยกว่า ๓ เท่าของคา่ จ้างปกตติ ่อชัว่ โมงท่ที ำเกิน
๒๐. การหยดุ กจิ การชว่ั คราว
ถา้ นายจ้างจำเป็นต้องหยุดกิจการทัง้ หมดหรอื บางส่วนเปน็ การชั่วคราว โดยเหตุซ่ีง
มิใช่เหตุสุดวิสัย ให้นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลุกจ้างไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ ของค่าจ้างตลอดเวลาท่ี
ไมไ่ ด้ให้ลกู จ้างทำงานและแจ้งใหล้ กู จ้างและพนกั งานตรวจแรงงาน ทราบลว่ งหน้าก่อนวันเร่ิมหยุด
กิจการไม่นอ้ ยกวา่ สามสิบวันทำการ
๒๑. การหักค่าตอบแทน ห้ามนายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุดและค
ล่วงเวลาในวันหยุด เว้นแต่
๒๑.๑ชำระภาษีเงินได้ หรอื เงนิ อืน่ ทล่ี กู จา้ งมีหน้าที่ต้องจ่ายตามกฎหมายบญั ญตั ไิ ว้
๒๑.๒ ชำระค่าบำรงุ สหภาพแรงงานตามขอ้ บงั คับของสหภาพแรงงาน
๒๑.๓ ชำระหนส้ี นิ สหกรณ์ออมทรพั ย์ หรือสหกรณอ์ ่นื ทมี่ ีลักษณะเดียวกับสหกรณ์
ออมทรัพย์หรือหนี้ที่เป็นสวัสดิการและประโยชน์ของลูกจ้างฝ่ายเดียว โดยได้รับความยินยอม
ลว่ งหนา้ จากลูกจา้ ง
๒๑.๔ เงนิ ประกัน หรอื ชดใชค้ า่ เสยี หายใหแ้ กน่ ายจ้างซง่ึ ลกู จา้ งได้กระทำโดย
จงใจหรอื ประมาทเลินเลอ่ อย่างร้ายแรงโดยได้รบั ความยินยอมจากลกู จา้ ง
๒๑.๕ เงนิ สะสม ตามข้อตกลงเกี่ยวกับกองทนุ เงนิ สะสม
๓๕ คู่มอื อาสาสมัครแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา
การหักดังกล่าวนอกจากการหักเพื่อชำระภาษีเงินได้หรือเงินอื่นที่ต้องจ่ายตามกฎหมาย
บัญญัติไว้ ห้ามหักเกินร้อยละ ๑๐ และรวมกันต้องไม่เกิน ๑ใน๕ ของเงินที่ลูกจ้างได้รับในแต่ละ
งวดเวน้ แต่ไดร้ ับความยนิ ยอมจากลกู จา้ ง
๒๒. สวัสดกิ าร
๒๒.๑ นายจ้างต้องจัดสวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยให้แก่ลูกจ้าง เช่น น้ำ
สะอาดสำหรับพร้อมดื่ม ห้องน้ำ หอส้วม และปัจจัยปฐมพยาบาลให้แก่ลูกจ้างตามหลักเกณฑ์ที่
กฎหมายกำหนด
๒๒.๒ สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ ๕๐ คนขึ้นไป ต้องจัดให้มี
คณะกรรมการสวัสดิการ ในสถานประกอบกิจการ เพื่อทำหน้าที่ร่วมหารือกับนายจ้างเพื่อจัด
สวัสดิการแก่ลูกจ้างให้คำปรึกษาหารือและเสนอแนะความเห็นแก่นายจ้างในการจัดสวัสดิการ
สำหรับลูกจ้างตรวจตราควบคุมดูแลการจัดสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้าง และเสนอความ
คดิ เห็นและแนวทางในการจดั สวสั ดิการทีเ่ ป็นประโยนต่อคณะกรรมการ สวัสดิการแรงงาน
๒๓. ความปลอดภยั ในการทำงาน
๒๓.๑ พนักงานตรวจแรงงานพบว่านายจ้างผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำ
กระทรวงเก่ยี วกับความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ออกตามมาตรา
๑๐๓ แห่งพระราชบัญญัติความคุ้มครองแรงงาน พศ. ๒๕๔๑ ให้พนักงานตรวจแรงงานมีอำนาจ
ออกคำส่ังเป็นหนังสอื ให้นายจ้างปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน อาคาร สถานท่ี หรือจัดทำ
หรือแก้ไขเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ลูกจ้างต้องใช้ในการปฏิบัติงานหรือ ที่เกี่ยวข้องกับการ
ปฏิบัติงานให้ถูกต้องหรือเหมาะสมภายในระยะเวลาที่กำหนด ถ้าพนักงานตรวจแรงงานพบว่า
สภาพแวดล้อมในการทำงานอาคารสถานที่เครื่องจักรหรอื อุปกรณท์ ี่ลูกจ้างใช้จะกอ่ ให้เกิดวามไม่
ปลอดภัยแก่ลูกจ้างหรือนายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดีหรือผู้ซ่ึง
อธิบดีมอบหมาย พนักงานตรวจแรงงานมอี ำนาจสัง่ ให้นายจา้ งหยุดการใชเ้ ครือ่ งจักรหรืออปุ กรณ์
ทัง้ หมดหรอื บางส่วนเป็นการชัว่ คราวไดแ้ ละให้นายจา้ งจ่ายเงนิ แกล่ กู จ้างเทา่ กับคา่ จ้างในวันทำงาน
ตลอดระยะเวลาท่ลี กู จา้ งหยุดงาน
๒๓.๒ นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างและส่งผลการตรวจดังกล่าวแก่
พนักงานตรวจแรงงานตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารท่ีกำหนดในกฎกระทรวง
๒๓.๓ ใชบ้ ังคับแก่กจิ การหรือสถานประกอบกจิ การ ดังตอ่ ไปน้ี
(๑) การทำเหมืองแร่ เหมอื งหนิ กิจการปโิ ตรเลียมหรือปีโตรเคมี
๓๖ ค่มู อื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
(๒) การทำ ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบำรุง เก็บรักษา ปรับปรุง
ตกแตง่ เสริมแต่ง ตดั แปลง แปรสภาพ ทำใหเ้ สยี หรอื ทำลายซ่ึงวัตถุหรอื ทรัพย์สิน รวมท้ังการต่อ
เรือการให้กำเนิดแปลง และจ่ายไฟฟา้ หรือพลังงานอยา่ งอนื่
(๓) การก่อสรา้ ง ต่อเตมิ ติดตั้ง ซ่อม ซ่อมบำรุงตัดแปลง หรือร้ือถอนอาคาร
สนามบิน ทางรถไฟ ทางรถราง ทางรถใต้ดิน ท่าเรือ อู่เรือ สะพานเทียบเรือ ทางน้ำ ถนนเขื่อน
อุโมงค์ สะพาน ท่อระบาย ท่อน้ำ โทรเลข โทรศัพท์ ไฟฟ้า ก๊าซหรือประปา หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ
รวมท้ังการเตรยี มหรอื วางรากฐานของการกอ่ สรา้ ง
(๔) การขนส่งคนโดยสารหรือสินค้าโดยทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และ
รวมท้งั การบรรทกุ ขนถา่ ยสนิ คา้
(๕) สถานีบริการหรอื จำหน่ายนำ้ มันเช้ือเพลิงหรอื กซ๊
(๖) โรงแรม
(๗) ห้างสรรพสินคา้
(๘) สถานพยาบาล
(๙) สถาบนั ทางการเงิน
(๑๐) สถานตรวจทดสอบทางกายภาพ
(๑๑) สถานบริการบันเทงิ นนั ทนาการ หรอื การกีฬา
(๑๒) สถานปฏบิ ตั ิการทางเคมีหรือชวี ภาพ
(๑๓) สำนักงานที่ปฏิบัติงานสนับสนุนสถานประกอบกิจการตาม (๑) ถึง
(๑๒)
(๑๔) กิจการอน่ื ตามทก่ี ระทรวงแรงงานประกาศกำหนด
๑.ให้นายจ้างงานในสถานประกอบกิจการตาม(๑) ถึง (๕) ที่มี
ลูกจ้างตง้ั แต่ห้าสบิ คนขึ้นไปและสถานประกอบกจิ การตาม (๖)ถงึ (๑๔)ท่มี ลี ูกจ้างตั้งแต่ย่ีสิบคนข้ึน
ไปแต่งตั้งลูกจ้างระดับหัวหน้างาน เป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน
ของสถานประกอบการ
๒. ให้นายจงในสถานประกอบกิจการตาม (๒) ถึง (๕) ที่มีลูกจ้าง
ตั้งแต่ยี่สิบคนขึ้นไปแต่ไม่ถึงห้าสิบคน แต่งตั้งลูกจ้างเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน
ระดับเทคนิคประจำสถานประกอบการ
๓๗ คมู่ อื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
๓. ให้นายจางในสถานประกอบกิจการตาม(๒) ถึง (๕) ที่มีลูกจ้าง
ตั้งแตห่ า้ สิบคนขนึ้ ไปแตไ่ ม่ถึงหน่ึงรอ้ ยคน แตง่ ตง้ั ลูกจา้ งเป็นเจา้ หน้าทค่ี วามปลอดภัยในการทำงาน
ระดับเทคนิคขน้ั สงู เวน้ แตม่ เี จ้าหนา้ ที่ความปลอดภยั ในการทำงานระดับวชิ าชพี อยูแ่ ลว้
๔. ให้นายจ้างในสถานประกอบกิจการตาม (๑) ที่มีลูกจ้างตั้งแต่
สองคนข้ึนไป และสถานประกอบกจิ การตาม (๒) ถึง (๕) ทีม่ ีลกู จา้ งตงั้ แตห่ นึ่งร้อยคนขึน้ ไป แตง่ ต้ัง
ลกู จ้างเปน็ เจ้าหน้าท่ีความปลอดภัยในการทำงานระดบั วชิ าชีพ
๕. ให้นายจงในสถานประกอบกิจการตาม (๑) ถึง (๕) ที่มีลูกจ้าง
ตั้งแต่สองคนขึ้นไปและสถานประกอบกิจการตาม(๖) ถึง(๔) ที่มีลูกจ้างตั้งแต่สิบคนขึ้นไป แต่งต้ัง
ลูกจ้างระดับบริหารทุกคนเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงนระดับบริหารของสถาน
ประกอบกิจการ
๒๓.๔ ให้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ ๕๐ คนขึ้นไป จัดให้มีเจ้าหน้าท่ี
ความปลอดภัย ในการทำงานระดับหัวหน้างาน ระดับบริหาร และระดับวิชาชีพ เพื่อดูแลความ
ปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้างในสถานประกอบกจิ การรว่ มกับนายจ้าง
๒๓.๕ ให้สถานประกอบกจิ กาทม่ี ีลูกจ้างตั้งแต่ ๕๐ คนขึ้นไป จัดให้มีคณะกรรมการ
ความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานประกอบด้วยนายจ้าง หรือผู้แทน
นายจ้าง ผู้แทนลูกจ้างระดับบังคับบัญชา ผู้แทนลูกจ้างระดับปฏิบัติการ และจป. โดยมีจำนวน
คณะกรรมการตามขนาดของสถานประกอบกิจการ
๒๔.การพักงาน
๒๔.๑ ให้นายจ้างสั่งพักงานลูกจ้างเพือ่ ทำการสอบสวนกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำ
ความผดิ เว้นแต่มีขอ้ บังคบั เกยี่ วกับการทำงาน หรือขอ้ ตกลงเกย่ี วกบั สภาพการจ้างให้อำนาจส่ังให้
พกั งานได้ แต่นายจา้ งจะสั่งพักงานไดไ้ มเ่ กิน ๗ วนั และในชว่ งท่ีพกั งาน นายจ้างตอ้ งจ่ายเงินในช่วง
พักงานตามอัตราทกี่ ำหนดไว้ในข้อบังคับหรือข้อตกลงดังกล่าวแต่ตอ้ งไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของ
ค่าจา้ งในวันทำงานท่ลี ูกจา้ งไดร้ บั ก่อนถกู ส่งั พกั งาน
๒๔.๒ ถ้าผลการสอบสวนปรากฎว่าลูกจ้างไม่มีความผิดให้นายจา้ งจ่ายค่าจ้างเตม็
จำนวนนับแต่วันที่ถูกสั่งพักงานจนถึงวันที่ลูกจ้างกลับเข้าทำงาน พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕
ตอ่ ปี
๒๕.ค่าชดเชย นายจา้ งตอ้ งจา่ ยค่าชดเชยให้ลกู จ้างซึง่ ถูกยกเลกิ ในอตั รา ดังต่อไปนี้
๒๕.๑ ทำงานคิดต่อกันครบ ๑๒๐วันแต่ไม่ครบ ๑ปีให้จ่ายไมน่ ้อยกว่าค่าจ้างอัตรา
สดุ ทา้ ย ๓๐ วัน
๓๘ คมู่ ืออาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา
๒๕.๒ ทำงานติดต่อกันครบ ๑ปี แต่ไม่ครบ ๓ปีให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตรา
สุดทา้ ย ๙๐ วนั
๒๕.๓ ทำงานติดต่อกันครบ ๓ ปี แต่ไม่ครบ ๖ ปีให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตรา
สุดท้าย ๑๘๐ วัน
๒๕.๔ ทำงานติดต่อกันครบ ๖ ปี แต่ไม่ครบ ๑๐ปีให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตรา
สุดทา้ ย ๒๔๐ วัน
๒๕.๕ ทำงานติดต่อกันครบ ๑๐ ปีขึ้นไป ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย
๓๐๐วนั
๒๖. การเลิกจา้ งโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
๒๖.๑ ทจุ รติ ต่อหนา้ ท่หี รอื กระทำผดิ อาญาโดยเจตนาแก่นายจา้ ง
๒๖.๒ จงใจทำใหน้ ายจา้ งได้รับความเสียหาย
๒๖.๓ ประมาทเลนิ เลอ่ เปน็ เหตุใหน้ ายจ้างไดร้ ับความเสยี หายอยา่ งร้ายแรง
๒๖.๔ ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอัน
ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว หนังสือเตือนมีอายุไม่
เกิน ๑ ปีนับแตว่ นั ที่ลูกจา้ งกระทำผิด เว้นแต่กรณีร้ายแรงไมจ่ ำเป็นตอ้ งตักเตอื น
๒๖.๕ ละท้งิ หนา้ ทเี่ ป็นเวลา ๓ วนั ตดิ ตอ่ กันไม่ว่าจะมีวนั หยุดคนั่ หรือไม่ก็ตาม
๒๖.๖ ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด ถ้าเป็นความผิดที่ได้กระทำโดย
ประมาทหรือความผิดลหุโทษ ต้องเป็นกรณีทเ่ี ปน็ เหตุใหน้ ายจา้ งไดร้ บั ความเสียหาย
๒๗. ค่าชดเชยพเิ ศษ
๒๗.๑ ถา้ นายจา้ งเลิกจ้างลูกจ้างเพราะเหตทุ ่ีปรับปรุงหน่วยงาน กระบวนการผลิต
จำหน่าย หรือบริการ เนื่องจากนำเครื่องจักรมาใช้หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรและเทคโนโลยีซ่งึ
เป็นเหตใุ หต้ อ้ งลดจำนวนลูกจ้าง นายจา้ งต้องแจ้งต่อลูกจ้างและพนักงานตรวจแรงงานล่วงหน้าไม่
น้อยกว่า ๖๐ วัน และถ้าลูกจ้างมีอายุงานเกิน ๖ ปี ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยพิเศษเพิ่มขึ้นจาก
ค่าชดเชยปกติไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย ๑๕ วันต่อการทำงานครบ ๑ ปี แต่รวมแล้ว
ค่าชดเชยพเิ ศษอตั ราสูงสดุ ตอ้ งไมก่ นิ ค่าจ้างอตั ราสดุ ทา้ ย ๓๖๐ วนั
๒๗.๒ ถ้านายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้งสถานที่อื่นซึ่งมีผลกระทบสำคญั
ต่อการดำรงชีวิตตามปกติของลูกจ้างหรือครอบครัว นายจ้างต้องบอกกล่ าวให้ลูกจ้างทราบ
ล่วงหนา้ ไมน่ ้อยกวา่ ๓๐ วนั และถ้าลูกจา้ งไมป่ ระสงค์ไปทำงานด้วย กม็ สี ทิ ธิบอกเลิกสัญญาจ้างได้
โดยมสี ทิ ธ์ไิ ด้รบั ค่าชดเชยพิเศษไมน่ อ้ ยกว่าอัตราค่าชดเชยปกติ
๓๙ คมู่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา
พระราชบัญญตั แิ รงงานสัมพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘
๑. การรวมตวั เป็นองค์กร
พ.ร.บ.แรงานสมั พนั ธ์ พศ. ๒๕๑๘ ใหส้ ิทธินายจา้ งและลกู จา้ งรวมตัวกนั ไดใ้ นหลายลกั ษณะ ได้แก่
๑.๑ ลูกจ้างในสถานประกอบกิจการตั้งแต่ ๕๐ คนขึ้นไป สามารถจัดตั้งคณะกรรมการ
ลูกจ้างได้ และนายจ้างต้องจัดให้มีการประชุมหารือกับคณะกรรมการลูกจ้างอย่างน้อย ๓เดือน/
ครงั้
๑.๒ ลูกจ้างตั้งแต่ ๑๐ คนขึ้นไป สามารถยื่นคำขอจดทะเบียนสหภาพแรงงานได้พร้อม
หลกั ฐาน ดังนี้ (๑) หนังสอื ขอจดทะเบียนสหภาพแรงงานระบุชื่อ อายุ อาชีพหรือวิชาชีพและท่ีอยู่
ของผู้เริ่มก่อการทุกคน (๒) ร่างข้อบังคับของสหภาพแรงงานอย่างน้อย ๓ ฉบับ (๓)เอกสาร
ประกอบ คำขอ เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ตัวอย่าง
เคร่ืองหมายสหภาพแรงงาน ฯลฯ
๑.๓ นายจ้างตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไป สามารถยื่นคำขอทะเบียนสมาคมนายจ้างได้พร้อมด้วย
หลกั ฐานดังนี้ (๑) หนังสือขอจดทะเบียนสมามนายจงระบชุ ่ือ อายุ หรือวิชาชีพ และทีอ่ ยู่ของผู้เริ่ม
ก่อการทกุ คน (๒) รา่ งขอ้ บังคบั สมาคมนายจ้างอย่างน้อย ๓ ฉบบั (๓) เอกสารประกอบคำขอ เช่น
สำเนาทะเบียนบ้านหรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ตัวอย่างเครื่องหมายสมาคุม
นายจา้ ง ฯลฯ
๑.๔ สมาคมนายจ้างตั้งแต่สองสมาคมขึ้นไปที่มีสมาชิกประกอบกิจการประเภทเดียวกัน
สามารถยืน่ คำขอจุดทะเบียนจัดตัง้ เป็นสหพันธน์ ายจา้ งได้
๑.๕ สหภาพแรงงานตั้งแต่สองสหภาพขึ้นไปท่ีมสี มาชกิ เป็นลกู จ้างของนายจ้างคนเดียวกัน
หรือในกิจการประเทเตยี วกัน สามารถยนื่ คำขอจดทะเบียนจัดตงั้ เป็นสหพนั ธ์แรงงานได้
๑๖ สมาคมนายจ้างหรอื สหพันธ์นายจ้างต้ังแต่ ๕ แห่งขึ้นไปสามารถยื่นคำขอจดทะเบียน
จัดตง้ั เป็นสภาองค์การนายจ้างได้
๑.๗ สหภาพแรงงานหรือสหพันธ์แรงงานตั้งแต่ ๑๕ แห่งขึ้นไปสามารถยื่นคำขอจด
ทะเบียนจัดตัง้ เปน็ สภาองคก์ ารลกู จา้ งได้
๒. การเจรจาตอ่ รอง
พร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ ให้สิทธิแก่ลูกจ้างนายจ้างและองค์กรตามกฎหมาย
แรงงานสมั พนั ธ์ เข้ารว่ มในกระบวนการเจรจาตอ่ รองเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ดังน้ี
๔๐ คู่มืออาสาสมคั รแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา
๒.๑ให้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่๒๐คนขึน้ ไป จัดให้มีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพ
การจ้างไว้เป็นหนังสือ หากไม่มีให้ถือว่าเป็นข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานตามกฎหมายคุ้มครอง
แรงงาน เปน็ ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
๒.๒ การยื่นข้อเรียกร้องให้มีหรือแก้ไขข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ให้ยื่นข้อเรียกร้อง
เป็นหนงั สอื แจง้ อีกฝา่ ยหน่ึงทราบ (๑)กรณีนายจ้างเป็นผู้แจ้งเรียกรอ้ งจะตอ้ งระบชุ อ่ื ตนเองหรือตั้ง
ผู้แทนเป็นผู้เข้าร่วมในการเจราจา โดยผู้แทนต้องเป็นกรรมการผู้ถือหุ้น ผู้เป็นส่วนหุ้ น หรือ
ลูกจ้างประจำของนายจ้างกรรมการของสมาคมนายจ้าง หรือกรรมการของสหพันธ์นายจ้าง (๒)
เรียกร้องไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๑๕ ของลกู จ้างทง้ั หมดซง่ึ เกี่ยวขอ้ งกับท่เี รียกร้อง (๓) กรณีเปน็ สมาคม
นายจ้าง หรือสหภาพแรงงานอาจแจ้งชื่อเรียกร้องต่ออีกฝ่ายหนึ่งแทนนายจังหรือลูกจ้างไ ม่น้อย
กวา่ ๑ ใน ๕ ของลกู จ้างจำนวนทง้ั หมด เม่ือไดม้ กี ารยืน่ ท่เี รยี กรอ้ งแลว้ ให้ฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง
ตอ้ งเรมิ่ เจรจากนั ภายใน ๓ วนั นับแตว่ นั รับข้อเรยี กร้อง
๒.๓ หลงั จากยืน่ ข้อเรียกร้องแล้ว (๑) กรณีนายจา้ งและลูกจ้างเจรจาตกลงกันได้ให้ทำเป็น
หนังสือและติดประกาศโดยเปิดเผย และนายจ้างต้องนำข้อตกลงไปจดทะเบยี นภายใน ๑๕วันนับ
แตว่ ันท่ตี กลงกัน (๒) กรณนี ายจ้างและลกู จ้างไมม่ ีการเจรจาภายใน ๓ วันหรือเจรจากนั แล้วแต่ตก
ลงกันไม่ได้ ใหถ้ ือว่ามขี ้อพพิ าทเกดิ ขนึ้ ใหฝ้ ่ายแจ้งข้อเรยี กรอ้ งแจ้งเป็นหนงั สือต่อพนักงานประนอม
ขอ้ พพิ าทแรงงาน ภายใน ๒๔ ชม.
๒.๔ พนกั งานประนอมข้อพิพาทแรงงาน จะดำเนนิ การไกลเกลีย่ ให้ตกลงกันภายใน ๕ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ถ้าตกลงกันได้ให้ทำหนังสือและนำไปจดทะเบียน หากตกลงกันไม่ได้ถือว่า
เปน็ ข้อพิพาทแรงงานท่ีตกลงกันไมไ่ ด้
๒.๕ กรณีเป็นข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ทั้ง ๒ ฝ่าย อาจดำเนินการอย่างใดอย่าง
หนึ่ง ดังนี้ (๑) อาจตกลงกันตั้งผู้ขี้ขาดข้อพิพาทแรงงานโดยสมัครใจ (๒) นายจ้างจะปิดงาน หรือ
ลูกจ้าง จะนัดหยุดงานต้องแงไห้อีกฝ่ายทราบและแจ้งพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานทราบ
ล่วงหน้าก่อน ๒๔ชม (๓) ถ้านายจ้างไม่ประสงค์ปดิ งาน หรือลูกจ้างไม่ประสงค์จะนัดหยุดงานจะ
เจรจากันเอง หรือให้เจา้ หน้าที่ไกลเกลี่ยก็ได้
๒.๖ ในขณะทลี่ ูกจ้างนัดหยุดงาน หรือนายจงปิดงานทั้งสองฝา่ ยจะให้พนักงานประนอมข้อ
พิพาทแรงงานไกลเกลี่ยหรือเจรจากันเองจนกว่าจะตกลงกันได้ ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
แรงงานมีอำนาจส่ังให้ลกู จ้างเลิกหยดุ งาน และนายจ้างเลิกปิดงาน หรือสั่งใหบ้ ุคคลอ่ืนเขา้ ทำงาน
แทน และสั่งให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน ถ้าเห็นว่าการปิดงานหรือ
การนัดหยุดงาน อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของประเทศหรืออาจก่อให้เกิดความ
๔๑ คู่มอื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา
เดือดร้อนแก่ประชาชน หรืออาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศหรืออาจขัดต่อความสงบ
เรยี บร้อยของประชาชน
๒.๗ ระหว่างการเจรจาไกลเ่ กลย่ี หรอื การช้ีขาดห้ามมิใหเ้ ลกิ จา้ งหรอื โยกย้ายหน้าท่ีการงาน
ของลูกจา้ งผแู้ ทนลูกจา้ งหรือสมาชิกสหภาพแรงงานท่ีเกย่ี วข้องกับข้อเรียกร้อง เว้นแต่มีการทุจริต
ต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดโดยเจตนาแก่นายจ้างหรือจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
ฯลฯ
การกระทำอันไมเ่ ปน็ ธรรม ไดแ้ ก่
- หา้ มมิใหน้ ายจ้าง
(๑) เลิกจ้างหรอื การกระทำใด ๆ อันอาจเป็นผลใหล้ ูกจา้ งไม่สามารถทนทำงานอยู่ต่อไปได้
เพราะเหตทุ ่ีลกู จา้ ง ได้นดั ชุมนุม ทำคำร้องยื่นขอ้ เรยี กรอ้ ง เจรจา หรอื ดำเนินการฟ้องร้องหรือเป็น
พยาน หรือให้หลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือนายทะเบียน พนักงานประนอมข้อพิพาท
แรงงาน ผู้ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน หรือกรรมกรแรงงานสัมพันธ์ หรือต่อศาลแรงงาน หรือเพราะ
เหตุทีท่ ่ลี ูกจา้ งหรอื สหภาพแรงงานกำลังจะกระทำการดังกล่าว
(๒) เลกิ จา้ งหรือกระทำการใด ๆ อันอาจเป็นผลให้ลูกจา้ งไม่สามารถทนทำงานอยู่ต่อไปได้
เพราะเหตทุ ี่ลกู จ้างนั้นเปน็ สมาชกิ ของสหภาพแรงงาน
(๓) ขัดขวางในการที่ลูกจ้างเป็นสมาชิก หรือให้ลูกจ้างออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพ
แรงงานหรอื ให้ หรือตกลงจะใหเ้ งินหรือทรัพยส์ นิ แก่ลูกจา้ งหรอื เจ้าหน้าท่ีของสหภาพแรงงาน เพื่อ
มใิ หส้ มัครหรือรับสมัครลูกจ้างเปน็ สมาชกิ หรือเพอื่ ใหอ้ อกจากการเป็นสมาชกิ ของสหภาพแรงงาน
(๔) ขัดขวางการดำเนินการของสหภาพแรงงานหรือสหพันธ์แรงงาน หรือขัดขวางการใช้
สทิ ธิของลูกจา้ งในการเปน็ สมาชิกของสหภาพแรงงาน หรือ
(๕) เขา้ แทรกแชงในการดำเนินการของสหภาพแรงงาน หรอื สหพนั ธ์แรงงาน
- ห้ามมิให้ผใู้ ด
(๑) บงั คับหรอื ขู่เขญ็ ใหล้ กู จ้างตอ้ งเปน็ สมาชกิ สหภาพแรงงานหรอื ตอ้ งออกจากการ
เปน็ สมาชกิ สหภาพแรงงาน หรอื
(๒) กระทำการใด ๆ อนั อาจเป็นผลนายจา้ งฝ่าฝืนขา้ งตน้ ( มาตรา ๑๒๒ )
- หา้ มเลกิ จ้าง
ในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างหรือคำชี้ขาดมีผลใช้บังคับ ห้ามมิให้นายจ้าง
เลิกจ้างซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง เว้นแต่ ทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่
นายจา้ ง จงใจทำให้นายจา้ งเสียหาย ฝ่าฝนื ข้อบังคบั ระเบยี บ หรอื คำสั่งซ่งึ นายจ้างไดต้ ักเตือนเป็น
๔๒ คู่มืออาสาสมัครแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
หนังสือแล้วเว้นแต่กรณีร้ายแรงละทิ้งหน้าที่ ๓ วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรทำ
การใด ๆ ให้มกี ารฝ่าฝืนขอ้ ตกลงเก่ียวกับสภาพการจ้างหรอื คำชี้ขาด
เมอ่ื มกี ารฝา่ ฝนื
เมื่อมีการฝา่ ฝืนการห้ามข้างตน้ ผู้เสยี หายอาจยน่ื คำรอ้ งกล่าวหาตอ่ คณะกรรมการแรงงาน
สมั พนั ธไ์ ด้ ภายใน ๖๐ วนั นับแต่วันทีม่ ีการฝ่าฝนื
เมื่อไดร้ ับคำร้องกล่าวหาใหค้ ณะกรรมการแรงงานสัมพันธพ์ จิ ารณาวินิจฉนั ชีข้ าดและออก
คำสัง่ ภายใน ๙๐ วัน
ในกรณีผู้กล่าวหาได้ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรร มการแรงงานสัมพันธ์การดำเนินคดี
อาญาใหเ้ ปน็ ระงับไป
การฝา่ ฝนื จะดำเนนิ คดีอาญาได้ต่อเม่ือผู้ถกู กลา่ วหาไม่ปฏบิ ัตติ ามคำส่ังของคณะกรรมการ
แรงงานสัมพนั ธ์
กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน
เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ใช้แรงงานที่จะกู้ยืมโดยผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อบรรเทา
ความเดอื ดร้อนจากการกู้ยมื เงินนอกระบบ
๑. เงอ่ื นไขการก้ยู มื
กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากสหกรณ์ออมทรัพย์ผู้กู้ ในอัตราต่ำกว่า
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) คิดกับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ๓.๕%
และใหส้ หกรณอ์ อมทรพั ย์ทก่ี ูเ้ งนิ กองทุนเพือ่ ผ้ใู ช้แรงานคิดดอกเบ้ียจากสมาชิกทก่ี ู้เงนิ ตามระเบียบ
หรือประกาศอตั ราดอกเบี้ยที่คณะกรรมการดำเนนิ การในแต่ละแหง่ มีมติให้ความเห็นชอบแตต่ ้อง
ไม่ตำ่ กว่าอัตราดอกเบ้ยี ท่กี องทนุ เพื่อผู้ใชแ้ รงงานคิดจากสหกรณ์ออมทรัพย์ผูก้ ู้
๒. วงเงนิ กู้
สหกรณ์ออมทรัพยใ์ นสถานประกอบการและรัฐวิสาหกิจกู้ได้ไมเ่ กนิ ๑๕ เท่าของทุนเรือน
หุ้น รวมกับเงนิ ทุนสำรองและหกั หน้ีสนิ ทมี่ อี ย่เู ดิมแลว้ ตอ้ งไม่เกนิ วงเงินที่นายทะเบียนอนุมัติโดยให้
กรู้ ายละไมเ่ กิน ๒๐ ล้านบาท
๓. การชำระเงินกู้
ชำระคืนเปน็ รายงวด (เดอื น) ไมเ่ กนิ ๕ ปหี รือ ๖๐ เดอื น
๔๓ คมู่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา
กองทนุ สงเคราะห์ลูกจ้าง
ลูกจ้างที่จะติดต่อขอรับเงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้นำบัตรประจำตัว
ประชาชนหรอื หลกั ฐานอน่ื ทที่ างราชการออกใหซ้ ่ึงแสดงไวว้ ่าระบุถงึ ผูน้ นั้ มาแสดงตอ่ เจ้าหน้าที่และ
มอบสำเนาเอกสารดงั กลา่ วตอ่ เจา้ หนา้ ท่ี
๑. กรณที ่ีนายจา้ งเลกิ จ้างโดยไมจ่ า่ ยค่าชดเชย
๑.๑ลูกจ้างที่มสี ิทธขิ อรับเงินสงเคราะหก์ องทุนลูกจงั ในกรณี (๑) นายจงเลกิ จ้างโดยไม่จ่าย
ค่าชดเชยและพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุดตามมาตรา ๑๒๕ (๒)นายจ้างไม่
จา่ ยเงินอื่นนอกจากเงนิ คา่ ชดเชยโดยพนกั งานตรวจแรงงานได้มีคำส่ังตามมาตรา ๑๒๔
๑.๒ เขียนคำขอเงินสงเคราะห์ตามแบบที่กำหนดและยื่นคำขอต่อพนักงานตรวจแรงงาน
แหง่ ท้องท่ที ี่มคี ำสังตามมาตรา ๑๒๔
๑.๓ เมื่อมีการอนุมตั ิให้จ่ายเงินสงเคราะห์แกล่ ูกจา้ งแล้ว ลูกจ้างต้องมารับเงินภายใน ๖๐
วัน นบั แตว่ นั ทีไ่ ด้รบั หนังสือ หรอื ลูกจ้างถึงแก่ความตายหากพ้นกำหนดดังกล่าว ถือว่าสิทธ์ิในการ
รบั เงินสงเคราะห์เป็นอันระงบั สิ้นไป
๒. กรณที ่ีนายจา้ งไมจ่ ่ายเงินอืน่ นอกเหนอื จากค่าชดเชย
๒.๑ คุณสมบัติของลูกจ้างที่มีสิทธิขอรับเงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์กรณีท่ี
นายจ้างไม่จา่ ยเงนิ อนื่ นอกเหนือจากค่าชดเชย มีดังตอ่ ไปน้ี (๑) เป็นผูม้ สี ิทธไิ ด้รับเงินอน่ื นอกเหนือ
จากค่าชดเชย และพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งตามมาตรา ๑๒๔ ให้นายจ้างจ่ายเงินเท่านั้น
(๒) ไดร้ ับความเดือดรอ้ น
๒.๒ เขียนคำขอเงินสงเคราะห์ตามแบบที่กำหนดและยื่นคำขอต่อพนักงานตรวจแรงงาน
แห่งท้องทที่ ม่ี ีคำสั่งตามมาตรา ๑๒๔
๒๓ เมื่อมีการอนุมัติให้จ่ายเงินสงเคราะห์แก่ลูกจ้างแล้ว ลูกจ้างต้องมารับงินภายใน ๖๐
วันนับแต่วันท่ีได้รับหนังสอื แจง้ หากลูกจ้างไม่มารับเงินภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ถือว่าสิทธใิ น
การขอรบั เงินสงเคราะหเ์ ป็นอนั ระงบั ส้นิ ไป
๒.๔ ในกรณีทล่ี ูกจ้างขอย่นื คำขอถึงแก่ความตายถือว่าสิทธิในการขอรับเงินสงเคราะห์เป็น
อนั ระงับสิน้ ไป
ขอ้ มลู บรกิ ารด้านสวัสดิการและคมุ้ ครองแรงงาน
๑. การขอทราบข้อมูลทวั่ ไป
๑.๑ ประชาชนท่ีมีความประสงคข์ อทราบขอ้ มูลทว่ั ไป เกี่ยวกบั กรมสวสั ดกิ ารและ คมุ้ ครอง
แรงงาน โปรดตดิ ตอ่ ท่ี
๔๔ คู่มืออาสาสมัครแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
(๑) ฝ่ายประชาสมั พันธ์ สำนักงานเลขานุการ ชนั้ ๔ กรมสวสั ดกิ ารและช้ัน ๑๑ คุม้ ครอง
แรงงาน โทร ๐-๒๒๔๕-๘๙๓๒
(๒) สถานที่ให้ข้อมูลข่าวสารสำหรับประชาชน ห้องสมุด กรมสวัสดิการและคุ้มครอง
แรงงานชนั้ ๑๕ โทร ๐-๒๒๔๕-๕๙๘๑
(๓) www.labourgo.th และ Email address : [email protected]
(๔) สายด่วนกระทรวงแรงงาน ๑๕๐๖กค ๓
๑.๒ นายจ้าง ลูกจ้าง และประชาชนทั่วไปที่มีความประสงค์ขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับ
มาตรฐานแรงงานไทย (มรท.๘๐๐๑-๒๕๔๖) ติดต่อสอบถามได้ที่สำนักพัฒนามาตรฐานแรงงาน
ชัน้ ๑๓ โทร.๐-๒๒๔๖-๘๓๗๐ ๐-๒๓๕๔-๑๖๕๒-๓
๑.๓ กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน ติดต่อสอบถามได้ที่กองสวัสดิการแรงงาน โทร.๐-๒๒๔๕-
๖๗๗๔
๒.การติดต่อเกีย่ วกบั การรอ้ งเรยี นวา่ นายจ้างฝา่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏิบัติตามกฎหมาย
ผู้ที่ประสงค์จะติดต่อเกี่ยวกับการร้องเรียนเร่ืองนายจา้ งฝ่าฝืนหรอื ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
ควรนำเอกสาร และข้อมูลเพื่อประกอบการร้องเรียน ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน และข้อมูล
เกยี่ วกับนายจา้ งหรือสถานประกอบกิจการ เช่น ชือ่ ที่อยู่ สถานทท่ี ำงาน สถานที่ใกลเ้ คียงท่ีสังเกต
ง่าย เพ่ือเจา้ หนา้ ทจี่ ะตรวจสอบได้รวดเรว็ และถกู ต้อง หลักฐานต่างๆทเ่ี ก่ยี วข้องกบั เร่อื งท่รี ้องเรียน
เช่น สลปิ เงนิ เดือน สัญญาจ้างแรงงาน บัตรประจำตัวพนกั งานหรอื คู่มือพนกั งาน
๒.๑กรณีนายจา้ งฝ่าฝืนหรือไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยการคุม้ ครองแรงงาน
(๑) กรณีนายจ้างฝ่าฝืนหรอื ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการค้มุ ครองแรงงาน เช่นค่าจ้าง
ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าชดเชย สวัสดิการ วันหยุด วันลา สามารถร้องเรียนต่อ
เจ้าหน้าที่ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ (๑.๑) ทางโทรศัพท์ โทรสาร จดหมาย จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ
โดยประการอ่ืน
(๒) ในการร้องเรียนนั้น ผู้ร้องเรียนอาจไม่เปิดเผยซื่อก็ไดห้ ากเกรงว่าจะทำให้ผู้ร้องเรียน
ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าผู้ร้องเรียนต้องการทราบผลการร้องเรียน ผู้ร้องเรียนควรแจ้งชื่อ ที่อยู่ให้
ครบถว้ นชดั เจน เพอื่ เจา้ ทจ่ี ะได้แจ้งผลการรอ้ งเรียนใหท้ ราบ
(๓) ผู้ร้องเรียนสามารถทราบผลการร้องเรียนได้เป็นระยะ ๆ โดยติดตามผลได้ที่ สถานที่
รบั คำรอ้ งเรียนทผี่ รู้ อ้ งเรยี นไดร้ อ้ งไว้
(๔) สถานทร่ี ับคำรอ้ งสว่ นกลาง
(๔.๑) สำนกั คุ้มครองแรงงาน กรมสวัสดิการและคมุ้ ครองแรงจาน
๔๕ คูม่ อื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา
ชั้น ๑๑ถนนมิตรไมตรี ดินแดง กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ โทร.๐-๒๒๔๖-๘๙๙๔ โทร.๐-
๒๒๔๕-๗๐๒๐
(๔.๒) กลุ่มงานสวัสดิการและคุม้ ครองแรงงานพืน้ ที่
(๔.๓) สำนกั งานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด
ดา้ นการประกันสังคม
หน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบด้านการประกันสังคมของกระทรวงแรงงาน ได้แก่
สำนักงานประกนั สงั คมมีภารกิจเกี่ยวกบั การบรหิ ารกองทนุ ประกนั สงั คมและกองทุนเงิน ทดแทน
โดยการจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้แรงงานมีหลักประกันการดำรงชีวิตที่มั่นคง โดยให้ความ
คุ้มครองและหลักประกันแก่ลูกจ้างที่ประสบอันตรายเจ็บป่วย ทุพพลภาพหรือตายอันมิใช่
เนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง รวมทั้งการคลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพและว่างงานตาม
พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ และคุ้มครองลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
อันเนื่องมาจากการทำงานให้แก่นายจา้ งตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ อันเป็นผล
ให้ ลูกจ้างต้องหยุดพกั รกั ษาตวั สูญเสยี อวัยวะ ทุพพลภาพ หรอื ตายและมีอำนาจหน้าที่ดงั ต่อไปน้ี
๑. ปฏิบตั ิราชการให้เกิดผลสมั ฤทธ์ิและเปน็ ไปตามเป้าหมายแนวทางและแผนการ
ปฏบิ ตั ริ าชการของกระทรวง
๒. ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม ตามพระราชบัญญัติ
ประกันสงั คม พ.ศ. ๒๕๓๓ และพระราชบญั ญัตเิ งินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗
๓. บรหิ ารกองทนุ ประกนั สังคมและกองทนุ เงินทดแทน
๔. คมุ้ ครองดแู ลผปู้ ระกนั ตนและลูกจ้างให้ได้รบั สิทธิและประโยชนต์ ามท่ีกฎหมาย
กำหนด
๕. พฒั นาระบบรูปแบบ มาตรการ วธิ กี ารดา้ นประกันสังคมและเงนิ ทดแทนรวมท้ัง
ประสานแผนการปฏบิ ัติงานของสำนกั งาน
๖.ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานหรอื
ตามทกี่ ระทรวงหรือคณะรฐั มนตรมี อบหมาย
สำนักงานประกันสังคม (สปส.) มีหน่วยงานที่ให้บริการทั้งในสว่ นกลางและส่วนภมู ิภาค
โดยในส่วนกลาง นอกจากมีบรกิ าร ณ สำนักงานประกนั สงั คม ต้งั อยู่เลขที่ ๘๘/๒๘ ถนนติวานนท์
อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี (ติดศูนย์ราชการของกระทรวงสาธารณสุข) แล้วยังมีสำนักงาน
ประกันสังคมพื้นที่ อีก ๑๐ พื้นที่ ในเขตกรุงเทพมหานคร และในส่วนภูมิภาค มีสำนักงาน
๔๖ ค่มู ืออาสาสมคั รแรงงงาน สำนักงานแรงงานจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา
ประกันสังคมจังหวัด ๗๕ จังหวัด ทั่วประเทศ สาระสำคัญที่อาสาสมัครแรงงานควรรู้เกี่ยวกับ
บทบาท หนา้ ท่ีของสำนกั งานประกันสังคม มีดงั น้ี
กองทุนประกันสงั คม มสี าระสำคญั ดังตอ่ ไปนี้
๑. วตั ถุประสงค์
เพื่อเป็นกองทุนให้หลักประกันแก่ผู้ประกันตนให้ได้รับประโยชน์ทดแทนเมื่อต้องประสบ
อันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือตาย ซึ่งไม่ใช่เนื่องจากการทำงานให้กับนายจ้าง รวมทั้งกรณี
คลอดบตุ ร สงเคราะหบ์ ตุ ร ชราภาพ และวา่ งงาน
๒. ขอบเขตการบงั คับใช้
นายจ้างท่มี ลี กู จา้ งต้ังแต่ ๑ คนขนึ้ ไป โดยท้ังนายจา้ งและลกู จ้างจะตอ้ งขนึ้ ทะเบียนกองทุน
ประกนั สงั คม
๓. การคมุ้ ครอง
คุ้มครองลูกจ้างที่มีอายรุ ะหว่าง ๑๕ ปีบริบูรณแ์ ละไมเ่ กิน ๖๐ ปีบริบูรณ์และเป็น ลูกจ้าง
ของนายจ้างที่อยใู่ นขา่ ยการคุ้มครองตามพระราชบัญญตั ปิ ระกันสงั คม พ.ศ. ๒๕๓๓
๔. การข้ึนทะเบียน
ให้นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ ๑ คนขึ้นไป มีหน้าที่ขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานประกันสังคม
เขตพ้ืนท่ี จงั หวัด ภายใน ๓๐ วนั นบั ต้ังแตว่ ันท่ีมกี ารจ้าง
๕. การเรียกเกบ็ เงินและคำนวณเงินสมทบ
ทุกครั้งที่มีการจ่ายค่าจ้างให้นายจ้างหักค่าจ้างของผู้ประกันตนตามจำนวนที่ต้อง ส่งเป็น
เงินสมทบอัตราเงินสมทบร้อยละห้าของค่าจ้าง ซึ่งปัจจุบันเงินสมทบไม่ต่ำกว่าเดือนละ ๘๓ บาท
และไม่เกินเดือนละ ๗๕๐ บาท นำสง่ สำนักงานประกนั สงั คม ภายในวนั ท่ี ๑๕ ของเดอื นถดั ไป
๖. เงินเพ่ิม
นายจ้างท่ีไม่ส่งเงนิ สมทบในสว่ นของตนหรือของผูป้ ระกันตน หรือส่งไม่ครบภายในเวลาที่
กำหนดต้องจา่ ยเงินเพ่มิ อัตรารอ้ ยละ ๒ ตอ่ เดอื น ของเงินสมทบทีย่ ังไมไ่ ดน้ ำสง่ หรือที่ยงั ขาดอยู่
๗. สิทธิประโยชน์
ลกู จ้างท่ผี ูเ้ ปน็ ผูป้ ระกันตนได้รบั สทิ ธิประโยชนม์ เี งือ่ นไขดังตอ่ ไปนี้
๗.๑ กรณีเจ็บป่วย (๑) ต้องจ่ายเงินสมทบครบ ๓ เดือนภายใน ๑๕ เดือน ก่อนเจ็บป่วย
(๒) สิทธิเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ โดยไม่ต้องเสียเงิน ( ๓) ได้รับเงิน
ทดแทนขาดรายได้กรณีหยุดงานตามคำสั่งแพทย์และขาดรายได้ (๔) มีสิทธิรับบริการทันตกรรม
กรณีถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน ใส่ฟันเทียมบางส่วนชนิดถอดได้ฐานอะคริลิก (๕) มีสิทธิเบิกค่า
๔๗ คมู่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา
อวัยวะเทียม / อุปกรณ์ตามประเภทและอัตราในประเทศคณะกรรมการการแพทย์ตาม
พระราชบัญญตั ิประกนั สังคม
๗.๒ กรณีคลอดบุตร (๑) ต้องจ่ายเงินสมทบครบ ๗ เดือน ภายใน ๑๕ เดือน ก่อนคลอด
(๒) ผู้ประกันตนแต่ละคนมีสิทธิได้รับไม่เกิน ๒ ครั้ง (๓) มีสิทธิคลอดบุตรฟรีใน โรงพยาบาลตาม
บตั รรบั รองสิทธกิ ารรกั ษาพยาบาล (๔) เฉพาะผู้ประกนั ตนหญิงมีสทิ ธไิ ดร้ บั เงิน สงเคราะห์การหยุด
งานเพื่อการคลอดบุตร (๕) ทั้งสามี ภรรยาเป็นผู้ประกันตน ให้ใช้สิทธิฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งต่อการ
คลอดบตุ ร ๑ คร้ัง
๗.๓ กรณีทุพพลภาพ (๑) ต้องจ่ายเงินสมทบครบ ๓ เดือน ภายใน ๑๕ เดือนก่อนทุพพล
ภาพ (๒) มีสิทธิรับเงินทดแทนการขาดรายได้ตลอดชีวิต (๓) มีสิทธิได้รับค่า รักษาพยาบาลเท่าที่
จ่ายจรงิ เดือนละไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท(๔) มีสทิ ธเิ บิกค่าอวัยวะเทยี มและอปุ กรณ์ (ตามประเภทและ
อัตราในประกาศคณะกรมการแพทย์กำหนด) (๕) หากผู้ทุพพลภาพตาย ก็จะได้รับค่าทำศพ เงิน
สงเคราะห์กรณตี าย
๗.๔ กรณีตาย (๑) ต้องจ่ายเงินสมทบครบ ๑ เดือน ภายใน ๖ เดือนก่อน ตาย (๒)
ผ้จู ดั การศพได้รับคา่ ทำศพ ๓๐,๐๐๐ บาท (๓) ทายาทมีสิทธไิ ดร้ ับเงนิ สงเคราะห์กรณีตาย
๗.๕ กรณีสงเคราะห์บุตร (๑) ต้องจ่ายเงินสมทบครบ ๑๒ เดือน ภายใน ๓๖ เดือนก่อน
เดือนที่มีสิทธิ (๒) มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ ๒๐๐ บาทต่อบุตร ๑ คน (ปรับปรุง เพ่ิม
เป็นเดือนละ๓๕๐ บาท ตั้งแต่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘) คราวละไม่เกิน ๒ คนที่มีอายุไม่เกิน ๖ ปี
บริบรู ณ์ (๓) ท้งั สามี ภรรยา เปน็ ผปู้ ระกนั ตนใหใ้ ช้สทิ ธฝิ า่ ยใดฝ่ายหนึ่ง
๗.๖ กรณีชราภาพ มีสทิ ธิไดร้ ับเมอ่ื (๑) สนิ้ สภาพการเป็นผู้ประกันตน (๒) อาย ๕๕ ปีข้ึน
ไป (๓) จา่ ยเงินสมทบกรณชี ราภาพ จา่ ยตัง้ แต่ ๑๘๐ เดอื นข้นึ ไปได้รบั บำนาญรายเดือนตลอดชีวิต
จ่ายไมถ่ งึ ๑๘๐ เดอื นไดร้ บั บำเหนจ็ จ่ายให้คร้งั เดียว
๗.๗ กรณีว่างงาน (๑) จ่ายเงินสมทบมาแล้ว ๖ เดือน ใน ๑๕ เดือนก่อน ว่างงาน และ
ปฏบิ ตั ติ ามท่กี ฎหมายกำหนด (๒) มสี ิทธไิ ดร้ บั เงินค่าทดแทนการขาดรายได้ เพราะถกู เลิกจ้าง หรือ
ลาออกจากงาน
สิทธปิ ระโยชนภ์ ายหลังการสิน้ สภาพการเป็นลกู จ้าง
๑. ผปู้ ระกนั ตนซึง่ ได้ส่งเงินสมทบครบตามเง่ือนไขเวลาท่ีจะกอ่ ให้เกิดสทิ ธิได้รับ ประโยชน์
ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ และกรณีตาย แล้ว
และได้สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง ให้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนดังกล่าวต่อไปอีก ๖ เดือน นับ
แต่วันทีผ่ ู้ประกันตนผนู้ นั้ ส้นิ สภาพการเป็นลูกจา้ ง
๔๘ คูม่ ืออาสาสมัครแรงงงาน สำนักงานแรงงานจงั หวดั พระนครศรีอยุธยา
๒. สมัครเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา ๓๙ เมื่อส่งเงินสมทบครบ ๑๒ เดือน
และสมัครภายใน ๖ เดือนนับแตว่ ันสิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างและเมื่อได้รับอนมุ ัติแลว้ มีสิทธิไดร้ บั
ประโยชน์ทดแทนกรณเี จ็บปว่ ยหรอื ประสบอนั ตราย กรณที พุ พลภาพ กรณตี าย ท่ีไมเ่ นอ่ื งจากการ
ทำงานใหแ้ กน่ ายจา้ ง กรณีคลอดบตุ ร และกรณีชราภาพ
กองทุนเงินทดแทน มสี าระสำคัญดงั ตอ่ ไปน้ี
๑. วัตถปุ ระสงค์
เพื่อเป็นกองทุนในการจ่ายเงินทดแทน ให้แก่ลูกจ้างแทนนายจ้าง เมื่อลูกจ้างประสบ
อนั ตรายหรอื เจ็บป่วยอนั เนือ่ งจากการทำงานให้กับนายจ้าง หรือปอ้ งกันรกั ษาผลประโยชน์ ให้แก่
นายจ้าง
๒. ขอบเขตการบงั คับใช้
ให้นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างทำงานตั้งแต่ ๑ คนขึ้นไปมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนเงิน
ทดแทน
๓. การคมุ้ ครอง
คุ้มครองลูกจ้างของนายจ้างผู้มีหน้าที่จ่ายเงินสมทบและสิทธิเกิดขึ้นต้องประสบอันตราย
หรือเจ็บป่วย เนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างเป็นผลให้ลูกจ้างต้องหยุดพักรักษาตัว สูญเสีย
อวยั วะ ทพุ พลภาพ และตายหรือสูญหาย
๔. การขนึ้ ทะเบยี น
ให้นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ ๑ คนขึ้นไปมีหน้าที่ขึ้นทะเบียนกองทุนเงินทดแทนต่อ
สำนักงานประกันสงั คม เขตพนื้ ทจ่ี งั หวัดภายใน ๓๐ วันนับแตว่ นั ท่มี ีการจ้างลกู จา้ ง
๕. การเรยี กเก็บเงนิ และคำนวณเงินสมทบ
ให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบเป็นรายปี โดยในสี่ปีแรกคำนวณจากความเสี่ยงภัยของนายจ้าง
และสง่ เงินสมทบภายในเดอื นมกราคมของทกุ ปี นายจา้ งรายใดทมี่ ีการดูแลในเรือ่ งความปลอดภัย
ในการทำงานดีจนส่งผลให้ลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยลดลง นายจ้างก็จะได้รับการ
พิจารณาใหล้ ดอัตราเงนิ สมทบ
๖. เงินเพิ่ม
นายจา้ งท่ีไม่จ่ายเงนิ สมทบภายในกำหนดหรอื จา่ ยไม่ครบต้องเสียเงินเพ่ิมตาม กฎหมายอีก
ร้อยละ ๓ ตอ่ เดือนของเงนิ สมทบท่คี า้ งชำระ
๗. สิทธิประโยชน์
๗.๑ ลกู จา้ งได้รับการคุ้มครองตง้ั แตว่ นั แรกท่ีเขา้ ทำงาน
๔๙ คู่มอื อาสาสมคั รแรงงงาน สำนกั งานแรงงานจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา
๗.๒ มสี ิทธิรบั เงนิ ทดแทนดังน้ี
๑) คา่ รกั ษาพยาบาลเท่าท่ีจา่ ยจริงตามความจำเปน็ ไม่เกนิ ๓๕,๐๐๐ บาท ต่อ การ
ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ๑ ครั้ง และถ้าหากไม่เพียงพอก็จ่ายให้อีก รวมทั้งสิ้นไม่เกิน
๘๕,๐๐๐ บาทหรอื ไมเ่ กิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท แลว้ แต่กรณี ทง้ั นต้ี อ้ งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ในกฎกระทรวง
๒) คา่ ทดแทนกรณีไม่สามารถทำงานได้ติดตอ่ กนั เกิน ๓ วันขนึ้ ไป
๓) ค่าทดแทนกรณสี ูญเสยี อวยั วะบางส่วนของร่างกาย
๔) คา่ ทดแทนกรณที พุ พลภาพ
๕) คา่ ทดแทนกรณีตายหรอื สูญหาย
๖) คา่ ทำศพ
๗) ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน ขอทราบข้อมูลด้านการประกันสังคมได้ท่ี
www.sso.go.th และ สายดว่ นประกนั สงั คม ๑๕๐๖