นารีปราโมทย์
น้องเอย๋ เพราะน้อยหรือถ้อยคา หวานฉ่าจริงแล้วเจ้าแก้วเอย๋
เจ้าเน้อื หอมพร้อมช่นื ดงั อบเชย เงยหน้ามาจะว่าไม่อาพราง
ได้ชมชดิ เข้าสนิทอย่างน้แี ล้ว ขอเชญิ แก้วกริ ิยาเมตตาบ้าง
พ่ีจะมอบเสน่ห์ไว้ท่ใี นนาง อย่าระคางข้องแค้นระคายเคอื ง
โอ้เจ้าแก้วแววตาของพ่เี อย๋ เจ้าหลบั ใหลกระไรเลยเป็นหนกั หนา
ดงั น่ิมน้องหมองใจไม่นาพา ฤ าขดั เคอื งคดิ ว่าพ่ีทอดท้งิ
ความรักหนักหน่วงทรวงสวาท พ่ไี ม่คลาดคลายรักแต่สกั สง่ิ
เผอญิ เป็นวปิ ริตพ่ผี ิดจริง จะนอนน่ิงถือโทษโกรธอยู่ใย
พิโรธวาทงั
ย่งิ คิดเดอื ดดาลทะยานใจ ฉวยได้กระดานชนวนมา
ร่างฟ้ องท่องเทยี บให้เรียบร้อย ถ้อยคาถ่ีถ้วนเป็นหนกั หนา
คราน้นั พระองคผ์ ู้ทรงภพ ฟังจบแค้นค่งั ด่งั เพลงิ ไหม้
เหมือนดนิ ประสวิ ปลวิ ตดิ กบั เปลวไฟ ดดู เู๋ ป็นได้อวี นั ทอง
จะว่ารักข้างไหนไม่ว่าได้ นา้ ใจจะประดงั เข้าท้งั สอง
ออกน่ันเข้าน่มี สี ารอง ย่งิ กว่าท้องทะเลอนั ลา้ ลึก
สลั ลาปังคพสิ ยั
วนั น้ีแม่จะลาพ่อพลายแล้ว จะจาจากลูกแก้วไปสญู ส้นิ
พอบ่ายกจ็ ะตายลงถมดนิ ผินหน้ามาแม่จะขอชม
เกดิ มาไม่เหมือนกบั เขาอ่นื มไิ ด้ช่นื เชยชิดสนิทสนม
คราน้นั จึงโฉมเจ้าวนั ทอง เศร้าหมองด้วยลกู เป็นหนักหนา
พ่อพลายงามทรามสวาทของแม่อา แม่โศกาเกอื บเจียนจะบรรลยั
ใช่จะอ่มิ เอบิ อาบด้วยเงนิ ทอง ม ใิ ช่ของตวั ทามาแต่ไหน
ท้งั ผู้คนช้างม้าแลข้าไท ไม่รักใคร่เท่ากบั พ่อพลายงาม
หาสยรส
ขนุ ช้างเหน็ ข้าไม่มาใกล้ ขดั ใจลุกข้นึ ท้งั แก้ผ้า
แหงนเถ่อเป้ อปังยนื จังกา ย่างเท้าก้าวมาไม่ร้ตู วั
ยายจันงนั งกยกมือไหว้ น่ันพ่อจะไปไหนพ่อทูนหัว
ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัว ขนุ ช้างมองดูตวั กต็ กใจ
คุณค่าดา้ นสงั คม
๑) ค่านยิ มสภาพชีวิตความเป็ นอยู่ของคนในสงั คม
o การมขี ้าทาสบริวาร และการตกแต่งบ้านเรือน
สะเดาะดาลบานเปิ ดหน้าต่างกาง ย่างเท้าก้าวข้นึ ร้านดอกไม้
หอมหวนอวลอบบุปผชาติ เบกิ บานก้านกลาดก่งิ ไสว
เรณฟู ูร่อนขจรใจ ย่างเท้าก้าวไปไม่โครมคราม
ข้าไทนอนหลับลงทบั กนั สะเดาะกลอนถอนล่นั ถึงช้นั สาม
กระจกฉากหลากสลบั วับแวมวาม อร่ามแสงโคมแก้วแววจับตา
ม่านมู่ล่ีมฉี ากประจาก้นั อฒั จนั ทร์เคร่ืองแก้วกห็ นกั หนา
ชมพลางย่างเย้อื งชาเลืองมา เปิ ดมุ้งเหน็ หน้าแม่วันทอง
จากบทประพนั ธส์ ะท้อนสภาพความเป็นอยู่ของผู้ท่มี ฐี านะร่ารวย
บ้านเรือนจะมชี านบ้านสาหรับปลกู ไม้ดอกไม้ประดบั และยังมกี ารใช้กลอน
อกี ท้งั จะประดบั ประดาบ้านเรือนอย่างสวยงามพร่ังพร้อมด้วยข้าทาสบริวาร
นอนเกยกนั อยู่โดยลงกลอนไว้แน่นหนาถึงสามช้นั ภายในเรือนมีกระจกเป็น
ฉากต้องแสงโคมไฟแวววับจบั ตาม่านมูล่จี ดั แต่งเป็นฉากและเคร่ืองแก้ววาง
เป็นช้นั ๆ มากมาย นอกจากน้ยี งั มกี ารใช้มุ้งขณะหลบั นอน
o การนับเวลาและใช้เคร่ืองมือบอกเวลา
ได้ยนิ เสยี งฆ้องประจาวัง ลอยลมล่องดงั ถึงเคหา
คะเนนับย่ายามได้สามครา ดูเวลาปลอดห่วงทกั ทนิ
ในสมัยโบราณจะตฆี ้องเพ่อื บอกเวลาคะเนนบั ยามได้สามคราเป็นการบอก
เวลาสามยามหรือท่สี าม
๒)สะทอ้ นความเชือ่ ของคนในสงั คม
o ความเช่อื เก่ยี วกบั ไสยศาสตร์
คะเนนับย่ายามได้สามครา ดูเวลาปลอดห่วงทกั ทนิ
ฟ้ าขาวดาวเด่นดวงสว่าง จันทร์กระจ่างทรงกลดหมดเมฆสนิ
จงึ เช่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกนิ เสกขม้ินว่านยาเข้าทาตวั
ลงยนั ตร์ าชะเอาปะอก หยบิ ยกมงคลข้นึ ใสห่ ัว
เป่ ามนตร์เบ้อื งบนชอ่มุ มวั พรายย่วั ยวนใจให้ไคลคลา
จบั ดาบเคยปราบณรงคร์ บ เสรจ็ ครบบริกรรมพระคาถา
ลงจากเรือนไปมไิ ด้ช้า รีบมาถึงบ้านขนุ ช้างพลนั
จากบทประพนั ธ์ ตอนท่พี ลายงามคิดท่จี ะข้นึ เรือนขนุ ช้างเพ่อื พานางวัน
ทองมาอยู่ด้วย พลายงามต้องเตรียมตวั หลายประการ เร่ิมจากดเู วลาฤกษ์
ยาม เซ่นพราย เสกขม้นิ ลงยันต์ ใส่มงคล เป่ ามนตร์ และบริกรรมคาถา
ก่อนท่จี ะลงเรือนของตน
o ค่านยิ มความเช่อื เก่ยี วกบั ความฝนั
ดุเหว่าเร้าเสยี งสาเนยี งก้อง ระฆงั ฆ้องขานแข่งในวังหลวง
วันทองน้องนอนสนทิ ทรวง จติ ง่วงระงบั สภู่ วงั ค์
ฝนั ว่าพลดั ไปในไพรเถ่อื น เล่อื นเป้ื อนไม่ร้ทู ่จี ะกลับหลัง
ลดเล้ียวเท่ยี วหลงในดงรัง ยังมีพยัคฆร์ ้ายมาราวี
ท้งั สองมองหมอบอยู่ริมทาง พอนางด้นั ป่ ามาถงึ ท่ี
โดดตะครบุ คาบค้นั ในทนั ที แล้วฉุดคร่าพาร่ีไปในไพร
ส้นิ ฝนั คร้ันต่นื ตกประหม่า หวีดผวากอดผวั สะอ้นื ไห้
ก่อนนางวนั ทองจะถูกประหาร นางฝนั ว่าตนหลงเข้าไปในป่ า
หาทาง กลบั ไม่ได้ และโดนเสอื สองตวั ตะครบุ พานางไปในป่ า จงึ เช่อื ว่า
เป็ นลางบอกเหตุ
o ความเช่ือเก่ยี วกบั เร่ืองกรรม
พร้อมญาตขิ าดอยู่แต่มารดา นึกนึกตรึกตราละห้อยหวน
โอ้ว่าแม่วันทองช่างหมองนวล ไม่สมควรเคยี งคู่กบั ขนุ ช้าง
เออน่ีเน้ือเคราะห์กรรมนามาผิด น่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง
ฝ่ ายพ่อมบี ุญเป็นขนุ นาง แต่แม่ไปแนบข้างคนจัญไร
ตวั ละครในเร่ืองน้ปี ระสบชะตากรรมท่ที าให้ตนเองพบกบั ความ
ทุกข์ มักจะเป็นเร่ืองของกรรม เช่น พลายงามเช่ือว่าเหตทุ ่ที าให้นางวนั ทอง
ต้องไปครองคู่กบั ขนุ ช้างเป็นเพราะเคราะห์กรรม
๓) สะทอ้ นค่านยิ มในสงั คมไทย
o ค่านยิ มเก่ยี วกบั การมสี มั มาคารวะ
จะใครถีบขนุ ข้างท่กี ลางตวั นึกกลวั จะถูกแม่วันทองน่นั
พลางน่ังลงนอบนบอภวิ ันทน สะอ้นื อ้นั อกแค้นนา้ ตาคลอ
พลายงามร้จู กั แสดงความคารพนบน้อมมีสมั มาคารวะ แม้จะอยู่ใน
สถานการณ์ท่ที าให้ข่นุ เคืองใจ แต่เม่อื มาเหน็ มารดากย็ งั ระลึกถึพระคุณเข้าไป
กราบไหว้
o ค่านิยมเก่ยี วกบั ผู้หญิงต้องมสี ามคี นเดยี ว
ว่าหญิงช่วั ผวั ยงั คราวละคนเดยี ว หาตามตอมกนั เกรียวเหมือนมึงไม่
หนักแผ่นดนิ กูจะอยู่ไย อ้ายไวยมงึ อย่านับว่ามารดา
เล้ยี งมึงถงึ ให้เป็นหัวหม่ืน คนอ่นื ร้วู ่าแม่กข็ ายหน้า
อ้ายขนุ ช้างขนุ แผนท้งั สองรา กูจะหาเมยี ให้อย่าอาลยั
หญิงกาลกณิ อี แี พศยา มนั ไม่น่าเชยชิดพสิ มยั
ท่รี ปู รวยสวยสมมีถมไป มงึ ตดั ใจเสยี เถดิ อคี นน้ี
ในทางตรงกนั ข้าม ค่านิยมเก่ยี วกบั การมีภรรยาหลายคนในเวลา
เดยี วกนั น้นั กลบั ปรากฏอยู่ในหมู่คนช้นั สงู โดยเฉพาะผู้มียศถาบรรดาศกั ด์ขิ อง
ไทย เช่นในเร่ืองน้ี ขนุ แผน พลายงามกม็ ลี ักษณะดงั กล่าวน้ี แต่สงั ดไม่รังเกยี จ
กลับนิยมและยกย่อง เพราะค่านิยมกาหนดว่าลักษณะ เช่นน้ีเป็นคร่ืองเสริม
บารมีและความเป็นบุรษุ ชาตอิ าชาไนยให้มากย่งิ ข้นึ
๔)สะทอ้ นขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละวฒั นธรรม
o บทบาทพระมหากษตั ริย์ต่อประชาชนในสงั คมไทย
อวี นั ทองกูให้อ้ายแผนไป อ้ายช้างบังอาจใจทาจู่ลู่
ฉุดมันข้นึ ช้างอ้างถึงกู ตะคอกข่อู วี ันทองให้ตกใจ
ชอบตบให้สลบลงกบั ท่ี เฆ่ยี นตเี สยี ให้ยบั ไม่นับได้
มะพร้าวห้าวยัดปากให้สาใจ อ้ายหม่ืนไวยกโ็ ทษถงึ ฉกรรจ์
มงึ ถือว่าอวี นั ทองเป็นแม่ตวั ไม่เกรงกลวั เว้โว้ทาโมหันธ์
ไปรับไยไม่ไปในกลางวัน อ้ายแผนพ่อน้นั กเ็ ป็นใจ
มันเหมือนวัวเคยขาม้าเคยข่ี ถงึ บอกกูว่าดหี าเช่อื ไม่
อ้ายช้างมนั กฟ็ ้ องเป็นสองนัย ว่าอ้ายไวยลักแม่ให้บดิ า
เป็นราคขี ้อผิดมีตดิ ตวั หมองมวั มลทนิ อยู่หนักหนา
ถ้าอ้ายไวยอยากจะใคร่ได้แม่มา ชวนพ่อฟ้ องหาเอาเป็นไร
อยั การศาลโรงกม็ อี ยู่ หรือว่ากูตดั สนิ ให้ไม่ได้
ชอบทวนด้วยลวดให้ปวดไป ปรับไหมให้เท่ากบั ชายชู้
เม่อื ทรงทราบสาเหตทุ ่มี าฟ้ องกโ็ ปรดให้ไต่สวนด้วยความเป็น
ธรรมแก่ทุกคน มพี ระราชประสงค์จะระงบั หตรุ ้วฉานท้งั ปวงให้ส้นิ ไป ด้วย
การเปิ ดโอกาสให้นางวนั ทองเป็นผู้ตดั สนิ ใจเอง แต่นางวนั ทองตกยู่ใน
ภาวะลาบาก ต่นื เต้นหวาดหว่ัน เพราะอยู่ต่อหน้าพระท่นี ่งั ท้งั เกดิ ความ
ขดั แย้งในใจอย่งรนุ แรงท่มี สิ ามารถตดั สนิ ใจได้ทนั ที
o กฎหมายในสงั คมในสมยั ก่อน ฟังเหตขุ ่นุ เคืองเป็นหนักหนา
คราน้ันพระองคผ์ ู้ทรงเดช ตกว่าบ้านเมอื งไม่มีนาย
จงึ ทาตามนา้ ใจเอาง่ายง่าย
อ้ายหม่ืนไวยทาใจอหังการ์ อนั ตรายไพร่เมืองกเ็ คืองกู
จะปรึกษาตราสนิ ให้ไม่ได้ อ้ายช้างบงั อาจใจทาจู่ลู่
ถ้าฉวยเกดิ ห่าฟันกนั ล้มตาย ตะคอกข่อู วี นั ทองให้ตกใจ
อวี นั ทองกูให้อ้ายแผนไป
ฉุดมันข้นึ ช้างอ้างถึงกู
สะท้อนให้เหน็ ว่าบ้านเมืองมกี ฎหมาย โดยหม่ืนไวยทาผิด
กฎหมายโดยการไปลักพาตวั นางวันทองในยามวกิ ารณ์พระพนั วษาจงึ
ตดั สนิ ว่าผดิ เน่อื งจากบ้านเมืองมีกฎหมาย
o บทบาทของสตรีในสงั คมไทย
ทุกวันน้ีใช่แม่จะผาสกุ มีแต่ทุกขใ์ จเจบ็ ดงั เหนบ็ หนาม
ต้องจาจนทนกรรมท่ตี ดิ ตาม จะขนื ความคดิ ไปกใ็ ช่ที
เม่อื พ่อเจ้าเข้าคุกแม่ท้องแก่ เขาฉุดแม่ใช่จะแกล้งแหนงหนี
ถงึ พ่อเจ้าเล่าไม่ร้วู ่าร้ายดี เป็นหลายปี แม่มาอยู่กบั ขนุ ช้าง
เม่อื พ่อเจ้ากลบั มาแต่เชียงใหม่ ไม่เพด็ ทูลส่งิ ไรแต่สกั อย่าง
เม่อื คราวตวั แม่เป็นคนกลาง ทา่ นกว็ างบทคืนให้บิดา
จะเหน็ ได้ว่า นางวันทองถูกกาหนดเส้นทางเดนิ ของชีวติ ให้
เป็นไปตามความปรารถนาของผู้อ่นื ท้งั ส้นิ นางจาใจต้องทนรับภาวะน้นั ๆ
เพราะถึงนางจะขนื ความคดิ ไปกใ็ ช่ท่ี ไม่มคี วามหมาย การท่กี วใี ช้คาว่า
วางบท ได้แสดงให้เหน็ ว่านางวนั ทองต้องแสดงไปตามบทท่ผี ู้อ่นื