อาหารอาเซียน
กติ ตยิ ากร ศรีตะโกเศศ กลมุ่ 11 รหัสนักศึกษา 116330602039-2
ชาลสิ า แกว้ แดง กลมุ่ 11 รหสั นักศกึ ษา 116330602012-9
สณั หณฐั เจียรมั ย์ กลมุ่ 11 รหัสนกั ศึกษา 116330602093-9
รายงานนี้เปน็ สว่ นหน่ึงของการศกึ ษารายวิชาการคน้ ควา้ และการเขียนรายงานเชงิ วชิ าการ
สาขาวชิ าอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธญั บุรี
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564
อาหารอาเซยี น
กิตตยิ ากร ศรตี ะโกเศศ กลมุ่ 11 รหสั นกั ศึกษา 116330602032-9
ชาลิสา แกว้ แดง กลุ่ม 11 รหัสนักศึกษา 116330602012-9
สณั หณัฐ เจยี รมั ย์ กลมุ่ 11 รหัสนกั ศึกษา 116330602093-9
รายงานนี้เปน็ สว่ นหน่ึงของการศึกษารายวิชาการคน้ ควา้ และการเขียนรายงานเชิงวิชาการ
สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธัญบรุ ี
ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
ก
คำนำ
รายงานฉบับน้ี จดั ทำขึ้นเพอ่ื ปฏบิ ัตกิ ารเขียนรายงานการค้นคว้าที่ถูกต้องอย่างเปน็ ระบบ อัน
เปน็ ส่วนหนึ่งของการศึกษารายวชิ า 01-210-017 การคน้ คว้าและการเขียนรายงานเชงิ วิชาการ ซี่งจะ
นำไปใช้ในการทำรายงานค้นคว้าสำหรับรายวิชาอื่นได้อีกต่อไป การที่คณะผู้จัดทำเลือกทำเรื่อง
“อาหารอาเซียน”ซึ่งเป็นเนื้อหาที่อธิบายให้เข้าใจถึงเรื่องประวัติความ หมายของอาหารอาเซียน
ประวัติความเป็นมาของอาหารอาเซียน และอาหารประจำชาติทั้ง 10 ประเทศอาเซียน สามารถนำ
ความรทู้ ่ีได้ไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ตนเอง และแกส่ ังคมไดอ้ ีกดว้ ย ดงั นัน้ จึงมคี วามจำเปน็ อย่างมากที่
จะต้องนำเสนอความรู้ความเข้าใจทีถ่ ูกตอ้ งเกี่ยวกบั ความรู้เรอ่ื งอาหารอาเซียน
รายงานฉบับนี้ กล่าวถึงเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องประวัติความหมายของอาหารอาเซียน ประวัติ
ความเป็นมาของอาหารอาเซียน วัฒนธรรมการรับประทานอาหาร และอาหารประจำชาติทั้ง 10
ประเทศอาเซียน เหมาะสำหรับผู้ที่ตอ้ งการรับความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องเกี่ยวกับความรู้เรื่องอาหาร
อาเซียน
ขอขอบคณุ ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.พนดิ า สมประจบ ท่กี รณุ าให้ความรู้และคำแนะนำมาโดย
ตลอด และขอขอบคุณเจ้าของเว็บไซต์ที่ให้ความสะดวกในการสืบค้นหาข้อมูล ที่ทางคณะผู้จัดทำใช้
อา้ งอิงทกุ ทา่ น หากมขี อ้ บกพร่องประการใด คณะผู้จดั ทำขอนอ้ มรบั ไว้เพ่ือปรบั ปรุงตอ่ ไป
คณะผูจ้ ดั ทำ
1 มนี าคม 2565
ข
สารบัญ
หน้า
คำนำ……………………………………………………………………………………………………………………….. ก
สารบญั …………………………………………………………………………………………………………………….. ข
สารบัญภาพประกอบ…………………………………………………………………………………………………. ง
บทท่ี
1. บทนำ……………………………………………………………………………………………………… 1
1.1. ความหมายของอาหารอาเซียน……………………………………………………………. 1
1.2. ประวตั ิความเปน็ มาของอาหารอาเซียน 10 ประเทศ………………………………. 2
1.2.1. ประวัติความเปน็ มาของอาหารประเทศกมั พชู า………………………….. 2
1.2.2. ประวตั ิความเป็นมาของอาหารประเทศไทย……………………….…….. 2
1.2.3. ประวตั คิ วามเป็นมาของอาหารประเทศบรไู น……………………….…… 6
1.2.4. ประวตั คิ วามเปน็ มาของอาหารประเทศพมา่ …………………………..…. 7
1.2.5. ประวัตคิ วามเป็นมาของอาหารประเทศฟลิ ปิ ปินส…์ ……………………. 7
1.2.6. ประวตั ิความเปน็ มาของอาหารประเทศมาเลเซีย……………………….. 8
1.2.7. ประวัติความเปน็ มาของอาหารประเทศลาว………………………………. 10
1.2.8. ประวตั ิความเปน็ มาของอาหารประเทศเวยี ดนาม………………………. 10
1.2.9. ประวัติความเป็นมาของอาหารประเทศสิงคโปร์………………………… 12
1.2.10. ประวัตคิ วามเปน็ มาของอาหารประเทศอินโดนเี ซยี …………………... 13
2. วฒั นธรรมการรับประทานอาหาร……………………………………………………………….. 15
2.1. วัฒนธรรมการรับประทานอาหารบนโตะ๊ ……………………………………………. 15
2.1.1 วฒั นธรรมการรับประทานอาหารประเทศกมั พูชา………………………. 16
2.1.2 วฒั นธรรมการรับประทานอาหารประเทศไทย…………………………… 16
2.1.3 วัฒนธรรมการรบั ประทานอาหารประเทศบรไู น…………………………. 16
2.1.4 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศพม่า……………………………. 17
2.1.5 วฒั นธรรมการรับประทานอาหารประเทศฟิลิปปินส์…………………… 17
2.1.6 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศมาเลเซีย……………………. 18
ค
สารบญั (ตอ่ )
บทท่ี หนา้
2.1.7 วฒั นธรรมการรบั ประทานอาหารประเทศลาว……………………………... 19
2.1.8 วฒั นธรรมการรับประทานอาหารประเทศเวียดนาม…………………..…. 19
2.1.9 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศสงิ คโปร…์ …………………….. 20
2.1.10 วัฒนธรรมการรบั ประทานอาหารประเทศอนิ โดนเี ซยี …………………. 20
3. ส่วนประกอบของอาหารท้งั 10 ประเทศ…………………………………………………….... 21
3.1 ประเภทวตั ถุดบิ ………………………………………………………………………….. 21
3.1.1 ประเภทแปง้ ……………………………………………………………….. 21
3.1.2 ประเภทเน้ือสัตว์…………………………………………………………. 26
3.1.3 ประเภทผัก………………………………………………………………… 28
3.1.4 ประเภทเคร่อื งเทศ/เคร่ืองปรงุ ……………………………………… 30
4. สตู รและวิธที ำของอาหารท้ัง 10 ประเทศ…………………………………………………….. 35
4.1 สูตรและข้ันตอนในการประกอบอาหารทั้ง 10 ประเทศ………………………….. 35
4.1.1 ข้ันตอนการประกอบอาหารประเทศกัมพูชา……………………………….. 35
4.1.2 ขน้ั ตอนการประกอบอาหารประเทศไทย……………………………………. 37
4.1.3 ขั้นตอนการประกอบอาหารประเทศบรูไน………………………………….. 38
4.1.4 ขน้ั ตอนการประกอบอาหารประเทศพม่า…………………………………... 39
4.1.5 ข้นั ตอนการประกอบอาหารประเทศฟลิ ิปปินส์………………………….… 40
4.1.6 ขน้ั ตอนการประกอบอาหารประเทศมาเลเซยี ………………………….…. 41
4.1.7 ขน้ั ตอนการประกอบอาหารประเทศลาว……………………………………. 42
4.1.8 ขน้ั ตอนการประกอบอาหารประเทศเวียดนาม………………………….… 44
4.1.9 ขน้ั ตอนการประกอบอาหารประเทศสงิ คโปร์……………………………… 46
4.1.10 ขนั้ ตอนการประกอบอาหารประเทศอนิ โดนเี ซีย……………………….. 48
5. สรปุ ……………………………………………………………………………………………………….. 50
บรรณานกุ รม…………………………………………………………………………………………….… 52
ง
สารบญั ภาพประกอบ
ภาพที่ หนา้
1 อาหารอาเซยี นท้ัง 10 ประเทศ………………………………………………………….. 1
2 อาหารในสมยั สุโขทัย……………………………………………………………………………….. 3
3 อาหารในสมัยอยุธยา………………………………………………………………………. 4
4 อาหารในสมัยรัตนโกสนิ ทร์ ยคุ ที่ 1…………………………………………………….. 5
5 อาหารในสมัยรตั นโกสนิ ทร์ ยคุ ท่ี 2……………………………………………………………. 6
6 เรนิ ดงั เน้อื อาหารในประเทศบรูไน……………………………………………………………… 6
7 ขนมจีน โมฮงิ กาอาหารในประเทศพมา่ ……………………………………………………………... 7
8 ซนิ ิกังอาหารในประเทศฟิลปิ ปนิ ส์………………………………………………………………. 8
9 ซัมบลั อาหารในประเทศมาเลเซีย………………………………………………………………. 9
10 ซุปไก่อาหารในประเทศลาว………………………………………………………………………. 10
11 ปอเป๊ียะอาหารในประเทศเวยี ดนาม…………………………………………………………… 11
12 บกั กุด๊ เตอ๋ าหารในประเทศสงิ คโปร์……………………………………………………………… 13
13 ราวอนอาหารในประเทศอนิ โดนเี ซีย……………………………………………………………. 14
14 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศกัมพูชา…………………………………………. 15
15 วฒั นธรรมการรับประทานอาหารประเทศไทย………………………………………………. 16
16 วฒั นธรรมการรบั ประทานอาหารประเทศบรูไน…………………………………………….. 16
17 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศพม่า………………………………………………. 17
18 วฒั นธรรมการรบั ประทานอาหารประเทศฟลิ ิปปนิ ส์……………………………………….. 18
19 วฒั นธรรมการรับประทานอาหารประเทศมาเลเซยี ………………………………………… 19
20 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศลาว……………………………………………….. 19
จ
สารบญั ภาพประกอบ (ตอ่ )
ภาพที่ หนา้
21 วฒั นธรรมการรบั ประทานอาหารประเทศเวยี ดนาม………………………………………… 19
22 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศสิงคโปร์…………………………………………… 20
23 วฒั นธรรมการรับประทานอาหารประเทศอินโดนีเซยี ………………………………………. 20
24 แป้งถว่ั กาละแปในประเทศกมั พชู า………………………………………………………………… 21
25 แปง้ ขา้ วเจา้ ในประเทศไทย…………………………………………………………………………… 21
26 แป้งสาคูในประเทศบรไู น……………………………………………………………………………… 22
27 แป้งถว่ั พมา่ ในประเทศพม่า………………………………………………………………………….. 22
28 แป้งสาลใี นประเทศฟิลิปปินส…์ …………………………………………………………………….. 23
29 แป้งสาลีในประเทศมาเลเซยี ………………………………………………………………………… 23
30 แป้งสาลใี นประเทศลาว………………………………………………………………………………. 24
31 แปง้ เวียดนามในประเทศเวยี ดนาม……………………………………………………………….. 24
32 แป้งสาลใี นประเทศสงิ คโปร์……………………………………………………………………….… 25
33 แปง้ มนั สำปะหลงั ในประเทศอนิ โดนเี ซีย……………………………………………………….. 25
34 หญ้าฝรั่นเครอ่ื งเทศหลักในประเทศกัมพูชา…………………………………………………... 30
35 เครื่องเทศในประเทศไทย……………………………………………………………………………. 30
36 ขมิ้นเครือ่ งเทศหลกั ในประเทศบรไู น…………………………………………………….……… 31
37 ผงกะหรเ่ี คร่อื งเทศหลักในประเทศพม่า……………………………………………………….. 31
38 อบเชยเครอ่ื งเทศหลกั ในประเทศฟลิ ิปปินส์………………………………………………….. 32
39 ผงขิงเคร่อื งเทศหลกั ในประเทศมาเลเซีย……………………………………………………… 32
ฉ
สารบัญภาพประกอบ (ตอ่ )
ภาพท่ี หนา้
40 ปลารา้ เครือ่ งปรุงหลักในประเทศลาว…………………………………………………………. 32
41 พรกิ ไทยดำเครือ่ งเทศหลักในประเทศเวียดนาม…………………………………………… 33
42 พรกิ ไทยขาวเครอ่ื งเทศหลักในประเทศสงิ คโปร์…………………………………………… 33
43 ซีอ๊วิ หวานเครือ่ งปรงุ หลักในประเทศอนิ โดนเี ซยี ………………………………………….. 34
44 อามอ็ กอาหารประจำชาติกมั พูชา……………………………………………………………… 35
45 ต้มยำกุ้งอาหารประจำชาติไทย…………………………………………………………………. 37
46 อมั บยู ัตอาหารประจำชาติบรไู น………………………………………………………………… 38
47 หลา่ เพ็ดอาหารประจำชาตพิ ม่า………………………………………………………………… 39
48 อโดโบ้อาหารประจำชาติฟลิ ปิ ปินส์……………………………………………………………. 40
49 นาซิเลอมกั อาหารประจำชาติมาเลเซีย……………………………………………………………… 41
50 สลดั หลวงพระบางอาหารประจำชาติลาว………………………………………………………….. 42
51 เปาะเปีย๊ ะเวียดนามอาหารประจำชาติเวยี ดนาม………………………………………………… 44
52 ลักซาอาหารประจำชาติสงิ คโปร์………………………………………………………………………. 46
53 กาโดอาหารประจำชาติอินโดนีเซยี …………………………………………………………………… 48
1
บทท่ี 1
บทนำ
อาเซียน คือ การรวมตัวกันเป็นองค์กรระหว่างประเทศระดับภูมิภาคของประเทศที่อยู่ใน
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยรวมตัวกันในชื่อสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(Association of South East Asian Nations) โดยใช้ชื่อย่อว่า ASEAN อ่านออกเสียงภาษาไทยว่า
อาเซียน โดยมีจุดประสงค์ในการจัดตั้งกลุ่มอาเซียนก็เพื่อส่งเสริมและร่วมมือกันในทุกด้าน ท้ังด้าน
สันติภาพ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านการกระจายองค์ความรู้ และด้านสังคมวัฒนธรรม บน
พ้นื ฐานความเท่าเทยี มกนั และผลประโยชน์ร่วมกนั ของประเทศสมาชกิ ทุกประเทศ
1.1 ความหมายของอาหารอาเซียน
อาหารประจำชาติอาเซียน สะท้อนถึงวฒั นธรรมชีวิตความเป็นอยขู่ องผู้คนในอาเซียน ที่มกี าร
ผสมกลมกลืนเข้ากับอิทธิพลที่ได้รับท้ังจากเพื่อนบ้านประเทศอาเซียนด้วยกัน จากอดีตถึงปัจจุบันใน
ภูมิภาคที่ได้ชื่อว่า อุดมสมบูรณ์มากที่สุดในโลก หลายประเทศมีวัฒนธรรมการกินที่คล้ายคลึงกัน
ขณะเดียวกันแต่ละชาติก็มีเมนูอาหารที่เด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ต้มยำของไทย อโดโบ้ของ
ฟลิ ิปปนิ ส์ ฯลฯ เพ่ือเปน็ การเผยแพร่ความรูเ้ ก่ยี วกับอาเซยี น
อาหารประจำชาตอิ าเซียน 10 ประเทศ ซง่ึ ในปี 2015 หรือ พ.ศ. 2558 สะท้อนถงึ วฒั นธรรม
ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในอาเซียน ที่มีการผสมกลมกลืนเข้ากับอิทธิพลที่ได้รับทั้งจาก เพื่อนบ้าน
ประเทศอาเซยี นด้วยกัน จากอดีตถงึ ปจั จุบนั ในภูมิภาคท่ีไดช้ ื่อวา่ อดุ มสมบรู ณ์มากท่ีสดุ ในโลก หลาย
ประเทศมีวัฒนธรรมการกินที่ คล้ายคลึงกัน เมนูอาหารที่เด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ต้มยำกุ้ง
ของไทย อโดโบ้ของฟิลิปปินส์ ฯลฯ (ชดิ พงษ์ กวีวรวฒุ ิ, 2556 : ออนไลน)์
ภาพที่ 1 อาหารอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ (Central, ม.ป.ป. : ออนไลน์)
2
1.2 ประวัติความเปน็ มาของอาหารอาเซียน 10 ประเทศ
1.1.2 ประวัติความเป็นมาของอาหารประเทศกัมพูชา (Cambodia) อาหารกัมพูชา หรือ
อาหารเขมร เป็นอาหารที่บริโภคกันอย่างแพร่หลายในประเทศกัมพูชา อาหารของกัมพูชามีทั้งผลไม้
ข้าว ก๋วยเตี๋ยว เครื่องดื่ม ขนมและซุปต่าง ๆ ที่รับประทานเกือบทุกมื้อ แต่ก๋วยเตี๋ยวยังเป็นที่นิยม
กับข้าวมีความหลากหลายทั้งที่เป็นแกง ซุป ทอดและผัด มีพันธุ์ข้าวจำนวนมากในประเทศกัมพูชา
รวมทั้งข้าวหอมและข้าวเหนียว ข้าวเหนียวนิยมรับประทานเป็นของหวานกับกับผลไม้ เช่น มะม่วง
อาหารเขมรส่วนมากมีความคลา้ ยคลงึ กบั อาหารของเพื่อนบ้านอยา่ งประเทศไทยแม้วา่ โดยทั่วไปจะไม่
เผ็ดเทา่ และเวียดนามที่มีประวตั ิศาสตรร์ ว่ มกันในการเป็นอาณานิคมฝรัง่ เศสในเอเชียตะวันออกเฉียง
ใต้ นอกจากนี้ยังได้รับอิทธิพลจากอาหารจีนและฝรั่งเศสที่เคยมีอิทธิพลต่อกัมพูชาในประวัติศาสตร์
อาหารประเภทแกงหรอื ท่เี รยี กว่าการี (เขมร: ការ)ី แสดงร่องรอยของอิทธิพลทางวฒั นธรรมจากอาหาร
อินเดีย ก๋วยเตี๋ยวเส้นหลายรูปแบบแสดงอิทธพิ ลของอาหารจีน กะทิเป็นส่วนผสมหลักของแกงกะหรี่
เขมรและของหวาน ขนมปังฝร่งั เศสเป็นอาหารท่ีไดร้ ับอิทธิพลจากยุคอาณานิคม ซ่ึงชาวกัมพูชามักจะ
กินกับปลากระป๋องหรือไข่ กาแฟปรุงด้วยนมข้นหวาน เป็นตัวอย่างของอาหารเช้ากัมพูชาในกัมพูชา
แบบหนึ่งชุดอาหารเซ็ตแบบเขมรอิทธิพลจากอาหารฝรั่งเศสที่สำคัญคือบาแกตที่เรียกนมปังในภาษา
เขมร ชาวกัมพชู ากนิ นมปังกบั ปลาซาร์ดีนหรือไข่ หรือกาแฟใส่นม อาจจะนำบาแกตไปทำแซนด์วิชซ่ึง
เรียกว่าปาเต โดยจะใส่ผักและเนื้อสัตว์จำพวกหมูยอ แฮม หรือเนือ้ ยา่ ง แล้วปิดท้ายด้วยการราดซอส
พริกคล้ายกับอาหารเวียดนามที่เรียกบัญหมี่ นอกจากนั้น ฝรั่งเศสยังได้นำเบียร์ เนย กาแฟ
ช็อกโกแลต หัวหอม แครอท บล็อกโคลี มันฝรั่งและ อื่น ๆ เข้ามาเป็นส่วนประกอบในอาหารกัมพชู า
อนึ่งบาแกตแบบกัมพูชามักมีขนาดสั้นและอวบกว่าแบบฝรั่งเศสดั่งเดิมโดยปกติ อาหารกัมพูชาในแต่
ละมื้อจะมี 3-4 อย่าง โดยทั่งไปประกอบด้วยซุปหรือสัมลอร์กินคู่กับอาหารจานหลักที่มีรสชาติได้ท้ัง
หวาน เปร้ยี ว เคม็ ขม จดั พริกแห้ง พริกสด พรกิ ดอง พริกแห้งมาพร้อมกบั อาหาร เพือ่ ปรุงแตง่ รสตาม
ชอบ (ชดิ พงษ์ กวีวรวฒุ ิ, 2556 : ออนไลน์)
1.2.2. ประวัติความเป็นมาของอาหารประเทศไทย (Thailand) อาหารไทย เป็นอาหาร
ประจำของชนชาติไทย ที่มีการสั่งสมและถ่ายทอดมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีต จนเป็นเอกลักษณ์
ประจำชาติถือได้ว่าอาหารไทยเป็นวัฒนธรรมประจำชาติที่สำคัญของไทย ขณะที่อาหารพื้นบ้าน
หมายถึง อาหารทน่ี ยิ มรบั ประทานกันเฉพาะทอ้ งถ่นิ ซง่ึ เปน็ อาหารที่ทำขึ้นไดง้ ่าย โดยอาศัยพืชผักหรอื
เครื่องประกอบอาหารที่มีอยู่ในท้องถิ่นมีการสบื ทอดวิธีปรุงและการรับประทานต่อๆ กันมาจุดกำเนิด
อาหารไทย อาหารไทยมีจุดกำเนิดพร้อมกับการต้ังชนชาตไิ ทย และมกี ารพฒั นาอย่างตอ่ เนอ่ื งมาตั้งแต่
สมัยสุโขทัยจนถงึ ปัจจบุ นั เรอื่ งความเปน็ มาของอาหารไทยยคุ ต่างๆ สรุปไดด้ งั น้ี
3
1.2.2.1 สมัยสุโขทัยอาหารไทยในสมัยสโุ ขทัยไดอ้ าศยั หลักฐานจากศลิ าจารกึ และท่ี
สำคัญคอื ไตรภมู พิ ระรว่ งของพญาลไิ ท ท่ไี ดก้ ล่าวถึงอาหารไทยในสมัยน้ีว่า มขี ้าวเปน็ อาหารหลัก โดย
กินร่วมกบั กบั ขา้ ว ที่ส่วนใหญ่ได้มาจากปลา มีเนื้อสัตว์อืน่ บ้าง การปรุงอาหารได้ปรากฏคำว่า “แกง”
ในไตรภูมิพระร่วงทีเ่ ปน็ ท่ีมาของคำวา่ ข้าวหมอ้ แกงหม้อ ผกั ทกี่ ล่าวถึงในศลิ าจารึก คอื แฟง แตงและ
น้ำเต้า ส่วนอาหารหวานก็ใช้วัตถุดิบพื้นบ้าน เช่น ข้าวตอกและน้ำผึ้งส่วนหนึ่งนิยมกินผลไม้แทน
อาหารหวาน
ภาพที่ 2 อาหารในสมยั สุโขทยั (Thaifood, ม.ป.ป. : ออนไลน์)
1.2.2.2 สมัยอยธุ ยาสมยั นี้ถอื เป็นยุคทองของไทยได้มกี ารตดิ ตอ่ กบั ชาวต่างประเทศ
มากข้นึ ทั้งชาวตะวนั ตกและตะวนั ออกจากบันทึกเอกสารของชาวตา่ งประเทศ พบว่าคนไทยกินอาหาร
แบบเรียบง่ายยังคงมีปลาเป็นหลัก มีต้ม แกงและคาดว่ามีการใช้น้ำมันในการประกอบอาหารแต่เป็น
น้ำมนั จากมะพรา้ วและกะทมิ ากกว่าไขมนั หรอื น้ำมนั จากสัตวม์ ากขน้ึ คนไทยสมยั นมี้ ีการถนอมอาหาร
เช่นการนำไปตากแห้ง หรือทำเป็นปลาเค็ม มีอาหารประเภทเครื่องจิ้ม เช่นน้ำพริกกะปิ นิยมบริโภค
สัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บก โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ไม่นิยมนำมาฆ่าเพื่อใช้เป็นอาหาร ได้มีการกล่าวถึงแกง
ปลาตา่ งๆ ท่ีใชเ้ ครือ่ งเทศ เช่น แกงทีใ่ สห่ วั หอม กระเทียม สมุนไพรหวาน และเคร่ืองเทศแรงๆ ที่คาด
ว่านำมาใช้ประกอบอาหารเพื่อดับกลิ่นคาวของเนื้อปลา หลักฐานจากการบันทึกของบาทหลวง
ชาวต่างชาติที่แสดงให้เห็นว่าอาหารของชาติ ต่าง ๆ เริ่มเข้ามามากขึ้นในสมเด็จพระนารายณ์
เช่น ญี่ปุ่น โปรตุเกส เหล้าองุ่นจากสเปนเปอร์เซยี และฝรั่งเศส สำหรับอิทธิพลของอาหารจีนนั้นคาด
วา่ เร่มิ มีมากขนึ้ ในชว่ งยุคกรงุ ศรอี ยธุ ยา ตอนปลายท่ี ไทยตดั สัมพันธ์กับชาตติ ะวนั ตก ดังนน้ั จงึ กล่าวได้
ว่าอาหารไทยในสมัยอยุธยา ได้รับเอาวัฒนธรรมจากอาหารต่างชาติ โดยผ่านทางการมีสัมพันธไมตรี
ทั้งทางการทูตและทางการค้ากบั ประเทศตา่ ง ๆ
4
ภาพท่ี 3 อาหารในสมยั อยธุ ยา (Thaifood, 2556. : ออนไลน์)
1.2.2.3 สมยั ธนบุรจี ากหลักฐานที่ปรากฏในหนงั สอื แมค่ รัวหวั ป่าก์ ซึ่งเปน็ ตำราการ
ทำกบั ข้าวเล่มท่ี 2 ของไทย ของทา่ นผหู้ ญิงเปล่ียน ภาสกรวงษ์ พบความตอ่ เนื่องของวัฒนธรรมอาหาร
ไทยจากกรุงสุโขทัยมาถึงสมัยอยุธยาและสมัยกรุงธนบุรี และยังเชื่อว่าเส้นทางอาหารไทยคงจะเชื่อม
จากกรุงธนบุรไี ปยงั สมยั รตั นโกสนิ ทร์ โดยผา่ นทางหน้าที่ราชการและสงั คมเครอื ญาติ และอาหารไทย
สมัยกรุงธนบุรีน่าจะคล้ายคลึงกับสมัยอยุธยา แต่ที่พิเศษเพิ่มเติมคือมีอาหารประจำชาติจีน สมัย
รัตนโกสินทร์ การศึกษาความเป็นมาของอาหารไทยในยุครัตนโกสินทร์นี้ได้จำแนกตามยุคสมัยที่ นัก
ประวตั ศิ าสตร์ไดก้ ำหนดไว้ คอื ยคุ ที่ 1 ต้ังแต่สมยั รัชกาลท่ี 1 จนถึงรัชกาลที่ 3 และยุคที่ 2 ต้ังแต่สมัย
รชั กาลท่ี 4 จนถงึ รชั กาลปจั จบุ นั ดงั น้ี
1. สมยั รัตนโกสินทร์ ยคุ ท่ี 1 (พ.ศ. 2325 - พ.ศ. 2394) อาหารไทยในยุคน้ี
เป็นลักษณะเดียวกันกับสมัยธนบุรีแต่มีอาหารไทยเพิ่มขึ้นอีก 1 ประเภท คือ นอกจากมีอาหารคาว
อาหารหวานแล้วยังมีอาหารว่างเพิ่มขึ้น ในช่วงนี้อาหารไทยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอาหารของ
ประเทศจีนมากขึ้น และมีการปรับเปลี่ยนเป็นอาหารไทย ในที่สุด จากจดหมายความทรงจำของกรม
หลวงนรินทรเทวี ที่กล่าวถึงเคร่ืองตั้งสำรับคาวหวานของพระสงฆ์ ในงานสมโภชนพ์ ระพุทธมณีรัตนม
หาปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ได้แสดงให้เห็นว่ารายการอาหารนอกจากจะมีอาหารไทย เช่น ผัก
น้ำพริก ปลาแห้ง หน่อไม้ผัด แล้วยังมีอาหารที่ปรุงด้วยเครื่องเทศแบบอิสลาม และมีอาหารจีนโดย
สังเกตจากการใช้หมูเป็นส่วนประกอบ เนื่องจากหมูเป็นอาหารที่คนไทยไม่นิยม แต่คนจีนนิยม
บทพระราชนิพนธ์กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้
ทรงกล่าวถึงอาหารคาวและอาหารหวานหลายชนิด ซึ่งได้สะท้อนภาพของอาหารไทยในราชสำนักท่ี
ชดั เจนท่สี ุด ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นลกั ษณะของอาหารไทยในราชสำนักท่ีมีการปรงุ กลิ่น และรสอย่างประณีต
และให้ความสำคัญของรสชาติอาหารมากเป็นพิเศษ และถือว่าเป็นยุคสมัยที่มีศิลปะการประกอบ
5
อาหารที่ค่อนข้างสมบูรณ์ที่สุด ทั้งรส กลิ่น สี และการตกแต่งให้สวยงามรวมทั้งมีการพัฒนาอาหาร
นานาชาติให้เปน็ อาหารไทยจากบทพระราชนพิ นธท์ ำให้ไดร้ ายละเอยี ดทเ่ี ก่ียวกบั การแบง่ ประเภทของ
ส่วนทีเป็นอาหารคาวได้แก่ แกงชนิดต่างๆ เครื่องจิ้ม ยำต่างๆ สำหรับอาหารวา่ งสว่ นใหญ่เป็นอาหาร
ว่างคาว ไดแ้ ก่ หมแู นม ลา่ เตยี ง หรุม่ รงั นก ส่วนอาหารหวานส่วนใหญเ่ ปน็ อาหารท่ีทำด้วยแป้งและไข่
เป็นส่วนใหญ่ มีขนมที่มีลักษณะอบกรอบ เช่น ขนมผิง ขนมลำเจียก และมีขนมที่มีนำ้ หวานและกะทิ
เจอื อยูด่ ้วย ไดแ้ ก่ ซ่าหริ่ม บวั ลอย เป็นตน้ นอกจากน้ี วรรณคดไี ทย เร่ืองขุนช้างขนุ แผน ซ่ึงถือว่าเป็น
วรรณคดีที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนในยุคนั้นอย่างมากรวมทั้ง เรื่องอาหารการกินของชาวบ้าน พบว่ามี
ความนิยมขนมจีนน้ำยา และมีการกินข้าวเป็นอาหารหลัก ร่วมกับกับข้าวประเภทต่างๆ ได้แก่ แกง
ตม้ ยำ และคั่ว อาหารมี ความหลากหลายมากขน้ึ ทง้ั ชนิดของอาหารคาว และอาหารหวาน
ภาพท่ี 4 อาหารในสมัยรัตนโกสินทร์ ยคุ ท่ี 1 (Thaifood, 2557. : ออนไลน)์
2. สมัยรตั นโกสนิ ทร์ ยุคที่ 2 (พ.ศ. 2394 - ปัจจุบัน) ต้งั แตส่ มยั รัชกาลท่ี 4
ประเทศไทยมีการพฒั นาอยา่ งมาก และมีการตั้งโรงพิมพ์แห่งแรกในประเทศไทย ดังนั้น ตำรับอาหาร
การกินของไทยเริ่มมีการบันทึกมากขึ้น โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่นในบทพระราชนิพนธ์เรื่อง
ไกลบ้าน จดหมายเหตุ เสด็จประพาสต้น เป็นต้น และยังมีบันทึกต่างๆ โดยผ่านการบอกเล่าสืบทอด
ทางเครือญาติ และบันทึกที่เป็นทางการอื่น ๆ ซึ่งข้อมูลเหล่าน้ีได้สะท้อนให้เห็นลักษณะของอาหารมี
ทั้งที่เป็นวิธปี รุงของราชสำนัก และวิธีปรุงแบบชาวบ้านที่สบื ทอดมาจนถึงปัจจุบัน แต่เป็นที่น่าสังเกต
ว่าอาหารไทยบางชนิดในปัจจุบันได้มีวิธีการปรุงหรือส่วน ประกอบของอาหารผิดเพี้ยนไปจากของ
ดงั้ เดิม จึงทำให้รสชาติของอาหารไม่ใชต่ ำรบั ด้ังเดมิ และขาดความประณีตทีน่ า่ จะถือวา่ เป็นเอกลกั ษณ์
ท่สี ำคญั ของอาหารไทย (อมราภรณ์ วงษ์ฟกั , 2556 : ออนไลน์)
6
ภาพที่ 5 อาหารในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ ยุคที่ 2 (Thaifood, 2557. : ออนไลน)์
1.2.3 ประวัติความเป็นมาของอาหารประเทศบรูไน (Brunei Darussalam) อาหารบรูไน
(มลายู: Masakan Brunei) มีลักษณะคล้ายกับอาหารของประเทศเพือ่ นบ้านได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์
และอนิ โดนเี ซยี นอกจากนนั้ ยังได้รบั อิทธพิ ลเพิ่มเติมจากอินเดีย จีน ไทย และญีป่ ่นุ ปลาและข้าวเป็น
อาหารหลัก เนื้อวัวรับประทานน้อยมีราคาแพง เนื่องจากอิทธิพลของศาสนาอิสลาม อาหารที่
รับประทานจึงเป็นอาหารฮาลาล หลีกเลี่ยงเนื้อหมู และห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในบรูไน อาหารบรูไน
มักจะมีรสเผ็ดและปกติกินกับข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว อาหารที่เป็นที่นิยมได้แก่ เรินดังเนื้อ นาซีเลอมะก์
และปูเตอรีนานัซของหวานที่นิยมในประเทศบรูไนคืออัมบูยัต ทำจากสาคูห่อด้วยไม้ไผ่และจิ้มซอส
ผลไม้รสเปรี้ยว เครื่องดื่มทั่วไป ได้แก่ น้ำผลไม้ ชาและกาแฟ อาหารจากจีนและอินเดียมีอยู่ในบรูไน
(อมราภรณ์ วงษฟ์ กั , 2556 : ออนไลน์)
ภาพที่ 6 เรินดังเน้อื อาหารในประเทศบรูไน (Thaifood, 2557. : ออนไลน)์
7
1.2.4 ประวัติความเป็นมาของอาหารประเทศพม่า (Myanmar) นั่นของอาหารพม่า
เป็นอาหารของทั้งชาวพม่าและชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่ามีส่วนประกอบเป็นปลาหลายชนิด เช่น
น้ำปลาและงะปิหรอื กะปิ อาหารพม่าบางสว่ นได้รบั อิทธิพลจากอาหารจีน อาหารอินเดีย และอาหาร
ไทย โหมะน์ฮี่นก้าเป็นอาหารประจำชาติของพม่า อาหารทะเลเป็นที่นิยมตามแนวชายฝั่งเช่น ซิตเว
เจาะพยู เมาะลำเลิง มะริด และทวาย ส่วนเนื้อสัตว์และสัตว์ปีกเป็นอาหารสำคัญทางตอนบนของ
ประเทศ เช่น มัณฑะเลย์ ปลาและกุ้งน้ำจืดเป็นที่นิยมทั้งในรูปกินสดหรือทำเค็ม ตากแห้ง หมักให้
เปรี้ยว หรือบดเป็นกะปิ อาหารพม่ามีหลายรปู แบบเช่น ยำหรือสลัด อาหารจำพวกแปง้ จากขา้ ว และ
เส้นหมี่จากขา้ ว ขนมจนี เครือ่ งปรงุ นอกจากนัน้ มมี ันฝร่งั ขงิ มะเขอื เทศ ใบมะกรูด ถั่วฝักยาว ใบเมี่ยง
หรือละแพะ และกะปิ ยำมกั กนิ เป็นอาหารจานด่วนในพม่า (อมราภรณ์ วงษ์ฟกั , 2556 : ออนไลน)์
ภาพที่ 7 ขนมจนี โมฮงิ กาอาหารในประเทศพม่า (Thaifood, 2557. : ออนไลน์)
1.2.5 ประวัติความเป็นมาของอาหารประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines) อาหารฟิลิปปินส์
(ฟิลิปปินส์ : lutuing Pilipino / pagkaing Pilipino) ประกอบด้วยอาหารของกลุ่มภาษาชาติพันธุ์
วิทยาทีแ่ ตกต่างกันมากกว่าร้อยกลุ่มที่พบไดท้ ัว่ หมู่เกาะฟิลิปปนิ ส์ อย่างไรก็ตามอาหารฟิลิปปนิ ส์ส่วน
ใหญ่ที่ประกอบไปด้วยอาหารฟิลิปปินส์มาจากอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆและชนเผ่าต่างๆของหมู่
เกาะ ได้แก่ Ilocano, Pangasinan, Kapampangan , Tagalog, Bicolano, Visayan (Cebuano,
Hiligaynon และ Waray), Chavacano และ กลุ่มภาษาศาสตร์ชาติพันธุ์วิทยา Maranao รูปแบบ
การทำอาหารและอาหารที่เกี่ยวข้องมีการพัฒนามาหลายศตวรรษจากต้นกำเนิดของออสโตรนีเซียน
(แบ่งปันกบั ชาวมาเลเซยี และอนิ โดนเี ซยี อาหาร) เพ่ืออาหารผสมของอินเดีย , จีน , สเปนและอเมริกัน
อิทธิพลในแนวเดียวกันกับคลื่นที่สำคัญของอิทธพิ ลที่อุดมดว้ ยวัฒนธรรมของหมู่เกาะเช่นเดียวกับคน
อื่น ๆ ที่ปรับให้เข้ากับส่วนผสมพื้นเมืองและเพดานปากท้องถิ่น เมนูอาหารฟิลิปปินส์ที่ได้รับการคัด
8
สรรอาหารช่วงจากง่ายมากเช่นอาหารปลาทอดเค็มและข้าว, แกงปลาแกงไก่ซับซ้อนpaellasและ
cozidosแหลง่ กำเนิดของไอบีเรียสรา้ งข้นึ สำหรบั เทศกาล อาหารทน่ี ิยม ไดแ้ ก่ : Lechon (ท้ังหมูย่าง)
longganisa (ไส้กรอกฟิลิปปินส์), ปาสร้อย (เนื้อวัวหาย) torta (ไข่เจียว) adobo (ไก่หรือหมูตุ๋นใน
กระเทยี มนำ้ ส้มสายชนู ำ้ มันและซอสถว่ั เหลอื งหรอื จนสกุ dry), dinuguan (สตวู เ์ ลอื ดหมู), kaldereta
(เนื้อตุ๋นในซอสมะเขือเทศและวางตับ), mechado (เนื้อหมูในซอสถั่วเหลืองและซอสมะเขือเทศ),
pochero (เนื้อและกล้วยในซอสมะเขือเทศ), Afritada (ไก่หรือหมูและผัก เคี่ยวในซอสมะเขือเทศ),
คาเระ (หางวัวและผักปรงุ ในซอสถั่วลิสง), พินาเบท (คาโบชาสควอช, มะเขือ, ถั่ว, กระเจี๊ยบและสตูว์
มะเขือเทศปรุงรสด้วยกะปิ), พาตะกรอบ (ขาหมูทอด), ฮาโมนาโดะ (หมูหวานในซอสสับปะรด), ซินิ
กัง (เนื้อหรืออาหารทะเลในน้ำซุปรสเปรี้ยว), แพนซิต (บะหมี่) และก้อน ( ปอเปี๊ยะสดหรือทอด)
นกั วชิ าการดา้ นอาหารหลายคนต้ังข้อสังเกตวา่ อาหารฟลิ ปิ ปนิ ส์มหี ลายแงม่ มุ และเป็นตวั แทนมากที่สุด
ในโลกแห่งการทำอาหารสำหรับอาหารที่ "ตะวันออกพบตะวันตก" (ชิดพงษ์ กวีวรวุฒิ, 2556 :
ออนไลน์)
ภาพที่ 8 ซนิ ิกังอาหารในประเทศฟลิ ิปปินส์ (Central, ม.ป.ป. : ออนไลน)์
1.2.6 ประวัติความเป็นมาของอาหารประเทศมาเลเซีย (Malaysia) อาหารมาเลเซีย
เป็นอาหารทไี่ ด้รับอทิ ธิพลจากหลายวัฒนธรรมทว่ั โลก อิทธิพลหลักมาจากชาวมลายู ชาวจีน และชาว
อนิ เดยี นอกจากน้ันยงั ไดร้ ับอทิ ธพิ ลจากชาวเปอรานากันและยูเรเซีย ชาวโอรงั อสั ลี และ ชนเผ่าต่าง ๆ
ในซาราวะก์และซาบะฮ์อาหารมาเลเซียจึงมีความหลากหลายมากโดยรวมทั้งการปรุงอาหารขอ ง
มลายู จีน อินเดีย อินโดนีเซียโดยเฉพาะในเกาะบอร์เนียว และได้รับอิทธิพลในส่วนน้อยมาจากไทย
โปรตุเกส อังกฤษ อาหรับทำให้อาหารมาเลเซียมีความหลากหลายทั้งรสชาติ วิธีการ และมีความ
ซับซอ้ นมาก
9
อาหารมาเลเซยี มีลักษณะเดน่ อยูท่ ่ีการใช้สมนุ ไพร เครื่องเทศ พริก มรี สเผ็ด และมักจะใช้ผง
กะหร่ี คนในปีนงั ไมว่ า่ จะเปน็ คนอนิ เดีย คนจีนหรอื คนมาเลเซยี เองชอบทานอาหารที่มีผงกะหร่ีและไม่
มีใครปฏิเสธอาหารที่มีผงกะหรี่ สมุนไพรที่นำมาประกอบอาหารนอกจากสมุนไพรท้องถิ่นซึ่งมีอยู่
มากมาย บางครั้งยังมีการรวมสมุนไพรหลายชนิดเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีกลิ่นหอม มักใช้ในการผัดข้าว
อาหารมาเลเซยี ส่วนใหญอ่ าจจะเรียกได้วา่ เปน็ อาหารมุสลมิ เพราะไมใ่ ช้เนอ้ื หมู และไมใ่ ส่ไวน์ เนือ้ สตั ว์
ที่นิยมรับประทานกันจึงเป็นเนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแพะ เนื้อแกะ และ อาหารทะเล และภูมิภาคของ
มาเลเซีย อาหารมาเลเซียมีความคล้ายคลึงกับอาหารอินโดนีเซียโดยเฉพาะในบริเวณเกาะสุมาตรา
อาหารมาเลเซียได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน อาหารอินเดีย อาหารไทย และประเทศอื่นๆ อาหาร
มาเลเซีย หลายชนิดใส่เริมปะห์ ที่เป็นส่วนผสมของเครื่องเทศคล้ายกับผงมะสะหล่าของอินเดี ย
อาหารจะมลี ักษณะเฉพาะต่างกัน ในปนี งั จะใชผ้ งกะหรใี่ นการประกอบอาหารมาก เพราะคนส่วนใหญ่
ชอบผงกะหรี่ ขณะที่ทางตอนใต้ของประเทศจะนิยมใช้กะทิ คล้ายกับอาหารไทย โดยจะใช้กะทิกับ
อาหารเกือบทุกอย่าง ข้าว เป็นอาหารจานหลักในทุกมื้อของอาหารมาเลเซียเหมือนอาหารไทย ต่าง
กับอาหารยุโรปที่บางมื้อเป็นขนมปัง บางมื้อเป็นเนื้อ หลายคนเห็นหน้าตาอาหารมาเลเซียคล้ายกับ
อาหารอินเดีย แต่ อาหารอินเดียจะใช้กะทิเป็นส่วนผสมน้อยมาก ในอาหารมาเลเซียยังมีเครื่องจิ้ม
คลา้ ยน้ำพรกิ กะปิ เรยี กวา่ ซมั บัล (Sambal) ทำจากพริกป่น หัวหอมและน้ำมะขาม เปน็ สว่ นหนึ่งของ
สำรับอาหารของชาวมาเลเซีย นอกจากนี้ยังนิยมใช้ กะปิ ในการปรุงอาหารแทบทุกชนิดไม่ว่าจะผัด
หรอื แกง (ชดิ พงษ์ กวีวรวฒุ ิ, 2556 : ออนไลน)์
ภาพที่ 9 ซมั บัลอาหารในประเทศมาเลเซยี (Central, 2562. : ออนไลน์)
10
1.2.7 ประวัติความเป็นมาของอาหารประเทศลาว (Laos) อาหารลาว เป็นอาหารของ
ประเทศลาวและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งแตกต่างจากอาหารเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้อื่น ๆ อาหารลาวมีอิทธิพลแก่อาหารในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเป็นอย่างมาก และ
อิทธิพลของอาหารลาวก็แผ่ไปถึงประเทศกัมพูชา และภาคเหนือของไทย (ล้านนา) อาหารหลักของ
ลาวได้แก่ข้าวเหนียว ซึ่งจะรับประทานด้วยมือในความเป็นจริงชาวลาวจะรับประทานข้าวเหนียว
มากกว่ากลมุ่ ใด ๆ ในโลก ข้าวเหนยี วถอื วา่ เป็นสิ่งสำคัญที่หมายถงึ การเป็น ชาวลาว ชาวลาวหลายคน
มักเรียกตนเองว่าลูกข้าวเหนียว ซึงแปลว่า เด็ก หรือ ลูกหลานของข้าวเหนียว ข่า,ตะไคร้ และ ปลา
แดก(ปลาร้าในชื่อไทย) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในอาหารลาว อาหารลาวที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ ลาบ
โดยนำเนื้อสัตว์ที่ยังดิบผสมคลุกเข้ากับเครื่องเทศ และอาหารหลักของลาวอีกอย่างคือ ตำหมากหุ่ง
มาตำลงพรอ้ มพรกิ กระเทยี ม มะเขอื เทศ มะนาว และอ่นื ๆ ตำหมากหงุ่ หรอื ชื่อเรียกที่เป็นที่รู้จักกัน
มากคือ ส้มตำ อาหารลาวจะมีความแตกต่างกันไปตามภูมิภาคต่าง ๆ และยังคงมีอิทธิพลของอาหาร
ฝรั่งเศสซึ่งเคยเป็นเจ้าอาณานิคมหลงเหลืออยู่และยังเป็นที่นิยมในลาว โดยเฉพาะข้าวจี่ปาเต้ หรือ
ข้าวจล่ี าวท่นี ำขนมปงั ฝรัง่ เศสมายัดไส้ตา่ ง ๆ เช่น หมูยอ หมหู ยอง แจ่วบอง ผักสด ซงึ่ กแ็ ตกต่างกันไป
ตามภูมิภาค ข้าวจี่ปาเต้นี้ยังเป็นที่นิยมในประเทศแถบอินโดจีนอย่างเวียดนามและกัมพูชา
(Cookpad, 2562. : ออนไลน)์
ภาพที่ 10 ซุปไกอ่ าหารในประเทศลาว (Cookpad, 2562. : ออนไลน์)
1.2.8 ประวัติความเป็นมาของอาหารประเทศเวียดนาม (Vietnam) อาหารเวียดนามได้รับ
อิทธิพลจากจนี และฝรงั่ เศส ในส่วนอทิ ธิพลที่ไดร้ ับจากจนี นัน้ สืบเนื่องจากดินแดนแห่งนีเ้ คยอยู่ภายใต้
การปกครองของจีนเป็นเวลากว่า 1,000 ปี อาหารยอดนิยมจึงหลีกไม่พ้นก๋วยเตี๋ยว หรือ “เฝอ” ท่ี
11
ได้รับความนยิ มท่สี ดุ คือ เฝอบอ่ หรือก๋วยเตี๋ยวเนอื้ นอกจากน้ียงั มี บะหม่ี ข่าวผดั เกยี๊ ว โจก๊ ซาลาเปา
หมูหนั หมแู ดง เปด็ ย่าง ขนมเปี๊ยะ บะ๊ จ่าง ขนมไหวพ้ ระจนั ทร์ มีการใช้เครอ่ื งปรุงเคร่อื งเทศอย่างจีน
เช่น ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว ซอสฮอยซิน เต้าหู้ยี้ อบเชย โป๊ยกั๊ก ผงพะโล้ เครื่องตุ๋นยาจีน ส่วนอิทธิพลด้าน
อาหารท่ไี ดร้ ับจากฝรั่งเศสคอื บาแกต๊ หรอื ขนมปงั ฝรั่งเศส นิยมรบั ประทานกบั ตบั บด สเต็กและสตูว์
(นนั ทนา ปรมานุศิษฏ์, 2556 : ออนไลน)์
ปัจจุบนั อาหารเวยี ดนามมชี ื่อเสยี งโดง่ ดงั ไปท่ัวภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะใน
ประเทศไทย เนื่องจากบริบททางประวัติศาสตร์การเมืองของเวียดนามในช่วงปีค.ศ.1945 ก่อให้เกิด
ความผันผวนทางเศรษฐกิจการเมืองส่งผลต่อวิถีการดำรงชีวิตของประชาชนท่ามกลางการ
เปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบกษตั รยิ ไ์ ปสสู่ งั คมนยิ มคอมมวิ นสิ ตแ์ ละการต่อสูเ้ พื่อเรยี กรอ้ งเอก
ราชจากฝรั่งเศส ดังนั้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจึงมีชาวเวียดนามบางส่วนอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามา
พำนักยังประเทศไทยในจังหวัดต่างๆทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ นครพนม สกลนคร
หนองคาย มุกดาหาร อุบลราชธานี ขอนแก่น เลย กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อำนาจเจริญ ยโสธร
หนองบัวลำภู และอุดรธานี (โสภนา ศรีจำปา, 2548 : ออนไลน์) เขาเหล่านี้นำวัฒนธรรมการกินใน
รูปแบบของชาวเวียดนามเข้ามายังประเทศไทย และบางส่วนใช้อาหารเวียดนามยังสร้างอาชีพให้แก่
ตนเอง อาหารเวียดนามมีความโดดเด่นในเรื่องของวัตถุดิบคือ ผักสด ทำให้อาหารดูน่ารับประทาน
โดยเฉพาะเมนูยอดนิยมอย่างแหนมเนืองหรือแนมเหนือง นิยมรับประทานร่วมกับผัดสดนานาชนิด
สังเกตว่าน้ำจิ้มที่นำมาราดในเมนูนี้สันนิษฐานว่าน่าจะได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส เนื่องจากมีส่วนผสม
ของตับหมูและมันฝรั่ง ทั้งยังมีความเชื่อว่าอาหารเวียดนามส่วนใหญ่ที่ชาวไทยคุ้นเคยน่าจะมีรสชาติ
และวิธีการปรงุ ตามรปู แบบของเมืองเว้ ซ่งึ ต้ังอยใู่ นภาคกลางอันเปน็ ราชธานเี กา่ ของเวียดนาม
ชาวเวียดนามเป็นชนชาติที่นิยมรับประทานผักสดเป็นจำนวนมากเคียงกับอาหารแต่ละมื้อ
แม้ว่าอาหารหลกั จะเป็น ข้าวเจ้า รับประทานพร้อม กับข้าว เหมือนชาวไทย หากแต่ในทุกมื้ออาหาร
ต้องมีผักสดจำนวนมากร่วมอยู่ด้วย ถึงขั้นมีคำเปรียบเปรยว่า“หากรับประทานอาหารแล้วไม่มีผักก็
คล้ายกับว่าคนรวยแห่ศพโดยปราศจากเสียงปี่เสียงแคน กอปรกับสภาพภูมิประเทศอันอุดมสมบูรณ์
ด้วยแม่น้ำและป่าเขา เออื้ ต่อการเจริญเติบโตของพืชพันธ์ุธัญญาหารนานาชนดิ เพ่อื นำมารังสรรค์เป็น
เมนอู าหารประเภทต่างๆ ซ่ึงวตั ถดุ ิบเหลา่ น้สี ่วนใหญเ่ ปน็ ผักสดและสมนุ ไพรทอ่ี าจพบไดง้ า่ ยในครัวไทย
เช่น หอมแดง กระเทียม ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะนาว ขมิ้น กระชาย ผักกาดหอม ผักหอมห่อ ผักเรดโอก๊
กรีนโอ๊ก ชุนฉ่าย หัวปลี ถั่วงอก ผักบุ้ง โหระพา ผักชี ผักคาวตอง ผักแพว ผักชีล้อม สะระแหน่ญวน
ใบเวียดนามบาล์ม และใบชิโซะ เป็นต้น ส่วนเครื่องปรุงรสสำคัญ ได้แก่ กะปิ น้ำปลา ปลาร้า ซีอ๊ิว
12
เต้าเจี้ยว เต้าหู้ยี้ น้ำส้มสายชู น้ำตาลกรวดน้ำตาลทราย น้ำมันงา และน้ำตาลโตนด ดังนั้นวัตถุดิบที่
นำมาประกอบเป็นอาหารเวยี ดนามจึงหางา่ ยและมีอยูใ่ นพน้ื ที่
เมนูอาหารยอดนิยมของชาวเวียดนามนั้นมอี ยู่หลากชนิดเช่น เฝอ บุ๋นเซียว แบ๋ญก๋วน บุ๋นจ๋า
บุ๋นจ่าห่าโหน่ย จ่าก๋า บุ๋นบ่อเว้ แบ๋ญแส่ว กาวเหลิ่ว ก่อยหงอแซน แกญจัวก๋าล้อก บ่อลุกลัก จ่าส่อ
แหนมเนือง และขนมเบ้อื ง นอกจากนยี้ งั มี จ่า กา๋ หลา หว่อง เป็นเมนูอาหารท่ีชาวเวยี ดนามใหก้ ารยก
ย่องเปรียบเปรยเมนูนี้ว่า“ถ้ายังไม่ได้กินอย่าเพิ่งรีบตาย ถ้าไม่ได้รับประทานเมนูนี้ก่อนตายถือว่าเสีย
ชาติเกิด เนื่องจากเปน็ เมนอู าหารทอ่ี ร่อยมาก” (Cookpad, 2562. : ออนไลน์)
ภาพท่ี 11 ปอเป๊ียะอาหารในประเทศเวยี ดนาม (Cookpad, 2562. : ออนไลน)์
1.2.9. ประวัตคิ วามเปน็ มาของอาหารประเทศสิงคโปร์ (Singapore) อาหารสิงคโปร์ เป็นตัว
บ่งชี้ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในสิงคโปร์ ซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึง่ ของมาเลเซีย และได้มีปฏิสัมพันธ์
ทางวัฒนธรรมมานานนับศตวรรษ อาหารได้รับอิทธิพลจากชาวพื้นเมืองมลายู ชาวจีน อินโดนีเซีย
เปอรานากัน วัฒนธรรมตะวันตกซึ่งมาจากอังกฤษ และกลุ่มที่ได้รับอิทธิพลโปรตุเกสซึ่งเรียกชาว
คริสตัง อิทธิพลจากพื้นที่อื่นๆ เช่น ศรีลังกา ไทย ฟิลิปปินส์ และตะวันออกกลาง พบในอาหาร
พื้นเมืองเช่นกัน ในสิงคโปร์ อาหารถือเป็นสิ่งสำคัญ ในการกำหนดเอกลักษณ์ของชาติและความเปน็
หนึ่งเดียว ซึ่งในสิงคโปร์ การพบปะและรับประทานอาหารระหว่างวัฒนธรรมเป็นเรื่องปกติ อาหาร
สงิ คโปร์ได้รบั การส่งเสริมเพือ่ ดงึ ดูดนกั ท่องเทยี่ ว รัฐบาลสงิ คโปรไ์ ด้จดั เทศกาลอาหารสิงคโปร์ในเดือน
กรกฎาคมเพื่อส่งเสริมอาหารสิงคโปร์เปน็ ประเทศเล็กที่มีประชากรหนาแน่นมาก ที่ดินเป็นทรัพยากร
สำคัญที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย ผลิตภัณฑ์และเครื่องปรุงส่วนใหญ่นำเข้ามา
13
แม้ว่าจะมีกลุ่มเกษตรกรขนาดเล็กที่ปลูกผัก ผลไม้ หรือสัตว์ปีกและปลา เนื่องจากสิงคโปร์ตั้งอยู่บน
เส้นทางการค้าทีส่ ำคญั (อภริ ดี มิโดมารุ, 2557. : ออนไลน)์
ภาพท่ี 12 บักกดุ๊ เต๋อาหารในประเทศสิงคโปร์ (Cookpad, 2562. : ออนไลน)์
1.2.10. ประวัติความเป็นมาของอาหารประเทศอินโดนีเซีย (Indonesia) อาหารอินโดนีเซีย
(อินโดนีเซีย: Masakan Indonesia) เป็นอาหารทีมีความหลากหลายทางด้านรูปลักษณ์และสีสัน
เพราะประกอบด้วยประชากรจากเกาะต่าง ๆ ที่มีคนอยู่อาศัยประมาณ 6,000 เกาะจากทั้งหมด
18,000 เกาะ มีอาหารเฉพาะถิ่นจำนวนมาก และได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศ ทำให้อาหาร
อินโดนีเซียมีความหลากหลายตามพื้นที่และมีอิทธิพลจากต่างชาติที่หลากหลาย อินโดนีเซียมีความ
เกี่ยวข้องกับเส้นทางการค้ามาแต่อดตี มีเทคนิคและส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์ และได้รับอิทธิพลจาก
อินเดีย ตะวันออกกลาง จีน และท้ายที่สดุ คือยุโรป พ่อค้าชาวสเปนและโปรตเุ กสได้นำผลิตภณั ฑจ์ าก
โลกใหม่เข้ามากอ่ นที่ชาวดัตช์จะเขา้ มายึดครองหมู่เกาะเกือบทั้งหมดเปน็ อาณานิคม หมู่เกาะโมลุกกะ
หรือมาลูกูของอินโดนีเซียได้รับสมญาว่าหมู่เกาะเครื่องเทศ ซึ่งเป็นแหล่งของเครื่องเทศ เช่น กานพลู
จันทน์เทศ วิธีการปรุงอาหารหลัก ๆ ของอินโดนีเซียได้แก่ ผัด ย่าง ทอด ต้ม และนึ่ง อาหาร
อินโดนีเซียที่เป็นที่นิยมได้แก่ นาซีโกเร็งหรือข้าวผัด กาโดกาโด สะเต๊ะ และโซโตซึ่งเป็นอาหารที่มี
ลกั ษณะเฉพาะและถือเป็นอาหารประจำชาติ
อาหารสุมาตราได้รับอิทธิพลจากอาหารตะวันออกกลางและอาหารอินเดีย โดยเฉพาะแกง
เน้อื และผักเช่นกไู ลและการี ในขณะทอ่ี าหารชวามลี ักษณะเป็นท้องถน่ิ มากกว่า อาหารของอินโดนเี ซยี
ตะวนั ออกคล้ายกับอาหารพอลนิ ีเซียและเมลานีเซีย มีบางสว่ นท่ีได้รับอิทธพิ ลจากอาหารจีน เชน่ บักมี
หรือเส้นหม่ี บักโซ (ลูกชิ้นปลาหรือเนื้อ) และลุมเปียหรือเปาะเปี๊ยะอาหารหลายชนิดท่ีมีจุดกำเนิดใน
14
อินโดนีเซียได้กลายเป็นอาหารที่แพร่หลายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาหารอินโดนีเซีย เช่น
สะเต๊ะ เรินดังเนื้อ ซัมบัล เป็นที่นิยมในมาเลเซียและสิงคโปร์ อาหารที่ทำจากถ่ัวเหลือง เช่น เต้าหู้
เตม็ เป กเ็ ปน็ ท่ีนยิ มดว้ ย เตม็ เปน้นั ถอื วา่ มจี ดุ กำเนดิ ในชวา (อภิรดี มโิ ดมาร,ุ 2557. : ออนไลน์)
ภาพที่ 13 ราวอนอาหารในประเทศอนิ โดนเี ซีย (Cookpad, 2561. : ออนไลน์)
15
บทท่ี 2
วฒั นธรรมการรับประทานอาหาร
2.1 วฒั นธรรมการรบั ประทานอาหาร
วัฒนธรรมอาหารเป็นธรรมเนียม ประเพณีและวิธีการ ต่าง ๆ ที่คนในชุมชน หรือสังคมหน่ึง
ยึดถือปฏิบัติกนมาในเรื่องเกี่ยวกบอาหารทุกข้ันตอน ตั้งแต่การ กาหนดว่าสิ่งใดในธรรมชาติที่มนุษย์
จะน่ามากินเป็นอาหารได้การปรุงแตง่ วิธีการกิน ตลอดจน กฎระเบียบขอ้ ปฏิบัติ และความเชอ่ื ต่าง ๆ
ของสังคม ซึ่งถือว่าเป็นวัฒนธรรมด้านอาหาร ของแต่ละ ชุมชนหรือท้องถิ่น โดยการกินอาหารของ
มนุษย์เกิดขึ้นจากความรู้สึกหิว มนุษย์จะเลือกกินอาหารที่ตนเองเคยชินก่อน เพราะถ้าเป็นอาหารท่ี
ไม่คุ้นเคยจะท าให้มนุษย์เกิดความกังวล เพราะเกรงกลัวว่าสิ่งที่ตนเองกินอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ดังนั้นการที่มนุษย์เลือกกินอาหารที่ตนเองคุ้นเคยและไม่แน่ใจกบอาหารที่ตนเองไม่คุ้นเคย แสดงให้
เห็นวา ความรู้เกี่ยวกับอาหารไม่ใช่สัญชาติญาณอัตโนมัติตามธรรมชาติ นอกจากนี้ในแต่ละสังคม
ผ้ใู หญ่คอยสอนและแนะนำใหเ้ ยาวชนร่นุ หลงั รู้ว่าขนบธรรมเนยี มประเพณใี นชุมชนของตนเองกำหนด
ไว้การถ่ายทอดเกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า แบบแผนการบริโภคไม่ใช่
สัญชาตญาณ แต่เกิดขึ้นจากการสั่งสอนจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง (อภิรดี มิโดมารุ, 2557. :
ออนไลน์)
2.1.1 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศกัมพูชา นิยมการนั่งล้อมวงรับประทาน
อาหารแบบพื้นบ้าน กัมพูชานิยมใช้มือในการรับประทานเป็นหลัก แต่ในบางพื้นที่ก็ใช้ช้อน-ส้อมใน
การรับประทานอาหาร (Amir, 2554. : ออนไลน์)
ภาพที่ 14 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศกมั พูชา (Central, ม.ป.ป. : ออนไลน์)
16
2.1.2 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศไทย นิยมรับประทานอาหารแบบนั่งล้อมวง
ในมื้อเย็นรับประทานทั้งบนโต๊ะอาหารและบนพื้น นิยมใช้ช้อน-ส้อม ในการรับประทานอาหารเป็น
หลัก โดยขึน้ อยู่กับเมนูเป็นหลัก บางเมนกู ใ็ ช้มือในการรับประทานอาหาร ซงึ่ บางภาคของประเทศไทย
กน็ ิยมให้มือในการรบั ประทานอาหาร เนอ่ื งจากเมนอู าหารเป็นลกั ษณะแห้ง (อภิรดี มโิ ดมารุ, 2557. :
ออนไลน)์
ภาพท่ี 15 วฒั นธรรมการรบั ประทานอาหารประเทศไทย (Central, 2552. : ออนไลน)์
2.1.3 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศบรูไน นิยมใช้ตะเกียบกับช้อนในการ
รับประทานอาหารเปน็ หลัก เนอ่ื งจากอาหารของบรูไนหัน่ ในลักษณะเป็นแทง่ และมีชิ้นขนาดใหญ่ จึง
ตอ้ งใชต้ ะเกยี บในการรบั ประทาน (Priceza, 2560. : ออนไลน์)
ภาพท่ี 16 วฒั นธรรมการรับประทานอาหารประเทศบรไู น (Thaihome, 2552. : ออนไลน์)
17
2.1.4 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศพม่า นิยมกินอาหารแบบล้อมวง โดยใช้โต๊ะ
ขนาดเลก็ หรือบนเสือ่ ไมไ้ ผ่ อาหารหนงึ่ มอื้ ประกอบดว้ ยขา้ ว แกงปลาน้ำจืด ปลาเค็มหรือปลาแหง้ แกง
เนื้อหรอื สัตว์ปีก ซุปใสหรือซุปเปรย้ี ว จะตักอาหารใหผ้ ู้สงู อายุในวงกอ่ น ปกติกนิ ด้วยตะเกียบโดยได้รบั
อทิ ธิพลจากประเทศจีน ซงึ่ ชาวพม่านยิ มใช้ตะเกยี บมาก ตะเกียบทชี่ าวพม่าใชจ้ ะเรยี กว่า ตู ใช้สำหรับ
กินอาหารปกติและอาหารประเภทเส้น หรือไมก่ ็จะใชช้ ้อน ส้อมเพื่อความสะดวกรวดเร็ว และกินด้วย
มือสำหรับผลไม้และผัก สว่ นเครื่องดื่มทีน่ ยิ มเป็นชาทัง้ แบบร้อนและเยน็ (Kaidee, 2561. : ออนไลน์)
ภาพที่ 17 วฒั นธรรมการรบั ประทานอาหารประเทศพม่า (Central, 2550. : ออนไลน)์
2.1.5 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งแตกต่างจากชาวเอเชียชาว
ฟิลิปปินส์ที่ไม่กินตะเกียบ วิธีการแบบดั้งเดิมของการรับประทานอาหารด้วยมือ , อาหารแห้ง
โดยเฉพาะอย่างย่งิ เชน่ inihaw หรือ prito นกั ชมิ จะตกั อาหารจานหลกั จากนนั้ กินข้าวกดพร้อมกับนิ้ว
ของเขา วิธีปฏิบัตินี้เรียกว่าคามายาน (โดยใช้มือซ้ายที่ล้างแล้วในการหยิบอาหารจากส่วนกลางและ
มอื ขวาสำหรับนำอาหารเข้าปาก) แทบจะไม่พบเหน็ ไดใ้ นพ้ืนท่ีทเ่ี ป็นเมอื ง อย่างไรก็ตามชาวฟิลิปปินส์
มักจะรู้สึกถึงจิตวิญญาณของคามายันเมื่อรบั ประทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติระหว่างการเดินทาง
นอกเมืองวันหยุดพักผ่อนที่ชายหาดและงานร่นื เริงในเมือง
การเปลี่ยนแปลงวิธีการรับประทานอาหารในช่วงที่สเปนยึดครองซึ่งได้รับอิทธิพลจาก
ตะวันตกชาวฟลิ ปิ ปินสร์ ับประทานอาหารดว้ ยชอ้ นและส้อมทจี่ บั คกู่ นั ไม่มกี ารใช้มดี เหมือนในประเทศ
อื่น ๆ เนื่องจากสเปนห้ามไม่ให้มีมีด ชาวฟิลิปปินส์ใช้ด้านข้างของช้อนในการหั่นอาหารเนื่องจาก
อิทธิพลของตะวนั ตกจึงมักรับประทานอาหารโดยใชช้ ้อนสอ้ มมีดชอ้ น แต่การจับคู่เคร่ืองใชห้ ลกั ที่ใช้ใน
โต๊ะอาหารของชาวฟิลปิ ปนิ ส์คือชอ้ นและสอ้ มไม่ใช่มีดและชอ้ น (Priceza, 2560. : ออนไลน์)
18
ภาพท่ี 18 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศฟิลิปปินส์ (Thaihome, 2550. : ออนไลน)์
2.1.6 วัฒนธรรมการรบั ประทานอาหารประเทศมาเลเซีย โดยปกติครอบครัวชาวมาเลย์นิยม
รับประทานด้วยมือเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทานอาหารที่ห่อด้วยใบตอง การใช้มือจะให้
ความรู้สกึ วา่ อาหารอรอ่ ยเป็นพิเศษ และควรใช้มือขา้ งขวาในการรบั ประทานอาหารเสมอ เพราะถอื วา่
มอื ซ้ายใชส้ ำหรับสขุ อนามัยส่วนบุคคล ควรล้างมอื ก่อนรบั ประทานอาหารทกุ ครง้ั ควรใช้ช้อนและส้อม
เมื่อออกไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารเนื่องจากชาวมาเลย์จะใช้ช้อนและส้อมเฉพาะเมื่อออกไป
รับประทานอาหารท่ีรา้ นอาหารหรือนอกชมุ ชนชองชาวมาเลยเ์ ท่าน้นั (Matichon, 2557. : ออนไลน)์
ภาพท่ี 19 วฒั นธรรมการรับประทานอาหารประเทศมาเลเซีย (Thaihome, 2552. : ออนไลน)์
19
2.1.7 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศลาว นิยมการนั่งล้อมวงรับประทานอาหาร
กันบนเสื่อหรือสาด มี "พาข้าว" ลักษณะคล้ายโตกตั้งอยู่กลางวง ในพาข้าวมีกับข้าวซึ่งส่วนใหญ่เป็น
ของแห้ง เช่น ปลาร้า ปลาปิ้ง น้ำพริก และผักพื้นบ้าน ควรเรียนรู้การรับประทานอาหารด้วยมือ ถ้า
ต้องการเขา้ ใจถึงวัฒนธรรมทอ้ งถิ่นในการรับประทานอาหาร ควรใช้วิธีการเดียวกับเจ้าของบ้าน หาก
ใช้มือเปิบอาหารต้องล้างมือให้สะอาดและควรใช้มือขวาในการเปิบเท่านั้น (Sukkaphap, 2558. :
ออนไลน)์
ภาพที่ 20 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศลาว (Thaihome, 2552. : ออนไลน์)
2.1.8 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศเวียดนาม นิยมการนั่งล้อมวงรับประทาน
อาหารบนโตะ๊ อาหาร เวียดนามรับวัฒนธรรมการกนิ อาหารเส้น กินอาหารแยกข้าวกับกับ ใช้ตะเกยี บ
ในการรับประทานอาหารเป็นหลัก เพราะเวียดนามนิยมรับประทานเส้น ส่วนอาหารประเภทน้ำซุป
นยิ มตักใสถ่ ว้ ยสว่ นตัวแล้วยกดมื่ (Priceza, 2560. : ออนไลน)์
ภาพท่ี 21 วฒั นธรรมการรับประทานอาหารประเทศเวียดนาม (Central, 2550. : ออนไลน)์
20
2.1.9 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศสิงคโปร์ นิยมการนั่งล้อมวงรับประทาน
อาหารบนโต๊ะอาหาร สิงคโปร์ช้อน-ส้อมในการรับประทานเป็นหลัก ซึ่งในการรับประทานอาหารของ
สิงคโปร์ต้องมีน้ำซุปในการรับประทานด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการรับประทานอาหาร (Amir, 2559. :
ออนไลน)์
ภาพท่ี 22 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศสงิ คโปร์ (Central, 2560. : ออนไลน)์
2.1.10 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเทศอินโดนีเซีย การรับประทานอาหารแบบ
อินโดนเี ซยี จะใช้ช้อนในมอื ขวาและส้อมในมอื ซ้าย แต่ในบางพน้ื ทเี่ ช่น ชวาตะวนั ตก สมุ าตราตะวันตก
นิยมใช้มือ ในภัตตาคารที่ใช้มือรับประทานเช่นอาหารทะเล ภัตตาคารซุนดาและมีนังกาเบาหรอื ชวา
ตะวนั ออกจะมีชามใสน่ ำ้ สำหรบั ลา้ งมอื การใชต้ ะเกียบพบในภตั ตาคารทข่ี ายอาหารจนี เช่น กว๋ ยเตี๋ยว
ต่าง ๆ (Sgethai, 2560. : ออนไลน)์
ภาพท่ี 23 วัฒนธรรมการรบั ประทานอาหารประเทศอินโดนเี ซยี (Thaihome, 2552. : ออนไลน)์
21
บทท่ี 3
ส่วนประกอบของอาหารทั้ง 10 ประเทศ
3.1 ประเภทวตั ถดุ บิ
3.1.1 ประเภทแป้ง
3.1.1.1 วตั ถดุ บิ ประเภทแป้งของประเทศกมั พชู า แปง้ ที่นยิ มมากมาใชใ้ นการในการ
ประกอบอาหาร ไดแ้ ก่ แปง้ ถว่ั กาละแป แปง้ ถั่วลกู ไก่ แป้งมันสำปะหลัง และแป้งขา้ วเจา้ นำมาทำเป็น
เสน้ ก๋วยเตีย๋ ว ของหวานเมนูตา่ ง ๆ
ภาพท่ี 24 แป้งถั่วกาละแปในประเทศกัมพูชา (Thaihome, 2562. : ออนไลน์)
3.1.1.2 วตั ถดุ บิ ประเภทแป้งของประเทศไทย แป้งที่นยิ มมากมาใช้ในการประกอบ
อาหาร ได้แก่ แป้งข้าวเหนียว, แป้งมันสำปะหลัง, แป้งข้าวโพด, แป้งถั่วเขยี ว, แป้งท้าวยายมอ่ ม และ
แปง้ ข้าวเจา้ นำมาทำได้ท้ังเมนูขนมไทย และอาหารไทย (Wikipedia, 2560. : ออนไลน)์
ภาพท่ี 25 แป้งข้าวเจ้าในประเทศไทย (Thaihome, 2552. : ออนไลน์)
22
3.1.1.3 วตั ถุดบิ ประเภทแปง้ ของประเทศบรไู น แป้งท่ีนยิ มมากนำมาใชก้ ารประกอบ
อาหารคือแป้งสาคู นำมาทำเมนูอัมบูยัต ซึ่งจัดเป็นอาหารประจำชาติประจำประเทศบรูไน และกูวิห์
เปินยารมั (Kuih penyaram) ขนมพื้นเมอื งของชาวบรูไน พบได้ทั่วไปตามทอ้ งตลาด ทำจากแป้งข้าว
เจ้า แป้งสาลีเอนกประสงค์ และกะทิ นำไปทอดใหเ้ ปน็ แผ่นกลมรบั ประทานกบั นำ้ เชอ่ื ทีท่ ำจากน้ำตาล
ปาล์ม (Wikipedia, 2556. : ออนไลน์)
ภาพที่ 26 แปง้ สาคใู นประเทศบรไู น (Thaihome, 2552. : ออนไลน์)
3.1.1.4 วัตถุดบิ ประเภทแป้งของประเทศพมา่ แปง้ ที่นิยมนำมาใช้การประกอบอาหารอาหาร
ได้แก่ จำพวกแป้งจากข้าว แป้งถั่วพม่า และนำมาทำเป็นเส้นหมี่จากข้าว (Wikipedia, 2550. :
ออนไลน)์
ภาพที่ 27 แป้งถว่ั พม่าในประเทศพม่า (Priceza, 2552. : ออนไลน)์
23
3.1.1.5 วัตถดุ ิบประเภทแปง้ ของประเทศฟลิ ปิ ปินส์ แป้งท่นี ิยมนำมาใช้การประกอบ
อาหารอาหาร ได้แก่ แป้งสาลีอเนกประสงค์, แป้งถั่วเขียว, แป้งขนมปัง และนำมาทำเป็นขนมตาม
เทศกาล (Kaidee, 2560. : ออนไลน)์
ภาพท่ี 28 แปง้ สาลีในประเทศฟิลปิ ปนิ ส์ (Maifeelgood, 2552. : ออนไลน)์
3.1.1.6 วัตถุดิบประเภทแป้งของประเทศมาเลเซีย แป้งที่นิยมนำมาใชก้ ารประกอบ
อาหารอาหาร ไดแ้ ก่ แป้งสาลี ขนมปงั ขาวสไตลต์ ะวนั ตก ขนมปงั อนิ เดีย และโรตคี านาอิเป็นอาหารท่ี
พบไดท้ ่ัวไปในอาหารมาเลเซีย (Wikipedia, 2560. : ออนไลน)์
ภาพที่ 29 แป้งสาลีในประเทศมาเลเซีย (Pigmenth, 2552. : ออนไลน์)
24
3.1.1.7 วัตถุดิบประเภทแป้งของประเทศลาว แป้งที่นิยมนำมาใช้การประกอบ
อาหารอาหาร ได้แก่ แป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งมันสำปะหลัง เป็นหลัก นำมาประกอบอาหาร
ประเภท เสน้ ก๋วยเตีย๋ ว (Wikipedia, 2562. : ออนไลน)์
ภาพท่ี 30 แปง้ สาลีในประเทศมาเลเซีย (Maifeelgood, 2564. : ออนไลน์)
3.1.1.8 วัตถดุ บิ ประเภทแป้งของประเทศเวียดนาม แปง้ ทนี่ ิยมนำมาใชก้ ารประกอบ
อาหารอาหาร ได้แก่ เเป้งเวียดนาม และแป้งญวน นำมาใช้ทำเมนูปอเปี๊ยะเวียดนามทอด ต๊อกบกกี
จากแป้งญวน (Pigmenth, 2563. : ออนไลน)์
ภาพท่ี 31 แป้งเวยี ดนามในประเทศเวียดนาม (Pigmenth, 2563. : ออนไลน์)
25
3.1.1.9 วัตถุดิบประเภทแป้งของประเทศสิงคโปร์ แป้งที่นิยมนำมาใช้การประกอบ
อาหารอาหาร ไดแ้ ก่ แปง้ สาลี นำมาใชท้ ำเมนขู นมครกสิงคโปร์ (Maichon, 2559. : ออนไลน์)
ภาพที่ 32 แปง้ สาลใี นประเทศสิงคโปร์ (Wongnai, 2563. : ออนไลน)์
3.1.1.10 วตั ถดุ ิบประเภทแปง้ ของประเทศอนิ โดนีเซีย แปง้ ท่ีนยิ มนำมาใช้การ
ประกอบอาหารอาหาร ได้แก่ แป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า แป้งจากถั่วเขียว นำมาใช้ทำเมนูขนมต่าง ๆ
(Pigmenth, 2558. : ออนไลน์)
ภาพที่ 33 แปง้ มันสำปะหลงั ในประเทศอนิ โดนีเซยี (Matichon, 2563. : ออนไลน)์
26
3.1.2 ประเภทเนื้อสัตว์
3.1.1.1 วตั ถุดบิ ประเภทเน้อื สัตว์ของประเทศกัมพชู า เนอ้ื สตั ว์ทนี่ ยิ มนำมาประกอบ
อาหาร ประเภทปลา ปลาน้ำจดื เปน็ เน้ือสตั วท์ ่ีสำคญั ในอาหารกัมพูชาทั้งในรปู ปลาร้า ปลาแห้ง อาหาร
ที่มีชื่อเสียงของกัมพูชาคืออาม็อก ปรุงจากปลาดุกนึ่งกับเคร่ืองแกงและกะทิ ปลาตัวเล็กทอดกรอบ
เป็นอาหารที่นิยมรับประทานโดยทั่วไป นอกจากปลาแล้ว หมูหรือไก่ก็เป็นเนื้อสัตว์ที่นิยมในกัมพูชา
โดยทั่วไป เช่นเดยี วกับเวียดนาม อาหารมังสวริ ัติ นิยมรับประทานในหมู่ชาวพุทธทีเ่ ครง่ ครดั ประเภท
เนือ้ เนอื้ หมูเป็นทีน่ ยิ มในการทำไส้กรอกเขมรท่เี รียกตวาโก เนอ้ื ววั และเน้อื ไก่นิยมไปต้ม ย่าง หรือผัด
อาหารทะเลท่ีนิยมคอื หอย กุ้ง หมึก กุ้งมังกรไมเ่ ป็นที่นยิ มเพราะราคาแพง แต่จะมีขายท่สี หี นุวลิ ล์ให้
ชาวเขมรท่มี ีฐานะดี เป็ดอบแบบจนี เป็นทีน่ ิยมในชว่ งเทศกาล มกี ารรบั ประทานกบ เตา่ และแมลงบา้ ง
แต่ไม่มากนกั (Wikipedia, 2561. : ออนไลน์)
3.1.1.2 วัตถุดบิ ประเภทเนอื้ สตั วข์ องประเทศไทย เนอ้ื หมู เปน็ เนือ้ สัตว์ท่คี นไทยและ
ยังเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะส่วนที่เป็น “เนื้อสันใน” เป็นเนื้อส่วนที่มีมันแทรกน้อย
ที่สุด จึงมีปริมาณไขมันน้อย ให้โปรตีนสูง และยังมีวิตามินบี 1, วิตามินเอ, ฟอสฟอรัส และไนอาซีน
เหมาะกับทุกสภาพร่างกาย แต่ถ้าเป็น “เนื้อสันนอก” หรือเนื้อส่วนอื่นๆ จะมีปริมาณไขมันมากกว่า
สันในหลายเทา่ จึงไมเ่ หมาะกบั ผู้ท่ีกำลังควบคมุ น้ำหนัก หรือผู้ทีป่ ่วยเปน็ โรคอ้วน หรือโรคทีเ่ กี่ยวข้อง
กบั ไขมนั ได้แก่
1. เนื้อไก่ จัดเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีมาก มีไขมันน้อย (ถ้าไม่ทานส่วนหนัง)
ส่วนของเนื้อไก่ที่ดีท่ีสุดคือ “เนื้อส่วนอก” เป็นเนื้อที่มีสารอาหารประเภทโปรตีนสูงมาก และมีไขมัน
เพียงร้อยละ 8.2 เท่าน้นั เหมาะกบั ผู้ทตี่ อ้ งการเสริมสรา้ งกล้ามเนือ้ ในร่างกาย ผทู้ ่ีต้องการลดไขมันใน
ร่างกาย และส่วนที่ไมค่ วรรับประทานคือ “เนื้อส่วนคอ” เนื่องจากมผี ลการวจิ ยั ออกมาว่าเป็นบริเวณ
ที่พบสารตกค้างมากที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไก่ ไม่เหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเก๊าท์ โดยเฉพาะบริเวณปีก
หรอื เอน็ ขอ้ ต่าง ๆ จะมกี รดยูริคอยสู่ งู
2. เนอื้ ปลา เนื้อสัตว์ที่ข้นึ ชอ่ื ว่า Healthy ท่ีสุด มีโปรตนี คุณภาพชนิดที่ย่อย
ง่าย มีไขมันดีที่เรียกว่า “โอเมก้า 3” อยู่สูงมาก และยังมีวิตามินแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายอีก
หลากหลายชนิด เป็นเนื้อสัตว์ที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย แต่ควรเลือกทานปลาที่สด สะอาด ถูก
สุขอนามัย
3. เน้ือวัว เน้อื วัวมีหลายสดั ส่วนให้เลอื กทาน โดยความอร่อยและความนุม่ ก็
แตกต่างกนั ออกไป เนื้อวัวสว่ นมากจะมโี ปรตนี รอ้ ยละ 20 ของนำ้ หนักทัง้ หมด และจะมีไขมนั แทรกอยู่
27
มาก โดยเฉพาะเนื้อวัวโคขุน หรือเนื้อวัวที่มีลักษณะเป็นลายหินอ่อนสวยๆ ที่คนนิยมทานกัน
เนื้อววั ไม่เหมาะกับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผูท้ ี่มปี ัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เพราะเนื้อววั จะยอ่ ยยาก
กว่าเนือ้ สตั ว์ชนดิ อ่นื (Wikipedia, 2563. : ออนไลน์)
3.1.1.3 วัตถุดิบประเภทเนื้อสัตว์ของประเทศบรูไน ชาวบรูไนนิยมรับประทาน เน้ือ
วัว เนอ้ื ไก่ และเนือ้ แพะ มากกว่าอาหารทะเล สง่ิ สำคัญทส่ี ุดคือชาวบรูไนไม่บรโิ ภคหมแู ละแอลกอฮอล์
เนอื่ งจากเปน็ ส่ิงต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม ดังนัน้ การนำแอลกอฮอลเ์ ข้าประเทศจึงมีกฎเกณฑ์ท่ี
เข้มงวดมาก หากนำเข้ามาต้องแจ้งให้ศุลกากรทราบ โดยอนุญาตให้ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมนำเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์เข้าประเทศได้ไม่เกินครั้งละ 2 ขวด และเบียร์ไม่เกิน 12 กระป๋อง ต่อการเดินทางเข้า
ประเทศ 1 ครั้ง ทั้งนี้เป็นการบริโภคส่วนบุคคลเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะได้รับโทษตามกฎหมาย
(Wikipedia, 2559. : ออนไลน)์
3.1.1.4 วัตถุดิบประเภทเนื้อสัตว์ของประเทศพม่า อาหารทะเลเป็นที่นิยมตามแนว
ชายฝั่งเช่น ซิตเว เจาะพยู เมาะลำเลิง มะริด และทวาย ส่วนเนื้อสัตว์และสัตว์ปีกเป็นอาหารสำคัญ
ทางตอนบนของประเทศ เช่น มณั ฑะเลย์ ปลาและกงุ้ น้ำจืดเป็นท่ีนยิ มทง้ั ในรูปกนิ สดหรือทำเค็ม ตาก
แหง้ หมักให้เปรยี้ ว หรอื บดเป็นกะปิ (Wikipedia, 2559. : ออนไลน์)
3.1.1.5 วัตถุดิบประเภทเนื้อสัตว์ของประเทศฟิลิปปินส์ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มี
การบริโภคเนื้อไก่ เนื้อหมู และเนื้อวัวสูงมาก เนื่องจากประชากรจำนวนมากนิยมบริโภคเนื้อสัตว์
โดยเฉพาะเนื้อไก่และหมูโดยนิยมรับประทานกับข้าวเป็นอาหารหลัก ทั้งนี้ การผลิตเ นื้อสัตว์
(ไก่ หมู และโคเน้อื ) ในประเทศยงั ไมเ่ พยี งพอกบั การบริโภค และความสามารถในการแข่งขันกบั สนิ ค้า
นำเข้าจากต่างประเทศยังอยู่ในระดบั ต่ำ แต่การนำเข้าสนิ ค้าปศุสัตว์เข้ามาในฟลิ ิปปินส์มีความย่งุ ยาก
เน่ืองจากความเขม้ งวดในการตรวจรบั รองมาตรฐานด้านสุขอนามัย พรอ้ มท้งั รัฐบาลมีนโยบายปกป้อง
และอุดหนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในประเทศให้สามารถแข่งขันทางด้านราคากับสินค้านำเข้า
ผู้ประกอบการรายใหญ่จากต่างประเทศจึงเลือกที่จะเข้าสู่ตลาดฟิลิปปินส์ โดยการเข้าไปลงทุนใน
กจิ การเลีย้ งไก่ สกุ ร และโคเนื้อในฟลิ ปิ ปนิ ส์ (Wongnai, 2553. : ออนไลน์)
3.1.1.6 วัตถุดิบประเภทเนื้อสัตว์ของประเทศมาเลเซีย มาเลเซียนิยมรับประทาน
สัตว์ปีกดำเนินการด้วยมาตรฐานฮาลาล เนื้อวัวไม่พบในอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารอินเดีย
เนื่องจากอทิ ธิพลของศาสนาฮนิ ดูและศาสนาพุทธ แต่เป็นทีน่ ยิ มในอาหารมุสลมิ ใช้ทำตม้ แกง หรืออบ
และเนือ้ ววั นตี้ อ้ งเป็นไปตามมาตรฐานฮาลาล เนอื้ หมจู ะบรโิ ภคในกลมุ่ ท่ไี มใ่ ช่มสุ ลมิ ไดแ้ ก่ชาวมาเลเซยี
เชื้อสายจีน และชนพ้นื เมืองเชน่ ชาวอีบนั ชาวกาดาซนั ชาวโอรังอสั ลี เน้อื แพะมคี วามสำคญั ในอาหาร
มลายูมากกว่าเนอ้ื แกะ เป็นทนี่ ยิ มในอาหารมลายูทีไ่ ดร้ ับอทิ ธพิ ลจากอาหารอินเดีย
28
3.1.1.7 วัตถุดิบประเภทเนือ้ สัตว์ของประเทศลาวประเทศลาวนิยมนำ ปลา ไก่ สุกร
โคเนื้อ และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์มาเป็นส่วนประกอบของอาหาร จึงเป็นโอกาส ของผู้ประกอบการ
อุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย อาทิ อาหารสดจากสัตว์ อาหารแปรรูปและผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์
นอกจากนีส้ ามารถใช้ลาวเป็นฐานการกระจายสินคา้ ไปยังจนี ตอนใต้ (Wongnai, 2561. : ออนไลน)์
3.1.1.8 วัตถุดิบประเภทเนื้อสัตว์ของประเทศเวียดนาม ประเทศเวียดนามบริโภค
เนื้อหมูมากถึง 31 กิโลกรัมต่อคนต่อปี และมีจำนวนสุกร 43 ล้านตัว แต่การเพาะเลี้ยงสุกรของ
เวยี ดนาม ส่วนใหญ่จะเพาะเลยี้ งแบบหลงั บา้ นมากถึงร้อยละ 80 (Wikipedia, 2563. : ออนไลน์)
3.1.1.9 วัตถุดิบประเภทเนื้อสัตว์ของประเทศสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์นิยมบริโภค
เนื้อไก่เทียม เนอ่ื งจากมีประโยชนแ์ ละดีต่อสขุ ภาพ (Wikipedia, 2563. : ออนไลน์)
3.1.1.10 วัตถุดิบประเภทเนื้อสัตว์ของประเทศอินโดนีเซีย นิยมบริโภคเนื้อวัวและ
เนื้อแพะพบได้ทั่วไปโดยเนื้อควายและเนื้อแกะมีผู้บริโภคน้อยกว่า ในอินโดนีเซียมุสลมิ ไม่บริโภคเนือ้
หมู แต่ในพื้นที่ที่ไม่มีมุสลิม หมูถือเป็นอาหารสำคัญ เช่นในบาหลี สุมาตราเหนือ ซูลาเวซีเหนือ นูซา
เติงการาตะวันออก โมลกุ กะ ปาปวั ปาปัวตะวันตก และย่านชาวจีน (Wongnai, 2553. : ออนไลน์)
3.1.3 ประเภทผัก
3.1.1.1 วตั ถุดบิ ประเภทผกั ของประเทศกมั พชู า ผกั สว่ นใหญท่ ี่ใช้ในอาหารกัมพชู ามี
ลักษณะเดียวกับอาหารจีน ผักหลายชนิด เช่น มะระ บวบ ผักบุ้ง และถั่วฝักยาวจะพบในซุปและสตู
ฟักทอง กะหล่ำปลี ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ ขิง นิยมนำมาใช้ผัด ซึ่งในภาษาเขมรเรียก ชา หัวปลีจะ
นำมาหน่ั และใสใ่ นอาหารต่าง ๆ เชน่ กินกับขนมจนี
3.1.1.2 วตั ถดุ ิบประเภทผกั ของประเทศไทย ผักเศรษฐกิจของประเทศไทย การปลกู
และบริโภคในประเทศไทยมีหลายชนิดด้วยกนั ดงั น้ี
1. ผักกินใบและลำต้น ได้แก่ หอมแบ่ง ขึ้นฉ่าย หน่อไม้ฝรั่ง ผักกาดขาว
ผักกาดเขยี วปลี ผักกาดหอม กะหลำ่ ปลี ผักกวางตุ้ง ผักคะนา้ กะหลำ่ ปม ผกั โขม ตังโอ๋ ผักชี ผกั ชีลาว
ผักบุ้งจีน หนอ่ ไม้ ถว่ั งอก ถวั่ หวั โต กุยช่าย ใบกระเทยี ม แมงลกั กะเพรา โหระพา
2. ผักกินผล ได้แก่ กระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบแดง พริก มะเขือม่วง มะเขือ
ยาว มะเขอื เปราะ มะเขอื พวง มะเขือเทศ ขา้ วโพดฝักออ่ น แตงกวา แตงโมอ่อน ฟกั แฟง บวบ มะระ
น้ำเต้า ฟักทอง มะละกอดิบ ขนุนอ่อน สะตอ กระถิน ลูกเนียง มะนาว มะกรูด มะอึก ถั่วฝักยาว
ถ่วั แขก ถัว่ ลันเตา ถั่วเหลือง
29
3. ผักกินราก ได้แก่ หัวผักกาด แครอท หัวบีท มันแกว มันเทศ
มนั สำปะหลัง กระชาย
4. ผักกินส่วนของลำต้นใต้ดิน ได้แก่ หอมหัวใหญ่ หอมแดง กระเทียม มัน
ฝรง่ั ขิง ข่า มันฝรั่ง เผือก
5. ผกั กนิ สว่ นของดอกและช่อดอก ไดแ้ ก่ กะหลำ่ ปลี บรอ็ คโคลี แค กุยช่าย
หอม ขจร หวั ปลี ข้ีเหลก็ โสน
3.1.1.3 วตั ถดุ ิบประเภทผกั ของประเทศบรไู น ผักบุ้ง ผักโขม ใบมะละกอ ถ่ัวฝกั ยาว
3.1.1.4 วัตถุดิบประเภทผักของประเทศพม่า น้ำเต้า พริก กระเจี๊ยบแดง สะเดา
กระเจีย๊ บมอญ หน่อไม้
3.1.1.5 วัตถุดิบประเภทผักของประเทศฟิลิปปินส์ ผักบุ้ง ผักกาด ผักกวางตุ้ง ใบ
มะขามอ่อน ข้าวโพด ถว่ั ฝักยาว
3.1.1.6 วัตถุดิบประเภทผักของประเทศมาเลเซีย สะตอ ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง พริก
มะเขอื เทศ กระเจ๊ียบเขียว และผกั แพว
3.1.1.7 วัตถุดิบประเภทผักของประเทศลาว ยอดหวาย หน่อไม้ หน่อแย้ หน่อบุ่น
หน่อขา่ เป็นตน้ ส่วนท่รี ับประทานหัวและรากน้ัน มผี ักกาดหวั มนั ด้าง มนั เพา เผอื ก และกอยเป็นต้น
ส่วนที่เขารับประทานดอกและผลนั้นก็มี ดอกแค ดอกขมกระเดา ดอกนุ่นป่า ประเภทที่รับประทาน
ผลมี ถั่วฝักยาว ถว่ั ลนั เตา ถัว่ แปบ มะเขือ หมากแตง หมากอือ มะเขอื เทศ เป็นตน้
3.1.1.8 วัตถดุ บิ ประเภทผักของประเทศเวียดนาม โหระพา หงอ่ ไก๊ ชโิ ซะเวียดนาม
หลาโหลด พลคู าว สะเดาดนิ ต้นหอมจีน ตะไคร้ ผกั กาดหอม ผกั สลัด
3.1.1.9 วัตถุดบิ ประเภทผักของประเทศสงิ คโปร์ กาดใบเขยี ว คะนา้ ผกั กาดขาว ผกั
สลดั และผกั กวางตุ้ง
3.1.1.10 วัตถุดิบประเภทผักของประเทศอินโดนีเซีย มีผักกินใบหลายชนิดที่ใช้ใน
อาหารอนิ โดนีเซยี เชน่ ผักบงุ้ ผักโขม ใบมะละกอ ใบมนั สำปะหลงั นิยมนำมาต้มกบั กระเทียม ผักโขม
และข้าวโพดนิยมใส่ในซุปใส ซายูร์บายัม ผักชนิดอื่นเช่น ฟักแม้ว ถั่วฝักยาว มะเขือ นิยมหั่นและผัด
ใส่ในแกงและซุป เช่น ซายูร์อาซัม, ซายูร์โลเดะฮ์, ลักซา ซายูร์เป็นซุปใสที่ใส่กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก
มันฝรั่ง แคร์รอต มักกะโรนี ปรุงรสด้วยพริกไทย กระเทียมและหัวหอม น้ำซุปทำจากเนื้อวัวหรือเน้ือ
ไก่ หรือนำส่วนผสมของผักเหล่านี้มาผัดเข้าด้วยกัน ได้รับอิทธิพลจากจีน เช่น ถั่วพู มะเขือเทศ
แตงกวา มะระขน้ี ก นยิ มรบั ประทานดบิ เชน่ ในลาลบั มะระจนี นยิ มเอาไปตม้ (อภริ ดี มโิ ดมารุ, 2557.
: ออนไลน)์
30
3.1.4 ประเภทเครอ่ื งเทศ/เครื่องปรงุ
3.1.1.1 วตั ถุดิบประเภทเครือ่ งเทศ/เคร่ืองปรงุ ของประเทศกมั พูชา เชื่อวา่ โปรตุเกส
นำพริกเข้ามายังกัมพูชาเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 21 พริกไม่ได้เป็นส่วนประกอบในอาหารที่สำคัญใน
อาหารกมั พชู าเพราะนยิ มใช้พริกไทยมากกวา่ ชาวกัมพชู าใช้กระวานเปน็ ยาและปรุงซปุ หญา้ ฝรัน่ และ
ขมิ้น พบมากในจังหวัดพระตะบอง และเป็นส่วนผสมหลักในผงกะหรี่ และใช้ปรุงรสซุป เช่น สัมลอร์
มะจู ใช้ในการปรงุ ยาพื้นบ้าน โดยเฉพาะโรคผิวหนัง นอกจากนี้ เครื่องเทศอน่ื ๆ ท่พี บมาก ได้แก่ ขิง
ข่า ตะไคร้ และใบมะกรดู
ภาพท่ี 34 หญ้าฝร่ันเครอื่ งเทศหลักในประเทศกมั พูชา (Matichon, 2563. : ออนไลน์)
3.1.1.2 วัตถดุ บิ ประเภทเครอ่ื งเทศ/เคร่อื งปรงุ ของประเทศไทย เครอื่ งเทศ เปน็ หนง่ึ
ในวัตถุดิบที่ได้รับอิทธิพลจากชาวอินเดีย ซึ่งอพยพโยกย้ายเข้ามาตั้งหลักแหล่งในประเทศไทย แต่
สำหรับเครื่องเทศที่นำมาใช้ในการปรุงอาหารไทยจะแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือเครื่องเทศสดที่ให้
น้ำมันหอมระเหยขณะกำลังสด และเครื่องเทศแห้งที่จะให้น้ำมันหอมระเหยเมื่อแห้งถ้าเรานำ
เครือ่ งเทศแห้งไปค่วั เช่น ลูกกระวาน ก้านพลู ผงขมน้ิ เป็นต้น (โสภนา ศรจี ำปา, 2548 : ออนไลน)์
ภาพท่ี 35 เครื่องเทศในประเทศไทย (Wongnai, 2560. : ออนไลน)์
31
3.1.1.3 วตั ถุดิบประเภทเครอื่ งเทศ/เครอื่ งปรงุ ของประเทศบรูไน อาหารบรไู นมกี ล่ิน
อายของอาหารมาเลย์และอาหารอินโดนีเซียอยู่มาก ใช้ขมิ้นเป็นส่วนผสมหลักเกือบทุกเมนู ด้วยเป็น
เพราะภูมิประเทศที่ใกล้เคยี งกัน มีคนเชอ้ื สายเดยี วกัน นบั ถือศาสนาและมคี วามเชอื่ ร่วมกันในหลายๆ
ด้าน อาหารบรูไนจึงมีความคล้ายคลึงกันทั้งในด้านกรรมวิธีการปรุง เครื่องเทศ ส่วนผสมต่างๆ ยัง
เรยี กชื่อเดียวกนั
ภาพที่ 36 ขมนิ้ เครอื่ งเทศหลกั ในประเทศบรูไน (Amir, 2559. : ออนไลน์)
3.1.1.4 วัตถุดิบประเภทเครื่องเทศ/เครื่องปรุงของประเทศพม่า การใช้เครื่องเทศ
ประกอบอาหารของพม่า เป็นอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่ได้รับจากอินเดีย เครื่องเทศที่นิยมใช้ มัก
ประกอบไปดว้ ย ผงกะหร่ี มะสะหลา่ น้ำมนั เนย นำ้ มนั ถ่ัวลสิ ง เป็นต้น เมนูอาหารยอดนยิ มได้แก่ ข้าว
หมกไก่ ข้าวหมกแพะ ซาโมซา แกงตา่ ง ๆ รบั ประทานค่กู บั โรตี จาปาตี และนาน
ภาพที่ 37 ผงกะหรเี่ ครื่องเทศหลกั ในประเทศพม่า (Amir, 2559. : ออนไลน)์
32
3.1.1.5 วัตถุดิบประเภทเครื่องเทศ/เครื่องปรุงของประเทศฟิลิปปินส์ การปรุง
อาหารโดยใช้อบเชย โป๊ยก๊ัก กระเทยี มและหัวหอม ใบพริกใชป้ รงุ อาหารให้ไดส้ ีเขยี ว
ภาพที่ 38 อบเชยเครอื่ งเทศหลักในประเทศพม่า (Sanook, 2563. : ออนไลน์)
3.1.1.6 วัตถุดิบประเภทเครื่องเทศ/เครื่องปรุงของประเทศมาเลเซีย อาหารมาเลย์
ปรุงจากวัตถุดิบนานาชนิด ได้แก่ ผงขิง ขมิ้น ข่า พริก หอม กระเทียม ใบมะกรูด ใบชะพลู ผักแพว
สะตอ ใบเหมียง ยอดมะม่วงหิมพานต์
ภาพที่ 39 ผงขงิ เครอื่ งเทศหลกั ในประเทศมาเลเซยี (Sanook, 2563. : ออนไลน)์
3.1.1.7 วตั ถดุ บิ ประเภทเคร่ืองเทศ/เครอ่ื งปรุงของประเทศลาว ใช้พรกิ ไทยขาวเปน็
หลัก ไมน่ ิยมใชน้ ำ้ ตาลในการปรงุ อาหาร ใชแ้ ต่น้ำปลารา้ นำ้ ปลา หรือเกลือเป็นเครื่องปรุงรส
ภาพท่ี 40 ปลารา้ เคร่ืองปรุงหลกั ในประเทศลาว (Sgethai, 2553. : ออนไลน)์
33
3.1.1.8 วัตถุดิบประเภทเคร่ืองเทศ/เครื่องปรุงของประเทศเวียดนาม ใช้พริกไทยดำ
เป็นเครื่องเทศหลัก แต่เวียดนามจะไม่ใช้เครื่องเทศในการปรุงรสอาหารเยอะจะเน้นจานผัก คล้าย
อาหารจนี หมกั ดว้ ยตะไครแ้ ละผักนานาเพอ่ื สุขภาพ
ภาพที่ 41 พรกิ ไทยดำเครือ่ งเทศหลกั ในประเทศเวียดนาม (Sukkaphap, 2563. : ออนไลน)์
3.1.1.9 วัตถุดิบประเภทเครื่องเทศ/เครื่องปรุงของประเทศสิงคโปร์ สิงคโปร์จะเนน้
แคน่ ่งึ กับต้ม ไมป่ รุงรสอาหารจดั และใช้เครื่องเทศนอ้ ยใช้พริกไทยพริกไทยขาว ปรงุ รสใช้แคเ่ กลอื
ภาพท่ี 42 พริกไทยขาวเครอื่ งเทศหลักในประเทศสงิ คโปร์ (Phapka, 2561. : ออนไลน)์
3.1.1.10 วัตถุดบิ ประเภทเครื่องเทศ/เครื่องปรุงของประเทศอินโดนเี ซีย อินโดนีเซีย
เปน็ แหลง่ ผลิตเครื่องเทศท่สี ำคญั แต่โบราณ ราชอาณาจักรซนุ ดาซงึ่ ตอ่ มากลายเป็นสลุ ตา่ นแหง่ บันเตน
มีชื่อเสียงในการส่งออกพริกไทยดำ การค้าทางทะเลของศรีวิชัยและมัชปาหิตได้กำไรจากเครื่องเทศ
ระหว่างจีนและอินเดียมาก ต่อมา บริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์เข้ามาควบคุมการค้า
เครื่องเทศของอินโดนีเซีย ซีอิ๊วเป็นเครื่องปรุงรสที่สำคัญในอาหารอินโดนีเซีย เกอจับอาซินเป็นซีอิ๊ว
แบบหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากซีอิ๊วแบบจีน และได้พัฒนาซีอิ๊วหวานหรือเกอ เติมน้ำตาลมะพร้าวลงใน
34
ซีอว๊ิ ซีอวิ๊ หวานนี้เป็นส่วนผสมสำคญั ในเน้อื ยา่ งและปลาย่าง สะเต๊ะ และเป็นส่วนผสมสำคัญในเซอมูร์
ซึ่งเป็นแกงแบบอนิ โดนเี ซีย (คณศิ ร ตันเฮง, 2551 : ออนไลน)์
ภาพท่ี 43 ซอี ิ๊วหวานเคร่อื งปรงุ หลกั ในประเทศอินโดนเี ซยี (Kaidee, 2563. : ออนไลน์)
35
บทที่ 4
สตู รและวิธีทำของอาหารทัง้ 10 ประเทศ
4.1 สูตรและขั้นตอนในการประกอบอาหารท้งั 10 ประเทศ
4.1.1 ขั้นตอนการประกอบอาหารประเทศกัมพูชา (Cambodia) อาม็อก (Amok) เป็น
อาหารคาวประจำชาตอิ ยา่ งหนงึ่ ของกัมพชู า มีลักษณะคล้ายห่อหมกของไทย โดยเปน็ การนำเน้ือปลา
สด ๆ ลวก พรกิ เครอ่ื งแกงและกะทิ นอกจากนี้ยงั เพ่มิ ใบยอและกระชายเป็นส่วนผสมทำใหส้ กุ โดยการ
นำไปนึ่ง ซึ่งนอกจากจะใช้เนื้อปลาแล้ว อาจเลือกใช้เนื้อไก่ เนื้อวัว หรือหอย แทนก็ได้ เป็นอาหารท่ี
นิยมรับประทานในเทศกาลสงกรานต์ ส่วนสาเหตุที่คนในประเทศกัมพูชานิยมรับประทานปลา
เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของกัมพชู ามแี หล่งน้ำอดุ มสมบรู ณ์
ภาพท่ี 44 อามอ็ กอาหารประจำชาตกิ มั พชู า (ธญั ญาภา อบสุวรรณ, 2560. : ออนไลน)์
ส่วนผสมอามอ็ ก - กะทิสด
- ไข่ไก่ - ใบยอ
- พริกแกง - พริก
- ปลานำ้ จืด - เกลอื
- ใบมะกรดู หน่ั ฝอย - กระทงสมี่ มุ
- น้ำตาล - หอมซอย
- ข้าวสวย
- กระชายขาว
36
วิธที ำอาม็อก
1. นำพรกิ แกง กะทิ และไขไ่ ก่ คนใหเ้ ข้ากัน
2. ใส่เครื่องปรุงรส (พรกิ ,ใบมะกรดู หน่ั ฝอย,เกลอื ,น้ำตาล) ลงในภาชนะผสมแลว้ คนให้เขา้ กัน
3. ใสเ่ นอื้ ปลาน้ำจืดหนั่ เป็นชนิ้ พอคำลงไปผสม
4. นำใบยอใสล่ งทกี่ ระทงสี่มมุ ที่เตรยี มไว้
5. ตักสว่ นผสมที่เขา้ กนั ดแี ลว้ ลงในกระทง น่ึงดว้ ยความร้อน 90-100 องศาเซลเซียส
ประมาณ 10 นาที หรอื จนสกุ
6. ตกแต่งโดยราดหวั กะททิ ่เี คยี วสกุ และพรกิ แดงให้สวยงาม
7. เสริ ์ฟพรอ้ มขา้ วสวยรอ้ น โรยดว้ ยหอมซอย (ธญั ญาภา อบสุวรรณ, 2560. : ออนไลน)์
37
4.1.2 ขั้นตอนการประกอบอาหารประเทศไทย (Thailand) ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong)
เป็นอาหารคาวที่เหมาะสำหรับรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ กลิ่นหอมของสมุนไพรที่เป็น
ส่วนประกอบในตม้ ยำกุ้ง นอกจากจะทำใหร้ ู้สกึ สดช่ืนแล้ว ยังช่วยกระตุน้ การเจรญิ อาหารได้เป็นอย่าง
ดี และเนือ่ งจากต้มยำกุ้งเปน็ อาหารที่มีรสเปรี้ยว และเผ็ดเป็นหลัก ทำให้รับประทานแล้วไม่เล่ียน จึง
ทำใหต้ ้มยำกงุ้ เป็นอาหารทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มในทั่วทกุ ภาคของประเทศไทย
ภาพที่ 45 ตม้ ยำก้งุ อาหารประจำชาติไทย (ธญั ญาภา อบสวุ รรณ, 2560. : ออนไลน์)
สว่ นผสมต้มยำก้งุ - เหด็ ฟาง
- กุ้งขนาดกลาง - ใบมะกรูด
- ตะไคร้ - นำ้ ปลา
- เกลือ - พริกข้หี นู
- นำ้ มะนาว - ผกั ชหี ัน่ หยาบ
- น้ำสะอาด
วิธที ำต้มยำกุ้ง
1. ปลอกเปลือกกุง้ ออก ผา่ หลงั กงุ้ เอาเส้นสดี ำออก
2. ผ่าเหด็ ฟางออกเป็น 4 ส่วน นำไปผง่ึ ให้แห้ง
3. ใส่น้ำเปล่าลงหม้อตั้งไฟ ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด และกุ้ง เมื่อกุ้งเริ่มเป็นสีชมพูใส่เห็ดฟางใส่
เกลือ
4. ปรุงรสตามชอบด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และพริกขี้หนู ถ้าต้องการความเข้มข้น ใช้กะทิ
หรือนม แทนน้ำ หากต้องการเพิ่มสีสันใส่นำพริกเผา ปรุงรสให้จัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ดนำ (ธัญญาภา อบ
สวุ รรณ, 2560. : ออนไลน์)
38
4.1.3 ข้นั ตอนการประกอบอาหารประเทศบรไู น (Brunei Darussalam) อมั บูยตั (Ambuyat
)เป็นอาหารยอดนิยมของบรูไน มีลักษณะเด่นอยู่ที่ตัวแป้งจะเหนียวข้นคล้ายข้าวต้ม หรือโจ๊ก โดยมี
แปง้ สาคูเป็นสว่ นผสมหลัก ตัวแป้งอัมบูยัตเอง ไมม่ ีรสชาติ แต่ความอรอ่ ยจะอยู่ท่ีการจิ้มกับซอสผลไม้
ทีม่ รี สเปรยี้ ว นอกจากน้ยี งั มเี คร่อื งเคียงอกี 2-3 ชนิด เช่น ผกั สด เนอื้ หอ่ ใบตองยา่ งหรอื เนอ้ื ทอด ท้ังน้ี
การรบั ประทานอมั บยู ตั ใหไ้ ดร้ สชาติ ตอ้ งรบั ประทานตอนรอ้ น ๆ
ภาพที่ 46 อมั บูยัตอาหารประจำชาติบรูไน (ธญั ญาภา อบสวุ รรณ, 2560. : ออนไลน)์
สว่ นผสมอมั บยู ัต
- แปง้ สาคู - ปลาสีขาว
- หอมแดง - กระเทียม
- ขมิ้นสดโขลกหยาบ - ขิง
- พริกตา - ตะไคร้บด
- มะขามแหง้ - เกลือ
- น้ำมนั พืช - หอมแดง
- กระเทียมโขลก - กงุ้
- พริกแดง (หน่ั ) สำหรบั การตกแตง่
วิธที ำอมั บูยัต
1. วิธที ำแป้งผสมนำ้ รอ้ นกบั แปง้ สาคู 4 ถว้ ยนำ้ นาน 10 นาทีแล้วจงึ เทน้ำส่วนเกินทงิ้
2. ทำความสะอาดปลาและหน่ั เป็นชนิ้ นำสว่ นผสมอน่ื ๆ ผัดเขา้ ด้วยกนั และนำปลามา
คลุกเคล้าจนสุก
3. วิธที ำเครอ่ื งเคยี ง ผัดสว่ นผสมทีโ่ ขลกอย่างดีในน้ำมนั ทรี่ อ้ นจนหอมเพม่ิ เกลอื น้ำ ตกแต่ง
ดว้ ยพรกิ แดง (ธญั ญาภา อบสุวรรณ, 2560. : ออนไลน)์
39
4.1.4 ข้ันตอนการประกอบอาหารประเทศพมา่ (Myanmar) หล่าเพ็ด (Lahpet) เป็นอาหาร
ยอดนิยมของพม่าโดยการนำใบชาหมักมาทานกบั เคร่ืองเคียง เชน่ กระเทียมเจียว ถัว่ ชนิดต่าง ๆ งาค่ัว
กุ้งแห้ง ขิง มะพร้าวคั่ว เรียกได้ว่า มีลักษณะคล้ายคลึงกับเมี่ยงคำของประเทศไทยซึ่งหล่าเพ็ดนี้ จะ
เป็นเมนอู าหารท่ขี าดไม่ได้ในโอกาสพเิ ศษหรอื เทศกาลสำคญั ๆ ของประเทศพมา่ โดยกลา่ วกันวา่ หาก
งานเล้ียง หรืองานเฉลมิ ฉลองใด ไมม่ ีหลา่ เพด็ จะถือวา่ การนนั้ เปน็ งานท่ขี าดความสมบูรณไ์ ปเลย
ภาพที่ 47 หล่าเพด็ อาหารประจำชาติพมา่ (ธญั ญาภา อบสวุ รรณ, 2560. : ออนไลน์)
ส่วนผสมหล่าเพ็ด
- กงุ้ แห้ง - มะมว่ งหิมพานต์
- ใบชะพลู - งาขาว
- ถั่วเหลอื ง - ขงิ
- หอมแดง - มะขามเปยี ก
- น้ำตาลทรายขาว
วธิ ที ำหลา่ เพ็ด
1. คว่ั มะมว่ งหิมพานต์ดบิ ประมาณ 7-8 นาที
2. คว่ั กงุ้ แห้งประมาณ 5 นาที
3. ลา้ งใบชะพลแู ละเดด็ ให้ติดกา้ นใบ
4. ค่ัวงาขาวเนอ้ื กระโหลดมะพรา้ วหนั่ ฝอย และถัว่ เหลอื งให้พอกรอบ
5. ตม้ นำ้ ตาลกับนำ้ มะขามเปยี กให้ข้นพอประมาณ
6. ควั่ หอมแดงดว้ ยไฟอ่อน ๆ ประมาณ 5 นาที
7. ใช้ใบชะพลู ห่อส่วนผสมต่าง ๆ เข้าด้วยกันและราดด้วยน้ำเชื่อมผสมหัวหอมแดงและ
กระเทียมเจยี ว (ธญั ญาภา อบสุวรรณ, 2560. : ออนไลน์)
40
4.1.5 ขั้นตอนการประกอบอาหารประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines) อโดโบ้ (Adobo) เป็น
อาหารยอดนยิ มของประเทศฟลิ ิปปินส์ ทำจากเนอื้ หมู หรือเนื้อไก่ ทผ่ี ่านการหมัก และปรุงรส โดยจะ
ใส่น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วขาว กระเทียมสับ ใบกระวาน พริกไทยดำ นำไปทำให้สุกโดยอบในเตาอบ หรือ
ทอด แลว้ นำมารบั ประทานกบั ขา้ วสวยร้อน ๆ อโดโบ้สามารถเกบ็ ไว้ไดน้ านเป็นการถนอมอาหารได้อกี
วธิ ีหน่งึ
ภาพที่ 48 อโดโบ้อาหารประจำชาตฟิ ลิ ปิ ปนิ ส์ (ธญั ญาภา อบสุวรรณ, 2560. : ออนไลน)์
สว่ นผสมอโดโบ้ - สะโพกไก่
- นำ้ มนั รำข้าว - นำ้ สม้ สายชู
- ซีอวิ้ ขาว - กระเทยี มบุบ
- หอมหัวใหญ่สบั - เมด็ พริกไทยขาว
- ใบกระวาน - นำ้ ตาลทราย
- ขิง
วิธีทำอโดโบ้
1. ใส่น้ำมันรำข้าวลงในกระทะ พอรอ้ นดี กน็ ำไก่ลงไปจ่ีให้ดา้ นนอกสุกเลก็ นอ้ ย
2. เติมซีอิ้วขาว น้ำส้มสายชู น้ำเปล่า หอมใหญ่สับ กระเทียม ใบกระวาน พริกไทยขาว และ
ขิงลงไป เค่ยี วประมาณ 30 นาที จนไก่นุม่ และน้ำลดลง
3. ตัดรสด้วยน้ำตาลทรายเล็กน้อย ก่อนยกออกจากความร้อน เสิร์ฟรับประทานกับข้าว
(ธญั ญาภา อบสวุ รรณ, 2560. : ออนไลน)์
41
4.1.6 ขนั้ ตอนการประกอบอาหารประเทศมาเลเซยี (Malaysia) นาซิ เลอมกั (Nasi Lemak)
อาหารยอดนิยมของประเทศมาเลเซีย โดยนาซิ เลอมัก จะเป็นขา้ วหุงกับกะทิ และใบเตย ทานพร้อม
เครือ่ งเคยี ง 4 อย่าง ไดแ้ ก่ ปลากะตักทอดกรอบ แตงกวาหน่ั ไข่ต้มสกุ และถ่วั อบ ซงึ่ นาซิ เลอมกั แบบ
ดั้งเดิมจะหอ่ ดว้ ยใบตอง และมักทานเป็นอาหารเชา้ แต่ในปจั จบุ นั กลายเปน็ อาหารยอดนิยมที่ทานได้
ทกุ มอื้ และแพรห่ ลายในประเทศเพ่ือนบา้ นอกี หลายแหง่ เชน่ สิงคโปร์ และภาคใต้ของไทยดว้ ย
ภาพท่ี 49 นาซิเลอมักอาหารประจำชาติมาเลเซยี (ธญั ญาภา อบสวุ รรณ, 2560. : ออนไลน์)
สว่ นผสมนาซเิ ลอมัก - นำ้ พรกิ แกงกะหรี่
- น่องไก่ - น้ำมันรำขา้ ว
- กะทิ - กระเทยี ม
- หอมใหญ่ - เกลือ
- หอมแดง - น้ำมะขามเปียก
- นำ้ ตาลทราย
เคร่อื งเคยี ง - แตงกวา
- ไข่ดาวหรือไข่ต้ม - ปลาไส้ตันหรือปลากระตกั ทอดกรอบ
- ถ่วั (อบหรอื ทอด)
วิธที ำนาซเิ ลอมกั
1. หงุ ขา้ วมันด้วยน้ำกะทิ ใส่เกลอื ขงิ ซอย
2. ทำแกงไก่ โดยใสน่ ำ้ มันในกระทะให้รอ้ น ผดั หอมใหญ่ กระเทียม หอมแดงจนสกุ ใสน่ ้ำพรกิ
แกงกะหรี่ผัดจนหอม ใส่กระทิคนให้เข้ากัน ใส่น่องไก่ พอสุกปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล น้ำ
มะขามเปยี กเคีย่ วต่อประมาณ 15 นาที
3. ตักข้าวมันใส่จาน ตักแกงไก่ใส่ข้างๆ จัดวางเครื่องเคียง (ธัญญาภา อบสุวรรณ, 2560. :
ออนไลน)์
42
4.1.7 ขน้ั ตอนการประกอบอาหารประเทศลาว (Laos) สลัดหลวงพระบาง (Luang Prabang
Salad) เปน็ อาหารข้ึนชอื่ อกี ชนิดหนึง่ เนื่องจากมรี สชาตกิ ลาง ๆ ทำให้รบั ประทานได้ทง้ั ชาวตะวนั ออก
และตะวันตก โดยส่วนประกอบสำคัญคือ ผักน้ำ ซึ่งเป็นผักป่าที่ขึ้นตามริมธารน้ำไหล และยังมี
ส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น มันแกว แตงกวา มะเขือเทศ ไข่ต้ม ผักกาดหอม และหมูสับลวกสุก ส่วนวธิ ี
ปรุงรสคือ ราดด้วยน้ำสลัดชนิดใส คลุกส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว
และถว่ั ลสิ งคว่ั
ภาพท่ี 50 สลดั หลวงพระบางอาหารประจำชาตลิ าว (ธญั ญาภา อบสวุ รรณ, 2560. : ออนไลน์
ส่วนผสมสำหรับน้ำสลัด - น้ำรอ้ น
- ไข่แดงตม้ สุก
- นำ้ ตาลทราย - นำ้ ปลา
วิธีทำนำ้ สลดั
1. นำ้ มะนาวเขียวหรือจากมะนาวเหลอื ง
2. ละลายน้ำตาลทรายด้วยนำ้ รอ้ น จากนน้ั บ้ไี ขแ่ ดงให้แหลกรวมกับนำ้ เชือ่ ม
3. ปรุงรสด้วยนำ้ ปลาและน้ำมะนาวเขยี ว ปรับรสไดต้ ามชอบ
ส่วนประกอบสำหรบั สลดั - หมสู บั รวนกบั นำ้ มันพชื จนสกุ
- ไข่ตม้
- หอมแดงเจียว - กระเทียมเจยี ว
- ถ่ัวลสิ งค่ัวบดพอแหลก - ผกั กาดหอม
- ผกั กาดแกว้ - ผกั นำ้ หรือ Watercress เดด็ เอายอด
- มะเขอื เทศทอ้ - แตงกวา ฝานเปน็ แผ่นบาง